โครงการ “โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมสาหรับ กิจการเพื่อสังคม และจัดทากรณีศึกษานาร่อง” Social Impact Assessment Research Development System for Social Enterprises and Pilot Cases
ภาคผนวก รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม กิจการเพื่อสังคม 6 แห่ง
โดย สฤณี อาชวานันทกุล และคณะ ธันวาคม 2560 เอกสารชิน้ นีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของโครงการ ดาวน์โหลดรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้จาก http://www.salforest.com/knowledge/se-research-report
คณะวิจัย บริษัท ป่าสาละ จากัด สฤณี อาชวานันทกุล ภัทราพร แย้มละออ ธัญธิดา สาสุนทร กรณิศ ตันอังสนากุล รพีพฒ ั น์ อิงสิทธิ์ วิทยาลัยโลกคดีศึกษาและการประกอบการสังคม (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชัญญา ปัญญากาพล ศิญาณี หิรัญสาลี วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วีรบูรณ์ วิสารทสกุล พัชรี กวาวคีรี สาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รัชฎาพร วิสุทธากร ดร. นิศาชล จานงศรี ผศ.ดร.นฤมล สิงห์ดง บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รศ. ดร. ธนัญญา วสุศรี ผศ.ดร.ปภัศร ชัยวัฒน์ ดร.กนกพร เรียนเขมะนิยม วราภรณ์ บุญมากอง วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ดร. นันทนา อุดมกิจ จีรภัทร งามพิมล เบญญาภา ชาประเสริฐกุล ก-1
ภาคผนวก ก. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม สหกรณ์กรีนเนท โครงการมะพร้าวเกษตรอินทรีย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1. ความเป็นมาของกิจการ/โครงการเพื่อสังคม สหกรณ์กรีนเนท จำกัด เป็นองค์กรพัฒนำเอกชนทำหน้ำที่ส่งเสริม ทำกำรตลำด และจัดจำหน่ำย ผลิ ตภัณฑ์เกษตรอิน ทรี ย์ โดยยึ ดหลั กกำรดำเนินกำรค้ำที่เป็นธรรม (Fair Trade) โดยทำกำรตลำดทั้งใน ประเทศและต่ำงประเทศ นอกจำกนี้ สหกรณ์กรีนเนทยังเป็นหนึ่งในองค์กรสำคัญที่มีบทบำทในกำรเผยแพร่ ควำมรู้ด้ำนเกษตรอินทรีย์แก่เกษตรกรที่สนใจ และส่งเสริมกำรบริโภคผักผลไม้อินทรีย์เพื่อสุขภำพและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ผลักดันมำตรฐำนเกษตรอินทรีย์ มำตรฐำนกำรค้ำที่เป็นธรรม และระบบตรวจรับรองในประเทศ ไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน สหกรณ์กรีนเนทดำเนินกำรครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทำงกำรเกษตร หลำยประเภท อำทิ พืชผัก ข้ำว กำแฟอินทรีย์ ชำสมุนไพร มะพร้ำว และมะม่วงหิมพำนต์ สหกรณ์กรีนเนทดำเนินกำรศึกษำควำมเป็นไปได้ในกำรปลูกสินค้ำเกษตรอินทรีย์ ที่อำเภอบำงสะพำน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 โดยทำงำนอย่ำงใกล้ชิดกับกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชำติ บ้ำนกรูด ซึ่ง เป็ น กลุ่ มชำวบ้ ำนที่ร วมตัว ต่อต้ำนโครงกำรโรงไฟฟ้ำบ้ำนกรูด ต.ธงชัย อ.บำงสะพำน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจำกเกรงว่ำจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน ต่อมำจึงรวมตัวกันเป็น “กลุ่มพัฒนำเกษตรอินทรีย์ อ.บำง สะพำน” เพื่อเป็นแนวทำงในกำรส่งเสริมอำชีพควบคู่ไปกับกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเปิดรับสมำชิกเป็นครั้ง แรกในปลำยปี พ.ศ. 2546 โดยมีมะพร้ำวเป็นผลผลิตหลัก และได้เริ่มเข้ำมำให้ควำมรู้และส่งเสริมกำรทำเกษตร อินทรีย์ให้แก่กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชำติ มีกำรนำชุดเครื่องมือโรงเรียนเกษตรกรและกำรพัฒนำเทคโนโลยีแบบมี ส่ ว นร่ ว มมำใช้ในกำรจั ด กิจ กรรมกั บ สมำชิ กกลุ่ ม ฯ จัดทำแปลงสำธิต กองทุนสนับสนุนช่ว ยเหลื อสมำชิ ก โครงกำรฯ ระยะยำว กระทั่งได้รับกำรรับรองเกษตรอินทรีย์จำกสำนักงำนมำตรฐำนเกษตรอินทรีย์เป็นครั้งแรก เมื่อต้นปี พ.ศ. 2548 ต่อมำจึงได้รับกำรรับรองเกษตรอินทรีย์ตำมมำตรฐำนของสหภำพยุโรปในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งนับว่ำเป็นสร้ำงโอกำสทำงกำรตลำด สำมำรถส่งออกผลิตภัณฑ์กะทิอินทรีย์บรรจุกระป๋องไปยังสหภำพยุโรป นอกจำกกะทิอินทรีย์บรรจุกระป๋อง ซึ่งนับว่ำเป็นผลิตภัณฑ์หลัก สหกรณ์กรีนเนทยังส่งเสริมให้กลุ่มฯ ผลิตน้ำมันมะพร้ำวบริสุทธิ์ และกำรปลูกพืชชนิดอื่นในแปลงมะพร้ำวเพื่อลดค่ำใช้จ่ำยในครัวเรือนและสร้ำง รำยได้เสริม ปัจจุบัน กลุ่มพัฒนำเกษตรอินทรีย์ อ.บำงสะพำน จะมีกำรประชุมสมำชิกร่วมกันทุกเดือนเพื่อ กำหนดรำคำมะพร้ำวล่วงหน้ำ 1 เดือน ซึ่งจะเป็นรำคำที่กลุ่มฯ จะจำหน่ำยมะพร้ำวอินทรีย์ ให้กับสหกรณ์ กรีนเนทเพื่อนำไปแปรรูปต่อไป ก-2
สหกรณ์กรีนเนท มีกิจกรรมหลักได้แก่ ให้ควำมรู้และส่งเสริมกำรทำเกษตรอินทรีย์ ให้ควำมรู้ด้ำน กำรเกษตรผสมผสำนและปัจจัยกำรผลิต เช่น ปุ๋ย กำรกำจัดแมลง กำรรับรองมำตรฐำนเกษตรอินทรีย์ กำรรับ ซื้อผลผลิตมะพร้ำวภำยใต้ระบบกำรค้ำแบบ Fair trade กำรส่งเสริมกำรปลูกพืชอินทรีย์อื่นๆ สร้ำงเครือข่ำย เกษตรกร และให้ควำมรู้ด้ำนกำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันมะพร้ำว โดยมีสมำชิกเข้ำร่วมโครงกำรครั้งแรก 25 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ส่งเสริมกำรทำเกษตรอินทรีย์จำนวน 622 ไร่ ปัจจุบัน กลุ่มฯ มีสมำชิกที่สมัครเข้ำร่วมโครงกำรเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด 5 หมู่บ้ำน กระจำยอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ตำบลธงชัย 3 หมู่บ้ำน ได้แก่ บ้ำนในสวน บ้ำนดอนสูง บ้ำนหนองมงคล และ ตำบลชัยเกษม 2 หมู่บ้ำน คือ บ้ำนหนองจันทร์ และบ้ำนมรสวบ ในปี พ.ศ. 2558 สหกรณ์กรีนเนทได้รับซื้อผลผลิตมะพร้ำว อินทรีย์จำกกลุ่มพัฒนำเกษตรอินทรีย์ฯ รวมทั้งสิ้น 580,952 ลูก คิดเป็นมูลค่ำ 12,130,770.35 บำท จำนวน สมำชิกกลุ่มตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2559 และพื้นที่เกษตรอินทรีย์ จานวนสมาชิกกลุ่มปี 2546-2558 และพื้นที่เกษตรอินทรีย์ (ไร่) ปี
จานวนสมาชิก(ครัวเรือน)
พื้นที่เกษตรอินทรีย์ (ไร่)
2546
25
622.87
2547
24
635.01
2548
13
409.00
2549
9
399.31
2551
25
718.84
2552
24
717.84
2553
25
623.84
2554
24
717.68
2555
40
885.09
2556
42
917.81
2557
40
907.81
2558
66
1,361.11 ก-3
2559
57
910.00 (ค่ำประมำณ) แหล่งที่มำ: กรีนเนท
สหกรณ์กรีนเนท ได้ระบุปัญหำหลักของชุมชนในด้ำนเศรษฐกิจว่ำช่วงที่เริ่มโครงกำรมะพร้ำวอินทรีย์ เกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหำรำคำมะพร้ำวตกต่ำ คือขำยได้รำวลูกละ 5 บำท เกษตรกรส่วนมำกมีปัญหำ เรื่องหนี้สิน โดยหนี้สินส่วนมำกมำจำกกำรกู้ยืมเพื่อใช้จ่ำยในครอบครัว และซื้ออุปกรณ์ทำงกำรเกษตร เช่น รถ ไถ นอกจำกนี้ เกษตรกรมีควำมกังวลในเรื่องภัยแล้งซึ่งทำให้ผลผลิตมะพร้ำวลดน้อยลง รวมถึงศัตรูพืชระบำด ในสวน เช่น หนอนหัวดำ ในส่วนปัญหำด้ำนสังคมนั้น เกษตรกรมีควำมกังวลในเรื่องแรงงำนภำคกำรทำเกษตร เพรำะเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ทำสวนมะพร้ำวอินทรีย์เป็นผู้สูงอำยุโดยเฉลี่ยอำยุมำกกว่ำ 50 ปีขึ้นไป วัยรุ่นส่วน ใหญ่จะเข้ำไปทำงำนในตัวเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือกรุงเทพมหำนคร และยังมีปัญหำด้ำนสิ่งแวดล้อม อำทิ เรื่องสภำพดินที่เสื่อมโทรม ไม่มีสำรอำหำรในดิน เนื่องจำกกำรใช้สำรเคมีมำเป็นระยะเวลำนำน และเรื่อง มลพิษในน้ำ 1.1 กระบวนกำรผลิตมะพร้ำวของเกษตรกร มะพร้ำวนับว่ำเป็นสินค้ำเกษตรหลักในอำเภอบำงสะพำน โดยจะเป็นมะพร้ำวพันธุ์พื้นเมืองซึ่งมีอำยุ ตั้งแต่ 20 ถึง 50 ปี โดยจะมีอำยุได้ยืนยำวนับร้อยปี เกษตรกรจะขยำยพันธุ์มะพร้ำวในสวนโดยกำรเพำะกล้ำ ปลูกแซมไว้ ส่วนกำรปรับปรุงดินนั้น เกษตรกรจะใช้ปุ๋ยพืชสดหรือปุ๋ยคอกโรยไว้ระหว่ำงต้น สำหรับกำรไถ พรวนจะดำเนินกำรปกติปีละ 2-3 ครั้ง แต่สำหรับสวนที่มีกำรกำจัดวัชพืชเป็นประจำ อำจไม่จำเป็นต้องไถ พรวนเลย กำรเก็บเกี่ยวผลผลิตมะพร้ำวจะทำได้ทุก 45 วันต่อครั้ง เฉลี่ยประมำณปีละ 8 ครั้ง โดยเกษตรกรจะ จ้ำงลูกจ้ำงมำทำกำรสอยมะพร้ำวละจำกต้น และขนมำกองรวมกันไว้ในสวน เพื่อจำหน่ำยให้กับพ่อค้ำที่มำรับ ซื้อต่อไป โดยจะขำยเป็นลูก รำคำถูกกำหนดโดยพ่อค้ำที่มำรับซื้อ แบ่งออกเป็น 3 ขนำดคือเล็ก กลำง และใหญ่ กำรทำสวนมะพร้ำวจะไม่มีสัญญำซื้อขำยประจำหรือผู กขำด สำหรับสมำชิกกลุ่มฯ ที่อยู่ในระยะปรับเปลี่ยน ก่อนได้รับกำรรับรองเกษตรอินทรีย์ สหกรณ์กรีนเนทจะไม่รับซื้อผลผลิต กล่ำวคือ ต้องขำยผลผลิตในตลำด ทั่วไป 1.2 มำตรฐำนเกษตรอินทรีย์ กลุ่มพัฒนำเกษตรอินทรีย์ อ.บำงสะพำน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำรผลิตโดยรวม 1. เกษตรกรจะต้องแจ้ งพื้นที่ที่ตนครอบครองและพื้นที่เช่ำ ไม่ว่ำจะมีโฉนดหรือไม่ก็ตำม ให้โครงกำร รับทรำบ ก-4
2. แปลงมะพร้ำวทุกแปลงของเกษตรกร จะต้องทำในระบบเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด 3. เกษตรกรจะต้องปลูกพืชตำมแนวเขต เพื่อป้องกันกำรปนเปื้อน หำกมีน้ำไหลผ่ำนแปลงให้ทำแนวร่อง น้ำหรือหำพืชมำปลูกกั้นทำงน้ำเพื่อป้องกันสำรเคมีจำกแปลงเกษตรเคมี ทั้งนี้ พืชตำมแนวกันชนจะไม่ ถือว่ำเป็นผลผลิตอินทรีย์ ระยะปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรอินทรีย์ 4. พื ช ยื น ต้ น (มะพร้ ำ ว) มี ร ะยะปรั บ เปลี่ ย นขั้ น ต่ ำ 18 เดื อ น ผลผลิ ต ที่ เ ก็ บ เกี่ ย วหลั ง จำกพ้ น ระยะ ปรับเปลี่ยนถือว่ำเป็นผลผลิตอินทรีย์ 5. วันที่สมัครเข้ำร่วมโครงกำรเกษตรอินทรีย์เพื่อขอรับรองมำตรฐำนเกษตรอินทรีย์ ให้นับเป็นวันที่ 1 ของกำรเริ่มระยะปรับเปลี่ยน
กำรผลิตคู่ขนำดหรือกำรเปิดพื้นที่ใหม่ 6. พืชที่ปลูกในแปลงเคมีจะต้องเป็นพืชต่ำงชนิดหรือต่ำงพันธุ์กับแปลงอินทรีย์ที่ขอรับรอง โดยสำมำรถ จำแนกได้ง่ำยด้วยสำยตำ เช่น รูปร่ำงต่ำงกัน หรือเป็นพืชต่ำงชนิดกัน 7. เกษตรกรที่มีต้นมะพร้ำวตำมแนวเขตแปลง และมีควำมเสี่ยงกำรปนเปื้อนสำรเคมีจำกแปลงข้ำงเคียง จะต้องจัดเก็บผลผลิตจำกมะพร้ำวต้นดังกล่ำวคนละพื้นที่กับผลผลิตอินทรีย์ และต้องทำสัญลักษณ์ จำแนกให้ชัดเจน โดยผลผลิตที่เก็บได้จำกต้นตำมแนวเขตแปลงให้ถือว่ำไม่ใช่ผลผลิตอินทรีย์ กำรปรับปรุงบำรุงดิน 8. ห้ำมใช้มูลเป็ดและมูลไก่มำเป็นปุ๋ย แต่สำมำรถใช้มูลหมู มูลวัว และมูลสัตว์อื่นๆ ได้ ทั้งนี้ กำรนำมูล สัตว์มำใช้เป็นปุ๋ยควรผ่ำนกระบวนกำรหมักและปล่อยให้แห้งก่อนนำมำใช้ โดยห้ำมใช้ปุ๋ยคอกสด 9. ห้ำมใช้ขยะเทศบำลและอุจจำระคนมำเป็นส่วนผสมของปุ๋ยอินทรีย์ 10. ห้ำมใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ชีวภำพ ปัจจัยกำรผลิตที่มียี่ห้อทำงกำรค้ำ ก่อนได้รับอนุญำตจำกโครงกำรฯ เมล็ดพันธุ์/กำรขยำยพันธุ์พืช 11. เมล็ดพันธุ์หรือกล้ำพันธุ์สำหรับขยำยพันธุ์พืช จะต้องมำจำกพืชที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ แต่ใน กรณีที่ไม่สำมำรถจัดหำได้ อนุญำตให้ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีกำรคลุกยำ แต่ต้องล้ำงก่อนนำไปปลูกในแปลง เกษตรอินทรีย์
ก-5
12. ห้ำมเผำเศษซำกอินทรียวัตถุที่ไม่ใช่มะพร้ำว ในพื้นที่กำรผลิตทั้งก่อนและหลังเก็บเกี่ยว ยกเว้นจะได้รับ อนุญำตจำกโครงกำรฯ 13. ผู้ผลิตต้องควบคุมกำรเผำอินทรียวัตถุในแปลงให้น้อยที่สุด ยกเว้นในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องกำจัด แหล่งระบำดของโรคหรือศัตรูพืช กำรป้องกันศัตรูพืช 14. ห้ำมใช้ยำฆ่ำแมลง ยำฆ่ำหญ้ำ หรือสำรสังเครำะห์ทุกชนิดไม่ว่ำกรณีใดๆ ในแปลงเกษตรอินทรีย์ 15. ห้ำมใช้ปัจจัยกำรผลิต หรือสำรชีวะภัณฑ์ที่มำจำกกำรตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) กำรจำหน่ำยและกำรแปรรูป (มะพร้ำวอินทรีย์) 16. เกษตรกรต้องมีมำตรกำรในกำรป้องกันกำรปนเปื้อนสำรที่ไม่ใช่สำรอินทรีย์ในผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ อย่ำงชัดเจน 17. เกษตรกรต้องจดบันทึก และ/หรือ เก็บใบซื้อ -ขำย ผลผลิตมะพร้ำวอินทรีย์ รวมถึงผลผลิตในระยะ ปรับเปลี่ยนให้ชัดเจน ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน และสำมำรถตรวจสอบย้อนหลังได้ มำตรฐำนกำรดำเนินกำรของกลุ่ม 18. เกษตรกรที่เป็นสมำชิกโครงกำรฯ จะต้องเข้ำร่วมประชุมหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมของโครงกำรฯ ทุก ครั้ง หำกไม่มำร่วมกิจกรรมติดต่อกัน 3 ครั้ง ทำงโครงกำรจะทบทวนสถำนะควำมเป็นสมำชิก
2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ 2.1 ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) ถ้ำสหกรณ์กรี น เนทมี กำรส่ งเสริ ม กำรทำเกษตรอิน ทรีย์ และกำรค้ ำแบบ Fair trade ในโครงกำร โครงกำรมะพร้ำวเกษตรอิน ทรีย์ อำเภอบำงสะพำน แล้ว เกษตรกรจะมีฐำนะและสุขภำพดีขึ้น เกิดควำม สำมัคคีในชุมชนมำกขึ้น และระบบนิเวศน์ดีขึ้น 2.2 ห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) ของกิจกำร • ปัจจัยนาเข้า (Input) เงินสนับสนุนจำกมูลนิธิสำยใยแผ่นดิน สหกรณ์กรีนเนท และค่ำดำเนินกำรขำย มะพร้ำวจำกเกษตรกร
ก-6
• กิจกรรม (Activities) ของโครงกำรกรีนเนท คือ กำรส่งเสริมกำรทำเกษตรอินทรีย์ เช่น กำรจัดกำร อบรมเกษตรกร กำรเผยแพร่ควำมรู้เกี่ยวกับวิธีทำเกษตรอินทรีย์ กิจกรรมกำรส่งเสริมกำรรวมกลุ่ม ของเกษตรกร กำรรั บ ซื้ อ ผลผลิ ต ของเกษตรกรในระบบกำรค้ ำ แบบ fair trade และกำรพั ฒ นำ ผลิตภัณฑ์ เช่น กำรแปรรูป ทำเป็นน้ำมันมะพร้ำว • ผลผลิต (Output) คือสิ่งที่ได้จำกกำรเข้ำร่วมโครงกำรของเกษตรกร แบ่งออกเป็นสองด้ำน คือ หนึ่ง ผลในส่วนที่เป็นตัวเงิน ได้แก่ รำยได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนกำรผลิตลดลง ซึ่งจะส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้น และ สองผลในส่วนที่ไม่ได้เป็นตัวเงิน ได้แก่ กำรทำเกษตรอินทรีย์นั้น อำจจะส่งผลเกษตรกรมีสุขภำพที่ดี ขึ้น กำรรวมกลุ่มของเกษตรกรทำให้มีกำรช่วยเหลือกันเพิ่มมำกขึ้น ซึ่งจะทำให้กลุ่มแข็งแรงและมีกำร แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์กันมำกขึ้น เรื่องระบบนิเวศน์ในสวนหรือสิ่งแวดล้อมหลังจำกกำรทำเกษตร อินทรีย์ก็เป็นอีกมุมมองที่มีกำรเปลี่ยนแปลงซึ่งอำจจะมีควำมอุดมสมบูรณ์มำกขึ้น • ผลลัพธ์ (Outcome) คือ ในระดับปัจเจก เกษตรกรมีคุณภำพชีวิตที่ดีขึ้น อันเนื่องมำจำกรำยได้ที่ เพิ่มขึ้น ต้นทุนกำรผลิตลดลง มีสุขภำพที่ดีขึ้น มีกำรรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์กันมำกขึ้น นอกจำกนี้ ยังส่งผลให้สิ่งแวดล้อมมีควำมยั่งยืนมำกขึ้น 2.3 ตัวชี้วัดที่เหมำะสม และคำอธิบำย ด้านตัวเงิน (Financial Assessment) ตัวชี้วัดคือ รำยได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนกำรผลิตที่ลดลง โดยดูจำก รำคำรับซื้อมะพร้ำวของกรีนเนทเมื่อเทียบกับรำคำตลำด และกำรทำเกษตรอินทรีย์จะช่วยลดต้นทุนในกำร ปลูกได้ ด้านที่ไม่ใช่ตัวเงิน (Non-Financial Assessment) แบ่งออกเป็น 3 ด้ำน ประกอบด้วย • ด้านสังคม ตัวชี้วัดคือ ควำมสำมัคคีในชุมชน สะท้อนจำกกำรที่เกษตรกรมำรวมกลุ่มกันมำกขึ้น มีกำร แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้และช่วยเหลือเกื้อกูลในสังคมมำกขึ้น • ด้านสุขภาพ ตัวชี้วัดคือ สุขภำพดีขึ้น และค่ำใช้จ่ำยในกำรรักษำพยำบำลลดลง เนื่องจำกไม่มีกำรใช้ สำรเคมีในกำรผลิต • ด้านสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัดคือ ระบบนิเวศน์ในสวนมีกำรเปลี่ยนแปลงไปในทำงที่ดีขึ้น ซึ่งจะวัดว่ำกำรที่ เกษตรกรทำเกษตรแบบอินทรีย์แล้ว มีผลส่งให้สิ่งแวดล้อมในสวน เช่น ดินมีคุณภำพที่ดีขึ้นหรือไม่
ก-7
2.4 ผลกำรลงพื้นที่ และผลกำรทดลองคำนวณขนำดของผลลัพธ์ (ตำมตัวชี้วัด) คณะวิจัยได้ลงพื้นที่จำนวนสำมครั้ง ครั้งที่หนึ่งระหว่ำงวันที่ 20-22 ตุลำคม 2559 มีวัตถุประสงค์เพื่อ ทำควำมรู้จักกับผู้ทำกลุ่มเกษตรกรและพื้นที่โครงกำร กำรเก็บข้อมูลหลักได้ดำเนินกำรระหว่ำงวันที่ 18-20 พฤศจิกำยน 2559 โดยใช้วิธีกำรเก็บข้อมูลโดยกำรสัมภำษณ์แบบกลุ่ม (Focus Group Discussion-FGDs) กับ เกษตรกรที่เข้ำร่วมโครงกำรจำนวน 23 รำย และเกษตรกรที่ไม่ได้เข้ำร่วมโครงกำรจำนวน 6 รำย และกำรลง พื้นที่ครั้งที่สำม ระหว่ำงวันที่ 27-29 ธันวำคม 2559 เป็นกำรสัมภำษณ์เชิงลึกกับเกษตรกรจำนวน 6 รำย เจ้ำหน้ำที่รัฐ 1 รำย และเข้ำร่วมสังเกตกำรณ์ กำรประชุมประจำเดือนของสมำชิกกลุ่มพัฒนำเกษตรอินทรีย์ อ. บำงสะพำน สรุปข้อมูลลักษณะประชากรพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน (คน)
สัดส่วน
ชำย
10
43%
หญิง
13
57%
ต่ำกว่ำ 3 ปี
5
31%
3-9 ปี
5
31%
10 ปีขึ้นไป
6
38%
40-50 ปี
9
41%
51-60 ปี
7
32%
มำกกว่ำ 60 ปี
6
27%
13
76%
เพศ (n=23)
ปีที่เข้ำร่วมโครงกำร (n=16)
อำยุ (n=22)
กำรศึกษำ (n=17) ป.1- ป.6 ก-8
จำนวน (คน)
สัดส่วน
ม.1- ม.6
2
12%
อนุปริญญำ
2
12%
40-50 ปี
9
47%
51-60 ปี
6
32%
60 ปีขึ้นไป
4
21%
1-2 คน
2
9%
3-5 คน
18
78%
5 คนขึ้นไป
3
13%
ต่ำกว่ำ 10 ไร่
6
26%
10-30 ไร่
12
52%
31-50 ไร่
3
13%
มำกกว่ำ 50 ไร่
2
9%
10,001-30,000
14
67%
30,001-50,000
3
14%
มำกกว่ำ 50,000
4
19%
19
83%
จำนวนปีที่อำศัยอยู่ที่หมู่บ้ำน (n=19)
จำนวนสมำชิกในครัวเรือน (n=23)
ขนำดของที่ดิน (n=23)
รำยได้โดยเฉลี่ยครัวเรือนต่อเดือน (n=21)
แหล่งของรำยได้หลัก (n=23) สวนมะพร้ำว ก-9
จำนวน (คน)
สัดส่วน
4
17%
มี
10
67%
ไม่มี
5
33%
ทำเอง
5
22%
จ้ำงแรงงำนภำยนอก
18
78%
อำชีพเสริมอื่นๆ หนี้สิน (n=15)
แรงงำนเกษตร (n=23)
จำกกำรเก็บข้อมูล พบว่ำเกษตรกรกลุ่มตัวอย่ำงทั้งหมดประกอบอำชีพทำสวนมะพร้ำวเป็นหลัก แต่มี เกษตรกรบำงครัวเรือนมีอำชีพเสริม มีรำยได้จำกแหล่งอื่น หรือมีสมำชิกในครอบครัวประกอบอำชีพอื่น เช่น ทำงำนกับองค์กำรบริหำรส่วนตำบล รับจ้ำงทั่วไป ทำสวนยำง รับจ้ำงปอกมะพร้ำว รับ จ้ำงสอยมะพร้ำว ทำ สวนปำล์ม ทำประมง ทำปศุสัตว์ อำทิ วัว หมู ขำยผัก กรีดยำง ปลูกสับปะรด ทุเรียน ส่วนค่ำใช้จ่ำยหลักของเกษตรกรจะเป็นในเรื่องปัจจัยกำรผลิต เช่น ค่ำแรงงำน ค่ำปุ๋ย ค่ำตัดหญ้ำ และ ค่ำเครื่องมือกำรเกษตร เช่น รถไถ และค่ำใช้จ่ำยบำงส่วนที่จำเป็น เช่น ค่ ำน้ำมัน ค่ำเทอม ค่ำอำหำรสัตว์ ค่ำ รักษำพยำบำล ค่ำใช้จ่ำยเกี่ยวกับกำรดูแลรักษำในสวน ในส่วนของหนี้สิน เกษตรส่วนใหญ่ คิดเป็นประมำณ 67% มีหนี้สินจำกกำรซื้อเครื่องมือทำงกำรเกษตร รถยนต์ ที่ดิน บ้ำน ซึ่งเกษตรกรทั้งหมดเป็นลูกค้ำธนำคำร เพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ในขณะที่เกษตรกร 33% ระบุว่ำไม่มีหนี้สิน เกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกมะพร้ำวเป็นพืชหลัก ในแปลงจะมีกำรปลูกไม้ผลและพืชผักสวนครัว แต่ส่วน ใหญ่มักจะปลู กไว้รั บ ประทำนในครั ว เรื อน ส่ ว นพืช อื่นๆ เช่น ข้ำว ยำง ปำล์ ม ก็จะเป็นรำยได้เสริมให้ แก่ เกษตรกร นอกจำกนี้ เกษตรกรในกลุ่ม ยังเลี้ยงสัตว์ เช่น โค สุกร และไก่ เพื่อรับประทำนในครัวเรือน และขำย นอกจำกนี้ ยังมีกำรนำมูลของโคและสุกรมำใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ชำวสวนที่ทำมะพร้ำวอินทรีย์ส่วนมำกจะทำสวนมำตั้งแต่จำควำมได้ ปัญหำจำกกำรทำสวนมะพร้ำวใน อดีตคือเรื่องรำคำผลผลิตที่ต่ำและไม่มีช่องทำงในกำรจัดจำหน่ำย แต่ปัจจุบัน ปัญหำที่สำคัญคือแมลงศัตรูพืช คือหนอนหัวดำและแมลงดำหนำม เรื่องภัยแล้ง และเรื่องกำรใช้สำรเคมีของเกษตรกรแปลงข้ำงเคียง โดย ก - 10
เกษตรกรส่วนใหญ่พึ่งพำกำรจ้ำงแรงงำนเพื่อสอยและเก็บผลิตผลมะพร้ำว สำหรับสวนที่ไม่ได้ทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรจะเจอปัญหำเรื่องค่ำใช้จ่ำยจำกกำรใช้สำรเคมี เช่น ต้องจ้ำงฉีดยำฆ่ำหญ้ำ 2.5 แรงจูงใจในกำรเข้ำร่วมโครงกำรมะพร้ำวเกษตรอินทรีย์ของกรีนเนท กำรรวมกลุ่มเกษตรกรเริ่มแรกเกิดมำจำกกำรรวมกลุ่มเพื่อต่อต้ำนโรงไฟฟ้ำถ่ำนหินบ้ำนกรูดที่ตำบล ธงชัย อำเภอบำงสะพำน กลุ่มผู้ก่อตั้งและสมำชิกจึงมีเข้มแข็งและมีควำมสัมพันธ์แน่นแฟ้น รวมทั้งมีอุดมกำรณ์ ในเรื่องกำรอนุรักษ์ธรรมชำติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อมำสหกรณ์กรีนเนทได้ส่งเสริมกำรปลูกพืชอินทรีย์ต่ำงๆ และมีกำรชักชวนเกษตรกรที่มีควำมสนใจเรื่องเกษตรอินทรีย์มำเข้ำร่วมเพิ่มเติม แรงจูงใจหลักของกำรเข้ำร่วม โครงกำรของสมำชิกใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อ งรำคำผลผลิตที่สหกรณ์กรีนเนทจะรับซื้อสูงกว่ำตลำด และไม่เอำ เปรียบเรื่องรำคำขำย ส่วนควำมเชื่อมั่นในกำรทำเกษตรอินทรีย์อำจไม่ใช่แรงจูงใจหลักของสมำชิกที่เข้ำมำร่วม ใหม่ อย่ำงไรก็ดี สมำชิกรุ่นใหม่ได้เห็นตัวอย่ำงสวนของสมำชิกเดิมซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ำ กำรไม่ใช้สำรเคมี ในกำร ผลิตสำมำรถทำได้จริง โดยมีสภำพควำมอุดมสมบูรณ์ในสวนที่ดีกว่ำกำรทำกำรเกษตรแบบเคมี 2.6 ผลลัพธ์ที่สำมำรถวัดเป็นตัวเงิน อำเภอบำงสะพำน เป็นแหล่งปลูกมะพร้ำวแหล่งสำคัญของประเทศ เกษตรกรกลุ่มตัวอย่ำงทั้งหมดมี ที่ดินเป็นของตัวเองและทำสวนมะพร้ำวเป็ นอำชีพดังเดิมอยู่ แล้ว ค่ำใช้จ่ำยหลักในกำรทำสวนมะพร้ ำวจึง เกี่ยวกับต้นทุนแปรผัน (Variable Cost) ได้แก่ ค่ำจ้ำงแรงงำนสอยมะพร้ำว เก็บมะพร้ำว ไถดิน และค่ำปุ๋ย ซึ่ง เกษตรกรที่เป็นสมำชิกกลุ่มฯ ส่วนใหญ่จะซื้อปุ๋ยอินทรีย์จำกสหกรณ์กรีนเนท และผสมปุ๋ยเองที่ได้มำจำกมูลโค และสุกร ควำมแตกต่ำงระหว่ำงซื้อขำยมะพร้ำวให้กับสหกรณ์กรีนเนท และพ่อค้ำคนกลำงอื่นๆ สำมำรถสรุปได้ ดังนี้ 1. เกษตรกรจะรวมผลผลิตไว้ ณ ที่ทำกำรกลุ่ม โดยกลุ่มจะจัดหำแรงงำนเพื่อทำกำรคัดแยกมะพร้ำว เป็น 3 ขนำด คือ ใหญ่ กลำง เล็ก และปอกเปลือกมะพร้ำว เพื่อเตรียมขนส่งไปโรงงำนแปรรูปที่จังหวัดชลบุรี 2. เกษตรกรที่เป็นสมำชิกจะมีส่วนร่วมในกำรกำหนดรำคำรับซื้อมะพร้ำว โดยจะมีกำรประชุมสมำชิก ทุกเดือน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์และรับฟังข้อมูลข่ำวสำรจำกสมำชิกที่มีโ อกำสไปประชุม กับ ภำครัฐ ข้อมูลจำกผู้ประสำนงำนสหกรณ์กรีนเนท รวมทั้งร่วมกันกำหนดแนวทำงกำรทำงำนของกลุ่ม และ กำหนดรำคำรับซื้อผลผลิต 3. รำคำรับซื้อผลผลิตของสหกรณ์กรีนเนทจะกำหนดล่วงหน้ำ ประกำศรำคำรับซื้อไว้หน้ำที่ทำกำร กลุ่ม และใช้รำคำดังกล่ำวไปหนึ่งเดือน ในขณะที่รำคำรับซื้อมะพร้ำวในตลำดทั่วไปจะมีกำรเปลี่ยนแปลงทุกวัน ก - 11
4. รำคำรับซื้อมะพร้ำวอินทรีย์ของกลุ่มจะมีรำคำที่สูงกว่ำมะพร้ำวทั่วไป เนื่องจำกมีกำรบวกค่ำพรีเมีย มจำกรำคำตลำดของมะพร้ำวตั้งแต่ 1.25 บำท จนไปถึง 1.50 บำทต่อมะพร้ำวหนึ่งลูก ขึ้นอยู่กับจำนวนผลผลิต และรำคำมะพร้ำวในตลำดโดยจะกำหนดรำคำรับซื้อมะพร้ำวเป็น 2 รำคำ โดยขนำดใหญ่และกลำงให้รำคำ เท่ำกัน และขนำดเล็ก ในขณะที่ในตลำดทั่วไปจะรับซื้อเฉพำะขนำดใหญ่ และขนำดกลำง โดยจะมีรำคำต่ำงกัน มำก สำหรับมะพร้ำวลูกเล็ก เกษตรกรมักไม่ขำยเป็นลูก เนื่องจำกมีรำคำต่ำ เกษตรกรจึงนิยมนำไปปอกและ ขำยในรูปมะพร้ำวขำวให้กับพ่อค้ำมะพร้ำวได้ 5. สหกรณ์กรีนเนทออกค่ำใช้จ่ำยในกำรปอกเปลือกมะพร้ำว ค่ำขนส่งมะพร้ำว โดยทำงกลุ่มสำมำรถ เก็บเปลือกมะพร้ำวมำทำปุ๋ยอินทรีย์ให้กับสมำชิกในกลุ่มได้ต่อไป จำกกำรคำนวณรำยได้ ต้นทุน และกำไร ต่อไร่ ของเกษตรกรจำนวน 4 รำย ระหว่ำงปี 2557-2559 ที่ ได้ มี ก ำรจดบั น ทึ ก กำรขำยและค่ ำ ใช้ จ่ ำ ยและไว้ อ ย่ ำ งชั ด เจน พบว่ ำ เกษตรกรมี ร ำยได้ เ ฉลี่ ย ต่ อ ไร่ อยู่ ที่ 12,353.26 บำท ต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ 2,279.75 บำท (เมื่อทำกำรเปรียบเทียบต้นทุนกำรผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศ จำกสำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร ปี 2557 มีค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 3,280.07 บำทต่อไร่ และปี 2558 มีค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 3,311.91 บำทต่อไร่1) และ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ยต่อไร่ 10,073.50 บำท (เมื่อทำกำรเปรียบเทียบผลตอบแทน สุทธิต่อไร่จำกสำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร ปี 2557 มีค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 3,800.61 บำทต่อไร่ และปี 2558 มี ค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2,857.99 บำทต่อไร่) อย่ำงไรก็ดี เกษตรกรบำงคนมีรำยได้ที่สูงกว่ำรำยได้เฉลี่ย ทั้งนี้เนื่องมำจำก กำรแปรรูปมะพร้ำวขนำดเล็กเป็นมะพร้ำวขำว หรือแปรรูปเป็นมะพร้ำวแห้งเพื่อนำไปขำยกับพ่อค้ำคนกลำงซึ่ง เป็นกำรสร้ำงรำยได้พิเศษที่ได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้ำงดี 2.7 ผลลัพธ์ที่ไม่สำมำรถวัดเป็นตัวเงิน ในช่วงแรก กำรรวมกลุ่มเกิดจำกกำรชักชวนคนรู้จัก โดยมีผู้นำเกษตรกรเป็นแกนหลัก นอกจำกนี้ กลุ่ม ยังมีแนวคิดอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเนื่องจำกสมำชิกส่วนใหญ่มำจำกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บ้ำนกรูด อย่ำงไรก็ดี ในระยะหลังเกษตรกรหลำยรำยตัดสินใจเข้ำร่วมกลุ่มเพรำะแรงจูงใจด้ำนรำคำรับซื้อมะพร้ำวที่สูงกว่ำรำคำ ตลำด แต่มิได้เข้ำร่วมโครงกำรเพรำะมีควำมรู้หรือเชื่อมั่นในกำรทำเกษตรอินทรีย์ กล่ำวคือ เข้ำร่วมเพรำะ ผลประโยชน์ทำงกำรเงินที่สูงกว่ำ อย่ ำงไรก็ ดี หลั งจำกร่ ว มท ำงำนกั บ กลุ่ ม เกษตรกรส่ ว นใหญ่ คิดว่ ำ ชุมชนเข้มแข็ ง ขึ้น เช่น เริ่ม มี เกษตรกรบ้ำนข้ำงเคียงให้ควำมสนใจและร่วมรับฟังควำมรู้หรือข่ำวสำรใหม่ๆ จำกกลุ่มมำกขึ้น นอกจำกนี้ กลุ่ม มีอำนำจในกำรต่อรองกับภำครัฐมำกยิ่งขึ้น สมำชิกมีควำมสำมัคคีมีกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลข่ำวสำร ช่วยเหลือซึ่ง 1
ข้ อมูลต้ นทุนการผลิตมะพร้ าวเฉลี่ยทังประเทศ ้ http://www.oae.go.th/fruits/images/costs/coconut.pdf
ก - 12
กันและกัน และกำรรวมกลุ่มยังทำให้สมำชิกได้รับควำมรู้ใหม่ๆ ทำงกำรเกษตรอย่ำงสม่ำเสมอ โดยเกษตรกร รำยหนึ่งกล่ำวว่ำ “อยู่คนเดียวไม่ค่อยรู้อะไร พอมารวมกลุ่มก็ได้รู้จักเพื่อน มีความรู้มากขึ้น” ส่วนเรื่องของควำมสัมพันธ์ระหว่ำงสมำชิกในกลุ่ม สมำชิกจะมีกำรประชุมร่วมกันทุกเดือน เพื่อปรึกษำ เรื่องต่ำงๆ เช่น รำคำมะพร้ำว ปัญหำในสวนมะพร้ำว และวิธีกำรแก้ไข นอกจำกจะมีกำรประชุมร่วมกันทุก เดือนแล้ว สมำชิกยังมีกิจกรรมร่วมกันด้วย เช่น กิจกรรมกำรทำปุ๋ยพืชสดร่วมกัน กรณีเวลำมีปัญหำต่ำงๆ หรือ สงสัยในเรื่องต่ำงๆ อำทิเช่น กำรผลิต กำรตลำด หรือแม้แต่ข่ำวสำรทั่วไป สมำชิกส่วนใหญ่จะเข้ำไปถำมแกน นำของกลุ่ม หรือปรึกษำกับเจ้ำหน้ำที่ของสหกรณ์กรีนเนท นอกเหนือจำกควำมเข้มแข็งของชุมชนที่เพิ่มขึ้นแล้ว เกษตรกรยังพบว่ำสภำพแวดล้อมในสวนมีกำร เปลี่ยนแปลงไปในทำงที่ดีขึ้น ดินมีคุณภำพที่ดีขึ้น มีไส้เดือนในดินเยอะ ดินไม่แข็ง “เวลามะพร้าวตกลงมา มันไม่ค่อยแตก เพราะดินเรานิ่ม ถ้าใช้เคมี ดินแข็ง มะพร้าวตกลงมา แตกหมด ทาเกษตรแบบเคมีไปนานๆ ดินจะเสีย ต้นไม้มันไม่โต ใส่ปุ๋ยเท่าไรก็ไม่พอ ต้องเพิ่มอย่างเดียว เหมือนเอาเงินไป โยนทิ้ง แต่ถ้าทาอินทรีย์ ดินจะดีขึ้น มีไส้เดือนเยอะมากขึ้น” “สภาพดินนั้นดีขึ้น ดูจากไส้เดือนอยู่ในดินมากมาย ถ้าทาเกษตรแบบเคมีไปนานๆ ต้อ งใส่ปุ๋ยมากขึ้น ทุกปี ดินจะแข็ง ฝนตกน้าไม่ซึมลงดินแล้ว ดินมันตายแล้ว" “การควันดินหนึ่งครั้งในพื้นที่ปลูกอินทรีย์และปลูกเคมีจะเห็นความแตกต่างได้เลย คือ ดินผิดกันมาก หน้าฝนเดินจะรู้ สวนอินทรีย์เดินดินจะยุบ สวนเคมีดินถ้าเดินจะลื่นเพราะดินแข็งมาก ถ้าขุดลงไปสวนเคมีไม่ เจอหรอกไส้เดือน ถ้าขุดสวนอินทรีย์ขุดครั้งเดียวก็เจอแล้วไส้เดือน” ในด้ำนสุขภำพ งำนวิจัยชิ้นนี้ไม่พบข้อแตกต่ำงในเรื่องสุขภำพก่อนเข้ำร่วมโครงกำรกับขณะนี้อย่ำง ชัดเจน สมำชิกเกษตรกรส่วนใหญ่กล่ำวว่ำร่ำงกำยก็เปลี่ยนไปตำมสภำพอำยุของเกษตรกร ข้อแตกต่ำงจำกกำร เลิกใช้สำรเคมีในกำรผลิตนั้น จุดหลักคือ ควำมมั่นใจในเรื่องควำมปลอดภัยด้ำนอำหำร มีกำรปลูกสมุนไพรกิน เอง ปลูกผักกินเอง “การทาเกษตรอินทรีย์ มันเข้ากับชีวิตของเราได้ดี จริงๆ แล้วเราทาอินทรีย์ก็เพื่อตัวเราเอง เพื่อ ครอบครัวของเรา” สำหรับในกลุ่มของเกษตรกรที่เคยใช้สำรเคมีหรือทำงำนในโรงงำนมำก่อนนั้นได้กล่ำวว่ำ “สมัยก่อนทาโรงงานเหล็ก แล้วแพ้สารเคมี เล็บจะเป็นรู ผิวหนังพุพอง ต้องเลี่ยงเคมี เพื่อสุขภาพของ ก - 13
เราเอง” “เวลาใช้ยาฆ่าหญ้า มีเวียนหัวบ้าง ถ้าอากาศร้อน ร่างกายจะรับสารเคมีเข้าไปมาก แต่ถ้าโดนสารเคมี เช่น จะมีคันบ้าง และมึนหัว” 3. บทสรุป และข้อเสนอแนะ 3.1 ข้อสังเกตเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่เหมำะสม ในส่วนของกำรวัดประโยชน์ด้ำนตัวเงิน รำคำขำย ต้นทุนกำรผลิต จำนวนผลผลิต สำมำรถเป็นตัวชี้วัด ได้ อย่ำงไรก็ดี ผลวิจัยจะมีควำมชัดเจนมำกขึ้นหำกมีกำรวำงแนวทำงกำรเก็บข้อมูล อย่ำงเป็นระบบ และ สำมำรถนำค่ำไปเปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลอื่นได้ เช่น สำนักเศรษฐกิจกำรเกษตร หรือ FAO และเก็บข้อมูล ย้อนหลังหลำยๆ ปี นอกจำกนี้ควรจะต้องมีกำรเปรียบเทียบกับเกษตรกรที่ไม่ได้เป็นสมำชิกกลุ่มเพื่อให้ เห็น ควำมแตกต่ำงอันเป็นผลมำจำกโครงกำร ในส่ ว นของ ควำมสำมัค คีใ นชุม ชน กำรรวมกลุ่ ม กำรแลกเปลี่ ยนประสบกำรณ์ กำรเรียนรู้ แ ละ ช่วยเหลือเกื้อกูลในสังคม และสภำพแวดล้อมในสวนที่เปลี่ยนแปลงไป เกษตรกรที่ให้สัมภำษณ์ในงำนวิจัยชิ้นนี้ ทุกรำยอธิบำยถึงควำมเปลี่ยนแปลงในทำงที่ดีขึ้น เป็นกำรใช้หลักกำร Fair Trade เพื่อให้บรรลุเป้ำเรื่องกำร ส่งเสริมกำรทำเกษตรอินทรีย์ จำกกำรร่วมสังเกตกำรณ์กำรประชุมประจำเดือน กำรให้เกษตรกรได้มี ส่วนร่วม ในกำรกำหนดรำคำรับซื้อมะพร้ำวถือเป็นสิ่งที่เกษตรกรให้ควำมสำคัญและเห็นคุณค่ำในกำรเข้ำร่วมเป็นสมำชิก โครงกำร เกษตรกรกล่ำวว่ำ “ถ้ำขำยให้พ่อค้ำคนกลำง เขำซื้อเท่ำไร เขำนับลูกให้เรำเท่ำไร ว่ำลูกใหญ่เป็นลูกกลำง ว่ำลูกกลำงเป็น ลูกเล็ก ก็ต้องตำมนั้น” ส่วนรำคำที่มีกำรบวกเพิ่มจำกรำคำตลำดนั้น คุณค่ำที่ได้มีมำกกว่ำตัวรำคำ แต่มีคุณค่ำด้ำนกำรมีส่วน ร่วม กำรเป็นส่วนหนึ่งของกำรได้กำหนดรำคำ และกำรได้มีโอกำสเสนอและมีผู้รับฟัง และรู้สึกว่ำไม่ถูกเอำรัด เอำเปรียบเหมือนกับกำรขำยมะพร้ำวให้พ่อค้ำคนกลำง อย่ำงไรก็ดี งำนวิจัยชิ้นนี้ทำได้เพียงกำรให้ข้อมูลเชิงบรรยำย และยืนยันว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อย่ำงไรก็ดี กำรวำง Framework และวิธีกำรเก็บข้อมูล กำรวิเครำะห์ และนำเสนออย่ำงมีระบบ จะช่วยพัฒนำ ควำมน่ำเชื่อถือของผลงำนวิจัยได้
ก - 14
ตั ว ชี้ วั ด ที่ อ ำจจะลองน ำมำใช้ ต่ อ ไป คื อ กำรน ำหลั ก กำรเกษตรยั่ ง ยื น ไปประยุ ก ต์ ใ ช้ แ ละสำมำรถ ปรับเปลี่ยนวิธีชีวิตสู่กำรทำเกษตรแบบยั่งยืน เช่น กำรปลูกพืชผสมผสำน กำรทำปุ๋ยอินทรีย์ ควำมเข้ำใจถึง ประโยชน์ของกำรเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือเป็นเป้ำหมำยที่สหกรณ์กรีนเนทต้องกำรบรรลุผล 3.2 ข้อสังเกตอื่นๆ 1. ในส่วนของกฎระเบียบของกำรเป็นสมำชิก กลุ่มและกำรปฏิบัติตำมข้อบังคับกำรทำเกษตรอินทรีย์ นั้ น ในช่ว งแรกๆ เกษตรกร ไม่เข้ำใจระบบในกำรทำเอกสำร กำรจดบันทึก และรู้สึ กยุ่งยำกวุ่นวำย และ เกษตรกรบำงคนก็รู้สึกกังวลว่ำจะทำเกษตรอินทรีย์ได้หรือไม่ เนื่องจำกขั้นตอนในกำรปรับเปลี่ยนมำเป็นเกษตร อินทรีย์ ต้องลงทุนลงแรงเยอะและใช้เวลำค่อนข้ำงนำน เกษตรกรเห็นว่ำทำเกษตรอินทรีย์นั้นเหนื่อยต้องใช้ ควำมอดทน และใช้แรงงำนเยอะ และมีกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตำมมำก เกษตรกรรำยหนึ่งให้ข้อคิดว่ำ "กฏเกณฑ์เยอะกว่ำ แต่ไม่ได้เป็นข้อเสีย ถ้ำทำได้ก็ดีนะ มีประโยชน์" “อินทรีย์มันก็กฏเกณฑ์เยอะ แต่ถ้ำเรำทำได้มันก็ดี ดีกับตัวเรำเองด้วย มันยั่งยืน ใส่ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกลง ไป มันอยู่ในดินได้นำนกว่ำเคมี” 2. เนื่องจำกรำคำมะพร้ำวที่ทำงกลุ่มรับซื้อมีรำคำสูงกว่ำรำคำตลำด และกำรให้ควำมช่วยเหลือด้ำน ปัจจัยกำรผลิต เช่น กำรทำน้ำหมักใช้เองในกลุ่ม ในระยะหลังเกษตรกรหลำยรำยได้เข้ำมำเป็นสมำชิกกลุ่มด้วย แรงจูงใจด้ำนรำคำ เมื่อผ่ำนช่วงกำรปรับเปลี่ยน 18 เดือน เกษตรกรจึงสำมำรถขำยมะพร้ำวอินทรีย์ให้กับทำง กลุ่มได้ ในช่วงแรกจึงมีเกษตรกรที่เลิกกลำงคันเนื่องจำกยังไม่มีควำมรู้หรือยังไม่เชื่อมั่นในกำรทำเกษตรอินทรีย์ สำหรับเกษตรกรที่ผ่ำนช่วงปรับเปลี่ยนแล้วหรือได้ผ่ำนกำรรับรองมำตรฐำนเกษตรอินทรีย์แล้ว ก็จะมี ควำมมุ่งมั่นในกำรทำเกษตรอินทรีย์ และมิได้ให้ควำมสำคัญในมิติรำคำรับซื้อเท่ำนั้น แต่เห็นว่ำกำรทำเกษตร อินทรีย์จะช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยำวเนื่องจำกต้นมะพร้ำวจะมีอำยุยืนและให้ผลผลิตดีกว่ำ สำมำรถเก็บ ผลผลิตได้ทั้งปี และมีต้นทุนกำรผลิตที่ต่ำกว่ำ (เมื่อเปรียบเทียบกำรทำเกษตรแบบเคมีเกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ย เร่งตลอดเพื่อให้ได้ผลผลิต) สภำพดินในสวนมีควำมอุดมสมบูรณ์มำกขึ้น มีอำหำรพืชผักที่ปลอดภัยไว้บริโภคใน ครัวเรือน 3. ในส่ ว นของควำมยั่ งยื น ของกลุ่ มนั้น ทีมวิ จัยได้ตั้งคำถำมว่ำถ้ำไม่มีกรีนเนทแล้ ว สมำชิกจะยัง รวมกลุ่ม ปลูกมะพร้ำวอินทรีย์ต่อหรือไม่ เกษตรกรส่วนใหญ่ตอบว่ำ จะพยำยำมรวมกลุ่มกันต่อไป และจะทำ เกษตรอินทรีย์ต่อไป เกษตรกรได้พูดว่ำ
ก - 15
“ถึงกรีนเนทไม่สนับสนุน เรำก็จะไม่หันไปทำเคมี เพรำะทุกอย่ำงที่เรำปลูกมันกินได้ ในสวน มะพร้ำว อำยุยืนเป็นร้อยปี ไม่เลิก ทำเกษตรอินทรีย์เป็นกำรทำเพื่อครอบครัวและสุขภำพของเกษตรกรเอง เรำก็จะทำ อินทรีย์ต่อไป” อย่ำงไรก็ดีสิ่งที่หนักใจเกษตรกรคือเรื่องตลำด ต้องพยำยำมหำตลำดใหม่ “ถ้ำไม่มีกรีนเนทแล้ว น่ำจะอยู่ยำก เพรำะว่ำทำงกรีนเนทเป็นคนหำตลำดให้” 4. ในกำรลงพื้นที่ คณะวิจัยได้มีโอกำสสัมภำษณ์เกษตรกรที่ยังต้องพึ่งพำสำรเคมีในกำรเพำะปลูก ใน ส่วนของกำรผลิตนั้น เกษตรกรคิดว่ำใช้เคมีแล้ว ให้ผลเร็วทันใจ ไม่ต้องรอ เกษตรกรคิดว่ำสภำพดินที่ทำอินทรีย์ นั้นดี แต่ให้ผลที่ช้ำไป และเนื่องจำกเห็นผลช้ำ เกษตรกรเลยหลีก เลี่ยงสำรเคมีไม่ได้ และคิดว่ำกำรทำอินทรีย์ ลำบำก ต้องใช้ระยะเวลำนำน ใช้แรงงำนเยอะ เกษตรกรรำยหนึ่งกล่ำวว่ำ “เคยคิดอยำกทำอินทรีย์ แต่มันใช้ระยะยำว เรำต้องใช้เงิน ใส่อินทรีย์จะช้ำ เคมีจะได้ผลเร็วกว่ำ” เกษตรกรหลำยรำยมีควำมสนใจในกำรทำเกษตรกรอินทรีย์ เนื่องจำกเห็นตัวอย่ำงจำกสมำชิกกลุ่มว่ำ ทำได้จริง และมีตลำดรับซื้อที่ให้รำคำดี รวมทั้งสภำพดินก็ไม่เสีย แต่เนื่องจำกควำมจำเป็นในกำรใช้เงินก้อน เช่นต้องผ่อนที่ ผ่อนรถ จึงมีกำรปลูกพืชที่รำคำดี เช่น สัปปะรด ในสวนมะพร้ำว ซึ่งกำรทำไร่สัปปะรดต้องใช้ ปุ๋ยเคมี และยำกำจัดหญ้ำ และหำกต้องเช่ำที่ทำสวนแล้ว ก็ไม่อยำกจะไปลงทุนทำเกษตรอินทรีย์บนที่คนอื่น กำรทำอินทรีย์นั้นคือกำรลงทุนระยะยำวและต้องใช้เวลำในกำรปรับสภำพดิน เกษตรกรรำยหนึ่งคิดว่ำกำรใช้ปุ๋ยเคมีในปริมำณที่ไม่เยอะ ไม่น่ำมีผลกระทบอะไร “เคมีใส่ไปนิดเดียวมันก็ไม่ได้มีผลตกค้ำงอะไร” เกษตรกรส่วนใหญ่ตระหนักถึงโทษของสำรเคมี และพยำมยำมหลี กเลี่ ยงไม่กินผั กหรือผลไม้ ที่ ฉีด สำรเคมี และพยำยำมปลูกผัก ผลไม้ และ พืชสวนครัวทำนเอง เพรำะมีควำมกังวลในเรื่องของสำรเคมีที่ตกค้ำง อยู่ในผัก และผลไม้ เกษตรกรที่ทำเคมีได้กล่ำวว่ำ “ถ้ำเรำรู้ว่ำแปลงนี้เรำฉีดยำ ใครมำขอกิน เรำก็ไม่อยำกให้กิน มันมีสำรตกค้ำงอยู่” “เรำเขำของไปส่งโรงงำน เรำก็เหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ว่ำมีสำรเคมีตกค้ำงแต่เรำกลับเอำไปให้ ผู้บริโภค” 5. เกษตรกรแกนนำได้ให้ ข้อคิดว่ำ เกษตรอินทรีย์เป็นทำงออกของสั งคมไทยที่ทุกคนต้องช่ว ยกัน อำหำรที่กินเข้ำไปต้องปลอดภัย “กินมะพร้ำวอินทรีย์แต่หมูไม่อินทรีย์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร" ก - 16
6. จำกมุมมองของสมำชิกกลุ่ม เกษตรกรได้รับประโยชน์จำกกิจกรรมกำรรับรองมำตรฐำนเกษตร อินทรีย์ (min = 8, max = 10; average 9.73), กำรจัดกำรประชุมสมำชิกกลุ่มทุก 1 เดือน เพื่อกำหนดรำคำ ขำยมะพร้ำวของกลุ่ม และกำรพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ (min = 7, max = 10; average 9.60) ด้ำนรับ ซื้อผลผลิตมะพร้ำว (min = 8, max = 10; average 9.53) ด้ำนส่งเสริมกำรทำเกษตรอินทรีย์ กำรให้ควำมรู้ ด้ำนกำรเกษตรผสมผสำน (min = 4, max = 10; average 9.13) ด้ำนกำรส่งเสริมกำรปลูกพืชอินทรีย์ อื่นๆ (min = 5, max = 10; average 9.00) อย่ำงไรก็ดี มีกิจกรรมบำงประเภทที่เกษตรกรให้คะแนนต่ำสุดในระดับ 0, 1 และ 2 เช่น ด้ำนกำร ส่ งเสริ มปลู กพืชแบบผสมผสำนเพื่อควำมมั่นคงด้ำนอำหำร เช่น ปลู กพืช สวนครัว (min = 2, max = 10; average 8.07) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำรด้ำนกำรตลำด เช่น กำรปอกมะพร้ำว คัดแยกประเภท และจัดส่งไปยัง โรงงำน (min = 1, max = 10; average 8.00) ด้ำนกำรสร้ำงเครือข่ำยเกษตรกร เช่น ไปดูงำนเครือข่ำยกรี นเนทในระดับประเทศ (min = 0, max = 10; average 8.80) ด้ำนกำรส่งเสริมปัจจัยกำรผลิต เช่น ปุ๋ยและ กำรกำจัดแมลง (min = 0, max = 10; average 6.60) ด้ำนกำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันมะพร้ำว (min = 0, max = 10; average 5.93) ซึ่ ง ข้ อ มู ล ส่ ว นนี้ น่ ำ จะน ำไปใช้ เ ป็ น แนวทำงในกำรปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นำ ประสิทธิภำพของกิจกรรมให้ดียิ่งขึ้น โดยอำจจะพิจำรณำจำกเป้ำหมำยของสหกรณ์กรีนเนทกับคะแนนที่ เกษตรให้ว่ำมีช่องว่ำงมำกน้อยเพียงใด นอกจำกนี้ คะแนนดังกล่ำวอำจมีข้อบ่งชี้ถึงควำมทั่วถึงในกำรเข้ำถึง กิจกรรม เช่น เกษตรกรจำนวนหนึ่งอำจจะไม่ได้รับประโยชน์ในเรื่องกำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ หรือกำรสร้ำง เครือข่ำยเกษตรกร 7. Supply chain ของมะพร้ำวนั้นมีควำมซับซ้อน และมีข้อมูลและงำนวิจัยจำกัดมำก ทั้งๆ ที่มะพร้ำว และผลผลิตนั้นถือได้ว่ำเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ทั้งในเรื่องอำหำร พิธีกรรม และเครื่องใช้ไม้สอยต่ำงๆ ทั้งนี้ อำจเป็นเหตุมำจำกมะพร้ำวไม่ใช่พืชเศรษฐกิจ อย่ำงไรก็ดี เกษตรกรมะพร้ำวนอกจำกจะต้องเผ ชิญกับ รำคำมะพร้ำวผันผวน กำรเปิดให้มีกำรนำเข้ำมะพร้ำวจำกต่ำงประเทศเพื่อแปรรูป ปัญหำแมลงศัตรูพืชระบำด และกำรขำดข้อมูลและกำรสนับสนุนจำกภำครัฐ ประกอบกับพื้นที่กำรปลูกมะพร้ำว มีแนวโน้มลดลงทุกปี ย่อม ส่งผลต่อรำคำมะพร้ำวในประเทศ และแรงกดดันจำกภำคเอกชนให้มีกำรเปิดเสรีกำรนำเข้ำมะพร้ำวมำกขึ้น เกษตรกรมีควำมจำเป็นต้องปรับตัวและสร้ำงควำมแตกต่ำงให้กับผลิตภัณฑ์ของตน กำรทำเกษตรอินทรีย์ ก็ เป็นทำงหนึ่งที่ทำให้สำมำรถขำยสินค้ำให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่เน้นคุณภำพสินค้ำมำกกว่ำรำคำ กำรให้ควำมรู้ด้ำน กำรแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้ำว เช่น น้ำมันมะพร้ำวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) สำหรับปรุงอำหำร หรือเป็น น้ำมันทำผิว จะสำมำรถเพิ่มมูลค่ำและทำงเลือกในกำรขำยให้กับเกษตรกรได้ อย่ำงไรก็ดี ข้อจำกัดด้ำนควำมรู้
ก - 17
ด้ำนแรงงำน ด้ำนเงินทุน และด้ำนกำรตลำด ก็ยังเป็นปัญหำใหญ่ แต่ก็เป็นโอกำสให้ผู้ประกอบกำรทำงสังคม (Social Entrepreneur) ได้เข้ำมำแก้โจทย์ที่ท้ำทำยในข้อนี้
ก - 18
ภาคผนวก ข. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม กิจการเพื่อสังคม คนจับปลา (Fisherfolk) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1. ความเป็นมาของกิจการ/โครงการเพื่อสังคม
“จำกชำวประมง ส่งตรงถึงผู้บริโภค สด สะอำด ไร้ฟอร์มำลีน” จุดเริ่มต้นของกิจกำรมำจำกชุมชนชำวประมงในหมู่บ้ำนคั่นกระได ประจวบคีรีขันธ์ ที่ทรัพยำกรทำง ทะเลหน้ำหมู่บ้ำนเสื่อมโทรมจำกกำรใช้อวนตำถี่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเครื่องมือทำลำยล้ำงประเภทนี้กวำดจับสัตว์น้ำ ทุกชนิดรวมถึงลูกปลำเศรษฐกิจ ที่สำคัญ เช่น ปลำทู ปลำอินทรีย์ เมื่อทรัพยำกรหน้ำบ้ำนตนเองมีจำนวน น้อยลง ชำวประมงจึงออกเรือไปไกลขึ้น เข้ำไปในเขตหมู่บ้ำนอื่นแต่เนื่องจำกยังใช้เครื่องมือทำลำยล้ำงแบบเดิม ทรัพยำกรทำงทะเลจึงร่อยหรอไปทีละหมู่บ้ำน กำรทำประมงแบบล้ำงผลำญนำมำซึ่งข้อพิพำทกับเจ้ำบ้ำน กลุ่ม ชำวประมงบ้ ำนคั่น กะไดจึ งต้ อ งกลั บ มำหำกิ นที่ พื้ นที่ เดิ ม ของตนที่ เสื่ อมโทรมจนชำวประมงบำงรำยต้ อ ง เปลี่ยนไปประกอบอำชีพอื่น นับแต่นั้นกลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนได้รวมกลุ่มกันเพื่อฟื้นฟูควำมอุดมสมบูรณ์ของ ทะเลหน้ำบ้ำนให้กลับคืนมำภำยใต้กำรสนับสนุนของสมำคมรักษ์ทะเลไทย ต่อมำกลุ่มชำวประมงได้พัฒนำเป็น สมำคมสมำพันธ์ชำวประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทย กำรดูแลรักษำทะเลเพื่อกำรทำประมงอย่ำงยั่งยืนเป็นเป้ำหมำยหลักของสมำคมสมำพันธ์ชำวประมง พื้นบ้ำนแห่งประเทศไทย แต่ระบบกำรซื้อขำยสัตว์น้ำยังไม่สำมำรถกระจำยผลประโยชน์ได้อย่ำ งเป็นธรรม แม้ อำหำรทะเลจะมีรำคำสูงแต่ส่วนแบ่งที่มำถึงชำวประมงพื้นบ้ำนมีเพียงน้อยนิดเท่ำนั้น สัตว์น้ำจำกเรือประมง พื้นบ้ำนมมีควำมสด สะอำด ปลอดสำรเคมี แต่ระบบตลำดแบบมีพ่อค้ำคนกลำงกลับลดทอนคุณบัติเหล่ำนี้ สมำคมสมำพันธ์ชำวประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทยจึงต้องกำรจำหน่ ำยผลิตภัณฑ์โดยชำวประมงเอง เพื่อให้
ข-1
ผู้บริโภคได้รับอำหำรที่สะอำดปลอดภัย และชำวประมงขำยได้ในรำคำที่เป็นธรรม แนวคิดพัฒนำมำเป็น “ร้ำน คนจับปลำ” ในปี 2557
1.1 วัตถุประสงค์โครงกำร ร้ำนคนจับปลำเริ่มต้นจำกกำรเป็น NGO ที่ทำงำนอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยำกรทำงทะเลในนำมสมำคมรักษ์ ทะเลไทย ซึ่งประสบควำมสำเร็จสำมำรถทำให้ชำวบ้ำนมีควำมรู้ควำมเข้ำใจและเปลี่ยนวิถีกำรทำประมงแบบ เก่ำมำสู่แนวทำงใหม่ควบคู่ไปกับกำรอนุรักษ์ อย่ำงไรก็ดี ทรัพยำกรที่ฟื้นตัวกลับมิได้ทำให้ควำมเป็นอยู่ของ ชำวประมงดีขนึ้ จึงเกิดร้ำนคนจับปลำเพื่อแก้ปัญหำทำงเศรษฐกิจขณะเดียวกันก็คงกิจกรรมด้ำนกำรอนุรักษ์ไว้ ด้วย (คงแก้ว, 2558) โดยพันธกิจของร้ำนคนจับปลำแบ่งเป็น 3 ด้ำน ดังนี้ (อ็อกแฟมประเทศไทย, 2558) 1) พันธกิจต่อชุมชน - กำรอนุรักษ์ดูแลทะเลเพื่อฟื้นฟูและรักษำควำมหลำกหลำยของพันธุ์สัตว์น้ำและระบบ นิเวศในทะเล โดยกำรจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู 2) พันธกิจต่อชำวประมงพื้นบ้ำน - กำรทำให้คุณภำพชีวิตของชำวประมงดีขึ้น ชำวประมงมีรำยได้เพิ่มขึ้น - กำรสร้ำงชุมชนที่เข้มแข็ง มีกำรจัดองค์กรในชุมชน โดยคนในชุมชนมีส่วนร่วมในกำร อนุรักษ์ทะเลและมีควำมเข้ำใจในกำรทำงำนของร้ำนคนจับปลำ 3) พันธกิจต่อผู้บริโภค - ผู้บริโภคได้บริโภคอำหำรทะเลที่ปลอดภัย - สร้ำงให้ผู้บริโภคมีควำมเข้ำใจและมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทะเล รวมทั้งรู้จัก เลือกรับประทำนสินค้ำที่รับผิดชอบ 1.2 กลุ่มเป้ำหมำยในกำรดำเนินงำน กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมรำช สตูล และพัทลุง โดยกำรศึกษำนี้ กำหนดขอบเขตที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 1.3 ระยะเวลำโครงกำร ปี 2557 – ปัจจุบัน ซึ่งกำรศึกษำนี้กำหนดขอบเขตกำรศึกษำแค่ร้ำนคนจับปลำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข-2
ปีที่ก่อตั้งร้านคนจับปลาในจังหวัดต่างๆ จังหวัด
ปีที่ก่อตั้ง
ประจวบคีรีขันธ์
มิถุนำยน 2557
นครศรีธรรมรำช
เมษำยน 2558
สตูล
กุมภำพันธ์ 2559
พัทลุง
กุมภำพันธ์ 2559
1.4 ข้อมูลพื้นที่ศึกษำ และปัญหำในพื้นที่ ร้ำนคนจับปลำก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหำควำมเป็นอยู่ด้ำนเศรษฐกิจของชำวประมงพื้นบ้ำนควบคู่ไปกับ กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ชำวประมงพื้นบ้ำนได้รวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหำทรัพยำกรเสื่อมโทรมกำรกำร ประมงแบบไม่ยั่งยืน และทำให้สัตว์ทะเลกลับมำอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง แต่รำยได้จำกกำรทำประมงไม่เพิ่มขึ้นด้วย 2 สำเหตุหลักคือ 1) ไม่มีตลำดแยกประเภทระหว่ำงผลิตภัณฑ์ที่จับมำอย่ำงรับผิดชอบกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป ทำให้ชำวประมง พื้นบ้ำนขำยสัตว์น้ำได้ในรำคำไม่ต่ำงจำกเดิม 2) ข้อผูกพันที่มีกับแพปลำ ทำให้ต้องขำยให้แพปลำ ไม่สำมำรถนำไปขำยในรำคำที่ดีกว่ำได้ ร้ำนคนจับปลำจึงก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่ำว โดยเริ่มบุกเบิกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นแห่ง แรก ซึ่งมี 3 หมู่บ้ำนหลักในพื้นที่ดำเนินกำร ได้แก่ บ้ำนคั่นกระได บ้ำนบ่อนอก อำเภอเมือง และบ้ำนทุ่งน้อย อำเภอกุยบุรี 1.5 กิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงกำร 1) โครงสร้ำงกำรถือหุ้น ร้ำนคนจับปลำประจวบคีรีขันธ์จดทะเบียนเป็นวิสำหกิจชุมชน มีกำรลงหุ้นสมำชิก มีหุ้นส่วนแบ่ง ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (คงแก้ว, 2558) -
กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำน ที่รวมตัวกันในรูปแบบสหกรณ์ ในนำมเครือข่ำยประมงพื้นบ้ำน ถือหุ้น ร้อยละ 20 โดยชำวประมงพื้นบ้ำนซื้อหุ้นจำกสหกรณ์หุ้นละ 100 บำท และจะได้รับเงินปันผล จำกสหกรณ์ ปัจจุบันมีสมำชิกประมำณ 40 คน
-
สมำคมสมำพันธ์ชำวประมงพื้นบ้ำน ถือหุ้นร้อยละ 20 ข-3
-
สมำคมรักษ์ทะเลไทย ถือหุ้นร้อยละ 60 โดยวำงแผนว่ำหุ้นส่วนนี้ทั้งหมดจะถ่ำยโอนกลับเป็นของ กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนในอนำคต สัดส่วนการถือหุ้นร้านคนจับปลาประจวบคีรีขันธ์ สัดส่ วนการถือหุ้นร้ านคนจับปลาประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มชำวประมง พื้นบ้ำน , 20%
สมำคมสมำพันธ์ ชำวประมงพื้นบ้ำน, 20%
สมำคมรักษ์ทะเล ไทย, 60%
2) กำรดำเนินงำนของร้ำนคนจับปลำ ร้ำนคนจับปลำประจวบคีรีขันธ์ทำหน้ำที่ ดังต่อไปนี้ - เป็นหน่วยกำรผลิตและแปรรูป โดยรับซื้อผลผลิตจำกชำวประมงพื้นบ้ำนที่ทำกำรประมงอย่ำงยั่งยืน ในรำคำที่สูงกว่ำรำคำตลำดร้อยละ 20 - เป็นศูนย์กลำงเชื่อมสินค้ำจำกประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมรำช สตูล และพัทลุง กับตลำดใน กรุงเทพฯ พ่อค้ำคนกลำง ร้ำนอำหำร และผู้บริโภคในเมือง ทำกำรตลำดและกำรรณรงค์ให้คนทั่วไปเห็น ควำมสำคัญของกำรบริโภคสินค้ำประมงที่จับอย่ำงยั่งยืน 3) กำรจัดสรรกำไร กำไรจำกร้ำนคนจับปลำประจวบคีรีขันธ์จะนำไปเป็นกองทุนอนุรักษ์ประมำณร้อยละ 20 เพื่อทำ กิจกรรมอนุรักษ์ในพื้นที่ และนำไปปันผลสมำชิกร้อยละ 30 (ยังไม่มีกำรปันผล เนื่องจำกนำกำไรไปเป็นทุน หมุนเวียนภำยในร้ำน)
ข-4
2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ 2.1 ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of change) ถ้ำชำวประมงพื้นบ้ำนทำประมงแบบยั่งยืน* และเข้ำถึงตลำดที่เป็นธรรมแล้ว** 1) ชำวประมงพื้นบ้ำนจะมีควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 2) ระบบนิเวศของทะเลไทยจะได้รับกำรอนุรักษ์และทรัพยำกรธรรมชำติทำงทะเลจะอุดม สมบูรณ์ขึ้น 3) ผู้บริโภคจะมีควำมเสี่ยงด้ำนสุขภำพลดลง *ประมงแบบยั่งยืน นิยำมตำมที่ระบุใน Bluebrand ** ตลำดที่เป็นธรรม หมำยถึงกำรจ่ำยค่ำตอบแทนที่เหมำะสม 2.2 ผลลัพธ์ (Outcome) 2.2.1 ผลลัพธ์ต่อชำวประมง 1)
ชำวประมงพื้นบ้ำนมีควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น • รำยได้สุทธิจำกกำรประมง (รำยได้สุทธิ = รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) ของครัวเรือนเฉลี่ย เพิ่มขึ้น เทียบก่อน-หลังโครงกำร
2)
จำนวนครัวเรือนที่เป็นอิสระจำกแพปลำเพิ่มขึ้น
3)
ควำมมั่นคงของอำชีพประมงเพิ่มขึ้น • จำนวนชำวประมงพื้นบ้ำนที่อพยพสู่เมืองเพื่อประกอบอำชีพอื่นลดลง
2.2.2 ผลลัพธ์ต่อสิ่งแวดล้อมทำงทะเล 1)
สิ่งแวดล้อมทำงทะเลที่ดีขึ้น (1) จำนวนและควำมหลำกหลำยของสัตว์น้ำในพื้นที่ทำกำรประมงพื้นบ้ำนของกลุ่มวิจัย
เพิ่มขึ้น (2) ชุมชนมีจิตสำนึกในกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลเพิ่มขึ้น (3) ชำวประมงพื้นบ้ำนมีจิตสำนึกในกำรทำกำรประมงอย่ำงยั่งยืนเพิ่มขึ้น 2)
ผู้บริโภคมีควำมเสี่ยงด้ำนสุขภำพลดลง (1) จำนวนผู้บริโภคที่เข้ำถึงอำหำรทะเลปลอดภัยมำกขึ้น
ข-5
2.3 วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล วิธีเก็บรวมรวมข้อมูล ใช้กำรสัมภำษณ์เชิงลึก และกำรสนทนำกลุ่มตำมแนวคำถำมที่กำหนดไว้แบบ สัมภำษณ์ โดยคณะผู้วิจัยลงพื้นที่ไปสัมภำษณ์กลุ่มตัวอย่ำง ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของโครงกำรแก่กลุ่มตัวอย่ำง ก่อนกำรสัมภำษณ์ ขอควำมยินยอมในกำรให้ข้อมูล ขออนุญำตทำกำรบันทึกเสียงกำรสัมภำษณ์ และบันทึก ข้อมูลในแบบสัมภำษณ์และกำรบันทึกเสียง ระยะเวลำในกำรสัมภำษณ์แต่ละกลุ่มประมำณกลุ่มละ 1- 2 ชั่วโมง ลงพื้ น ที่ เ ก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล ณ จั ง หวั ด ประจวบคี รี ขั น ธ์ ช่ ว งวั น ที่ 19 -21 ธั น วำคม 2559 และพื้ น ที่ กรุงเทพมหำนคร ช่วงวันที่ 18-19 กุมภำพันธ์ พ.ศ. 2560 เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภำษณ์เชิงลึก ที่กำหนดหัวข้อไว้ล่วงหน้ำตำมตัวชี้วัดที่สร้ำงขึ้น ตำม Theory of change และ Impact Value Chain ซึ่งผ่ำนกำรตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 ชุด ได้แก่ 1. แบบสัมภำษณ์ชำวประมงที่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ 2. แบบสัมภำษณ์ชำวประมงที่ไม่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ 3. แบบสัมภำษณ์ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำ 4. แบบสัมภำษณ์แพปลำ 5. แบบสัมภำษณ์สมำคมรักษ์ทะเลไทยและสมำคมสมำพันธ์ประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทย 6. แบบสัมภำษณ์ผู้นำชุมชน 7. แบบสัมภำษณ์ลูกค้ำร้ำนคนจับปลำ แนวทำงกำรสัมภำษณ์แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1. คำถำมอุ่นเครื่อง ได้แก่ คำถำมเพื่อสร้ำงควำมคุ้นเคยและทรำบถึงข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ 2. สถำนกำรณ์ ผลผลิตและผลลัพธ์จำกร้ำนคนจับปลำ ได้แก่ ควำมเปลี่ยนแปลงด้ำนต่ำง ๆ ก่อนและ หลังกำรมีร้ำนคนจับปลำ อำทิ วิธีกำรทำประมง ปริมำณและกำรจำหน่ำยสัตว์น้ำที่จับได้ และสำเหตุของกำร เปลี่ยนแปลง หนี้สินกับแพปลำ ควำมคิดเห็นต่อโครงกำรร้ำนคนจับปลำ กำรเข้ำโครงกำรอื่นๆ ที่มีลักษณะ คล้ำยคลึงกัน ควำมสนใจในกำรเข้ำร่วมเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ 3. กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ได้แก่ กำรเปลี่ยนแปลงของสภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำง ทะเล ก่อนและหลั งกำรดำเนินกิจกำรร้ำนคนจับปลำซึ่งถำมข้อมูลจำกทัศนคติของชำวประมง ควำมรู้หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับโครงกำรด้ำนกำรประมงเชิงอนุรักษ์ หรือกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กำรเข้ำร่วมโครงกำรหรือ กิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล (ไม่ได้เก็บข้อมูลเชิงวิทยำศำสตร์ในด้ำนสิ่งแวดล้อม) ข-6
2.4 ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำง กำรศึกษำนี้เก็บรวบรวมข้อมูลในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีสมำชิกหรือมีกำรดำเนินกิจกรรมกับ ร้ำนคนจับปลำ โดยบริษัท ป่ำสำละ จำกัดเป็นผู้ประสำนงำนกับร้ำนคนจับปลำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ สมำคมรั กษ์ทะเลไทยในกำรเลื อกและประสำนงำนกับกลุ่ มตั ว อย่ำงที่ส ะดวกในกำรให้ ข้อมูล โดยได้กลุ่ ม ตัวอย่ำงดังนี้ 2.4.1 กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนที่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ 1) บ้ำนทุ่งน้อย ตำบลเขำแดง อำเภอกุยบุรี จำนวน 2 คน 2) บ้ำนคั่นกระได ตำบลอ่ำวน้อย อำเภอเมือง จำนวน 5 คน 3) บ้ำนปำกคลองเกลียว ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จำนวน 3 คน 2.4.2 กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนที่ไม่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ ได้แก่ 1) บ้ำนทุ่งน้อย ตำบลเขำแดง อำเภอกุยบุรี จำนวน 1 คน 2) บ้ำนคั่นกระได ตำบลอ่ำวน้อย อำเภอเมือง จำนวน 1 คน 3) บ้ำนปำกคลองเกลียว ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จำนวน 1 คน 2.4.3 ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำ บ้ำนคั่นกระได ตำบลอ่ำวน้อย อำเภอเมือง 2 คน 2.4.4 ลูกจ้ำงเฉพำะกิจ (แม่บ้ำน) ของร้ำนคนจับปลำ 1) บ้ำนคั่นกระได ตำบลอ่ำวน้อย อำเภอเมือง จำนวน 2 คน 2) บ้ำนปำกคลองเกลียว ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จำนวน 1 คน 2.4.5 กลุ่มแพปลำ 1) บ้ำนทุ่งน้อย ตำบลเขำแดง อำเภอกุยบุรี จำนวน 1 คน 2) บ้ำนปำกคลองเกลียว ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จำนวน 1 คน 2.4.6 นำยกเทศมนตรี องค์กำรบริหำรส่วนตำบลบ่อนอก 1 คน 2.4.7 สมำชิกสมำคมรักษ์ทะเลไทย และสมำคมสมำพันธ์ประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทย 1 คน 2.4.8 ลูกค้ำรำยย่อยที่มำซื้อสินค้ำที่ร้ำนค้ำปลีกสินค้ำปลอดภัย A จำนวน 5 คน 2.4.9 ลูกค้ำรำยย่อยที่ซื้อสินค้ำโดยตรงจำกร้ำนคนจับปลำ จำนวน 7 คน
ข-7
ตารางวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการ
ผู้มีส่วนได้เสีย
จานวน (คน)
การมีส่วนร่วม/ส่วนเกี่ยวข้อง ใน โครงการ
การรวมเข้ามาพิจารณาใน การวิเคราะห์ ✓= รวมเข้ามา ✗= ไม่รวมเข้ามา
1. ชำวประมงพื้นบ้ำนใน พื้นที่
10
1. เป็นสมำชิกผู้ร่วมลงหุ้น ✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก 2. เป็นผู้ทำประมง ตำมหลักกำรประมง ของโครงกำร อย่ำงยั่งยืน 3. เป็นผู้นำมำจำหน่ำยให้กับร้ำนคนจับ ปลำ 4. เป็นผู้ช่วยดูแลฟื้นฟูระบบนิเวศน์ ทะเลชำยฝั่งในเขตพื้นที่ 5. เป็นผู้ช่วยดูแล/ สอดส่อง กำรใช้ เครื่องมือจับปลำที่เหมำะสมกับฤดูกำล และพื้นที่ 6. เป็นผู้ร่วมกำหนดกติกำชุมชนด้ำน กำรทำประมง 7. ชักชวนและขยำยเครือข่ำย
2. ชำวประมงพื้นบ้ำนใน พื้นที่ที่ไม่เป็นสมำชิก
3
เป็นผู้ทำประมงในพื้นที่ อำจได้รับ ✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก ผลกระทบจำกกำรมีสมำพันธ์ชำวประมง ของโครงกำร เช่น ขำยปลำไม่ได้ เป็นผู้แข่งขันในกำร ผลิตและจำหน่ำย หรือเกิดแรงจูงใจใน กำรทำประมงแบบยั่งยืน
3. ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำ
2
เป็นผู้คัดเลือกสัตว์น้ำที่จับมำขำย เป็นผู้ ✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก ชำแหละ แปรรูป และบรรจุหีบห่อ ของโครงกำร ได้รับค่ำจ้ำงจำกร้ำนคนจับปลำ
4. ลูกจ้ำงเฉพำะกิจ (แม่บ้ำน) ร้ำนคนจับปลำ
3
เป็นผู้ชำแหละ แปรรูปสัตว์น้ำที่จับมำ ✓ เป็นผู้สะท้อนผลลัพธ์ของ ขำย และได้รับค่ำจ้ำงจำกร้ำนคนจับปลำ โครงกำรได้
ข-8
ผู้มีส่วนได้เสีย
จานวน (คน)
การมีส่วนร่วม/ส่วนเกี่ยวข้อง ใน โครงการ
การรวมเข้ามาพิจารณาใน การวิเคราะห์ ✓= รวมเข้ามา ✗= ไม่รวมเข้ามา
5. แพปลำในชุมชน
2
เป็นท่ำขึ้นสัตว์น้ำ เป็นแหล่งรวบรวม สินค้ำ (พ่อค้ำคนกลำง) และให้สินเชื่อ แก่ชำวประมง
6. ลูกค้ำขำยส่ง (เลมอน ฟำร์ม)
-
1. ผู้จัดจำหน่ำย ✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ 2. เป็นผู้มีส่วนร่วมในกำรกำหนด หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย มำตรฐำนของสินค้ำ 3. เป็นผู้มีส่วนร่วมในกำรกำหนดรำคำ 4. เป็นผู้หำตลำดและรับคำสั่งซื้อ ล่วงหน้ำ 5. ช่องทำงกระจำยสินค้ำ กำรสื่อสำร 6. ช่วยภำพลักษณ์องค์กร
7. มูลนิธิสัมมำชีพ
-
1. เป็นผู้ซื้อที่เลือกซื้อที่ร้ำนสินค้ำ (อำหำรสด) 2. เพิ่มช่องทำงกำรเข้ำถึงสินค้ำ
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
8. ร้ำนอำหำร
-
1. เป็นผู้ซื้อที่เลือกซื้อที่ร้ำนสินค้ำ (อำหำรสด) 2. เพิ่มช่องทำงกำรเข้ำถึงสินค้ำ
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
9. ร้ำนค้ำปลีก Root Garden (กทม.)
-
1. เป็นผู้ซื้อที่เลือกซื้อที่ร้ำนสินค้ำ (อำหำรสด) 2. เพิ่มช่องทำงกำรเข้ำถึงสินค้ำ
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
10. ลูกค้ำที่ซื้อจำก ร้ำนค้ำปลีก (เลมอนฟำร์ม)
5
1. เป็นผู้ได้รับผลด้ำนสุขภำพ (ได้บริโภค ✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก อำหำรปลอดภัย ปลอดฟอร์มำลีน) ของโครงกำร 2. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ ทำงทะเล ข-9
✓ เป็นผู้สะท้อนผลลัพธ์ของ โครงกำรได้
ผู้มีส่วนได้เสีย
จานวน (คน)
การมีส่วนร่วม/ส่วนเกี่ยวข้อง ใน โครงการ
การรวมเข้ามาพิจารณาใน การวิเคราะห์ ✓= รวมเข้ามา ✗= ไม่รวมเข้ามา
11. ลูกค้ำบน Facebook และ Line ร้ำนคนจับปลำ
7
1. เป็นผู้ซื้อผ่ำน Social network 2. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ 3. ช่องทำงประชำสัมพันธ์ 1. สำมำรถบอกถึงคุณภำพ ควำมสด ใหม่ของอำหำร 2. สำมำรถบอกถึง ควำมน่ำเชื่อถือใน กำรสั่งสินค้ำ 3. คุณภำพกำรบริกำร 4. ได้รับควำมรู้ และควำมตื่นตัวด้ำน กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล
12. สมำคมสมำพันธ์ ประมงพื้นบ้ำนแห่ง ประเทศไทย
1
1. เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ✓ เป็นผู้สะท้อนผลลัพธ์ของ 2. เป็นผู้ร่วมสร้ำงเครือข่ำยสมำชิก โครงกำรได้ 1. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์กำรทำ ประมงพื้นบ้ำน 2. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ ทำงทะเล
13. สมำคมรักษ์ทะเล ไทย (NGO เป็นพี่เลี้ยง สมำคมสมำพันธ์ฯ)
1
1. เป็นผู้ร่วมถือหุ้น? 2. เป็นผู้ร่วมสร้ำงเครือข่ำยสมำชิก 3. ร่วมอนุรักษ์ 4. กำหนดมำตรฐำน Blue Brand 1. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์กำรทำ ประมงพื้นบ้ำน 2. มีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ ทำงทะเล
ข - 10
✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก ของโครงกำร
✓ เป็นผู้สะท้อนผลลัพธ์ของ โครงกำรได้
ผู้มีส่วนได้เสีย
จานวน (คน)
การมีส่วนร่วม/ส่วนเกี่ยวข้อง ใน โครงการ
การรวมเข้ามาพิจารณาใน การวิเคราะห์ ✓= รวมเข้ามา ✗= ไม่รวมเข้ามา
14. มูลนิธิ OXFAM
-
เป็นหน่วยงำนสนับสนุนและร่วม กิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล
15. ชุมชน
20
1. สอดส่องกำรประมงที่ไม่ถูกต้อง ✓ เป็นกลุ่มเป้ำหมำยหลัก 2. กำหนดรำคำ เงื่อนไข มีอำนำจในกำร ของโครงกำร เจรจำต่อรอง 3. สังเกตกำรณ์เปลี่ยนแปลงของ ทรัพยำกรทำงทะเล 1. ควำมเป็นอยู่ที่ดี นำไปสู่ชุมชน เข้มแข็ง 2. กำหนดเงื่อนไข มีอำนำจในกำรเจรจำ ต่อรอง 3. มีสิ่งแวดล้อมทำงทะเลที่ดี
16. หน่วยงำนท้องถิ่น (อบต.)
1
เป็นหน่วยงำนสนับสนุนและร่วม กิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล
17. กรมทรัพยำกรทำง ทะเลและชำยฝั่ง
-
ติดตำมกำรเปลี่ยนแปลงของทรัพยำกร ✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ ทำงทะเล หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
18. แรงงำนจังหวัด
-
รับผิดชอบติดตำมสถำนะ กำรมีงำนทำ กำรว่ำงงำน กำรไหลเวียนและกำร กระจำยของแรงงำน สำมำรถให้ข้อมูลกำรเปลี่ยนแปลงด้ำน กำรประกอบอำชีพของชำวประมงและ ประชำชนในพื้นที่ก่อน และหลังกำร ดำเนินโครงกำร
(เนื่องจำกเป็นหมู่บ้ำน ประมง ชุมชนคือ ชำวประมงที่เป็นสมำชิก ชำวประมงที่ไม่เป็น สมำชิก แม่บ้ำน ชำวประมง กลุ่มตัวอย่ำง คือกลุ่มเดียวกัน)
ข - 11
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้
✓ เป็นผู้สะท้อนผลลัพธ์ของ โครงกำรได้
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
ผู้มีส่วนได้เสีย
จานวน (คน)
การมีส่วนร่วม/ส่วนเกี่ยวข้อง ใน โครงการ
การรวมเข้ามาพิจารณาใน การวิเคราะห์ ✓= รวมเข้ามา ✗= ไม่รวมเข้ามา
18. สำนักงำน สำธำรณสุขจังหวัด (สสจ.)
