02 February 2019

Page 1


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา สดด 37:3-4,5-6, 23-24,39-40 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 ฮบ 10:32-39 พี่น้อง จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลังจากที่ ได้รบั ความสว่าง บางครัง้ ท่านก็ถกู ประจานให้อบั อาย และถูกข่มเหงอย่างเปิดเผย บาง ครั้งท่านก็ร่วมทุกข์กับผู้ที่รับชะตากรรมเดียวกัน โดยเหตุที่ท่านได้ร่วมทนทุกข์ทรมาน กับผูถ้ กู จองจำ�และยินดีให้เขาริบทรัพย์สนิ ของท่านไป เพราะท่านรูอ้ ยูว่ า่ ท่านมีทรัพย์สนิ ทีด่ กี ว่าและจีรงั ยัง่ ยืนกว่า ดังนัน้ จงอย่าทิง้ ความไว้วางใจซึง่ มีบ�ำ เหน็จยิง่ ใหญ่ ท่านต้อง มีความพากเพียรในการทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำ�เหน็จตาม พระสัญญา อีกไม่นานนัก พระองค์ผู้จะต้องทรงมาถึง ก็จะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะไม่ทรง ชักช้า ผู้ชอบธรรมของเราจะดำ�รงชีพด้วยความเชื่อ แต่ถ้าเขาท้อถอย เราจะไม่พอใจ เขาเลย เราไม่ใช่คนท้อถอยจนต้องพินาศ แต่เราเป็นคนมีความเชื่อเพื่อรักษาชีวิตให้ รอดพ้น พระวรสาร มก 4:26-34 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอีกว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ายังเปรียบเสมือน คนที่นำ�เมล็ดพืชไปหว่านในดิน เขาจะหลับหรือตื่น กลางคืนหรือกลางวัน เมล็ดนั้นก็ งอกขึ้นและเติบโต เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรเขาไม่รู้ ดินนั้นมีพลังให้เกิดผลในตนเอง ครั้ง แรกก็เป็นลำ�ต้น แล้วก็ออกรวง ต่อมาก็มีเมล็ดเต็มรวง เมื่อข้าวสุก เกิดผลแล้ว เขาก็ ใช้คนไปเก็บเกี่ยวทันที เพราะถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว” พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร หรือจะใช้ อุปมาอะไรอธิบายเรื่องนี้ พระอาณาจักรเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อหว่านใน ดิน ก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทัง้ ปวงทัว่ แผ่นดิน แต่ครัน้ ได้หว่านแล้วก็งอกขึน้ และกลาย เป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด มีกิ่งก้านใหญ่โตจนบรรดานกในอากาศมาพักอาศัย ร่มเงาได้” พระองค์ตรัสเป็นอุปมาเช่นนี้อีกมากตามที่เขาเหล่านั้นฟังเข้าใจได้ พระองค์มิได้ ตรัสกับเขาโดยไม่ใช้อปุ มา แต่เมือ่ ทรงอยูเ่ ฉพาะกับบรรดาศิษย์กท็ รงอธิบายทุกเรือ่ งให้ กับเขาเหล่านั้น

เมล็ดนั้นก็งอกขึ้นและเติบโต พระเยซูเจ้าสอนเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้า โดยใช้อปุ มาเรือ่ งพืชทีง่ อกงามขึน้ เอง และเรือ่ งเมล็ดมัสตาร์ด พระอาณาจักรของพระเจ้าเริม่ ต้นจากเล็กๆ ก่อน เติบโตช้าแต่ชวั ร์ (แน่นอน) เราเป็นเครือ่ งมือในการหว่านเมล็ด แห่งพระอาณาจักร แต่พระเจ้าเท่านั้นทรงทำ�ให้เติบโต ขอให้เราวางใจว่าพระเจ้าจะทำ�ให้พระอาณาจักรเติบโต ในสังคม ถึงแม้ว่าจะมีวัชพืชและหนามปกคลุม การทำ�งานเพื่อให้อาณาจักรจงมาถึง เราต้องสวดดังที่พระเยซู เจ้าทรงสอน 02.indd 42

21/12/2561 14:48:37


บทอ่านที่ 1 ฮบ 2:14-18 พีน่ อ้ ง บุตรทุกคนมีเลือดเนือ้ ร่วมกันฉันใด พระองค์กท็ รงมีเลือดเนือ้ ร่วมกับมนุษย์ ทุกคนด้วยฉันนั้น เพื่อว่าโดยการสิ้นพระชนม์ พระองค์จะทรงทำ�ลายมารผู้มีอำ�นาจ เหนือความตายลงได้ เพื่อทรงปลดปล่อยผู้ตกเป็นทาสอยู่ตลอดชีวิตเพราะความกลัว ตายให้เป็นอิสระได้ โดยแท้จริงแล้ว พระองค์มิได้เอาพระทัยใส่บรรดาทูตสวรรค์ แต่ เอาพระทัยใส่เชือ้ สายของอับราฮัม จึงจำ�เป็นทีพ่ ระองค์จะต้องทรงเป็นเหมือนกับบรรดา พีน่ อ้ งทุกประการ เพือ่ พระองค์จะทรงเป็นมหาสมณะทีเ่ พียบพร้อมด้วยพระกรุณาและ ทรงน่าเชื่อถือในการติดต่อกับพระเจ้า ไถ่โทษชดเชยบาปของประชากรได้ ในฐานะที่ พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการผจญมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ ถูกผจญได้ด้วย

ฉลองการถวาย พระกุมาร ในพระวิหาร สดด 24:7-8,9-10 เสกและแห่เทียน

พระวรสาร ลก 2:22-32 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติ ของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียน์ �ำ พระกุมารไปทีก่ รุงเยรูซาเล็มเพือ่ ถวายแด่ องค์พระผู้เป็นเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตร ชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบ สองตัวตามทีม่ กี �ำ หนดไว้ในธรรมบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เวลานัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้น ของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่ จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติ กำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผูช้ ว่ ยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ส�ำ หรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่าง ชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอลประชากรของพระองค์” แสงสว่างสู่คนต่างชาติ ฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร เป็นธรรมเนียมตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ฉลองหลังคริสต์มาส 40 วัน เรียก ว่า “เสกเทียน” และศตวรรษที่ 8 สมเด็จพระสันตะปาปาแซร์จีอุสให้มีพิธีเสกเทียน บรรดาพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส แห่เทียนที่จุดไฟเดินเข้ามาในวัด เพื่อระลึกถึง “แสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์” นักบุญโยเซฟเป็นคนเงียบๆ ผูเ้ ฒ่าสิเมโอนมีความเชือ่ เข้มแข็ง นางอันนาจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา และพระนางมารีย์พร้อมเสมอที่ร่วมมือกับพระบุตรในแผนการไถ่กู้ 02.indd 43

