‘พริกไทย’ ราชาเครื่องเทศ
“ลดความอ้วน”ด้วยพริกไทย เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
๑
บาท
:๑ :สวนไทย โดย การันต์
‘พริกไทย’ ราชา เครื่อง เทศ
พ
ริกไทยเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และเป็นอีกหนึ่งใน เครื่องเทศที่มีอิทธิพลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจด้านอาหารของประเทศด้วย พริก ไทยมีแหล่งกำ�เนิดอยู่ในบริเวณเทือกเขาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศที่มีอากาศร้อน เช่น บราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฯลฯ โดยบ้านเรานิยมปลูกพริกไทยกันมากในจังหวัดจันทบุรี ตราด ระยองและพริกไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำ�คัญชนิดหนึ่ง คนไทยรู้จักกันดีในเครื่องเทศปรุงอาหาร ที่สำ�คัญเป็นสมุนไพรไทยที่ทำ�เป็นยา รักษาโรคอีกหลายตำ�รับตำ�รา สรรพคุณของพริกไทย ในตำ�หรับยาไทยระบุไว้ว่า ดอกพริกไทย ใช้แก้ตาแดงเนื่องจากความดันโลหิตสูง เม็ดพริกไทยใช้เป็นยา ช่วยย่อยอาหาร ย่อยพิษตกค้างที่ไม่สามารถย่อยได้ ใช้ขับเสมหะ แก้ท้องอืด แก้ปวด ท้อง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ลมอัมพฤกษ์ นอกจากนี้เม็ดพริกไทยยังมีสาระสำ�คัญซึ่ง เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็งและกระตุ้นประสาท ใบพริกไทย ใช้แก้ลม จุกเสียด แก้ปวดมวนท้อง เถาพริกไทย ใช้แก้อุระเสมหะ แก้อติสาร (โรคลงแดง) รากพริกไทย ใช้ขับลมในลำ�ไส้ แก้ปวดท้อง แก้ลมวิงเวียน และช่วยย่อยอาหาร ที่สำ�คัญยังเป็นหนึ่งในยาที่มักนิยมนำ�ไปเข้าเครื่องยาอายุวัฒนะด้วย เมื่อนำ�พริกไทยมากลั่นด้วยไอน้ำ�จะได้น้ำ�มันหอมระเหย เรียกว่า น้ำ�มันพริก ไทย โดยพริกไทยดำ�จะมีปริมาณน้ำ�มันหอมระเหยสูงกว่าและมีกลิ่นฉุนกว่าพริกไทย ขาว ในทางเภสัชกรรม พบว่าพริกไทยมีน้ำ�มันหอมระเหยประมาณ 1-3% โอลีโอเรซิน (Oleoresin) 12-14% ซึ่งประกอบด้วยสาระสำ�คัญที่ทำ�ให้มีกลิ่นฉุนและรสร้อนคือ ไพ เพอรีน (PiPerine) ซึ่งมีการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า พริกไทยช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำ�งานดี ขึ้น ช่วยจับสารก่อมะเร็งในอาหาร และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางชนิด
และอาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ที่คนโบราณใช้ พริกไทยผง เป็นสารถนอมอาหารไม่ให้บูด เน่า ส่วนทางแพทย์แผนปัจจุบันพบว่า พริก ไทยกระตุ้นการไหลของน้ำ�ลายและน้ำ�ย่อย ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร กระตุ้นให้ กล้ามเนื้อในกระเพาะและลำ�ไส้เคลื่อนไหว อย่างสม่ำ�เสมอ ทำ�ให้อาหารถูกย่อยง่าย ล่าสุด คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ได้นำ�พริกไทยดำ�มาสกัดเพื่อใช้ รักษาภาวะความจำ�บกพร่อง โดยพบว่า สารไพเพอรีนในพริกไทยดำ� มีคุณสมบัติ ช่วยทำ�ให้สมองส่วนที่บกพร่องสามารถกู้ กลับคืนมาได้ ชาวจีนใช้พริกไทยเพื่อระงับอาการปวด ท้อง แก้ไข้มาลาเรีย แก้อหิวาตกโรค และ เพราะเหตุที่เปลือกของพริกไทยมีน้ำ�ย่อย สำ�หรับย่อยไขมัน ตำ�ราโบราณจึงเชื่อกันว่า พริกไทยสามารถลดความอ้วนได้ เครื่องเทศที่มีกันอยู่ทุกครัวเรือน “พริก ไทย” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ มีประโยชน์มากมาย ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน (11.3 %)
