บทอ่านที่ 1 1 พกษ 2:1-4,10-12 เมือ่ กษัตริยด์ าวิดทรงตระหนักว่าใกล้จะสิน้ พระชนม์ จึงทรงเรียกกษัตริยซ์ าโลมอน พระโอรสและทรงสั่งว่า “พ่อกำ�ลังจะตายในไม่ช้า ลูกจงเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชายเถิด จง ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของลูก จงเดินตามหนทางของ พระองค์ ปฏิบัติตามข้อกำ�หนด บทบัญญัติ พระวินิจฉัยและกฤษฎีกาของพระองค์ ดัง ทีเ่ ขียนไว้ในธรรมบัญญัตขิ องโมเสส แล้วลูกจะประสบความสำ�เร็จ ไม่วา่ ลูกจะทำ�สิง่ ใด และจะไปทีไ่ หน เพือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้พระสัญญาทีต่ รัสไว้กบั พ่อเป็น ความจริง คือพระสัญญาทีว่ า่ ‘ถ้าบุตรหลานของท่านประพฤติตนตามทำ�นองคลองธรรม ดำ�เนินชีวิตต่อหน้าเราด้วยความซื่อสัตย์สุดจิตสุดใจ เชื้อสายคนหนึ่งของท่านจะนั่ง บัลลังก์ของอิสราเอลตลอดไป’” กษัตริย์ดาวิดเสด็จสวรรคตไปอยู่กับบรรพบุรุษ ทรงถูกฝังไว้ในนครของกษัตริย์ ดาวิด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลาสี่สิบปี ทรงปกครองที่เมือง เฮโบรนเจ็ดปี และที่กรุงเยรูซาเล็มสามสิบสามปี กษัตริยซ์ าโลมอนทรงสืบราชสมบัตติ อ่ จากกษัตริยด์ าวิดพระบิดา ราชบัลลังก์ของ พระองค์ตั้งอยู่อย่างมั่นคง พระวรสาร มก 6:7-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขา เป็นคู่ๆ ประทานอำ�นาจเหนือปีศาจ ทรงกำ�ชับเขามิให้นำ�สิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้า เท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอา เสือ้ สำ�รองไปด้วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยูท่ นี่ นั่ จนกว่า จะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่น พลาง สลัดฝุน่ จากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทัง้ หลาย ให้กลับใจ ขับไล่ปีศาจจำ�นวนมาก เจิมนํ้ามันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หาย จากโรคภัย พระเยซูเจ้าทรงมอบอำ�นาจและหน้าทีข่ องบรรดาสาวกให้สบื ทอดมาถึงเรา คริสตชนทุกคน มิใช่เป็นอำ�นาจและหน้าที่ดังผู้อยู่เหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นดังผู้สุภาพ อ่อนน้อม ไม่มีตึกอาคารหรือบ้านใหญ่โต ไม่มีอาหารหรือย่ามหรือเงินสำ�รอง แต่ให้ต้อง พึ่งพาคนอื่น เหมือนดังพระเยซูเจ้าที่ทรงไม่มีแม้ที่จะวางศีรษะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาวกของพระองค์ต้องทำ�ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยการอยู่กับพระองค์ มิใช่อยู่กับ ความสามารถเก่งกาจของตนเอง
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา 1 พศด 29:10-11,12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
ฉลองการถวาย พระกุมาร ในพระวิหาร สดด 24:7-8,9-10 เสกและแห่เทียน วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:14-18 พี่น้อง บุตรทุกคนมีเลือดเนื้อร่วมกันฉันใด พระองค์ก็ทรงมีเลือดเนื้อร่วมกับ มนุษย์ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำ�ลายมารผู้มี อำ�นาจเหนือความตายลงได้ เพือ่ ทรงปลดปล่อยผูต้ กเป็นทาสอยูต่ ลอดชีวติ เพราะความ กลัวตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่เอาพระทัยใส่เชื้อสายของอับราฮัม จึงจำ�เป็นที่พระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับ บรรดาพี่น้องทุกประการ เพื่อพระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะที่เพียบพร้อมด้วยพระ กรุณาและทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะทีพ่ ระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จงึ ทรงช่วย เหลือผู้ที่ถูกผจญได้ด้วย พระวรสาร ลก 2:22-32 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติ ของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียน์ �ำ พระกุมารไปทีก่ รุงเยรูซาเล็มเพือ่ ถวายแด่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตร ชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบ สองตัวตามทีม่ กี �ำ หนดไว้ในธรรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เวลานัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้น ของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่ จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติ กำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผูช้ ว่ ยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่าง ชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอลประชากรของพระองค์” พระเยซูเจ้าทรงมาในโลกนี้ เพื่อให้ชีวิตของพระองค์เป็น “ของถวาย” มิใช่ มาเพื่อรอ “รับของถวาย” แม้การมาเพื่อรับของถวายนั้น อาจจะทำ�ให้ชีวิตของพระองค์ สะดวกสบายก็ตาม ส่วนการทีพ่ ระองค์ให้ชวี ติ เป็นของถวาย มิใช่เพราะพระองค์ตดิ หนีเ้ รา มนุษย์ ทีท่ �ำ ให้พระองค์ตอ้ งใช้หนีแ้ ก่เจ้าหนี้ แต่ตรงกันข้าม พระองค์ผเู้ ป็นเจ้าหนี้ กลับสละ ชีวิตของพระองค์ เพื่อให้เราผู้เป็นลูกหนี้ได้เป็นอิสระ ไม่มีที่ไหนในโลกจะเป็นเช่นนี้ เว้น แต่พระองค์ผู้ทรงความรักและเมตตาเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 3:4-13 ครั้งหนึ่ง กษัตริย์ซาโลมอนเสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องบูชา เพราะ ทีน่ นั่ มีสกั การสถานสำ�คัญมาก กษัตริยซ์ าโลมอนทรงเผาสัตว์หนึง่ พันตัวเป็นเครือ่ งบูชา บนพระแท่น คืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนใน พระสุบินที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า “พระองค์ทรงสำ�แดงความรักมั่นคงยิ่งใหญ่ต่อดาวิด น.บลาซีโอ พระบิดาข้ารับใช้พระองค์ เพราะพระบิดาทรงดำ�เนินชีวติ เฉพาะพระพักตร์พระองค์ดว้ ย พระสังฆราช ความซื่อสัตย์ ความชอบธรรมและด้วยใจซื่อตรง พระองค์ยังทรงรักษาความรักมั่นคง และมรณสักขี ยิ่งใหญ่นี้ต่อพระบิดาโดยประทานให้บุตรคนหนึ่งได้สืบพระบัลลังก์ ดังที่เป็นอยู่ใน น.อันสการ์ วันนี้ พระสังฆราช บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็น สดด 119:9,10,11, กษัตริยส์ บื ต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ขา้ พเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รวู้ า่ จะต้องปฏิบตั ติ นอย่างไร 12,13-14 ผูร้ บั ใช้ของพระองค์ตอ้ งปกครองประชากรทีท่ รงเลือกสรร ซึง่ เป็นประชากรจำ�นวนมาก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 จนนับไม่ถ้วน ขอประทานความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครอง ประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใคร เล่าจะปกครองประชากรจำ�นวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอน ทูลขอเช่นนี้ พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความ มั่งคั่ง หรือขอให้เราทำ�ลายชีวิตของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง เราจะทำ�ตามที่ท่าน ขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง สิ่งที่ ท่านไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเคยมี” พระวรสาร มก 6:30-34 เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ทำ�และ ได้สอน พระองค์จงึ ตรัสกับเขาว่า “ท่านทัง้ หลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำ�พังในทีส่ งัดระยะหนึง่ เถิด” เพราะ มีคนไปมาจนเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกินอาหาร พระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังที่สงัดตามลำ�พังพร้อมกับ บรรดาอัครสาวก ประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้ว่า พระองค์จะทรงไปทีใ่ ด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆ ไปทีน่ นั่ และไปถึงก่อน เมือ่ เสด็จขึน้ จากเรือ ทรงแล เห็นประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่ม สั่งสอนเขาหลายเรื่อง เมื่ออัครสาวกกลับมาเล่าและรายงานให้พระเยซูเจ้าทรงทราบทุกสิ่งที่เขาได้ทำ�นั้น พระเยซูเจ้า กลับทรงสนใจ “ตัวของสาวก” มิใช่ “ความสำ�เร็จของสาวก” พระองค์ทรงห่วงใยและชวนให้ไปพักผ่อนอยู่กับ พระองค์ตามลำ�พัง มิใช่ให้สาวกอยู่ตามลำ�พังกับความสำ�เร็จของงานที่ได้กระทำ� ซึ่งอาจนำ�ไปสู่การจมอยู่กับ ความชื่นชมในความสำ�เร็จ จนหลงว่าศูนย์กลางและคุณค่าของชีวิตคือผลงานที่ประสบความสำ�เร็จ ศูนย์กลาง ของชีวิตกลับมิใช่การอยู่กับพระอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการอยู่กับตัวเอง ในรูปลักษณ์ของการอุทิศชีวิตเพื่อความ สำ�เร็จในงาน
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือโยบ โยบ 7:1-4,6-7 โยบเริ่มพูดว่า “ชีวิตมนุษย์บนแผ่นดินเป็นการถูกเกณฑ์ทหาร ชีวิตของเขาเป็นเหมือนชีวิตของ ลูกจ้าง ทาสโหยหาเวลาเย็น ลูกจ้างรอคอยค่าจ้างฉันใด แต่ละเดือนในชีวติ ของข้าพเจ้า ก็ผ่านไปโดยไร้ความหมาย แต่ละคืนก็มีแต่ความทุกข์ฉันนั้น เมื่อนอนลง ข้าพเจ้าก็พูด ว่า “ข้าพเจ้าจะลุกขึ้นเมื่อไร” แต่กลางคืนก็ยาว และข้าพเจ้าก็พลิกตัวไปมาจนรุ่งเช้า วันของข้าพเจ้าวิ่งเร็วกว่ากระสวยของช่างทอ และจบลงโดยไร้ความหวัง” “ข้าแต่ พระเจ้า ขอทรงระลึกว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นเหมือนลมวูบเดียว ตาของข้าพเจ้าจะไม่ เห็นอะไรดีอีกเลย” เพลงสดุดี สดด 147:1,2-4,5-6 ก) เป็นการดีที่จะสรรเสริญพระเจ้าของเรา เป็นที่น่ายินดีจะบรรเลงดนตรีสรรเสริญพระองค์ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ ทรงรวบรวมชนอิสราเอลที่ถูกเนรเทศให้มารวมกัน ทรงรักษาผู้ชอกช�้ำใจ ทรงพันบาดแผลให้เขา พระองค์ทรงนับจ�ำนวนดาวในท้องฟ้า ทรงเรียกชื่อดาวแต่ละดวง ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นยิ่งใหญ่ ทรงสรรพานุภาพ พระปรีชาญาณของพระองค์ไม่มีขอบเขต องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค�้ำจุนคนต�่ำต้อย ทรงกดคนอธรรมลงกับพื้นดิน บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 9:16-19,22-23 พี่น้อง แต่ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้า จำ�เป็นต้องประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำ�เอง ข้าพเจ้าก็จะได้รบั ค่าจ้าง แต่ถา้ ข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ� ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำ�งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัล ใดเล่า รางวัลสำ�หรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีให้ โดยไม่ใช้สิทธิ ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำ�ตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้า เป็นทุกอย่างสำ�หรับทุกคน เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ใช้ทกุ วิถที างช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้า