21/12/2561 14:48:38


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 ยรม 1:4-5,17-19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ก่อนที่เราปั้นท่านในครรภ์มารดา เราก็รู้จักท่านแล้ว ก่อนที่ท่านจะเกิด เราก็แยก ท่านไว้เป็นของเราแล้ว เราแต่งตั้งท่านให้เป็นประกาศกสำ�หรับนานาชาติ ดังนัน้ ท่านจงคาดสะเอว จงลุกขึน้ ไปบอกทุกสิง่ ทีเ่ ราจะสัง่ ท่านให้เขาฟัง อย่ากลัว เขาเลย เพราะเราจะทำ�ให้ทา่ นไม่พรัน่ พรึงต่อหน้าเขา ดูซิ วันนีเ้ ราทำ�ให้ทา่ นเป็นเหมือน เมืองป้อม เป็นเหมือนเสาเหล็ก และเป็นเหมือนกำ�แพงทองสัมฤทธิต์ อ่ สูก้ บั ทัว่ แผ่นดิน กับบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และเจ้านาย บรรดาสมณะและประชากรของแผ่นดิน เขา ทัง้ หลายจะต่อสูก้ บั ท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะเราอยูก่ บั ท่านเพือ่ ช่วยท่านให้รอดพ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพลงสดุดี สดด 71:1-2,3-5,14-15,16-17ก ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าลี้ภัยมาพึ่งพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีวันจะต้องได้รับความอับอายเลย พระองค์ทรงเที่ยงธรรม โปรดทรงช่วยชีวิตข้าพเจ้า โปรดทรงปลดปล่อยข้าพเจ้า โปรดทรงเงี่ยพระกรรณฟังข้าพเจ้า และทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วยเถิด ข) ขอพระองค์ทรงเป็นหลักศิลาที่กำ�บังสำ�หรับข้าพเจ้า ขอทรงเป็นที่มั่นที่ข้าพเจ้าจะเข้าถึงได้เสมอ พระองค์ทรงสัญญาจะช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นหลักศิลาและทรงเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:31-13:13 พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด ข้าพเจ้าจะขอชี้ทางที่ดีที่สุดให้ท่าน แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรม ลํา้ ลึกทุกข้อและมีความรูท้ กุ อย่าง หรือมีความเชือ่ พอทีจ่ ะเคลือ่ นภูเขาได้ ถ้าไม่มคี วาม รัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำ�คัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่ คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำ�ไปเผาไฟ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับ ประโยชน์ใด ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบ

02.indd 44

21/12/2561 14:48:38


คาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำ�ความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความ ถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาจะถูกยกเลิก แม้การพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจจะยุติ แม้ ความรู้จะหมดสิ้น เพราะเรารู้อย่างไม่สมบูรณ์ และประกาศพระวาจาอย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อสิ่งที่สมบูรณ์ มาถึง ความไม่สมบูรณ์จะสูญสิ้นไป เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็กๆ คิดเหมือนเด็กๆ ใช้ เหตุผลเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก ในเวลานี้ เราเห็นพระเจ้า เพียงรางๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระองค์เหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้า เรา เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้อย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 4:21-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญพระองค์ และต่างประหลาดใจในถ้อยคำ�น่าฟังที่พระองค์ตรัส เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำ�พังเพยนี้ แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจง ทำ�ที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความ อดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไป หาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคน โรคเรือ้ นหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มใี ครได้รบั การรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านัน้ ’” เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง นำ�ไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักพระองค์ลงไป แต่พระองค์ทรงดำ�เนินฝ่ากลุ่มคนเหล่า นั้น แล้วเสด็จจากไป ความรักสำ�คัญอันดับหนึ่ง เยเรมียเ์ ป็นหนุม่ ขีอ้ าย แต่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นประกาศก ท่านรูถ้ งึ ข้อจำ�กัดของตนจึงปฏิเสธ แต่พระเจ้า ทรงทำ�ให้ทา่ นเห็นว่า พลังมาจากพระเจ้ามากกว่าคุณลักษณะส่วนตัวของประกาศก บทบาทของประกาศกต้อง ประกาศความรักของพระเจ้า ความรักมีพลังสร้างสรรค์หรือทำ�ลาย แต่ความรักต้องมุ่งที่ชีวิต ดังที่นักบุญเปาโล สอน พระเจ้าทรงเป็นความรัก (1 ยน 4:16) เราต้องหาวิธีปฏิบัติความรักในชีวิตของเรา 02.indd 45

21/12/2561 14:48:38


สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา สดด 31:19,20, 21,22,23

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 ฮบ 11:32-40 พี่น้อง ข้าพเจ้ายังจะต้องพูดอะไรอีกหรือ ข้าพเจ้าไม่มีเวลาจะเล่าเรื่องกิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ กษัตริยด์ าวิด ซามูเอลและบรรดาประกาศก เพราะความเชือ่ เขาเหล่านี้จึงพิชิตอาณาจักร ปฏิบัติความยุติธรรม ได้รับพระสัญญา ปิดปากสิงโต ดับ ไฟร้อนแรง พ้นจากคมดาบ ได้รับพละกำ�ลังพ้นจากความอ่อนแอ กลายเป็นผู้เข้มแข็ง ในสงครามและขับไล่กองทัพต่างชาติให้พ่ายไป หญิงบางคนได้รับผู้ตายของตนที่กลับ คืนชีพ บางคนถูกทรมานจนตายไม่ยอมรับการปลดปล่อยเพือ่ จะกลับคืนชีพมารับชีวติ ทีด่ กี ว่า บางคนถูกสบประมาท ถูกโบยตีและยังถูกล่ามโซ่จ�ำ คุกอีกด้วย... แม้วา่ พระเจ้า ทรงยกย่องเขาเพราะความเชื่อแล้ว เขาก็ยังมิได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ พระเจ้าทรงจัด เตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้ให้เรา เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้รับความดีบริบูรณ์พร้อมกับพวกเรา นั่นเอง

พระวรสาร มก 5:1-20 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ขา้ มทะเลสาบมาถึงดินแดนของชาวเกราซา ครัน้ พระองค์เสด็จขึน้ จากเรือ ชายคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจสิงออกมาจากบริเวณหลุมศพ เข้ามาเฝ้าพระองค์ทันที... เขาก็วิ่งเข้ามา กราบเฉพาะพระพักตร์ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด ท่านมายุ่งเกี่ยวกับข้าพเจ้า ทำ�ไม ข้าพเจ้าวอนขอท่านในพระนามพระเจ้า อย่าทรมานข้าพเจ้าเลย” ทั้งนี้เพราะพระเยซูเจ้าตรัสสั่งปีศาจ ว่า “เจ้าปีศาจ จงออกจากชายผู้นี้” แล้วพระองค์ทรงถามว่า “เจ้าชื่ออะไร” มันตอบว่า “ชื่อกองพล เพราะ เราอยู่กันจำ�นวนมาก” และมันพรํ่าวอนพระองค์มิให้ขับไล่มันออกจากบริเวณนั้น หมูฝูงใหญ่กำ�ลังหากินอยู่ บนเนินเขาที่นั่น พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอได้โปรดส่งพวกเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ ก็ทรงอนุญาต พวกปีศาจจึงออกไปสิงอยู่ในร่างหมู หมูฝูงนั้นซึ่งมีประมาณสองพันตัวก็พากันวิ่งกระโจนจาก หน้าผาลงไปในทะเลสาบ และจมนาํ้ ตายทัง้ หมด คนเลีย้ งหมูตา่ งวิง่ หนีไปเล่าเรือ่ งนีต้ ามเมืองและตามชนบท ประชาชนออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเขาเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้า ก็แลเห็นคนที่เคยถูกปีศาจกองพลสิง นั่งอยู่ สวมเสื้อผ้า มีสติดี พวกเขาต่างมีความกลัว ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกปีศาจสิง และเล่าเรือ่ งหมูให้ฟงั ประชาชนจึงขอร้องพระเยซูเจ้าให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา เมือ่ พระองค์เสด็จ ลงเรือ ผู้ที่เคยถูกปีศาจสิงขออนุญาตตามเสด็จด้วย แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า “จงกลับบ้าน ไปหา ญาติพี่น้องของท่าน เล่าให้เขาฟังถึงเหตุการณ์ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ�และแสดงพระเมตตาต่อท่าน” ชายนั้นจากไป เริ่มประกาศในแคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�ต่อตน ทุกคนที่ได้ฟังต่าง ประหลาดใจ ทรงรักษาชายถูกปีศาจสิง เมืองเกราซา (มก 5:1; ลก 8:26 ; มธ 8:28 เรียก กาดารา) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ กาลิลี เป็นเนินผาสูงชัน ตามเรื่องราวในพระวรสาร ในปัจจุบันไม่พบลักษณะนี้ทางตะวันออกของทะเลสาบ กาลิลี แต่พบเมืองเกอชา ใต้วาดี เอสซามัก ชาวบ้านคงไม่ไปยุ่งกับชายถูกปีศาจสิงคนนี้ แต่พระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์สนใจไปรักษาเขา และไม่ทรง อนุญาตให้ตามเสด็จ แต่พูดดีๆ ว่า จงกลับบ้าน เล่าให้ญาติพี่น้องฟังว่า พระเจ้าทรงพระเมตตา ขอโปรดให้เรากล้าแบบพระองค์บ้างครับ 02.indd 46

