20. 6. SPORT INSIDE
“Cam Newton” Do you know Him?
11. NBA EXCLUSIVE 12. ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
26. INSIDE STORY
สตีเฟน เคอร�่ แบบอยางที่สมบูรณแบบ
28. NFL EXCLUSIVE
NFL ฉายานั้น…. พวกทานไดแตใดมา ?
SPORT INSIDE
Cam Newton
Do you
know
Him? แคม นิวตัน หรือ Cameron Jerrell “Cam” Newton เกิดเมื่อวันที่ 11พ.ค. ค.ศ. 1989 เกิดทีเ่ มืองแอตแลนต้า ซึง่ เป็น เมืองหลวงในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเล่นตำ�แหน่งควอเตอร์แบ็คให้กับ ทีมแคโรไลนา แพนเทอร์ส โดยเข้าสู่ทีม ด้วยตำ�แหน่งนัมเบอร์วนั ดราฟต์ปี 2011 นิวตันเข้าเรียนในระดับไฮสคูลทีโ่ รงเรียน Westlake ในบ้านเกิดและเล่นอเมริกันฟุตบอลที่นั่น กับทีม Westlake Lions ทีมของโรงเรียน ตอน ที่เขาอายุ 16 ปี เขาขว้างไป 2500 หลา 23 ทัช ดาวน์ และซิกเนเจอร์ของเขาก็คือการวิ่งด้วยตน เอง 6 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ซึ่งเขาวิ่งไปทั้งหมด 638 หลา 9 ทัชดาวน์ ทำ�ให้เขา เป็นที่น่าสนใจของทีมดังๆในคอลเลจหลายทีมใน ขณะนั้น และถูกการันตีให้อยู่ในระดับระดับผู้เล่นที่ ดีที่สุดระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังมี สถิติ Dash 40 หลาอยู่ที่ 4.51 วินาทีอีกด้วย **อธิบายเพิม่ เติม** ก่อนที่นักกีฬาระดับไฮสคูล จะเข้าสู่ระดับคอลเลจ จะมีการจัดระดับความสา มารถโดยระบุเป็นดาวเอาไว้ ซึ่งอยู่ที่ 1-5 ดาว ซึ่ง นักกีฬาระดับ 4-5 ดาวจะถูกมหาวิทยาลัยดังๆ เสนอทุนให้เพื่อไปเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่นั่น ส่วนคอลเลจที่ไม่ค่อยดัง ปีหนึ่งได้นักกีฬาระดับ 4 ดาว มาสัก 2-3 คนก็ถือว่าสุดยอดมากๆแล้ว 4 ดาว มาสัก 2-3 คนก็ถือว่าสุดยอดมากๆแล้ว นิวตัน ได้รับความสนใจจากหลายมหาวิทยาลัยใน ขณะนั้น อาทิเช่น ฟลอริดา จอร์เจีย แมรี่แลนด์ โอ เลมิส มิสซิสซิปปี้ โอคลาโฮมา และ เวอร์จิเนียเท็ค และเขาก็เลือกที่จะเรียนต่อที่ฟลอริด้า ซึ่งเป็นทีมที่ ขึ้นชื่อเรื่องเฟ้นหานักกีฬาระดับสุดยอดอยู่แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าควอเตอร์แบ็คระดับ 5 ดาว และเก่งขนาดนี้ ต้องได้เป็นตัวจริงในระดับคอลเลจ แน่นอน แต่คุณคิดผิดครับ ปีแรกของนิวตันกับ ควอเตอร์แบ็คระดับคอลเลจ เจ้าของรางวัลไฮส์ แมนโทรฟี่ในยุคนั้นอย่าง ทิม ทีโบว ในปีแรก 2007 กับฟลอริดา นิวตันได้ลงเล่นเพียง 5 เกมส์เท่านั้นขว้างไป 40 หลา ไม่มีทัชดาวน์ แต่ วิ่งด้วยตัวเองไปถึง 103 หลา 3 ทัชดาวน์ และต่อ มาในปี 2008 เขาได้ลงเล่นในเกมส์เปิดซีซั่นกับฮา วาย แต่เขาก็ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำ�ให้ทีมไม่มี ทางเลือก ต้องพักนิวตันเอาไว้ทั้งซีซั่น ในวันที่ 21 พ.ย. 2008 เกิดข่าว ที่ไม่น่าเกิดขึ้นเมื่อมีรายงาน
นิวตัน ถูกจับในข้อหารับซื้อของที่ถูกขโมยมา ซึ่ง เป็นคอมพิวเตอร์แล็บท็อป(โน้ตบุ้ค) ที่เขาซื้อมา จากนักเรียนคนอื่นในมหาวิทยาลัยฟลอริดาอีก ที ตามรายงานระบุว่าในขณะที่ตำ�รวจที่ทำ�หน้าที่ ดูแลเรื่องนี้กำ�ลังเข้าตรวจสอบ นิวตันก็โยนแล็บ ท็ อ ปเครื่ อ งดั ง กล่ า วออกหน้ า ต่ า งห้ อ งพั ก เพื่ อ ซ่อนมันจากตำ�รวจ แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะ ตำ�รวจก็หามันเจออยู่ดี หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าว ทีมฟลอริดาก็ถูกสั่งพักการแข่งของนิวตันกับทีม ทันที แต่ภายหลังการดำ�เนินคดี นิวตันก็ถูกเพิก ถอนออกจากทุกข้อกล่าวหาดังกล่าว “ผมเชื่อว่าคนคนหนึ่ง ไม่ควรจะถูกมอง ว่าเป็นคนไม่ดีเพียงเพราะเรื่องโง่ๆในอดีต ที่เขาเคยทำ�ลงไป ผมคิดว่าทุกคนควรได้ รั บ โอกาสครั้ ง ที่ ส องในการเปลี่ ย นแปลง ตั ว เองแต่ ถ้ า เขายั ง ทำ � ลายโอกาสครั้ ง ที่ สองอีกก็ปล่อยให้เขาเป็นไปอย่างนั้นเถอะ”
นิวตันกล่าวเมื่อปี 2010
ในปี 2009 ปีต่อมา หลังจากโดนระงับการเล่น กับทีมฟลอริดา นิวตันได้ย้ายไปอยู่กับวิทยาลัย Blinn ในเบรนแฮม รัฐเท็กซัส ในฤดูใบไม้ร่วง นิว ตันพาทีม Blinn ไป NJCAA National Football Championship ได้และขว้างไป 2833 หลา 22 ทัชดาวน์ วิ่งเอง 655 หลา ก่อนที่ทาง โอคลาโฮ มา มิสซิสซิปปี้ และ ออเบิรน์ จะยืน่ ข้อเสนอทุนเรียน ให้เขาอีกครัง้ โดยในปีนั้นทางนิวตัน ถูกจัดว่าเป็น ควอเตอร์แบ็คคนเดียวที่อยู่ในระดับ 5 ดาว ของ นักกีฬาทั้งหมดที่จะเข้าต่อในระดับคอลเลจเลยที เดียว และสุดท้ายทางนิวตันก็เลือกที่จะย้ายไปสู่ มหาวิทยาลัย ออเบิร์น
Cam Newton Do you know Him?
ในปี 2010 นิวตันเข้ามาสวมยูนิฟอ ร์ ม ของออเบิ ร์ น และได้ ล งเป็ น ตั ว จริ ง เกมส์ แ รกเปิ ด บ้ า นเอาชนะ อาร์คันซอ ในเกมส์นั้นเขาขว้างไป 350 หลา 5 ทัชดาวน์ ทำ�ให้เขา มี ชื่ อ ติ ด ในผู้ เ ล่ น เกมส์ รุ ก ประจำ � สัปดาห์ของ SEC (Southeastern Conference) และถูกจับตา มองเป็ น พิ เ ศษในความสามารถ ของเขา และอีกสามสัปดาห์ต่อมา นิวตันก็กดไปอีก 330 หลา 5 ทัช ดาวน์ในเกมส์เดียวกับทีม เซาท์แค โรไลนา ในวันที่ 2 ตุลาคม 2010 นิว ตันพาทีมออเบิร์นชนะหลุยห์เซีย น่ามอนโร ไปได้ 52-3 คะแนน เขา ทำ�ได้ 3 ทัชดาวน์จากการขว้าง และ หนึ่งในนั้นเป็นการขว้างไกลถึง 94 หลา ซึ่งเป็นการขว้างที่ไกลที่สุดใน ประวัติศาสตร์ทีมอเมริกันฟุตบอล ของออเบิร์นเลยทีเดียว ในวันที่ 9 ตุลาคม 2010 นิว ตั น พาที ม ออเบิ ร์ น เอาชนะเคนตั้ กกี้ไป 37-34 แต้ม เขาขว้างไป 210 หลา และวิ่งไป 198 หลา ทำ� ได้ 4 ทัชดาวน์ และสัปดาห์ต่อมากับ อาร์คันซอ เขาก็กดไปอีก 4 ทัช ดาวน์ ซึ่งมาจากการวิ่งถึง 3 ทัช ดาวน์ ทำ�ให้สื่อต่างๆเริ่มยกให้เขา ว่าน่าจะติด 5 อันดับผู้เล่นที่น่าจะ ได้รางวัลไฮส์แมนโทรฟี่ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม นิวตันพาทีมออเบิร์น เอาชนะ LSU Tigers ไปได้ 24-17 ในเกมส์นั้นเขาวิ่งไปคนเดียว 217 หลา ทำ�ให้ตัวเขาวิ่งรวมไปทั้งหมด 1077 หลาในซีซั่นเดียว ขึ้นทำ�ลาย สถิติควอเตอร์แบ็คที่วิ่งทำ�ระยะได้ มากที่สุดของ SEC โดยเป็นการ แซง Jimmy Sidle ควอเตอร์แบ็ค ของออเบิร์นที่ท�ำ ไว้เมื่อ 40 ปีก่อน และหลั ง จากเขาทำ� ลายสถิตินี้ ได้ เขาก็กลายควอเตอร์แบ็คที่ทำ�ระยะ ได้เกิน 1000 หลาคนที่ 2 ของประ วัติศาสตร์ conference USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
7
ในเกมพักครึ่งกับจอร์เจีย นิวตันกลายเป็นผู้เล่นของแรกของประวัติศาสตร์con ference ที่ขว้างลูกได้เกิน 2000 หลา และวิ่งได้เกิน 1000 หลาในซีซั่นเดียว และใน เกมส์ดังกล่าวส่งให้ออเบิร์นทำ�สถิติ 11-0 และทำ�ให้พวกเขาผ่านเข้าไปเล่นในเกมส์ SEC Championship ในวันที่ 4 ธันวาคม นิวตันพาออเบิร์นเข้าสู่ SEC Championship ได้หลังจากไม่ได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2004 และเอาชนะเซาท์ แคโรไลนาไป 56-17 คะแนน ทำ�ให้เกมส์นี้ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นเกมส์ที่มีแต้มห่างกันมากที่สุดใน การแข่งขัน นิวตันได้รับรางวัล MVP ในเกมส์นั้นด้วยการทำ�ไป 6 ทัชดาวน์ ซึ่งมาจากการขว้าง 4 และวิ่งเอง 2 ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมทำ�ให้นิวตันก ลายเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ที่สามารถขว้างและวิ่งได้เกิน 20+ ทัชดาวน์ในซีซั่น เดียวของประวัติศาสตร์ NCAA FBS (สองคนก่อนหน้านี้คือ ทิม ทีโบว์ และ โคลิน เคเปอร์นิค)หลังจากนั้นนิวตันก็ถูกเสนอชื่อขึ้นเป็นผู้เล่นเกมส์ รุกยอดเยี่ยมแห่งปีของ SEC และได้รางวัล AP ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี นอกจากนี้เขายังผ่านเข้าไปเป็น 1 ใน 4 ของผู้เล่นที่มีชื่อลุ้นรับรางวัล ไฮส์แมน โทรฟี่ ก่อนแคมจะเอาชนะคะแนนอีกสามคนไปแบบขาดลอย หลังจากชัยชนะในเกมส์ SEC Championship ออเบิร์นได้รับเชิญ เข้าร่วมเป็นส่วนนึ่งของ BCS National Championship Game เกมส์ดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคา 2011 ที่ เกล็นเดล อริโซ นา โดยทางออเบิร์นได้เล่นกับโอเรก้อน ดักส์ หลังจากผ่านเกมส์ ดังกล่าวไปได้เพียง 3 วัน นิวตันก็ออกมาประกาศว่า เขาจะเข้า สู่การดราฟต์ NFL ในปี 2011
8 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
หลังจากถูกดราฟต์แล้ว แคม นิวตัน ใน ช่วงเวลาก่อนเปิดฤดูกาล NFL เขาใช้ เวลาถึง 12 ชั่วโมงต่อวันในการอยู่ที่ศูนย์ ฝึก IMG Madden Football Academy ใน Bradenton และใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมง ต่อวันในการซ้อมกับ Chris Weinke อดีต ควอเตอร์แบ็คของแพนเธอร์ส เจ้าของรางวัล Heisman Throphy
หลังจากถูกดราฟต์มา นิวตันถือว่า เป็นผู้เล่นที่เป็นตัวหลักของทีมอย่าง แท้จริง เพราะเขาได้ลงเล่นตลอดใน ฐานะควอเตอร์ แ บ็ ต มื อ หนึ่ ง ของที ม โชคดี อี ก อย่ า งหนึ่ ง ของเขาก็ คื อ เป็ น นั ก กี ฬ าที่ มี อ าการบาดเจ็ บ น้ อ ยมาก เพราะตั้งแต่เข้ามาเล่นในระดับ NFL ตั้งแต่ ปี 2011 แล้ว เขาไม่ได้ลงสนาม แค่เพียง 2 เกมส์เ และในซีซั่นที่ผ่านมาเขาก็พาทีมเข้าชิง ซุปเปอร์โบวล์
สิ่งที่น่าสนใจก่อนที่นิวตันจะถูกดราฟต์ก็คือเขาได้คุย กับ เจอร์รี่ ริชาร์ดสัน เจ้าของทีมแพนเธอร์สว่า เขา ไม่มีลายสักตามร่างกาย ไม่มีการเจาะส่วนใดๆ ของร่างกาย หรือแม้แต่การไว้ผมยาวก็ไม่เคย คิด ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่เจอร์รี่ พึงพอใจ เขาอยู่ไม่น้อย โดยอาจจะดูคล้ายกับนโย บายของทีมเบสบอล นิวยอร์ค แยงกี้ ที่ ให้ผู้เล่นไม่มีลายสักตามร่างกาย ไม่มี การเจาะร่างกาย หรือไว้ผมยาว (แต่ก็ยังเห็นบางคนมีอยู่) Troy Eikman.