ทำ�ทุกอย่างเพราะเห็นแก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับ พระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:29-39 ทันทีที่ออกจากศาลาธรรม พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปใน บ้ า นของซี โมนและอั นดรู ว์ พ ร้ อ มกั บ ยากอบและยอห์ น มารดาของภรรยาซีโมนกำ�ลังนอนป่วยเป็นไข้อยู่ เขาจึงทูล พระองค์ให้ทรงทราบทันที พระองค์เสด็จเข้าไปจับมือนาง พยุงให้ลุกขึ้น นางก็หายไข้ และรับใช้ทุกคน เย็นวันนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว มีคนนำ�ผู้ป่วยและ ผู้ถูกปีศาจสิงมาเฝ้าพระองค์ คนทั้งเมืองมารวมกันที่ประตู พระองค์ทรงรักษาหลายคนที่เป็นโรคต่างๆ ให้หาย ทรงขับ ไล่ปีศาจออกไป แต่ไม่ทรงอนุญาตให้มันพูด เพราะมันรู้จักพระองค์ วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำ�ลังแสวงหาพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำ�บลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามา ด้วยจุดประสงค์นี้” พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย พระเยซูเจ้าทรงทำ�งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานอภิบาล งานเทศน์สอน หรืองานประกาศข่าวดี พระองค์ทรงออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนา... งานมิอาจแทนการภาวนา และ การภาวนาก็มิอาจเป็นของจริง หากขาดซึ่งการทำ�งาน แม้ผู้คนจะแสวงหาพระองค์ เพราะเหตุผลของผลงานที่ เห็นได้ เช่นอัศจรรย์การรักษาคนป่วย การขับไล่ปีศาจ แต่พระเยซูเจ้าก็ยังคงไว้ซึ่งความสำ�คัญของ “การไปยังที่ สงัด และอธิษฐานภาวนา”
ระลึกถึง น.อากาทา พรหมจารี และมรณสักขี สดด 132:6-7,8-9,10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 8:1-7,9-13 บรรดาผูอ้ าวุโส หัวหน้าเผ่าและผูน้ �ำ ครอบครัวสำ�คัญๆ ของชาวอิสราเอลมาชุมนุม กันเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอนที่กรุงเยรูซาเล็มตามรับสั่ง เพื่ออัญเชิญหีบพันธ สัญญาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าขึน้ มาจากศิโยน นครของกษัตริยด์ าวิด ชายชาวอิสราเอล ทุกคนมาชุมนุมเฉพาะพระพักตร์กษัตริยซ์ าโลมอนในงานฉลองเดือนเอธานิม คือเดือน เจ็ด เมื่อผู้อาวุโสทุกคนของอิสราเอลมาถึง บรรดาสมณะก็ยกหีบขึ้น อัญเชิญหีบของ องค์พระผู้เป็นเจ้าและกระโจมนัดพบ พร้อมกับเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดซึ่งอยู่ใน กระโจม ชาวเลวีช่วยบรรดาสมณะในงานนี้ กษัตริย์ซาโลมอนพร้อมกับชาวอิสราเอลทั้งหลายที่มาชุมนุมกับพระองค์ต่อหน้า หีบพันธสัญญา ทรงถวายแกะและโคจำ�นวนมากจนนับไม่ถ้วนเป็นเครื่องบูชา บรรดา สมณะอัญเชิญหีบพันธสัญญาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไปประดิษฐานไว้ใต้ปกี ของเครูบใน ที่เฉพาะ คือพระวิหารชั้นในสุดที่เรียกว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด” เครูบกางปีกเหนือ ทีต่ งั้ ของหีบ คลุมหีบและคานหามจากเบือ้ งบน ในหีบพันธสัญญามีเพียงศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสวางไว้ตั้งแต่เมื่ออยู่ที่ภูเขาโฮเรบ คือแผ่นศิลาจารึกพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้ เป็นเจ้าทรงกระทำ�กับชาวอิสราเอล เมื่อเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เมื่อสมณะออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเมฆเต็มพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนบรรดาสมณะประกอบพิธีกรรมต่อไปไม่ได้เนื่องจากเมฆ เพราะพระสิริรุ่งโรจน์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เต็มพระวิหาร แล้วกษัตริย์ซาโลมอนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์พอพระทัยประทับในเมฆมืดทึบ ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารสง่างามถวายพระองค์ เป็นที่พำ�นักถาวรสำ�หรับพระองค์”
พระวรสาร มก 6:53-56 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาจอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเร็ธ เมื่อเสด็จ ขึ้นจากเรือ ประชาชนก็จำ�พระองค์ได้ทันที และคนในบริเวณนั้นต่างรีบมาหา นำ�ผู้เจ็บป่วยนอนบนแคร่มา เฝ้าพระองค์ ณ สถานทีท่ เี่ ขาได้ยนิ ว่าพระองค์ประทับอยู่ ไม่วา่ พระองค์เสด็จไปทีใ่ ด ในหมูบ่ า้ น ในเมืองหรือ ในชนบท เขาก็นำ�ผู้เจ็บป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์ เท่านั้น และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัย เราแสวงหาพระเยซูเจ้า ผู้เป็น “หมออัศจรรย์” รักษาโรคได้ทุกชนิด หรือ ผู้ทรงสามารถ “ดล บันดาล” ตามคำ�ขอของผู้วอนขอ หรือเราแสวงหาพระองค์ ผู้ทรง “รักเรายิ่งกว่าชีวิตของพระองค์” ที่ทรง ปรารถนาจะอยู่กับเรา ทั้งเมื่อเราทุกข์และเมื่อเราสุข ทั้งเมื่อเราประสบความสำ�เร็จและเมื่อพบความล้มเหลว ทั้งในยามที่เรามีเพื่อนมากมายรอบข้างและในยามที่เราอยู่โดดเดี่ยวถูกเข้าใจผิด เรามุ่งแสวงหาพระองค์ด้วย เจตนาและจิตใจแบบไหน
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 8:22-23,27-30 กษัตริยซ์ าโลมอนทรงยืนอยูห่ น้าพระแท่นบูชาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ต่อหน้าชาว อิสราเอลทุกคนที่มาชุมนุมกัน ทรงชูพระกรขึ้นสู่สวรรค์ อธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนพระองค์ทั้งในสวรรค์เบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้รับใช้ ของพระองค์ ที่ดำ�เนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างสุดจิตสุดใจ... ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงรับคำ�ภาวนาและคำ�วอนขอ ของผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงฟังเสียงร้องและคำ�อธิษฐานภาวนาซึ่งผู้รับใช้ของ พระองค์กราบทูลเฉพาะพระพักตร์ในวันนี้เถิด... โปรดทรงฟังจากสวรรค์ที่พำ�นักของ พระองค์ โปรดทรงฟังและประทานอภัยด้วยเถิด
ระลึกถึง น.เปาโล มีกิ พระสงฆ์และ เพื่อนมรณสักขี สดด 84:1-2,3-4,8-10
พระวรสาร มก 7:1-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้า พร้อมกัน เขาสังเกตว่าศิษย์บางคนของพระองค์กนิ อาหารด้วยมือทีไ่ ม่สะอาด คือไม่ได้ ล้างมือก่อน เพราะชาวฟาริสแี ละชาวยิวโดยทัว่ ไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรษุ เขาไม่กนิ อาหารโดยมิได้ลา้ งมือตามพิธกี อ่ น เมือ่ กลับจากตลาด เขาจะไม่กนิ อาหารเว้น แต่จะได้ทำ�พิธีชำ�ระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์จงึ ทูลถามพระองค์วา่ “ทำ�ไม ศิษย์ของท่านไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำ�ไมเขาจึงกินอาหาร ด้วยมือที่ไม่สะอาด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึง ท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ประชาชนเหล่านีใ้ ห้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยูห่ า่ งไกลจากเรา เขานมัสการ เราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรง เสริมว่า “ท่านช่างชำ�นาญในการละเลยบทบัญญัตขิ องพระเจ้า เพือ่ ถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ เช่น โมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือมารดา จะต้องรับโทษถึงตาย แต่ทา่ นกลับสอน ว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูกนำ�มาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นั้นเป็นคอร์บัน คือของ ถวายแด่พระเจ้า’ ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ต้องช่วยเหลือบิดามารดาอีกต่อไป ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่าน สอนต่อๆ กันมาทำ�ให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยังปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย” เมือ่ ร่างกายไม่สะอาด เราก็จะชำ�ระล้างร่างกายด้วยนํ้าและด้วยสบู่ แต่ถา้ เราจะชำ�ระใจ เรามิอาจ ทำ�ได้ด้วยวิธีภายนอก แต่เราต้องลงไปที่ใจ ด้วยความสุภาพ จริงจัง จริงใจ และไว้ใจในพระ หาใช่ด้วยความหยิ่ง ฮึกเหิมของเรา เราต้องขอความช่วยเหลือจากพระ... เราเองได้เผชิญความจริงอยู่เรื่อยๆ ว่า เมื่อเราไปแก้บาป บาปเหล่านั้นก็ยังจะวนเวียนในเรื่องเดิมๆ ซึ่งด้วยกำ�ลังของเรา เรามิอาจชำ�ระ รักษา และแก้ไขได้อย่างจริงจัง ถ้าเราทำ�ทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวเราเอง พระเยซูเจ้าคงไม่ต้องมาเกิดมาตายเพื่อช่วย และเพื่อไถ่บาปเรา
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 10:1-10 ในครั้งนั้น พระราชินีแห่งเชบาทรงได้ยินกิตติศัพท์ของกษัตริย์ซาโลมอน จึงเสด็จ มาทดสอบพระองค์ด้วยปริศนายากๆ... เมื่อทรงพบกษัตริย์ซาโลมอน พระนางทรงทูล ถามปริศนาซึง่ อยูใ่ นพระทัย กษัตริยซ์ าโลมอนทรงตอบคำ�ถามทุกข้อของพระนาง ไม่มี คำ�ถามใดที่ไม่ทรงทราบและทรงอธิบายไม่ได้ เมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระ สัปดาห์ที่ 5 ปรีชาญาณของกษัตริย์ซาโลมอน ทรงเห็นพระราชวังที่ทรงสร้าง พระกระยาหารที่โต๊ะ เทศกาลธรรมดา เสวย ที่พักของบรรดาข้าราชบริพาร การจัดระเบียบและเครื่องแต่งกายของข้าราชการ สดด 37:5-6,30-31, บรรดามหาดเล็กและเครื่องเผาบูชาที่ทรงถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 37-40 พระนางทรงประหลาดพระทัยอย่างยิง่ ทูลกษัตริยว์ า่ “ทีห่ ม่อมฉันได้ยนิ ในแผ่นดินของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 หม่อมฉันถึงเรื่องพระองค์ และพระปรีชาญาณของพระองค์นั้นก็เป็นความจริง หม่อม ฉันไม่เชื่อจนกระทั่งได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ที่ได้ยินมานั้นก็ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่เห็นนี้ พระปรีชาญาณและความมั่งคั่งของพระองค์นั้นมากยิ่งกว่าที่เขาเล่าลือกันอีก บรรดามเหสีของพระองค์ช่าง มีความสุขเหลือเกิน... ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดปรานพระองค์ ทรงแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักอิสราเอลตลอด ไป จึงทรงแต่งตัง้ พระองค์เพือ่ ทรงปกครองด้วยพระวินจิ ฉัยและด้วยความเทีย่ งธรรม” พระราชินแี ห่งเชบาท รงถวายทองคำ�หนักมากกว่าสี่ตัน กับเครื่องเทศและเพชรพลอยจำ�นวนมากแด่กษัตริย์ซาโลมอน ไม่เคยมี ใครนำ�เครื่องเทศจำ�นวนมากเท่าที่พระราชินีแห่งเชบาทรงถวายแด่กษัตริย์ซาโลมอน พระวรสาร มก 7:14-23 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด ไม่มีสิ่ง ใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ท�ำ ให้เขามีมลทินได้ แต่สงิ่ ทีอ่ อกมาจากภายในของมนุษย์นนั้ แหละทำ�ให้เขามี มลทิน ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน ห่างจากประชาชน บรรดาศิษย์จึงทูลถามพระองค์ถึงข้อความที่เป็น ปริศนานั้น พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านก็ไม่มีปัญญาด้วยหรือ ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆ จากภายนอก ที่เข้าไปในมนุษย์นั้นทำ�ให้เขามีมลทินไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจาก ร่างกาย” ดังนี้ ทรงประกาศว่าอาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายใน มนุษย์นั้นแหละทำ�ให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติ ผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำ�ร้าย การฉ้อโกง การสำ�ส่อน ความอิจฉา การ ใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำ�ให้มนุษย์มีมลทิน” แม้ใจมนุษย์นนั้ จะเป็นทีม่ าของความคิดชัว่ ร้าย และบ่อเกิดของบาปต่างๆ แต่พระเยซูเจ้าก็มไิ ด้มา เพื่อตัดสินลงโทษ แต่มาเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด... ขอพระบิดาได้โปรดให้เรามีความพากเพียร ความจริงใจ และ ความไว้วางใจ ในการเปิดหัวใจของเรา ให้พระองค์เข้ามาอยู่และรักษาเรา ผู้เป็นลูกๆ ของพระองค์ ให้เรากล้าที่ จะเผชิญหน้าและรับรูค้ วามอ่อนแอและความผิดหลงของเรา ให้สามารถเดินทางจากภายนอกสูภ่ ายใน เดินจาก หัวคิดสู่หัวใจ พร้อมเปิดรับให้พระอยู่ในใจที่แม้อ่อนแอไร้ความสมบูรณ์ของเรา