21/12/2561 14:48:38


บทอ่านที่ 1 ฮบ 12:1-4 พี่น้อง พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีพยานจำ�นวนมากห้อมล้อมอยู่ เราจงละทิ้ง ทุกสิ่งที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น เราจงมีมานะวิ่งต่อไปในการแข่งขันซึ่งกำ�หนดไว้ สำ�หรับเรา จงเพ่งมองไปยังพระเยซูเจ้าผู้ทรงบุกเบิกความเชื่อและทรงทำ�ให้ความเชื่อ นั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ไม่ทรงถือว่าเป็นความตายที่ น่าอับอาย เพราะทรงคำ�นึงถึงความยินดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้... ท่านทั้งหลายจง คิดถึงพระองค์ที่ทรงอดทนต่อการคัดค้านเช่นนี้ของคนบาป ท่านจะได้ไม่ท้อถอยหมด กำ�ลังใจ ในการต่อสู้กับบาป ท่านยังมิได้ต้านทานจนถึงกับต้องหลั่งเลือดเลย

ระลึกถึง น.อากาทา พรหมจารี และมรณสักขี

พระวรสาร มก 5:21-43 สดด 22:25-26,27 เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่น และ 29,30-31 รอบพระองค์ขณะที่ยังทรงอยู่ริมทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงที่พระบาท พรํ่าวิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็กๆ ของข้าพเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันตรุษจีน จวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจาก โรค กลับมีชีวิต” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา ประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามไปและเบียดเสียดพระองค์ ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งตกเลือดเรื้อรังมาสิบสองปีแล้ว ได้รับความทรมานมากจากการรักษาของแพทย์ หลายคน เสียทรัพย์จนหมดสิ้น โรคก็มิได้บรรเทา ตรงกันข้ามกลับทรุดหนัก นางได้ยินเขาพูดกันถึงเรื่อง พระเยซูเจ้า จึงเดินปะปนกับประชาชนเข้ามาเบื้องหลัง และสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียง ได้สัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” ทันใดนั้น เลือดก็หยุด นางรู้สึกว่าร่างกายหายจากโรค แล้ว... พระองค์จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรค เถิด” ขณะกำ�ลังตรัสอยู่นั้น มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า “บุตรหญิงของท่านตายแล้ว ไป รบกวนพระอาจารย์อีกทำ�ไม” แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรมว่า “อย่า กลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใครติดตามไปนอกจากเปโตร ยากอบ และยอห์น น้องชายของยากอบ เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็นความวุ่นวาย และเห็นผู้ คนราํ่ ไห้พลิ าปรำ�พันเป็นอันมาก พระองค์เสด็จเข้าไป ตรัสแก่คนเหล่านัน้ ว่า “วุน่ วายและร้องไห้ไปทำ�ไม เด็ก คนนี้ไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น” เขาต่างหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ทรงไล่เขาออกไปข้างนอก ทรงนำ�บิดามารดาของเด็กและศิษย์ที่ติดตามเข้าไปยังที่ที่เด็กนอนอยู่ ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา... ผลของความเชื่อ อัศจรรย์ในพระวรสารวันนี้ ผูไ้ ด้รบั การรักษาเป็นสตรีทงั้ สองเรือ่ ง และมีเลข 12 ปรากฏในทัง้ สองเรือ่ ง หญิง ตกเลือดเรื้อรังมา 12 ปีแล้ว และลูกสาวของหัวหน้าศาลาธรรมอายุ 12 ขวบ การรักษาทั้งสองเรื่องเป็นผลของ ความเชื่อ พระเยซูเจ้ามีอำ�นาจเหนือทั้งชีวิตและความตาย บางครั้งเราอาจท้อใจไม่ยอมสวด อัศจรรย์วันนี้สอนใจให้มีความหวังเหมือนหญิงคนนี้และไยรัส ขอให้เราร่วมมือและภาวนาเพือ่ งาน “ทาลิธาคูม” ทีน่ กั บวชหญิงในประเทศไทยพยายามช่วยเหลือสตรี ต่อสู้ กับการค้ามนุษย์ 02.indd 47

21/12/2561 14:48:39


ระลึกถึง น.เปาโล มีกิ พระสงฆ์และ เพื่อนมรณสักขี สดด 103:1-2,13-14, 17-18ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 ฮบ 12:4-7,11-15 พี่น้อง ในการต่อสู้กับบาป ท่านยังมิได้ต้านทานจนถึงกับต้องหลั่งเลือดเลย ท่าน ลืมคำ�เตือนทีพ่ ระเจ้าตรัสกับท่านในฐานะทีเ่ ป็นบุตรแล้วหรือ ลูกเอ๋ย อย่าดูถกู การเฆีย่ น ตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำ�หนิเจ้า เพราะองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และทรงเฆี่ยนตีทุกคนที่ทรงรับไว้ เป็นบุตร ท่านจงอดทนรับการเฆีย่ นตีสงั่ สอนเถิด พระเจ้าทรงกระทำ�ต่อท่านเยีย่ งกระทำ�ต่อ บุตร มีบุตรคนใดบ้างที่บิดาไม่เฆี่ยนตีสั่งสอนเลย เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่ถูกเฆี่ยนตี สั่งสอนไม่มีความน่ายินดี มีแต่ความทุกข์ แต่ให้ผลเป็นสันติและเป็นความชอบธรรม แก่ผู้ที่ยอมรับการเฆี่ยนตีสั่งสอน เป็นการฝึกฝนตนเอง ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงทำ�ให้ มือทีอ่ อ่ นเปลีย้ และหัวเข่าทีส่ นั่ เทามีก�ำ ลังมัน่ คงขึน้ จงเดินให้ตรงทาง เพือ่ ว่าขากะเผลก จะได้ไม่ต้องพิการ แต่จะหายเป็นปกติ จงพยายามอยู่อย่างสันติกับทุกคน จงมีความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจำ�เป็นเพื่อจะได้เห็น พระเจ้า จงระวังอย่าให้มผี ใู้ ดขาดพระหรรษทานของพระเจ้า และอย่าให้มรี ากแห่งความ ขมขื่นใดๆ งอกขึ้นมาก่อความวุ่นวายซึง่ อาจจะเป็นพิษแก่คนจำ�นวนมาก พระวรสาร มก 6:1-6 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นนั่ กลับไปยังถิน่ กำ�เนิดของพระองค์ บรรดา ศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟัง จำ�นวนมากต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน ปรีชาญาณ ที่เขาได้รับมานี้คืออะไร อะไรคืออัศจรรย์ที่สำ�เร็จด้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พี่สาวน้องสาว ของเขาก็อยูท่ นี่ กี่ บั พวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านัน้ รูส้ กึ สะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำ�เนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำ�อัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจาก ทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลกพระทัย ที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ พระองค์เสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณนั้น

ลูกนางมารีย์... มิใช่หรือ พระเยซูเจ้าเสด็จเยีย่ มถิน่ กำ�เนิดของพระองค์ แต่มปี ระสบการณ์ไม่นา่ ชืน่ ชม พระองค์เป็นลูกช่างไม้ธรรมดา ที่ไม่มีการศึกษาสูงเท่าไร ถูกชาวบ้านดูถูกด้วยคำ�พูดว่า “ลูกนางมารีย์” แทนจะพูดว่า “ลูกนายโยเซฟ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบด้วยสุภาษิตว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำ�เนิด...” พระเยซูเจ้า ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ” นักบุญมาระโกสรุปว่า “พระองค์ทรงทำ�อัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้” บ่อยๆ เราตราหน้าคนง่ายเกิน ไม่พบปะสนทนาก่อน อย่าพูดว่า “ฉันรู้แล้ว” เร็วเกิน ท่านอาจพลาดโอกาส ได้ 02.indd 48