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
9
9 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
11
NBA EXCLUSIVE
เ
รื่องนี้คงต้องบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ผมสนใจใคร่รู้เป็นการ ส่วนตัว เพราะตั้งแต่ดูบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ผมก็ ไม่เคยเอะใจ เลยว่าไอ้ฉายาของทีมต่างๆที่มันอยู่บนอกเสื้อนั้นมันมาจาก ไหน บางทีมอาจจะรู้คำ�แปลหรือความหมาย แต่ก็ ไม่เคยลงลึก ถึงต้นสายปลายเหตุของมัน จนวันหนึ่งผมอยากรู้เข้าจริงๆก็ เลยถือโอกาสหาคำ�ตอบไปพร้อมๆกับการเขียนเพื่อนำ�มาแชร์ ต่อกัน ซึ่งก็เล่นเอาสมองเกือบเพี้ยน พลังงานหดหายเพราะ การตามหาฉายาของทีมต่างๆ แทบจะกลายเป็นการเข้าไปศึก ษาประวัติศาสตร์อเมริกาและประวัติศาสตร์กีฬาอเมริกันฉบับ ย่นย่อกันได้เลยทีเดียว อีกทั้งข้อมูลแต่ละที่ก็มีความแตกต่าง กันจนไม่สามารถฟันธงได้ว่าอันไหนคือที่มาของจริง บางอันก็ ไม่ระบุลงลึกไปได้ถึงต้นกำ�เนิดของคำ�จริงๆ จนต้องหาเพิ่มเติม ไปอีกยาวไกลเพื่อเชื่อมโยงปะติดปะต่อ ซึ่งบางครั้งข้อมูลบน อินเตอร์เน็ตก็อาจจะไม่เพียงพอต่อข้อเท็จจริงของฉายานั้นๆ และก็ด้วยข้อจำ�กัดดั่งกล่าว ที่ทำ�ให้บางฉายาผมต้องอนุมาน เอาตามความเป็นไปได้ของหลักฐานเท่าที่มีบนหน้าอินเตอร์เน็ต ที่พบ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ หวังว่า บทความชิ้นนี้จะได้ช่วยเสริมความรู้เพิ่มเติมให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อ ให้การดูกีฬาไม่ใช่แค่การดูสถิติหรือผลแพ้ชนะจบแล้วก็จบไป เพราะมันยังมีสิ่งที่สะท้อน ซ่อนเร้นให้เราได้ขบคิดกันอยู่เสมอ
ต้นกำ�เนิดของ Atlanta Hawks เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันสร้างทีมกีฬาของสาม เมืองบริเวณลุ่มแม่น้ำ� มิสซิสซิปปี้ โมลีนกับร็อคไอส์แลนด์ มลรัฐอิลินอยส์ และ ดาเวน พอร์ท มลรัฐไอโอว่า ในปี 1946 โดยพื้นที่บริเวณในเขตของสามเมือง โดยเฉพาะร็อค ไอส์แลนด์นั้นแต่เดิมเป็นฐานที่ตั้งของชาวโซกชาวอินเดียนแดงเผ่าแบล็คฮอว์ก และ พื้นที่ดั่งกล่าวยังเคยเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบของแบล็คฮอว์กกับชนเผ่าอื่นจนเกิด เป็นเหตุการณ์ครั้งสำ�คัญในประวัติศาสตร์อเมริกาที่เรียกกันว่าสงครามแบล็ค ฮอว์ก (Black Hawk War) ทั้งสามเมืองจึงตัดสินใจตั้งชื่อทีมว่า ไตรซิตี้แบล็คฮอว์ก ก่อนที่ทีมจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่มิลวอกี้ในปี 1951 และเปลี่ยนฉายาทีมให้สั้นลงเหลือ แค่ ฮอว์ก (เหยี่ยว) กระทั่งในปี1968 จึงย้ายมาอยู่ที่แอตแลนต้าและใช้ชื่อทีมเต็มๆว่า Atlanta Hawks มานับแต่นั้น
12 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ด้วยความที่อเมริกาโดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประเทศที่มีผู้อพยพ เข้ามาจากหลายเชื้อชาติ หนึ่งในนั้นคือชาวไอร์แลนด์ ผู้คนที่สืบเชื้อสายมาจากชาว เซลติก ชนพื้นเมืองทางตอนเหนือของยุโรป วอลเตอร์ บราวน์ เจ้าของทีมคนแรก จึงเห็นทีที่จะใช้คำ�ว่าเซลติก มาเป็นฉายาของทีม เพราะบอสตันนั้นเต็มไปด้วยผู้อพ ยพชาวไอริชและมีชาวไอริชอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงเป็นการรำ�ลึก ถึงคำ�ว่าเซลติกซึ่งเคยเป็นฉายาของนิวร์ยอร์ก เซลติกส์ ทีมที่ประสบความสำ�เร็จใน ยุคๆแรกของกีฬาบาสเกตบอล
ก่อนหน้าที่ทีมบาสทีมนี้ จะย้ายมาอยู่ที่นิวเจอร์ซี่ส์และบรู๊คลิน พวกเขาเคยก่อตั้งทีม ขึ้นในลีก ABA ในนิวยอร์กปี 1967 โดยขณะนั้นในนิวยอร์กมีทีมเบสบอลอย่าง New York Mets และทีมอเมริกันฟุตบอลอย่าง New York Jets การใช้คำ�ว่าเน็ตส์จึง ดูจะคล้องจองกับฉายาของทีมที่อยู่ในเมืองเดียวกันในขณะนั้น อีกทั้งคำ�ว่า Nets ซึ่ง แปลว่าตาข่ายก็ดูจะเป็นอุปกรณ์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำ�คัญของห่วงแป้นบาสและกีฬา บาสเกตบอล New York Nets จึงได้ถือกำ�เนิดขึ้น แม้ต่อมาทีมจะย้ายมาที่นิวเจอร์ ซี่ส์และบรู๊คลิน ทีมก็ยังคงใช้ค�ำ ว่า Nets อยู่จนถึงปัจจุบัน
ทีมบาสเกตบอลเมืองชาร์ลล็อต มลรัฐนอร์ท แคร์โรไลน์น่า นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 1988 ผ่านการประกวดการตั้งฉายาทีม โดยชื่อที่ได้รับคัดเลือกได้แก่ Hornets ซึ่งหมาย ถึงแตน ซึ่งเป็นฉายาของเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยสงครามปฏิวัติอเมริกาในช่วงศตวรรษ ที่ 18 เมืองที่ชาวบ้านต่างพากันออกมาต่อต้านการรุกรานของสหราชอาณาจักร จน ทำ�ให้นายพล Charles Cornwallis ผู้น�ำ กองทัพ ถึงกับตั้งฉายาให้เมืองนี้ว่าเสมือน “รังแตนแห่งการก่อจลาจล” (hornet’s nest of rebellion) แตนหรือ Hornets จึงเป็นชื่อที่เหมาะสมกับชื่อทีมที่สุด แม้ต่อมาทีมจะได้ย้ายไปอยู่อย่างนิวออร์ลีนในปี 2002 แต่เอ็นบีเอก็ยังอนุมัติให้ชาร์ล็อตก่อตั้งทีมบาสเกตบอลต่อไปในชื่อ Charlo tte Bobcats ซึ่งเป็นชื่อของแมวพันธ์พื้นเมือง กระทั่งเมื่อทีมนิวออร์ลีนเลิกใช้ค�ำ ว่า Hornets เฟรนไชส์ภายใต้การครอบครองทีมของไมเคิล จอร์แดน จึงขอสิทธิ์เปลี่ยน ชื่อกลับมาเป็น Charlotte Hornets ตามเดิมในปี 2014
ในปี 1966 นาย Dick Klein นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ก�ำ ลังคิดจะก่อตั้งทีมบาสเกตบอล ขึ้นใน ชิคาโก้ เมืองซึ่งในขณะนั้นเป็นเมืองที่มีการส่งออกเนื้อวัวเป็นอันดับต้นๆของ ประเทศ ริชาร์ดจึงพยายามเชือ่ งโยงสิง่ เชิดหน้าชูตาของชิคาโก้เข้ากับฉายาทีม แต่นกึ อย่างไรก็ยังนึกไม่ออก เพราะบางทีชื่อก็ออกจะยาวไป กระทั่งได้นำ�ชื่อต่างๆไปคุยกับ ลูกและภรรยา อยู่ดีๆลูกชายคนเล็กก็อุทานออกมา “พ่อครับมีแต่วัวกระทิงเต็มไป หมด (that’s a bunch of bull)” นายริชาร์ดจึงนึกขึ้นได้ “ใช่เลยเราจะเรียก ทีมเราว่าบูลส์”
ในปี 1971 คลีฟแลนด์จัดตั้งทีมบาสขึ้นในเมือง โดยได้รับความร่วมมือจากหนังสือ พิมพ์ The Plain Dealer หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นผู้จัดให้มีการประกวดตั้งฉายาทีม โดยชื่อที่ชนะการโหวตคือ Cavaliers ซึ่งหมายถึงทหารม้ารักษาพระองค์ในคิงส์ ชาร์ลที่ 1 กษัตริย์แห่งอังกฤษในสมัยสงครามกลางเมืองอังกฤษปี 1642 โดยนาย Jerry Tomko ผู้ตั้งชื่อให้ความเห็น ว่าชื่อนี้เป็นชื่อของกลุ่มทหารหาญ ชายผู้ไร้ ความกลัว ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยข้อตกลงว่าต้องไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
13
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
หลังจากดัลลัสได้ก่อตั้งทีมบาสเก็ตบอลขึ้นในปี 1980 โดยนาย Don Carter เศรษฐี นักธุรกิจชาวฟลอริด้า (เจ้าของคนแรก) ดัลลัส เรดิโอ สือ่ วิทยุทอ้ งถิน่ ก็ได้จัดประกวด การตั้งฉายาทีม โดยให้ชาวดัลลัสส่งชื่อเข้ามา ซึ่งงานนี้มีชาวดัลลัสส่งชื่อเข้ามากัน ถึง 4,600 คน และชื่อที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ารอบสุดท้ายก็ได้แก่ Wranglers, Expr ess, และ Mavericks โดยชื่อสุดท้ายนั่นมีที่มาจากภาพยนตร์โทรทัศน์ชื่อดังที่พูด ถึงตัวละครเอกซึ่งเป็นพี่น้องคาวบอยพเนจรชาวเท็กซัส ที่พกพาการเล่นไพ่ชั้นเซียน ออกตะลอนไปทั่วอเมริกานามว่า Bret กับ Bart Maverick ซึ่งหนึ่งในนักแสดงของ ซีรี่ส์ชุดนี้นั่นคือ เจมส์ การ์เนอร์ อดีตหุ้นส่วนของทีม ดอน คาร์เตอร์เลยถือเป็นเกียรติ ที่จะได้ใช้ชื่อนี้เป็นฉายาทีม ซึ่งก็เป็นชื่อที่แฟนๆชื่นชอบ เพราะโดยความหมายแล้ว แมฟเวอริคส์ ก็หมายถึงคนที่เป็นอิสระหรือสัตว์ที่มิได้ถูกตีตราซึ่งเป็นความหมายที่ดี
ทีมบาสเก็ตบอลในเด็นเวอร์ได้เข้าร่วมกับลีกเอ็นบีเอในปี 1976 แต่ในตอนนั้นเด็น เวอร์ยังใช้ชื่อว่า Denver Rockets ซึ่งซ้ำ�กับ San Diego Rockets (Houston Rockets ในปัจจุบัน) ทำ�ให้ทีมต้องหาฉายาใหม่ ซึ่งคำ�ว่า Nuggets ที่แปลว่าก้อน ทองคำ� (ไม่ใช่ไก่นักเก็ตส์เคเอฟซี) นั่นแต่เดิมคือฉายาของทีมบาสทีมแรกในเมืองเด็น เวอร์ (1948-50) การย้อนกลับไปใช่ชื่อทีมเก่าจึงถือเป็นเกียรติที่ได้ใช้ชื่อนี้อีกครั้ง อี ก ทั้ ง ฉายานั ก เก็ ต ส์ ยั ง บอกถึ ง ประวั ติ ศ าสตร์ ข องเด็ น เวอร์ ใ นช่ ว งกลาง ศตวรรษที่ 19 ที่เด็นเวอร์คือเมืองแห่งเหมืองเงินและทองคำ� ซึ่งมีผู้คนต่างหลั่งไหล กันมาขุดทอง แสวงโชคและแสวงหาความมั่งคั่ง
ในปี 1941 นาย Fred Zoller เจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตลูกสูบ (piston) เพื่อ รถ, รถบรรทุกและเครื่องยนต์ ได้ก่อตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้นในเมือง Fort Wayne รัฐ Indiana โดยใช้ชื่อว่า Fort Wayne Zollner Pistons ซึ่งเป็นชื่อที่หมายรวมทั้งชื่อ เมืองชื่อเจ้าของและชื่อธุรกิจของตนเองไว้ ก่อนที่ในปี 1948 จะตัดให้สั้นลงเหลือแค่ Fort Wayne Pistons กระทั่งในปี 1957 นาย Fred Zollner มองเห็นว่า Fort Wayne ยังเป็นเมืองที่เล็กเกินกว่าจะหากำ�ไรจากการทำ�ทีมบาสเกตบอล จึงย้ายทีมมาอยู่ที่ดี ทรอยท์เมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนตร์ ซึ่งมีตลาดที่ใหญ่กว่า ทีมจึงเปลี่ยนชื่อมา เป็น Detroit Pistons ซึ่งก็เป็นที่ประจวบเหมาะพอดี เพราะทั้งอุตสาหกรรมหลัก ของเมืองกับฉายาของทีมซึ่งแปลว่าลูกสูบนั้นก็มีความหมายที่ไปด้วยกันได้
