นักบุญเปาโลบอกทิโมธีในจดหมายถึงศิษย์คนนีข้ องท่านตอนหนึง่ ว่า “ทุก ถ้อยคำ�ในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไข และอบรมให้ด�ำ เนินชีวติ อย่างชอบธรรม คน ของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง” (2 ทธ 3:16-17) นับเป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ไบเบิล ไดอารี่ได้พยายามนำ�เสนอข้อคิด จากพระคัมภีร์ที่ได้รับการเลือกสรรให้นำ�ไปอ่านในพิธีมิสซาแต่ละวัน เพื่อช่วยผู้ อ่านให้เข้าถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่อยู่ในนั้นได้ง่ายขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไบเบิล ไดอารี่ได้รับการตอบรับจากผู้อ่าน จำ�นวนมากขึน้ เรือ่ ยๆ ทัง้ ในและต่างประเทศ ทัง้ นีส้ ว่ นหนึง่ คงเป็นเพราะว่า “พระ วาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล” (ฮบ 4:12) ทรงพลังใน ตัวเองและสามารถบันดาลบางสิง่ ให้เกิดขึน้ ได้ในตัวผูร้ บั พระวาจานีด้ ว้ ยความเชือ่ นั่นเอง ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดทำ�ไบเบิล ไดอารี่ทุกท่านที่ได้เสียสละเวลา อันมีค่าในการแบ่งปันข้อคิดจากประสบการณ์ความเชื่อของท่าน ซึ่งให้ทั้งกำ�ลัง ใจและแนวทางในการดำ�เนินชีวติ อย่างชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าแก่ ผูอ้ า่ นด้วยดีเสมอมา และให้เราก้าวเดินไปพร้อมกับนักบุญมัทธิว ผูซ้ งึ่ พระวรสาร ตามคำ�บอกเล่าของท่านได้รับการเน้นเป็นพิเศษในปีนี้ เพื่อเราจะเข้าใจพระเยซู เจ้า ผู้ทรงเป็น “พระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” (มธ 16:16) ได้ ดียิ่งขึ้น ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน (พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย) ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์
ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมได้ผ่านไปแล้ว เราก้าวเข้าสู่ปี ค.ศ. 2017 แต่ กลิ่นไอของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรมยังคงอบอวลอยู่ และก่อให้เกิดผลดี มากมายในพระศาสนจักรและในชีวติ ของเราแต่ละคน เราได้เห็นคริสตชน นักบวช พระสงฆ์ และนักเรียน ต่างขะมักเขม้น กระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจแห่งความ เมตตาในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น การเยี่ยมเยียน ทำ�ให้มีผู้ห่างไกลวัดหลายคนหัน กลับมาสูอ่ อ้ มอกอันอบอุน่ ของพระบิดาเจ้าอีกครัง้ หนึง่ อีกทัง้ มีผสู้ นใจสมัครเรียน คำ�สอนเพือ่ เป็นคริสตชนอีกหลายคน นับเป็นเหตุการณ์ทนี่ า่ ยินดีอย่างยิง่ ซึง่ คณะ ผูจ้ ดั ทำ�ถือว่าสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ นี้ ผูท้ มี่ บี ทบาทสำ�คัญทีส่ ดุ คือองค์พระจิตเจ้าทีท่ �ำ งานอยู่ ในพระศาสนจักร โดยผ่านทางเราแต่ละคน คณะผู้จัดทำ�ตระหนักถึงบทบาทอัน สำ�คัญยิง่ ขององค์พระจิตเจ้าในชีวติ ของเราทุกคน จึงนำ�ภาพพระจิตเจ้าในกระจก สีมาทำ�เป็นภาพหน้าปกของไบเบิล ไดอารี่ 2017 เพื่อเตือนใจท่านผู้อ่านให้คิดถึง และสวดอ้อนวอนองค์พระจิตเจ้าบ่อยๆ นอกนัน้ ยังได้น�ำ บทภาวนาทีช่ วนศรัทธา ต่อองค์พระจิตเจ้าใส่ไว้ที่ปกหน้าด้านในด้วย เชื่อว่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้ อ่าน และเนื่องจากบทอ่านวันอาทิตย์เป็นปี A ซึ่งเน้นพระวรสารนักบุญมัทธิว ผู้ จัดทำ�จึงนำ�ภาพนักบุญมัทธิวมาลงไว้ที่ปกหลังด้วย คณะผู้จัดทำ�วอนขอพระเจ้า ทรงอำ�นวยพระพรให้ไบเบิล ไดอารี่ฉบับนี้ เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อท่านผู้อ่าน และขอถือโอกาสนี้ ขอบพระคุณพระ สังฆราช และพระสงฆ์ทุกองค์ ที่เขียนข้อคิดลงในไบเบิล ไดอารี่ฉบับนี้ ขอ ขอบพระคุณคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ สำ�หรับความ ช่วยเหลือต่างๆ และขอขอบคุณทุกท่านทีม่ สี ว่ นช่วยให้ไบเบิล ไดอารีฉ่ บับนีส้ �ำ เร็จ ลงด้วยดี ขอองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงอำ�นวยพระพร ตอบแทนนาํ้ ใจอันดีของทุกท่าน รวมทั้งทุกท่านที่ใช้ไบเบิล ไดอารี่ 2017 ด้วย คณะผู้จัดทำ�
ภาคพันธสัญญาเดิม
ภาคพันธสัญญาใหม่
1. ปฐมกาล............................ปฐก 26. เพลงซาโลมอน........พซม 1. มัทธิว.................................มธ 2. อพยพ.................................อพย. 27. ปรีชาญาณ.............ปชญ
2. มาระโก..............................มก
3. เลวีนิติ................................ลนต. 28. บุตรสิรา...................บสร
3. ลูกา.....................................ลก
4. กันดารวิถี..........................กดว. 29. อิสยาห์.....................อสย
4. ยอห์น................................ยน
5. เฉลยธรรมบัญญัติ.........ฉธบ. 30. เยเรมีย์......................ยรม
5. กิจการอัครสาวก...........กจ
6. โยชูวา..................................ยชว. 31. เพลงครํ่าครวญ.... พคค
6. โรม......................................รม
7. ผู้วินิจฉัย.............................วนฉ. 32. บารุค........................บรค
7-8 โครินธ์....................1-2 คร
8. นางรูธ.................................นรธ. 33. เอเสเคียล................อสค
9. กาลาเทีย..........................กท
9-10 ซามูเอล.................1-2 ..ซมอ 34. ดาเนียล....................ดนล
10. เอเฟซัส.............................อฟ
11-12 พงศ์กษัตริย์.......1-2 .พกษ 35. โฮเชยา......................ฮชย
11. ฟีลิปปี............................... ฟป
13-14 พงศาวดาร.........1-2 พ. ศด 36. โยเอล........................ยอล
12. โคโลสี................................คส
15. เอสรา..................................อสร 37. อาโมส.......................อมส
13-14 เธสะโลนิกา.....1-2 ธส
16. เนหะมีย์..............................นหม 38. โอบาดีย์...................อบด
15-16 ทิโมธี...................1-2 ทธ
17. โทบิต....................................ทบต 39. โยนาห์.......................ยนา
17. ทิตัส...................................ทต
18. ยูดิธ.....................................ยดธ 40. มีคาห์........................ มคา
18. ฟีเลโมน............................ ฟม
19. เอสเธอร์............................อสธ 41. นาฮูม........................นฮม
19. ฮีบรู....................................ฮบ
20-21 มัคคาบี............... 1-2 มคบ 42. ฮาบากุก...................ฮบก
20. ยากอบ..............................ยก
22. โยบ........................................โยบ 43. เศฟันยาห์................ศฟย
21-22 เปโตร.................1-2 ปต
23. เพลงสดุดี......................... สดด 44. ฮักกัย.........................ฮกก
23-25 ยอห์น................1-2 ยน
24. สุภาษิต.............................. สภษ 45. เศคาริยาห์..............ศคย
26. ยูดา....................................ยด
25. ปัญญาจารย์....................ปญจ 46. มาลาคี.......................มลค
27. วิวรณ์.................................วว
มกราคม
เพื่อคริสตชนทุกคนจะได้ซื่อสัตย์ต่อค�ำสอนของพระเจ้า ด้วยความ พยายามในการภาวนาและเมตตาธรรมฉันพี่น้อง เพื่อฟื้นฟูความเป็น หนึ่งเดียวของพระศาสนจักร และร่วมมือกันในการเผชิญข้อท้าทายของ มนุษยชาติ
กุมภาพันธ์ เพือ่ บรรดาผูท้ ตี่ อ้ งทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะอย่างยิง่ คนยากจน ผูล้ ภี้ ยั และ อยูช่ ายขอบสังคม ขอให้พวกเขาได้รบั การต้อนรับและก�ำลังใจจากชุมชน ของเรา มีนาคม
เพื่อคริสตชนที่ถูกเบียดเบียนข่มเหง ขอให้พวกเขาได้รับการค�้ำจุน โดย อาศัยการภาวนาและความช่วยเหลือด้านวัตถุจากพระศาสนจักรทัง้ มวล
เมษายน เพื่อบรรดาเยาวชนจะได้รู้จักตอบสนองกระแสเรียกด้วยใจกว้างขวาง โดยพิจารณาถึงการถวายตนแด่พระเจ้าอย่างจริงจัง ในชีวติ สงฆ์หรือชีวติ นักบวช พฤษภาคม เพือ่ คริสตชนในแอฟริกา ด้วยการเลียนแบบพระเยซูเจ้าผูท้ รงพระเมตตา จะได้เป็นพยานเชิงประกาศกถึงการคืนดี ความยุติธรรม และสันติ มิถุนายน เพื่อผู้น�ำระดับชาติจะได้อุทิศตนท�ำงานอย่างแข็งขันเพื่อยุติการค้าอาวุธ ซึ่งคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จ�ำนวนมากมาย กรกฎาคม เพื่อพี่น้องของเราที่หันเหออกจากความเชื่อ จะได้ค้นพบการประทับอยู่ ของพระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา และได้ค้นพบความงดงามของ ชีวติ คริสตชนอีกครั้ง
สิงหาคม เพื่อบรรดาศิลปินในยุคสมัยของเรา ขอให้ผลงานจากอัจฉริยภาพของ พวกเขา ช่วยให้เราค้นพบความงดงามของสิ่งสร้าง กันยายน เพื่อเขตวัดของเรา ซึ่งได้รับการกระตุ้นจากจิตตารมณ์ธรรมทูต จะได้ เป็นสถานที่ซึ่งความเชื่อได้รับการถ่ายทอด และมีเมตตาธรรมเป็นที่ ประจักษ์ ตุลาคม
เพื่อผู้ท�ำงานทุกคนจะได้รับการเคารพและปกป้องสิทธิของเขา และให้ผู้ ที่ไม่มีงานท�ำได้รับโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความดีส่วนรวม
พฤศจิกายน เพื่อคริสตชนในเอเชีย ซึ่งเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารทั้งด้วยวาจา และกิจการ จะได้ส่งเสริมการเสวนา สันติภาพ และความเข้าใจซึ่งกัน และกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศาสนิกชนของศาสนาอื่นๆ ธันวาคม เพื่อบรรดาผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับการดูแลช่วยเหลือจากครอบครัวและ ชุมชนคริสตชน จะใช้ปรีชาญาณและประสบการณ์ของพวกท่าน ในการ ถ่ายทอดความเชื่อ และให้การศึกษาอบรมแก่ชนรุ่นใหม่
สมโภช พระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า วันขึ้นปีใหม่
บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 6:22-27 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า “ท่านทัง้ หลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่า ขอองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง สำ�แดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน ขอองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงผิน พระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ” สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเรา จะอวยพรเขาทั้งหลาย เพลงสดุดี สดด 67:1-2,3-7 ก) ขอพระเจ้าทรงสำ�แดงพระเมตตาและประทานพระพรแก่เรา ขอพระองค์โปรดให้พระพักตร์ฉายแสงมาเหนือเรา แล้วแผ่นดินจะรู้จักทางของพระองค์ นานาชาติจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์ ชนชาติทั้งหลายจงเปรมปรีดิ์และโห่ร้องด้วยความยินดี เพราะพระองค์ทรงปกครองประชาชาติด้วยความเที่ยงธรรม และทรงนำ�ชนชาติทั้งหลายบนแผ่นดิน ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์ แผ่นดินผลิตพืชผล พระเจ้า พระเจ้าของเราทรงอวยพรเรา ขอพระเจ้าทรงอวยพรเรา ขอให้ทุกคนทั่วแผ่นดินยำ�เกรงพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 4:4-7 พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำ�หนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มา บังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำ�ให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสจู น์วา่ ท่านทัง้ หลายเป็นบุตรก็คอื พระเจ้า ทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้า เป็นบุตร ก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า วันขึ้นปีใหม่
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:16-21 เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จากเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คน เลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระ กุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่า เรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่าง ประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนาง มารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรง คำ�นึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและ สรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้ เมื่อครบกำ�หนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้อง ทรงเข้ า สุ หนั ต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซู เป็น พระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดา วันปีใหม่ควรทำ�สิ่งใด 1. ควรกลับบ้านไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำ�เนิดเรามา ท่านคิดถึงเรา 2. ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระเจ้าควรเข้าวัดขอพร..... พระผู้เป็นเจ้าผู้ให้ชีวิตและจิตวิญญาณแก่เรา พระองค์แต่ ผู้เดียวประทานพรได้ 3. อีกท่านหนึ่งที่ต้องไม่ลืม “แม่พระผู้เป็นพระมารดาพระเจ้า” และเป็นมารดาฝ่ายจิตวิญญาณของเรา พระนางสอนเราในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ ให้สุภาพนอบน้อมถ่อมตน และถือพระบัญญัติ ที่ให้รักเพื่อนพี่น้องของ ตน