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 11:4-13 เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทรงพระชราแล้ว หญิงเหล่านี้ทำ�ให้พระทัยของพระองค์ หันเหไปนมัสการเทพเจ้าของชนต่างชาติ พระทัยของพระองค์ไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ ต่างจากพระทัยของกษัตริย์ดาวิดพระบิดา กษัตริย์ ซาโลมอนนมัสการเทพีอาเชราห์ของชาวไซดอน และเทพเจ้ามิลโคมทีน่ า่ สะอิดสะเอียน ของชาวอัมโมน กษัตริยซ์ าโลมอนทรงกระทำ�สิง่ ชัว่ ร้ายเฉพาะพระพักตร์องค์พระผูเ้ ป็น เจ้า ไม่ซอื่ สัตย์ตอ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่างเต็มที่ ต่างจากกษัตริยด์ าวิดพระบิดา บนภูเขา ทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม กษัตริยซ์ าโลมอนทรงสร้างสักการสถานบนทีส่ งู ถวาย แด่เทพเจ้าเคโมชทีน่ า่ สะอิดสะเอียนของชาวโมอับ และทรงสร้างสักการสถานถวายแด่ เทพเจ้ามิลโคมที่น่าสะอิดสะเอียนของชาวอัมโมน พระองค์ยังทรงสร้างสักการสถาน ให้หญิงต่างชาติทุกคนของพระองค์เผากำ�ยานและถวายบูชาแด่เทพเจ้าของตน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธต่อกษัตริย์ซาโลมอน เพราะพระทัยของกษัตริย์ หันเหไปจากองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงสำ�แดงพระองค์สองครั้งแก่ กษัตริย์ และทรงบัญชามิให้นมัสการเทพเจ้า แต่กษัตริย์มิได้ทรงปฏิบัติตามพระบัญชา ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงตรัสแก่กษัตริยซ์ าโลมอนว่า “ท่านได้ปฏิบตั ิ เช่นนี้ ไม่ได้รักษาพันธสัญญาและข้อกำ�หนดซึ่งเราสั่งท่านไว้ เราจึงจะฉีกอาณาจักรไป จากท่านและให้แก่ผู้รับใช้คนหนึ่งของท่าน แต่เพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของท่าน เราจะ ไม่ท�ำ ดังนีใ้ นชีวติ ของท่าน แต่เราจะฉีกอาณาจักรไปจากมือบุตรของท่าน ถึงกระนัน้ เรา จะไม่ฉีกอาณาจักรทั้งหมดไปจากเขา แต่จะเหลือเผ่าหนึ่งไว้ให้เขา เพราะเห็นแก่ดาวิด ผู้รับใช้ของเรา และเพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็มซึ่งเราเลือกไว้
น.เยโรม เอมีลานี พระสงฆ์ น.โยเซฟิน บาคีตา พรหมจารี สดด 106:3-4,35-36, 37 และ 40-41 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มก 7:24-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระ และเสด็จเข้าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่ทรง ต้องการให้ผใู้ ดรู้ แต่ทรงซ่อนพระองค์ไม่ได้ ทันใดนัน้ หญิงคนหนึง่ มีบตุ รหญิงถูกปีศาจสิงได้ยนิ พูดถึงพระองค์ ก็มากราบพระบาท นางไม่ใช่ชาวยิว เป็นชาวซีโรฟีนีเซียโดยกำ�เนิด นางทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงขับไล่ ปีศาจออกจากบุตรหญิง พระองค์ตรัสกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหาร ของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษ อาหารของลูกๆ” พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “เพราะถ้อยคำ�นี้ จงไปเถิด ปีศาจออกจากลูกสาวของเธอแล้ว” เมื่อกลับมาถึงบ้าน นางก็พบลูกนอนอยู่บนเตียง ปีศาจออกไปแล้ว เมื่อมนุษย์เรารับรู้และเผชิญหน้ากับความเป็นจริงแห่งชีวิตของตนเอง โดยอยู่ต่อหน้าพระ พระ หรรษทานความช่วยเหลือก็จะมาสู่ผู้นั้น แต่ถ้าบุคคลใด แม้มีชื่อเป็นบุตรของพระโดยศีลล้างบาป แต่รับความ จริงไม่ได้ว่า ตนเองมีข้อจำ�กัด มีความอ่อนแอ มีแม้บาป ก็จะเป็นดังหัวใจที่ปิดประตู พระหรรษทานความ ช่วยเหลือย่อมเข้าสูบ่ คุ คลนัน้ ไม่ได้... พระเยซูเจ้าไม่ได้มาเพือ่ เรียกคนชอบธรรม แต่มาเพือ่ เรียกคนบาป คนสบาย ดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา สดด 81:9-10,11-12, 13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 11:29-32 และ 12:19 วั น หนึ่ ง เยโรโบอั ม เดิ นทางออกจากกรุ ง เยรู ซ าเล็ ม ประกาศกคนหนึ่ ง ชื่ อ อาคิยาห์ชาวชิโลห์มาพบเขากลางทาง มีเพียงเขาสองคนในทุ่งนา อาคิยาห์สวมเสื้อ คลุ ม ตั ว ใหม่ เขาถอดเสื้ อ คลุ ม ตั ว นั้ น ออกมาฉี ก เป็ น สิ บ สองชิ้ น แล้ ว พู ด กั บ เยโรโบอัมว่า “ท่านจงเอาไปสิบชิ้นเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสว่า ‘เราจะฉีกอาณาจักรไปจากมือของซาโลมอนแล้วมอบให้ท่านสิบเผ่า เขาจะมี เหลือเพียงเผ่าเดียว เพราะเห็นแก่ดาวิดผูร้ บั ใช้ของเรา และเพราะเห็นแก่กรุงเยรูซาเล็ม เมืองที่เราเลือกไว้เป็นของเราจากทุกเผ่าของอิสราเอล ตั้งแต่นั้นมาอิสราเอลเป็นกบฏ ต่อราชวงศ์ดาวิดจนถึงวันนี้ พระวรสาร มก 7:31-37 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบ กาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มีผู้นำ�คนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หหู นวกคนนัน้ ไปจากกลุม่ ชน ทรงใช้ นิว้ พระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิน้ ของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ เบือ้ ง บน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขา กลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่า นั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำ�สิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำ�ให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูด ได้” เป็นทีป่ ระหลาดใจไม่นอ้ ย ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนพูดเรือ่ งอัศจรรย์ ให้ผอู้ นื่ ฟัง... อาจเป็นได้ โดยเรือ่ งเล่าอัศจรรย์ จะมีผคู้ นจำ�นวนมากขึน้ ติดตามพระเยซูเจ้า แต่เบือ้ งลึกในใจ เขาเหล่านัน้ อาจติดตามอัศจรรย์ มิได้ตดิ ตามพระองค์ ดังทีป่ รากฏว่า เมือ่ พวกเขาหรือแม้พวกเรา ไม่พบว่าพระเยซูเจ้าทรงทำ�อัศจรรย์ใดๆ ในเวลาทีพ่ ระองค์ถกู จับ ถูกทรมาน และถูกตรึงกางเขน เราก็ไม่ติดตามพระองค์อีกแล้ว... เราติดตามอัศจรรย์ เรา มิได้ติดตามพระเยซูเจ้า
บทอ่านที่ 1 1 พกษ 12:26-32 และ 13:33-34 กษัตริย์เยโรโบอัมทรงคิดว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้อาณาจักรคงจะต้องกลับไป สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ดาวิด ถ้าประชาชนนี้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายเครื่องบูชา ในพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาจะเปลีย่ นใจกลับไปจงรักภักดีตอ่ เจ้านายของเขา คือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วจะฆ่าเรา” กษัตริย์จึงทรงปรึกษากับข้าราชบริพาร ระลึกถึง และทรงสร้างรูปโคทองคำ�ขึ้นสองตัว ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายไม่ น.สกอลัสติกา ต้องเดินทางขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกแล้ว ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่คือพระเจ้าของท่าน พรหมจารี ผู้ทรงนำ�ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์” กษัตริย์เยโรโบอัมทรงประดิษฐานรูปโคทองคำ� ตัวหนึ่งไว้ที่เมืองเบธเอล และอีกตัวหนึ่งไว้ที่เมืองดาน การกระทำ�เช่นนี้เป็นเหตุให้ สดด 106:6-7ก,19-20, 21-22 ประชาชนทำ�บาป... พระองค์ทรงสร้างสักการสถานไว้บนที่สูง และทรงแต่งตั้งสมณะ จากตระกูลต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ลูกหลานของเลวี กษัตริย์เยโรโบอัมยังทรงกำ�หนดวันฉลอง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ในวันที่สิบห้าเดือนแปด เหมือนงานฉลองในเผ่ายูดาห์... และพระองค์ยังทรงแต่งตั้ง สมณะจากสักการสถานที่ทรงสร้างในที่สูงมาปฏิบัติหน้าที่ที่เมืองเบธเอลด้วย หลังจากเหตุการณ์นี้ กษัตริย์เยโรโบอัมก็มิได้ทรงเลิกจากวิถีทางชั่วร้ายของพระองค์ พระองค์ยังทรง แต่งตั้งสมณะจากตระกูลต่างๆ ประจำ�สักการสถานบนที่สูง ผู้ใดต้องการเป็นสมณะ พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งผู้ นั้นให้เป็นสมณะประจำ�สักการสถานบนที่สูง การกระทำ�ดังนี้เป็นบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม เป็นบาปที่นำ� หายนะมาทำ�ลายล้างราชวงศ์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน พระวรสาร มก 8:1-10 ครัง้ นัน้ ประชาชนจำ�นวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มอี ะไรกิน พระเยซูเจ้าจึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัส กับเขาว่า “เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน ถ้าเราให้เขากลับ บ้านโดยไม่ได้กนิ อะไร เขาจะหมดเรีย่ วแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากทีไ่ กล” บรรดาศิษย์ จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมี ขนมปังกีก่ อ้ น” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงสัง่ ให้ประชาชนนัง่ ลงบนพืน้ ดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อน นั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ ประชาชน เขายังมีปลาตัวเล็กๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่น เดียวกัน ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พัน คน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธา ทันที พระเยซูเจ้าทรงขอขนมปังจากผูต้ ดิ ตามพระองค์ เพือ่ ใช้ในการทำ�อัศจรรย์ชว่ ยเหลือผูอ้ นื่ พระองค์ มิได้หยุดแค่นั้น พระองค์ยังทรงขอแม้ปลาตัวเล็กๆ ที่ยังพอมีเหลืออยู่อีกเล็กๆ น้อยๆ ที่บางทีเจ้าของอาจอยาก จะเก็บไว้ส�ำ หรับตัวเองในยามขาดแคลนสุดๆ บ้าง แต่ดเู หมือนพระองค์ขอจนหมดจริงๆ พระองค์ทรงขอจนหมด หมดทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ หากวันนี้ หรือในชีวิตนี้ พระองค์ทรงขอเช่นนี้จากเรา แล้วเราจะว่าอย่างไร?