-
ติดตำมและรำยงำนผลกำรปนเปื้อนของ โลหะหนัก ให้ข้อมูลด้ำนสุขภำพแก่ ประชำชนและผู้เกี่ยวข้อง เป็นผู้รับผิดชอบด้ำนสุขภำพ และ food safety ในพื้นที่
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
19. สำนักงำนประมง จังหวัด/ อำเภอ
-
กำรออกใบอนุญำตประมง สำมำรถให้ข้อมูลกำรเปลี่ยนแปลงของ กำรได้รับอนุญำตประกอบอำชีพของ ชำวประมง
✗ ไม่ได้เป็นผู้รับผลลัพธ์ หลักที่โครงกำรตั้งเป้ำหมำย ไว้และมีส่วนร่วมกับโครงกำร น้อย
2.5 ผลกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม 2.5.1 กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนที่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ ผลกำรศึกษำแบ่งกำรนำเสนอข้อมูลออกเป็น 3 ส่วน ตำมแบบสัมภำษณ์และกำรสนทนำกลุ่ม คือ ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ สถำนกำรณ์และผลกระทบจำกกำรมีโครงกำรร้ำนคนจับปลำ และกำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรทำงทะเล ดังรำยละเอียดต่อไปนี้ 2.5.1.1 ข้อมูลทั่วไป บ้ ำนคั่น กระไดและตำบลบ่ อนอก (พื้นที่บ้ำนปำกคลองเกลี ยว) เป็นกลุ่ มชำวประมงพื้นบ้ำนที่ ใ ช้ เรือประมงขนำดเล็ก ขนำดต่ำกว่ำ 10 ตันกรอสและเรือไฟเบอร์ขนำดเล็ก ปกติออกหำสัตว์น้ำระยะไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล โดยออกเรือไป-กลับในวันเดียว ออกเรือช่วง 02.00 น. กลับเข้ำฝั่งประมำณ 12.00 น. สัปดำห์ละ ประมำณ 4 วัน สัตว์น้ำที่จับส่วนใหญ่ คือ ปลำ กุ้ง และปลำหมึก โดยออกเรือกับสมำชิกในครอบครัวและ ลูกจ้ำง 2-3 คน เมื่อก่อนหำปลำทูด้วย แต่ 2 ปีที่ผ่ำนมำปลำทูลดน้อยลงมำก ส่วนบ้ำนทุ่งน้อย เป็นกลุ่มเรือประมงขนำดกลำง ขนำด 10 ตันกรอสขึ้นไป ออกเรือช่วง 02.00 น. สัปดำห์ละครั้ง ระยะทำง 3-10 ไมล์ทะเล ใช้เวลำประมำณ 1 วัน ใช้อวนปลำทู และต้องจ้ำงลูกจ้ำง สัตว์น้ำที่
ข - 12
จับส่วนใหญ่ ได้แก่ ปลำทู ปลำออกำแร่ ปูม้ำ และกุ้ง ประชำกรทั้ง 3 หมู่บ้ำนส่วนใหญ่ประกอบอำชีพประมง มำตั้งแต่ดั้งเดิมเป็นระยะเวลำเกินกว่ำ 10 ปี โดยแต่ละครอบครัวมีเรือประมำณ 1-2 ลำ2 ชำวประมงที่ให้สัมภำษณ์ เข้ำร่วมเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำตั้งแต่เริ่มโครงกำร คือ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2557 เหตุผลที่เข้ำร่วมเพรำะต้องกำรขำยสัตว์น้ำในรำคำที่สูงขึ้น ซึ่งคำดว่ำจะส่งผลให้ชีวิตดีขึ้น ตำบลบ่อนอกมีคน เข้ำร่วมโครงกำร 10 กว่ำคน แต่มีคนเข้ำร่วมคณะทำงำนเป็นสมำชิกบ้ำนปำกคลองเกลียว 30 คน บ้ำนคั่น กระไดและบ้ำนทุ่งน้อย มีคนเข้ำร่วมเป็นสมำชิกหมู่บ้ำนละประมำณ 60 หลังคำเรือน สัดส่วนสมาชิกร้านคนจับปลาต่อจานวนประชากรในพื้นที่ บ้านปากคลองเกลียว
บ้านทุ่งน้อย
บ้านคั่นกระได
233
619
ไม่มีข้อมูล
60
60
ไม่มีข้อมูล
25.75
9.69
ประชำกรตำบลบ่อนอก 2,778 จำนวนประชำกร (หลังคำเรือน)
หลังคำเรือน เฉพำะบ้ำนปำก คลองเกลียว 126 หลังคำเรือน
จำนวนสมำชิกร้ำนคนจับปลำ (หลังคำเรือน) สัดส่วนสมำชิกร้ำนคนจับปลำต่อ ประชำกรทั้งหมด (ร้อยละ)
ที่ ม ำ: ข้ อ มู ล ประชำกร บ้ ำ นปำกคลองเกลี ย ว http://www.bonok.go.th/general1.php บ้ ำ นทุ่ ง น้ อ ย http://www.khaodang.go.th/general1.php บ้ำนคั่นกระได http://www.aownoi.go.th/general1.php เงื่อนไขกำรเข้ำร่วมโครงกำร คือ ซื้อหุ้นอย่ำงต่ำ 1 หุ้นๆ ละ 100 บำท (ปัจจุบันยังไม่มีกำรจ่ำยเงินปัน ผล) ต้องใช้อุปกรณ์ทำประมงที่ถูกกฎหมำย และรักษำคุณภำพสัตว์น้ำที่จับโดยแช่น้ำแข็ง รวมถึงไม่ใช้สำรเคมี ก่อนนำมำขำย 2.5.1.2 สถำนกำรณ์หรือผลกระทบจำกโครงกำร 1) ควำมคิดเห็นของกลุ่มชำวประมงต่อประโยชน์ของโครงกำรร้ำนคนจับปลำ
2
ไม่มีข้อมูลควำมแตกต่ำงทำง demographic คั่นกระไดและทุ่งน้อย
ข - 13
ชาวประมงบ้านทุ่งน้อย จัดลำดับควำมสำคัญของประโยชน์จำกโครงกำรของร้ำนคนจับปลำดังนี้ (1) กำรทำประมงที่ยั่งยืน ร้อยละ 30 (2) กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ร้อยละ 20 (3) กำรเรียนรู้ของชุมชนด้ำนกำรตลำดและกำร บริหำรต้นทุน และกำรส่งเสริมเครือข่ำยชำวประมง ร้อยละ 15 เท่ำกัน และ (4) กำรสื่อสำรอำหำรทะเลที่ ยั่งยืนสู่ผู้บริโภค และรำคำผลผลิตที่สูงขึ้น ร้อยละ 10 เท่ำกัน ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: ชาวประมงบ้านทุ่งน้อย รำคำผลผลิตที่สงู ขึ้น 10%
กำรทำประมงที่ ยั่งยืน 30%
กำรสื่อสำรอำหำร ทะเลยั่งยืนสู่ผู้บริโภค 10% กำรส่งเสริมเครือข่ำย ชำวประมง 15%
กำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรทำงทะเล 20%
กำรเรียนรู้ของชุมชน 15%
และให้ควำมเห็นเพิ่มเติมว่ำทรัพยำกรทำงทะเลมีควำมอุดมสมบูรณ์มำกขึ้น จำกกำรดำเนินงำนของ หน่วยงำน/องค์กรต่ำงๆ ได้แก่ (1) ร้ำนคนจับปลำและสมำคมรักษ์ทะเลไทย ร้อยละ 50 (2) ชุมชน (ชำวประมง และประชำชน) ร้อยละ 30 (3) กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สำนักงำนประเทศไทย) ร้อยละ 15 และ (4) ภำครัฐ ร้อยละ 5
ข - 14
องค์กร/หน่วยงานที่มีบทบาทต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล: ความเห็นของชาวประมงบ้านทุ่งน้อย
กรีนพีซ 15%
ภำครัฐ 5%
ร้ำนคนจับปลำและ สมำคมรักษ์ทะลไทย 50% ชุมชน 30%
ชาวประมงบ้านคั่นกระได จัดลำดับประโยชน์ที่ได้รับจำกโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ดังนี้ (1) กำรเข้ำถึงอำหำรทะเลปลอดภัยของ ผู้บริโภค ร้อยละ 25 (2) กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ร้อยละ 19 (3) รำคำผลผลิตที่สูงขึ้น ร้อยละ 16 (4) กำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 15 (5) กำรทำตลำด ร้อยละ 10 (6) มำตรฐำนกำรขำย (กำรตั้งรำคำ) ร้อยละ 9 และ (7) กำรมีเวลำว่ำงเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6
ข - 15
ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: ชาวประมงคั่นกระได กำรมีเวลำว่ำงเพิ่มขึ้น 6% มำตรฐำนกำรตั้งรำคำ 9%
กำรเข้ำถึงอำหำรทะเล ปลอดภัย 25%
กำรทำกำรตลำด 10% กำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ 15%
กำรอนุรักษ์ทรัพยำกร ทำงทะเล 19%
รำคำผลผลิตที่สงู ขึ้น 16%
โดยเห็นว่ำประโยชน์ที่เกิดขึ้นเหล่ำนี้ เป็นผลมำจำกโครงกำรอื่น ได้แก่ 1) ทรัพยำกรกลับมำ : เป็นผลมำจำก (1) ชำวชุมชนหรือเครือข่ำยชำวประมง ร้อยละ 51 (2) ร้ำนคน จับปลำ ร้อยละ 27 (3) กรีนพีซ ร้อยละ 10 (4) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) ร้อยละ 7 (5) ภำครัฐ (เช่น กรมทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม และกรมประมง) ร้อยละ 5 2) ควำมคิดเปลี่ยน : เป็นผลมำจำก (1) ชำวชุมชนหรือเครือข่ำยชำวประมง ร้อยละ 50 2) ร้ำนคนจับ ปลำ (บทบำทร่วมกับสมำคมรักษ์ทะเลไทย) ร้อยละ 42 (3) กรีนพีซ ร้อยละ 4 (4) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) ร้อยละ 2 และ (5) ภำครัฐ ร้อยละ 2
ข - 16
องค์กร/หน่วยงานที่มีบทบาทสร้างการเปลี่ยนแปลง บ้านคั่นกระได
เปลียนทัศนคติ
50%
ทรัพยำกรฟื้นคืน
51%
0%
10%
20%
ชุมชน/เครือข่ำยชำวประมง
30%
4%
42%
27%
40%
ร้ำนคนจับปลำ
50% กรีนพีซ
60%
2% 2%
10% 7% 5%
70%
80%
องค์กำรปกครองส่วนท้องถิ่น
90% 100% ภำครัฐ
ชาวประมงบ้านปากคลองเกลียว (บ่อนอก) จัดลำดับควำมสำคัญของประโยชน์จำกโครงกำรของร้ำนคนจับปลำดังนี้ (1) กำรอนุรักษ์ทรัพยำกร ทำงทะเล ร้อยละ 38 (2) รำคำผลผลิตที่สูงขึ้น มีรำยได้มำกขึ้น ร้อยละ 29 (3) กำรทำประมงที่ยั่งยืน (ได้ ควำมรู้ จ ำกกำรใช้เครื่ องมือที่ถูกต้อง) ร้ อยละ 19 และ (4) มีงำนทำเพิ่มขึ้น (จำกควำมอุดมสมบูรณ์ ข อง ทรัพยำกรทำงทะเล) ร้อยละ 14
ข - 17
ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: ชาวประมงบ้านปากคลองเกลียว มีงำนเพิ่มขึ้น 14%
กำรอนุรักษ์ทรัพยำกร ทำงทะเล 38%
กำรทำประมงที่ยั่งยืน 19%
รำคำผลผลิตที่สงู ขึ้น 29%
และให้ควำมเห็นเพิ่มเติมว่ำทรัพยำกรทำงทะเลมีควำมอุดมสมบูรณ์มำกขึ้น จำกกำรดำเนินงำนของ หน่วยงำน/องค์กรต่ำงๆ ได้แก่ (1) ร้ำนคนจับปลำและสมำคมรักษ์ทะเลไทย ร้อยละ 39 (2) ชุมชน (ชำวประมง และประชำชน) ร้อยละ 27 (3) กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สำนักงำนประเทศไทย) ร้อยละ 13 และ (4) ภำครัฐ (เช่น กรมทรัพยำกร ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม และกรมประมง) ร้อยละ 3 (5) องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (อบต.) ร้อยละ 8 (6) ภำคเอกชน ร้อยละ 10
ข - 18
องค์กร/หน่วยงานที่มีบทบาทต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล: ความเห็นของชาวประมงบ้านปากคลองเกลียว
อบต. 8%
ภำคเอกชน 10% ร้ำนคนจับปลำและ สมำคมรักษ์ทะลไทย 39%
ภำครัฐ 3%
กรีนพีซ 13% ชุมชน 27%
2.5.1.3 ผลกระทบของโครงกำรร้ำนคนจับปลำ 1) ผลต่อรำยได้สุทธิจำกกำรทำประมง ชำวประมงทั้ง 3 หมู่บ้ำน เห็นว่ำกำรเข้ำร่วมโครงกำรกับร้ำนคนจับปลำ ทำให้ขำยสัตว์น้ำได้รำคำ สูงขึ้น เพรำะร้ำนคนจับ ปลำจะรั บ ซื้อจำกสมำชิกสู งกว่ำรำคำหน้ำแพปลำประมำณร้อยละ 20 และมีกำร กำหนดมำตรฐำนกำรขำยโดยคัดขนำดสัตว์น้ำที่เป็นธรรม รายได้สุทธิจากการทาประมงจึงเพิ่ มขึ้นแต่เป็น จานวนเงินไม่มาก เนื่องจำกร้ำนคนจับปลำสำมำรถรับซื้อได้จำนวนน้อยหรือเพียงประมำณไม่เกินร้อยละ 20 ของปริมำณสัตว์น้ำที่ชำวประมงจับได้ ซึ่งชำวประมงเห็นว่ำน้อยเกินไปและส่วนที่เหลือก็ต้องไปขำยให้แพปลำ กับพ่อค้ำคนกลำง นอกจำกนี้ ผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ยังกล่ำวว่ำ ประเภทสัตว์น้ำที่รั บซื้อตำมควำมต้องกำรของ ลูกค้ำของร้ำนคนจับปลำยังไม่สอดคล้องกับประเภทของสัตว์น้ำที่จับได้ตำมธรรมชำติซึ่งขึ้นกับฤดูกำลและ โอกำส ไม่เหมือนกับปลำเลี้ยงที่กำหนดประเภทได้ ดังนั้น สมำชิกมีรำยได้เพิ่มขึ้นจำกกำรขำยให้ร้ำนคนจับ ปลำประมำณร้อยละ 4 แต่อย่ำงไรก็ตำม ไม่สำมำรถสรุปผลกระทบจำกร้ำนคนจับปลำได้ชัดเจนเนื่องจำก รำยได้ที่เพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับปริมำณปลำที่จับได้ในแต่ละวันด้วย ชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยซึ่งเป็นเรือขนำดกลำงและบ้ำนบ่อนอกซึ่งเป็นประมงขนำดเล็กเห็นว่ำ ก่อนเข้ำ โครงกำร มีกำไรต่อกำรออกเรือครั้งละประมำณ 2,000 บำท หรือ ประมำณ 25,000 - 35,000 บำทต่อเดือน (ทั้งนี้ ค่ำใช้จ่ำยในกำรออกเรือต่อครั้งต่อ 3 วันประมำณ 1,000-1,300 บำทแบ่งเป็น ค่ำน้ำมัน 500 บำท ข - 19
ค่ำจ้ำงลูกจ้ำง คิดจำกร้อยละ 30 ของรำยได้โดยให้ลูกน้องแบ่งกันเอง ค่ำโสหุ้ย ของกิน กำแฟ ขนม 300 บำท และค่ำน้ำแข็ง3 ชำวประมงหมู่บ้ำนบ่อนอก ถ้ำออกเรือจับกุ้ง จะมีค่ำใช้จ่ำยรวมลูกจ้ำง 1 คน ประมำณ 600 บำทต่อครั้ง ถ้ำออกเรือหำปลำหมึกค่ำใช้จ่ำยรวมลูกจ้ำง 1 คนประมำณ 900 บำทต่อครั้ง) ภำยหลังเข้ำร่วม โครงกำร มีรำยได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คิดเป็นกำไรไม่เกิน 10,000 บำทต่อเดือน รายได้ ต้นทุน และกาไร จากการทาประมง เปรียบเทียบก่อนหลังโครงการร้านคนจับปลา (หน่วย: บาท) ไม่ขำยให้คนจับ
ขำยให้คนจับปลำร้อยละ ขำยให้คนจับปลำร้อยละ
ปลำ
20 ของผลผลิต
20 ของผลผลิต
(ค่ำแรงคงที่)
(ค่ำแรงร้อยละ 30)
รำยได้
4,000
4,160
4,160
ค่ำแรง (30% ของรำยได้)
1,200
1,200
1,248
ค่ำน้ำมัน
500
500
500
ค่ำใช้จ่ำยอืนๆ
300
300
300
กำไร
2,000
2,160
2,112
20,000
21,160
21,120
-
1,600
1,120
8
5.6
ก ำไรต่ อ เดื อ น (ออกเรื อ เดือนละ 10 ครั้ง) กำไรที่เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ
ส่วนชำวประมงพื้นบ้ำนบ้ำนคั่นกระไดซึ่งเป็นประมงขนำดเล็ก ก่อนเข้ำโครงกำรมีกำไรต่อกำรออกเรือ เฉลี่ยต่อวันประมำณ 2,000 - 3,000 บำท หรือประมำณ 40,000 - 50,000 บำทต่อเดือน ภำยหลังเข้ำร่วม โครงกำร ชำวประมงมีรำยได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คิดเป็นกำไรไม่เกิน 10,000 บำทต่อเดือน จำกที่ประเภทสัตว์น้ำที่ร้ำนคนจับปลำรับซื้อไม่สอดคล้องกับสัตว์น้ำที่จับได้ตำมธรรมชำติ เช่น ปลำออ กำแร ปลำขนำดเล็กซึ่งขำยได้รำคำต่ำเพรำะผู้บริโภคไม่ค่อยรู้จัก แต่ชำวประมงจับได้จำนวนมำกจำกชำยฝั่ง แม้ว่ำร้ำนจะรับซื้อในรำคำสูงกว่ำท้องตลำดร้อยละ 20 แต่เนื่องจำกเป็นปลำที่ไม่ค่อยเป็นที่ต้องกำรของตลำด
ประมำณกำรรำยได้ต่อรอบกำรออกเรือ กำไร = รำยได้ – ต้นทุน (2,000 = X - 0.3X - 800) จะได้วำ่ รำยได้ต่อรอบกำรออกเรือเท่ำกับ 4,000 บำท กรณีขำยให้คนจับปลำร้อยละ 20 ของผลิต รำยได้ = 4,000 + 0.2*(0.2*4,000) = 4,160 บำท 3
ข - 20
จึงทำให้ร้ำนคนจับปลำต้องนำมำแปรรูปหลังรับซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่ำ โดยทำเป็นปลำหวำนซึ่งต้องใช้เวลำและ แรงงำนฝีมือของลูกจ้ำงร้ำนมำแล่ปลำและปรุงรส และจำกัดกำรรับซื้อ 2) ผลต่อภำระหนี้สิน ชำวประมงขนำดเล็กบ้ำนคั่ นกระไดและตำบลบ่อนอก มีผู้ที่เป็นหนี้แพปลำเป็นระยะเวลำนำนตั้งแต่ เริ่ มทำประมงหลำยคน เนื่ องจำกกำรกู้ยื มเพื่ อซื้ ออุ ปกรณ์และซ่ อ มอุ ปกรณ์ท ำประมงอย่ ำงต่ อเนื่ อง เช่น ชำวบ้ำนคั่นกระไดเป็นหนี้ประมำณ 150,000 - 200,000 บำทต่อคน และมีควำมสัมพันธ์ในลักษณะเกื้อกูลกัน เหมือนญำติ โดยมีสัญญำใจในกำรนำสัตว์น้ำมำขำยให้แพปลำ กำรปลดหนี้มำจำกกำรให้แพปลำหักจำกรำยได้ ที่นำสัตว์น้ำมำขำยให้ หรือถ้ำไม่มีจ่ำยก็สำมำรถผ่อนผันได้ และเห็นว่ำกำรเข้ำร่วมโครงกำรกับร้ำนคนจับปลำ ไม่มีผลต่อกำรปลดหนี้จำกแพปลำ เนื่องจำกปริมำณสัตว์น้ำที่ร้ำนคนจับปลำรับซื้อมีสัดส่วนน้อย ทำให้ได้ รำยได้จำกร้ำนคนจับปลำไม่มำกนัก สำหรับชำวประมงที่ปลดหนี้ได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับจำนวนปลำที่จับได้และ ควำมถี่ในกำรออกหำปลำมำกกว่ำ อีกบำงส่วนใช้วิธีกำรปลดหนี้โดยกำรเล่ นเปียแชร์ หรือกู้ธนำคำร เช่น ชำวบ้ำนคั่นกระไดเป็นหนี้แพปลำ 15 ลำ ที่ผ่ำนมำปลดหนี้ได้ 7-8 ลำ 3) ประโยชน์อื่น ๆ 3.1) กำรมีเวลำว่ำงเพิ่มขึ้น ชำวประมงให้ข้อมูลว่ำปัจจุบันออกเรือต่อวันน้อยลง คือ จำกที่เคยออกเรือ วันละ 3 รอบเพื่อให้ได้ปริมำณสัตว์น้ำที่ต้องกำร แต่ปัจจุบันออกเรือเพียงหนึ่งเที่ยวต่อวัน เฉลี่ยประมำณวันละ 4 ชั่วโมง ทำให้มีเวลำอยู่กับครอบครัวเพิ่มมำกขึ้นและมีเวลำเข้ำร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์มำกขึ้นอย่ำงไรก็ดี ขึ้นอยู่ประเภทของสัตว์น้ำ เช่น ออกเรือจับกุ้งใช้เวลำประมำณ 4 ชั่วโมง ถ้ำออกเรือจับปลำหมึกจะใช้เวลำ ประมำณ 12 ชั่วโมง (ออกเรือตอนเย็นและกลับเช้ำ) เนื่องจำกทรัพยำกรชำยฝั่งทะเลมีควำมอุดมสมบูรณ์ เพิ่มขึ้นจำกกำรทำประมงที่ถูกวิธีและกิจกรรมอนุรักษ์ที่ชุมชนและองค์กรต่ำงๆช่วยกันดำเนินกำรอย่ำงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมำจำกกำรทำงำนร่วมกันหลำยฝ่ำย จึงไม่สำมำรถสรุปได้ว่ำเป็นผลโดยตรงมำจำกกำรดำเนินโครงกำร ของร้ำนคนจับปลำ 3.2) ผลอื่นๆ ชำวประมงกล่ำวถึงผลประโยชน์อื่นจำกร้ำนคนจับปลำในกำรจัดลำดับควำมสำคัญ แต่ ได้ร ะบุ ห น่ ว ยงำนอื่น อีกหลำยหน่ ว ยงำนที่มี บทบำทท ำให้ เ กิดผลเหล่ ำนี้ ได้แก่ กำรเรียนรู้ของชุมชนด้ ำ น กำรตลำดและกำรบริหำรต้นทุน กำรส่งเสริมเครือข่ำยชำวประมง กำรสื่อสำรและเข้ำถึงอำหำรทะเลที่ยั่ง ยืนสู่ ผู้บริโภค และกำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยหน่วยงำนที่ระบุ ได้แก่ สมำคมรักษ์ทะเลไทย ชุมชน (ชำวประมงและ ประชำชน) กรีนพีซ ออกแฟม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) และ ภำครัฐ (เช่น กรมทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อม และกรมประมง) ข - 21
4) กำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยซึ่งเป็นเรือขนำดกลำง เห็นว่ำวิธีกำรทำประมงไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงมำกเพรำะ ทำประมงแบบถูกต้องมำก่อนหน้ำแล้ว และเห็นว่ำปัจจุบันทรัพยำกรทำงทะเลนอกชำยฝั่งที่เกินกว่ำ 3 ไมล์ลด น้อยลงจำนวนมำกเนื่องจำกมีกำรทำประมงผิดกฎหมำยเพิ่มมำกขึ้นจำกเรือประมงพำณิชย์และเรือหอยจอบที่ ทำลำยหน้ำดินเสียหำย ในขณะที่ชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยระบุประโยชน์อันดับ 1 และอันดับ 2 จำกโครงกำร ร้ำนคนจับปลำ ได้แก่ กำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ซึ่งดูเหมือนข้อมูลไม่สอดคล้ อง กัน ทั้งนี้ น่ำจะมำจำกกำรมองบทบำทร้ำนคนจับปลำทับซ้อนกับบทบำทของสมำคมรักษ์ทะเลไทย (ซึ่งเป็น หน่วยงำนที่ก่อตั้งร้ำนคนจับปลำ) ที่ทำกิจกรรมส่งเสริมกำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำง ทะเลร่วมกับชุมชนมำเป็นระยะเวลำอย่ำงต่อเนื่องและยำวนำน ส่วนชำวประมงพื้นบ้ำนบ้ำนคั่นกระไดและบ้ำนบ่อนอกซึ่งเป็นประมงขนำดเล็ก และทำประมงชำยฝั่ง ไม่เกิน 3 ไมล์เห็นว่ำมีกำรเปลี่ยนแปลงคือ ชำวประมงมีกำรทำประมงแบบยั่งยืนที่ใช้เครื่องมือแบบถูกกฎหมำย มำกขึ้น มีกำรร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยกำรทำซั้งปลำ (สร้ำงบ้ำนให้ปลำ) และกำรรณรงค์ ใช้เครื่องมือที่ ถูกต้องจับสัตว์น้ำ กำรไม่จับสัตว์น้ำขนำดเล็ก และร่วมกันดูแลสอดส่องเรือที่ทำประมงแบบผิดกฎหมำยที่เข้ำ มำในพื้นที่ โดยเฉพำะชำวประมงบ้ำนคั่นกระไดที่สมัยก่อนใช้อุปกรณ์จับปลำที่ผิดวิธี รวมถึงกำรไม่ดูแลอนุรักษ์ จนสัตว์น้ำหำยไปจำกชำยฝั่งของหมู่บ้ำ น จึงย้ำยไปลักลอบจับปลำในเขตพื้นที่อนุรักษ์ของชุมชนอื่น เมื่อโดน จับและจำกกำรได้ไปศึกษำดูงำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรชำยฝั่งที่ท่ำศำลำ จึงเปลี่ยนพฤติกรรมและ กลับมำ ร่วมกันตั้งกลุ่มดูแลอนุรักษ์สัตว์น้ำตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 กำรเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงวิธีกำรทำประมงแบบยั่ งยืน และกำรทำกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยำกร ทำงทะเล ดังกล่ำวเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนกำรก่อตั้งโครงกำรของร้ำนคนจับปลำ และส่วนสำคัญคือกำรผลักดันของ ชุมชนเอง และองค์กรอื่น คือ สมำคมรักษ์ทะเลไทย (หน่วยงำนผู้ก่อตั้งร้ำนคนจับปลำ) กรีนพีซ องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น และองค์กรอื่ นๆ เช่น ร้ำนฅนทะเล ที่หมู่บ้ำนทุ่งน้อย สมำคมพื้นบ้ำนปำกคลองเกรียว ที่หมู่บ้ำนบ่อ นอก รวมถึง ทหำร เป็นต้น 2.5.2 กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำนที่ไม่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ เนื่องจำกชุมชนเห็นประโยชน์ของกำรอนุรักษ์ที่ริเริ่มโดยร้ำนคนจับปลำ ทำให้มีควำมร่วมมื อด้ำนกำร อนุรักษ์มำกขึ้น ชุมชนได้ประโยชน์ทั้งทำงตรงและทำงอ้อม ซึ่งเป็นผลจำกกำรมีทรัพยำกรทำงทะเลเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงได้ทำกำรศึกษำผลกระทบของร้ำนคนจับปลำต่อชำวประมงที่ไม่เป็นสมำชิกด้วย ผลกำรศึกษำแบ่ง ข - 22
กำรนำเสนอข้อมูลออกเป็น 3 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ สถำนกำรณ์และผลกระทบจำกกำรมี โครงกำรร้ำนคนจับปลำ และบทบำทด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ดังรำยละเอียดต่อไปนี้ 2.5.2.1 ข้อมูลด้ำนประชำกร ผู้ให้สัมภำษณ์ทั้งหมดเป็นเพศชำย อยู่ในช่วงอำยุ 25-30 ปี 2 คน อำยุมำกกว่ำ 45 ปี 1 คน ทุกคน อำศัยอยู่ในพื้นที่มำตั้งแต่เกิด (มำกกว่ำ 25 ปี ขึ้นไป) อำศัยอยู่กับครอบครัว คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง หรืออำศัยอยู่ กับภรรยำและลูก และทุกคนทำอำชีพประมงมำนำนกว่ำ 5 ปี คนที่อำยุมำกกว่ำ 45 ปี ทำประมงมำนำนกว่ำ 10 ปี 2.5.2.2 ควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับโครงกำรร้ำนคนจับปลำ 1) คำถำมเกี่ยวกับสภำพเศรษฐกิจและกำรทำประมงในช่วงเวลำ 2-3 ปีที่ผ่ำนมำ (พ.ศ.2557-พ.ศ. 2559) ตัวแทนจำกชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยซึ่งเป็นกลุ่มเรือประมงขนำดกลำง กล่ำวว่ำ ไม่ค่อยดีนักเนื่องจำกมี เรือประมงขนำดใหญ่จำนวนมำกทำประมงอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเรือประมงขนำดใหญ่เหล่ำนี้ใช้วิธีกำรและ อุปกรณ์ในกำรทำประมงที่ทำให้ลูกปลำขนำดเล็กถูกจับไปด้วย ทำให้จำนวนปลำและสัตว์น้ำในทะเลลดลงไป มำก จำกที่เคยออกเรือได้ทุกวัน ปัจจุบัน 1 เดือนออกได้เพียง 3 วัน ทำให้ต้องกู้ธนำคำรเพื่อมำทำอำชีพเสริม คือ ขุดบ่อเลี้ยงปลำกะพงซึ่ งหวังว่ำจะพออยู่ได้ ตอนนี้ทำมำได้เกือบ 1 ปีแล้ว ขณะที่ชำวประมงจำกบ้ำนคั่น กระไดกล่ำวว่ำ เศรษฐกิจโดยภำพรวมปกติดีแต่แย่ตรงที่ปริมำณสัตว์น้ำในทะเลลดน้อยลง ตั้งแต่ต้นปีมำยัง ไม่ได้กุ้ง (ซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่ได้รำคำดี) ต้องรอช่วงปลำยปี ช่วงที่ผ่ำนมำได้แต่ปลำออกำแรเป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งเป็น ปลำที่ขำยไม่ค่อยได้รำคำ) ส่วนชำวประมงตำบลบ่อนอกกล่ำวว่ำเศรษฐกิจปกติ อย่ำงไรก็ตำม กำรที่กลุ่มตัวอย่ำงจำกบ้ำนทุ่งน้อยได้รับผลกระทบด้ำนเศรษฐกิจมำกกว่ำที่บ้ำนคั่น กระไดและบ่อนอก เนื่องจำกเป็นกลุ่มประมงพื้นบ้ำนที่ใช้เรือประมงขนำดกลำง ได้รั บผลกระทบจำกกฎหมำย ประมงพื้นบ้ำนที่ห้ำมเรือประมงที่มีระวำงเรือมำกกว่ำ 10 ตันกรอสทำประมงในระยะ 3 ไมล์ทะเลจำกชำยฝั่ง และไม่สำมำรถแข่งขันกับเรือประมงพำณิชย์แบบอวนลำกที่มีระวำงมำกว่ำ 30 ตันกรอส ทำให้ประสบปัญหำ อย่ำงมำกในกำรออกเรือ 2) คำถำมเกี่ยวกับร้ำนคนจับปลำ กลุ่มตัวอย่ำงจำกทั้งสำมหมู่บ้ำน ทุกคนรู้จักโครงกำรร้ำนคนจับปลำ มำมำกกว่ำหนึ่งปี โดยตัวแทนจำกบ้ำนทุ่งน้อยรู้จักมำ 1 ปี ส่วนตัวแทนจำกบ้ำนคั่นกระไดและบ่อนอกรู้จัก โครงกำรร้ำนคนจับปลำมำตั้งแต่ก่อตั้งโครงกำร อย่ำงไรก็ดี ตัวแทนจำกบ่อนอกยังมีควำมเข้ำใจสับสนเกี่ยวกับ ร้ำนคนจับปลำ โดยเข้ำใจและเรียกร้ำนคนจับปลำว่ำสหกรณ์ ขณะที่เมื่อถำมว่ำรู้จักร้ำนคนจับปลำหรือไม่ ผู้ให้
ข - 23
สัมภำษณ์ถำมกลับมำว่ำ “ร้ำนไหน” แสดงให้เห็นว่ำไม่ได้รู้จักโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ในฐำนะชื่อ “ร้ำนคนจับ ปลำ” ที่เป็นธุรกิจเพื่อสังคม แต่เมื่อให้รำยละเอียดเกี่ยวกับร้ำนเพิ่มเติม สมำชิกจึงเกิดควำมเข้ำใจตรงกัน เมื่อสอบถำมว่ำทั้งสำมคนเป็นเคยเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำหรือไม่ ทั้งสำมคนตอบว่ำไม่เคยเป็น และ มีเพียงผู้ให้สัมภำษณ์จำกบ้ำนทุ่งน้อยเท่ำนั้นที่สนใจเข้ำเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ ขณะที่อีก 2 คนจำก 2 หมู่บ้ำนบอกว่ำไม่สนใจเข้ำร่วม โดยผู้ที่สนใจเข้ำร่วมจำกบ้ำนทุ่งน้อยให้เหตุผลว่ำ ต้องกำรเรียนรู้จำกกำรเข้ำ ร่วมกิจกรรมต่ำง ๆ ของทำงร้ำนเพื่อเพิ่มช่องทำงในกำรจัดจำหน่ำยและกำรพัฒนำคุณภำพผลิตภัณฑ์ หำกมี กำรเปิดรับสมำชิกรอบใหม่พร้อมที่จะสมัครเข้ำเป็นสมำชิกทันที ขณะที่ตัวแทนจำกบ้ำนคั่นกระไดกล่ำวว่ำ กำรนำไปขำยข้ำงนอกมีตลำดดีกว่ำ รำคำดีกว่ำ เพรำะแม่ค้ำรับหมดทุกประเภทและร้ำนคนจับปลำรับคำสั่งซื้อ น้อย และถึงแม้จะไม่เป็นสมำชิกก็ยังสำมำรถนำมำขำยให้ร้ำนคนจับปลำได้ ส่วนตัวอย่ำงจำกตำบลบ่อนอกให้ เหตุผลว่ำ ยังคงเป็นหนี้แพปลำจึงยังไม่คิดจะสมัครเป็นสมำชิก และยังกล่ำวว่ำ ส่วนใหญ่จะเลือกขำยให้เถ้ำแก่ แพปลำเพรำะมีบุญคุณคอยช่วยเหลื อดูแลทุกอย่ำงในเวลำต้องกำร ไม่ว่ำจะเป็นกำรกู้เงินหรือซื้ออุ ปกรณ์ นอกจำกนี้แม้จะไม่เป็นสมำชิกก็สำมำรถนำมำขำยให้ร้ำนคนจับปลำได้ 2.5.2.3 สถำนกำรณ์หรือผลกระทบจำกโครงกำร ผลกระทบจำกโครงกำรร้ำนคนจับปลำต่อชำวประมงที่ไม่ได้เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำในประเด็นต่ำง ๆ ได้แก่ ด้ำนกำรทำประมง ด้ำนตลำดและกำรจำหน่ำย ด้ำนรำยได้ของครัวเรือน ด้ำนค่ำใช้จ่ำย และด้ำน หนี้สิน ดังนี้ 1) ผลกระทบต่อกำรทำประมงของชำวประมงที่ไม่ได้เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ กลุ่มตัวอย่ำงส่วนใหญ่ให้ควำมเห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีผลกระทบต่อชำวประมงที่ไม่ได้เป็น สมำชิกเพียงเล็กน้อย 1.1) กลุ่มตัวอย่ำงจำกบ้ำนทุ่งน้อยเห็นว่ำไม่มีผลกระทบ ปัจจุบันระยะของกำรทำประมงคือ พื้นที่ใน ระยะ 3-10 ไมล์ทะเล เนื่องจำกเรือประมงที่ใช้เป็นเรือประมงขนำด 10 ตันกรอส โดยตำมพระรำช กำหนดประมง พ.ศ.2558 จัดให้เรือขนำด 10 ตันกรอสขึ้นไป เป็นเรือพำณิชย์4 จึงห้ำมทำกำรประมง ชำยฝั่งในระยะ 3 ไมล์ทะเล ซึ่งชำวประมงที่บ้ำนทุ่งน้อยส่วนใหญ่จะเป็นประมงขนำดกลำงคือ ใช้ เรือประมงขนำด 10 ตันกรอส ขณะที่ร้ำนคนจับปลำมีกลุ่มเป้ำหมำยหลักคือ ชำวประมงพื้นบ้ำนขนำด เล็กที่ทำประมงในระยะ 3 ไมล์ทะเล และกำรฟื้นฟูระบบนิเวศชำยฝั่งทะเลระยะ 3 ไมล์ทะเล ดังนั้น
4
http://www.matichon.co.th/news/516532 ข - 24
กำรเกิดขึ้นของร้ำนคนจับปลำ จึงอำจไม่มีผลกระทบต่อชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยที่ต้องทำประมงนอก พื้นที่ 3 ไมล์ทะเล อย่ำงไรก็ดี ชำวประมงจำกทั้ง 3 หมู่บ้ำนต่ำงเห็นว่ำ กำรจะจำแนกว่ำเป็นประมงพื้นบ้ำน หรือไม่นั้น กำรจำแนกตำมขนำดตันกรอสเพียงอย่ำงเดียวไม่สำมำรถระบุได้ ควรดูที่เครื่องมือ หรือ อวน และวิธีกำรในกำรในกำรจับสัตว์น้ำจำกทะเล ซึ่งหำกพิจำรณำถึงประเด็นด้ำนเครื่องมื อและ วิธีกำรจับสัตว์น้ำ ชำวประมงที่บ้ำนทุ่งน้อยส่วนใหญ่เห็นว่ำ กำรทำประมงของชำวประมงที่บ้ำนทุ่ง น้อยเป็นกำรทำประมงพื้นบ้ำน แม้จะใช้เรือขนำด 10 ตันกรอสก็ตำม 1.2) กลุ่มตัวอย่ำงจำกตำบลบ่อนอกให้ควำมเห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีผลกระทบต่อกำรทำ ประมงของชำวประมงที่บ่อนอกเพียงเล็กน้อยเท่ำนั้น เนื่องจำกเดิมชำวประมงพื้นบ้ำนที่ตำบลบ่อนอก ทำประมงโดยใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำที่ถูกต้องและอนุรักษ์ระบบนิเวศชำยฝั่งทะเลมำก่อนมีโครงกำร ร้ำนคนจับปลำ ซึ่งสอดคล้องกับเรือและเครื่องมือที่ใช้ในกำรจับสัตว์น้ำที่พบเห็นและได้รับกำรบอก กล่ำว คือ เป็นเรือประมงขนำดกลำงที่กำลังต่ำกว่ำ 10 ตันกรอส และมีเรือไฟเบอร์ขนำดเล็ก ที่ออก เรือได้ในระยะใน 3 ไมล์ทะเล ซึ่งยังคงสำมำรถออกเรือได้ทุกวัน (ออกเช้ำ กลับเย็น) 1.3) กลุ่มตัวอย่ำงจำกบ้ำนคั่นกระได เป็นกลุ่มเดียวที่ระบุอย่ำงชัดเจนว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีผล ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงในกำรทำประมงของชำวประมงที่ไม่ได้เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ คือทำให้ ชำวประมงในพื้นที่บ้ำนคั่นกระไดส่วนใหญ่ทำประมงอย่ำงถูกต้องมำกขึ้น ตำมข้อกำหนดที่ชำวประมง ในชุมชนได้กำหนดร่วมกัน และมีกำรตรวจเข้มเรื่องใบทะเบียนเรือ ทั้งนี้เนื่องจำกชำวประมงพื้นบ้ำนที่ เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำมีกำรวมกลุ่มกันอย่ำงเข้มแข็ง จึงทำให้ชุมชนมีควำมเข้มแข็งตำมไปด้วย เครื่องมือที่ใช้ทำกำรประมงในปัจจุบัน ได้แก่ เรือประมงขนำดเล็ก ต่ำกว่ำ 10 ตันกรอส ออก เรือภำยในระยะ 3-4 ไมล์ทะเล สัตว์น้ำที่จับได้ในช่วงเดือนธันวำคม 2559 คือ ปู ออกเรือ 3 วันต่อครั้ง หรือ 10 วันต่อเดือน ปลำหมึกออกเรือได้รอบเดียวช่วงคือ พฤศจิกำยน - ตุลำคม ออกเรือครั้งละ 2-3 คน อำจเป็นคนในครอบครัว หรือลูกจ้ำง 2) ผลกระทบด้ำนตลำดและกำรจำหน่ำย ผลกำรสัมภำษณ์พบว่ำ กลุ่มตัวอย่ำงทั้ง 3 หมู่บ้ำน ตอบเหมือนกันคือ จะจำหน่ำยให้กับแพปลำใน พื้นที่เป็นหลัก (มีหนึ่งรำยที่มีเถ้ำแก่อยู่ที่เพชรบุรี) ชำวประมงเรียก “เถ้ำแก่” ซึ่งเป็นทั้งนำยทุนและพ่อค้ำคน กลำงเนื่องจำกมีบุญคุณต่อกัน เป็นผู้ให้ควำมช่วยเหลือทั้งในด้ำนกำรซื้อเรือ กำรซื้ออวนและอุปกรณ์อื่น ๆ ให้กู้ เงิน รวมทั้งให้ควำมช่วยเหลือในยำมป่วยไข้ แม้จะขำยได้รำคำต่ำกว่ำท้องตลำดหรือขำยให้ร้ำนคนจับปลำซึ่งให้ ข - 25
รำคำสูงกว่ำตลำดร้อยละ 20 นอกจำกประเด็นด้ำนบุญคุณแล้ว อีกประเด็นหนึ่งคือ ปริมำณรับซื้อจำกร้ำนคน จับปลำมีน้อย และไม่ได้รับซื้อสัตว์น้ำทุกชนิดที่ชำวประมงจับได้ ทำให้สุดท้ำยก็ต้องขำยให้กับแพปลำ โดยกลุ่ม ตัวอย่ำงจำกทั้ง 3 หมู่บ้ำนต่ำงให้ข้อมูลเหมือนกันว่ำ ปริมำณรับซื้อจำกร้ำนคนจับปลำคิดเป็นเพียงจำนวนร้อย ละ 20 จำกสัตว์น้ำที่จับได้ทั้งหมดแต่ละครั้ง จึงไม่มีผลต่อกำรปรับรำคำของแพปลำ มีเพียงกลุ่มตัวอย่ำงจำก บ้ำนคั่นกระไดเท่ำนัน้ ที่ตอบว่ำ กำรกำหนดรำคำของร้ำนคนจับปลำที่มำกกว่ำท้องตลำดร้อยละ 20 ส่งผลให้แพ ปลำและพ่อค้ำคนกลำงปรับรำคำรับซื้อตำมรำคำของร้ำนคนจับปลำ เมื่อสอบถำมถึงกำรขำยในปัจจุบัน ชำวประมงจำกบ้ำนทุ่งน้อยกล่ำวว่ำ ยังคงขำยได้รำคำปกติ แต่ อยำกเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำเพรำะอยำกขำยได้รำคำดีขึ้น ซึ่งเห็นไปในทิศทำงเดียวกันว่ำ ต้องกำรให้ร้ำน คนจับปลำรับซื้อในจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มรำคำให้กับสินค้ำ 3) ผลกระทบด้ำนรำยได้ของชำวประมง ผลกำรสัมภำษณ์พบว่ำ กำรมีร้ำนคนจับปลำไม่มีผลต่อรำยได้ของชำวประมงที่ไม่ใช่สมำชิก หรือมีผล น้อย ปัจจัยที่มีผลต่อรำยได้จะมำจำกปริมำณและประเภทสัตว์น้ำที่จับได้ ทั้งนี้อำจเนื่องมำจำกปริมำณสัตว์น้ำ ที่ร้ำนคนจับปลำสำมำรถรับซื้อจำกชำวประมงได้มีเพียงร้อยละ 20 ของปริมำณสัตว์น้ำที่ชำวประมงจับได้ เท่ำนั้ น อย่ ำงไรก็ดี รำยได้ของกำรทำประมงพื้ นบ้ำนเมื่ อหั ก ค่ำ ใช้จ่ำยแล้ ว นั บว่ ำ อยู่ใ นเกณฑ์ ที่พ อใจ คือ 10,000-30,000 บำทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประเภทและปริมำณสัตว์น้ำที่จับได้ในแต่ละช่วงเวลำ โดยชำวประมง พื้นบ้ำนที่บ้ำนคั่นกระไดมีรำยได้ต่อเดือนสูงกว่ำชำวประมงพื้นบ้ำนที่บ้ำนทุ่งน้อยและบ่อนอก 4) ผลกระทบด้ำนค่ำใช้จ่ำยในกำรทำประมง จำกกำรสัมภำษณ์พบว่ำ กำรมีร้ำนคนจับปลำไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่ำใช้จ่ำยในกำรทำประมงของ ชำวประมงพื้นบ้ำน ค่ำใช้จ่ำยจะเกิดขึ้นจำกกำรออกเรือ ถ้ำออกมำกก็มีค่ำใช้จ่ำยมำกซึ่งโดยปกติจะออกเรือทุก วัน แต่หำกปริมำณสัตว์น้ำที่จับได้มีมำกและจำหน่ำยได้รำคำก็ถือว่ำคุ้มค่ำใช้จ่ำย โดยค่ำใช้จ่ำยในกำรออกเรือ แต่ละครั้งจะประมำณ 2,000 บำท ประกอบด้วยค่ำน้ำมันเชื้อเพลิง ค่ำจ้ำงคนงำน และค่ำอำหำรระหว่ำงออก เรือ ดังนั้น ปัจจัยด้ำนค่ำใช้จ่ำยในกำรออกเรือที่สำคัญอย่ำงหนึ่งจึงได้แค่ รำคำน้ำมันเชื้อเพลิง และจำนวนสัตว์ น้ำในทะเล เนื่องจำกหำกปริมำณสัต ว์น้ำในชำยฝั่งทะเลมีมำกชำวประมงจะไม่ต้องออกเรือไปไกล ในระยะ 3 ไมล์ทะเลสำมำรถไปเช้ำ บ่ำยหรือเย็นกลับเข้ำฝั่งได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่ำใช้จ่ำยในกำรออกเรือ โดยเฉพำะหำก ได้ปริมำณสัตว์น้ำกลับมำมำกจะยิ่งคุ้มกับค่ำใช้จ่ำย ซึ่งหำกพิจำรณำโดยองค์รวมแล้วจะพบว่ำ กำรที่ชำวประมงพื้นบ้ำนสำมำรถออกเรือได้ทุกวันและได้ ปริมำณสัตว์น้ำกลับมำคุ้มค่ำใช้จ่ำย แสดงว่ำระบบนิเวศทำงทะเลของประมงชำยฝั่งได้รับกำรฟื้นฟูให้กลับมำ ข - 26
อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นพันธกิจหนึ่งของร้ำนคนจับปลำ อย่ำงไรก็ดี กำรฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศทำงทะเลมี หลำยหน่วยงำนและภำคส่วนที่เข้ำมำช่วยกันดูแล จึงไม่อำจกล่ำวได้ร้อยละ 100 ว่ำ ปริมำณสัตว์น้ำที่จับได้มำก ในบริเวณชำยฝั่งอันเนื่องมำจำกระบบนิเวศทำงทะเลได้รับกำรฟื้นฟู เป็นผลมำจำกกำรทำงำนของร้ำนคนจับ ปลำ 5) ผลกระทบด้ำนหนี้สิน หนี้สินในที่นี้ หมำยถึง หนี้สินที่เกิดขึ้นจำกกำรทำประมงโดยเป็นหนี้ที่เกิดจำกกำรกู้ยืมเงินจำกแพปลำ หรือเถ้ำแก่ พบว่ำ ชำวประมงที่ไม่เป็นสมำชิกที่ให้สัมภำษณ์จำกทั้ง 3 หมู่บ้ำน ณ ปัจจุบันไม่มีใครมีหนี้สินกับ แพปลำ มีหนึ่งรำยจำกตำบลบ่อนอกที่เพิ่งปลดหนี้ได้ในปีนี้ (พ.ศ.2559) ซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจำกกำรกู้ยืมเงินมำซื้อ อุปกรณ์ทำประมง มีหนึ่งรำยจำกบ้ำนทุ่งน้อยที่เป็นหนี้กับธนำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร 100,000 บำท เป็นหนี้ที่เกิดจำกกำรกู้มำเพื่อขุดบ่อเลี้ยงปลำกะพง เนื่องจำกไม่สำมำรถออกเรือได้ เพรำะ ออกไปไม่คุ้มค่ำใช้จ่ำย เนื่องจำกเป็นเรือขนำด 10 ตันกรอส ต้องออกเรือไปไกลกว่ำ 3 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ เดียวกับเรือประมงพำณิชย์ขนำดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ดีกว่ำและไปได้ไกลกว่ำ จึงต้องหันมำทำอำชีพเสริมคือ กำร ขุดบ่อเลี้ยงปลำ 2.5.2.4 บทบำทด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ชำวประมงพื้นบ้ำนที่ให้สัมภำษณ์จำกบ้ำนคั่นกระไดและตำบลบ่อนอกเป็นสมำชิกของสมำคมคนรักษ์ ทะเลซึ่งมีบทบำทที่คล้ำยคลึงกับร้ำนคนจับปลำในกำรอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ทำงทะเล เช่น กำรทำซั้งปลำหรือ บ้ำนปลำ และกำรต่อต้ำนกำรทำประมงผิดกฎหมำย และส่วนใหญ่จะเข้ำร่วมกิจกรรมดังกล่ำวทุกครั้งหำกไม่ติด ภำรกิจ ยกเว้นกลุ่มตัวอย่ำงจำกบ้ำนทุ่งน้อยที่ไม่ได้เป็นสมำชิกสมำคมคนรักษ์ทะเล หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่มีบทบำท ด้ำนกำรฟื้นฟูและอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ทำงทะเล และชำวประมงที่เข้ำร่วมเป็นสมำชิกสมำคมคนรักษ์ทะเลต่ำง เห็นว่ำ กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรในทะเลจะช่วยให้จำนวนปลำมีมำกขึ้น และทำให้ขำยได้รำคำดีกว่ำ 2.5.3 ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำ 2.5.3.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ ผู้ให้ข้อมูลเป็นพนักงำนของร้ำนคนจับปลำบ้ำนคั่นกระไดจำนวน 2 คน และเป็นคนในพื้นที่ดั้งเดิมที่ อำศัยอยู่ในหมู่บ้ำนมำตั้งแต่เกิด อำชีพเดิมของลูกจ้ำงคนแรกคือกำรทำปลำ ก่อนทำงำนกับโครงกำรช่ว ย มำรดำแล่ปลำที่ครอบครัวจับได้ส่งตลำด ตัดสินใจมำทำงำนให้โครงกำรร้ำนคนจับปลำตั้งแต่เริ่มก่อตั้งร้ำน เพรำะไม่ มี ค นท ำ ประกอบกั บ มำรดำเสี ย ชี วิ ตจึ ง ต้ อ งกำรท ำงำนเพื่ อ ที่ จ ะได้ ไ ม่ คิ ด ถึ ง แม่ เป็ น คนเดี ย วใน ครอบครัวที่ทำงำนให้ร้ ำนคนจั บปลำ โดยทำงำนที่ลำนประชุมของหมู่บ้ำนซึ่งเป็นที่ตั้งของร้ำนคนจั บปลำ ข - 27
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีหน้ำที่คัดปลำ แล่ปลำ แปรรูป และบรรจุหีบห่อสุญญำกำศ เป็นหัวหน้ำทีมทำปลำ เช็คคุณภำพสินค้ำ และงำนอื่นที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติงำนทุกวันรวมถึงกำรปฏิบัติงำนนอกเวลำเมื่อมีชำวประมงนำ สินค้ำมำส่ง คนที่สองไม่ได้ทำงำนมำก่อน เลี้ยงลูกวัยทำรก ก่อนทำงำนกับโครงกำร มีรำยได้หลักจำกบิดำที่ออก เรือหำปลำ เริ่มทำงำนที่ร้ำนคนจับปลำได้ 3-4 เดือน ตัดสินใจมำทำงำนให้โครงกำรเนื่องจำกว่ำงงำน ต้องกำร หำรำยได้ช่วยเหลือครอบครัว และสมำชิกทุกคนในครอบครัวก็ทำงำนให้ร้ำนคนจับปลำ โดยทำงำนที่ร้ำนคน จับปลำ บริเวณลำนประชุมหมู่บ้ำน มีหน้ำที่คัดแยก แปรรูปปลำ แล่ปลำ ชั่ง และบรรจุหีบห่อสุญญำกำศ โดย ทำงำนวันละ 8 ชั่วโมง หยุดทุกวันจันทร์ หำกถ้ำไม่ทำงำนให้โครงกำร จะช่วยพ่อเอำปลำที่จับได้ไปขำยที่ตลำด 2.5.3.2 สถำนกำรณ์ ผลกระทบจำกโครงกำร หลังทำงำนให้โครงกำร ลูกจ้ำงรำยแรกมีรำยได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 10,000 บำท รำยที่สองมีรำยได้ เพิ่มขึ้นจำกเดิมที่ไม่มีรำยได้เลย เดือนละ 6,000 บำท โดยรวมแล้วได้ประโยชน์หลักจำกกำรทำงำนให้โครงกำร ด้ำนกำรมีรำยได้เพิ่มขึ้น แต่โครงกำรยังมีข้อจำกัดด้ำนฝีมือคนทำงำน มียอดรับสั่งซื้อ เงินทุนหมุนเวียนและ ทรัพยำกรไม่แน่นอน และขำดควำมเข้ำใจในตัวสินค้ำ
2.5.3.3 บทบำทด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ชุมชนเคยทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่ วมกับ สมำคมรักษ์ทะเลไทย และองค์กำรบริหำรส่วนตำบล (อบต.) โดยทำกิจกรรมกำรอนุรักษ์ร่วมกับสมำคมรักษ์ ทะเลไทย และร่วมกับอบต. ในกำรจัดหำงบประมำณในกำรทำซั้งกอและบ้ำนปลำ กิจกรรมอนุรักษ์ของคนจับปลำ ประกอบด้วย กำรทำซั้งปลำและกำรรณรงค์ให้มีกำรทำประมงแบบ อนุรักษ์ กำรให้ควำมรู้เรื่องขนำดตำอวนที่เหมำะสม นอกเหนือจำกคนจับปลำ ปัจจุบันชุมชนทำกำรอนุรักษ์ สิ่ งแวดล้ อมทำงทะเลร่ วมกับ สมำคมคนรั กษ์ทะเล โดยประชำชนในหมู่บ้ำนร่ว มกันรับผิดชอบ และมีกำร สนับสนุนงบประมำณจำก และอบต. ทั้งนี้ ยังไม่มีโครงกำรใดที่ชุมชนริเริ่มดำเนินกำรเอง ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำ เองได้เข้ำร่วมโครงกำรสร้ำงบ้ำนให้ปลำ โดยร่วมจัดเตรียมอุปกรณ์ และทำซั้งกอ ที่ลำนหมู่บ้ำน หลังจำกที่ได้ทำกำรอนุรักษ์ตั้งแต่ร่วมกันทำกับสมำคมรักษ์ทะเล จนกระทั่งรวมกันกับร้ำนคนจับปลำ ในกำรดำเนินกิจกรรมกำรอนุรักษ์ เช่น กำรทำบ้ำนให้ปลำ กำรทำซั้งกอในรอบ 5 ปีที่ผ่ำนมำ ประกอบกับกำร ไม่ค่อยมีพำยุ นอกเหนือจำกพำยุตำมฤดูกำล ทำให้สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลบริเวณทะเลและ ชำยฝั่งมีกำรเปลี่ยนแปลงในทำงที่ดีขึ้น กำรเปลี่ยนแปลงที่ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำสังเกตเห็น คือ มีควำมอุดม ข - 28
สมบูรณ์บริเวณทะเลและชำยฝั่งที่มำกขึ้น มีปลำมำกขึ้น มีปริมำณสัตว์น้ำเพียงพอต่อควำมต้องกำร แต่ก็มี แนวโน้มลดน้อยลง เนื่องจำกมีเรือหำปลำเพิ่มมำกขึ้นตำมปริมำณทรัพยำกรทำงทะเลที่เพิ่มขึ้น ด้ำนควำมขัดแย้งในพื้นที่ พบว่ำ เกิดควำมขัดแย้งระหว่ำงประมงพำณิชย์กับเรือที่ใช้เครื่องมือเถื่อน และมีกำรขัดแย้งภำยในหมู่บ้ำนในเรื่องกำรช่วยกันอนุรักษ์ เนื่องจำกขำดควำมร่วมมือ บำงคนทำ บำงคนไม่ทำ ทั้งนี้มีกำรกำหนดกติกำให้เรือใหญ่ทำประมงนอกเขต 3 ไมล์ทะเล เรือขนำดเล็กทำประมงในเขต 3 ไมล์ทะเล ใช้อวนที่จับเฉพำะสัตว์น้ำแต่ละชนิด โดยห้ำมใช้อวนตำถี่และห้ำมจับปูไข่ 2.5.3.4 ประโยชน์ของโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ลูกจ้ำงร้ำนคนจับปลำเห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ในด้ำน กำรดูแลสินค้ำอย่ำงถูกวิธี จำกบนเรือจนถึงร้ำนคนจับ ปลำ กำรให้รำคำรับซื้อที่สู งกว่ำท้องตลำด กำรฟื้นฟูทรัพยำกรทำงทะเล กำร เสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งของชุมชน และกำรสื่อสำรกับผู้บริโภค โดยให้ควำมสำคัญของประโยชน์ที่ได้รับจำก ร้ ำนคนจั บ ปลำตำมลำดับ ดังนี้ (1) กำรดูแลสิ นค้ำอย่ำงถูกวิธีจำกบนเรือจนถึงร้ำนคนจับปลำร้อยละ 30 (2) กำรรับซื้อสินค้ำในรำคำที่สูงกว่ำท้องตลำดร้อยละ 25 (3) กำรฟื้นฟูทรัพยำกรทำงทะเลร้อยละ 20 (4) กำร เสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งของชุมชนร้อยละ 15 และ (5) กำรสื่อสำรกับผู้บริโภคร้อยละ 10 ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ เกิดขึ้นด้ำน กำรฟื้นฟูทรัพยำกรทำงทะเล กำรเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งของชุมชน เป็นผลมำจำกโครงกำรอื่น ด้วย เช่น โครงกำรสร้ำงบ้ำนให้ปลำ และกำรสร้ำงกติกำ/ข้อตกลงด้ำนกำรประมงพื้นบ้ำน ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: ในความเห็นของลูกจ้างร้านคนจับปลา สื่อสำรกับผู้บริโภค 10%
ควำมรู้ในกำรดูแล สินค้ำ 30%
เสริมสร้ำงควำม เข้มแข็งของชุมชน 15%
ฟื้นฟูทรัพยำกรทำง ทะเล 20%
รับซื้อในรำคำที่สูงกว่ำ 25%
ข - 29
2.5.4 ลูกจ้ำงเฉพำะกิจ (แม่บ้ำน) ของร้ำนคนจับปลำ 2.5.4.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ ลูกจ้ำงรำยวันสองคนอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เกิด โดยครอบครัวเป็นชำวประมง อำศัยอยู่ร่วมกันมำกกว่ำ 10 คน อีกหนึ่งคนย้ำยตำมสำมีมำอยู่ในพื้นที่ประมำณ 30 ปี อำชีพเดิมออกเรือประมงกับครอบครัว อีกคนรับจ้ำง ปลูกมันเทศและกะเทำะมะพร้ำวขำย ปัจจุบันรับจ้ำงแปรรูปปลำให้ร้ำนคนจั บปลำหำกมีคำสั่งซื้อมำก โดย แม่บ้ำนที่บ้ำนคั่นกระไดทำงำนให้ร้ำนคนจับปลำตั้งแต่เริ่มเปิดโครงกำร ปี 2556 ส่วนที่บ้ำนบ่อนอกได้ทำงำน กับร้ำนคนจับ ปลำมำว่ำ 1 ปี ทั้งนี้ ตัดสินใจมำทำงำนให้โ ครงกำร เนื่องจำกมีเวลำว่ำง ต้องกำรหำรำยได้ ช่วยเหลือครอบครัว แบ่งเบำภำระที่บ้ำ น อีกทั้งยังสะดวกเพรำะอยู่ใกล้บ้ำน โดยเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ ทำงำนให้ร้ำนคนจับปลำ สถำนที่ทำงำนของบ้ำนคั่นกระไดคือลำนประชุมของหมู่บ้ำนที่เป็นสถำนที่แปรรูปของ ร้ำนคนจับปลำ ทำหน้ำที่แปรรูปปลำ ทำงำนเฉพำะวันที่มีคำสั่งซื้อมำกและทำงร้ำนเรียกจ้ำง ส่วนที่บ้ำนบ่อ นอก ทำงำนที่บ้ำน มีหน้ำที่แล่ปลำตำมที่สั่ง ขึ้นอยู่กับคำสั่งซื้อ ถ้ำมีคำสั่งซื้อมำกก็ได้ทำมำก โดยเฉลี่ยทำงำน 2 วันต่อสัปดำห์ 2.5.4.2 สถำนกำรณ์ผลกระทบจำกโครงกำร ก่อนทำงำนกับโครงกำร ผู้ให้ข้อมูลมีรำยได้หลักจำกกำรเกษตร คือกำรขำยปลำจำกกำรทำประมงของ สำมี และกำรรับจ้ำงปลูกมันเทศและกะเทำะมะพร้ำวขำย หลังทำงำนให้โครงกำรทำให้รำยได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น เพรำะมีงำนเสริม ผู้ให้ข้อมูลทั้ง 3 คน รับงำนร้ำนคนจับปลำ 6-7 ครั้งต่อเดือน มีรำยได้วันละ 300 บำท กำร แปรรูปปลำได้รำยได้เพิ่มขึ้นคนละประมำณ 1,000-2,000 บำทต่อเดือน นอกจำกทำงำนให้โครงกำร ผู้ให้ ข้อมูล 2 ท่ำนทำงำนที่ให้รำยได้หลัก อีก 1 ท่ำนอยู่บ้ำน ไม่ได้ทำงำนใดๆ ทั้งนี้ โดยรวมแล้วกลุ่มลูกจ้ำงชั่วครำว ได้ประโยชน์จำกกำรทำงำนให้โครงกำร มีรำยได้เพิ่มจำกกำรทำงำน โดยได้ประมำณกำรว่ำ โครงกำรสำมำรถ ช่วยให้ค่ำใช้จ่ ำยลดลงจำกกำรที่ล ดหนี้ ได้ร้ อยละ 20 ทำให้จ่ำยหนี้น้อยลง ช่วยแบ่งเบำภำระค่ำใช้จ่ ำยใน ครอบครัวได้ประมำณร้อยละ 10 ทั้งนี้ กลุ่มลูกจ้ำงชั่วครำวของร้ำนคนจับปลำ ระบุข้อจำกัดของโครงกำรว่ำ เกิดจำกกำรมีคำสั่งซื้อน้อย จึงขำยให้คนจับปลำได้น้อย แม้ชำวประมงจะหำสัตว์น้ำได้มำก 2.5.4.3 กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลในรอบ 5 ปีที่ผ่ำนมำมีกำรเปลี่ยนแปลงพอควร โดยปี พ.ศ. 2553 - 2555 มีสัตว์น้ำปริมำณมำก ชำวประมงจับได้ปริมำณมำก สำมำรถซื้อเครื่องมือจับปลำเพิ่มได้ แต่ หลังจำกนั้นสัตว์น้ำก็ลดน้อยลง ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ชุมชนเคยมีกำรทำซั้งปลำอยู่แล้วโดย กำรร่วมมือกับองค์กรต่ำงๆ ทำซั้งปลำ โดยที่บ้ำนบ่อนอกได้ทำกำรอนุรักษ์ร่วมกับสมำคมรักษ์ทะเลไทย และ ข - 30
อบต. ในกำรร่วมกันจัดหำงบประมำณในกำรทำซั้งกอและบ้ำนปลำ ที่บ้ำนคั่นกระไดดำเนินกำรอนุรักษ์ร่วมกับ สมำคมรั ก ษ์ ท ะเลไทย กรี น พี ช ออกแฟม อบต.บ่ อ นอก และอบต.ทุ่ ง น้ อ ย โดยกำรประสำนงำนของ นำยกเทศมนตรี กิจกรรมกำรอนุรักษ์รวมถึงกำรร่วมกันทำซั้งเพื่อเป็นที่อยู่ของปลำ และออกเรือประเมิน ปะกำรัง และควำมอุดมสมบูรณ์ของปลำ ร้ำนคนจับปลำเข้ำมำมีบทบำทในกำรให้ควำมรู้และรณรงค์ให้มีกำร ทำประมงแบบอนุรักษ์ กำรส่งเสริมกำรอนุรักษ์ กำรทำบ้ำนให้ปลำ กำรกำหนดกติกำพื้นที่ทำประมงโดยให้เรือ ใหญ่ทำประมงนอก 3 ไมล์ทะเล เรือเล็กใน 3 ไมล์ทะเล กำรกำหนดให้ใช้อวนจับสัตว์น้ำเฉพำะชนิด ตลอดจน กำรห้ำมใช้อวนตำถี่และห้ำมจับปูไข่ ชุมชนยังดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์ร่วมกับหน่วยงำนและองค์กรข้ำงต้นมำ อย่ำงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ผลของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำให้มีกำรเปลี่ยนแปลงในทำงบวก มีควำมอุดมสมบูรณ์บริเวณทะเล และชำยฝั่งมำกขึ้น มีสัตว์น้ำมำกขึ้นและเพียงพอต่อควำมต้องกำร แต่มีแนวโน้มว่ำอำจขำดแคลนในอนำคต เนื่องจำกมีจำนวนเรือเพื่อกำรจับสัตว์น้ำมำกขึ้นตำมปริมำณสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น นอกจำกนั้น ยังพบว่ำมีประมงลำ ใหญ่มำจับปลำในบริเวณที่ห้ำมจับในระยะใน 3 ไมล์ทะเลของบ้ำนคั่นกระได ทำให้เกิดควำมขัดแย้งระหว่ำง ชำวประมงพื้นบ้ำนกับเรือที่ใช้เครื่องมือเถื่อนทั้งสองพื้นที่ แต่ชุมชนได้ช่วยกันผลักดันเรือออกไปจำกพื้นที่ได้ นอกจำกนี้ ที่บ้ำนคั่นกระไดยังมีกำรขัดแย้งกับประมงพำณิชย์ และกำรขัดแย้งภำยในหมู่บ้ำนในเรื่องกำรขโมย อวนของคนในหมู่บ้ำน กิจ กรรมกำรอนุ รั กษ์ดังกล่ ำวมีป ระโยชน์ในด้ำนกำรเพิ่มทรัพยำกรทำงทะเล โดยคณะกรรมกำร หมู่บ้ำนและสมำคมรักษ์ทะเลไทยมีหน้ำที่รับผิดชอบในกำรตรวจสอบกำรทำประมงของสมำชิกว่ำ เป็นไปตำม ข้อกำหนดหรือไม่ นอกจำกนี้ คนในหมู่บ้ำนได้ร่วมมือกับหน่วยงำนต่ำงๆ ออกเงินและแรงในกำรสร้ำงบ้ำ นให้ ปลำ ส่วนกิจกรรมต่อต้ำนเรือดำหอยจอบ จะมีชำวบ้ำนทำหน้ำที่คอยสอดส่องเรือที่ผิดกฎหมำย และผลักดัน ออกจำกพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้ให้ข้อมูลบ้ำนคั่นกระไดเข้ำร่วมโครงกำรสร้ำงบ้ำนให้ปลำโดยกำรบริจำคเงิน และร่วม กิจกรรมทำซั้งปลำทุกครั้งที่มีกิจกรรม ขณะที่ผู้ให้ข้อมูลบ้ำนบ่อนอกเข้ำร่วมกำรอนุรักษ์ โดยกำรไปร่วมวำงทุ่น วำงซั้งกอ
2.5.4.4 ผลกระทบของโครงกำร ผู้ให้ข้อมูลบ้ำนคั่นกระไดเห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ในด้ำน (1) งำนอนุรักษ์ร้อยละ 72.5 (2) อำชีพเสริมร้อยละ 15 (3) ควำมรู้เพิ่มเติม เช่น กำรทำบัญชีครัวเรือน ร้อยละ 2.5 และ
(4)
เครือข่ำยเด็กที่มีควำมรู้และตระหนักในกำรอนุรักษ์ ร้อยละ 10 ขณะที่ผู้ให้ข้อมูลบ้ำนบ่อนอกเห็นว่ำ ร้ำนคน ข - 31
จับปลำมีประโยชน์สูงสุดด้ำน (1) กำรส่งเสริมกำรอนุรักษ์ ร้อยละ 70 และ (2) กำรให้ควำมรู้เกี่ยวกับเครื่องมือ จับปลำ ร้อยละ 30 ซึ่งสำมำรถสรุปได้ว่ำ ประโยชน์สำคัญที่สุดที่ได้จำกร้ำนคนจับปลำ คือประโยชน์ด้ำนกำร อนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: ความเห็นของลูกจ้างเฉพาะกิจร้านคนจับปลา
สร้ำงควำมตระหนักรู้ ให้กับเยำวชน ควำมรู้เพิ่มเติม 10% 3% สร้ำงอำชีพเสริม 15% อนุรักษ์ทรัพยำกร 72%
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นดังกล่ำวที่บ้ำนคั่นกระได เป็นผลมำจำกกำรกรีนพีชและสมำคมรักษ์ทะเลไทย โดย ประโยชน์ที่ได้รับจำกกรีนพีชเกิดจำก (1) กำรให้ควำมสำคัญกับกำรอนุรักษ์ ร้อยละ 72.5 (2) อำชีพเสริม ร้อย ละ 12.5 (3) ควำมรู้เพิ่มเติม ร้อยละ 10 และ (4) กำรสร้ำงเครือข่ำย ร้อยละ 5 ส่วนผลจำกกำรดำเนินกิจกรรม ของสมำคมรักษ์ทะเลไทยได้ให้ควำมสำคัญกับ (1) กำรอนุรักษ์ ร้อยละ 57.5 (2) อำชีพเสริม ร้อยละ 20 (3) ควำมรู้เพิ่มเติม ร้อยละ 15 และ (4) กำรสร้ำงเครือข่ำย ร้อยละ 10 ส่วนที่บ้ำนบ่อนอก ประโยชน์ที่ได้มำจำก (1) คนในชุมชน ร้อยละ 50 (2) ร้ำนคนจับปลำ ร้อยละ 20 (3) หน่วยงำนจำก กทม. ร้อยละ 20 และ 4) อบต. ร้อยละ 10 สรุปได้ว่ำประโยชน์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมำจำก กรีนพีช สมำคมรักษ์ทะเลไทย และกำรอนุรักษ์ของคน ในชุมชน 2.5.4.5 ปัญหำและอุปสรรค โครงกำรร้ำนคนจับปลำอุปสรรคของกำรดำเนินกำรในด้ำนกำรรับรู้ของผู้บริโภค เพรำะคนส่วนใหญ่ไม่ รู้จักร้ำน ทำให้ไม่สำมำรถเพิ่มช่องทำงในกำรขำยได้ และพบว่ำ คำสั่งซื้อมีน้อย ได้มีควำมพยำยำมแก้ไขปัญหำ ด้วยกำรนำสินค้ำไปจำหน่ำยตำมงำนต่ำงๆ ในกรุงเทพฯ และเป็นกำรประชำสัมพันธ์ให้คนรู้จักมำกขึ้น เพื่อ ขยำยตลำดให้กว้ำงมำกขึ้น ข - 32
ทั้งนี้ ผู้ให้ข้อมูลทั้งสองแห่งแสดงควำมกังวลถึงอุปสรรคที่อำจจะเกิดขึ้นในอนำคต ว่ำปริมำณปลำ และสัตว์น้ำอำจลดลงจำกกำรจับปลำและเพิ่มจำนวนเรือ จึงอยำกให้มีกิจกรรมกำรอนุรักษ์ให้มำก เพื่อเพิ่ม ปริมำณสัตว์น้ำ และสร้ำงควำมยั่งยืนให้แก่อำชีพประมงของหมู่บ้ำน 2.5.5 กลุ่มแพปลำ แพปลำในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับชำวประมงพื้นบ้ำนในลักษณะควำมสัมพันธ์ เชิงอำนำจ โดยให้ชำวประมงกู้ยืม เพื่อนำไปใช้ลงทุนปัจจัยกำรผลิตด้ำนกำรประมง เป็นพ่อค้ำคนกลำงรับซื้อ และแหล่งรวบรวมสัตว์น้ำ และร่วมกิจกรรมกำรอนุรักษ์ในพื้นที่ ผลกำรศึกษำแบ่งกำรนำเสนอข้อมูลออกเป็น 3 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ สถำนกำรณ์ และผลกระทบจำกกำรมีโครงกำรร้ำนคนจับปลำ และกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ดังรำยละเอียดต่อไปนี้ 2.5.5.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ 1) ผู้ให้ข้อมูลเพศหญิง อยู่ในช่วงอำยุ 25-30 ปี อำศัยอยู่กับครอบครัว เริ่มรับช่วงกำรทำแพปลำได้ 3 ปี ปัจจุบันรับปลำอินทรีย์จำกเรือทั่วไป และจำกสมำชิกแพปลำมำขำย ในระยะเริ่มแรกมีลูกน้องเรือ 8 ลำ ปัจจุบันมี 4 ลำนอกจำกนี้ยังทำประมงเองด้วย โดยมีข้อบังคับออกเรือจับปลำได้ไม่เกิน 5 คนรวมคนขับ ทั้งนี้ มีลูกค้ำทั้งหมด 7 รำย ทั้งในและนอกพื้นที่หมู่บ้ำน และมีหนี้ที่เกิดจำกกำรกู้บำงส่วนเพื่อเอำไปลงทุนให้กับ ชำวประมง 2) ผู้ให้ข้อมูลเพศหญิง วัยสูงอำยุ เริ่มทำแพปลำตั้งแต่ปี 2538 ทำแพปลำที่บ้ำน มีสมำชิกแพปลำ ประมำณ 10 กว่ำลำ ให้สมำชิกแพปลำ (ลูกหนี้) กู้ยืมเพื่อลงทุน อำทิ รำคำเรือลำเล็ก 40,000 - 50,000 บำท อวนรำคำ 7,000-8,000 บำท ใช้สัญญำใจในกำรจ่ำยหนี้ โดยต้องเอำของมำขำยให้แพ แพรับซื้อทุกอย่ำง แต่ ต้องจำกัดขนำดตำอวน ถ้ำใช้ตำอวนเล็กก็ไม่รับซื้อ ให้สมำชิกกู้ยืมเพิ่มได้โดยพิจำรณำจำกควำมซื่อสัตย์ ควำม เก่งในกำรออกเรือ และมีเงื่อนไขว่ำเรือหนึ่งลำต้องใช้หนี้ให้หมดก่อนที่จะนำสินค้ำออกไปขำยที่อื่น รวมถึงขำย ให้ร้ำนคนจับปลำ และไม่ให้กู้เพิ่มหำกไม่ใช้หนี้ ทั้งนี้ สมำชิกจะใช้เงินคืนให้หลังจำกกำรขำยกุ้ง โดยจ่ำยคืนครั้ง ละ 500 -1,000 บำท ในรอบ 20 ปี ที่ผ่ำนมำถูกเบี้ยวหนี้ประมำณ 10 ลำ แพปลำมองควำมสัมพันธ์ระหว่ำงแพปลำและชำวประมงว่ำ ชำวประมงเป็นผู้ผลิต หำปลำส่งให้แพ ปลำ แพปลำจึงต้องหำที่ส่งปลำที่ดี หำรำคำที่ดีตอบแทนชำวประมง และแพปลำมีควำมสัมพันธ์กับชำวประมง ในด้ำนควำมช่วยเหลือจัดหำอุปกรณ์กำรประมง อวนหำปลำ มีกำรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และชำวประมงนำ ปลำที่ได้มำขำยให้กับแพปลำ ข - 33
2.5.5.2 กำรรับรู้เรื่องร้ำนคนจับปลำ แพปลำบ้ำนทุ่งน้อยรู้จักร้ำนคนจับปลำไม่เกิน 1 ปี คิดว่ำร้ำนคนจับปลำทำปลำแปรรูป โดยมีบทบำท ในกำรรับซื้อปลำไปขำย เป็นเหมือนคนกลำงรับปลำไปแปลรูปและนำไปขำยที่อื่น ขณะที่แพปลำบ้ำนบ่อนอก รู้จักร้ำนคนจับปลำ ว่ำรับซื้อปลำจำกชำวประมงที่ เป็นสมำชิกของร้ำน และช่วยในเรื่องกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร ทำงทะเล โดยร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ในด้ำนกำรให้รำคำสินค้ำกับชำวประมงที่สูงขึ้นกว่ำท้องตลำด เช่น ให้ รำคำปูสูงกว่ำรำคำตลำด 10 บำทต่อกิโลกรัม รำคำปลำสูงกว่ำ 5 บำทต่อกิโลกรัม ไม่ใส่สำรเคมีในอำหำรทะเล รวมทั้งช่วยในเรื่องกำรอนุรักษ์ทะเล ทั้งนี้เห็นว่ำ เมื่อโครงกำรร้ำนคนจับปลำเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้ชุมชนเกิด กำรอนุรักษ์มำกขึ้น มีคนสนใจกำรทำประมงแบบอนุรักษ์ม ำกขึ้น จำกเดิมซึ่งมีกิจกรรมกำรอนุรักษ์อยู่แล้ว อย่ำงไรก็ตำม แพปลำไม่ได้รู้จักโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ในฐำนะที่เป็นธุรกิจเพื่อสังคม 2.5.5.3 ผลกระทบจำกโครงกำรร้ำนคนจับปลำ 1) จำกกำรสัมภำษณ์ พบว่ำ แพปลำทั้งสองแห่งให้ควำมเห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีผลกระทบ ต่อตนเพียงเล็กน้อย แพปลำไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องกำรรับซื้ออำหำรทะเล เพรำะส่วนใหญ่ลูกหนี้แพปลำส่ง ให้อยู่แล้ว ไม่มีกำรผิดสัญญำเพรำะเป็นเหมือนสัญญำใจไม่ต้องทำสัญญำให้ส่งให้เป็น ลำยลักษณ์อักษร โดย ผลกระทบที่มีส่วนใหญ่เป็นเรื่องรำคำ ถ้ำร้ำนคนจับปลำให้รำคำสินค้ำสูงขึ้นแพปลำบ้ำนทุ่งน้อยจะให้รำคำปลำ เพิ่มขึ้นตำม ส่วนแพปลำบ้ำนบ่อนอกกล่ำวว่ำไม่ค่อยมีผลกระทบ เนื่องจำกไม่ได้ปรับรำคำตำมร้ำนคนจับปลำ แต่ใช้รำคำกลำงของแพปลำเป็นตัวรับซื้อ แต่อย่ ำงไรก็ตำม แพปลำกล่ำวว่ำทรัพยำกรทำงทะเลที่ดีขึ้นในปี 2559 ทำให้สมำชิกแพปลำ 2 คนจำก 2 หมู่บ้ำนสำมำรถใช้หนี้หมดจำกกำรนำสินค้ำบำงส่วนไปขำยให้ร้ำนคน จับปลำ ทำให้มีรำยได้เพิ่มขึ้น และจ่ำยหนี้คืนได้ 2) ควำมร่วมมือกับร้ำนคนจับปลำ แพปลำมีควำมร่วมมือกับร้ำนคนจับปลำ ในฐำนะผู้ส่งสินค้ำในกรณี ที่ได้สินค้ำจำกชำวประมงสมำชิกร้ำนคนจับปลำไม่พอต่อควำมต้องกำร ร้ำนคนจับปลำก็มีกำรสั่งสัตว์ทะเลจำก แพปลำเช่นเดียวกัน ในกรณีสินค้ำบำงตัวที่เป็นที่ต้องกำร เช่น กุ้ง และร่วมมือกันอนุรักษ์ทะเล โดยให้ลูกน้อง ไปช่วยกันทำบ้ำนปลำ 2.5.5.4 บทบำทด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล 1) แพปลำบ้ำนทุ่งน้อยมีส่วนร่วมในกำรอนุรักษ์ โดยร่วมกิจกรรมกับหมู่บ้ำนทำซั้งปลำ เจ้ำของแพปลำ ไม่ได้ไปร่วมทำกิจกรรมอนุรักษ์แต่ลูกน้องแพปลำไปทุกคน ส่วนแพปลำบ้ำนบ่อนอก ร่วมอนุรักษ์ทะเลโดยแพ ปลำให้อุปกรณ์กำรทำซั้งกอ เช่น เชือก หรือ อำจจะเป็นเงินทุนเล็กน้อย 1,000-2,000 บำท ทั้งนี้ แพปลำให้ ควำมเห็นว่ำช่วยทำซั้งกอได้แต่ไม่ยั่งยืน ที่บ้ำนบ่อนอกจึงมีกิจกรรมกำรอนุรักษ์อื่นเพิ่มเติม ได้แก่ กำรปลูกป่ำ ข - 34
ชำยเลนทุกปี ซึ่งได้รับงบประมำณจำกผู้ว่ำรำชกำรจังหวัด และมีกำรปลูกป่ำชำยเลนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กิ จกรรม โครงกำรต่อต้ำนกำรดำหอยจอบผิดกฎหมำย และกำรตรวจจับเรือที่มำล้อมจับปลำ (เรือปั่นไฟ) 2) กำรทำงำนร่ ว มกัน ระหว่ำงแพปลำและร้ำนคนจับปลำ แพปลำร่ว มมือกับร้ำนคนจับปลำ โดย ร่วมมือกับกลุ่มอนุรักษ์ทะเลและองค์กำรบริหำรส่วนตำบลในกำรดูแลไม่ให้มีกำรจับปลำตัวเล็ก ช่วยดูแลเมื่อมี กลุ่ม NGO เช่น กลุ่มอนุรักษ์ แพปลำ กรีนพีช เข้ำมำในพื้นที่ ถ้ำกลุ่มชำวอนุรักษ์ข อควำมช่วยเหลือก็จะช่วย เป็นเงิน หรือให้เชือกผูกทุ่น รำคำ 1,000 บำท ปีละครั้ง ร้ำนคนจับปลำมีกลุ่มเป้ำหมำยหลักคือ ชำวประมงพื้นบ้ำนที่ทำประมงในระยะ 3 ไมล์ทะเล และกำร ฟื้นฟูระบบนิเวศชำยฝั่งทะเลระยะ 3 ไมล์ทะเล ดังนั้น กำรเกิดขึ้นของร้ำนคนจับปลำ จึงอำจไม่มีผลกระทบต่อ ชำวประมงบ้ำนทุ่งน้อยที่ต้องทำประมงนอกพื้นที่ 3 ไมล์ทะเล แต่อย่ำงไรก็ตำม แพปลำจำกบ้ำนทุ่งน้อยเห็นว่ำ เรือประมงที่ใช้เป็นเรือประมงขนำดกลำง 10 ตันกรอส โดยตำมกฎหมำยใหม่ไม่จัดเป็นเรือประมงพื้นบ้ำนจึง ห้ำมทำกำรประมงชำยฝั่งในระยะ 3 ไมล์ทะเล จึงต้องทำกำรประมงในระยะ 3-10 ไมล์ทะเล แต่กำรอนุรักษ์ทำ ให้มีทรัพยำกรทำงน้ำมำกขึ้น แพปลำบ้ำนทุ่งน้อยจึงอยำกได้รับอนุญำตให้ทำกำรประมงชำยฝั่งในระยะ 3 ไมล์ ทะเลได้เหมือนเรือประมงพื้นบ้ำน 2.5.6 ผู้นำชุมชน (นำยกเทศมนตรี องค์กำรบริหำรส่วนตำบล) 2.5.6.1 ข้อมูลทั่วไป นำยกเทศมนตรี องค์กำรบริหำรส่วนตำบล (อบต.) บ่อนอก เล่ำว่ำอำชีพหลักของหมูบ้ำนคือ กำรทำ ประมง และเกษตรกรรม ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ชุมชนเคยทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรประมงหรือ กำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก สมำคมรักษ์ทะเลไทย บริษัทเอกชนในพื้นที่ กลุ่ม กรีนพีช กำรปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โดยกิจกรรมกำรอนุรักษ์ในพื้นที่ประกอบด้วย มีกำรดำเนินโครงกำร ฟื้นฟูอนุรักษ์และให้ควำมรู้เกี่ยวกับกำรปลูกป่ำชำยเลน กำรปรับปรุงฟื้นฟูบ่อกุ้งร้ำงผ่ำนโครงกำรปลูกป่ำ ด้วย งบปลู กป่ ำชำยเลน กิจ กรรมกำรปลู กป่ ำชำยเลนในวันพ่อและวันแม่ โดยปลู กป่ำชำยเลน 1000 ต้นต่อปี กิจกรรมกำรทำซั้งกอกับกลุ่มอนุรักษ์ ปีละ 2 ครั้ง และกำรงดจับสัตว์น้ำในฤดูวำงไข่ 3 เดือน 2.5.6.2 หน่วยงำนที่เข้ำมำมีส่วนร่วม พื้นที่ตำบลบ่อนอกได้รับควำมร่วมมือจำกหลำยฝ่ำย โดยกำรปิโตรเลียมแห่งประทศไทยเข้ำมำให้ ข้อมูลระบบควำมรู้เกี่ยวกับกำรปลูกในป่ำชำยเลน ร้ำนคนจับปลำ เข้ำมำช่วยทำเอกสำร ปลูกจิตสำนึกด้ำนกำร อนุรักษ์ ให้ควำมรู้เรื่องกำรใช้อวนหำปลำ กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอกได้ร่วมปกป้องทรัพยำกรป่ำชำยเลน มำเป็น เวลำกว่ำ 10 ปี โดยกลุ่มชุมชนเป็นผู้เขียนโครงกำรและอบต. จัดหำงบในกำรดำเนินกิจกรรมให้ นอกจำกนี้ ข - 35
ยังมีบริษัทเอกชนและหน่วยงำนต่ำงๆที่เข้ำมำทำโครงกำรควำมรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) เป็นครั้ง ครำว 2.5.6.3 บทบำทของร้ำนคนจับปลำ ร้ำนคนจับปลำเริ่มก่อตั้งได้ 2-3 ปี กับสมำคมรักษ์ทะเลไทย มีกำรทำกิจกรรมร่วมกับชำวบ้ำน โดยลง พื้นที่ ตั้งกลุ่ม ให้ควำมสำคัญกับกำรอนุรักษ์ ร้ำนคนจับปลำมีบทบำทในกำรอนุรักษ์สภำพแวดล้อมทำงทะเล ของท้องถิ่น ในด้ำนกำรปลูกจิตสำนึก ประชำชนและชุมชน ช่วยให้ควำมรู้เกี่ยวกับกำรอนุรักษ์ กำรใช้เครื่องมือ ที่ถูกต้องในกำรจับปลำ และร่วมอนุรักษ์กับประชำชนในพื้นที่ ผ่ำนโครงกำรต่ำงๆ และกำรจัดทำเอกสำร แต่ไม่ มีส่วนร่วมในกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ กลุ่มชำวประมงพื้นบ้ำน อ่ำวบ่อนอก เกิดจำกร้ำนคนจับ ปลำ ก่อตั้งมำได้ 3 ปี มีกำรร่วมกันใช้กฎหมำยกำรจับสัตว์น้ำในระยะ 3 ไมล์ทะเล ทั้งนี้เห็นว่ำ โครงกำรร้ำนคน จับปลำเสร็จสมบูรณ์จะทำให้ชุมชนมีรำยได้จำกกำรขำยปลำได้เพิ่มขึ้น ใช้เครื่องมือที่ถูกต้องมำกขึ้น 2.5.6.4 กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กำรด ำเนิ น กิ จ กรรมอนุ รั ก ษ์ ท ำให้ เ รื อ ประมงเข้ ำ ใจในกำรท ำประมงแบบยั่ ง ยื น มำกขึ้ น มี ก ำร ปรับเปลี่ยนทัศนคติควำมคิดของชำวบ้ำน ให้ตระหนักถึงกำรอนุรักษ์สัตว์เล็ก ไม่ใช้อวนตำถี่ในกำรออกหำปลำ มีพิกัดกำรทำประมงที่ชัดเจน และมีร ำยได้ที่เพิ่มขึ้นจำกกำรทำประมงพอประมำณ โดยร้ำนคนจับปลำมี ประโยชน์ในด้ำน (1) กำรให้ควำมรู้กับชำวบ้ำน ร้อยละ 80 (2) กำรเพิ่มรำยได้ ร้อยละ 10 และ (3) ด้ำนกำร อนุรักษ์ ร้อยละ 10 โดยประโยชน์ใน 3 ประโยชน์จำกกำรอนุรักษ์มำจำกกำรทำงำนของ (1) กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อ นอก ร้อยละ 80 (2) สมำคมรักษ์ทะเลไทย ร้อยละ 10 และ (3) ร้ำนคนจับปลำ ร้อยละ 10
ข - 36
ประโยชน์จากโครงการร้านคนจับปลา: นายกองค์การบริหารส่วนตาบล ตาบลบ่อนอก อนุรักษ์ทรัพยำกร 10% เพิ่มรำยได้ 10% ให้ควำมรู้กับชุมชน 80%
2.5.6.5 ปัญหำและอุปสรรค ปัจจุบันแม้ว่ำกำรอนุรักษ์มีในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ได้ผล แต่ร้ำนคนจับปลำมีข้อจำกัดด้ำนกำรรับซื้อได้ ในปริมำณน้อย และควำมสม่ำเสมอของคำสั่งซื้อ เช่น มีกำรสั่งซื้อมำกในบำงครั้ง แต่ไม่สำมำรถหำสินค้ำให้ได้ รวมทั้งเจ้ำหน้ำที่ให้ควำมรู้น้อยลง และพบว่ำทรัพยำกรเหลือน้อยโดยเฉพำะหอยจอบลดน้อยลง ทำให้ไม่มีที่ เกำะไข่ของปลำหมึก นอกจำกนี้ ยังมีเรืออวนลำกที่ผิดกฎหมำยอยู่จำนวนหนึ่ง ขณะที่มีเจ้ำหน้ำที่ในกำร ควบคุมกำกับของรัฐน้อย ประกอบกับเด็กรุ่นใหม่ไม่อยำกทำประมง ขณะที่คนในชุมชนบริโภคอำหำรทะเลมำก ทำให้ยังไม่สำมำรถแก้ปัญหำได้อย่ำงยั่งยืน
2.5.6.6 สภำพสิ่งแวดล้อมและกำรจัดกำรทรัพยำกร สภำพสิ่ งแวดล้ อมและทรัพยำกรทำงทะเลมีควำมอุดมสมบูรณ์เพิ่มมำกขึ้นหลังจำกมีกำรอนุรักษ์ สำมำรถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และมีแพลงตอนให้สัตว์น้ำขนำดเล็กปริมำณที่มำกขึ้น แม้มีภัยธรรมชำติ ตำมฤดูกำล ชุมชนไม่มีกำรจัดสรรทรัพยำกร แต่มีกติกำห้ำมจับลูกสัตว์น้ำ และให้ร่วมกันอนุบำลสัตว์อ่อน โดย มีชำวบ้ำนร่วมกันสอดส่องเรือประมงที่ผิดกฎหมำย กันเรือลำกหอยจอบให้ออกจำกพื้นที่ ทั้งนี้ มีควำมขัดแย้ง กับเรือลำกหอยจอบ และพบว่ำเกิดเหตุถูกขู่ทำร้ำยร่ำงกำยที่ บ้ำนคั่นกระไดและตำบลบ่อนอก และถูกทำร้ำย ร่ำงกำยที่ตำบลบ่อนอกจำกกำรสกัดเรือต่ำงถิ่นที่ละเมิดกติกำกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร เนื่องจำกกำรสอดส่องเป็น กำรดำเนินกำรโดยชำวประมงและท้องถิ่นเพียงฝ่ำยเดียว เจ้ำหน้ำที่ผู้มีอำนำจไม่ได้ร่วมดำเนินกำร ข - 37
2.5.6.7 ผลที่เกิดหลังโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ผลของกำรดำเนินงำน ทำให้ชำวประมงและคนในท้องถิ่น มีควำมตระหนักในกำรอนุรักษ์มำกขึ้น ร่วม อนุ รั กษ์สิ่ งแวดล้ อมทำงทะเล ใช้วัน หยุ ดส ำคัญเช่น วันพ่อและวันแม่แห่ งชำติ ในกำรทำโครงกำรอนุรักษ์ กิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเล งดใช้อวนตำถี่ในกำรออกหำปลำ มีกำรประมงอย่ำงถูกกฎหมำย จำนวน ครั้งในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลมีเพิ่มมำกขึ้น เนื่องจำกมีหน่วยงำนภำยนอกมำร่วมทำ โครงกำรอนุรักษ์เพิ่มขึ้นด้วย 2.5.6.8 ข้อเสนอแนะ ต้องมีกำรสื่ อสำรจำกภำครั ฐ ในเรื่องกำรให้ ข้ อ มูล และกำรบั ง คับ ใช้ ก ฎหมำยมำกขึ้ น และมี ก ำร ตรวจสอบเรื่องกำรทำประมงไม่ถูกกฎหมำยจำกภำครัฐเพิ่มมำกขึ้น นอกจำกนี้ ยังเสนอให้มีกำรดำเนินธุรกิจ เพื่อสังคมที่ไม่เอำเปรียบชำวบ้ำนและผู้บริโภค 2.5.7 สมำชิกสมำคมรักษ์ทะเลไทย และสมำคมสมำพันธ์ประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทย 2.5.7.1ข้อมูลทั่วไป ผู้ให้ข้อมูลเป็นพนักงำนของร้ำนคนจับปลำหมู่บ้ำนคั่นกระได โดยที่ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับ ปลำ สมำคมรักษ์ทะเลไทย เคยทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรอนุรักษ์สิ่ งแวดล้ อมกับสมำคมรักษ์ทะเลไทยและ สมำคมสมำพันธ์ประมงพื้นบ้ำนแห่งประเทศไทยในโครงกำรทำซั้งกอ ปัจจุบันได้ทำกิจกรรมในโครงกำรอนุรักษ์ ซึ่งสมำคมรักษ์ทะเลไทยกับสมำชิกร้ำนคนจับปลำร่วมกันทำมำอย่ำงต่อเนื่อง (เรื่อยๆ) และให้ข้อมูลว่ำโครงกำร ร้ำนคนจับปลำเริ่มมำได้ 3-4 ปีแล้ว จำกกำรรวมตัวชำวประมงในหมู่บ้ำนที่ต้องกำรขำยสินค้ำให้ได้รำคำมำกขึ้น พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในกำรอนุรักษ์ทะเล โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีส่วนในกำรอนุรักษ์สภำพแวดล้อมทำงทะเล ของท้องถิ่น โดยส่งเสริมให้สมำชิกร้ำนคนจับปลำเป็นผู้ทำกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลด้วยตนเอง แต่ไม่มี ส่วนร่วมในกำรช่วยบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ และสมำคมรักษ์ทะเลไทย มีบทบำทเป็นเจ้ำหน้ำที่ ร้ำน คนจับปลำ และมองว่ำสมำคมรักษ์ทะเลไทย สมำคมสมำพันธ์ฯ และร้ำนคนจับปลำ คือองค์กรที่มีจุดมุ่งหมำย เดียวกัน คือต้องกำรอนุรักษ์ทะเลให้อุดมสมบูรณ์ และมีสมำชิกส่วนใหญ่อยู่ในทุกกลุ่ม ดังนั้น อำจสรุปได้ว่ำทั้ง 3 กลุ่มเป็นพันธมิตรในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเลร่วมกัน 2.5.7.2 ด้ำนผลกระทบของร้ำนคนจับปลำ ผู้ให้ข้อมูลเห็นว่ำหำกโครงกำรร้ำนคนจับปลำเสร็จสมบูรณ์จะทำให้รำยได้ชำวประมงเพิ่มขึ้น สร้ำง แรงงำน และสร้ำงมูลค่ำสินค้ำให้กับชุมชน โดยเห็นว่ำประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของโครงกำรร้ำนคนจับปลำคือ กำรอนุรักษ์ ซึ่งทำให้มีทรัพยำกรทำงทะเลมำกขึ้น สำมำรถจับสัตว์น้ำได้มำกขึ้น แต่อย่ำงไรก็ตำมยังมีอุปสรรค ข - 38