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:22-28 ลูกที่รักทั้งหลาย ใครเป็นคนพูดคำ�เท็จ ถ้าไม่ใช่คนที่พูดว่า พระเยซูไม่ใช่พระ คริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย ขอให้สงิ่ ทีท่ า่ นทัง้ หลายฟังมาตัง้ แต่แรกเริม่ นัน้ คงอยูใ่ นท่าน ถ้าสิง่ ทีท่ า่ นฟังมาตัง้ แต่ ระลึกถึง น.บาซิล แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำ�รงอยู่ในพระบุตรและในพระบิดา พระสัญญาที่ และ น.เกรโกรี พระองค์ประทานไว้กค็ อื ชีวติ นิรนั ดร ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านีถ้ งึ ท่านทัง้ หลาย แห่งเมืองนาซีอันเซน แล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่พยายามชักนำ�ให้หลงผิด แต่สำ�หรับท่าน การได้รับเจิมจาก พระสังฆราช พระองค์ยังคงอยู่ในท่าน และไม่จำ�เป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิม และนักปราชญ์ ของพระองค์นนั้ สอนทุกสิง่ ให้ทา่ น และเพราะการเจิมนัน้ เป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำ�รงอยู่ในพระองค์ตามคำ�สั่งสอนที่ท่านได้รับมา สดด 98:1-2,3-4 ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำ�รงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอาย ในวันที่ พระองค์เสด็จมา พระวรสาร ยน 1:19-28 ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและ ชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศก หรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำ� คำ�ตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็น เสียงของผูท้ รี่ อ้ งตะโกนในถิน่ ทุรกันดารว่า จงทำ�ทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าให้ตรง เถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำ�ไมท่านจึงทำ�พิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระ คริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้ง หลาย แต่มผี หู้ นึง่ ประทับอยูใ่ นหมูท่ า่ น เป็นผูท้ ที่ า่ นไม่รจู้ กั ผูน้ นั้ มาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควร แม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดนซึ่งยอห์นกำ�ลังทำ�พิธีล้างอยู่ ถ้าอยากจะประกาศพระวรสาร...จะต้องทำ�อย่างไร? คนสมัยนีช้ อบฟังคนพูดจากประสบการณ์และความสำ�เร็จของตน มากกว่าฟังอาจารย์ทที่ อ่ งตำ�ราให้ลกู ศิษย์ ศาสนิกชนชอบฟังคำ�สอนจากนักเทศน์ที่ปฏิบัติพระธรรม ส่วนคนจะเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ก็อยู่ที่คน ศรัทธา รู้จักรักและช่วยเหลือผู้อื่น พระเจ้าตรัสว่า “เราจะตั้งเจ้าให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติเพื่อช่วยชี้ ทางหลุดพ้นให้แก่มวลชน” (อสย 49:1-6) จะเป็นนักเทศน์ต้องมีใจสุภาพถ่อมตนแบบยอห์นบัปติสต์
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:29-3:6 ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าท่านรู้ว่า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็ต้องยอมรับว่า ทุกคนที่ประพฤติชอบ ย่อมบังเกิดจากพระองค์ จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดา ประทานให้เรานัน้ ยิง่ ใหญ่เพียงใด เพือ่ ทำ�ให้เราได้ชอื่ ว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และ เราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนัน้ ยังไม่ปรากฏ ชัดแจ้ง เราตระหนักดีวา่ เมือ่ พระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะ เราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำ�ระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับ ทีพ่ ระองค์ทรงบริสทุ ธิ์ ทุกคนทีท่ �ำ บาป ย่อมฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ เพราะบาปเป็นการ ฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ ท่านทั้งหลายตระหนักดีแล้วว่า พระองค์ทรงปรากฏเพื่อทรง ลบล้างบาปให้สนิ้ ไป และไม่มบี าปใดในพระองค์ ทุกคนทีด่ �ำ รงอยูใ่ นพระองค์ยอ่ ม ไม่ทำ�บาป และทุกคนที่ทำ�บาป ย่อมไม่เคยเห็นและไม่รู้จักพระองค์ พระวรสาร ยน 1:29-34 วันรุง่ ขึน้ ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นีค่ อื ลูกแกะของ พระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า ‘บุรุษผู้หนึ่งมา ภายหลังข้าพเจ้า แต่นำ�หน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า’” ข้าพเจ้าไม่รู้จัก พระองค์ แต่ขา้ พเจ้าถูกส่งมาให้ท�ำ พิธลี า้ ง เพือ่ ทำ�ให้พระองค์เป็นทีร่ จู้ กั แก่อสิ ราเอล ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนก พิราบ และทรงอยูเ่ หนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั พระองค์ แต่ผทู้ ที่ รงส่งข้าพเจ้ามา ใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ ง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยูเ่ หนือ ผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำ�พิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า’ ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า” เราจะมีชีวิตเป็นอมตะนิรันดร์จริงหรือ หมูยอ่ มออกลูกเป็นหมู ส่วนคนก็จะออกลูกเป็นคน... แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์พเิ ศษ จึงเกิดเป็นมนุษย์ ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา เพื่อสอนเราในการดำ�เนินชีวิตเป็นบุตร พระเจ้า โดยการรักและรับใช้ผู้อื่น แม้กระทั่งจะต้องยอมเสียชีวิต โดยเส้นทางสายนี้ เราจะได้รบั ชีวติ เป็นอมตะ.... แต่ไม่ใช่ทกุ คนจะเชือ่ เรือ่ งนี้ สำ�หรับผูท้ เี่ ชือ่ และปฏิบตั ติ าม คำ�สอนของพระคริสตเจ้า พระองค์กป็ ระทานพระจิตเจ้า ช่วยเขาให้เข้มแข็งในหนทาง แห่งรัก... รักพระเจ้าสุดดวงใจและรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง
พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า สดด 98:1-2,3-4,5-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 98:1-2,7-8,9
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 1 ยน 3:7-10 ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย จงอย่าให้ใครชักนำ�ท่านให้หลงผิด ผูป้ ระพฤติชอบย่อมเป็น ผูช้ อบธรรม ดังทีพ่ ระองค์ทรงเป็นผูเ้ ทีย่ งธรรม ผูท้ ที่ �ำ บาปย่อมมาจากปีศาจ เพราะ ปีศาจนั้นทำ�บาปมาตั้งแต่แรกเริ่ม พระบุตรของพระเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์ เพื่อ ทรงทำ�ลายงานของปีศาจ ทุกคนที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำ�บาป เพราะเชื้อ ชีวิตของพระเจ้าดำ�รงอยู่ในตัวเขา และเขาไม่อาจทำ�บาปได้ เพราะเขาบังเกิดจาก พระเจ้า เราจำ�แนกบุตรของพระเจ้าจากบุตรของปีศาจได้โดยวิธีนี้ คือทุกคนที่ไม่ ประพฤติชอบ และไม่รักพี่น้องของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า พระวรสาร ยน 1:35-42 วันรุ่งขึ้น ยอห์นกำ�ลังยืนอยู่ที่นั่นกับศิษย์สองคน เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จ ผ่านไป จึงพูดว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า” เมื่อศิษย์ทั้งสองคนได้ยินยอห์นพูด ดังนีจ้ งึ ติดตามพระเยซูเจ้าไป พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็น เขากำ�ลังติดตามพระองค์ จึงตรัสถามว่า “ท่านต้องการสิ่งใด” เขาทูลตอบว่า “รับบี” แปลว่า พระอาจารย์ “พระองค์ทรงพำ�นักอยู่ที่ไหน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาดูซิ” เขาจึงไปดู เห็นที่ประทับของพระองค์ และพักอยู่กับพระองค์ในวันนั้น ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสี่โมง อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรเป็นคนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินคำ�พูดของ ยอห์น และตามพระเยซูเจ้าไป อันดรูว์พบซีโมนพี่ชายเป็นคนแรก จึงพูดว่า “เรา พบพระเมสสิยาห์แล้ว” พระเมสสิยาห์หรือพระคริสตเจ้า แปลว่า ผู้รับเจิม เขาพา พี่ชายไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสว่า “ท่านคือ ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านจะมีชื่อว่า เคฟาส” แปลว่า “เปโตร” หรือ “ศิลา” ผูท้ เ่ี ชือ่ ว่าชีวติ มนุษย์เป็นชีวติ อมตะ ควรดำ�เนินชีวติ อย่างไร 1. ไม่ท�ำ บาป ไม่คบคนชัว่ 2. ดำ�เนินชีวติ ตามคำ�แนะนำ�ขององค์พระจิตเจ้า พระองค์ประทับในใจเรา 3. ถือตามบทบัญญัตทิ พ่ี ระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนในพระคัมภีรแ์ ละเชิญชวนผูอ้ น่ื ให้ ประพฤติตาม
บทอ่านที่ 1 1 ยน 3:11-21 ลูกที่รักทั้งหลาย นี่คือคำ�สอนที่ท่านทั้งหลายได้ฟังมาตั้งแต่แรกเริ่ม คือเรา จงรักกัน อย่าเป็นเหมือนกาอิน ซึ่งมาจากมารร้าย และฆ่าน้องชายของตน เหตุใด เขาจึงฆ่าน้องชาย เพราะการกระทำ�ของเขาเลวร้าย แต่การกระทำ�ของน้องชาย ชอบธรรม พี่น้องทั้งหลาย อย่าแปลกใจเลยถ้าโลกเกลียดชังท่าน เรารู้ว่า เราผ่าน พ้นความตายมาสู่ชีวิตแล้ว เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ใดไม่มีความรัก ย่อมดำ�รงอยู่ใน เทศกาล ความตาย ทุกคนที่เกลียดชังพี่น้องของตน ย่อมเป็นฆาตกร และท่านก็รู้ว่า ไม่มี พระคริสตสมภพ ฆาตกรคนใดมีชีวิตนิรันดรอยู่ในตน เรารู้จักความรัก จากการที่พระองค์ทรงสละ สดด 100:1-4,5 ชีวติ ของพระองค์เพือ่ เรา เราจึงควรสละชีวติ ของเราเพือ่ พีน่ อ้ งเช่นเดียวกัน ถ้าผูใ้ ด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 มีทรัพย์สมบัติของโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขาดแคลน แต่ยังมีใจแคบต่อเขา ความรักของพระเจ้าจะดำ�รงอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำ�พูดเท่านัน้ แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำ�และ ด้วยความจริง จากการกระทำ�นี้ เราจะรู้ว่าเราอยู่กับความจริง เราจะมั่นใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แม้ใจของเราอาจจะยังกล่าวโทษเราอยู่ก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา และทรงล่วงรู้ ทุกสิง่ ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย ถ้าใจของเราไม่กล่าวโทษเรา เราย่อมมัน่ ใจได้เมือ่ อยูเ่ ฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระวรสาร ยน 1:43-51 วันรุง่ ขึน้ พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงพบฟีลปิ และตรัสกับเขาว่า “จง ตามเรามาเถิด” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอล และ บอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศกเขียนถึง ผู้นั้นคือพระเยซูบุตรของ โยเซฟชาวนาซาเร็ธ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นีค่ อื ชาวอิสราเอลแท้ เป็น คนไม่มมี ารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรูจ้ กั ข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์ เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็น เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่าน จะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” ความรักคืออะไร? 1. ความรักคือ พระคริสตเจ้า พระองค์เกิดมาเพื่อทำ�ดีแก่ทุกๆ คน แม้นาทีสุดท้าย พระองค์ก็ยอมให้ ประชาชนนำ�ไปตรึงตายบนไม้กางเขน ในวันที่สาม พระบิดาเจ้าทรงปลุกให้ฟื้นคืนชีพใหม่ พระองค์ยังมีชีวิต อยู่ต่อไปเพื่อเป็นกำ�ลังใจแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากและผู้ที่รู้จักรักรับใช้ผู้อื่น 2. ความรักคือ บุคคลที่ยอมสละชีวิตเพื่อพี่น้องเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า คนเราเกิดมาเพื่อรัก.... ความ รักต้องแสดงออกด้วยการรับใช้ผู้อื่น
เทศกาล พระคริสตสมภพ สดด 148
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 1 ยน 5:5-13 ลูกทีร่ กั ทัง้ หลาย ใครเล่าชนะโลกได้ ถ้ามิใช่ผทู้ เี่ ชือ่ ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตร ของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผูเ้ สด็จมาโดยนํา้ และโดยพระโลหิต พระองค์คอื พระ เยซูคริสตเจ้า พระองค์มิได้เสด็จมาโดยนํ้าเพียงอย่างเดียว แต่เสด็จมาโดยนํ้าและ โดยพระโลหิต และพระจิตเจ้าทรงเป็นพยานถึงเรื่องนี้ เพราะพระจิตเจ้าทรงเป็น ความจริง พยานมีสามอย่าง คือพระจิตเจ้า นํ้าและพระโลหิต และพยานทั้งสาม อย่างก็ตรงกัน ถ้าเรายอมรับการเป็นพยานของมนุษย์ การเป็นพยานของพระเจ้านัน้ ย่อมยิง่ ใหญ่กว่า คือการเป็นพยานทีพ่ ระเจ้าทรงให้เกีย่ วกับพระบุตรของพระองค์ ผูใ้ ดเชือ่ ในพระบุตรของพระเจ้า ย่อมมีการเป็นพยานอยู่ในตัวเขาแล้ว แต่ผู้ที่ไม่เชื่อ ย่อม ทำ�ให้พระเจ้าเป็นผูต้ รัสคำ�เท็จ เพราะเขาไม่เชือ่ การเป็นพยานซึง่ พระเจ้าประทาน ให้เกีย่ วกับพระบุตรของพระองค์ การเป็นพยานนีค้ อื พระเจ้าประทานชีวติ นิรนั ดร แก่เรา และชีวิตนี้อยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ใดมีพระบุตรย่อมมีชีวิต และผู้ใด ไม่มพี ระบุตรของพระเจ้าย่อมไม่มชี วี ติ ข้าพเจ้าเขียนเรือ่ งนีถ้ งึ ท่านทัง้ หลาย ซึง่ เชือ่ ในพระนามพระบุตรของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร พระวรสาร มก 1:7-11 เวลานัน้ ยอห์นประกาศว่า “มีอกี ผูห้ นึง่ กำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำ�นาจ ยิง่ กว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้า ใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่เขาจะทำ�พิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า” ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี และทรงรับพิธีล้าง จากยอห์นในแม่นาํ้ จอร์แดน ทันทีทพี่ ระองค์เสด็จขึน้ จากนาํ้ ก็ทรงเห็นท้องฟ้าถูก แหวกออก พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงมาจาก ฟากฟ้าว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” เทศกาลคริสต์มาสมีไว้เพื่ออะไร 1. เป็นโอกาสฟื้นฟูความเชื่อในพระคริสตเจ้า พระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางเรา 2. พระองค์สัญญาว่า “ชีวิตของเราจะเป็นอมตะนิรันดร์ ถ้าเราดำ�เนินชีวิตตาม คำ�สอนของพระองค์ 3. พระองค์ประทานพระจิตเจ้าเพื่อช่วยเหลือเราให้เดินในหนทางพระเจ้า
บทอ่านที่ 1 1 ยน 5:14-21 ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย ความมัน่ ใจของเราต่อพระองค์มอี ยูว่ า่ ถ้าเราวอนขอสิง่ ใดที่ เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเรา และถ้าเรารูว้ า่ พระองค์ ทรงฟังสิง่ ทีเ่ ราวอนขอ เราย่อมรูว้ า่ เรามีสง่ิ ทีเ่ ราวอนขอนัน้ แล้ว ผูใ้ ดเห็นพีน่ อ้ งทำ�บาป ซึง่ ไม่ใช่บาปทีน่ �ำ ไปสูค่ วามตาย จงอธิษฐานภาวนาเพือ่ พีน่ อ้ งคนนัน้ แล้วพระเจ้าจะ ประทานชีวติ แก่เขา แต่ตอ้ งไม่ใช่บาปทีน่ �ำ ไปสูค่ วามตาย มีบาปทีน่ �ำ ไปสูค่ วามตาย และข้าพเจ้าไม่บอกให้ทา่ นอธิษฐานเพือ่ บาปชนิดนี้ ความอธรรมทุกชนิดเป็นบาป แต่ ไม่ใช่บาปทุกชนิดนำ�ไปสูค่ วามตาย เรารู้ว่า ทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำ�บาป เพราะพระผู้ทรงบังเกิดจาก พระเจ้าทรงเฝ้ารักษาเขาไว้ และมารร้ายไม่อาจแตะต้องเขาได้ เรารูว้ า่ เรามาจาก พระเจ้า โลกทัง้ หมดอยูใ่ ต้อ�ำ นาจของมารร้าย เรารูอ้ กี ว่า พระบุตรของพระเจ้าเสด็จ มาแล้ว พระองค์ประทานความเข้าใจให้เรา เพือ่ เราจะได้รจู้ กั พระเจ้าแท้ เราอยูใ่ น พระองค์ และอยูใ่ นพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า แท้ และทรงเป็นชีวติ นิรนั ดร ลูกทีร่ กั จงระวังตนจากรูปเคารพเถิด