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือเลวีนิติ ลนต 13:1-2,44-46 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสและอาโรนว่า “ถ้าผูใ้ ดมีแผลทีผ่ วิ หนัง เป็นฝี เป็น ผืน่ หรือพุพอง ซึง่ อาจลามเป็นโรคผิวหนังติดต่อได้ ให้น�ำ ผูน้ นั้ ไปหาอาโรน หรือสมณะ อืน่ ผูส้ บื เชือ้ สายจากเขา ผูน้ นั้ ก็เป็นโรคผิวหนังติดต่อได้ มีมลทิน สมณะจะประกาศว่า เขามีมลทิน เพราะมีโรคผิวหนังบนศีรษะติดต่อได้ ผู้ใดเป็นโรคผิวหนังติดต่อได้ ต้องสวมเสื้อผ้าขาดไม่โพกศีรษะและปิดหน้าส่วน ล่าง ร้องตะโกนว่า ‘มีมลทิน มีมลทิน’ เขาจะมีมลทินตลอดเวลาทีเ่ ป็นโรคผิวหนังติดต่อ ได้ และเพราะมีมลทิน เขาจะต้องแยกไปอยู่นอกค่าย” เพลงสดุดี สดด 32:1-2,5,10-11 ก) ผู้ที่ได้รับอภัยความผิด และบาปของเขาถูกลบล้าง ย่อมเป็นสุข ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงกล่าวหาว่าท�ำผิด และจิตใจของเขาไม่มีความคดโกง ย่อมเป็นสุข ข) ข้าพเจ้าทูลให้ทรงทราบถึงบาปของข้าพเจ้า มิได้ปิดบังความผิดแต่ประการใด ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะสารภาพความผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระองค์ก็ทรงอภัยบาปที่ข้าพเจ้าได้ท�ำ ค) คนชั่วร้ายจะมีความเดือดร้อนมากมาย แต่ความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ห้อมล้อมผู้วางใจในพระองค์ ท่านผู้ชอบธรรมทั้งหลาย จงชื่นชมและยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านผู้มีใจซื่อตรงทั้งหลาย จงร้องตะโกนด้วยความเบิกบานเถิด
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 10:31-11:1 พี่น้อง เมื่อท่านจะกินจะดื่มหรือจะทำ�อะไรก็ตาม จงทำ�เพื่อถวายพระเกียรติแด่ พระเจ้าเถิด อย่าทำ�สิ่งใดให้เป็นที่ขุ่นเคืองใจแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก หรือชุมชนของพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามทำ�ทุกสิ่งเพื่อเป็นที่พอใจของทุกคน มิได้เห็น แก่ประโยชน์ส่วนตน แต่เห็นแก่ประโยชน์ของทุกคน เพื่อเขาจะได้รับความรอดพ้น จงยึดถือข้าพเจ้าเป็นแบบอย่างเหมือนกับที่ข้าพเจ้ายึดถือพระคริสตเจ้าเป็นแบบ อย่างเถิด
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:40-45 เวลานั้น ผู้เป็นโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้า คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อม ทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้” พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตัน พระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จง หายเถิด” ทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หาย เขากลับเป็นปกติ พระ เยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำ�ชับอย่างแข็งขันว่า “ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และ ถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำ�หนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่ คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว” แต่เมื่อชายผู้นั้นจาก ไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจ เสด็จเข้าไปในเมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึง ประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์ คนโรคเรือ้ นเอาความเป็นโรคเรือ้ นมาไว้อยูต่ อ่ หน้าพระเยซูเจ้า เขามิได้ขอให้เป็นไปตามใจของเขา แต่ขอให้แล้วแต่พระองค์ จะให้หายก็ได้ จะไม่หายก็ได้ แล้วแต่พระเยซูเจ้า ซึ่งการสวดภาวนาวอนขอพระ โดย ไว้วางใจพระ ในแบบทีใ่ ห้ขนึ้ กับพระทัง้ หมด ขอแล้ว จะได้ตามทีข่ อหรือไม่ได้ตามทีข่ อก็รบั ได้ดว้ ยความสงบและ ไว้วางใจ จิตใจเช่นนี้เป็นที่ตื้นตันพระทัยของพระเยซูเจ้า สำ�หรับเรา ขณะนี้ เราวอนขอพระแบบไหน ขอแบบไว้ วางใจ หรือขอแบบเอาแต่ใจ
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 119:67-69,70-72, 75-76 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ยก 1:1-11 ยากอบ ผูร้ บั ใช้ของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอส่งความ คิดถึงตระกูลทั้งสิบสองตระกูลที่กระจัดกระจายอยู่ พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำ�บากต่างๆ เพราะ ท่านรูอ้ ยูแ่ ล้วว่าการทีค่ วามเชือ่ ของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร จงให้ความ พากเพียรบังเกิดผลถึงที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำ�หนิ และไม่ ขาดสิ่งใด ท่านใดขาดปรีชาญาณ จงขอปรีชาญาณนั้นจากพระเจ้าเถิด พระองค์ประทานให้ ทุกคนด้วยพระทัยกว้าง โดยไม่ทรงตำ�หนิเลย แล้วเขาจะได้รบั ปรีชาญาณตามทีข่ อ แต่ เขาต้องขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัย เพราะผู้ที่สงสัยนั้นเปรียบเสมือนคลื่นในทะเล ที่ถูกลมพัดซัดไปมา คนเช่นนี้จะไม่ได้รับอะไรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเป็นคนจิตใจ โลเลไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของเขา พี่น้องผู้ตํ่าต้อยจงภูมิใจเมื่อได้รับการเชิดชู ส่วนคนมั่งมีก็จงภูมิใจเมื่อถูกกดให้ ตํ่าต้อย เพราะเขาจะต้องล่วงพ้นไปดุจดอกหญ้า เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแดดร้อนระอุแล้ว หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าจะร่วงโรยและความงดงามจะสูญสิ้นไป คนมั่งมีจะ ร่วงโรยขณะที่กำ�ลังทำ�ธุรกิจของตนเช่นเดียวกัน พระวรสาร มก 8:11-13 เวลานั้น ชาวฟาริสีเข้ามาโต้เถียงกับพระเยซูเจ้า ขอให้ทรงแสดงเครื่องหมายจาก ฟ้าเพือ่ ทดสอบ พระองค์ถอนพระทัยลึกๆ ตรัสว่า “คนยุคนีแ้ สวงหาเครือ่ งหมายอย่าง ใดอย่างหนึง่ เพือ่ อะไร เราบอกความจริงกับท่านว่า คนยุคนีจ้ ะไม่ได้รบั เครือ่ งหมายอย่าง ใดเลย” แล้วพระองค์ทรงแยกจากคนเหล่านั้น เสด็จลงเรือข้ามไปอีกฟากหนึ่ง คนยุคนี้แสวงหาเครื่องหมาย เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ความไว้วางใจเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า เราไว้วางใจ ไม่ใช่เพราะมีเครื่องหมายหลัก ประกันรับรอง แต่เราไว้วางใจ เพราะความรักความสัมพันธ์ทมี่ ตี อ่ กัน... เราทุกวันนีแ้ สวงหา เครื่องหมายเพื่อความมั่นใจ หรือเราแสวงหาพระ เพื่อให้หัวใจอยู่กับพระ ทั้งในยามทุกข์ ยามสุข ยามมี ยามจน ยามสบายหรือยามป่วยไข้ และจะไม่แยกจากพระอีกเลย ทุกวันนี้ เรากำ�ลังแสวงหาอะไร?
บทอ่านที่ 1 ยก 1:12-18 พี่น้อง ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกผจญย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการผจญ นั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รัก พระองค์ อย่าให้ผใู้ ดทีถ่ กู ผจญพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าผจญ” เพราะความชัว่ ไม่อาจผจญ พระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงผจญผูใ้ ด แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาผจญ ดึงดูด และ หลอกลวง กิเลสตัณหาก่อตัวขึ้นทำ�ให้เกิดบาป และเมื่อมีบาปมาก บาปก็จะทำ�ให้เกิด ความตาย พี่น้องที่รัก อย่าหลงผิด ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้อง บน ลงมาจากพระบิดาผู้ทรงสร้างความสว่าง พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง ไม่ทรงมี แม้แต่เงาแห่งความแปรปรวนใดๆ พระองค์พอพระทัยให้เราบังเกิดโดยพระวาจาแห่งความจริง เพือ่ ให้เราเป็นดุจผล แรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง พระวรสาร มก 8:14-21 เวลานัน้ บรรดาศิษย์ลมื นำ�ขนมปังไปด้วย และในเรือของเขามีขนมปังเหลือเพียง ก้อนเดียว พระเยซูเจ้าทรงกำ�ชับเขาว่า “จงระวังให้ดี จงระวังเชื้อแป้งของชาวฟาริสี และเชือ้ แป้งของกษัตริยเ์ ฮโรด” บรรดาศิษย์จงึ พูดกันว่า “นีเ่ ป็นเพราะเราไม่มขี นมปัง” พระเยซูเจ้าทรงทราบ จึงตรัสว่า “ทำ�ไมท่านจึงถกเถียงกันเรื่องไม่มีขนมปัง ท่านยังไม่รู้ ไม่เข้าใจอีกหรือ ท่านยังมีใจแข็งกระด้างกันอยู่อีกหรือ มีตา แต่ไม่เห็น มีหู แต่ไม่ได้ยิน หรือ ท่านจำ�ไม่ได้หรือว่า เมือ่ เราบิขนมปังห้าก้อนเลีย้ งคนห้าพันคน ท่านเก็บเศษทีเ่ หลือ ได้เต็มกี่กระบุง” เขาตอบว่า “สิบสองกระบุง” “เมื่อเราบิขนมปังเจ็ดก้อนเลี้ยงคนสี่ พันคน ท่านเก็บเศษทีเ่ หลือได้เต็มกีต่ ะกร้า” เขาทูลตอบว่า “เจ็ดตะกร้า” แล้วพระองค์ ตรัสถามเขาว่า “ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ” เชื้อแป้งของชีวิตฟาริสี ที่ยึดติดแต่สิ่งของและข้อกำ�หนดภายนอก รวมทั้ง เชื้อแป้งแห่งชีวิตแบบเฮโรด ที่แสวงหาแต่ความหรูหราฟุ่มเฟือยของโลกนี้ เป็นเชื้อแป้งที่ พระเยซูเจ้าทรงตักเตือนให้เราถอยห่าง แม้เราจะเผชิญกับสภาพที่ดูเหมือนขาดแคลน ไร้ ความเก่ง ไม่มคี วามสามารถ ณ ขณะนัน้ พระเยซูเจ้ายังทรงอยูใ่ กล้ๆ เรา พระองค์ทรงดูแล ทรงเลี้ยงดูเรา ดังที่ทรงเลี้ยงดูคนสี่พันห้าพันคนที่ขาดแคลนอาหาร พระองค์ทรงถามเรา ว่า “ท่านยังไม่ไว้ใจเราอีกหรือ”
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 94:12-13,14-15, 18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
วันพุธรับเถ้า
บทอ่านที่ 1 ยอล 2:12-18 บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงกลับมาหาเราด้วยสุดจิตสุดใจ เถิด จงจำ�ศีลอดอาหาร รํ่าไห้ และไว้ทุกข์ครํ่าครวญ จงฉีกใจของท่าน มิใช่ฉีกเสื้อผ้า จงกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เพราะพระองค์ทรงเมตตาและกรุณา ไม่ทรงโกรธง่าย ทรงเปีย่ มด้วยความรักมัน่ คง ทรงสงสารและไม่ทรงลงโทษ ใครจะรูไ้ ด้ พระองค์อาจจะทรงเปลี่ยนพระทัยสงสาร กลับมาประทานพระพร...