ในปี 1946 ฟิลาเดเฟียได้ก่อตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้นในเมืองโดยให้ฉายาของทีมว่า Warriors ซึ่งแปลว่านักรบ (ผู้เขียน)คาดว่ามีที่มาจากเหล่านักรบอินเดียแดงซึ่งปรา กฏอยู่บนโลโก้ของ Philadelphia Warriors ชนเผ่าซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณมลรัฐเดอ ลาแวร์ถึงมลรัฐเพนซิลเวเนีย, ฟิลาเดเฟีย ก่อนจะมีการรุกรานของอาณานิคมอัง กฤษ กระทั่งในปี 1962 วอร์ริเออร์ได้ย้ายมาอยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียในเมืองซาน ฟรานซิสโกและย้ายต่อมาอยู่ที่เมือง Oakland ทำ�ให้เฟรนไชส์เลือกจะใช้ชื่อว่า Gol den State ซึ่งเป็นฉายาของรัฐแคลิฟอร์เนีย (ซึ่งหมายถึงยุคหนึ่งที่แคลิฟอร์เนีย เต็มไปด้วยการขุดทองและหมายถึงดอกป๊อปปี้สีทอง ดอกไม้ประจำ�รัฐที่จะบานในฤดู ใบไม้ผลิทั่วทั้งแคลิฟอร์เนีย) แทนชื่อเมืองโอ๊คแลนด์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นว่า วอร์ริเออร์อยู่ในแคลิฟอร์เนียมาโดยตลอด
14 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
ในปี 1967 เมืองซานดิเอโก้ได้ก่อตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้นเพื่อร่วมแข่งในลีกเอ็นบีเอเป็น ทีมที่ 12 โดยฉายาของทีมนั่นถูกจัดประกวดขึ้นผ่านการเลือกโดยแฟนๆ ซึ่ง ณ ขณะ นั้นซานดิเอโก้คือเมืองของอุตสาหกรรมทางด้านอวกาศและการสร้างจรวด ทำ�ให้ไม่ ยากที่ฉายาทีมจะคือคำ�ว่า Rockets ซึ่งแปลว่าจรวด กระทั่งในปี 1971 ทีมได้ย้าย มาอยู่ในฮุสตันแต่ก็ยังคงใช้ฉายาเดิม เพราะฮุสตันก็ยังเป็นเมืองที่มีความข้องเกี่ยว กับอวกาศในฐานะที่เป็นที่ตั้งของศูนย์อวกาศนาซ่า
ในเมืองอินเดียน่าโพลิส มลรัฐอินเดียน่านั้นมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการแข่งขันประ ลองความเร็วมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การแข่งขันรถม้าบังคับหรือที่เรียกกันว่า har ness-racing pacers มาจนถึงการแข่งขันรถแข่งอินดี้คาร์ ระดับโลกที่ชื่อว่า อินดี้ 500 ซึ่งจะมีการโชว์รถ pace car หรือรถขับเปิดสนาม ดูแลความปลอดภัยให้ชมกัน ก่อนแข่ง ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมอันโด่งดังธรรมเนียมหนึ่งในอินเดียน่าที่จะมีคนรักรถ มารอชมกันแต่ไหนแต่ไร ในปี 1967 กลุ่มนักลงทุนที่ร่วมกันก่อตั้งทีมบาสเกตบอล ในอินเดียน่าจึงร่วมใจกันตั้งฉายาของทีมให้ว่า pacers หรือม้าแข่ง เพื่อสื่อสะท้อนให้ แห็นถึงของสำ�คัญของเมืองที่เริ่มจากม้าแข่งไปจนถึงรถแข่ง
Buffalo Braves คือทีมบาสเกตบอลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 ในเมืองบัฟโฟโล่ มลรัฐ นิวยอร์ก ก่อนจะย้ายทีมไปอยู่ที่เมืองซานดิเอโก้ในปี 1978 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อและ ฉายาทีมใหม่เป็น San Diego Clippers โดยคำ�ว่า Clippers นั่นมีที่มาจากประวัติ ศาตร์ของเมืองซานดิเอโก้ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือเป็นเมืองท่าเมืองสำ�คัญเมืองหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยเรือกำ�ปั่นหรือเรือเดินทะเล (sailing ships) มากมาย โดยเรือกำ�ปั่น ชนิดที่มีความเร็วสูงกว่าใครในยุคนั้นจะถูกเรียกว่าเรือ Clippers ซึ่งถือเป็นฉายาที่ สะท้อนประวัติศาสตร์ของเมือง กระทั่งในปี 1984 นายโดนัลด์ สเตอร์ลิ่งได้ซื้อทีม เพื่อย้ายมาที่ลอสแองเจลิส สเตอร์ลิ่งก็ยังคงใช้ฉายาเดิมต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ในปี 1947 เมืองมินนิแอโพลิส มลรัฐมินเนโซต้าได้ให้ก�ำ เนิดทีมบาสเกตบอลขึน้ ในเมือง หลังซื้อทีม Detroit Gems มาจากลีก NBL และด้วยความที่มลรัฐมินเนโซต้านั้นได้ รับฉายาว่าเป็นดินแดนแห่ง 10,000 ทะเลสาบ (Land of 10,000 Lakes) ทีมจึง ได้ตั้งฉายาของทีมว่า Minneapolis Lakers ให้สอดคล้องกับฉายาของมลรัฐ โดย ความหมายที่แท้จริงของคำ�ว่า lakers นั้นก็หมายถึงคนที่มีวิถีชีวิตอยู่กับทะเลสาบ และหมายถึงเรือใหญ่แห่งทะเลสาบอันกว้างไกล ต่อมาในปี 1959 เลเกอร์สได้ย้าย มาอยู่ที่ลอสแองเจลิส แต่ก็ยังคงใช้ฉายาเดิม เพื่อสานต่อความสำ�เร็จที่เกิดขึ้นตั้งแต ่สมัยทีมยังอยู่ในมินเนโซต้า ที่ทีมสามารถเป็นแชมป์เอ็นบีเอได้ถึง 5 สมัย
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
15
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
หลังเมืองแวนคูเวอร์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนา ดา ได้กอ่ ตัง้ ทีมบาสเกตบอลขึน้ ในเมืองเมือ่ ปี 1995 จากนโยบายขยายทีมของเอ็นบีเอ ก็ได้มีการจัดประกวดฉายาของทีมขึ้น โดยฉายาที่ได้รับเลือกคือ Grizzlies หรือเจ้า หมีกริซลี่ย์ ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดในพื้นที่ เพราะเป็นสัตว์ที่อาศัย อยู่กันโดยทั่วไปในป่าแถบภาคตะวันตกของแคนาดาหรือในเมืองแวนคูเวอร์ แม้ต่อ มาทีมจะย้ายมาอยู่ที่เมืองเมมฟิส ในสหรัฐอเมริกาแต่ชาวเมืองเมมฟิสก็ยังชื่นชอบ ฉายานี้ ทางฝ่ายบริหารจึงยังคงฉายาเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
ด้ ว ยความที่ ไ มอามี่ เ ป็ น เมื อ งที่ อ ยู่ ท างตอนใต้ ข องมลรั ฐ ฟลอริ ด้ า ซึ่ ง เป็ น มลรั ฐ ทางตอนใต้ ที่มีอากาศค่อนข้างร้อนเกือบจะพอๆกับเมืองไทย หลังทีมก่อตั้งขึ้นในปี 1988 ไมอามี่จึงจัดให้มีการประกวดฉายาของทีมโดยมีผู้ร่วมส่งรายชื่อกันเข้ามากว่า 5,000 คน โดยชื่อที่ได้รับเลือกก็ไม่ได้หนีไปจากสภาพอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของ เมืองอย่างที่กล่าวมาคือ Heat หรือที่แปลว่าร้อน โดยนาย Zev Bufman ผู้จัด การทีมในยุคนั้นได้ให้ความเห็นว่า Heat คือชื่อที่เหมาะสมที่สุดเพราะเมื่อคุณนึกถึง ไมอามี่ คุณจะนึกถึงสิ่งนี้
มลรัฐวิสคอนซิน นั้นมีประเพณีดั้งเดิมที่กระทำ�กันมาตั้งแต่ปี 1851 นั้นคือคือประเพ ณีลา่ กวางในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพื่อนำ�มาทำ�เป็นอาหาร อีกทัง้ ยังเป็นการคุมประ ชากรกวางไม่ให้มีมากจนออกมาหากินกับพืชผลของชาวสวนชาวไร่จนได้รับความ เสียหายหรือออกมาเดินอยู่บนท้องถนนจนทำ�ให้เกิดอุบัติเหตุ หลังเมืองมิลวอกี้ซึ่ง เป็นเมืองสำ�คัญในมลรัฐวิสคอนซินก่อตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้นในปี 1968 การจัดประ กวดตั้งฉายาทีมก็เกิดขึ้น ซึ่งชื่อที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะก็คือ Buck หรือ กวางตัว ผู้ สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเพณีอันโด่งดังประจำ�เมืองนั้นเอง
ในช่วงเวลาสี่เดือนก่อนหน้าที่มลรัฐมินเนโซต้าจะได้รับอนุมัติให้ก่อตั้งทีมบาสเกต บอลขึ้นในเอ็นบีเอในปี 1986 ทางทีมผู้บริหารก็ได้จัดให้มีการประกวดตั้งฉายาทีม ผ่านทางการตัดสินโดยคณะกรรมการในเมืองต่างๆ ซึ่งมีแฟนๆส่งกันเข้ามาถึง 6,0 76 ชื่อ โดยมีชื่อที่แตกต่างกันกว่า 1,284 ชื่อ แต่ชื่อที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะคือ Timberwolves ซึ่งหมายถึงหมาป่า เพราะมินเนโซต้าเป็นเพียงมลรัฐเพียงแห่งเดียว ในทั้ง lower 48 (48 มลรัฐที่มีพื้นที่ติดกันในประเทศไม่รวมรัฐอลาสก้าและรัฐฮา วาย) ที่มีประชากรหมาป่าอาศัยอยู่มากที่สุดราว 1,200 ตัว หมาป่าจึงกลายเป็น สัญลักษณ์ที่เหมาะสมที่สุดหากจะกล่าวถึงมินเนโซต้า
16 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
ก่อนที่นิวออร์ลีน พิลิแกนจะถือกำ�เนิดขึ้น คงต้องกล่าวย้อนไปถึง ทีมต้นกำ�เนิดอย่าง Char lotte Hornets ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1988 แต่ทว่าในปี 1997 ข่าวฉาวของนาย George Shinn เจ้าของทีมกับคดีข่มขืนผู้หญิงรวมถึงผลงานของ Charlotte Hornets ที่ไม่ประ สบความสำ�เร็จเท่าที่ควร ทำ�ให้ชาวเมืองชาร์ล็อตเริ่มแสดงความไม่พอใจถึงพฤติกรรมส่วน ตัวของ George Shinn และทีม ในปี 2002 นาย George Shinn จึงตกลงกับเอ็นบีเอเพื่อ ย้ายทีมไปอยู่อย่างเมืองนิวออร์ลีน ในมลรัฐหลุยส์เซียน่า โดยยังคงฉายาเดิมไว้คือ New Orleans Hornets ซึ่งไม่มีความหมายเกี่ยวข้องกับนิวออร์ลีนเลย กระทั่งทีมถูกขายต่อมา จนตกถึงนาย Tom Benson นักธุรกิจชาวนิวออร์ลีน ในปี 2012 (เจ้าของทีมอเมริกัน ฟุตบอลในเมืองเดียวกันอย่าง New Orleans Saints) นายเบนสัน จึงได้เปลี่ยนชื่อทีมมา เป็น Pelicans หรือนกพิลิแกน ซึ่งเป็นนกที่อาศัยอยู่กันโดนส่วนใหญ่ในมลรัฐหลุยส์เซีย น่า จนกลายเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำ�มลรัฐ อีกทั้งฉายาของมลรัฐก็ยังเรียกกันว่า Pelican State ชื่อนี้จึงเป็นชื่อที่นายเบนสันบอกว่า เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นตัวตนของเมือง และมลรัฐหลุยส์เซียน่าได้ดีที่สุด