และข้อจำกัดในด้ำนกำรไม่มีตลำดเพียงพอที่จะปล่อยสินค้ำ กำลังคนงำนไม่เพียงพอ และไม่มีเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ชำวประมงที่อยำกได้เงินสดนำสินค้ำไปขำยให้กับแพปลำและพ่อค้ำคนกลำงแทน ทั้งนี้ร้ำนคนจับปลำได้ พยำยำมหำตลำดขำยสินค้ำให้มำกขึ้น 2.5.7.3 สภำพสิ่งแวดล้อมและกำรจัดกำรทรัพยำกร หลังจำกที่มีกำรอนุรักษ์ ส่งเสริมกำรใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำให้ถูกต้อง และไม่จับปลำขนำดเล็ก ผู้ให้ ข้อมูลสังเกตเห็นว่ำทรัพยำกรทำงทะเลเพิ่มขึ้น หลังมีโครงกำรร้ำนคนจับปลำ พบว่ำมีควำมอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น สังเกตได้จำกปริมำณปลำที่จับได้มีมำกขึ้น เพียงพอต่อกำรทำประมง แม้ว่ำจะมีมรสุมตำมฤดูกำลบ้ำง ยกเว้น สัตว์น้ำบำงประเภทเช่น ปลำทู ทั้งนี้ ชุมชนมีส่วนร่วมในกติกำกำรจับสัตว์น้ำของชุมชน ไม่จับลูกสัตว์น้ำ มีกำร ช่วยกันสอดส่องเรือประมงที่ผิดกฎหมำยโดยคนในชุมชนเอง และร่วมกับกลุ่มสมำชิกร้ำนคนจับปลำในกำร เตรียมทำอุปกรณ์กำรทำซั้งกอเพื่อเป็นที่อยู่อำศัยของสัตว์น้ำ ปัญหำและอุปสรรคที่พบในกำรดำเนินกิจกรรม อนุรักษ์คือ กำรเข้ำมำจับสัตว์น้ำของเรือประมงนอกพื้นที่ เรือที่ไม่เป็นไปตำมกติกำกำรอนุรักษ์ ข้อจำกัดด้ำน จำนวนคนช่วยทำกำรอนุรักษ์และงบประมำณ และกำรบังคับใช้กฎหมำยของภำครัฐ 2.5.7.4 ผลกระทบอื่นที่เกิดกับชาวประมงและชุมชน นอกจากการร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยากร ชำวประมงมีเวลำว่ำงเพิ่มขึ้น เนื่องจำกไม่ต้องออกไปหำสัตว์น้ำหลำยรอบ จำนวนชำวประมง มี จ ำนวนเพิ่มขึ้น มีเรื อหำปลำเพิ่มมำกขึ้น คนในท้องถิ่นอนุรักษ์สิ่งแวดล้ อมทำงทะเลเพิ่มขึ้น แม้ว่ำจำนวน สมำชิกของสมำพันธ์ไม่เพิ่มขึ้น โดยมีกำรร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลปีละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 7 วัน ตำมงบประมำณที่ได้รับจำกองค์กำรบริหำรส่วนท้องถิ่นและหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จำนวนครั้งในกำรเข้ำ ร่วมกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลอำจจะเพิ่มจำกหน่วยงำนเอกชนที่เข้ำมำทำกิจกรรมโครงกำร ควำม รับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ปัจจุบัน ร้ำนคนจับปลำ มีทั้งสิ้น 4 สำขำ คือ สำขำจังหวัดสตูล ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมรำช และพัทลุง และมีชำวประมงที่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำประมำณ 80 คน 2.5.8 ลูกค้ำรำยย่อยที่มำซื้อสินค้ำที่ร้ำนค้ำปลีก ผลกำรศึ ก ษำแบ่ ง กำรน ำเสนอข้ อ มู ล ออกเป็ น 3 ส่ ว น ตำมแบบสั ม ภำษณ์ คื อ ข้ อ มู ล ทั่ ว ไปของผู้ ให้ สัมภำษณ์ พฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรทะเล และพฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ ดัง รำยละเอียดต่อไปนี้
ข - 39
2.5.8.1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภำษณ์ ผู้ให้สัมภำษณ์ 5 คน อำยุระหว่ำง 50-60 ปี 3 คน (เพศชำย 2 คน เพศหญิง 1 คน) อำยุ 20-25 ปี 2 คน (เป็นหญิงทั้ง 2 คน) อำชีพรับรำชกำร 1 คน ลูกจ้ำง 1 คน แม่บ้ำน 1 คน และนักศึกษำ 2 คน 2.5.8.2 พฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรทะเล พบว่ำ ผู้ตอบแบบสัมภำษณ์ส่วนใหญ่ซื้ออำหำรทะเลสัปดำห์ละ 1 ครั้ง (สัปดำห์ละครั้ง 2 คน เดือน ละ 2-3 ครั้ง 1 คน เดือนละครั้ง 2 คน) ส่วนใหญ่จะนำมำประกอบอำหำร (ซื้อ 1 ครั้ง ทำอำหำร 1-2 มื้อ) อย่ำงไรก็ตำม ผู้บริโภค 2 รำยที่ซื้ออำหำรทะเลเดือนละครั้งกล่ำวว่ำ ส่วนใหญ่จะออกไปรับประมำนอำหำร ทะเลที่ร้ำนอำหำรเพรำะสะดวกกว่ำทำเอง 2.5.8.3 พฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ พบว่ำ ผู้ตอบแบบสัมภำษณ์ 3 รำย เป็นผู้บริโภคที่เพิ่งมำซื้ออำหำรจำกร้ำนคนจับปลำเป็น ครั้งแรก หนึ่งรำยเพิ่งเคยมำซื้อครั้งที่ 2 และมี 1 รำยที่เป็นลูกค้ำมำนำนกว่ำ 6 เดือน สำหรับปริมำณที่ซื้อ ส่วนใหญ่จะ ซื้อในปริมำณที่สำมำรถประกอบอำหำรได้ 1-2 มื้อ เหตุผลที่ซื้ออำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (3 รำย) ตอบว่ำ เป็นเพรำะ ข้อควำมที่ เขียนไว้บนฉลำกสินค้ำว่ำ มำจำกชำวประมงพื้นบ้ำน น่ำจะสด สะอำด ปลอดภัย แม้จะรำคำสูงไป บ้ำงแต่ยัง รับได้ 1 รำยตอบว่ำเพรำะมีผู้แนะนำและข้อควำมจำกฉลำกสินค้ำ อย่ำงไรก็ดี มี 1 ใน 4 รำยที่ไม่ มั่นใจใน ควำมปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ แต่ก็ยังคงซื้อมำนำนอย่ำงต่อเนื่องกว่ำ 6 เดือน และมีผู้ซื้อ 1 รำย ที่ซื้อ เพรำะ ได้รับกำรแนะนำจำกคนรู้จัก สินค้ำที่ซื้อจำกร้ำนคนจับปลำ ได้แก่ ปลำหมึกแดดเดียว กุ้งแชบ๊วย ปลำกะพง ปลำน้ำดอกไม้ ปลำ อินทรีย์ ทอดมัน สถำนที่ที่ลูกค้ำซื้ออำหำรทะเลทั่วไป ได้แก่ ตลำดสด เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี จุดจำหน่ำยอื่นใน ร้ำนเลมอนฟำร์ม (โซนอำหำรสด) และร้ำนโกลเด้นเพลส ส่วนกำรซื้อสินค้ำของร้ำนคนจับปลำจะซื้อจำก ร้ำนเลมอนฟำร์มเท่ำนั้น ผู้บริโภคเสนอแนะให้เพิ่มจุดจำหน่ำยไปยังร้ำนค้ำแบบ Modern Trade เพื่อเข้ำถึง ได้ง่ำยขึ้นและใกล้บ้ำน และเสนอให้ขยำยกำรขำยไปต่ำงจังหวัด เพิ่มโปรโมชั่น และเพิ่มกำรประชำสัมพันธ์ อย่ำงไรก็ตำมผู้บริโภคต่ำงให้ควำมเห็นว่ำรำคำสินค้ำของร้ำนคนจับปลำในร้ำนเลมอนฟำร์ม มีรำคำค่อนข้ำงสูง จำกกำรสังเกต พบว่ำ ช่วงระยะเวลำที่เก็บข้อมูลมีผู้บริโภคซื้ออำหำรทะเลในร้ำนค้ำปลี ก A รวม ทั้งหมด 22 คน ในจำนวนนี้ซื้อสินค้ำร้ำนคนจับปลำเพียง 5 คน ที่เหลือเลือกซื้อจำกโซนอำหำรสดซึ่งขำอำหำร ทะเลปลอดภัยจำกชำวประมงพื้นบ้ำนเช่นกัน นอกจำกนี้ ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ำร้ำนคนจับปลำให้ข้อมูลว่ำยังซื้อ จำกโซนอำหำรทะเลสดดังกล่ำวด้วย ข - 40
2.5.9 ลูกค้ำรำยย่อยที่ซื้อสินค้ำโดยตรงจำกร้ำนคนจับปลำ ทีมวิจัยสัมภำษณ์ลูกค้ำรำยย่อยทำงโทรศัพท์จำนวน 7 คน โดยทั้งหมดเป็นเพศหญิง สรุปข้อมูล ดังนี้ 2.5.9.1 พฤติกรรมกำรบริโภคอำหำรทะเล พบว่ำ ผู้ตอบแบบสัมภำษณ์ส่วนใหญ่ซื้อสินค้ำเฉลี่ยประมำณสัปดำห์ละ 1 ครั้ง โดยลูกค้ำจะซื้อเผื่อให้ เพียงพอสำหรับกำรประกอบอำหำรสำหรับทุกคนในครอบครัว 2.5.9.1 พฤติกรรมการบริโภคอาหารทะเลจากร้านคนจับปลา พบว่ำ ระยะเวลำที่เริ่มซื้อสินค้ำเฉลี่ยประมำณ 6 เดือน ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้ำเฉลี่ยประมำณสัปดำห์ ละ 1 ครั้ง ลูกค้ำทั้ง 7 รำยมียอดซื้อแต่ละครั้งไม่น้อยกว่ำ 1,000 บำทขึ้นไป โดยลูกค้ำจะซื้อเผื่อให้เพียงพอ สำหรับกำรประกอบอำหำรสำหรับทุกคนในครอบครัว เหตุผลที่ซื้ออำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ ลูกค้ำทั้ง 7 รำยซื้อผลิตภัณฑ์จำกร้ำนคนจับปลำ เนื่องจำก ทรำบว่ำมีส่วนช่วยในกำรอนุรักษ์ทะเลไทยและประมงพื้นบ้ำน และคิดว่ำคุณภำพของสินค้ำอยู่ในระดับ A (มี เพียง 1 รำยเท่ำนั้นที่คิดว่ำคุณภำพอยู่ในระดับ B) และในฐำนะผู้บริโภค ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลด้ำนสุขภำพ ลูกค้ำ ร้อยละ 100 คิดว่ำอำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำมีควำมปลอดภัย โดยร้อยละ 71.6 ประเมินจำกควำมสด รสชำติและไม่มีกลิ่นฟอร์มำลีน ร้อยละ 14.2 ดูจำกนโยบำยของร้ำน และร้อยละ 14.2 เห็นว่ำเป็นสินค้ำที่มี ควำมปลอดภัยเนื่องจำกเพื่อนแนะนำมำ และส่วนใหญ่เห็นว่ำยังไม่มีช่องทำงอื่นในกำรเลือกซื้ออำหำรทะเลที่ ปลอดภัย สินค้ำที่ซื้อจำกร้ำนคนจับปลำ ได้แก่ ลูกค้ำร้อยละ 100 ซื้อสินค้ำประเภทปลำ ร้อยละ 50 ให้เหตุผล ว่ำเนื่องจำกเป็นอำหำรทะเลที่ผู้สูงอำยุในบ้ำนสำมำรถทำนได้ ส่วนสินค้ำอื่นๆที่นิยมซื้อ เช่น กุ้ง ปลำหมึก ปู ปลำทรำยข้ำว และมีข้อเสนอให้มีสินค้ำประเภทปูเพิ่มขึ้น สถำนที่ซื้อ ได้แก่ ซื้อสินค้ำผ่ำน Line และโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่เนื่องจำกสะดวก มีเพียง 1 รำยที่ มักจะซื้อที่ร้ำนเลมอนฟำร์ม และเห็นว่ำช่องทำงกำรซื้อที่มีตอนนี้สะดวกแล้ว สำหรับทำงเลือกอื่นในกำรซื้อ อำหำรทะเล หำกไม่ซื้อจำกร้ำนคนจับปลำ ลูกค้ำจะเลือกซื้อจำก Supermarket เพรำะสะดวกและคิดว่ำสินค้ำ ที่เข้ำห้ำงได้น่ำจะปลอดภัย อย่ำงไรก็ตำม ณ ปัจจุบัน ลูกค้ำร้อยละ 42.7 ซื้อจำกเฉพำะร้ำนจับปลำเท่ำนั้น อีก ร้อยละ 57.3 ให้ข้อมูลว่ำแล้วแต่โอกำส หำกสินค้ำที่ต้องกำรมีครบก็ซื้อจำกร้ำนคนจับปลำที่เดียว แต่หำกไม่ ครบก็ซื้อจำก Supermarket อื่นด้วย
ข - 41
ลูกค้ำร้อยละ 47.2 ให้ควำมเห็นว่ำรำคำสินค้ำบำงอย่ำงสูงกว่ำสินค้ำในตลำดมำกไป และร้อยละ 57.3 เห็นว่ำรำคำเหมำะสมกับคุณภำพแล้ว 3. บทสรุป และข้อเสนอแนะ 3.1 ผลกระทบต่อชำวประมง ชาวประมงพื้นบ้าน "มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" หลังจำกเข้ำร่วมเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ ชำวประมงพื้นบ้ำน "มีควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" โดยสรุปจำก ประเด็นต่อไปนี้ 1) รำยได้สุทธิ (รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) จำกกำรประมงของครัวเรือนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น กำรเข้ำร่วมโครงกำรกับร้ำนคนจับปลำ มีผลให้รายได้สุทธิจากการประมงเพิ่มขึ้นประมาณไม่เกิน 10,000 บาท (ประมาณร้อยละ 5-8) ต่อเดือนต่อครอบครัว เนื่องจำกสำมำรถขำยสัตว์น้ำได้รำคำสูงขึ้นกว่ำ ผู้รับซื้อรำยอื่นร้อยละ 20 และมีกำรกำหนดมำตรฐำนกำรขำยโดยคัดขนำดสัตว์น้ำที่เป็นธรรม แต่เห็นว่า รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นจานวนเงินไม่มาก เพราะร้านคนจับปลาสามารถรับซื้อได้จานวนน้อยหรือ เพียงประมาณไม่เกินร้อยละ 20 ของปริมาณสัตว์น้าที่จับได้ เนื่องจำกร้ำนคนจับปลำเพิ่งเริ่มดำเนินกำรใน ระยะเวลำไม่นำน คือ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมำ แต่กำรรับซื้อในราคาสูงกว่าราคาหน้าแพปลาและการคัดขนาดสัตว์น้าตามขนาดจริงของร้ำนคนจับ ปลำถือเป็นอีกทำงเลือกที่เป็นธรรมในการรับซื้อทั้งราคาและขนาดสินค้า ในควำมคิดเห็นของกลุ่มชำวประมง พื้นบ้ำน และกำรมำนำสินค้ำมำขำยร้ำนคนจับปลำจะต้องดูแลรักษำคุณภำพกำรเก็บรักษำสัตว์น้ำและกำรไม่ ใช้สำรเคมีตำมมำตรฐำนที่ร้ำนคนจับปลำกำหนด ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านได้เรียนรู้วิธีการดูแลสัตว์น้าตั้งแต่ ขั้นตอนการจับจนมาส่งขายได้อย่างถูกวิธี 2) จำนวนครัวเรือนที่เป็นอิสระจำกแพปลำ กำรเข้ำร่วมโครงกำรกับร้ำนคนจับปลำเพียงอย่ำงเดียว ไม่มีผลชัดเจนต่อการปลดหนี้จากแพปลา เนื่องจำก ปริมำณสัตว์น้ำที่ร้ำนคนจับปลำรับซื้อมีสัดส่วนน้อย ทำให้ได้รำยได้จำกร้ำนคนจับปลำไม่มำกนัก อย่ำงไรก็ตำม ชำวประมงมีรำยได้เพิ่มขึ้นจำกกำรที่แพปลำขึ้นรำคำตำมร้ำนคนจับปลำนอกจำกนั้น ยังพบว่ำ ชำวประมง สำมำรถเป็นอิสระจำกแพปลำได้ง่ำยขึ้นโดยกำรกู้ยืมจำกแหล่งอื่นที่ไม่ใช่แพปลำ เช่น กองทุนหมู่บ้ำน และ
ข - 42
สินเชื่อเพื่อชำวประมง เป็นต้น ประกอบกับขำวประมงมีรำยได้มำกขึ้นจำกกำรจับสัตว์น้ำได้มำกขึ้นซึ่งเป็นผล จำกกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ชาวประมงพื้นบ้านมี "ความมั่นคงของอาชีพประมงเพิ่มขึ้น" หรือชาวประมง ที่ไม่ต้องอพยพสู่เมืองเพื่อประกอบอาชีพอื่น ไม่สามารถสรุปผลกระทบของร้านคนจับปลาต่อความมั่นคงของอาชีพได้อย่างชัดเจน เนื่องจำก ชำวประมงประกอบอำชีพ ประมงในพื้น ที่ม ำตั้ง แต่ ดั้ง เดิ ม และสมำชิกร้ำนคนจั บปลำก็เ ป็นชำวประมงที่ ประกอบอำชีพประมงในพื้น ที่อยู่แล้ว นอกจำกนั้น รำยได้จำกร้ำนคนจับปลำจัดเป็นส่ วนน้อยของรำยได้ ทั้งหมด จึงไม่มีผลต่อกำรเคลื่อนย้ำยแรงงำนออกจำกพื้นที่ไปประกอบอำชีพ อื่น ผลกำรศึกษำในกลุ่มตัวอย่ำง ทุกกลุ่มสรุปได้ตรงกันว่ำ สิ่งที่มีผลกระทบต่อควำมมั่นคงของอำชีพคือกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล ซึ่งเป็น ผลมำจำกกำรผลักดันของชุมชนเองร่วมกับสมำคมรักษ์ทะเลไทย (หน่วยงำนผู้ก่อตั้งร้ำนคนจับปลำ) กรีนพีช และองค์กำรบริหำรส่วนตำบล ประโยชน์อื่น ๆ 1) กำรมีเวลำว่ำงเพิ่มขึ้น มีผลต่อเวลำว่ำงเพิ่มขึ้นของชำวประมง เนื่องจำกจำนวนครั้งของกำรออกเรือน้อยลงจำกควำมอุดม สมบูรณ์ที่เพิ่มขึ้นของทรัพยำกรทำงทะเลชำยฝั่ง ซึ่งมำจำกกำรทำประมงที่ถูกวิธีของชุมชนและกิจกรรมอนุรักษ์ ที่ชุมชนและองค์กรต่ำงๆ ช่วยกันดำเนินกำรอย่ำงต่อเนื่อง จึงไม่สำมำรถสรุปได้ว่ำเป็นผลโดยตรงมำจำกกำร ดำเนินโครงกำรของร้ำนคนจับปลำ 2) ผลอื่นๆ ผลไม่ ชั ด เจนและมี ผ ลมำจำกบทบำทของหน่ว ยงำนอื่ น ๆ ด้ ว ย ได้ แ ก่ กำรเรี ย นรู้ ข องชุ ม ชนด้ำน กำรตลำดและกำรบริหำรต้นทุน กำรส่งเสริมเครือข่ำยชำวประมง กำรสื่อสำรและเข้ำถึงอำหำรทะเลที่ยั่งยืนสู่ ผู้บริโภค และกำรแปรรูปผลิตภัณฑ์ โดยหน่วยงำนอื่นที่ระบุ ได้แก่ สมำคมรักษ์ทะเลไทย ชุมชน (ชำวประมง และประชำชน) กรีนพีซ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) และ ภำครัฐ (เช่น กรมทรัพยำกรธรรมชำติและ สิ่งแวดล้อม และกรมประมง) 3.2 ผลต่อสิ่งแวดล้อมทำงทะเล จานวนและความหลากหลายของสัตว์น้าในพื้นที่ทาการประมงพื้นบ้านของกลุ่มวิจัยเพิ่มขึ้น
ข - 43
งำนวิจัยนี้ไม่สำมำรถระบุจำนวนสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่ำงชัดเจนได้ แต่ชำวประมงแจ้งว่ำได้พบสัตว์น้ำที่ ไม่พบนำนแล้ว ซึ่งคำดว่ำเป็นผลมำจำกกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเลและชำยฝั่งมำอย่ำงต่อเนื่อง ชุมชนมีจิตสานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเพิ่มขึ้น และชาวประมงพื้นบ้านมีจิตสานึกในการทาการประมงอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น มีผลต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและการทาประมงที่ยั่งยืนเพิ่ มขึ้น สำหรับกำรทำประมง พื้นบ้ำนแนวชำยฝั่งไม่เกิน 3 ไมล์ โดยชำวประมงมีกำรทำประมงแบบยั่งยืนที่ใช้เครื่องมือแบบถูกกฎหมำยมำก ขึ้น มีกำรร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยกำรทำซั้งปลำ (สร้ำงบ้ำนให้ปลำ) กำรรณรงค์ใช้เครื่องมือที่ถูกต้องจับ สัตว์น้ำ กำรไม่จับสัตว์น้ำขนำดเล็ก และร่วมกันดูแลสอดส่องเรือที่ทำประมงแบบผิดกฎหมำยที่เข้ำมำในพื้นที่ อย่ำงไรก็ตำม ผลดังกล่ำวมำจำกบทบาททับซ้อนกับบทบาทของสมาคมรักษ์ทะเลไทย (ซึ่งเป็น หน่วยงานที่ก่อตั้งร้านคนจับปลา) กับร้านคนจับปลา และบทบำทขององค์กรอื่น ได้แก่ กรีนพีซ ออกแฟม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมส่งเสริมกำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรั กษ์ ทรัพยำกรทำงทะเลร่วมกับชุมชนมำเป็นระยะเวลำอย่ำงต่อเนื่องและยำวนำน เมื่อคานวณ Attribution Effect หรือผลของกิจกรรมส่งเสริมกำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรักษ์ ทรัพยำกรทำงทะเลขององค์กรและหน่วยงำนต่ำงๆ ในควำมเห็นของชำวประมงพื้นบ้ำน พบว่ำ กำรทำประมง ที่ยั่งยืนและควำมอุดมสมบูรณ์ทำงทะเลที่กลับคืนมำเป็นบทบำทของร้ำนคนจับปลำร่วมกับสมำคมรักษ์ทะเล ไทยถึงประมำณร้อยละ 38 แต่งำนวิจัยไม่สำมำรถแยกบทบำทของร้ำนคนจับปลำกับสมำคมรักษ์ทะเลไทยได้ เนื่องจำกกลุ่มผู้นำที่ดำเนินกิจ กรรมมีสถำนะเป็นทั้งผู้บริหำรและผู้ร่วมดำเนินงำนร้ำนคนจับปลำและเป็น เจ้ำหน้ำที่ของสมำคมรักษ์ทะเลไทย การคานวณ Attribution ขององค์กร/หน่วยงานที่มีบทบาทในการอนุรักษ์ฯ (หน่วย : ร้อยละ) หน่วยงาน (1) ร้ำนคนจับปลำและสมำคมรักษ์ทะเลไทย (2) ชุมชน (เครือข่ำยชำวประมงและประชำชน) (3) กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (4) ภำครัฐ (5) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) (6) ภำคเอกชน
ทุ่งน้อย 50 30 15 5
คั่นกระได 27 51 10 5
บ่อนอก 39 27 13 3
เฉลี่ย 38.7 36 12.7 4.3
-
7 -
8 10
5 3.3
3.3 ผู้บริโภคมีควำมเสี่ยงด้ำนสุขภำพลดลง โดยพิจำรณำจำกจำนวนผู้บริโภคที่เข้ำถึงอำหำรทะเลปลอดภัย มำกขึ้น ข - 44
1) ผลกำรสัมภำษณ์กลุ่มลูกค้ำร้ำนค้ำปลีกสินค้ำปลอดภัย A สรุปได้ว่ำ ร้านคนจับปลามีผลกระทบต่อการเข้าถึงอาหารทะเลปลอดภัยน้อย เนื่องจำก • ลูกค้ำที่ซื้อผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลของร้ำนคนจับปลำที่ร้ำนค้ำ A ที่ให้ข้อมูลเกือบทั้งหมดเป็น ลูกค้ำใหม่ที่ได้ข้อมูลจำกฉลำกสินค้ำหรือมีผู้แนะนำ และซื้ออำหำรทะเลแต่ละครั้งเป็นปริมำณ น้อย คือ ไม่เกินร้อยละ 5 ของอำหำรทะเลที่ซื้อไปประกอบอำหำรเอง ส่วนช่องทำงซื้ออำหำร ทะเลส่วนใหญ่ คือ ซื้อตำมร้ำนค้ำปลีกสมัยใหม่ซึ่งมีทำเลสะดวกกว่ ำ เนื่องจำกสินค้ำร้ำนคนจับ ปลำมีขำยที่ร้ำนค้ำปลีกเฉพำะร้ำน A ซึ่งมีสำขำจำกัด นอกจำกนี้ ลูกค้ำบำงส่วนรับประทำน อำหำรทะเลนอกบ้ำนมำกกว่ำซื้อไปทำเองเพรำะสะดวกกว่ำ • จำนวนลูกค้ำที่ซื้อผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลของร้ำนคนจับปลำคิดเป็นเพียงร้อยละ 23 ของลูกค้ำที่ ซื้อผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลทั้งหมดของร้ำน A ซึ่งลูกค้ำร้ำน A ในสำขำที่เก็บข้อมูลส่วนใหญ่ไป เลือกซื้ออำหำรทะเลปลอดภัยที่โซนอำหำรสดซึ่งขำยผลิตภัณฑ์จำกชำวประมงพื้นบ้ำนจำกพื้นที่ อื่นที่จับสัตว์น้ำอย่ำงถูกวิธี ไม่ใช้สำรเคมีในกำรเก็บรักษำ และมีควำมสดใหม่เช่นกัน กำรที่สัตว์น้ำ ทั้งตัวถูกวำงไว้บนน้ำแข็งทำให้บริโภคส่วนหนึ่งเห็นว่ำสินค้ำมีควำมสดใหม่มำกกว่ำสัตว์น้ำที่ถูก บรรจุหีบห่อสุญญำกำศ เพรำะสินค้ำของร้ำนคนจับปลำที่วำงขำยที่ร้ำน A เป็นสินค้ำที่ผ่ำนกำร ตัดแต่งและบรรจุหีบห่อสุญญำกำศเพื่อรักษำควำมสด สะอำดปลอดภัย • ลูกค้ำระบุว่ำสินค้ำของร้ำนคนจับปลำมีรำคำสูง อำจไม่สำมำรถบริโภคได้บ่อย ทั้งนี้ อำจเนื่องจำก กำรที่ร้ำนคนจับปลำรับซื้อจำกชำวประมงในรำคำสูงกว่ำท้องตลำดร้อยละ 20 จำกนั้นขำยให้ ร้ำนค้ำปลีก A ด้วยรำคำที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 และร้ำนค้ำปลีก A จำหน่ำยสินค้ำของร้ำนคนจับ ปลำในรำคำที่สูงกว่ำรำคำรับซื้ออีกประมำณร้อยละ 40 (ข้อมูลจำกรำคำหน้ำฉลำกสินค้ำ) 2) ผลกำรสัมภำษณ์กลุ่มลูกค้ำที่ซื้อตรงจำกร้ำนคนจับปลำ สรุปได้ว่ำ ร้านคนจับปลามีผลกระทบต่อการเข้าถึงอาหารทะเลปลอดภัยในระดับมาก เนื่องจำก • ลูกค้ำเจำะจงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ เนื่องจำกมั่นใจในคุณภำพของสินค้ำ ที่มีควำมสด ควำมปลอดภัย ไม่มีกลิ่นฟอร์มำลีน และทรำบว่ำมีส่วนช่วยในกำรอนุรักษ์ทะเลไทยและ ประมงพื้น บ้ ำน โดยส่ ว นใหญ่เห็นว่ำยังไม่มีช่องทำงอื่นในกำรเลื อกซื้ออำหำรทะเลที่ปลอดภัย สำหรับช่องทำงอื่นในกำรซื้อคือ ซื้อตำมร้ำนค้ำ ปลีกสมัยใหม่ ซึ่งขำยผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลจำกหลำย แหล่งที่มำ นอกจำกนี้ ลูกค้ำยังมีควำมถี่และปริมำณยอดซื้อแต่ละครั้งสูง คือ เฉลี่ยประมำณสัปดำห์ ละ 1 ครั้งๆ ละไม่น้อยกว่ำ 1,000 บำทขึ้นไป ข - 45
• ลูกค้ำเห็นว่ำกำรซื้อสินค้ำผ่ำน Line และโทรศัพท์มีควำมสะดวกแล้ว แสดงให้เห็นว่ำลูกค้ำกลุ่มนี้ สำมำรถเข้ำถึงสินค้ำปลอดภัยจำกร้ำนคนจับปลำได้อย่ำงสะดวก อย่ำงไรก็ตำม ร้ำนคนจับปลำยังมี ข้อจำกัดในด้ำนควำมหลำกหลำยประเภทของสินค้ำ นอกจำกนี้ ลูกค้ำเกือบครึ่งเห็นว่ำรำคำสินค้ำ บำงอย่ำงสูงกว่ำสินค้ำในตลำดมำกไป 3.4 ข้อเสนอแนะ 1) กิจกรรมของร้ำนคนจับปลำทำให้ชำวประมงที่เป็นสมำชิกได้รับควำมเป็นธรรมทั้งในด้ำนรำคำขำยและ กำรคัดขนำดสินค้ำ และมีผลกระทบต่อรายได้จากการทาประมงสุทธิของสมาชิกชาวประมงพื้นบ้านอัน เนื่องมำจำกกำรรับซื้อในรำคำสูงกว่ำผู้ค้ำคนกลำงอื่นประมำณร้อยละ 20 แต่ผลกระทบนี้มีไม่มากเพรำะร้ำน คนจับปลำมีกำลังรับซื้อจำกชำวประมงได้เพียงประมำณร้อยละ 20 ของสัตว์น้ำที่จับได้ รวมถึงซื้อเป็นเงินเชื่อ เนื่องจำกร้ำนคนจับปลำยังมีข้อจำกัดในกำรทำกำรตลำดทั้งจำนวนและประเภทสัตว์น้ำที่รับซื้อให้สอดคล้องกับ คำสั่งซื้อจำกคู่ค้ำ ดังนั้น ถ้าร้านคนจับปลาสามารถขยายตลาดเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ประมาณและประเภทสินค้า ก็จะ สำมำรถสร้ำงผลกระทบให้ชำวประมงพื้นบ้ำนและครอบครัวมี "ควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" ได้มำกขึ้นและในวงกว้ำง ขึ้น และสำมำรถรับสมำชิกใหม่ได้เพิ่มมำกขึ้นด้วย นอกจำกนี้ ถ้ำชำวประมงสำมำรถขำยสัตว์น้ำให้ร้ำนคน จั บ ปลำในประมำณที่ มำกขึ้ น เช่น ขำยได้อ ย่ำ งน้ อยร้ อยละ 50 ของสั ตว์น้ำที่จั บ ได้ อำจทำให้ มีจ ำนวน ชำวประมงที่สำมำรถนำรำยได้สุทธิจำกกำรทำประมงที่เพิ่มขึ้นอย่ำงมีนัยสำคัญไปปลดหนี้สินจำกแพปลำได้ หรือถ้ำปริมำณรับซื้อของร้ำนคนจับปลำมีสัดส่วนที่มำกเมื่อเทียบกับปริมำณรับซื้อทั้งหมดในท้อ งตลำด อำจมี ผลกระทบให้รำคำรับซื้อหน้ำแพปลำขยับรำคำรับซื้อสูงขึ้นได้ 2) ช่องทำงจำหน่ำยสินค้ำร้ำนคนจับปลำสู่ผู้บริโภคในปัจจุบันมี 3 ช่องทำงหลัก คือ 1. บริกำรจัดส่งตรง ถึงผู้บริโภคในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ผ่ำนโทรศัพท์ หรือ LineID หรือ Facebook 2. ชั้น 3 อมรินทร์ พลำซ่ำ กรุงเทพมหำนคร 3. ร้ำนค้ำปลีกสินค้ำปลอดภัย A จำนวน 14 สำขำในเขตกรุงเทพมหำนคร ดังนั้น ช่องทำงกำรกระจำยสินค้ำหลักของร้ำนคนจับปลำ คือร้ำนค้ำปลีกสินค้ำปลอดภัยดังกล่ำวซึ่งมีจำนวนสำขำ เฉพำะในกรุงเทพมหำนคร จึงทำให้ผู้บริโภคมีข้อจำกัดในด้ำนควำมสะดวกในกำรหำซื้อสินค้ำ นอกจำกนี้ ลูกค้ำร้ำนค้ำปลีกดังกล่ำวมีทำงเลือกอื่นในกำรซื้ออำหำรทะเลปลอดภัยจำกชำวประมงพื้นบ้ำนที่ทำประมง อย่ำงยั่งยืนเช่นกันในโซนขำยอำหำรสดและโซนดังกล่ำวก็ได้รับควำมนิยมมำกกว่ำ ทั้งนี้ อำจเนื่องมำจำกควำม เคยชินของผู้บริโภคที่มักเลือกซื้ออำหำรทะเลแบบสดวำงบนน้ำแข็งที่ไม่ผ่ำนกำรบรรจุถุงสุญญำกำศหรืออำหำร ทะเลแบบแช่เย็น ข - 46
ในขณะที่ ลูกค้ำที่ซื้อสินค้ำโดยตรงผ่ำน Line และโทรศัพท์ของร้ำนคนจับปลำเห็นว่ำช่องทำงซื้อ ดังกล่ำวมีควำมสะดวกและทำให้สำมำรถเข้ำถึงอำหำรทะเลที่สด สะอำดปลอดภัย ซึ่งลูกค้ำกลุ่มนี้เจำะจงซื้อ สินค้ำร้ำนคนจับปลำ รวมถึงมีควำมถี่และปริมำณกำรซื้อแต่ละครั้งสูง จึงเป็นกลุ่มลูกค้ำที่ร้ำนคนจับปลำ น่ำจะพิจำรณำขยำยฐำนจำนวนลูกค้ำกลุ่มนี้ ดังนั้น ร้ำนคนจับปลำอำจต้องทำแผนการตลาดเชิงรุกในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อย่ำงจริงจัง รวมถึงอำจพิจารณาขยายช่องทางจัดจาหน่ายอื่น เช่น ร้ำนค้ำ Modern Trade ที่เน้นระดับลูกค้ำชั้นกลำง ขึ้นไป ซึ่งมีสำขำกระจำยอยู่ทั่วประเทศ เนื่องจำกลูกค้ำที่ให้สัมภำษณ์ระบุว่ำซื้ออำหำรทะเลส่วนใหญ่จำก Modern Trade เหล่ำนี้ กำรขยำยพื้นที่กำรขำยไปต่ำงจังหวัด รวมถึงกำรพิจำรณำแนวทางจาหน่ายสินค้า แบบสดวางบนน้าแข็งหรือรูปแบบอื่น หรือการเพิ่มการสื่อสารถึงผู้บริโภคถึงคุณภำพของอำหำรทะเลแบบ แช่แข็ง เพื่อให้ผู้บริโภคในวงกว้ำงได้มีโอกำสเข้ำถึงอำหำรทะเลปลอดภัยมำกขึ้น 3) กำรสื่ อ สำรสู่ ก ลุ่ ม ลู ก ค้ ำ เป้ ำ หมำยเกี่ ย วกั บ ที่ ม ำของสิ น ค้ ำ วิ ธี ก ำรผลิ ต และแนวทำงน ำสั ต ว์น้ ำไป ประกอบอำหำร เนื่องจำกผลกำรสัมภำษณ์ลูกค้ำทดลองซื้อสินค้ำร้ำนคนจับปลำจำกกำรอ่ำนฉลำกบนสินค้ำ เป็นส่วนใหญ่ (ซึ่งฉลำกระบุแหล่งที่มำจำกชำวประมงพื้นบ้ำนในพื้นที่ดำเนินกำร วิธีกำรทำประมงในวิถี อนุรักษ์ฟื้นฟูชำยฝั่งทะเลไทย และควำมสด สะอำดปลอดฟอร์มำลีนทุกขั้นตอน) ทำให้มีข้อจำกัดทั้งในแง่ กำรสื่อสำรที่เข้ำถึง ควำมสะดวกและควำมทั่วถึงถึงลูกค้ำ นอกจำกนี้ จำกพฤติกรรมกำรเลือกซื้ออำหำรทะเลของลูกค้ำที่สังเกตพบกว่ำลูกค้ำมักเคยชินกับกำร เลือกซื้ออำหำรทะเลแช่เย็น (วำงบนน้ำแข็ง) มำกกว่ำอาหารทะเลแช่แข็งในแพ็กสุญญากาศของร้านคนจับ ปลา ทั้งนี้ อำจเป็นเพรำะลูกค้ำไม่ทรำบข้อมูลว่ำวิธีกำรผลิตแบบแช่แข็งและแพ็กสุญญำกำศเพื่อยืดอำยุสินค้ำ ลูกค้ำยังคงมีควำมเข้ำใจผิดว่ำอำหำรแช่แข็ง คืออำหำรคุณภำพไม่ดี ไม่สด และสูญเสียคุณค่ำทำงโภชนำกำร และรสชำติที่แท้จ ริ งไป (http://goo.gl/aOw5zFcontent) ในขณะที่ข้อเท็จจริง อำหำรทะเลแช่แข็งจะ ป้องกันกำรเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ช่วยให้เก็บรักษำอำหำรได้ยำวนำนกว่ำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกำรขนส่ง และดีต่อสิ่งแวดล้อม และสำมำรถรักษำรสชำติและคุณค่ำทำงอำหำรไว้ได้
ส่วนอำหำรทะเลแช่เย็น มี
ช่วงเวลำที่สำมำรถทิ้งไว้ได้สั้นกว่ำ ดังนั้น กำรเลือกระหว่ำงอำหำรทะเลแช่เย็นและอำหำรทะเลแช่แข็งจึง ขึ้นอยู่กับควำมสะดวก ระยะทำงกำรขนส่ง และควำมเหมำะสมต่อชีวิตประจำวันของลูกค้ำ ข้อจำกัดอีกประกำรหนึ่งที่พบว่ำ ประเภทสัตว์น้ำที่ร้ำนคนจับปลำรับซื้อตำมคำสั่งซื้อของลูกค้ำไม่ สอดคล้องกับสัตว์น้ำที่ชำวประมงจับได้ตำมธรรมชำติ ทำให้ร้ำนคนจับปลำไม่รับซื้อหรือต้องนำมำแปรรูปหลัง รับซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่ำ ทำให้ชำวประมงเสียโอกำสในกำรขำยสัตว์น้ำ ข - 47
ดังนั้ น ร้ ำนคนจั บ ปลำอำจพิจำรณำทำการสื่อสารเพื่ อสร้ า งการรั บรู้ สร้ า งความเข้า ใจและการ ยอมรั บจากลูกค้า เกี่ยวกับที่มาของสิน ค้า วิธี การผลิต และแนวทางการประกอบอาหารจากสัตว์น้าที่ ผู้บริโภคไม่คุ้นเคย ด้วยเครื่องมือและวิธีการสื่อสารทางการตลาดอื่นๆ มากขึ้น เช่น ป้ำยอธิบำยที่ชัดเจน ณ จุดจำหน่ำย กำรออกอีเว้นต์ ในงำนขนำดใหญ่ที่อำจเน้นเป้ำหมำยทำงกำรสื่อสำรมำกกว่ำยอดขำยสินค้ำ กำรร่วมมือกับองค์กรเอกชนที่ทำ CSR เป็นต้น 4) กำรรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับรำคำสินค้ำของร้ำนคนจับปลำ ลูกค้ำที่ซื้อสินค้ำร้ำนคนจับปลำจำก ร้ำนค้ำ A ให้ควำมเห็นว่ำสินค้ำมีรำคำสูงทำให้ไม่สำมำรถบริโ ภคได้บ่อย และเกือบครึ่งของลูกค้ำที่ซื้อตรงจำก ร้ำนคนจับปลำก็เห็นว่ำมีรำคำสูงเช่นกัน ซึ่งจำกกำรเก็บข้อมูลเพิ่มเติมของผู้วิจัย พบว่ำ รำคำขำยปลีกร้ำนค้ำ A สูงกว่ำรำคำรับซื้อจำกชำวประมงประมำณร้อยละ 90 ส่วนรำคำขำยตรงของร้ำนคนจับปลำสูงกว่ำรำคำรับซื้อ จำกชำวประมงประมำณร้อยละ 40 และเมื่อเปรียบเทียบกับรำคำอำหำรทะเลทั่วไป (ที่ไม่ทรำบแหล่งที่มำ วิธีกำรจับและวิธีกำรเก็บรักษำ) ใน Modern Trade บำงแห่ง รำคำขำยปลีกจะแพงกว่ำรำคำขำยตรงของ ร้ำนคนจับปลำไม่มำกนัก แต่รำคำถูกกว่ำรำคำขำยปลีกของร้ำนค้ำ A ประมำณร้อยละ 20-25 ดังนั้น หำก ร้ำนคนจับปลำสำมำรถขยายช่องการการตลาดและทาการสื่อสารการตลาดที่หลากหลายและมากขึ้น จะ สร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอาหารทะเลปลอดภัยในราคาที่เป็นธรรมมากขึ้น นอกจำกนี้ ร้ำนคน จั บ ปลำอำจสามารถเพิ่ ม Margin หรื อส่วนต่า งของผลกาไรจากการขายสิน ค้า ที่ มีคุณ ภาพและความ ปลอดภัยดังกล่าวผ่านช่องการการตลาดที่ขยายเพิ่มนั้นด้วย 5) บทบำทกำรส่งเสริมกำรทำประมงที่ยั่งยืนและกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเลของร้ำนคนจับปลำ ใน นำมสมำคมรักษ์ทะเลไทย ชุมชน และองค์กรอื่นๆ ที่ทำมำเป็นระยะเวลำอย่ำงต่อเนื่องและยำวนำน ได้ส่งผลให้ ทรัพยำกรทำงทะเลชำยฝั่งกลับมำมีควำมอุดมสมบูรณ์และสร้ำงควำมเข้มแข็งให้ชุมชนในควำมคิดเห็นของผู้มี ส่วนเกี่ยวข้อง แต่ระยะหลังก็มีเรือหำปลำเพิ่มมำกขึ้นและมีปัญหำกำรเข้ำมำจับสัตว์น้ำของเรือประมงนอก พื้นที่ เรือที่ไม่ทำตำมกติกำกำรอนุรักษ์ ในขณะที่มีข้อจำกัดด้ำนจำนวนคนช่วยทำกำรอนุรักษ์ (คนทำมีจำนวน น้อยกว่ำ) งบประมำณ และกำรบังคับใช้กฎหมำยของภำครัฐ ดังนั้น การขยายพลังสนับสนุนของเครือข่าย ผู้บริโภคผ่านโครงการของร้านคนจับปลาน่ำจะเป็นอีกหนึ่งช่องทำงสำคัญในกำรส่งเสริมทั้งด้ำนกำรกระตุ้น กำรตระหนักรู้ของสังคม กำรเข้ำมำมีส่วนร่วมและกำรสนับสนุนทรัพยำกรเพื่อส่งเสริมกำรทำประมงที่ยั่งยืน และกำรอนุ รักษ์ทรั พยำกรทำงทะเลอย่ ำงต่อเนื่องในระยะยำว เสริมจำกมำตรกำรทำงกฎหมำยที่มีกำร พัฒนำขึ้นในปัจจุบัน
ข - 48
คำถำมสัมภำษณ์ : ชำวประมง สมำชิกร้ำนคนจับปลำ สัมภำษณ์ : ชำวประมง สมำชิกร้ำนคนจับปลำ คาถามวิจัย: ชำวประมงพื้นบ้ำน หลังจำกเข้ำร่วมเป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ 1. ชำวประมง มีรำยได้สุทธิ (รำยได้สุทธิ = รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) จำกกำรประมงของครัวเรือนเฉลี่ย เพิ่มขึ้นอย่ำงไร 2. ชำวประมง มีหนี้สินจำกแพปลำลดลงหรือไม่ อย่ำงไร 3. ชำวประมง ที่ไม่ต้องอพยพสู่เมืองเพื่อประกอบอำชีพอื่นมีหรือไม่ อย่ำงไร 4. ชุมชนมีกระบวนกำรจัดกำรด้ำนสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร Outcome • ชำวประมงพื้นบ้ำนมีควำมเป็นอยู่ที่ดีขึ้น • ควำมมั่นคงของอำชีพประมงเพิ่มขึ้น Output • รำยได้ชำวประมงพื้นบ้ำนเพิ่มขึ้น • หนี้สินลดลง หรือไม่มีหนี้ • มีอำชีพในท้องถิ่นของตนเอง Indicator • รำยได้สุทธิจำกกำรประมง (รำยได้สุทธิ = รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) ของครัวเรือนเฉลี่ย ก่อน-หลังโครงกำร • หนี้จำกแพปลำ (จำนวนครัวเรือนที่มีอิสรภำพมำกขึ้น) • จำนวนชำวประมงพื้นบ้ำนที่อพยพสู่เมืองเพื่อประกอบอำชีพอื่นลดลง • จำนวนสมำชิกสมำคมฯ ที่เพิ่มขึ้น อื่นๆ • จำนวนกิโลกรัมสัตว์น้ำที่จับได้ต่อชั่วโมงในระยะไม่เกิน 3 ไมล์ • ระยะทำงเฉลี่ยในกำรออกเรือ 1 ครั้ง ก่อน-หลังเริ่มโครงกำร • ประเภทของเครื่องมือจับสัตว์น้ำ ก่อน-หลังเริ่มโครงกำร • กำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่วนรวม • ครอบครัวอบอุ่น ไม่มีควำมขัดแย้ง ข - 49
แนวอภิปราย กลุ่มสนทนาย่อย (Focus Group) สัมภำษณ์ : ชำวประมง ที่ไม่เป็นสมำชิกร้ำนคนจับปลำ คาถามวิจัย: 1. ชำวประมงที่ไม่ได้เป็นสมำชิกได้รับผลกระทบอะไรจำกกำรมีร้ำนคนจับปลำ สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ทุกท่ำนสละเวลำมำในวันนี้ค่ะ • เรำเป็นทีมประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมและผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำรลงทุนของ "โครงการวิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมสาหรับกิจการเพื่อสังคมและจัดทา กรณีศึกษานาร่อง" แนะนำตัวว่ำเรำเป็นใคร ทำอะไรบ้ำง • เรำขออนุญำตทุกท่ำนอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้
เรำจะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ
จำกทุกท่ำน เรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ฉะนั้น ขอ ควำมกรุณำอย่ำเป็นกังวล อยำกให้ทุกท่ำนสบำยใจ แสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นเรำอยำกให้ทุกท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ คาถามเจาะลึก
คาถามหลัก
What, when, why, who, where, how
อุ่นเครื่อง 1. คุณอำศัยที่หมู่บ้ำนนี้มำนำนเท่ำไรแล้ว ครอบครัว อยู่กันกี่คน 2. ประกอบอำชีพประมงมำนำนเท่ำไหร่แล้ว มีคนใน ครอบครัวที่ทำอำชีพประมงกี่คน 3. เศรษฐกิจปีนี้เป็นอย่ำงไร 4. รู้จัก ร้ำนคนจับปลำหรือไม่ ข - 50
• คนในหมู่บ้ำนทำอำชีพอะไร
• เคยเข้ำร่วมโครงกำรหรือไม่ ถ้ำเคย เหตุผลที่ ออกจำกโครงกำร • เหตุผลที่ไม่ตัดสินใจเข้ำโครงกำร สถานการณ์ ผลกระทบจากโครงการ 1. ก่อนและหลังกำรมีโครงกำรของร้ำนคนจับปลำ
• พื้นที่ที่ทำกำรประมง ขนำดของเรือ ออกเรือ
กำรทำประมงของท่ำน มีกำรเปลี่ยนแปลงจำกเดิม
ช่วงใด บ่อยแค่ไหน ระยะทำงไกลเท่ำใด ใช้
หรือไม่ อย่ำงไร
เวลำแต่ละครั้งนำนเท่ำใด เครื่องมือที่ใช้ทำ กำรประมง ออกเรือกับใครบ้ำง จำนวนและ ประเภทของปลำที่จับได้
2. ปกติ ท่ำนขำยผลิตภัณฑ์ที่จับได้กับใคร ที่ไหน และ ได้รำคำเป็นอย่ำงไร 3. ก่อนและหลังกำรมีโครงกำรของร้ำนคนจับปลำ
(ถ้ำเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนเพรำะอะไร เกี่ยวข้องกับกำรเข้ำร่วม เป็นสมำชิกคนจับปลำอย่ำงไร) • ควำมเห็นต่อกำรขำยในปัจจุบัน
รำยได้จำกกำรทำประมงของครัวเรือนเฉลี่ย เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร เพรำะเหตุใด 4. ก่อนและหลังกำรมีโครงกำรของร้ำนคนจับปลำ ค่ำใช้จ่ำยในกำรทำประมงของท่ำน
มีกำร
เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร เพรำะเหตุใด 5. ท่ำนเป็นหนี้สินกับแพปลำ หรือไม่ และปัจจุบัน สภำพหนี้เป็นอย่ำงไร อย่ำงไร 6. ท่ำนมีควำมคิดเห็นอย่ำงไรต่อโครงกำรร้ำนคนจับ ปลำ 7. มีโครงกำรอื่นที่มีลักษณะคล้ำยคลึงกับร้ำนคนจับ ปลำหรือไม่ ท่ำนได้เข้ำร่วมหรือไม่
• ระยะเวลำที่เป็นหนี้ ลักษณะหนี้สิน มูลค่ำ และลักษณะควำมสัมพันธ์กับแพปลำใน ปัจจุบัน • ถ้ำได้เข้ำร่วมโครงกำรอื่น เพรำะเหตุใดจึงเข้ำ ร่วม (ชอบโครงกำรไหน คิดว่ำจุดไหนดีกว่ำ โครงกำร จุดไหนสู้ไม่ได้)
การอนุรักษ์ทรัพยากร ข - 51
1. สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลมีกำร
- เมื่อก่อน(ปีไหน)เป็นอย่ำงไร และตอนนี้เป็น
เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร ในรอบ 5 ปีที่ผ่ำนมำ
อย่ำงไร สังเกตเห็นกำรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง (ควำมอุดมสมบูรณ์บริเวณทะเลและชำยฝั่ง) - มีพำยุเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดบ่อยแค่ไหน - สัตว์น้ำเพียงพอหรือไม่ จัดสรรอย่ำงไร - เคยเกิดควำมขัดแย้งหรือไม่ - มีกำรกำหนดกติกำหรือไม่ อย่ำงไร - โครงกำรอะไร ทำร่วมกับองค์กรใด
2. เคยมีโครงกำรเกี่ยวกับกำรประมงหรือกำรอนุรักษ์ - ปัจจุบันชุมชนทำงำนร่วมกับองค์กรใด เรื่องที่ สิ่งแวดล้อมมำก่อนหรือไม่
เกี่ยวข้องกับกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเล หรือมีโครงกำรใดที่ชุมชนริเริ่มดำเนินกำรเอง - กิจกรรมขององค์กรใด มีประโยชน์อย่ำงไร ใครมีหน้ำที่รับผิดชอบอะไร ขั้นตอนกำรทำงำน เป็นอย่ำงไร
3. ท่ำนได้เข้ำร่วมโครงกำรหรือกิจกรรมอนุรักษ์ หรือไม่
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คาตอบและการพูดคุยของเราในวันนี้มีประโยชน์และเราได้ข้อมูลมากมาย ขอขอบคุณทุกท่าน สาหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่าให้เราฟังในวันนี้
คุณมีคาถามหรืออยากเสนอแนะอะไรให้เราไหมคะ
ข - 52
แนวอภิปราย กลุ่มสนทนาย่อย (Focus Group) สัมภำษณ์ : ผู้ได้รับค่ำตอบแทนจำกคนจับปลำ ได้แก่ เจ้ำหน้ำที่ร้ำน และ ลูกจ้ำงรำยวัน (แม่บ้ำน ชำวประมง) คาถามวิจัย: 1. เจ้ำหน้ำที่ร้ำน มีรำยได้สุทธิ (รำยได้สุทธิ = รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) จำกกำรทำงำนร้ำนคนจับปลำเฉลี่ย เพิ่มขึ้นอย่ำงไร 2. ลูกจ้ำงรำยวัน มีรำยได้สุทธิ (รำยได้สุทธิ = รำยได้ – ค่ำใช้จ่ำย) จำกกำรทำงำนร้ำนคนจับปลำเฉลี่ย เพิ่มขึ้นอย่ำงไร สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ทุกท่ำนสละเวลำมำในวันนี้ค่ะ • เรำเป็นทีมประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมและผลตอบแทนทำงสังคมจำกกำรลงทุนของ "โครงการวิจัย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมสาหรับกิจการเพื่อสังคมและจัดทา กรณีศึกษานาร่อง" แนะนำตัวว่ำเรำเป็นใคร ทำอะไรบ้ำง • เรำขออนุญำตทุกท่ำนอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้
เรำจะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ
จำกทุกท่ำน เรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ฉะนั้น ขอ ควำมกรุณำอย่ำเป็นกังวล อยำกให้ทุกท่ำนสบำยใจ แสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นเรำอยำกให้ทุกท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ คาถามเจาะลึก
คาถามหลัก
What, when, why, who, where, how
อุ่นเครื่อง 1. คุณอำศัยที่หมู่บ้ำนนี้มำนำนเท่ำไรแล้ว ครอบครัวอยู่กันกี่คน 2. เดิมประกอบอำชีพอะไร 3. ทำงำนให้โครงกำร มำกี่ปีแล้ว
• ทำไมถึงตัดสินใจมำทำงำนให้โครงกำร ข - 53
• จำนวนสมำชิกในครอบครัวที่มำทำงำนให้ โครงกำร • สถำนที่ทำงำน
หน้ำที่ที่รับผิดชอบคืออะไร
ระยะเวลำทำงำน สถานการณ์ ผลกระทบจากโครงการ 1. ก่อนทำงำนกับโครงกำร ท่ำนมีรำยได้หลักจำก
• เหตุผลที่ออก
แหล่งใด และเท่ำใด 2. หลังทำงำนให้โครงกำร รำยได้เฉลี่ยของท่ำน เปลี่ยนแปลงอย่ำงไร 3. นอกจำกทำงำนให้โครงกำร
ท่ำนทำงำนอื่น
• ถ้ำไม่ทำงำนให้โครงกำร จะประกอบอำชีพ
ด้วยหรือไม่
อะไร
4. ท่ำนคิดว่ำ โดยรวมแล้วได้ประโยชน์อะไรบ้ำง • กำรทำงำนให้โครงกำร
จำกกำรทำงำนให้โครงกำร
มีส่วนช่วยลด
ค่ำใช้จ่ำยในครัวเรือนของท่ำนหรือไม่
5. ท่ำนคิดว่ำโครงกำร มีข้อเสียหรือข้อจำกัด
อย่ำงไร
อะไรบ้ำง
• ทำที่ไหน ระยะเวลำ หน้ำที่ รำยได้ เหตุผลที่ทำ การอนุรักษ์ทรัพยากร 1. สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลมี
- เมื่อก่อน(ปีไหน)เป็นอย่ำงไร และหลังโครงกำร
กำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร ในรอบ 5 ปีที่ผ่ำนมำ
ร้ำนคนจับปลำเป็นอย่ำงไร สังเกตเห็นกำร เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง (ควำมอุดมสมบูรณ์บริเวณ ทะเลและชำยฝั่ง) - มีพำยุเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดบ่อยแค่ไหน - สัตว์น้ำเพียงพอหรือไม่ จัดสรรอย่ำงไร - เคยเกิดควำมขัดแย้งหรือไม่ - มีกำรกำหนดกติกำหรือไม่ อย่ำงไร - โครงกำรอะไร ทำร่วมกับองค์กรใด ข - 54
2. ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ชุมชน
- นอกเหนือจำกคนจับปลำตอนนี้ชุมชนทำงำน
เคยทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรประมงหรือกำร
ร่วมกับองค์กรใดอีกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำร
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมำก่อนหรือไม่
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเล หรือมีโครงกำรใดที่ ชุมชนริเริ่มดำเนินกำรเอง - กิจกรรมที่ว่ำมีประโยชน์อย่ำงไร ใครมีหน้ำที่รับผิดชอบอะไร ขั้นตอนกำรทำงำนเป็น
3. กิจกรรมอนุรักษ์ของคนจับปลำมีอะไรบ้ำง
อย่ำงไร - ท่ำนเข้ำร่วมกิจกรรมใดบ้ำง (มีกำรจัดสรรกำรใช้ ทรัพยำกรอย่ำงไร, ชุมชนมีกติกำกำรจับสัตว์น้ำของ ชุมชน เช่น กำรสอดส่องกำรประมงที่ไม่ถูกต้อง, มี กำรร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยำกรหรือไม่)
4. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ อะไรบ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด เพรำะอะไร ให้ผู้ ถูกสัมภำษณ์ตอบเองอย่ำงอิสระ ไม่ชี้นำ คำตอบ (เครื่องมือ Product Attribute Ranking) 5. ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเหล่ำนี้ เป็นผลมำจำก
• มีควำมพยำยำมแก้ไขปัญหำอย่ำงไรบ้ำง
โครงกำรอื่นที่กล่ำวมำข้ำงต้นด้วยหรือไม่ (เครื่องมือ Relative Preference Ranking) 6. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีข้อเสีย ข้อจำกัด หรืออุปสรรค อะไรบ้ำง 7. อุปสรรคที่อำจจะเกิดขึ้นในอนำคตมีอะไรบ้ำง
ข - 55
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คาตอบและการพูดคุยของเราในวันนี้มีประโยชน์และเราได้ข้อมูลมากมาย ขอขอบคุณทุกท่าน สาหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่าให้เราฟังในวันนี้
คุณมีคาถามหรืออยากเสนอแนะอะไรให้เราไหมคะ
ข - 56
แนวอภิปราย การสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview) สัมภาษณ์ :แนวทางสัมภาษณ์ อบต. คาถามวิจัย: 1. ชุมชนทางานกับใครบ้าง 2. ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างไรจากร้านคนจับปลา 3. ร้อยละหรือจานวนครัวเรือนที่สามารถลดหรือปลดหนี้แพปลาได้หลังโครงการ 4. จานวนชาวประมงพื้นบ้านที่อพยพสู่เมืองเพื่อประกอบอาชีพอื่น /หรือไปทาประมงยังท้องถิ่นอื่น ลดลงเนื่องจากมีทรัพยากรเพียงพอต่อการประกอบอาชีพสร้างรายได้ 5. ชุมชนมีกระบวนการจัดการ ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไร สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนให้พบในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำกำรวิจัยเพื่อประเมินผลโครงกำรร้ำนคนจับปลำ วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะ ที่ท่ำนเป็นผู้นำชุมชนที่เข้ำร่วมโครงกำร จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของท่ำนที่มีต่อโครงกำรนี้ เหตุ ใดชุมชนจึงเข้ำร่วมโครงกำร และคำดหวังว่ำจะได้อะไรจำกกำรเข้ำร่วม • พวกเรำขออนุญำตอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้ จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ จำกทุกๆ ท่ำน แล้วพวกเรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ทุกท่ำน สำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก What, when, why, who, where, how
ผลกระทบจากโครงการร้านคนจับปลา 1. ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ ชุมชนเคย - โครงกำรอะไร ทำร่วมกับองค์กรใด ทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรประมงหรือกำรอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมมำก่อนหรือไม่
- นอกเหนือจำกคนจับปลำตอนนี้ชุมชนทำงำน ร่วมกับองค์กรใดอีกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำร อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเล หรือมีโครงกำรใดที่ ชุมชนริเริ่มดำเนินกำรเอง
ข - 57
2. โครงกำรร้ำนคนจับปลำเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ - เริ่มได้อย่ำงไร - ใครมีหน้ำที่รับผิดชอบอะไร ขั้นตอนกำรทำงำน เป็นอย่ำงไร - อบต. มีบทบำทอย่ำงไรในโครงกำรร้ำนคนจับ ปลำ - ชุมชนมีบทบำทอย่ำงไรในโครงกำรร้ำนคนจับ ปลำ 3. โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีส่วนในกำรอนุรักษ์ สภำพแวดล้อมทำงทะเลของท้องถิ่นหรือไม่ - ร้ำนคนจับปลำมีบทบำทอย่ำงไร ทำ
อย่ำงไร 4. ร้ำนคนจับปลำมีส่วนร่วมในกำรช่วยบริหำร
กิจกรรมอะไรบ้ำง - กิจกรรมที่ว่ำมีประโยชน์อย่ำงไร
จัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติหรือไม่ 5. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงอะไรต่อชุมชน
- กิจกรรมที่ว่ำมีข้อเสียหรือมีอุปสรรค อย่ำงไร
6. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ อะไรบ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด เพรำะอะไร ให้ผู้ถูก สัมภำษณ์ตอบเองอย่ำงอิสระ ไม่ชี้นำคำตอบ (เครื่องมือ Product Attribute Ranking) ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเหล่ำนี้ เป็นผลมำจำก โครงกำรอื่นที่กล่ำวมำข้ำงต้นด้วยหรือไม่ (เครื่องมือ Relative Preference Ranking) 7. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีข้อเสีย ข้อจำกัด หรืออุปสรรค อะไรบ้ำง - มีควำมพยำยำมแก้ไขปัญหำอย่ำงไรบ้ำง
ข - 58
สภาพสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากร 1. สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลมี
- เมื่อก่อน(ปีไหน)เป็นอย่ำงไร และหลังโครงกำร ร้ำนคนจับปลำเป็นอย่ำงไร สังเกตเห็นกำร
กำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร ในรอบ 5 ปีที่ผ่ำน
เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง (ควำมอุดมสมบูรณ์
มำ
บริเวณทะเลและชำยฝั่ง) - มีพำยุเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดบ่อยแค่ไหน - สัตว์น้ำเพียงพอหรือไม่ จัดสรรอย่ำงไร
2. มีภัยธรรมชำติบ้ำงหรือไม่
- เคยเกิดควำมขัดแย้งหรือไม่
3. ในชุมชน มีกำรจัดสรรกำรใช้ทรัพยำกร
- มีกำรกำหนดกติกำหรือไม่ อย่ำงไร
อย่ำงไร 4. ชุมชนมีกติกำกำรจับสัตว์น้ำของชุมชน เช่น
- มีกลุ่มอะไรบ้ำง - กลุ่มมีบทบำทและหน้ำที่อย่ำงไร
กำรสอดส่องกำรประมงที่ไม่ถูกต้อง 5. มีกำรร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยำกรหรือไม่
- ในกำรดำเนินงำนที่ผ่ำนมำของกลุ่ม มีปัญหำ อุปสรรคอะไรบ้ำง หรืออำจจะเกิดขึ้น
นอกจำกกำรร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยำกร
ก่อนและหลังโครงกำรร้ำนคนจับปลำ
• เวลำว่ำงของชำวประมงเพื่อทำกิจกรรม อนุรักษ์ที่เพิ่มขึ้น • จำนวนชำวประมง /คนในท้องถิ่นที่อนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเล เป็นอย่ำงไร • กิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลมำก ขึ้นหรือไม่ • จำนวนครั้งในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเลเพิ่มขึ้นหรือไม่
ข - 59
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มำกมำย ขอขอบคุณท่ำนสำหรับ ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ข - 60
แนวการสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview) สัมภาษณ์ : แพปลา Outcome 2: ความมั่นคงของอาชีพประมงเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัด: ร้อยละหรือจานวนครัวเรือนที่สามารถลดหรือปลดหนี้แพปลาได้หลังโครงการ คาถาม: แพปลาได้รับผลกระทบอย่างไรจากร้านคนจับปลา ท่านรับซื้อสัตว์น้าในราคาที่แตกต่างจากก่อนมีร้านคนจับปลาหรือไม่ อย่างไร สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนให้พบในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำกำรวิจัยเพื่อประเมินผลโครงกำรร้ำนคนจับปลำ วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะที่ ท่ำนเป็นแพปลำที่รับซื้อปลำจำกชำวประมงในชุมชนที่เข้ำร่วมโครงกำร จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของ ท่ำนที่มีต่อโครงกำรนี้ • พวกเรำขออนุญำตอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้ จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ จำกทุกๆท่ำน แล้วพวกเรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ทุกท่ำนสำมำรถแสดง ควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก
การรับรู้เรื่องร้านคนจับปลา 1. ท่ำนรู้จักโครงกำรร้ำนคนจับปลำหรือไม่ อย่ำงไร
กรุณำอธิบำยคร่ำวๆ
2. ร้ำนคนจับปลำมีบทบำทอย่ำงไรต่อชำวประมง 3. ท่ำนคิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์อะไรบ้ำง
เมื่อโครงกำรร้ำนคนจับปลำเสร็จ สมบูรณ์ ท่ำนคิดว่ำจะทำให้เกิดกำร เปลี่ยนแปลงอะไรต่อชุมชน
ผลกระทบจากโครงการร้านคนจับปลา
ข - 61
1. รูปแบบและควำมสัมพันธ์ระหว่ำงแพปลำและชำวประมง เป็นอย่ำงไร 2. ท่ำนได้รับผลกระทบจำกร้ำนคนจับปลำหรือไม่ อย่ำงไร ข้อไหนสำคัญที่สุด
ผลกระทบมำกน้อยเพียงใด ถ้ำเป็น ผลกระทบทำงลบมีกำรรับมืออย่ำงไร เพรำะเหตุใด
3. มีชำวประมงที่สำมำรถปลดหนี้ หรือลดหนี้จำกแพปลำ หรือไม่ 4. ท่ำนรับซื้อสัตว์น้ำรำคำสูงขึ้นจำกก่อนมีโครงกำรร้ำนจับ ปลำหรือไม่ ความร่วมมือกับร้านคนจับปลา 1. ร้ำนคนจับปลำได้เข้ำมำทำงำนร่วมกับแพปลำ และ/หรือ
มีควำมร่วมมือกันหรือไม่ อย่ำงไร 2. ท่ำนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยำกรทำงทะเล
หรือไม่อย่ำงไร ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มำกมำย ขอขอบคุณท่ำนสำหรับ ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ข - 62
แนวทางการสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview) คาถามวิจัย: กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่ำงไร ใหญ่แค่ไหน กำรเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสร้ำงประโยชน์อื่นใด อีกหรือไม่ คาถามสาหรับสมาคมรักษ์ทะเลไทย และสมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ทุกท่ำนสละเวลำให้เรำในวันนี้ค่ะ • เรำมำจำกมหำวิทยำลัยเทคโนโลยีสุรนำรีและป่ำสำละ....... ตอนนี้กำลังทำโครงกำรประเมินโครงกำร ประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมและผลตอบแทนทำงสังคมจำกโครงกำรร้ำนคนจับปลำ (แนะนำตัวว่ำเป็นใครทำ อะไร) • วันนี้เรำอยำกสอบถำมว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำได้สร้ำงผลกระทบต่อชำวประมงและสิ่งแวดล้อมทำง ทะเล มำกน้อยแค่ไหน เรำขออนุญำตท่ำนอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้ เพื่อจะได้ไม่พลำดประเด็นและ ควำมคิดต่ำงๆ จำก(ทุก)ท่ำน เรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ฉะนั้นขอควำมกรุณำอย่ำเป็นกังวล อยำกให้ทุกท่ำนสบำยใจ แสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นเรำอยำกให้ทุกท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ คาถามหลัก
คาถามเจาะลึก
ผลกระทบจากโครงการร้านคนจับปลา 1. ก่อนกำรริเริ่มโครงกำรร้ำนคนจับปลำ สมำคมฯ • กรุณำอธิบำยคร่ำวๆ เคยทำโครงกำรเกี่ยวกับกำรประมงหรือกำรอนุรักษ์ - โครงกำรอะไร ทำร่วมกับองค์กรใด สิ่งแวดล้อมมำก่อนหรือไม่ - นอกเหนือจำกคนจับปลำตอนนี้ทำงำนร่วมกับ องค์กรใดอีกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำรอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเล หรือมีโครงกำรใดที่ชุมชน ริเริ่มดำเนินกำรเอง - เริ่มได้อย่ำงไร
ข - 63
2. โครงกำรร้ำนคนจับปลำเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
3. โครงกำรร้ำนคนจับปลำมีส่วนในกำรอนุรักษ์ สภำพแวดล้อมทำงทะเลของท้องถิ่นหรือไม่ อย่ำงไร 4. ร้ำนคนจับปลำมีส่วนร่วมในกำรช่วยบริหำร จัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติหรือไม่ 5. สมำคมฯ มีบทบำทอย่ำงไรในโครงกำรร้ำนคน จับปลำ 6. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำเสร็จสมบูรณ์จะ
• ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง สมำคมรักษ์ทะเลไทย, สมำคมสมำพันธ์ฯ และร้ำนคนจับปลำเป็น อย่ำงไร (มองว่ำทั้งหมดคือกลุ่มเดียวกัน หรือ มองว่ำเป็น partner) - กิจกรรมใดที่ทำในนำมคนจับปลำ กิจกรรม ใดที่ทำในนำมสมำคม เกิดกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร ใหญ่แค่ไหน
ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงอะไรต่อชุมชน
7. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีประโยชน์ อะไรบ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด เพรำะอะไร ให้ผู้ • เกิดผลกระทบอะไรบ้ำง ถูกสัมภำษณ์ตอบเองอย่ำงอิสระ ไม่ชี้นำ • มีควำมพยำยำมแก้ไขปัญหำอย่ำงไรบ้ำง คำตอบ (เครื่องมือ Product Attribute Ranking) 8. ประโยชน์ที่เกิดขึ้นเหล่ำนี้ เป็นผลมำจำก โครงกำรอื่นที่กล่ำวมำข้ำงต้นด้วยหรือไม่ (เครื่องมือ Relative Preference Ranking) 9. คิดว่ำโครงกำรร้ำนคนจับปลำมีข้อเสีย ข้อจำกัด หรืออุปสรรคอะไรบ้ำง
สภาพสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากร 1. สภำพสิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรทำงทะเลมี กำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงไร ในรอบ 5 ปีที่ผ่ำนมำ ข - 64
- เมื่อก่อนเป็นอย่ำงไร และหลังโครงกำรร้ำนคน จับปลำเป็นอย่ำงไร สังเกตเห็นกำร
เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง (ควำมอุดมสมบูรณ์ บริเวณทะเลและชำยฝั่ง) - มีพำยุเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดบ่อยแค่ไหน
2. มีภัยธรรมชำติบ้ำงหรือไม่ 3. ในชุมชน มีกำรจัดสรรกำรใช้ทรัพยำกรอย่ำงไร 4. ชุมชนมีกติกำกำรจับสัตว์น้ำของชุมชน เช่น กำรสอดส่องกำรประมงที่ไม่ถูกต้อง 5. ชุมชนมีกำรร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยำกรหรือไม่
- สัตว์น้ำเพียงพอหรือไม่ จัดสรรอย่ำงไร - เคยเกิดควำมขัดแย้งหรือไม่ - มีกำรกำหนดกติกำหรือไม่ อย่ำงไร - มีกลุ่มอะไรบ้ำง - กลุ่มมีบทบำทและหน้ำที่อย่ำงไร - ในกำรดำเนินงำนที่ผ่ำนมำของกลุ่ม มีปัญหำ อุปสรรคอะไรบ้ำง
นอกจำกกำรร่วมกลุ่มเพื่อดูแลทรัพยำกร
ก่อนและหลังมีโครงกำรร้ำนคนจับปลำ
• เวลำว่ำงของชำวประมงเพื่อทำกิจกรรมอนุรักษ์ ที่เพิ่มขึ้น • จำนวนชำวประมง /คนในท้องถิ่นที่อนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเล เป็นอย่ำงไร
(1) ชำวประมง /คนในท้องถิ่นที่อนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเลมีจำนวนเท่ำใด เพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่ำงไร (2) จำนวนชั่วโมงที่ใช้กับงำนอนุรักษ์
• กิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทำงทะเลมำกขึ้น หรือไม่ • จำนวนครั้งในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อมทำงทะเลเพิ่มขึ้นหรือไม่ 1. จำนวนสมำชิกของสมำพันธ์เพิ่มขึ้นหรือไม่
- จำนวนสมำชิกที่เพิ่มขึ้น เมื่อเริมโครงกำรจนถึง ปัจจุบัน - จำนวนสำขำร้ำนคนจับปลำ - สัดส่วนของสมำชิกร้ำนคนจับปลำ ต่อ ชำวประมงทั้งหมด
ข - 65
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มำกมำย ขอขอบคุณท่ำนสำหรับ ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ข - 66
สัมภาษณ์ลูกค้าร้านคนจับปลา สัมภาษณ์ : ผู้บริโภครายย่อยร้านเลมอนฟาร์ม (กทม.) Outcome: ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประโยชน์ และในราคาที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดที่ 1. จำนวนผู้บริโภคที่เข้ำถึงอำหำรทะเลที่ปลอดภัยมำกขึ้น (ร้อยละของผู้ที่ตอบในเชิง บวก) 2. ผู้บริโภคมีควำมเสี่ยงด้ำนสุขภำพลดลง (ร้อยละผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ร้ำนคนจับปลำ ทดแทนผู้ผลิตอื่นที่ปลอดภัยน้อยกว่ำ) ข้อมูลทั่วไป เพศ อำยุ อำชีพ คำถำม 1 ซื้ออำหำรทะเลบ่อยแค่ไหน (บริโภคอำหำรทะเลเป็นสัดส่วนเท่ำไรของอำหำรทั้งหมด) - รับประทำนแบบปรุงสำเร็จที่ร้ำน หรือนำวัตถุดิบมำทำเอง (คิดเป็นสัดส่วนเท่ำไร เช่น ในหนึ่ง สัปดำห์บริโภคอำหำรทะเลกี่ครั้ง/จำนวนมื้อที่ประกอบด้วยเมนูอำหำรทะเล ในจำนวนนี้ทำ เองกี่มื้อ) - แล้วซื้อผลิตภัณฑ์ของร้ำนคนจับปลำคิดเป็นสัดส่วนเท่ำไรของอำหำรทะเลที่นำไปประกอบ อำหำรเอง (จำนวนมื้อ) คำถำม 2 ทำไมจึงซื้อผลิตภัณฑ์อำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ - เริ่มซื้อผลิตภัณฑ์ของคนจับปลำมำตั้งแต่เมื่อไหร่ - เคยซื้ออะไรบ้ำงจำกร้ำนคนจับปลำ คำถำม 3 (ปัจจุบัน) ถ้าไม่ ซื้อที่ร้ำนคนจับปลำ จะซื้อที่ร้ำนไหน เพรำะอะไร - ก่อนมีคนจับปลำท่ำนซื้ออำหำรทะเลจำกที่ใด (อดีต) - ท่ำนซื้อผลิตภัณฑ์ของร้ำนคนจับปลำทดแทนอำหำรทะเลของผู้ผลิตรำยอื่นหรือไม่ (แทนเจ้ำ ใด) คำถำม 4 นอกจำกร้ำนเลมอนฟำร์ม ท่ำนซื้ออำหำรทะเลจำกร้ำนคนจับปลำ โดยวิธีกำรใดบ้ำง - Line - Facebook ข - 67
- โทรศัพท์ - ไม่มี - คำถำม 5 ควำมคิดเห็นอื่นๆ เช่น อยำกให้เพิ่มจำนวนจุดขำยหรือไม่
ข - 68
ภาคผนวก ค. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม ศูนย์บริการข้อมูล มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี 1. ความเป็นมาของกิจการ/โครงการเพื่อสังคม “มูลนิธิพระมหำไถ่เพื่อกำรพัฒนำคนพิกำร” เป็นองค์กรสำธำรณะประโยชน์ จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2543 โดยบำทหลวงเรย์มอนด์ เบรนเนน ภำยใต้กำรจัดกำรของมูลนิธิคุณพ่อเรย์โดยกลุ่มเป้ำหมำยหลักคือผู้พิกำร มี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริ มและพัฒ นำคุณภำพชีวิตผู้ พิกำร ด้วยควำมเชื่อว่ ำหำกผู้ พิกำรมีศักยภำพ มีอำชีพ เหมำะสมและหำเลี้ยงชีพได้นั่นคือกำรดำรงชีพอย่ำงยั่งยืน ภำรกิจหลักของทำงมูลนิธิฯ ประกอบไปด้วย กำรส่งเสริมอำชีพ กำรพิทักษ์สิทธิ์ กำรศึกษำวิจัยและ รวบรวมข้อมูล ทำงกฎหมำย กำรสร้ ำงเจตนำรมณ์ เชิง สร้ำ งสรรค์ และกำรจัดหำทุน ส ำหรับผู้ พิ ก ำร โดย ดำเนิ น กำรผ่ ำนทั้ง โรงเรี ย นอำชีว ะพระมหำไถ่ ในหลั กสู ตรงำนด้ำ นเทคโนโลยีและกำรจัด กำรธุรกิ จ ภำค ภำษำอังกฤษ ศูนย์พัฒนำกำรเด็กพิเศษ (เด็กออทิสติก เด็กดำวน์ซินโดรม และเด็กพิกำรในวัยเยำว์) ศูนย์จัดหำ งำนเพื่ อ เตรี ย มควำมพร้ อ มด้ ำ นกำรประกอบอำชี พ ทั้ ง ในสถำนประกอบกำรและส่ ง เสริ ม ให้ ผู้ พิ ก ำรเป็ น ผู้ประกอบกำร นอกจำกนี้ มู ล นิ ธิ ยั ง มี ห น่ ว ยธุ ร กิ จ 6 ธุ ร กิ จ ที่ ร องรั บ กำรประกอบอำชี พ ของผู้ พิ ก ำร ซึ่ ง ทดลอง ดำเนินงำนภำยใต้กรอบแนวคิด “กิจกำรเพื่อสังคม” เป็นกำรปรับรูปแบบกำรดำเนินกำรเพื่อช่วยแก้ไขปัญหำ กำรระดมทุ น ของมู ล นิ ธิ ฯ ประกอบด้ ว ย 1) ศู น ย์ บ ริ ก ำรอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ค รบวงจร ( IT Center) 2) ศูนย์ให้บริกำรข้อมูลทำงโทรศัพท์ (Call Center) 3) กำรให้บริกำรโรงแรมและห้องสัมมนำ (Hotel) 4) ร้ำน ขำยและรั บ ส่ ง ขำยเบเกอรี่ (Friend’s café) 5) ตลำดกลำงสิ น ค้ ำ ผู้ พิ ก ำร (Market Outlet) และ 6) ร้ำนขำยสินค้ำมือสอง (Ray’s Secondhand Shop หรือ Fr. Green Recycle เดิม) ศูนย์บริกำรข้อมูล (Outsourcing Contact Center หรือ OCC) จัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2558 ซึ่งพัฒนำต่อ ยอดมำจำก Ray Call Center ในโครงกำรพัฒนำหน่วยธุรกิจเพื่อสร้ำงควำมยั่งยืนทำงด้ำนกำรเงินให้กับมูลนิธิ ฯ ซึ่งเริ่ มต้น มำตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 ร่ ว มกับ ส ำนักงำนกองทุนสนับสนุนกำรสร้ำงเสริมสุ ขภำพ (สสส.) และ สำนักงำนกิจกำรเพื่อสังคม (สกส.) ศูนย์บริกำรข้อมูล OCC ให้บริกำรตอบรับทำงโทรศัพท์ (Call Center) จำก ผู้พิกำร ผู้ด้อยโอกำส และบุคคลทั่วไปที่ต้องกำรหำรำยได้เสริมที่ผ่ำนกำรอบรมและฝึกทักษะกำรให้บริกำรคอล ค-1
เซ็นเตอร์ที่ได้มำตรฐำนจำก Thailand Call Center Academy โดยมีโครงสร้ำงธุรกิจรองรับลูกค้ำทั้งภำครัฐ และเอกชนตำมแผนภำพด้ำนล่ำง
โครงสร้างธุรกิจรองรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน
วัตถุประสงค์ของโครงกำร 1) เพื่อเป็นกำรส่งเสริมอำชีพ และพัฒนำทักษะกำรทำงำนของผู้พิกำร เพื่อสำมำรถไปดำเนินกำรเป็น อำชีพได้ในอนำคต 2) เพื่อเป็นศูนย์กลำงกำรให้บริกำร Call Center ที่เอกชนสำมำรถเข้ำมำใช้บริกำรได้ 3) เพื่อเป็นกำรสร้ำงเครือข่ำยในกำรเพิ่มรำยได้เพื่อแบ่งเบำค่ำใช้จ่ำยของมูลนิธิ 4) เพื่อเป็นศูนย์กลำงในกำรให้บริกำรข้อมูล รับเรื่องร้องเรียน และประชำสัมพันธ์ของหน่วยงำนมูลนิธิ ในเครือ
ค-2
ปัจจุบันศูนย์บริกำรข้อมูลมีพนักงำนในพื้นที่มูลนิธิฯ ทั้งหมดประมำณ 70 คน โดยทำงมูลนิธิฯ จะดูแล จัดกำรเรื่องสถำนที่และระบบกำรทำงำน ตัวอย่ำงองค์กรลูกค้ำได้แก่ บริษัท แอดวำนซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหำชน) ร่วมเปิดศูนย์ปฏิบัติกำรคอลเซ็นเตอร์ของเอไอเอส บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วม เปิดศูนย์บริกำรลูกค้ำเพำเวอร์บำยและโฮมเวิร์ค ทำงมูลนิธิฯ มีแผนงำนพัฒนำระบบที่สำมำรถรองรับให้ผู้ พิ ก ำรและผู้ ด้ อ ยโอกำสสำมำรถปฏิ บั ติ ห น้ ำ ที่ ไ ด้ ณ ที่ พั ก ของตนเองได้ โ ดยไม่ ต้ อ งออกนอกบ้ ำ น (Agent Working at Home) ช่วยแก้ปัญหำเรื่องกำรเดินทำงที่ไม่สะดวก
2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ มูล นิ ธิพระมหำไถ่เ พื่ อ กำรพัฒ นำคนพิ ก ำร เป็นองค์กรหนึ่ งที่ จัด ได้ว่ ำเป็น กิ จ กำรเพื่ อ สั ง คม ซึ่ง มี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพชีวิตผู้พิกำร ซึ่งกำรดำเนินกำรอยู่ภำยใต้แนวควำมเชื่อว่ำ “หำกผู้ พิกำรมีศักยภำพ มีอำชีพเหมำะสมและหำเลี้ยงชีพได้นั่นคือกำรดำรงชีพ อย่ำงยั่งยืน” โดยภำรกิจหลักของทำง มูลนิธิฯ เป็นดังนี้ • กำรส่งเสริมอำชีพ กำรพิทักษ์สิทธิ์ กำรศึกษำวิจัยและรวบรวมข้อมูลทำงกฎหมำย • กำรสร้ำงเจตนำรมณ์เชิงสร้ำงสรรค์ • กำรจัดหำทุนสำหรับผู้พิกำร โดยในกำรศึกษำนี้จะเน้นกำรศึกษำในภำรกิจข้อที่ 1 ด้ำนกำรส่งเสริมอำชีพผู้ พิกำร ภำยใต้โครงกำร จัดตั้งศูนย์บริกำรข้อมูล มูลนิธิพระมหำไถ่เพื่อกำรพัฒนำคนพิกำร (Outsourcing Contact Center หรือเรียก อย่ำงย่อว่ำ OCC) ในกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมของโครงกำรฯ จะเริ่มจำกกำรวิเครำะห์ผู้มีส่วนได้เสียของโครงกำรฯ (Stakeholders) กำหนดขอบเขตกำรวิ เครำะห์ ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) และห่วงโซ่ ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) ตัวชี้วัดที่เหมำะสม (Indicators) และกรณีฐำน (Base Case Scenario) ซึ่ง ได้ข้อมูลกำรวิเครำะห์หลักมำจำกกำรศึกษำเอกสำร (Documentary Research) และกำรสัมภำษณ์เชิงลึก (In depth –interview) ผู้ก่อตั้ง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่ำงๆ สำหรับกำรวิเครำะห์คำว่ำ ผลลัพธ์ทำงสังคมของโครงกำรฯ จะพิจำรณำจำกคุณค่ำทำงสังคมที่เกิดจำก กำรดำเนินงำนของกิจกำร ซึ่งสอดคล้องกับควำมต้องกำรของกลุ่มเป้ำหมำย และพันธกิจของกิจกำร กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 1.2(Stakeholders)
ค-3
กำรวิเครำะห์กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงกำรจัดตั้งศูนย์บริกำรข้อมูล Outsourcing Contact Center มู ล นิ ธิ พ ระมหำไถ่ เ พื่ อ กำรพั ฒ นำคนพิ ก ำร จะเป็ น กำรพิ จ ำรณำบุ ค คลหรื อ องค์ ก รที่ เ กิ ด กำร เปลี่ยนแปลง จำกกำรดำเนินงำนของกิจกำรเพื่อสังคม รวมทั้งผู้ที่เป็น พันธกิจทำงสังคมของกิจกำรด้วย ซึ่งใน กำรพิจำรณำกำรเปลี่ยนแปลงจะมุ่งเน้นกำรเปลี่ยนแปลงทำงตรงเป็นสำคัญ เนื่องด้วยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะ สำมำรถอธิบำยกำรเปลี่ยนแปลงทำงสังคมได้อย่ำงถูกต้องมำกที่สุด สำหรับโครงกำรฯ ในกำรพิจำรณำของผู้วิจัยจะประกอบไปด้วย 7 กลุ่ม อันได้แก่ ผู้พิกำร ครอบครัวผู้ พิกำร กลุ่มลูกค้ำผู้ใช้บริกำร OCC ผู้สอนงำน/หรือผู้ควบคุม ผู้สร้ำงระบบ บริษัท Call Center อื่นๆ และ หน่วยงำนภำครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำรช่วยเหลือผู้พิกำร
แต่เมื่อทำกำรพิจำรณำผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่จะได้รับกำรเปลี่ยนแปลงทำงตรงจำกโครงกำรฯ จะจำกัดเหลือ เพียงแค่ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผู้พิกำร เป็นผู้รับกำรเปลี่ยนแปลงโดยตรงจำกโครงกำรฯ เนื่องด้วยเป็นกลุ่มพนักงำนของ OCC และเป็นกลุ่มพันธกิจหลักของกิจกำรเพื่อสังคม 2) ครอบครัวของผู้พิกำร เป็นผู้รับกำรเปลี่ยนแปลงโดยตรงจำกโครงกำรฯ เนื่องด้วยเป็นกลุ่มผู้ดูแลผู้ พิกำร และเป็นผู้เกื้อหนุนทำงรำยได้และจิตใจแก่ผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC โดยตรง 3) บริษัทที่จ้ำงงำน Call Center (ลูกค้ำ) เป็นผู้รับกำรเปลี่ยนแปลงโดยตรงจำกโครงกำรฯ เนื่อ งด้วย เป็ น ผู้ จ้ ำงงำน OCC และเป็ น ผู้ ม อบหมำยหน้ ำ ที่ กำรท ำงำน รำยได้ และกำรจุน เจื อ ทั้ งทำงตรง/ ทำงอ้อม แก่ผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC โดยสำมำรถแสดงให้เห็นกำรวิเครำะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงกำรฯ ดังแสดงในตำรำง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการฯ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ของโครงการฯ ผู้พิกำร ครอบครัวผู้พิกำร
ลักษณะความสัมพันธ์กับ เป็นผู้รับการเปลี่ยนแปลง โครงการฯ (Participation) โดยตรงหรือไม่ (ใช่ Y/ ไม่ใช่ N) พนักงำน OCC/ กลุ่มพันธกิจ Y หลักของกิจกำรเพื่อสังคม ผู้เกื้อหนุนทำงรำยได้ และจิตใจ Y แก่ผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC ค-4
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ของโครงการฯ บริษัทที่จ้ำงงำน Call Center (ลูกค้ำ) ผู้สอน (Call Center Thailand Academy) /ผู้ ควบคุมงำน (Supervisor) ผู้วำงระบบ Call Center (CMS)
ลักษณะความสัมพันธ์กับ โครงการฯ (Participation)
เป็นผู้รับการเปลี่ยนแปลง โดยตรงหรือไม่ (ใช่ Y/ ไม่ใช่ N)
ผู้จ้ำงงำน OCC
Y
ผู้สอนงำนผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC
N
ผู้วำงระบบโครงข่ำยกำรทำงำน OCC ผู้จ้ำงงำนผู้พิกำรที่บำงส่วนรับมำ บริษัท Call Center อื่นๆ จำกOCC หน่วยงำนภำครัฐ อำทิ กรมส่งเสริมและพัฒนำ คุณภำพชีวิตผู้พิกำร (พก.)/ ผู้กำหนดกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง/ กระทรวงกำรพัฒนำสังคม ดูแล กำรจ้ำงงำนผู้พิกำร และควำมมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ผู้ส่งเสริมให้ผู้พิกำรไทยสำมำรถ สมำคมผู้ประกอบกิจกำร เลี้ยงชีพได้ด้วยตนเองหรือเป็น เพื่อสังคมเพื่อผู้พิกำร เจ้ำของกิจกำรได้
N N
N
N
กำรวิเครำะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้ผู้วิจัยสำมำรถกำหนดขอบเขตกำรวิเครำะห์ผลลัพธ์ทำงสังคม ของโครงกำรฯ ได้อย่ำงถูกต้อง และเหมำะสม โดยจะนำผลกำรวิเครำะห์นี้ไปศึกษำควบคู่กับกำรลงพื้นที่สำรวจ เพื่อให้เกิดกำรพิจำรณำภำพผลลัพธ์ทำงสังคมที่แท้จริงของโครงกำรฯ 2.2 กำหนดขอบเขตกำรวิเครำะห์ กำรกำหนดขอบเขตกำรวิเครำะห์ผลกระทบทำงสังคม จะครอบคลุมกลุ่มมีผู้ส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับ กำรเปลี่ยนแปลงโดยตรงทั้ง 3 กลุ่มอันได้แก่ ผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC ครอบครัวผู้พิกำรที่ยังคงทำงำนใน OCC และบริษัทที่จ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) เมื่อทำกำรพิจำรณำจำกบริษัทที่จ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) นั้น ทำงผู้วิจัยพบว่ำ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงกำรฯ จนกระทั้งถึงปัจจุบัน มีหลำกหลำยบริษัทฯได้เข้ำร่วมกำรจ้ำงงำนกับโครงกำรฯ แต่จะมีลักษณะที่แตกต่ ำงกัน โดยในบำงบริษัทฯ จะมีกำรจัดจ้ำงงำนในลักษณะที่มีแผนงำน มีกำรตั้งศูนย์ กำรดำเนินกำรเป็นสัญญำ และมี ค-5
ควำมต่อเนื่องในกำรทำงำน ในขณะที่บำงบริษัทฯ จะมีกำรจัดจ้ำงงำนแบบครั้งครำว หรือเป็นโครงกำรย่อย เท่ำนั้น ในกำรศึกษำนี้จะมีขอบเขตกำรศึกษำในกลุ่มบริษัทที่จ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) ที่เป็นแบบแรกเท่ำนั้น โดย มุ่งเน้นกำรศึกษำโครงกำรฯ ที่เกิดจำกบริษัทฯ ที่มีแผน/สัญญำกำรจ้ำงงำนกับ OCC อย่ำงต่อเนื่อง อันได้แก่ 1) บริษัท แอดวำนซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (AIS) 2) บริษัท เพำเวอร์บำย จำกัด (POWERBUY) 3) บริษัท กรุงไทย-แอกซ่ำ ประกันชีวิต จำกัด 4) บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหำชน) (FWD) สำหรับโครงกำรฯ จะมีกำรสัมภำษณ์ และประชุมกลุ่มย่อย ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเน้นกำร สัมภำษณ์ในกลุ่มผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC อย่ำงไรก็ดี คณะผู้วิจัยมีสมมุติฐำนในกำรดำเนินงำนวิจัยในด้ำน ระยะเวลำกำรทำงำนของผู้พิกำร มีผลต่อผลลัพธ์ทำงสังคมที่โครงกำรฯ ดำเนินกำร ดังนั้น จึงมีกำรแยกผลกำร วิเครำะห์ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตำมระยะเวลำกำรทำงำนด้วย โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะกำรทำงำนช่วงต้น เป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ทำงำนกับ OCC น้อยกว่ำหรือเท่ำกับ 1 ปี 2) ระยะกำรทำงำนช่วงกลำงและปลำย เป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ทำงำนกับ OCC มำกกว่ำ 1 ปี สำหรับกำรเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินกำรโดยวิธีกำรสัมภำษณ์ และประชุมกลุ่มย่อย เพื่อให้ได้ควำมคิด เห็นในกำรวิเครำะห์ผลสำเร็จของโครงกำรฯ ตำมมุมมองของทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง ) ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง 3.2Theory of Change) และห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) กำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม จะเน้นกำรวัดสิ่งที่ “เปลี่ยนแปลง” ในช่วงเวลำหนึ่ง ดังนั้นในกำรศึกษำ นี้จะกำหนดช่วงเวลำในกำรวิเครำะห์กำรเปลี่ยนแปลง คือ กำรที่ผู้พิกำรมำทำงำนภำยใต้ OCC สำหรับกำรศึกษำนี้จะนำกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำว ไปสร้ำงเป็นทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง ตลอดจนกำร พิจำรณำห่วงโซ่ผลลัพธ์จำกกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำว สำมำรถอธิบำยได้ดังนี้ 2.3.1 ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) จำกมุมมองของกำรเปลี่ยนแปลงหำกผู้พิกำรมำทำงำนภำยใต้ OCC จะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงใน ลักษณะที่จะมีอำชีพที่มั่นคงมำกขึ้น โดยควำมหมำยของอำชีพที่มั่นคงประกอบด้วยองค์ประกอบต่ำงๆ ได้แก่ ควำมเจริญก้ำวหน้ำในสำยอำชีพ (Career path) รำยได้ที่เพิ่มขึ้น (Income) ลดกำรพึ่งพำของครอบครัว ดัง แสดงรำยละเอียดในตำรำง
ค-6
ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงของโครงการฯ ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change)
ผลลัพธ์แยกตำมองค์ประกอบต่ำงๆ ควำมเจริญก้ำวหน้ำในสำยอำชีพ (Career path)
ผู้พิกำรมำ ถ้ำ ทำงำนภำยใต้ แล้ว OCC
มีรำยได้ (Income increasing) จะมีอำชีพที่มั่นคง
ลดภำระของครอบครัว (Reduced Family
มำกขึ้น
Burden) ลดภำระกำรเงินของครอบครัว (Household Remittance)
ผลลัพธ์แยกตำมองค์ประกอบต่ำงๆที่เกิดขึ้นในทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง จะนำมำเป็นตัวชี้วัด “กำร เปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นของกิจกำรเพื่อสังคม ซึ่งในที่นี้คือ โครงกำรฯ โดยจะมุ่งเน้นกำรวัดผลตัวชี้วัดดังกล่ำว จำกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
2.3.2 ห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) กำรดำเนินงำนเพื่อให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงตำมพันธกิจของ OCC และควำมต้องกำรของผู้ดำเนิน โครงกำรฯ ทำงผู้วิจัยได้ทำกำรสัมภำษณ์ผู้ดำเนินโครงกำรฯ และได้สรุปปัจจัยนำเข้ำ (Input) ในกำรดำเนินกำร ตำมกิจกรรมต่ำง ๆ ให้ได้ผลลัพธ์ระยะสั้นและระยะยำว ประกอบด้วย 1) กำรหำลูกค้ำ เพื่อพัฒนำงำนให้เหมำะสมแก่ผู้พิกำร 2) กำรจัดอบรมเพื่อพัฒนำคนพิกำรให้มีควำมสำมำรถหรือทักษะเพียงพอในกำรเข้ำร่วมโครงกำรฯ เพื่อขยำยจำนวนผู้พิกำรในกำรขยำยฐำนลูกค้ำใหม่ตลอดจนรักษำลูกค้ำฐำนเก่ำ 3) จัดหำผู้อบรมผู้เชี่ยวชำญเพื่อพัฒนำหลักสูตรสำหรับผู้พิกำร เพื่อให้ผู้พิกำรได้ทำงำนที่เพิ่มคุณค่ำ ส่งผลต่อโอกำสในกำรได้รำยได้ที่เพิ่มขึ้น 4) จัดหำระบบอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนกำรทำงำนของผู้พิกำร โดยที่ผ่ำนมำระบบอุปกรณ์ต่ำง ๆ ได้รับ กำรสนับสนุนผ่ำนลูกค้ำที่จ้ำงงำน OCC
ค-7
ห่วงโซ่ผลลัพธ์ของโครงการฯ Stakeholder
Inputs งบประมำณ สนับสนุนกิจกรรม
OCC ผู้พิกำรที่เข้ำร่วม โครงกำรฯ ครูฝึกอบรมด้ำน Call Center (TCCTA)
OCC
Activities หำลูกค้ำ เช่น Job creation (Happy BD)
Outputs
Outcomes ควำมมั่นคงในสำย อำชีพ (รำยได้ที่ เพิ่มขึ้น)
มีจำนวนลูกค้ำรำย จัดอบรม ใหม่เพิ่มขึ้น และ ลดภำระ รักษำฐำนลูกค้ำเดิม ผู้พิกำรมีรำยได้ที่ พัฒนำหลักสูตร มั่นคงมำกขึ้น (รำยได้ ลดภำระกำรเงิน สำหรับผู้พิกำร ที่เพิ่มขึ้น และ/หรือ ต่อเนื่อง) Recruit พนักงำน
ระบบ/อุปกรณ์ (CMS, ลูกค้ำ) กฎระเบียบที่ เกี่ยวข้องกับกำรจ้ำง สร้ำง Career งำนผู้พิกำร path (พม., พก.) ปรับปรุง Platform เพื่อ วิธีกำร/นโยบำย รองรับผู้พิกำรที่ ไม่สำมำรถ เดินทำงได้ Knowledge ด้ำน Call Center
จำกทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง และห่วงโซ่ผลลัพธ์ สำมำรถนำไปสร้ำงตัวชี้วัดที่ผู้วิจัยจะนำไปสัมภำษณ์ผู้ ส่วนได้ส่วนเสียของโครงกำรฯ เพื่อให้สำมำรถวัดกำรเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลลัพธ์ทำงสังคม ได้ดังนี้ ) ตัวชี้วัดที่เหมำะสม 4.2Indicators) ตัวชี้วัดที่เหมำะสมในกำรประเมินผลสำเร็จของโครงกำรฯ ประกอบด้วยตัวชี้วัดทั้งในเชิงปริมำณและ เชิงคุณภำพดังต่อไปนี้ ค-8
1) ตัวชี้วัดเชิงปริมำณ • รำยได้ที่มั่นคงมำกขึ้น ประกอบด้วย o รำยได้ที่เพิ่มขึ้น หมำยถึง รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำรหลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC และ/หรือ o รำยได้ที่ต่อเนื่อง หมำยถึง กำรมีรำยได้อย่ำงต่อเนื่องของผู้พิกำรหลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC • กำรลดภำระทำงด้ำนกำรเงิน จำกครอบครัว ของผู้ พิกำร หมำยถึง ครอบครัว ลดหรือไม่ส นับสนุน ทำงด้ำนกำรเงินให้แก่ผู้พิกำร 2) ตัวชี้วัดเชิงคุณภำพ • เส้ น ทำงสำยอำชี พ ที่ ส ำมำรถพั ฒ นำในอนำคต หมำยถึ ง ต ำแหน่ ง งำนที่ ส ำมำรถด ำเนิ น งำนต่ อ นอกเหนือจำกกำรเป็นพนักงำน outbound call • กำรลดภำระของครอบครัว หมำยถึง สำมำรถดูแลช่วยเหลือตัวเองในกำรดำรงตนได้ เช่น สำมำรถ เดินทำงเองได้ กำรอยู่ได้ด้วยตนเอง จำกตัวชี้วัดข้ำงต้น สำมำรถสรุปได้ดังตำรำง ตัวชี้วัดและวิธีการเก็บข้อมูล ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย
ผลลัพธ์
ผู้พิกำร
ควำม เจริญก้ำวหน้ำ ในสำยอำชีพ
ผู้พิกำร
ผู้พิกำร
ตัวชี้วัด
ตำแหน่งงำนที่สำมำรถ ดำเนินงำนต่อ นอกเหนือจำกกำรเป็น พนักงำน outbound call รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำร มีรำยได้มั่นคง หลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC มีรำยได้อย่ำงต่อเนื่อง หลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC สำมำรถเดินทำงเองได้ กำร อยู่ได้ด้วยตนเอง ลดกำรพึ่งพำ ครอบครัว ครอบครัวลดกำรสนับสนุน ด้ำนกำรเงิน ค-9
หน่วย
วิธีกำรเก็บข้อมูล
ตำแหน่งงำน
สนทนำกลุ่ม/กำรวำง career path ของผู้ จ้ำงงำน
บำท
สัมภำษณ์/ข้อมูล เงินเดือนที่ได้รับ
จำนวนเดือน
สัมภำษณ์/ข้อมูล เงินเดือนที่ได้รับ
ได้/บำงส่วน/ ไม่ได้
สนทนำกลุ่ม
ลด/ไม่ลด
สัมภำษณ์
ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย
ผลลัพธ์
ตัวชี้วัด
หน่วย
วิธีกำรเก็บข้อมูล
ผู้พิกำร
ลดภำระ กำรเงิน
ผู้พิกำรส่งเงินแก่ครอบครัว
ส่งเงิน/ไม่ส่ง เงิน
สัมภำษณ์
กรณีฐำน 5.2 จำกกำรวิเครำะห์ตัวชี้วัด ยังไม่สำมำรถสรุปได้ว่ำผลลัพธ์ทำงสังคมที่เกิดจำกกำรทำงำนของโครงกำรฯ ได้ทั้งหมด เนื่องจำกผลลัพธ์ทำงสังคมที่เกิดขึ้นของโครงกำรฯ อำจต้องปรับลดด้วยกำรลงทุนของบุคคลหรือ องค์กรอื่นๆ (attribution) กำรเกิดขึ้นเองของผลลัพธ์แม้ไม่มีโครงกำรฯ (deadweight) และผลลัพธ์ที่ทดแทน จำกกำรยกเลิกกำรทำกิจกรรมในโครงกำรอื่นๆ (displacement) ดังนั้นในกำรศึกษำนี้จึงใช้วิธีกำรเทียบเคียง กับกรณีฐำน (Base Case Scenario) โดยสำมำรถสร้ำงกรณีฐำนที่เป็นไปได้ของโครงกำรฯ ดังแสดงตำรำง ตัวชี้วัดและกรณีฐานที่เป็นไปได้ ผลลัพธ์ทำงสังคม
ตัวชี้วัด
กรณีฐำนที่เป็นไปได้
ผู้พิกำรมีงำนทำมำกขึ้น จำนวนผู้พิกำรที่มีงำนทำ
Displacement5 -จำนวนผู้พิกำรที่มี งำนทำมำก่อนแล้ว
รำยได้มั่นคง
รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำร
Deadweight -รำยได้ที่ลดลงของผู้
หลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC
พิกำรหลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC
จำนวนผู้พิกำรที่มีรำยได้ต่อเนื่อง Deadweight -จำนวนผู้พิกำรที่มีงำน หลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC ลดกำรพึ่งพำครอบครัว จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถส่งเงิน
ประจำก่อนเข้ำร่วมงำนกับ OCC ไม่มีกรณีฐำน
กลับไปยังครอบครัวหรือไม่ต้อง รับเงินช่วยเหลือจำกครอบครัว พึ่งพำตนเองได้มำกขึ้น จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถเดินทำง Displacement -จำนวนผู้พิกำรที่มีงำน หรืออยู่ได้ด้วยตนเอง
ทำมำก่อนแล้ว
Displacement ในการศึกษานี้ ผวู ้ ิจยั มีมุมมองว่า เฉพาะผูพ้ ิการที่มีความสามารถหรื อศักยภาพในการทางานอื่น อาทิ หมอ นวด เป็ นต้น แต่เลือกทางานที่ OCC ดังนั้นจึงเปรี ยบเสมือนเป็ นการสร้างผลกระทบทางลบให้กบั อาชี พหมอนวด จึงควร คานึงถึงผลลัพธ์ทดแทนในกรณี ฐาน 5
ค - 10
ผลลัพธ์ทำงสังคม
ตัวชี้วัด
กรณีฐำนที่เป็นไปได้
ควำมก้ำวหน้ำในกำร
จำนวนผู้พิกำรที่มีควำมก้ำวหน้ำ Deadweight -จำนวนผู้พิกำรที่มีงำน
ประกอบอำชีพ
ในกำรประกอบอำชีพหลังจำก
ประจำก่อนเข้ำร่วมงำนกับ OCC
เข้ำร่วมงำนกับ OCC สรุปผลลัพธ์ทำงสังคม 6.2 ผลลัพธ์ทำงสังคมของโครงกำรฯ ประเด็น ผู้พิกำรมีงำน ทำมำกขึ้น
รำยได้มั่นคง
ลดกำรพึ่งพำ ครอบครัว
ตัวชี้วัด
กรณีฐำนที่เป็นไปได้
ผลลัพธ์ทำงสังคมจำก โครงกำรฯ จำนวนผู้พิกำรที่มีงำนทำ Displacement = 39 จำนวนผู้พิกำรมีงำนทำมำกขึ้น ทั้งหมด = คน 57 คน = 18 คน (ร้อยละ จำก 6.31 จำนวนผู้พิกำรทั้งหมดที่ทำงำน กับOCC) รำยได้ของผู้พิกำรหลังจำก Deadweight = รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำร = เข้ำร่วมงำนกับ OCC = 10,867 บำท (โดย 3,400 บำท (เฉพำะผู้พิกำรแต่ 10,083 บำท (เฉพำะผู้ เฉลี่ยเฉพำะผู้พิกำรแต่ กำเนิด) พิกำรแต่กำเนิด) ในขณะที่ กำเนิด) ก่อนเข้ำร่วม OCC = 6,683 บำท จำนวนผู้พิกำรที่มีรำยได้ Deadweight = 39 จำนวนผู้พิกำรที่มีรำยได้ ต่อเนื่องหลังจำกเข้ำ คน ต่อเนื่องหลังจำกเข้ำร่วมงำน ร่วมงำนกับ OCC = 57 กับ OCC = 18 คน (ร้อยละ คน จำกผู้พิกำรที่มีรำยได้ 6.31 ต่อเนื่องหลังจำกเข้ำร่วมงำน กับOCC) จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถ ไม่มีกรณีฐำน จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถส่งเงิน ส่งเงินกลับไปยังครอบครัว กลับไปยังครอบครัวหรือไม่ต้อง หรือไม่ต้องรับเงิน รับเงินช่วยเหลือจำกครอบครัว ช่วยเหลือจำกครอบครัว = = 22 คน (ร้อยละ จำก 6.38 22 คน จำนวนผู้พิกำรทั้งหมดที่ทำงำน กับOCC) ค - 11
ประเด็น
ตัวชี้วัด
พึ่งพำตนเองได้ จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถ มำกขึ้น เดินทำงหรืออยู่ได้ด้วย ตนเอง = คน 57
ควำมก้ำวหน้ำ จำนวนผู้พิกำรที่มี ในกำร ควำมก้ำวหน้ำในกำร ประกอบอำชีพ ประกอบอำชีพหลังจำก เข้ำร่วมงำนกับ OCC = คน 57
กรณีฐำนที่เป็นไปได้
ผลลัพธ์ทำงสังคมจำก โครงกำรฯ Displacement = 39 จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถ คน เดินทำง หรืออยู่ได้ด้วยตนเอง = 18 คน (ร้อยละ จำก 6.31 จำนวนผู้พิกำรทั้งหมดที่ทำงำน กับOCC) Deadweight = 39 จำนวนผู้พิกำรที่มี คน ควำมก้ำวหน้ำในกำรประกอบ อำชีพหลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC = 18 คน (ร้อยละ 6.31 จำกจำนวนผู้พิกำรทั้งหมดที่ ทำงำนกับOCC)
ในกำรวิเครำะห์ผลกำรดำเนินงำนของ OCC ตำมชี้วัดที่กำหนดข้ำงต้น ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูลของ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3 กลุ่มหลักได้แก่ 1) ผู้พิกำรที่เข้ำร่วมโครงกำรของ OCC 2) ครอบครัวของผู้พิกำร และ 3) บริษัทที่จ้ำงงำน OCC โดยวิธีกำรทำที่ใช้ในกำรเก็บข้อมูลประกอบด้วยกำรสัมภำษณ์ และประชุมกลุ่มย่อย สำหรับกลุ่มผู้พิกำร และกำรสัมภำษณ์สำหรับครอบครัวรวมทั้งบริษัทที่จ้ำงงำน ดังมีรำยละเอียดดังต่อไปนี้ ผลกำรสัมภำษณ์ผู้พิกำรรำยบุคคล 1.6.2 ผู้มีอำยุงำนไม่เกิน 1 ปี จำกกำรสัมภำษณ์พบว่ำ มีพนักงำนที่มีอำยุงำนไม่เกิน 1 ปีทั้งหมด 34 คน จำกสำมบริษัท คือ กรุงไทย แอกซ่ำ (22 คน) FWD (10 คน) และ Power Buy (2 คน) โดยพนักงำนของทั้งสำมบริษัทมีอำยุเฉลี่ยไม่เกิน 30 ปี และมีสัดส่วนพนักงำนชำยและหญิงใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ มีพนักงำน 4 คนของบริษัทกรุงไทยแอกซ่ำที่ไม่ได้มี ควำมพิกำรมำตั้งแต่กำเนิด รำยละเอียดดังสรุปในตำรำง ข้อมูลประชากรของพนักงานที่มีอายุงานใน OCC ไม่เกิน 1 ปี จาแนกตามกลุ่มลูกค้า OCC รายการ จำนวนพนักงำนที่ไม่พิกำร (คน)
กรุงไทย
FWD
AIS
3
0
-
ค - 12
Power Buy 0
OCC รายการ
Power
กรุงไทย
FWD
AIS
จำนวนพนักงำนที่พิกำรแต่กำเนิด (คน)
16
10
-
2
จำนวนพนักงำนที่พิกำรภำยหลัง(คน)
3
0
-
0
จำนวนพนักงำนรวมทั้งหมด (คน)
22
10
-
2
ชำย (%)
50.0%
40.0%
-
50.0%
หญิง (%)
50.0%
60.0%
-
50.0%
อำยุ (เฉลี่ย)
28.1
29.1
-
25.50
ช่วงอำยุ
19-43
23-42
-
20-31
Buy
ผู้มีอำยุงำนตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ในส่ ว นของพนั กงำนสั มภำษณ์ที่มีอำยุงำนตั้งแต่ 1 ปีขั้นไป มีจำนวน 23 คน จำกสำมบริษัท คือ กรุงไทยแอกซ่ำ AIS และ Power Buy โดยพนักงำนมีอำยุเฉลี่ยประมำณ 29-32 ปี และมีสัดส่วนพนักงำนหญิง สูงกว่ำพนักงำนชำย ยกเว้นกรุงไทยแอกซ่ำมีจำนวนพนักงำนหญิงและชำยใกล้เคียงกัน ทั้งนี้มีพนักงำนจำก AIS และ Power Buy บริษัทละ 1 ท่ำนที่ไม่ได้มีควำมพิกำรมำตั้งแต่กำเนิด ดังแสดงในตำรำง 2.8 ข้อมูลประชากรของพนักงานที่มีอายุงานเกิน 1 ปี จาแนกตามกลุ่มลูกค้า OCC รายการ จำนวนพนักงำนที่ไม่พิกำร (คน) จำนวนพนักงำนที่พิกำรแต่กำเนิด (คน) จำนวนพนักงำนที่พิกำรภำยหลัง(คน) จำนวนพนักงำนรวมทั้งหมด (คน) ชำย (%) หญิง (%) อำยุ (เฉลี่ย) ช่วงอำยุ
กรุงไทย
FWD
AIS
0 4 0 4 50.0% 50.0% 32.2 21-41
-
0 7 1 8 38% 63% 29.6 25-40
1) ประเภทงำน ค - 13
Power Buy 0 9 2 11 18.2% 81.8% 30.8 22-40
ลักษณะงำนของบริษัทกรุงไทยแอกซ่ำและ Power Buy ที่ผู้พิกำรได้รับมอบหมำยคือ งำนประเภท Outbound โดยในส่วนของบริษัทกรุงไทยแอกซ่ำ ได้แก่ กำรสอบถำมอีเมล์และแนะนำ application ของ บริษัทให้แก่ลูกค้ำ ส่วนของ Power Buy เป็นกำรแจ้งยืนยันกำรจัดส่งสินค้ำกับลูกค้ำ แต่พนักงำนที่มีอำยุงำน มำกกว่ำ 1 ปี จ ะสำมำรถรั บ สำย และตอบปัญหำ รวมถึงตำมสิ น ค้ำ ให้ ลู ก ค้ ำ ได้ ส่ ว นบริษั ท AIS เป็นงำน Inbound จะรับสำยลูกค้ำที่ต้องกำรยกเลิ กข้อควำม และ บริษัท FWD เป็นงำนประเภท Outbound โดย พนักงำนที่อำยุงำนไม่เกิน 1 ปี ทำงำนประเภท Outbound เป็นกำรอวยพรวันเกิดและแจ้งเช็คหมดอำยุ ส่วน พนักงำนที่มีอำยุงำนเกิน 1 ปี ลักษณะงานที่ผู้พิการได้รับมอบหมายในการทางานที่ OCC จาแนกตามกลุ่มลูกค้า กรุงไทย (อายุงานน้อย กว่าเท่ากับ 1 ปี) Outbound -สอบถำม E-mail -แนะนำ Application ดูแลระบบ ประสำนงำนกับ Head Office เมื่อมีปัญหำ เช่น ไม่สำมำรถดึง ข้อมูลได้
กรุงไทย อายุงานมากกว่า) 1 ปี) Outbound -สอบถำม E-mail แนะนำApplication
Powerbuy (อายุงานน้อยกว่า เท่ากับ 1 ปี) Outbound -แจ้งกำรจัดส่ง สินค้ำกับลูกค้ำ (Confirm)
Powerbuy (อายุงานมากกว่า 1 ปี) Outbound -แจ้งกำรจัดส่ง สินค้ำกับลูกค้ำ (Confirm) Inbound -รับสำย ตอบ ปัญหำ -ตำมสินค้ำให้ ลูกค้ำ ไทย-อังกฤษ 1 คน ทั้ง Outbound และ Inbound
2) ระดับกำรศึกษำ
ค - 14
AIS (อายุงานมากกว่า 1 ปี) Inbound -ยกเลิกข้อควำม *137
FWD (อายุงานน้อยกว่า เท่ากับ 1 ปี) Outbound -อวยพรวันเกิด -แจ้งเช็คหมดอำยุ
ระดับการศึกษาของผู้พิการ
%
70% 60% 50% 40% 30% 20% 10% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ประถม
9%
0%
0%
0%
13%
0%
ม.ต้น
27%
25%
50%
9%
0%
20%
ม.ปลาย
23%
0%
50%
9%
0%
0%
กศน. (ม.ต้น)
0%
0%
0%
9%
0%
0%
กศน. (ม.ปลาย)
9%
0%
0%
9%
25%
10%
อาชีวะ
14%
50%
0%
36%
63%
60%
ปวช.
0%
25%
0%
0%
0%
0%
ปวส.
5%
0%
0%
0%
0%
0%
อนุปริ ญญา
5%
0%
0%
0%
0%
0%
ป.ตรี
9%
0%
0%
27%
0%
10%
เมื่อพิจำรณำระดับกำรศึกษำของผู้พิกำรพบว่ำ ส่วนใหญ่มีกำรศึกษำระดับมัธยมศึกษำหรือเทียบเท่ำ ในสัดส่วนร้อยละ 43.86 ตำมมำด้วยระดับ ปวช ปวส อนุปริญญำ ร้อยละ ระดับปริญญำตรี ร้อยละ 35.40 พนักงำนส่วนใหญ่มีระดับกำรศึกษำสูงกว่ำกำรศึกษำเฉลี่ยของประเทศ 26.5 และประถมศึกษำ ร้อยละ 53.10 3) ก่อนทำงำนได้รับเงินจำกครอบครัวหรือไม่ การสนับสนุนทางด้านการเงินจากครอบครัวผู้พิการก่อนเข้าทางานกับ OCC 60% 50% 40%
%
30% 20% 10% 0% กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ไม่
50%
50%
0%
36%
50%
40%
ครอบครัวดูแลเรื่ องการกินอยู่ คชจ. อื่นๆ
14%
0%
50%
18%
25%
10%
ให้เป็ นรายเดือน
36%
50%
50%
45%
13%
50%
ช่วยช่วงเรี ยนหนังสื อ
0%
0%
0%
0%
13%
0%
ค - 15
ก่อนเข้ำทำงำนกับ OCC พนักงำนผู้พิกำรส่วนใหญ่ไม่ได้รับเงินจำกครอบครัวของตน โดยในส่วนของ กรุงไทยแอกซ่ำมีจำนวนร้อยละ 50 ไม่ได้รับเงินจำกครอบครัว ในส่วนที่เหลือ ได้รับเงินจำกครอบครัวเพื่อ สนับสนุนในด้ำนต่ำงๆ เป็นต้น 4) หลังทำงำนได้รับเงินจำกครอบครัวหรือไม่ จำกกำรสั ม ภำษณ์ พ บว่ ำ พนั ก งำนส่ ว นใหญ่ ข องกรุ ง ไทยแอกซ่ ำ , Power Buy และ AIS ไม่ ส่ ง เงิ น ให้ ครอบครั ว หลั งจำกเข้ำทำงำนกับ OCC ส่ ว นพนักงำนของ FWD ประมำณร้อยละ 70 ส่ งเงินให้ ครอบครัว หลังจำกเข้ำทำงำนกับ OCC เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังกำรเข้ำมำทำงำนกับ OCC พบว่ำ • มีพนักงำนของกรุงไทยแอกซ่ำที่อำยุงำนไม่เกิน 1 ปีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ที่ไม่ต้องรับเงินจำก ครอบครัว • มีพนักงำนของ Power Buy ที่มีอำยุงำนไม่เกิน 1 ปี จำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ที่ไม่ต้องรับเงินจำก ครอบครัว • มีพนักงำนของ Power Buy ที่มีอำยุงำนมำกกว่ำเกิน 1 ปี จำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 ที่ไม่ต้องรับเงิน จำกครอบครัว • มีพนักงำนของ AIS จำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ที่ไม่ต้องรับเงินจำกครอบครัว • มีพนักงำนของ FWD จำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ที่ต้องรับเงินจำกครอบครัว กำรสนับสนุนทำงด้ำนกำรเงินจำกครอบครัวผู้พิกำรหลังเข้ำทำงำนกับ OCC 100% 90% 80% 70% 60%
%
50% 40% 30% 20% 10% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ไม่
64%
50%
50%
91%
63%
30%
ส่งให้ครอบครัว
36%
50%
50%
9%
38%
70%
ค - 16
ก่อนทำงำน (5OCC เคยประกอบอำชีพมำก่อนหรือไม่ ก่อนเข้ำทำงำนกับ OCC ผู้พิกำรส่วนใหญ่เคยประกอบอำชีพมำก่อน ยกเว้นพนักงำน Power Buy ที่ มีอำยุงำนไม่เกิน 1 ปีที่ไม่เคยประกอบอำชีพมำก่อน การประกอบอาชีพของผู้พิการก่อนเข้าทางานกับ OCC 120% 100%
%
80% 60% 40% 20% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
เคย
68%
25%
0%
82%
75%
80%
ไม่เคย
32%
75%
100%
18%
25%
20%
6) (หากเคย) ทามานานเท่าใด ระยะเวลาในการประกอบอาชีพของผู้พิการก่อนเข้าทางานกับ OCC 120% 100%
%
80% 60% 40% 20% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ไม่ทราบ
40%
0%
0%
22%
0%
38%
น้อยกว่า 1 ปี
27%
0%
0%
22%
17%
38%
1-3 ปี
7%
0%
0%
33%
33%
13%
3-5 ปี
20%
0%
0%
0%
17%
13%
5 ปี ขึ้นไป
7%
100%
0%
22%
33%
0%
ค - 17
7) รำยได้อำชีพเดิม จำกกำรเก็บข้อมูลพบว่ำ พนักงำนส่วนใหญ่มีรำยได้ก่อนเข้ำทำงำนกับ OCC ไม่เกิน 10,000 บำท ทั้งนี้มีผู้พิกำรบำงท่ำนที่เคยได้รับเงินเดือนสูงกว่ำ 20,000 บำท ระยะเวลาในการประกอบอาชีพของผู้พิการก่อนเข้าทางานกับ OCC 120% 100% 80%
%
60% 40% 20% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ไม่ทราบ
13%
0%
0%
0%
17%
0%
น้อยกว่า 5000 บาท
13%
0%
0%
11%
33%
0%
5001-10000 บาท
53%
100%
0%
44%
50%
63%
10001-15000 บาท
20%
0%
0%
33%
0%
25%
15001-20000 บาท
0%
0%
0%
0%
0%
0%
20000 บาท ขึ้นไป
0%
0%
0%
11%
0%
13%
8) เหตุใดจึงเปลี่ยนอำชีพ เหตุผลที่ผู้พิกำรเข้ำมำทำงำนกับ OCC มำจำกกำรแนะนำของเพื่อน ชอบกำรเป็น Call Center กำรมี รำยได้ที่มั่นคง ไม่ชอบงำนเดิม งำนเดิมไกลจำกที่พัก มีปัญหำสุขภำพ ว่ำงงำน ส่วนเหตุผลอื่นๆ ได้แก่ รำยได้ไม่ เพียงพออยำกได้งำนและประสบกำรณ์ใหม่ ,สถำนที่ไม่อำนวยควำมสะดวก ,ใช้แรงงำนน้อยเหมำะกับผู้พิกำร , ,(เพจ ,ประกำศ) ทรำบข้อมูลจำกสื่อ ,สวัสดิกำร ,บ.ปิดตัว/ย้ำยบริษัทไล่พนักงำน ,ออกอยำกกลับมำที่พัทยำ , ทำงมหำไถ่ต้องกำรคนพูดภำษำยำวี ,มำเรียนที่โรงเรียนมหำไถ่ ,ควำมเอำใจใส่จำกองค์กร ประสบอุบัติเหตุ ,
ค - 18
เหตุผลของการตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพของผู้พิการ
%
120% 100% 80% 60% 40% 20% 0% กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
เพื่อนแนะนา
11%
0%
0%
10%
57%
0%
ชอบการเป็ น call center
17%
0%
0%
0%
14%
0%
มีสมั ภาษณ์และได้รับเลือก
6%
0%
0%
0%
0%
25%
รายได้มนั่ คง ผลตอบแทน
0%
0%
0%
10%
0%
13%
ไม่ชอบงานเดิม
0%
0%
0%
10%
0%
13%
ไกลจากที่พกั
6%
0%
0%
10%
0%
6%
ปัญหาสุขภาพ
17%
0%
0%
10%
0%
6%
ว่างงาน/ไม่มีงาน
17%
0%
0%
0%
0%
0%
อื่นๆ
28%
100%
0%
50%
29%
38%
9) (หำกไม่เคย) เหตุใดจึงเลือกทำงำนนี้ เหตุผลของผู้พิการที่ไม่เคยทางานมาก่อนเลือกทางานกับ OCC
%
90% 80% 70% 60% 50% 40% 30% 20% 10% 0%
กรุ งไทย (<= 1 Y)
กรุ งไทย (> 1 Y)
Powerbuy (<= 1 Y)
Powerbuy (> 1 Y)
AIS (> 1 Y)
FWD (<= 1 Y)
ใกล้ที่พกั
0%
0%
33%
20%
25%
0%
ชอบการเป็ น call center
21%
40%
0%
0%
0%
20%
สถานที่รองรับการใช้ Wheel chair
0%
20%
67%
0%
0%
0%
ใช้แรงงานน้อย เหมาะกับคนพิการ
21%
0%
0%
20%
0%
0%
มีคนแนะนา
36%
0%
0%
0%
0%
0%
จบจากมหาไถ่ และโรงเรี ยนจัดหางานให้
14%
0%
0%
20%
0%
0%
หางานอื่นได้ยาก
0%
40%
0%
0%
0%
0%
อื่นๆ
7%
0%
0%
40%
75%
80%
เหตุผลที่ผู้พิกำรที่ไม่เคยทำงำนมำก่อน เลือกเข้ำมำทำงำนกับ OCC ได้แก่ ใกล้ที่พัก ชอบกำรเป็น Call Center สถำนที่ของมูลนิธิรองรับกำรใช้ wheel chair ลักษณะงำนใช้แรงงำนน้อย มีคนแนะนำ เรียนจบ จำกพระมหำไถ่ หำงำนอื่นได้ยำก และอื่นๆ ซึ่งได้แก่ ผู้พิกำรอำจใช้แรงไม่ได้มำกอนำคต ,ถูกครอบครัวกดดัน , ,(แท็กซี่ไม่รับ) ไม่สะดวก .กำรเดินทำงใน กทม ,ระยะยำวมั่นคงพัฒนำควำมสำมำรถ กำรพูด กำรฟัง มีสมำธิ , ,ต้องใช้เวลำฝึกฝน (นิ้ ว ขยั บ ไม่ได้ พิมพ์ช้ำ ) อยำกดูแลตัว เองได้บ้ำง ข้ำมข้อจำกัดของตัว เองด้ำนร่ำงกำย ค - 19
Powerbuy ให้โอกำสในกำรฝึกฝน ทั้งด้ำนภำษำ กำรพิมพ์อยำกมีรำยได้ แบ่ง ,บริษัทมำเปิดและได้รับเลือก , (ไม่แบ่งแยกคนปกติกับผู้พิกำร) ควำมเอำใจใส่จำกองค์กร ,เบำครอบครัว • รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำร จานวนผู้พิการที่มีรายได้จาก OCC เปรียบเทียบกับรายได้ในอดีต หน่วย คน ร้อยละ
จานวนผู้พิการที่มีรายได้จาก OCC เปรียบเทียบกับรายได้ในอดีต เคยทางานมาก่อน ไม่เคยทางานมาก่อน รายได้เพิ่มขึ้น รายได้เท่าเดิม รายได้ลดลง 18 25 6 8 6.31 9.43 5.10 0.14
จำกตำรำง สำมำรถสรุปได้ดังนี้ 31 มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ (1. ที่ไม่เคยทำงำนมำก่อน ก่อนที่จะเข้ำมำทำงำนกับ 6OCC 43 มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ (2.ที่เคยทำงำนอื่นมำก่อน และมีรำยได้ 9เพิ่มขึ้นหลังจำกเข้ำมำทำงำนกับ OCC 10 มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ (3.ที่เคยทำงำนอื่นมำก่อน และมีรำยได้ 5เท่าเดิมหลังจำกเข้ำมำทำงำนกับ OCC 4) มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ ที่เคยทำงำนอื่นมำก่อน และมีรำยได้ 14ลดลงหลังจำกเข้ำมำทำงำนกับ OCC สัดส่วนของคนพิการที่มีการเปลี่ยนแปลงรายได้
14% 10%
32%
57 คน 44% ไม่ เคยทำงำนมำก่อน รำยได้เพิม่ ขึน้ (เคยทำงำนมำก่อน) รำยได้เท่ ำเดิม (เคยทำงำนมำก่อน) รำยได้ลดลง (เคยทำงำนมำก่อน)
ค - 20
จำกจำนวนผู้พิกำรร้อยละ ซึ่งมีรำยได้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับรำยได้ที่ได้รับจำก 14OCC แต่ผู้พิกำร ยังคงทำงำนอยู่ที่ OCC อันเนื่องมำจำกผู้พิกำรส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุส่งผลให้ร่ำงกำยพิกำรไม่สำมำรถทำงำน เดิมได้ เพรำะร่ำงกำยไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งยังพบปัญหำเรื่องแนวควำมคิดของเจ้ำนำย กำรปรับเปลี่ยนหัวหน้ำ งำน ทำให้ผู้พิกำรเลือกทำงำนกับ OCC ซึ่งสำมำรถทำให้ผู้พิกำรมีรำยได้ที่มั่นคง เป็นอำชีพที่เหมำะกับผู้พิกำร รวมถึงสถำนที่เอื้ออำนวยให้กับผู้พิกำร • การลดภาระทางด้านการเงินจากครอบครัวของผู้พิการ การสนับสนุนทางด้านการเงินจากครอบครัวผู้พิการ
หน่วย คน ร้อยละ
การสนับสนุนทางด้านการเงินจากครอบครัวผู้พิการ ก่อนทางานกับ OCC หลังทางานกับ OCC ไม่ได้รับเงินจาก ไม่ได้รับเงินจากครอบครัว ส่งเงินให้ครอบครัว ครอบครัว 25 10 22 9.43 5.17 6.38
จำกตำรำงสำมำรถสรุปได้ดังนี้ 1) มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ ที่ก่อนทำงำนกับ 9.43OCC ไม่ได้รับกำรสนับสนุนทำงด้ำนกำรเงินจำก ครอบครัวผู้พิกำร 17 มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ (2. ที่หลังทำงำนกับ 5OCC ไม่ได้รับกำรสนับสนุนทำงด้ำนกำรเงินจำก ครอบครัวผู้พิกำรและไม่ได้ส่งเงินให้กับครอบครัว 38 มีผู้พิกำรจำนวนร้อยละ (3. ที่หลังทำงำนกับ 6OCC ไม่ได้รับกำรสนับสนุนทำงด้ำนกำรเงินจำก ครอบครัวผู้พิกำร และยังส่งเงินให้กับครอบครัว โดยสำมำรถวิเครำะห์ในรูปกำรเปลี่ยนแปลงกำรลดภำระของทำงครอบครัว ได้ดังนี้
ค - 21
สัดส่วนของคนพิการที่มีการเปลี่ยนแปลงการพึงพิงของครอบครัว 38.60
43.86
22.81 56.14
38.60
ก่อนทางาน OCC
หลังทางาน OCC
ไม่ได้รับเงินจากครอบครัว แต่มีส่งเงินกลับบ้าน ไม่ได้รับเงินจากครอบครัว และไม่ได้ส่งเงินกลับบ้าน ได้รับเงินจากครอบครัว
จำกรูป จะเห็นกำรเปลี่ยนแปลงกำรลดภำระกำรพึ่งพิงของผู้พิกำรลงจำนวน 10 คน [ร้อยละ 17.54] จำกกำรที่ก่อนเข้ำทำงำนกับ OCC มีผู้พิกำรกว่ำกึ่งหนึ่ง [ร้อยละ 56.14] ได้รับเงินจำกทำงครอบครัว เมื่อผู้ พิกำรเข้ำทำงำนกับ OCC พบว่ำ กลุ่มคนที่ยังคงต้องได้รับเงินช่วยเหลือจำกครอบครัว ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 38.60 และยังมีผู้พิกำรบำงสำมำรถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวเพิ่มขึ้น 22 คน [ร้อยละ 38.60] • เส้นทำงสำยอำชีพที่สำมำรถพัฒนำในอนำคต ในส่วนผู้บริหำรมีกำรวำงเส้นทำงสำยอำชีพเพื่อพัฒนำพนักงำนจำกระดับปฏิบัติกำรไปสู่ตำแหน่ง Supervisor แต่ไม่มีกำรสื่อสำรที่ชัดเจนไปยังพนักงำนให้รับทรำบในเรื่องเส้นทำงสำยอำชีพ ผลของครอบครัวผู้พิกำร 2.6.2 ทีมวิจัยได้สัมภำษณ์ครอบครัวของผู้พิกำรที่ทำงำนใน OCC จำนวน 3 ท่ำน โดย 2 ใน 3 เป็นคุณแม่ (ใช้สัญลักษณ์ A,B) และอีก 1 ท่ำนเป็นสำมีของผู้พิกำร (ใช้สัญลักษณ์ C) • รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำร
ค - 22
จำกกำรสัมภำษณ์ คุณแม่ A และ B ในมุมมองของรำยได้จำกกำรทำงำน OCC สิ่งที่ตอบเหมือนกัน คือ กำรทำงำน OCC ทำให้ผู้พิกำรได้รับเงินเพิ่มขึ้น เนื่องจำกก่อนหน้ำนี้ ผู้พิกำรไม่ได้ทำงำนมำก่อน แต่สิ่งที่ ภำคภูมิใจจำกกำรสัมภำษณ์กลำยเป็นประเด็นอื่นที่คุณแม่ทั้งคู่ได้ระบุถึง “…ให้โอกาสน้องได้ทางาน จนน้องสามารถพัฒนาศักยภาพ มีความกล้า พูดจาชัด มีเพื่อนและสังคม มากขึ้น แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้…” “…ไม่เคยคาดหวังว่าลูกจะมีโอกาสได้ทางานมีเงินเดือน ไปพูดที่ไหน มีแต่ความภูมิใจ …” คุณแม่ A “…น้องสามารถดูแลตนเองได้ มีรายได้ และพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ทาให้แม่สบายใจ…” คุณแม่ B ในส่วนของคุณ C ซึ่งเป็นสำมีของผู้พิกำรที่ก่อนหน้ำทำงำนกับ OCC ได้เคยมีงำนทำก่อนหน้ำนี้แล้ว ได้ให้ควำมเห็นในเรื่องของกำรมีรำยได้ดังนี้ “...มีรำยรับเพิ่ม...” คุณ C ดังนั้นในส่วนรำยได้ที่เพิ่มขึ้นของ OCC อาจจะมองเห็นภาพได้ชัดเจนในส่วนของผู้พิการที่เพิ่งเริ่ม งานเป็นครั้งแรกกับOCC กับผู้พิการที่เปลี่ยนงานเนื่องจาก มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่กับทำงด้ำนควำมครอบครัว ของผู้พิกำรเหมือนจะไม่เป็นสำระสำคัญเท่ำกับ ศักยภาพที่ได้รับการพัฒนา ความสามารถในการเข้าสังคม และการได้รับค่าแรงเท่ากับคนปกติ เป็นความภาคภูมิใจที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เป็นหนึ่งในผลลัพธ์ทาง สังคมที่เกิดขึ้นจากกิจการเพื่อสังคม • ลดภำระทำงด้ำนกำรเงิน/ลดภำระพึ่งพิงจำกครอบครัวของผู้พิกำร จำกกำรวิเครำะห์บทสัมภำษณ์ของครอบครัวผู้พิกำร ในครอบครัวของคุณแม่ A ซึ่งต้องสนับสนุนผู้ พิกำรก่อนเข้ำทำงำน OCC ได้ กล่ำวว่ำ ผู้พิกำรมีควำมภำคภูมิใจที่สำมำรถหำรำยได้และส่งให้คุณแม่ตลอด แต่ เนื่องจำกผู้พิกำรมีค่ำใช้จ่ำยที่สูงกว่ำคนปกติ คุณแม่ยังคงสนับสนุนค่ำใช้ จ่ำยให้แก่น้อง เช่น ค่ำ PA ประมำณ 4,000 บำท/เดือน แต่ในขณะเดี ย วกั น หลั ง กำรทำงำนกั บ OCC สำมำรถภำระพึ่ง พิ งในด้ ำนกำรให้ ค วำม ช่วยเหลือดำรงตนของผู้พิกำร จำกที่ไม่เคยห่ำงพ่อแม่ สำมำรถใช้ชีวิตหรือ “ทำได้ด้วยตัวเอง” “...น้องส่งเงินให้คุณแม่ตลอด แต่จะเก็บไว้ให้น้อง...” ค - 23
“...เมื่อก่อนติดกับคุณแม่ตลอดเวลำ ไม่เคยห่ำงไปไหน เดี๋ยวนี้ไปไหนมำไหนด้วยตัวเองได้...” คุณแม่ A
ในส่วนคุณแม่ B กล่ำวว่ำหลังจำกทำงำนแล้ว ผู้พิกำรไม่ได้มีกำรขอให้ช่วยเหลือทำงกำรเงินอย่ำงไร “...ไม่มีการช่วยเหลือการเงินอย่างไร ถ้าจะมีก็นาน ๆ ที ...” คุณแม่ B คุณ C ซึ่งเป็นสำมีของผู้พิกำรที่จะบริหำรจัดกำรโดยนำเงินทั้งฝ่ำยมำรวมกัน แล้วบริหำรจัดกำรเพื่อให้ เกิดกำรใช้กำรที่เหมำะสม “...ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น ช่วยกัน ผ่อนรถ ผ่อนที่ดิน...” คุณ C ดังจะเห็นได้กำรลดภำระทำงด้ำนกำรเงินอำจจะไม่สำมำรถสะท้อนออกได้ อย่ำงชัดเจนหำกผู้พิกำรมี ค่ำใช้จ่ำยที่สูงกว่ำคนปกติ เช่น ค่ำผ้ำอ้อม ค่ำ PA แต่ภำระด้ำนพึ่งพิงในด้ำนกำรดำรงตนในสังคมอำจจะ มองเห็นได้ชัดเจนกว่ำ เนื่องจำกผู้พิกำรสำมำรถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ด้วยตนเองมำกขึ้น สรุปได้ว่ำ การรับ รายได้เท่ากับคนปกติกับค่าใช้จ่ายของผู้พิการที่มีมูลค่าที่สูงกว่าคนปกติอาจจะไม่ส่งผลให้ลดภาระทางด้าน การเงินจากครอบครัวผู้พิการได้อย่างชัดเจน แต่อาจจะสามารถลดภาระพึ่งพิงในด้านเวลาจากครอบครัว ผู้พิการได้ ที่อำจส่งผลให้ครอบครัวผู้พิกำรมีเวลำในกำรทำกิจกรรมหรือสร้ำงรำยได้อื่น ๆ ต่อไป • ภูมิใจที่คนพิกำรได้ทำงำนกับโครงกำรฯ ในกำรสัมภำษณ์กับครอบครัวผู้พิกำร 3 ท่ำน ในด้ำนเส้นทำงสำยอำชีพส่วนใหญ่ไม่ได้คำดกำรณ์หรือ วำงแผนเส้นทำงสำยอำชีพ แต่ภูมิใจที่ได้ทำงำนกับ OCC ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ “…OCC ป้อนงานให้ตรงประเด็นตามความสามารถของน้อง ทาให้น้องภูมิใจ...” คุณแม่ A “…อาชีพ Call Center มั่นคงและเหมาะสมมาก...” คุณแม่ B “…เป็นงานที่เหมาะสมกับผู้พิการ...” ค - 24
คุณ C จึงสำมำรถสรุปได้ว่ำ เส้นทำงสำยอำชีพที่สำมำรถพัฒนำในอนำคตของผู้พิกำรในโครงกำรฯ ยังคงไม่ เห็นผลชัดเจน เนื่องจากการสื่อสารทางด้านเส้นทางสายอาชีพในหน่วยงาน แต่จะเป็นประเด็นในส่วนของ กำรสร้ำงงำนที่เหมำะสมกับผู้พิกำร ทำให้ผู้พิกำรสำมำรถทำงำนและดำรงตนในสังคมได้อย่ำงภำคภูมิใจ • มีควำมเชื่อมั่นใจตนเอง ในด้ำนควำมเชื่อ มั่น ในตนเองของผู้ พิ ก ำรกำรพั ฒ นำหลั ง จำกกำรเข้ำ OCC อำจจะแตกต่ำ งตำม ประสบกำรณ์ทำงำน คุณแม่ A และคุณแม่ B ซึ่งผู้พิกำรเริ่มทำงำนกับ OCC เป็นงำนแรก จึงมองเห็นถึงควำม เชื่อมั่นใจตนเองของผู้พิกำรที่เพิ่มมำกขึ้นอย่ำงมีนัยสำคัญ ดังได้ระบุไว้ต่อไปนี้ “...น้องมีความภูมิใจในตัวเองและภูมิใจที่เขาเข้มแข็งขึ้น...” คุณแม่ A “…เป็นผู้ใหญ่ขึ้น กล้าแสดงออกและเข้าสังคมมากขึ้น...” คุณแม่ B ในส่วนของคุณ C นั้นเนื่องจำกผู้พิกำรได้เคยทำงำนมำก่อน สะท้อนในควำมเชื่อมั่นในตนเองที่เพิ่มขึ้น จำกกำรที่ได้รับค่ำแรงเท่ำกับคนปกติ “...ภูมิใจได้รับค่าแรงเท่ากับคนปกติ...” คุณ C จำกข้อค้น พบสำมำรถสรุป ได้ว่ำ กำรมีควำมมั่นใจในตนเองของผู้ พิกำร เป็น ผลลัพธ์ ทางสังคมที่ เกิดขึ้นของกิจการเพื่อสังคม จำกโครงกำรฯ ผลของบริษัทผู้จ้ำงงำน 3.6.2 สำหรับบริษัทผู้จัดจ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) ทำงทีมวิจัยได้ดำเนินกำรสัมภำษณ์ เพื่อพิจำรณำผลลัพธ์ของ ตัวชี้วัดที่สำมำรถประเมินได้ กำรสัมภำษณ์ได้กระทำใน 2 กลุ่มบริษัทฯที่จัดจ้ำง OCC ได้แก่ บริษัทประกันภัย (1แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดจ้ำงงำน OCC (ใช้สัญลักษณ์ D) บริษัทประกันภัยแห่งที่สอง ซึ่งเป็นผู้จัดจ้ำงงำน (2OCC (ใช้สัญลักษณ์ E) 3) บริษัทโทรศัพท์เพื่อกำรสื่อสำรแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดจ้ำงงำน OCC (ใช้สัญลักษณ์ F) ค - 25
4) บริษัทอุปโภคและบริโภคแห่งหนึ่ง (ใช้สัญลักษณ์ G) โดยได้ผลกำรสัมภำษณ์สรุปตำมประเด็นตัวชี้วัดดังนี้ • รำยได้ที่เพิ่มขึ้น/มั่นคงของผู้พิกำร จำกกำรวิเครำะห์บทสัมภำษณ์ของบริษัทผู้จัดจ้ำงงำน พบว่ำ ทุกบริษัทฯ ได้มีกำรใช้หลักเกณฑ์กำรจ่ำยค่ำจ้ำง ในกลุ่มผู้พิกำรเทียบเท่ำคนปกติในตำแหน่งเดียวกัน และตำมควำมสำมำรถของผู้พิกำร “...บริษัทฯ ได้ใช้มำตรฐำนเดียวในด้ำนค่ำจ้ำงและสวัสดิกำร จำกทั้งพนักงำนที่เป็นผู้พิกำร และพนักงำนปกติ...” บริษัทผู้ว่าจ้าง E “...กำรจ้ำงผู้พิกำรเอง จะใช้เกณฑ์กำรจ่ำยเงินเดือน สวัสดิกำรเหมือนพนักงำนทั่วไป...” บริษัทผู้ว่าจ้าง D “...บริษัทฯ มีมำตรฐำนเหมือนคนปกติ ทั้งผลงำน คุณภำพงำน เงินเดือน สิทธิพิเศษ สิทธิประโยชน์ สวัสดิกำร...” บริษัทผู้ว่าจ้าง F “...บริษัทฯ ใช้เกณฑ์กำรทำงำนเหมือนพนักงำนปกติ องค์กรไม่คิดว่ำเป็นผู้พิกำร แต่คิดว่ำเป็นพนักงำนคนหนึ่ง...” บริษัทผู้ว่าจ้าง G แต่ในมุมมองพนักงำนผู้พิกำรที่ได้รับโอกำสในกำรทำงำนเพิ่มขึ้นนั้น บริษัทผู้ จัดจ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) ทั้งสี่รำยเห็นตรงกันถึงประโยชน์ในกำรได้รับกำรจ้ำงงำนที่มีควำมมั่นคง และมีรำยได้ที่ต่อเนื่องของผู้ พิกำร รวมทั้งเป็นกำรเปิดโอกำสในกำรทำงำนรูปแบบที่หลำกหลำยมำกขึ้นด้วย “ผู้พิกำรมีรำยได้ที่มั่นคง ซึ่งแต่เดิมอำจมีรำยได้ แต่ไม่มั่นคง...” บริษัทผู้ว่าจ้าง A “...กำรจ้ำงงำนกับ OCC เป็นกำรเปิดโอกำสให้แก่คนพิกำร...” บริษัทผู้ว่าจ้าง E ค - 26
ดังนั้น อำจสำมำรถสรุปได้ว่ำ รำยได้ที่เพิ่มขึ้น/มั่นคงจำกมุมมองของบริษัทผู้จัดจ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) ต่อโครงกำรฯ สามารถสร้างผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการเพื่อสังคมได้อย่ำงเหมำะสม รวมทั้งเป็นโอกำสและ ทำงเลือกในกำรสร้ำงรำยได้ให้แก่ผู้พิกำรในพื้นที่เป็นสำคัญ • ลดภำระทำงด้ำนกำรเงิน/ลดภำระพึ่งพิงจำกครอบครัวของผู้พิกำร จำกกำรวิเครำะห์บทสัมภำษณ์ของบริษัทผู้จัดจ้ำงงำน พบว่ำ ผู้พิกำรในโครงกำรฯ บำงส่วน สำมำรถ ช่วยเหลือตนเองได้มำกขึ้น มีกำรนำเงินค่ำจ้ำงบำงส่วนส่งกลับไปให้บิดำ/มำรดำของตน รวมทั้งเสียภำษีอันเป็น กำรแสดงถึงกำรลดภำระทำงสังคมได้อย่ำงชัดเจน “...น้องเค้ำเดิมต้องมีคุณแม่ดูแลตลอดเวลำ ไม่สำมำรถหำเลี้ยงตนเองได้ แต่ตอนนี้มำทำงำน เค้ำนำเงินที่ได้กลับไปให้คุณแม่...” บริษัทผู้ว่าจ้าง E
“...ผู้พิกำรจะไม่เป็นภำระกับสังคมอีกต่อไป และเป็นผู้ให้ด้วย เพรำะผู้พิกำรต้องเสียภำษีตำมปกติ และยังสำมำรถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วยเช่น เลี้ยงดูพ่อแม่...” บริษัทผู้ว่าจ้าง F จำกข้อค้นพบสำมำรถสรุปได้ว่ำ กำรลดภำระทำงด้ำนกำรเงิน/ลดภำระพึ่งพิงจำกครอบครัวของผู้ พิกำร เป็นผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นของกิจการเพื่อสังคม จำกโครงกำรฯ • มีเส้นทำงสำยอำชีพที่สำมำรถพัฒนำในอนำคต จำกกำรสัมภำษณ์ พบว่ำ แม้บริษัทผู้จัดจ้ำงงำน OCC (ลูกค้ำ) มิได้เป็นผู้กำหนดเส้นทำงสำยอำชีพ ให้กับผู้พิกำรในโครงกำรฯ โดยตรง แต่จะมีกำรเพิ่มลักษณะหน้ำที่กำรทำงำน อำทิ จำกเดิมมีกำรให้ทำงำนใน ลักษณะ outbound รวมทั้งเพิ่มเติมให้โทรศัพท์สอบถำมข้อมูลลูกค้ำ (อีเมล์) หรือโทรศัพท์อวยพรวันเกิด ลูกค้ำเพิ่มมำกขึ้น อีกทั้งยังมีกำรฝึกอบรมเพิ่มทักษะอย่ำงเหมำะสมด้วย “...บริษัทฯ ให้ทำงพนักงำนที่ OCC โทร outbound เป็นหลัก แต่ก็ให้โทรขออีเมล์เพิ่มขึ้น...” บริษัทผู้ว่าจ้าง D “...ทำงบริษัทฯ ให้น้องๆเค้ำโทรไปสวัสดีวันเกิดแก่ลุกค้ำ เป็นวิธีกำรใหม่ที่พึ่งเริ่มดำเนินกำร...” ค - 27
บริษัทผู้ว่าจ้าง E “...มีโอกำสพัฒนำเป็น supervisor สอนน้องๆ คุมน้องๆ มี career path ในสำยวิชำชีพนั้นๆ...” บริษัทผู้ว่าจ้าง F “...Call Center จะโตไปพร้อมธุรกิจ ...หำกสำมำรถพัฒนำคนพิกำรได้ และผู้พิกำรมีศักยภำพเพียงพอ องค์กรยินดีสนับสนุน...” บริษัทผู้ว่าจ้าง G โดยสรุป อำจกล่ำวได้ว่ำ เส้นทำงสำยอำชีพที่สำมำรถพัฒนำในอนำคตของผู้พิกำรในโครงกำรฯ เป็น ผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นของกิจการเพื่อสังคม แต่อำจต้องมุ่งเน้นกำรพัฒนำทักษะของผู้พิกำรที่สอดคล้อง กับลักษณะงำน ภำยใต้ข้อจำกัดอย่ำงเหมำะสมด้วย • เพิ่มควำมเชื่อมั่นใจตนเองของผู้พิกำร จำกกำรสัมภำษณ์บริษัทฯ ผู้ว่ำจ้ำงทั้งสอง พบควำมมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของผู้พิ กำรใน OCC จำกกำรที่ ผู้แทนทั้งสองบริษัทฯ ได้เข้ำไปติดต่อ พูดคุย และอบรมกำรจ้ำงงำน โดยกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวเกิดขึ้นทั้งต่อ ตัวพิกำรใน OCC และพนักงำนของบริษัทฯผู้ว่ำจ้ำงที่ทำกำรติดต่อ
“...สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ น้องที่ติดต่อเค้ำทำงำนมีควำมสุขขึ้น พอทรำบว่ำจะติดต่อประสำนงำน หรือทำ กิจกรรมที่มูลนิธิมหำไถ่ ดูเค้ำมีควำมกระตือรือร้น...” บริษัทผู้ว่าจ้าง D “...แววตำของน้ อ งๆที่ ท ำงำนมู ล นิ ธิ ม หำไถ่ มี สุ ข ขึ้ น มั่ น ใจจำกกำรได้ ท ำประโยชน์ เ พิ่ ม ขึ้ น นอกเหนือจำกเป็นภำระของคนที่บ้ำน...” บริษัทผู้ว่าจ้าง E “...ผู้พิกำรมีควำมสุขขึ้น และมองว่ำชีวิตมีควำมหมำยมำกขึ้น เพรำะบำงคนไม่ได้พิกำรแต่กำเนิด ... โดยโครงกำรที่องค์กรไปมีส่วนช่วยผู้พิกำร จะทำให้ผู้พิกำรเห็นว่ำ ถ้ำเข้มแข็งพอ ชีวิตก็จะเปลี่ยน...” บริษัทผู้ว่าจ้าง G “...พอให้โอกำสกลุ่มคนเหล่ำนี้แล้ว ชีวิตเปลี่ยนแปลง อยู่กับครอบครัว มีควำมภำคภูมิใจในตัวเอง ค - 28
และเป็นแบบอย่ำงให้กับผู้พิกำรรำยอื่นๆ...” บริษัทผู้ว่าจ้าง F จำกข้อค้น พบสำมำรถสรุป ได้ว่ำ กำรมีควำมมั่นใจในตนเองของผู้ พิกำร เป็น ผลลัพธ์ ทางสังคมที่ เกิดขึ้นของกิจการเพื่อสังคม จำกโครงกำรฯ
บทสรุปและข้อเสนอแนะ .3 กำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมของศูนย์บริกำรข้อมูล (OCC) มูลนิธิพระมหำไถ่เพื่อพัฒนำคนพิกำร ได้ ดำเนินกำรภำยใต้กรอบทฤษฎีกำรเปลี่ยนกำร (Theory of Change) ที่กำหนดว่ำ “ถ้ำผู้พิกำรมำทำงำนภำยใต้ OCC แล้ว จะมีอำชีพที่มั่นคงมำกขึ้น” โดยวัดหรือประเมินผลสำเร็ของโครงกำรประกอบด้วยตัวชี้วัดต่ำง ๆ ที่ มีกำรปรั บ ลดกรณีฐ ำนต่ ำง ๆ ที่เป็ น ไปได้ เพื่อให้ ได้ผ ลลั พธ์ที่ส ะท้ อนกำรดำเนินงำนของ OCC ที่แท้จริ ง ประกอบด้วยตัวชี้วัดดังนี้ • จำนวนผู้พิกำรมีงำนทำมำกขึ้น • รำยได้ทเี่ พิ่มขึ้นของผู้พิกำร • จำนวนผู้พิกำรที่มีรำยได้ต่อเนื่องหลังจำกกำรเข้ำร่วมงำนกับ OCC • จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถส่งเงินกลับไปหรือไม่ต้องรับเงินช่วยเหลือจำกครอบครัว • จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถเดินทำงหรืออยู่ได้ด้วยตนเองหลังจำกที่เข้ำร่วมงำนกับ OCC • จำนวนผู้พิกำรที่มีควำมก้ำวหน้ำในกำรประกอบอำชีพหลังจำกกำรเข้ำร่วมงำนกับ OCC
3.1 ผลสำเร็จของผลลัพธ์ทำงสังคมของโครงกำรฯ จำกกำรเก็บรวมข้อมูลปฐมภูมิผ่ำนกำรสัมภำษณ์รำยบุคคลและกำรประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) รวมทั้งกำรสัมภำษณ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ครอบครั วของผู้พิกำร และ บริษัทผู้จ้ำงงำน ผลกำรวิเครำะห์ จำกกำรรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิทั้งหมดพบว่ำ ผลลัพทธ์ทำงสังคมที่เกิดขึ้นภำยใต้กำรทำงำนกับ OCC สะท้อน ว่ำ “ผู้พิการมาทางานภายใต้ OCC แล้ว มีอาชีพที่มั่นคงมากขึ้น” โดยตัวชี้วัดที่สะท้อนภำพมีดังต่อไปนี้ • จำนวนผู้พิกำรมีงำนทำมำกขึ้นคิดเป็นร้อยละ 31.6 ของจำนวนผู้พิกำรที่ทำงำนกับ OCC ทั้งหมด
ค - 29
• รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำรโดยเฉลี่ยหลังทำงำนกับ OCC (เฉพำะผู้พิกำรแต่กำเนิด) = 4,662 บำทต่อ เดือน • จำนวนผู้พิกำรที่มีรำยได้ต่อเนื่องหลังจำกกำรเข้ำร่วมงำนกับ OCC คิดเป็น ร้อยละ 31.6 ของผู้พิกำร ที่มีรำยได้ต่อเนื่องหลังจำกเข้ำร่วมงำนกับ OCC • จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถส่งเงินกลับไปหรือไม่ต้องรับเงินช่วยเหลือจำกครอบครัวคิดเป็นร้อยละ 38.6 ของผู้พิกำรทั้งหมดที่เข้ำร่วมงำนกับ OCC • จำนวนผู้พิกำรที่สำมำรถเดินทำงหรืออยู่ได้ด้วยตนเองหลังจำกที่เข้ำร่วมงำนกับ OCC คิดเป็นร้อยละ 31.6 ของผู้พิกำรทั้งหมดที่เข้ำร่วมงำนกับ OCC • จำนวนผู้พิกำรที่มีควำมก้ำวหน้ำในกำรประกอบอำชีพหลังจำกกำรเข้ำร่วมงำนกับ OCC คิดเป็นร้อย ละ 31.6 ของผู้พิกำรทั้งหมดที่เข้ำร่วมงำนกับ OCC นอกจำกนี้ยังมีมุมมองเพิ่มเติมเชิงคุณภำพที่ได้จำกกำรสัมภำษณ์ครอบครัวของผู้พิกำร ด้ำนศักยภำพที่ ได้รับกำรพัฒนำ (Intermediate Output) ที่ทำให้สำมำรถทำงำนกับ OCC ได้ ส่งผลให้ผู้พิกำรกล้ำหรือมี ควำมสำมำรถในกำรเข้ำสังคม สำมำรถลดกำรพึ่งพำควำมช่วยเหลือจำกครอบครัวได้ โดยเป็นคุณค่ำที่ไม่ สำมำรถประเมินได้ในมุมมองของครอบครัวของผู้พิกำร ในส่วนของบริษัทผู้จ้ำงงำน มีกำรจ้ำงงำนตรงกับผู้พิกำร และกำรจ้ำงงำนผ่ำน OCC มองว่ำ OCC เป็น กำรจ้ำงงำนหรือหำงำนให้เหมำะสมกับผู้พิกำร ในกำรจ้ำงตรงกับผู้พิกำรนั้น ผู้พิกำรจะได้รับเงินเดือนที่เท่ำกับ คนปกติรวมทั้งประเมินผลด้วยเกณฑ์เดียวกัน ในขณะที่กำรจ้ำงงำนผ่ำน OCC จะสำมำรถช่วยบริษัทผู้จ้ำงงำน ที่ไม่มีสิ่งอำนวยควำมสะดวกในกำรเข้ำถึงหรือกำรเดินทำง และสอดคล้องกับมำตรำ 35 ซึ่งบริษัทผู้จ้ำงงำน เห็นควำมสำคัญในด้ำนกำรให้โอกำสผู้พิกำรในกำรทำงำน กำรมีอำชีพที่มั่นคง สร้ำงควำมเชื่อมั่นในตนเอง และ กำรลดภำระครอบครัว อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในภำพกว้ำงต่อไป จำกกำรวิเครำะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของสังคมในโครงกำรฯ สำมำรถสรุปมุมมองในผลลัพธ์ทำงสั งคมที่ เกิดขึ้น ดังนี้
ค - 30
สรุปผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นของโครงการฯ o
ผู้พกิ าร o o
รายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิการ ลดภาระทางด้านการเงิน/ลด กิจการเพื่อสังคม ศูนย์บริ การ ภาระพึ่งพิงจากครอบครัวของผู้ ข้ อมูล (Outsourcing พิการ Contact Center) ภูมิใจที่คนพิการได้ทางานกับ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการ โครงการฯ พัฒนาผู้พิการ ครอบครัว มีความเชื่อมั่นใจตนเอง
o o o o
มีงานทามากขึ้น รายได้มั่นคง ลดการพึ่งพาครอบครัว พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น ความก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ
รายได้ที่เพิ่มขึ้น/มั่นคง ของผู้พิการ o ลดภาระทางด้าน o การเงิน/ภาระพึ่งพิง บริษัทผู้ จากครอบครัว o ผู้พกิ าร จ้ างงาน o มีเส้นทางสายอาชีพที่ สามารถพัฒนาใน อนาคต โดยสรุปแล้ว โครงการฯ เป็นโครงกำรในลักษณะกำรดำเนินกิจกำรเพื่อสังคมoอันเพิสร้่มำความเชื งผลลัพ่อมัธ์่นทใจำง ้พิการ สังคมอันสำมำรถประเมินได้ และเป็นตัวอย่ำงที่ดีแก่โครงกำรในรูปแบบที่คล้ำยคลึงกันต่อตนเองของผู ไป o
3.2 ข้อเสนอแนะสำหรับโครงกำรฯ โครงกำรฯ ส่งผลต่อสังคมตำมเป้ำหมำยที่คำดไว้ แต่ทั้งนี้กำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมครั้งนี้ ไม่ได้ วิเครำะห์ ในเรื่ อ งของประสิ ทธิภ ำพและประสิ ทธิผ ลของกำรจัด กำรโครงกำรฯ อย่ำงชัดเจน แต่จำกกำร สัมภำษณ์ผู้ที่มีส่วนได้เสียที่ได้กล่ำวมำข้ำงต้นจะพบประเด็นที่โครงกำรฯ ควรตระหนักเพื่อพัฒนำให้ OCC เกิด ความยั่งยืนในอนำคต ได้แก่ 1) พัฒนำระบบบริหำรจัดกำรที่เป็นระบบ เพื่อรองรับ OCC มีแนวโน้มที่จะขยำยตัวไปตำมจังหวัดต่ำง ๆ ดังนั้นตั้งแต่กำรบริหำรขำยกำรตลำด กำรบริหำรบุคคล กำรบริหำรกำรเงินและกำรบัญชี กำรบริหำร คุณภำพ เป็นต้น a. กำรบริหำรขำยกำรตลำด ได้แก่ กำรติดต่อหำบริษัทผู้จ้ำงงำน กำรพัฒนำงำนที่เหมำะสมกับผู้ พิกำร กำรเจรจำตกลงกับบริษัทผู้จ้ำงงำน b. กำรบริหำรบุคคล ได้แก่ กำรรับผู้พิกำร กำรพัฒนำอบรมผู้พิกำร กำรพัฒนำสำยอำชีพ ระบบ สวัสดิกำร ตลอดจนกำรประเมินผลอย่ำงเป็นระบบ c. กำรบริ ห ำรกำรเงิน และบั ญชี เพื่อจัดเก็บรวบรวมกำรเงินและบัญชีอย่ำงเป็นระบบ และ พัฒนำไปสู่ตัวชี้วัดทำงสังคมด้ำนกำรเงิน คือ Social Return on Investment (SROI) ที่ ค - 31
จะสำมำรถตอบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ว่ำเงินลงทุน 1 บำทได้ส่งต่อสังคมเท่ำไร จะเป็นตัวชี้วัดที่ สะท้อนประสิทธิภำพที่ดีของ OCC ที่จะทำให้เห็นควำมแตกต่ำงจำก OCC ของที่อื่น ๆ ได้ เป็นอย่ำงดี d. กำรบริหำรคุณภำพ (Quality Assurance) เพื่อทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มั่นใจถึงระบบกำร บริหำรจัดกำรของ OCC ที่จะมีคุณภำพเหมือนกันในทุก ๆ สำขำที่ขยำยตัวออกไป ซึ่งเป็น กำรรักษำชื่อเสียงของ OCC ที่สร้ำงมำผ่ำนระบบบริหำรที่เป็นระบบเดียวกันในทุกสำขำ 2) ในระยะสั้นควรพิจำรณำปรับปรุงกระบวนกำรทำงำนมีประสิทธิภำพ เนื่องจำกบริษัทผู้จ้ำงงำนบำง รำย ได้ระบุถึงควำมล่ำช้ำในกำรติดต่อสื่อสำรงำน ทำให้พลำดโอกำสในสร้ำงงำนได้โดยอำจมีบริษัทอื่น ได้งำนในส่วนนี้ไปแทน 3) กำรกำหนดเป้ำหมำยตัวชี้วัดของ OCC เพื่อวัดผลสำเร็จของโครงกำรฯ ควรครอบคลุมทุกมิติ แต่ น้ำหนักของตัวชี้วัดแต่ละตัวอำจไม่เท่ำกันขึ้นอยู่กับภำรกิจหลักของโครงกำรฯ ดังนั้นผลลัพธ์ทำงสังคม ควรเป็นเป้ำหมำยหลักของ OCC ประกอบกับตัวชี้วัดอื่น เช่น ตัวชี้วัดด้ำนกำรเงิน และประสิทธิภำพ อื่น ๆ
ค - 32
นิยามศัพท์เฉพาะ คนพิกำร หมำยควำมว่ำ บุคคลซึ่งมีข้อจำกัดในกำรปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเข้ำไปมีส่วนร่วมทำง สังคม เช่น 1. ควำมพิกำรทำงกำรมองเห็น 2. ควำมพิกำรทำงกำรได้ยินและสื่อควำมหมำย 3. ควำมพิกำรทำงกำรเคลื่อนไหวหรือทำงร่ำงกำย 4. ควำมพิกำรทำงจิตใจหรือพฤติกรรม 5. ควำมพิกำรทำงสติปัญญำ 6. ควำมพิกำรทำงกำรเรียนรู้ 7. ควำมพิกำรทำงออทิสติก ผู้ด้อยโอกำส หมำยถึง ผู้ประสบปัญหำควำมเดือดร้อน และได้รับควำมกระทบในด้ำนเศรษฐกิจ สังคม กำรศึกษำ สำธำรณสุข กำรเมือง กฏหมำย วัฒนธรรม ภัยธรรมชำติ และภัยสงครำม รวมถึงผู้ที่ขำดโอกำสที่ จะเข้ำถึงบริกำรขั้นพื้นฐำนของรัฐ ตลอดจนผู้ประสบปัญหำที่ยังไม่มีองค์กรหลักรับผิดชอบ อันจะส่งผลให้ไม่ สำมำรถดำเนิินชีวิตได้เท่ำเทียมกับผู้อื่น โดยมีกลุ่มเป้ำหมำย 5 กลุ่ม ได้แก่ 3. คนยำกจน 4. คนเร่ร่อน ไร้ที่อยู่อำศัย 5. คนไม่มีสถำนะทำงทะเบียนรำษฎร (คนไร้สัญชำติ) 6. ผู้พ้นโทษ 7. ผู้ติดเชื้อHIV ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจำกเอดส์ ข้อมูลโครงการ • รำยได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิกำรในแต่ละกลุ่มโดยเฉลี่ยหลังทำงำนกับ OCC (เฉพำะผู้พิกำรแต่กำเนิด) รายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้พิการในแต่ละกลุ่มโดยเฉลี่ยหลังทางานกับ OCC (เฉพาะผู้พิการแต่กาเนิด) (บาท) กรุงไทย (≤ 1 Y) 4294
กรุงไทย (> 1 Y) 7000
Powerbuy (≤ 1 Y) 11000 ค - 33
Powerbuy (> 1 Y) -1833
AIS (> 1 Y) 4714
FWD (≤ 1 Y) 2800
ภาคผนวก ง. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม กิจการเพื่อสังคม เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น (Learn Education) 1. บทนาและทบทวนวรรณกรรม 1.1 ควำมสำคัญและที่มำของปัญหำ กำรผลักดันเรื่องกำรสร้ำงเสริมกิจกำรเพื่อสังคม จำเป็นต้องอำศัยฐำนคิดหลักจำกข้อมูลและงำนวิจัย เพื่อใช้ประกอบกำรวำงแผนและออกแบบกำรสนับสนุนให้เหมำะสมและสะท้อนควำมต้องกำรที่แท้จริงด้ำน ข้อมูลสนับสนุน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่ำง ๆ ได้แก่ 1) กิจกำรเพื่อสังคม ต้องอำศัยองค์ควำมรู้ เครื่องมือและชุดข้อมูลเชิงประจั กษ์ เพื่อนำมำใช้เป็นปัจจัย น ำเข้ำ (Input) ในกำรออกแบบโมเดลธุร กิจ และวิธี กำรบริห ำรจัด กำรองค์ กรให้ มีร ะสิ ทธิภ ำพและบรรลุ วัตถุประสงค์ทำงสังคมอย่ำงยั่งยืน รวมถึงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเพื่ออธิบำยคุณค่ำของกิจกำรต่อสำธำรณะ 2) องค์กรตัวกลำง ผู้ให้ทุน และองค์กรสนับสนุนกิ จกำรเพื่อสังคมต่ำง ๆ ไม่ว่ำจะเป็นศูนย์บ่มเพำะนัก ลงทุนทำงสังคม รวมถึงหน่วยงำนต่ำง ๆ ของภำครัฐ ต่ำงก็ต้องอำศัยข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อนำมำวิเครำะห์และ ออกแบบบริกำรที่เหมำะสมและตรงกับควำมต้องกำรของกิจกำรเพื่อสังคม 3) ผู้กำหนดนโยบำย จำเป็นจะต้องตัดสินใจออกนโยบำยและมำตรกำรจูงใจต่ำง ๆ บนฐำนของกำร วิเครำะห์จำกข้อมูลควำมต้องกำรของกิจกำรเพื่อสังคมและสถำนกำรณ์จริง เพื่อช่วยในกำรบริหำรจัดกำร งบประมำณรัฐอย่ำงมีประสิทธิภำพและป้องกันกำรออกนโยบำยที่ผิดพลำด ซึ่งจะสร้ำงผลกระทบเชิงลบ หรือ ผลข้ำงเคียงที่มิได้เจตนำในภำยหลัง ภำยใต้ควำมจำเป็นเหล่ำนี้ หลำยประเทศที่ดำเนินกำรสนับสนุนกิจกำรเพื่อสังคมจึงมีกำรจัดตั้งหน่วย วิจัยเฉพำะด้ำนกิจกำรเพื่อสังคมขึ้นมำ เพื่อพัฒนำทีมวิจัยขึ้นมำทำหน้ำที่จัดทำชุดงำนวิจัยที่มีนัยสำคัญต่อกำร ส่งเสริมกิจกำรเพื่อสังคมและนำมำเผยแพร่ผ่ำนช่องทำงที่เหมำะสมเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลสู่กำรใช้งำนจริง อำทิกำร ก่อตั้งองค์ กร Social Enterprise UK (SEUK) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ห ลั กเพื่ อจั ดท ำงำนวิจั ยและเอกสำร เผยแพร่เพื่อช่วยส่งเสริมกำรขับเคลื่อนเรื่องกิจกำรเพื่อสังคมในประเทศอังกฤษ รวมถึงกำรผลักดันเชิงนโยบำย ขณะเดียวกัน ในมหำวิทยำลัย หลำยแห่งในประเทศที่ผลักดันเรื่องกิจกำรเพื่อสังคมอย่ำงเข้มแข็ง เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกำ แคนำดำ สหภำพยุโรป หรือแม้แต่ประเทศในอำเซียน เช่น สิงคโปร์ ก็มีกำรจัดตั้งหน่ว ยวิจัย ง-1
เฉพำะด้ำนกิจกำรเพื่อสังคมขึ้น ภำยใต้โครงสร้ำงมหำวิทยำลัย เช่น Research in Social Enterprise ภำยใต้ Harvard Business School (สหรั ฐ อเมริ ก ำ) Sprott Center for Social Enterprise ภำยใต้ Carleton University (แคนำดำ), Skoll Centre for Social Entrepreneurship ภำยใต้ Said Business School, Oxford University (อั ง กฤษ) และ Asia Centre for Social Entrepreneurship & Philanthropy ภำยใต้ National University of Singapore (สิงคโปร์) ในประเทศไทยเอง แม้มีควำมคืบหน้ำในด้ำนกำรผลักดันงำนด้ำนกิจกำรเพื่อสังคมในระดับสูง โดยถือ เป็นประเทศแรกในภูมิภำคอำเซียนที่มีกำรยกร่ำงกฎหมำยสนับสนุนกิจกำรเพื่อสังคม แต่ในส่วนของกำรพัฒนำ องค์ควำมรู้ด้ำนกิจกำรเพื่อสังคมในรูปแบบงำนวิจัยยังเป็นไปอย่ำงจำกัด โดยในระดับเข้มข้นคือยังไม่มีกำร จัดตั้งหน่วยวิจัยเฉพำะเพื่อพัฒนำองค์ควำมรู้ด้ำนกิจกำรเพื่อสังคม และในระดับทั่วไปคือ หัวข้อกำรวิจัยด้ำน กิจกำรทำงเพื่อสังคมในประเทศไทยยังถือเป็นหัวข้อใหม่ที่นัก วิจัยยังไม่คุ้นเคย รูปแบบกำรทำวิจัยที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบันจึงมักเป็นกำรรับจ้ำงทำวิจัยแบบแยกส่วน เป็นงำนวิจัยในลักษณะโครงกำรประกอบกำรจบกำรศึกษำ ขำดกลไกในกำรพัฒนำต่อยอดองค์ควำมรู้ และขำดกำรเชื่อมโยงสู่กำรนำผลกำรวิจัยไปประกอบกำรปฏิบัติจริง ทั้งในเชิงนโยบำยและในเชิงองค์ควำมรู้ที่กิจกำรเพื่อสังคมสำมำรถนำไปใช้ได้ กำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม (Social Impact Assessment) นับเป็นหัวใจที่ขำดไม่ได้ของกิจกำร เพื่อสังคม เป็นกระบวนกำรที่สำคัญที่กิจกำรเพื่อสังคมต้องทำเพื่อวำงแผนงำนด้ำนผลลัพธ์ทำงสังคม ใช้ติดตำม ผลกำรทำงำนและประเมินผลรวมทั้งช่วยในกำรสื่อสำรผลลัพธ์ของกิจกำรเพื่อสังคมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ให้ ทุนหรือลงทุนในกิจกำรเพื่อสังคมที่ลงทุนไปแล้ว ส่วนผู้บริโภค ลูกค้ำ หรือพันธมิตร ก็สำมำรถใช้ข้อมูลด้ำน ผลลัพธ์ทำงสังคมประกอบกำรเลือกสนับสนุนงำนของกิจกำรเพื่อสังคม อย่ำงไรก็ตำม กำรวัดผลลัพธ์ทำงสังคม ยังเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย องค์ควำมรู้ด้ำนกำรวัดผลทำงสังคมยังเป็นองค์ควำมรู้ที่จำกัด งำนวิจัยและ กรณีศึกษำในบริบทของกิจกำรเพื่อสังคมในประเทศไทยยังมีน้อย กำรนำใช้งำนหรือตีควำมประโยชน์ของ เครื่องมือวัดผลต่ำง ๆ เป็นไปอย่ำงคลำดเคลื่อน ขำดแคลนบรรทัดฐำนและมำตรฐำนที่เหมำะสม ส่งผลให้ กิจกำรเพื่อสังคมในประเทศไทยจำนวนมำกยังไม่สำมำรถสื่อสำรผลลัพธ์ทำงสังคมของกิจกำรได้อย่ำงชัดเจนต่อ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่อำจนำผลลัพธ์ไปใช้ในกำรพัฒนำกิจกำรได้ ภำยใต้ส ถำนกำรณ์ดังกล่ ำว ส ำนั กงำนกองทุนสนับสนุนกำรวิจัย (สกว.) องค์กรด้ำนกำรจัด กำร งำนวิจัยสำคัญของประเทศ จึงเล็งเห็นควำมจำเป็นในกำรพัฒนำองค์ควำมรู้ เครื่องมือ และระบบวิจัยเกี่ยวกับ กำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม เพื่อพัฒนำชุดวิจัยที่มีควำมจำเป็นเร่งด่วนในเชิงนโยบำยและในเชิงกำรสนับสนุน กำรดำเนินงำนของกิจกำรเพื่อสังคม ขณะเดียวกันก็มุ่งเป้ำพัฒนำเครือข่ำยนักวิจัยที่สนใจ และวำงระบบกลไก กำรจัดกำรวิจัยด้ำนกิจกำรเพื่อสังคมเพื่อสร้ำงควำมยั่งยืน ผ่ำนกำรเปิดโอกำสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ำมำร่วม ง-2
กำหนดโจทย์ กำรผลิตทรัพยำกรบุคคลด้ำนกำรวิจัยที่มีคุณภำพ และกำรพัฒนำองค์ควำมรู้ด้ำนกำรวิจั ย เพื่อ นำไปสู่กำรขยำยผลในระยะยำวต่อไป เลิ ร์ น เอ็ดดูเคชั่น (Learn Education) เป็นอีกหนึ่ง กิจ กำรเพื่ อ สั ง คม ที่มีเป้ำหมำยในกำรพั ฒ นำ คุณภำพชีวิตของนักเรียนผ่ำนกำรพัฒนำคุณภำพในกำรศึกษำให้แก่เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่เข้ำร่วมโครงกำร อย่ำงไรก็ตำมในระบบกำรทำงำนของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ยังคงขำดแคลนระบบในกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม ที่เกิดขึ้น จำกกำรดำเนินงำนของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ส่งผลให้กำรพัฒนำและปรับปรุงระบบกำรดำเนินงำนยังไม่ สำมำรถกระทำได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ กำรพัฒนำกระบวนวิธีในกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมที่เกิดจำกกำร ดำเนินงำนของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จึงมีควำมสำคัญเป็นอย่ำงยิ่ง ในฐำนะของกำรพัฒนำองค์ควำมรู้ที่สำมำรถ นำไปสร้ำงประโยชน์ให้แก่สังคม ทั้งยังสำมำรถนำไปใช้ต่อยอดในองค์กรอื่น ๆ ได้อีกในอนำคต 1.2 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษำหลักกำร เครื่องมือ และบทบำทของผลกำรประเมินผลลั พธ์ทำงสังคมในต่ำงประเทศ สำหรับกิจกำรเพื่อสังคม 2) เพื่อพัฒนำชุดควำมรู้เกี่ยวกับกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมในบริบทของประเทศไทยสำหรับกิจกำร เพื่อสังคม 3) เพื่อพัฒนำบุคคลำกรและเครือข่ำยนักวิจัยด้ำนกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมสำหรับกิจกำรเพื่อ สังคม 1.3 ทบทวนวรรณกรรม 1.3.1 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 1) แนวคิดเกี่ยวกับผลลัพธ์ทำงสังคม (Social Impact) แวนเคลย์ (2558, น. 2) ได้อธิบำยควำมหมำยของผลลัพธ์ทำงสังคมไว้ว่ำหมำยถึง ควำมเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อควำมรู้สึกของผู้คน ไม่ว่ำจะโดยทำงตรงหรือทำงอ้อม ไม่ว่ำจะโดยทำงมโนสำนึก (Cognitive) หรือโดยทำงกำยภำพ และในทุกระดับ ไม่ว่ำจะเป็นในระดับปักเจกบุคคลหรือในระดับหน่วยทำง เศรษฐกิจขนำดใหญ่ เช่น ครัวเรือน หรือ ชุมชน เป็นต้น นอกจำกนี้แวนเคลย์ ยังได้อธิบำยลักษณะของผลลัพธ์ ทำงสังคมว่ำหมำยถึงควำมเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกั บผู้คน ดังต่อไปนี้ 1) วิถีชีวิต 2) วัฒนธรรม 3) สภำพของ ชุมชน 4) ระบบกำรเมืองและควำมสัมพันธ์ในชุมชน 5) สิ่งแวดล้อม 6) สุขภำพและควำมเป็นอยู่ 7) สิทธิส่วน บุคคลและสิทธิเหนือทรัพย์สิน 8) ควำมรู้สึกต่อสวัสดิภำพ ง-3
สฤณี อำชวำนันทกุล และ ภัทรำพร แย้มลออ (ม.ป.ป., น. 7-9) ได้สรุปควำมหมำยอย่ำงสั้ น ของ ผลลัพธ์ทำงสังคมไว้ว่ำหมำยถึง “ผลลัพธ์ทางสังคมที่เกิดจากการดาเนินงานของกิจการ ซึ่งควรสอดคล้องกับ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและพันธกิจของกิจการ” จำกคำนิยำมดังกล่ำว อำจกล่ำวได้ว่ำผลลัพธ์ทำง สังคม คือผลของงำนที่ได้ดำเนินกำร และเป็นผลที่มีควำมเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเป้ำหมำยไว้ในตอน แรกด้วย กล่ ำ วโดยสรุ ป ผลลั พ ธ์ ท ำงสั ง คม (Social Impact) ในควำมหมำยของงำนวิ จั ย ชิ้ น นี้ จึ ง หมำยถึง ผลลัพธ์ที่เป็นควำมเปลี่ยนแปลงในเชิงสังคมซึ่งเกิดขึ้นจำกกำรดำเนินงำนของกิจกำรเพื่อสังคม ที่เกิดขึ้นและ ส่งผลกระทบต่อวิถีทำงสังคมของผู้คน โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งโดยกลุ่มเป้ำหมำยของกิจกำรเพื่อสังคม 2) ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง หมำยถึง กำรตั้งคำถำมต่อกิจกำรเพื่อสังคม ว่ำกิจกำรนั้น ๆ ได้มอบคุณค่ำ อะไรให้แก่สังคมบ้ำง หรือในทำงตรงกันข้ำมคือ หำกไม่มีกิจกำรเพื่อสังคมดังกล่ำวอยู่ ผลลัพธ์ทำงสังคมนั้น ๆ ย่อมไม่เกิดขึ้น อัน แดร์ สั น (2555, น. 2) ได้ให้ คำจำกัดควำมทฤษฎี กำรเปลี่ ยนแปลงไว้ว่ำ คือรูปแบบหนึ่ ง ของ กระบวนกำรให้อรรถำธิบำยต่อสมมติฐำนอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งที่มีลักษณะอธิบำย ขั้นตอนหรือวิธีกำรที่นำไปสู่ เป้ำหมำยในระยะยำว และควำมเชื่อมโยงระหว่ำงกิจกรรมของกิจกำรกับผลลัพธ์ (Outcome) ของกำรลงมือ ทำกิจ กรรมนั้ น ๆ กล่ ำวคือทฤษฎีกำรเปลี่ ยนแปลง คือกระบวนกำรในกำรสร้ำงสมมติฐ ำนเพื่ อเชื่ อ มโยง ควำมสัมพันธ์ของกิจกรรมที่จัดเพื่อมุ่งหวังให้เกิดควำมเปลี่ยนแปลง กับผลลัพธ์ของกิจกรรมนั้น ๆ ในทำงปฏิบัติ ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงมักถูกนำมำใช้ในรูปแบบของ “ตัวแบบแห่งตรรกกะ” เพื่อ อธิบำยฐำนคิดของกำรกระทำที่คำดหวังว่ำจะนำไปสู่ผลลัพธ์ โดยทั่วไปแล้วทฤษฎี กำรเปลี่ยนแปลงมักอยู่ในรูป โครงสร้ำง “ถ้ำ... แล้ว...” เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นว่ำ “ถ้ำ” มีกำรทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง “แล้ว” จะเกิดควำมเปลี่ยนแปลงอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งขึ้น เช่น “ถ้ำมีผู้ช่วยแพทย์ที่มีคุณภำพ แล้วผู้ป่วยจะมีสุขภำพที่ดี ขึ้น”๖ กล่ำวโดยสรุป ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงคือกำรตั้งสมมติฐำนในรูปแบบโครงสร้ำง “ถ้ำ... แล้ว...” เพื่อ เชื่อมโยงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรดำเนินงำนของกิจกำรเพื่อสังคมและผลลัพธ์ที่คำดหวังว่ำจะเกิดขึ้นจำกกำร ดำเนินงำนนั้น ๆ เพื่อใช้เป็นฐำนทำงควำมคิดในกำรดำเนินงำน ดังนั้นในกำรกำหนดทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ได้อำศัยรูปแบบ “ถ้ำ...แล้ว...” โดย สำมำรถตั้งเป็นทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง ได้ดังนี้
ง-4
“ถ้า โรงเรียนได้ใช้ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น แล้ว นักเรียนในโรงเรียนจะมีโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการศึกษามากขึ้น” 3) ทฤษฎีห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain Theory) ห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact value Chain) หมำยถึงกำรแจกแจงกิจกรรม (Activities) ที่กิจกำรเพื่อสังคม มุ่งหมำยที่จะทำ และผลผลิต (Output) ที่คำดว่ำจะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงตำมที่ได้นิยำมไว้ โดยสฤณี อำ ชวำนันทกุลและภัทรำพร แย้มละออ (ม.ป.ป., น. 34-36) ได้อธิบำยไว้ว่ำห่วงโซ่ผลลัพธ์คือกำรร้อยเรียงปัจจัย 4 อย่ำงเข้ำด้วยกันในลักษณะทำงเดี่ยว ได้แก่ I.