สดด 51:1-2,3-5, 11-12,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เริ่มเทศกาลมหาพรต ถือศีลอดอาหาร และอดเนื้อ
บทอ่านที่ 2 2 คร 5:20-6:2 พีน่ อ้ ง ดังนัน้ เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึง่ ว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญ ชวนท่านทัง้ หลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกบั พระเจ้าเถิด เพราะ เห็นแก่เราพระเจ้าจึงทรงทำ�ให้พระองค์ผไู้ ม่รจู้ กั บาปเป็นผูร้ บั บาป เพือ่ ว่าในพระองค์เรา จะได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า...
พระวรสาร มธ 6:1-6,16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่อ อวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำ�เหน็จจากพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ดังนั้น เมื่อท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนทีบ่ รรดาคนหน้าซือ่ ใจคดมักทำ�ในศาลาธรรมและตามถนนเพือ่ จะได้รบั คำ� สรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เขาได้รับบำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อให้ ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำ�ลังทำ�สิ่งใด เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย แล้วพระ บิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมือ่ ท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซือ่ ใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลา ธรรม และตามมุมลานเพือ่ ให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่ง แล้ว พระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน เมื่อท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร จงอย่าทำ�หน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซื่อใจคด เขาทำ�หน้า หมองคลาํ้ เพือ่ แสดงให้ผคู้ นรูว้ า่ เขากำ�ลังจำ�ศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำ�ศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้นํ้ามันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำ�ลัง จำ�ศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน” เมือ่ ภาวนาส่วนตัว พระเยซูเจ้าให้ภาพของความสัมพันธ์ของผูภ้ าวนากับพระบิดาเหมือนเป็นการ “เข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู” เพราะเมื่อเราเข้าสู่ส่วนลึกของหัวใจแห่งความเป็นตัวจริงของเรา ที่ซึ่งเราอาจ จะพบความอ่อนแอ ความพลาดพลั้ง และแม้ความบาปหลงผิดติดยึดที่ไม่ถูกต้อง นั่นเป็นโอกาสให้เราได้ทำ�เช่น เดียวกับการไปหาหมอ ณ ขณะนัน้ เราเอาสภาพจริงของเรา เอาความเจ็บไข้ เอาร่างกายทีม่ บี าดแผลและอ่อนแอ ไปพบหมอในห้องเฉพาะที่แยกจากคนไข้อื่นๆ เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อเราภาวนา เราไปหาพระบิดา “ในห้องส่วน ตัว แล้วปิดประตู”
บทอ่านที่ 1 ฉธบ 30:15-20 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงฟังเถิด ในวันนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังเสนอให้ท่านเลือก ชีวติ หรือความตาย เลือกความดีหรือความชัว่ ข้าพเจ้าจึงสัง่ ท่านในวันนี้ ให้รกั องค์พระ ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และเดินตามวิถีทางของพระองค์ ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ข้อ กำ�หนดและกฎเกณฑ์ของพระองค์ แล้วท่านจะมีชวี ติ และทวีจ�ำ นวนขึน้ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าพระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินที่ท่านกำ�ลังจะเข้าไปครอบครอง แต่ ถ้าท่านเปลีย่ นใจไปจากพระองค์ ไม่ยอมเชือ่ ฟังพระองค์ แต่ยอมกราบไหว้รบั ใช้เทพเจ้า อื่น ข้าพเจ้าขอบอกท่านในวันนี้ว่า ท่านจะต้องพินาศอย่างแน่นอน ท่านจะไม่มีชีวิต ยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำ�ลังข้ามแม่นํ้าจอร์แดนเข้าไปครอบครอง ในวันนี้ ข้าพเจ้าขอ เรียกฟ้าดินมาเป็นพยานต่อหน้าท่าน ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำ�อวยพรหรือคำ�สาปแช่ง ท่านจงเลือกชีวติ เถิด เพือ่ ท่านและบุตรหลานของท่าน จะมีชีวิต รักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์และ ซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์ เพราะพระองค์เพียงพระองค์เดียวประทานชีวติ แก่ทา่ น ทรงบันดาล ให้ท่านอาศัยอยู่นานในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานไว้ว่าจะประทานแก่ บรรพบุรุษของท่าน คืออับราฮัม อิสอัคและยาโคบ พระวรสาร ลก 9:22-25 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่ สาม” หลังจากนั้น พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการที่จะได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้องเสียชีวิตและพินาศไป” เทศกาลมหาพรต เป็นเทศกาลของการลงลึกในหัวใจแห่งการเผชิญกับตัว ตนจริงๆ ของเรา ณ ที่นั้น เราอาจจะพบการนึกถึงแต่ตัวเอง เอาแต่ใจของตนเองเป็นใหญ่ ปฏิเสธภาระหน้าที่ที่ลำ�บาก ที่เรียกร้องการเสียสละ และที่สุด เราอาจจะพบว่า เรากำ�ลัง ติดตามตัวเราเอง ไม่ได้ติดตามพระ... “ข้าแต่พระบิดา ขอให้ลูกได้ละจากการคิดถึงแต่ตัว เอง และโปรดประทานเรี่ยวแรงพละกำ�ลัง ให้ลูกสามารถที่จะเผชิญกับความยากลำ�บาก ต่างๆ ในชีวติ ซึง่ แม้บางทีมนั ดูนา่ กลัว ขอพระองค์ชว่ ยให้ลกู ได้ตดิ ตามและอยูก่ บั พระองค์ เสมอเทอญ”
หลังวันพุธรับเถ้า สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
หลังวันพุธรับเถ้า สดด 51:1-2,3-5, 16-17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันตรุษจีน
บทอ่านที่ 1 อสย 58:1-9ก พระเจ้าตรัสว่า “จงร้องตะโกนให้เต็มกำ�ลัง อย่าออมเสียงไว้ จงเปล่งเสียงเหมือน เป่าเขาสัตว์ จงประกาศให้ประชากรของเรารู้ว่าเขาได้ล่วงละเมิด จงประกาศแก่ เชื้อสายของยาโคบให้เขารู้บาปที่เขาได้ทำ� เขาทั้งหลายแสวงหาเราทุกวัน ปรารถนาจะ รู้จักทางของเรา ประหนึ่งว่าเขาเป็นประชากรที่ปฏิบัติความชอบธรรม และมิได้ละทิ้ง พระวินิจฉัยของพระเจ้าของตน เขาขอให้เราให้การวินิจฉัยที่ชอบธรรม และปรารถนา ที่จะเข้ามาใกล้พระเจ้า เขาพูดว่า “ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องจำ�ศีลอดอาหาร ถ้า พระองค์ไม่ทอดพระเนตร ทำ�ไมข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องละเว้นความสุขสบาย ถ้า พระองค์ไม่ทรงทราบ” ดูซิ ในวันที่ท่านทั้งหลายจำ�ศีลอดอาหาร ท่านยังแสวงหาผลประโยชน์ของตน และข่มเหงคนงานทุกคนของท่าน ดูซิ ท่านจำ�ศีลอดอาหาร แต่ยังทะเลาะวิวาทและ โต้เถียงกัน ชกต่อยตีกนั อย่างอยุตธิ รรม การจำ�ศีลอดอาหารดังทีท่ า่ นปฏิบตั ใิ นวันนี้ จะ ไม่ท�ำ ให้เสียงของท่านได้ยนิ ไปถึงเบือ้ งบนเลย นีห่ รือเป็นการจำ�ศีลอดอาหารทีเ่ ราพอใจ คือวันที่มนุษย์ละเว้นความสุขสบาย ก้มศีรษะลงเหมือนต้นอ้อ ใช้ผ้ากระสอบและ ขี้เถ้าปูนอน ท่านจะเรียกการทำ�เช่นนี้ว่าเป็นการจำ�ศีลอดอาหาร และวันที่องค์พระผู้ เป็นเจ้าพอพระทัยกระนัน้ หรือ แต่การจำ�ศีลอดอาหารทีเ่ ราต้องการ คือการแก้โซ่ตรวน ที่อธรรม แก้สายรัดแอก ปล่อยผู้ถูกข่มเหงให้เป็นอิสระ และหักแอกทุกอัน แบ่งปัน อาหารกับผู้หิวโหย นำ�คนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็น ว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมา เหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำ�หน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และองค์พระ ผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ ที่นี่” พระวรสาร มธ 9:14-15 วันหนึง่ บรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมพวกเราและพวก ฟาริสีจำ�ศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำ�ศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าว ยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำ�ศีลอดอาหาร”
และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่”...กับผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน เมตตา กรุณา จิตใจเปี่ยมไปด้วย ความรักต่อเพือ่ นพีน่ อ้ งเหตุเพราะว่าเขาเหล่านัน้ มีสนั ติสขุ มีความรักของพระอยูใ่ นการดำ�รงชีวติ ...หรือพระองค์ จะตรัสกับคนที่หน้าไหว้หลังหลอก คนที่ทำ�บุญเอาหน้า-ภาวนากันตาย หรือกับคนสร้างภาพได้อย่างไร ในเมื่อ เขาเหล่านั้นไม่มีความสงบ ไม่เกิดสันติสุขจริงจังอยู่ภายใน ไม่มีจิตที่นิ่งสงบเพียงพอที่จะรับรู้สัมผัสรักที่กระซิบ แผ่วเบาจากพระเจ้า
บทอ่านที่ 1 อสย 58:9ข-14 พระเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ ความสว่าง ของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำ�ท่านตลอดไป จะตอบสนองความต้องการของท่านในแผ่น ดินแห้งแล้ง จะทรงทำ�ให้กระดูกของท่านแข็งแรง ท่านจะเป็นเหมือนสวนทีม่ นี าํ้ รด เป็น เหมือนพุนาํ้ ทีม่ นี าํ้ ไหลไม่หยุด ประชากรของท่านจะบูรณะซากปรักหักพังโบราณขึน้ ใหม่ ท่านจะวางรากฐานที่เคยวางไว้แต่โบราณขึ้นมาอีก ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซ่อมกำ�แพงที่ พังแล้ว เป็นผู้บูรณะถนนให้มีบ้านเรือนเป็นที่อาศัย ถ้าท่านหยุดละเมิดวันสับบาโต คือไม่ทำ�ตามใจชอบในวันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เรียก วันสับบาโตว่า ‘วันปีติยินดี’ และเรียกวันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘วันน่า เคารพ’ ถ้าท่านให้เกียรติวนั นัน้ โดยไม่เดินทาง เลิกแสวงหาสิง่ ทีท่ า่ นพอใจ และเลิกพูด เรื่องไร้สาระ ท่านจะได้ความปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราจะให้ท่านขี่ม้าฉลอง ชัยอยู่บนที่สูงของแผ่นดิน เราจะเลี้ยงท่านด้วยมรดกของยาโคบบิดาของท่าน เพราะ พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว” พระวรสาร ลก 5:27-32 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกไปทอดพระเนตรเห็นคนเก็บภาษีคนหนึ่งชื่อ เลวีนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เลวีก็ลุกขึ้น ละทิ้งทุกสิ่ง แล้วตามพระองค์ไป เลวีจัดเลี้ยงใหญ่ในบ้านของตนเป็นเกียรติแด่พระองค์ คนเก็บภาษีและคนอื่นๆ จำ�นวนมากมาร่วมโต๊ะด้วย บรรดาชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์ของเขาเหล่านัน้ กล่าวด้วย ความไม่พอใจกับบรรดาศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงกินอาหารและดื่ม กับคนเก็บภาษีและคนบาป” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนป่วยต้องการ เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาปให้ กลับใจ” วันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า... พระองค์ทรงมาเพือ่ เรียกคนบาปให้กลับใจ...หาก เราเป็นบุคคลทีผ่ อู้ นื่ ประณามว่าเป็นคนบาปเช่นเลวีคนเก็บภาษี และมีโอกาสเมือ่ พระองค์ ทรงเรียก... “จงตามเรามาเถิด”... เราจะละทิ้งทุกสิ่งแล้วตามพระองค์ไปทันทีหรือไม่...ใน เมือ่ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงนำ�เราตลอดไป ความสว่างของเราจะปรากฏขึน้ ในความ มืดเหมือนเที่ยงวัน เราจะกลับกลายเป็นสวนที่มีนํ้ารด เป็นพุนํ้าที่มีนํ้าไหลไม่หยุด... เช่นนี้ เราจะไม่รีบลุกขึ้นแล้วติดตามพระองค์ไปในทันทีหรือ...