:๒
:จากกลิ่นที่ฉุนจนติด จมูก ภายในประกอบไป ด้วยประยชน์มากมาย หลายประการ ที่ทุกคน รู้จักและใช้กันตั้งแต่ โบราณจนถึงปัจจุบัน ‘ราชาเครื่องเทศ’
แป้ง (50%) แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอวิตามินบี1 วิตานบี2 ไนอาซิน วิตามินซี พริกไทยแบ่งตามวิธีการเก็บ และเตรียมได้เป็น 2 ชนิด คือพริกไทยดำ� (black pepper) และพริกไทยขาวหรือ พริกไทยล่อน (white pepper) พริกไทยดำ� เตรียมได้จากการนำ� ผลพริกไทยที่โตเต็มที่ แต่ยังไม่สุก มาตาก แห้ง ส่วนพริกไทยล่อนได้จากการนำ�ผล พริกไทยที่สุกแล้ว มาแช่ในน้ำ� เพื่อลอก เปลือกชั้นนอกออกไป จากนั้นนำ�ไปตาก แห้ง พริกไทยที่เราใช้ประโยชน์ใน ปัจจุบันมีอยู่ 3 แบบ คือ พริกไทยสด พริก ไทยดำ� และพริกไทยล่อน แต่สาระสำ�คัญ ต่างๆ ของพริกไทยจะอยู่ในพริกไทยดำ� มากกว่าพริกไทยล่อนทั้ง 3 ชนิดนี้ก็มาจาก ต้นเดียวกัน พริกไทยดำ�มาจากผลพริกไทย ที่โตเต็มที่มีสีเขียวเข้มจัด นำ�มาตากแดดให้ แห้งจนเป็นสีดำ� ส่วนพริกไทยขาวนั้น มา จากผลสุกที่แก่จัดจนเป็นสีแดงมาแช่น้ำ� นำ�มาลอกเปลือกออก แล้วตากแดดให้แห้ง
ก็จะได้ผลสีขาว ส่วนพริกไทยอ่อนก็คือผลของพริกไทยที่ยังโตไม่เต็มที่ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างตอน การนำ�พริกไทยมาใช้ประโยชน์ นอกจากจะใช้แต่ง กลิ่นรส และถนอมอาหารแล้ว ยังนำ�มาใช้เป็นสมุนไพรด้วย โดยมีสรรพคุณตามตำ�รับยา ไทยคือ ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บำ�รุงธาตุเจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ และกระตุ้นประสาท ตำ�ราโบราณจึงเชื่อกันว่าพริกไทยสามารถลดความอ้วนได้ ชาวจีน ใช้พริกไทยระงับอาการปวดท้อง แก้ไข้มาลาเรีย แก้อหิวาตกโรค มีรายงานว่า ไพเพอรีน สามารถใช้แก้ลมบ้าหมู (Antiepileptic) ได้ ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) จากบัญชีสมุนไพร ปรากฏว่าการใช้พริกไทยในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย รวม 2 ตำ�รา 1.ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำ�รับ “ยาประสะกานพลู” 2.ยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ปรากฏตำ�รับ “ยาประสะไพล” วิธีเตรียมพริกไทยเพื่อทำ�เป็นยาสมุนไพรก็ไม่ยาก ตำ�รับยาโบราณที่ใช้พริกไทย มีหลายตำ�รับ แต่แน่นอนว่าพริกไทยดำ�มีประโยชน์ด้ายยามากว่าพริกไทยขาว 1.ลดอาการท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียดและช่วยขับลม ใช้ผลบดเป็นผง ปั้นเป็น ลูกกลอน รับประทานครั้งละประมาณ 15-20 เมล็ดหรือจะใช้ผงชงน้ำ�ดื่ม รับประทาน 3 เวลาหลังอาหาร ทางเภสัชวิทยากระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ลดภาวะท้อง เดิน ลดระดับน้ำ�ตาลในเลือด ลดไขมัน มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน ลดการอักเสบ กดระบบ ประสาทส่วนกลางระงับอาการชัก ยับยั้งการกระจายของเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ยับยั้งเอนไซม์ acetylcholine esterase กำ�จัดยุง แมลงวัน ศัตรูพืช 2.ยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย เอาข้าวสารคั่วเกลือทะเล พริกไทยล่อน เอาอย่างละ เท่าๆ กันบดผงปั้นกับน้ำ�ผึ้ง เม็ดเท่าเมล็ดพุทรา กินครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า - เย็น และก่อนนอน สุขภาพอนามัยดี ภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือน 3.แก้ไข้เรื้อรัง มีไข้ต่างๆ ตลอดเวลาไม่ยอมหาย ให้เอาใบกะเพราแห้ง ใบบัวบก แห้ง พริกไทยดำ� สิ่งละเท่าๆ กัน บดเป็นผงปั้นเป็นเม็ดเท่าไข่จิ้งจก กินครั้งละ 1 เม็ด วัน ละ 2 เวลา เช้า - เย็น
:๓ 4.กระดูกหัก ใช้เปลือกต้นของสบู่ขาว ร่วมกับต้นส้มกบ และพริกไทย 5 เม็ด ตำ� ผสมเหล้าขาวแล้วผัดให้อุ่น พอกให้หนา แล้วใช้ไม้พันผ้าให้แน่น 5.ยากินให้ผิวสวย เอาขมิ้นอ้อย กระชาย แห้วหมู พริกไทย ทุบๆ แล้วดองด้วย น้ำ�ผึ้ง กินก่อนนอนทุกวัน ผิวจะสวยเสมอ อีกทั้งพริกไทยได้ถูกนำ�มาสกัดน้ำ�มันหอมระเหย หรือที่เรียกว่า black pepper oil ที่สกัดจากพริกไทยดำ� มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลด อาการกล้ามเนื้อกระตุก กระตุ้นกำ�หนัด ต้านพิษ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการทำ�งานของ ระบบประสาท รักษาโรคกระเพาะ ปัจจุบันมีงานศึกษาวิจัยในการใช้ประโยชน์อื่นๆ ของพริกไทยอย่างน่าสนใจ โดย ส่วนหนึ่งของงานวิจัยก็เป็นการยืนยันสรรพคุณของการใช้มาตั้งแต่โบราณ และอีกส่วน หนึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดทางนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น งานวิจัยที่พบว่าพริกไทยมีสารต้าน การก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการทำ�งานของตับให้ทำ�ลายสารพิษได้มากขึ้น ใช้น้ำ�มันหอมระเหย รักษาผู้ติดบุหรี่ พบว่าช่วยลดความอยากและความหงุดหงิดลงได้ ที่น่าสนใจเป็นการ วิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่พบว่าป้องกันโรคความจำ�เสื่อม หรืออัล ไซเมอร์ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ทางคณะที่ทำ�การวิจัยได้ยื่นจดสิทธิบัตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต และสร้างรายได้ให้กับ
:เปิดกรอบ โดย การันต์
พ
ริกไทยอีกหนึ่งบทบาทที่หน้า สนใจนั่นคือการใช้ “พริกไทยดำ�ลดความ อ้วน” วิธีที่ใช้ลดความอ้วนส่วนใหญ่ก็คือ การหาพริกไทยดำ�ป่นมาใส่ไว้ในแคปซูล แล้วก็กินเข้าไปเหมือนกินอาหารเสริม แต่ ในปัจจุบันหาซื้อได้ตามร้านขายทั่วไป โดยที่เชื่อกันว่าพริกไทยจะช่วยเข้าไปเผา ผลาญไขมัน ช่วยดักจับไขมันจากอาหารที่ เรากินเข้าไป ทำ�ให้เราสามารถกินอาหาร ได้ตามปกติโดยไม่ทำ�ให้อ้วน จึงมีหลายคน ที่กินพริกไทยดำ�เข้าไปและช่วยลดน้ำ�หนัก ตัวหรือลดความอ้วนได้จริง หลายคนคงได้ยินมาเหมือนกัน ว่าพริกไทยสามารถลดความอ้วนได้ไม่ว่า จะเป็นวิธีการกินหรือทา เช่น เอาพริกไทย ป่น (พริกไทย แท้นะไม่ใช่พริกไทยปลอมที่ ผสมแป้งมัน ) นำ�ไปผสมกับน้ำ�มันจำ�พวก เบบี้ออยส์ (น้ำ�มันทาผิวเด็ก) ทาบริเวณ ที่ต้องการลดความอ้วน จากนั้นก็นำ� พลาสติกคลุมเวลานอน