21/12/2561 14:48:39


บทอ่านที่ 1 ฮบ 12:18-19,21-24 พีน่ อ้ ง ท่านทัง้ หลายมิได้เข้าใกล้สงิ่ ทีป่ ระสาทสัมผัสได้ หรือสิง่ ทีม่ เี ปลวไฟลุกโชติ ช่วง หรือสิ่งที่มีความมืดมัวและมืดมิดหรือพายุ หรือเสียงแตรหรือพระสุรเสียง ซึ่ง ทำ�ให้ทุกคนที่ได้ยินพากันร้องขอให้ยุติ ภาพที่เห็นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก จนโมเสส ถึงกับพูดว่า “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น” แต่ท่านเข้ามาถึงภูเขาศิโยนและนครแห่งพระเจ้า สัปดาห์ที่ 4 ผู้ทรงชีวิต คือ นครเยรูซาเล็มในสวรรค์ ซึ่งมีทูตสวรรค์เหลือคณานับ ท่านเข้ามาถึงที่ ชุมนุมฉลองชัยและมาถึงชุมนุมของบุตรคนแรกที่ได้รับการลงชื่อไว้ในสวรรค์แล้ว มา เทศกาลธรรมดา ถึงพระเจ้า พระตุลาการของมนุษย์ทุกคน ร่วมกับบรรดาจิตของผู้ชอบธรรมที่บรรลุถึง สดด 48:1-2กข,2คง-3, 8,9-10 ความสมบูรณ์แล้ว และยังเข้ามาถึงพระเยซูเจ้าผูเ้ ป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 มาถึงพระโลหิตที่ประพรมซึ่งกล่าวถึงสิ่งที่ดียิ่งกว่าโลหิตของอาแบล พระวรสาร มก 6:7-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขา เป็นคู่ๆ ประทานอำ�นาจเหนือปีศาจ ทรงกำ�ชับเขามิให้นำ�สิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้า เท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอา เสือ้ สำ�รองไปด้วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยูท่ นี่ นั่ จนกว่า จะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่น พลาง สลัดฝุน่ จากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทัง้ หลาย ให้กลับใจ ขับไล่ปีศาจจำ�นวนมาก เจิมนํ้ามันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หาย จากโรคภัย ขับไล่ปีศาจ พระวรสารวันนี้เป็นการส่งอัครสาวกไปทำ�พันธกิจ ทรงสอนพวกเขาเกี่ยวกับหน้าที่ และวิธีดำ�เนินชีวิต หน้าที่มีทั้งคำ�พูด (เทศน์) และการกระทำ� (ขับไล่ปีศาจ เจิมนํ้ามัน และ รักษาให้หายจากโรคภัย) อาณาจักรพระเจ้ามิใช่มีด้านชีวิตจิตแค่นั้น แต่เกี่ยวข้องกับชีวิต ทั้งหมด พันธกิจของเราเพื่อสร้างพระอาณาจักรที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่ม จึงมีทั้งสวดภาวนา ทั้ง เทศน์สอน รักษา และขับไล่ปีศาจ ท่านจะทำ�พันธกิจอะไรในวันนี้

02.indd 49

21/12/2561 14:48:40


น.เยโรม เอมีลานี พระสงฆ์ น.โยเซฟิน บาคีตา พรหมจารี

บทอ่านที่ 1 ฮบ 13:1-8 พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงรักกันฉันพี่น้องต่อไป อย่าละเลยที่จะต้อนรับแขกแปลก หน้า เพราะเมื่อต้อนรับแขกแปลกหน้า บางคนได้ต้อนรับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว... จง พอใจในสิ่งที่ท่านมี พระเจ้าตรัสว่า “เราจะไม่ละเลยหรือทอดทิ้งเจ้า” โดยเหตุนี้ เราจึง พูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ กลัว มนุษย์จะทำ�อะไรข้าพเจ้าได้” จงระลึกถึงผู้นำ�ของท่าน ซึ่งประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่าน จงพิจารณาว่า เขาเหล่านั้นดำ�เนินชีวิตและตายอย่างไร จงประพฤติตามอย่างความเชื่อของเขา พระเยซูคริสตเจ้าทรงเหมือนเดิมเสมอ ทั้งอดีต ปัจจุบันและตลอดไป

สดด 27:1,3,5,8ข-9กขค พระวรสาร มก 6:14-29 เวลานัน้ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงได้ยนิ เรือ่ งราวเกีย่ วกับพระเยซูเจ้า เพราะพระนามของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 พระเยซูเจ้าเลื่องลือไป บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ ตายแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ได้” บางคนพูดว่า “เขาคือเอลียาห์” บางคน ก็พูดว่า “เขาเป็นประกาศกคนหนึ่งเหมือนกับประกาศกคนอื่น” แต่เมื่อกษัตริย์เฮโรด ทรงได้ยินเช่นนี้ ก็ตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราให้ตัดศีรษะ ได้กลับคืนชีพมาอีก” กษัตริยเ์ ฮโรดองค์นเี้ คยทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์น และล่ามโซ่ขงั คุกไว้ เพราะเรือ่ งของนางเฮโรเดียส ภรรยา ของฟีลปิ พระอนุชา ซึง่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริยเ์ ฮโรดว่า “ไม่ถกู ต้องทีพ่ ระองค์ ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆา่ ไม่ ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์ จึงทรง ป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำ�พูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคน สำ�คัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำ�เป็นที่ พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรด และเป็นที่พอใจของผู้รับเชิญ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ท่านอยากได้ อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึง่ หนึง่ ของอาณาจักร ของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์น ผู้ทำ�พิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมา ให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรง ปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที... เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์น รู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น นำ�ไปฝังไว้ในคูหา ใครรับผิดชอบ นักบุญมาระโกอ้างถึงพรรคพวกของกษัตริย์เฮโรด ครั้งแรกใน มก 3:6 นักบุญมัทธิวอ้างถึงกษัตริย์เฮโรด ใน มธ 14:1 เรื่องนักบุญยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างถูกตัดศีรษะ มาระโกใส่ระหว่างการส่งอัครสาวก 12 คน (มก 6:7-13) และพวกเขากลับมาจากพันธกิจ (มก 6:30-34) แม้มาระโกเล่าเรือ่ งนางเฮโรเดียสเป็นต้นเหตุความตายของยอห์น แต่เฮโรดก็ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้สั่งให้ตัดศีรษะยอห์น เราแต่ละคนก็ต้องรับผิดชอบด้วย จะโทษผู้อื่นหรือสภาพแวดล้อมไม่ได้ ยิ่งยอมรับไว เราก็ยิ่งเติบโตไวขึ้น 02.indd 50

