สรุปผลการศึกษา ผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จ.น่าน และ จ.เชียงใหม่

Page 1

สรุปผลการศึกษา “ผลกระทบทางสังคม และสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน ประเทศไทย กรณีศึกษาจากพืน้ ที่จังหวัดน่าน และเชียงใหม่” วิจัยโดย บริษัท ป่าสาละ จากัด

จัดทาโดย องค์การอ็อกแฟม ประเทศไทย สิงหาคม 2561


ความเป็นมาของการวิจัย แม่น้ำน่ำนมีต้นน้ำอยู่บนเทือกเขำหลวงพระบำง ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตแดนประเทศลำวกับจังหวัดน่ำน เป็นหนึ่งในสี่ของ แม่น้ำสำขำที่ไหลลงแม่น้ำเจ้ำพระยำอันเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของที่รำบภำคกลำงของประเทศไทย แม่น้ำ น่ำนน้ำน้ำมำสมทบ ประมำณร้อยละ 45 ของปริมำณน้ำทังหมดในแม่น้ำ เจ้ำพระยำ ลุ่มน้ำน่ำนมีอำณำบริเวณประมำณ 57,947 ตำรำงกิโลเมตร ครอบคลุมพืนที่ 5 จังหวัดทำงภำคเหนือตอนบนของประเทศ ได้แก่ น่ำน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และพิจิตร กำรใช้ที่ดิน ในทำงที่ไม่ยั่งยืนที่ก่อผลกระทบต่อระบบนิเวศของลุ่มน้ำ ย่อมจะส่งผลต่อเนื่องต่อกำรท้ำมำหำกินของประชำกรที่อำศัยอยู่ทำง ปลำยน้ำ เมื่อไม่นำนมำนี ปรำกฎกำรณ์หนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อควำมยั่งยืนของลุ่มน้ำน่ำนคือ กำรขยำยตัวอย่ำงรวดเร็วของกำรปลูก ข้ำวโพดส้ำหรับเลียงสัตว์ ซึ่งเป็นสำเหตุให้มีกำรแผ้วถำงที่ป่ำเพิ่มขึนอย่ำงรวดเร็ว อัตรำกำรท้ำลำยป่ำเพิ่มสูงขึนอย่ำงรวดเร็วเมื่อ ควำมต้องกำรอำหำรสัตว์เพิ่มขึนและรำคำข้ำวโพดได้รับกำรประกัน ในช่วงสี่ปีที่ผ่ำนมำ กำรขยำยพืนที่ปลูกข้ำวโพดอย่ำงเดียวได้ ท้ำลำยพืนที่ป่ำไป 500,000 ไร่ (ประมำณ 200,000 เอเคอร์) ยังผลให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงกำรใช้ที่ดินไปในทำงที่ท้ำลำย และเกิด ควำมเสื่อมโทรมของพืนที่ลุ่มน้ำย่อย กำรท้ำลำยป่ำเช่นนี มิเพียงแต่จะลดทอนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพที่ส้ำคัญยิ่งยวดต่อกำร ด้ำรงชีวิตของชำวน่ำน และประชำชนที่อยู่ท้ำยน้ำเท่ำนัน แต่ยังก่อเหตุดิน ถล่มกว้ำงขวำงหลำยแห่ง เกิดกำรสูญเสียหน้ำดินที่มีค่ำ และลดปริมำณน้ำท่ำ รวมทังก่อมลภำวะต่อสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยเป็นแหล่งส่งออกเนือไก่ที่ติดอันดับหนึ่งในห้ำประเทศที่ส่งออกปริมำณสูงสุดของโลก และมีอุตสำหกรรม อำหำรสัตว์ขนำดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หลังจำกตกเป็น เป้ำของกำรวิพำกษ์วิจำรณ์ เป็นเวลำหลำยปีในฐำนะผู้อยู่เบืองหลัง ปัญหำสิ่งแวดล้อมต่ำงๆ รวมทังหมอกควันอันตรำยในภำคเหนือที่มำจำกกำรเผำที่ไร่ก่อนกำรเพำะปลูกฤดูต่อไป บรรดำผู้ผลิตรำย ใหญ่ในอุตสำหกรรมอำหำรสัตว์ได้พยำยำมทดลองรูปแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะกู้ชื่อเสียงของตนคืน มำ และช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูก ข้ำวโพดในเขตพืนที่คุ้มครองได้เปลี่ยนผ่ำนไปปลูกพืชชนิดอื่น นอกจำกกำรริเริ่มของบริษัทเองแล้ว หลำยองค์กร รวมทังเอ็นจีโอ โครงกำรพัฒนำในพระรำชด้ำริ และสหกรณ์กำรเกษตร ก็ได้ท้ำกำรทดลองด้ำเนินกำรโครงกำรท้ำกำรเกษตรที่ไม่ใช่ข้ำวโพดส้ำหรับ พืนที่สูงในภำคเหนือ จนถึงปํจจุบันยังไม่มีกำรรวบรวมประเภทของโครงกำรดังกล่ำว และประเมินสภำพกำรด้ำรงชีวิตและสภำพ สิ่งแวดล้อมของเกษตรกรหลังจำกเข้ำร่วมโครงกำร และหลังจำกกำรที่หลำยบริษัทได้ประกำศปรับเปลี่ยนนโยบำยกำรรับซือของตน องค์กำรอ็อกแฟม ประเทศไทยได้เริ่มกำรเจรจำกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไทย และเป็นผู้ส่งออกเนือไก่แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สดุ ในโลก เพื่อให้น้ำวิธีกำรวัดผลกระทบด้ำนควำมยำกจน (Poverty Footprint) มำใช้ในกำรประเมินห่วงโซ่อุปทำนของตน ซึ่งขณะนียังคงอยู่ในขันตอนของกำรเจรจำกำรศึกษำ แม้กำรศึกษำผลกระทบด้ำนควำม ยำกจนจะยังไม่ได้เริ่ม องค์กำรอ็อกแฟมประเทศไทยเห็นว่ำมีควำมจ้ำเป็นที่จะต้องท้ำกำรประเมินผลกระทบทำงสังคมและสิ่งแวดล้อม จำกโครงกำร “กำรเปลี่ยนผ่ำนกำรปลูกข้ำวโพด (post-maize transition)” ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทที่ส้ำคัญอื่นๆ ได้ริเริ่ม ด้ำเนินกำร และพยำยำมค้ำนวณผลกระทบเชิงปริมำณออกมำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งผลกระทบต่อกำรด้ำรงชีวิตของเกษตรกรรำยย่อย และสภำวะหมอกควัน เพื่อที่จะได้เข้ำใจประสิทธิผลและลักษณะของควำมริเริ่มดังกล่ำวได้ดีขึน เพื่อที่จะสร้ำงปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสำธำรณชน ผู้ซึ่งห่วงใยเรื่องของหมอกควันที่เกิดขึนประจ้ำมำกกว่ำเรื่องของควำมเหลื่อม ล้ำ จะมี กำรจัดตังเว็ปไซต์ โดย GISTDA ที่ จะสื่อสำรข้อ มูลที่ มีอยู่เกี่ยวกับต้ำแหน่งที่ มีกำรเผำตอซัง (“จุดควำมร้อน หรือ hot


spots” ที่แสดงพืนที่ไฟใหม้ในที่ไร่ที่ใช้ปลูกข้ำวโพด) และเชื่อมโยงข้อมูลนันกับผลลัพธ์ที่ได้จำกกำรวิจัยเพื่อประเมินโครงกำรครังนี เพื่อที่จะดึงดูดควำมสนใจสำธำรณะ

วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. เพื่อประเมิน และค้ำนวณเป็นปริมำณเท่ำที่จะท้ำได้ ผลกระทบด้ำนสังคมและสิ่งแวดล้อมของโครงกำร “กำรเปลี่ยนผ่ำน กำรปลูกข้ำวโพด” ต่ำงๆ (ได้แก่โครงกำรที่มุ่งหมำยจะโน้มน้ำวให้เกษตรกรเลิกปลูกข้ำวโพด) ในสองพืนที่ คือ อ้ำเภอหนึ่ง ในจังหวัดน่ำน และอีกอ้ำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ 2. เพื่อวิเครำะห์ผลกระทบจำกกำรเปลี่ยนแปลงนโยบำยของรัฐบำลและของบริษัทผู้น้ำด้ำนอำหำรสัตว์ ที่มีต่อเกษตรกรรำย ย่อยในจังหวัดน่ำนและเชียงใหม่