ปัจจัยนำเข้ำ (Input) ซึ่งหมำยถึง ทรัพยำกรที่ใช้ในกำรดำเนินงำน เช่น เงินทุน เวลำ อุปกรณ์ เป็นต้น
II.
กิจกรรม (Activities) หมำยถึง สิ่งที่กิจกำรเพื่อสังคมทำ เพื่อสร้ำงผลลัพธ์ที่ต้องกำร
III.
ผลผลิต (Output) หมำยถึง ผลที่เกิดจำกกิจกรรมของกิจกำรเพื่อสังคม ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปธรรม และสำมำรถวัดได้ชัดเจนเป็นตัวเลข
IV.
ผลลั พธ์ (Outcome หรื อ Impact) หมำยถึง ผลลั พธ์ทำงสั งคมที่เกิดจำกกำรดำเนินงำนของ กิจกำรเพือ่ สังคม
ขั้นตอนในกำรสร้ำงห่วงโซ่ผลลัพธ์โดยทั่วไป จะต้องเริ่มจำกกำรระบุแจกแจงกิจกรรมต่ำง ๆ ที่กิจกำร เพื่อสังคมวำงแผนว่ำจะทำหรือได้ทำไปแล้ว ซึ่งได้เปลี่ยนปัจจัยนำเข้ำ ให้กลำยเป็นผลลัพธ์ จำกนั้นในขั้นถัดมำ กิจกำรเพื่อสังคมจำเป็นจะต้องระบุผลผลิตที่มีลักษณะเป็ นรูปธรรม ตรง ชัด วัดได้ และสำมำรถสะท้อนให้ ผู้เกี่ยวข้องสำมำรถเห็นได้ว่ำผลลัพธ์ทำงสังคมที่คำดหวังเกิด ได้เกิดขึ้นจริง ข้อสำคัญประกำรหนึ่งคือผลผลิตที่ สำมำรถวัดได้นั้ น สำมำรถน ำมำใช้เป็น ตัวชี้วัดว่ำกิจกำรเพื่อสั งคมนั้น ๆ สร้ำงผลลั พธ์ทำงสังคมที่ตรงกับ เป้ำหมำยมำกน้อยเพียงใด สำหรับงำนวิจัยครั้งนี้ ทำงคณะผู้วิจัยได้จัดทำห่วงโซ่ผลลัพธ์ โดยเริ่มจำก a. กำรแจกแจงปัจจัยนำเข้ำ พบว่ำประกอบไปด้วย b. ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น c. เงินทุน d. กำรแจงแจงกิจกรรม พบว่ำประกอบไปด้วย i. 2.1) กำรอบรมครูผู้สอน ii. 2.2) กำรจัดวำงระบบ ง-5
iii. 2.3) ฯลฯ e. กำรแจกแจงผลผลิต พบว่ำผลผลิตอันเป็นรูปธรรมของกำรดำเนินงำนประกอบไปด้วย i. 3.1) คะแนนกำรทดสอบระดับชำติขั้นพื้นฐำน (O-NET) ระดับชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 3 ในรำยวิชำคณิตศำสตร์เพิ่มขึ้น ii. 3.2) ผลคะแนนกำรทดสอบระดับชำติขั้นพื้นฐำน (O-NET) ระดับชั้น มัธยมศึกษำปี ที่ 3 ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์เพิ่มขึ้น f. กำรแจกแจงผลลัพธ์ พบว่ำได้แก่ โอกำสในกำรยกระดับคุณภำพด้ำนกำรศึกษำชีวิตให้ดีขึ้น g. เมื่อน ำเอำผลกำรแจกแจงทั้งหมดมำเชื่ อมโยงกันให้ เป็ นห่ ว งโซ่ผ ลลั พธ์ (Impact Value Chain) จะสำมำรถเขียนให้อยู่ในรูปของตำรำงได้ ดังนี้ ตารางแสดงห่วงโซ่ผลลัพธ์ Input Activity Output -ระบบ เลิ ร์ น - กำรอบรมครู - คะแนน ONET ในวิ ช ำ เอ็ดดูเคชั่น - กำรวำงระบบเลิร์น เอ็ด ค ณิ ต ศ ำ ส ต ร์ แ ล ะ วิ ช ำ -เงินทุน ดูเคชั่นในโรงเรียน วิทยำศำสตร์ ดีขึ้น - กำรประเมิ น ผลจำก ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
Outcome -โอกำสในกำรยกระดั บ คุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ เนื่ อ งจำกมี เ จตคติ ต่ อ กำร เรียนที่ดีขึ้น - ลดควำมเสี่ยงด้ำนกำรไม่ได้ เรียนต่อ สำหรับตัวชี้วัด ที่คณะผู้วิจัยจะใช้ในกำรศึกษำครั้งนี้ แบ่งออก 2 ประเภท ได้แก่ I.
ตัวชี้วัดเชิงปริมำณ คือ คะแนน ONET ที่ดีขึ้นของนักเรียน
II.
ตัวชี้วัดเชิงคุณภำพ a. เจตคติต่อกำรเรียนที่ดีขึ้น b. กำรลดควำมเสี่ยงในชีวิตด้ำนกำรไม่ได้เรียนต่อ c. แรงจูงใจในกำรยกระดับคุณภำพชีวิตของตนเอง
4) แนวคิดเกี่ยวกับคุณภำพชีวิต สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ (2528, น. 4) ได้ให้นิยำมควำมหมำยของ คำว่ำ “คุณภำพชีวิต” ไว้ว่ำ หมำยถึงชีวิตที่ดี สำมำรถใช้ชีวิตอยู่ได้ตำมสม โดยบรรลุเกณฑ์ควำมจำเป็นในกำร ดำรงชีวิตขั้นพื้นฐำน หรือควำมต้องกำรที่ควรจะมี
ง-6
เมอร์ซี่และคณะ (2558, น.9,10) ได้ทำกำรแบ่งคุณภำพชีวิตของมนุษย์ออกเป็น 8 มิติหลัก และ 1 มิติ พิเศษ โดยอ้ำงอิงจำกดัชนีชี้ วัดคุณภำพชีวิตของคณะกรรมกำรระบบกำรสถิติแห่งสหภำพยุโรป (European Statistical System Committee : ESSE) ดังนี้ มิติหลักของคุณภาพชีวิต I.
คุณภำพชีวิตด้ำนสภำพที่อยู่อำศัย (Material Living Condition)
II.
คุณภำพชีวิตด้ำนควำมอุดมสมบูรณ์ (Productive)
III.
คุณภำพชีวิตด้ำนสุขภำพ (Health)
IV.
คุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ (Education)
V.
คุณภำพชีวิตด้ำนควำมสัมพันธ์ทำงสังคมและกำรหย่อนใจ (Social Relations and Leisure)
VI.
คุณภำพชีวิตด้ำนเศรษฐกิจและควำมปลอดภัยทำงกำยภำพ (Economic and Physical Safety)
VII.
คุณภำพชีวิตด้ำนกำรปกครองและสิทธิขั้นพื้นฐำน (Governance and Basic Rights)
VIII.
คุณภำพชีวิตด้ำนสภำพแวดล้อมในกำรดำรงชีวิต (Natural and Living Environment)
มิติพิเศษของคุณภาพชีวิต I.
องค์รวมของประสบกำรณ์ชีวิต
โดยในกำรศึกษำครั้งนี้ จะให้ควำมสำคัญกับคุณภำพชีวิตในมิติด้ำนกำรศึกษำ ซึ่งถือได้ว่ำเป็นปั จจัยที่ ส ำคั ญ ที่ จ ะน ำไปสู่ คุ ณ ภำพชีวิต ในด้ำ นอื่ น จำกกำรศึ ก ษำของเมอร์ ซี แ ละคณะ (อ้ ำ งแล้ ว , น. 82) พบว่ ำ ระยะเวลำที่บุคคลอยู่ในสถำบันกำรศึกษำมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถำนะและบทบำทในสังคม โดยเมอร์ซี่และคณะ พบว่ำคนที่ห ยุ ดเรี ย นก่อนส ำเร็ จ กำรศึกษำมีควำมเสี่ ยงที่จ ะถู กกีด กันจำกสั ง คมมำกกว่ำคนที่ อยู่ในระบบ กำรศึกษำจนสำเร็จกำรศึกษำ นอกจำกนี้ระดับกำรศึกษำยังมีผลโดยตรงต่อกำรจ้ำงงำนด้วย โดยผู้ประกอบกำร ตลอดจนนำยจ้ำงส่ว นใหญ่ จะให้ควำมสำคัญกับระดับกำรศึกษำในกำรรับรองทักษะและควำมสำมำรถที่ เหมำะสมกับตลำดแรงงำน กล่ำวโดยสรุปคือ ระดับกำรศึกษำเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่กำรมีคุณภำพชีวิตใน ด้ำนอื่น ๆ นั่นเอง ทั้งนี้ในแง่ขอบเขตของคุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ คณะผู้วิจัยจะพิจำรณำจำกปัจจัยเชิงคุณภำพ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) เจตคติต่อกำรเรียนที่ดีขึ้น 2) กำรลดควำมเสี่ยงในชีวิตด้ำนกำรไม่ได้เรียนต่อ 3) แรงจูงใจใน ด้ำนกำรยกระดับคุณภำพชีวิตตัวเอง กรอบแนวคิดในการวิจัย ง-7
ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น “ถ้าโรงเรียนได้ใช้ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
การจัดการเรียนการสอนผ่านระบบ เลิร์น เอ็ด
แล้วนักเรียนในโรงเรียนจะมีโอกาสในการ ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการศึกษามากขึน้ ”
การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คุณภาพชีวิตด้านการศึกษาที่ดีขึ้น 2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ 2.1 ระเบียบวิธีวิจัย กำรดำเนินงำนของโครงกำรวิจัยครั้งนี้ จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1) ช่วงวำงแผน 2) ช่วงเก็บข้อมูล และ 3) ช่วงวิเครำะห์ข้อมูลและสรุปผล ทั้งนี้ในส่วนของกำรวำงแผนนั้น คณะผู้วิจัยจะเข้ำพบ ผู้บริหำรของกิจกำรเพื่อสังคม เพื่อศึกษำและขอข้อมูลของกิจกำร และข้อกำหนด ตลอดจนของเขตของปีที่ ประเมินและระยะเวลำในกำรทำกำรประเมิน จำกนั้นในขั้นตอนกำรเก็บข้อมูลตำมวัตถุประสงค์เฉพำะและผลลัพธ์ที่คำดหวังตำมที่ได้วำงแผนไว้ช่วง ที่ 1 โดยในกำรศึกษำครั้งนี้จะมีกำรรวบรวมข้อมูลสองรูปแบบ ได้แก่ 1) ข้อมูลเชิงปริมำณชั้นทุติยภูมิ ได้แก่ คะแนนสอบ ONET ระดับชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 3 ในรำยวิชำ คณิตศำสตร์ และวิชำวิทยำศำสตร์ ซึ่งโรงเรียนและสำนักงำนทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ ได้เก็บรวบรวมไว้ 2) ข้อมูลเชิงคุณภำพ โดยเก็บรวบรวมผ่ำนกำรสนทนำกลุ่ม (Focus Group Discussion) กับครูและ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำในโรงเรียนเป้ำหมำย ดังปรำกฏในตำรำง เป็นกำรพิจำรณำผลลัพธ์ทำงสังคม (Output และ Outcome) ที่อยู่ในห่วงโซ่ผลลัพธ์
ง-8
2.1.1 กลุ่มประชำกรเป้ำหมำยและกลุ่มตัวอย่ำง 1) กลุ่มเป้ำหมำย กลุ่ ม เป้ ำ หมำยในกำรวิ จั ย ครั้ ง นี้ มี ทั้ ง สิ้ น 3 กลุ่ ม ได้ แ ก่ 1) กลุ่ ม นั ก เรี ย นชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษำที่ เ คยมี ประสบกำรณ์ ใ นกำรใช้ ร ะบบ เลิ ร์ น เอ็ ด ดู เ คชั่ น ในกำรเรี ย น 2) กลุ่ ม นั ก เรี ย นชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษำที่ ไ ม่ เ คยมี ประสบกำรณ์ในกำรใช้ร ะบบ เลิ ร์ น เอ็ดดูเคชั่น ในกำรเรียน และ 3) กลุ่ มครูในโรงเรียนที่ใช้บริกำรทำง กำรศึกษำของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น 2) กลุ่มตัวอย่ำงและกำรสุ่มตัวอย่ำง กลุ่มตัวอย่ำง ในโครงกำรวิจัยครั้งนี้ คือกลุ่มเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ใช้บริกำรทำงกำรศึกษำ ของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ทั้งที่เคยและไม่เคยมีประสบกำรณ์ในกำรเรียนผ่ำนระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น กำรสุ่มตัวอย่ำง ในกำรเก็บข้อมูลเชิงคุณภำพเพื่อนำมำใช้ในกำรประมวลผลครั้งนี้ จะอำศัยกำรสุ่ม ตัวอย่ำงแบบไม่อำศัยควำมน่ำจะเป็น (Non-Probability) ด้วยวิธีกำรสุ่มตัวอย่ำงแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) 2.1.2 พื้นที่ในกำรศึกษำ พื้นที่ในกำรศึกษำของโครงกำรวิจัยครั้งนี้ คือ โรงเรียนที่ใช้บริกำรทำงกำรศึกษำของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นระยะเวลำยำวนำนที่สุด 3 โรงเรียน ได้แก่ o โรงเรียนสหวิทย์ จังหวัดสุพรรณบุรี o โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ o โรงเรียนเซนต์จอห์น ท่ำบม จังหวัดเลย แต่เนื่ องจำกกระบวนกำรทบทวนมำตรฐำนจริยธรรม (Ethical Review) ใช้ระยะเวลำนำนกว่ำที่ คำดกำรณ์ไว้ ทำให้ระยะเวลำที่ต้องเก็บข้อมูลเชิงคุณภำพไปตรงกับกำรปิดภำคกำรศึกษำ คณะผู้วิจัยจึงไม่ สำมำรถทำกำรเก็บข้อมูลจำกโรงเรียนเซนต์จอห์น ท่ำบม ได้ทันเวลำเปิดเทอม เพรำะนักเรียนเดินทำงกลับ ภูมิล ำเนำซึ่งไม่ส ำมำรถมำรวมกัน ได้เ พรำะเด็ ก อยู่ ไ กลและมำจำกหลำกพื้ น ที่ จึงเหลื อกลุ่ มตัว อย่ำ งที่ ไ ด้ สัมภำษณ์เพียง 2 โรงเรียน 1) โรงเรียนสหวิทย์ โรงเรียนสหวิทย์ เป็นสถำนศึกษำเอกชน ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดสอนตั้งเเต่ระดับอนุบำล ประถมศึกษำ จนถึงระดับมัธยมปลำยในรูปแบบสองภำษำ (Bilingual) และอำชีวศึกษำ ที่มีประวัติกำรก่อตั้ง ง-9
มำยำวนำน โรงเรียนสหวิทย์เป็นโรงเรียนนำร่องในกำรพัฒนำระบบกำรเรียนกำรสอนโดยได้เริ่มนำเอำระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น มำใช้ตั้งเเต่ปีกำรศึกษำ 2557 ในระดับชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น (มัธยมศึกษำ 1-3) ในรำยวิชำ คณิตศำสตร์เเละวิชำวิทยำศำสตร์ และอยู่ในระหว่ำงกำรขยำยหลักสูตรไปช่วงชั้นอื่นๆ ถึงแม้จะเป็นโรงเรียน เอกชนขนำดกลำงที่ไ ม่ ไ ด้มี อั ตรำกำรสอบเข้ำ แข่ง ขัน สู ง แต่มีระบบกำรดู แลนัก เรี ยนอย่ ำงทั่ว ถึง และให้ ควำมส ำคัญในกำรพัฒ นำหลักสู ตร ทำให้ นักเรียนโรงเรียนสหวิทย์มีค่ำเฉลี่ ยคะแนนกำรสอบจำกสถำบัน ทดสอบแห่งชำติ สูงเป็นอันดับต้นของจังหวัด โดยเฉพำะวิชำวิทยำศำสตร์ และวิชำคณิตศำสตร์ ในเเง่ลักษณะของประชำกรของโรงเรียน เนื่องจำกเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีกำรเรียนกำรสอนแบบสอง ภำษำ (Bilingual) เมื่อพิจำรณำจำกค่ำธรรมเนียมกำรศึกษำของโรงเรียที่มีค่ำใช้จ่ำยในกำรเรียนชั้นมัธยมศึกษำ ตอนต้นอยู่ที่ เทอมละ 15,000 บำท เเละมีค่ำหนังสือเรียนอีก 1,000 บำท ซึ่งสูงกว่ำสำมเท่ำเมื่อเทียบกับค่ำ เทอมของโรงเรียนรัฐบำลที่เก็บค่ำธรรมเนียมอยู่ที่ประมำณ 4,000 บำท สำหรับหลักสูตรปกติและประมำณ 20,000 บำท สำหรับ English Program ซึ่งกลุ่มผู้ปกครองจะต้องมีฐำนะทำงเศรษฐกิจมำกพอในระดับหนึ่งที่ จะจ่ำยค่ำเทอมได้ บรรยากาศการทาสนทนากลุ่ม โรงเรียนสหวิทย์
2) โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม โรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม เป็นสถำนศึกษำเอกชนสงเครำะห์ ภำยใต้กำรสนับสนุนจำกมูล นิธิ ส่งเสริมกำรศึกษำคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชำร์ตร แห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปีกำรศึกษำ 2551 ณ ตำบลปำง หินฝน อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีลักษณะทำงภูมิศำสตร์เป็นเทือกเขำห่ำ งไกลจำกที่รำบสูง โดยใช้ เวลำเดินทำง 5 ชั่วโมงจำกอุทยำนแห่งชำติดอยอินทนนท์สู่โรงเรียน โรงเรียนเปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบำลจน ขยำยเปิดถึงในระดับมัธยมศึกษำปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษำปีที่ 3 ในปัจจุบัน ลักษณะของโรงเรียนเป็นโรงเรียน ขนำดเล็ก แต่เมื่อเทียบกับศูนย์กำรศึกษำที่ตั้งอยู่พื้นที่สูงบนดอย ถือว่ำมีควำมพร้อม และมีสภำพแวดล้ อม ง - 10
เหมำะสมแก่กำรเรียนรู้ โดยมีทั้งอำคำรเรียน หอประชุม หอพัก อำคำรห้องพักครู ลำนกิจกรรม สถำนสถำน และห้องกิจกรรมครบครัน ในเเง่ ลั ก ษณะประชำกร เด็ ก นั ก เรี ย นในโรงเรี ย นเซนต์ โ ยเ ซฟ เเม่ เ เจ่ ม ส่ ว นมำกเป็ น กลุ่ ม ชำติพันธุ์ที่อำศัยอยู่ในพื้นที่หุบเขำ เเละมีฐำนะทำงเศรษฐกิจค่อนข้ำงยำกจน อยู่ในชุมชนขนำดเล็ก ห่ำงไกลตัว เมือง มีเพียงศูนย์กำรศึกษำอยู่ในชุมชน ซึ่งขำดแคลนทรัพยำกร และบุคคลำกรทำงกำรศึกษำ ทำให้โรงเรียน เซนต์โยเซฟแม่แจ่ม มีสถำนะเป็น ที่พึ่งให้กับครัวเรือนที่อยู่ห่ำงไกลในกำรให้กำรศึกษำที่มีคุณภำพเทียบเท่ำกับ ในตัวเมือง ทำให้นักเรียนที่นี่มำจำกหลำกหลำยอำเภอในละแวกหุบเขำนี้ เนื่องจำกเดินทำงมำที่โรงเรียนจะใช้ ระยะเวลำนำนหลำยชั่วโมง นักเรียนส่วนใหญ่จึงเป็นนักเรียนประจำ ซึ่งพักอำศัยอยู่ในโรงเรียน และไม่ต้องเสีย ค่ำธรรมเนียมกำรศึกษำ ค่ำอำหำร ค่ำที่พัก จำกพื้นหลังของโรงเรียนเซนต์โยเซฟเเม่เเจ่มดังที่ได้กล่ำวมำข้ำงต้น จะสำมำรถเห็นได้ว่ำบริบทของ ของเด็กนักเรียนจำกโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม มีควำมเเตกต่ำงจำกเด็กนักเรียนในโรงเรียนสหวิทย์อย่ำง สิ้นเชิง ไม่ว่ำจะเป็นในด้ำนพื้นหลังของนักเรียน ตลอดจนด้ำนพื้นหลังของโรงเรียน ภาพถ่ายโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม จากมุมสูง
2.1.3 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล • ข้อมูล เชิงปริ มำณชั้น ทุติย ภูมิ ได้แก่ คะแนนสอบ ONET ระดับชั้น มัธ ยมศึกษำปีที่ 3 ในรำยวิชำ คณิตศำสตร์ และวิชำวิทยำศำสตร์ ซึ่งโรงเรียนและสำนักงำนทดสอบทำงกำรศึกษำแห่งชำติ ได้เก็บ รวบรวมไว้ • ข้อมูลเชิงคุณภำพ โดยเก็บรวบรวมผ่ำนกำรสนทนำกลุ่ ม (Focus Group Discussion) กับครูและ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำในโรงเรียนเป้ำหมำย โดยคณะผู้วิจัยจะเก็บข้อมูลตำมวัตถุประสงค์เฉพำะและ ผลลัพธ์ที่คำดหวังตำมแผนที่ได้วำงไว้ในช่วงที่ 1 กับครูและนักเรียน โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1) กำรแบ่งกลุ่มเป้ำหมำย ง - 11
เนื่องจำกข้อจำกัดที่โรงเรียนอยู่ในระหว่ำงกำรสอบปลำยภำค และกำรปิดเทอม ทำให้มีระยะเวลำ จำกัดในกำรเก็บข้อมูล ผู้เก็บข้อมูลจึงใช้วิธีกำรสัมภำษณ์กลุ่มเป้ำหมำยใช้รูปแบบสนทนำกลุ่ม (Focus Group Discussion) ครั้งละ 5-15 คน กับนักเรียน 2 กลุ่ม ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำที่อยู่ในระหว่ำงกำรเรียนกำร สอนโดยระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น กับนักเรียนที่เคยในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่ น สำหรับคุณครูผู้สอนจะใช้วิธีกำร สัมภำษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informant Interview) เนื่องจำกจำนวนผู้สอนมีจำนวนไม่มำกพอที่จะทำกลุ่ม และมีภำรกิจในกำรสอน โดยแต่ละโรงเรียนมีข้อมูลรำยละเอียดดังต่อไปนี โรงเรียนสหวิทย์ (1) กลุ่มนักเรียนที่กำลังเรียน เลิร์น เอ็ดดู เคชั่น ชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น จำนวน 15 คน ทำกำรสุ่ม โดยคละห้องเรียน และคละเพศของนักเรียน ดังต่อไปนี้ - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1 จำนวน 5 คน - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 จำนวน 5 คน - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 จำนวน 5 คน (2) กลุ่มนักเรียนที่เคยเรียน เลิร์ น เอ็ดดูเคชั่น ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษำอยู่ในชั้นมัธยมศึกษำตอน ปลำย จำนวน 5 คน ทำกำรสุ่มโดยคละช่วงชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4- 6 คละห้องเรียน และคละเพศ ของนักเรียน ดังต่อไปนี้ - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4-6 จำนวน 5 คน (3) ครูผู้สอนที่ได้รับกำรอบรมจำก เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ที่รับผิดชอบในกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้โดย ใช้ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ได้แก่ - ครูผู้สอนวิชำวิทยำศำสตร์ จำนวน 1 คน - ครูผู้สอนวิชำคณิตศำสตร์ จำนวน 1 คน โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม (1) กลุ่มนักเรียนที่กำลังเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ชั้นมัธยมศึกษำตอนต้ น จำนวน 15 คน ทำกำรสุ่ม โดยคละห้องเรียน และคละเพศของนักเรียน ดังต่อไปนี้ - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1 จำนวน 5 คน - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 จำนวน 5 คน - นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 จำนวน 5 คน ง - 12
(2) กลุ่มนักเรียนที่เคยเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ซึ่งปัจจุบัน กำลังศึกษำอยู่ในชั้นมัธยมศึกษำตอน ปลำย จำนวน 5คน ทำกำรสุ่มโดยคละช่วงชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 4- 6 คละห้องเรียน และคละเพศ ของนักเรียน ดังต่อไปนี้ - ไม่สำมำรถพบกลุ่มตัวอย่ำงได้ เนื่องจำกนักเรียนจบกำรศึกษำไปแล้ว อีกทั้งยังไม่สำมำรถ ติดตำม หรือเดินทำงเพื่อขอสัมภำษณ์ได้ด้วยเหตุผลทำงภูมิศำสตร์ที่เป็นที่รำบสูงห่ำงไกล (3) ครูผู้สอนที่ได้รับกำรอบรมจำก เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ที่รับผิดชอบในกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้โดย ใช้ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ได้แก่ - ครูผู้สอนวิชำวิทยำศำสตร์ จำนวน 1 คน - ครูผู้สอนวิชำคณิตศำสตร์ จำนวน 1 คน 2) ขั้นตอนกำรสนทนำกลุ่ม 2.1) กำรดำเนินงำนสนทนำกลุ่ม ผู้ วิ จั ย ใช้ วิ ธี ก ำรสนทนำกั บ กลุ่ ม เป้ ำ หมำยที่ เ ป็ น นั ก เรี ย น โดยมี ก ำรชี้ แ จงวั ต ถุ ป ระสงค์ ก ำรวิ จั ย รำยละเอียดกำรยินยอมเข้ำร่วมกำรวิจัยโดยละเอียด และขออนุญำตในกำรบันทึกเสียง เป็นเวลำ 30- 60 นำที ก่อนกำรสัมภำษณ์ทุกครั้ง ในระหว่ำงกำรสัมภำษณ์ผู้วิจัยได้เตรียมโครงร่ำงคำถำมที่ส อดคล้ องและ ครอบคลุมประเด็นที่ต้องกำรทรำบ โดยใช้คำถำมแบบปลำยเปิดเพื่อทำควำมเข้ำใจต่อสถำนกำรณ์ สำเหตุต้น ตอ และสภำพแวดล้อมของกลุ่มเป้ำหมำย ในบรรยำกำศแบบไม่เป็นทำงกำรเพื่อเปิดอิสระในกำรแลกเปลี่ยน ข้อมูล มีกำรทวนคำตอบ ปรับเปลี่ยนข้อคำถำม ใช้กิจกรรมประกอบกำรสัมภำษณ์ เพื่อให้วิธีกำรสัมภำษณ์ เหมำะสมกับกลุ่มเป้ำหมำย โดยคำนึงถึงควำมสำมำรถในกำรตอบคำถำม และควำมเปรำะบำงของเยำวชน โดยกำรดำเนินกำรสนทนำกลุ่มมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ (1) กลุ่มผู้เก็บข้อมูลแนะนำตัว ชี้แจงวัตถุประสงค์กำรเก็บข้อมูล วิธีกำร ชี้แจงข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือ แสดงควำมยินยอมเข้ำร่วมกำรวิจัย และให้ผู้เข้ำร่วมเซ็นรับรองหนังสือแสดงควำมยินยอมฯ (2) คำถำมอุ่นเครื่อง เป็นกำรถำมตอบเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปเพื่อให้ทรำบถึงสภำพแวดล้อมของกลุ่มเป้ำหมำย วิธีกำรเรียน กำรสอน กระบวนกร (Facilitator) จะใช้ วิ ธี ก ำรสนทนำแบบไม่ เ ป็ น ทำงกำรในข้ อ ค ำถำมที่ ต อบได้ ง่ ำ ย เหมำะสมกับวัยของกลุ่มเป้ำหมำย และชวนนึกย้อนทบทวนสถำนกำรณ์เกี่ยวกับกำรเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
ง - 13
เพื่อกระตุ้นให้เกิดกำรมีส่วนร่วมในกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลร่ วมกัน และกำรสร้ำงสัมพันธ์ภำพก่อนเริ่มคำถำมที่ ยำกในกำรตอบมำกขึ้นในช่วงถัดไป ข้อคำถำมที่สำคัญได้แก่ - น้อง ๆ ชื่ออะไรกันบ้ำง มำจำกที่ไหนบ้ำง - โรงเรียนมีสอนถึงระดับไหน มีห้องเรียนเท่ำไหร่ ห้องละกี่คน - มัธยมศึกษำปีที่ 3 ได้ที่เรียนต่อหรือยัง ไปต่อที่ไหน มีเพื่อนไปต่อที่ไหนบ้ำง - มีเพื่อนไม่เรียนต่อไหม เยอะแค่ไหน - มีใครรู้จัก เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น บ้ำง คืออะไรเอ่ยเล่ำให้ฟังหน่อย - เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เรียนบ่อยแค่ไหน เรียนอย่ำงไรบ้ำง - ควำมแตกต่ำงระหว่ำงกำรเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น กับห้องเรียนปกติเป็นอย่ำงไรบ้ำง ข้อดี ข้อเสีย คืออะไร (3) กำรสำรวจควำมเสี่ยง เป็นกำรสัมภำษณ์ที่ใช้กิจกรรมมำช่วยหำควำมเสี่ยงหรือปัญหำของเยำวชนและควำมสัมพันธ์ของ ปัญหำกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เนื่องด้วยผู้วิจัยตระหนักถึงควำมเปรำะบำง และควำมสำมำรถในกำรสื่อสำรของ กลุ่มเป้ำหมำยที่เป็นเยำวชน จึงใช้วิธีกำรแจกกระดำษให้กลุ่มเป้ำหมำยเขียนควำมเสี่ยงในชีวิตที่พบเจอโดยไม่ จำกัดจำนวนข้อ จำกนั้นทำกำรรวบรวมหัวข้อสำคัญสรุปลงในกระดำษแผ่นใหญ่ และให้กลุ่มเป้ำหมำยนำสติก เกอร์สีสันเพื่อโหวตหัวข้อที่เชื่อมโยงกับตนเองมำกที่สุด วิธีกำรดังกล่ำวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดผลกระทบในกำร เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และเพื่อสร้ำงบรรยำกำศที่เอื้อต่อกำรเปิดเผยข้อมูลที่อำจมีควำมเปรำะบำง หลังจำก ได้ผลกำรโหวต กระบวนกร (Facilitator) จะสรุปหัวข้อสำคัญที่มีกำรโหวดเยอะที่สุดมำถำมถึงรำยละเอียด ควำมกังวล สถำนกำรณ์ปัจจุบัน ผลกระทบ และควำมสัมพันธ์กับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น คำถำมสำคัญได้แก่ - อยำกให้น้องค่อยๆใช้เวลำคิดว่ำ มีปัญหำอะไรบ้ำงที่น้องกำลังกังวลอยู่ - ไม่ต้องเขียนชื่อ ไม่ต้องกังวลว่ำใครจะรู้คำตอบ เพรำะพี่จะรวมกระดำษของน้อง แล้ว แอบไปเขียนสรุปให้เอง - ปัญหำจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ ไม่จำกัด ไม่มีกำหนด ไม่มีผิดถูก แต่ต้องเป็นปัญหำที่หนูรู้สึก กังวล กลัว ไม่สบำยใจ หรือเครียดก็ได้ - ถ้ำนึกออกแล้วเขียนลงในกระดำษ ไม่ต้องตำมเพื่อน เอำปัญหำของตัวเองที่พบเจออะไร ก็ได้ไม่มีผิดถูกนะ - ปัญหำ.......มันเป็นยังไงบ้ำง เล่ำให้ฟังหน่อย ง - 14
- น้องคิดว่ำกำรเรียนกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ช่วยลดควำมกังวลเรื่องนี้หรือไม่ (4) กำรสำรวจคุณภำพชีวิตที่ดี เป็นกำรสัมภำษณ์ที่ใช้กิจกรรมมำช่วยหำคุณภำพชีวิตที่ดีของกลุ่มเป้ำหมำย แลหำควำมสัมพันธ์ของ คุณภำพชีวิตที่ดีกับกำรเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น โดยกระบวนกร (Facilitator) จะถำมนิยำมของคุณภำพชีวิตที่ดี ของกลุ่ มเป้ ำหมำย และทำกำรสรุ ป ควำมเข้ำใจให้ เป็นทิศทำงเดียวกัน จำกนั้นใช้วิธีกำรแจกกระดำษให้ กลุ่ มเป้ ำหมำยเขีย นลั กษณะคุณภำพชีวิตที่ดี ของตนเองโดยไม่จำกัดจำนวนข้ อ จำกนั้นให้ กลุ่ มเป้ำหมำย เรียงลำดับคุณภำพชีวิตที่สำคัญที่สุด 1-5 อันดับของตนเอง หลังจำกนั้นวิทยำกรจะสรุปหัวข้อที่ถูกระบุถึงมำก ที่สุด และสอบถำมควำมเชี่ยมโยง คำถำมสำคัญได้แก่ - คิดว่ำคุณภำพชีวิตที่ดีหมำยถึงอะไร - อะไรที่ทำแล้วมีควำมสุข หรือโตขึ้นไปแล้วอยำกมีชีวิตแบบไหน - สิ่งเหล่ำนี้เกิดขึ้นได้จริงไหม ต้องทำอย่ำงไรถึงจะเกิดขึ้น - จำกที่เขียนมำมีคนเลือก........มำกที่สุด น้อง ๆ คิดว่ำกำรเรียนกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จะมี ส่วนช่วยให้เกิดขึ้นได้ไหม อย่ำงไร (5) เจตคติที่ดีต่อกำรเรียนที่เพิ่มขึ้น เป็นกำรสัมภำษณ์ในคำถำมเกี่ยวกับงำนอดิเรก อนำคตที่มุ่งหวัง จะเป็น กำรเปลี่ยนแปลงหลังจำกเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เพื่อสำรวจเจตคติที่มีต่อกำรศึกษำ และกำรใช้ชีวิต ที่ เป็นผลจำกกำรเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น คำถำมสำคัญได้แก่ - ใครอยำกเรียนอะไรบ้ำง คณะไหน - รู้ยังว่ำโตขึ้นอยำกเป็นอะไร - ลองนึกย้อนดูก่อนที่จะเรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เรำทำกิจกรรมอะไรบ้ำง มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไปบ้ำง
ง - 15
สนทนากลุ่มย่อยกับกลุ่มครู สังเกตการณ์ โดยคณะผู้วิจยั หลัก
สนทนากลุ่มย่อยกับกลุ่มนักเรียน (โดยคณะผู้วจิ ัย)
การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling)
ภาพประกอบที่ 2 - 2 แผนภาพแสดงภาพรวมของขั้นตอนการเก็บข้อมูล
2.2 ขั้นตอนกำรประมวลผลข้อมูล กำรวิเครำะห์ข้อมูลในโครงกำรวิจัยครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ 2.2.1 กำรวิ เ ครำะห์ ข้ อ มู ล ส่ ว นที่ เ ป็ น ข้ อ มู ล เชิ ง ปริ ม ำณ ได้ แ ก่ ผลคะแนนสอบ ONET ระดั บ ชั้ น มัธยมศึกษำปีที่ 3 ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ และรำยวิชำวิทยำศำสตร์ โดยคณะผู้วิจัยจะทำกำรเปรียบเทียบ ค่ำเฉลี่ยของคะแนน ONET ในรำยวิชำดังข้ำงต้น โดยอำศัยกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดี่ยว (One-way ANOVA) มำใช้ในกำรเปรียบเทียบค่ำเฉลี่ยระหว่ำงกลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น และ กลุ่มนักเรียนที่เคยเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ตั้งแต่กลุ่มที่เคยเรียน 1 ปี ไปจนถึงกลุ่มที่เคยเรียน 3 ปี ส ำหรั บ วิธีกำรประมวลผลทำงสถิตินั้ น คณะผู้ วิจัยจะใช้โ ปรแกรมประมวลผลสถิติทำงสั งคมศำสตร์ เป็น เครื่องมือในกำรประมวลผล ได้แก่ โปรแกรม Statistical Package for Social Sciences : SPSS 2.2.2 กำรวิเครำะห์ข้อมูลส่วนที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภำพ เนื่องจำกข้อมูลในส่วนนี้เป็นข้อมูลชั้นฐมภูมิ ซึ่ง คณะผู้วิจัยเป็นผู้ทำกำรเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง จึงมีควำมจำเป็นที่จะต้องทำกำรตรวจสอบข้อมูลเสียก่อน จะทำกำรวิเครำะห์ การตรวจสอบข้อมูล คณะผู้วิจัยจะทำกำรตรวจสอบข้อมูลที่ได้ โดยวิธีกำรตรวจสอบข้อมูลแบบ 3 เส้ำ (Triangulation) ได้แก่
ง - 16
(1) กำรตรวจสอบเชิงข้อมูล คือ กำรตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูล (Consistency) ผ่ำน กำรถำมคำถำมเดิมในหลำยบริบท และหลำยลักษณะ (2) กำรตรวจสอบเชิงผู้ให้ข้อมูล คือกำรตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูล (Accuracy) ผ่ำน กำรเก็บข้อมูลจำกกลุ่มเป้ำหมำยที่แตกต่ำงกัน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักเรียนที่เคยใช้ระบบ เลิ ร์ น เอ็ดดูเคชั่น (Treatment Group) กลุ่ มนักเรียนที่ไม่เคยใช้ระบบ เลิ ร์น เอ็ดดูเคชั่น (Control Group) และกลุ่มครู (Observe Group) (3) กำรตรวจสอบเชิงผู้เก็บข้อมูล คือ กำรตรวจสอบอคติของผู้เก็บข้อมูล (Bias) ผ่ำนกำรเก็บ ข้อมูลเดียวกันของผู้วิจัยหลำยท่ำน จำกนั้ น คณะผู้ วิ จั ย จะท ำกำรวิ เ ครำะห์ ข้ อ มู ล ด้ ว ยวิ ธี ก ำรวิ เ ครำะห์ ข้ อ มู ล แบบพรรณนำโวหำร (Descriptive Analysis) โดยน ำเอำข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ ำกกำรท ำสนทนำกลุ่ ม และข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ จ ำกกำรสั ง เกต มำ วิเครำะห์กับแบบมำตรประมำณค่ำ (Rating Scale) ซึ่งจะมีกำรกำหนดระดับควำมเข้มของพฤติกรรมของผู้ถูก สั ง เกตออกเป็ น ช่ ว งคะแนน มำตรประมำณค่ ำ มี ค วำมเข้ ม ของระดั บ พฤติ ก รรม 3 ระดั บ คื อ 1) พบเจอ พฤติกรรมมำกกว่ำ 3 ครั้ง 2) พบเจอพฤติกรรม 1-2 ครั้ง และ 3) ไม่พบเจอพฤติกรรม 2.3 ผลกำรศึกษำข้อมูลเชิงปริมำณ 2.3.1 ผลกำรศึกษำเชิงพรรณนำ คณะผู้วิจัยได้นำเอำข้อมูลผลคะแนนสอบ ONET ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ของ โรงเรียนสหวิทย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่โรงเรียนได้ทำกำรจัดเก็บไว้ มำวิเครำะห์ พบว่ำ โรงเรียนสหวิทย์ ได้ทำ กำรจัดเก็บข้อมูลคะแนน ONET ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ในรำยวิชำคณิตศำสตรและวิทยำศำสตร์ไว้ตั้งแต่ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 ปี ได้แก่ ผลคะแนนในปีกำรศึกษำ 2553 ไปจนถึงปีกำรศึกษำ 2558 ทั้งนี้ โรงเรียนสหวิทย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เริ่มนำเอำระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เข้ำมำใช้ครั้งแรกในวิชำ วิทยำศำสตร์ เมื่อปีกำรศึกษำ 2554 และ นำมำใช้กับรำยวิชำคณิตศำสตร์ครั้งแรกในปีกำรศึกษำ 2555 ส่งผล ให้มีนักเรียนในแต่ละปีกำรศึกษำที่เข้ำสอบ ONET มีประสบกำรณ์ในกำรเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ที่ไม่ เท่ำเทียมกัน ตั้งแต่ ไม่เคยมีประสบกำรณ์ ไปจนถึงมีประสบกำรณ์ 3 ปี (เริ่มเรียนกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ตั้งแต่ มัธยมศึกษำปีที่ 1 จนถึง มัธยมศึกษำปีที่ 3) ดังตำรำง
ง - 17
ตารางแสดงจานวนปีที่ได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ก่อนเข้าสอบ ONET ของเด็กนักเรียนในแต่ละปีการศึกษา รายวิชา ปีการศึกษา
คณิตศำสตร์ 0 ปี 0 ปี 1 ปี 2 ปี 3 ปี 3 ปี
2553 2554 2555 2556 2557 2558
วิทยำศำสตร์ 0 ปี 1 ปี 2 ปี 3 ปี 3 ปี 3 ปี
หลังจำกที่ได้ทำกำรแบ่งกลุ่มของนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่มแล้วคณะผู้วิจัยได้ทำกำรประมวลผลข้อมูล ด้วยสถิติเชิงพรรณนำ (Descriptive Statistic) เบื้องต้น โดยแยกกำรวิเครำะห์ออกเป็นสองกลุ่ม ได้แก่วิชำ คณิตศำสตร์ และ วิทยำศำสตร์ ดังนี้ 1) วิชำคณิตศำสตร์ ตารางพรรณนาค่าทางสถิติในรายวิชาคณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ระยะเวลาที่ได้เรียน
จานวน
คะแนน
คะแนน
เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
(คน)
ต่าสุด
สูงสุด
0 ปี
200
8.00
1 ปี
67
2 ปี 3 ปี
ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
69.60
27.13
10.05
9.60
52.80
27.94
8.38
91
9.60
59.20
27.63
9.44
160
9.60
90.00
34.46
13.94
เมื่อพิจำรณำข้อมูลสถิติเชิงพรรณนำในตำรำง จะเห็นว่ำนักเรียนที่ไม่เคยเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ด ดูเคชั่น (ปีกำรศึกษำ 2553 และ 2554) จำนวน 200 คน มีคะแนน ONET เฉลี่ยในรำยวิชำคณิตศำสตร์น้อย ที่สุด ที่ 27.13 คะแนน อย่ำงไรก็ตำม ผลคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มที่ได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำ 1 และ 2 ปีนั้น มีคะแนนมำกกว่ำกลุ่มที่ไม่เคยเรียนเพียงเล็ กน้อย ที่ 27.94 และ 27.63 ตำมลำดับ แต่เมื่อ ง - 18
พิจำรณำกลุ่มที่มีโอกำสเรียนในระบบของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำ 3 ปี จะมีคะแนนสูงกว่ำ กลุ่มอื่น ๆ อย่ำง เห็นได้ชัด ที่ 34.46 ต่อมำเมื่อพิจำรณำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน เพื่อดูกำรกระจำยตัวของคะแนนจะพบว่ำกลุ่ม ที่มีประสบกำรณ์เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำ 3 ปี จะมีกำรกระจำยตัวของคะแนนมำกที่สุด ที่ 13.94 ในขณะที่กลุ่มที่มีโอกำสเรียนในระบบ เลิ ร์น เอ็ดดูเคชั่น 1 ปี เป็นกลุ่มที่มีกำรกระจำยตัวของคะแนน น้อยที่สุด แผนภูมิเส้นเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนแต่ละกลุ่มในรายวิชาคณิตศาสตร์ 40.00
34.47
35.00 30.00
27.13
27.94
0 ปี
1 ปี
27.63
25.00 20.00 15.00 10.00 5.00 0.00 2 ปี
3 ปี
2) วิชำวิทยำศำสตร์ ตารางพรรณนาค่าทางสถิติในรายวิชาคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ ระยะเวลาที่ได้เรียน
จานวน
คะแนน
คะแนน
เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
(คน)
ต่าสุด
สูงสุด
0 ปี
108
0.00
1 ปี
92
2 ปี 3 ปี
ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
60.00
25.28
11.27
16.00
62.00
34.54
8.41
67
20.00
62.00
39.37
8.20
251
20.00
90.00
46.28
13.16
เมื่อพิจำรณำข้อมูลสถิติเชิงพรรณนำในตำรำง จะเห็นได้ว่ำกลุ่มนักเรียนที่ไม่เคยมีโอกำสเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น มีคะแนน ONET เฉลี่ย ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์น้อยที่สุดเพียง 25.28 เท่ำนั้น และเมื่อ พิจำรณำต่อไปจะพบว่ำคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนในกลุ่มที่มีโอกำสเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น 1 ปี, 2 ปี ง - 19
และ 3 ปี จะมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มมำกขึ้นเรื่อย ๆ ที่ 34.54, 39.37 และ 46.28 ตำมลำดับ 34.46 ต่อมำเมื่อ พิจำรณำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน เพื่อดูกำรกระจำยตัวของคะแนนจะพบว่ำกลุ่มที่มีประสบกำรณ์เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำ 3 ปี จะมีกำรกระจำยตัวของคะแนนมำกที่สุด ที่ 13.16 ในขณะที่กลุ่มที่มีโอกำส เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น 2 ปี เป็นกลุ่มที่มีกำรกระจำยตัวของคะแนนน้อยที่สุดที่ 8.20 แผนภูมิเส้นเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนแต่ละกลุ่มในรายวิชาวิทยาศาสตร์ 47.16
50.00 45.00
39.37
40.00
34.54
35.00 30.00
25.28
25.00 20.00 15.00 10.00 5.00 0.00 0 ปี
1 ปี
2 ปี
3 ปี
2.3.2 กำรทดสอบค่ำเฉลี่ย จำกค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ และวิทยำศำสตร์ ดังได้กล่ำวมำข้ำงต้น คณะผู้วิจัยได้เลือกเอำสถิติทดสอบที่เรียกว่ำกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดี่ยว (One-way Analysis of Variances : One-way ANOVA) มำใช้ในกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ของนักเรียนแต่ละกลุ่ม โดยอำศัยโปรแกรมประมวลผลข้อมูลสถิติทำงสังคมศำสตร์ ได้แก่ โปรแกรม Statistical Package for Social Sciences : SPSS ในกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยด้วยกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดี่ยว ข้อมูลที่นำมำใช้ในกำรประมวลผล นั้น จะต้องผ่ำนเกณฑ์ข้อกำหนดขั้นพื้นฐำน (Assumption) ทั้งหมด 2 ข้อด้วยกัน ดังนี้ (1) ข้อมูลที่นำมำทดสอบควรมำจำกข้อมูลที่มีกำรกระจำยตัวแบบปกติ (Normal Distribution) หรือ ใกล้เคียง (2) ข้อมูลที่นำมำทดสอบแต่ละกลุ่ม ต้องเป็นอิสระจำกกันและกัน โดยข้อมูลที่นำมำใช้ในกำรประมวลผลของคณะผู้วิจัยนั้น ผ่ำนเกณฑ์คุณสมบัติขั้นต้นทั้งหมด กำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ ง - 20
คณะผู้วิจัยได้เริ่มทำกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ โดยเริ่มต้นจำก กำรทดสอบควำมแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่ำง (Test of Homogeneity) โดยใช้สถิติทดสอบเลวีน (Levene Statistic) เป็นเครื่องมือในกำรทดสอบ คณะผู้วิจัยได้ตั้งสมมติฐำนไว้ ดังนี้ H0: ควำมแปรปรวนของผลคะแนนแต่ละกลุ่มไม่แตกต่ำงกัน H1: มีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่มีควำมแปรปรวนของผลคะแนนแตกต่ำงกัน โดยคณะผู้วิจัยได้กำหนดระดับนัยยะสำคัญ () ไว้ที่ 0.025 จำกนั้นคณะผู้วิจัยได้ทำกำรประมวลผล ข้อมูลโดยอำศัยโปรแกรมประมวลผลทำงสถิติ ได้ผลกำรทดสอบควำมแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่ำง ดังนี้ ผลกำรทดสอบควำมแปรปรวนของกลุ่มนักเรียน ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ Test of Homogeneity of Variances Levene Statistic
df1
df2
Sig.
6.093
3
514
.000
จำกตำรำงพบว่ำค่ำสถิติทดสอบเลวีนของกลุ่มตัวอย่ำงในรำยวิชำคณิตศำสตร์อยู่ที่ 6.093 โดยที่มีค่ำ ระดับนัยยะสำคัญ (Significant Level) ที่ 0.000 กล่ำวคือค่ำสถิติทดสอบเลวีนตกอยู่ในบริเวณวิกฤติ ปฏิเสธ สมมติฐำนหลัก (H0) หมำยควำมว่ำมีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่มีควำมแปรปรวนของผลคะแนนแตกต่ำงกัน หรืออำจ กล่ำวได้ว่ำ ในกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยครั้งนี้ คณะผู้วิจัยจำเป็นจะต้องเลือกใช้สถิติทดสอบที่มีควำมเหมำะสมกับ กลุ่มตัวอย่ำงที่มีควำมแปรปรวนของข้อมูล ในแต่ล ะกลุ่ มไม่เท่ำกัน ในกรณีที่คณะผู้วิจัยจำเป็นต้องท ำกำร วิเครำะห์หลังกำรวิครำะห์ควำมแปรปรวน (Post-Hoc Analysis) จำกนั้นคณะผู้วิจัยได้เริ่มทำกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์ โดยเริ่ม จำกกำรตั้งสมมติฐำน ดังนี้ H0: ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ของแต่ละกลุ่ม ไม่มีควำมแตกต่ำงกัน H1: มีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET มีควำมแตกต่ำงกัน โดยคณะผู้วิจัยได้กำหนดระดับนัยยะสำคัญไว้ที่ 0.0025 ( = 0.025) เมื่อทำกำรประมวลผลข้อมูล แล้ว พบว่ำได้ผลกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดี่ยว ดังนี้ ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนของค่าเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ง - 21
ANOVA Sum of Squares
df
Mean Square
F
Sig.
Between Groups
5543.521
3
1847.840
14.924
.000
Within Groups
63641.464
514
123.816
Total
69184.985
517
เมื่อพิจำรณำ จะพบว่ำค่ำสถิติ F อยู่ที่ 14.924 ซึ่งตกอยู่ในบริเวณวิกฤติ เนื่องจำกมีค่ำระดับนัยยะ สำคัญน้อยกว่ำ 0.025 กล่ำวคือปฏิเสธสมมติฐำนหลัก (H0) ยอมรับสมมติฐำนทำงเลือก (H1) หมำยควำมว่ำมี อย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET มีควำมแตกต่ำงกัน เมื่อพบว่ำมีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์มีควำมแตกต่ำง กัน แล้ ว คณะผู้ วิจั ย จึ งทำกำรวิเครำะห์ ห ลั งกำรวิเครำะห์ ควำมแปรปรวน (Post-Hoc Analysis) ด้ว ยกำร ทดสอบควำมแตกต่ำงของค่ำเฉลี่ ยด้ว ยวิธีกำรจับคู่พหุ คุณ (Multiple Comparison) ซึ่งเมื่อพิจำรณำแล้ว คณะผู้วิจัยเห็นว่ำสถิติทดสอบที่ควรนำมำใช้ในกำรวิเครำะห์ ได้แก่ Tamhane’s Statistic ซึ่งมีควำมเหมำะสม สำหรับกำรวิเครำะห์ข้อมูลที่มีควำมแปรปรวนของแต่ละกลุ่มไม่เท่ำกัน โดยเมื่อประมวลผลแล้ว ได้ผลลัพธ์ ดังนี้ ตารางแสดงความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนน ONET ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย ช่วงระยะเวลาที่ได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
ความแตกต่างระหว่าง
ก่อนเข้าสอบ ONET
ค่าเฉลี่ย
(I) กลุ่ม 0 ปี
กลุ่ม 1 ปี
กลุ่ม 2 ปี
Sig.
(J)
(I-J)
กลุ่ม 1 ปี
-.81
.987
กลุ่ม 2 ปี
-.50
.999
กลุ่ม 3 ปี
-7.34
.000
กลุ่ม 0 ปี
.81
.987
กลุ่ม 2 ปี
.31
1.000
กลุ่ม 3 ปี
-6.52
.000
กลุ่ม 0 ปี
.50
.999
กลุ่ม 1 ปี
-.31
1.000
ง - 22
ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย
กลุ่ม 3 ปี
กลุ่ม 3 ปี
-6.83
.000
กลุ่ม 0 ปี
7.34
.000
กลุ่ม 1 ปี
6.52
.000
กลุ่ม 2 ปี
6.83
.000
จำกตำรำงจะเห็นว่ำมีเพียงกลุ่มที่มีโอกำสได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำสำมปีก่อนเข้ำ สอบ ONET เท่ำนั้น ที่มีค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน แตกต่ำงจำกกลุ่มอื่น ๆ อย่ำงมีนัยยะสำคัญ ในขณะที่กลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ กลุ่มที่ไม่เคยเรียนกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น, กลุ่มที่เคยเรียน 1 ปี และกลุ่มที่เคยเรียน 2 ปี กลับไม่มีควำม แตกต่ำงระหว่ำงค่ำเฉลี่ยที่มีนัยยะสำคัญแต่อย่ำงใด จึงสำมำรถสรุปควำมได้ว่ำ ในรำยวิชำคณิตศำสตร์นั้น กำร เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น จำเป็นจะต้องมีระยะเวลำในกำรเรียน 3 ปี เต็ม ก่อนเข้ำสอบ ONET เท่ำนั้น จึงจะมีผลคะแนนเพิ่มขึ้น กล่ำวคือสำหรับในรำยวิชำคณิตศำสตร์นักเรียนจำเป็นต้องเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ด ดูเคชั่น เป็นเวลำเต็มหลักสูตร 3 ปี จึงจะสำมำรถเห็นผลเชิงบวกในผลคะแนนของนักเรียน กำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์ คณะผู้วิจัยได้เริ่มทำกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์โดยเริ่มต้นจำก กำรทดสอบควำมแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่ำง (Test of Homogeneity) โดยใช้สถิติทดสอบเลวีน (Levene Statistic) เป็นเครื่องมือในกำรทดสอบ คณะผู้วิจัยได้ตั้งสมมติฐำนไว้ ดังนี้ H0: ควำมแปรปรวนของผลคะแนนแต่ละกลุ่มไม่แตกต่ำงกัน H1: มีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่มีควำมแปรปรวนของผลคะแนนแตกต่ำงกัน โดยคณะผู้วิจัยได้กำหนดระดับนัยยะสำคัญ () ไว้ที่ 0.025 จำกนั้นคณะผู้วิจัยได้ทำกำรประมวลผล ข้อมูลโดยอำศัยโปรแกรมประมวลผลทำงสถิติ ได้ผลกำรทดสอบควำมแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่ำง ดังนี้ ผลการทดสอบความแปรปรวนของกลุ่มนักเรียน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ Test of Homogeneity of Variances Levene Statistic
df1
df2
Sig.
12.079
3
514
.000
ง - 23
จำกตำรำงพบว่ำค่ำสถิติทดสอบเลวีนของกลุ่มตัวอย่ำงในรำยวิชำคณิตศำสตร์อยู่ที่ 6.093 โดยที่มีค่ำ ระดับนัยยะสำคัญ (Significant Level)ที่ 0.025 กล่ำวคือค่ำสถิติทดสอบเลวีนตกอยู่ในบริเวณวิกฤติ ปฏิเสธ สมมติฐำนหลัก (H0) หมำยควำมว่ำมีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่มีควำมแปรปรวนของผลคะแนนแตกต่ำงกัน จำกนั้นคณะผู้วิจัยได้เริ่มทำกำรทดสอบค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์ โดย เริ่มจำกกำรตั้งสมมติฐำน ดังนี้ H0: ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ของแต่ละกลุ่ม ไม่มีควำมแตกต่ำงกัน H1: มีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET มีควำมแตกต่ำงกัน โดยคณะผู้วิจัยได้กำหนดระดับนัยยะสำคัญไว้ที่ 0.0025 ( = 0.025) เมื่อทำกำรประมวลผลข้อมูล แล้ว พบว่ำได้ผลกำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดี่ยว ดังนี้ ตารางแสดงผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนของค่าเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ Sum of Squares
ANOVA df
Mean Square
F
Sig.
Between 35468.269 3 11822.756 89.673 .000 Groups Within Groups 67767.517 514 131.843 Total 103235.786 517 เมื่อพิจำรณำตำรำงจะพบว่ำค่ำสถิติ F อยู่ที่ 89.673 ซึ่งตกอยู่ในบริเวณวิกฤติ เนื่องจำกมีค่ำระดับนัย ยะสำคัญน้อยกว่ำ 0.025 กล่ำวคือปฏิเสธสมมติฐำนหลัก (H0) ยอมรับสมมติฐำนทำงเลือก (H1) หมำยควำมว่ำ มีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET มีควำมแตกต่ำงกัน เมื่อพบว่ำมีอย่ำงน้อย 2 กลุ่มที่ค่ำเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์มีควำมแตกต่ำง กัน แล้ ว คณะผู้ วิจั ย จึ งทำกำรวิเครำะห์ ห ลั งกำรวิเครำะห์ ควำมแปรปรวน (Post-Hoc Analysis) ด้ว ยกำร ทดสอบควำมแตกต่ำงของค่ำเฉลี่ ยด้ว ยวิธีกำรจับคู่พหุ คุณ (Multiple Comparison) ซึ่งเมื่อพิจำรณำแล้ว คณะผู้วิจัยเห็นว่ำสถิติทดสอบที่ควรนำมำใช้ในกำรวิเครำะห์ ได้แก่ Tamhane’s Statistic ซึ่งมีควำมเหมำะสม สำหรับกำรวิเครำะห์ข้อมูลที่มีควำมแปรปรวนของแต่ละกลุ่มไม่เท่ำกัน โดยเมื่อประมวลผลแล้ว ได้ผลลัพธ์ ดังนี้
ง - 24
ตาราง Post-Hoc ของค่าเฉลี่ยของคะแนน ONET ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ความแตกต่างของค่าเฉลี่ย ช่วงระยะเวลาที่ได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ก่อนเข้า
ความแตกต่าง
สอบ ONET
ระหว่างค่าเฉลี่ย
(I) กลุ่ม 0 ปี
กลุ่ม 1 ปี
กลุ่ม 2 ปี
กลุ่ม 3 ปี
Sig.