21/12/2561 14:48:40


บทอ่านที่ 1 ฮบ 13:15-17,20-21 พีน่ อ้ ง เดชะพระคริสตเจ้าเราจงถวายคำ�สรรเสริญเป็นบูชาแด่พระเจ้าเสมอไป เป็น ถ้อยคำ�จากปากถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์ อย่าละเลยทีจ่ ะทำ�กิจการทีด่ แี ละ จงรู้จักแบ่งปัน เกื้อกูลกัน เพราะนี่คือเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย จงเชื่อฟังและอยู่ใต้อำ�นาจผู้นำ�ของท่าน เพราะเขาเหล่านั้นคอยเอาใจใส่ดูแล สัปดาห์ที่ 4 วิญญาณของท่านเสมือนผู้ที่ต้องเสนอรายงาน เพื่อให้เขาทำ�งานนี้ด้วยความยินดี มิใช่ เทศกาลธรรมดา ด้วยความเศร้า ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์อะไรสำ�หรับท่านเลย พระเจ้าแห่งสันติทรงนำ�พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้เลี้ยงแกะผู้ยิ่งใหญ่ สดด 23:1-3ก,3ข-4,5,6 ให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เพราะทรงหลั่งพระโลหิตแห่งพันธสัญญา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 นิรันดร ขอพระองค์โปรดให้ท่านพร้อมสรรพที่จะทำ�ตามพระประสงค์ในกิจการที่ดีทุก ชนิด และขอพระองค์ทรงทำ�สิ่งที่พอพระทัยในเรา เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ขอพระสิริ รุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน พระวรสาร มก 6:30-34 เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึง ทุกสิง่ ทีเ่ ขาได้ท�ำ และได้สอน พระองค์จงึ ตรัสกับเขาว่า “ท่านทัง้ หลายจงมาพักผ่อนกับ เราตามลำ�พังในทีส่ งัดระยะหนึง่ เถิด” เพราะมีคนไปมาจนเขาไม่มเี วลาแม้กระทัง่ จะกิน อาหาร พระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังที่สงัดตามลำ�พังพร้อมกับบรรดาอัครสาวก ประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้ ว่า พระองค์จะทรงไปทีใ่ ด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆ ไปทีน่ นั่ และไปถึงก่อน เมือ่ เสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็นประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็น ดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง เราทำ�ดีที่สุดหรือ พระวรสารวันนี้เล่าเรื่องบรรดาอัครสาวกประสบความสำ�เร็จ กลับมาจากพันธกิจที่ พระเยซูเจ้าทรงส่งพวกเขาไป (มก 6:7-13) และมียอห์นผู้ทำ�พิธีล้างถูกตัดศีรษะ นักบุญ มาระโกต้องการชี้ว่าชะตาของยอห์นก็จะเป็นของพระเยซูเจ้าและบรรดาอัครสาวกด้วย บรรดาศิษย์ต้องทำ�หน้าที่ต่อไป ด้วยความมั่นใจว่าจะต้องพบและผ่านชะตานี้แน่ๆ บ่อยๆ เรามักวัดผลการกระทำ�ด้วยความสำ�เร็จและความล้มเหลว อย่างไรก็ดี สิง่ สำ�คัญ มากกว่านั้น คือ เราสามารถพูดได้ว่า “เราทำ�ดีที่สุดแล้ว” ไม่จำ�เป็นต้องกังวลเรื่องผลลัพธ์ เกินไป

02.indd 51

21/12/2561 14:48:41


สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 6:1-2ก,3-8 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บน พระบัลลังก์สงู และตัง้ อยูบ่ นทีส่ งู ชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร เสราฟหลายตน ยืนอยู่เหนือพระองค์โดยรอบ เสราฟแต่ละตนต่างร้องรับกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” เสาประตูทงั้ หลายสัน่ สะเทือนเพราะเสียงของผูร้ อ้ ง และพระวิหารก็มคี วันเต็มไป หมดข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคน ริมฝีปากมีมลทิน อาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทิน ถึงกระนั้น นัยน์ตาของ ข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล” แล้วเสราฟตนหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ถือคีมคีบถ่านที่ลุกอยู่มาจากพระแท่นบูชา เสราฟตนนั้นสัมผัสปากข้าพเจ้า พูดว่า “ดูซิ สิ่งนี้สัมผัสริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิดของท่านก็ถูกลบล้างแล้ว บาปของท่านก็ได้รับการอภัยแล้ว” แล้วข้าพเจ้าได้ยนิ เสียงขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใคร ใครจะไปแทน เรา” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด” เพลงสดุดี สดด 138:1-2ก,2ขค-3,4-5,7ค-8 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์สุดจิตใจ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าพเจ้าเปล่งออกมา ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์เบื้องหน้าบรรดาทูตสวรรค์ ข้าพเจ้าจะกราบลงเบื้องหน้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระนามพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ ทรงทำ�ให้พระสัญญายิ่งใหญ่กว่าพระนามพระองค์ พระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มพลังในใจข้าพเจ้า บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:1-11 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำ�นึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านกำ�ลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำ�คัญที่สุดให้ท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้า

02.indd 52

21/12/2561 14:48:41


ได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ และ ทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์ แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อคั รสาวกสิบสองคน หลังจากนัน้ ทรงแสดงพระองค์แก่พนี่ อ้ งมากกว่า ห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำ�นวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์แก่ ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำ�หนดด้วย ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก เพราะข้าพเจ้าเคย เบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้าไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำ�งานหนักกว่าคน อืน่ แต่มใิ ช่ขา้ พเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึง่ อยูก่ บั ข้าพเจ้าทีท่ �ำ งาน ดังนัน้ ทัง้ ข้าพเจ้าและเขา เหล่านั้นเทศน์สอนเช่นนี้ ท่านทั้งหลายก็เชื่อเช่นนี้ด้วย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 5:1-11 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์ เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำ�จอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำ�ลังซักอวน อยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำ�หนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มี พระดำ�รัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำ�ดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำ�นวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่ง สัญญาณเรียกเพือ่ นในเรืออีกลำ�หนึง่ ให้มาช่วย พวกนัน้ ก็มาและนำ�ปลาใส่เรือเต็มทัง้ สองลำ� จนเรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้ มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำ� เรือ กลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป พระหรรษทานแห่งการเรียก การประกาศข่าวดีเป็นพันธกิจหนึ่งที่เริ่มจากพระเจ้าทรงเรียกเรา บทอ่านแรก เป็นการเรียกอิสยาห์ ท่าน บอกว่า ริมฝีปากมีมลทิน อยู่ในหมู่ประชาชนที่ริมฝีปากมีมลทิน (อสย 6:4) นักบุญเปาโลเมื่อมีประสบการณ์พบ กับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้าก็ประทานพระหรรษทาน นักบุญเปโตรก็เช่นกัน เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงเรียก ก็ตระหนักว่า “เป็นคนบาป” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “อย่ากลัว เลย” ทุกคนรู้ว่าตนไม่สมควร แต่ในการรับใช้ผู้อื่น พระเจ้าประทานพระหรรษทานให้ 02.indd 53