ระเบียบวิธีวิจัย และข้อจากัด ส้ำหรับงำนวิจัยครังนี ทีมวิจัยพยำยำมประเมินผลกระทบที่เกิดขึนระหว่ำงปี 2557-2560 ของ “โครงกำรกำรเปลี่ยนผ่ำน กำรปลูกข้ำวโพด” ซึ่งหมำยถึงโครงกำรที่มุ่งจะช่วยให้เกษตรกรสำมำรถเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ไม่ใช่ข้ำวโพด ดังที่ได้อธิบำยไว้ข้ำงต้น เรำเลือกจังหวัดน่ำนและเชียงใหม่ส้ำหรับกำรวิจัย โดยมุ่งเน้นโครงกำรที่มีบริษัทผู้ผลิตอำหำรสัตว์ขนำดใหญ่เข้ำร่วม โดยใช้ค้ำถำม วิจัยห้ำข้อหลักดังต่อไปนีส้ำหรับทุกพืนที่ 1. ในพืนทีม่ ีกำรเผำไร่น้อยลงหรือมำกขึนตังแต่เริ่มโครงกำร 2. พืนที่ป่ำ (รวมถึงพืนที่ฟื้นฟูป่ำ) มีน้อยลงหรือมำกขึนตังแต่เริ่มโครงกำร 3. ชำวบ้ำนในโครงกำรได้รำยได้เพิ่มขึนหรือลดลงตังแต่เริ่มโครงกำร 4. ในมุมมองของชำวบ้ำนในโครงกำร มีกำรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำงที่เห็นได้ว่ำเป็นผลจำกโครงกำร 5. ชำวบ้ำนคิดว่ำใครหรือองค์กรใดเป็นผู้ที่ท้ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำว ค้ำตอบส้ำหรับค้ำถำมที่ 1 และ 2 จะได้มำจำกกำรวิ เครำะห์ภำพถ่ำยจำกดำวเทียมเปรียบเทียบจุดควำมร้อน และพืนที่ ป่ำในโครงกำรก่อนและหลังเริ่มโครงกำร โดยกำรว่ำจ้ำงส้ำนักงำนพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศและภูมิสำรสนเทศ (องค์กรมหำชน) (สทอภ. หรือ GISTDA) ส่วนค้ำถำมที่ 3 ถึง 5 จะได้ค้ำตอบจำกกำรพูดคุยในกลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ ป) กับผู้จัดกำรโครงกำรและ ชำวบ้ำนที่เข้ำร่วมในแต่ละโครงกำร ในจังหวัดเชียงใหม่ ทีมวิจัยได้เลือกโครงกำรแม่แจ่มโมเดล และ/หรือแม่แจ่มโมเดลพลัส เป็นพืนที่ศึกษำเพื่อประเมินผล กระทบ เพรำะเหตุว่ำเป็นโครงกำรที่เป็นที่รู้จักมำกที่สุด และเป็นหนึ่งในโครงกำรเปลี่ยนผ่ำนหลังข้ำวโพดที่จัดตังด้ำเนินกำรมำเป็น เวลำนำนที่สุด ส้ำหรับจังหวัดน่ำน ทีมวิจัยเลือกสี่โครงกำรเด่น ได้แก่ สองโครงกำรที่เห็นได้ว่ำกลุ่มซีพีและเบทำโกร ซึ่งเป็นธุรกิจที่รับ ซือข้ำวโพดรำยใหญ่ เกี่ยวข้องอยู่อย่ำงชัดเจน และอีกสองโครงกำรที่ด้ำเนินกำรโดยโครงกำรหลวง และ/หรือมูลนิธิปิดทองหลังพระ ซึ่งมีปฏิบัติกำรอยู่ในแถบนีมำเป็นเวลำนำน


บทสรุปผู้บริหาร ประมำณปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นมำ ควำมส้ำเร็จของนโยบำยกำรเกษตรของประเทศไทย และบทบำทของภำคเอกชนใน กำรปลูกข้ำวโพด ถูกตรวจสอบอย่ำงหนัก เนื่องจำกพืนที่ปลูกขยำยตัวขึนมำก โดยเฉพำะในพืนที่สูงทำงตอนเหนือของประเทศ ซึ่ง ปรำกฎผลเชิงท้ำลำยล้ำงให้เห็น เช่นกำรท้ำลำยป่ำ ควำมเสื่อมโทรมของระบบนิเวศในพืนที่ต้นน้ำ ปัญหำหมอกควันที่เกิดจำกกำร เผำตอซังข้ำวโพดหลังเก็บเกี่ยว และหนีสินที่ทับถมเกษตรกรยิ่งขึน เกษตรกรผู้ปลูกข้ำวโพดเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบและเปรำะบำงมำกที่สุด เนื่องจำกกำรเปลี่ยนแปลงนโยบำยใดๆ อำจ ส่งผลต่อรำยได้ วิถีชีวิตและกำรท้ำมำหำกินของพวกเขำ เกษตรกรบนที่สูงเหล่ำนีส่วนใหญ่ไม่ได้มีที่ดินของตนเอง จึงปลูกข้ำวโพด ในที่ดินเขตป่ำสงวน ปํจจุบันนี นโยบำยของรัฐและบทบำทของภำคเอกชนในกำรลดกำรปลูกข้ำวโพด จึงอำจเป็นได้ทังกำรจูงใจให้ เกษตรกรหันมำท้ำกำรเพำะปลูกแบบใหม่ที่ยั่งยืนมำกกว่ำ หรือเป็นกำรลงโทษพวกเขำก็ได้ ดังนันโครงกำรวิจัยนีจึงออกแบบมำ เพื่อส้ำรวจพิจำรณำผลกระทบจำกนโยบำยที่เปลี่ยนแปลงไปตังแต่ พ.ศ.2556 โดยท้ำกำรส้ำรวจและสัมภำษณ์เกษตรกรผู้ปลูก ข้ำวโพดในจังหวัดน่ำนและเชียงใหม่ เนื่องจำกจังหวัดน่ำนมีพืนที่ป่ำที่เป็นแหล่งต้นน้ำที่ส้ำคัญ ที่ถูกแปลงเปลี่ยนเป็นไร่ข้ำวโพด ในขณะทีจ่ ังหวัดเชียงใหม่กม็ ีปัญหำหมอกควันปกคลุมที่รุนแรงทุกปีจำกกำรเผำตอซังข้ำวโพด ด้วยเหตุนี ผู้วิจัยจึงพยำยำมจะประเมินผลกระทบที่เกิดขึนระหว่ำงปี 2557-2560 ของ “โครงกำรเปลี่ยนผ่ำนกำรปลูก ข้ำวโพด (post-maize transition projects)” ซึ่งได้แก่โครงกำรต่ำงๆ ที่มุ่งจะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้ำวโพดลดและเลิกกำรปลูก พืชไร่ชนิดนี และได้เลือกจังหวัดน่ำนและเชียงใหม่เป็นพืนที่ท้ำกำรส้ำรวจวิจัยด้วยเหตุผลข้ำงต้น โดยเน้นที่โครงกำรที่มีกำรเข้ำร่วม อย่ำงมีนัยส้ำคัญของบริษัทผู้ผลิตอำหำรสัตว์รำยใหญ่ โดยใช้ค้ำถำมวิจัยห้ำข้อหลักดังต่อไปนีส้ำหรับทุกพืนที่ 1. ในพืนทีม่ ีกำรเผำไร่น้อยลงหรือมำกขึนตังแต่เริ่มโครงกำร 2. พืนที่ป่ำ (รวมถึงพืนที่ฟื้นฟูป่ำ) มีน้อยลงหรือมำกขึนตังแต่เริ่มโครงกำร 3. ชำวบ้ำนในโครงกำรได้รำยได้เพิ่มขึนหรือลดลงตังแต่เริ่มโครงกำร 4. ในมุมมองของชำวบ้ำนในโครงกำร มีกำรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำงที่เห็นได้ว่ำเป็นผลจำกโครงกำร 5. ชำวบ้ำนคิดว่ำใครหรือองค์กรใดเป็นผู้ที่ท้ำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำว ค้ำตอบส้ำหรับค้ำถำมที่ 1 และ 2 จะได้มำจำกกำรวิเครำะห์ภำพถ่ำยจำกดำวเทียมเปรียบเทียบจุดควำมร้อน (hot spots) และพืนที่ป่ำในโครงกำรก่อนและหลังเริ่มโครงกำร โดยกำรว่ำจ้ำงส้ำนักงำนพัฒนำเทคโนโลยีอวกำศและภูมิสำรสนเทศ (องค์กรมหำชน) (สทอภ. หรือ GISTDA) ส่วนค้ำถำมที่ 3 ถึง 5 จะได้ค้ำตอบจำกกำรพูดคุยในกลุ่มย่อยกับผู้จัดกำรโครงกำรและ ชำวบ้ำนที่เข้ำร่วมในแต่ละโครงกำร โดยรวมแล้ว คณะวิจัยได้ด้ำเนินกำรสัมภำษณ์เชิงลึกกับผู้จัดกำรโครงกำร และจัดกำรพูดคุยกลุ่มย่อยกับเกษตรกรรวม 130 คน แบ่งเป็นจังหวัดเชียงใหม่ 35 คน และจังหวัดน่ำน 95 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ำร่วมโครงกำรเปลี่ยนผ่ำนหลังข้ำวโพดดังต่อไปนี 1) โครงกำรแม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส ในจังหวัดเชียงใหม่ 35 คน 2) โครงกำร “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย” ทีต่ ้ำบลพงษ์ จังหวัดน่ำน 14 คน 3) โครงกำรช่องสำริกำโมเดล โดยบริษัทเบทำโกร ที่ต้ำบลเชียงคำน จังหวัดน่ำน 8 คน 4) โครงกำรสถำนีพัฒนำเกษตรที่สูง ตำมแนวพระรำชด้ำริ จังหวัดน่ำน อ้ำเภอท่ำวังผำ ที่หมู่บ้ำนดอยติว (โครงกำร หลวงโมเดล) และหมู่บ้ำนสบขุ่น (ซีพีโมเดล) 53 คน 5) โครงกำรพัฒนำพืนที่ต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำพืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริ รัชกำลที่ 9 อ้ำเภอท่ำวังผำ (ปิดทองโมเดล) ต้ำบลตำลชุม และต้ำบลศรีภูมิ 20 คน