น.เรมอนด์ เด เปญาฟอร์ต พระสงฆ์ สดด 150
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ยน 2:1-11 สามวันต่อมา มีงานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดา ของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาในงานนัน้ ด้วย เมือ่ เหล้าองุน่ หมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ ว่า “เขาไม่มเี หล้าองุน่ แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “แม่ครับ แม่ตอ้ งการอะไรจากลูก เวลาของลูกยังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาผู้รับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำ�อะไร ก็จงทำ�เถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำ�ระตน ตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุนาํ้ ได้ประมาณหนึง่ ร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัส กับบรรดาผู้รับใช้ว่า “จงตักนํ้าใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักนํ้าใส่จนเต็มถึงขอบ แล้ว พระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงาน เลีย้ งได้ชมิ นาํ้ ทีเ่ ปลีย่ นเป็นเหล้าองุน่ แล้ว ไม่รวู้ า่ เหล้านีม้ าจากไหน แต่ผรู้ บั ใช้ทตี่ กั นํ้ารู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใครๆ เขานำ�เหล้าองุ่นอย่างดีมา ให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำ�เหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บ เหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�เครื่องหมายอัศจรรย์ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานาแคว้น กาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อใน พระองค์ พระผู้เป็นเจ้าประทานสิทธิพิเศษอะไรแก่คริสตชน 1. สิทธิในการสวดอ้อนวอนเพื่อคนบาปได้กลับใจ เพื่อพระประสงค์ของพระบิดาจะสำ�เร็จไป 2. พระเยซูเจ้าทรงพิทักษ์เราจากอำ�นาจปีศาจและชี้แสดงหนทางสวรรค์แก่เรา 3. พระเยซูเจ้าทรงให้คริสตชนเป็นประจักษ์พยานความรัก และสัญญาจะประทานชีวิตนิรันดร์ให้เรา
สมโภช พระคริสตเจ้า แสดงองค์
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 60:1-6 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงฉายแสงเจิดจ้า เพราะความสว่างของเจ้ามา แล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทอแสงเหนือเจ้า ดูซิ ความมืดปกคลุม แผ่นดิน และความมืดทึบปกคลุมประชาชาติทงั้ หลาย แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรง ทอแสงเหนือเจ้า ทุกคนจะเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์เหนือเจ้า นานาชาติจะ เดินมาหาความสว่างของเจ้า บรรดากษัตริย์จะทรงพระดำ�เนินมาสู่ความสดใสที่ ทอแสงเหนือเจ้า จงเงยหน้าขึน้ มองไปโดยรอบเถิด เขาเหล่านัน้ ทุกคนมาชุมนุมกัน และเดินมาพบเจ้า บุตรชายทั้งหลายของเจ้ามาจากที่ไกล บุตรหญิงของเจ้าก็ถูก อุ้มมาด้วย เมื่อเจ้าเห็นดังนี้ก็จะปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและยินดี เพราะ ความมั่งคั่งของทะเลจะกลับมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของนานาชาติจะมายังเจ้า ฝูง อูฐจะมาอยูเ่ ต็มถนนของเจ้า รวมทัง้ คาราวานอูฐจากมีเดียนและเอฟาห์ ทุกคนจะ มาจากเชบา นำ�ทองคำ�และกำ�ยานมาด้วย และจะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าต่อ หน้าคนทั้งหลาย เพลงสดุดี สดด 72:1-2,7-8,10-11,12-13 ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานวิจารณญาณของพระองค์แด่พระราชา และประทานความเที่ยงธรรมของพระองค์แก่พระโอรสของพระราชาด้วย ขอพระราชาทรงปกครองประชากรของพระองค์ด้วยความชอบธรรม และทรงดูแลคนยากจนของพระองค์ด้วยวิจารณญาณ ข) ในรัชสมัยของพระราชา ขอให้ความชอบธรรมเจริญงอกงาม และมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งตราบสิ้นแสงจันทร์ ขอให้พระอาณาจักรแผ่ขยายจากทะเลจรดทะเล จากแม่นํ้าจนสุดปลายแผ่นดิน ค) ขอบรรดากษัตริยแ์ ห่งทาร์ซสิ และหมูเ่ กาะทัง้ หลายนำ�บรรณาการมาถวาย กษัตริย์แห่งเชบาและซาบานำ�ของกำ�นัลมาถวายด้วย ขอกษัตริยท์ งั้ หลายกราบถวายบังคมพระราชา และนานาชาติรบั ใช้พระองค์ ง) ขอพระราชาทรงปลดปล่อยผู้ขัดสนที่ร้องหาพระองค์ และทรงช่วยคนยากจนที่ไม่มีผู้ช่วยให้รอดพ้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:2-3ก,5-6 พีน่ อ้ ง ท่านคงรูแ้ ล้วถึงพระหรรษทาน ซึง่ พระเจ้าประทานให้ขา้ พเจ้าประกอบ พันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมลํ้าลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ธรรมลํ้าลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิด เผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่าง
ชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกาย เดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซู อาศัยข่าวดี บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 2:1-12 ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมือง เบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศ ตะวั นออก เดิ น ทางมายั ง กรุงเยรูซาเล็ม สืบ ถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาว ประจำ � พระองค์ ขึ้ น จึ ง พร้ อ มใจกั น มาเพื่ อ นมั ส การ พระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ ทรงวุน่ วายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วนุ่ วาย ใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์ จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กทีส่ ดุ ในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผูน้ �ำ คนหนึง่ จะ ออกมาจากเจ้า จะเป็นผู้นำ�อิสราเอลประชากรของเรา” ดังนัน้ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลา ที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำ�ชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระ กุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ ด้วย” เมือ่ บรรดาโหราจารย์ได้ฟงั พระดำ�รัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวทีเ่ ขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏ อีกครั้งหนึ่งนำ�ทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่ง บรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึง คุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตนิ �ำ ทองคำ� กำ�ยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่ พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทาง อื่น วันนี้ สมโภชพระคริสตเจ้าสำ�แดงองค์.....สำ�คัญอย่างไร 1. วันนีพ้ ระศาสนจักรร่วมกันโมทนาขอบพระคุณพระเยซูคริสตเจ้า เพราะตัง้ แต่วนั ทีพ่ ระองค์ทรงบังเกิด จนถึงปัจจุบัน พระศาสนจักรเจริญเติบโตขึ้นสุดพรรณนา ด้วยจำ�นวนคริสตชน จำ�นวนผู้ถวายตนรับใช้ผู้อื่น จำ � นวนโบสถ์ วิ ห าร และทรั พ ย์ ส มบั ติ ภ ายนอกอี ก มากมาย ทั้ ง หมดเหล่ า นี้ พิ สู จ น์ ว่ า พระเจ้ า ทรง โปรดปรานคริสตชนผู้มีความเชื่อศรัทธา 2. สำ�คัญที่สุดคือ พระองค์ประทับท่ามกลางเรา เมื่อเรารำ�พึงพระวาจา รับศีลศักดิ์สิทธิ์ ร่วมชุมชุม ภาวนา และกระทำ�กิจกรรมรักรับใช้ประชาชน 3. พระเป็นเจ้าทรงมุ่งหวังให้นานาชาติพบหนทางความรอด...เมื่อเห็นความมหัศจรรย์แห่งความรักที่ คริสตชนช่วยเหลือกัน
ฉลองพระเยซูเจ้า ทรงรับพิธีล้าง
สดด 29:1-2,3-4,9-10
บทอ่านที่ 1 อสย 42:1-4,6-7 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “นีค่ อื ผูร้ บั ใช้ของเรา ซึง่ เราเชิดชู เราเลือกเขาเพราะ เราพอใจเขา เราให้จิตของเราแก่เขา เขาจะนำ�ความยุติธรรมไปให้แก่นานาชาติ เขาจะไม่รอ้ งตะโกนหรือเปล่งเสียงดัง จะไม่ท�ำ ให้ใครได้ยนิ เสียงของเขาตามถนน ไม้ออ้ ทีช่ าํ้ แล้ว เขาจะไม่หกั และไส้ตะเกียงทีร่ บิ หรีอ่ ยู่ เขาจะไม่ดบั เขาจะประกาศ ความยุติธรรมด้วยความสัตย์จริง เขาจะไม่หมดหวังหรือท้อใจ จนกว่าจะได้ สถาปนาความยุติธรรมไว้บนแผ่นดิน ดินแดนชายทะเลจะรอคอยคำ�สอนของเขา เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเรียกท่านมาด้วยความชอบธรรม เราจับมือของ ท่านและรักษาท่านไว้ เราให้ทา่ นเป็นพันธสัญญาของประชากร และเป็นแสงสว่าง ส่องนานาชาติ เพื่อเปิดตาคนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกจองจำ�จากคุก ปลดปล่อยผู้ ที่อยู่ในความมืดจากที่คุมขัง”
บทอ่านที่ 2 กจ 10:34-38 เวลานัน้ เปโตรเริม่ พูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำ�เอียง ทุกคนทีย่ �ำ เกรงพระองค์ และปฏิบัติความชอบธรรม ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด ย่อมเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ พระองค์ทรงมอบพระวาจาแก่ลกู หลานของชาวอิสราเอล โดยทรงประกาศข่าวดีแห่งสันติสขุ เดชะ พระเยซูคริสตเจ้า พระเยซูเจ้าพระองค์นที้ รงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของทุกคน ท่านทัง้ หลายรูเ้ หตุการณ์ ทีเ่ กิดขึน้ ทัว่ แคว้นยูเดีย เริม่ ต้นทีแ่ คว้นกาลิลี หลังจากทีย่ อห์นได้เทศน์สอนและทำ�พิธลี า้ ง พระเจ้าทรง เจิมพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธด้วยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปทีใ่ ด ทรงกระทำ� ความดีและทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำ�นาจของปีศาจ เพราะพระเจ้าสถิตกับพระองค์” พระวรสาร มธ 3:14-17 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จมาจากแคว้นกาลิลถี งึ แม่นาํ้ จอร์แดน เพือ่ ทรงรับพิธลี า้ งจากยอห์น ยอห์ นพยายามชักชวนพระองค์ให้เปลี่ยนพระทัย เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าควรจะรับพิธีล้างจากท่าน แต่ท่าน กลับมาพบข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เวลานี้ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก่อน เพราะเราควรจะทำ�ทุก อย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ยอห์นจึงยอมทำ�ตาม เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว เสด็จขึ้นจากนํ้า ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก พระองค์ทอด พระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดจุ นกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” คริสตชนที่รับศีลล้างบาปแล้วต้องมีจิตสำ�นึก 3 ประการ 1. เรามีพระจิตของพระเจ้าในร่างกายเรา พระองค์จะคอยพยุงและช่วยเหลือเรา... จงมีความเชื่อและ ไว้ใจ 2. ภารกิจที่พระเป็นเจ้ามอบหมายให้เรา คือเป็นตัวแทนของพระองค์ เป็นแสงธรรมของนานาชาติ 3. ภารกิจหลักคือนำ�ความยุติธรรมให้นานาชาติด้วยความสุภาพถ่อมตน ตัวชี้วัดความสำ�เร็จคือ คน ตาบอดมองเห็น ผู้ถูกจองจำ�ได้รับอิสระ คนจนได้รับข่าวดี
บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:5-12 พีน่ อ้ ง พระเจ้ามิได้ทรงมอบโลกในอนาคตทีเ่ ราพูดถึงนัน้ ไว้ใต้อ�ำ นาจบรรดาทูต สวรรค์ มีผกู้ ล่าวยืนยันในพระคัมภีรต์ อนหนึง่ ว่า “มนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จงึ ทรงระลึกถึง และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จงึ ทรงเอาพระทัยใส่ สัปดาห์ที่ 1 พระองค์ทรงทำ�ให้เขาตา่ํ กว่าทูตสวรรค์เพียงเล็กน้อย เทศกาลธรรมดา พระองค์ประทานสิรริ งุ่ โรจน์และเกียรติยศให้เป็นมงกุฎ ทรงมอบทุกอย่างไว้ใต้เท้าของเขา” สดด 8:1ก,4-9 การมอบทุกอย่างไว้ใต้อ�ำ นาจนัน้ พระองค์มไิ ด้ทรงละสิง่ ใดทีไ่ ม่อยูใ่ ต้อ�ำ นาจของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เขาไว้เลย ขณะนีเ้ รายังไม่เห็นว่าทุกสิง่ อยูใ่ ต้อ�ำ นาจของเขา แต่เราก็เห็นว่า พระเยซู เจ้าผูท้ รงถูกลดฐานะลงตา่ํ กว่าทูตสวรรค์อยูช่ ว่ั ขณะหนึง่ ทรงได้รบั สิรริ งุ่ โรจน์และ เกียรติยศเป็นมงกุฎ เพราะทรงยอมรับความตาย ดังนี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของ พระเจ้า พระองค์ทรงลิม้ รสความตายเพือ่ มนุษย์ทกุ คน พระเจ้าผูท้ รงสร้างและทรงคํา้ จุนทุกสิง่ มีพระประสงค์จะนำ�บุตรจำ�นวนมากเข้ามารับพระสิรริ งุ่ โรจน์ จึงเป็นการเหมาะสมแล้วทีพ่ ระองค์จะทรงทำ�ให้ผทู้ น่ี �ำ มนุษย์ให้รอดพ้นนัน้ สมบูรณ์โดยผ่านการทนทุกข์ ทรมาน เพราะทัง้ ผูป้ ระทานความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละผูร้ บั ความศักดิส์ ทิ ธิต์ า่ งก็มาจากแหล่งเดียวกัน พระองค์จงึ ไม่ทรงอายทีจ่ ะเรียกคนเหล่านัน้ ว่าพีน่ อ้ ง โดยตรัสว่า “ข้าพเจ้าจะประกาศพระนามพระองค์กบั พีน่ อ้ งของ ข้าพเจ้า จะถวายสดุดพี ระองค์ในชุมนุมของประชากร” พระวรสาร มก 1:21-28 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมือ่ ถึงวันสับบาโต พระองค์ เสด็จเข้าไปในศาลาธรรม และทรงเริม่ สัง่ สอน คำ�สัง่ สอนของพระองค์ท�ำ ให้ผฟู้ งั รูส้ กึ ประทับใจอย่างมาก เพราะทรงสอนเขาอย่างทรงอำ�นาจไม่เหมือนกับบรรดาธรรมาจารย์ ขณะนั้น ในศาลาธรรมชายคนหนึ่งซึ่งปีศาจสิงอยู่ ร้องตะโกนว่า “ท่านมายุ่งกับเราทำ�ไม เยซู ชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายเราใช่ไหม เรารูว้ า่ ท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผศู้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องพระเจ้า” พระเยซู เจ้าทรงดุปศี าจและตรัสสัง่ ว่า “จงเงียบ ออกไปจากผูน้ ”้ี เมือ่ ปีศาจทำ�ให้ชายผูน้ น้ั ชักและร้องเสียงดังแล้ว มันก็ออกไปจากเขา ทุกคนต่างประหลาดใจ จึงถามกันว่า “นีม่ นั เรือ่ งอะไร เป็นคำ�สัง่ สอนแบบใหม่ทม่ี ี อำ�นาจ เขาสัง่ แม้กระทัง่ ปีศาจ และมันก็เชือ่ ฟัง” แล้วกิตติศพั ท์ของพระองค์กเ็ ลือ่ งลือไปทุกแห่งตลอดทัว่ แคว้นกาลิลที นั ที คุณสมบัติของผู้มีอำ�นาจ 1. ไม่ถือว่า “เกียรติและอำ�นาจ” เป็นสิ่งที่ต้องหวงแหนยึดไว้ แต่มุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตอย่างสุภาพถ่อมตน... เพื่อจะได้รักและรับใช้ผู้อื่น 2. สามารถเผชิญการทดลองทุกชนิด แม้จะต้องเผชิญความทุกข์ทุกอย่าง 3. สามารถถ่ายทอดคำ�สอนที่เกิดจากประสบการณ์ของตน ในการติดตามพระคริสตเจ้า