นักบุญเจ็ดองค์ ผู้ตั้งคณะผู้รับใช้ พระแม่มารีย์ สดด 86:1,2-3, 4-5,6-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 9:8-15 พระเจ้าตรัสกับโนอาห์และบรรดาบุตรของเขาว่า “ดูซิ บัดนี้เราจะทำ�พันธสัญญา ของเรากับท่านและกับลูกหลานของท่านในภายหน้า และกับบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อยู่กับ ท่านด้วย คือ นก สัตว์เลีย้ งและสัตว์ปา่ ทุกชนิดทีอ่ ยูก่ บั ท่าน สัตว์ทกุ ชนิดทีอ่ อกมาจาก เรือ และทีจ่ ะมีชวี ติ บนแผ่นดิน เราจะทำ�พันธสัญญาของเราไว้กบั ท่านว่า เราจะไม่ให้นาํ้ วินาศมาทำ�ลายสรรพสิ่งที่มีชีวิตอีก และนํ้าวินาศจะไม่ท่วมทำ�ลายแผ่นดินอีกเลย” พระเจ้าตรัสว่า “นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาซึ่งเวลานี้เรากำ�ลังทำ�ระหว่าง เรากับท่าน และกับบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่กับท่านสืบไปทุกชั่วอายุ เราจะตั้งรุ้ง ของเราไว้บนเมฆ รุ้งนี้จะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน เมื่อ เราจะให้เมฆอยู่เหนือแผ่นดิน และรุ้งจะปรากฏขึ้นบนเมฆ เราจะระลึกถึงพันธสัญญา ระหว่างเรากับท่านและกับสรรพสิ่งที่มีชีวิต และนํ้าวินาศจะไม่ท่วมทำ�ลายสิ่งมีชีวิต ทั้งหมดอีก” เพลงสดุดี สดด 25:4-6,7,8-10 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ารู้จักทางของพระองค์ โปรดทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่ข้าพเจ้า โปรดทรงน�ำข้าพเจ้าด้วยความจริงของพระองค์และทรงสอนข้าพเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงพระกรุณา และความรักมั่นคงที่ทรงมีตลอดมา ข) ขออย่าทรงระลึกถึงบาปและความผิดที่ข้าพเจ้าท�ำไว้ในวัยเยาว์ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์ ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเพราะพระทัยดี ของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงความดีและทรงเที่ยงธรรม พระองค์จึงทรงสอนทางให้คนบาป ทรงน�ำผู้ถ่อมตนให้เดินตามทางแห่งความยุติธรรม มรรคาทุกสายขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรักมั่นคงและความสัตย์จริง ส�ำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามพันธสัญญาและกฤษฎีกาของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตร ฉบับที่หนึ่ง 1 ปต 3:18-22 พี่น้อง พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพียงครั้งเดียวเพราะบาป พระองค์ผู้ทรงชอบ ธรรมสิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรม พระองค์จะทรงนำ�เราไปเฝ้าพระเจ้า พระองค์ทรงถูก ประหารชีวิตในสภาพมนุษย์ แต่พระจิตเจ้าประทานชีวิตให้พระองค์อีก พระจิตเจ้ายัง
ทรงนำ�พระองค์ไปประกาศความรอดพ้นแก่จิตที่ถูกจองจำ� ในกาลก่อน จิตเหล่านี้ไม่ยอมเชื่อฟังเมื่อพระเจ้าทรงอดทน รอคอย ขณะที่โนอาห์กำ�ลังต่อเรือ ซึ่งช่วยชีวิตคนจำ�นวน น้อย นัน่ คือเพียงแปดชีวติ ให้รอดพ้นจากนาํ้ วินาศ นาํ้ นัน้ เป็น รูปแบบของศีลล้างบาปที่ช่วยท่านให้รอดพ้นในเวลานี้ มิใช่ เป็นการชำ�ระล้างมลทินทางร่างกาย แต่เป็นการวอนขอต่อ พระเจ้าด้วยมโนธรรมบริสุทธิ์เดชะการกลับคืนพระชนมชีพ ของพระเยซูคริสตเจ้า ผูเ้ สด็จสูส่ วรรค์และประทับ ณ เบือ้ ง ขวาของพระเจ้าโดยมีทตู สวรรค์ทงั้ ศักดิเทพและอิทธิเทพทัง้ หลายอยู่ใต้พระอำ�นาจของพระองค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:12-15 ทันใดนั้น พระจิตเจ้าทรงดลให้พระองค์เสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวัน ทรงถูกซาตานผจญ พระองค์ทรงอยู่กับสัตว์ป่า บรรดาทูตสวรรค์ปรนนิบัติรับใช้พระองค์ หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำ� พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนาข่าวดีของพระเจ้า ตรัสว่า “เวลาที่กำ�หนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจ และเชื่อข่าวดีเถิด” “เวลาทีก่ �ำ หนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยูใ่ กล้แล้ว จงกลับใจ และเชือ่ ข่าวดีเถิด” พระเจ้าทรงรักเรา ทรงกระทำ�การต่อเนื่องในพันธสัญญาแห่งความรอดพ้นกับเรา ผ่านทางการชำ�ระล้างโดย ศีลล้างบาป โดยพระคริสตเยซูทรงประทานพละกำ�ลังแก่เราให้ผ่านการผจญต่างๆ ด้วยศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์ ประทานไว้ ทรงประทานพระจิตศักดิ์สิทธิ์และเทวาอารักษ์เป็นเพื่อนร่วมทางจนกว่าเราจะผ่านพ้นถิ่นเนรเทศ นี้... จงกลับใจและประกาศข่าวดีเถิด
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 19:7-8,10,13,14
บทอ่านที่ 1 ลนต 19:1-2,11-18 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่าน ทัง้ หลายจงเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ เพราะเรา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ ท่านจะต้องไม่ลักขโมย ฉ้อโกง หรือพูดเท็จต่อกัน ท่านจะต้องไม่สาบานเท็จโดย ใช้นามของเรา มิฉะนัน้ ท่านจะลบหลูพ่ ระนามพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบหรือปล้นเพือ่ นบ้าน ท่านจะต้องไม่ยดึ ค่าจ้างของลูกจ้าง ไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น ท่านจะต้องไม่สาปแช่งคนหูหนวก เอาของไปวางขวางทางคนตาบอด แต่ท่านจะต้องยำ�เกรงพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า...
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มธ 25:31-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือ พระบัลลังก์รงุ่ โรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสอง พวก ดังคนเลีย้ งแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยูเ่ บือ้ งขวา ส่วนแพะอยูเ่ บือ้ งซ้าย แล้วพระมหากษัตริย์ จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับ อาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่าน ก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’ บรรดาผูช้ อบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมือ่ ใดเล่าข้าพเจ้าทัง้ หลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวาย พระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขก แปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวร หรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่าน ทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ตํ่าต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกทีอ่ ยูเ่ บือ้ งซ้ายว่า ‘ท่านทัง้ หลายทีถ่ กู สาปแช่ง จงไปให้พน้ ลงไปในไฟนิรนั ดร ที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้ อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์ จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำ�สิ่งใดต่อผู้ตํ่าต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ ได้ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”
พระเจ้าสอนเราโดย “พระวาจา” ของพระองค์ ให้เรารักและมีเมตตาต่อเพือ่ นพีน่ อ้ ง ไม่เอาเปรียบ ไม่ทำ�ร้ายไม่ว่าด้วยวิธีใด ทั้งไม่เลือกที่จะรักเฉพาะคนที่เราอยากจะรัก หรือคิดว่าควรจะรัก แต่เราต้องรักและ แบ่งปันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่มีวันสิ้นสุด...แล้วนั้น...พระองค์จะตรัสกับเราว่า... เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าของ เจ้า จงมารับชีวิตนิรันดร
บทอ่านที่ 1 อสย 55:10-11 พระเจ้าตรัสว่า “สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดินฉันใด ทางของเราก็อยู่สูงกว่าทางของ ท่าน และความคิดของเราก็อยู่เหนือความคิดของท่านฉันนั้น ฝนและหิมะลงมาจาก ท้องฟ้า และไม่กลับไปทีน่ นั่ ถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำ�ให้แผ่นดินอุดม ทำ�ให้พชื งอกขึน้ เพือ่ ให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำ�ที่ออกจากปากของเรา จะไม่ กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล ไม่ทำ�ตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่ง มาฉันนั้น” พระวรสาร มธ 6:7-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซํ้าหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูด มากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำ�เหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบ แล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนทีท่ า่ นจะขอเสียอีก ดังนัน้ ท่านทัง้ หลายจงอธิษฐานภาวนา ดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำ�เร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำ�วันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’ เพราะถ้าท่านให้อภัยผูท้ �ำ ความผิด พระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ก็จะประทาน อภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำ�ความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทาน อภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน” พระเยซูคริสตเจ้าสอนให้เราอธิษฐานภาวนาอยูเ่ สมอ..ด้วยบทข้าแต่พระบิดา ของข้าพเจ้าทัง้ หลาย... พ่อจ๋าของเราผูท้ รงสถิตในสวรรค์...จะประทานอภัยแก่เราหากเรา ให้อภัยแก่ผอู้ นื่ ...พ่อจ๋าจะช่วยเราให้พน้ จากความชัว่ ร้ายหากเราหลีกหนีความประพฤติชวั่ และปฏิบตั ติ ามพระวาจาของพระองค์ พระองค์จะประทานให้เราเป็นเมล็ดพันธุท์ ที่ รงหว่าน เพื่อบังเกิดผลและบรรลุพระประสงค์ตามที่ทรงปรารถนา
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 34:4-7,16-18 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