สรุปข้อค้นพบหลักจำกกำรวิจัย •

• •

กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนโดยรวมในช่วงปี พ.ศ. 2557-2560 สำมำรถสรุปได้ดังต่อไปนี การเผาตอซังข้าวโพดน่าจะลดลงมากในทุกพืนที่โครงกำร ยกเว้นต้ำบลพงษ์ ในจังหวัดน่ำน ดังสะท้อนจำกจ้ำนวนจุด ควำมร้อน ขนำดของจุดควำมร้อน (จ้ำนวนไร่) และพืนที่ถูกเผำ (จ้ำนวนไร่) ข้อค้นพบนีชีให้เห็นค่อนข้ำงชัดว่ำ ปัญหำ หมอกควันในภำคเหนือมิได้มีสำเหตุหลักมำจำกไร่ข้ำวโพดอีกต่อไป พื้นที่ที่มีป่าปกคลุมไม่ได้เพิ่มขึ้นในเขตที่ท้ำกำรศึกษำ ควำมพยำยำมในกำรอนุรักษ์ป่ำและปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่มเติมยังคงมี น้อยมำก เมื่อเปรียบเทียบกับขนำดพืนที่ป่ำที่สูญเสียไปในแต่ละปี แม้ว่ำอัตรำกำรบุกรุกพืนที่ป่ำเพิ่มเติมอำจลดลงกว่ำใน อดีตก็ตำม ราคาข้าวโพดที่ตกต่าอย่างมีนัยสาคัญช่วยสร้างแรงจูงใจให้ชาวบ้านเลิกปลูกข้าวโพด ตังแต่ปี 2558 เป็นต้นมำ (ผู้ให้ สัมภำษณ์ระบุว่ำรำคำตกลงร้อยละ 40-50) ท้ำให้เป็นกำรง่ำยที่เกษตรกรจ้ำนวนมำกจะตัดสินใจหำพืชอื่นมำปลูกแทน ภาระหนี้สิน ของเกษตรกรยังคงมีอยู่อยู่ในระดับสูง และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรใด ถึงแม้โครงกำร เปลี่ยนผ่ำนกำรปลูกข้ำวโพดหลำยโครงกำรมุ่งหมำยจะช่วยด้ำรงหรือเพิ่มรำยได้ของเกษตกร เพื่อสร้ำงแรงจูงใจให้เลิก ปลูกข้ำวโพด แต่ไม่มีองค์กรใดด้ำเนินกำรแก้ปัญหำหนีสินที่ คงค้ำง (จำกฤดูกำรเพำะปลูกที่ผ่ำนมำ) โดยตรง ในเมื่อ เกษตรกรประสบภำวะต้นทุนกำรผลิตที่สูงขึนและรำคำข้ำวโพดต่้ำลง ในขณะที่ยังไม่มีรำยได้จำกแหล่งอื่นที่ไม่ใช่ข้ำวโพด หรือมีแต่ยังน้อยอยู่ จึงไม่พอที่จะชดเชยได้ (ดูข้ำงล่ำง) ภำระหนีสินนีย่อมจะด้ำรงต่อไป มีแหล่งรายได้ทางเลือกทีมีแนวโน้มดี แต่จะมีผลที่เป็นรูปธรรมต่อการดารงชีวิตอย่างไรนั้นยังต้องรอดูอีกที ดังนั้น เกษตรกรจานวนมากจึงยังคงต้องพึ่งข้าวโพดเป็นรายได้หลัก ผู้ให้สัมภำษณ์จ้ำนวนมำกมีควำมหวังกับพืชทำงเลือกที่ ได้รับกำรส่งเสริมและสนับสนุนจำกโครงกำรต่ำงๆแทนกำรปลูกข้ำวโพด เช่น กำแฟ มะม่วงหิมพำนต์ ยำงพำรำ อย่ำงไร ก็ตำม พืชทังหมดนีใช้เวลำเติบโตหลำยปีกว่ำจะเก็บเกี่ยวได้ ชำวบ้ำนจึงจ้ำเป็นต้องพึ่งข้ำวโพดต่อไป “หลักประกันสิทธิในที่ดิน” และ “ตลาด/ผู้ซื้อที่พร้อมรับซื้อ” มีความสาคัญสาหรับความมั่นคงในการดารงชีวิตของ เกษตรกร ท้ำให้เกษตรกรจ้ำนวนมำกยังคงลังเลที่จะเลิกปลูกข้ำวโพด นอกจำกจะมีสำเหตุเรื่องของรำยได้ที่จะตกต่้ำ กระทันหันแล้ว ยังมำจำกกำรที่พวกเขำไม่มีควำมมั่นคงเรื่องสิทธิในที่ดิน และไม่แน่ใจว่ำจะมีตลำดและผู้ซือที่พร้อมรับซือ พืชผลทำงเลือกหรือไม่ ซึ่งตรงกันข้ำมกับข้ำวโพด ส่วนต่อไปนีคือบทสรุปค้นพบจำกจังหวัดเชียงใหม่และน่ำน


กรณีศึกษำจังหวัดเชียงใหม่ ตารางที่ 1 การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ปลูกข้าวโพดและพื้นที่ป่า ในตาบลที่ตั้งของโครงการแม่แจ่มโมเดล ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2560 การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : พื้นที่ปลูกข้าวโพดและพื้นที่ปกคลุมด้วยป่า โครงการแม่แจ่มโมเดล พืนที่ปลูกข้ำวโพด พืนที่ปกคลุมด้วยป่ำ ไร่ข้ำวโพด (ไร่) (ไร่) ใหม่ ปี 2560 2557 2560 2557 2560 %Δ %Δ (ไร่) 15,024 6,865 -54% 195,215 181,220 -7.17% 3,557 ต้ำบลบ้ำนทับ 9,754 10,615 9% 81,762 80,728 -1.26% 3,380 ต้ำบลช่ำงเคิ่ง 11,157 12,394 11% 43,724 43,551 -0.40% 4,833 ต้ำบลท่ำผำ 20,522 19,280 -6% 317,465 312,333 -1.62% 6,725 ต้ำบลแม่นำจร ตารางที่ 2 การเปลี่ยนแปลงของจานวนจุดความร้อนในพื้นที่ป่าและในไร่ข้าวโพด ในตาบลที่ตั้งของโครงการแม่แจ่มโมเดล ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2560 (จานวนแห่ง) การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : จุดความร้อน โครงการแม่แจ่มโมเดล จุดควำมร้อนในไร่ข้ำวโพด (จ้ำนวนจุด) จุดควำมร้อนในพืนที่ป่ำ (จ้ำนวนจุด) ต้ำบลบ้ำนทับ ต้ำบลช่ำงเคิ่ง ต้ำบลท่ำผำ ต้ำบลแม่นำจร

2557 6

2560 0

%Δ -100%

2557 67

2560 16

%Δ -76%

5

1

-80%

5

4

-20%

1

0

-100%

7

1

-86%

13

5

-62%

61

15

-75%

ตารางที่ 3 การเปลี่ยนแปลงของขนาดพื้นที่ป่าที่ถูกเผาและไร่ข้าวโพดที่ถูกเผาในตาบลที่ตั้งของโครงการแม่แจ่มโมเดล ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2560 (ไร่) การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : พื้นที่ถูกเผา โครงการแม่แจ่มโมเดล พืนที่ถูกเผำในไร่ข้ำวโพด (ไร่) พืนที่ถูกเผำในป่ำ (ไร่) ต้ำบลบ้ำนทับ ต้ำบลช่ำงเคิ่ง ต้ำบลท่ำผำ ต้ำบลแม่นำจร

2557 8,074

2560 397

%Δ -95.08%

2557 107,829

2560 31,839

%Δ -70.47%

5,351

1,108

-79.29%

32,184

17,228

-46.47%

9,365

3,550

-62.09%

25,153

12,974

-48.42%

12,077

5,999

-50.33%

49,962

5,398

-89.20%


ตารางที่ 4 วิธีการที่ใช้ในการทางานในพื้นที่โครงการแม่แจ่มโมเดลและแม่แจ่มโมเดลพลัส ที่ตั้ง

บ้ำนสองธำร

บทบาทในการแก้ไข ปัญหาหมอกควัน - เข้ำร่วมกิจกรรม ‘60 วันอันตรำย’ (กำรห้ำม เผ ำ ต อ ซั งเด็ ด ข ำ ด ในช่วงดังกล่ำว)

บ้ำนแม่ขีมูกน้อย - เข้ำร่วมกิจกรรม ‘60 วันอันตรำย’ (กำรห้ำม เผ ำ ต อ ซั งเด็ ด ข ำ ด ในช่วงดังกล่ำว)

ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ในโครงการแม่แจ่มโมเดล และ/หรือ แม่แจ่มโมเดลพลัส การอภิบาลการใช้ป่า / พืชทางเลือก / อาชีพ การสนับสนุนเกษตรกร การพัฒนา การสนับสนุนการ การกากับดูแลตนเอง เสริม / การสนับสนุน ทางตรงและทางอ้อม โครงสร้างพื้นฐาน รวมตัวของเกษตรกร รายได้ - คื น ที่ ดิ น 200 ไร่ ให้ แ ก่ - หยุ ด ปลู ก ข้ ำ วโพดในปี - ได้ รั บ เงิ น รำงวั ล ส้ ำ หรั บ - ซีพีและสถำบันอ้อ - เกษตรกรเข้ ำ ร่ ว ม ป่ำสงวน 2558 เข้ ำ ร่ ว มโครงกำร กำรเลิกเผำตอซังจำกกลุ่ม ผะหญำสนับสนุน วิ ส ำ ห กิ จ ชุ ม ช น - กรมป่ ำ ไม้ แ ละมู ล นิ ธิ ‘สร้ ำ งป่ ำ สร้ ำ งรำยได้ ’ ซีพี กำรขุดสระเก็บนำ้ เชียงใหม่ อื่นๆ มอบกล้ำไม้ส้ำหรับ เริ่มท้ำเกษตรอินทรีย์ และ - มู ลนิ ธิไทยรักษ์ ป่ ำ ให้ กล้ ำ ไว้ใช้ในฤดูแล้ง ปลูกป่ำ เกษตรผสมผสำน พั น ธุ์ และเงิ น ทุ น ซื อกล้ ำ - ข้ อ มู ล กำรใช้ ที่ ดิ น รำย พันธุ์ แ ป ล งโด ย ส ท อ ภ . - ธกส. มีโครงกำรพักช้ำระ (GISTDA) หนี 2 ปี ส้ ำ หรั บ ผู้ เข้ ำ ร่ ว ม โครงกำรสร้ ำ งป่ ำ สร้ ำ ง รำยได้ - คื น ที่ ดิ น 800 ไร่ ให้ แ ก่ - เข้ำร่ วมโครงกำร ‘สร้ ำ ง - ได้ รั บ เงิ น รำงวั ล ส้ ำ หรั บ ป่ำสงวน ป่ ำ สร้ ำ งรำยได้ ’ เริ่ ม ท้ ำ กำรเลิกเผำตอซังจำกกลุ่ม - มู ล นิ ธิ ไ ทยรั ก ษ์ ป่ ำ ให้ เก ษ ต ร อิ น ท รี ย์ แ ล ะ ซีพี กล้ ำ ไม้ ส้ ำ หรั บ ปลู ก ป่ ำ เกษตรผสมผสำน - มู ลนิ ธิไทยรักษ์ ป่ ำ ให้ กล้ ำ และปลูกไม้ผล - เริ่มปลูกต้นกำแฟ พั น ธุ์ แ ละเงิ น ทุ น ซื อกล้ ำ - ข้ อ มู ล กำรใช้ ที่ ดิ น รำย วำงแผนจะขำยให้รำ้ น พันธุ์ แปลงโดย สทอภ. สตำร์บัคส์