(J)
(I-J)
กลุ่ม 1 ปี
-9.27
.000
กลุ่ม 2 ปี
-14.10
.000
กลุ่ม 3 ปี
-21.00
.000
กลุ่ม 0 ปี
9.27
.000
กลุ่ม 2 ปี
-4.83
.002
กลุ่ม 3 ปี
-11.74
.000
กลุ่ม 0 ปี
14.10
.000
กลุ่ม 1 ปี
4.83
.002
กลุ่ม 3 ปี
-6.91
.000
กลุ่ม 0 ปี
21.00
.000
กลุ่ม 1 ปี
11.74
.000
กลุ่ม 2 ปี
6.91
.000
จำกตำรำงจะสำมำรถเห็นได้ว่ำ เมื่อนำเอำกลุ่มของนักเรียนทุกกลุ่ม มำเปรียบเทียบกัน พบว่ำค่ำเฉลี่ย ของคะแนนสอบ ONET วิชำวิทยำศำสตร์ของทุกกลุ่ม มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงมีนัยยะสำคัญ และเมื่อนำมำ ประกอบกำรพิจำรณำกับค่ำเฉลี่ยของผลคะแนนสอบของแต่ละกลุ่มแล้ว จะพบว่ำ ผลคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มที่ ไม่เคยเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ไปจนถึงกลุ่มที่มีโอกำสเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เป็นเวลำ 3 ปี จะพบว่ำมีค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 22.28, 34.54, 39.37 และ 46.28 ตำมลำดับ แสดงให้เห็นว่ำค่ำเฉลี่ยของผลคะแนนมี กำรเพิ่มขึ้นอย่ำงมีนัยยะสำคัญ
ง - 25
ตารางแสดงค่าเฉลี่ยของผลคะแนน ONET ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบแต่ละกลุ่ม วิชาวิทยาศาสตร์ ระยะเวลาที่ได้เรียน เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
ค่าเฉลี่ย
0 ปี
25.28
1 ปี
34.54
2 ปี
39.37
3 ปี
46.28
อำจกล่ำวโดยสรุปได้ว่ำ ในวิชำวิทยำศำสตร์นั้น จำนวนปีที่เด็กนักเรียนได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ด ดูเคชั่น ช่วยเพิ่มผลคะแนนของนักเรียนขึ้น โดยยิ่งได้มีโอกำสเรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ก่อนเข้ำสอบ ONET ในรำยวิชำวิทยำศำสตร์มำกเท่ำไร ผลคะแนนก็จะเพิ่มขึ้นมำกเท่ำนั้น 2.4 ผลกำรศึกษำข้อมูลเชิงคุณภำพ 2.4.1 ผลกำรทำสนทนำกลุ่ม คณะผู้ วิจั ย ได้ทำกำรลงพื้นที่เเละจัดทำกำรสนทนำกลุ่ ม (Focus Group Discussion) เพื่อจัดเก็บ ข้อมูลเชิงคุณภำพ จำนวนทั้งสิ้น 2 พื้นที่ จำก 3 พื้นที่เป้ำหมำย โดยโรงเรียนเซนต์จอห์น ท่ำบม อยู่ในช่วงปิด เทอมที่นักเรียนกลับบ้ำน ประกอบกับบ้ำนของนักเรียนห่ำงไกลจำกโรงเรียนมำกและกระจำยอยู่หลำกหลำยที่ จำกกำรจัดเก็บข้อมูลจำกทั้งสองโรงเรียน คณะผู้วิจัยได้จัดเเบ่งผลของข้อมูลที่จัดเก็บได้ออกเป็นสำมด้ำน ได้เเก่ 1) ด้ำนกำรเรียน 2) ด้ำนควำมเสี่ยง 3) ด้ำนคุณภำพชีวิต โรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 17 มีนำคม 2560 ณ โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม ตำบลปำงหินฝน อำเภอแม่ แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
ง - 26
บรรยากาศขณะจัดการสนทนากลุ่ม โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม
1) ด้ำนกำรเรียน 1.1) กลุ่มเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น จำกกำรศึกษำพบว่ำเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีควำมสำคัญในด้ำนกำรช่วย ให้เข้ำใจเนื้อหำในกำรเรียนมำกขึ้น เนื่องจำกระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีครูที่มีเทคนิคกำรสอนน่ำสนใจ ประกอบ กับกำรนำเอำเทคโนโลยีมำใช้ในเรียนกำรสอน เช่นมีภำพประกอบ หรือวีดีทัศน์ ซึ่งช่วยทำให้เด็กนักเรียนได้ เห็นภำพของเนื้อหำที่ตนเรียน มำกกว่ำจะเป็นเพียงเเค่ตัวหนังสือหรือสัญลักษณ์ทำงคณิตศำสตร์ เด็กนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 คนหนึ่งได้ให้คำอธิบำยควำมสำคัญของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไว้ว่ำ “เลิร์น เอ็ดดูเคชั่นทาให้หนูเข้าใจมากขึ้น ครูมีวิธีการอธิบาย ให้เข้าใจมากขึ้น มีตัวอย่างที่หลากหลาย เเละที่สาคัญคือครูสอน สนุก” นอกจำกนี้ เ มื่ อ สอบถำมให้ เ ด็ ก นั ก เรี ย นมั ธ ยมศึ ก ษำปี ที่ 3 (ซึ่ ง เป็ น กลุ่ ม ที่ ผ่ ำ นกำรสอบ ONET เเล้ว) ลองชั่งน้ำหนักระหว่ำงกำรเรียนในห้องเรียนปกติ เเละกำรเรียนกับระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นว่ำกำรเรียน ส่วนใดช่วยให้สำมำรถทำข้อสอบได้มำกกว่ำกัน พบว่ำเด็กนักเรียนให้น้ำหนักกับระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมำกกว่ำ รำวร้อยละ 70 ดังคำอธิบำยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 คนหนึ่ง “เขา (ครู ในระบบ เลิ ร์น เอ็ดดูเคชั่น: คณะผู้ วิจัย) ได้เอา ตั ว อย่ า งข้ อ สอบ ONET มาวิ เ คราะห์ ใ ห้ เ ราดู ท าให้ พ อจะเห็ น เเนวข้อสอบ”
ง - 27
ทั้งนี้ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีควำมเเตกต่ำงจำกกำรเรียนในห้องตำมปกติ เนื่องจำกในเลิร์น เอ็ด ดูเคชั่นผู้เรียนไม่สำมำรถสอบถำมผู้สอนโดยตรงได้ อย่ำงไรก็ตำมกำรเรียนระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นควบคู่ไปกับ กำรเรียนในห้องเรียนธรรมดำก็สำมำรถช่วยกลบข้อเสียส่วนนี้ได้ อำจกล่ำวได้ว่ำสำหรับเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้นักเรียน เข้ำใจเนื้อหำเเละสำมำรถทำข้อสอบได้ ข้อสำคัญประกำรหนึ่งที่คณะผู้วิจัยสำมำรถสังเกตเห็นได้จำกกำร สนทนำกลุ่มนั่นคือ นักเรียนกลุ่มนี้มีควำมมั่นใจว่ำสำมำรถเรียนต่อในระดับกำรศึกษำที่สูงขึ้นด้วยเห็นว่ำตนมี ควำมสำมำรถมำกเพียงพอที่จะสอบเข้ำเเละเรียนต่อได้ กล่ำวคือเมื่อระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเสริมสร้ำง ควำมเข้ำใจในเนื้อหำ ตลอดจนช่วยให้เด็กนักเรียนทำข้อสอบได้มำกขึ้น จึงส่งผลให้เด็กนักเรียนเกิดควำม มั่นใจ อำจกล่ำวได้ว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยให้เด็กกลุ่มนี้มีควำมมั่นใจเเละอยำกที่จะเรียนต่อในระบบ กำรศึกษำมำกขึ้น “เลิร์นคือหลักสูตรของบทเรียน ที่เขาอธิบายชี้เเจง มากกว่า ที่เราอ่าน อธิบายให้เห็นภาพ เเสดงวิธีทา ยกตัวอย่างให้เราทา ทาให้เราเข้าใจเเบบฝึกหัดง่ายขึ้น” ข้อสั งเกตที่ส ำคัญประกำรหนึ่ ง นั่ นคือกำรเรียนผ่ำนระบบเลิร์น เอ็ ดดูเคชั่นเป็นกำรเรียนผ่ำน คอมพิวเตอร์ จึงอำจกล่ำวได้ว่ำนอกเหนือไปจำกเนื้อหำในรำยวิชำเเล้ว ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นยังได้ช่วยให้ เด็กนักเรียนได้สร้ำงควำมคุ้นชินกับกำรใช้คอมพิวเตอร์ รวมถึงได้ฝึกหัดทักษะกำรใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐำน ด้วย เด็กนักเรียนกลุ่มนี้ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกลุ่มนักเรียนชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 1 ให้ควำมสนใจกับกำรเรียนใน ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นค่อนข้ำงมำก เนื่องจำกมีควำมตื่นเต้นที่ได้เรียนกับคอมพิวเตอร์ นอกจำกนี้ ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยทำให้เด็กนักเรียนเห็นภำพว่ำสิ่งที่เรียนจะมีประโยชน์อย่ำงไร ในอนำคต รวมทั้งยังทำให้เด็กนักเรี ยนกลุ่ มนี้เห็นควำมส ำคัญของกำรเรียนในรำยวิชำคณิตศำสตร์ เเละ วิทยำศำสตร์ ส่งผลให้เกิดผลทำงบวกในเชิงเจตคติที่มีต่อระบบกำรศึกษำเเละกำรเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น
“ก่อนหน้านี้หนูไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ เบื่อคณิตศาสตร์มาก เเต่พอมาเรียนเลิร์นมันก็มีสีสันมากขึ้น เเล้วมันก็สามารถนาไปใช้ ในชีวิตประจาวันของเราได้” อำจกล่ำวโดยสรุปได้ว่ำ สำหรับโรงเรียนเซนต์โยเซฟเเม่เเจ่ม ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นถือว่ำสร้ำง ผลลัพธ์ให้เเก่นั กเรี ยนค่อนข้ำงมำก เนื่องจำกบริบทซึ่งอำจกล่ ำวได้ว่ำเด็กนักเรียนส่วนใหญ่มี โ อกำสทำง ง - 28
กำรศึกษำน้อยกว่ำเด็กในโรงเรียนอื่น โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเมื่อเทียบกับโรงเรียนในตัวเมือง กำรเรียนด้วยระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจึงสร้ำงผลเชิงบวกในด้ำนกำรศึกษำที่สำคัญอย่ำงน้อย 3 ประกำร ได้เเก่ 1) ช่วยส่งเสริมให้ เข้ำใจเนื้อหำดีขึ้น 2)ช่วยเสริมควำมมุ่งหมำยที่ จะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นผ่ำนกำรช่วยสร้ำงควำมมั่นใจใน ตนเองให้กับเด็ก 3) ช่วยเพิ่มคะเเนนสอบ ONET ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคะเเนนที่โรงเรียนรัฐบำลเเละโรงเรียน เอกชนส่วนใหญ่ ใช้ประกอบกำรพิจำรณำเรียนต่อในระดับมัธยมปลำย 2) ด้ำนควำมเสี่ยง จำกกำรสนทนำกลุ่ม คณะผู้วิจัยพบว่ำควำมเสี่ ยงที่เด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม ให้ น้ำหนักควำมกังวลใจมำกที่สุด คือประเด็นควำมเสี่ยงในด้ำนกำรเงิน โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรเงินสำหรับเรียนต่อ ในอนำคต ดังที่ได้ระบุไปข้ำงต้นว่ำพื้นหลังของเด็กนักเรียนในโรงเรีย นเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม ส่วนใหญ่เป็นเด็ก นักเรียนที่มำจำกครอบครัวที่มีฐำนะยำกจน ต่อประเด็นนี้คณะผู้วิจัยพบว่ำเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นเเม้ไม่ได้มีส่วนช่วย ด้ำนกำรเงินโดยตรง เเต่ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเพิ่มโอกำสเเละควำมสำมำรถในกำรสอบชิงทุนกำรศึกษำ ให้เเก่เด็กนักเรียน ดังจะเห็นได้จำกควำมเห็นของเด็กนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 3 “เวลาไปเรียนต่อก็พอมีทุน มีโควต้า พอเรียนเลินด์ เข้าใจ เลินด์ เราก็จะไปสอบชิงทุนเอาได้” นอกจำกนี้เด็กนักเรียนกลุ่มนี้ยังเห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะช่วยให้ได้รับกำรศึกษำที่มีคุณภำพใน ระดับเดียวกันกับโรงเรียนในเมือง ข้อสังเกตประกำรหนึ่งคือ เด็กนักเรียนชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 3 กลุ่มนี้ เป็นเด็กนักเรียนกลุ่มที่ผ่ำนกำร สอบ ONET เเล้ว กล่ำวคือได้นำเอำควำมรู้ควำมเข้ำใจเนื้อหำวิชำเรียนจำกระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไปใช้จริงใน กระบวนกำรคัดเลือกเพื่อเรียนต่อเเล้ว ควำมเสี่ยงประกำรถัดมำที่เด็กนักเรียนกลุ่มนี้ให้ควำมสำคัญเเละน้ำหนักมำก คือควำมเสี่ยงในด้ำนกำร เรียนต่อในระดับชั้นมัธยมปลำย เเละด้ำนสถำนที่เรียนต่อ กล่ำวคือเด็กนักเรียนมีควำมกังวลว่ำตนเป็นเด็ก นักเรียนในโรงเรียนที่ห่ำงไกล เมื่อจำเป็นต้องไปสอบเเข่งขันกับเด็กจำกโรงเรียนอื่น ๆ เพื่อเข้ำเรียนต่อในระดับ กำรศึกษำที่สูงขึ้น ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจึงเข้ำมำมีส่วนช่วยส่งเสริมควำมมั่นใจให้กับเด็กนักเรียนให้เชื่อมั่นว่ำ ตนเองสำมำมำรถมีควำมรู้เทียบได้กับเด็กโรงเรียนอื่น ๆ นอกจำกนี้ คณะผู้ วิ จั ย พบว่ ำ ควำมเสี่ ย งที่ ส ำคั ญ ส ำหรั บ เด็ ก นั ก เรี ย นกลุ่ ม มั ธ ยมศึ ก ษำปี ที่ 1 มัธยมศึกษำปีที่ 2 ที่สำคัญที่สุดสำมปัจจัย ได้เเก่ ควำมเสี่ยงด้ำนกำรไม่กล้ำสอบถำมเมื่อเกิดควำมสงสัย ควำม กังวลเช่นนี้เป็นผลอันเกี่ยวเนื่องมำจำกพื้นหลังทำงครอบครัวของเด็กนักเรียนส่วนมำก ซึ่งเป็นกลุ่มชำติพั นธุ์ ที่ ง - 29
มีภำษำเป็นของตนเอง ส่งผลให้มีควำมไม่มั่นใจในกำรสื่อสำรภำษำไทยกับครูผู้สอน หำกเป็นในห้องเรียนปกติ เด็กนักเรียนจะไม่กล้ำที่จะถำมเมื่อไม่เข้ำใจบทเรียน เเละด้วยเหตุที่จำนวนเด็กนักเรียนต่อครูหนึ่งคนมีมำก ส่งผลให้ครูผู้สอนไม่สำมำรถที่จะดูเเลเด็กนักเรียนได้อย่ำงทั่วถึง ในทำงตรงกันข้ำม ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นเป็น ระบบกำรเรียนกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเด็กนักเรียนสำมำรถย้อนดูเนื้อหำใหม่ได้หำกไม่เข้ำใจ ปัจจัยควำมเสี่ยงประกำรถัดมำที่เด็กนักเรียนกลุ่มนี้มีควำมกังวลมำก ได้เเก่ด้ำนกำรทำคะเเนนสอบ สอบได้ไม่ดี เด็กนักเรียนโรงเรียนี้ เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยให้เข้ำใจเนื้อหำมำกขึ้นในวิชำที่เดิมเรียนไม่ เข้ ำ ใจก็ ส ำมำรถเรี ย นเข้ ำ ใจได้ ซึ่ ง เด็ ก นั ก เรี ย นเห็ น ว่ ำ เเตกต่ ำ งจำกกำรเรี ยนในห้ อ ง โดยเฉพำะอย่ ำ งยิ่ ง ควำมสำมำรถในกำรถูกเปิดซ้ำของเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นที่ทำให้เด็กนักเรียนสำมำรถเข้ำใจเนื้อหำได้มำกขี้น เเม้จะ ไม่ต้องสอบถำมครูผู้สอนก็ตำม “ตอนป.6 ครูคณิตศาสตร์เขาก็จะสอนเเบบจะสอนอย่าง เดียว สอนเสร็จให้การบ้าน ซึ่งบางอย่างหนูทาไม่ได้ เเล้วหนู เป็นคนขี้อาย เลยไม่กล้าไปถามครู ทาให้หนูไม่เข้าใจ ไม่ได้ อะไรเลย” จำกปัจจัยควำมเสี่ยงสองประกำรดังที่ได้กล่ำวมำข้ำงต้น ได้นำมำสู่ปัจจัยควำมเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ได้ เเก่ ควำมเสี่ยงด้ำนสถำนที่เรียนต่อ เด็กนักเรียนกลุ่มนี้มีควำมกังวลว่ำตนอำจไม่สำมำรถสอบเข้ำเพื่อเรียนต่อใน ระดับที่สูงขึ้นได้ ซึ่งเเม้ว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะช่วยให้เด็กนักเรียนสำมำรถเข้ำใจเนื้อหำได้มำกขึ้น เเต่เด็ก นักเรียนกลุ่มนี้ยังคงไม่มั่นใจว่ำควำมรู้เเละเนื้อหำที่ตนเข้ำใจนั้น จะเพียงพอที่จะนำมำใช้ในกำรสอบระดับที่ สูงขึ้น เช่นในกำรสอบเข้ำเรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษำตอนปลำย หรือกำรสอบ ONET อำจกล่ำวได้ว่ำระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไม่ได้มีส่วนช่วยในกำรลดควำมกังวลใจในกำรหำสถำนที่เรียนต่อของเด็กกลุ่มนี้ กล่ำวโดยสรุป ในด้ำนกำรลดควำมเสี่ยงที่มีต่อเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีส่วนช่วยให้เกิดผลผลิตที่สำคัญสองประกำร ได้เเก่ 1) เพิ่มควำมเข้ำใจในเนื้อหำของวิชำเรียน 2) สร้ำงควำมเชื่อมั่นให้เเก่เด็กนักเรียนว่ำตนได้เรียนในมำตรฐำนเดียวกับโรงเรียนอื่น ๆ ซึ่งผลที่สำคัญทั้งสอง ประกำรนั้น ได้ก่อให้เกิดควำมมั่นใจที่จ ะกำรเรียนต่อในระดับกำรเรียนที่สูงขึ้น กล่ำวโดยง่ำยคือ เมื่อเด็ก นั กเรี ย นมีควำมเข้ำใจในเนื้ อหำวิช ำมำกขึ้น ประกอบกับเชื่อมั่นว่ำสิ่ งที่ตนเรียนนั้นอยู่ในระดับมำตรฐำน เดียวกับคนอื่น ๆ เด็กนักเรียนย่อมเกิดควำมมั่นใจในอันที่จะสอบเข้ำเพื่อเรียนต่อในระดับกำรศึกษำที่สูงขึ้น เเละในขณะเดียวกันก็มีควำมมั่นใจว่ำตนมีควำมสำมำรถเพียงพอที่จะเรียนต่อในระดับ มัธยมปลำยได้จนจบ กำรศึกษำ ง - 30
3) คุณภำพชีวิต ในเเง่เจตคติเกี่ยวกับคุณภำพชีวิต พบว่ำนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษำปีที่ 1 เเละ มัธยมศึกษำปีที่ 2 เห็นว่ำปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มีคุณภำพชีวิตที่ดีได้เเก่ กำรได้ทำตำมควำมฝันของตนเอง ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เห็นว่ำ ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตให้ดีขึ้น ผ่ำนกำรศึกษำที่มีมำตรฐำน จำกกำรพูดคุยกับเด็ก นักเรียนกลุ่มนี้ สะท้อนให้เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยให้เด็กนักเรียนชอบอะไร เเละที่สำคัญอยำกเรียน อะไร นอกจำกนี้ยังเชื่อว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะช่วยให้เขำสำมำรถสอบเข้ำ รวมถึงมีฐำนควำมรู้เพียง พอที่จะเรียนต่อในสำขำวิชำที่ชอบหรือวิชำชีพที่ตนต้องกำรได้ เช่น อำชีพเเพทย์ พยำบำล เป็นต้น “เพราะว่าหนู อยากเป็น หมอ เเละถ้าจะเป็นหมอก็ต้องเรียน สายวิทย-คณิต หนูคิดว่าระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นจะช่วยหนูได้” ไม่เพียงเเต่เด็กนัก เรียนที่อยำกประกอบอำชีพเเพทย์หรือพยำบำลเท่ำนั้นที่เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ด ดูเคชั่นจะมีส่วนช่วยให้ตนสำมำรถประสบควำมสำเร็จได้ หำกเเต่เด็กนักเรียนกลุ่มที่ต้องกำรประกอบอำชีพอื่น ๆ ก็มีควำมเห็ น เช่น เดีย วกัน ดังนั้ น เมื่อพิจ ำรณำจำกเจตคติข้ำงต้น จะเห็ นว่ำระบบเลิ ร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วย เสริมสร้ำงควำมมั่นใจในตัวเอง เเละควำมมั่นใจว่ำตนมีควำมรู้เเละทักษะควำมสำมำรถที่เพียงพอต่อกำรเรียน ต่อในสำขำวิชำที่ต้องกำรด้วย นอกเหนือไปจำกปัจจัยดังกล่ำวข้ำงต้น คณะผู้วิจัยยังพบอีกว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีส่วนสำคัญมำก ในกำรเสริมสร้ำงมีศนคติที่ดีต่อกำรเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้ว่ำนักเรียนส่วนใหญ่เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ตนจะสำมำรถได้เรียนต่อในสำขำวิชำ เเละได้ทำงำนในสำขำอำชีพที่ มุ่งหวัง “ทาให้เรามีความรู้ และได้ต่อ(เรียนต่อ : คณะผู้วิจัย)ไป ในสายที่เราชอบ จะส่งผลต่ออนาคตของเราก็มีความสุข ใช้ ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อมีงานทา” อำจกล่ำวโดยสรุปได้ว่ำ ในด้ำนกำรเพิ่มคุณภำพชีวิตนั้น ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นเเม้ว่ำจะไม่มีส่วน ส่งเสริมโดยตรงให้คุณภำพชีวิตของนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม ดีขึ้น หำกเเต่ระบบเลิร์น เอ็ดดู เคชั่น มีส่ ว นช่วยส่งเสริ มคุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ ซึ่งเป็นคุณภำพชีวิตด้ำนที่จะเป็นฐำนในกำรพัฒนำสู่ คุณภำพชีวิตด้ำนอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยทำให้เด็กนักเรียนค้นพบตัวตน ค้นพบควำมชอบ ของตนเอง ตลอดจนอำชีพที่อยำกจะทำ เเละถึงที่สุด เเล้วระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเสริมสร้ำงควำมมั่นใจ ให้กับเด็กนักเรียนเหล่ำนั้น ว่ำจะสำมำรถเดินทำงไปสู่เป้ำหมำยได้ ผ่ำนกำรเรียนในระดับกำรศึกษำที่สูงขึ้น ง - 31
กล่ำวโดยสรุปอย่ำงถึงที่สุดได้ว่ำ คุณูปกำรที่สำคัญที่สุดของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นที่มีต่อเด็กนักเรียนโรงเรียน เซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม ในด้ำนคุณภำพชีวิต ก็คือ กำรเสริมเเรงให้เด็กนักเรียนอยำกเรียนต่อในระบบกำรศึกษำ นั่นเอง 4) มุมมองจำกครูผู้สอน 4.1) ด้ำนกำรเรียน จำกมุมมองของครูผู้สอน พบว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีส่วนช่วยให้ผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนของเด็ก นั กเรี ย นดีขึ้ น โดยเฉพำะในกลุ่ มนั กเรี ย นที่มีส มำธิสั้ น เนื่องจำกระบบเลิ ร์น เอ็ดดูเคชั่นเป็นกำรเรี ย นกั บ คอมพิวเตอร์ เด็กนักเรียนสำมำรถนั่งเรียนคนเดียวได้โดยไม่มีกำรรบกวน นอกจำกนี้ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นยัง มีส่วนช่วยในกำรลดภำระงำนของครูลง โดยเปลี่ยนบทบำทของครู จำกผู้สอนให้ กลำยเป็นผู้อำนวยควำม สะดวก เมื่อภำระงำนสอนของครูลดลง ทำให้ครูสำมำรถนำเวลำไปใช้ในกำรดูเเลเเละกระตุ้นเด็กนักเรียน ได้มำกขึ้น ระบบเลิ ร์ น เอ็ดดูเคชั่น ยั งช่วยให้กำรเรียนกำรสอนในรำยวิชำวิทยำศำสตร์เเละวิชำคณิตศำสตร์ เป็นไปอย่ำงมีมำตรฐำน เนื่องจำกครูส่วนใหญ่ในโรงเรียนยังขำดมำตรฐำนเเละคุณภำพทำงกำรสอน ทั้งนี้ เนื่องจำกโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม เป็นโรงเรียนขยำยโอกำส ทำให้โรงเรียนยังขำดเเคลนบุคคลำกรครูที่ เป็นครูเฉพำะทำง นอกจำกนี้ ครูผู้สอน ยังได้ให้ควำมเห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีกำรจัดหลั กสู ตรที่ ดี นอกจำกนี้ยังทำให้เด็กนักเรียนเห็นภำพจริง ส่งผลใหเข้ำใจได้ง่ำย “เด็กได้เห็นอะไรหลากหลาย มีสื่อการสอนให้เรา มีหลาย ๆ อย่างเป็นรูปธรรมเห็นภาพชัดเจน เช่น สารเคมีบางตัวโรงเรียนไม่ ใช้ แต่ในระบบเลินด์จะมีการทดลองจริงทาให้ดูเลย” 4.2) ด้ำนควำมเสี่ยง ครูผู้สอนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม อธิบำยว่ำ ควำมเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของเด็กนักเรียนที่โรงเรียนนี้ ได้เเก่ สถำนะทำงเศรษฐกิจ ของครอบครั วเด็ก ซึ่งส่ ว นใหญ่มีฐำนะยำกจน จึงมีควำมไม่มั่นใจในกำรเข้ำรู้ กำรศึกษำที่สูงขึ้น ซึ่งเมื่อพิจำรณำเเล้วครูผู้สอนเห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไม่ได้เข้ำมำมีส่วนช่วยในกำรลด ควำมเสี่ยงด้ำนนี้ ในแง่อัตรำกำรออกจำกระบบกำรศึกษำของเด็กนักเรียน ในปีกำรศึกษำ 2558 และ 2559 ซึ่งเป็นสอง ปีแรกที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม เปิดให้มีกำรเรียนกำรสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษำตอนต้นครบทั้งสำมชั้น ปี (ก่อนหน้ ำนั้ น มีเพีย งชั้น มัธ ยมศึกษำปี ที่ 1 และมัธ ยมศึกษำปีที่ 2 เท่ำนั้น พบว่ำในปีกำรศึกษำ 2558 ง - 32
โรงเรี ย นมีเด็กนั กเรี ย นชั้น มัธ ยมศึกษำปี ที่ 3 จำนวน 48 คน มีเพียง 2 คนเท่ำนั้นที่เลื อกออกจำกระบบ กำรศึกษำภำยหลังจำกเรียนจบชั้นมัธยมต้น นอกจำกนั้น 46 คนเลือกเรียนต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้น แบ่งเป็น 44 คนเลือกเรียนต่อในสำยสำมัญ และ 2 คนเลือกเรียนต่อในสำยอำชีพ ในขณะที่ในปีกำรศึกษำ 2559 มีเด็ก นักเรียน 53 ในระดับชั้นมัธยม 3 มีเพียง 1 คนเท่ำนั้นที่เลือกออกจำกระบบกำรศึกษำหลังเรียนจบช่วงชั้น โดย มี 51 คน เลือกเรียนต่อในสำยสำมัญ และ 1 คน เลือกเรียนต่อในสำยอำชีพ อย่ำงไรก็ตำมในแง่ของอัตรำกำรออกจำกระบบกำรศึกษำของเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่ แจ่ม ไม่อำจนำมำเปรียบเทียบก่อนแหละหลังกำรเข้ำมำของ Learn Education ได้ เนื่องจำกโรงเรียนเซนต์โย เซฟ แม่แจ่ม ได้เริ่มใช้ระบบ Learn Education พร้อมกับที่เปิดกำรเรียนกำรสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 ส่งผลให้ไม่มีข้อมูลที่จะสำมำรถนำมำเปรียบเทียบอัตรำกำรออกจำกระบบกำรศึกษำก่อนและหลัง มีระบบ Learn Education ได้ 4.3) ด้ำนคุณภำพชีวิต ครูผู้สอนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ เเม่เเจ่ม เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยปรับเจตคติของเด็กนักเรียน ที่มีต่อกำรศึกษำ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรศึกษำในระดับที่สูงขึ้น ให้เป็นไปในเชิงบวกมำกขึ้น นอกจำกนี้ยังเพิ่ม เเรงกระตุ้นให้เด็กนักเรียนมีควำมหวังถึงอนำคตของตนเอง นอกจำกนี้ยังมีส่วนช่วยให้เด็กกลุ่มที่ตั้งใจเรียน สำมำรถเรียนจบได้อย่ำงมีคุณภำพ 5) ข้อสังเกตจำกผู้สังเกตกำรณ์ แม้ว่ำกลุ่มเป้ำหมำยจะเป็นกลุ่มชำติพันธุ์ แต่ได้รับกำรศึกษำเป็นระบบภำษำไทยสำมำรถอ่ำน เขียน พูดภำษำไทยได้ อย่ ำงไรก็ตำมประโยคที่ใช้สื่ อสำรอำจจะมีกำรเรียบเรียงคได้ไม่คล่ องแคล่ ว สำมำรถสื่ อ ควำมหมำยได้ไม่เป็นปัญหำ โดยกระบวนกรจะคอยทวนคำตอบเพื่อตรวจสอบควำมเข้ำใจให้ตรงกันและมีกำร เปลี่ยนใช้คำศัพท์ที่เข้ำใจได้ง่ำยอย่ำงสม่ำเสมอ ในช่วงแรกของกำรสนทนำกลุ่มเป้ำหมำยจะไม่ ค่อยกล้ำพูด แต่เมื่อดำเนินกำรสนทนำไปสักระยะ พบว่ำให้ควำมร่วมมือในกำรตอบคำถำมเป็นอย่ำงดี สังเกตได้จำกไม่พบท่ำทีลังเลในกำรตอบคำถำมของผู้ สัมภำษณ์ รวมทั้งเล่ำถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องที่นอกเหนือจำกคำถำมด้วยควำมเต็มใจ ลักษณะคำตอบมีทั้งเห็น พ้องกับผู้อื่นพูดและกำรแสดงควำมคิดเห็นของตนเองที่เพิ่มเต็มหรือแตกต่ำงจำกคำพูดของคนอื่นตลอดกำร สนทนำ โดยไม่พบกำรมีอิทธพลจำกบุคคลใดบุคคลหนึ่ง บำงครั้งจะมีครูผู้สอนเข้ำมำใกล้ในระยะที่สำมำรถได้ ยินคำตอบ แต่นักเรียนไม่มีพฤฤติกรรม หรือกำรเปลี่ยนแปลงคำตอบเกิดขึ้นเลย นักเรียนมัธยมศึกษำปีที่ 3 จะ
ง - 33
ให้ข้อมูลที่แสดงถึงผลลั พธ์ชัดเจนกว่ำ นักเรียนมัธยมศึกษำปีที่ 1-2 เพรำะผ่ำนกำรสอบ O-NET และได้มี ประสบกำรณ์กำรเรียนกับ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ยำวนำนที่สุด โรงเรียนสหวิทย์ เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 9 มีนำคม 2560 ณ โรงเรียนโรงเรียนสหวิทย์ ตำบลท่ำพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัด สุพรรณบุรี 1) ด้ำนกำรเรียน 1.1) กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น จำกกำรสนทนำกลุ่ม นักเรียนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ ไม่เเน่ใจว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีส่วนช่วยให้ผล กำรเรียนของตนดีขึ้นหรือไม่ คณะผู้วิจัยจึงได้ให้เด็กนักเรียนเขียนสัดส่วนระหว่ำ งกำรเรียนในระบบเลิร์น เอ็ด ดูเคชั่นเปรียบเทียบกับกำรเรียนในห้องเรียนปกติ เเล้วนำมำหำค่ำเฉลี่ย พบว่ำค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 40 : 60 โดยกลุ่มนี้ เห็นว่ำกำรเรียนในระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีเนื้อหำครอบคลุมสำหรับกำรสอบ ONET เท่ำนั้น เเต่เนื้อหำไม่ได้ เพียงพอต่อกำรสอบเข้ำเรียนต่อในสถำบันกำรศึกษำในระดับที่สูงขึ้น “รู้สึกเข้าใจมากขึ้น เพราะเวลาในห้องปกติคนมันเยอะ บางที ก็ ถ ามไม่ ไ ด้ แต่ ถ้ า เรี ย นในเลิ ร์ น เอ็ ด ดู เ คชั่ น ถ้ า ไม่ เ ข้ า ใจ ก็ สามารถย้อนกลับไปดูใหม่ได้ ” 1.2) กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนปลำย กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนปลำยส่วนใหญ่ เห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเสริมควำมเข้ำใจ เนื้อหำในห้องเรียน เเละช่วยให้สำมำรถทำข้อสอบ ONET ได้ เเต่ไม่ช่วยในมิตินอกเหนือจำกกำรสอบ ONET ไม่ว่ำจะเป็นกำรสอบเข้ำเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย หรือในระดับที่สูงขึ้น กล่ำวโดยสรุป ในด้ำนกำรเรียน ของเด็กนักเรียนในโรงเรียนสหวิทย์ ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่ว ย ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนเข้ำใจเนื้อหำของวิชำที่เกี่ยวข้องมำกขึ้น อย่ำงไรก็ตำม ด้วยเหตุที่ระบบเลิร์น เอ็ดดู เคชั่นมีเนื้อหำครอบคลุมเพียงเเค่เนื้อหำวิชำที่มีในข้อสอบ ONET เท่ำนั้น ส่งผลให้ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไม่ได้ มีส่วนช่วยในด้ำนอื่น ๆ เช่นในด้ำนสอบเข้ำเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย 2) ด้ำนควำมเสี่ยง กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น ง - 34
จำกกำรทำสนทนำกลุ่ม ไม่พบควำมเชื่อมโยงระหว่ำงกำรใช้ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น กับกำรลดควำมเสี่ยง ของนักเรียนโดยเมื่อผู้สัมภำษณ์ถำมควำมคิดเห็นว่ำกำรเรียนกับเลิร์นสำมำรถช่วยให้ลดควำมเสี่ยงในกลุ่มเด็ก มัธยมศึกษำปีที่ ต้นหรือไม่ อย่ำงไร ผู้ให้สัมภำษณ์ตอบเพียงว่ำไม่ช่วย อย่ำงไรก็ตำมเป็นที่น่ำสังเกตว่ำมีตัวอย่ำง 2 คน เเสดงควำมมั่นใจว่ำจะสำมำรถสอบเข้ำเรียนต่อได้ 3) ด้ำนคุณภำพชีวิต 3.1) กลุ่มเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น สำหรับนักเรียนกลุ่มนี้ ไม่เห็นว่ำกำรเรียนในเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีควำมเชื่อมโยงใด ๆ กับคุณภำพชีวิตที่ดี เมื่อคณะผู้ วิจั ย ลองขอให้เด็กนักเรีย นกลุ่มนี้ ลองนิยำมคุณภำพชีวิต พบว่ำเด็กนักเรียนให้ ควำมสำคัญกับ ประเด็นเรื่อง กำรได้อยู่ร่วมกันกับครอบครัว กำรได้เล่นเกมส์ เป็นต้น 3.2) กลุ่มเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนปลำย ส ำหรั บ นั ก เรี ย นกลุ่ ม นี้ มองว่ ำ กำรมี คุ ณ ภำพชี วิ ต ที่ ดี คื อ กำรมี ร ำยได้ เ พี ย งพอเลี้ ย งตนเอง เเละ ครอบครัวได้ มีอำชีพกำรงำนที่ มั่น คง อย่ำงไรก็ตำมเมื่อถำมถึงควำมเชื่อมโยงว่ำเลิ ร์นสำมำรถช่วยให้ เ กิด คุณภำพชีวิตที่ดีตำมที่ระบุไว้หรือไม่ กลุ่มเป้ำหมำยไม่สำมำรถระบุได้ว่ำมีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงชัดเจนอย่ำงไร
4) มุมมองจำกครูผู้สอน 4.1) ด้ำนกำรเรียน จำกมุมมองของครูผู้สอน พบว่ำเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีส่วนสำคัญในกำรลดภำระของครูผู้สอน จำกเดิมที่ เคยเป็นผู้สอนเนื้อหำตลอดกระบวนกำรเรียนกำรสอน ได้เปลี่ยนฐำนะมำเป็นเพียงผู้ดูเเล เเละผู้อำนวยกำร เรียนกำรสอน คอยทำหน้ำที่ดูเเลนักเรียน ซึ่งส่งผลให้ครูมีเวลำในกำรพิจำรณำเเละดูเเลเด็กนักเรียนได้มำกขึ้น ข้อสำคัญอีกประกำรหนุ่งนั่นคือระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นช่วยเพิ่มควำมต่อเนื่องในกำรเรียนกำรสอน เนื่องจำก โรงเรียนสหวิทย์เป็นสถำนศึกษำเอกชน ทำให้มีอัตรำกำรเปลี่ยนครูเข้ำออกสูง จนในบำงกรณีเกิดควำมไม่ ต่อเนื่องในด้ำนกำรเรียนกำรสอน กำรนำเอำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมำใช้ ช่วยลดปัญหำตรงจุด เพรำะช่วย ควบคุมให้บทเรียนเป็นไปตำมมำตรำฐำนและต่อเนื่องจนครบหลักสูตร อย่ำงไรก็ตำมครูผู้สอนเห็นว่ำระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่นมีเนื้อหำที่ครอบคลุมกำรสอบ ONET เเต่ไม่ครอบคลุมกำรสอบเข้ำเรียนต่อนโรงเรียนยอดนิยม ทีม่ ีอัตรำกำรแข่งขันสูงอื่น ๆ
ง - 35
อย่ำงไรก็ตำมครูผู้สอนมีควำมเห็นว่ำระบบ Learn Education ไม่ได้มีผลเชื่อมโยงต่อเส้นทำงกำรเรียน ต่อของเด็กนักเรียนแต่อย่ำงใด 4.2) ด้ำนควำมเสี่ยง ครูผู้สอนโรงเรียนสหวิทย์ เห็นว่ำควำมเสี่ยงที่สำคัญของเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยควำม เสี่ยงที่สำคัญ 3 ประกำร ได้เเก่ 1) เด็กบำงส่วนไม่ได้อำศัยอยู่กับพ่อเเม่ เเต่พักอยู่ในหอพักใกล้โรงเรียน 2) กำร คบเพื่อนจำกนอกโรงเรียน ซึ่งอำจทำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือพฤติกรรมเสี่ยง 3) กำรติดเกมส์ ซึ่งอำจ ส่งผลให้เกิดปัญหำด้ำนสุขภำพเเละกำรเรียน อย่ำงไรก็ตำมครูผู้สอนเห็นว่ำระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องในกำรลดควำมเสี่ยงของเด็กนักเรียนในโรงเรียนเเต่อย่ำงใด 4.3) ด้ำนคุณภำพชีวิต ครูผู้สอนโรงเรียนสหวิทย์ เห็นว่ำนอกเหนือไปจำกควำมเข้ำใจในเนื้อหำของวิชำ เเละคะเเนนกำรสอบ ONET ที่น่ำพอใจเเล้ว ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นไม่ได้ช่วยส่งเสริมคุณภำพชีวิตของเด็กนักเรียนในด้ำนอื่น ๆ 5) ข้อสังเกตจำกผู้สังเกตกำรณ์ กลุ่มเป้ำหมำยมีส่วนร่วมในกำรตอบคำถำมค่อนข้ำงน้อย แม้ผู้สัมภำษณ์จะใช้คำถำมปลำยเปิด หรือใช้ วิธีกระตุ้นในกำรถำมรำยบุคคล ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่กระตือรือร้นจำกผู้สัมภำษณ์ ลักษณะของคำตอบจะสั้น และห้วน เช่น ไม่เคย ใช่ ไม่ใช่ เป็นต้น ในส่วนที่เป็นกำรถำมควำมคิดเห็นพบว่ำกลุ่มเป้ำหมำยจะไม่ค่อยตอบ คำถำมเป็นกำรพรรณำหรือตอบยำว และเป็นไปในทศทำงเดียวกัน หรือกล่ำวว่ำเห็นด้วยกับที่ผู้อื่นกล่ำว รวมทั้งตอบคำถำมสั้นเท่ำที่จำเป็นไม่ตอบเพิ่มเติมเกินกว่ำคำถำม มีกำรปรึกษำระหว่ำงกันบ้ำง แต่ ส่วนใหญ่แล้วจะให้รุ่นพี่ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2 และ ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 เป็นผู้ตอบมำกกว่ำ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกำรสัมภำษณ์คือ กำรทำกลุ่มร่วมกันกับรุ่นพี่ โดยพบว่ำมัธยมศึกษำปีที่ 1 จะพูด น้อยกว่ำมัธยมศึกษำปีที่ 2 และ 3 ซึ่งอำจเป็นเพรำะรุ่นพี่สำมำรถตอบได้ดีกว่ำเพรำะมีประสบกำรณ์ในกำรใช้ ระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น มำกกว่ำรุ่นน้อง อีกหนึ่งปัจจัยคือคำตอบบำงคำถำมไม่พบควำมเชื่อมโยงที่ชัดเจน ทำ ให้กลุ่มเป้ำหมำยไม่มั่นใจในกำรแสดงควำมคิดเห็น 3. บทสรุป และข้อเสนอแนะ 3.1 สรุปผลกำรศึกษำโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม จำกกำรศึกษำและวิเครำะห์ข้อมูลดังที่ได้อธิบำยในบทก่อนหน้ำ คณะผู้วิจัยสำมำรถสรุปผลกำรศึกษำ ได้ว่ำ ผลผลิต (Output) ที่สำคัญของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ที่เกิดขึ้นต่อโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม มีทั้งสิ้น ง - 36
3 ประกำร 1) เพิ่มควำมเข้ำใจในเนื้อหำวิชำเรียน 2) ช่วยให้ เด็กค้นพบตัวตน ควำมชอบ ตลอดจนอำชีพที่ มุ่งหวัง 3) ช่วยเสริมควำมมั่นใจให้แก่เด็กนักเรียนว่ำตนจะสำมำรถประสบควำมสำเร็จตำมเป้ำหมำยดังที่หวังไว้ ได้ ผ่ำนกำรเรียนต่อในระดับดำรศึกำที่สูงขึ้น ผลผลิตที่สำคัญทั้งสำมประกำรได้นำไปสู่ผลลัพธ์ (Outcome) ได้ แก้กำรเสริมแรงให้ เด็กนักเรียนอยำกเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น จำกผลผลิตทั้งหมดดังที่ได้กล่ำวมำ นำไปสู่ ผลลัพธ์ (Outcome) ที่สำคัญคือ กำรเพิ่มโอกำสในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ ให้ดีขึ้นของเด็ก นักเรียน จำกข้อสรุปดังกล่ำว สำมำรถเขียนเป็นตำรำงห่วงโซ่ผลลัพธ์ได้ดังนี้ ตารางแสดงห่วงโซ่ผลลัพธ์ การทางานของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ในโรงเรียนเซนต์โยเซฟ แม่แจ่ม Input
Qualitative
Activity
Output -ระบบ เลิร์น - กำรเรี ย นผ่ ำ นระบบ - มีควำมเข้ำใจในเนื้อหำวิช ำ เอ็ดดูเคชั่น เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น เรียนมำกขึ้น - กำรวำงระบบเลิร์น เอ็ด - ควำมมั่นใจในตัวเองในด้ำน ดูเคชั่น กำรเรียนต่อในระดับที่สู งขึ้น - กำรประเมิ น ผลจำก ของเด็กนักเรียนมีมำกขึ้น ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
Outcome -โอกำสในกำรพั ฒ นำคุ ณ ภำพ ชีวิตด้ำนกำรศึกษำเพิ่มขึ้น - ลดควำมเสี่ยงในกำรออกจำก ระบบกำรศึ ก ษำภำยหลั ง จำก เรียนจบชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น - เด็ ก นั ก เรี ย นค้ น พบตั ว ตน ควำมชอบ และอำชีพที่ต้องกำร และเชื่อมั่นในกำรเรียนต่อว่ำจะ เ ป็ น ห น ท ำ ง บ ร ร ลุ อ ำ ชี พ ที่ ต้องกำรได้
กล่ำวโดยสรุป คณะผู้วิจัยพบว่ำ ระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น มีส่วนช่วยให้เด็กนักเรียนมีควำมเข้ำใจใน เนื้อหำวิชำเรียนที่เกี่ยวข้องเพิ่มมำกขึ้น อย่ ำงไรก็ตำมประโยชน์ในด้ำนอื่น ๆ ของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นนั้น ขึ้นอยู่กับบริบทและสภำพแวดล้อมของโรงเรียน ตลอดจนของเด็กนักเรียนแต่ละคน ยิ่งเป็นโรงเรียนที่มีควำม พร้อมน้อยเท่ำไหร่ กำรดำเนินงำนของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นยิ่งก่อนให้เกิดผลกระทบเชิงบวกมำกขึ้นเท่ำนั้น 3.2 สรุปผลกำรศึกษำโรงเรียนสหวิทย์ จำกกำรศึกษำข้อมูลทั้งเชิงปริมำณและเชิงคุณภำพดังที่ได้กล่ำวมำแล้วในบทก่อนหน้ำ คณะผู้วิจัย สำมำรถสรุปผลกำรศึกษำได้ว่ำ ผลผลิต (Output) ของระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นที่เกิดขึ้นในโรงเรียนสหวิทย์นั้น คือกำรเพิ่มคะแนนสอบ ONET ในรำยวิชำคณิตศำสตร์และรำยวิชำวิทยำศำสตร์ ดังจะเห็นได้จำกผลคะแนน ง - 37
สอบ ONET ของนักเรียน เพิ่มขึ้นแปรผันตำมกับจำนวนปีที่ได้เรียนในระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นอย่ำงมีนัยสำคัญ ทำงสถิติในรำยวิชำวิทยำศำสตร์ และผลคะแนนในรำยวิชำคณิตศำสตร์ของเด็กที่เรียนในระบบเลิร์น เอ็ด ดูเคชั่นเป็นเวลำเต็ม 3 ปี ที่มำกกว่ำเด็กกลุ่มที่ไม่เคยเรียน หรือเรียนน้อยกว่ำอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติ อย่ำงไรก็ตำมด้วยปัจจัยพื้นฐำนของโรงเรียนดังกล่ำวมี Deadweight (ผลที่จะเกิดขึ้นอยู่ดี ไม่ว่ำจะมี กำรดำเนินงำนของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น หรือไม่ก็ตำม) เนื่องจำกเด็ กนักเรียนในโรงเรียนดังกล่ำวเป็นเด็กนักเรียน จำกโรงเรียนที่มีฐำนะในระดับหนึ่ง และมีควำมพร้อมในหลำยด้ำน ในแง่กำรเรียน เด็กนักเรียนจำกโรงเรียน สหวิทย์ส่วนใหญ่เรียนพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือไปจำกที่เรียนในโรงเรียน ในแง่ควำมรู้ด้ำนเส้นทำงกำรเรียนต่อ เด็กจำกโรงเรียนสหวิทย์ก็มีโอกำสในกำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำรผ่ำนทำงอินเตอร์เน็ตและอื่น ๆ จำกข้อสรุปดังกล่ำวข้ำงต้น อำจเขียนเป็นตำรำงห่วงโซผลลัพธ์ได้ดังนี้ ตารางห่วงโซ่ผลลัพธ์ การทางานของ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ในโรงเรียนสหวิทย์ Input -ระบบ เลิร์น เอ็ด ดูเคชั่น
Activity - กำรอบรมครู - กำรวำงระบบเลิร์น เอ็ด ดูเคชั่น - กำรประเมินผลจำกระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น
Output - คะแนน ONET ในวิชำ คณิตศำสตร และ วิทยำศำสตร์ ดีขึ้นอย่ำงมี นัยสำคัญทำงสถิติ
Outcome -โอกำสในกำรพัฒนำ คุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ (ผลจำกกำรที่มีคะแนน ONET ในสองวิชำหลักที่ดี)
เมื่อพิจำรณำจำกตำรำงห่วงโซ่ผลลัพธ์ จะเห็นได้ว่ำผลผลิตเพียงประกำรเดียวของกำรเรียนผ่ำนระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น คือกำรทำให้ผลคะแนนสอบ ONET ของนักเรียนดีขึ้น และด้วยเหตุที่ผลคะแนน ONET จะ ถูกให้ ค่ำน้ ำหนั ก ในกำรสอบเข้ ำเรี ย นต่ อระดับชั้น มัธ ยมศึก ษำตอนปลำยจำกโรงเรีย นในสั ง กัดส ำนั ก งำน คณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน(สพฐ.) ๗ จึงอำจกล่ำวได้ว่ำผลคะแนน ONET ที่เพิ่มมำกขึ้น จะนำไปสู่ ผลลัพธ์ (Outcome) อันได้แก่โอกำสในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตด้ำนกำรศึกษำ 3.3 ข้อเสนอแนะในกำรศึกษำครั้งต่อไป คณะผู้วิจัยเห็นว่ำในกำรศึกษำครั้งต่อไป ควรต้องมีกำรปรับแก้วิธีกำรศึกษำดังนี้ 1. จัดทำกรณีศึกษำเพิ่มเติม เพื่อเปรียบเทียบควำมแตกต่ำงระหว่ำงกรณีศึกษำต่ำง ๆ เช่น ๗
กองบรรณาธิการข่าวการศึกษา (2559, 26 กันยายน). “สพฐ. คลอดปฏิทินรับมัธยมศึกษาปีที่ 1/มัธยมศึกษาปีที่ 4 ปี’60 สมัคร 27-28มี.ค. จับสลาก 7 เมัธยมศึกษาปีที่ ย. เขตพื้นที่ ฯ รับสูงสุด50คน/ห้อง”. มติชนออนไลน์ (ออนไลน์) เข้าถึง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560, จาก http://www.matichon.co.th/news/298631
ง - 38
1) โรงเรียนที่เคยเรียนที่ใช้งำนระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น 2) โรงเรียนที่ไม่เคยเรียนในระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ที่นักเรียนมีพื้นฐำนครอบครัวใกล้เคียง กับโรงเรียนในข้อ 1) 3) กลุ่มนักศึกษำระดับมหำวิทยำลัย ที่เคยผ่ำนกำรเรียนในระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น 2. เพิ่มขนำดจำนวนประชำกร เพื่อให้ผลกำรศึกษำมีควำมเป็นตัวแทนมำกกว่ำนี้ 3. โรงเรียนและเลิร์น เอ็ดดูเคชั่นควรทำกำรเก็บข้อมูลเพื่อสำรวจผลสำเร็จของนักเรียนแต่ละรุ่นเพื่อร วัดผลลัพธ์ทำงสังคมที่เกิดขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 หัวข้อใหญ่ดังต่อไปนี้ - ผลคะแนนโอเน็ตระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3 - จำนวนนักเรียนที่เป็นโรงเรียนขยำยโอกำสที่ได้เรียนในระบบ เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น ด้านการศึกษา
- จำนวนนักเรียนที่สอบชิงทุนกำรศึกษำได้ - จำนวนนักเรียนที่สอบเข้ำศึกษำต่อในระดับมัธยมปลำยได้ - สำรวจสัดส่วนของกำรมีส่วนช่วยให้กำรเรียนดีขึ้นโดยระบบเลิร์น เอ็ดดูเคชั่น - จำนวนนักเรียนที่เรียนต่อ แยกตำมสำยกำรเรียน
ด้านการลดความเสี่ยงในอนาคต - จำนวนนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อ และเหตุผลกำรตัดสินใจไม่เรียน ต่อ - สำรวจควำมคิดเห็นของนักเรียนที่บอกว่ำตนเองเห็นควำมสำคัญ ของกำรศึกษำ ด้านเจตคติ
- สำรวจควำมคิดเห็นของนักเรียนที่บอกว่ำตนชอบที่จะเรียนใน วิชำวิทยำศำสตร์และวิชำคณิตศำสตร์มำกขึ้น - กำรสำรวจควำมมั่นใจในกำรเรียนต่อในเส้นทำงที่มุ่งหวังไว้
ง - 39
เอกสารอ้างอิง สฤณี อำชวำนั น ทกุล , และภัทรำพร แย้ มลออ. (ม.ป.ป.). คู่มือการประเมิน ผลลัพธ์ ทางสั งคม (Social Impact Assessment) และผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment: SROI). ม.ป.ท. สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ. (2528). รายงานโครงการปีรณรงค์คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ ฯ : สำนักงำนคณะกรรมกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติ. Anderson, A. ( 2 5 4 7) . Theory of Change as a Tool for Strategic Planning : A Report on Early Experiences. The Aspen Institute: Roundtable on Community Change. Mercy, J. et al. ( 2 0 1 5 ) . Quality of life : Facts and Views. Eurostat. Alphonse Weicker ; Luxembourg. Vanclay, F. (2558). Social Impact Assessment : Guideline for Assessing and Managing the Social Impact of Project. International Association of Impact Assessment. Groningen ; Netherland.
ง - 40
ชุดคำถำมสนทนำกลุ่มย่อย (Focus Groups Discussion) โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม สาหรับกิจการเพื่อสังคมและจัดทาการศึกษานาร่อง ณ .....................................วันที่...................................... ผู้บันทึก..........................................................................................................เวลำ ...................................................... จำนวนผู้ให้สัมภำษณ์................................................................................ประเภทกลุ่มย่อย ........................................ ตัวอย่างคาถาม
คาตอบ
1. Ice-breaking (15 นาที)
แนะนาตัว - สวัสดีค่ะ (แนะนำตัว) เรำมำจำก............... - วันนี้พี่มำเก็บข้อมูล เพื่อที่จะ......(วัตถุประสงค์) - ข้อมูลที่ได้จะไม่ถูกเปิดเผย..... ถามข้อมูลทั่วไปเกี่ยว LE - น้องๆรู้จักโครงกำร Learn Education ไหม - เข้ำเรียนมำกี่ปีแล้ว? - มีที่ไหนนอกจำกโรงเรียนของน้องบ้ำงที่เปิดสอน? - คิดว่ำกำรเรียน LE ในโรงเรียนของตัวเอง แตกต่ำง จำกที่อื่นอย่ำงไร - เรียนประมำณกี่ชั่วโมงต่อสัปดำห์ ประโยชน์จากการเรียน LE - อยำกให้น้องลองนึกดูว่ำ ก่อนที่จะเรียน LE มีอะไร เปลี่ยนแปลงไปบ้ำง 2. ความเสี่ยง (20 นาที)
สารวจความเสี่ยง
ง - 41
ตัวอย่างคาถาม
คาตอบ
- ให้ น้ องๆเขีย นปั ญหา ความกังวลของตนเอง และ เพื่อนๆในรุ่นเดียวกันใส่กระดำษ A4 ไม่ต้องเขียนชื่อ ลงไป พี่จะให้เวลำ 1 นำที เขียนมำเท่ำไหร่ก็ได้ - สิ่งที่น้องเขียนต้องเป็นปัญหำที่อยู่ในชุมชนนะ - ให้ FA มำจั ด เป็ น กลุ่ ม (ใน flipchart เป็ น วง ๆ) เลือกปัญหำสำคัญ 5 อันดับ Rank ลาดับ 1-5 - -แจกสติกเกอร์ 5 สีให้กับน้องๆ - พี่จะให้น้องแปะสติกเกอร์ลงในปัญหำทีหนูกลัว หรือ วิตกกังวลมำกที่สุด โดยเรียงลำดับตำมสี..... - ให้ เ ด็ ก rank ตำมควำมน่ ำ กั ง วลส ำหรั บ เด็ ก เอง (เดี่ยว) -- risk perception theory การเรียนกับ LE ทาให้ความเสี่ยงเหล่านั้นลดลง - จำกควำมเสี่ยงด้ำนบน น้องคิดว่ำกำรได้เรียนกับ LE ทำให้ควำมเสี่ยงเหล่ำนั้นลดลงหรือไม่? 3. ทัศนคติ (10 นาที)
นิยามคุณภาพชีวิตที่ดี - -น้องๆคิดว่ำคำว่ำคุณภำพชีวิตที่ดี หมำยถึงอะไร - (Fa สรุปนิยำมของคุณภำพชีวิตที่ดีให้เข้ำใจตรงกัน) หรือ - อะไรที่ทำให้น้องมีควำมสุข หรือน้องอยำกโตขึ้นไป เป็นอะไร หรือ..... - พี่จะแจกกระดำษให้ น้องๆช่วยเขียนคุณภำพชีวิตที่ ดีที่น้องๆอยำกได้ ในกระดำษ ไม่ต้องเขียนชื่อ และ ส่งให้พี่นะ ให้ FA มำจั ดเป็ น กลุ่ ม (ใน flipchart เป็ น วง ๆ) เลื อก ปัญหำสำคัญ 5 อันดับ ง - 42
ตัวอย่างคาถาม
คาตอบ
Rank ลาดับ 1-5 - แจกสติกเกอร์ 5 สีให้กับน้องๆ - พี่ จ ะให้ น้ อ งแปะสติ ก เกอร์ ล งในสิ่ ง ที่ ห นูช อบที่สุ ด หรื อคิดว่ำจ ำเป็ น หรื อส ำคัญที่สุ ด โดยเรียงลำดับ ตำมสี..... ให้เด็ก Rank ตำมควำมคิดเห็นของตนเอง ความสัมพันธ์กับทัศนคติ - จำกที่เรำสรุปกันมำ น้องๆคิดว่ำกำรเรียนกับ LE มี ส่วนช่วยให้เกิดสิ่งเหล่ำนี้หรือไม่ เกิดได้อย่ำงไร หรือไม่เกิดอย่ำงไร กิจกรรมที่ทานอกเหนือจากการเรียนปกติคืออะไร (15 นาที) - หลังเลิกเรียนน้องทำกิจกรรมอะไรบ้ำง หลังจำกเรียนกับ LE มีกำรทำกิจกรรมเปลี่ยนไปไหม ปิดกลุ่ม - มำถึงช่วงสุดท้ำยแล้ว มีอะไรจะบอกเพิ่มเติมไหม - กล่ำวขอบคุณ
ง - 43
สรุปความ Focus Group สถานที่: โรงเรียนสหวิทย์ กลุ่มที่: ครูผู้สอน ผู้เข้าร่วม: 2 คน วันที่: 9 มีนำคม 2559 ผู้สรุป: ฉี 1. อุ่นเครื่อง 1.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ LE ครูวิทยำศำสตร์สอนที่สหวิทย์มำหลำยปีแล้ว แต่ครูคณิตศำสตร์เริ่มสอนที่สหวิทย์เมื่อเดือน สิงหำคม 2559 ครูผู้สอน 2 ท่ำน ผ่ำนกำรอบรมจำก LE เพื่อสอนในวิชำคณิตศำสตร์ และวิทยำศำสตร์ ครู ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสหวิทย์ว่ำเป็นโรงเรียนต้นแบบนำร่องโครงกำรนี้ เป็นโรงเรี ยนที่เปิดสอนตั้งแต่ ประถมศึกษำ มัธยมต้น มัธยมปลำย และสำยอำชีพ ค่ำเทอมมัธยมอยู่ที่ 15,000 บำท ต่อเทอม และค่ำ หนังสือ 1000 บำท เป็นโรงเรียนเอกชนที่เด็กอยู่ในระดับกลำงถึงอ่อน ในควำมเห็นครูรู้สึกว่ำเด็กเก่งปีเว้นปี (ไม่ทรำบสำเหตุ) ผู้ปกครองส่วนใหญ่เลือกให้บุตรหลำนเรียนที่นี่เพรำะต้องกำรติดตำมให้ดูแลเป็นพิเศษ ส่วนโรงเรียนก็มีกฎกำรคัดเลือกเด็กว่ำจะไม่รับเด็กที่ถูกไล่ออก หรือออกกลำงคัน สำหรับกำรเรียนต่อหลัง จบ ม.ต้น พบว่ำเด็กเลือกเรียนในสำยสำมัญ และสำยอำชีพในอัตรำที่เท่ำกัน ส ำหรั บ โครงกำร LE เริ่ ม ต้ น ใช้ เ มื่ อ ปี 2557 ในระดั บ ม.1-3 ในวิ ช ำคณิ ต ศำสตร์ และ วิทยำศำสตร์ ซึ่งมีเด็กที่ผ่ำนหลักสูตรทั้งสองปี จำนวน 2 รุ่น ควำมคิดเห็นของครูต่อ LE คิดว่ำเหมือนกำร กวดวิชำในยุคนี้ โดยใช้คอมมำเป็นสื่อ เด็กที่เก่งอำจจะชอบ ถ้ำเด็กที่ไม่เข้ำใจอำจจะเบื่อ ไม่ใส่ใจ ไม่หยุดดู เพรำะเรียนกับคอม แต่ก็มีกำรทำแบบฝึกหัด และครูคอยดูแลที่พอจะช่วยควบคุมปัญหำนี้ ข้อดีของ LE -
แก้ปัญหำควำมต่อเนื่องของครู เพรำะโรงเรียนเอกชนมีปัญหำครูเข้ำออกบ่อย ทำให้เนื้อหำไม่ ต่อเนื่ อง ครู ส อนไม่ครบเนื้ อหำ และเปลี่ ยนตำรำเรียน แต่ LE จะช่ว ยให้ กำรเรียนกำรสอน ต่อเนื่อง
-
สำมำรถเรียนย้อนหลังได้ ในกรณีขำดเรียน
-
เด็กมีสมำธิในกำรเรียนมำกขึ้น เพรำะเรียนโดยใช้หูฟังส่วนตัว คอมส่วนตัว ทำให้ไม่เกิดกำร รบกวนจำกเพื่อนในชั้นเรียน และเด็กสำมำรถหยุดกำรสอนได้เมื่อต้องไปทำธุระ เช่น เข้ำห้องน้ำ หรือหยุดถำมครู
-
ครูสำมำรถวำงแผนกำรเรียนกำรสอนได้ดีขึ้นเพรำะคำดเดำเนื้อหำและระยะเวลำได้
-
เนื้อหำในกำรสอนครบถ้วนตำมหลักสูตร ทำให้วำงแผนกำรสอนง่ำยขึ้น ตำมโปรแกรมกำรสอนที่ LE จัดไว้ในแต่ละครั้งอยู่แล้ว
ข้อเสีย ง - 44
- LE ไม่สอนคณิตศำสตร์เพิ่มเติม ซึ่งเด็กต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเอง - เนื้อหำครอบคลุมกำรทำโอเน็ต แต่ไม่ครอบคลุมกำรสอบเข้ำในระดับที่สูงขึ้น - เด็กเล็กจะตั้งใจเรียน ส่วนเด็กโตจะเล่นมำกกว่ำ - ครูต้องใส่ใจกำกับดูแลเด็กให้ดูและทำข้อสอบ หรือตอบข้อสงสัยกับเด็ก - โรงเรียนต้องมีอุปกรณ์พร้อม - ต้องเสียค่ำหลักสูตร - เนื้อหำบำงส่วนต้องตัดออก เนื่องจำกเป็นวิดีโอ ทำให้ควำมเข้มข้นของวิชำลดลง - ถ้ำเด็กไม่สนใจเลย ก็จะเบื่อ ไม่ตั้งใจเรียน - เวลำเรียนกับ LE บ่อยๆ เด็กก็อยำกกลับไปเรียนแบบธรรมดำ แต่พอเรียนแบบธรรมดำบ่อยๆ เด็กก็อยำกไปเรียนกับ LE 2. ความเสี่ยง 2.1 ความเสี่ยงของเด็ก - เด็กบำงส่วนไม่ได้อยู่กับ พ่อแม่ บำงคนมำอยู่หอพัก เนื่องจำกพ่อแม่ทำงำนอยู่ต่ำงจังหวัด หรือ บ้ำนเกิดอยู่ต่ำงอำเภอ - เด็กที่นี่ส่วนมำกไม่มีกำรเกเร โดยเฉพำะเด็กที่อยู่มำตั้งแต่ประถม เพรำะโรงเรียนมีกำรตั้งกฎแล กำรดูแลอย่ำงเข้มงวด เช่น ถ้ำเด็กหำยไปจะมีกำรติดต่อผู้ปกครองให้ทรำบ แต่จะมีบำงคนที่ มี กำรคบเพื่อนนอกโรงเรียน หรือเพื่อนเก่ำที่มีพฤติกรรมเสี่ยง - เด็กติดเกมส์ ทำให้ง่วงนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ 2.2 การลดความเสี่ยงจาก LE - เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่ยังไม่มีกำรใช้ พบว่ำ - เด็กมีพฤติกรรมตั้งใจเรียนมำกขึ้น เพรำะสื่อทำให้เด็กตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ - เข้ำใจเนื้อหำมำกขึ้น - ค่ำเฉลี่ยคะแนนโอเน็ตในวิชำวิทยำศำสตร์ รวมของโรงเรียนสูงที่สุดในจังหวัด - ด้ำนทัศนคติคิดว่ำ LE แค่สอนหนังสือ ไม่ได้มีส่วนในกำรสร้ำงแรงบันดำลใจในอนำคตให้เด็ก - เด็กที่อ่อนจะชอบเรียนกับครูมำกกว่ำ เพรำะจะถำมได้ เข้ำใจมำกกว่ำ 3. ข้อเสนอแนะต่อ LE - ครูชอบ LE เพรำะช่วยให้เตรียมกำรสอนได้ง่ำยขึ้น - ครูสำมำรถควบคุมกำรสอนได้ดีขึ้น เพรำะ LE ช่วยลดภำระในกำรสอน ทำให้ใส่ใจเด็กได้มำกขึ้น ง - 45
- เด็กต้องผ่ำนกำรทำแบบทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน ทำให้กระตุ้นให้เกิดกำรเรียนเพรำะถ้ำตก ต้องมำนั่งเรียนใหม่ - เด็กสำมำรถเรียนได้ต่อเนื่องเพรำะไม่ถูกรบกวน และย้อนกลับมำดูได้หำกติดธุระ - อยำกให้เพิ่มกิจกรรม เพรำะตอนนี้สอนแต่เนื้อหำ เด็กที่เรียนไม่เก่งจะไม่สนใจเนื้อหำวิชำกำร อำจจะต้องพัฒนำให้เด็กสนใจมำกขึ้น โควทคาพูดของครู 1 - เทอม 2 ปี 54 ปี 55 เต็มปี ปี 57 เป็นครั้งแรกที่ใช้ครบ 3 ปี (ม.1-3) เริ่มแรกเป็นวิทย์ก่อน แล้ว คณิตอีก 1 ปีให้หลัง - ปั ญ หำของโรงเรี ย นเอกชนคื อ ครู จ ะเข้ ำ -ออกบ่ อ ย เปลี่ ย นครู เ ปลี่ ย น เวลำสอนม. 3 แล้ ว ท้ำวควำมถึงเนื้อหำ ม. 1-2 เด็กจะไม่ได้เรียน เนื้อหำมีกำรปรับเปลี่ยน พอมี LE ห้องเรียนจะง่ำย ขึ้นเพรำะเด็กตั้งใจในกำรฟัง เพรำะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ใช้คอมในกำรเรียน ต่ำงจำกกำรเปิดโป รเจกเตอร์ให้เด็กทุกคนฟัง พอให้ฟังจำกคอมแล้วใส่หูฟัง ก็จะไม่สนใจสิ่งรอบข้ำง มีสมำธิมำกขึ้น สนใจเรียนมำกขึ้น - เดินดูเด็กทุกคน ถ้ำใครมีปัญหำก็จะถำม ดูแลเด็กง่ำยขึ้น - ผลกำรเรียน ตอนจบจะมีกำรวัดผล โควทคาพูดของครู 2 - ถ้ำเป็นเด็กอ่อน ใน 1 คำบจะโดน fix เวลำไว้ ถ้ำไม่เข้ำใจในสิ่งที่เรียน เขำจะไม่หยุดดู และครูจะ ไม่รู้เลยว่ำเด็กเข้ำใจหรือเปล่ำ จะต้องมำรู้อีกคำบที่ครูสอนว่ำ เด็กไม่เข้ำใจ - ถ้ำเด็กเก่งไม่เข้ำใจจะยกมือถำม แต่เด็กอ่อนจะปล่อยผ่ำนไป - แบบฝึกหัดก็ช่วยได้ แต่อยู่ที่ครูด้วย เพรำะเด็กอำจจะลอกกันบ้ำง - ข้อดี คือ เนื้อหำครบ สำมำรถวำงแผนกำรสอนได้ว่ำจะสำมำรถจบได้ในกี่สัปดำห์ และเรื่องว่ำจะ สอนอะไรบ้ำง - เนื้อหำครบตรงตำมหลักสูตรที่ต้องเรียน เพียงพอเฉพำะสอบโอเนต แต่ไปสอบเข้ำโรงเรียนอื่นไม่ เพียงพอ - สหวิทย์จะเรียนเฉพำะคณิตพื้นฐำน แต่โรงเรียนอื่น โรงเรียนรัฐบำลจะเรียนคณิตเพิ่มเติมด้วย โรงเรียนสหวิทย์สอนเฉพำะคณิตพื้นฐำน แต่ไม่ทรำบว่ำทำไม เพรำะฉะนั้นเวลำเด็กจะไปสอบโอ เนตจะโอเค เพียงพอแน่นอน แต่ถ้ำเป็นคณิตเพิ่มเติม เด็กจะต้องไปหำเรียนเอำข้ำงนอก เวลำ
ง - 46
เด็กไปสอบเข้ ำโรงเรียนอื่น เด็กก็จะขำดเนื้อหำของคณิตเพิ่มเติม พอพูดเกี่ยวกับเนื้อหำคณิต เพิ่มเติม เด็กจะไม่รู้เลย - ถ้ำเป็นเด็กเล็ก ม. 1 ก็จะค่อนข้ำงตั้งใจ แต่ถ้ำเป็นเด็กโตก็จะค่อนข้ำงติดคุย แหย่เล่นกับเพิ่อ นบ้ำง ก็ต้องคอยดู - เด็กที่ไปเรียนพิเศษข้ำงนอกมีแน่นอน เนื้อหำของ LE ก็เป็นเนื้อหำง่ำยๆ ไม่ใช่เนื้อหำคอร์สตะลุย โจทย์เลยจำเป็นจะต้องเรียนเพิ่ม - เรื่องชู้สำวไม่ค่อยมี เรื่องโดดเรียนไม่มี เพรำะคนน้อย ถ้ำเกเรกับแว๊นก็จะมีส่วนน้อย - เปอร์เซนต์กำรไม่เรียนต่อก็จะมีส่วนน้อย จะเป็นคนที่ไม่สนใจจริงๆ - เด็กยังมองไม่ออก ยังมองอนำคตไม่ออก - เด็กที่ไม่สนใจเรียน ก็คือเขำไม่เอำ (คือ LE ไม่ได้มีส่วนช่วยในด้ำนควำมเสี่ยงหรือทันคติ อนำคต ของเด็ก) - มองว่ำ ไม่ได้เกิดจำก LE (แรงจูงใจ หรือเรื่องกำรตัดสินใจเรียนในอนำคต) เพรำะ LE แค่สอน หนังสือ ไม่ได้ก่อให้เกิดแรงบันดำลใจที่จะเป็นตำมเขำ - เด็กอ่อนอยำกเรียนกับครูมำกกว่ำ เพรำะถ้ำไม่เข้ำใจก็จะยกมือถำม ครูก็จะอธิบำยได้ - คิดว่ำ LE มำแทนครู เพรำะครูแทบจะไม่ต้องสอนเลย ในห้องจะเน้นทำแบบฝึกหัดและทวน เนื้อหำ - LE ก็โอเค เนื้อหำครบ แต่อยู่ที่ว่ำเด็กจะเข้ำใจไหม พอเด็กเรียนกับครูถึงจะรู้ว่ำเด็กเข้ำใจเนื้อหำ หรือไม่ - ถ้ำมองเป็นกวดวิชำคือ ที่ครูสอนในห้องคือคอร์สตะลุยโจทย์ - ตอนนี้ LE สอนเนื้อหำอย่ำงเดียว อยำกให้เสริมกิจกรรม เพรำะเด็กอ่อนถ้ำมีแต่เนื้อหำวิชำกำร จะไม่รับ อำจจะต้องหำวิธีให้เด็กจำด้วยภำพ หรือกิจกรรม ถ้ำสอนแต่วิชำกำรเด็กที่ไม่รู้เรื่องจะ ทิ้งเลย ถ้ำมีกิจกรรมมำแทรกอำจจะดีขึ้น เป็นกิจกรรมกับคน เหมือนวิทย์ที่มี Lab เป็นกิจกรรม ทีเ่ ิกียวข้องกับเนื้อหำ
ง - 47
สรุปความ Focus Group สถานที:่ โรงเรียนสหวิทย์ กลุม่ ที:่ ม.ต้น 1-3 ผู้เข้าร่วม: 15 คน วันที:่ 9 มีนำคม 2559 1. อุ่นเครื่อง 1.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงงการ LE ควำมแตกต่ำงของ LE และห้องเรียนปกติ ม.1 บำงคนบอกว่ำชอบ รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ลองใช้ LE บำงคนก็รู้สึกเฉยๆ “ถ้ำวิดีโอยำวเกินไปก็จะหลับ” ม.2 นักเรียน 90% อยำกเรียนหมอ ส่วนข้อดีเล่ำว่ำ LE สำมำรถฟังซ้ำได้ ถ้ำไม่เข้ำใจก็สำมำรถย้อนกลับไปดูได้ ถ้ำเข้ำใจแล้วก็สำมำรถเร่งควำมเร็วได้ ข้อเสียคือถ้ำสงสัยไม่สำมำรถถำมได้ มีส่วนช่วยให้ทำข้อสอบได้มำกขึ้น โดยให้สัดส่วนระหว่ำง LE:ห้องเรียนปกติ ดังนี้ 25:75, ม.3 เด็กส่วนใหญ่เรียนพิเศษเพิ่มเติมจำกกำรเรียนในโรงเรียน มำจำกสำยวิทย์คณิต เล่ำข้อดีว่ำ LE สำมำรถฟังซ้ำได้ ถ้ำไม่เข้ำใจก็สำมำรถย้อนกลับไปดูได้ มีส่วนช่วยให้ทำข้อสอบได้มำกขึ้นโดยให้สัดส่วน(ดูใน ตำรำงข้ำงล่ำง) ข้อเสียของระบบ LE คือไฟล์วิดีโอน่ำเบื่อ(วิดีโอให้ควำมรู้สึกแตกต่ำงจำกเรียนกับครู) ง่วงนอน และถำมไม่ได้แต่เรียนกับครูสำมำรถถำมได้หรือเปลี่ยนวิธีอธิบำยให้เข้ำใจมำกขึ้น น้องๆเล่ำว่ำเนื้อหำใน LE มี ส่วนในกำรสอบ o-net โดยเนื้อหำใน LE จะยำกกว่ำข้อสอบ o-net 2. ความเสี่ยง 2.1 กิจกรรมสารวจความเสี่ยง (นาที่ที่ 2) เรียงลำดับตำมสีดำ 5 แดง 4 น้ำเงิน 3 เขียว 2 ชมพู 1 ช่วงชั้น
ม.1
ประเด็น
สีดา
สีแดง สีน้าเงิน สีเขียว สีชมพู
รวม
นอนน้อย
0
0
0
8
1
9
มีเพื่อนที่ชอบทำให้คนอื่นแตกแยก
10
0
0
0
0
10
รำคำญเพื่อน
0
4
6
0
0
10
กลัวไม่ได้คะแนนดี
5
0
0
0
0
5
กังวลเรื่องเรียน
5
0
3
0
0
8
สอบ
0
0
3
2
0
5
กดดันเรื่องอื่นๆ (นอกจำกเรื่องเรียน)
0
4
3
0
0
7
ไม่มีเวลำทำอย่ำงอื่น
0
4
0
0
3
7
อยำกไปต่ำงจังหวัด
5
0
0
0
0
5
ง - 48
ช่วงชั้น
ม.2
ม.3
ประเด็น
สีดา
สีแดง สีน้าเงิน สีเขียว สีชมพู
รวม
อยำกเล่นเกมส์
0
4
0
0
1
5
เล่นเกมส์มำกไป
0
4
0
0
0
4
กฎโรงเรียนเยอะ
0
8
3
4
0
15
กำรบ้ำนเยอะ
5
4
6
2
1
18
คะแนนไม่ดี
10
0
0
0
1
11
สอบตก
0
8
4
3
1
16
LE ไม่น่ำสนใจ เบื่อ ง่วง
10
0
3
0
0
13
LE เนื้อหำไม่ครบ
0
0
0
2
1
3
สูตรคณิตเยอะ ยกเลิกสูตรที่ไม่ได้ใช้
10
4
0
0
0
14
งำนเยอะ
0
0
0
2
0
2
งำนค้ำง
0
4
3
2
1
10
เรียนต่อสำยกำรเรียนแบบไหน
0
4
0
0
0
4
ไม่เข้ำใจเรื่องเรียน
0
4
0
0
1
5
ไม่มีเงิน
0
0
0
2
0
2
กลัวกำรจำกลำ
10
4
0
0
1
15
นอนไม่พอ
5
0
0
2
1
8
อยำกสูง
0
0
6
0
0
6
อ้วน
0
0
0
2
1
3
นอนไม่หลับ
0
0
3
0
0
3
2.2 การลดความเสี่ยงจาก LE (นาที่ 23) (ไม่พบควำมเชือมโยง) น้อง 2 ใน 5 บอกว่ำมั่นใจว่ำจะเข้ำเรียนต่อได้
ง - 49
3. ทัศนคติ 3.1 คุณภาพชีวิตที่ดีหมายถึงอะไร ช่วงชั้น
ม.1
ม.2
ประเด็น
ดา
แดง
น้าเงิน
เขียว
ชมพู
รวม
เห็นเพื่อนอยู่ร่วมกัน
0
0
0
2
0
2
ครอบครัวอยู่ร่วมกัน
5
4
0
0
0
9
ไม่ต้องเสียสิ่งที่รัก
0
0
3
0
0
3
อยู่กับคนที่เรำรักนำนๆ
5
0
0
0
0
5
ได้เล่นเกมส์
5
0
3
0
0
8
ได้กิน
0
4
0
0
0
4
มีเพื่อน
0
0
3
0
0
3
มีแฟน
0
0
0
2
0
2
ห้องคอมดีๆ
5
0
0
0
0
5
ห้องออกกำลังกำย
0
4
0
0
0
4
มีที่ผ่อนคลำย
0
0
3
0
0
3
งำนดีๆ
0
0
0
2
0
2
รวย
0
4
0
0
0
4
ชีวิตมีสีสัน ได้ทำตำมควำมฝัน
5
0
0
0
0
5
ได้ไปเที่ยว
0
4
0
0
0
4
มีอิสระ
0
0
3
0
0
3
ได้กอดอปป้ำ
0
0
0
2
0
2
ได้ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ
5
0
0
0
0
5
มีคนสนใจตลอดเวลำ
0
0
3
0
0
3
ได้ดูหนังฟังเพลง
0
8
0
0
0
8
เรียนสูง จบจำกที่ดีๆ
5
0
0
0
0
5
มองโลกในแง่ดี
5
0
0
0
0
5
ใช้เวลำกับครอบครัว
0
4
0
0
0
4
ง - 50
ช่วงชั้น
ม.3
ประเด็น
ดา
แดง
น้าเงิน
เขียว
ชมพู
รวม
ได้รู้จักตนเอง
0
0
3
0
0
3
ได้เกรดดี
5
0
0
0
0
5
ของในเกมส์รำคำถูกลง
0
4
0
0
0
4
รวย
5
0
0
0
0
5
มีวงดนตรี มีชื่อเสียง
0
4
0
0
0
4
มีงำนทำ มีเงินเดือนดี
15
0
0
0
0
15
ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
5
4
3
0
0
12
รวย
0
0
3
0
0
3
มีงำนที่มั่นคง
0
0
3
0
0
3
มีควำมสุข
0
4
0
0
1
5
มีเวลำเล่นบำสมำกขึ้น
5
0
0
0
0
5
มีเวลำเล่นดนตรี
0
4
0
0
0
4
มีคนเข้ำใจในสิ่งที่เรำเป็น
0
4
0
0
0
4
มีคนให้ปรึกษำเรื่องต่ำงๆ
0
0
3
0
0
3
ได้เรียนในสิ่งที่อยำกเรียน
0
4
0
2
0
6
มีเพื่อนที่ดี
0
0
0
0
1
1
มีกำรเงินที่เหมำะสม
0
0
0
2
0
2
3.2 ความสัมพันธ์ระหว่าง LE และคุณภาพชีวิตที่ดี ในเรื่องกำรเรียนต่อน้องค่อนข้ำงมั่นใจว่ำจะสำมำรถเข้ำในคณะที่อยำกเรียนได้ แต่ไม่พบว่ำมีควำม เชื่อมโยงกับกำรเรียน LE หรือไม่
ง - 51
4. กิจกรรมที่ทาหลังเลิกเรียน สะสม stamp จัดสวนขวดแก้ว เล่นเกมส์ เล่นดนตรี เล่นบำส พักผ่อน 5. ข้อเสนอแนะต่อ LE ข้อเสนอแนะ ความเห็น
ความถี่
ครูชัวร์ควรเปลี่ยนมุก/มุกแป้ก
4
สอนสนุกดี
2
บำงบทยำกไป
1
สูตรเยอะเกินไป
2
เพลงที่ร้องมีประโยชน์
1
กำรเล่นมุกเป็นสีสัน
3
ครูน่ำจะร้องเพลงเพรำะกว่ำนี้
1
ชอบครูใน LE
4
ร้องเพลงเยอะเกินไป
1
เรียนแล้วง่วง
3
เนื้อหำไม่ครบ
1
จดตำมไม่ทัน
1
ไม่ค่อยมีให้จด
1
สอนเร็วไป
1
อยำกให้เพิ่มเนื้อหำนอกบทเรียน
3
อยำกให้เพิ่มภำพประกอบ
4
อยำกให้สอนแบบสรุปๆ วิธีคิดลัด
3
อยำกให้เพิ่มกิจกรรมแก้ง่วง/วิธีสอนที่ไม่ง่วง
3
เพิ่มวิชำคณิตศำสตร์เพิ่มเติม
1
อยำกให้ครูวิทยศำสตร์เล่นมุก
1
ปรับปรุงลำยมือ
3
เนื้อหำดี
1 ง - 52
ลดควำมยำวของวิดีโอ
4
สำมำรถคิดตำมได้ตลอด
1
สำมำรถทบทวนบทเรียนได้
1
เปลี่ยนครูที่สอนไม่รู้เรื่องเป็นคนอื่น
1
ลดเนื้อหำให้สอนเฉพำะที่อยู่ในบทเรียน
1
จดตำมไม่ทัน
1
เพิ่มเวลำทำแบบทดสอบ
1
เปรียบเทียบสัดส่วนการเรียนในระบบ Learn Education กับห้องเรียนปกติ ช่วงชั้น
ม.3
ม.2
ม.1
คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์
LE
ห้องเรียนปกติ
LE
ห้องเรียนปกติ
30
70
80
20
40
60
70
30
25
75
50
50
30
70
10
90
55
45
45
55
20
80
30
70
10
90
60
40
40
60
50
50
60
40
40
60
50
50
60
40
50
50
40
60
20
80
30
70
10
90
20
80
20
80
80
20
ง - 53
30
70
à¸&#x2021; - 54
50
50
สรุปความ Focus Group สถานที่: โรงเรียนสหวิทย์ กลุ่มที่: ม.ปลำย ผู้เข้าร่วม: 15 คน วันที่: 9 มีนำคม 2559 ผู้สรุป: ฉี 1. อุ่นเครื่อง 1.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงงการ LE นักเรียนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เรียนมัธยมต้นทั้งสำมปีที่นี่ ส่วนใหญ่มำจำกสำยวิทย์ -คณิต ปัจจุบันจบม. สำมแล้ว กำลังต่อในมัธยมปลำยทั้งหมด น้องๆ เล่ำกำรเรียน LE ในช่วงม.ต้นนั้นเรียนทุกวันวันละคำบจนถึง 4 คำบต่ออำทิตย์ และม.ปลำยก็มีเรียนบ้ำงประมำณ 4-5 คำบ/สัปดำห์ โดยมีควำมยำวของคลิปประมำณ 50 นำทีแตกต่ำงกันออกไป และมีกำรทำแบบทดสอบก่อนเรียนหลังเรียน LE สำมำรถมำเรียนนอกเวลำได้แต่จะมี ข้อจำกัดที่ครูต้องมำดูแล ซึ่งต้องนัดในเวลำทำงำนของครู เนื้อหำใน LE ครอบคลุม Onet แต่ก็มีเรียนเสริมเพื่อ สอบ gat-pat ในเรื่องควำมแตกต่ำง LE และห้องเรียนปกติ น้องๆ เล่ำว่ำ LE ก็มีหลับบ้ำงเวลำสมำธิหลุด ซึ่งถ้ำเรียน กับครู ครูจะดึงสติให้ได้ดีกว่ำ ระบบ LE ต้องขวนขวำยและตั้งใจถึงจะเข้ำใจ
1.2 ประโยชน์จากการเรียน LE เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนเรียนและหลังเรียน LE น้องสะท้อนว่ำมีควำมเข้ำใจเนื้อหำมำกขึ้น เพรำะ เนื้อหำที่สอนมีควำมกระชับถ้ำไม่เข้ำใจสำมำรถย้อนกลับไปดูได้ และในห้องถ้ำไม่เข้ำใจไม่กล้ำถำมครู ส่วน เนื้อหำมีในข้อสอบ onet แต่ข้อสอบยำกมำกจึงต้องศึกษำเพิ่มเติมเองด้วย คำพูดจำกบทสัมภำษณ์ “รู้สึกเข้ำใจมำกขึ้น เพรำะเวลำในห้องปกติคนมันเยอะ บำงทีก็ถำมไม่ได้ แต่ถ้ำเรียนในเลินด์ถ้ำไม่เข้ำ ก็ย้อนกลับไปดูใหม่ได้ ” “เรียนกับอำจำรย์ในห้องเนื้อหำมันกว้ำง แต่ถ้ำเรียนกับเลินด์รู้สึกเนื้อหำมันกระชับขึ้น” 2. ความเสี่ยง 2.1 กิจกรรมสารวจความเสี่ยง ประเด็น นอนไม่พอ
ดา
แดง
น้าเงิน
เขียว
ชมพู
รวม
-
8
-
-
2
10
ง - 55
ควำมอ้วน
-
-
3
-
-
3
-
7
ไม่บรรลุเป้ำหมำยในชีวิต
-
-
3
4
เงิน
-
4
6
-
จบแล้วไม่มีงำนทำ
5
4
-
2
-
11
กำรแข่งขันสูง
-
4
3
-
-
7
คะแนนสอบ/กำรสอบ
-
4
-
2
-
6
เข้ำมหำลัยไม่ได้
15
-
-
-
-
15
ปัญหำครอบครัว
5
4
3
-
-
12
รถติด
-
-
-
-
1
1
ขยะ
-
4
-
4
-
-
-
10
2.2 การลดความเสี่ยงจาก LE ส่วนใหญ่ควำมกังวลเป็นเรื่องกำรศึกษำ กำรทำงำนในอนำคต ปัญหำครอบครัว เรียงเรียนไม่ค่อยมั่นใจว่ำ LE มีส่วนช่วยหรือไม่ น้องๆ บำงคนอยู่ในระหว่ำงกำรแอดมิดชั่นยังมีควำมกังวล เกี่ยวกับกำรเข้ำมหำวิทยำลัย ซึ่งบำงคนก็ยังสอบไม่ได้ บำงคนยังสอบไม่ติด ซึ่งเด็กๆก็มีกำรไปเรียนพิเศษเพิ่ม ข้ำงนอกโรงเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ำมหำวิทยำลัย แต่บำงคนก็รู้สึกว่ำมั่นใจมำกขึ้นหลังผ่ำนกำรเรียน LE มำ น้องๆ สะท้อนว่ำข้อสอบที่เก็งไปไม่ออกเยอะมำก ซึ่งผิดควำมคำดหมำยซึ่งอำจเป็นปัจจัยที่ทำให้สอบไม่ติด กำรเรียน LE ช่วยได้ในระดับกำรสอนในโรงเรียน แต่ในระดับมหำวิทยำลัยยังไม่เห็นผลชัดเจน และเมื่อถำมถึง ควำมเปลี่ยนแปลงในด้ำนทัศนติต่อกำรเรียนในรำชวิชำที่เรียนกับ LE บำงคนก็สะท้อนว่ำชอบเรียนวิชำนั้นมำก ขึ้นหลังเรียน LE “ก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพรำะหนูก็หลุดรับตรง” “ปีก่อนๆข้อสอบออกพวกลำดับอนุกรม สถิติง่ำยมำก แค่อ่ำนโจทย์ก็ทำได้ แต่ปีนี้เหมือนเปลี่ยนไปเลย อุส่ำเก็งข้อสอบว่ำจะออกอันนี้ แต่ก็ไม่ใช่ ” 3. ทัศนคติ 3.1 กิจกรรมสารวจคุณภาพชีวิตที่ดี ประเด็น มีงำนทำที่แน่นอน
ดา
แดง
น้าเงิน
10
เรียนจบ
4 ง - 56
2
เขียว
ชมพู
รวม
1
11 6
ประเด็น
ดา
มีรำยได้เพียงพอเลี้ยงตนเอง และครอบครัวได้
10
มีสุขภำพที่ดี
5
แดง
มีครอบครัวที่ดี
8
มีควำมสุข
4
น้าเงิน
เขียว
ชมพู
3
2
15
2
7 1
รวม
9 4
มีแผนชีวิตที่ดี
3
3
มีบ้ำน
3
3
ได้ใช้เวลำร่วมกับครอบครัว
2
มีงำนทำที่มีเวลำให้กับครอบครัว
2 1
มีอำหำรที่ดี
2
มีสิ่งแวดล้อมที่ดี
2 1
ไม่มีหนี้สิน
4
ได้ไปต่ำงประเทศ
1 1 4
3
มีบ้ำนมีรถ
3 2
2
3.2 ความสัมพันธ์ระหว่าง LE และคุณภาพชีวิตที่ดี เด็กไม่สำมำรถระบุได้ว่ำมีควำมสัมพันธ์กันอย่ำงชัดเจน โดยสังเกตจำกไม่มีใครตอบคำถำมนี้ และเมื่อ ถำมรำยบุคคลก็คิดไม่ออก 4. กิจกรรมที่ทาหลังเลิกเรียน ไม่มีควำมสัมพันธ์กับ LE 5. ข้อเสนอแนะต่อ LE อ่ำนลำยมือไม่ออก อยำกให้เนื้อหำครอบคลุมกำรสอบที่ยำกขึ้น สรุปความ Focus Group สถานที่: โรงเรียนเซนต์โย แม่แจ่ม กลุ่มที่: ครูผู้สอน ผู้เข้าร่วม: 2 คน วันที่: 17 มีนำคม 2559 ง - 57
1. อุ่นเครื่อง 1.1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงงการ LE ครู ผู้ ให้ สั มภำษณ์ส อนวิช ำคณิตศำสตร์ สอนที่นี่มำ 3 ปีแล้ ว ครูพักอยู่ที่โ รงเรียนร่ว มกับนัก เรี ย น เนื่องจำกลักษณะโรงเรียนเป็นโรงเรียนพื้นที่ห่ำงไกล และเด็กนักเรียนส่วนมำกเป็นกลุ่มชำติพันิที ธ์ ่อำศัยอยู่บน พื้นที่หุบเขำที่รำบสูง ซึ่งใช้เวลำเดินทำงนำนป็นชั่วโมงขึ้นอยู่กับระยะทำง บำงคนก็ 5 ช.ม.จำกบ้ำนมำโรงเรียน ด้วยเส้นทำงที่เป็นหุบเขำทำให้เดินทำงยำกลำบำก นักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่จึงเป็นนักเรียนประจำที่อำศัยอยู่ที่ โรงเรียนตลอดเวลำ และจะกลับบ้ำนเมื่อตอนปิดเทอมหรือหยุดยำว ในส่วน LE ครูไม่ทรำบว่ำเริ่มมีกำรนำมำใช้เมื่อไหร่ แต่ก็เห็นตั้งแต่ครูเริ่มเข้ำมำสอนแล้ว ซึ่งก็ 3 ปี ผ่ำนมำแล้ว วิธีกำรใช้ครูจะให้นักเรียนเปิดฟัง ครูจะทำหน้ำที่กำกับดูแลให้เด็กดูวิดีโอ และคอยสอบถำมเช็ก ควำมเข้ำใจของเด็ก และตอบคำถำม ในส่วนควำมแตกต่ำงสิ่งที่ครูเห็นได้ชัดเลยจำกกำรเปรียบเทียบสองระบบ คือ 1) สมำธิของเด็กจะดีกว่ำในห้องเพรำะไม่มีเสียงรบกวนจำกกำรคุยกันของเพื่อร่วมชั้น ทำให้เด็ก เรียนได้เต็มที่ LE ช่วยให้เด็กมีผลสำฤทธิ์ทำงกำรเรียนมำกขึ้น โดยเฉพำะกลุ่มสมำธิสั้นเพรำะ สำมำรถโฟกัส และไม่ถูกรบกวน 2) ลดภำระของครูในจำกบทบำทกำรสอนมำเป็นคนเอื้อกระบวนกำรเรียนรู้ ทำให้ดูแลเด็กได้มำก ขึ้น เช่น สำมำรถรำยบุคคลได้ เพระำเด็กมีกำรเรียนรู้แตกต่ำงกัน พื้นฐำนเด็กก็มำไม่เท่ำกัน 3) เด็กจะเรียนจำกวิดีโอแล้วเข้ำใจหรือไม่เข้ำใจ ขึ้นอยู่กับพื้นฐำนควำมรู้ของเด็ก ถ้ำเด็กที่เรียนที่นี่ ตั้งแต่แรกจะไม่ค่อยมีปัญหำ แต่เด็กบำงคนที่ย้ำยมำครูอำจจะยังไม่ได้สอน บำงคนยังไม่ค่อย เข้ำใจภำษำไทย 4) มีกำรใช้กำรปลูกฝังคุณธรรมกับกำรเรียน LE โดยเด็กจะตั้งใจเรียน เพรำะรับรู้ว่ำได้เรียน LE ฟรี จะต้องตั้งใจเพื่อตอบแทนคุณ ซึ่ งผู้ เก็บข้อมูล สั งเกตว่ำโรงเรียนให้ ควำมส ำคัญกับเรื่อง คุณธรรม และศำสนำมำก โดยดูจำกกำรตกแต่งอำคำรหอประชุมที่เต็มไปด้วยภำพศำสนำ สถำนที่ และนักบุญ และเวลำที่มำเธอร์หรือคุณครูพูดกับนักเรียนจะมีกำรเน้นย้ำเรื่องคุณธรรม เสมอ “เด็กเขำคิดว่ำได้เรียนฟรี เขำจะตั้งใจเรียนมำก ครูก็จะย้ำกับนักเรียนเสมอ ว่ำต้องขอบคุณที่เขำให้เรำมำ ทำให้เรำมีโอกำสได้เรียนนะ” 5) ระบบ LE จะมีกำรสอดแทรกข้อคิดในระหว่ำงวีดีโอด้วย ทำให้ช่วยเสริมกำลังใจเด็กให้ทำตำม ควำมฝัน โดยสำมำรถสังเกตเห็นได้ว่ำทัศนคติของเด็กดีขึ้นหลังจำกได้เรียน LE ง - 58
6) ข้ อ จ ำกั ด ของ LE คื อ อุ ป กรณ์ ไ ม่ เ พี ย งพอ บำงครั้ ง ก ำลั ง ไฟไม่ เ พี ย งพอส ำหรั บ กำรเปิ ด คอมพิวเตอร์พร้อมกันทั้งหมด และบำงครั้งถ้ำอุปกรณ์เสีย ซึ่งครูจะแก้ปัญหำโดยกำรแบ่งกันดู และต่อเสียงกับลำโพง “ปัญหำของกำรใช้ระบบเลินคือเรำไม่มีอุปกรณ์เพียงพอกับเด็ก บำงครั้งต้องใช้ คอมหนึ่งเครื่องแล้วให้เด็กแบ่งกันดูหลำยๆคน เพรำะหูฟังพัง หรือบำงครั้งก็ปั่น ไฟไม่พอ” 2. ความเสี่ยง 2.1 กิจกรรมสารวจความเสี่ยง (ให้ครูเรียงลาดับตามความกังวล) 1) ปัญหำด้ำนเศรษฐกิจ ครอบครั วของเด็กส่วนใหญ่มีฐำนะยำกจน ซึ่งส่งผลโดยตรงทำให้เด็กขำด กำลังใจในกำรใช้ชีวิต และควำมั่นใจในกำรศึกษำต่อในระดับที่สูงขึ้น บำงคนก็ฐำนะยำกจนทำให้เป็นปมด้อย เด็กจะรู้ไม่มั่นในตนเอง ส่วนผลกระทบทำงอ้อมได้แก่ สถำนกำร์ทำงเศรษฐกิจทำให้เด็กต้องแยกจำกครอบครัว บำงคนพ่อแม่ต้องออกไปหำงำนทำต่ำงที่ หรือต้องจำกครอบครัวเพื่อมำเรียนที่นี่ ส่งผลให้เด็กขำดควำมรัก ควำมอบอุ่น “บำงคนเวลำกลับบ้ำนได้เจอปัญหำครอบครัว ก็รู้สึกแย่ เวลำกลับมำเรียนก็จะดูซึมๆ ทำให้ เรียนได้ไม่เต็มที่” 2) ปัญหำยำเสพติด ส่วนมำกเป็นกำรสูบบุหรี่ แต่ที่นี่ไม่ค่ อยมีปัญหำเพรำะโรงเรียนมีกฎควบคุม และ สภำพแวดล้อมของเด็ก ครอบครัว ชุมชนมีควำมเสี่ยงต่อยำเสพติดสูง เพรำะเป็นพื้นที่สีแดง และมีค่ำนิยมสูบ ยำเส้น 3) ปัญหำชู้สำว ไม่ได้เป็นปัญหำที่เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมชำติของเด็กที่กำลังเป็น วัยรุ่น ซึ่งกำรมีควำมรักหรือมีเพศสัมพันธ์เป็นอุปสรรค์ต่อกำรเรียน โดยกำรออกไปมีครอบครัว หรือบำงกรณี อำจจะทำให้ไม่มีสมำธิในกำรเรียน 2.2 การลดความเสี่ยงจาก LE ครูคิดว่ำปัญหำไม่ได้เกี่ยวกับ LE และไม่น่ำมีส่วนเกี่ยวข้องในกำรลดปัญหำที่กล่ำวไป
3. ทัศนคติ 3.1 ความสัมพันธ์ระหว่าง LE และคุณภาพชีวิตที่ดี ง - 59
กำรมีระบบ LE ช่วยให้เด็กที่ตั้งใจเรียนสำมำรถเรียนจบได้อย่ำงมีคุณภำพ จำกลักษณะภูมิประเทศซึ่ง พื้นที่รำบสูง เด็กอยู่ห่ำงไกล และเป็นครอบครัวยำกจน ทำให้เด็กขำดโอกำสในกำรเรียนรู้เมื่อเทียบกับเด็กใน พื้นที่อื่น บำงทีครูสอนหลำยวิชำ บำงทีครูไม่มำสอน ทำให้กำรเรียนไม่ต่อเนื่อง และเมื่อต้องเรียนสูงขึ้นทำให้ เด็กไม่สำมำรถสอบแข่งขันกับที่อื่น หรือได้เรียนในสิ่งที่ตนมุ่งหวังไว้ได้ (โรงเรียนสอนแค่ ม.ต้น หำกเด็กๆ ต้องกำรเรียนต้องไปสอบเข้ำที่อื่น) นอกจำกนี้ครูคิดว่ำกำรแทรกข้อคิดในระหว่ ำงบทเรียน ทำให้เด็กมีแรง กระตุ้นในกำรเรียนมำกขึ้นอีกด้วย 4. กิจกรรมที่ทาหลังเลิกเรียน เหมือนทั่วๆไป เล่นกีฬำ เล่นกับเพื่อนๆ 5.ข้อเสนอแนะต่อ LE - เพิ่มเกร็ดเล็กๆน้อยๆ สูตรลัดเทคนิคในวิชำเรียน - ขยำยวิชำเพิ่มมำกขึ้น
ง - 60
ภาคผนวก จ. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนาคุณธรรมครบวงจร จ. ตราด