ด้วยความที่นิวยอร์กนั้นมีประวัติศาสตร์กับอเมริกามาอย่างยาวนานหากจะให้กล่าวถึงชื่อทีม คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ระหว่างศตวรรษที่ 16 ที่ชาวดัตช์หรือชาวเนเธอร์แลนด์ได้อพยพมาตั้งถิ่น ฐานและตั้งชื่อเมืองที่ตนเองมาตั้งถิ่นฐานว่า นิว เนเธอร์แลนด์ (ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นนิวยอร์ก หลังการยึดครองของอังกฤษ) พร้อมกับพาทรงกางเกงแบบที่เรียกกันว่า นิกเกอร์บอกเกอร์ (Knick erbockers) หรือ นิกเกอร์ (knickers) ซึ่งมีลักษณะเป็นกางเกงทรงหลวมที่มีความยาวแค่หัวเ ข่า ให้กลายเป็นแฟชั่นที่มีอยู่โดยทั่วไปในนิวยอร์ก กระทั่งในปี 1809 คำ�ว่า นิกเกอร์บอกเกอร์ ก็กลับ มาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อนักประพันธ์นามว่า Washington Irving ไ ด้เขียนนิยายเสียดสีประ วัติศาสต์นิวยอร์กและชาวดัตช์โดยใช้ชื่อตัวละครเอกว่า Diedrich Knickerbocker ซึ่งในนิยายจะ ให้ความหมายของนิกเกอร์บอกเกอร์ว่า คือคนนิว ยอร์กที่ยังดำ�เนินรอยจารีตตามแบบบรรพบุรุษ ที่อพยพมาจากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งก็ท�ำ ให้คำ�ว่านิกเกอร์ บอกเกอร์กลายเป็นคำ�ที่หมายถึงนิวยอร์ก และชาวนิวยอร์ก ณ เวลานั้นไปโดยปริยาย และในปี 1845 คำ� ว่านิกเกอร์บอกเกอร์ก็ได้ถูกนำ�ใช้กับ ทีมเบสบอลยุคเริ่มแรกที่ชื่อว่านิวยอร์ก นิกเกอร์บอกเกอร์ กระทั่งผ่านมาอีก 1 ศตวรรษในปี 1946 นาย Ned Irish จึงได้คิดนำ�ชื่อของ นิวยอร์ก นิกเกอร์บอคเกอร์ กลับมาตั้งอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็น การตั้งชื่อให้แก่ทีมบาสเกตบอลในลีกเอ็นบีเอที่ตนเองเป็นคนก่อตั้ง โดยเน็ด ไอริสช์ ได้นำ�ชื่อดั่ง กล่าวมาประยุกต์ให้สั้นลงจนกลายมาเป็นนิวยอร์ก นิกส์จนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่ทีมซีแอตเทิ้ล ซูเปอร์โซนิค (ชื่อซูเปอร์โซนิคได้รับแรงบันดาลใจมาจากชื่อ เครื่องบินโบอิ้งลำ�ใหญ่ที่สุดในซีแอตเทิ้ล) ถูกขายต่อมาอยู่อย่างเมืองโอกลาโฮม่า ซิ ตี้ มลรัฐโอกลาโฮม่า ทางทีมผู้บริหารก็ได้จัดให้มีการประกวดการตั้งฉายาทีมขึ้น ซึ่ง มีอยู่ประมาณ 64 ชื่อที่มีความน่าสนใจ แต่ทว่าชื่อที่ได้รับคัดเลือก นั่นคือ Thunder ซึ่งแปลว่าสายฟ้า โดยนาย Clayton Bennett เจ้าของทีมได้ให้ความเห็นว่าคำ�ว่า Thunder นั้นเป็นคำ�ที่สื่อความหมายถึงหลายสิ่งหลายอย่างในเมืองโอกลาโฮม่า ซิตี้ เริ่มตั้งแต่โอกลาโฮม่าเป็นเขตพื้นที่ที่มักจะเกิดพายุทอร์นาโด ซึ่งก่อนที่พายุทอร์นา โดจะก่อตัวมันจะต้องมีเสียงของสายฟ้าคำ�รามขึ้นมาก่อนเกิด อีกทั้ง Thunder ยัง เป็นฉายาของอดีตกองทหารราบที่ 45 ที่ชื่อว่า Thunderbird กองทหารในโอก ลาโฮม่า ซิตี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในสมัยสงครามโลก รวมถึงเพลงคัน ทรี่ยอดฮิตอย่าง The thunder rolls ของ Garth Brooks ศิลปินเพลงชื่อดังชาว โอกลาโฮม่า โดยทั้งหมดที่กล่าวมานายเบ็ตเน็ตต์บอกว่าล้วนทำ�ให้ฉายา Thunder มีความหมายในการกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างทรงพลัง
ก่อนหน้าที่ออร์แลนโด้จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวทีมบาสเกตบอลได้ 8 เดือน (ปี 1987) ทางผู้บริหารและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Orlando Sentinel ก็ได้ร่วมมือกันจัดให้มี การประกวดตั้งชื่อทีมผ่านทางชาวเมืองออร์แลนโด้ ซึ่งได้มีแฟนๆส่งชื่อกันเข้ามาถึง 4,296 รายชื่อ โดยชื่อที่ได้รับเลือกได้แก่ Magic ที่หมายถึงเวทย์มนต์ ซึ่งกรรมการ เห็นพ้องต้องกันว่า Magic เป็นชื่อที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นจุดดึงดูดด้านการท่อง เที่ยวของเมืองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากออร์แลนโด้คือสถานที่ตั้งของเมืองแห่งเวทย์ มนต์อย่างดิสนีย์ เวิล์ด สวนสนุกแห่งใหญ่ของโลกในขณะนั้น
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
17
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
ในปี 1963 Irv Kosloff และ Ike Richman นักลงทุนชาวฟิลาเดลเฟียได้ซื้อทีม บาสเกตบอล Syracuse Nationals หนึ่งในทีมเอ็นบีเอที่เก่าแก่ที่สุดในขณะนั้นมาอยู่ ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยเฟรนไชส์ได้จัดให้มีการประกวดชื่อทีมขึ้นซึ่งชื่อที่ได้รับเลือก คือ เซเว่นตี้ซิกเซอร์ส (76ers) ซึ่งเป็นเลขท้ายของปีประกาศเอกราช 1776 เพื่อเป็น เกียรติให้แก่การรวมตัวกันลงนามประกาศอิสรภาพจากสหราชอาณาจักรในวันที่ 4 กรกฎาคม ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยคณะผู้แทนอาณานิคมอันนำ�โดยจอร์จ วอชิง ตันและโธมัส เจฟเฟอร์สัน ที่ทำ�ให้ต่อมาได้เกิดประเทศใหม่ที่เรียกกันว่าสหรัฐอเมริกา
ด้วยความที่เมืองฟีนิกซ์ซึ่งเป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ในมลรัฐอริโซน่า นั้นมีอากาศที่ค่อน ข้างร้อนเต็มไปด้วยแสงแดดจากพระอาทิตย์และทะเลทรายอันแห้งแล้ง ในปี 1968 ที่เมืองฟีนิกซ์ได้ก่อตั้งทีมบาสเกตบอล ทางเฟรนไชส์จึงได้จัดประกวดการตั้งฉายา ทีม ซึ่งชื่อที่ได้รับคัดเลือกนั้นได้แก่ Suns ซึ่งแปลว่าพระอาทิตย์ที่ดูจะเหมาะสมกับ สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเมือง โดยคนที่เป็นคนเลือกชื่อดั่งกล่าวก็คือนาย Jerry Colangelo ผู้จัดการทั่วไปของบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ซึ่ง ณ ขณะ นั้นเจอร์รี่ด�ำ รงตำ�แหน่งผู้จัดการทั่วไปให้ฟีนิกซ์ ซันส์ด้วยวัยเพียง 28 ปี ซึ่งนับว่า เป็นผู้จัดการทั่วไปที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกีฬาอาชีพอเมริกัน
หลังจากนาย Harry Glickman โปรโมเตอร์กีฬาและอดีตนักข่าวกีฬาได้ก่อตั้งทีม บาสเกตบอลขึ้นในเมืองพอร์ทแลนด์ มลรัฐโอเรกอน ทางผู้บริหารก็ได้มีการจัดประ กวดฉายาทีมโดยฉายาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ Pioneers ซึ่งหมายถึงผู้บุก เบิก เพราะพอร์ทแลนด์หรือมลรัฐโอเรกอนคือเมืองด่านสุดท้ายของเขตตะวันตก เฉียงเหนือของอเมริกา ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมายที่เกี่ยวกับนักบุกเบิก เส้นทาง ในยุคบุกเบิกตะวันตกต้นศตวรรษที่ 19 ของอเมริกา เส้นทางที่น�ำ พา ผู้คนนับล้านมาสู่แถบนี้จนทำ�ให้อเมริกาขยายเขตแดนออกไปได้อย่างกว้างใหญ ่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ทว่าชื่อนี้กลับมีทีมในระดับคอลเลจใช้อยู่แล้ว เฟรนไชส์จึงต้อง เปลี่ยนมาเป็นชื่อ Trail Blazers ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน โดยนายแฮร์รี่ให้ ความเห็ น ว่ า ชื่ อ นี้ นั้ น สะท้ อ นถึ ง ประวั ติ ศ าสตร์ ก ารเดิ น ทางบุ ก เบิ ก ที่ เ ต็ ม ไป ด้วยความยากลำ�บากของมลรัฐชายแดนอย่างโอเรกอน รวมถึงเป็นชื่อที่บ่งบอกถึง การบุกเบิกยุคของกีฬาอาชีพในโอเรกอน เพราะพอร์ทแลนด์คือทีมกีฬาอาชีพทีม แรกของมลรัฐ
ซาคราเมนโต้ คิงส์นั่นมีประวัติศาสตร์เรื่องการย้ายทีมที่ยาวนาน เริ่มตั้งแต่ทีมยังอยู่ ในเมืองโรเชสเตอร์, มลรัฐนิวยอร์กในปี 1923 ที่ใช้ชื่อทีมถึง 3 ชื่อนั้นคือ Rochester Seagrams, Rochester Eber Seagrams จนมาจบที่ Rochester Royals (ซึ่งไม่พบหลักฐานว่าทำ�ไมจึงใช้คำ�ว่า Royals) แล้วจึงย้ายเมืองมาอยู่ที่ซินซินเนติ ในปี 1957 ใช้ชื่อ Cincinnati Royals กระทั่งมาอยู่อย่างแคนซัส ซิตี้ ที่ทีมได้เปลี่ยน ชื่อท้ายของทีมมาเป็น Kings คือทีม Kansas City-Omaha Kings และ Kansas City Kings ในระหว่างปี 1972-1985 เพื่อเลี่ยงคำ�ว่า Royals ซึ่งมีทีมบาสเกต บอลในแคนซัสใช้อยู่แล้ว (Kansas City Royals) แต่ให้ความหมายยังใกล้เคียง กับชื่อเดิม ซึ่งหมายถึงความเป็นเจ้า แม้ต่อมาทีมจะย้ายมาที่ซาคราเมนโต้ในปี 1985 แต่ทีมก็ยังใช้ค�ำ ว่า Kings อยู่จนถึงปัจจุบัน
18 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ที่มาของฉายาทีมตางๆใน NBA
หลังจากที่ทีม Dallas Chaparrals (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Texas Chaparrals) ได้ย้ายมา อยู่อย่างเมืองซานอันโตนิโอ มลรัฐเท็กซัส ในปี 1973 ทีมก็ได้จัดให้มีการประกวด ตั้งฉายาทีมขึ้น โดยฉายาที่ได้รับคัดเลือกคือ Spurs ซึ่งเป็นทั้งของใช้และของประดับ โดย Spurs จะมีลักษณะเป็นโลหะคล้ายกังหันอันเล็กๆ ที่ติดอยู่บริเวณส้นรองเท้า บูทเพื่อใช้ในการบังคับม้าของเหล่าคาวบอย เพราะในเท็กซัสนั่นถือเป็นเมืองที่มีคาว บอยหรือคนทีท่ �ำ อาชีพปศุสตั ว์ เลีย้ งม้าและวัว อาศัยกันอยูเ่ ป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 Spurs จึงถือเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่สื่อถึงคาวบอย เมืองซานอันโตนิโอและมลรัฐเท็กซัสได้เป็นอย่างดี
หลังเอ็นบีเอมีนโยบายขยายทีมเข้าสู่แคนาดาในปี 1993 เมืองโทรอนโต้ก็ได้รับสิทธิ์ ให้ก่อตั้งทีมขึ้น ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park หนังที่มีเนื้อ หาเกี่ยวกับไดโนเสาร์ กำ�ลังโด่งดังไปทั่วโลก ครั้นทีมได้จัดประกวดการตั้งฉายา ทีม ก็มีชื่อที่ถูกส่งเข้ามากว่า 2,000 ชื่อจากทั่วประเทศ โดยชื่อที่ได้รับคัดเลือกคือ Raptors ซึ่งเป็นชื่อของพันธุ์ไดโนเสาร์ตัวแสบในหนังเรื่อง Jurassic Park (ซึ่งถือ เป็ น ตั ว ละครหลั ก ที่ ทำ � ให้ ห นั ง สนุ ก และเป็ น ตั ว ร้ า ยที่ ค นจดจำ � ได้ ดี ที่ สุ ด ใน ยุคนั้น) แม้โทรอนโต้จะไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับชื่อดั่งกล่าว แต่ก็ถือเป็นชื่อที่บ่งบอก ถึงยุคสมัยที่ทีมก่อตั้งได้ดีที่สุดชื่อหนึ่ง