ที่ตั้ง

บทบาทในการแก้ไข ปัญหาหมอกควัน

ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ในโครงการแม่แจ่มโมเดล และ/หรือ แม่แจ่มโมเดลพลัส การอภิบาลการใช้ป่า / พืชทางเลือก / อาชีพ การสนับสนุนเกษตรกร การพัฒนา การสนับสนุนการ การกากับดูแลตนเอง เสริม / การสนับสนุน ทางตรงและทางอ้อม โครงสร้างพื้นฐาน รวมตัวของเกษตรกร รายได้ - คืนที่ดินจ้ำนวนหนึ่งที่อยู่ - ได้ รั บ กำรสนั บ สนุ น ให้ - ได้รับหน่อกล้วยและเมล็ด - โครงกำรขุ ด สระ - เ ค รื อ ข่ ำ ย แ บ บ ติดกับป่ำ ปลูกกำแฟ กล้วย และพืช พันธุ์กำแฟจำกซีพี เก็บ น้ำของท้ องถิ่ น ห ล วม ๆ ของผู้ ป ลู ก - ไม่มีสิทธิในที่ดิน เศรษฐกิจอื่นๆ - ได้รับกล้ำไม้เศรษฐกิจและ สนั บ สนุ น โดยซี พี กำแฟในหมู่บ้ำน กล้ ำ ไม้ ผ ลจำกมู ล นิ ธิ ไ ทย แ ล ะ อ ง ค์ ก ำ ร รักษ์ป่ำ บริหำรส่วนต้ำบล - ยั งไม่ คื น ที่ ดิ น ให้ แ ก่ ป่ ำ - เข้ำร่วมโครงกำร ‘สร้ำง - ได้ รั บ กล้ ำไม้ ผ ลจำกกรม สงวน ป่ ำ สร้ ำ งรำยได้ ’ เริ่ ม ท้ ำ ป่ำไม้ เกษตรผสมผสำน

บ้ำนกองกำย

- เข้ำร่วมกิจกรรม ‘60 วันอันตรำย’ (กำรห้ำม เผ ำ ต อ ซั งเด็ ด ข ำ ด ในช่วงดังกล่ำว)

บ้ำนห้วยริน

- เข้ำร่วมกิจกรรม ‘60 วันอันตรำย’ (ห้ำมเผำ ตอซั ง เด็ ด ขำดในช่ ว ง ดังกล่ำว) - จัดเวรอำสำสมัครเฝ้ำ ระวังไฟป่ำ - เข้ำร่วมกิจกรรม ‘60 - ยั งไม่ คื น ที่ ดิ น ให้ แ ก่ ป่ ำ - เข้ำร่วมโครงกำร ‘สร้ำง วันอันตรำย’ (กำรห้ำม สงวน ป่ ำ สร้ ำ งรำยได้ ’ เริ่ ม ท้ ำ เผ ำ ต อ ซั งเด็ ด ข ำ ด เกษตรผสมผสำน ในช่วงดังกล่ำว) - โค รงก ำ ร 9101 ข อ ง อ้ำเภอแม่ แจ่ม สนั บ สนุ น กำรเลียงวัว - กรมพั ฒ นำชุ ม ชน จั ด ฝึก อบรมอำชี พ ทำงเลื อ ก เช่น สำนตะกร้ำ

บ้ำนใหม่ปูเลย

- มู ล นิ ธิ ไท ย รั ก ษ์ ป่ ำ ให้

- กรมพั ฒ นำที่ ดิ น เงินทุนซือไม้ผล แนะน้ำเทคนิคกำร - ได้ รั บ กล้ ำไม้ ผ ลจำกกรม ท้ ำ ไ ร่ แ ล ะ ท้ ำ ป่ำไม้ ขันบันไดเพื่อชะลอ - โค ร ง ก ำ ร 9101 ข อ ง กำรไหลของน้ำ อ้ ำ เภอแม่ แ จ่ ม สนั บ สนุ น กำรเลี ยงวั ว โดยให้ เงิ น ทุ น 200,000 บำท แก่ชำวบ้ำน 12 คน

-


ที่ตั้ง

บทบาทในการแก้ไข ปัญหาหมอกควัน

ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ในโครงการแม่แจ่มโมเดล และ/หรือ แม่แจ่มโมเดลพลัส การอภิบาลการใช้ป่า / พืชทางเลือก / อาชีพ การสนับสนุนเกษตรกร การพัฒนา การสนับสนุนการ การกากับดูแลตนเอง เสริม / การสนับสนุน ทางตรงและทางอ้อม โครงสร้างพื้นฐาน รวมตัวของเกษตรกร รายได้ - ธกส. จัดฝึกอบรมอำชีพ ตำมแนวปร้ชญำเศรษฐกิจ พอเพี ย ง เช่ น กำรท้ ำ สบู่ ล้ำงจำน กำรเพำะเห็ ดใน โรงเรือน

ตารางที่ 5 การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปลูกข้าวโพดและพื้นที่ป่าปกคลุมในตาบลที่ตั้งของแต่ละโครงการในจังหวัดน่าน ปี 2560 เปรียบเทียบกับ 2557

โครงการ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย” ช่องสำริกำโมเดล

ที่ตั้ง ต้ำบลดู่พงษ์ ต้ำบลพงษ์ ต้ำบลเชียงคำน

กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและพัฒ นำ ต้ำบลตำลชุม พืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริรัชกำลที่ 9 ท่ำ ต้ำบลศรีภูมิ วังผำ (ปิดทองโมเดล) กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง - อ้ำเภอท่ำวังผำ ต้ำบลป่ำคำ

การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : พื้นที่ปลูกข้าวโพดและพื้นที่ป่าปกคลุม พื้นที่ปลูกข้าวโพด (ไร่) พื้นที่มีป่าปกคลุม (ไร่) พื้นที่ปลูกข้าวโพด 2557 2560 2557 2560 %Δ % Δ ใหม่ในช่วง 25572560 (ไร่) 19,664 15,205 -23% 2,453 2,420 -1.35% 1,380 31,202 33,221 6% 89,150 88,623 -0.59% 12,582 2,156 774 -64% 5,359 5,062 -5.54% 415 33,698

26,851

-20%

16,647

16,204

-2.66%

5,638

6,673

5,290

-21%

30,816

29,117

-5.51%

6,673

14,203

17,209

21%

52,328

51,809

-0.99%

7,185


ตารางที่ 6 การเปลี่ยนแปลงจานวนจุดความร้อนในพื้นที่ป่าและพื้นที่ปลูกข้าวโพดในตาบลที่ตั้งของแต่ละโครงการในจังหวัดน่าน ปี 2560 เปรียบเทียบกับ 2557 โครงการ “สวมหมวกให้ภเู ขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย” ช่องสำริกำโมเดล กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและ พัฒนำพืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริ รัชกำลที่ 9 ท่ำวังผำ (ปิดทองโมเดล) กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง อ้ำเภอท่ำวังผำ

ที่ตั้ง ต้ำบลดู่พงษ์ ต้ำบลพงษ์ ต้ำบลเชียงคำน ต้ำบลตำลชุม

การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : จุดความร้อนในพื้นที่ป่าและในพื้นที่ปลูกข้าวโพด รวมจานวนจุดความร้อนทั้งหมด จุดความร้อนในไร่ข้าวโพด จุดความร้อนในพื้นที่ป่า 2557 2560 2557 2560 2557 2560 % Δ %Δ %Δ 8 0 -100% 7 0 -100% 0 0 0% 18 7 -61% 4 5 25% 6 2 -67% 2 3 50% 0 1 100% 1 1 0% 12 7 -42% 6 5 -17% 2 1 -50%

ต้ำบลศรีภูมิ

8

1

-88%

1

0

-100%

4

0

-100%

ต้ำบลป่ำคำ

7

0

-100%

2

0

-100%

0

0

0%


ตารางที่ 7 การเปลี่ยนแปลงขนาดพื้นที่ถูกเผาในพื้นที่ป่าและในไร่ข้าวโพด ในแต่ละตาบลที่ตั้งของโครงการในจังหวัดน่าน ปี 2560 เปรียบเทียบกับ 2557 โครงการ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย”

ที่ตั้ง

ต้ำบลดู่พงษ์ ต้ำบลพงษ์ ช่องสำริกำโมเดล ต้ำบลเชียงคำน กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและ ต้ำบลตำลชุม พัฒนำพืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริ ต้ำบลศรีภูมิ รัชกำลที่ 9 ท่ำวังผำ (ปิดทองโมเดล) กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ต้ำบลป่ำคำ อ้ำเภอท่ำวังผำ

การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม : พื้นที่ถูกเผาสะสม พื้นที่ถูกเผาทั้งหมด (ไร่) พื้นที่ถูกเผาในไร่ข้าวโพด (ไร่) พื้นที่ถูกเผาในป่า (ไร่) 2557 2560 2557 2560 2557 2560 %Δ %Δ %Δ 2,070 436 -78.94% 472 376 -20.34% 84 14 -83.33% 3,309 2,088 -36.90% 1,369 1,452 6.06% 860 324 -62.33% 2,819 2,448 -13.16% 495 65 -86.87% 2,324 1798 -22.63% 5,196 279 -94.63% 1,292 200 -84.52% 3,437 8 -99.77% 678

44

-93.51%

103

42

-59.22%

387

2

-99.48%

3,401

311

-90.86%

2,368

254

-89.27%

676

18

-97.34%


ตารางที่ 8 รายได้ รายจ่าย และหนี้สินของเกษตรกรในพื้นที่ปฏิบตั ิงานแต่ละโครงการในจังหวัดน่าน ปี 2560 โครงการ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย” ช่องสำริกำโมเดล กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำ พืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริรัชกำลที่ 9 ท่ำ วังผำ (ปิดทองโมเดล) กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง อ้ำเภอท่ำวังผำ

ที่ตั้ง หมู่บ้ำนโป่งค้ำ หมู่บ้ำนศรีบญ ุ เรือง หมู่บ้ำนดอนแท่น หมู่บ้ำนน้ำป้ำก หมู่บ้ำนห้วยธนู หมู่บ้ำห้วยม่วง หมู่บ้ำนดอยติว หมู่บ้ำนสบขุ่น

รายได้เฉลี่ย (บาท/ปี)

รายจ่ายเฉลี่ย (บาท/ปี)

หนี้สินเฉลี่ย (บาท)

สัดส่วนหนีส้ ิน สัดส่วนรายจ่าย ต่อรายได้ (%) ต่อรายได้ (%)

87,117

59,390

242,700

147

68

132,331

37,610

225,809

87

28

73,762

94,252

146,168

107

128

84,813 90,267

42,731 83,844

35,900 365,320

28.86 281

50 93


ตารางที่ 9 การเปลี่ยนแปลงด้านรายได้รายจ่ายของผู้ให้สัมภาษณ์ในกลุ่มย่อยที่ได้เลิกปลูกข้าวโพดแล้ว ปี 2560 เปรียบเทียบกับ 2557

โครงการ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย”

ที่ตั้ง

หมู่บ้ำนโป่งค้ำ หมู่บ้ำนศรีบุญเรือง ช่องสำริกำโมเดล หมู่บ้ำนดอนแท่น กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและพัฒนำพืนที่ หมู่บ้ำนน้ำป้ำก จังหวัด น่ ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริรัชกำลที่ 9 ท่ ำวังผำ หมู่บ้ำนห้วยธนู (ปิดทองโมเดล) หมู่บ้ำห้วยม่วง กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้ำนสบขุ่น อ้ำเภอท่ำวังผำ หมู่บ้ำนดอยติว

ผู้ให้สัมภาษณ์ที่เลิกปลูกข้าวโพดแล้ว รายได้จากการเกษตรโดยเฉลี่ย ต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ย (บาท/ปี) (บาท/ปี) 2557 2560 2557 2560 %Δ %Δ -85,624

3,668

104%

94,640

27,282

-71%

-2,940

5,148

275%

7,018

4,956

-29%

52,282

39,304

-25%

31,432

19,259

-39%

30,888 31,345

-13,843 -11,300

-145% -136%

33,363 7,655

28,693 11,300

-14% 48%

ตารางที่ 10 การเปลี่ยนแปลงด้านรายได้และรายจ่ายของผู้ให้สัมภาษณ์กลุ่มย่อยที่ยังคงปลูกข้าวโพดอยู่ ปี 2560 เปรียบเทียบกับ 2557


โครงการ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ตีนดอย”

ที่ตั้ง

หมู่บ้ำนโป่งค้ำ หมู่บ้ำนศรีบุญเรือง ช่องสำริกำโมเดล หมู่บ้ำนดอนแท่น กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไขปัญหำและ หมู่บ้ำนน้ำป้ำก พัฒนำพืนที่จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริ หมู่บ้ำนห้วยธนู รัชกำลที่ 9 ท่ำวังผำ (ปิดทองโมเดล) หมู่บ้ำห้วยม่วง กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง อ้ำเภอท่ำ หมู่บ้ำนสบขุ่น วังผำ หมู่บ้ำนดอยติว

ผู้ให้สัมภาษณ์ที่ยังคงปลูกข้าวโพดอยู่ รายได้จากการเกษตรโดยเฉลี่ย รายได้จากข้าวโพด ต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ย (บาท/ปี) (บาท/ปี) (บาท/ปี) 2557 2560 2557 2560 2560 %Δ % Δ 2557 %Δ -10,965

9,215

184%

35,150

22,583

-36%

55,115 31,195

-43%

155,883

19,487

-87%

1,750

45,333

2490% 26,390 74,860

184%

-4,837

20,193

517%

41,345

29,933

-28%

60,860 32,607

-46%

114,634 4,444

107,515 -6% -4,608 -204%

203,389 119,695 -41% 34,852 32,344 -7%

91,532 64,245 31,575 39,925

-30% 26%

ตารางที่ 11 วิธีการที่ใช้ในโครงการเปลี่ยนผ่านหลังข้าวโพดในพื้นที่ปฏิบัติงานในจังหวัดน่าน


พืชทางเลือก / โครงการ รายได้เสริม หรือ การสนับสนุนด้าน อาชีพ “สวมหมวกให้ภูเขำ สวมรองเท้ำให้ - ค ว ำ ม รู้ เ รื่ อ ง ตีนดอย” กำรเกษตรผสมผสำน กำรเกษตรอินทรีย์ - ซีพีสนับสนุนควำมรู้ ด้ ำ น เก ษ ต ร แ ล ะ แปลงทดลองปลูกแตง ที่บ้ำนศรีบุญเรือง ช่องสำริกำโมเดล -

ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ การสนับสนุนการ แรงจูงใจเป็นตัวเงิน การสนับสนุนต้นทุน รวมตัวของเกษตรกร ที่ให้แก่เกษตรกร การผลิตโดยตรง โดยตรง - จั ด ตั ง วิ ส ำ ห กิ จ ชุม ชนเกษตรอิน ทรี ย์ เพื่ อ ส ร้ ำ ง อ้ ำ น ำ จ ต่ อ รองกั บ พ่ อ ค้ ำ คน ก ล ำ ง แ ล ะ เข้ ำ ถึ ง ตลำดได้ดีขึน

- สนับสนุนกำรจัดตัง ธนำคำรชุ ม ชนเพื่ อ ส่งเสริมกำรออมและ ใ ห้ เ ก ษ ต ร ก ร กู้ ดอกเบียต่้ำ กำรพัฒนำต้นแบบบูรณำกำรแก้ไข - ส นั บ ส นุ น ใ ห้ - มู ล นิ ธิ ปิ ด ทองฯ ให้ ปัญ หำและพัฒ นำพืนที่จังหวัดน่ำน เกษตรกรเปลี่ยนจำก เงิ น ทุ น เริ่ ม แรกเพื่ อ ตำมพระรำชด้ำริรัชกำลที่ 9 ท่ ำวัง กำรปลู ก ข้ ำ วโพดไป จั ด ตั งกองทุ น เมล็ ด ผำ (ปิดทองโมเดล) ปลูกไม้ผล พันธุ์ที่บ้ำนห้วยธนู โครงการ

- พระอำจำรย์สมคิด เจ้ำอำวำสวัด ชดเชย รำยได้ให้เกษตรกรที่ ปลู ก พื ช อื่ น ที่ ไ ม่ ใ ช่ ข้ำวโพด

-

การสนับสนุน ด้านสิทธิในที่ดิน

-

-

-

-

การสนับสนุนการ อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ - ส ม ำ ชิ ก ท้ ำ พิ ธี “บวชป่ ำ ” เพื่ อ กำร อนุรักษ์

- ป ระส ำน แล ะ ท้ ำ ง ำ น กั บ ก ำ ร ส่ ง เสริ ม กำรเกษตร ข อ ง อ้ ำ เภ อ เพื่ อ แก้ปัญหำดินเสื่อม - มู ล นิ ธิ ปิ ด ท อ งฯ - โครงกำรหลวงให้ให้ - ไม่มีสิทธิในที่ดิน - ศู น ย์ เ กษตรที่ สู ง จ่ำยเงินให้เกษตรกร กล้ ำ ไม้ ผ ล เช่ น เงำะ ตำมกฎหมำย แต่ ช่วยจัดตังระบบกำร ปลู ก ป่ ำ ในพื นที่ ต้ น ม ะ ม่ ว ง หิ ม พ ำ น ต์ ได้รับเอกสำร จั ด กำรน้ ำ และนำ น้ำที่ถูกบุกรุก 300 ล้ำไย ขันบันได เนื่องจำก ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ พืชทางเลือก / การสนับสนุนการ แรงจูงใจเป็นตัวเงิน การสนับสนุนต้นทุน การสนับสนุนด้าน การสนับสนุนการ รายได้เสริม หรือ รวมตัวของเกษตรกร ที่ให้แก่เกษตรกร การผลิตโดยตรง สิทธิในที่ดิน อนุรักษ์ การสนับสนุนด้าน โดยตรง ทรัพยากรธรรมชาติ


อาชีพ - ก ำ ร ย ำ ง ฯ จั ด ฝึ ก อบรมกำรปลู ก และบ้ำรุงรักษำสวน ยำง โดยไม่คิดเงิน

กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง - สนั บ สนุ น กำรท้ ำ อ้ำเภอท่ำวังผำ – ไร่ ก ำ แ ฟ ส้ ำ ห รั บ บ้ำนสบขุ่น เกษตรกรอำสำ 4-5 ไร่ต่อครัวเรือน โดย มี เป้ ำ ห ม ำ ย ร ว ม 1,000 ไร่ กำรปลูกป่ำบนวิถีเศรษฐกิจพอเพียง - โครงกำรหลวงจัด อ้ำเภอท่ำวังผำ ฝึ ก อบรมอำชี พ ให้ บ้ำนดอยติว ชำวบ้ำนบำงคน