ผู้ค้าสมุนไพรไม่น้อยตอนนี้คือการนำ�สาร สกัดพริกไทยไปผลิตเป็นครีมหรือเจลลด ความอ้วน ซึ่งเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ ง่าย ก็นับว่าเป็นก้าวย่างของการแปรรูป ผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าอย่างน่าสนใจ แม้ว่าพริกไทยจะมีสารอาหารที่ ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่การ กินพริกไทยจำ�นวนมากเกินไป ย่อมเกิดผล ข้างเคียงขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะนักวิจัย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกมาเตือนว่า การกินพริกไทยดำ�ครั้ง ละมาก ๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เพื่อ เสริมความงาม ทำ�ให้ผิวพรรณผ่องใส แถม ช่วยลดความอ้วน ตามที่มีการโฆษณากัน นั้นต้องระวัง เพราะอาจจะได้รับสารอัลคา ลอยด์สะสม เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งขึ้นมา ได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรจะบริโภคแต่น้อย เพราะร่างกายสามารถขับออกมาได้
“ลดความอ้วน”ด้วยพริกไทย เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
แต่ถ้าเราหาข้อมูลดีๆแล้ว จะพอว่าการลดความอ้วนด้วยพริกไทยนั้นก็มีงาน วิจัยจากต่างประเทศที่ระบุว่าพริกไทยมีสารที่สามารถช่วยในเรื่องการลดน้ำ�หนักอยู่ด้วย โดยระบุว่าสารสกัดจากพริกไทยดำ�จะเข้าไปช่วยดักจับไขมันที่เรากินเข้าไป ช่วยยับยั้ง การสร้างไขมันในร่างกายของเราลงได้ หากได้ยินแบบนี้ทุกคนต้องวิ่งกันหาพริกไทยดำ�มา กินกันอย่างด่วนเลยโดยเฉพาะผู้หญิง มีคุณก็ต้องมีโทษอยู่ด้วยเช่นกัน โทษที่เกิดขึ้นจากการกินพริกไทยดำ� ในพริกไทยดำ�จะมีสารอยู่ตัวหนึ่งที่เมื่อเรารับเข้าสู่ร่างกายมากๆ สะสมนานเข้า นานเข้าก็อาจทำ�ให้เราเป็นมะเร็งโดยไม่รู้ตัวได้ สารที่ว่านี้มีชื่อว่า “อัลคาลอยด์ ไพเพอร์ ริน” ซึ่งสารนี้จะเป็นโทษก็ตอนที่มันเข้าสูร่างกายของเราโดยมันจะไปทำ�ปฏิกริยากับพวก ไนโตรเจน จนเกิดเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มของเอนไนโตรโซไพเพอร์ริดีน โดยเฉพาะกับ คนอ้วนแล้วจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหารมากยิ่งขึ้น โทษที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรากินพริกไทยดำ�เข้าไปในปริมาณที่มาก เกินไปเท่านั้น เช่น การกินพริกไทยดำ�แคปซูลโดยต้องการลดความอ้วนอย่างจริงจัง ซึ่ง นิยมที่จะกินกันก่อนมื้ออาหารในทุกมื้อ มื้อหนึ่งก็ประมาณ 2-3 เม็ด และกินติดต่อกัน เป็นเวลานาน เป็นเดือน เป็นปี แต่หากเรากินพริกไทยดำ�ตามชีวิตประจำ�วันทั่วไป พริก ไทยดำ�ก็คงไม่ทำ�ให้เกิดโทษ กลับยิ่งเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย อยากให้ลอง คิดดูก่อนว่าจะคุ้มกันหรือไม่ พริกไทยดำ�อาจจะช่วยให้เราผอมได้จริง แต่ถ้ากินเยอะก็ อาจทำ�ให้เราเป็นมะเร็งได้เหมือนกัน