ก่อนหน้าที่ยูท่าห์ แจ๊สจะย้ายมาอยู่ในมลรัฐยูท่าห์ ทีมแรกเริ่มนั้นถูกก่อตั้งขึ้นในเมือง นิวออร์ลีนปี 1974 เมืองที่ถือเป็นต้นกำ�เนิดของดนตรีแจ๊ส ครั้นมีการจัดประกวดตั้ง ฉายาทีมขึ้น คำ�ว่า แจ๊ส จึงเป็นคำ�ที่ถูกคัดเลือกไปอย่างไม่ต้องสงสัย (ซึ่งดนตรีแจ๊ส ของนิวออร์ลีน หรือที่เรียกว่านิวออร์ลีน แจ๊ส ทุกวันนี้ก็ยังคงแบบแผนในการเล่น จนเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกกันว่าแจ๊สแบบดั้งเดิมมาจนถึงทุกวันนี้) แม้ทีมจะถูกซื้อต่อ มาที่ยูท่าห์ในปี 1979 เฟรนไชส์ก็ยังตัดสินใจใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้าที่ทีมจะใช้ชื่อวอชิงตัน วิซาร์ดส์ในปี 1997 จุดเริ่มต้นของทีมนั้นได้ถือกำ�เนิดขึ้นในชิ คาโก้ในชื่อว่า Chicago Packers และ Chicago Zephyrs, กระทั่งย้ายมาอย่างเมืองบัล ติมอร์จึงเปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น Baltimore Bullets และต่อมาอย่างเมือง แลนด์เวอร์ในชื่อ Capital Bullets จนสุดท้ายมาจบที่วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกาในปี 1974 ในชื่อ Washington Bullets ซึ่งยังคงใช้ค�ำ ว่า Bullets ซึ่งแปลว่าลูกกระสุน มาร่วม 25 ปี จน กระทั่งในระหว่างทศวรรษที่ 90 วอชิงตันเริ่มมีแนวโน้มของคดีฆาตกรรมและอาชญากรรม สูงขึ้น นาย Abe Pollin เจ้าของทีม ณ ขณะนั้นจึงเริ่มตระหนักถึงชื่อทีม ที่อาจจะเป็นการส่ง เสริมความรุนแรง ประกอบกับในปี 1995 นายยิตซัค ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เจ้าของ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพอลลิน ถูกลอบสังหารในปี 1996 นายพอลลินจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนฉายาทีมเสีย ด้วยการจัดประกวด ซึ่งชื่อที่ได้รับคัดเลือก นั่นคือ Wizards ที่หมายถึงพ่อมด ซึ่งเป็นชื่อที่แสดงถึงพลังอำ�นาจ ความเฉลียวฉลาด และ เวทย์มนต์ ที่เป็นแง่บวกกับทีม แม้ในตอนแรกจะมีเสียงต่อต้านจากชาวเมือง เนื่องจากวอชิง ตันนั้นเป็นเมืองที่มีชาวแอฟริกัน-อเมริกันอาศัยอยู่กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ชื่อดันไปสื่อถึงลัทธิเ หยียดผิว Ku Klux Klan ช่วงแรกจึงมีกระแสไม่พอใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
19
19 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM 20
เลาโดย : Man On Film
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
21
บทสุดทาย "โคบี้ ไบรอันท" ปดตำนานสตารจอมอหังการ
นับแล้วก็ร่วม 20 ปีเต็ม ที่โคบี้ ไบรอัน ยืนอยู่บนสังเวียน ยัดห่วงในฐานะนักกีฬาอาชีพ ไม่ใช่ชื่อที่หอมหวาน ไม่ใช่ นักกีฬาที่อารีอารอบต่อคนอื่น รับมาแล้วมีทั้งดอกไม้และ ก้อนหิน นับๆ ดูแล้วจำ�นวนคนเกลียดเขาอาจมีมากพอกัน กับคนที่รักก็คงอันเนื่องมาจากบุคลิกเอาแต่ใจ อวดดี และ บ่อยครั้งก็เห็นแก่ตัวอย่างที่อาจเผลอไผลลืมไปว่าบาส เกตบอลเป็นกีฬาแบบทีม ไม่ใช่ประเภทเดี่ยว “ก็แม่งเล่นแบบเห็นแก่ตัวไง”
ยังไม่นับรวมการโต้กลับคำ�วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนหลาย ต่อหลายครั้ง “ใครก็บอกว่าผมเป็นพวกวันแมนโชว์ แต่นั่น ก็เป็นเพียงไม่กี่กรณีนะ ยังไงเราก็ชนะอยู่ดีไม่ว่าผมจะยัด ไป 40 แต้ม หรือทำ�ได้แค่ 10 แต้ม” เป็นการ์ดคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับคัดเลือกเข้าลีก NBA ตั้งแต่มัธยมปลาย ในปี 1996 เด็กหนุ่มรูปร่างผอม เก้งก้างในสูทดำ� สวมหมวกขาวของชาล็อต ฮอร์เนตส์ ก่อนจะถูกเทรดมาทีมที่กลายมาเป็นสถานที่สุดท้ายของ อาชีพนักกีฬาอย่างลอส แอนเจลิส เลเกอร์ส
“กูขอให้ยิงลูกโทษพลาดตลอดไป ไอ้เวร” นีย่ อ่ มไม่ใช่ค�ำ เกินเลยทีแ่ ฟนบาสเกตบอลมอบให้เขา เพราะ หลายต่อหลายครั้ง โคบี้ก็เป็นเช่นนั้น หรือบางทีอาจมาก กว่า หรือถ้าใครยังจำ�ได้ นัดสำ�คัญระหว่างเลเกอร์สกับ แมฟเวอริกส์ เมื่อไทสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จากอีกฝั่ง ยิงจุดโทษลง แฟนทีมแมฟเวอริกส์ถือโอกาสนี้ในการยั่วย ุโคบี้ ที่ไม่ได้ลงเล่นและนั่งอยู่ข้างสนาม การ์ดตัวเอ้ตอบ กลับอย่างเรียบง่ายและกวนตีนด้วยการยกนิ้วขึ้นมา 5 นิ้ว อันหมายถึงจำ�นวนครั้งที่เขาพาทีมคว้าแชมป์ ไม่ต้องขยายความเพิ่มเติมก็รู้นั่นแปลว่า อย่ามาแหยมกับ กู ไอ้อ่อน ไม่ แ ปลกใจที่ ต ลอดระยะเวลาของการยื น หยั ด ในฐานะ นักกีฬาอาชีพนั้น จำ�นวนคนสาปแช่งโคบี้คงมีไล่เลี่ยกันกับ เสียงชื่นชม เพราะพ้นจากเกมส์ ลีลาการตอบสัมภาษณ์ การ์ดดังก็อ้อนหน้าแข้งแฟนคลับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเวลา อยู่ในสนาม ครั้งหนึ่ง เมื่อเลเกอร์สเปิดฤดูกาลอย่างสุดระทมด้วยการ ตามอยู่ 0-2 เกม การ์ดดังออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ แค่ว่า “ทุกคนเงียบปากไป ปล่อยพวกเราทำ�งานซะ” 22 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
ชั่วระยะเปลี่ยนผ่านจากหมายเลข 8 สู่หมายเลข 24 ในเสื้อ ทีมสีม่วงทอง โคบี้ยังคงมาตรฐานนักบาสเกตบอลในแบบ ของเขาไม่เปลี่ยน ทะเยอทะยาน กระหายชัยชนะ ไม่ เชื่อใจคนอื่นนอกจากตัวเอง และบนเส้นทางนักกีฬานั้น เขาแตกหักกับคนมากต่อมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจาก อัตตาของเขาเอง แม้ไม่ใกล้เคียงกับฮีโร่ ภาพลักษณ์ของโคบี้อาจเหมือนวาย ร้ายมากกว่า จริงจังกับทุกเกมส์ อารมณ์เสียเมื่อเพื่อนร่วม ทีมไม่ได้ดั่งใจ ตรงเข้าปะทะมากกว่าจะนิ่ง และแน่นอนที่สุด หยิ่งผยอง จองหอง คือนิยามที่ใครหลายคนมอบให้เขา พ้นไปจากท่าทีเหล่านั้น เบื้องหลังของโคบี้หนักหน่วง เขา ขึ้นชื่อเรื่องความมีวินัย ฝึกฝนตัวเองหนักหนา จริงจัง และ เกือบๆ จะยังดันทุรังเมื่อมองย้อนไปยังต้นสายของอาชีพ สมัยเมื่อเขายังเป็นหน่ออ่อนเล็กๆ และต้องปะทะกับผู้เล่น มหากาฬของยุคหลายต่อหลายคน กลายเป็นนักกีฬาที่ พร้อมไปด้วยความเป็นผู้นำ� แข็งแกร่ง รวดเร็วและแม่นยำ� “ผมไล่ตามความสมบูรณ์แบบอยู่” “ผมจะทำ�มันทุกทางที่ ทำ�ให้เราชนะ จะแค่นั่งบนม้านั่งข้างสนาม โบกผ้าขนหนูเพื่อ เชียร์ ส่งน้ำ�ให้เพื่อนร่วมทีม หรือยิงลูกปิดเกมชนะ”
และด้วยสถิติ ตำ�แหน่งที่เล่น รูปร่าง เขาถูกเปรียบเทียบกับ นักบาสเกตบอลแห่งยุคสมัยอย่างไมเคิล จอร์แดน “ในบรรดานักบาสเกตบอลไม่วา่ จะ คาร์เมโล่ แอนโธนี,่ ดเวน เหวด, เลบรอน เจมส์ ผมไม่คิดว่าผมจะเล่นแพ้พวกเขานะ ยกเว้นก็แต่โคบี้” “ก็หมอนั่นแม่งเล่นขโมยท่าผมไปทุกท่าเลยนี่หว่า” ราคาของความอวดดีที่โคบี้ต้องจ่ายไปนั้นไม่ใช่น้อย เขาจะ กลายเป็นนักกีฬาที่ผู้คนทั้งรักทั้งชัง และเขาก็ตอบรับเสียง วิจารณ์เหล่านั้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระเสมอมา แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ มี ใ ครล้ ว งลึ ก ลงไปในหั ว ใจวายร้ า ยอย่ า งเขาได้ ม าก ไปกว่าที่เขาแสดงออกว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกเช่นไร โคบี้คือชายที่ท�ำ แต้มมาแล้ว 81 แต้มใจเกมเดียว (ที่ก็อาจ มาจากการไม่ยอมจ่าย, บุกลุยเดี่ยวทำ�แต้มคนเดียวบ้าง) จนกลายเป็นอีกตำ�นานของ NBA, บี้มาแล้วทั้งนักบาสห น้าเก่าหน้าใหม่, ลงเล่นออล-สตาร์ 18 ครั้ง ทั้งหมดนี้ยืนยัน ถึงความแข็งแกร่งชั่วทั้งชีวิตนักบาสเกตบอลของเขา ดังนั้น ในวันที่เรี่ยวแรงเขาลดน้อยถอยลงจนเลเกอร์สแพ้ ติดต่อกันหลายนัดเมือ่ ฤดูกาลทีผ่ า่ นมา ไม่นบั ทีร่ ะยะหลังๆ ทุกครั้งที่เขาลงเล่น เขาช้าลง ถูกสั่งให้ลงไปพักอยู่ข้าง สนามมากขึ้น กระทั่งพันร่างกายตัวเองด้วยแถบผ้าพร้อม ถุงน้ำ�แข็งจนดูพิกลในสายตาแฟนๆทั้งหมดนี้ เจ้าตัวย่อมรู้ ดมากีทสี่ ดุ และคายมันออกมาเป็นแถลงการณ์รไี ทร์ตวั เอง ก่อนหน้านัดสุดท้ายนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2015 “.......สิ้นฤดูกาลนี้ผมคงต้องไป ทั้งที่หัวใจยังเต้นเร่าและ พร้อมจะฝ่าฟันทุกอุปสรรค แต่ร่างกายผมรู้ดีรู้ว่าถึงเวลา ต้องบอกลาแล้ว”
บทสุดทาย "โคบี้ ไบรอันท" ปดตำนานสตารจอมอหังการ
“และอีกเช่นกันที่เราต่างรู้ว่า นับจากนี้ไป ไม่ว่าผมจะทำ� อะไร ผมยังคงเป็นเด็กคนนั้นกับม้วนถุงเท้าที่ถูกโยนลงตะ กร้าถังขยะเสมอ” นั่นย่อมเป็นคำ�ร่ำ�ลาถูกแล้ว สำ�หรับโคบี้ นี่อาจไม่ใช่เพียง การบอกลาอาชีพ แต่มันอาจจะหมายถึงการบอกลาส่วน เสี้ยวสำ�คัญของชีวิต จดหมายอำ�ลาวงการของเขานั้นจึง เปี่ยมไปด้วยความหมายในทุกบรรทัด ในปี 1996 ไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มที่ยิ้มยิงฟันใส่กล้อง กับเสื้อ สีม่วงทองเบอร์ 8 นั้นมองอนาคตของเขาไว้แบบไหนและ อย่างไร อาจจะวาดภาพตัวเองโดดเด่นและเป็นดาวค้าง ฟ้าอีกดวงของวงการ NBA เห็นชื่อเสียงและอำ�นาจที่ จะได้รับในอีก 10 ปีต่อมา แต่เขาคงคาดไม่ถึง ว่าในวันที่เขาบอกลาพื้นที่ที่เขาใช้ชีวิต มาตลอดนั้น ผู้คนจะรักและอาลัยเขามากขนาดนี้ ถึงขนาด ที่ชื่อ “โคบี้ ไบรอัน” ดังสนั่นทั่วสเตเปิลส์เซ็นเตอร์ พร้อม การเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟพิโค่สเตชั่น เป็นโคบี้สเตชั่น เพื่อเป็นเกียรติ รวมถึงข้อความมากมายจากเพื่อนนักกี ฬาและคนดัง และในเกมสุดท้ายระหว่างเลเกอร์สกับแจ๊ส เขาทำ�ไป 60 แต้ม เต็มๆ และพาทีมชนะไปอย่างสวยงาม 60 แต้มสุดท้ายสำ�หรับอาชีพนักกีฬา.................... พูดยากว่าโคบี้คือฮีโร่ ในเมื่อทางเดินที่ผ่านมา เขาคือภาพ แทนของคนอัตตาสูง อวดดี หัวแข็งและดื้อรั้นที่สุดคน หนึ่ง ไม่มีฮีโร่ที่ไหนคล้ายคลึงวายร้ายได้เท่านี้ แต่ก็อีกนั่น แหละวายร้ายที่ไหนจะครองหัวใจคนได้มากขนาดนี้ ในเกมสุดท้ายของวันนี้ เขายืนยิ้มอยู่กลางสนามบาสเกต บอลที่ปูพื้นเป็นหมายเลข 8 และ 24 ต่อหน้าผู้ชมนับพันและ สื่อมวลชนอีก 15 ประเทศ เขากล่าวขอบคุณผู้คนมากมาย และปิดท้ายมันด้วยฉายาของเขาเองอย่างภาคภูมิใจ “Mamba Out”
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