21/12/2561 14:48:41


บทอ่านที่ 1 ปฐก 1:1-19 เมื่อแรกเริ่มนั้น พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินยังเป็นที่ร้าง ไร้รูปร่าง ความมืดมิดปกคลุมอยู่เหนือทะเลลึก และลมพายุแรงกล้า พัดอยู่เหนือนํ้า พระเจ้าตรัสว่า “จงมีความสว่าง” และความสว่างก็อุบัติขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่า ความสว่างนั้นดี ทรงแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างว่า แม่พระประจักษ์ “วัน” ทรงเรียกความมืดว่า “คืน” มีเวลาคํ่า มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่หนึ่ง ที่เมืองลูร์ด พระเจ้าตรัสว่า “จงมีแผ่นฟ้าขึ้นระหว่างนํ้า เพื่อแยกนํ้าออกจากกัน” และก็เป็น สดด 104:1-2ก,5-6,10 เช่นนั้น พระเจ้าทรงสร้างแผ่นฟ้า และทรงแยกนํ้าใต้แผ่นฟ้าออกจากนํ้าที่อยู่เหนือ และ 12, 24 และ 35ค แผ่นฟ้า พระเจ้าทรงเรียกแผ่นฟ้าว่า“ท้องฟ้า” มีเวลาคํ่า มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สอง พระเจ้าตรัสว่า “นํา้ ใต้ทอ้ งฟ้าจงมารวมอยูใ่ นทีเ่ ดียวกัน ทีแ่ ห้งจงปรากฏขึน้ ” และ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ก็เป็นเช่นนัน้ พระเจ้าทรงเรียกทีแ่ ห้งว่า “แผ่นดิน” ทรงเรียกมวลนํา้ ว่า “ทะเล” พระเจ้า ทรงเห็นว่าดี พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงผลิตหญ้าเขียว คือพืชที่มีเมล็ดและไม้ผลที่มีเมล็ดในผลแต่ละชนิดบน แผ่นดิน” และก็เป็นเช่นนัน้ แผ่นดินผลิตหญ้าเขียว พืชทีม่ เี มล็ด และไม้ผลทีม่ เี มล็ดในผลแต่ละชนิด พระเจ้า ทรงเห็นว่าดี มีเวลาคํ่า มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สาม พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างบนแผ่นฟ้าเพื่อแยกวันออกจากคืน เป็นเครื่องกำ�หนดเทศกาล วันและ ปี ใช้เป็นตะเกียงบนท้องฟ้าเพื่อส่องแสงเหนือแผ่นดิน” และก็เป็นเช่นนั้น พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างใหญ่ สองดวง ทรงให้ดวงใหญ่กำ�หนดวัน ดวงเล็กกำ�หนดคืนและทรงสร้างดวงดาวด้วย พระเจ้าทรงจัดสิ่งเหล่านี้ ไว้บนแผ่นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน เพื่อกำ�หนดวันและคืน เพื่อแยกความสว่างจากความมืด พระเจ้า ทรงเห็นว่าดี มีเวลาคํ่า มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่สี่ พระวรสาร มก 6:53-56 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงข้ามฟากพร้อมกับบรรดาศิษย์ มาจอดเรือขึ้นฝั่งที่เมืองเยนเนซาเร็ธ เมื่อเสด็จ ขึน้ จากเรือประชาชนก็จ�ำ พระองค์ได้ทนั ที และคนในบริเวณนัน้ ต่างรีบมาหา นำ�ผูเ้ จ็บป่วยนอนบนแคร่มาเฝ้า พระองค์ ณ สถานที่ที่เขาได้ยินว่าพระองค์ประทับอยู่ ไม่ว่าพระองค์เสด็จไปที่ใด ในหมู่บ้าน ในเมืองหรือใน ชนบท เขาก็น�ำ ผูเ้ จ็บป่วยมาวางตามลานสาธารณะ ทูลขอพระองค์ให้เขาสัมผัสเพียงชายฉลองพระองค์เท่านัน้ และทุกคนที่สัมผัสแล้วก็หายจากโรคภัย หายจากโรคภัย ตัวบทพระวรสารวันนีเ้ ป็นถ้อยแถลงสรุปกิจการของพระเยซูเจ้า เรือ่ งการรักษาผูเ้ จ็บป่วย ประชาชนมากมาย จำ�พระองค์ได้ทันที... รีบมาหาจากหมู่บ้าน ในเมืองหรือในชนบท พวกเขาต้องการการรักษาให้หายจากโรคภัย เต็มใจมาหา และพระเยซูเจ้าสามารถรักษาได้ทกุ คน คำ�พูดและกิจการทีแ่ สดงออกว่าใจดีจากส่วนของเรา ทำ�ให้ ประชาชนมีกำ�ลังใจ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นแบบอย่างนี้ ในการไปเยีย่ มชาวบ้าน วันนีท้ า่ นไปเยีย่ มใครสักคนหนึง่ ได้ไหม 02.indd 54

21/12/2561 14:48:41


บทอ่านที่ 1 ปฐก 1:20-2:4ก พระเจ้าตรัสว่า “นํ้าจงผลิตสิ่งที่มีชีวิตจำ�นวนมาก นกจงโผบินใต้แผ่นฟ้าเหนือ แผ่นดิน” และก็เป็นเช่นนัน้ พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ สิง่ มีชวี ติ แต่ละชนิด ที่แหวกว่ายอยู่ในนํ้า รวมทั้งนกมีปีกทุกชนิด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี พระเจ้าทรงอวยพร สัตว์เหล่านี้... มีเวลาคํ่า มีเวลาเช้า นับเป็นวันที่ห้า... พระเจ้าตรัสว่า “เราจงสร้างมนุษย์ขนึ้ ตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มคี วามคล้ายคลึง สัปดาห์ที่ 5 กับเรา ให้เป็นนายปกครองปลาในทะเล นกในท้องฟ้า สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า และสัตว์ เลื้อยคลานบนพื้นดิน” พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ พระองค์ เทศกาลธรรมดา สดด 8:3-4,5-6,7-8 ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง... พระเจ้าทรงเห็นว่าทุกสิง่ ทีท่ รงสร้างนัน้ ดีมาก มีเวลาคํา่ มีเวลาเช้า นับเป็นวันทีห่ ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ฟ้า แผ่นดิน และสิง่ ประดับทัง้ ปวงก็ส�ำ เร็จบริบรู ณ์ ในวันทีเ่ จ็ดพระเจ้าทรงเสร็จสิน้ จากงานทีท่ รงกระทำ� พระองค์ทรงหยุดพักในวันที่เจ็ดจากงานทั้งหมดที่ทรงกระทำ� พระเจ้าทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงทำ�ให้วัน นั้นเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้น พระองค์ทรงพักจากงานทั้งปวงที่ทรงกระทำ�ในการเนรมิตสร้าง... พระวรสาร มก 7:1-13 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้าพร้อมกัน เขาสังเกตว่า ศิษย์บางคนของพระองค์กนิ อาหารด้วยมือทีไ่ ม่สะอาด คือไม่ได้ลา้ งมือก่อน เพราะชาวฟาริสแี ละชาวยิวโดย ทัว่ ไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรษุ เขาไม่กนิ อาหารโดยมิได้ลา้ งมือตามพิธกี อ่ น เมือ่ กลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำ�พิธีชำ�ระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์จงึ ทูลถามพระองค์วา่ “ทำ�ไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบตั ิ ตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำ�ไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความ หมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” แล้วพระองค์ทรง เสริมว่า “ท่านช่างชำ�นาญในการละเลยบทบัญญัตขิ องพระเจ้า เพือ่ ถือขนบธรรมเนียมของท่านเองเสียจริงๆ เช่นโมเสสกล่าวว่า จงนับถือบิดามารดา และใครด่าบิดาหรือมารดา จะต้องรับโทษถึงตาย แต่ท่านกลับสอน ว่า ‘ถ้าใครคนหนึ่งพูดกับบิดาหรือมารดาว่า ทรัพย์สินที่ลูกนำ�มาช่วยเหลือพ่อแม่ได้นั้นเป็นคอร์บัน คือของ ถวายแด่พระเจ้า’ ท่านก็อนุญาตให้เขาไม่ต้องช่วยเหลือบิดามารดาอีกต่อไป ท่านใช้ขนบธรรมเนียมที่ท่าน สอนต่อๆ กันมาทำ�ให้พระวาจาของพระเจ้าเป็นโมฆะ ท่านยังปฏิบัติเช่นนี้อีกมากมาย” ดีแต่พูด หรือ บริการจากใจ วันนี้ ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์สังเกตว่า ศิษย์บางคนของพระเยซูเจ้ากินอาหารด้วยมือไม่สะอาด จึงถาม พระเยซูเจ้าเกีย่ วกับปัญหาเรือ่ งพิธชี �ำ ระตัว พระเยซูเจ้าทรงตอบแบบยกระดับ จากเรือ่ งนีไ้ ปสูก่ ารนมัสการทีแ่ ท้ ต้องมาจากหัวใจ อ้าง อสย 29:13 ว่าพระเจ้าทรงต้องการการนมัสการด้วยหัวใจ และทรงยกตัวอย่างเรื่อง คอร์บัน มีหลายครั้งที่เราพยายามหาทางให้ผู้อื่นปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ และแก้ตัวที่เราทำ�ไม่ได้ เรานมัสการพระเจ้า แต่คำ�พูด หรือว่าการบริการจากใจ 02.indd 55