1. ความเป็นมาของกิจการ/โครงการเพื่อสังคม พระสุบิน ปณีโต แห่งวัดไผ่ล้อม ตำบลบำงพระ อำเภอเมือง จังหวัดตรำด ก่อตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เพื่อพัฒนำคุณธรรมครบวงจรกลุ่มแรกขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภำคม พ.ศ. 2533 ที่บ้ำนเกำะขวำง ต.ห้วยแร้ง อ. เมือง จ.ตรำด โดยนำเอำแนวคิดกลุ่มออมทรัพย์ที่ประสบควำมสำเร็จจำกครูชบ ยอดแก้ว แห่งโรงเรียนวัดน้ำ ขำว อ.จะนะ จ.สงขลำ มำผนวกรวมกับหลักธรรมะ เช่น หลักมงคลสูตร หลักฆรำวำสธรรม หลักสัตบุรุษ ฯลฯ พระสุบินจูงใจชำวบ้ำนให้จัดตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์กันขึ้นมำเอง ด้วยกำรโน้มน้ำวให้เห็นว่ำ เดือน หนึ่งๆ ชำวบ้ำนหลำยคนมีกำรซื้อหวย มีรำยจ่ำยสั งคมอย่ำงเช่นงำนแต่งงำน งำนบวช งำนศพ ขณะเดียวกันก็ ยังมีคนขัดสนยำกจนในชุมชน กำรใช้บริกำรสถำบันกำรเงินหรือสหกรณ์ในระบบก็ไม่สะดวกนักเพรำะต้องเดิน ทำงไกลเข้ำเมือง ไม่คุ้มค่ำน้ำมันรถหำกต้องไปฝำกเงินไม่กี่สิบบำท หำกชำวบ้ำนนำเงินบำงส่วนที่เคยใช้ไปทำ อย่ำงอื่น มำฝำกกันไว้เป็นกลุ่มก้อนเพื่อแก้ปัญหำควำมขัดสน จุนเจือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รองรับเหตุกำรณ์ ไม่คำดฝันในอนำคตซึ่งอำจทำให้เดือดร้อนทำงกำรเงิน เช่น ไฟไหม้ หรือภำวะเจ็บไข้ได้ป่วย โดยระยะแรกพระ สุบินจูงใจให้เริ่มออมไม่ต่ำกว่ำ 10 บำท และไม่เกิน 100 บำทต่อคนต่อเดือน เพื่อป้องกันควำมเสี่ยงที่ใครจะมี อำนำจตัดสินใจสูงเกินควร แนวคิดในกำรจัดกำรของพระสุบินเริ่มต้นจำกหลักพุทธศำสนำ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” โดยมองเห็น ปัญหำว่ำ “คนในชุมชนไม่ได้พึ่งพำตนเอง กลับไปพึ่งพำสถำบันกำรเงิน คนเหล่ำนั้นไม่ใช่พี่ไม่ใช่น้อง เรำก็ไม่ รู้จัก ฉะนั้นเรำจะหวังพึ่งคนนอกก็เหมือนว่ำถ้ำเรำอ่อนล้ำ อ่อนกำลังที่สุด เป็นเหมือนคนไข้ อำกำรหนักๆ เข้ำ เขำก็ต้องเอำออกซิเจนมำเสียบให้เรำ แบบนี้ก็ชุมชนเรำก็จะแย่ ต้องหำคนนอกมำหนุนเรำ ต้องหำทุนจำกข้ำง นอกมำเสริมเรำ เพรำะฉะนั้นถ้ำเรำเริ่มทำซะตอนนี้ มีทุนตั้งแต่ตอนนี้ ก็เหมือนกำรออกกำลังกำย เรำผู้เป็น เจ้ำของแรงยังไงก็ต้องดีกว่ำของคนอื่น เขำเรียกว่ำสร้ำงทุนให้ตนเอง ตอนนี้เงินทองเป็นของจำเป็นเกี่ยวข้องกับ ชีวิต แต่ละเดือนขำดไม่ได้ ทั้งค่ำน้ำ ค่ำไฟ ค่ำโทรศัพท์ ค่ำยำนพำหนะ ค่ำกำรศึกษำ เรำต้องยุ่งเกี่ยวกับมัน ตลอดเลำ แล้วเรำไม่เรียนรู้ มัน เรำจะอยู่กับมันอย่ำงไร” ประกอบกับแนวคิดที่ว่ำ เงินทุนสำมำรถใช้เ ป็น เครื่องมือเปลี่ยนนิสัยคน รวมถึงแก้ปัญหำหนี้สินและควำมแตกแยกของชุมชนได้ – “เมื่อทุนเรำมีก็เปลี่ยนนิสัย คนได้ ตั้งเงื่อนไขว่ำจะช่วยเมื่อคุณเปลี่ยนนิสัย ถ้ำติดกำรพนันก็ไม่ช่วย ถ้ำขี้เหล้ำมำยำก็ไม่ช่วย …เรำไม่ได้ จ-1
แก้ปัญหำหนี้สินอย่ำงเดียว แต่แก้ปัญหำควำมแตกแยกของคนในชุมชนด้วย คนในชุมชนมีควำมแตกแยกกันสูง แต่ถ้ำมันมำจับรวมกัน เดี๋ยวก็ต้องมีเรื่องคุยกัน เมื่อคุยกันแล้วก็ต้องปรับตัวเข้ำหำกัน” กำรขยำยกลุ่ มสั จ จะสะสมทรัพย์ ในช่วงปีแรกๆ พระสุ บินจะใช้ช่ วงเวลำเข้ำพรรษำระหว่ำงเดือน กรกฎำคม-ตุลำคมเป็นหลัก โดยใช้โอกำสในวันพระที่มีชำวบ้ำนมำทำบุญที่วัดเป็นจำนวนมำก รวมทั้งวันสำคัญ ของทำงรำชกำรในกำรสอดแทรกและเผยแพร่แนวคิดกำรจัดตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ สองทศวรรษให้หลัง จนถึงสิ้นปี 2554 กำรเงินชุมชนรูปแบบนี้ก็ได้แตกหน่อขยำยผลไปทั่วทั้งจังหวัดตรำด ปัจจุบันเครือข่ำยมีสมำชิก 163 กลุ่ม (ระดับหมู่บ้ำน) ทั่วทั้งจังหวัดตรำด มีสมำชิกรวมกันกว่ำ 66,000 คน ณ สิ้นปี พ.ศ. 2559 จำกเงินออมตั้งต้นของสองกลุ่มแรกประมำณ 7,440 บำท ปัจจุบันเครือข่ำยมีเงินหุ้น เงินทำบุญวันละบำท และเงินกองทุนสวัสดิกำรรวมกันกว่ำ 2,552 ล้ำนบำท โดยทุกๆ วันที่ 15 ของเดือน จะมี กำรร่วมประชุมของตัวแทนคณะกรรมกำรจำกกลุ่มต่ำงๆ ณ วัดไผ่ล้อม อย่ำงสม่ำเสมอ และทุกปี พระสุบินจะ เดินทำงไปมอบคำแนะนำแก่กลุ่มต่ำงๆ เกี่ยวกับเรื่องกำรบัญชีและกำรบริหำรจัดกำร นอกจำกกิจกรรมพื้นฐำนทำงกำรเงิน ได้แก่กำรรับฝำกเงินและกำรกู้ยืม รวมทั้งกำรจัดสวัสดิกำร สำหรับคนในชุมชน กลุ่มสัจจะสะสมทรั พย์ฯ ยังมีกิจกรรมพัฒ นำทักษะควำมสำมำรถ กำรส่งเสริม อำชี พ รวมทั้งกำรรณรงค์ในประเด็นต่ำงๆ เช่น กำรรักษำสุขภำพ กำรร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ป่วยยำกไร้ หรือกำร จัดซื้ออุปกรณ์ให้โรงพยำบำลในจังหวัด รวมทั้งกำรจัดกิจกรรมเผยแพร่ควำมรู้ทำงกำรเกษตร และกำรจัดตลำด นัดชุมชนอีกด้วย รำวปี พ.ศ. 2547 เครือข่ำยสัจจะสะสมทรัพย์ฯ ได้จัดตั้งกองทุนทำบุญวันละบำท จัดสวัสดิกำรภำค ประชำชน จังหวัดตรำด เพิ่มเติมจำกกลุ่มสัจจะฯ เดิม โดยเน้นกำรมอบสวัสดิกำรเก้ำเรื่อง ครอบคลุมตั้งแต่กำร เกิด แก่ เจ็บ ตำย เพื่อเสริมกำรทำงำนของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เดิม 1.1 ควำมหมำยของชื่อและหลักเกณฑ์ของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนำคุณธรรมครบวงจร ชื่อกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนำคุณธรรมครบวงจร ได้สอดแทรกควำมหมำยของหลักธรรมตั้งแต่ กำรเลือกใช้คำว่ำ “สะสม” แทนคำว่ำ “ออม” เพรำะคำว่ำสะสมนั้นสำมำรถยกตัวอย่ำงกำรที่ผึ้งหรือแมลง ค่อยๆ สะสมน้ำหวำนจนได้เป็นรังใหญ่ หรือกำรที่มดปลวกค่อยๆ คำบดินทีละน้อยจนมำสร้ำงเป็นจอมปลวก ส่วน “สัจจะ” คือควำมจริงที่ใจ ต่อตนเอง และผู้อื่น คำว่ำ “ทรัพย์” มีรำกศัพท์จำกภำษำบำลี หมำยถึง เครื่อง ปลื้มใจ ซึ่งไม่ได้หมำยถึงเงินเพียงอย่ำงเดียว แต่รวมถึงควำมภำคภูมิใจ บุญ และควำมดีงำมด้วย ส่วนคำว่ำ “เพื่อพัฒนำคุณธรรมครบวงจรชีวิต ” มีเจตนำเพื่อให้เห็นเป้ำหมำยของกลุ่ มว่ำ ตั้งขึ้นเพื่อ เน้นกำรพัฒนำคุณธรรมเป็นหลัก โดยมี “เงิน” เป็นเครื่องมือ อีกทั้งยังช่วยดูแลตั้งแต่เกิดจนถึงเสียชีวิตผ่ำนกำร จ-2
จัดสวัสดิกำรกลุ่ม ตั้งแต่กำรคลอดบุตร รักษำพยำบำลในยำมเจ็บป่วย บำนำญเมื่อแก่ชรำ และค่ำฌำปนกิจ ทั้งนี้ ได้มีกำรกำหนดหลักเกณฑ์ 18 ข้อในกำรดำเนินงำนของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ดังนี้ 1) สมำชิกต้องเป็นคนในหมู่บ้ำน ยกเว้นที่ปรึกษำ โดยยึดหลักมงคลสูตรคือกำรสงเครำะห์ญำติ กำรไม่รับ คนที่อยู่ห่ำงไกลยังช่วยลดภำระกำรส่งเงินและเก็บเงินอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นกำรกระจำยกำลังทรัพย์ไป ยังหมู่บ้ำนย่อยๆ ไม่ให้เกิดกำรสะสมทรัพย์จำนวนมำกไว้ที่หมู่บ้ำนใดหมู่บ้ำนหนึ่ง 2) กรรมกำรมีจำนวนไม่น้อยกว่ำ 5 คน ประกอบด้วยฝ่ำยเงินฝำก เงินกู้ ตรวจสอบ และสวัสดิกำร โดยมี วำระ 1 ปี เมื่อครบวำระก็เลือกตั้งคณะกรรมกำรใหม่ตำมหลักประชำธิปไตย โดยควรเลือกคนที่ไม่ดื่ม เหล้ำ ไม่เล่นกำรพนัน และไม่มั่วสุมในอบำยมุข 3) สมำชิกกลุ่มต้องสะสมเงินอย่ำงน้อยเดือนละ 10 บำท แต่ไม่เกิน 100 บำท โดยสำมำรถฝำกได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ 4) สำหรับสมำชิกรุ่นแรก เมื่อก่อตั้งกลุ่มแล้วให้ปล่อยกู้ทันที เพื่อเรียนรู้กำรจัดกำรระบบบัญชี และเป็น กำรเรียนรู้นิสัยใจคอของสมำชิก โดยมีกำรทำสัญญำเงินกู้ และมีบุคคลค้ำประกัน คิดอัตรำค่ำบำรุง (ดอกเบี้ย) ร้อยละ 1 หรือ 2 แล้วแต่ชุมชนตกลงกัน 5) หำกผู้ที่กู้ยืมเงินตำมข้อ 5 ประสบภัยพิบัติสำมำรถผ่อนผันได้ตำมควำมเหมำะสม แต่หำกไม่มีควำม จำเป็นแต่มำขอผ่อนผันกำรคืนสินเชื่อ ก็จะต้องเสียค่ำบำรุงเพิ่มเติมร้อยละ 5 หรือร้อยละ 10 แล้วแต่ ชุมชนตกลงกัน 6) ในวันประชุมส่งเงินประจำเดือน หำกสมำชิกขำดส่งโดยประกำรใดก็ตำม ให้ปรับ 10 บำทนำเงินเข้ำ กองกลำงเพื่อเป็นสวัสดิกำรกลุ่ม เนื่องจำกเขำผิดศีลข้อ 4 7) สมำชิกที่จะกู้ยืมเงินเพิ่มเติม จะต้องชำระบัญชีเก่ำให้หมดก่อน 8) กำรพิจำรณำเงินกู้ในแต่ละเดือน คณะกรรมกำรจะต้องพิจำรณำให้ควำมเป็นธรรมตำมลำดับ คือ 1) คนป่วย 2) ใช้หนี้ในอัตรำดอกเบี้ยสูง 3) เสียค่ำบำรุงกำรศึกษำ ถ้ำนอกเหนือจำก 3 ประเด็นนี้ให้ พูดคุยตกลงกัน แต่หำกยอดเงินไม่เพียงพอ และตกลงกันไม่ได้ให้หำรเฉลี่ยกัน แต่ห้ำมใช้วิธีกำรสุ่ม 9) ถ้ำเป็นสมำชิกครอบ 12 เดือนให้นำเงินรำยได้จำกค่ำบำรุง (ดอกเบี้ยปล่อยกู้) และรำยได้ดอกเบี้ยจำก เงินฝำกในธนำคำรมำแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นเงินปันผลคืนให้สมำชิก อีกครึ่งหนึ่งนำเข้ำ กองทุนสวัสดิกำร 10) เมื่อเงิน เหลื อจำกกำรกู้ยื มต้องน ำเงินฝำกสถำบันกำรเงิน ในกรณีที่เงินไม่เพียงพอต่อกำรให้กู้ยืม พยำยำมอย่ำกู้เงินจำกแหล่งอื่นมำปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้สมำชิกตระหนักว่ำหำกต้องกำรกู้มำกก็ต้อง ฝำกให้มำก จ-3
11) สมำชิกที่เข้ำมำใหม่ ต้องรอให้ผ่ำนไปอย่ำงน้อย 3 ถึง 6 เดือนก่อน จึงจะปล่อยสินเชื่อ 12) เมื่อมีกำรนำเงินเข้ำในกองทุน สวัสดิกำร ต้องมีกำรตกลงเรื่องกำรจัดกำรเงิน เช่น ค่ำรักษำพยำบำล โดยร่วมกันตกลงตำมควำมเหมำะสม เช่น หำกมีกำไรน้อย คนมำก ให้กำหนดสวัสดิกำรต่ำ โดยกำร กำหนดสวัสดิกำรจะลดหลั่นกันไปตำมอำยุสมำชิก กล่ำวคือ สมำชิกรุ่นแรกจะได้รับสวัสดิกำรเต็ม จำนวน ส่วนสมำชิกรุ่นที่สองซึ่งเข้ำร่วมทีหลัง ก็จะได้สวัสดิกำรเพียงครึ่งหนึ่งของรุ่นแรก เป็นต้น 13) หำกสมำชิกกลุ่มสัจจะออกจำกกลุ่มไปแล้ว หำกต้องกำรกลับเข้ำมำร่วมกลุ่มใหม่ให้ทิ้งระยะเวลำอย่ำง น้อย 3 ปี แต่หำกผู้ที่ออกจำกกลุ่มนั้นมีพฤติกรรมไม่เหมำะสม กรรมกำรควรพิจำรณำไม่ให้รับเข้ำร่วม กลุ่มอีก 14) หำกสมำชิ ก ต้ อ งกำรถอนเงิ น สะสมคื น ต้ อ งมี ย อดเงิ น สะสมอย่ ำ งน้ อ ย 10,000 บำท โดยอำจ เปลี่ยนแปลงตำมควำมเหมำะสมตำมสถำนกำรณ์ของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์แต่ละหมู่บ้ำน โดยจะให้ ถอนคืนเพียงครึ่งหนึ่ง แต่หำกถอนเงินทั้งหมด จะหมดสภำพกำรเป็นสมำชิกทันที กล่ำวคือ ไม่ได้รับ สวัสดิกำรอีกต่อไป 15) คณะกรรมกำรทำบัญชีจะไม่ได้รับค่ำตอบแทนในปีแรก แต่จะได้รับค่ำตอบแทนในปีที่ 2 เมื่อกลุ่มสัจจ จะฯ เริ่มมีกำไร โดยให้กำหนดว่ำค่ำตอบแทนกำรทำงำนต่อครั้งเท่ำไร และรวบรวมจ่ำยตอนสิ้นปี 16) กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ฯ จะรับสมำชิกเพียง 4 รุ่นเท่ำนั้นโดยเปิดรับปีละครั้ง หำกมีกำรลำออกระหว่ำง ปีสำมำรถซื้อหุ้นกันได้ 17) หำกต้ อ งกำรกู้ ยื ม เงิ น เกิ น กว่ ำ สิ ท ธิ สำมำรถใช้ บั ญ ชี ผู้ อื่ น กู้ ยื ม เงิ น ได้ แต่ เ จ้ ำ ของบั ญ ชี ต้ อ งเป็ น ผู้ดำเนินกำรเองและรับผิดชอบเองทั้งหมด 18) หำกมีเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจำกหลักเกณฑ์ ให้คณะกรรมกำรประชุมปรึกษำเป็นเรื่องๆ ไป 1.2 สวัสดิกำรของกองทุนทำบุญวันละบำท (จะได้รับเมื่อ “ทำบุญสัจจะ” (ฝำกเงิน) ครบ 180 วัน) 1) เกิด สวัสดิกำรให้ลูก 500 บำท และแม่นอนโรงพยำบำลได้คืนละ 100 บำทไม่เกิน 10 คืน รวมปีละไม่ เกิน 2,000 บำท 2) แก่ เมื่อฝำกสัจจะครับ 15 ปี เมื่ออำยุ 60 ปีได้บำนำญเดือนละ 300 บำท และทุกๆ 5 ปีจะเพิ่มให้ปีละ 100 บำท 3) เจ็บ นอนโรงพยำบำล ให้คืนละ 100 บำท ปีละไม่เกิน 10 คืน 4) ตาย รำยละเอียดตำมตำรำด้ำนล่ำง
จ-4
ระยะเวลาฝากสัจจะ (วัน)
ค่าทาศพเมื่อเสียชีวิต (บาท)
180
2,500
365
5,000
730
10,000
1,460
15,000
2,920
20,000
5,840
30,000
1. ทุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพ ต้องได้รับควำมเห็นชอบจำกสมำชิกส่วนมำก และหำกเป็น ครอบครัวที่ไม่ดื่มสุรำ ไม่สูบบุหรี่ และไม่เกี่ยวข้องกับยำเสพติด ไม่ประกอบอำชีพผิดกฎหมำย และทำ บัญชีรับ-จ่ำย ครัวเรือน จะไม่ต้องเสียค่ำบำรุง (ดอกเบี้ย) 2. ผู้สูงอายุและทุพพลภาพ ต้องมีเจ้ำภำพจ่ำยให้ก่อน 180 วัน และหลังจำกนั้นกองทุนจะอนุเครำะห์ จ่ำยสมทบให้ 3. สวัสดิการคนทางาน จ่ำยให้คนละ 130 บำทต่อวัน เป็นเงินออม 100 บำท และเป็นเงินสัจจะ 30 บำท (ไม่รวมกรรมกำรกลุ่มสัจจะ) 4. สวัสดิการประกันเงินกู้ ในกรณีที่สมำชิกเสียชีวิตในขณะที่ยังมีหนี้สินที่กู้ยืมจำกกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ในพื้นที่ กองทุนจะช่วยชำระหนี้ให้ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บำท โดยกองทุนจะจ่ำยให้กับสมำชิกที่ เป็นสมำชิกอย่ำงน้อย 1 ปี จำนวน 5,000 บำท และเพิ่มยอดเงินอีก 5,000 บำททุกๆ 2 ปี 5. สวัสดิการสมทบเงินฝากกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ฯ เมื่อเสียชีวิต สมทบร้อยละ 50 ของยอดเงินฝำก แต่ไม่เกิน 15,000 บำท บทบำทของเครือข่ำยสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม เนื่องจำกกุศโลบำยหลักของพระสุบินอยู่กำรโน้มน้ำวให้ชำวบ้ำนจัดตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ขึ้นมำเอง ในชุมชนระดับหมู่บ้ำนของตนเอง โดยมิได้เข้ำไปบริหำรจัดกำรโดยตรง ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกลุ่มต่ำงๆ ที่ ด ำเนิ น งำนตำมแนวทำงนี้ 163 กลุ่ ม รวมตั ว กั น ในชื่ อ “เครื อ ข่ ำ ยสั จ จะสะสมทรั พ ย์ วั ด ไผ่ ล้ อ ม” โดยมี ควำมสัมพันธ์กับกลุ่มย่อยในระดับหมู่บ้ำนดังนี้ 1. ฝำกเงินเดือนละครั้ง ครั้งละ 100 บำท ไว้ที่เครือข่ำย สำรองไว้สำหรับช่วยเหลือกลุ่มย่อยบำงกลุ่ม ที่มีปัญหำมีเงินไม่พอบริหำรจัดกำร รวมถึงช่วยเหลือคนที่เป็นหนี้นอกระบบหรือหนี้ที่ไม่สำมำรถ แก้ได้ หรือกำลังจะถูกยึดที่ดิน เป็นต้น จ-5
2. ทุกสำมเดือนต้องส่งสมุดบัญชีมำให้เครือข่ำยฯ ตรวจ 3. ส่งกรรมกำรเป็นตัวแทนมำร่วมประชุมเครือข่ำยฯ ที่วัดไผ่ล้อม ทุกวันที่ 15 ของเดือน ปัจจุบันมี อัตรำกำรเข้ำร่วมรำว 100 กลุ่ม หรือรำว 61.3% 4. พระสุบินลงไปมอบโอวำทและให้ข้อเสนอแนะต่อกลุ่มย่อยทุกปี 2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ 2.1 กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย และขอบเขตกำรประเมิน กำรวิเครำะห์กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อพัฒนำคุณธรรมครบวงจร เพื่อ ประเมิน ผลลั พธ์ทำงสั งคม จะพิจ ำรณำจำกสมำชิกกลุ่ มฯ ในชุมชนเป็นหลั ก เนื่องจำกเป็นกลุ่ มเป้ำหมำย โดยตรงของกิจกำร และกิจกำรนี้มิได้มีภำคีเครือข่ำยหรือได้รับกำรสนับสนุนจำกภำยนอก โดยกำรประเมินครั้ง นี้จะเน้นผู้ที่เป็นสมำชิกมำมำกกว่ำ 10 ปี เนื่องจำกต้องกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคมย้อนหลังตั้งแต่เริ่มต้น โครงกำร หรือใกล้เคียงกับจุดเริ่มต้นให้ได้มำกที่สุด 2.2 ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) และห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) ของ กิจกำร ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง ถ้ำชำวบ้ำนในชุมชนเข้ำมำเป็นสมำชิกกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ และกลุ่มมีคณะกรรมกำรที่เหมำะสมแล้ว ชำวบ้ำนและครอบครัวจะสำมำรถพึ่งพำตนเองได้มำกขึ้น ห่วงโซ่ผลลัพธ์ของกิจกำร ปัจจัยนำเข้ำ • หลักธรรมะ • เงินทุน (เงินหุ้น
กิจกรรม
• จัดโครงสร้ำงกรรมกำร • ชำวบ้ำนมีเงินออมมำก ให้เหมำะสม (มี
และเงินทำบุญวัน
พื้นฐำนควำมเสียสละ
ละบำท)
รับผิดชอบ ไม่มั่ว
• กำรให้คำชี้แนะของ พระสุบิน
ผลผลิต
อบำยมุข)
ขึ้น • ชำวบ้ำนได้รับสวัสดิกำร มำกขึ้น • ชำวบ้ำนที่เป็นกรรมกำร
• รับเงินฝำก (เงินหุ้น)
กลุ่มมีควำมสำมำรถใน กำรบริหำรจัดกำรเงิน มำกขึ้น จ-6
ผลลัพธ์ ชำวบ้ำนและ ครอบครัวสำมำรถ พึ่งพำตนเองได้มำก ขึ้น
ปัจจัยนำเข้ำ
กิจกรรม
ผลผลิต
• รับเงินสำหรับจัด
• กลุ่มออมทรัพย์รับซื้อ
สวัสดิกำร (เงินทำบุญ
ผลผลิตของสมำชิก
วันละบำท)
ได้มำกขึ้น
• ปล่อยเงินกู้
ผลลัพธ์
• กลุ่มออมทรัพย์ซื้อที่ดิน
• จัดสวัสดิกำร
มำจัดสรรให้กับคนที่ไม่มี
• ใช้ทุนในกำรดูแล
ที่อยู่ได้มำกขึ้น
พัฒนำชุมชน ควำมเห็นเพิ่มเติมจำกพระสุบินเรื่องผลลัพธ์ทำงสังคม – “อำตมำมองว่ำผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดเป็นเรื่อง ของกำร พึ่งพาตนเอง ของตัวเองและครอบครัว โดยใช้หลักธรรมะ ไม่ใช่กำรทำสำธำรณประโยชน์ในชุมชน เพรำะเรื่องนั้นรัฐบำลทำอยู่แล้ว เรำจึงไม่เน้น” 2.3 ตัวชี้วัดที่เหมำะสม และคำอธิบำย ตัวชี้วัด “กำรพึ่งพำตนเองได้มำกขึ้น” ของสมำชิกกลุ่มฯ ที่สอดคล้องและสะท้อนผลลัพธ์โดยตรงของ กิจกรรมที่กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ดำเนินกำร ได้แก่ตัวชี้วัดต่อไปนี้ 1. ชำวบ้ำนมีเงินออมมำกขึ้น จำกกำรฝำกเงินหุ้น 2. ชำวบ้ำนได้รับสวัสดิกำรมำกขึ้น จำกกำรสบทบเงินทำบุญวันละบำท และกลุ่มฯ นำเงินดังกล่ำวไป จัดสวัสดิกำรตำมเงื่อนไข 3. ชำวบ้ำนที่เป็นกรรมกำรกลุ่มมีควำมสำมำรถในกำรบริหำรจัดกำรเงินมำกขึ้น จำกกำรที่ได้มำ ร่วมกันบริหำรจัดกำรกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ตัวชี้วัดตัวนี้อำจวัดด้วยกำรออกแบบแบบทดสอบ เกี่ยวกับควำมรู้เรื่องทำงกำรเงิน (financial literacy) และเปรียบเทียบผลกำรทำแบบทดสอบ ระหว่ำงชำวบ้ำนที่เป็นกรรมกำรกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ กับชำวบ้ำนที่เป็นสมำชิกกลุ่มแต่มิได้เป็น กรรมกำร 4. ตัวชี้วัดที่สะท้อนผลลัพธ์ในชุมชนจำกกำรใช้เงินทุนของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อช่วยเหลือคนใน ชุมชน นอกเหนือจำกกำรปล่อยสินเชื่อและจัดสวัสดิกำร เช่น กำรรับซื้อผลผลิตทำงกำรเกษตร กำรซื้อที่ดินมำจัดสรรให้กับคนในชุมชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน เป็นต้น
จ-7
2.4 กรณีฐำน (base case scenario) จำกกำรสัมภำษณ์พระสุบิน ไม่ปรำกฏว่ำมีหน่วยงำนใดเข้ำมำให้กำรสนับสนุนกำรดำเนินงำนของ เครือข่ำยสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม หรือดำเนินโครงกำรหรือกิจกำรในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน (รับเงินฝำก และจัดสวัสดิกำร) แต่อย่ำงใด ส่วนองค์กรกำรเงินชุมชนอื่นๆ ที่ดำเนินกำรระดับหมู่บ้ำนเช่นเดียวกับกลุ่มสัจจะ สะสมทรัพย์ อำทิ กองทุนหมู่บ้ำน หรือสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อกำรผลิต ก็เน้นกิจกรรมกำรปล่อยกู้เป็นหลัก ซึ่ง กำรนำเงินกู้ไปประกอบอำชีพมิใช่ผลผลิ ต (output) หลักที่พระสุบินมองว่ำสะท้อนผลลั พธ์ทำงสั งคมของ แนวคิดกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม อย่ำงไรก็ดี กรณีฐำนสำหรับกำรประเมินครั้งนี้สำมำรถคำนึงถึง deadweight และ attribution ได้ สองประกำรดังนี้ 1. ผลลัพธ์ที่อำจเกิดขึ้นเอง (deadweight) ด้ำนเงินออม อำจอนุมำนจำกอัตรำกำรเติบโตของเงิน ฝำกธนำคำรพำณิชย์ในจังหวัดตรำด ซึ่งสะท้อนแนวโน้มกำรออมเงินของชำวบ้ำน โดยจำกสถิติที่ เก็บโดยธนำคำรแห่งประเทศไทย อัตรำกำรเติบโตปีต่อปีของเงินฝำกธนำคำรพำณิชย์ในจังหวัด ตรำด ระหว่ำงปี 2556-2559 อยู่ที่ 5.1%, -0.3%, 3.5% และ 3.8% ตำมล ำดับ หรือคิดเป็น ค่ำเฉลี่ย 3.1% ต่อปี 2. ผลลัพธ์ที่อำจเกิดจำกกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนอื่น (attribution) ด้ำนสวัสดิกำร สำมำรถ อนุมำนจำกรำยกำรต่อไปนี้ a. งบเหมำจ่ำยรำยหัวต่อปี (สวัสดิกำรประกันสุขภำพถ้วนหน้ำ) ของสำนักงำนหลักประกัน สุขภำพแห่งชำติ (สปสช.) เนื่องจำกเป็นสวัสดิกำรด้ำนสุขภำพที่สมำชิกกลุ่มฯ มีสิทธิ ได้รับจำกรัฐ โดยงบเหมำจ่ำยรำยหัวประจำปีงบประมำณ 2559 อยู่ที่ 3,029 บำทต่อคน b. เบี้ยยังชีพผู้สูงอำยุ เนื่องจำกเป็นสวัสดิกำรที่สมำชิกกลุ่มฯ ทุกรำยมีสิทธิได้รับในฐำนะ ผู้สูงอำยุ ไม่วันนี้ก็วันหน้ำ โดยเบี้ยดังกล่ำวปัจจุบันรัฐจ่ำยเป็นขั้นบันได ในอัตรำขั้นต่ำ 600 บำทต่อเดือน หรือ 7,200 บำทต่อปี สำหรับผู้ที่มีอำยุระหว่ำง 60-69 ปี จนถึงสูงสุด 1,000 บำทต่อเดือน หรือ 12,000 บำทต่อปี สำหรับผู้ที่มีอำยุตั้งแต่ 90 ปีขึ้นไป 2.5 ผลกำรลงพื้นที่ และผลกำรทดลองคำนวณขนำดของผลลัพธ์ (ตำมตัวชี้วัด) ในกำรลงพื้นที่ คณะวิจัยได้สัมภำษณ์ชำวบ้ำนที่เป็นกรรมกำรและ/หรือสมำชิกกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ในพื้นที่ต่ำงๆ ซึ่งอยู่ในเครือข่ำยกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม จำนวน 34 คน โดยใช้วิธีสนทนำกลุ่มย่อย (focus group discussion) สรุปได้ดังนี้ จ-8
ลา
กลุ่มย่อย
จานวน
หมู่ 6 ตำบลหนองเสม็ด
5
ดับ 1
2
บ้ำนทุ่งไก่ดัก หมู่ 4
6
อาชีพ
จานวนปีที่เป็นสมาชิก
เงินออมกับกลุ่มรายเดือน
(จานวนคน)
(จานวนคน)
(จานวนคน)
เกษตรกร (3)
23 (4) (ตั้งแต่ก่อตั้ง)
ค้ำขำย (2)
10 (1)
เกษตรกร
23 (6) (ตั้งแต่ก่อตั้ง)
500 บำท (5) 500 บำท (1) 200 บำท (2) 100 บำท (3)
3
4
วัดแหลมหิน หมู่ 2
เครือข่ำยกลุ่มสัจจะ สะสมทรัพย์ (หลำยกลุม่ )
4
6
ค้ำขำย (3)
14 (1)
เกษตรกร (1)
9 (3)
เกษตรกร (4) ข้ำรำชกำร บำนำญ (2)
22 (2) 20 (1) 17 (1) 12 (2)
N/A 500 บำท (1) 300 บำท (1) 200 บำท (4)
23 (3) (ตั้งแต่ก่อตั้ง) 5
เครือข่ำยกลุ่มสัจจะ สะสมทรัพย์ (หลำยกลุม่ )
7
เกษตรกร (6) เอ็นจีโอ (1)
21 (1) 16 (1)
N/A
14 (1) 13 (1) 20 (2)
6
เครือข่ำยกลุ่มสัจจะ สะสมทรัพย์ (หลำยกลุม่ )
6
เกษตรกร (6)
14 (1) 12 (1)
N/A
10 (2)
ในแง่ของประโยชน์ที่กลุ่มตัวอย่ำงมองว่ำตนเองและครอบครัวได้รับจำกกำรเป็นสมำชิกกลุ่มสัจจะ สะสมทรัพย์ สำมำรถสรุปเป็นตำรำงได้ดังต่อไปนี้ เรียงตำมลำดับควำมสำคัญของประโยชน์ที่ได้รับ จำกมำกสุด ถึงน้อยสุด ประกอบคำอธิบำยของกลุ่มตัวอย่ำง อันดับที่
ประโยชน์
คาอธิบาย
1
ออมเงิน
ออมเงินได้ทุกเดือน หำกมีเรื่องฉุกเฉินสำมำรถถอนเงินมำใช้ได้
2
สินเชื่อ
สำมำรถกู้ได้ในวงเงินสูง มีขั้นตอนกำรกู้ไม่ยุ่งยำก ระยะเวลำกำร ผ่อนส่งนำนกว่ำ เมื่อเทียบกับกลุ่มกำรเงินชุมชนอื่น
จ-9
อันดับที่
ประโยชน์
คาอธิบาย สมำชิกที่ป่วยจนต้องเข้ำโรงพยำบำลจะได้รับเงินสวัสดิกำรจำก
3
สวัสดิกำรรักษำพยำบำล
กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ถ้ำเข้ำร่วมกองทุนวันละบำทด้วยก็จะ ได้รับสวัสดิกำรเพิ่มเติมด้วย ช่วยแบ่งเบำภำระในกำรจัดงำนศพของครอบครัวเมื่อสมำชิก
4
สวัสดิกำรฌำปนกิจ
เสียชีวิต และแบ่งเบำภำระของผู้ค้ำประกัน (สำมำรถนำเงิน สวัสดิกำรตรงนี้มำชำระหนี้แทนได้) กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เป็นแหล่งเดียวในชุมชนที่มีสวัสดิกำร
5
สวัสดิกำรบำนำญ (ชรำภำพ) บำนำญสำหรับผู้ที่มีอำยุ 60 ขึ้นไป ถ้ำเป็นสมำชิกกลุ่มตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
6
เงินปันผล
ได้รับทุกปี เหมือนเป็น “เงินให้เปล่ำ”
จำกตำรำงข้ำงต้น สำมำรถสรุปว่ำสวัสดิกำรหรือประโยชน์ที่กลุ่มสนทนำเห็นถึงควำมสำคัญมำกที่สุด คือ ประโยชน์จำกกำรออมเงิน โดยให้เหตุผลว่ำเรื่องกำรออมเงินเป็นสิ่งที่ทุกครัวเรือนควรทำเพรำะหำกมีเรื่อง ฉุกเฉินสำมำรถนำเงินตรงนั้นมำใช้ได้ รองลงมำคือสินเชื่อ สวัสดิกำรต่ ำงๆ โดยเฉพำะสวัสดิกำรด้ำนกำร รักษำพยำบำล และสวัสดิกำรฌำปนกิจ รวมถึงกำรได้รับเงินปันผลทุกปีจำกเงินหุ้น ซึ่งชำวบ้ำนมองว่ำเหมือน เป็นเงินให้เปล่ำที่ได้จำกกำรเป็นสมำชิก เมื่อเปรียบเทียบมุมมองของผู้ได้รับประโยชน์ กับผู้ประกอบกำรคือพระสุบิน พบว่ำมีเพียงกำรใช้ ประโยชน์จำก “สินเชื่อ” เท่ำนั้นที่พระสุบินมิได้มองว่ำเป็น “ผลลัพธ์ทำงสังคม” โดยพระสุบินให้เหตุผลว่ำ ต้องตำมไปดูว่ำชำวบ้ำนนำสินเชื่อไปทำอะไร เนื่องจำกกำรนำสินเชื่อไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปซื้อสินค้ำ ฟุ่มเฟือย อำจไม่ทำให้ชำวบ้ำนพึ่งพำตนเองได้มำกขึ้นสมดังเป้ำหมำยของแนวคิดสัจจะสะสมทรัพย์ก็เป็นได้ นอกจำกประโยชน์ ดังตำรำงข้ำงต้นแล้ ว กลุ่ มตัว อย่ำงบำงรำยยังมองว่ำกลุ่ มสั จจะสะสมทรัพย์มี ประโยชน์ในด้ำนอื่นๆ อีก อำทิ 1. กำรรวมกลุ่มแบบเป็นเครือข่ำย และมีกำรประชุมเครือข่ำยอยู่เป็นประจำ ทำให้ได้แลกเปลี่ยน ควำมรู้ และได้รับแนวคิดที่ดีๆ เอำไปปรับใช้หรือแก้ปัญหำที่เกิดขึ้นในกลุ่มของตนเอง นำควำมรู้ที่ ได้ไปพัฒนำกำรบริหำรจัดกำรให้ดีขึ้น
จ - 10
2. กลุ่มสัจจะฯ ถือเป็นกลุ่มที่เดินไปพร้อมกับชุมชน โดยที่มีคุณธรรมควบคู่ไปด้วยกัน ต่ำงจำก สถำบันทำงกำรเงินอื่นๆ ที่มองเห็นแต่ตัวเงินและกฎหมำยที่เข้มงวด ต้องใช้หลักทรัพย์และ กฎหมำยเป็นตัวกำหนดควบคุม คนจนที่ไม่มีอะไรอย่ำงชำวบ้ำนทั่วๆ ไป ไม่สำมำรถเข้ำถึงได้ 3. ช่วยพัฒนำสังคมไปคู่กับคุณธรรมที่ยึดถือและปฏิบัติ 4. ควำมเป็นเครือข่ำยทำให้เหมือนมีที่พึ่ง มีพรรคพวก สำมำรถกู้เงินข้ำมกันได้หำกเกิดปัญหำ และ มักจะมีกิจกรรมที่คอยช่วยเหลือกัน เช่น กิจกรรมทำงสังคมต่ำงๆ บำงทัศนะจำกกำรสนทนำกลุ่ม 1. “ถึงจะมีเงินหมื่นก็เอามาฝากในกลุ่มสัจจะทีเดียวไม่ได้ ” “จะรวยหรือจนก็ฝากได้สูงสุดครั้งละ 500 บาท” – กลุ่มสัจจะฯ ป้องกันกำรถือหุ้นหรือมีเสียงมำกกว่ำคนอื่น จึงกำหนดเพดำนกำร ออมเงินที่สูงสุดคนละ 500 บำท และปัจจุบันแทบไม่ได้เปิดรับสมำชิกใหม่ให้เข้ำกลุ่มแล้ว เพรำะ แต่ละจะมีโควตำในกำรรับคนที่จำกัด เช่นหำก กลุ่มหมู่บ้ำน A รับสมำชิกเพียง 50 คน ถ้ำจะขอ เข้ำร่วมเป็นสมำชิกใหม่ก็ต้องรอให้มีที่นั่งว่ำง เป็น 49 คน ถึงจะสำมำรถสมัครได้ 2. “สมัยนี้หาคนที่เป็นอาสาทาเพื่อชุมชนได้ยาก” – กลุ่มสนทนำมีควำมกังวลต่ออนำคตที่คนรุ่น หลั ง จะไม่ ส ำนต่ อ กลุ่ ม สั จ จะฯ เพรำะกำรจั ด ท ำกลุ่ ม นี้ ต้ อ งมี ค วำมเสี ย สละ เนื่ อ งจำกไม่ มี ค่ำตอบแทนให้ 3. “อยู่ๆ จะเอาเงินร้อยบาทไปธนาคารมันยาก” – พูดถึงกำรออมเงินกับกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ว่ำ มีแรงในจูงใจในกำรออมเงินมำกกว่ำนำเงินไปฝำกธนำคำร เพรำะเป็นกำรบังคับตัวเองทุกเดือน อีกทั้งกำรเดินทำงไปฝำกเงินกับกลุ่มก็สะดวกเนื่องจำกสถำนที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้ำน 4. “ถ้าไม่มีพระอาจารย์สุบินกลุ่มก็เกิดไม่ได้” – เพรำะพระอำจำรย์ทำงำนร่วมกับชุมชนและสัมผัส ปัญหำของชำวบ้ำนมำยำวนำน จึงรู้ว่ำอะไรคือจุดอ่อนหรือจุดแข็งของชุมชน 5. “กลุ่มสัจจะเป็นที่พึ่งของชุมชน” หมำยถึง ชุมชนจำเป็นต้องพึ่งกลุ่มสัจจะ เนื่องจำกกลุ่มสัจจะฯ มีสวัสดิกำรด้ำนต่ำงๆ รองรับให้กับสมำชิก รวมถึงมีเงินหลำยส่วนในกำรช่วยเหลือสมำชิกทั้งใน ระดับบุคคล และระดับกลุ่มย่อย 6. “เข้ายาก ออกง่าย” ออกง่ำย หมำยถึง ถ้ำสมำชิกทำตัวไม่ดี กลุ่มฯ ไล่ออกได้ ส่วน เข้ำง่ำย หมำยถึง ถ้ำจะเข้ำมำในกลุ่มที่ดำเนินกำรมำแล้วกว่ำ 20 ปี แล้วอยำกจะได้รับสวัสดิกำรเท่ำกับ สมำชิกคนอื่นๆ ที่อยู่มำก่อนนั้น จะต้องสมทบเงินเข้ำกองทุนสวัสดิกำรก่อน
จ - 11
7. “คนในชุมชนเป็นหนี้ตลอด ไม่หลุ ด กู้ไปแล้วไม่ก่อให้เกิดรายได้ ทาให้ยังคงเป็นหนี้ ” – กลุ่ม ตัวอย่ำงแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหำในชุมชนที่ต้องกำรแก้ไข ซึ่งคนในชุมชนส่วนใหญ่กู้ยืม เงินเพื่อใช้จ่ำย ไม่ใช่กำรสร้ำงอำชีพเพื่อให้เกิดรำยได้ เป็นปัญหำที่ยำกจะแก้ไข 8. “รัฐเอาเงินมาถมเท่าไหร่ก็ไม่รู้จั กเต็ม” – สืบเนื่องจำกปัญหำกำรกู้เงินของคนในชุมชนที่แม้ว่ำ รัฐบำลช่วยเหลือผ่ำนกำรสนับสนุนงบประมำณ แต่ก็ไม่สำมำรถแก้ไขปัญหำได้ ซึ่งปัญหำอำจเกิด จำกควำมไม่รู้จักพอของคนในชุมชนต่อให้รัฐบำลสนับสนุนเงินมำกขึ้นก็ไม่สำมำรถแก้ไขได้ ในทำง กลั บ กัน อำจเกิดจำกกำรที่รั ฐ บำลแก้ปั ญหำไม่ต รงจุด ทำให้ คนในชุ มชนยัง คงเป็ นหนี้ ท่ ว มตั ว เช่นเดิม 9. “เซเว่นไม่ควรเปิดทั้งวัน ควรมีเวลาปิด” – กลุ่มตัวอย่ำงแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับคนในชุมชน ที่ใช้จ่ำยฟุ่มเฟือย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งเมื่อมีร้ำนสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งเป็นปัจจัยที่ ส่งเสริมกำรใช้จ่ำยของคนในชุมชน ดังนั้นควรมีเวลำเปิด-ปิด โดยหวังว่ำคนในชุมชนจะใช้จ่ำยเงิน น้อยลง 10. “กลุ่มล้ม” “ก็เหมือนผู้จัดกำรธนำคำรโกงเงินไปธนำคำรไม่เจ๊งหรอก แต่สำขำนั่นแหละจะล้ม ” – ในระยะเวลำของกำรตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์มำ ก็มีกลุ่มย่อยหลำยกลุ่มที่ล้ม ซึ่งเกิดจำกตัว คณะกรรมกำรของกลุ่ มย่ อยเอง ที่ไม่มีควำมหนักแน่นในกำรจัดกำรบริห ำรกลุ่มได้ไม่มีควำม รับผิดชอบ หรือโกงเงินของกลุ่มไป ซึ่งกำรที่กลุ่มล้มไม่ได้เป็นกำรตัดหรือสั่งยุบจำกส่วนกลำงของ กลุ่มจำกกลุ่มสัจจะฯ แต่อย่ำงใด ซึ่งบำงกลุ่มก็จะถูกตั้งขึ้นมำใหม่โดยคณะกรรมกำรบริหำรชุด ใหม่ และบำงกลุ่มก็ล้มแล้วหำยไปเลย 11. “คนดี” - คนดีในที่นี้เปรียบเสมือนเป็นตัวแปรสำคัญของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม โดย เริ่มตั้งแต่กำรก่อตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ที่มีจุดมุ่งหมำยให้คนในชุมชนได้มีเงินออม ซึ่ง “คนดี” ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ชำวบ้ำนในชุมชนให้ค่ำ เพรำะนอกจำกควำมศรัทธำหรือควำมเชื่อมั่นที่มี ต่อพระอำจำรย์สุบินที่เป็นจุดเริ่มต้นในกำรก่อตั้งกลุ่ม โดย “คนดี” ที่กลุ่มสนทนำพูดถึงคือกำรที่ คนที่จะเข้ำร่วมเป็นสมำชิกต้องมีควำมซื่อสัตย์ สุจริตใจที่จะร่วมออมเงินกับคนอื่นๆ เพรำะกำร ออมเงินกับกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เป็นกำรบริหำรกำรเงินกันเองของคนในหมู่บ้ำน ไม่มีหน่วยงำน ใดของภำครัฐหรือเอกชนเข้ำมำรับรอง “คนดี” จึงเป็นหัวใจแรกในกำรเลือกกรรมกำรที่จะมำ บริ ห ำรกลุ่ มและถื อเงิน ของสมำชิก ทั้ งหมด ซึ่งในทัศนะของสมำชิ ก กลุ่ มสั จ จะสะสมทรั พ ย์ ฯ คุณสมบัติของ “คนดี” คือ ต้องปฏิบัติตนอยู่ในศีลห้ำ ไม่ดื่มเหล้ำ เล่นกำรพนันหรือติดยำเสพติด ไม่มีประวัติลักขโมยหรือคดโกงผู้อื่น เป็นผู้ที่ถูกรับรองโดยคนในหมู่บ้ำนว่ำ เป็น “คนดี” มีประวัติ ควำมประพฤติดี จึงจะสำมำรถเข้ำร่วมเป็นสมำชิกกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ได้ จ - 12
ผลกำรทดลองคำนวณขนำดผลลัพธ์ เนื่องจำกคณะวิจัยขำดข้อมูลในอดีตเกี่ยวกับรำยรับและรำยจ่ำยรำยปีของกลุ่มสัจจะฯ ทุกกลุ่มใน เครือข่ำยสัจจะสะสมทรัพย์ จึงไม่สำมำรถทดลองคำนวณขนำดของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ อย่ำงไรก็ตำม จำกสถิติรวมเกี่ยวกับยอดเงินหุ้น เงินทำบุญวันละบำท และเงินสวัสดิกำรรวมของทุกกลุ่ม ณ สิ้นปี ระหว่ำงปี 2555-2559 ประกอบกับข้อมูล deadweight และ attribution ดังอธิบำยในหัวข้อ “กรณีฐำน” ข้ำงต้น สำมำรถคำนวณขนำดผลลัพธ์ทำงสังคมตำมตัวชี้วัดสองรำยกำรหลัก ได้แก่ “เงินออมที่เพิ่มขึ้น” และ “สวัสดิกำรที่เพิ่มขึ้น” ที่สมำชิกทั้ง 66,374 รำย มีสิทธิได้รับในอนำคต ดังรำยละเอียดกำรคำนวณในหน้ำถัดไป
จ - 13
ข้อมูลรวมทุกกลุม่ ในเครือข่ายฯ ปี
2557
2558
สมาชิกแรกเข้ารุ่น 1
31,554
34,460
32,542 คน
สมาชิกทุกรุ่น
65,023
68,619
66,764 คน
สมาชิกทาบุญวันละบาทปีกอ่ น
56,399
53,868
52,555 คน
สมาชิกทาบุญวันละบาททั้งหมด
56,981
68,619
66,764 คน
รวมเงินหุ้ นสะสมแรกเข้า
1,082,320
1,090,930
1,090,930 บาท
รวมเงินหุ้ นสะสมประจาเดือน
9,118,620
8,579,450
7,613,790 บาท
1,007,822,550
1,197,257,340
1,254,110,000 บาท
635,825,150
896,743,432
1,041,356,187 บาท
รวมเงินหุ้ นสะสมและเงินสวัสดิการ
1,643,647,700
2,094,000,772
2,295,466,187 บาท
รวมเงินทาบุญวันละบาทของทุกกลุม่
147,988,943
215,349,911
256,699,137 บาท
1,791,636,643
2,309,350,683
2,552,165,324 บาท
17,775
20,586
22,629 บาท/คน
9,778
13,068
15,598 บาท/คน
16,239
16,803
17,448 ล้านบาท
-0.3%
3.5%
รวมเงินหุ้ นสะสม ณ สิน้ ปี รวมเงินสวัสดิการสิน้ ปี
รวมเงินทั้งหมดของทุกกลุม่
2559
ผลการคานวณ เงินหุ้ นสะสมและทาบุญวันละบาทเฉลีย่ ต่อราย เงินสวัสดิการเฉลีย่ ต่อราย deadweight: เงินฝากธนาคารพาณิชย์ จ.ตราด อัตราการเติบโตต่อปี (proxy for deadweight %)
เงิ น หุ้ น สะสมและท ำบุ ญ วั น ละบำททั้ ง หมด (หั ก 3% deadweight) ณ สิ้ น ปี 2559
3.8% 1,465,484,863 บำท
attribution: สวัสดิการ สปสช. (บัตรทอง) งบเหมาจ่ายรายหัว
2,756
2,895
3,029 บาท/คน/ปี
เบี้ ยยังชีพผูส้ งู อายุต่อรายต่อปี
7,200
7,200
7,200 บาท/คน/ปี
(177)
2,973
5,369 บาท/คน
Est. สวัสดิการส่วนเพิ่มจากการเป็นสมาชิกกลุม่ ฯ
สวั ส ดิ ก ำรส่ ว นเพิ่ ม จำกกำรเป็ น สมำชิ ก ทั้ ง หมด (หั ก attribution) ณ สิ้ น ปี 2559
จ - 14
358,431,237 บำท
3. บทสรุป และข้อเสนอแนะ 3.1 ข้อจำกัดและข้อเสนอแนะต่อเครือข่ำยสัจจะสะสมทรัพย์วัดไผ่ล้อม จำกกลุ่มตัวอย่ำง 1) ระบบการปล่อยกู้ที่เปิดช่องให้กรรมการสามารถปล่อยกู้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและคนรู้จัก เนื่ อ งจำกเป็ น กำรพิ จ ำรณำปล่ อ ยสิ น เชื่ อ แบบกลุ่ ม โดยใช้ ร ะบบเสี ย งข้ ำ งมำกผ่ ำ นวิ ธี ก ำรยกมื อ ลงคะแนนเสียง ซึ่งกรรมกำรในที่ประชุมหลำยท่ำนไม่พิจำรณำถึงควำมจำเป็นของกำรกู้ยืม หลักทรัพย์ ควำมขยัน และควำมสำมำรถในกำรชำระหนี้ ทำให้กลุ่มเสียโอกำสในกำรปล่อยกู้แก่บุคคลที่มีค วำม จำเป็นในกำรกู้ยืม และมีควำมสำมำรถในกำรชำระหนี้อย่ำงแท้จริง นอกจำกนี้ระบบกำรลงคะแนน เสียงยังเป็นกำรเปิดโอกำสให้มีกำร Lobby เพื่อให้เสียงส่วนมำกลงคะแนนให้ปล่อยกู้อีกด้วย 2) ระบบการคัดกรองผู้ค้าประกัน กลุ่มตัวอย่ำงเห็นว่ำผู้ค้ำประกันบำงรำยไม่มีควำมสำมำรถในกำรชำระ หนี้ให้แก่ผู้กู้ได้ แต่กรรมกำรไม่สำมำรถคัดค้ำนกำรเป็นผู้ค้ำของสมำชิกรำยนั้นๆ ได้ และหำกมีผู้ค้ำ ประกันไม่มีควำมสำมำรถในกำรชำระหนี้อยู่มำก จะทำให้มีโอกำสเกิดหนี้สูญสูงซึ่งส่งผลกระทบต่อ กลุ่ม 3) อยำกให้มีวิธีการหรือระบบเพื่อช่วยแก้ปัญหาการเป็นหนี้เกินตัว และกำรหมุนหนี้ของคนในชุมชน 4) ในกำรประชุมประจำเดือนที่วัดไผ่ล้อม อยากให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีโอกาสในการเสนอแนะหรือ แสดงความคิดเห็น เพรำะที่ผ่ำนมำเวลำไปประชุมที่วัดไผ่ล้อมไม่มีโอกำสได้พูดแสดงควำมคิดเห็น เป็นได้เพียงคนที่เข้ำไปรับฟัง 5) กรรมกำรกลุ่ มในหมู่บ้ ำนต้องอดทนทั้งกับระดับกลุ่ มย่อยของตนเองและส่ ว นกลำง เพรำะบางที ส่ ว นกลางเสนอความคิ ด เห็ น ให้ ท าตาม แต่ ไ ม่ ล้ อ ไปตามปั ญ หาของชุ ม ชน ท าให้ เ กิ ด ปั ญ หา เนื่องจำกแนวคิดไม่สำมำรถนำมำปฏิบัติได้จริง ซึ่งกรรมกำรส่วนกลำงส่วนใหญ่จะเป็นข้ำรำชกำร เกษียณ ที่ไม่เคยลงพื้นที่มำเห็นปัญหำของสมำชิ กเครือข่ำยจริงๆ ฉะนันควรปรับปรุงกฎระเบียบใน กำรบริหำรจัดกำรกลุ่มให้สำมำรถยืดหยุ่น สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชำวบ้ำนมำกขึ้น 6) ไม่อยำกให้กรรมกำรส่วนกลำงใช้วิธีสั่งในกำรให้ไปปฏิบัติตำม แต่ อยากให้เปลี่ยนมาใช้วิธีการคิด ร่วมกัน 7) ควรทาหลักเกณฑ์สัญญาเงินกู้ที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันโดยที่ทุกกลุ่มใช้เหมือนกันทุกกลุ่ม เพื่อได้ ทัดเทียมเท่ำกันทุกกลุ่มและมีมำตรฐำน จะได้ไม่เกิดปัญหำควำมขัดแย้งขึ้นในภำยหลัง 8) เครือข่ายควรส่งบุคลากรเข้ามาช่วยทาบัญชี เนื่องจำกภำยในกลุ่มมีแต่ผู้สูงอำยุ และเรียนมำน้อย ทำให้ขำดคนที่จะมำช่วยทำตรงนี้
จ - 15
9) หาวิธีการในการดึงคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น เข้ามาช่วยงาน แม้จะมีงำนประจำแต่ก็น่ำจะเข้ำมำช่วยทำได้ ในช่วงวันเสำร์อำทิตย์ แต่ก็เข้ำใจได้เนื่องจำกงำนตรงนี้เป็นงำนจิตอำสำ ไม่มีค่ำจ้ำง และไม่สำมำรถ บังคับใครได้ บำงกลุ่มกำลังหำวิธีกำรเพื่อดึงคนรุ่นใหม่ให้กลับมำช่วยงำน เช่ น อำจจะส่งเสียให้ทุนส่ง จนเรียนจบ และมีข้อตกลงที่จะต้องกลับมำช่วยงำนของกลุ่ม โดยที่จะต้องเอำครอบครัวมำเป็นผู้ค้ำ ประกัน หำกไม่กลับมำผู้ค้ำจะต้องชดใช้เงิน เป็นต้น
จ - 16
แนวอภิปราย กลุ่มสนทนาย่อย (Focus Group) สัมภาษณ์ : สมาชิกกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ ในเครือข่ายวัดไผ่ล้อม
สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ทุกท่ำนสละเวลำมำในวันนี้ค่ะ • เรำเป็นทีมประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม ได้รับทุนจำกกำรกองทุนสนับสนุนกำรวิจัย (สกว.) • เรำขออนุญำตทุกท่ำนอัดเสียงกำรพูดคุยกันในวันนี้ เรำจะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ จำกทุกท่ำน เรำจะเก็บชื่อ นำมสกุล และรำยละเอียดของกำรคุยกันในวันนี้เป็นควำมลับ ฉะนั้นขอควำมกรุณำอย่ำเป็น กังวล อยำกให้ทุกท่ำนสบำยใจ แสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ • ก่อนอื่นเรำอยำกให้ทุกท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ
คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก What, when, why, who, where, how
อุ่นเครื่อง 1. ท่ำนอำศัยที่หมู่บ้ำนนี้มำนำนเท่ำไร ครอบครัวอยู่กันกี่คน 2. อำยุเท่ำไร 3. ประกอบอำชีพอะไรในหมู่บ้ำน 4. เป็นสมำชิกสัจจะออมทรัพย์วัดไผ่ล้อมมำกี่ปีแล้ว 5. เศรษฐกิจปีนี้เป็นอย่ำงไร <<จดรำยละเอียดผู้เข้ำร่วมเป็นตำรำง – ชื่อ อำยุ จำนวน คนในครัวเรือน จำนวนปีที่เป็นสมำชิกสัจจะ>> • ทำไมถึงตัดสินใจเป็นสมำชิก สถานการณ์ ผลกระทบจากสัจจะวัดไผ่ล้อม
จ - 17
1. ทำนใช้บริกำรจำกกลุ่มกำรเงินและ/หรือสถำบัน กำรเงินกี่กลุ่ม ท่ำนคิดว่ำใครใกล้ชิดกับชำวบ้ำน มำกที่สุด <<ใช้เครื่องมือ Venn Diagram>> 2. ที่ผ่ำนมำ ท่ำนได้ประโยชน์อะไรบ้ำงจำกกำรเป็น
• (สำหรับประโยชน์แต่ละข้อที่ระบุเป็นตัว เงิน ให้ถำม จานวนเงิน ที่ได้รับ เช่น ถ้ำ
สมำชิกสัจจะออมทรัพย์ <<ใช้เครื่องมือ Relative
ตอบว่ำ “มีเงินออม” ให้ถำมว่ำปัจจุบันมี
Preference Ranking เรียงลำดับควำมสำคัญ>>
เงินออมกับสัจจะจำนวนเท่ำไร, ถ้ำตอบว่ำ
3. คิดว่ำสัจจะวัดไผ่ล้อมมีข้อเสียหรือข้อจำกัด อะไรบ้ำง
“ได้กู้” ให้ถำมว่ำ ได้กู้กี่บำท เอำเงินกู้ไป ทำอะไร ฯลฯ)
4. ท่ำนเผชิญกับวิกฤต (หรือปัญหำใหญ่ๆ) ทำง กำรเงินอะไรบ้ำงในรอบ 10 ปีที่ผ่ำนมำ จัดกำรกับ วิกฤตเหล่ำนั้นอย่ำงไร <<ใช้เครื่องมือ Time Series of Crisis>> 5. ท่ำนได้รับสวัสดิกำรจำกแหล่งอื่นหรือไม่ ที่ไม่ใช่ จำกสัจจะวัดไผ่ล้อม ได้รับประมำณเท่ำไรต่อปี 6. ท่ำนมีข้อเสนอแนะอะไรสำหรับสัจจะวัดไผ่ล้อม หรือไม่
• ถำมไล่สวัสดิกำรแต่ละประเภท – เกิด (ลูก คลอด), แก่ (สมำชิกในครัวเรือนสูงอำยุ), เจ็บ (ค่ำรักษำพยำบำล), ตำย (ค่ำจัดพิธี ฌำปนกิจ), อื่นๆ (เช่น กำรศึกษำ ฯลฯ – ให้ชำวบ้ำนตอบเอง) • (ถ้ำได้สวัสดิกำรจำกที่อื่น) ชอบโครงกำร ไหน คิดว่ำจุดไหนดีกว่ำสัจจะวัดไผ่ล้อม จุดไหนสู้ไม่ได้
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้มีประโยชน์และเรำได้ข้อมูลมำกมำย ขอขอบคุณทุกท่ำนสำหรับ ข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
จ - 18
ภาคผนวก ฉ. รายงานการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม กิจการเพื่อสังคม โลเคิล อไลค์ (Local Alike) 1. ควำมเป็นมำของกิจกำร/โครงกำรเพื่อสังคม
“บริษัท โลเคิล อไลค์ จากัด กิจการเพื่อสังคมด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน ทาหน้าที่ในการ ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยการใช้การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือในการพัฒนา ชุมชน เชื่อมต่อนักท่องเที่ยวและชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้เกิด กิจกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ และเกิดประสบการณ์สุดพิเศษร่วมกัน” (บริษัท โลเคิล อไลค์ จากัด1, 2558) บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด เล็งเห็นปัญหำควำมไม่เท่ำเทียมทำงเศรษฐกิจในระบบกำรท่องเที่ยว ที่มี รำยได้เพียงร้อยละ 10 ที่เข้ำสู่ชุมชนท้องถิ่น ขณะที่ส่วนแบ่งถึงร้อยละ 50 ตกอยู่ที่ธุรกิจจัดนำเที่ยว โลเคิล อไลค์เชื่อว่ำกำรพัฒนำกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จะนำมำซึ่งกำรกระจำยรำยได้สู่ท้องถิ่น กำรจ้ำงงำนที่เป็นธรรม กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ กำรส่งเสริมคุณค่ำทำงวัฒนธรรมและกำรแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่ำงชุมชน ท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด3) โดยกำรท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นกำรท่องเที่ยวที่มี เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวสำมำรถเข้ำถึงประสบกำรณ์และวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนในชุมชนได้ (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด3)
ฉ-1
การกระจายรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย
ที่มำ: รำงวัลอุตสำหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 1.1 วัตถุประสงค์โครงกำร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด ต้องกำรสร้ำงผลกระทบทำงสังคมโดยใช้กำรท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็น เครื่องมือในกำรพัฒนำชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์ด้ำนต่ำงๆ ดังนี้ (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด1, 2558) 1) ส่งเสริมให้เกิดกำรกระจำยรำยได้สู่ชุมชนท้องถิ่น โดยใช้กำรท่องเที่ยวที่ยั่งยืนเป็นเครื่องมือพัฒนำ ชุมชน 2) ส่งเสริมคุณภำพชีวิตที่ดีของคนในชุมชน 3) ส่งเสริมกำรอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญำท้องถิ่น 4) ลดกำรย้ำยถิ่นฐำนจำกชนบทเข้ำสู่เมืองโดยกำรสร้ำงงำน 5) ส่งเสริมกำรแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่ำงกันและสร้ำงทำงเลือกให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงวิถี ชีวิตและวัฒนธรรมพื้นถิ่นอย่ำงลึกซึ้ง บริษัทฯ มีเป้ำหมำยที่จะเพิ่มส่วนแบ่งจำกกำรท่องเที่ยวสู่ชุมชนให้มำกขึ้น โดยปัจจุบันมีกำรท่องเที่ยว โดยชุมชนของโลเคิล อไลค์มีกำรกระจำยรำยได้สู่ชุมชนร้อยละ 70 ดังแสดงในแผนภำพ
ฉ-2
การกระจายรายได้การท่องเที่ยวโดยชุมชนของบริษัท โลเคิล อไลค์ จากัด
ที่มำ: รำงวัลอุตสำหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 1.2 กลุ่มเป้ำหมำยในกำรดำเนินงำน ชุมชุนท่องเที่ยวทั่วประเทศ 1.3 ระยะเวลำโครงกำร ปี 2555 – ปัจจุบัน (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด1, 2558) โดยมีบันทึกเหตุกำรณ์สำคัญ ดังแสดงใน แผนภำพ
ฉ-3
บันทึกเหตุการณ์ของบริษัท โลเคิล อไลค์ จากัด ตั้งแต่ปี 2555 ถึง 2558
ที่มำ: รำงวัลอุตสำหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 1.4 ข้อมูลพื้นที่ศึกษำ และปัญหำในพื้นที่ บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด ทำงำนในพื้นที่ 29 ชุมชน ใน 16 จังหวัด อย่ำงไรก็ดี กำรศึกษำครั้งนี้ได้ คัดเลือกชุมชนนำร่องเป็นกรณีตัวอย่ำง 2 ชุมชน ได้แก่ หมู่บ้ำนส่วนป่ำ อำเภอแม่ฟ้ำหลวง และ หมู่บ้ำนหล่อโย อำเภอแม่จัน จังหวัด ฉ-4
1) หมู่บ้ำนสวนป่ำ อำเภอแม่ฟ้ำหลวง จังหวัดเชียงรำย บ้ำนสวนป่ำตั้งอยู่บริเวณเชิงเขำของดอยตุง เป็นที่อยู่อำศัยของชนเผ่ำอำข่ำมำช้ำนำน มีจำนวน ประชำกรประมำณ 100 หลังคำเรือน หมู่บ้ำนตั้งอยู่ท่ำมกลำงธรรมชำติที่งดงำมของป่ำและภูเขำ มีแหล่ง ท่องเที่ยวทีสำคัญคือน้ำตก แต่ยังไม่เคยมีกิจกรรมด้ำนกำรท่องเที่ยวมำก่อน ไม่มีปัญหำกำรประกอบอำชีพ เนื่องจำกชุมชนตั้งอยู่ใกล้กับโครงกำรพัฒนำดอยตุงที่จ้ำงงำนคนในพื้นที่ บ้ำนสวนป่ำครั้งหนึ่งเคยเป็นเส้นทำง กำรขนส่งยำเสพติด แต่ปัจจุบันปลอดจำกยำเสพติดแล้ว (Local Alike 1, 2016) ปัญหำที่เข้ำมำแทนที่ คือ ขยะสะสมในชุมชน โดยเป็นขยะที่สะสมจำกพื้นที่ต้นน้ำบริเวณดอยตุง และขยะทับถมในฤดูฝนที่น้ำป่ำไหล หลำกนำมำ (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด3) 2) หมู่บ้ำนหล่อโย อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรำย บ้ำนหล่อโยเป็นชุมชนชำวอำข่ำ 58 หลังคำเรือนตั้งอยู่บริเวณแม่สลองใกล้กับพรมแดนไทย-เมียนมำร์ ซึ่งได้ดำเนินกำรกำรท่องเที่ยวโดยชุมชนมำระยะเวลำหนึ่งแล้วก่อนที่โลเคิล อไลค์จะเข้ำมำสนับสนุน (Local Alike 2, 2016) ปัญหำที่ชุมชนประสบ ได้แก่ กำรมำเยือนของนักท่องเที่ยวลักษณะ human zoo คือมำแวะ เพื่อถ่ำยรูปโดยไม่เกิดรำยได้แก่ชุมชนเลย อย่ำงไรก็ดี มีผู้นำชุมชนซึ่งเป็นเจ้ำของบ้ำนพักโฮมเสตย์เพียงแห่ง เดียวในหมู่บ้ำนผลักดันแนวทำงกำรท่องเที่ยวโดยชุมชน นอกจำกนี้ เนื่องจำกเป็นชุมชนที่ห่ำงไกลจึงมีควำมขำดแคลนสำธำรณูปโภคและโครงสร้ำงพื้นฐำน สิ่ง ที่ชุมชนและโลเคิล อไลค์เห็นพ้องต้องกันที่จะแก้ไขเป็นอันดับแรกคือกำรปรับปรุงพื้นที่ลำนกิจกรรมของชุมชน เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กจำกกำรไปเล่นในที่อันตรำย (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด3) 1.5 กิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงกำร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด มุ่งมั่นที่จะเป็นตัวกลำงในกำรพัฒนำกำรท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งนอกจำก จะมี บ ทบำทร่ ว มพั ฒ นำและสำนสั ม พั น ธ์กั บ ชุ มชนแล้ ว ยั ง ท ำหน้ ำ ที่ อ ำนวยควำมสะดวกรวมถึ ง คั ด เลื อก นักท่องเที่ยวที่มีคุณภำพให้เข้ำถึงข้อมูลและเดินทำงมำสัมผัสประสบกำรณ์กำรท่องเที่ยวโดยชุมชนได้ง่ำยขึ้น กิจกรรมที่เกิดขึ้นภำยใต้โครงกำรจึงเป็นไปในแนวทำงเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่ำว 1) ร่วมพัฒนำเส้นทำงท่องเที่ยวโดยชุมชนร่วมกับชุมชนเครือข่ำยทั่วประเทศทั้งสิ้น 29 ชุมชน ใน พื้นที่ 16 จังหวัด (ข้อมูล ณ 2558) (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด1, 2558) 2) ให้บริกำรกับนักท่องเที่ยวโดยชุมชนให้กับ 2 หมู่บ้ำนนำร่อง ได้แก่ หมู่บ้ำนสวนป่ำ และหมู่บ้ำน หล่อโย จังหวัดเชียงรำย เพื่อกำรต่อยอดในกำรใช้รำยได้จำกกำรท่องเที่ยวพัฒนำหมู่บ้ำน/ชุมชน ผ่ำนกองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน (กล่องข้อควำม 1) ฉ-5
3) ให้บริกำรจองโปรแกรมท่องเที่ยวของชุมชนและผู้ประกอบกำรท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคม ผ่ำนเว็บไซต์ www.localalike.com อำนวยควำมสะดวกให้นักท่องเที่ยวเข้ำถึงบริกำรกำร ท่องเที่ยวโดยชุมชนได้ง่ำยขึ้น
แนวคิดในการดาเนินธุรกิจซึง่ เป็นรากฐานของกิจกรรมต่างๆของบริษัท โลเคิล อไลค์ จากัด
ที่มำ: รำงวัลอุตสำหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2558 กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community-Based Tourism Fund: CBT Fund) (บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด2, 2558) นอกจำกวัตถุประสงค์หลักในกำรเป็นกองทุนกำรพัฒนำชุมชนแล้ว กำรดำเนินงำนของกองทุน ท่องเที่ยวโดยชุมชนจะช่วยเสริมสร้ำงทักษะกำรบริหำรจัดกำรปัญหำและควำมต้องกำรในชุมชน ช่วย เสริมสร้ำงควำมสัมพันธ์และควำมเป็นเจ้ำของร่วมกันระหว่ำงชุมชนและโลเคิล อไลค์ กำรบริหำรกองทุน ท่องเที่ยวโดยชุมชนใช้หลักธรรมำภิบำล ให้ควำมสำคัญกับกำรมีส่วนร่วมของสมำชิก มีควำมยืดหยุ่น คล่องตัว เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยมุ่งหวังว่ำจะนำไปสู่กำรพึ่งตนเองได้ของชุมชนในกำรบริหำร จัดกำรกำรท่องเที่ยวอย่ำงยั่งยืน
ฉ-6
กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนมีรำยได้จำกกิจกรรมกำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นร่วมกันระหว่ำงชุมชนและโล เคิล อไลค์ เงินสมทบในกองทุนมำจำก 2 ส่วน คือ รำยได้ร้อยละ 5-10 ของรำยได้ที่เกิดขึ้นจำกโปรแกรม กำรท่องเที่ยวในชุมชน และร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิของบริษัทเกิดขึ้นจำกโปรแกรมกำรท่องเที่ยวในชุมชน
เมื่อมีเงินสะสมครบ 1 ปี โลเคิล อไลค์ จะดำเนินกำรชี้แจงเงินสะสมที่เกิดขึ้นในกองทุน และหำรือ ร่วมกับชุมชนเกี่ยวกับปัญหำ ควำมต้องกำร และแนวทำงในกำรใช้เงินจำกกองทุนฯในกำรแก้ไขปัญหำหรือ ตอบสนองควำมต้องกำรของชุมชน โครงการนาร่อง ➢ โครงการจัดการขยะ พัฒนาพื้นที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติและแหล่งน้าลาธารของชุมชน หมู่บ้านสวน ป่า อาเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โครงกำรกำรจัดกำรขยะ พัฒนำพื้นที่ศึกษำธรรมชำติและแหล่งน้ำลำธำรของชุมชน เริ่มขึ้นในเดือนตุลำคม ปี 2555 ด้วยเงินจำนวน 3,500 บำท เพื่อแก้ปัญหำขยะที่สะสมในพื้นที่จำกกำรทับถมของน้ำป่ำไหลหลำก โครงกำรนำโดยนำยเพชรัช วิบูลศรีสกุล (อำฉำย) และผู้นำชุมชนอื่นๆชักชวนให้คนในชุมชนร่วมกันเก็บขยะ ในหมู่บ้ำนจำนวน 3 ครั้ง และปีต่อมำได้ประสำนกับองค์กำรบริหำรส่วนตำบลให้ดำเนินกำรจัดหำถังขยะ และเข้ำมำเก็บขยะในหมู่บ้ำนทุกวันพุธ โดยเก็บค่ำบริกำรเดือนละ 20 บำท (ต่อหลังคำเรือน) ➢ โครงการปรับปรุงพื้นที่ลานกิจกรรมและสนามเด็กเล่นสาหรับเด็กและเยาวชนในชุมชน หมู่บ้านหล่อ โย อาเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โครงกำรปรับปรุงพื้นที่ลำนกิจกรรมและสนำมเด็กเล่น เริ่มต้นในเดือนธันวำคม ปี 2556 ด้วยเงิน 15,000 บำท สำหรับจัดซื้อวัสดุในกำรก่อสร้ำงปรับพื้นที่ให้เกิดเป็นลำนกิจกรรมให้เด็กมำเล่นแทนพื้นที่ที่เสี่ยงต่อ อุบัติเหตุ
ฉ-7
4) สร้ำงภำคียุทธศำสตร์ (Strategic Partners) จำกองค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่ำงประเทศ เช่น สถำบัน กำรท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT-I), บริษัท แอดวำนซ์อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหำชน), DBS-NUS Social Venture Challenge Asia 2014, Development Bank of Singapore และ Singapore International Foundation (SIF) เป็นต้น
1.6 บทบำทของกิจกำรเพื่อสังคมและภำคีที่เกี่ยวข้อง (รอข้อมูลเพิ่มเติมจำกโลเคิล อไลค์) 1) สร้ำงสัมพันธ์ระหว่ำงโลเคิล อไลค์กับชุมชน
ภาคี มูลนิธิแม่ฟ้ำหลวงในพระบรมรำชูปถัมภ์
บทบาทของภาคี ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรพัฒนำชุมชน ที่ให้กำรสนับสนุน และเชื่อมโยงโลเคิล อไลค์กับนักท่องเที่ยวและชุมชน ต่ ำ งๆ เพิ่ ม ขี ด ควำมสำมำรถในกำรเข้ ำ ถึ ง กลุ่ ม นักท่องเที่ยว
สถำบันกำรท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT-I)
ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรพัฒนำชุมชน ที่ให้กำรสนับสนุน และเชื่อมโยงโลเคิล อไลค์กับนักท่องเที่ยวและชุมชน ต่ ำ งๆ เพิ่ ม ขี ด ควำมสำมำรถในกำรเข้ ำ ถึ ง กลุ่ ม นักท่องเที่ยว
2) กำรส่งเสริมคุณภำพชีวิตที่ดี
ภาคี AirAsia Thailand
บทบาทของภาคี ส่งเสริมทักษะที่สนับสนุนกำรท่องเที่ยวโดยชุมชน เช่น กำรสื่อสำรภำษำอังกฤษ เป็นต้น
องค์กำรบริหำรส่วนตำบล
ให้ควำมร่วมมือในกำรจัดกำรขยะบ้ำนสวนป่ำ และที่ บ้ำนหล่อโย
ฉ-8
3) เป็นตัวกลำงเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวและชุมชน
ภาคี
บทบาทของภาคี
Asian Trails, Voyale, HIS, Responsible Travel,
ภำคีทำงด้ำนกำรขำยเส้นทำงท่องเที่ยว ส่งเสริม
Otherways, PlayPlanet, TravelMob, Expique
กำรตลำด
Kiva America
กำรตลำดออฟไลน์และกำรสร้ำงเครือข่ำย
CreativeMove
กำรประชำสัมพันธ์
Thailand Creative Design Center (TCDC)
กำรประชำสัมพันธ์
2. การประเมินผลลัพธ์ทางสังคมของกิจการ/โครงการ 2.1 ระบุกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้ถูกระบุร่วมกันระหว่ำง ผู้ประกอบกำรและทีมวิจัย โดยช่วยกันตรวจสอบใน เบื้องต้นเพื่อนำข้อมูลมำใช้ออกแบบกำรเก็บข้อมูลสนำม อย่ำงไรก็ตำม แม้ว่ำจะมีภำคีที่เกี่ยวข้องกับงำนของ โลเคิล อะไลค์ จะมีอยู่จำนวนมำกดังกล่ำวไว้ในข้ำงต้น แต่กำรร่วมกันระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักๆ แล้ว มี ดังต่อไปนี้
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเหตุผลในการร่วมพิจารณาในการวัดผลลัพธ์ทางสังคมของโลเคิล อไลค์ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การมีส่วนร่วม/เกี่ยวข้อง
ควรร่วมเข้ามาพิจารณาในการวัดผล ลัพธ์ทางสังคมหรือไม่เพราะอะไร
1.อบต./ หน่วยงำน
-พัฒนำพื้นที่ สนับสนุนกำรท่องเที่ยว ควร เพรำะ เป็นหน่วยงำนที่ดูแลพื้นที่
ภำยนอกอื่น
-พัฒนำควำมรู้
อำจมีกิจกรรม/โครงกำรที่เกี่ยวข้อง
-ประสำนเครือข่ำยในทุกเรื่อง เช่น เรื่องงบประมำณในกำรสนับสนุน 2.ผู้นำชุมชน
-สร้ำงควำมสำมัคคีของคนในชุมชน
ควร เพรำะ เกี่ยวข้องกับกำรรวมพลัง
-สร้ำงบรรยำกำศที่ดีที่เอื้อต่อกำร
ของคนในชุมชนเพื่อพัฒนำชุมชนในมิติ
ท่องเที่ยวแบบ homestay
ต่ำงๆ อีกทั้งยังมีบทบำทในกำร ประสำนช่องทำงกำรช่วยเหลือจำก ภำยนอก
ฉ-9
3.ชำวบ้ำนที่ได้รับ
-รำยได้
ควร เพรำะ เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ
ประโยชน์โดยตรง
-มีบทบำทในกิจกรรมกำรท่องเที่ยว
กำรท่องเที่ยวในชุมชน
-ได้รับผลประโยชน์จำกกองทุน 4.ชำวบ้ำนทั่วไปที่ไม่ได้รับ
-ได้รับประโยชน์ทำงอ้อมจำกควำม
ควร เพรำะ รวมรับผลประโยชน์ร่วมกัน
ประโยชน์โดยตรง
เจริญไปด้วย เช่น ถนน ไฟฟ้ำ
ในกรพัฒนำหมุ่บ้ำน
น้ำประปำ 2.2 กำหนดขอบเขตกำรวิเครำะห์ ตั้งแต่ โลเคิล อไลค์ เข้ำไปทำงำนร่วมกับชุมชนในพื้นที่บ้ำนส่วนป่ำ และบ้ำนหล่อโย โดยเก็บข้อมูล ย้อนหลังตั้งแต่พ.ศ. 2556 ถึง พ.ศ. 2559
ฉ - 10
2.3 ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) และห่วงโซ่ผลลัพธ์ (Impact Value Chain) ของกิจกำร
การส่งเสริมด้าน การตลาด
โอกาสในการ
1) ศักยภาพ ความสามารถใน การบริหารจัดการในเรื่องที่ เกี่ยวข้อง อาทิ • การทา homestay • การผลิต การขาย และ การจัดการสินค้า 2) รายได้ของปัจเจก/ ครอบครัวมีมากขึ้น (Homestay / การขายของที่ ระลึก / การแสดง / อาหาร
เข้าถึงการมีรายได้ ที่มากขึ้น
การพัฒนา ศักยภาพด้านต่างๆ
ความรู้ / ความ เข้าใจในการ ทางานต่างๆ
5-10% ของรายได้ที่เกิดขึ้นจาก โปรแกรมการท่องเที่ยวในชุมชน นั้นๆ
เงินสมทบจาก Local Alike
5% ของกาไรสุทธิของบริษัททีเ่ กิดขึ้นจากโปรแกรมการ ท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ
กองทุนท่องเที่ยว โดยชุมชน
ฉ - 11
คุณภาพชีวิตในระดับปัจเจก และครอบครัว • สุขอนามัย • รายได้ที่เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตในระดับชุมชน • ความสามัคคีและความ สัมพันธ์ในชุมชนดีขึ้น • ปัญหาสาคัญของชุมชน ได้รับการแก้ไข • ลดการย้ายถิ่น • มีการสืบสานภูมิปัญญา วัฒนธรรมที่ต่อเนื่อง
ห่วงโซ่ผลลัพธ์
ปัจจัยนาเข้า • • •
คน งาน ความรู้ในการพัฒนา ศักยภาพด้านต่างๆ
กิจกรรม •
• • • •
•
กิจกรรมพัฒนาศักยภาพ อาทิ การคิดราคา / การสื่อ ความหมาย เป็นต้น การแลกเปลี่ยน / ถกเถียง กับแกนนาอย่างต่อเนื่อง การประชาสัมพันธ์สถานที่ ท่องเที่ยว การจัด trip ท่องเที่ยว การประสานกับเอกชน/ องค์กรภายนอกให้มา ช่วยเหลือ การพัฒนากองทุน ท่องเที่ยวโดยชุมชน
ผลลัพธ์
ผลที่ได้ (ผลผลิต) • • • • •
• • •
• •
ความรู้ ความเข้าใจที่มากขึ้นของ ผู้เข้าร่วมอบรมในเรื่องต่างๆ ความสามารถในการประสานงาน กับภาคีภายนอก เครือข่ายทางสังคมทีม่ ากขึ้น จานวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น มีจานวนครัวเรือนที่เป็นพันธมิตร ทางการค้ากับการท่องเที่ยวชุมชน มากขึ้น ปริมาณขยะที่ได้รับการกาจัดมาก ขึ้น กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน ปริมาณเงินที่ตอบสนองต่อ โครงการที่จดั ทาเพื่อการแก้ไข ปัญหาชุมชน โอกาสในการเข้าถึงเงินกูไ้ ม่มี ดอกเบี้ย โอกาสในการมีรายได้จาก กิจกรรมที่เกีย่ วเนื่องกับการ ท่องเที่ยว
ฉ - 12
คุณภาพชีวิตในระดับปัจเจก/ครัวเรือน •
• • •
ศักยภาพ ความสามารถในการบริหารจัดการมีประสิทธิผลมากขึ้น อาทิ การ ทา homestay / การผลิต การขาย และการจัดการสินค้าและบริการ / การตั้ง ราคา / การประสานกับภาคีภายนอก / การริเริ่ม-ต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการทาการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หนี้สิน (จากการลงทุนเพิ่ม / จากของซื้อของอื่นๆ) / ความสามารถในการ ชาระหนี้ สุขอนามัยที่ดีขึ้น (จากการจัดการ Homestay ทีส่ ะอาด / ถูกสุขอนามัยอย่าง ต่อเนื่อง)
คุณภาพชีวิตในระดับชุมชน • • • • •
ปัญหาสาคัญของชุมชนได้รับการแก้ไข ความสามัคคี / ความสัมพันธ์ในชุมชน ลดการย้ายถิ่น มีการสืบสานภูมิปัญญาวัฒนธรรมที่ต่อเนื่อง สิ่งแวดล้อม (ขยะถูกจัดการอย่างเป็นระบบ
2.4 ตัวชี้วัดที่เหมำะสม และคำอธิบำย ตัวชี้วัดในการประเมินผลลัพธ์ทางสังคม ลาดับ
ตัวชี้วัด
คาอธิบาย
จำนวนครัวเรือน (หรือจำนวนคน) ที่เข้ำร่วม
เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนจำกครัวเรือนทั้งหมดใน
เกี่ยวกับกิจกรรมกำรท่องเที่ยว
ชุมชน (กำรกระจำยของผลประโยชน์)
2
จำนวนรำยได้จำกกำรท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อปี
เพื่อต้องกำรทรำบรำยได้จำกกำรท่องเที่ยว
3
ปริมำณขยะที่ได้รับกำรจัดเก็บ
1
4
5
เพื่อต้องกำรเห็นควำมเปลี่ยนแปลงในกำรทิ้งขยะ ในชุมชน เพื่อต้องกำรทรำบว่ำได้มีกำรนำเงินจำกกองทุน
ควำมเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้ำนที่เกิดจำก
ไปใช้ในกิจกรรมอะไรบ้ำง และก่อให้เกิดกำร
เงินกองทุนท่องเที่ยวชุมชน
เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง
มูลค่ำของเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบกำร เข้ำถึงได้
เพื่อแสดงให้เห็นถึงโอกำสกำรเข้ำถึงแหล่งเงินทุน อำจใช้แสดงให้เห็นว่ำรำยได้จำกกำรท่องเที่ยว
6
จำนวนคนที่ไม่ย้ำยไปทำงำนนอกพื้นที่
สำมำรถช่วยให้ดำรงชีพอยู่ในชุมชนได้อย่ำง ต่อเนื่อง
7
จำนวนคนที่เข้ำร่วมกำรแสดงหรือผลิตของที่ ระลึก
อำจช่วยสะท้อนกำรสืบสำนภูมิปัญญำท้องถิ่นได้ แม้ว่ำกำรแสดงหรือของที่ระลึกจะอยู่ในบทบำท หน้ำที่อื่นๆ
2.5 บ้ำนสวนป่ำ ต.แม่ฟ้ำหลวง อ.แม่ฟ้ำหลวง จ.เชียงรำย บ้ำนสวนป่ำ เป็นหมู่บ้ำนมีกำรก่อตั้งมำนำนถึง 50 กว่ำปี คนในหมู่บ้ำนส่วนป่ำส่วนใหญ่เป็นชำวอำข่ำ ที่อพยพย้ำยถิ่นฐำนมำจำกหมู่บ้ำนใกล้เคียง คือ “บ้ำนป่ำนินคินิน” ซึ่งมี “บ้ำนแม่ไร่” และ “บ้ำนสวนปำง หนุน” คนสมัยก่อนจะเรียกว่ำ “บ้ำนส่วนป่ำแม่ไร่” แต่ในปี 2543 มีกำรจัดตั้งหมู่บ้ำนใหม่เปลี่ยนเป็นชื่อ “บ้ำน ส่วนป่ำ” หรือบำงคนเรียกว่ำ “บ้ำนสวนป่ำดอยตุง” ในปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 101 หลังคำเรือน อำชีพหลัก ของคนในชุมชนส่วนใหญ่คนในชุมชนส่วนใหญ่มีอำชีพรับจ้ำง 80% และเกษตร 15% ในชุมชนบ้ำนส่วนป่ำมี ควำมเปลี่ยนแปลงด้ำนที่อยู่อำศัยจำกเดิมมำก มีควำมทันสมัย มีควำมเป็นอยู่ที่ดี เพรำะทำงดอยตุงมีโครงกำร ส่งเสริมกำรปลูกกำแฟ เงำะ สัปปะรด ปรับเปลี่ยนให้เป็นพืชเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น สภำพสังคมใน ฉ - 13
หมู่บ้ำนก็ดีขึ้น และอำชีพไกด์เดินป่ำและทำอำหำร 5% ชุมชนสวนป่ำได้มีกำรพูดคุยในเรื่องกำรท่องเที่ยว ประมำณปี 2555 แต่ยังไม่ได้มีกำรดำเนินงำนที่เป็นรูปธรรมอย่ำงชัดเจนเท่ำที่ควร ต่อมำในปี 2557 ได้มีคณะนักศึกษำจำกดอยตุงมำเป็นคณะแรกที่เข้ำมำท่องเที่ยวในชุมชน จำนวน 40-50 คน ซึ่งขณะนั้นได้มีคุณอำฉำยเป็นผู้ริเริ่ม และได้มีกำรชักชวนชำวบ้ำนมำเข้ำร่วมเป็นไกด์ ในส่วนข้อมูล จำนวนทริปจำกครั้งแรกจนถึงปัจจุบันนั้น ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด ส่วนใหญ่คนจะนิยมเข้ำมำท่องเที่ยวในหมู่บ้ำน ในช่วงของเดือนตุลำคม ถึง มกรำคม แต่ทำงหมู่บ้ำนส่วนป่ำก็ยังไม่ได้จัดกำรท่องเที่ยวอย่ำงเต็มรูปแบบ จะมีก็ แต่โปรแกรมเดินป่ำที่ได้ตั้งไว้ 3 รูปแบบ คือ 1.เดินป่ำแบบเส้นเล็ก ใช้ระยะเวลำเดิน 1 ชั่วโมง 2.เดินป่ำแบบ เส้นกลำง ใช้ระยะเวลำเดิน 3 ชั่วโมง จะไปทำนข้ำวเที่ยงที่น้ำตก 3.เดินป่ำเส้นแอดเวนเจอร์ ใช้ระยะเวลำเดิน ประมำณ 7-8 ชั่วโมง จะทำนข้ำวและทำกับข้ำวในป่ำ เช่น จับปลำในน้ำตกมำเผำ อัตรำค่ำบริกำรจะคิดค่ำไกด์ 1 คน 500 บำทต่อนักท่องเที่ยว 5 คน สำหรับกรณีเดินแบบง่ำย และต้องกำรไกด์ 2-3 คนต่อนักท่องเที่ยว 5 คนสำหรับกรณีเป็นเส้นทำงแบบผจญภัย ค่ำอำหำรหัวละ 120 บำท และมีแผนที่จะเก็บค่ำบำรุงสถำนที่ 200 บำท เพื่อนำมำเข้ำกองกลำงของทีมงำน และกองกลำงของหมู่บ้ำน (กองละ 100 บำท) โดยจะดูตำมจำนวนคน ที่มำเดิน และจะมีกฎกติกำในกำรเดินป่ำ เช่น ห้ำมถ่ำยภำพ ห้ำมใช้โทรศัพท์ โดยจะมีจุดเด่นกำรท่องเที่ยวใน เรื่องของส่วนป่ำสมุนไพร ในเรื่องของวิถีชีวิตกำรกินอยู่แบบชำวอำข่ำ ประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญของคนในชุมชน ในช่วงเดือนมกรำคม จะเป็นประเพณีปีใหม่อำข่ำ จะ มีกำรละเล่น “กำรกระทุ้งไม้ไผ่” เป็นกำรเต้นของชำวอำข่ำ ในช่วงเดือนเมษำยน จะมีประเพณี “ต้มไข่แดง” และในเดือนสิงหำคม จะมีประเพณี “โล้ชิงช้ำ” ในช่วงเดือนตุลำคม จะมีประเพณี “กินข้ำวใหม่” ประเด็นปัญหำต่ำงๆ ในชุมชน และบทบำทหน่วยงำนภำยนอก ดังนี้ ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากกลุ่มไกด์นาเที่ยว ให้น้าหนักต่อปัญหาเรื่องถนนภายในหมู่บ้านมากที่สุด เนื่องจากในหน้าฝนจะเดินทางลาบากมาก และปัญหาอื่นๆ แสดงในตาราง ประเด็นปัญหาในชุมชนบ้านสวนป่า ลาดับ ความสาคัญ 1
การให้น้าหนัก ปัญหา
ความสาคัญ
การแก้ไข
(เปอร์เซ็นต์) ถนน
37
หน่วยงานที่ เข้ามาช่วย
หมายเหตุ
ยังไม่ได้รับกำรแก้ไข
อบต.ห้วยไค้
ยังไม่ได้รับ
เพรำะถนนในหมู่บ้ำนอยู่
กับแม่ฟ้ำ
กำรแก้ไข
ในเขตกำรรับผิดชอบ 2
หลวง
ฉ - 14
การให้น้าหนัก
ลาดับ
ปัญหา
ความสาคัญ
ความสาคัญ
หน่วยงานที่
การแก้ไข
เข้ามาช่วย
(เปอร์เซ็นต์)
หมายเหตุ
หน่วยงำน ถนนไม่ค่อยดี ในหน้ำฝนจะมีน้ำป่ำทำให้ หินลงบนถนนเยอะ 2
ขำดพื้นที่
27
ยังไม่ได้กำรแก้ไข
ไม่มี
16
-โลเคิล อไลค์ ได้เข้ำมำ
- โลเคิล อไลค์
ส่วนกลำง ในกำรทำ กิจกรรม 3
ขยะ
ช่วยในกำรจัดตั้งถังขยะ -ทำง อบต.แม่ฟ้ำหลวง
-อบต.แม่ฟ้ำ
เข้ำมำเก็บขยะทุกวันพุธ
หลวง
-ทำงมูลนิธิแม่ฟ้ำหลวงเข้ำ -มูลนิธิแม่ฟ้ำ มำให้ควำมรู้ในเรื่องกำร
หลวง
คัดแยกขยะในเวลำมีกำร ประชุมหมู่บ้ำน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบ้ำนสวนป่ำ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบ้ำนสวนป่ำที่เกี่ยวข้องกับกำรท่องเที่ยว มี 4 กลุ่ม ดังแสดงในตำรำง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มไกด์เดินป่า/กลุ่มอาหาร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมในการให้ข้อมูล จานวน 5 คน ลาดับ
ชื่อ
อายุ
อาชีพหลัก
อาชีพเสริม
หมายเหตุ
1.
อำฉำย
33
ไกด์
ทำไร่เสำวรส
เริ่มทำ 3 ปี
2.
อุดม
27
รับจ้ำงดอยตุง
ไกด์เดินป่ำ/ทำกับข้ำว
เริ่มทำ 2 ปี
3.
สุชำติ
29
รับจ้ำงดอยตุง
ไกด์เดินป่ำ/ทำกับข้ำว
เริ่มทำ 2 ปี
4.
แบงค์
34
รับจ้ำงดอยตุง
ไกด์เดินป่ำ/ทำกับข้ำว
เริ่มทำ 2 ปี
ฉ - 15
5.
อำทิตย์
29
รับจ้ำงดอยตุง
ไกด์เดินป่ำ/ทำกับข้ำว
เริ่มทำ 2 ปี
มีส่วนได้เสียกลุ่มการแสดง (เยาวชน) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมในการให้ข้อมูล จานวน 5 คน ลาดับ
ชื่อ
อายุ
การศึกษา
อาชีพเสริม
1.
ดญ.ปลำ
9
ป.4
แสดงชนเผ่ำ
2.
ดญ.เค้ก
10
ป.4
แสดงชนเผ่ำ
3.
ดญ.ไข่มุก
8
ป.2
แสดงชนเผ่ำ
4.
ดญ.เมย์
9
ป.3
แสดงชนเผ่ำ
5.
ดญ.บัว
13
ป.6
แสดงชนเผ่ำ
หมายเหตุ
เพิ่งเข้ำร่วม เต้นมำ 3-4ปี ตอนนี้สอน น้องๆ
ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มผู้นาชุมชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมในการให้ข้อมูล จานวน 2 คน ลาดับ 1.
ชื่อ นำยอัครชัย
อายุ
อาชีพหลัก
อาชีพเสริม
หมายเหตุ
59
ผู้ใหญ่บ้ำน
รับจ้ำง
เป็นคนพื้นเพกรุงเทพฯ แต่อยู่ในชุมชนมำ 30 กว่ำปี
2.
ชำญวิทย์
49
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้ำน
รับจ้ำง
ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มแกนนาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่ อบต.แม่ฟ้ำหลวง
ชื่อ / ตาแหน่งผู้ให้ข้อมูล - คุณวีรชิต วรัญชิตกูล / นำยกฯ อบต. และ
วันที่สัมภาษณ์ 21 ตุลำคม 2559
- ปลัด อบต. หมู่บ้ำนสวนป่ำ
- คุณเพชรัช วิบูลศรีสกุล (อำฉำย)
21 และ 23 ตุลำคม 2559
ภำพรวมทำงด้ำนกำรท่องเที่ยว (1) ศักยภำพของพื้นที่ โดยภำพรวม พื้นที่บ้ำนสวนป่ำ ไม่ได้เป็นพื้นที่เป้ำหมำยในกำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยวขององค์ กำร บริหำรส่วนตำบลแม่ฟ้ำหลวง ซึ่งมีแผนส่งเสริมกำรท่องเที่ยวอยู่ที่บ้ำนห้วยน้ำขุ่น และบ้ำนป่ำคำ แม้ว่ำพื้นที่ สวนป่ำจะเหมำะกับท่องเที่ยวธรรมชำติและเดินป่ำและมีเอกชนให้ควำมสนใจ แต่ด้วยเหตุที่ที่พื้นที่บ้ ำนสวนป่ำ ฉ - 16
อยู่ในพื้นที่ของโครงกำรพระรำชดำริ (ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ จึงยังไม่มีกำรลงทุนใดๆ นอกจำกนี้ พื้นที่บริเวณนี้มี โอกำสที่จะพัฒนำด้ำนกำรท่องเที่ยวสูงมำก เนื่องจำก นักท่องเที่ยวมำเที่ยวดอยตุงอยู่แล้ว เหลือแต่ว่ำ ท้องถิ่น และชุมชนจะร่วมกันนำนักท่องเที่ยวเข้ำมำท่องเที่ยวในชุมชนได้อย่ำงไร ซึ่งดูจะสวนทำงกับโครงกำรพัฒนำดอยตุง ที่หลังจำกศึกษำข้อมูลศักยภำพด้ำนกำรท่องเที่ยวทั้ง 29 หมู่บ้ำนที่โครงกำรรับผิดชอบในช่วงปี 2553-2554 แล้ว โครงกำรพัฒนำดอยตุงก็ได้เลือกบ้ำนสวนป่ำ เป็น ชุมชนที่จะส่งเสริมเรื่องกำรท่องเที่ยว ซึ่ง หลังจำกนั้นเป็นต้นมำ โครงกำรพัฒนำดอยตุงก็ได้ประสำนกับบ้ำน สวนป่ำเพื่อให้จัดกำรท่องเที่ยวศึกษำป่ำและกำรใช้ชีวิตของชุมชนกับป่ำให้แก่ผู้สนใจเรื่อยมำ นอกจำกนี้ อำจกล่ำวได้ว่ำ โลเคิล อไลค์ น่ำจะเป็นกิจกำรของเอกชนรำยแรกที่เริ่มเข้ำมำทำงำนกับ ชุมชนเพื่อส่งเสริมเรื่ องกำรท่องเที่ยว (ด้วยเงื่อนไขที่ ซีอีโอของโลเคิล อไลค์ เคยเป็นทีมงำนศึกษำพื้นที่ของ โครงกำรพัฒนำดอยตุงมำก่อน) โดยเริ่มจำกกำรกิจกรรมกำรเก็บขยะ กำรให้ควำมรู้ในเรื่องรูปแบบกำรจัดเก็บ พัฒนำจิตสำนึกในกำรทิ้งขยะ ซึ่งมีส่วนอย่ำงมำกต่อกำรทำงำนขยะในแหล่งน้ำลดลงอย่ำงเห็นได้ชัด นอกจำกนี้ ยังทำกำรประชำสัมพันธ์กำรท่องเที่ยวในรูปแบบของกำรเดินป่ำ ซึ่งก่อให้เกิดรำยได้โดยตรงกับกลุ่มไกด์ กลุ่ม กำรแสดง และช่วยสนับสนุนจัดตั้ง กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนด้วย อย่ำงไรก็ตำมถึงที่สุด ชำวอำข่ำแห่งบ้ำนสวนป่ำ ซึ่งมีวัฒนธรรมควำมเชื่อที่ไม่ต้องกำรให้บุคคลแปลก หน้ำเข้ำมำอำศัยอยู่ร่วมกันในบ้ำน ซึ่งทำให้แนวคิดเรื่อง Homestay ยังไม่สำมำรถเกิดขึ้นได้ในหมู่บ้ำนแห่งนี้ กำรท่องเที่ยวโดยชุมชนที่บ้ำนสวนป่ำ จึงเป็นกำรท่องเที่ยวเพื่อกำรศึกษำธรรมชำติ ชีวิตควำมเป็นอยู่ของชำว อำข่ำเป็นหลัก (2) ช่องทำงกำรขำยบริกำรกำรท่องเที่ยว กำรให้บริกำรเดินป่ำแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งแบบพักค้ำงคืนกำงเต้นท์ในป่ำ และกำรเดิน trail ซึ่ง ตั้งแต่ระยะ 1 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงและ 5 ชั่วโมงนั้น มีช่องทำงกำรเข้ำถึงดังนี้ • โครงกำรพัฒนำดอยตุง กรณีช่องทำงนี้จะเป็นกรุ๊ปใหญ่ • โลเคิล อไลค์ ในช่องทำงนี้เป็นกรุ๊ปเล็ก แต่มีควำมถี่มำก • Fanpage สวนป่ำดอยตุงฟำร์ม • Fanpage เพชรัช วิบูลศรีสกุล ช่องทำงนี้ มักเป็นกลุ่มที่มำดูงำนกำรปลูกและแปรรูปเสำวรส • Fanpage กำรท่องเที่ยวโดยชุมชน บ้ำนสวนป่ำ ดอยตุง
ฉ - 17
ประโยชน์ที่ได้รับจำกกำรท่องเที่ยว กำรท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สนับสนุนโดย โลเคิล อไลค์ ที่บ้ำนสวนป่ำนั้น ดำเนินกำรประสำนงำนผ่ำน อำฉำย เป็นหลัก แต่เนื่องจำก อำฉำย ไม่ได้ให้ควำมสำคัญกับกำรบริกำรกำรท่องเที่ยวในฐำนะอำชีพหลักของ ตนเอง กำรจัดกำรท่องเที่ยวที่สวนป่ำจึงมีลักษณะตั้งรับจำกภำยนอก (อย่ำงน้อยเมื่เทียบกับบ้ำนหล่อ โย ซึ่งจะ ได้ ก ล่ ำ วถึ ง ต่ อ ไป) ซึ่ ง หำกไม่ ไ ด้ มี ภ ำระจำกนั ก ท่ อ งเที่ ย วมำกนั ก อำฉำย ก็ จ ะรั บ เป็ น ไกด์ ห ลั ก แต่ ห ำกมี นักท่องเที่ยวมำเป็นกลุ่มใหญ่ ก็จะมีเพื่อนๆ มำช่วยในกันรับผิดชอบ โดยรำยละเอียดมีประโยชน์ทั้งทำงตรง และทำงอ้อมจำกกำรท่องเที่ยวเกิดขึ้น ดังนี้ (1) ทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในมิติของควำมสะอำดจำกกิจกรรมเรื่องขยะ หมู่บ้ำนสะอำดขึ้น เวลำมีนักท่องเที่ยวเข้ำมำในหมู่บ้ำนก็จะเกิดควำมภำคภูมิใจที่หมู่บ้ำนสะอำด (2) อำฉำย ซึ่งเป็นแกนนำกำรท่องเที่ยว ได้เข้ำถึง เงินยืมไม่มีดอกเบี้ยจำก KIVA.org เป็นจำนวนเงิน 70,796 บำท จำกกำรประสำนงำนของ โลเคิล อไลค์ (3) รำยได้ที่เพิ่มขึ้นกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง (3.1) เด็กและเยำวชนที่มำแสดงงำนวัฒนธรรม ได้นำรำยได้ไปใช้จ่ำยค่ำอุปกรณ์กำรเรียน เด็กบำง คนก็ให้ครอบครัวหรือเก็บไว้ซื้อชุดในกำรเต้น เพรำะชุดที่ใช้แสดงจะประยุกต์ใช้ชุดของคนใน ครอบครัว ส่วนอุปกรณ์บำงอย่ำงที่ขำดก็จำเป็นต้องซื้อมำเพิ่ม เช่น หมวก เข็มขัด (3.2) แม่บ้ำน จะเข้ำมำได้รับประโยชน์ในกรณีของกำรทำอำหำร รวมถึงกำรรับซักเสื้อผ้ำ (3.3) กลุ่มไกด์ มีอยู่ประมำณ 5-6 คน สำมำรถจำแนกตำมลักษณะกำรรับงำน แบ่งเป็น 2 ประเภท (1) รับเป็นงำนหลัก มีแกนนำ (อำฉำย) 1 คน ที่รับหน้ำที่หลักเป็นไกด์นำทำง ยกเว้นในกรณ ที่มีนักท่องเที่ยวมำเป็นกลุ่มใหม่ จำเป็นต้องใช้ไกด์ที่มำกขึ้น ก็จะเรียกใช้สมำชิกคนอื่นๆ เพิ่ม ซึ่งจัดอยู่ในเป็นประเภทที่ (2) คือ รับงำนไกด์เฉพำะเมื่อมีนักท่องเที่ยงมำเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ งำนไกด์ทั้งหมดนี้ ถือว่ำเป็นงำนรอง8 (4) โดยภำพรวมแล้ว รำยได้จำกกำรท่องเที่ยวข้ำงต้น จึงมีลักษณะเป็นรำยได้เสริม ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ กับแหล่งรำยได้อื่นๆ แล้ว มีสัดส่วนอยู่ประมำณไม่เกินร้อยละ 10 ของรำยได้รวมทั้งหมด โดยแหล่งรำยได้หลัก ของคนในชุมชนมำจำกกำรจ้ำงงำนของโครงกำรพัฒนำดอยตุง และกำรทำอำชีพเกษตรกรรมปลูกกำแฟ และ ข้ำวโพด ดังที่ อำฉำย แกนนำไกด์ บ้ำนสวนป่ำ เล่ำให้ฟังว่ำ
8
ดังนั้น ประโยชน์ในส่วนนี้ น่าจะเป็นผลกระทบที่ไม่ใช่ส่วนเพิ่ม แต่เป็นการทดแทนผลกระทบที่อื่น (displacement)
ฉ - 18
“ผมไม่ได้ทาท่องเที่ยวเป็ น อาชีพหลั ก แต่เราทาท่องเที่ยว..พูดง่ายๆ ว่าเป็นรายได้เสริม เป็นการ ท่องเที่ยวเพื่อพัฒนา อย่างทีมงานของผมทุกคนมีอาชีพหลัก ในส่วนของโครงการพัฒนาดอยตุง” อำฉำย - สัมภำษณ์เมื่อ 21 ตุลำคม 2559 (5) กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน นับจำกพ.ศ. 2556 จนถึง พ.ศ.2559 โลเคิล อไลค์ ได้บันทึกรำยรับที่ เข้ำสู่กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้ำนสวนป่ำ ไว้ดังนี้ แสดงรายรับของกองทุนท่องเที่ยวชุมชนของบ้านสวนป่า (บาท) พ.ศ.