น.เปโตร ดามีอานี พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 51:1-2,10-11, 16-17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ยนา 3:1-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ นครใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เมืองนั้น” โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุง นีนะเวห์ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดิน ข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้อง ประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำ�ลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงคน ตํ่าต้อยที่สุด ข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์กรุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระบัลลังก์ ทรงเปลือ้ งฉลองพระองค์ออก ทรงสวมผ้ากระสอบและประทับนัง่ บนกองขีเ้ ถ้า กษัตริย์ ทรงประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชั้นสูงว่า “ทั้งคนและสัตว์ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กอย่ากินสิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มนํ้าเลย ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้า กระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำ�ลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชวั่ และเลิก ใช้การกระทำ�ที่รุนแรง ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และ คลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความ พยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษ ตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา พระวรสาร ลก 11:29-32 เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็น คนชัว่ ร้าย อยากเห็นเครือ่ งหมาย แต่จะไม่มเี ครือ่ งหมายใดให้เห็นนอกจากเครือ่ งหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ�หรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตร แห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำ�หรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่ง ทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลาย แผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาว นีนะเวห์ได้กลับใจเมือ่ ได้ฟงั คำ�เทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ทนี่ มี่ ผี ยู้ งิ่ ใหญ่กว่าโยนาห์ อีก” เมื่อไตร่ตรองพระวาจาวันนี้ เรามองเห็นถึงพระเมตตาของพระเจ้า ผู้ทรง เปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษอยู่เสมอ เมื่อใดที่ทรงทอดพระเนตรเห็นความพยายามในการที่ จะกลับใจ... เมือ่ ใดทีม่ นุษย์หยุดเพือ่ พิจารณาสัญญาณและการเตือนภัยในเหตุการณ์ตา่ งๆ เมื่อหยุดการประพฤติชั่ว หยุดการกระทำ�ที่รุนแรง พระเจ้าก็ทรงพระเมตตา ไม่ลงโทษ เหตุการณ์ร้ายแรงก็เคลื่อนห่างออกไป
บทอ่านที่ 1 1 ปต 5:1-4 พี่น้องที่รัก โดยเหตุที่ข้าพเจ้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นพยานถึงพระทรมานของ พระคริสตเจ้า และมีสว่ นจะรับพระสิรริ งุ่ โรจน์ทจี่ ะปรากฏในอนาคตด้วย ข้าพเจ้าขอร้อง บรรดาผูอ้ าวุโส ในกลุม่ ของท่านทัง้ หลาย จงเลีย้ งดูฝงู แกะของพระเจ้าทีอ่ ยูใ่ นความดูแล ของท่าน จงดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยความ จำ�ใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง จงเป็นแบบอย่าง แก่ฝูงแกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง เมื่อพระคริสตเจ้าพระผู้ เลี้ยงสูงสุดจะทรงสำ�แดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย เลย พระวรสาร มธ 16:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดา ศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศก เยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขา ว่ า “ซี โ มนบุ ต รของยอห์ น ท่ า นเป็ น สุ ข เพราะไม่ ใ ช่ ม นุ ษ ย์ ที่ เปิ ด เผยให้ ท่ า นรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และ บนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิง่ ทีท่ า่ นจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” นักบุญเปโตรชาวประมงคนหาปลาความรู้น้อย ซื่อตรงและไม่ประดิษฐ์ ประดอยคำ�พูด รักพระเยซูเจ้าอย่างมากแม้ไม่ค่อยเข้าใจพระองค์ เคยทอดทิ้งและปฏิเสธ พระอาจารย์ผู้ที่ท่านปฏิบัติติดตามรับใช้ตลอดเวลาสามปี...ท่านเป็นศิษย์ที่พระเยซู คริสตเจ้าทรงตัง้ เป็นศิลาฐานของพระศาสนจักรเป็นผูร้ กั ษากุญแจอาณาจักรสวรรค์ ฝากฝัง ให้ตดิ ตามดูแลฝูงแกะของพระองค์และท่านรับด้วยความสมัครเต็มใจ ภารกิจนีส้ บื ทอดมา จนถึงยุคนี้ในตำ�แหน่งของพระสันตะปาปา ในหมู่คณะของพระสังฆราชและพระสงฆ์
ฉลองธรรมาสน์ นักบุญเปโตร อัครสาวก สดด 23:1-3,4,5,6
บทอ่านที่ 1 อสค 18:21-28 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “แต่ถ้าคนชั่วร้ายกลับใจไม่ทำ�บาปทุกอย่างที่เขาเคยทำ� แล้วกลับมารักษาข้อ กำ�หนดทุกข้อของเรา ปฏิบัติความถูกต้องและความยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย การล่วงละเมิดใดๆ ที่เขาเคยทำ�จะไม่ถูกจดจำ�ไว้เพื่อเอาโทษเขา เขา ระลึกถึง จะมีชวี ติ อยูเ่ พราะความชอบธรรมทีเ่ ขาได้ท�ำ เราพอใจในความตายของคนอธรรมหรือ น.โปลีการ์ป องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราพอใจที่เขากลับใจจากความประพฤติชั่วของเขาและ พระสังฆราช มีชีวิตอยู่มิใช่หรือ มรณสักขี แต่ถ้าผู้ชอบธรรมละทิ้งความชอบธรรมของตนไปทำ�ความชั่ว ประพฤติตามการ กระทำ�น่าสะอิดสะเอียนทุกอย่างที่คนชั่วทำ� ผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ การกระทำ� สดด 130:1-4,5-6,7-8 ชอบธรรมทัง้ หมดทีเ่ ขาได้ท�ำ มาแล้วจะไม่ถกู จดจำ�ไว้อกี เลย เขาจะต้องตายเพราะความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ผิดที่เขาไม่ได้ซื่อสัตย์ และเพราะบาปที่เขาได้ทำ� ท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของ เราไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติความชอบธรรมมาทำ�ผิด เขาจะต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตายเพราะความผิดที่เขาได้ทำ� ถ้าคนชั่วร้ายเลิกทำ�ความชั่วร้ายที่เขา ได้ทำ� มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วง ละเมิดทั้งหมดที่เคยทำ� เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย” พระวรสาร มธ 5:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินคำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุก คนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่ พีน่ อ้ งว่า ‘ไอ้โง่บดั ซบ’ ผูน้ นั้ จะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนัน้ ขณะทีท่ า่ นนำ�เครือ่ งบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับ พี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำ�ลังเดินทางไป ศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านใน คุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำ�ระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย” หากคนชั่วร้ายกลับใจไม่ทำ�บาปอีก แล้วคนดีเปลี่ยนใจไปทำ�ความชั่ว ผลที่เกิดตามมาก็จะเป็นไป ตามพระยุติธรรม คนชั่วก็จะกลับรักษาชีวิตไว้ ในขณะที่คนที่เคยดีกลับมีบั้นปลายที่ต้องสูญเสียไปเพราะความ ไม่ซื่อสัตย์ พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ซื่อตรงและปฏิบัติตามบทบัญญัติ แม้บางเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องฝืนใจกระทำ� ทั้งนี้ เพื่อชำ�ระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์
บทอ่านที่ 1 ฉธบ 26:16-19 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “ในวันนีอ้ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ทรงบัญชาให้ทา่ นปฏิบตั ติ ามข้อกำ�หนด และกฎเกณฑ์เหล่านี้อย่างเคร่งครัดสุดจิตใจ และสุดวิญญาณ ในวันนี้ ท่านได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของ ท่าน ถ้าท่านดำ�เนินตามหนทางของพระองค์ ปฏิบัติตามข้อกำ�หนด บทบัญญัติและ กฎเกณฑ์ของพระองค์ ทั้งเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ ในวันนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงบัญชาให้ท่านประกาศว่า ท่านจะเป็นประชากรของพระองค์ เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษ ของพระองค์ดังที่ตรัสไว้ และท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ทุกประการ พระองค์จะทรงบันดาลให้ท่านมีศักดิ์ศรี มีชื่อเสียงและมีเกียรติยศเหนือชนชาติอื่นๆ ทั้งปวงที่ทรงสร้างขึ้นมา และท่านจะเป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านดังที่ทรงสัญญาไว้” พระวรสาร มธ 5:43-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินคำ�กล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของ พระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้ บำ�เหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำ�เช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่ พีน่ อ้ งของท่านเท่านัน้ ท่านทำ�อะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ท�ำ เช่นนีด้ อกหรือ ฉะนัน้ ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังทีพ่ ระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์ เถิด” การปฏิบตั ติ ามกฎแห่งความรักเป็นพระบัญชาให้ปฏิบตั ติ ามอย่างเคร่งครัด สุดจิตสุดใจและสุดวิญญาณ ไม่วา่ จะเป็นเพือ่ นบ้าน คนดีคนชัว่ ศัตรู หรือผูท้ มี่ าเบียดเบียน เพือ่ ทีเ่ ราจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ จะได้เป็นประชากรศักดิส์ ทิ ธิถ์ วายแด่องค์พระผูเ้ ป็น เจ้า
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต สดด 119:1-2,3-6,7-8
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 22:1-2,9ก,10-13,15-18 ต่อมาไม่นาน พระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม พระองค์ตรัสเรียกเขาว่า “อับราฮัมเอ๋ย” อับราฮัมทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยูน่ ”ี่ พระเจ้าตรัสว่า “จงพาอิสอัคบุตรของท่าน บุตรคน เดียวที่ท่านรักไปยังดินแดนโมริยาห์ แล้วถวายเขาเป็นเครื่องเผาบูชาบนภูเขาที่เราจะ บอกให้ท่านรู้” เมื่อทั้งสองคนมาถึงสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกให้รู้แล้ว อับราฮัมยื่นมือออกไป เงื้อมีดจะฆ่าบุตร แต่ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าร้องเรียกจากสวรรค์ว่า “อับราฮัมเอ๋ย อับราฮัม” อับราฮัมตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่าลงมือฆ่าเด็กหรือ ทำ�ร้ายเขาเลย บัดนี้ เรารู้แล้วว่า ท่านยำ�เกรงพระเจ้า และมิได้หวงบุตรคนเดียวของ ท่านไว้ไม่ถวายแก่เรา” อับราฮัมเงยหน้าขึ้น แลเห็นแกะเพศผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติด อยู่ในพุ่มไม้ อับราฮัมจึงไปจับมันมาฆ่าเผาถวายบูชาแทนบุตรชาย ทู ต ขององค์ พ ระผู้ เป็ น เจ้ า จากสวรรค์ เรีย กอับราฮัมเป็นครั้งที่สองว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพราะท่านได้ทำ�ดังนี้ คือมิได้หวงบุตรชายคนเดียวของท่านไว้ เรา สาบานต่อเราเองว่า เราอวยพรให้ทา่ นอย่างมาก จะให้ลกู หลานของท่านทวีจ�ำ นวนมาก เท่ากับดวงดาวบนท้องฟ้าและเม็ดทรายตามชายทะเล ลูกหลานของท่านจะได้เมืองของ ศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ ชนทุกชาติบนแผ่นดินจะได้รบั พระพรเพราะลูกหลานของท่าน ทัง้ นี้ เพราะท่านเชื่อฟังคำ�สั่งของเรา” เพลงสดุดี สดด 116:10,16-17,18-19 ก) ข้าพเจ้ายังมีความเชื่อ แม้เมื่อข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าทุกข์ยากเต็มทนแล้ว” ข) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระองค์ ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระองค์ เป็นบุตรของหญิงรับใช้พระองค์ พระองค์ทรงปลดโซ่ตรวนที่จองจ�ำข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ และจะเรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ค) ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามค�ำปฏิญาณที่ให้ไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ต่อหน้ามวลประชากรของพระองค์ ในลานบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในใจกลางของเจ้า กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 8:31-34 พี่น้อง แล้วเราจะพูดอะไรอีกในเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าทรง อยูข่ า้ งเรา ใครจะสูเ้ ราได้ พระองค์มไิ ด้ทรงหวงแหนพระบุตร ของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้ว พระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้าประทาน ความชอบธรรม ใครจะตั ด สิ น ลงโทษ พระคริ ส ตเยซู สิน้ พระชนม์ ทัง้ ยังทรงกลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยูเ่ บือ้ ง ขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 9:2-10 ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงตามลำ�พัง แล้วพระ วรกายของพระองค์กเ็ ปลีย่ นไปต่อหน้าเขา ฉลองพระองค์กลับมีสขี าวเจิดจ้า ขาวผ่องอย่างทีไ่ ม่มชี า่ งซักฟอก คนใดในโลกทำ�ให้ขาวเช่นนัน้ ได้ แล้วประกาศกเอลียาห์กบั โมเสสแสดงตนสนทนาอยูก่ บั พระเยซูเจ้า เปโตร จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ เราจงสร้างเพิงขึ้นสามหลังเถิด หลังหนึ่ง สำ�หรับพระองค์ หลังหนึ่งสำ�หรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำ�หรับประกาศกเอลียาห์” เขาไม่รู้ว่ากำ�ลังพูดอะไร เพราะศิษย์ทงั้ สามคนต่างตกใจกลัว ครัน้ แล้วเมฆก้อนหนึง่ ลอยมาปกคลุมเขาไว้ มีเสียงหนึง่ ออกมาจากเมฆ ก้อนนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” ทันใดนั้น ศิษย์ทั้งสามคนเหลียวมองรอบๆ ไม่เห็น ผู้ใดอยู่กับตนนอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น ขณะที่กำ�ลังลงจากภูเขา พระองค์ตรัสสั่งเขามิให้เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์ จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย จากบทอ่านทั้งสามบทในวันนี้...พระเจ้าทรงพอพระทัยให้เราแต่ละคนผ่านการทดลอง ผ่านการ ผจญให้ความเชื่อของเราถูกท้าทายไปจนสุดหนทาง และสุดปลายทางนั้นพระเจ้าจะทรงประทานพระคุณพระ พรพระหรรษทาน... ไม่ว่าท่านอับราฮัมผู้ยินดีถวายบุตรชายคนเดียวที่เป็นอนาคตของพระสัญญาในเรื่องลูก หลานมากมายดุจดาวบนท้องฟ้าและเม็ดทรายทีช่ ายทะเล... ท่านเชือ่ ว่าพระสัญญาทีท่ รงให้ไว้จะเป็นจริง...จวบ จนพันธสัญญาใหม่ในพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงพระดำ�เนินผ่านพ้นไปอย่างเต็มพระทัยในการสิ้นพระชนม์บน ไม้กางเขน...จน ณ เวลานี้เวลาของเราแต่ละคน
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 79:8-9,10-11, 12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ดนล 9:4ข-10 “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าผูย้ งิ่ ใหญ่และน่าสะพรึงกลัว พระองค์ทรงรักษา พันธสัญญาและความรักมัน่ คงต่อผูท้ รี่ กั พระองค์และปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำ�บาป ทำ�ผิด ประพฤติชั่วร้าย เป็นกบฏ หันเหไปจากบทบัญญัติ และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้เชื่อฟังบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของ พระองค์ ซึง่ พูดในพระนามพระองค์ตอ่ บรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้านาย บรรดาบรรพบุรษุ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย และต่อประชากรทั้งมวลของแผ่นดิน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความเทีย่ งธรรมเป็นของพระองค์ ส่วนความอับอายเป็นของข้าพเจ้าทัง้ หลาย ดังทีเ่ ป็น อยู่ทุกวันนี้ เป็นของชาวยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และชาวอิสราเอลทั้งมวล ทั้งเป็น ของผู้ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ผู้ที่อยู่ในแผ่นดินที่พระองค์ทรงบันดาลให้เขาไปอยู่อย่าง กระจัดกระจาย เพราะความทรยศซึ่งเขาได้ทำ�ต่อพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความอับอายเป็นของข้าพเจ้าทัง้ หลาย เป็นของบรรดากษัตริย์ บรรดาเจ้านายและบรรดา บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำ�บาปผิดต่อพระองค์ ส่วน พระกรุณาและการอภัยโทษเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย ที่ได้กบฏ ต่อพระองค์ มิได้เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ ที่พระองค์ประทานให้โดยบรรดาประกาศกผู้รับใช้ของพระองค์” พระวรสาร ลก 6:36-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงเป็นผูเ้ มตตากรุณาดังทีพ่ ระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสิน เขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าว โทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทาน แก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่านใช้ทะนานใดตวง ให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” พระสัญญา ความเที่ยงตรง พระเมตตา พระกรุณา การอภัยโทษเป็นของ องค์พระผู้เป็นเจ้า...ลูกทั้งหลายผู้ทำ�บาป ทำ�ผิด ประพฤติชั่วร้าย เป็นกบฏ หันเหไปจาก บทบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ เป็นผู้ทรยศ ต้องกระจัดกระจาย ความอับอายจึง เป็นของเรา...แต่ทงั้ หมดจะได้รบั การแก้ไข หากเรากลับใจใหม่ กลับเป็นผูม้ ใี จเมตตากรุณา ไม่ตัดสินผู้อื่น ไม่กล่าวโทษเขา...พระเจ้าจะทรงประทานให้เราด้วยทุกสิ่งที่ได้กระทำ�ต่อ ผู้อื่น...
บทอ่านที่ 1 อสย 1:10,16-20 ท่านทั้งหลายผู้มีอำ�นาจปกครองเมืองโสโดมเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้ เป็นเจ้าเถิด ประชาชนแห่งเมืองโกโมราห์เอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำ�สอนของพระเจ้าของเรา เถิด จงล้าง จงชำ�ระตนให้สะอาด จงนำ�กิจการชัว่ ร้ายของท่านออกไปให้พน้ จากสายตา เรา จงเลิกทำ�ความชั่ว จงเรียนรู้ที่จะทำ�ความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือ ผู้ถูกข่มเหง จงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกกำ�พร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด มาพิจารณาความด้วยกันกับเรา แม้บาปของ ท่านเป็นสีแดงเหมือนผ้าสีเลือดหมู ก็จะขาวอย่างหิมะ แม้บาปของท่านจะเป็นสีแดง เหมือนผ้าสีแดงเข้ม ก็จะขาวเหมือนขนแกะ ถ้าท่านทั้งหลายยอมเชื่อฟัง ท่านจะได้กิน ผลดีของแผ่นดิน แต่ถ้าท่านดื้อรั้นและเป็นกบฏ ท่านจะเป็นเหยื่อของคมดาบ เพราะ พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้” พระวรสาร มธ 23:1-12 ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนและบรรดาศิษย์ว่า “พวกธรรมาจารย์และ ชาวฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่ อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวาง บนบ่าคนอื่น แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้วไปยกขึ้น เขาทำ�กิจการทุกอย่าง เพือ่ ให้คนเห็น เช่น เขาขยายกลักบรรจุพระวาจาให้ใหญ่ขนึ้ ผ้าคลุมของเขามีพยู่ าวกว่า ของคนอื่น เขาชอบที่นั่งมีเกียรติในงานเลี้ยง ชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม ชอบให้ ผู้คนคำ�นับตามลานสาธารณะ ชอบให้ทุกคนเรียกว่า ‘รับบี’ ส่วนท่านทัง้ หลายอย่าให้ผใู้ ดเรียกว่า ‘รับบี’ เพราะอาจารย์ของท่านมีเพียงผูเ้ ดียว และทุกคนเป็นพี่น้องกัน ในโลกนี้อย่าเรียกผู้ใดว่า ‘บิดา’ เพราะว่าพระบิดาของท่านมี เพียงพระองค์เดียวคือพระบิดาในสวรรค์ อย่าให้ผใู้ ดเรียกท่านว่า ‘อาจารย์’ เพราะพระ อาจารย์ของท่านมีเพียงพระองค์เดียวคือพระคริสตเจ้า ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่ จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ตํ่าลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการ ยกย่องให้สูงขึ้น”
ความสุภาพถ่อมตนและการให้ดว้ ยใจรัก จะเป็นเหตุให้เรารับใช้ผอู้ นื่ โดยไม่ ปรารถนาที่จะปฏิบัติเพียงเพื่อให้ได้รับเกียรติหรือต้องการสิ่งตอบแทนใดใด... แล้วนั้น พระเจ้าจะตรัสว่า “มาเถิด มาพิจารณาความด้วยกันกับเรา แม้บาปของท่านเป็นสีแดง เหมือนผ้าสีเลือดหมู ก็จะขาวอย่างหิมะ...”
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 50:8-10,16-18, 22-23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต สดด 31:4-5,13,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ยรม 18:18-20 ชาวยิวที่คิดร้ายต่อประกาศกเยเรมีย์กล่าวกันว่า “มาเถิด เราจงวางแผนปองร้ายประกาศกเยเรมีย์ เพราะว่าธรรมบัญญัติจะไม่ สูญหายไปจากบรรดาสมณะ คำ�ปรึกษาย่อมไม่ขาดไปจากบรรดาผู้มีปรีชา และการ ประกาศพระวาจาไม่ขาดไปจากบรรดาประกาศก มาเถิด เราจงพูดใส่ร้ายเขา อย่าไป สนใจฟังคำ�พูดของเขาเลย” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงสนพระทัยข้าพเจ้า โปรดทรงฟังเสียงคู่อริของ ข้าพเจ้าเถิด ความชัว่ เป็นการตอบแทนความดีหรือ เขากำ�ลังขุดหลุมไว้ดกั ข้าพเจ้า โปรด ทรงระลึกว่าข้าพเจ้าเคยยืนเฉพาะพระพักตร์ เพือ่ ทูลขอความดีให้เขา เพือ่ หันพระพิโรธ ของพระองค์ไปจากเขา
พระวรสาร มธ 20:17-28 เวลานัน้ พระเยซูเจ้ากำ�ลังเสด็จขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงพาเฉพาะอัครสาวกสิบสองคนออก ไป แล้วตรัสแก่เขาขณะเดินทางว่า “บัดนี้ พวกเรากำ�ลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบ แก่บรรดาหัวหน้าสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ เขาจะถูกตัดสินประหารชีวิต และจะถูกมอบให้คนต่างชาติ สบประมาทเยาะเย้ย โบยตีและนำ�ไปตรึงกางเขน แต่ในวันที่สามบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิง่ หนึง่ จากพระองค์ พระองค์ จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่า กำ�ลังขออะไร ท่านดื่มถ้วย ซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัส กับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำ�หรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้ อำ�นาจบังคับ แต่ทา่ นทัง้ หลายไม่ควรเป็นเช่นนัน้ ผูท้ ปี่ รารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ผอู้ นื่ และ ผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในบรรดาท่านทัง้ หลาย ก็จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ เหมือนกับทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์ มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” เพื่อพันธกิจของพระเจ้า เพื่อรับใช้พระองค์ รับใช้ “พระวาจา” จะมีสักกี่ท่านที่ไม่ต้องทนทุกข์อัน เกิดจากการถูกประจญและการเบียดเบียนต่างๆ นานา เยเรมีห์ประกาศกผู้ถูกใส่ร้ายเบียดเบียนเพราะคำ� พยากรณ์ที่ดูเหมือนไร้พลังของท่าน พระเยซูคริสตเจ้าในพระทรมานของพระองค์ผู้ทรงมอบชีวิตเป็นสินไถ่เพื่อ มวลมนุษย์...ในชีวิตของเราเมื่อภารกิจใดดูเหมือนยากลำ�บากไม่ประสบผลสำ�เร็จ ไม่สร้างชื่อเสียงรุ่งโรจน์ เป็น เพียงภารกิจเรียบง่ายในการรับใช้ผู้อื่น ภารกิจนั้นย่อมเป็นงานที่พระองค์โปรดประทาน