21/12/2561 14:48:42


สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา สดด 104:1-2ก,27-28, 29ขค-30 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 ปฐก 2:4ข-9,15-17 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน บนแผ่นดินยังไม่มีพุ่มไม้ และตามทุ่งนาหญ้ายังไม่ได้งอกขึ้นเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้ายังไม่ได้ทรง ทำ�ให้ฝนตกบนแผ่นดิน และยังไม่มมี นุษย์ใช้แผ่นดินเป็นทีเ่ พาะปลูก แต่มนี าํ้ ขึน้ มาจาก แผ่นดิน เพือ่ รดหน้าดินทัง้ หมด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงเอาฝุน่ จากพืน้ ดิน มาปัน้ มนุษย์และทรงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าในจมูกของเขา มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงปลูกสวนขึน้ ทางทิศตะวันออกในแคว้นเอเดน และ ทรงนำ�มนุษย์ทที่ รงปัน้ มาไว้ทนี่ นั่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงบันดาลให้ตน้ ไม้ทกุ ชนิด งอกขึ้นจากดิน ต้นไม้เหล่านี้งดงามชวนมองและมีผลน่ากิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่ง อยู่ที่กลางสวน และมีต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงนำ�มนุษย์มาไว้ในสวนเอเดน เพือ่ เพาะปลูกและดูแล สวน แล้วองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงบัญชามนุษย์นนั้ ว่า “ท่านจะกินผลไม้จากต้นไม้ ทุกต้นในสวนได้ แต่อย่ากินจากต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว วันใดที่ท่านกินผลจากต้นนั้น ท่านจะต้องตาย”

พระวรสาร มก 7:14-23 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด ไม่มีสิ่ง ใดเลยจากภายนอกของมนุษย์ท�ำ ให้เขามีมลทินได้ แต่สงิ่ ทีอ่ อกมาจากภายในของมนุษย์นนั้ แหละทำ�ให้เขามี มลทิน ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้าน ห่างจากประชาชน บรรดาศิษย์จึงทูลถามพระองค์ถึงข้อความที่เป็น ปริศนานั้น พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านก็ไม่มีปัญญาด้วยหรือ ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆ จากภายนอก ที่เข้าไปในมนุษย์นั้นทำ�ให้เขามีมลทินไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้อง แล้วออกไปจาก ร่างกาย” ดังนี้ ทรงประกาศว่าอาหารทุกชนิดไม่เป็นมลทิน พระองค์ยังตรัสอีกว่า “สิ่งที่ออกจากภายใน มนุษย์นั้นแหละทำ�ให้เขามีมลทิน จากภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติ ผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำ�ร้าย การฉ้อโกง การสำ�ส่อน ความอิจฉา การ ใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำ�ให้มนุษย์มีมลทิน” คำ�แนะนำ�จากผู้อาวุโส อะไรเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความชั่ว 13 ชนิดที่พระเยซูเจ้าตรัสสอน เราสามารถฟังคำ�แนะนำ� 1. ใจกตัญญู เพราะจะเกิดความสุข มีหลายสิ่งที่เราควรขอบคุณพระ ถ้าเราคิดสัก 3 อย่าง จะเปลี่ยนวิธี มองของคุณ 2. จริงใจ ถ้าเราจริงใจกับสิ่งที่หัวใจบอก เราจะพบความดีภายใน ถ้าเราจริงใจแสวงหาพระองค์ 3. ใจชื่นชมยินดี เราสามารถเลือกว่าเรารู้สึกอย่างไรได้ เราตัดสินใจเป็นคนใจดีได้ เราเลือกยิ้มแทนการ ขมวดคิ้ว จงกล่าวขอบคุณกับ 10 คนที่เขาดีกับคุณ 02.indd 56

21/12/2561 14:48:42


บทอ่านที่ 1 ปฐก 2:18-25 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “มนุษย์อยูเ่ พียงคนเดียวนัน้ ไม่ดเี ลย เราจะสร้าง ผูช้ ว่ ยทีเ่ หมาะสมให้เขา” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าจึงทรงเอาดินมาปัน้ สัตว์ปา่ ทุกชนิด และนกทุกชนิดในท้องฟ้า ทรงนำ�สัตว์เหล่านี้มาให้มนุษย์ เพื่อดูว่าเขาจะตั้งชื่อมันว่า อย่างไร สัตว์แต่ละตัวจะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้ มนุษย์จึงตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยง นกใน อากาศ และสัตว์ป่าทั้งหมด แต่มนุษย์ยังไม่พบผู้ช่วยที่เหมาะกับตน ดังนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าพระเจ้าทรงทำ�ให้มนุษย์หลับสนิท และขณะที่เขากำ�ลังนอนหลับ ก็ทรงเอา กระดูกซี่โครงของเขาออกมาหนึ่งซี่ และทรงบันดาลให้เนื้อปิดสนิท องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเอาซี่โครงนั้นมาสร้างหญิง แล้วทรงนำ�มาให้มนุษย์ มนุษย์จึงพูดว่า “นี่คือ กระดูกจากกระดูกของฉัน และเนื้อจากเนื้อของฉัน นางจะมีชื่อว่าหญิง เพราะนางมา จากชาย” เพราะฉะนั้น ชายจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันกับภรรยา และทั้งสองจะเป็น เนื้อเดียวกัน เขาทั้งสองคนคือมนุษย์และภรรยาต่างเปลือยกายอยู่ แต่ไม่อายกัน

ระลึกถึง น.ซีริล นักบวช และ น.เมโทดิโอ พระสังฆราช สดด 128:1-2,3,4-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มก 7:24-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่น เข้าไปในเขตเมืองไทระ และเสด็จเข้าใน บ้านหลังหนึ่ง ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใดรู้ แต่ทรงซ่อนพระองค์ไม่ได้ ทันใดนั้น หญิงคน หนึ่งมีบุตรหญิงถูกปีศาจสิงได้ยินพูดถึงพระองค์ ก็มากราบพระบาท นางไม่ใช่ชาวยิว เป็นชาวซีโรฟีนเี ซียโดยกำ�เนิด นางทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงขับไล่ปศี าจออกจากบุตร หญิง พระองค์ตรัสกับนางว่า “ให้ลูกๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะไม่สมควรที่จะเอาอาหาร ของลูกมาโยนให้ลูกสุนัขกิน” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่ลูกสุนัขที่ อยู่ใต้โต๊ะก็ยังได้กินเศษอาหารของลูกๆ” พระองค์จึงตรัสกับนางว่า “เพราะถ้อยคำ�นี้ จงไปเถิด ปีศาจออกจากลูกสาวของเธอแล้ว” เมือ่ กลับมาถึงบ้าน นางก็พบลูกนอนอยู่ บนเตียง ปีศาจออกไปแล้ว ความเชื่อของสตรี... ช่วยลูกสาว สตรีชาวซีโรฟีนเี ซีย (ไม่ใช่ชาวยิว) มาอ้อนวอนพระเยซูเจ้าให้ทรงขับไล่ปศี าจออกจาก บุตรสาว แต่พระเยซูเจ้าดูเหมือนปฏิเสธ พระองค์เข้าใจว่า พันธกิจแห่งการเทศน์ การสอน และการรักษาต้องเตรียมประชากรชาวยิวก่อน แล้วจึงบริการคนอื่น แต่เมื่อทรงพบคนที่ มีความเชือ่ ดูจะมากกว่าประชาชนแห่งพันธสัญญาเสียอีก พระองค์จงึ ไม่กล้าปฏิเสธ ความ เชื่อในพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีความหมาย ไม่ว่าเราถือศาสนาใด เรากล้าเปิดเผยความเชื่อของเราไหม