23
INSIDE STORY พร้อมพาทีมเข้าชิง Playoff เป็นหนแรกในรอบหลายปี และแม้จะตกรอบด้วยการแพ้ให้กับ San Antonio Spurs แชมป์ในปีนั้น แต่หลายคนเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีของ GSW ยุคใหม่ที่ build around Stephen Curry
พูดถึงนักบาสเก็ตบอลที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้ Stephen Curry เรื่องราว ความเป็นมาของเขา จะว่าไปดุจดั่งนิยาย แต่นี่คือเรื่องจริงที่สามารถสร้างแรง บันดาลใจ และเป็นแบบอย่างให้กับคนทุกคนบนโลกนี้ได้ Steph เกิดที่ Ohio โดยเป็นลูกของ Dell Curry นักบาสเก็ตบอลมือฉมัง สามแต้มคนหนึ่งในวงการบาส กับภรรยา Sonya Curry เมื่ออายุได้เพียง 2 สัปดาห์ Steph ก็ได้เข้าไปสัมผัสในเกมบาส NBA ครั้งแรก เพราะแม่ของเขา ได้พาลูก เพื่อไปให้กำ�ลังใจคุณพ่อ Dell ที่กำ�ลังแข่ง Playoff อยู่ที่ Cleveland ตลอดเกมนั้นปรากฎว่า Steph ไม่หลับเลย ลืมตาตื่นด้วยความสนใจ ตลอด จนแม่ปักใจเชื่อว่า Steph ได้ดูดซับความหลงไหลในบาสเก็ตบอล เข้าไปแล้ว จากนั้นผู้คนได้เห็น Steph ในวัยเด็กเคียงข้างพ่อของเขา เขารัก การเล่นบาสเก็ตบอลตั้งแต่เด็ก และได้รับการส่งเสริมจากครอบครัว แต่ก็มี อุปสรรคเมื่อ Steph มีรูปร่างที่บอบบาง และส่วนสูงที่ไม่มากในมาตรฐาน นักบาส ทำ�ให้เมื่อเขาจบ high school ไม่มี College ที่โด่งดังเรื่องบาส ที่ไหนเสนอสนใจรับเขาเข้าทุนการศึกษาเลย จนในที่สุด Steph จึงต้องเลือก Davidson ที่ยื่นข้อเสนอมาให้ แม้จะไม่เคยได้แชมป์ NCAA (บาสระดับมหา ลัย) เลยตั้งแต่ปี 1969 ปรากฎว่า Steph ได้พัฒนาและพิสูจน์ให้คนเห็น ความสามารถ Davidson ทั้งพาทีมเข้า NCAA tournament สร้างสถิติ การทำ�แต้ม และชู้ต 3 pts มากที่สุดใน NCAA เคอรี่ใช้เวลา 3 ปีในมหาลัย เพื่อพัฒนาตัวเองเป็น Point Guard ซึ่งเป็นตำ�แหน่งที่เหมาะกับรูปร่างและ ความสามารถของเขาที่สุด โดยเขาเลือกจะดรอปการเรียนในปี 4 และออก จากมหาลัย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้เล่น NBA ตามรอยพ่อของเขา ใน Draft ปี 2009 เขาได้รับเลือกเป็นคนที่ 7 โดยทีม Golden State Warriors ในปี แรก Steph ฉายแววด้วยการชู้ต 3 แต้มที่แม่นยำ� บวกกับศักยภาพในการ ถือและจ่ายบอล ทำ�ให้ได้รับการจับตา และถูกเลือกให้เป็นนักบาสดาวรุ่ง อันดับสองของลีกในปีนั้น Steph ยังคงมาตรฐานในปีที่ 2 ได้อย่างดี แต่ใน แง่ทีม GSW ไม่มีฤดูกาลที่น่าจดจำ� และห่างไกลจากการลุ้น playoff เป็น ทีมที่มีแต่เกมรุก สร้างสีสันด้วยการทำ�แต้ม แต่ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ในปีที่ 3 GSW เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยน Coach เป็น Mark J ackson แต่ Steph กลับพบกับฝันร้าย เมื่อมีอาการบาดเจ็บข้เท้ารบกวน ตลอดฤดูกาล และต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้าขวาซ้�ำ หลายครั้ง หลายคนเริ่ม ตั้งข้อสงสัยในตัวเขา ว่าเขาจะสามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม และอีกหลาย คนเชื่อว่านักบาสที่บอบบางอย่าง Steph กับการบาดเจ็บรุนแรงแบบนี้ ยากที่จะเอาดีเป็นนักบาสแนวหน้าของลีกได้ ในปีที่ 4 ทีม GSW แสดงความเชื่อในตัว Steph Curry ด้วยการต่อสัญญา ไปอีก 4 ปี กับสัญญามูลค่ากว่า $44 ล้านเหรียญ พร้อมจะสร้างทีมโดยมี Steph เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการกระทำ�ที่เสี่ยงที่ต้องอาศัยความเชื่อและ ศรัทธาอย่างมาก เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ยังคอยรบกวน รวมไปถึงความ สามารถที่หลายคนยังสงสัยว่าด้วยจุดเด่นการชู้ต 3 แต้มอย่างเดียว จะสา มารถพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน ปรากฏว่า Steph ตอบแทนความไว้วางใจด้วย การทำ�สถิติ ชู้ต 3 แต้มลงมากสุดในหนึ่งซีซันตลอดกาลของ NBA
ในปีที่ 5 ทั้ง GSW และ Steph ยังคงแสดงให้เห็นการพัฒนา โดย Steph มีการพัฒนาอย่าง ชัดเจนในเรื่องการถือบอล สร้างโอกาสให้เพื่อน และการจ่ายบอล จน Steph ได้มีชื่อติดในทีม AllStar first team เป็นครั้งแรกของ franchise ในรอบหลายปี และพาทีม GSW เข้า Playoff แม้ สุดท้ายจะพ่ายให้กับ LA Clippers ในรอบแรกก็ตามและมาในปีนี้ ปีที่ 6 ของ Steph ใน NBA มี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของ GSW เมื่อ โค้ช Mark Jackson ที่มีความสัมพันธ์ที่ดี กับ Steph ถูกไล่ออกไป และได้แต่งตั้งโค้ชคนใหม่ Steve Kerr อดีตนักบาส NBA ที่ไม่มีประ สบการณ์คุมบาสมาก่อน Kerr เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นจากเดิมที่พึ่งแต่ Steph ให้เล่น เป็นทีมมากขึ้น เน้นการจ่ายบอล และมูฟเม้นท์ของคนไม่มีบอล ขณะเดียวกันก็แก้จุดอ่อนของ Steph ที่เคยอาศัยคนอื่นช่วยในการ defense ให้เป็นคนรับผิดชอบเอง การลดภาระในการทำ� เกมออกไป และเพิ่มภาระใหม่ให้กับ Steph เป็นเหมือนการผลักดันให้ทุกคนในทีมมีการพัฒนา รวมไปถึงตัว Steph เองด้วยที่เปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองและความ ท้าทายในการยกระดับการเล่นของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งเกมรุกและเกมรับ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเหลือเชื่อ เมื่อ Steph ได้พัฒนาการเล่นของตัวเองไปอีกระดับ จนได้รับการโหวต จากมหาชนให้ติดทีม All-Star first team เป็นอันดับหนึ่ง แถมด้วยการเป็น MVP (the most valuable player) จากการโหวตโดยผู้เล่น โค้ช และนักข่าวในวงการ NBA ซึ่งแทบจะเรียก ได้ว่าเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของนักบาสแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ Steph ทำ�ลายสถิติยิง 3 แต้ม มากสุดของตัวเองเมื่อ 2 ปีก่อนลง พร้อมกับพาทีมเข้า Playoff และชนะจนได้แชมป์ของฝั่งตะวัน ตก Western Conference Champion และรอทีจ่ ะชิงแหวน NBA Championship กับทีม Cleveland Cavaliers ในอีกอาทิตย์ที่จะถึง ซึ่งหาก Steph สามารถพาทีมชนะได้ นี่จะถือเป็นการปิดฉาก perfect season ที่ดีที่สุดที่นักบาสคนหนึ่งจะทำ�ได้เลยทีเดียว สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Steph ก็คือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจากดินสู่ดวงดาวนั้น ตัวตนของ Steph ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย เขายังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ถ่อมตนกับทุกคน ทั้งเพื่อนร่วมทีม และ สตาฟฟ์ทีมงานทุกคน ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูที่ดีของครอบครัว ครั้งหนึ่งมีเพื่อนนักบาสของ พ่อเขา เคยไปเยี่ยมที่บ้าน เมื่อเห็นห้องของ Steph เขาก็ไม่สงสัยเลยว่าเด็กคนนี้จะมีอนาคตที่สดใส เพราะแม้ Dell จะมีเงินมากมาย แต่ห้องที่ Steph อยู่กลับเป็นห้องที่แสนธรรมดา มีโปสเตอร์นักบา สติด แทบไม่มีอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำ�เป็น การเลี้ยงดูที่ถูกต้องนี้หล่อหลอมให้ Steph ไม่เป็น คนลุ่มหลงไปกับความโลภและสิ่งไร้สาระ นอกจากนั้นครอบครัว Curry ยังเป็นครอบครัวที่เคร่ง ในศาสนามาก หลายครั้งเวลาที่ Curry ชู้ตลงเขาจะแตะอกแล้วมองไปบนฟ้า เพื่อแสดงความศรัทธา ต่อพระเจ้า Steph พบกับภรรยาของเขา Ayesha จากกิจกรรมในโบสถ์ ทั้งคู่เริ่มคบหากันตั้งแต่ อายุ 14-15 ปี จนถึงปัจจุบันที่ทั้งคู่แต่งงานกันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ Riley โดย Steph ไม่เคยมีปัญหา เรื่องผู้หญิงเลย และเป็นผู้ชายที่รักครอบครัวมาก หลังเกมการแข่งขันใหญ่ๆ สิ่งที่ Steph ทำ�หลัง ชนะคือการไปแสดงความดีใจกับครอบครัวและลูกสาว นอกจากนั้น Steph ยังเป็นคนที่ถ่อมตน ให้เกียรติกับผู้อื่น ให้เครดิตกับทุกคนที่มีส่วนช่วยเขาเสมอ ในการรับรางวัล MVP เขาได้ใช้เวลาเกือบ หนึง่ ชัว่ โมง ในการพูดขอบคุณแทบจะทุกคนทีเ่ กีย่ วข้องในชีวติ เขา เขาซาบซึง้ และมองทุกอย่างทีเ่ ข้ามา เป็นดั่งพร blessing ให้กับชีวิตเขา การ support ที่ดีของครอบครัวตั้งแต่เด็กเรื่อยมาถึงการ เสียสละของครอบครัวที่ยอมย้ายถิ่นฐานข้ามฝั่งประเทศมาอาศัยอยู่ใน Bay Area เพื่อให้ Steph ส ามารถ focus กับสิ่งที่เขารักได้อย่างเต็มที่ เมื่อบวกกับความอ่อนน้อมถ่อมตน ความศรัทธาในพระ เจ้า ความซาบซึ้งและรู้คุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี ความมุ่งมั่นตั้งใจทำ�ในสิ่งที่รัก ส่วนประกอบเล็กๆ เหล่านี้หล่อหลอมและเป็นที่มาของ นักบาสตัวอย่างที่เป็นที่สุดของโลกในวันนี้ “Stephen Curry”
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
27
NFL EXCLUSIVE
สำ�หรับแฟนๆอเมริกันฟุตบอล ช่วงเวลานี้เงียบเหงายิ่งนัก หลังจากการ คัดเลือกตัวนักกีฬาจบลงไป ก็ได้แต่นั่งๆนอนๆรอคอยเกมปรีซีซั่นที่จะมา ถึงเมื่อเข้าสู่เดือนสิงหาคม ผมจึงขอเข้ามาเก็บกวาดขัดถูฝุ่นหยากใย่ออกไปจากห้องนี้บ้าง ด้วยการ เขียนเรื่องราว ถึง “ ฉายา “ ของแต่ล่ะยอดทีมที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจ จุบัน อาจจะมีสาระ ความรู้บ้าง ไม่มากก็น้อยหากมันช่วยคลายเหงาให้กับ พี่น้องผองเพื่อนคนรักอเมริกันฟุตบอลได้ ผมก็ปลื้มใจแล้ว ขอเชิญเลื่อนเมาส์ไล่ตามผมมาเลยครับ เราจะไปล่วงรู้ ถึงที่มาของเหล่าฉายา ที่แต่ล่ะสุดยอดทีมในแต่ล่ะยุคสมัย ได้รับมันมากันครับ....