โครงการ

บ ำ ท ต่ อ วั น ห รื อ 1,200-1,500 บ ำ ท ต่อไร่ และส่งเสริมท้ำ แนวกันไฟ - มู ล นิ ธิ ปิ ด ท อ งฯ และแม่ ฟ้ ำ หลวงซื อ ผลิตผลบำงอย่ำงจำก เกษตรกร โดยเฉพำะ เม็ ด มะม่ ว งฯ เพื่ อ ใช้ ในกำรเพำะกล้ำ - กลุ่มซีพีให้เงินลงทุน - ซี พี จ่ ำ ยค่ ำ ใช้ จ่ ำ ย และกำรสนับสนุนอื่น ด้ ำ น ก ำ ร เก ษ ต ร เพื่ อ จั ด ตั งวิ ส ำหกิ จ ทังหมดส้ำหรับแปลง ชุ ม ช น ข อ งผู้ ป ลู ก ปลูกกำแฟ ประมำณ กำแฟ 20,000-30,000 บำท ต่อไร่ -

ลักษณะโครงการ / วิธีการหลักที่ใช้ พืชทางเลือก / การสนับสนุนการ แรงจูงใจเป็นตัวเงิน การสนับสนุนต้นทุน รายได้เสริม หรือ รวมตัวของเกษตรกร ที่ให้แก่เกษตรกร การผลิตโดยตรง การสนับสนุนด้าน โดยตรง อาชีพ

และป่าไม้ สิ ท ธิ ท้ ำ กิ น ในบำง เป็นพืนที่เสี่ยงต่อภัย แห่งจำกกรมที่ดินใน พิบัติ ปี 2557

- กรมพัฒนำที่ดินได้ ประเมินกำรจัดสรร ที่ ดิ น เพื่ อ ใช้ ท้ ำ กิ น แต่ ไ ม่ ส ำมำรถออก เอกสำรใดให้ได้

- ส นั บ ส นุ น ใ ห้ เกษตรกรเข้ ำ ร่ ว ม กิ จ กรรม “สร้ำ งป่ ำ สร้ำงรำยได้ ” แต่ ไม่ ต่อเนื่อง

-

- ช ำ ว บ้ ำ น ช่ ว ย เจ้ ำ หน้ ำ ที่ อุ ท ยำนฯ สร้ำงแนวกันไฟ

การสนับสนุนด้าน สิทธิในที่ดิน

การสนับสนุนการ อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้


เพื่อหำรำยได้ ทดแทน เช่ น กำร ปั ก ผ้ ำ แ ล ะ ป ลู ก กำแฟ แต่ขำดควำม ต่ อ เนื่ อ ง ปั จ จุ บั น ไม่ มี บ ท บ ำ ท ใน หมู่บ้ำน


สรุปพื้นที่ที่ได้ผลการกระทบจากนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้อง โครงการ แม่แจ่มโมเดลพลัส จังหวัดเชียงใหม่

พื้นที่

นโยบายทวงคืนผืนป่า

นโยบายสาธรณะที่เกี่ยวข้อง นโยบายขอความร่วมมือในการ รับซื้อข้าวโพดที่มีเอกสารสิทธิ์

หมายเหตุ นโยบายส่งเสริมการปลูก ข้าวโพดหลังนา

บ้ำนสองธำร

คืนทังหมด 200 ไร่

บ้ำนแม่ขมูี กน้อย

บ้ำนกองกำย

คืนทังหมด 4 ท่ำน คืนพืนที่ขอบหมู่บ้ำน

บ้ำนห้วยริน บ้ำนใหม่ปูเลย โครงกำรสวมหมวกให้ภูเขำสวมรองเท้ำให้ตนี ดอย (วัดโป่งค้ำ) จ. น่ำน

บ้ำนโป่งค้ำ บ้ำนศรีบุญเรือง

โครงกำรช่องสำลิกำโมเดล

บ้ำนดอนแท่น

โครงกำรพัฒนำพืนที่ต้นแบบบูรณำกำร แก้ไขปัญหำและพัฒนำพืนที่ จังหวัดน่ำน ตำมแนวพระรำชด้ำริ (อ้ำเภอท่ำวังผำ)

บ้ำนน้ำป้ำก

บ้ำนห้วยธนู บ้ำนห้วยม่วง

โครงกำรสถำนีพัฒนำเกษตรที่สูง ตำมแนวพระรำชด้ำริ จังหวัดน่ำน (อ้ำเภอท่ำวังผำ)

บ้ำนสบขุ่น บ้ำนดอยติว


บางทัศนะของเกษตรกรที่น่าสนใจ 1. โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส จังหวัดเชียงใหม่ บ้ำนสองธำร ผู้ร่วมสนทนำท่ำนหนึ่ง มีสมำชิกในครัวเรือน 6 คน เดิมปลูกข้ำวโพดบนพืนที่ 22 ไร่ ช่วง ปี พ.ศ.2557 ได้ ผลผลิตจำกกำรปลูกข้ำวโพด 19,000 กิโลกรัม รำคำข้ำวโพดอยู่ที่ 4 บำทต่อกิโลกรัม ท้ำให้มีรำยได้จำกกำรปลูก ข้ำวโพดประมำณ 76,000 บำท นับแต่ปี พ.ศ.2558 ได้เลิกปลูกข้ำวโพดและเปลี่ยนเป็นกำรปลูกพืชผสมผสำน ไม้ ยืนต้น และปลูกข้ำวส้ำหรับบริโภคในครัวเรือน รำยได้จำกกำรเกษตร(ข้ำวโพด)จึงหยุดชะงัก ท้ำให้ไม่มีเงินผ่อน ช้ำระหนี ผู้ ใหญ่ บ้ ำนจึ งเข้ำไปพู ดคุย กับ ธนำคำรเพื่อ กำรเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เพื่ อขอพั กกำรช้ำระหนี หลังจำกเลิกปลูกข้ำวโพดจึงต้องรับจ้ำงทั่วไป (จำกเดิมที่ไม่เคยท้ำ) เฉลี่ย 3 เดือนต่อปี โดยในช่วง 3 เดือนนี จะมี งำนรับจ้ำง 12 วันต่อเดือน ท้ำให้มีรำยได้เสริมรำว 10,800 บำทต่อปี ประกอบกับคนในครอบครัวทอผ้ำซิ่นตีนจก จ้ำหน่ ำยมีรำยได้เสริม 48,000 บำท โดยสรุปแล้ว แล้ วในปัจจุบันยังไม่มีรำยได้จำกกำรปลู กพื ชผสมผสำน แต่ สำมำรถอยู่ได้เนื่ องจำกได้รับ กำรพักช้ำระหนีจำก ธ.ก.ส. และมีรำยได้เสริมจำกกำรรับจ้ำงทั่วไป แต่ยังถือเป็น รำยได้ที่ไม่แน่นอน • “พ่อหลวงเขาก็ไปคุยกับธนาคารให้ ว่าขอพักหนี้ เพราะว่ายังไม่มีรายได้ แต่มันเป็นโครงการของทั้ง ประเทศนะ ไม่ใช่แค่ที่หมู่บ้าน” บ้ำนแม่ขีมูกน้อย หนึ่งในผู้ร่วมสนทนำ บ้ำนแม่ขีมูกน้อย มีสมำชิกในครัวเรือน 4 คน ปลูกพืชเกษตรอื่นแซมในพืนที่ไร่ ข้ำวโพด มีที่ดินท้ำกิน 19 ไร่ จำกเดิมที่มีพืนที่ 20 ไร่ ก่อนเริ่มโครงกำรมีรำยได้จำกข้ำวโพด 150,000 บำทต่อปี โดยมีค่ำใช้จ่ำยกำรปลูกข้ำวโพด 20,000 บำท ปัจจุบันพืนที่ปลูกข้ำวโพดลดลง 1 ไร่ ประกอบกับกำรปลูกพืชอื่น แซมในพืนที่ปลูกข้ำวโพด และรำคำข้ำวโพดที่ลดลง ท้ำให้มีรำยได้จำกข้ำวโพด 90,000 บำท โดยที่ค่ำใช้จ่ำยกำร ปลูกข้ำวโพดยังคงเดิม ปัจจุบันยังไม่มีรำยได้จำกพืชเกษตรอื่นเพิ่มเติม • “เมื่อก่อนทางานอยู่กรุงเทพฯ ประมาณปี 2549 ไม่มีหนี้สินเลย พอกลับมาบ้านลงทุนทาไร่ข้าวโพด ต้องกู้ หนี้ยืนสินมา เพราะถ้าไม่กู้ก็ไม่มีลงทุน” ผู้ร่วมสนทนำท่ำนนีเล่ำถึงสำเหตุของหนีสินในปัจจุบัน จำกกำร กู้ยืมเพื่อลงทุนท้ำไร่ข้ำวโพดในอดีต