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา สดด 105:1-3,4-6, 7-10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:14-18 พี่น้อง บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับ มนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำ�ลายมาร ผู้มีอำ�นาจเหนือความตายลงได้ เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิต เพราะความกลัวตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่ บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัยใส่ต่อเชื้อสายของอับราฮัม จึงจำ�เป็นที่พระองค์ จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดาพี่น้องทุกประการ เพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหา สมณะที่เพียบพร้อมด้วยพระกรุณาและทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่ โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรง ผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย พระวรสาร มก 1:29-39 ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมนและ อันดรูวพ์ ร้อมกับยากอบและยอห์น มารดาของภรรยาซีโมนกำ�ลังนอนป่วยเป็นไข้ อยู่ เขาจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบทันที พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลกุ ขึ้น นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีคนนำ�ผู้ป่วยและผู้ถูกปีศาจสิงมาเฝ้า พระองค์ คนทัง้ เมืองมารวมกันทีป่ ระตู พระองค์ทรงรักษาหลายคนทีเ่ ป็นโรคต่างๆ ให้หาย ทรงขับไล่ปศี าจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มนั พูด เพราะมันรูจ้ กั พระองค์ วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและ ทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ เมื่อพบแล้ว จึง ทูลพระองค์วา่ “ทุกคนกำ�ลังแสวงหาพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปทีอ่ นื่ กันเถิด ไปตามตำ�บลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุด ประสงค์นี้” พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับ ไล่ปีศาจด้วย ทำ�ไมพระผู้เป็นเจ้าจึงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ 1. มนุษย์อยู่ใต้อำ�นาจปีศาจและมนุษย์เองก็กลัวตาย ทั้งยังถูกรุมเร้าด้วยความ ทุกข์ทางร่างกายและจิตวิญญาณ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ 2. พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อชี้ทางสันติสุขด้วยการดำ�เนินชีวิต “รักและรับใช้ซึ่งกัน และกัน” พระองค์ก็ประพฤติเป็นตัวอย่าง ดังที่บันทึกในพระวรสารประจำ�วันนี้ 3. เนื่องจากพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า แม้ตายไปแล้วก็กลับมีชีวิตใหม่ พระองค์ ทรงสัญญาว่า “ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์จะมีชีวิตเป็นอมตะ” เช่นเดียวกัน
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 2:1-13 ลูกรัก ท่านจงรับพละกำ�ลังจากพระหรรษทานซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู จง ถ่ายทอดสิง่ ทีท่ า่ นได้ยนิ จากข้าพเจ้าโดยมีหลายคนเป็นพยานแก่คนทีน่ า่ เชือ่ ถือซึง่ จะสอนคนอื่นต่อไปได้ จงร่วมทนทุกข์กับผู้อื่น เหมือนทหารที่ดีของพระคริสตเยซู ทหารทุกคนจะ ไม่เข้าไปเกี่ยวกับกิจการของพลเรือน เขามุ่งทำ�ให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ นักกีฬาก็ ระลึกถึง เช่นเดียวกัน ไม่มใี ครได้ชยั ชนะนอกจากจะได้แข่งขันตามกติกา ชาวนาทีต่ รากตรำ� บุญราศีนิโคลาส ทำ�งานควรเป็นผู้ที่จะได้รับผลก่อนผู้อื่น จงพิจารณาสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดนี้ และองค์ บุญเกิด กฤษบำ�รุง พระผู้เป็นเจ้าจะประทานให้ท่านเข้าใจทุกๆ เรื่อง พระสงฆ์ มรณสักขี จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย สดด 34:1-8 ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำ�เหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจา ของพระเจ้าจะถูกจองจำ�ไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับ เลือกสรร เพือ่ พวกเขาจะได้รบั ความรอดพ้นซึง่ อยูใ่ นพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวติ ในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย ต่อไปนีค้ อื ถ้อยคำ�ทีเ่ ชือ่ ถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชวี ติ อยูก่ บั พระองค์ ถ้าเราอดทน มั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้ พระวรสาร ยน 15:9-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำ�รงอยู่ในความรักของเรา เถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำ�รงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติ ตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่าน ทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติ ของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของ ตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่า เป็นผูร้ บั ใช้อกี ต่อไป เพราะผูร้ บั ใช้ไม่รวู้ า่ นายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้ง ให้ทา่ นรูท้ กุ สิง่ ทีเ่ ราได้ยนิ มาจากพระบิดาของเรา มิใช่ทา่ นทัง้ หลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบ ภารกิจให้ท่านไปทำ�จนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนาม ของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” บุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกสรร จะต้องประพฤติตนอย่างไร 1. ถือบัญญัติของพระเจ้า รู้จักรักและรับใช้ผู้อื่นตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า 2. ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น 3. ถวายชีวิตทั้งหมดแด่พระเจ้าเพื่อทำ�ตามพระประสงค์
น.ฮีลารี พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 76:2-4,6-7,8
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ฮบ 4:1-5,11 พี่น้อง ทั้งๆ ที่มีพระสัญญาว่าจะให้เข้าไปในที่พักผ่อนกับพระองค์ แต่เราก็ ต้องกลัวว่า อาจมีบางคนที่ไปไม่ถึง ความจริงเราได้รับข่าวดีเช่นเดียวกับเขาเหล่า นัน้ แต่พระวาจาทีไ่ ด้ยนิ นัน้ ไม่เป็นประโยชน์ตอ่ เขา เพราะเขาไม่มคี วามเชือ่ เหมือน กับผูท้ ฟี่ งั แต่เราผูม้ คี วามเชือ่ เข้าไปในทีพ่ กั ผ่อนได้ดงั ทีพ่ ระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์ ว่า “เราปฏิญาณขณะทีก่ �ำ ลังโกรธว่า เขาเหล่านัน้ จะไม่มวี นั เข้าไปในทีพ่ กั ผ่อนของ เรา” และงานของพระเจ้าก็ส�ำ เร็จไปแล้วตัง้ แต่ทรงเนรมิตสร้างโลก เพราะพระองค์ ตรัสไว้ในพระคัมภีรอ์ กี ตอนหนึง่ เกีย่ วกับวันทีเ่ จ็ดว่า “พระเจ้าทรงพักผ่อนจากการ งานทุกอย่างในวันที่เจ็ด” เรื่องนี้พระองค์ยังตรัสอีกว่า เขาเหล่านั้นจะมิได้เข้าไป ในที่พักผ่อนของเรา ดังนั้น เราจงรีบเข้าสู่ที่พักผ่อนนั้นเถิด เพื่อจะได้ไม่มีใครพลาดพลั้งตามแบบ อย่างความดื้อรั้นในครั้งกระโน้น
พระวรสาร มก 2:1-12 ต่อมาอีกสองสามวัน พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อเป็นที่รู้กันว่าพระองค์ ประทับอยู่ในบ้าน ประชาชนจำ�นวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มีที่ว่างแม้กระทั่งที่ประตู พระองค์ ประทานพระโอวาทสอนประชาชนเหล่านัน้ ชายสีค่ นหามคนอัมพาตคนหนึง่ มาเฝ้าพระองค์ แต่เขานำ� คนอัมพาตนั้นฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงพระองค์ไม่ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่พระองค์ประทับอยู่ แล้ว หย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ลงมาทางช่องนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของคนเหล่านี้จึง ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ที่นั่นมีธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ด้วย เขาคิดในใจว่า “ทำ�ไมคนนีจ้ งึ พูดเช่นนี้ เขากล่าวดูหมิน่ พระเจ้า ใครอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านัน้ ” ทันใดนัน้ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาด้วยพระจิตของพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านทัง้ หลายคิด เช่นนี้ในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกคนอัมพาตว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือ บอกว่า ‘ลุกขึ้น แบกแคร่เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บน แผ่นดิน” พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้น แบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและ พูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย” คนพิการสามารถทำ�ทุกอย่างได้...ถ้าทำ�ตามเงื่อนไขดังนี้ 1. ทุกคนจะมีความบกพร่องบางอย่างทางร่างกายและจิตใจ...ทุกคนมีบาปไม่มากก็น้อย ตัวเราเองต้อง อยากรับการรักษาจากความบกพร่อง และมีความเชื่อจริงๆ ว่า พระเจ้าจะทรงช่วยได้ 2. สรรหาคนใกล้ชิดให้นำ�พาไปพบพระเยซูเจ้า ทุกวันนี้พระองค์อยู่ใกล้ชิดเรามากกว่าสมัยก่อน เพราะ พระองค์ทรงกลับฟื้นคืนชีพแล้ว 3. ความเชือ่ เป็นจุดเริม่ ต้นทีช่ ว่ ยผลักดันเราให้มงุ่ มัน่ เดินทางพร้อมกับพระคริสตเจ้า และกับเพือ่ นพีน่ อ้ ง ของเรา…วิทยาศาสตร์สมัยนี้ทำ�ให้มนุษย์รู้จักพึ่งพากันและกัน มากกว่าพึ่งอัศจรรย์แต่อย่างเดียว
บทอ่านที่ 1 ฮบ 4:12-16 พี่น้อง พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่า ดาบสองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดทีว่ ญ ิ ญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็น และไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้ จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆ ซ่อนเร้น ไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซ่ึง เราจะต้องทูลถวายรายงาน ในเมื่อเรามีมหาสมณะยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งผ่านเข้าสู่สวรรค์แล้ว คือพระเยซูเจ้าพระ บุตรของพระเจ้า เราจงยึดมั่นอยู่ในการแสดงความเชื่อของเราเถิด เพราะเหตุว่า เราไม่มีมหาสมณะที่ร่วมทุกข์กับเราผู้อ่อนแอไม่ได้ แต่เรามีมหาสมณะผู้ทรงผ่าน การผจญทุกอย่างเหมือนกับเรา ยกเว้นบาป ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่ง พระหรรษทานด้วยความมัน่ ใจเพือ่ รับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกือ้ กูลใน ยามที่เราต้องการ พระวรสาร มก 2:13-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปริมฝั่งทะเลสาบอีก ประชาชนต่างมาเฝ้า พระองค์ พระองค์จึงทรงสั่งสอนเขา ขณะที่ทรงพระดำ�เนินไป พระองค์ทรงเห็น ชายคนหนึ่งชื่อเลวีบุตรของอัลเฟอัส กำ�ลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จง ตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของเลวี คนเก็บ ภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เพราะมีหลาย คนติดตามพระองค์มา บรรดาธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสีเห็นพระองค์เสวยร่วมกับ คนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมอาจารย์ของท่านกิน อาหารกับคนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบ ธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป”
วัน
ผูป้ รารถนาจะมีความเชือ่ ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ จะต้องทำ�อย่างไร? 1. อ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ ในนั้นมีข้อคำ�สอนมากมายสำ�หรับการดำ�รงชีวิตประจำ�
2. พระคัมภีร์เตือนสอนผู้อ่านให้กลับใจ และประพฤติตนตามแบบพระเยซูเจ้า 3. เหมือนกับเลวีทรี่ ว่ มงานเลีย้ งกับพระองค์... ในสมัยนีม้ กี จิ ศรัทธามากมายทีพ่ ระ ศาสนจักรกำ�หนดไว้ พิธีกรรมเหล่านี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ของเรากับพระให้ยิ่ง ใกล้ชิดขึ้น 4.ในที่สุด เราจะมีความแน่ใจว่าพระเยซูเจ้าทรงอยู่ใกล้เรา อยู่ในตัวของเราเอง ทรงประทานพระจิตเจ้าช่วยเหลือเราให้เข้าใจหนทางของพระเจ้า
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลธรรมดา สดด 19:7-9,10-11,14
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันเด็กแห่งชาติ
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 49:3,5-6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผูร้ ับใช้พระองค์ เพื่อนำ�ยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำ�ลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อย ไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้นใหม่ และ รวบรวมอิสราเอลทีเ่ หลืออยูอ่ กี ครัง้ หนึง่ เราจะให้ทา่ นเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำ�มาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน” เพลงสดุดี สดด 40:1,3ก,6-7ก,7ข-8,9กข ก) ข้าพเจ้ารอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความหวัง แล้วพระองค์ก็ทรงก้มลงมาหาข้าพเจ้า และทรงฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า พระองค์ทรงใส่เพลงบทใหม่ไว้ในปากข้าพเจ้า เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา ข) พระองค์ไม่ทรงประสงค์เครื่องบูชาหรือของถวายใดๆ แต่ประทานหูให้ข้าพเจ้าฟัง พระองค์มิได้ทรงเรียกร้องเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ กำ�ลังมาแล้ว” ค) ในม้วนหนังสือมีเขียนไว้สำ�หรับข้าพเจ้า ให้ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าปรารถนาเช่นนั้น ธรรมบัญญัติของพระองค์อยู่ลึกในหัวใจของข้าพเจ้า ง) ข้าพเจ้าประกาศความเที่ยงธรรมของพระองค์ในที่ประชุมใหญ่ ถูกแล้ว ข้าพเจ้ามิได้ปิดปากเลย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:1-3 จากเปาโล ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระ ประสงค์ของพระองค์ และจากโสสเธเนสพี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าทีอ่ ยู่ ณ เมืองโครินธ์ ถึงผูท้ ไี่ ด้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิ์ ในพระคริสตเยซู คือได้รบั เรียกให้เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิพ์ ร้อมกับทุกคนในทุกสถานที่ ทุก