“ America’s Team “ Dallas Cowboys ช่วงยุค 70 นัน้ ทีมกีฬาของสหรัฐอเมริกา ทีม่ อี ทิ ธิพลส่งผลต่อฐานความนิยมของบรร ดาแฟนๆ ได้แก่ทมี อย่าง Steelers , Dolphins , Raiders ซึง่ ล้วนแล้วแต่มแี ฟนเดนตาย เป็นของตัวเองอยู่อย่างมั่นคง แต่มีอยู่ทีมหนึ่ง ซึ่งได้รับความนิยมไปมากกว่าใน สหรัฐ ได้แก่ทีม Dallas Cowboys อาจจะเป็นเพราะ ดีไซน์ของ ชุดทีม ที่มีสีขาว สะอาดตาตัดกับ หมวกกันน็อคสีเงินยวง ที่มีเครื่องหมายดาวเดี่ยวสะดุดตาหรืออาจ จะเป็นเพราะ ความนิยมในตัวของ โรเจอร์ สตอร์บาค ยอดควอเตอร์แบ็คจอมทัพสุด คลาสสิค ที่มีฝีไม้ลายมือที่โดดเด่นในช่วงเวลานั้น หรือ กลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ “ Cowgirls “ ที่มีชือเสียงเรื่องความสวยงามกระฉ่อนโลก ก็ตาม มันได้ท�ำ ให้ โลโก้ เสื้อผ้า ของที่ระลึก รวมไปถึงสินค้าต่างๆของทีม Cowboys เป็นที่นิยมในหมู่แฟนๆกีฬาใน วันเวลานั้นอย่างมากมาย เราจะได้เห็น เด็กใส่เสื้อผ้าที่มีสัญลักษณ์ดาวเดี่ยวตาม สถานที่ท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ�เรามักได้เห็นคนใส่หมวกแก๊ปที่มีตราดาวเดี่ยวปะอยู่ จนชินตา และยิ่งเมื่อ บ็อบ ไรอัน หนึ่งในทีมงานบทของ NFL Films ได้ริเริ่มเรียก ขานนามของทีม Cowboys ในเทป NFL ของฤดูกาล 1978 ว่าเป็น “ America’s Team “ มันจึงกลายมาเป็น ฉายา ของทีมนี้ตั้งแต่วันนั้น มาจนกระทั่งถึงในวินาทีนี้...
28 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
“ Air Coryell “ San Diego Chargers 80s ถ้าหากพูดถึงทีมบุก ที่มีแผนการบุกแบบชนิดบู๊ล้างผลาญ ขว้างลึก บอมบ์ไกล แฟนๆ อเมริกันฟุตบอลเมืองไทย ที่ได้ติดตามชมมาตั้งแต่กลางยุค 80 ร้อยทั้งร้อยคง ไม่มีใครที่จะปฏิเสธ ความบ้าระหํ่าในปรัชญาการบุกของ บรมกุนซือ ดอน คอร์แยล ที่สร้างทีมบุกของ San Diego Chargers ช่วงยุค 80 ให้เป็นทีมที่มีเกมขว้างบอลระ เบิดระเบ้อเป็นที่หวั่นเกรงไปทั่วทั้งลีคไปได้เลย บรรดาขุนพลคู่ใจของ โค๊ชคอร์แยล ได้แก่ แดน เฟ้าท์ส ควอเตอร์แบ็คหนวดดกที่มีการ ขว้างบอลที่ดุดัน และ เฉียบฉมัง ตามมาด้วยกลุ่มปีกนอกอย่าง ขาร์ลี จอยเนอร์ , เวส แชนด์เลอร์ , จอห์น เจฟเฟอร์สัน และยอดตำ�นานปีกในอย่าง เคลเลน วินสโลว์ ไหนจะ ชั๊ค มันซี่ ตัววิ่งหุ่นรถถัง ที่รับลูกบอลได้ดีพอๆกับการวิ่ง ทั้งหมดที่ว่ามา ต่างเป็นส่วน ผสมที่ลงตัวให้กับแผนการบุกทางภาคพื้นอากาศของ ดอน คอร์แยล ได้เป็นอย่างดี จนทำ�ให้ทีมในตำ�นานทีมนี้ เดียวกันว่า...
ได้รับฉายาจากแฟนๆอเมริกันฟุตบอลอย่างเป็นเสียง
“ สายการบินคอร์แยล “
ช่วงปลายยุค 80 ถึงต้นยุค 90 นั้น ทีมรับ Saints นิยมใช้แผนเกมรับ แบบ 3-4 และ กลุ่มไลน์แบ็คเกอร์จากการสร้างสรรของ วิค ฟานจิโอ โค๊ชไลน์แบ็คเกอร์ในช่วงเวลานั้น มีฝีไม้ลายมือ และ ดีกรีความโหดที่ระ บือลือไกลไปทั่ว NFL ความยอดเยี่ยมของแก็งค์ไลน์แบ็คเกอร์กลุ่มนี้ ดูได้จาก การมีสถิติการถูกคัดเลือกเข้าไปเล่นในเกมรวมดารารวมกัน ทั้งหมดถึง 18 ครั้ง และเป็นกลุ่มไลน์แบ็คเกอร์ชุดเดียวในประวัติ ศาสตร์ NFL ที่ได้รบั เลือกให้ตดิ ทีมรวมดาราร่วมกันทัง้ กลุม่ ในปี 1992 ชื่อของสมาชิคกลุ่มอย่าง....แซม มิลส์ , แวงฮอร์น จอห์นสัน , ริ๊คกี้ แจ็คสัน และ แพ็ท สวิลลิ่ง คือความภาคภูมิใจหน้าหนึ่ง ในตำ�นานของทีม Saints มาโดยตลอด ในฐานะ “ หน่วยลาดตะเวนแห่งซุปเปอร์โดม “ ที่สุดยอดเยี่ยม...
“ Dome Patrol “ New Orleans Saints Linebackers group 1986-1992
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
29
NFL ฉายานั้น…..พวกทานไดแตใดมา ? ในช่วงปลายยุค 60 นั้น หนึ่งในกุญแจสำ�คัญของความสำ�เร็จของ Dallas Cowboys มาจากความยอดเยี่ยมของทีมรับ ที่นำ�ทัพมา โดย บ็อบ ลิลลี่ , ชั๊ค ฮาวลี่ย์ , ลีรอย จอร์แดน , ดีดี ลิวอิส , เมล เรนโฟล และ คลิฟ แฮร์รีส แก็งค์ทีมรับวันโลกาวินาศ I นี้ นำ�ทีมดาว เดี่ยวเข้าไปเล่นในซุปเปอร์โบลว์ 5 แต่ต้องพ่ายความเก๋าเกมของทีม Baltimore Colts แบบน่าเสียดาย แต่จากความยอดเยี่ยมของทีม รับ Cowboys ในเกมวันนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายปราชัย แต่ ชั๊ค ฮา วลี่ย์ ไลน์แบ็คเกอร์ของ Cowboys กลับเป็นคนแรกและคนเดียวใน ประวัติศาสตร์ซุปเปอร์โบลว์ ที่ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำ� เกม ( MVP ) และทีมดาวเดี่ยวก็กลับมาแก้ตัวได้อีกหนในซุปเปอร์ โบลว์ 6 และก็เป็นทีมรับกลุ่มนี้นี่เอง ที่เป็นปัจจัยสำ�คัญในการคว้า ลอมบาร์ดี โทรฟี่ ใบแรก มาสู่เมือง Dallas เมื่อไล่ถล่มทีม Miami Dolphins ไปกระจายด้วยคะแนน 24 - 3
“ Doomsday Defense “ Dallas Cowboys 60s-70s
ก่อนที่อีก 6 ปีต่อมา จะมีทีมรับวันโลกาวินาศภาค 2 ถือกำ�เนิดขึ้น มาสานต่อความยอดเยี่ยมของรุ่นพี่ กลุ่มทีมรับแก็งค์ใหม่ แต่ มีดีกรี ความโหดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากลุ่มเดิมร่วมกันสร้างความแข็งแกร่งให้ กับทีม Cowboys ด้วยการนำ�ทัพดาวเดี่ยวเข้าไปเล่นในซุปเปอร์โบลว์ ได้ถึง 3 สมัย โดยในซุปเปอร์โบลว์ X และ XIII ต้องพ่ายแพ้ให้กับความ ยอดเยี่ยมของทีม Steelers ไปอย่างฉิวเฉียดทั้ง 2 หนแต่ทีม Cow boys ชุดนี้ก็มาได้ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ สำ�เร็จในซุปเปอร์โบลว์ XII ด้วย ความยอดเยี่ยมของทีมรับ เมื่อถล่มทีม Broncos ไปแบบสบายๆ ด้วยสกอร์ 27-10
ก่อนหน้าทีม Rams ในยุค 60 นั้น เคยมีทีมอเมริกันฟุตบอลได้รับ ฉายา “ Fearsome Foursome “ นี้มาก่อนแล้วเช่น Giants ในยุค 50 , Chargers ยุค 60 และ Lions แห่งยุค 60 แต่ทีมที่ได้รับการ ยอมรับ ว่า ยอดเยี่ยม และ หฤโหด เหมาะสมกับฉายา “ 4 สยอง “ นี้มากที่สุดจนกลายมาเป็นเครื่องหมายการค้า ก็คือ ทีมรับ 4 คน ของ Los Angeles Rams ช่วงปี 1963 - 1970 แก็งค์ Fearsome Foursome ของทีมแกะเขาเหล็กประกอบด้วย...โรซี่ เก รียร์ , เมอร์รีน โอลด์เซ่น , ลาร์มาร์ ลันดรี้ และ ดีค่อน โจนส์ ดีกรี ความเหี้ยมโหดของทีมชุดนี้ของ Rams ได้รับการการันตีจาก ดิ๊ก บัทคัต อดีตไลน์แบ็คเกอร์จอมโหดของทีม Bears ว่า “ แก็งค์ Fear some Foursome ของทีม Rams คือกลุ่มทีมรับที่มีการทำ�ลาย ล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NFL เลยทีเดียว”
“ Fearsome Foursome “ Los Angeles Rams
30 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
NFL ฉายานั้น…..พวกทานไดแตใดมา ? ทีมบุกของ ST.Louis Rams ระหว่างปี 1999 - 2001 คือ หนึ่งในทีม บุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของ NFL ก่อนหน้านั้นจะมีใคร หน้าไหนที่จะเชื่อว่า.. ทีมจากการสร้างสรรของหัวหน้าโค๊ชเจ้านํ้าตา ที่โดนใครๆหยามว่าหมดนํ้ายาไปแล้วอย่าง ดิ๊ก เวอร์มีล มารวมตัวเข้า กับ “ อัฉริยะแผนบุก “ ที่ความยอดเยี่ยมอยู่ใกล้กับความเพี้ยนอย่าง ไมค์ มาร์ช และ แบ็คอัพควอเตอร์แบ็คผู้มีที่มาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต นาม เคิร์ท วอร์นเนอร์ จะนำ�ทัพทีมสุดหมูตู้อย่าง Rams มาเป็น แชมป์ ซุปเปอร์โบลว์ XXXIV ได้ในท้ายที่สุด ใครที่กล้าการันตีทีม Rams ในปี 1999 ไม่บ้าก็ต้องเมาไม่สร่างอย่างแน่นอน... แต่ ความยอดเยี่ยม ของกลุ่มทีมบุก Rams ที่ระเบิดการทำ�ลายล้าง ทุกรูปแบบต่อทีมรับฝ่ายตรงข้ามในช่วงเวลานั้น เป็นประจักษ์พยานที่ ล้มล้างทุกคำ�หยามเหยียดได้อย่างเงียบสนิท Warner , Faulk , Bruce , Holt , Conwell , Proehl และ Hakim คือ คีย์แมนใน ทีมบุกชุดระเบิดระเบ้อของ Rams ที่ร่วมกันพาทีมเข้าไปเล่นในซุป เปอร์โบลว์ได้ถึง 2 สมัย ( XXXIV & XXXVI ) และ ได้ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ ใบแรกและใบเดียวของทีมมาในซุปเปอร์โบลว์ 34 ปี 1999
“ The Greatest Show on Turf “ ST.Louis Rams 1999-2001
กลุ่มแนวเปิดทางของทีม Redskins ช่วงระหว่างปี 1980 - 1992 นั้น เป็นกลุ่มที่แข็งแกร่ง ยอดเยี่ยม ทั้งทักษะ ฝีมือ รวมไปถึง นํ้าหนักตัว ที่ทั้งใหญ่ และ หนักอึ้ง จนถูกขนานนามว่า “ แก็งค์หมูตอน “ ถึงแม้ว่า จะฟังดูแล้วน่าขำ� แต่ ผลงานของแก็งค์หมูตอนนี้ยอดเยี่ยมเกินกว่า ที่ใครจะมาขำ�ขัน ลูกทีมของโค๊ชแนวบุก โจ บูเกล ประกอบไปด้วย โจ จาโคบี้ , เจฟฟ์ บอสติก , รัสกริมม์ , มาร์ค เมย์ , ดอน วอร์เรน และ ริค วอล์กเกอร์ ร่วมกันทำ�หน้าที่ป้องกันควอเตอร์แบ็ค โจ ไธซ์ แมน และ ระเบิดเปิดทางการวิ่งให้ จอห์น ริคกิ้นส์ ได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำ�ให้ทีมอินเดียนแดงผยองก้าวเข้าไปเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ XVII ในปี 1982 และ นำ�ทีมกลับเข้าไปป้องกันแชมป์ในปีถัดมา แต่ต้อง พ่ายแพ้ให้กับความแข็งแกร่งของทีม LA Raiders จนซุปเปอร์โบลว์ XXII แก็งค์หมูตอนก็ยังคงความยอดเยี่ยม ป้องกันและสร้างเวลา ให้กับ ดั๊ก วิลเลี่ยม จนกลายมาเป็นจอมทัพผิวดำ�คนแรกที่นำ�ทีมได้ แชมป์ซุปเปอร์โบลว์ และ ในซุปเปอร์โบลว์ XXVI ปี 1992 ถึงแม้ว่า สมาชิคในแก็งค์หมูตอนจะโรยราสังขารลงไปแต่ก็ยังทำ�หน้าที่ปกป้อง มาร์ค ริปเปี้ยน ควอเตอร์แบ็คฝีมือปานกลาง จนสามารถเป็นจอมทัพ ที่คว้า ลอมบาร์ดี โทรฟี่ ใบที่ 3 มาให้กับทีมได้
“ The Hogs “ Washington Redskins offensive line 1980 - 1992
“ The Hogs “ แสดงให้ใครต่อใครได้เห็นว่า... ถึงแม้พวกตนไม่ใช่ผู้ เล่นซุปเปอร์สตาร์ค่าตัวแพง แต่ความสำ�เร็จ 3 แชมป์ของทีม Red skins ในช่วงปี 1980 - 92 ก็มาจากผลงานของแก็งค์หมูตอน ที่สุดแสนอุ้ยอ้ายแก็งค์นี้ล่ะ...