ผู้ร่วมสนทนำคนที่สองมีพืนที่กำรถือครองที่ดินลดลงจำก 27 ไร่ เหลือ 17 ไร่ (จำกนโยบำยทวงคืนผืนป่ำ) โดยปัจจุบันปลูกข้ำวโพด 10 ไร่ และปลูกไม้ผล 7 ไร่ ท้ำให้รำยได้จำกกำรเพำะปลูกข้ำวโพดลดลงรำว 100,000 บำท เกษตรท่ำนนีจึงหำรำยได้เสริมจำกกำรเลียงสัตว์ ซึ่งเป็นรำยได้จ้ำนวนไม่มำกเมื่อเทียบกับรำยได้ข้ำวโพดใน สมัยก่อน อย่ำงไรก็ดีเกษตรกรท่ำนนีมีหนีสินไม่มำกเมื่อเทียบกับผู้ร่วมสนทนำท่ำนอื่นที่ลดพืนที่กำรปลูกข้ำวโพด ท้ำให้กำรลดกำรปลูกข้ำวโพดนีไม่สร้ำงผลกระทบรุนแรงนัก ทังนีปัญหำที่เกษตรกรทุกคนในบ้ำนแม่ขีมูกน้อยต้อง พบคือไม่มีน้ำเพียงพอส้ำหรับท้ำกำรเกษตร และสภำพดินเสื่อม ผลผลิตต่อไร่มีปริมำณลดลงแม้จะใช้วัตถุดิบท้ำ กำรเกษตรเหมือนเดิม • “ตอนนี้ยังคงต้องปลูกข้าวโพดอยู่ เพราะว่าไม้อื่นยังไม่ออกผลให้เก็บเกี่ยว ต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปี” • “ถ้าแหล่งน้ามีรับประกันเลยว่าข้าวโพดหาย” ผู้ร่วมสนทนำบอกถึงควำมส้ำคัญของแหล่งน้ำที่ยังคงเป็น ปัญหำภำยในชุมชน เนื่องจำกไม่มีแหล่งน้ำเพียงพอส้ำหรับเพำะปลูกไม้ผล หรือพืชชนิดอื่นแทนข้ำวโพด เพรำะข้ำวโพดไม่ต้องได้รับกำรดูแลที่ดีมำกเท่ำพืชชนิดอื่น บ้ำนกองกำย เกษตรกรบ้ำนกองกำยลดพืนที่กำรปลูกข้ำวโพด โดยปลูกพืชอื่นทดแทน ผู้ร่วมสนทนำท่ำนหนึ่งมีพืนที่ ส้ำหรับท้ำกำรเกษตร 20 ไร่ แบ่งเป็นพืนที่ปลูกข้ำวโพด 10 ไร่ และพืนที่ปลูกพืชอื่น 10 ไร่ มีรำยได้จำกกำรปลูก หอมแดงเสริม 25,000 บำทต่อปี โดยปลูกข้ำวไร่และเลียงสัตว์เพื่อบริโภคในครัวเรือน อุปสรรคกำรลดหรือเลิก ปลูกข้ำวโพดของบ้ำนกองกำยคือขำดแหล่งน้ำส้ำหรับปลูกพืชยืนต้น • “น้าขาดแคลน ไม่ใช่เรื่องกินนะเป็นเรื่องการเกษตร แหล่งมันมี แต่ไม่ได้เก็บ มันก็ไหลไปเรื่อยๆ พอ หน้าแล้งก็ไม่มีใช้ทาเกษตร” บ้ำนห้วยริน เกษตรกรบ้ำนห้วยรินมีสิทธิกำรถือครองที่ดินถูกต้อง ไม่มีใครโดนเรียกคืนที่ดินแต่ก็ไม่ได้ขยำยพืนที่ท้ำ กำรเกษตรเพิ่ม เกษตรกรท่ำนหนึ่งมีสมำชิกในครัวเรือน 5 คน มีพืนที่ท้ำกำรเกษตร 6 ไร่ แบ่งเป็นพืนที่ปลูก ข้ำวโพด 3 ไร่ และปลูกมะม่วง 3 ไร่ โดยมีรำยจำกกำรปลูกข้ำวโพด 90,000 บำท ที่ดินส่วนที่เหลือแบ่งส้ำหรับ ปลูกมะม่วง และข้ำวไร่ เพื่อไว้บริโภคในครัวเรือน ในส่วนของคนที่เลิกปลูกข้ำวโพด และรอผลผลิตจำกไม้ยืนต้น จะท้ำงำนรับจ้ำงทั่วไปเพื่อเป็นรำยได้ส้ำหรับด้ำรงชีพ


• “เปลี่ยนจากปลูกข้าวโพดมารับจ้างทั่วไป ส่วนหนึ่งก็ทางานบ้าน ทาสวน” • “เมื่อก่อนทาข้าวโพดกันหมด เลิกปลูกข้าวโพดมาได้ 2 ปีแล้ว หลังจากที่รัฐบาลเขาขอ ที่มีปัญหาหมอก ควัน” • “ต้องรอ 5 ปี กว่าไม้ผลจะออก” บ้ำนใหม่ปูเลย เกษตรกรที่บ้ำนใหม่ปูเลยท่ำนหนึ่ง เริ่มปลูกข้ำวโพดเลียงสัตว์ตังแต่ปี พ.ศ.2548 คิดเป็นร้อยละ 70 ของ ที่ ดิ น ที่ มี อี ก ร้ อ ยละ 30 ปลู ก ข้ ำวไร่ ไว้บ ริ โภค นั บ แต่ พ.ศ.2559 เริ่ม เปลี่ ย นมำท้ ำ กำรเกษตรแบบผสมผสำน เนื่องจำกผลผลิตข้ำวโพดลดลง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรำยได้ที่มั่นคง มีเพียงรำยได้เสริมจำกกำรเลียงสัตว์ปีละ 20,000 บำทเท่ำนั น อย่ ำงไรก็ดีกำรเปลี่ ย นแปลงสู่เกษตรผสมผสำน ได้รับเงินทุนสนับสนุนจำกมูล นิธิไทยรักษ์ ป่ำเป็ น จ้ำนวน 50,000 บำทต่อหมู่บ้ำน ช่วยลดค่ำใช้จ่ำยในกำรเปลี่ยนผ่ำนของเกษตรกรได้ • “เมื่อก่อนลงทุนไป 10,000 บาท จะได้รายรับประมาณ 40,000 – 50,000 บาท แต่ระยะหลัง ถ้าลงทุน เท่าเดิมจะได้รายรับเพียง 4,000 – 5,000 บาทเท่านั้น เลยตัดสินใจเลิกปลูกข้าวโพดและปลูกพืช ผสมผสานแทน” • “ผมอาจจะกลับมาปลูกข้าวโพด ถ้าปีหน้าข้าวโพดราคาดี แต่จะเลิกปลูกข้าวโพดแน่ๆ ถ้ามีรายได้หรือ อาชีพอื่นๆ มาทดแทน” 2. โครงการสวมหมวกให้ภูเขาสวมรองเท้าให้ตีนดอย (วัดโป่งคา) จังหวัดน่าน บ้ำนโป่งค้ำ ผู้ร่วมสนทนำท่ำนหนึ่งมีสมำชิกในครัวเรือน 4 คน มีที่ดินท้ำกิน 17 ไร่ ปี พ.ศ. 2557 แบ่งพืนที่ส้ำหรับ ปลูกข้ำวโพด 14 ไร่ รำยได้ 84,000 บำทต่อปี ค่ำใช้จ่ำยกำรปลูกข้ำวโพด 45,700 บำทต่อกำรเพำะปลูก 1 รอบ ปัจจุบันเลิกปลูกข้ำวโพดและเปลี่ยนเป็นข้ำวไร่ ซึ่งยังไม่ได้เก็บเกี่ยว ในขณะที่พืนที่ส่วนที่เหลือปลูกพืชผสมผสำน มี รำยได้ 42,000 บำทต่อปี และไม่มีค่ำใช้จ่ำย เนื่องจำกได้รับสนับสนุนกล้ำไม้จำกโครงกำรหลวง และใช้ปุ๋ยหมักที่ ผลิตเอง ทังนีกำรขับเคลื่อนเกิดจำกพระครูเป็นหลักที่ช่วยส่งเสริมอำชีพให้กับเกษตรกร ลดปัญหำภำระหนีสิน ส่งเสริมกำรลดกำรปลูกข้ำวโพด พร้อมทังมีตลำดรองรับผลผลิตทำงกำรเกษตรที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนผ่ำนกำรปลูก ข้ำวโพด


• “เรื่องทากิน ปัญหาหนี้สิน เราจะทาอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไรเราจะปรึกษาปัญหากับพระครู เป็นหนึ่งทุก เรื่อง ท่านอยากให้พี่น้องบ้านโป่งคามีความสุข ความพอเพียง” บ้ำนศรีบุญเรือง ผู้ร่วมสนทนำท่ำนหนึ่งมีสมำชิกในครัวเรือน 4 คน มีที่ดินท้ำกิน 18 ไร่ ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2560 ยังคงปลูก ข้ำวโพดเหมือนก่อน แต่เริ่มปลูกมะม่วงเสริม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลดปริมำณกำรปลูกข้ำวโพดลงเรื่อย ปัจจุบันผู้ร่วม สนทนำท่ำนนียังไม่มีรำยได้จำกกำรปลูกมะม่วง และยังมีควำมกังวลใจว่ำเมื่อมีผลผลิตแล้วจะน้ำไปจ้ำหน่ำยที่ไหน เพรำะยังคงไม่มั่นใจในโครงกำรสวมหมวกให้ภูเขำสวมรองเท้ำให้ตีนดอยว่ำจะรับซือผลผลิต • ผู้ร่วมสนทนำท่ำนแรกแสดงควำมคิดเห็นว่ำ “เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้ปลูกพืชชนิดอื่นแต่ว่าไม่รับซื้อ ตอนเชิญชวนบอกว่าจะมีบริษัทรับซื้อ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อผลผลิตออกก็ไม่รับซื้อ” • ผู้ร่วมสนทนำท่ำนที่สองกล่ำวเสริมว่ำ “โครงการของพระอาจารย์ ปลูกแล้วแต่ไม่มีช่องทางขาย แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก แต่เราอยากได้ช่องทางขาย” 3. โครงการช่องสาริกาโมเดล บ้านดอนแท่น อ.เชียงกลาง จ.น่าน เกษตรกรบำงส่วนได้เลิกปลูกข้ำวโพดในช่วง ปีพ.ศ. 2557-2558 และมีบำงส่วนยังคงปลูกข้ำวโพด โดย ในช่วงดังกล่ำวเกษตรกรบ้ำนดอนแท่นได้รับกำรส่งเสริมให้ปลูกข้ำวโพดเลียงสัตว์จำกมูลนิธิปิดทองหลังพระ แต่ เนื่องจำกประสบปัญหำดินซีเมนต์ท้ำให้เกษตรกรหลำยรำยได้ผลผลิตน้อยและภำระหนีสินสะสมจำกกำรกู้ยืมเพื่อ กำรเกษตร • “เลิกปลูกตอน ปี 2557 ดินมันกลายเป็นดินซีเมนต์ เวลารดน้าไปดินมันจะยุ่ย พอน้าแห้งดินมันจะแข็ง ข้างล่างจะอมน้า รากเน่า แล้วมันจะรัดต้น พืชจะไม่โต” • “มูลนิธิปิดทองหลังพระเขาขอให้ปลูก จะได้มีพื้นที่สีเขียว เลยกู้เงินมาลงทุนทาข้าวโพดตอนปี 57 แต่ขาย ไม่ได้เลย ตอนนี้ยังใช้หนี้ไม่หมดเลย”

4. โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบบูรณาการ แก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน ตามแนวพระราชดาริ (อาเภอท่าวังผา)


บ้ำนน้ำป้ำก กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนเมื่อมีกำรเข้ำมำของหน่วยงำนต่ำง ๆ ในกำรส่งเสริมให้ชำวบ้ำนเลิกปลูกข้ำวโพด ตังแต่ปี 2551 ซึ่งโครงกำรปิดทองฯ เข้ำมำดูแลระบบน้ำ และในปี 2556 โครงกำรหลวงเริ่มส่งเสริมกำรปลูกพืช ทำงเลือกให้กล้ำพันธุ์ไม้แก่เกษตรกร และมีกำรส่งเสริมให้ปลูกป่ำในเวลำต่อมำโดยกำรจ้ำงชำวบ้ำนให้ปลูกป่ำบน พืนที่ต้นน้ำ ค่ำจ้ำงวันละ 300 บำท พร้อมทังจ้ำงให้ชำวบ้ำนท้ำแนวกันไฟ ดูแลไฟป่ำ บ้ำนน้ำป้ำกไม่ประสบปัญหำ หมอกควันในพืนที่เนื่องจำกเกษตรกรเลิกเผำซังข้ำวโพดมำนำนแล้ว • “เมื่อก่อนก็ปลูกข้าวโพดบนดอยนี่แหละ แต่ตอนหลังทางการก็เอาไม้เศรษฐกิจมาให้ปลูกแทนที่ข้าวโพดที่ ปลูกบนดอย” บ้ำนห้วยธนู กำรปลูกข้ำวโพดติดกันเป็นระยะเวลำหลำยปีท้ำให้สภำพดินเสื่อมโทรม ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่มีจ้ำนวนลด น้อยลง ทังยังต้องใช้ปุ๋ยในปริมำณที่เพิ่มมำกขึน ประกอบกับรำคำปัจจัยกำรผลิต อำทิ ปุ๋ยยำก้ำจัดวัชพืช ที่สูงขึน ท้ำให้เกษตรกรต้องกู้เงินเพื่อลงทุนท้ำกำรเกษตรเพิ่มเติม • “เป็นหนี้เพราะเอามาลงทุนข้าวโพด แต่ขายไม่ได้ราคาก็ต้องกู้เงินมาเพิ่ม” • “ยังไม่ได้อะไรสักอย่าง หมุนไปหมุนมา พอขายได้ 60,000 ก็ต้องเอาไปใช้เขา” บ้ำนห้วยม่วง เกษตรกรบ้ำนห้ วยม่วงประสบปั ญ หำรำคำข้ำวโพดตกต่้ำ และต้นทุนในกำรปลู กข้ำวโพดสู งขึน ท้ำให้ ชำวบ้ำนต้องไปกู้เงินเพื่อมำลงทุนเพิ่มขึน แต่รำยรับจำกผลผลิตที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อกำรช้ำระหนี บำงครังรำยรับที่ ได้พอส้ำหรับจ่ำยดอกเบียเท่ำนัน ท้ำให้ต้องกู้เพิ่ม และมีหนีสินสะสมจึงเพิ่มเรื่อย ๆ วนเป็นวงจรแบบนีมำเรื่อย ๆ เพรำะชำวบ้ำนไม่รู้ว่ำจะประกอบอำชีพอะไรหำกไม่ปลูกข้ำวโพด • “ไม่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเรืองข้าวโพดเลย” • “กองทุนเมล็ดพันธุ์ ช่วยให้มีเงินกู้ ดอกเบี้ยถูกกว่าพ่อค้า ค่อยยังชั่วหน่อย” • “ตอนนี้ราคาไม่ดี เลิกข้าวโพดปั๊ป หนี้สินเท่าเดิม ปิดทองเขาก็เอาไม้มาให้ปลูก แต่ตอนนี้ก็ต้องรับจ้างไป ก่อน เก็บมะแคว่นไปขายบ้าง”


5. โครงการสถานีพัฒนาเกษตรที่สูง ตามแนวพระราชดาริ จังหวัดน่าน (อาเภอท่าวังผา) บ้านสบขุ่น ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน บ้ำนสบขุ่น จำกค้ำบอกเล่ำของผู้เสวนำพบว่ำ กำรที่รำคำข้ำวโพดตกต่้ำ รวมถึงต้นทุนในกำรเพำะปลูก ได้แก่ ค่ำปุ๋ย ค่ำยำ และค่ำเมล็ดพันธุ์เพิ่มสูงขึน ท้ำให้รำยได้ที่เกิดขึนไม่เพียงพอต่อค่ำใช้จ่ำย หนีสินจึงเพิ่มขึน และกลำยเป็น ปัญหำหลักของเกษตรกร ทังนี กองทุนหมู่บ้ำนและธนำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร (ธกส.) เป็น หน่วยงำนโดยตรงที่เกี่ยวข้องกับปัญหำหนีสินของชำวบ้ำนโดยตรงแต่กลับพบว่ำ ทังสองหน่วยงำนก็ไม่ได้มีบทบำท มำกนักในกำรจัดกำรหนีสิน • “ขายข้าวโพด หักค่าใช้จ่ายเสร็จยังไม่ได้เงินเท่าที่กู้มาทาให้เกิดหนี้สินก็ต้องกู้ต่อเรื่อย ๆ” • “กองทุนหมู่บ้านมีคนกู้เยอะทาให้ไม่พอกู้” • “ไม่กู้ ธกส. เพราะกาหนดระยะเวลาในการใช้หนี้ไม่ตรงกับผลผลิตที่ขายได้ ” นอกจำกนีเกษตรกรบ้ำนสบขุ่นได้รับผลกระทบจำกนโยบำยกำรไม่รับซือข้ำวโพดจำกพืนที่ไม่มีอกสำรสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรถูกกดรำคำเนื่องจำกน้ำผลผลิตไปขำยโดยตรงไม่ได้ ต้องขำยผ่ำนนำยหน้ำ • “ไม่มีเอกสารสิทธิ์เขาซื้อของเราถูกแต่เขาเอาไปรวมเอาไปขายได้ดีเขาเลยมากดราคาข้าวโพดที่ไม่มีโฉนด แล้วเราก็เสียเปรียบที่เราไม่มีโฉนด ไม่มีเอกสารสิทธิ์อะไรเลย” ปัจจุบันเกษตรกรที่เข้ำร่วมโครงกำรวิสำหกิจชุมชนผู้ปลูกกำแฟ บ้ำนสบขุ่น ยังคงปลูกข้ำวโพดเนื่องจำก เป็นแหล่งรำยได้หลักแก่ครอบครัว ในขณะที่กำแฟและพืชทำงเลือกอื่น ๆ ยังไม่ได้ให้ผลผลิต และยอมรับว่ำยังไม่มี ควำมมั่นใจในเรื่องของรำคำและตลำดส้ำหรับพืชทำงเลือกต่ำง ๆ • “หากจะเลิกข้าวโพด ต้องมีรายได้รองรับ ระหว่างเราปลูกกาแฟหากสามารถทาพืชอื่นที่ได้เดือนต่อเดือน มีรายได้รองรับในระหว่างรอผลผลิตกาแฟ เราก็จะนาเงินไปจ่ายหนี้เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เอาไว้กินได้” บ้ำนดอยติว บ้ำนดอยติวเป็นพืนที่ที่แทบไม่มีหน่วยงำนภำยนอกเข้ำมำช่วยเหลือในกำรแก้ไขปัญหำต่ำง ๆ ที่เกิดขึน และไม่มีควำมต่อเนื่องในกำรด้ำเนินโครงกำร หนึ่งในโครงกำรที่เข้ำมำด้ำเนินงำนในพืนที่ คือ โครงกำรหลวงฯ โดย


ได้เข้ำมำส่งเสริมกำรปลูกกำแฟ และหัตถกรรมในบ้ำนดอยติวตังแต่ประมำณปี พ.ศ.2547 แต่ไม่ได้หำตลำดรองรับ ท้ำให้ชำวบ้ำนไม่มีช่องทำงในกำรจ้ำหน่ำยผลผลิต และไม่มีรำยได้จำกกำรปลูกกำแฟ จึงไม่ได้ช่วยให้ลดพืนที่กำร ปลูกข้ำวโพดลงได้แต่อย่ำงใด • “โครงการหลวงเขาเอาโครงการมาลงอย่างเดียวแต่ไม่ได้หาตลาดให้เรา” ทังนีผู้ร่วมเสวนำยอมรับว่ำ ควำมขัดแย้งในพืนที่ และปัญหำยำเสพติดมีผลให้หน่วยงำนต่ำง ๆ เข้ำถึงพืนที่ ยำก ชำวบ้ำนบำงส่วนปฏิเสธกำรเข้ำร่วมโครงกำรต่ำง ๆ • “เขาไม่เข้ามา เพราะชาวบ้านบางส่วนไม่อยากให้เข้ามา เขากลัวโดยจับยาเสพติดด้วย”


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.