คนซึง่ เรียกหาพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทั้งของเขาและของเราด้วย ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดา ของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิต กับท่านทั้งหลายเถิด บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:29-34 วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึง กล่าวว่า “นีค่ อื ลูกแกะของพระเจ้า ผูท้ รงลบล้างบาปของ โลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า “บุรุษผู้หนึ่งมาภาย หลั ง ข้ า พเจ้ า แต่ นำ � หน้ า ข้ า พเจ้ า เพราะอยู่ ม าก่ อ น ข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมา ให้ทำ�พิธีล้าง เพื่อทำ�ให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้า เสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรง ส่งข้าพเจ้ามาใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ ง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยูเ่ หนือผูใ้ ด ผู้ นั้นคือผู้ที่ทำ�พิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของ พระเจ้า” พัฒนาการทางความเชื่อเป็นอย่างไร ความเชื่อคือความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรากับพระเยซูเจ้าดังนี้ 1. เรามั่นใจว่าชีวิตและจิตวิญญาณของเรามาจากพระเจ้า โดยผ่านทางพ่อแม่ พ่อแม่เองต้องให้ความ เคารพต่อชีวิตของลูก จะล่วงละเมิดมิได้ 2. พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดภาระหน้าที่ให้กับชีวิตเราแต่ละคนเป็นเฉพาะพิเศษ แตกต่างกัน แต่มี วัตถุประสงค์เดียวคือให้เรารักและรับใช้กันและกัน 3. ชีวิตของบุคคลที่ทำ�หน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ย่อมเป็นที่ประทับใจแก่คนรอบข้าง เขากลายเป็นบุคคล ตัวอย่าง เป็นแสงสว่างให้ผู้เดินตาม เขาเป็นลูกพระเจ้าจริงๆ
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา สดด 110:1,2,3,4
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮบ 5:1-10 พีน่ อ้ ง มหาสมณะทุกองค์ยอ่ มได้รบั การคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็นผูแ้ ทนมนุษย์ในความสัมพันธ์ตดิ ต่อกับพระเจ้า เพือ่ ถวายทัง้ บรรณาการและ เครื่องบูชาชดเชยบาป เขาเห็นใจผู้ที่ไม่รู้และหลงผิด เพราะเขาก็ถูกความอ่อนแอ ครอบงำ�อยูเ่ ช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องถวายบูชาชดเชยบาปสำ�หรับตนเอง เช่นเดียวกับชดเชยบาปสำ�หรับประชากรด้วย ไม่มีใครอ้างเกียรตินี้เป็นของตนได้ นอกจากผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกเช่นเดียวกับอาโรน ในทำ�นองเดียวกันพระคริสตเจ้า มิได้ทรงยกย่องพระองค์ขึ้นเป็นมหาสมณะ แต่ผู้ที่ทรงยกย่องพระคริสตเจ้าคือ พระเจ้า ผู้ตรัสกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำ�เนิดท่าน” เช่น เดียวกับทีต่ รัสไว้อกี แห่งหนึง่ ว่า “ท่านเป็นสมณะตลอดนิรนั ดรตามแบบอย่างของ เมลคีเซเดค” ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรง อธิษฐาน ทูลขอ คราํ่ ครวญและราํ่ ไห้ตอ่ พระเจ้าผูท้ รงช่วยพระองค์ให้พน้ ความตาย ได้ พระเจ้าทรงฟังเพราะความเคารพยำ�เกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้วา่ พระเยซูเจ้า ทรงเป็นพระบุตร ก็ยงั ทรงเรียนรูท้ จี่ ะนอบน้อมเชือ่ ฟังโดยการรับทรมาน และเมือ่ ทรงกระทำ�ภารกิจของพระองค์สำ�เร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความ รอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ โดยพระเจ้าทรงแต่งตั้ง พระเยซูเจ้าให้ทรงเป็นมหาสมณะตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค พระวรสาร มก 2:18-22 เวลานัน้ บรรดาศิษย์ของยอห์นและชาวฟาริสกี �ำ ลังจำ�ศีลอดอาหาร มีผทู้ ลู ถาม พระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมศิษย์ของยอห์นและศิษย์ของชาวฟาริสจี �ำ ศีลอดอาหาร แต่ศษิ ย์ ของท่านไม่จำ�ศีล” พระองค์ตรัสตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะจำ�ศีล อดอาหารได้หรือขณะทีเ่ จ้าบ่าวยังอยูก่ บั เขา ตราบใดทีเ่ จ้าบ่าวยังอยูด่ ว้ ย เขาย่อมไม่ จำ�ศีลอดอาหาร แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกพรากไป ในวันนั้น เขาจะจำ�ศีล อดอาหาร ไม่มใี ครนำ�ผ้าใหม่ไปปะเสือ้ เก่า เพราะผ้าใหม่ทน่ี �ำ มาปะเสือ้ เก่านัน้ จะหด ตัวมากกว่า ทำ�ให้เป็นรอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มใี ครใส่เหล้าองุน่ ใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าจะทำ�ให้ถงุ หนังขาด ทัง้ เหล้า และถุงก็จะเสียไป แต่ตอ้ งใส่เหล้าใหม่ลงใน ถุงหนังใหม่” การทำ�กิจใช้โทษบาป การชดเชยบาป การจำ�ศีลอดอาหาร เป็นกิจการ ทีเ่ ราคริสตชนแต่ละคนจะต้องกระทำ�กันอยูเ่ ป็นประจำ� เพราะในแต่ละวันเราได้กระทำ� ความผิดบาปมากมาย ส่วนพระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงมีผดิ บาปอะไรเลย กระนัน้ ก็ดพี ระองค์ ทรงยอมรับความทุกข์ต่างๆ การถูกสบประมาท การทรมานและความตายบนไม้ กางเขนเพื่อชดเชยความผิดบาปของเรา จึงสมควรที่เราจะกลับใจอย่างจริงจัง เปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างถอนรากถอนโคน ไม่เป็นเหมือนเหล้าองุ่นใหม่ในถุงหนังเก่าอีก ต่อไป แต่ต้องเป็นเหล้าใหม่ที่บรรจุอยู่ในถุงหนังใหม่
บทอ่านที่ 1 ฮบ 6:10-20 พี่น้อง พระเจ้าไม่ทรงอยุติธรรมถึงกับจะทรงลืมกิจการที่ท่านได้ทำ� และทรง ลืมความรักที่ท่านได้แสดงต่อพระนามพระองค์ โดยรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ และ ยังคงรับใช้อยู่ต่อไป เราปรารถนาให้ท่านแต่ละคนแสดงความกระตือรือร้นต่อไป จนกว่าความหวังของท่านจะสำ�เร็จบริบรู ณ์ในวาระสุดท้าย ทัง้ นีเ้ พือ่ มิให้ทา่ นเฉือ่ ย ชา แต่เพื่อจะทำ�ตามอย่างผู้ที่มีความเชื่อและมีความมานะพากเพียร จึงจะเป็น ทายาทแห่งพระสัญญาได้ เมื่อพระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมนั้น พระองค์ไม่มีผู้ใดเหนือกว่าที่จะทรง นำ�มาอ้างยืนยันคำ�ปฏิญาณได้ จึงทรงอ้างพระองค์ปฏิญาณว่า “เราจะอวยพรเจ้า อย่างมากและจะทวีพงศ์พันธุ์ของเจ้าอย่างมากด้วย” ดังนี้ อับราฮัมได้พากเพียร รอคอยและได้รบั ทุกอย่างตามพระสัญญา มนุษย์ยอ่ มปฏิญาณโดยอ้างผูเ้ หนือกว่า ตน และสำ�หรับเขาเหล่านัน้ การยืนยันด้วยคำ�ปฏิญาณเป็นการยุตขิ อ้ โต้แย้งทัง้ ปวง ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงปรารถนาจะแสดงให้บรรดาทายาทแห่งพระสัญญาเห็น ชัดเจนยิง่ ขึน้ อีกว่า แผนการของพระองค์ไม่มวี นั เปลีย่ นแปลง จึงทรงผูกมัดพระองค์ ด้วยคำ�ปฏิญาณ เพื่อให้เราซึ่งหนีทุกข์ภัย มีกำ�ลังใจอย่างแรงกล้าที่จะยึดมั่นใน ความหวังเบือ้ งหน้า พระสัญญาและคำ�ปฏิญาณจะไม่เปลีย่ นแปลง เพราะพระเจ้า ทรงมุสาไม่ได้ เรามีความหวังนีเ้ ป็นดังสมอเรือทีม่ นั่ คงปลอดภัยสำ�หรับชีวติ ความ หวังดังกล่าวผ่านม่านเข้าไปถึงห้องภายในพระวิหาร ที่พระเยซูเจ้าเสด็จล่วงหน้า เข้าไปก่อนแล้วเพือ่ เรา ในฐานะทีท่ รงเป็นมหาสมณะนิรนั ดร ตามแบบอย่างเมลคี เซเดค
ระลึกถึง น.อันตน เจ้าอธิการ สดด 111:1-2,4-5, 9-10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มก 2:23-28 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์ที่เดินทาง อยู่ด้วยเด็ดรวงข้าว ชาวฟาริสีทูลถามพระองค์ว่า “ทำ�ไมศิษย์ของท่านทำ�สิ่งต้อง ห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านพระคัมภีร์หรือว่า กษัตริยด์ าวิดทรงทำ�สิง่ ใดในยามทีม่ คี วามจำ�เป็นและความหิวโหยทัง้ พระองค์และ ผู้ติดตาม พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าเมื่ออาบียาธาร์เป็นมหา สมณะ เสวยขนมปังที่ตั้งถวาย ซึ่งใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น พระองค์ยังทรงให้ผู้ติดตามกินอีกด้วย” แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “วันสับบาโตมีไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่มนุษย์มีไว้เพื่อ วันสับบาโต ดังนั้น บุตรแห่งมนุษย์จึงเป็นนายเหนือแม้กระทั่งวันสับบาโตด้วย” โดยแบบอย่างชีวติ การเป็นสมณะผูย้ ง่ิ ใหญ่ของพระเยซูเจ้า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงแสดงให้เรา เห็นว่าแก่นแท้ทถ่ี กู ต้องของชีวติ มนุษย์นน้ั ก็คอื “ความรัก” ความรักทำ�ให้กฎเกณฑ์ตา่ งๆ สมบูรณ์ขน้ึ เหตุผลของ การทีพ่ ระเจ้าทรงกำ�หนดกฎเกณฑ์ตา่ งๆ ก็เพราะทรงรักเรา ไม่ประสงค์ให้เราเดินทางผิด แต่อย่างไรก็ตาม “คน” ย่อมสำ�คัญกว่าระบบ พิธกี รรม หรือกฎเกณฑ์ใดๆ ความรักของพระองค์จงึ ยิง่ ใหญ่และอยูเ่ หนือระบบ หรือ มาตรการต่างๆ ทีม่ นุษย์ตง้ั ขึน้
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา สดด 110:1,2,3,4
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮบ 7:1-3,15-17 พี่น้อง เมลคีเซเดคผู้นี้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งเมืองซาเลม ทรงเป็นสมณะของ พระเจ้าสูงสุด เสด็จมาพบอับราฮัมขณะทีอ่ บั ราฮัมกลับจากรบชนะบรรดากษัตริย์ และทรงอวยพรเขา อับราฮัมแบ่งหนึ่งในสิบจากสิ่งของทั้งหมดถวายเมลคีเซเดค ชือ่ เมลคีเซเดคแปลว่า “กษัตริยแ์ ห่งความชอบธรรม” ทรงเป็นกษัตริยแ์ ห่งซาเลม ซึง่ แปลว่า “กษัตริยแ์ ห่งสันติภาพ” พระคัมภีรไ์ ม่กล่าวถึงพระบิดาพระมารดาหรือ ราชวงศ์ ไม่กล่าวถึงวันเริ่มต้นและบั้นปลายชีวิตของพระองค์ พระองค์จึงทรงเป็น เสมือนพระบุตรของพระเจ้า และทรงเป็นสมณะอยู่ตลอดไป เรื่องนี้จะชัดเจนขึ้น ถ้ามีสมณะอีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นเหมือนกับเมลคีเซเดค ซึ่งได้เป็นสมณะมิใช่ตามกฎแห่งการสืบตระกูล แต่เดชะอำ�นาจแห่งชีวิตที่ไม่มี วันดับสูญ เพราะพระคัมภีรเ์ ป็นพยานยืนยันว่า “ท่านเป็นสมณะนิรนั ดรตามแบบ อย่างของเมลคีเซเดค” พระวรสาร มก 3:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมอีกครั้งหนึ่ง ที่นั่นมีชายมือลีบ คนหนึง่ ประชาชนบางคนคอยจ้องมองดูวา่ พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวัน สับบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ พระองค์ตรัสสั่งชายมือลีบว่า “ลุกขึน้ มายืนตรงกลางนีซ่ ”ิ แล้วตรัสถามคนทัง้ หลายว่า “ในวันสับบาโตนัน้ ควร ทำ�ความดีหรือความชัว่ ควรจะช่วยชีวติ หรือปล่อยให้ตายไป” คนเหล่านัน้ ก็นงิ่ อยู่ พระองค์จงึ ทอดพระเนตรเขาเหล่านัน้ ด้วยความกริว้ เศร้าพระทัยเพราะจิตใจแข็ง กระด้างของเขา แล้วตรัสสั่งชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือซิ” เขาก็เหยียดมือ มือ นัน้ ก็หายลีบเป็นปกติ ชาวฟาริสจี งึ ออกไป และประชุมกับผูน้ ยิ มกษัตริยเ์ ฮโรดทันที เพื่อปรึกษาว่าจะกำ�จัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงเป็นมหาสมณะนิรันดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค สิง่ ทีพ่ ระองค์ทรงกระทำ�ในวันนีค้ อื การกระทำ�ความดีโดยช่วยชายมือลีบให้มอื ของเขา กลับมาเป็นปกติ พระองค์ทรงกระทำ�ความดีโดยที่ไม่ต้องรอ แต่ทำ�ดีทันทีที่พบเห็น เรื่องที่พระเยซูทรงเศร้าพระทัยก็คือ มีบางคนเห็นคนเดือดร้อนแล้วยังนิ่งเฉยและยัง คอยจับผิดพระองค์ทที่ �ำ ความดีอกี อย่างไรก็ตาม พระองค์ไม่ลม้ เลิกทีจ่ ะกระทำ�ความ ดี ยังทรงประกาศข่าวดีและช่วยเหลือประชาชนจนกระทั่งทุกวันนี้
บทอ่านที่ 1 ฮบ 7:25-8:6 ด้วยเหตุนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงช่วยคนทั้งปวงซึ่งเข้ามาถึงพระเจ้าโดยทาง พระองค์ ให้ได้รับความรอดพ้นได้อย่างดียิ่ง เพราะพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็น นิจเพื่อทูลขอพระกรุณาให้คนเหล่านั้น เราต้องการมหาสมณะลักษณะเช่นนี้ คือเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ ไร้ความผิด ไร้มลทิน แยกจากคนบาปทัง้ ปวง ประทับอยูเ่ หนือสวรรค์ชนั้ ฟ้า ไม่จ�ำ เป็นทีพ่ ระองค์จะต้อง ทรงนำ�เครื่องบูชามาถวายพระเจ้าทุกวัน ดังเช่นมหาสมณะองค์อื่นๆ เพื่อถวาย ชดเชยบาปของตนก่อน แล้วจึงถวายชดเชยบาปของประชากร ส่วนพระเยซูเจ้า เมื่อทรงถวายพระองค์ได้ทรงกระทำ�เช่นนี้เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป ความ จริง ธรรมบัญญัติได้แต่งตั้งมนุษย์ที่มีความอ่อนแอให้เป็นมหาสมณะ แต่คำ� ปฏิญาณของพระเจ้าซึ่งมาภายหลังธรรมบัญญัตินั้น แต่งตั้งพระบุตรผู้ทรงบรรลุ ถึงความสมบูรณ์แล้วตลอดไปให้เป็นมหาสมณะ ประเด็นสำ�คัญของเรือ่ งทีเ่ รากำ�ลังพูดถึงคือ เรามีมหาสมณะทีป่ ระทับอยูเ่ บือ้ ง ขวาพระบัลลังก์ของพระผูท้ รงศักดานุภาพในสวรรค์ เป็นผูป้ ฏิบตั ศิ าสนกิจในสถาน ศักดิ์สิทธิ์ ในกระโจมแท้จริงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งขึ้น มิใช่กระโจมที่มนุษย์ตั้ง ขึน้ มหาสมณะทุกองค์ยอ่ มรับการแต่งตัง้ เพือ่ ถวายบรรณาการและเครือ่ งบูชา ดัง นัน้ จำ�เป็นทีพ่ ระคริสตเจ้าจะต้องทรงมีสงิ่ ใดสิง่ หนึง่ ถวายด้วย ถ้าพระองค์ประทับ ในโลกนี้ พระองค์กค็ งไม่ทรงเป็นสมณะแต่อย่างใด เพราะมีผอู้ นื่ ถวายบรรณาการ ตามธรรมบัญญัตอิ ยูแ่ ล้ว เขาเหล่านีป้ ฏิบตั ศิ าสนกิจทีเ่ ป็นรูปแบบและเงาแห่งของ จริงในสวรรค์ ตามทีโ่ มเสสได้รบั พระบัญชาเมือ่ กำ�ลังจะตัง้ กระโจมขึน้ พระเจ้าตรัส ว่า “จงระวัง ทำ�ทุกอย่างตามแบบที่เราแสดงให้ท่านเห็นบนภูเขา”...