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
31
NFL ฉายานั้น…..พวกทานไดแตใดมา ? ทีม Cleveland Browns ฤดูกาล 1980 ของโค๊ช แซม รัตธิเกลียอา โน่ เป็นทีมที่ใกล้เคียงกับการก้าวเข้าไปเป็นแชมป์ซุปเปอร์โบลว์มาก ที่สุดชุดหนึ่ง ทีมชุดนั้นประกอบไปด้วยควอเตอร์แบ็คมากฝีมืออย่าง ไบรอัน ไซป์ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นจนเป็ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำ�ฤดูกาล 1980 แถมยังมีตัววิ่งฝีเท้าจัดอย่าง ไมค์ พรูอิตต์ และ ปีกในออลโปร อย่าง ออซซี่ นิวซั่ม อยู่ในทีม ลูกทีมของ รัตธิเกลียอาโน่ โชว์ความ แกร่ง ของหัวใจในการเล่นเกมที่ สูสี ใ กล้ เคี ย งมาตลอดทั้ ง ฤดู กาล จนได้ฉายาว่า....” The Kardiac Kids “ ทีมเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นแชมป์ AFC Central เขี่ยสุดยอดทีม อย่าง Steelers จนแห้วเพลย์ออฟเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี แต่พอเปิดบ้านรับมือทีมไวด์คาร์ดอย่าง Oakland Raiders The Kardiac Kids ดันดวงแตก นัดกันเล่นหลุดฟอร์มกันทั้งทีม ทำ�ให้พ่าย Raiders ไปแบบเจ็บแสบด้วยสกอร์ 12 - 14 คะแนน ทีมหัวใจแกร่ง กลายเป็น แก็งค์คนหัวใจสลาย ในท้ายที่สุด...
“ The Kardiac Kids “ Cleveland Browns 1980
“ Million Dollar Backfield “ San Francisco 49ers Backfield 50s
32 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
“ แก็งค์แบ็คล้านเหรียญ “ เคยเป็นฉายาของทีม Chicago Cardinals มาก่อนแล้วเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เรื่องราวของ มันก็นานเกิน คนที่ทันได้ดูฝีไม้ลายมือของแก็งค์นี้เล่น ตอนนี้คงจะ ลงไปนอนคุยอยู่กับรากมะม่วง กันแทบจะหมดแล้ว ผมจึงขอว่าถึง “ แก็งค์แบ็คล้านเหรียญ “ ชุดที่ 2 ตำ�นานของทีมคนตื่นทอง San Francisco 49ers ช่วงยุค 50 อย่างเดียวนะครับ หลังปี 1946 ทีม 49ers ก่อร่างสร้างทีมขึ้นมาด้วยการดึงผู้เล่นสตาร์ดังเข้ามาสู่ทีม ทีมเริ่มค้นด้วยการดึง โจ “ The Jet “ เพอร์รี่ คัววิ่งฝีเท้าจัดเข้า มาสู่ทีมเป็นคนแรก และได้ตัวของควอเตอร์แบ็ค วาย เอ ไทเทิ่ล จอมทัพ มากฝีมือที่เคยเล่นให้กับทีม Baltimore Colts จากนั้นทีมคักเลือก ตัวของ “ Hurryin’ Hugh “ ฮิวส์ แม็คเอลเฮนนี่ จอมตะลุยเข้ามาในรอบ แรกของปี 1952 และได้ จิ๊กซอร์ตัวสุดท้าย จอห์น จอห์นสัน เข้ามาเติม เต็มแก็งค์นี้ในปี 1953 เมื่อได้สมาชิคครบองค์ประชุม คราวนี้ผลงาน ของทีมคนตื่นทองก็ระเบิดเถิดเทิง แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะถึง แม้ว่าจะมีทีมบุกที่ระเบิด แต่ทีมชุดนี้ก็ไม่เคยก้าวไกลไปถึงการเป็นแชม เปี้ยนได้เลย เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ทีมรับของ 49ers ดัน กลายเป็นตัวถ่วงของทีม ถึงแม้ว่าทีมบุกจะระเบิดสกอร์ได้มากเท่าไร ทีมรับของคนตื่นทองก็แถมคะแนนคืนให้คู่แข่งอย่างเป็นกอบเป็นกำ�เ ช่นเดียวกัน แต่เครดิตส่วนตัวของ “ แก็งค์แบ็คล้านเหรียญ “ ก็ยัง ไม่ธรรมดา เพราะสมาชิคของแก็งค์นี้ ล้วนแต่ได้รับเลือกให้เข้าไป เล่นในเกมรวมดารากันแบบทั่วหน้า และท้ายที่สุด 4 สมาชิคแก็งค์นี้ ก็ไ ด้มีชื่อประดับอยู่ในหอเกียรติยศอเมริกันฟุตบอลที่แคนตั้น โอไฮโอ เพื่ อ เป็ น การประกาศความเก่ ง กล้ า สามารถให้ แ ฟนๆได้ ป ระจั ก ษ์ ไปตลอดกาล
NFL ฉายานั้น…..พวกทานไดแตใดมา ? ซุปเปอร์โบลว์แรก และ ซุปเปอร์โบลว์เดียว ในปี 1985 ที่ทีม Chicago Bears ได้มาเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องยกเครดิตให้กับทีม รับ ที่มียอดซือแป๋อย่าง บัดดี้ ไรอัน เสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาทีมรับของ Bears ชุดปี 1985 คือหนึ่งในตำ�นานของ NFL มาจวบจนปัจจุบัน ทีมรับที่ประกอบขึ้นมาด้วย สุดยอดผู้เล่นอย่าง..ริชาร์ด เดนท์ , แดน แฮมป์ตั้น , สตีฟ แม็คไมเคิ่ล , วิลเลี่ยม เพอร์รี่ , ไมค์ ซิงเกอร์ทารี่ , วิล เบอร์ มาร์แชลล์ , เลสลี่ ฟราเซี่ยร์ และ แกรี่ เฟนซิค ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อ ที่การันตี “ ความโหด “ ได้เป็นอย่างดี ผลงานการเป็นทีมที่เสียคะแนน น้อยที่สุด เป็นทีมที่เสียระยะน้อยที่สุด แถม ริชาร์ด เดนท์ ยังเป็นผู้ เล่นที่แซ็คควอเตอร์แบ็คคู่แข่งได้มากที่สุด และ ไมค์ ซิงเกอร์ทารี่ ยัง ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทีมรับยอดเยี่ยมของลีค บวกกับ การดับเบิ้ลชั๊ คดาวน์ ในรอบเพลย์ออฟ ใส่ Giants 21 - 0 และ ถล่ม Rams ไปอีก 24 - 0 ในเกมชิงแชมป์ NFC ก่อนที่จะมาเสียคะแนนให้กับ Patriots ไปเพียง 10 แต้มเท่านั้น ในซุปเปอร์โบลว์ XX ที่ Bears ทุบพลพรรค กู้ชาติไปกระจายถึง 46 แต้ม คือเครื่องยืนยันว่า “ เหล่าอสุรกาย ณ.กึ่งกลางทาง “ ของทีม Chicago Bears ปี 1985 นั้นดุจริงๆ
“ Monsters of the Midway “ Chicago Bears Defense 1985
ในปี 1969 มีภาพยนตร์คาวบอยตะวันตก ว่าด้วยเรื่องราวของ แก็งค์คาวบอยวัยเก๋ารวมตัวกันพิทักษ์คุณธรรมจากพวกเหล่าร้าย ใช้ชื่อเรื่องว่า....” The Over-the-Hill Gang “ และเมื่อ ลูกทีม Washington Redskins ของยอดโค๊ช จอร์จ อัลเลน ช่วงต้นยุค 70 อุดมไปด้วยผู้เล่นวัยเก๋า ใกล้ปลดระวาง ที่กระจัดกระจายมาจาก ทีมต่างๆที่ อัลเลน เคยคุมมาในอดีต มารวมตัวกัน ราวกับมีปาร์ตี้ บ้านคนชราบางแค ทำ�ให้บรรดานักข่าวสายกีฬาในอเมริกา ต่าง เยาะเย้ยทีม Redskins ของ อัลเลนว่า...นี่มันพวก “ Over-the-Hill Gang “ รวมพ คาวบอยวัยเก๋าชัดๆเลยนี่หว่า แต่ “ พลพรรคแก่แต่ เก๋า “ ของ จอร์จ อัลเลน ที่มีวัยเฉลี่ยของผู้เล่นตัวจริงรวมอยู่ที่ 31 ขวบ กลับใช้ฝีไม้ลายมือที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมตามประสบการณ์ที่ เพิ่มพูน อุดทุกปากที่เคยวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาเสียสนิท เมื่อทีม Redskins ของ อัลเลน ระเบิดฟอร์มในปีแรก ( 1971 ) ด้วยผล งาน ชนะ 9 แพ้ 4 เสมอ 1 และ ขยับความเก่งยิ่งขึ้นไปอีกในปีต่อมา ( 1972 ) ที่ผลงาน ชนะ 11 แพ้ 3 เป็นแชมป์ของสาย NFC เข้า ไปเล่นในซุปเปอร์โบลว์ VII ได้อย่างสุดยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่า ในท้ายที่ สุด “ แก็งค์แก่แต่เก๋า “ ของ อัลเลน จะทำ�ได้เพียงรองแชมป์ เมื่อพ่ายให้ กับความเหนือชั้นของทีม Miami Dolphins ชุดเพอร์เฟ็ค ซีซั่น ไปแต่ แฟนๆอเมริกันฟุตบอลในวันเวลานั้น ต่างไม่เคยลืม ความเยี่ยมยุทธ ของกลุ่มผู้สูงวัยของอัลเลน ไปได้เลย...
“ Over-the-Hill Gang “ Washington Redskins 1972
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
33
NFL ฉายานั้น…..พวกทานไดแตใดมา ? “ แก็งค์มนุษย์กินคนสีม่วง “ ฉายาของทีมรับ Minnesota Vikings ช่วงยุค 60-70 เป็นหนึ่งในฉายาที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของ NFL เนื่องมาจาก ฉายาที่มีที่มาจากเพลงหลอกเด็กหลอกเล็กช่วงยุค 50 ผสานเข้ากับยูนิฟอร์มสีม่วงของทีม และ ดีกรีความหฤโหดของ 4 ผู้ เล่นแนวแรกในทีมรับของ Vikings ในวันเวลานั้น ที่สร้างตวามหวาด หวั่นให้แก่ควอเตอร์แบ็คไปทั่วทั้งลีค ฉายา “ แก็งค์มนุษย์กินคนสีม่วง “ จึงดูลงตัวแบบสุดๆกับพลพรรคของ Vikings เราลองมาดูใบประ กาศความยอดเยี่ยมของ แก็งค์มนุษย์กินคนสีม่วง กันอลัน เพจ คิด ทีมรวมดาราไปถึง 9 สมัย และได้รับการบรรจุชื่อไว้ในหอเกียรติยศ คาร์ล เอลเลอร์ ติดทีมรวมดารา 6 สมัย และได้รับการบรรจุชื่อไว้ในหอ เกียรติยศ จิม มาร์แชลล์ ติดทีมรวมดารา 2 สมัย และ แกรี่ ลาร์สัน ติด ทีมรวมดาราไป 2 สมัย แถมแก็งค์มนุษย์กินคนสีม่วง ยังเป็นแกนหลัก ในการพาทีม Vikings เข้าไปเล่นในซุปเปอร์โบลว์ได้ถึง 3 ครั้งในรอบ 4 ปีได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เคยสัมผัสกับ ลอมบาร์ดี โทรฟี่ แม้เพียง ครั้งเดียว แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะมาบดบัง ความยอดเยี่ยม และ ผลงาน ที่แก็งค์นี้ได้ฝากเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของ NFL ไปได้เลย....
“ Purple People Eaters “ Minnesota Vikings Defensive Line 60s - 70s
“ ทีมรับม่านเหล็ก “ คือ หนึ่งในฉายาที่แฟนๆอเมริกันฟุตบอลทั่วทั้ง โลก รู้จักกันมากที่สุดมันคือฉายาของทีมรับอันเกรียงไกรของ Pitts burgh Steelers ชุดแชมป์ซุปเปอร์โบลว์ 4 สมัย ( IX - X - XIII XIV ) ในช่วงยุค 70 - 80 ทีมรับที่ถูกประกอบขึ้นมาเพื่อการเป็นแชม เปี้ยนอย่างบรรจงโดยยอดตำ�นานโค๊ชอย่าง ชั๊ค โนลล์ มีน โจ กรีน , แอล ซี กรีนวู๊ด , เออร์นี่ โฮมส์ , ดไวท์ ไวท์ , แจ็ค แฮม , แจ็ค แลมเบิร์ต , แอนดี้ รัสเซลล์ และ เมล บรั๊นท์ ชื่อเสียงเรียงนามเหล่านี้ ได้สร้าง ความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับทุกทีมในลีคที่ต้องลงสนามเผชิญหน้า ด้วยความยอดเยี่ยมของ “ ทีมรับม่านเหล็ก “ ในวันเวลานั้น มัน ได้กลายมาเป็นเครื่องหมายการค้าให้กับทีม Steelers มาอย่าง ยาวนานจนกระทั่งถึงในปัจจุบัน ว่าเป็นทีมที่ กร้าว แกร่ง และ ดุดัน เหมือนกับเมื่อในอดีตที่เคยเป็นมา อย่างไม่เสื่อมคลาย...
“ Steel Curtain “ Pittsburgh Steelers defense 70s-80s
34 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
34
35 US SPORT USSPORTMAGAZINE.COM
USSPORTMAGAZINE.COM
US SPORT
36