พ.ศ.
พ.ศ.
พ.ศ.
2556
2557
2558
2559
926.2
1,666.55
2,875
3,005
8,472.75
(ร้ อ ยละ 5-10 ของรำยได้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จำก 6,384.2
3,101.6
6,750
7,245
23,480.80
รายรับเข้ากองทุน
รวม
จากกาไรของโลเคิล อไลค์ (ร้ อ ยละ 5 ของก ำไรสุ ท ธิ ข องบริ ษั ท ที่ เกิ ด ขึ้ น จำกโปรแกรมกำรท่ อ งเที่ ย วใน ชุมชนนั้นๆ) จากรายได้ของชุมชน โปรแกรมกำรท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ) รวม
31,954
หมำยเหตุ : ข้อมูลจำกโลเคิล อไลค์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวำคม 2559) และเป็นตัวเลขทำงบัญชีปัจจุบันยังไม่ มีกำรดึงเงินร้อยละ 5-10 ของรำยได้ของชุมชนเข้ำกองทุนฯ
ฉ - 19
แสดงภาพความสัมพันธ์ของผู้สร้างผลกระทบด้านต่างๆ ต่อชุมชน ภาคี/ช่องทางอืน่ เพือ่ เข้าถึงการ ท่องเที่ยวชุมชน
กลุ่มเพื่อนไกด์ • เด็กเยาวชนที่มาแสดง • แม่บ้านรับทา อาหาร/ ซักผ้า •
โลเคิล อไลค์
อาฉาย
ชุมชน
กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน
กิจกรรมพัฒนาชุมชน เช่น จัดการขยะ
อบต./โครงการพัฒนาดอยตุงสนับสนุน งานพัฒนาชุมชน
ภาคีอื่นๆ ที่ โลเคิล อไลค์จะต่อเชื่อมเพื่อ นาทรัพยากรมาทางาน
ทัศนคติของแกนนำต่อเรื่องกำรท่องเที่ยวชุมชน ดังได้กล่ำวไว้ในข้ำงต้นว่ำ โลเคิล อไลค์ ทำงำนส่งเสริมกำรท่องเที่ยวชุมชน โดยผ่ำนแกนนำกำร ท่องเที่ยวอย่ำง อำฉำยเพียงคนเดียว ในขณะที่ ผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ก็ไม่ได้ให้น้ำหนักต่อกำรทำอำชีพหลักใน เรื่องกำรท่องเที่ยว ดังนั้นในบริบทนี้ แกนนำ จึงมีลักษณะเป็น ผู้เฝ้ำประตู (gate keeper) คนสำคัญที่จะให้ คำตอบว่ำจะสำมำรถทำให้กำรท่องเที่ยวเป็นประโยชน์ที่เกื้อกูลต่อกำรพัฒนำชุมชนตำมเจตนำรมณ์ของ โลเคิล อไลค์ ได้หรือไม่ แกนนำด้ำนกำรท่องเที่ยวอย่ำง “อำฉำย” ได้อธิบำย กำรท่องเที่ยวที่เขำและเพื่อนๆ ทำว่ำเป็น “การ ท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนา” มีเป้ำหมำยเพื่อพัฒนำชุมชน ไม่ใช่ทำกำรท่องเที่ยว เพรำะ กำรท่องเที่ยวสร้ำง รำยได้ให้ตัวเอง แต่ได้ทำให้คนอื่นๆ ทำให้ชุมชน ได้ประโยชน์ด้วย อำทิ เรื่องขยะที่ปัจจุบันมีแนวโน้มดีขึ้นอย่ำง มำก และกรณีกำรสร้ำงรำยได้ให้คนอื่นๆ เช่น กลุ่มแม่บ้ำน เมื่อมีทริปของกลุ่มนัก ท่องเที่ยวเข้ำมำ แม่บ้ำน ฉ - 20
(ตำมควำมสมัครใจ) ก็อำจเข้ำมำมีส่วนให้บริกำรกำรทำอำหำรหรือซักเสื้อผ้ำให้นักท่องเที่ยว หรือพวกเด็กๆ ก็ มำเต้นรำและรับค่ำจ้ำงไป ในทำงกลับกัน อำฉำย มองว่ำ หำกทำกำรท่องเที่ยวเป็นเรื่องหลัก เพื่อเป็นรำยได้หลักของครอบครัว แล้ว จะทุกข์มำก เพรำะต้องลงทุนมำก และมีควำมเสี่ยงเนื่องจำก กำรท่องเที่ยวไม่สำมำรถสร้ำงรำยได้ได้อย่ำง ต่อเนื่องตลอดทั้งปี เดือนไหนที่ไม่มีทริปนักท่องเที่ยวมำก็จะลำบำก ขณะที่ในช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวมำมำก เกิน ก็รับไม่ไหว อีกทั้งในช่วงไฮซีซั่น จะมีงำนสีสันดอยตุง ซึ่งตนเองและชำวบ้ำนก็มักจะไปขำยของที่งำน มำกกว่ำจะรับจ้ำงเป็นไกด์ นอกจำกนี้ อำฉำยยังให้น้ำหนักกับกำรทำกำรเกษตร เพรำะเห็นว่ำ ควำมมั่นคงใน พื้นที่จำกกำรทำกำรเกษตร จะสำมำรถส่งต่อให้กับลูกหลำนได้ ดีกว่ำเรื่องกำรท่องเที่ยว 2.6 บ้ำนหล่อโย ต.ป่ำตึง อ.แม่จัน จ.เชียงรำย บ้ำนหล่อโยถูกก่อตั้งขึ้นมำโดย “เล่ำเอ๋อ” ต่อมำมี “คุณหล่อโย” ซึ่งเป็นชำวอำข่ำที่อพยพมำจำก ประเทศพม่ำ เป็นอู่ลั๊วะอำข่ำย้ำยเข้ำมำอยู่ และทำงกรมกำรปกครองได้มีกำรก่อตั้งหมู่บ้ำน จึงได้ใช้ชื่อว่ำ “บ้ำนหล่อโย” โดยก่อตั้งมำเป็นระบะเวลำ 79 ปี ซึ่งผู้นำหมู่บ้ำนปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 8 มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 63 ครัวเรือน มีประเพณีที่สำคัญ คือ ในช่วงเดือนสิงหำคมถึงกันยำยน จะมีประเพณี “โล้ชิงช้ำ” ในช่วงเดือน ตุลำคม มีประเพณี “ไข่แดง” ในช่วงเดือนธันวำคม เป็นประเพณี “ปีใหม่” และช่วงเดือนพฤศจิกำยน มี ประเพณี “กินข้ำวใหม่” ส่วนกำรละเล่นที่สำคัญๆ คือ “กำรละเล่นไม้โกงกำง” “เล่นลูกข่ำง” “เล่นสำมล้อ” ปัญหาในบ้านหล่อโยตามความเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ปัญหาชุมชน
ร้อยละของน้าหนักที่ให้ความสาคัญของปัญหา
ที่ดินทำกิน (เสื่อมโทรม, ป่ำไม้ยึดคืน)
19
ขยะ
12
ประเพณีอำข่ำหำยไป
10
ถนน
25
กำรได้สัญชำติไทย
12
นักท่องเที่ยวลดลง
9
ยำเสพติด
7
ขำดแคลนเสื้อผ้ำกันหนำว
6
หมำยเหต : ข้อมูลจำกกำรจัด FGD กับ ผู้มีส่วนได้เสียของบ้ำนหล่อโย (วันที่ 21 ตุลำคม 2559)
ฉ - 21
ประเด็นปัญหาในบ้านหล่อโยและการให้น้าหนักการช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆ
ลาดับ ความสาคัญ
1
ปัญหา
การแก้ไข
จัดที่ทิ้งขยะและถัง ขยะ
ขยะ ปัญหำยำเสพ ติด ปัญหำบุกรุก ป่ำ
2 3
หน่วยงานที่เข้ามาช่วย
-โลเคิล อไลค์ -อบต. -คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
ตั้งกฎระเบียบของ คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน หมู่บ้ำน จัดเป็นเขตป่ำชุมชน และตั้งคณะกรรมกำร คณะกรรมกำรหมูบ่ ้ำน ในกำรดูแล
ปัญหำเรื่อง ถนนทำงเข้ำ ปรับปรุงถนน หมู่บ้ำน ปัญหำในเรื่อง จัดระเบียบกำรใช้น้ำ ระบบน้ำ
การให้น้าหนัก สัดส่วนการ ช่วยเหลือของ หน่วยงาน (เปอร์เซ็นต์) 70 10 20 100 100
-อบต. -คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
50 50
คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน
100
-โลเคิล อไลค์ -คณะกรรมกำรหมู่บ้ำน หมำยเหต : ข้อมูลจำกกำรสัมภำษณ์ โยฮัน (วันที่ 21 ตุลำคม 2559)
30 70
4 5 6
ลำนชุมชน
จัดทำพื้นที่
กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบ้ำนหล่อโยกับกำรท่องเที่ยวชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบ้ำนหล่อโยที่เกี่ยวข้องกับกำรท่องเที่ยวแสดงไว้ในตำรำง ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มการแสดง และขายสินค้าที่ระลึก ลาดับ
ชื่อ
อายุ
อาชีพหลัก
อาชีพเสริม
1.
อำบ่ำ
70
ทำไร่ทำสวน
กำรแสดง
2.
อำเจ
74
ไม่ได้ทำงำน
แกะสลักกลอง
ฉ - 22
หมายเหตุ
3.
หล่อผำ
65
ทำไร่ทำสวน
สำนตะกร้ำ
สำนขำยคนใน หมู่บ้ำน
4.
บูซึ
66
อำชีพปะลำยผ้ำอำข่ำ
กำรแสดง
5.
อำเม
68
ทำนำ ทำไร่
กำรแสดง
6.
ชอบี
80
ทำนำ ทำไร่
แกะตุ๊กตำไม้
7.
อำแผ่ว
33
รับจ้ำง ทำไร่
กำรแสดง
ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มผู้นาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่ อบต.ป่ำตึง
ชื่อ / ตาแหน่งผู้ให้ข้อมูล คุณสุธำวรรณ คำแสน / รองปลัด อบต. ป่ำตึง
วันที่สัมภาษณ์ 21 ตุลำคม 2559
คุณวิชุตำ แดงตุ้ย / หน.ฝ่ำยบริหำรงำนทั่วไป หมู่บ้ำนหล่อโย
คุณประกำศิต เชอมือกู่ (โยฮัน)
21 ตุลำคม 2559 / 23 มกรำคม 2560 และ 19 มีนำคม 2560
ภำพรวมทำงด้ำนกำรท่องเที่ยว (1) ศักยภำพของพื้นที่ เกือบ 20 ปีที่ผ่ำนมำ ภำพจำสำหรับเรื่องกำรท่องเที่ยวของคนในชุมชนหล่อโย คือ กำรมีนักท่องเที่ยว เข้ำจับจ่ำยซื้อสินค้ำของที่ระลึกของชุมชน ซึ่งสร้ำงรำยได้ให้แก่ครอบครัวมำกถึง 3,000-5,000 บำทต่อวัน แต่ เมื่อเวลำผ่ำนไปกำรท่องเที่ยวในชุมชนซบเซำ ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ำมำที่หมู่ บ้ำน กำรขำยของที่ระลึกต่ำงๆ หำยไป เหลือทิ้งร้ำงให้เห็นแต่โครงไม้ไผ่ของแผงค้ำของที่ระลึก แต่ในทศวรรษที่ผ่ำนมำ กำรท่องเที่ยวแบบพักค้ำงคืนในชุมชนเริ่มกลับมำทำให้ชุมชนมีชีวิตชีวำอีกครั้ง โดยมี โยฮัน ซึ่งเป็นคนหนุ่มที่มีประสบกำรณ์ในด้ำนกำรเป็นไกด์นำเที่ยวเข้ำ มำผลักดันให้เกิดขึ้น เริ่มต้นจำก กำรทำบ้ำนดินเพื่อเป็น Homestay เมื่อ 10 ปีก่อน จำกที่พักเพียง 4 ห้อง ขยำยจนเป็น 8 ห้องในปัจจุบัน ทำ ให้เกิดรำยได้ที่เป็นกระทบต่อเนื่องไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ในชุมชน อำทิ กำรแสดง กำรส่งพืชผักเพื่อใช้ทำอำหำร กำรขำยของที่ระลึก เป็นต้น ปัจจุบันมี โยฮันมีกำรก่อสร้ำงพิพิธภัณฑ์อำข่ำด้วยเงินยืมจำก KIVA.org และกำลัง ก่อสร้ำงห้องพักเพิ่มเติมด้วยเงินกู้จำกธนำคำรพำณิชย์ ซึ่งเมื่อพิจำรณำจำกจำนวนนักท่องเที่ยว (ที่มีกำรซื้อ โปรแกรมทัวร์ผ่ำน โลเคิล อไลค์) และจำนวนห้องพัก (ที่บันทึกไว้โดย โยฮัน) ก็จะเห็นแนวโน้มกำรเติบโตที่ดีขึ้น เรื่อยๆ ฉ - 23
จานวนนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี 2556 – 2559 ที่ซื้อโปรแกรมทัวร์ผ่าน โลเคิล อไลค์ พ.ศ. 2556
พ.ศ. 2557
พ.ศ.2558
พ.ศ.2559
30
115
250
779
จานวนนักท่องเที่ยว (คน)
หมำยเหตุ : ข้อมูลจำก โลเคิล อไลค์ จนถึง 31 ธันวำคม 2559 แสดงจานวนห้องพักที่ขายให้กับนักท่องเที่ยว ระหว่างเดือนธันวาคม 2558 – 21 ตุลาคม 2559 ธ.ค.58 125
ม.ค.59 ก.พ.59 มี.ค.59 เม.ย.59 พ.ค.59 มิ.ย.59 177
79
26
7
24
28
ก.ค.59
ส.ค.59
39
30
ก.ย.59 21 ตค.59 18
53
นอกจำกนี้กำรที่ โยฮัน ได้รับตำแหน่งเป็น ผู้ใหญ่บ้ำน (เป็นหมู่บ้ำนบริวำร) จำกกำรไว้วำงใจของสมำชิ ในชุมชน ทำให้เขำมีสถำนะในกำรประสำนงำนกับหน่วยงำนภำยนอก และสำมำรถรวบรวมพลังของคนใน ชุ ม ชน ตั้ ง เป็ น คณะท ำงำนกลุ่ ม ท ำงำนต่ ำ งๆ ให้ ร่ ว มกั น รั บ ผิ ด ชอบงำนของส่ ว นรวมในหมู่ บ้ ำ น ได้ แ ก่ คณะกรรมกำรดูแลเรื่องขยะ คณะกรรมกำรดูแลน้ำ คณะกรรมกำรดูแลยำเสพติด คณะกรรมกำรดูแลเรื่องกำร กระจำยเสียง คณะกรรมกำรดูแลเรื่องกำรเกษตร คณะกรรมกำรดูแลเรื่องป่ำชุมชน และคณะกรรมกำรดูแล เยำวชน สิ่งเหล่ำนี้จะมีส่วนอย่ำงมำกในกำรเกื้อกูลกำรท่องเที่ยวในชุมชน ทั้งเรื่องถนน ขยะ เป็นต้น ให้เติบโต ต่อไป ซึ่งน่ำจะทำให้ บ้ำนหล่อโยมีศักยภำพที่จะพัฒนำกำรท่องเที่ยวได้อีกมำก (2) ช่องทำงกำรขำยบริกำรกำรท่องเที่ยว เนื่องจำกจุดเด่นของกำรท่องเที่ยวที่บ้ำนหล่อโย คือ กำรเป็น Homestay บ้ำนดิน ช่องทำงกำรขำย บริกำรที่พัก จึงมีกำรดำเนินกำรทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งที่ดำเนินกำรเอง และผ่ำนเครือข่ำยต่ำงๆ ดังนี้ • Booking.com / AirBNB / Tripadvisor / Agoda / NIDAroom ส่วนใหญ่ของลูกค้ำ “บ้ำนดิน อำข่ำ” มำจำกช่องทำงเหล่ำนี้ (เพิ่งเริ่มมำประมำณกลำงปี 2558) • โลเคิล อไลค์ • Fanpage บ้ำนดินอำข่ำดอยแม่สลอง (https://www.facebook.com/akhamudhouse/) ประโยชน์ที่ได้จำกกำรท่องเที่ยว 1) มีกำรจัดกำรเรื่องขยะดีขึ้น มีหน่วยงำนที่เข้ำมำแนะนำ ไม่ว่ำจะเป็นทำง โลเคิล อไลค์ และ อบต. ทำให้คนในชุมชนเปลี่ยนวิธีกำรทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทำง เพรำะอยำกให้ชุมชนสะอำด แต่จะยังเหลือก็แต่เด็กๆที่ ยังทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทำง ฉ - 24
(2) โยฮัน แกนนำกำรท่องเที่ยว ได้เข้ ำถึง เงินยืมไม่มีดอกเบี้ยจำก KIVA.org เป็นจำนวนเงิน 90,000 บำท จำกกำรประสำนงำนของ โลเคิล อไลค์ (3) มีหน่วยงำนต่ำงๆเข้ำมำให้ควำมช่วยเหลือ เช่น มีกำรเสนอควำมต้องกำรผ่ำนทำงหน่วยงำนของ แอร์เอเชียในเรื่องของกำรสอนภำษำอังกฤษ และกำรคัดแยกขยะ โครงกำรพัฒนำดอยตุง และททท.ภำคเหนือ ที่มีแผนจะทำงำนร่วมกันในเรื่องกำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยว (4) รำยได้ที่เพิ่มขึ้นกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง (4.1) กลุ่ ม ผู้ แ สดงกำรเต้ น ร ำของอำข่ ำ ประมำณ 10-15 คน มี ทั้ ง เด็ ก เยำวชนและผู้ ใ หญ่ ค่ำตอบแทนประมำณ 1,500 – 2,000 บำทต่อ 10 คน (4.2) กำรขำยผักเพื่อนำมำทำเป็นอำหำรให้กับบ้ำนดินอำข่ำ (4.3) ขำยของที่ระลึก ประมำณ 5-10 คน (5) กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนของบ้ำนหล่อโย นับจำกปี 2556 จนถึง พ.ศ.2559 โลเคิล อไลค์ ได้ บันทึกรำยรับที่เข้ำสู่กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้ำนหล่อโย ไว้ดังนี้
รายรับเข้ากองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านหล่อโย (บาท) รายรับเข้ากองทุน
พ.ศ.
พ.ศ.
พ.ศ.
พ.ศ.
2556
2557
2558
2559
364
785
7,560
40,795
49,504
2,597
8,773
4,036
11,704
27,110
รวม
จากกาไรของโลเคิล อไลค์ (ร้ อยละ 5 ของกำไรสุ ทธิของบริ ษัททที่ เกิ ด ขึ้ น จำกโปรแกรมกำรท่ อ งเที่ ย วใน ชุมชนนั้นๆ) จากรายได้ของชุมชน (ร้ อ ยละ 5-10 ของรำยได้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จำก โปรแกรมกำรท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ) รวม
76,614
ฉ - 25
หมำยเหตุ : ข้อมูลจำกโลเคิล อไลค์ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวำคม 2559) และเป็นตัวเลขทำงบัญชีปัจจุบันยังไม่ มีกำรดึงเงินร้อยละ 5-10 ของรำยได้ของชุมชนเข้ำกองทุนฯ (6) เนื่องจำกที่บ้ำนหล่อโย มี โยฮัน เป็นผู้ประกอบกำรเพียงรำยเดียวที่ทำธุรกิจโฮมสเตย์ และเป็นจุด เข้ำประสำนงำนของ โลเคิล อไลค์ ในกำรทำงำนส่งเสริมกำรท่องเที่ยวชุมชนโดยกำรโปรโมทบ้ำนดิน กล่ำวได้ อย่ำงไม่ผิดนักว่ำ ทั้งหมดจึงมี โยฮัน เป็นผู้รับประโยชน์หลักในเรื่องของรำยได้ และมีส่วนน้อยที่กระจำยออก ไปสู่คนอื่นๆ ในชุมชน ดังควำมเห็นที่แสดงในตำรำง สัดส่ว นรำยได้ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย สะท้อนให้เห็นว่ำ รำยได้ที่ได้รับจำกกำรท่องเที่ยวมีสัดส่วนน้อยที่สุดจำกรำยได้ทั้งหมด และเมื่อพิจำรณำเฉพำะรำยได้ของโยฮันจำกกำรให้บริกำรที่พักของบ้ำนดิน โดยเฉพำะที่ติดต่อผ่ำน ช่ อ งทำงอื่ น ๆ เช่ น tripadvisor.com, booking.com, agoda.com, nidaroom.com หรื อ AirBNB.com (ส่วนในช่องทำงที่ผ่ำน โลเคิล อไลค์ นั้น อำจสะท้อนผ่ำนรำยรับเข้ำกองทุนท่องเที่ยวชุมชน) ซึ่งเมื่อประมำณ กำรรำยได้ต่อปีของกำรให้บริกำรที่พักบ้ำนดินน่ำจะไม่น้อยกว่ำ 450,000 บำทต่อปี สัดส่วนรายได้ของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย รายได้หลัก
สัดส่วนรายได้แสดงเป็นร้อยละ
รำยได้จำกเกษตรกรรม
40
รำยได้จำกกำรรับจ้ำงและได้เงินจำกลูกหลำน
37.5
รำยได้จำกกำรท่องเที่ยว
22.5 หมำยเหตุ : ข้อมูลจำกกำร Focus group (เก็บข้อมูลเมื่อ 21 ตุลำคม 2559)
รายได้จากการให้บริการห้องพักของบ้านดิน เฉพาะที่ติดต่อผ่านช่องทางอื่นๆ ช่วงเวลา
รายได้ (บาท)
ธันวำคม 2558
99,670
มกรำคม 2559
105,790
กุมภำพันธ์ 2559
54,050
มีนำคม 2559
19,700
เมษำยน 2559
4,450
พฤษภำคม2559
7,350 ฉ - 26
มิถุนำยน 2559
7,100
กรกฎำคม 2559
27,350
สิงหำคม 2559
18,000
กันยำยน 2559
9,600
21 ตุลำคม 2559
40,650
หมำยเหตุ : ข้อมูลจำก สมุดบันทึกของ บ้ำนดินอำข่ำ (เก็บข้อมูลเมื่อ 21 ตุลำคม 2559) อย่ำงไรก็ตำม กำรพิจำรณำสัดส่วนที่มำของรำยได้และประโยชน์อื่นๆ จำกกำรท่องเที่ยวนั้น เป็นเรื่อง ลำบำกเนื่องจำกไม่ได้มีกำรจดบันทึกข้อมูลอย่ำงเป็นระบบ ส่วนข้อมูลในตำรำงที่ 18 เป็นข้อมูลที่ได้จำกกำร ประมำณกำรของโยฮัน แม้อำจจะสำมำรถตั้งข้อสงสัยถึงควำมแม่นตรงได้ แต่น่ำจะพอสะท้อนถึงน้ำหนักที่มำ ของรำยได้อยู่พอสมควร แสดงการกระจายน้าหนักของผู้สร้างผลกระทบในประโยชน์ด้านต่างๆ จากการท่องเที่ยว (Attribution) ผลกระทบในด้าน
ผู้สร้างผลกระทบ Local Alike (%)
คุณโยฮันเอง (%)
ธนาคาร SME (%)
รำยได้
10
80
10
กำรเข้ำถึงตลำด
70
30
X
กำรเข้ำถึงแหล่งเงินกู้
20
80
X
ควำมรู้/กำรจัดกำรกำรท่องเที่ยว
X
100
X
หมำยเหตุ : ข้อมูลจำกกำรสัมภำษณ์ โยฮัน (เก็บข้อมูลเมื่อ 21 ตุลำคม 2559) กำรจัดกำรท่องเที่ยวชุมชนโดยโลเคิล อไลค์ ที่ดำเนินกำรที่บ้ำนหล่อโยนี้ มีรูปแบบเดียวกับที่บ้ำนสวน ป่ำ เพียงแต่แกนนำหลักที่ประสำนงำนนั้น มีประสบกำรณ์และมีอำชีพหลักอยู่กับกำรท่องเที่ยว จึงทำงำนเชิงรุก ด้ำนกำรตลำด และกู้เงินมำลงทุนสร้ำงห้องพักเพิ่มเติม ซึ่งพฤติกรรมของผู้ประกอบกำรเช่นนี้ไม่สำมำรถเห็นได้ จำกแกนนำที่บ้ำนสวนป่ำ และที่บ้ำนหล่อโย ดังนั้น กำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยวชุมชนที่บ้ำนหล่อโย ผู้ที่ได้รับ ประโยชน์หลักในช่วงที่ผ่ำนมำ คือ แกนนำหลัก ส่วนคนอื่นๆ ในชุมชน ก็ได้รับประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่เป็น กิจกรรมต่อเนื่องจำกกิจกรรมหลักที่เกิดขึ้นที่ Homestay บ้ำนดิน ฉ - 27
ภาพความสัมพันธ์ของผู้สร้างผลกระทบด้านต่างๆ ต่อชุมชน ภาคี/ช่องทางอืน่ เพือ่ เข้าถึงการ ท่องเที่ยวชุมชน
โลเคิล อไลค์
โยฮันและHomestay บ้าน ดิน
ขายของที่ระลึก • เด็กเยาวชนที่มาแสดง • ส่งผักทาอาหาร •
ชุมชน
กองทุนท่องเที่ยวโดยชุมชน
กิจกรรมพัฒนาชุมชน เช่น จัดการขยะ ภาคีอื่นๆ ที่ โลเคิล อไลค์จะต่อเชื่อมเพื่อนา ทรัพยากรมาทางาน
อบต.
3. บทสรุปและบทเรียนการประเมินผลกระทบทางสังคม 3.1 ภำพรวมของชุมชนที่ทำกำรท่องเที่ยว บ้ำนสวนป่ำ ต.แม่ฟ้ำหลวง อ.แม่ฟ้ำหลวง จ.เชียงรำย บ้ำนสวนป่ำมีจำนวนสมำชิกที่เข้ำร่วมกำร ท่องเที่ยวประมำณ 20 หลังคำเรือน จำกจำนวน 101 หลังคำเรือน โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ำมำท่องเที่ยว เฉลี่ยประมำณปีละ 100-150 คน ทำให้มีรำยได้ที่เกิดจำกกำรท่องเที่ยวประมำณไม่เกิน 10,000 บำทต่อคนต่อ ปี (ขึ้นกับกิจกรรมที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว) ในด้ำนของศักยภำพ บ้ำนสวนป่ำมีศักยภำพในเชิงพื้นที่อย่ำงมำก เนื่องจำกมีผืนป่ำที่อุดมสมบูรณ์ มี แปลงเกษตรที่มีจุ ดเด่น สำมำรถจั ดกำรท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธ รรมชำติ ท่องเที่ยวเชิงเกษตร รวมถึงและ กำรศึกษำวัฒนธรรมอำข่ำได้ ในขณะที่ศักยภำพด้ำนกำรจัดกำร กำรเป็นไกด์ และกำรดูแลนักท่องเที่ยว ที่ผ่ำน มำก็ทำได้เป็นอย่ำงดี
ฉ - 28
แต่บ้ำนสวนป่ำก็ยังไม่ได้ดำเนินกำรท่องเที่ยวอย่ำงเป็นรูปธรรม เป็นกำรทำงำนเชิงรับมำกกว่ำเชิงรุก ไม่มีกำรทำกำรตลำด ไม่มีกำรลงทุนเกี่ยวกับกำรท่ องเที่ยวเพิ่มเติม ซึ่งอำจเป็นเพรำะแนวคิดของแกนนำที่มี กรอบคิดเรื่องกำรท่องเที่ยวเพื่อกำรพัฒนำ มำกกว่ำกำรท่องเที่ยวเพื่อรำยได้ อีกทั้ง วัฒนธรรมอำข่ำของสวนป่ำ ที่ไม่ยอมรับกำรพักค้ำงของคนนอกในหมู่บ้ำน กำรคิดลงทุนเรื่องกำรทำ homestay จึงยังไม่เกิดขึ้น ที่สำคัญ สมำชิกในกลุ่มไกด์ซึ่งเป็นคนหลักในกำรทำเรื่องกำรท่องเที่ยวที่บ้ำนสวนป่ำล้วนแล้วแต่มีรำยได้ประจำที่มั่นคง อยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดที่จะหันมำทำเรื่องกำรท่องเที่ยวอย่ำงจริงจัง บ้ำนหล่อโย ต.ป่ำตึง อ.แม่จัน จ.เชียงรำย ในอดีต 20 ปีที่ผ่ำนมำ เคยเป็นหมู่บ้ำนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ำ มำเที่ยวในชุมชนและซื้อของที่ระลึกอย่ำงสม่ำเสมอ จนกลำยเป็นภำพจำสำหรับกำรท่องเที่ยวที่ผ่ำนมำ ปัจจุบัน เมื่อมีแกนน ำกลั บ เข้ำ มำริ เริ่ มท ำ Homestay บ้ำนดินเมื่อ 10 ปีก่อน ก็มีส มำชิกในชุมชนเข้ำ มำมีส่ ว นใน กิจกรรมที่คอยเกื้อหนุน อำทิ กำรแสดง กำรขำยของที่ระลึ ก โดยมีจำนวนครัวเรือนที่เข้ำมำร่วมประมำณ 16 ครัวเรือน จำกจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 63 ครัวเรือน Homestay บ้ำนดิน และวัฒนธรรมอำข่ำ คือ จุดเด่นของกำรท่องเที่ยวในชุมชนแห่งนี้ โดยเฉพำะ Homestay บ้ ำนดิน ที่บุ กเบิ กเริ่ มต้น โดย โยฮัน คนหนุ่มที่มีวิธีคิดของกำรเป็นผู้ ประกอบกำรในธุรกิ จ กำร ท่องเที่ยวที่ชัดเจน มีแผนงำนในอนำคตที่จะบุกเบิกงำนอีกหลำยอย่ำง ในปัจจุบันที่ดำเนินกำรอยู่ คือ กำรขยำย เพิ่มห้องพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มำกขึ้น นอกจำกนี้ปัจจุบัน โยฮัน มีสถำนะเสมือนเป็นผู้ใหญ่บ้ำน (บ้ำน ย่อย) ทำให้กำรทำงำนพัฒนำชุมชน ซึ่งเขำดำเนินกำรผ่ำนคณะกรรมกำรชุดต่ำงๆ ได้แก่ คณะกรรมกำรดูแล เรื่องขยะ คณะกรรมกำรดูแลน้ำ คณะกรรมกำรดูแลยำเสพติด คณะกรรมกำรดูแลเรื่องกำรกระจำยเสี ยง คณะกรรมกำรดูแลเรื่องกำรเกษตร คณะกรรมกำรดูแลเรื่องป่ำชุมชน และคณะกรรมกำรดูแลเยำวชน สำมำรถ ดำเนินควบคู่ไปกับกำรท่ องเที่ยวได้อย่ำงลงตัว อีกทั้งด้วยสถำนะดังกล่ำวทำให้กำรประสำนงำน กำรทำงำน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงำนภำยนอกมีประสิทธิภำพที่ดีขึ้น ศักยภำพของบ้ำนหล่อโย ในมิติเชิงพื้นที่ เป็นหมู่บ้ำนที่อยู่ใกล้กับสถำนที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่ำง ดอยแม่สลอง และมีที่พักเป็นเอกลักษณ์อย่ำงบ้ำนดินอำข่ำ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ำมำท่องเที่ยวในทุกช่วงฤดู (ดูตำรำงที่ 14) ในขณะที่มิติด้ำนผู้นำ โยฮันจัดได้ว่ำเป็นผู้นำกำรท่องเที่ยวที่ชัดเจนและมีวิสัยทัศน์ในเรื่องของ กำรใช้กำรท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในกำรพัฒนำชุมชนถึงตรงกับโลเคิล อไลค์ ทำให้ได้รับกำรหนุนเสริมในเรื่อง ของช่องทำงกำรตลำด ช่องทำงกำรขำยที่พักและกำรเข้ำถึงแหล่งเงินกู้ เพื่อมำใช้ในกำรท่องเที่ยว ผลจำกกำร เป็นผู้นำด้ำนกำรท่องเที่ยวและเป็นผู้ นำของชุมชนทำให้บ้ำนหล่ อโยสำมำรถดึงงบประมำณในกำรพัฒ นำ หมู่บ้ ำนจำกหน่ ว ยงำนภำครั ฐ เข้ำ มำได้ ไม่ว่ำจะเป็น ถนน ระบบน้ำ แต่ยังไม่มี ห น่ว ยงำนภำครัฐ ที่ เ ข้ ำ มำ ฉ - 29
ช่ว ยเหลื อในด้ำนกำรท่องเที่ย ว จุ ดแข็งของบ้ำนหล่ อโยอีกด้ำน คือ กำรรักษำวัฒ นธรรมของอำข่ำ ทำให้ นักท่องเที่ยวสนใจที่จะเข้ำมำเรียนรู้วิถีชีวิต
3.2 ภำพรวมของผลกระทบทำงสังคม ผลกระทบทำงสังคมที่เกิดขึ้นกับชุมชนอันเป็นผลสืบเนื่องมำจำกกำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยวชุมชนของ โลเคิล อไลค์ หำกพิจำรณำตำม ตัวชี้วัด สำมำรถสรุปผลได้ดังนี้ ตัวชี้วัด จำนวนครัวเรือน (หรือจำนวนคน) ที่ เข้ำร่วมเกี่ยวกับ กิจกรรมกำร ท่องเที่ยว
จำนวนรำยได้จำก กำรท่องเที่ยวที่ เพิ่มขึ้นต่อปี
คาอธิบาย
บ้านหล่อโย
เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนจำก ครัวเรือนทั้งหมดในชุมชนอำจชี้ เรื่องกำรกระจำยของ
16 ครัวเรือน คิดเป็น
บ้านสวนป่า 20 ครัวเรือน หรือคิดเป็น
ประมำณร้อยละ 25 ของ ประมำณร้อยละ 20 ของ ครัวเรือนทั้งหมด
ครัวเรือนทั้งหมด
เฉพำะของผู้นำกำร
เฉพำะของผู้นำกำรท่องเที่ยว มี
ท่องเที่ยว มีรำยได้จำก
รำยได้จำกกำรเป็นไกด์ ไม่เกิน
กิจกำรไม่น้อยกว่ำ
30,000 บำทต่อปี (ประมำณ
ผลประโยชน์
เพื่อต้องกำรทรำบรำยได้จำก
กำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นกับบุคคล 450,000 บำทต่อปี
กำรจำกค่ำไกด์ต่อวัน และ จำนวนกำรรับทริปที่เหมำะสม คือ 3 ครั้งต่อเดือน)
ไม่สำมำรถประเมินตัวเลขปริมำณขยะได้ แต่ข้อมูลจำก ปริมำณขยะที่ได้รับ กำรจัดเก็บ
เพื่อต้องกำรเห็นควำม
กำรศึกษำชี้ว่ำทั้ง 2 หมู่บ้ำนมีพัฒนำกำรในทำงที่ดีขึ้น ทั้งใน
เปลี่ยนแปลงในกำรทิ้งขยะใน
ด้ำนกำรจัดกำรขยะในปัจจุบัน และกำรปลูกฝังพฤติกรรมให้
ชุมชน
เด็กๆ และคนในชุมชนแยกขยะ ซึ่งต้องใช้เวลำนำนกว่ำนี้ แต่มีแนวโน้มที่ดี
ควำมเปลี่ยนแปลงที่ เกิดจำกเงินกองทุน ท่องเที่ยวชุมชน
เพื่อต้องกำรทรำบว่ำได้มีกำรนำ เงินจำกกองทุนไปใช้ในกิจกรรม ฉ - 30
ยอดเงินสะสมรวม
ยอดเงินสะสมรวม 31,954
76,613 บำท
บำท
ตัวชี้วัด
คาอธิบาย
บ้านหล่อโย
บ้านสวนป่า
อะไรบ้ำง และก่อให้เกิดกำร เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง มูลค่ำของเงินกู้ปลอด ดอกเบี้ยที่ ผู้ประกอบกำรเข้ำถึง ได้
เพื่อแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่
90,000 บำท
70,796 บำท
ได้รับจำกกำรหนุนเสริมของ โล เคิล อไลค์ ไม่มีคนย้ำยออก แต่ไม่ได้ ไม่มีคนย้ำยออก แต่ไม่ได้ อำจใช้แสดงให้เห็นว่ำรำยได้จำก
จำนวนคนที่ไม่ย้ำยไป กำรท่องเที่ยวสำมำรถช่วยให้ ทำงำนนอกพื้นที่
ดำรงชีพอยู่ในชุมชนได้อย่ำง ต่อเนื่อง
เกี่ยวเนื่องกับกำร
เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว
ท่องเที่ยว ขณะเดียวในใน รอบ 5 ปี มีผู้ที่ย้ำย กลับมำและช่วยงำนอยู่ที่ Homestay บ้ำนดิน 2 คน
จำนวนคนที่เข้ำร่วม กำรแสดงหรือผลิต ของที่ระลึก
อำจช่วยสะท้อนกำรสืบสำนภูมิ ปัญญำท้องถิ่นได้ แม้ว่ำกำร แสดงหรือของที่ระลึกจะอยู่ใน บทบำทหน้ำที่อื่นๆ
จำนวนคนที่เข้ำร่วมใน
จำนวนคนที่เข้ำร่วมในกำร
กำรแสดง 10-15 คน
แสดงประมำณ 10 คน
และจำนวนคนที่ขำยของ ที่ระลึก 5-10 คน รวม 15-25 คน
จำกตำรำงข้ำงต้น และข้อมูลจำกกำรศึกษำ มีข้อสังเกตในบำงประเด็นดังนี้ • ผลกระทบทำงสังคมจะเกิดที่ต้นทำง หรือแกนนำที่เป็นจุดเชื่อมต่อโดยตรงกับ โลเคิล อไลค์ มีมำกกว่ำ ผลกระทบสืบเนื่องไปที่ชุมชนค่อนข้ำงมำก และกำรเร่งให้เกิดกำรใช้เงินจำก กองทุนกำรท่องเที่ยว ชุมชนให้เห็นเป็นรูปธรรม หำกได้เริ่มมีกำรดำเนินกำรอย่ำงจริงจังมำกขึ้น ก็น่ำจะเป็นตัวเร่งให้ชุมชน เห็นควำมสำคัญของกำรท่องเที่ยว และหันมำเข้ำร่วมช่วยกันพัฒนำชุมชนให้เกื้อ กูลกับกำรท่องเที่ยว ชุมชน • ดังได้กล่ำวไว้ในข้ำงต้นแล้วว่ำ รำยได้จำกกำรท่องเที่ยวที่ตกกับแกนนำ กับ คนอื่นๆ ในชุมชน มี ช่องว่ำงที่ห่ำงกันมำก ซึ่งอำจไม่เป็นผลดีในกำรทำงำน โอกำสที่ โลเคิล อไลค์ จะพัฒนำผู้ประกอบกำร อื่นๆ ในชุมชน ให้หันมำลงทุนทำ Homestay หรือ ธุรกิจอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับกำรท่องเที่ยว อำจจะยัง ฉ - 31
พอมีอยู่บ้ำงและคงต้องทำงำนสนำมให้มำกขึ้น เพรำะข้อมูลชี้ให้เห็นว่ำเป็นเรื่องยำกพอสมควร กรณี บ้ำนหล่อโย แม้ว่ำแกนนำหมู่บ้ำนบำงคนจะสนใจทำ Homestay เพรำะเห็นว่ำสำมำรถสร้ำงรำยได้ให้ จำนวนมำก แต่เนื่องจำกไม่มีควำมรู้ และใช้เงินลงทุนสูง จึงไม่กล้ำทำ ขณะที่ บ้ำนสวนป่ำ ฐำนคิดที่จะ ทำงำนเชิงรุกในด้ำนกำรท่องเที่ยวไม่ชัดเจน • ผลกระทบทำงสังคมในประเด็นเรื่องกำรย้ำยถิ่นออกนั้น จำกกำรศึกษำ ไม่พบว่ำมีผู้ย้ำยถิ่นออกจำก หมู่ บ้ ำ น แต่ ก ำรไม่ ย้ ำ ยถิ่ น ออกไปนั้ น ก็ ไ ม่ ไ ด้ มี ค วำมเกี่ ย วเนื่ อ งกั บ กำรจ้ ำ งงำนที่ เ กิ ด ขึ้ น จำกกำร ท่องเที่ยว แต่พบว่ำมีกรณีย้ำยกลับมำมำยังหมู่บ้ำน 2 คน และที่ได้รับประโยชน์จำกกำรจ้ำงงำนที่ Homestay บ้ำนดิน โดยคนแรกเป็นน้องสำว อีกคนเป็นญำติกัน
กรณีฐานที่เป็นไปได้ (Base Case Scenario) ตัวชี้วัด กำรจัดกำรขยะ
ประเภทของ
กรณีฐานที่เป็นไปได้
กรณีฐาน Attribution
แกนนำของทั้ง 2 หมู่บ้ำน และ อบต.ทั้ง 2 แห่ง
Deadweight
อบต.ทั้ง 2 แห่ง ต้องดำเนินโครงกำรจัดกำรขยะตำมนโยบำยของ รัฐบำล คสช. โดยเฉพำะที่ อบต.ป่ำตึง มีเตำเผำขยะ (เปิดเตำ เมื่อมี.ค. 58) ซึ่งก็มีควำมจำเป็นต้องเก็บขยะแห้งเพื่อนำมำใช้ เป็นเชื้อเพลิง ทำให้ อบต.ต้องทำกิจกรรมรณรงค์และสอนกำร แยกขยะให้หมู่บ้ำนต่ำงๆ นอกจำกนี้ ยังมีเอกชนที่สำมำรถรับซื้อ ถุงพลำสติกได้ทั้งหมดเพื่อนำไปผลิตน้ำมัน อีกด้วย
Displacement กองทุนท่องเที่ยวชุมชน
Attribution
• เรื่องกองทุนท่องเที่ยวฯ ทั้งหมด มำจำก โลเคิล อไลค์
และกำรเปลี่ยนแปลงที่
• ส่วนกำรเปลี่ยนแปลงในชุมชนที่มำจำกกองทุนนั้น มีส่วนมำจำก
เกิดจำกเงินกองทุนฯ
แกนนำชุมชนที่ประสำนทรัพยำกรจำกหน่วยงำนภำยนอกให้ เข้ำมำช่วยแก้ปัญหำด้วย Deadweight • กำรเปลี่ยนแปลงในชุมชน โยฮัน ในฐำนผู้ใหญ่บ้ำน มีบทบำทที่ จะต้องทำงำนพัฒนำชุมชนโดยรวมอยู่แล้ว Displacement ฉ - 32
รำยได้จำกกำรท่องเที่ยว
Attribution
• แกนนำด้ำนกำรท่องเที่ยวของทั้ง 2 หมู่บ้ำน โดยเฉพำะ โยฮัน ซึ่งมีควำมสำมำรถมำกในกำรใช้ช่องทำงกำรขำยที่หลำกหลำย อำทิ Agoda.com / AirBNB.com / facebook เป็นต้น แต่ มีข้อสังเกตว่ำกำรใช้ช่องทำงเหล่ำนี้ เพิ่งเริ่มเมื่อกลำงปี 2558 ภำยหลังจำกที่ โลเคิล อไลค์ เข้ำมำทำงำนร่วมด้วย • โครงกำรพัฒนำดอยตุง
Deadweight
แกนนำด้ำนกำรท่องเที่ยวของทั้ง 2 หมู่บ้ำน โดยเฉพำะที่หล่อโย มีแรงจูงใจมำกกว่ำที่ สวนป่ำ
Displacement กำรจ้ำงงำนในส่ ว นของกำรเป็น ไกด์ที่บ้ำ นสวนป่ำ น่ำจะเป็น ผลลั พ ธ์ ท ดแทน (displacement) เพรำะไกด์ ทั้ ง หมด มี ง ำน ประจำที่โครงกำรพัฒนำดอยตุงอยู่แล้ว มีส่วนต่ำงของค่ ำ แรง ประมำณ 100-200 บำทต่อวัน 3.3 ข้อสังเกตและบทเรียนจำกกำรประเมินผลลัพธ์ทำงสังคม ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงและห่วงโซ่ผลกระทบ ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง เป็นเหมือนสมมติฐำนเบื้องต้นที่จะใช้อธิบำยว่ำ กิจกำรเพื่อสังคมสำมำรถ สร้ำงผลลัพธ์ทำงสังคมให้เกิดขึ้นได้อย่ ำงไร (how change happens) ในขั้นตอนกำรวำงกรอบทฤษฎี กำร เปลี่ยนแปลงและห่วงโซ่ผลกระทบนั้น ภำยใต้กำรประเมินครั้งนี้ ทีมวิจัยเริ่มต้นจำกกำรกำหนดตัวแปรสำคัญ 2 ตัว คือ ปัจจัยนำเข้ำหมำยถึงสิ่งที่ กิจกำรมีและดำเนินกำรอยู่ในปัจจุบัน และผลลัพธ์ทำงสังคมที่ถูกกำหนดโดยตัวกิจกำรไว้อยู่แล้ว และใช้กรอบ คิดแบบ logic model ที่มีสมมติฐำนว่ำสิ่งต่ำงๆ จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอย่ำงเป็นเหตุเป็นผลแบบอัตโนมัติ กล่ำวคือ ถ้ำสิ่งนี้เกิด แล้วสิ่งนี้จะเกิดตำมมำ (if…..then) ในกำรค้นหำ ตัวแปรตรงกลำง ระหว่ำง ปัจจัยนำเข้ำและ ผลลัพธ์ ทั้งนี้สำหรับผู้วิจัยมีบทเรียนดังนี้ 1.1 ในกำรยกร่ำงทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง ควรให้น้ำหนักทั้ง 1) ข้อมูลจำกกำรสั มภำษณ์ ซึ่งจะทำให้ได้ ข้อมูลเชิงสถำนกำรณ์ปัจจุบัน ทั้งที่เป็น ตัวแปรปัจจัยน้ำเข้ำ กิจกรรม รวมถึงผลที่เกิดขึ้น และ 2) ข้อมูล จำกเอกสำรของกิจ กำร ซึ่งจะทำให้ เห็ นควำมตั้ งใจเมื่อ ตอนเริ่ม ต้นที่ กิจ กำรต้ อ งกำรสร้ ำ ง ผลกระทบในระยะยำวให้เกิดขึ้น ฉ - 33
1.2 ในกำรยกร่ำง ทฤษฎีกำรเปลี่ ยนแปลง ควำมคิดเชิงตรรกะจะช่วยทำให้กำรกำหนดผลที่ควรเกิดขึ้น ก่อน และหลังได้อย่ำงเป็นเหตุเป็นผลที่น้ำหนักและควำมน่ำเชื่อถือ แต่ในควำมเป็นจริงกำรทำงำนกับ มนุ ษ ย์ กำรตั ด สิ น ใจมั ก ไม่ เ ป็ น เหตุ เ ป็ น ผล แต่ มี เ รื่ อ งของควำมสั ม พั น ธ์ ควำมรู้ สึ ก จิ น ตนำกำร นอกเหนือจำกเหตุและผลปะปนเข้ำมำเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ดังนั้นกำรใช้ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงที่คิด แบบ logic model ต้องไม่ยึดติด ไม่เคร่งครัดจนไม่มีโอกำสที่จะมองหำตัวแปร หรือเงื่อนไขอื่นๆ ที่ไม่ อยู่ในทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง กรณีของสวนป่ำ และหล่อโย กล่ำวอย่ำงตรงไปตรงมำตำมข้อมูลภำคสนำม แกนนำที่ โลเคิล อไลค์ ท ำงำนด้ ว ย เป็ น แกนน ำที่ มี คุ ณ ภำพ ทั้ ง ศั ก ยภำพ และวิ ธี คิ ด ที่ โ น้ ม เอี ย งไปสู่ ชุม ชนอยู่แล้ ว ผลกระทบสืบเนื่องจึงค่อนข้ำงลื่นไหลไปในทิศทำงของสมมติฐำน ทั้งๆ ที่กิจกรรมที่เป็น ปัจจัยนำเข้ำ (input) ในด้ำนกำรพัฒนำศักยภำพ ควำมสำมำรถให้แกแกนนำในด้ำนที่เกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยวไม่ได้มี มำกนัก เมื่อเปรียบเทียบกับ ปัจจัยนำเข้ำ (input) ที่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับด้ำนกำรตลำด 9 แต่ แกนนำก็มีแนวโน้มและมีวิธีคิดที่จะช่วยยกระดับคุณภำพชีวิตของคนในชุมชน นั่ น หมำยควำมว่ ำ หำกชุ ม ชนอื่ น ๆ ที่ โ ลเคิ ล อไลค์ ท ำงำนด้ ว ย มี แ กนน ำที่ มี ศั ก ยภำพ ควำมสำมำรถและวิธีคิดที่จะช่วยสร้ำงผลกระทบทำงบวกให้แก่ชุมชนอยู่แล้ว สมมติฐำน หรือ ทฤษฎี กำรเปลี่ยนแปลงที่ปรำกฏอยู่ในหน้ำ 10 ก็น่ำจะยังคงใช้อธิบำยห่วงโซ่ของกระทบได้
1.3 วิธีกำรเขียนทฤษฎีกำรเปลี่ยนของกิจกำรเพื่อสังคม ที่เริ่มต้นจำก ปัจจัยนำเข้ำไปสู่เป้ ำหมำยสุดท้ำย นั้น ซึ่งสวนทำงกับวิธีเขียนทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลงของโครงกำรพัฒนำที่จะเริ่มต้นจำก เป้ำหมำย สุดท้ำย และถอยกลับมำหำ Outcome / intermediate outcome / Output แล้วค่อยคิดถึง ปัจจัย นำเข้ำจำกโครงกำรที่เหมือนจะยืดหยุ่นมำกกว่ำ 1.4 ขอบเขตของอิทธิพลของโครงกำรในกำรสร้ำงผลกระทบที่สืบเนือง แม้ว่ำใน ห่วงโซ่ผลกระทบจะทำให้ เห็นผลกระทบจำกต้นทำง (ปัจจัยนำเข้ำ) จนไปสู่ปลำยทำง แต่ในมุมมองของโครงกำรพัฒนำ ได้ พยำยำมแยกให้เห็นว่ำ อะไรคือผลกระทบโดยตรงจำกกำรลงทุนของโครงกำร และอะไรคือ ผลกระทบ สืบเนื่องที่โครงกำรไม่ได้มีส่วนสร้ำงขึ้น ซึ่งจะช่วยทำไม่ให้เกิดกำรกล่ำวอ้ำงถึงผลกระทบที่เกินควำม
กล่าวอย่างเป็นธรรม การเน้นการทางานด้านการตลาด คือ สิ่งที่ โลเคิล อไลค์ ได้วางจุดยืนสาหรับงานท่องเที่ยวชุมชนไว้เป็นพันธกิจของ องค์กรอยู่แล้ว เพียงแต่ในมุมของผู้ประเมินผล หากชุมชนที่ โลเคิล อไลค์ ทางานด้วย ไม่ได้มีแกนนาที่มีศักยภาพ มีความสามารถและมีวิธีคิด ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนอยู่แล้ว เป้าหมายที่ต้องการสร้างผลกระทบให้เกิดกับชุมชนย่อมจะไม่เกิดขึ้น 9
ฉ - 34
เป็นจริง (over claim) ในเครื่องมือแผนที่ผลลัพธ์ (outcome mapping) ได้ชี้ให้เห็นว่ำ ผลกระทบ ไกลสุดที่โครงกำรจะสร้ำงได้ คือ กำรเปลี่ยนแปลงเชิงพฤตกรรมของภำคีที่โครงกำรทำงำนด้วยโดยตรง ในกรณีของ โลเคิล อไลค์ ได้ดำเนินกิจกรรมต่ำงๆ ทำผ่ำนตรงกับแกนนำ ซึ่งแกนนำถือเป็น “จุดคำนงัดสำคัญ” ที่จะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องไปสู่ชุมชนวงกว้ำง ดังนั้น กำรจะมั่นใจว่ำ ผลกระทบสืบเนื่องที่ไปถึงชุมชนจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็จะต้องมั่นใจก่อนว่ ำ แกนนำมีศักยภำพและ ควำมสำมำรถ ตลอดจนวิธีคิดที่เพียงพอที่จะไปสร้ำงให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงต่อในชุมชนได้ ซึ่งในวิธีคิด ของแผนที่ผลลัพธ์จะเน้นในกำรวัดผลลัพธ์ที่เป็นกำรเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น เพรำะถือเป็น ผลโดยตรงจำกกำรลงทุนของกิจกำร ส่วนผลกระทบสืบเนื่ องที่เกิดกับชุมชนนั้น เป็น ผลจำกกำร ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติกำรของแกนนำเอง โลเคิล อไลค์ไม่สำมำรถอ้ำงว่ำผลที่เกิดขึ้นได้นั้นเป็นสิ่ง ที่ตนเองได้สร้ำงขึ้นได้
ดังนั้น ทฤษฎีกำรเปลี่ยนแปลง และห่วงโซ่ผลกระทบของกิจกำรเพื่อสังคมโลเคิล อไลค์ ภำยใต้วิธีคิด แบบ outcome mapping ก็จะเป็นดังนี้
ฉ - 35
โลเคิล อไลค์
แกนนาการ ท่องเที่ยวชุมชน
ผลลัพธ์ในการเชิงศักยภาพ ความสามารถ วิธีคิดของแกน นา ทีเ่ ปลี่ยนแปลงหลังทางาน เป็นผลลัพธ์ที่ชี้ให้เห็นว่าจะ ช่วยทาให้เกิดผลกระทบ สืบเนื่องได้
ขอบเขตผลกระทบที่กิจการเพื่อสังคมจะ กล่าวอ้างได้ว่าเกิดขึ้นจากการลงทุนของตนเองควรอยู่แค่ บริเวณนี้
ผลกระทบสืบเนื่องต่อคนอื่น ๆ และชุมชน • มีการสร้างรายได้จากกิจกรรมอืน่ ๆ ทีเ่ ชื่อมโยงกับ การท่องเที่ยว เช่น การขายของทีร่ ะลึก / เด็ก เยาวชนที่มาแสดง / การส่งวัตถุดิบเพื่อทาอาหาร • การพัฒนาในชุมชนที่เกื้อกูลกับการท่องเที่ยว เช่น ถนน น้า
ในส่วนของผลกระทบสืบเนื่องนี้ ควรเป็นผลที่เกิดจากการตัดสินใจลงมือ กระทาของแกนนาตามศักยภาพและความสามารถ ไม่ใช่เป็นผลจากการ ลงทุนของกิจการโดยตรง
กำรกำหนดผลกระทบทำงสังคม หรือตัวชี้วัด กำรยอมรั บ ให้ มี ก ำรคิ ด กรณี ฐ ำน ไม่ ว่ ำ จะเป็ น attribution, deadweight และ displacement เท่ำกับยอมรับว่ำผลกระทบทำงสังคม หรือห่วงโซ่ของผลกระทบนั้น เป็นผลโดยรวมที่มีเหตุปัจจัย และเงื่อนไข อื่นๆ มีส่วนในกำรทำให้ ผลกระทบนั้น ๆ เกิดขึ้นด้วย กำรนำแนวคิดเรื่อง กำรกำหนดและกำรประเมินผล กระทบโดยรวม หรือ collective impact10 มำใช้ ก็จะช่วยลดควำมผิดพลำดที่จะเกิดจำกกรณีฐำน กล่ำวคือ ยอมรับตั้งแต่ต้นเลยว่ำ ผลกระทบทำงสังคมเป็นผลกระทบโดยรวมไม่สำมำรถแยกออกมำได้ว่ำ ใคร องค์กรใด มีส่วนในกำรสร้ำงมำกน้อยเท่ำใด
10
โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน The Collective Impact Framework http://www.collaborationforimpact.com/collective-impact/
ฉ - 36
แนวอภิปราย การสัมภาษณ์กลุ่ม (Focus Group Discussion) สัมภาษณ์ : ชาวบ้านที่ได้รับประโยชน์โดยตรง คาถามวิจัย: 1. ชุมชนทางานกับใครบ้าง 2. ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์อย่างไรจาก โครงการของ Local Alike 3.ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างไรจากโครงการของ Local Alike สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนที่มำในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำโครงกำรวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบทำงสังคมจำกกำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นกับชุมชน จำกโครงกำรของ Local Alike วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะที่ท่ำนเป็นประกอบอำชีพ เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ทำงำนของ Local Alike จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของท่ำนที่มี ต่อโครงกำร • พวกเรำขออนุญำตอัดเทปสัมภำษณ์จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ และขอถ่ำยรูป เพื่อเก็บ ไว้เป็นหลักฐำนที่แสดงว่ำเรำได้มำสัมภำษณ์จริงๆ และข้อมูลทั้งหมดที่คุยจะเป็นควำมลับ จะไม่ได้ใช้ ข้อมูลเป็นรำยบุคคลทุกท่ำนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ หำกไม่สบำยใจที่ตอบข้อ ไหน ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ
คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก What, when, why, who, where, how
Ice-breaking 1. คุณ เกิดที่นี่หรือเปล่ำครับ อยู่ที่นี่มำกี่ปีแล้ว 2. อำชีพหลักๆ ของคนที่นี่ เขำทำอำชีพอะไรกัน แล้วตัวคุณทำอำชีพหลักอะไร
อำชีพหลักที่เลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว อำชีพเสริมที่ช่วยสร้ำงรำยได้ (อะไรเป็นอำชีพ หลัก สร้ำงรำยได้คิดเป็นร้อยละเท่ำไหร่)
ฉ - 37
3. สภำพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของ ชุมชนเป็นอย่ำงไรในช่วง 5-10 ปีที่ผ่ำนมำ (สภำพควำมเป็นอยู่)
ระบุปัญหำ เรียงลำดับควำมสำคัญของปัญหำ พร้อมอภิปรำยเหตุผล (เครื่องมือproduct
4. ภำยในชุมชนนี้มีปัญหำหรือไม่ ถ้ำมี มีปัญหำ อะไรบ้ำง
attribute ranking) -มีหน่วยงำนเข้ำมำช่วยแก้ปัญหำหรือไม่อย่ำงไร
ภาพรวมด้านการท่องเที่ยว 1. คิดอย่ำงไรที่ชุมชนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว 2. ที่ชุมชนนี้ มีนักท่องเที่ยวมำท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ไหน ใครเป็นผู้นำมำ 3. ภำพรวมของ นักท่องเที่ยวทั้งปีเป็นอย่ำงไร ปริมำณคน/รำยเดือน
ก่อนที่ Local Alike เข้ำมำเริ่มกิจกรรม ชุมชน เคยกิจกรรมเกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวมำก่อน หรือไม่
4. Local Alike เข้ำมำตั้งแต่เมื่อไหร่ และมี พวกเขำมำดู มำทำกิจกรรมอะไรกัน ชอบอะไร
บทบำทอะไรในชุมชน
ในชุมชน
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้ำงตั้งแต่ Local Alike 5. นอกจำก อุ๋ม ไผ๋ หรือ Local Alike มีบริษัท
เข้ำมำ
อื่นๆ มำติดต่อเพื่อพำนักท่องเที่ยวมำที่ชุมชนนี้ หรือไม่ ที่ผ่ำนมำ มำเยอะไหม เริ่มมำตั้งแต่
คนในชุมชนมีบทบำทอย่ำงไรบ้ำง มีใครใน
เมื่อไร
ชุมชน บ้ำนหลังไหนบ้ำง ที่เขำทำอำชีพเกี่ยวกับ ฉ - 38
กำรท่องเที่ยว เช่น ทำบ้ำนพัก ทำของขำย กำร แสดงโชว์
ควำมแตกต่ำงในแง่ของกำรลงทำงำนกับชุมชน ระหว่ำง Local Alike กับ บริษัทหน่วยงำน/ / อื่นๆ คืออะไร แต่ละองค์กรสร้ำงรำยได้ให้คุณเป็นสัดส่วน ประมำณเท่ำไหร่ ประโยชน์ที่เขาได้รับการทาอาชีพที่เกี่ยวกับการ ท่องเที่ยว 1. คุณได้เคยเข้ำร่วมทำกิจกรรมของ Local Alike -มีหน่วยงำนอื่นที่เข้ำมำส่งเสริมกิจกรรมใน ไหม กิจกรรมอะไรบ้ำง ลักษณะเดียวกันหรือไม่ อย่ำงไร 2. คุณได้รับประโยชน์อะไรบ้ำงจำกกำรทำกิจกรรม กับเขำ
อยำกรู้เรื่องควำมสำมำรถ ศักยภำพ ที่เป็น ประโยชน์กับอำชีพที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว หรือเอำมำใช้ได้ในอำชีพอื่นๆ และใน ชีวิตประจำวัน( ถ้ำไม่มี Local Alike จะเป็น อย่ำงไร จะได้ทำกิจกรรมเหล่ำนี้และจะได้ ประกอบอำชีพเกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวหรือไม่ อย่ำงไร
3. อำชีพ............มีคนทำกี่คน
4. ในด้ำนรำยได้ รำยได้ที่คุณได้รับจำกกำรมีอำชีพ -เกิดรำยได้อย่ำงไร -ต่ำงกันอย่ำงไรในแต่ละเดือน เดือนไหนที่มี ..............ประมำณเท่ำไร รำยได้/ รำยได้ส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนเท่ำไหร่ต่อ รำยได้ทั้งหมดของท่ำน ฉ - 39
5. ในกำรทำอำชีพ..........คุณต้องลงทุนเพิ่มไหม เช่น ต้องซื้อเสื้อผ้ำมำใส่เพื่อกำรแสดง / 6. นอกจำก รำยได้ คุณคิดว่ำ มีประโยชน์อะไรที่ คุณได้รับอีก
ปรับปรุงบ้ำนเพื่อเป็น Home stay/ วัตถุดิบ สำหรับทำของขำย เป็นต้น -เช่น หำกมี Home stay…ด้ำนสำธำรณสุข
7. พอจะสำมำรถแยกออกได้ไหมว่ำ ผลกระทบที่ เกิดขึ้นในชุมชน ผลกระทบอะไรเกิดขึ้นจำก Local Alike หรือหน่วยงำนอื่น
สุขภำพกำรเจ็บป่วยของคนในครอบครัว น้อยลงไหม -ได้ประโยชน์อะไรจำกกิจกรรมของ Local Alikeบ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด /เมื่อก่อน(ปีไหน) เป็นอย่ำงไร และตอนนี้เป็นอย่ำงไร สังเกตเห็น กำรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง -เรียงลำดับประโยชน์ พร้อมอภิปรำยเหตุผล และอภิปรำยว่ำใครมีส่วนร่วมสร้ำงเท่ำไร (เครื่องมือproduct attribute ranking)
ผลกระทบจากโครงการของ Local Alike ต่อชุมชน 1. หลังจำกที่ชุมชนมีนักท่องเที่ยวเข้ำมำท่องเที่ยวใน ชุมชน คุณเห็นว่ำชุมชนเปลี่ยนไปบ้ำงไหม มีอะไรที่ -ได้แก้ปัญหำที่กล่ำวใน ice-breaking หรือไม่ คิดว่ำเปลี่ยนแปลงไปบ้ำงจำกเดิม ที่เกิดมำจำกกำร) อย่ำงไร ..................................... ( ท่องเที่ยว
-ลองถำมสิ่งเหล่ำนี้เพิ่มเติมอำจช่วยให้คิด ออกมำกขึ้น • ด้ำนกำยภำพ เช่น ควำมสะอำด ควำมเป็น ระเบียบ • ด้ำนทำงสังคม เช่น ควำมสำมัคคี กำร ช่วยเหลือกัน ภูมิปัญญำวัฒนธรรม • ด้ำนเศรษฐกิจ เช่น มีคนย้ำยกลับมำทำ อำชีพที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว (...ใคร) / ฉ - 40
ย้ำยถิ่นออกน้อยลง เข้ำถึงแหล่งเงินกู้ จำกคีว่ำ (ตรวจสอบให้ดีว่ำสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมำ
2. กำรเปลี่ยนแปลงเหล่ำนี้ (ลองไล่ถึงกำร เปลี่ยนแปลงไปที่ละอย่ำง) คุณคิดว่ำเป็นเรื่องดี
ก่อน และตรวจสอบกับคนหลำยๆคน และเกิด
หรือไม่ดี หรือเป็นด้ำนลบ เพรำะอะไร และทำไม
จำกกำรท่องเที่ยว)
การทางานของชุมชนกับหน่วยงานต่างๆ 1. สถำนกำรณ์ของชุมชนวันนี้เป็นอย่ำงไร -คิดว่ำที่ผ่ำนมำ โครงกำรไหน (ไม่ว่ำจะเป็นของ องค์กรอื่น ของ Local Alike หรือโครงกำรที่ ชุมชนริเริ่มเอง) มีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ ชุมชนมำกที่สุด ในเรื่องต่ำงๆไล่ทีละประเด็น (เครื่องมือเวนน์ ไดอะแกรม: แต่ละองค์กรมี 2. อะไรคือควำมท้ำทำยหลักๆ ของชุมชนวันนี้
ส่วนในกำรแก้ปัญหำคิดเป็นสัดส่วนเท่ำไร)
อยำกได้รับกำรสนับสนุนอย่ำงไร ด้ำนใด (เช่น เงิน องค์ควำมรู้ connection) ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้มีประโยชน์และเรำได้ข้อมูลมำกมำย ขอขอบคุณทุกท่ำน สำหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ฉ - 41
แนวอภิปราย การสัมภาษณ์กลุ่ม (Focus Group Discussion) สัมภาษณ์ : ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง คาถามวิจัย: 1. ชุมชนทางานกับใครบ้าง 2. ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างไรจากโครงการของ Local Alike สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนที่มำในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำโครงกำรวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบทำงสังคมจำกกำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นกับชุมชน จำกโครงกำรของ Local Alike วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะที่ท่ำนอยู่ในพื้นที่ทำงำนของ Local Alike จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของท่ำนที่มีต่อโครงกำร • พวกเรำขออนุญำตอัดเทปสัมภำษณ์จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ และขอถ่ำยรูป เพื่อเก็บ ไว้เป็นหลักฐำนที่แสดงว่ำเรำได้มำสัมภำษณ์จริงๆ และข้อมูลทั้งหมดที่คุยจะเป็นควำมลับ จะไม่ได้ใช้ ข้อมูลเป็นรำยบุคคลทุกท่ำนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ หำกไม่สบำยใจที่ตอบข้อ ไหน ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ
คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก What, when, why, who, where, how
Ice-breaking 1. คุณ เกิดที่นี่หรือเปล่ำครับ อยู่ที่นี่มำกี่ปี
อำชีพที่เลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว อำชีพที่สร้ำงรำยได้
แล้ว อำชีพหลักๆ ของคนที่นี่ เขำทำอำชีพ อะไรเป็นอำชีพที่สร้ำงรำยได้หลัก คิดเป็นร้อยละ เท่ำไหร่ อะไรเป็นอำชีพเสริม อะไรกัน แล้วตัวคุณทำอำชีพหลักอะไร 2. สภำพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของชุมชนเป็นอย่ำงไรในช่วง 5-10 ปีที่ ผ่ำนมำ (สภำพควำมเป็นอยู่ของชุมชน) ฉ - 42
- (เครื่องมือ production attribution ranking ) ระบุปัญหำ เรียงลำดับควำมสำคัญของปัญหำ พร้อม
3. ภำยในชุมชนมีปัญหำหรือไม่อย่ำงไร
อภิปรำยเหตุผล -มีหน่วยงำนเข้ำมำช่วยแก้ปัญหำในแต่ละเรื่อง หรือไม่ อย่ำงไร ภาพรวมด้านการท่องเที่ยว 1. คุณรู้หรือไม่ ว่ำชุมชนของคุณเป็นแหล่ง ท่องเที่ยว 2. คิดอย่ำงไรกับกำรที่เรำเป็นชุมชนแหล่ง
พวกเขำมำดู มำทำกิจกรรมอะไรกัน ชอบอะไรใน
ท่องเที่ยว 3. ชุมชนนี้ มีนักท่องเที่ยวมำท่องเที่ยวตั้งแต่ ปีไหน ใครเป็นผู้นำมำ
ชุมชน ภำพรวมของ นักท่องเที่ยวทั้งปีเป็นอย่ำงไร ปริมำณ คน/รำยเดือน
4. รู้จัก Local Alike หรือไม่ มำกน้อยแค่ ไหน อย่ำงไร
- Local Alike เข้ำมำตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีบทบำท อะไรในชุมชน
ผลกระทบจากโครงการของ Local Alike 1. หลังจำกที่ชุมชนมีนักท่องเที่ยวเข้ำมำ ท่องเที่ยวในชุมชน คุณเห็นว่ำชุมชน
-ได้แก้ปัญหำที่กล่ำวใน ice-breaking หรือไม่
เปลี่ยนไปบ้ำงไหม มีอะไรที่คิดว่ำ
อย่ำงไร
เปลี่ยนแปลงไปบ้ำงจำกเดิมที่เกิดมำจำก
-ลองถำมสิ่งเหล่ำนี้เพิ่มเติมอำจช่วยให้คิดออก
กำรท่องเที่ยว
มำกขึ้น • ด้ำนกำยภำพ เช่น ควำมสะอำด ควำมเป็น ระเบียบ • ด้ำนทำงสังคม เช่น ควำมสำมัคคี กำรช่วยเหลือ กัน ภูมิปัญญำวัฒนธรรม ฉ - 43
• ด้ำนเศรษฐกิจ เช่น มีคนย้ำยกลับมำทำอำชีพที่ เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว (ใคร)/ ย้ำยถิ่นออก น้อยลง (ตรวจสอบให้ดีว่ำสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยเกิด
2. กำรเปลี่ยนแปลงเหล่ำนี้ (ลองไล่ถึงกำร
ขึ้นมำก่อน และตรวจสอบกับคนหลำยๆคน
เปลี่ยนแปลงไปที่ละอย่ำง) คุณคิดว่ำเป็น
และเกิดจำกกำรท่องเที่ยว)
เรื่องดี หรือไม่ดี หรือเป็นด้ำนลบ เพรำะ อะไร และทำไม
มีใครได้รับประโยชน์ หรือผลกระทบด้ำนลบ
3. พอจะ สำมำรถแยกออกได้ไหมว่ำ
จำกสิ่งที่คุณกล่ำวมำบ้ำง (ในระดับปัจเจกหรือ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระดับชุมชนจำกกำร
กลุ่ม)
ท่องเที่ยว ผลกระทบอะไรเกิดขึ้นจำก Local Alike หรือ บริษัท หน่วยงำนอื่นๆ/ เช่น
ชุมชนได้ประโยชน์อะไรจำกกิจกรรมของ Local Alike บ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด /เมื่อก่อน(ปีไหน)เป็น อย่ำงไร และตอนนี้เป็นอย่ำงไร สังเกตเห็นกำร เปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง -เรียงลำดับประโยชน์ พร้อมอภิปรำยเหตุผล และ อภิปรำยว่ำใครมีส่วนร่วมสร้ำงเท่ำไร (อาจจะใช้ Product Attribute Ranking และเวนน์ไดอะแกรม – หากมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง)
การทางานของชุมชนกับหน่วยงานต่างๆ 1. สถำนกำรณ์ของชุมชนวันนี้เป็นอย่ำงไร
-คิดว่ำที่ผ่ำนมำ โครงกำรไหน (ไม่ว่ำจะเป็นของ องค์กรอื่น ของ Local Alike หรือโครงกำรที่ชุมชน ริเริ่มเอง) มีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำชุมชนมำก ที่สุด (จำกกำรอภิปรำยตอนต้น) ในเรื่องต่ำงๆ ไล่ที ละประเด็น (ลองให้คะแนนว่ำ แต่ละองค์กรมีส่วนในกำร แก้ปัญหำคิดเป็นสัดส่วนเท่ำไร) ฉ - 44
2. อะไรคือควำมท้ำทำยหลักๆ ของชุมชน วันนี้
อยำกได้รับกำรสนับสนุนอย่ำงไร ด้ำนใส (เช่น เงิน องค์ควำมรู้ connection)
ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้มีประโยชน์และเรำได้ข้อมูลมำกมำย ขอขอบคุณทุกท่ำน สำหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
แนวอภิปราย การสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview) สัมภาษณ์ : ผู้นาชุมชน คาถามวิจัย: 1. ชุมชนทางานกับใครบ้าง 2. ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับประโยชน์อย่างไรจาก โครงการของ Local Alike 3.ชุมชนได้รับประโยชน์อย่างไรจากโครงการของ Local Alike สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนที่มำในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำโครงกำรวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบทำงสังคมจำกกำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นกับชุมชน จำกโครงกำรของ Local Alike วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะที่ท่ำนเป็นผู้นำชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ ทำงำนของ Local Alike จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของท่ำนที่มีต่อโครงกำร • พวกเรำขออนุญำตอัดเทปสัมภำษณ์จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ และขอถ่ำยรูป เพื่อเก็บ ไว้เป็นหลักฐำนที่แสดงว่ำเรำได้มำสัมภำษณ์จริงๆ และข้อมูลทั้งหมดที่คุยจะเป็นควำมลับ จะไม่ได้ใช้ ข้อมูลเป็นรำยบุคคลทุกท่ำนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ หำกไม่สบำยใจที่ตอบข้อ ไหน ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ
ฉ - 45
คำถำมหลัก
คาถามเจาะลึก What, when, why, who, where, how
Ice-breaking 1. คุณ เกิดที่นี่หรือเปล่ำครับ อยู่ที่นี่มำกี่ปีแล้ว 2. อำชีพหลักๆ ของคนที่นี่ เขำทำอำชีพอะไรกัน แล้วตัวคุณทำอำชีพหลักอะไร
อำชีพหลักที่เลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว อำชีพเสริมที่ช่วยสร้ำงรำยได้ (อะไรเป็นอำชีพ หลัก สร้ำงรำยได้คิดเป็นร้อยละเท่ำไหร่)
3. สภำพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของ ชุมชนเป็นอย่ำงไรในช่วง 5-10 ปีที่ผ่ำนมำ (สภำพควำมเป็นอยู่)
ระบุปัญหำ เรียงลำดับควำมสำคัญของปัญหำ พร้อมอภิปรำยเหตุผล (เครื่องมือproduct
4. ภำยในชุมชนนี้มีปัญหำหรือไม่ ถ้ำมี มีปัญหำ อะไรบ้ำง
attribute ranking) -มีหน่วยงำนเข้ำมำช่วยแก้ปัญหำหรือไม่อย่ำงไร
ภาพรวมด้านการท่องเที่ยว 1. คิดอย่ำงไรที่ชุมชนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว 2. ที่ชุมชนนี้ มีนักท่องเที่ยวมำท่องเที่ยวตั้งแต่ปี ไหน ใครเป็นผู้นำมำ
ในฐำนะผู้นำชุมชนท่ำนมีบทบำทอย่ำงไรต่อกำร ท่องเที่ยวของชุมชน
3. ภำพรวมของ นักท่องเที่ยวทั้งปีเป็นอย่ำงไร ปริมำณคน/รำยเดือน
ก่อนที่ Local Alike เข้ำมำเริ่มกิจกรรม ชุมชน เคยกิจกรรมเกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวมำก่อน หรือไม่
4. Local Alike เข้ำมำตั้งแต่เมื่อไหร่ และมี พวกเขำมำดู มำทำกิจกรรมอะไรกัน ชอบอะไร
บทบำทอะไรในชุมชน
ในชุมชน ฉ - 46
5. นอกจำก อุ๋ม ไผ๋ หรือ Local Alike มีบริษัท
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้ำงตั้งแต่ Local Alike
อื่นๆ มำติดต่อเพื่อพำนักท่องเที่ยวมำที่ชุมชนนี้
เข้ำมำ
หรือไม่ ที่ผ่ำนมำ มำเยอะไหม เริ่มมำตั้งแต่
คนในชุมชนมีบทบำทอย่ำงไรบ้ำง มีใครใน
เมื่อไร
ชุมชน บ้ำนหลังไหนบ้ำง ที่เขำทำอำชีพเกี่ยวกับ กำรท่องเที่ยว เช่น ทำบ้ำนพัก ทำของขำย กำร แสดงโชว์ ควำมแตกต่ำงในแง่ของกำรลงทำงำนกับชุมชน ระหว่ำง Local Alike กับ บริษัทหน่วยงำน/ / อื่นๆ คืออะไร แต่ละองค์กรสร้ำงรำยได้ให้คุณเป็นสัดส่วน ประมำณเท่ำไหร่
ประโยชน์ที่เขาได้รับการทาอาชีพที่เกี่ยวกับการ ท่องเที่ยว
-มีหน่วยงำนอื่นที่เข้ำมำส่งเสริมกิจกรรมใน
1. คุณได้เคยเข้ำร่วมทำกิจกรรมของ Local Alike ลักษณะเดียวกันหรือไม่ อย่ำงไร ไหม กิจกรรมอะไรบ้ำง 2. คุณได้รับประโยชน์อะไรบ้ำงจำกกำรทำกิจกรรม กับเขำ
อยำกรู้เรื่องควำมสำมำรถ ศักยภำพ ที่เป็น ประโยชน์กับอำชีพที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว หรือเอำมำใช้ได้ในอำชีพอื่นๆ และใน ชีวิตประจำวัน( ถ้ำไม่มี Local Alike จะเป็น อย่ำงไร จะได้ทำกิจกรรมเหล่ำนี้และจะได้ ประกอบอำชีพเกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวหรือไม่ อย่ำงไร
3. อำชีพ............มีคนทำกี่คน ฉ - 47
4. ในด้ำนรำยได้ รำยได้ที่คุณได้รับจำกกำรมีอำชีพ -เกิดรำยได้อย่ำงไร ..............ประมำณเท่ำไร
-ต่ำงกันอย่ำงไรในแต่ละเดือน เดือนไหนที่มี รำยได้/ รำยได้ส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนเท่ำไหร่ต่อ รำยได้ทั้งหมดของท่ำน เช่น ต้องซื้อเสื้อผ้ำมำใส่เพื่อกำรแสดง /
5. ในกำรทำอำชีพ..........คุณต้องลงทุนเพิ่มไหม
ปรับปรุงบ้ำนเพื่อเป็น Home stay/ วัตถุดิบ สำหรับทำของขำย เป็นต้น -เช่น หำกมี Home stay…ด้ำนสำธำรณสุข สุขภำพกำรเจ็บป่วยของคนในครอบครัว
6. นอกจำก รำยได้ คุณคิดว่ำ มีประโยชน์อะไรที่
น้อยลงไหม -ได้ประโยชน์อะไรจำกกิจกรรมของ Local
คุณได้รับอีก 7. พอจะสำมำรถแยกออกได้ไหมว่ำ ผลกระทบที่ เกิดขึ้นในชุมชน ผลกระทบอะไรเกิดขึ้นจำก Local Alike หรือหน่วยงำนอื่น
Alikeบ้ำง ข้อไหนสำคัญที่สุด /เมื่อก่อน(ปีไหน) เป็นอย่ำงไร และตอนนี้เป็นอย่ำงไร สังเกตเห็น กำรเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำง -เรียงลำดับประโยชน์ พร้อมอภิปรำยเหตุผล และอภิปรำยว่ำใครมีส่วนร่วมสร้ำงเท่ำไร (เครื่องมือproduct attribute ranking)
ผลกระทบจากโครงการของ Local Alike 1. หลังจำกที่ชุมชนมีนักท่องเที่ยวเข้ำมำท่องเที่ยว ในชุมชน คุณเห็นว่ำชุมชนเปลี่ยนไปบ้ำงไหม มี
-ได้แก้ปัญหำที่กล่ำวใน ice-breaking หรือไม่
อะไรที่คิดว่ำเปลี่ยนแปลงไปบ้ำงจำกเดิม ที่เกิด) อย่ำงไร ..................................... ( มำจำกกำรท่องเที่ยว
-ลองถำมสิ่งเหล่ำนี้เพิ่มเติมอำจช่วยให้คิด ออกมำกขึ้น • ด้ำนกำยภำพ เช่น ควำมสะอำด ควำมเป็นระเบียบ
ฉ - 48
• ด้ำนทำงสังคม เช่น ควำมสำมัคคี 2. กำรเปลี่ยนแปลงเหล่ำนี้ (ลองไล่ถึงกำรเปลี่ยนแปลง ไปที่ละอย่ำง) คุณคิดว่ำเป็นเรื่องดี หรือไม่ดี หรือ
กำรช่วยเหลือกัน ภูมิปัญญำ วัฒนธรรม • ด้ำนเศรษฐกิจ เช่น มีคนย้ำยกลับมำทำ
เป็นด้ำนลบ เพรำะอะไร และทำไม
อำชีพที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว (...ใคร) / ย้ำยถิ่นออกน้อยลง ได้รับเงินกู้จำกคีว่ำ (ตรวจสอบให้ดีว่ำสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมำ ก่อน และตรวจสอบกับคนหลำยๆคน และเกิด จำกกำรท่องเที่ยว) การทางานของชุมชนกับหน่วยงานต่างๆ 1. สถำนกำรณ์ของชุมชนวันนี้เป็นอย่ำงไร -คิดว่ำที่ผ่ำนมำ โครงกำรไหน (ไม่ว่ำจะเป็นของ องค์กรอื่น ของ Local Alike หรือโครงกำรที่ ชุมชนริเริ่มเอง) มีบทบำทในกำรแก้ไขปัญหำ ชุมชนมำกที่สุด ในเรื่องต่ำงๆไล่ทีละประเด็น (ลองให้คะแนนว่ำ แต่ละองค์กรมีส่วนในกำร 2. อะไรคือควำมท้ำทำยหลักๆ ของชุมชนวันนี้
แก้ปัญหำคิดเป็นสัดส่วนเท่ำไร)
-วันนี้มีใครเข้ำมำทำกิจกรรมแก้ปัญหำให้กับ ชุมชนบ้ำง <<ใช้เครื่องมือ Venn Diagram>> ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้มีประโยชน์และเรำได้ข้อมูลมำกมำย ขอขอบคุณทุกท่ำน สำหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ฉ - 49
แนวอภิปราย การการสัมภาษณ์เชิงลึก (In depth Interview) สัมภาษณ์ : อบต./หน่วยงานภายนอกอื่น คาถามวิจัย: หน่วยงานทางานร่วมกับ Local Alike อย่างไร ในการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน สวัสดีค่ะ • ขอบคุณที่ท่ำนที่มำในวันนี้ค่ะ • พวกเรำกำลังทำโครงกำรวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบทำงสังคมจำกกำรท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นกับชุมชน จำกโครงกำรของ Local Alike วันนี้พวกเรำมำพูดคุยกับท่ำนในฐำนะที่ท่ำนเป็นหน่วยงำนที่ ประสำนงำนกับ Local Alike จึงอยำกสอบถำมควำมคิดเห็นของท่ำนที่มีต่อโครงกำร • พวกเรำขออนุญำตอัดเทปสัมภำษณ์จะได้ไม่พลำดประเด็นและควำมคิดต่ำงๆ และขอถ่ำยรูป เพื่อเก็บ ไว้เป็นหลักฐำนที่แสดงว่ำเรำได้มำสัมภำษณ์จริงๆ และข้อมูลทั้งหมดที่คุยจะเป็นควำมลับ จะไม่ได้ใช้ ข้อมูลเป็นรำยบุคคลทุกท่ำนสำมำรถแสดงควำมคิดเห็นต่ำงๆ ได้อย่ำงอิสระ หำกไม่สบำยใจที่ตอบข้อ ไหน ไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ • ก่อนอื่นพวกเรำอยำกขอให้ทุกๆท่ำนแนะนำตัวกันค่ะ
คาถามหลัก
1. ชุมชนมีสภำพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เป็นอย่ำงไร - มีปัญหำอะไรบ้ำง อะไรร้ำยแรงที่สุด - หน่วยงำนของท่ำนได้เข้ำไปช่วยเหลือแก้ไขหรือไม่ อย่ำงไร 2. คุณรู้หรือไม่ ว่ำชุมชนของคุณเป็นแหล่งท่องเที่ยว 3. คิดอย่ำงไรกับกำรที่ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว 4. คุณรู้จัก Local Alike หรือ บริษัทหน่วยงำนอะไรบ้ำง/ ที่มำสนับสนุนกำรท่องเที่ยวในชุมชนไหมถ้ำ.. รู้จักมี บริษัท หน่วยงำนอะไรบ้ำง/และเขำเข้ำมำทำอะไรกันบ้ำงในชุมชน
ฉ - 50
5. หลังจำกที่ชุมชนมี นักท่องเที่ยวเข้ำมำท่องเที่ยวในชุมชนของคุณ คุณเห็นว่ำชุมชนเปลี่ยนไปบ้ำงไหม มีอะไรที่คิดว่ำเปลี่ยนแปลงไปบ้ำงจำกเดิม ..................................... ( ที่เกิดมำจำกกำรท่องเที่ยว) (ทั้ง บวกและลบ) และ อบต.หรือหน่วยงำนอื่นมีส่วนร่วมหรือ ไม่อย่ำงไร ลองถำมสิ่งเหล่ำนี้เพิ่มเติมอำจช่วยให้คิดออกมำกขึ้น • ด้ำนกำยภำพ เช่น ควำมสะอำด ควำมเป็นระเบียบ • ด้ำนทำงสังคม เช่น ควำมสำมัคคี กำรช่วยเหลือกัน ภูมิปัญญำวัฒนธรรม กำย • ด้ำนเศรษฐกิจ เช่น มีคนย้ำยกลับมำทำอำชีพที่เกี่ยวกับกำรท่องเที่ยว (ใคร)/ย้ำยถิ่นออกน้อยลง (ตรวจสอบให้ดีว่ำสิ่งเหล่ำนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมำก่อน และตรวจสอบกับหลำยๆคน และเกิดจำกกำร ท่องเที่ยว) 6. กำรเปลี่ยนแปลงเหล่ำนี้ (ลองไล่ถึงกำรเปลี่ยนแปลงไปที่ละอย่ำง) คุณคิดว่ำ เป็นเรื่องดี หรือ ไม่ดี หรือเป็นด้ำนลบ เพรำะอะไร ทำไม 7. Local Alike ได้ทำกิจกรรมอะไรกับ อบต.บ้ำง (ที่จะเป็นกำรกระตุ้น-ชักชวน-ให้ควำมคิดในกำร สนับสนุนกำรท่องเที่ยว) 8. ในส่วนของ อบต. ได้สนับสนุนงบประมำณหรือกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมอีกบ้ำงไหม - ทีจ่ ะมีส่วนช่วยส่งเสริมกำรท่องเที่ยวในชุมชน (ต้องเช็คว่ำเป็นกำรสนับสนุนภำยหลังกำรเข้ำมำ ของ Local Alike) - ที่ช่วยยกระดับคุณภำพชีวิต หรือแก้ไขปัญหำต่ำงๆ ปิดท้าย ขอบคุณค่ะ คำตอบและกำรพูดคุยของเรำในวันนี้มีประโยชน์และเรำได้ข้อมูลมำกมำย ขอขอบคุณทุกท่ำน สำหรับข้อมูลและข้อคิดเห็นที่เล่ำให้เรำฟังในวันนี้ คุณมีคำถำมหรืออยำกเสนอแนะอะไรให้เรำไหมคะ
ฉ - 51