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา สดด 40:6-7ก, 7ข-8,9,16
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มก 3:7-12 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปยังทะเลสาบกับบรรดาศิษย์ ผูค้ นหมูใ่ หญ่จากแคว้นกาลิลตี ดิ ตาม พระองค์ ผูค้ นจากแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากแคว้นอิดเู มอา จากอีกฟากหนึง่ ของแม่นาํ้ จอร์แดน และจากบริเวณเมืองไทระและไซดอนเป็นหมู่ใหญ่ ได้ยินสิ่งที่ทรงกระทำ�ก็มาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้า จึงตรัสสัง่ บรรดาศิษย์ให้จดั เรือไว้ล�ำ หนึง่ เพือ่ ประชาชนจะได้ไม่เบียดเสียดพระองค์ เพราะพระองค์ทรง รักษาผู้ป่วยจำ�นวนมาก จนบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อสัมผัสพระองค์ เมื่อ ปีศาจทั้งหลายเห็นพระองค์ ก็กราบลง พลางตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ ทรงกำ�ชับอย่างแข็งขันมิให้มันแพร่งพรายว่าพระองค์เป็นใคร พระเยซูเจ้าทรงเป็นมหาสมณะทีย่ งิ่ ใหญ่ พระองค์ทรงให้อสิ รภาพกับทุกคนทีจ่ ะเลือกติดตาม พระองค์ พระองค์เสด็จไปไหน จะมีประชาชนติดตามพระองค์ไป พวกเขามีความกระหายหาพระเจ้าและ ต้องการการบำ�บัดรักษาจากพระองค์ โดยอาศัยการสัมผัสของพระองค์ พวกเขาได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ต่างๆ แม้แต่ปศี าจยังยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า เมือ่ ท่านได้รบั ฟังพระวาจาของพระเจ้า และรับรู้ว่าพระองค์ทรงกระทำ�เช่นไร ท่านรู้สึกอย่างไร เฉยๆ หรือมีความหวัง สงสัยหรือเชื่อมั่น จงวอน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเพิ่มความเชื่อในพลังอำ�นาจและความช่วยเหลือของพระองค์
น.เฟเบียน พระสันตะปาปา และมรณสักขี น.เซบัสเตียน มรณสักขี
สดด 85:6-9,10-11, 12-13
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮบ 8:6-13 พี่น้อง บัดนี้ พระคริสตเจ้าทรงได้รับศาสนบริการที่ยิ่งใหญ่กว่าศาสนบริการ ของสมณะตระกูลเลวี เช่นเดียวกับทีพ่ นั ธสัญญาซึง่ มีพระองค์ทรงเป็นคนกลางนัน้ ดีกว่าพันธสัญญาเดิมเพราะตัง้ อยูบ่ นพระสัญญาทีด่ กี ว่า ถ้าพันธสัญญาแรกไม่มขี อ้ บกพร่อง ก็คงไม่จ�ำ เป็นต้องมีพนั ธสัญญาทีส่ อง แต่พระเจ้าทรงพบข้อบกพร่องของ ประชากร จึงตรัสว่า “ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะทำ�พันธสัญญาใหม่ กับตระกูลอิสราเอลและตระกูลยูดาห์ ไม่เหมือนกับพันธสัญญาที่เราทำ�ไว้กับ บรรพบุรษุ ของเขา ในวันทีเ่ ราจูงมือพาเขาออกจากอียปิ ต์ เนือ่ งจากเขาไม่ได้รกั ษา พันธสัญญาของเรา เราจึงไม่สนใจเขาอีกต่อไป องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส นี่คือพันธ สัญญาที่เราจะทำ�กับตระกูลอิสราเอลภายหลังวันเหล่านั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะใส่บทบัญญัตขิ องเราในจิตใจของเขา เราจะจารึกไว้ในดวงใจของเขา และเรา จะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา แต่ละคนจะไม่สอนเพือ่ น บ้ า น และพี่ น้ อ งของตนอี ก แล้ ว โดยพู ด ว่ า “จงรู้ จั ก องค์ พ ระผู้ เ ป็ น เจ้ า เถิ ด ” เนื่องจากทุกคนตั้งแต่ผู้น้อยจนถึงผู้ใหญ่จะรู้จักเรา เพราะเราจะกรุณาต่อความ อธรรมของเขา และจะไม่จดจำ�บาปของเขาอีกต่อไป” เมื่อพระเจ้าตรัสถึงพันธสัญญาใหม่ พระองค์ทรงหมายความว่าพันธสัญญา แรกนั้นเก่าไปแล้ว ของที่เก่าและล้าสมัยแล้ว ย่อมใกล้จะสูญสิ้น พระวรสาร มก 3:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการ ให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสอง คนให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน โดยให้มีอำ�นาจขับ ไล่ปีศาจด้วย อัครสาวกสิบสองคนที่ทรงแต่งตั้ง คือ ซีโมน พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ ให้เขาว่า “เปโตร” ยากอบบุตรของเศเบดี และยอห์น น้องชายของยากอบ พระองค์ทรงตั้งชื่อให้สองพี่น้องนี้ว่า “โบอาแนรเกส” ซึ่งแปลว่า “ลูกฟ้าร้อง” อันดรูว์ ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ธัดเดอัส ซีโมน จากกลุ่มชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ได้ทรยศต่อพระองค์ งานของพระเจ้ายังคงได้รับการสานต่อจากบุคคลต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ วันนี้เราได้เห็นวิธีการทำ�งานของพระเยซูเจ้าที่ชัดเจนคือการมอบหมายหรือการเชิญ ชวนคนให้มาร่วมงานกับพระองค์ และทรงมอบอำ�นาจให้กับผู้ร่วมงานเหล่านั้น เมื่อมี อำ�นาจคนเราอาจจะนำ�ไปใช้เพือ่ ผลประโยชน์สว่ นตัวอย่างหนึง่ อย่างใด แต่ส�ำ หรับพระ เยซูเจ้าแล้ว อำ�นาจมีไว้เพือ่ รับใช้ เพือ่ ช่วยให้คนอืน่ ๆ พ้นจากความทุกข์และได้รบั ความ รอดพ้นจากบาป ไม่วา่ ท่านจะมีบคุ ลิกภาพอย่างไร ท่านก็สามารถใช้อ�ำ นาจเพือ่ ทำ�ความ ดีได้เสมอ
บทอ่านที่ 1 ฮบ 9:2-3,11-14 พี่น้อง กระโจมถูกสร้างขึ้นดังนี้ ห้องแรกมีคันประทีป โต๊ะและขนมปังถวาย ห้องนี้เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เบื้องหลังม่านมีห้องที่สองซึ่งเรียกว่าสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง พระคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะผูน้ �ำ พระพรต่างๆ ทีพ่ ระเจ้าทรงสัญญา ระลึกถึง จะประทานมาให้ พระองค์เสด็จผ่านกระโจมทีย่ งิ่ ใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่า ทัง้ มิใช่ น.อักแนส กระโจมทีส่ ร้างขึน้ ด้วยมือมนุษย์ คือมิใช่กระโจมซึง่ เป็นสิง่ สร้างของโลกนี้ พระองค์ เสด็จเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเพียงครั้งเดียวตลอดไป สิ่งที่พระองค์ทรงนำ� พรหมจารี มรณสักขี ไปด้วยมิใช่เลือดแพะและเลือดลูกโค แต่ทรงนำ�พระโลหิตของพระองค์เข้าไป และ สดด 47:1-2,5-7,8 ทรงกระทำ�ให้การไถ่กนู้ ริ นั ดรสำ�เร็จ ถ้าการประพรมบุคคลทีม่ มี ลทินด้วยเลือดแพะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เลือดลูกโค รวมกับเถ้าของโคเพศเมีย ยังทำ�ให้บุคคลนั้นบริสุทธิ์ร่วมศาสนพิธีได้ พระโลหิตของพระคริสตเจ้า ย่อมทำ�ได้มากกว่านั้น พระคริสตเจ้าทรงถวาย พระองค์โดยปราศจากตำ�หนิมลทินแด่พระเจ้าเดชะพระจิตเจ้าผูท้ รงดำ�รงอยูต่ ลอด นิรันดร พระโลหิตชำ�ระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์จากกิจการที่ตายแล้วเพื่อจะได้รับ ใช้พระเจ้าผู้ทรงชีวิต พระวรสาร มก 3:20-21 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ประชาชนมาชุมนุมกันอีก จนพระองค์ไม่อาจเสวย และบรรดาศิษย์ก็ไม่อาจกินอาหารได้ เมื่อพระประยูร ญาติของพระองค์ได้ยนิ เช่นนี้ ก็ออกไปควบคุมพระองค์ไว้ เพราะคิดว่าทรงเสียพระ สติ พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะ นำ�พระพรต่างๆ ที่พระเจ้า ทรงสัญญาจะประทานมาให้ วันนีญ ้ าติๆ ของพระองค์รสู้ กึ ไม่สบายใจเมือ่ เห็นการทุม่ เท ทำ�งานของพระองค์ ในฐานะบุตรหัวปีของครอบครัวที่ควรจะอยู่ช่วยงานอาชีพของ ครอบครัว กลับมาทำ�หน้าที่เป็นนักเทศน์ผู้จาริกไปยังที่ต่างๆ แต่พระองค์ทรงกลับทิ้ง ความมัน่ คงและความปลอดภัยในชีวติ ครอบครัว มารับใช้และกระทำ�ตามพระประสงค์ ของพระบิดาเจ้า แล้วท่านล่ะพร้อมที่จะสละชีวิตส่วนตัวเพื่อรับใช้พระเจ้าบ้างหรือไม่
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 8:23ข-9:3 ในอดีต พระองค์ทรงทำ�ให้แผ่นดินเศบูลุนและแผ่นดินนัฟทาลีตกตํ่า แต่ใน อนาคตจะทรงบันดาลให้หนทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถึงแม่นํ้าจอร์แดน ซึ่ง เป็นดินแดนของชนต่างชาติมีความรุ่งเรือง ประชากรที่เดินในความมืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในแผ่น ดินมืดมิด ความสว่างส่องแสงมาเหนือเขา พระองค์ทรงเพิม่ จำ�นวนประชากร ทรง เพิม่ ความชืน่ บานของเขา เขาทัง้ หลายจะยินดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ดัง่ ความ ชื่นบานในฤดูเก็บเกี่ยว ดั่งความยินดีเมื่อเขาแบ่งของเชลยให้แก่กัน เพราะว่าแอก อันเป็นภาระของเขา ท่อนไม้ที่เขาต้องแบก ไม้ตะพดของผู้กดขี่ พระองค์ทรงหัก เสียอย่างที่ทรงเคยกระทำ�กับชาวมีเดียน เพลงสดุดี สดด 27:1,4,13-14 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความสว่างและทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นป้อมปราการปกป้องชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหวาดกลัวผู้ใด ข) ข้าพเจ้าขอเพียงสิ่งเดียวจากองค์พระผู้เป็นเจ้า สิ่งเดียวนี้ข้าพเจ้าแสวงหา คือการได้พำ�นักอยู่ในพระเคหาขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกวันตลอดชีวิต เพื่อชมความงามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และคอยเฝ้าอยู่ในพระวิหารของพระองค์ ค) ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่าจะได้เห็นความดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในแผ่นดินแห่งผู้เป็น จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงเข้มแข็ง จงทำ�ใจกล้า จงมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:10-13,17 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ เป็นเจ้าของเรา ให้ทา่ นปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจติ ใจและความเห็นตรง กัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จากคนในครอบครัวของคะโลเอว่า ท่านทั้งหลาย ทะเลาะวิวาทกัน ข้าพเจ้าหมายความว่าดังนี้ ท่านต่างก็พูดว่า “ฉันเป็นพวกของ เปาโล” “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” “ฉันเป็นพวกของเคฟาส” “ฉันเป็นพวกของ พระคริสตเจ้า” มีการแบ่งแยกในองค์พระคริสตเจ้าหรือ เปาโลถูกตรึงกางเขนเพือ่ ท่านหรือ ท่านได้รับพิธีล้างบาปในนามของเปาโลหรือ
พระคริสตเจ้ามิได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาทำ�พิธีล้างบาป แต่ทรงส่งมาประกาศข่าวดีมใิ ช่ดว้ ยการใช้โวหารอันชาญ ฉลาด ด้วยเกรงว่าจะทำ�ให้ไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า เสื่อมประสิทธิภาพ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 4:12-23 เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ� จึง เสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มา ประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดิน แดนเผ่าเศบูลนุ และนัฟทาลี ทัง้ นี้ เพือ่ ให้พระดำ�รัสทีต่ รัส ไว้ทางประกาศกอิสยาห์ เป็นความจริงว่า “ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่นํ้าจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติ ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็น ความสว่างยิง่ ใหญ่ ผูท้ อี่ าศัยอยูใ่ นดินแดนและในเงาแห่งความตาย แสงได้สอ่ งขึน้ มาเหนือพวกเขาแล้ว” นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ ใกล้แล้ว” ขณะที่ทรงดำ�เนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือ ซีโมนทีเ่ รียกว่าเปโตรกับอันดรูวน์ อ้ งชายกำ�ลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตาม เรามาเถิด เราจะทำ�ให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที เมื่อทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของ เศเบดีและยอห์นน้องชายกำ�ลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขา ทั้งสองก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน ข่าวดีของพระเจ้ายังคงเป็นข่าวที่นำ�ความยินดีและให้ความหวังแก่ชีวิตของมนุษย์ตลอดมา เริม่ ตัง้ แต่การประกาศเทศนาของประกาศกอิสยาห์ ทีเ่ ชิญชวนให้ประชาชนหันมาเชือ่ ศรัทธาในพระเจ้า เพราะ อาศัยความเชื่อนี้เองจะเป็นดั่งแสงสว่างที่นำ�ทางในการดำ�เนินชีวิตของพวกเขา ความชัดเจนในคำ�สอนนี้ ปรากฏอยู่ในชีวิตของพระเยซูเจ้าเองที่ไม่ว่าจะเสด็จไปที่ใดก็ทรงประกอบแต่คุณงามความดี ทรงประกาศ ข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน และบรรดาอัครสาวกก็ได้ สืบทอดพันธกิจนี้โดยตักเตือนให้ประชาชนรักกันและกัน ไม่แตกแยกกัน เราแต่ละคนก็เช่นกันจะต้องเป็นผู้ สืบทอดงานประกาศข่าวดีและนำ�คำ�สอนนี้มาปฏิบัติในชีวิต
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา สดด 98:1,2-3,4-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 ฮบ 9:15,24-28 พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับ เรียกเป็นทายาทกองมรดกนิรนั ดรได้รบั ตามพระสัญญา เพราะพระองค์ทรงยอมรับ ความตายเพื่อลบล้างการล่วงละเมิดตามเงื่อนไขของพันธสัญญาเดิมแล้ว พระคริสตเจ้ามิได้เสด็จเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์ที่มือมนุษย์สร้าง ซึ่งเป็นภาพ จำ�ลองของสถานศักดิส์ ทิ ธิแ์ ท้ แต่พระองค์เสด็จเข้าสูส่ วรรค์ ทัง้ นีเ้ พือ่ จะทรงปรากฏ อยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแทนเรา มิใช่เพื่อถวายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ดัง เช่นมหาสมณะต้องเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นประจำ�ทุกปีพร้อมกับนำ�เลือดซึ่ง ไม่ใช่เลือดของตนเข้าไปด้วย มิฉะนั้น พระคริสตเจ้าคงจะต้องทรงรับการทรมาน ครัง้ แล้วครัง้ เล่าตัง้ แต่สร้างโลกเป็นต้นมา ตรงกันข้ามพระองค์ทรงปรากฏพระองค์ เพียงครั้งเดียว ณ บัดนี้ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายเพื่อลบล้างบาปโดยบูชาพระองค์ มนุษย์ ถูกกำ�หนดให้ตายเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นจะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสต เจ้าก็ฉนั นัน้ พระองค์ทรงถวายพระองค์เพียงครัง้ เดียว เพือ่ ทรงลบล้างบาปของคน จำ�นวนมาก พระองค์จะทรงปรากฏพระองค์เป็นครัง้ ทีส่ องโดยไม่ทรงเกีย่ วข้องกับ บาปอีก แต่เพื่อทรงนำ�ความรอดพ้นมาประทานแก่ผู้ที่รอคอยพระองค์ พระวรสาร มก 3:22-30 เวลานัน้ บรรดาธรรมาจารย์ทมี่ าจากกรุงเยรูซาเล็มพูดว่า “เขามีปศี าจเบเอล เซบูลสิงอยู”่ และ “ขับไล่ปศี าจด้วยอำ�นาจของเจ้าแห่งปีศาจนัน่ เอง” พระองค์จงึ ทรงเรียกเขาเหล่านัน้ เข้ามาพบ ตรัสเป็นอุปมาว่า “ซาตานจะขับซาตานได้อย่างไร ถ้าอาณาจักรหนึ่งแตกแยก อาณาจักรนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ถ้าครอบครัวหนึ่งแตกแยก ครอบครัวนั้นก็ตั้งมั่นอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าซาตานลุกขึ้นต่อสู้กันเองและแตกแยก มัน ก็อยู่ไม่ได้ ต้องถึงจุดจบ ไม่มีใครเข้าไปในบ้านของคนเข้มแข็งและปล้นเอาทรัพย์ ของเขาได้ ถ้าไม่มัดคนเข้มแข็งนั้นไว้ก่อน เมื่อนั้นแหละจึงจะเข้าปล้นบ้านได้ เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า มนุษย์จะรับการอภัยบาปทุกประการ รวมทั้งคำ�ดูหมิ่นพระเจ้าที่ได้พูดออกไป แต่ใครที่พูดดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับ การอภัยเลย เขามีความผิดตลอดนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพราะมีผู้พูดว่า “คนนี้มีปีศาจสิงอยู่” พระเจ้าทรงประทานพระจิตเจ้าลงมาในโลกเพื่อเป็นพยานถึงพระเยซู คริสต์ เป็นพระนามเดียวที่ใช้เพื่อการให้อภัยบาปและประทานความรอด การปฏิเสธ พยาน ก็เท่ากับเป็นการดูถกู เหยียดหยามพระเจ้าเอง จะมีมนุษย์คนใดทีส่ ามารถยกโทษ บาปของตนเองและผู้อื่นได้ และบาปของเราจะได้รับการอภัยได้อย่างไร ถ้าเราไม่ ยอมรับอำ�นาจการยกบาปจากพระเจ้า
บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:1-10 พี่น้อง เนื่องจากธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาและไม่ใช่ภาพจริงของพระพรที่ พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ จึงไม่อาจทำ�ให้ผู้มาเฝ้าพระเจ้าบรรลุถึงความ บริบรู ณ์ได้ แม้จะถวายเครือ่ งบูชาเดียวกันตลอดปีอย่างต่อเนือ่ งทุกปี มิฉะนัน้ การ ถวายบูชาแบบนีค้ งจะต้องยุตลิ ง ในเมือ่ ผูน้ มัสการได้รบั การชำ�ระล้างครัง้ หนึง่ เพือ่ ให้บริสทุ ธิต์ ลอดไปแล้ว เขาคงจะไม่ส�ำ นึกว่าตนยังมีบาปอีก แต่การถวายบูชาเหล่า นีย้ งั เตือนให้ส�ำ นึกถึงบาปอยูท่ กุ ปี เพราะเลือดโคเพศผูแ้ ละเลือดแพะชำ�ระบาปให้ หมดสิ้นไปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชาและของถวายอื่นใด พระองค์จึงทรง เตรียมร่างกายไว้ให้ขา้ พเจ้า พระองค์ไม่พอพระทัยในเครือ่ งเผาบูชาและเครือ่ งบูชา ชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมี ข้อความเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของ พระองค์” พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มีพระประสงค์และไม่พอ พระทัยในเครื่องบูชา ของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ทั้งๆ ที่ มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามาเพื่อ ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ พระคริสตเจ้าจึงทรงยกเลิกการถวายบูชา แบบเดิมและทรงตั้งการถวายบูชาแบบใหม่ขึ้นแทน โดยพระประสงค์นี้เองเราทั้ง หลายได้รับความศักดิ์สิทธิ์ เดชะการถวายพระวรกายของพระองค์เป็นการบูชาที่ พระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำ�แต่เพียงครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป พระวรสาร มก 3:31-35 เวลานัน้ พระมารดาและพระประยูรญาติของพระเยซูเจ้ามาถึง ยืนรออยูข่ า้ ง นอก ส่งคนเข้าไปทูลพระองค์ ประชาชนกำ�ลังนั่งล้อมพระองค์อยู่ เขาจึงทูล พระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องชายหญิงของท่านกำ�ลังตามหาท่าน คอยอยู่ข้าง นอก” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครเป็นมารดาและพีน่ อ้ งของเรา” แล้วพระองค์ทอด พระเนตรผู้ที่นั่งเป็นวงล้อมอยู่ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา ผู้ใดทำ� ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” วันนีเ้ ราได้เห็นความหมายของครอบครัวขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เมือ่ พระ เยซูเจ้าตรัสว่า ผูใ้ ดทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผูน้ นั้ เป็นพีน่ อ้ งชายหญิงและเป็น มารดาของเรา ในช่วงชีวติ ของเรา ชีวติ ฝ่ายจิตมีความสำ�คัญมากกว่าชีวติ ฝ่ายธรรมชาติ ชีวิตฝ่ายธรรมชาติมาจากโลกและจะผ่านพ้นไป แต่ชีวิตฝ่ายจิตจะคงอยู่ตลอดไป เมื่อ เราได้รับพระเยซูเจ้าเข้ามาในหัวใจของเรา เราก็ได้กลับกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ พระเจ้า ความรักจากครอบครัวของพระเจ้าช่วยทำ�ให้ครอบครัวตามธรรมชาติฝา่ ยโลก สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ระลึกถึง น.ฟรังซิส เดอ ซาลส์ พระสังฆราช นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร สดด 40:1,3ก,6-7ก, 9,10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 กจ 22:3-16 เวลานั้น เปาโลจึงกล่าวกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิว เกิดที่เมือง ทาร์ซัสในแคว้นซีลีเซีย แต่เติบโตในเมืองนี้ กามาลิเอลเป็นอาจารย์สอนข้าพเจ้า ให้ปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตขิ องบรรพบุรษุ อย่างเคร่งครัด ข้าพเจ้ารับใช้พระเจ้าด้วย ความกระตือรือร้นอยูเ่ สมอเช่นเดียวกับทีท่ า่ นทัง้ หลายปฏิบตั อิ ยูใ่ นวันนี้ ผูท้ ดี่ �ำ เนิน ตามวิถีทางนี้ เคยถูกข้าพเจ้าเบียดเบียนถึงตาย ข้าพเจ้าจับกุมทั้งชายและหญิง ฉลองการกลับใจ ของนักบุญเปาโล จองจำ�ไว้ในคุก ดังที่มหาสมณะและสภาผู้อาวุโสทุกคนเป็นพยานยืนยันได้ เพราะ เขามอบจดหมายให้ข้าพเจ้านำ�ไปให้แก่บรรดาพี่น้องชาวยิวที่เมืองดามัสกัส อัครสาวก ข้าพเจ้าจึงออกเดินทางเพื่อไปจับกุมบรรดาคริสตชนซึ่งอยู่ที่นั่น... สดด 117:1-2 เวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ข้าพเจ้ากำ�ลังเดินทางใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าล้มลงที่พื้นดิน และได้ยินเสียงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำ�ไม’ ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร’ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาว นาซาเร็ธ ซึ่งเจ้ากำ�ลังเบียดเบียนอยู่’ คนที่อยู่กับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่าง แต่ไม่ได้ยินเสียงคนที่พูดกับ ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าถามอีกว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะต้องทำ�อะไร’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีคนบอกทุกสิ่งที่ พระเจ้าทรงกำ�หนดให้เจ้าทำ�’ แสงนัน้ สว่างจ้าจนข้าพเจ้ามองไม่เห็นสิง่ ใด ผูร้ ว่ มเดินทางกับข้าพเจ้าจึง จูงมือข้าพเจ้าเข้าไปในเมืองดามัสกัส ชายคนหนึ่งชื่ออานาเนีย เป็นผู้ยำ�เกรงพระเจ้าและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ เป็นที่เคารพนับถือ ของชาวยิวทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น เขามาพบข้าพเจ้า ยืนใกล้ๆ พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล น้องเอ๋ย จงกลับ มองเห็นเถิด’ และในเวลานั้นเองข้าพเจ้าก็มองเห็นเขา อานาเนียบอกข้าพเจ้าว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรษุ ของเราทรงเลือกสรรท่านให้รพู้ ระประสงค์ของ พระองค์ ให้เห็นพระคริสตเจ้าผูท้ รงชอบธรรมและได้ยนิ พระสุรเสียงจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพราะ ท่านจะเป็นพยานของพระองค์ยืนยันสิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ยินแก่มนุษย์ทุกคน บัดนี้ท่านรออะไรอยู่ อีก จงลุกขึ้น รับศีลล้างบาปและเรียกขานพระนามพระองค์ชำ�ระล้างบาปของท่านเถิด’” พระวรสาร มก 16:15-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์กับอัครสาวกสิบเอ็ดคน ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจง ออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูก ตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำ�อัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหาย จากโรคภัย” หน้าที่การประกาศข่าวดีเป็นของเราทุกคน เราสามารถกระทำ�ได้โดยการเป็นประจักษ์พยาน ที่ดีในการดำ�เนินชีวิตและการพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อ นักบุญเปาโลเองครั้งหนึ่งเคยรังเกียจ พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ของพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงมองเห็นพลังภายในของท่าน ได้เลือกท่าน และ อาศัยอานาเนียช่วยสอนคำ�สอนให้ ท่านจึงได้รับศีลล้างบาปและกลับมาเป็นผู้ประกาศข่าวดีที่เข้มแข็ง
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 1:1-8 จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซูโดยพระประสงค์ของพระเจ้าตาม พระสัญญาที่จะประทานชีวิตให้เราในพระคริสตเยซู ถึงทิโมธีลูกรัก ขอพระหรรษทาน พระเมตตาและสันติจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระ คริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตกับท่านเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้า ผูท้ รงเป็นพระเจ้าทีข่ า้ พเจ้าปรนนิบตั ริ บั ใช้ดว้ ย มโนธรรมบริสุทธิ์เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านอยู่เสมอในการ อธิษฐานทั้งวันทั้งคืน ข้าพเจ้ายังระลึกถึงนํ้าตาของท่าน และปรารถนาที่จะพบ ท่านเพื่อจะได้มีความยินดีเต็มเปี่ยม และยังระลึกถึงความเชื่อที่จริงใจของท่าน เป็นความเชือ่ แต่เดิมของโลอิสยายของท่าน เป็นความเชือ่ ของยูนสิ มารดาของท่าน และข้าพเจ้ามั่นใจว่าเป็นความเชื่อของท่านด้วย ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำ�ของท่านเพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่ รุง่ โรจน์ขนึ้ อีก ท่านได้รบั พระพรนีโ้ ดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทาน จิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและ การควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา หรืออายทีข่ า้ พเจ้าต้องถูกจองจำ�เพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีสว่ นร่วม ทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า
ระลึกถึง น.ทิโมธี และ น.ทิตัส พระสังฆราช สดด 96:1-2,3,7-8, 10-11
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 10:1-9 ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่ง เขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคูๆ่ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองทีพ่ ระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัส กับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคน งานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะ ในฝูงสุนขั ป่า อย่านำ�ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผูใ้ ดตามทาง เมือ่ ท่านเข้าบ้าน ใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่าน จะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของ ทีเ่ ขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนีอ้ อกบ้านโน้น เมือ่ ท่าน เข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและ บอกเขาว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’” พระจิตเจ้าประทานความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองให้แก่เราทุกคน เพื่อให้เรา จะได้เป็นผู้ร่วมงานที่มีคุณภาพของพระองค์ การทำ�งานรับใช้พระเจ้านั้นคือการนำ�พระพรของพระเจ้าไป มอบให้กับทุกๆ คนที่เราพบ เหมือนพระเยซูเจ้าที่เสด็จไปที่ใดก็ทรงกระทำ�ความดีที่นั่น การทำ�ดีย่อมดีเสมอ แม้ว่าผู้รับอาจจะไม่ยอมรับ แต่ความดีนั้นก็จะคงอยู่และจะย้อนกลับมาให้กับเราเอง
น.อังเยลา เมริชี พรหมจารี สดด 37:3-4,5-6, 23-24,39-40
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:32-39 พี่น้อง จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลัง จากที่ได้รับความสว่าง บางครั้งท่านก็ถูกประจานให้อับอาย และถูกข่มเหงอย่าง เปิดเผย บางครั้งท่านก็ร่วมทุกข์กับผู้ที่รับชะตากรรมเดียวกัน โดยเหตุท่ีท่านได้ ร่วมทนทุกข์ทรมานกับผู้ถูกจองจำ�และยินดีให้เขาริบทรัพย์สินของท่านไป เพราะ ท่านรู้อยู่ว่าท่านมีทรัพย์สินที่ดีกว่าและจีรังยั่งยืนกว่า ดังนั้น จงอย่าทิ้งความไว้ วางใจซึ่งมีบำ�เหน็จยิ่งใหญ่ ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำ�ตามพระประสงค์ ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำ�เหน็จตามพระสัญญา อีกไม่นานนัก พระองค์ผู้จะต้องทรงมาถึง ก็จะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะไม่ ทรงชักช้า ผู้ชอบธรรมของเราจะดำ�รงชีพด้วยความเชื่อ แต่ถ้าเขาท้อถอย เราจะ ไม่พอใจเขาเลย เราไม่ใช่คนท้อถอยจนต้องพินาศ แต่เราเป็นคนมีความเชื่อเพื่อ รักษาชีวิตให้รอดพ้น พระวรสาร มก 4:26-34 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอีกว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ายังเปรียบ เสมือนคนที่นำ�เมล็ดพืชไปหว่านในดิน เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวัน เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นและเติบโต เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่รู้ ดินนั้นมีพลังให้เกิดผล ในตนเอง ครั้งแรกก็เป็นลำ�ต้น แล้วก็ออกรวง ต่อมาก็มีเมล็ดเต็มรวง เมื่อข้าวสุก เกิดผลแล้ว เขาก็ใช้คนไปเก็บเกี่ยวทันที เพราะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว” พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร หรือจะ ใช้อุปมาอะไรอธิบายเรื่องนี้ พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อ หว่านในดิน ก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทัง้ ปวงทัว่ แผ่นดิน แต่ครัน้ ได้หว่านแล้วก็งอก ขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด มีกิ่งก้านใหญ่โตจนบรรดานกใน อากาศมาพักอาศัยร่มเงาได้” พระองค์ตรัสเป็นอุปมาเช่นนี้อีกมากตามที่เขาเหล่านั้นฟังเข้าใจได้ พระองค์ มิได้ตรัสกับเขาโดยไม่ใช้อุปมา แต่เมื่อทรงอยู่เฉพาะกับบรรดาศิษย์ก็ทรงอธิบาย ทุกเรื่องให้กับเขาเหล่านั้น
พระอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ถูกกำ�หนดด้วยพื้นที่หรือขอบเขต แต่ที่ ใดที่มีความรัก ความเมตตา การช่วยเหลือเกื้อกูล ที่นั่นก็เรียกได้ว่าเป็นพระอาณาจักร ของพระเจ้า การสร้างบ้านสร้างเมืองเป็นเรื่องที่ต้องลงทุนและเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อ สร้างเสร็จก็นำ�ความยินดี เช่นเดียวกัน เราทุกคนต้องช่วยกันสร้างอาณาจักรของ พระเจ้าในทุกๆ สถานที่ที่เราอยู่ ที่เราไป ไม่ว่าบ้าน ที่ทำ�งาน แม้จะลำ�บากแต่ผลจะนำ� ความสุขให้เราอย่างคุ้มค่า
บทอ่านที่ 1 ฮบ 11:1-2,8-19 พี่น้อง ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่ เห็น เพราะความเชื่อนี้ คนในสมัยก่อนจึงได้รับการยกย่องในพระคัมภีร์ เพราะความเชื่อ อับราฮัมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ออกเดินทางไปสู่ สถานที่ที่เขาจะได้รับเป็นมรดก เขาออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน เพราะ ระลึกถึง ความเชื่อ เขาพำ�นักในดินแดนแห่งพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน เขา น.โทมั ส อาไควนัส อาศัยอยู่ในกระโจมเช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมพระสัญญา พระสงฆ์และนักปราชญ์ เดียวกัน เขารอคอยนครทีม่ รี ากฐานซึง่ พระเจ้าทรงเป็นผูอ้ อกแบบและทรงก่อสร้าง แห่งพระศาสนจักร เพราะความเชือ่ แม้นางซาราห์จะพ้นวัยให้ก�ำ เนิดแล้ว พระเจ้ายังทรงบันดาล ลก 1:69-70,71-72, ให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะนางเชื่อว่าพระองค์ผู้ทรงสัญญาจะทรงซื่อสัตย์ต่อคำ�สัญญา 73-75 นัน้ ดังนัน้ จากคนเดียวซึง่ เปรียบเสมือนกับตายแล้ว กลับเกิดลูกหลานจำ�นวนมาก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และเหมือนเม็ดทรายที่นับไม่ได้บนชายทะเล เขาทุกคนเหล่านีต้ ายไปแล้วในความเชือ่ โดยไม่ได้รบั สิง่ ทีท่ รงสัญญาไว้ แต่กไ็ ด้เห็นและได้ตอ้ นรับ สิง่ เหล่านัน้ ซึง่ ยังอยูห่ า่ งไกล และรูด้ วี า่ ตนเป็นแต่เพียงคนต่างด้าวและพลัดถิน่ ในโลก ผูท้ พี่ ดู เช่นนี้ ชีใ้ ห้ เห็นว่าตนกำ�ลังเสาะแสวงหาแหล่งพำ�นัก หากเขาคิดถึงถิ่นกำ�เนิดที่จากมา เขาคงมีโอกาสกลับไปได้ แต่โดยแท้จริงแล้ว เขาเหล่านีพ้ ยายามไขว่คว้าหาแหล่งพำ�นักทีด่ กี ว่า นัน่ คือเมืองสวรรค์ ดังนัน้ พระเจ้า จึงไม่ทรงละอายที่จะรับพระนามว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมเมืองไว้ให้พวก เขาแล้ว เพราะความเชือ่ เมือ่ พระเจ้าทรงลองใจ อับราฮัมจึงถวายอิสอัค เขาผูไ้ ด้รบั พระสัญญาก็ถวายบุตร คนเดียวของตน บุตรที่พระวาจากล่าวถึงไว้ว่า โดยทางอิสอัคเชื้อสายจะรับนามของท่าน เขาเชื่อว่า พระเจ้าทรงฤทธานุภาพอาจปลุกคนตายให้ฟื้นได้ และดังนั้นเขาจึงได้รับอิสอัคคืนมาเป็นสัญลักษณ์ . พระวรสาร มก 4:35-41 เย็นวันเดียวกันนัน้ พระเยซูเจ้าตรัสสัง่ บรรดาศิษย์วา่ “เราจงข้ามไปทะเลสาบฝัง่ โน้นกันเถิด” บรรดา ศิษย์จงึ ละประชาชนไว้ และออกเรือทีพ่ ระองค์ประทับอยูน่ น้ั ไป มีเรือลำ�อืน่ ๆ ติดตามไปด้วย ขณะนัน้ เกิด พายุแรงกล้า คลืน่ ซัดเข้าเรือจนนา้ํ เกือบจะเต็มเรืออยูแ่ ล้ว พระองค์บรรทมหลับหนุนหมอนอยูท่ ท่ี า้ ยเรือ บรรดาศิษย์จงึ ปลุกพระองค์ ทูลถามว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยทีพ่ วกเรากำ�ลังจะตายอยูแ่ ล้ว หรือ” พระองค์จงึ ทรงลุกขึน้ บังคับลม ตรัสสัง่ ทะเลว่า “เงียบซิ จงสงบลงเถิด” ลมก็หยุด ท้องทะเลราบ เรียบอย่างยิง่ แล้วพระองค์ตรัสถามเขาว่า “ตกใจกลัวเช่นนีท้ �ำ ไม ท่านยังไม่มคี วามเชือ่ หรือ” เขาเหล่านัน้ กลัวมาก พูดกันว่า “ท่านผูน้ เ้ี ป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชือ่ ฟังเช่นนี”้ พระเจ้าประทานแบบอย่างแห่งการดำ�เนินชีวิตด้วยความเชื่อโดยผ่านทางบุคคลต่างๆ ทั้งใน พันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ พระพรที่เราควรวอนขอจากพระเจ้าให้มากที่สุดคือ พระพรแห่งความ เชื่อ ตามที่พระศาสนจักรสอนเราในบทแสดงความเชื่อว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อมั่นในความจริงทุกข้อ ที่พระองค์ทรงเปิดเผย และที่พระศาสนจักรสั่งสอน โปรดทรงเพิ่มพูนความเชื่อของข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน”
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเศฟันยาห์ ศฟย 2:3;3:12-13 ท่านทุกคนที่ถ่อมตนบนแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ จง แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า จงแสวงหาความชอบธรรม จงแสวงหาความถ่อมตน แล้วท่านจะพบที่กำ�บัง ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธ เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและตํ่าต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลือ อยูใ่ นอิสราเอล จะวางใจในพระนามขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ผูร้ อดชีวติ เหลืออยูข่ อง อิสราเอลจะไม่ท�ำ ผิด จะไม่กล่าวคำ�มุสา จะไม่พบลิน้ ทีฉ่ อ้ โกงในปากของเขา เพราะ เขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำ�ให้เขาต้องหวาดกลัว เพลงสดุดี สดด 146:7,8-9ก,9ข-10 ก) พระองค์ทรงรักษาความสัตย์จริงตลอดไป ประทานความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่ ประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยบรรดาผู้ถูกจองจำ�ให้เป็นอิสระ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสายตาแก่คนตาบอด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้นได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์คนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ ค) ทรงคํ้าจุนเด็กกำ�พร้าและหญิงม่าย แต่ทรงขัดขวางหนทางของคนชั่วร้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์ตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:26-31 พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ น้อยคนที่มีอิทธิพล น้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่ พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำ�ให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำ�ให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย และ พระเจ้าทรงเลือกสรรสิง่ ตํา่ ช้าน่าดูหมิน่ ไร้คณ ุ ค่าในสายตาของชาวโลกเพือ่ ทำ�ลาย สิง่ ทีโ่ ลกเห็นว่าสำ�คัญ ทัง้ นี้ เพือ่ มิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็น ปรีชาญาณสำ�หรับเรา ทัง้ ยังทรงเป็นผูบ้ นั ดาลความชอบธรรม ความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละ การไถ่กู้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้ ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:1-12ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชน จำ�นวนมาก จึงเสด็จขึน้ บนภูเขา เมือ่ ประทับแล้ว บรรดา ศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอน ว่า “ผูม้ ใี จยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์ เป็นของเขา ผูเ้ ป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รบั การปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่น ดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดี เถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก” พระเยซูเจ้าทรงสอนเราทัง้ ด้วยการดำ�เนินชีวติ และด้วยคำ�พูด พระคุณลักษณะทีโ่ ดดเด่นของ พระองค์ที่ติดตรึงใจเราทุกคนทุกยุคทุกสมัยได้แก่ “ความสุภาพถ่อมตน” เริ่มตั้งแต่การรับสภาพมาบังเกิด เป็นมนุษย์ การเกิดและการดำ�เนินชีวิตอย่างเรียบง่าย บทสรุปชีวิตแห่งความสุภาพถ่อมตนของพระองค์ สรุปอยู่ในคำ�เทศน์บนภูเขานี้ เช่น การมีใจยากจน คนทุกข์โศกเศร้า ใจอ่อนโยน ฯลฯ และสิ่งที่เราควรต้อง ระมัดระวัง คือ ความเย่อหยิ่ง การโอ้อวด เป็นต้น
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา สดด 31:19-20, 21-22,23-24
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 ฮบ 11:32-40 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้ายังจะต้องพูดอะไรอีกหรือ ข้าพเจ้าไม่มเี วลาจะเล่าเรือ่ งกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ กษัตริยด์ าวิด ซามูเอลและบรรดาประกาศก เพราะความ เชื่อ เขาเหล่านี้จึงพิชิตอาณาจักร ปฏิบัติความยุติธรรม ได้รับพระสัญญา ปิดปาก สิงโต ดับไฟร้อนแรง พ้นจากคมดาบ ได้รับพละกำ�ลังพ้นจากความอ่อนแอ กลาย เป็นผู้เข้มแข็งในสงครามและขับไล่กองทัพต่างชาติให้พ่ายไป หญิงบางคนได้รับผู้ ตายของตนที่กลับคืนชีพ บางคนถูกทรมานจนตายไม่ยอมรับการปลดปล่อยเพื่อ จะกลับคืนชีพมารับชีวติ ทีด่ กี ว่า บางคนถูกสบประมาท ถูกโบยตีและยังถูกล่ามโซ่ จำ�คุกอีกด้วย เขาถูกหินทุ่ม ถูกเลื่อยเป็นสองส่วน ตายด้วยคมดาบ บางคนนุ่งห่ม หนังแกะหนังแพะร่อนเร่ไป ขัดสน ได้รับความยากลำ�บาก ถูกข่มเหง โลกนี้ไม่ เหมาะกับเขาเหล่านี้... พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้เรา เพื่อเขาเหล่านั้น จะได้รับความดีบริบูรณ์พร้อมกับพวกเรานั่นเอง
พระวรสาร มก 5:1-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ข้ามทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครั้นพระองค์ เสด็จขึ้นจากเรือ ชายคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้ามาเฝ้าพระองค์ทันที ชาย คนนี้อาศัยอยู่ตามหลุมศพ... ส่งเสียงร้องเอ็ดอึงและใช้หินทุบตีตนเอง เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าแต่ไกล เขา ก็วิ่งเข้ามากราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด ท่านมายุ่ง เกี่ยวกับข้าพเจ้าทำ�ไม ข้าพเจ้าวอนขอท่านในพระนามพระเจ้า อย่าทรมานข้าพเจ้าเลย” ทั้งนี้เพราะ พระเยซูเจ้าตรัสสั่งปีศาจว่า “เจ้าปีศาจ จงออกจากชายผู้นี้” แล้วพระองค์ทรงถามว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกองพล เพราะเราอยู่กันจำ�นวนมาก” และมันพรํ่าวอนพระองค์มิให้ขับไล่มันออกจาก บริเวณนั้น หมูฝูงใหญ่กำ�ลังหากินอยู่บนเนินเขาที่นั่น พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอได้โปรด ส่งพวกเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ก็ทรงอนุญาต พวกปีศาจจึงออกไปสิงอยู่ในร่างหมู หมูฝูง นัน้ ซึง่ มีประมาณสองพันตัวก็พากันวิง่ กระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ และจมนํา้ ตายทัง้ หมด คน เลี้ยงหมูต่างวิ่งหนีไปเล่าเรื่องนี้ตามเมืองและตามชนบท ประชาชนออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อ เขาเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้า ก็แลเห็นคนที่เคยถูกปีศาจกองพลสิงนั่งอยู่ สวมเสื้อผ้า มีสติดี พวกเขาต่าง มีความกลัว ผูท้ เี่ ห็นเหตุการณ์กเ็ ล่าเรือ่ งทีเ่ กิดขึน้ กับผูท้ ถี่ กู ปีศาจสิงและเล่าเรือ่ งหมูให้ฟงั ประชาชนจึง ขอร้องพระเยซูเจ้าให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา เมือ่ พระองค์เสด็จลงเรือ ผูท้ เี่ คยถูกปีศาจสิงขอ อนุญาตตามเสด็จด้วย แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า “จงกลับบ้าน ไปหาญาติพี่น้องของท่าน เล่า ให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ทอี่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงกระทำ�และแสดงพระเมตตาต่อท่าน” ชายนัน้ จากไป เริม่ ประกาศในแคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�ต่อตน ทุกคนที่ได้ฟังต่างประหลาดใจ ความเชื่อทำ�ให้บรรดากษัตริย์ ผู้นำ� และประกาศกในอดีตสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ จน นำ�ความสุขมาให้ประชากรตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดี ความเชื่อทำ�ให้บรรดาสตรียอมรับความเจ็บ ปวดจากการสูญเสีย การที่ต้องอพยพย้ายถิ่นหนีความตาย อย่างไรก็ตาม ปีศาจหรืออุปสรรคต่อความเชื่อ ก็ยงั คงมีอยูแ่ ละมีมากมายเป็นกองทัพ เราจึงจำ�เป็นต้องยึดมัน่ ศรัทธาในพระเจ้ามากยิง่ ขึน้ เราต้องเพิม่ การ ภาวนา การพลีกรรม การร่วมพิธีกรรม และศีลศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตประจำ�วันของเรา
บทอ่านที่ 1 ฮบ 12:1-4 พีน่ อ้ ง พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมือ่ มีพยานจำ�นวนมากห้อมล้อมอยู่ เราจงละทิง้ ทุกสิง่ ทีถ่ ว่ งอยูแ่ ละบาปทีเ่ กาะแน่น เราจงมีมานะวิง่ ต่อไปในการแข่งขันซึง่ กำ�หนด ไว้สำ�หรับเรา จงเพ่งมองไปยังพระเยซูเจ้าผู้ทรงบุกเบิกความเชื่อและทรงทำ�ให้ ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ไม่ทรงถือว่า เป็นความตายที่น่าอับอาย เพราะทรงคำ�นึงถึงความยินดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียม ไว้ บัดนี้พระองค์ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระที่นั่งของพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลาย จงคิดถึงพระองค์ทที่ รงอดทนต่อการคัดค้านเช่นนีข้ องคนบาป ท่านจะได้ไม่ทอ้ ถอย หมดกำ�ลังใจ ในการต่อสู้กับบาป ท่านยังมิได้ต้านทานจนถึงกับต้องหลั่งเลือดเลย
ระลึกถึง น.ยอห์นบอสโก พระสงฆ์ สดด 22:25ข-26, 27-29,30-31
พระวรสาร มก 5:21-43 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบ พระองค์ขณะทีย่ งั ทรงอยูร่ มิ ทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึง่ ชือ่ ไยรัสเดินมา เมือ่ เห็นพระองค์ เขา กราบลงทีพ่ ระบาท พรํา่ วิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็กๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิน้ ใจอยูแ่ ล้ว เชิญพระองค์เสด็จ ไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค กลับมีชีวิต” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา... ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งตกเลือดเรื้อรังมาสิบสองปีแล้ว ได้รับความทรมานมากจากการรักษาของ แพทย์หลายคน... นางได้ยินเขาพูดกันถึงเรื่องพระเยซูเจ้า จึงเดินปะปนกับประชาชนเข้ามาเบื้องหลัง และสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียงได้สัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” ทันใดนั้น เลือดก็หยุด นางรู้สึกว่าร่างกายหายจากโรคแล้ว ขณะเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกว่ามี อิทธิฤทธิ์ออกจากพระองค์ไป จึงทรงหันมายังกลุ่มชน ตรัสว่า “ใครสัมผัสเสื้อของเรา” บรรดาศิษย์ทูล ว่า “พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าผู้คนเบียดเสียดกันเช่นนี้ แล้วยังทรงถามอีกหรือว่า ‘ใครสัมผัสเรา’” พระองค์ทรงหันไปรอบๆ เพือ่ ทอดพระเนตรผูท้ ที่ �ำ เช่นนัน้ ... พระองค์จงึ ตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชือ่ ของ ท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด” ขณะกำ�ลังตรัสอยูน่ นั้ มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า “บุตรหญิงของท่านตายแล้ว ไปรบกวนพระอาจารย์อีกทำ�ไม” แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรม ว่า “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใครติดตามไปนอกจากเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็น ความวุ่นวาย และเห็นผู้คนรํ่าไห้พิลาปรำ�พันเป็นอันมาก... พระองค์ทรงไล่เขาออกไปข้างนอก ทรงนำ� บิดามารดาของเด็กและศิษย์ที่ติดตามเข้าไปยังที่ที่เด็กนอนอยู่ ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา เด็กนั้นอายุสิบสองขวบ แล้ว คนทั้งหลายต่างประหลาดใจอย่างยิ่ง พระองค์ทรงกำ�ชับอย่างแข็งขันมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ ใด และทรงสั่งให้เขานำ�อาหารมาให้เด็กนั้นกิน “จงละทิ้งทุกสิ่งที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น เราจงมีมานะวิ่งต่อไป” นี่คือถ้อยคำ�ที่ให้กำ�ลัง ใจเราทุกคน เป็นเสมือนเคล็ดลับที่จะนำ�ความสุขแท้มาสู่ตัวของเรา เมื่อเราไตร่ตรองชีวิตของเรา เราจะพบ ว่า ตัวของเรามีพฤติกรรมหลายสิง่ หลายอย่างทีจ่ ะต้องละทิง้ ต้องเปลีย่ นแปลง แล้วก้าวหน้าเดินต่อไป โดย มีพระเยซูเจ้าทรงเดินเคียงข้างเราเสมอ ถึงเวลาแล้วทีเ่ ราจะต้องลุกขึ้น เหมือนทีพ่ ระเยซูทรงปลุกเด็กหญิง ว่า “ทาลิธาคูม” “หนูเอ๋ยเราสั่งให้หนูลุกขึ้น”