02.indd 57

21/12/2561 14:48:42


สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลธรรมดา สดด 32:1-2,5,6,7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:1-8 งูเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ที่สุดในบรรดาสัตว์ป่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงสร้าง มัน ถามหญิงว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้” หญิง จึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้ เรากินได้ แต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวน เท่านั้น” พระเจ้าตรัสห้ามว่า “อย่ากินหรือแตะต้องเลย มิฉะนั้นท่านจะต้องตาย” งู บอกกับหญิงว่า “ท่านจะไม่ตายดอก พระเจ้าทรงทราบว่า ท่านกินผลไม้นั้นวันใด ตา ของท่านจะเปิดในวันนั้น ท่านจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ดีรู้ชั่ว” หญิงเห็นว่าต้นไม้นั้น มีผลน่ากิน งดงามชวนมอง ทั้งยังน่าปรารถนาเพราะให้ปัญญา นางจึงเด็ดผลไม้มากิน แล้วยังให้สามีซงึ่ อยูก่ บั นางกินด้วย เขาก็กนิ ทันใดนัน้ ตาของทัง้ สองคนก็เปิดและเห็น ว่าตนเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้ เย็นวันนั้นมนุษย์และภรรยาได้ยินเสียงองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้ากำ�ลังทรง พระดำ�เนินในสวน จึงหลบไปซ่อนให้พน้ จากพระพักตร์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าในหมู่ ต้นไม้ของสวน พระวรสาร มก 7:31-37 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่านเมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบ กาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มีผู้นำ�คนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หหู นวกคนนัน้ ไปจากกลุม่ ชน ทรงใช้ นิว้ พระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้พระเขฬะแตะลิน้ ของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ เบือ้ ง บน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขา กลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูดได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่า นั้นมิให้พูดเรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น ต่างก็ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำ�สิ่งใดดีทั้งนั้น เขาทำ�ให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูด ได้” เอฟฟาธา จงเปิดเถิด บรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักรเห็นว่า การรักษาคนใบ้หูหนวกเป็นผลของศีล ล้างบาป เพราะปราศจากศีลล้างบาป เราก็ไม่สามารถได้ยินพระวาจาของพระเจ้า และ เข้าใจภาษาแห่งความเชื่อ หรือการเรียกของพระเจ้าในฐานะบิดา และพระเยซูเจ้าฐานะ เป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าและพระผูไ้ ถ่ พระหรรษทานแห่งศีลล้างบาป เปิดหูให้ฟงั พระวรสาร ทำ�ให้ลิ้นคลายเพื่อเป็นพยานในโลก ในเวลาเดียวกันก็เตือนใจให้รับผิดชอบ รักษาสัญญา แห่งศีลล้างบาปและเจริญชีวิตนอบน้อมเชื่อฟังพระคริสตเจ้าอย่างซื่อสัตย์ในชีวิตประจำ� วัน

02.indd 58

21/12/2561 14:48:43


บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:9-24 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ ตรัสถามว่า “ท่านอยู่ไหน” มนุษย์ทูล ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวน ก็กลัวเพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัว” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครบอกท่านว่าท่านเปลือยกายอยู่ ท่านได้กินผล จากต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ” มนุษย์ทูลตอบว่า “หญิงที่พระองค์ประทาน สัปดาห์ที่ 5 ให้อยูก่ บั ข้าพเจ้าได้ให้ผลจากต้นไม้แก่ขา้ พเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้า ตรัสกับหญิงว่า “ท่านทำ�อะไรไป” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” เทศกาลธรรมดา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสกับงูวา่ “เพราะเจ้าทำ�เช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง ใน สดด 90:2,3-4กขค,5-6, 12-13 บรรดาสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าทั้งปวง เจ้าจะต้องใช้ท้องเลื้อยไปตามพื้นดิน และกินฝุ่น เป็นอาหารทุกวันตลอดชีวิต เราจะทำ�ให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 และลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้า ของเขา” พระเจ้าตรัสกับหญิงว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ทรมานในการคลอดบุตรแก่ท่าน ท่านจะคลอดบุตรด้วย ความเจ็บปวด ท่านจะใฝ่หาสามี แต่เขาจะเป็นนายเหนือท่าน”... มนุษย์เรียกภรรยาของตนว่า “เอวา” เพราะนางเป็นมารดาของผู้มีชีวิตทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเอาหนังสัตว์มาทำ�เสื้อให้มนุษย์และภรรยาสวมปกปิดกาย... พระวรสาร มก 8:1-10 ครั้งนั้น ประชาชนจำ�นวนมากชุมนุมกันอีก และไม่มีอะไรกิน พระองค์จึงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัส กับเขาว่า “เราสงสารประชาชนเพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน ถ้าเราให้เขากลับ บ้านโดยไม่ได้กนิ อะไร เขาจะหมดเรีย่ วแรงขณะเดินทาง เพราะมีหลายคนเดินทางมาจากทีไ่ กล” บรรดาศิษย์ จึงทูลตอบว่า “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านมี ขนมปังกีก่ อ้ น” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อน” พระองค์ทรงสัง่ ให้ประชาชนนัง่ ลงบนพืน้ ดิน ทรงหยิบขนมปังเจ็ดก้อน นั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงบิขนมปัง ประทานให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่าย เขาก็แจกจ่ายขนมปังให้ ประชาชน เขายังมีปลาตัวเล็กๆ อยู่บ้าง พระองค์ทรงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า ทรงสั่งให้แจกจ่ายปลาเช่น เดียวกัน ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า ผู้ที่กินขนมปังและปลามีประมาณสี่พัน คน พระองค์ทรงส่งเขากลับไป แล้วพระองค์เสด็จลงเรือพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปยังบริเวณเมืองดาลมานูธา ทันที ในขณะทีม่ นุษย์ แม้จะเป็นสามีภรรยากัน ก็ยงั ชอบโยนความผิดไปให้อกี คนหนึง่ และมักบ่ายเบีย่ ง ที่จะช่วยเหลือผู้อื่น “ใครจะหาอาหารในที่เปลี่ยวเช่นนี้มาให้คนเหล่านี้กินจนอิ่มได้” แต่พระเยซูเจ้ากลับมีหวั จิตหัวใจทีส่ งสารและคิดถึงแต่หวั อกของผูอ้ นื่ อยูเ่ สมอ สัญชาตญาณของพระองค์คอื “ช่วย” ไม่ว่าผู้นั้นจะมีปัญหาฝ่ายวิญญาณหรือท้องหิวก็ตาม เพราะฉะนัน้ เราต้องไม่โยนความรับผิดชอบในการช่วยเหลือไปให้ผอู้ นื่ อย่าพูดว่าฉันจะให้เมือ่ ฉันมี แต่อะไร ที่ท่านมี จงให้เถิด แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น

02.indd 59

21/12/2561 14:48:43


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 17:5-8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “คนที่วางใจในมนุษย์ย่อมถูกสาปแช่ง เขาพึ่งพลังของมนุษย์ ใจของเขาหันออก จากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาเป็นเหมือนพุม่ ไม้ในถิน่ ทุรกันดาร ไม่เห็นความดีใดๆ ทีม่ าถึง เขาจะอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งของถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีผู้คนอาศัย” “คนทีว่ างใจในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าย่อมได้รบั พระพร องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเป็นความ หวังของเขา เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ทปี่ ลูกไว้รมิ นํา้ ซึง่ หยัง่ รากออกไปทีล่ �ำ นํา้ เมือ่ ความ ร้อนมาถึง เขาก็ไม่กลัว ใบของเขาคงเขียวอยูเ่ สมอ เขาจะไม่กงั วลใจในปีทแี่ ห้งแล้ง จะ ไม่หยุดออกผล” เพลงสดุดี สดด 1:1-6 ก) ผู้ชอบธรรมย่อมเป็นสุข เขาไม่เดินตามคำ�แนะนำ�ของคนชั่ว ไม่ยืนในทางของคนบาป ไม่นั่งร่วมกับคนชอบเยาะเย้ยผู้อื่น แต่ชื่นชมในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ท่องบ่นธรรมบัญญัติของพระองค์ทั้งวันทั้งคืน ข) เขาเป็นเหมือนต้นไม้ปลูกไว้ริมลำ�ธาร ออกผลตามฤดูกาล ใบเขียวสด ไม่เหี่ยวแห้ง เขาคิดจะทำ�การใดก็สำ�เร็จทุกประการ ส่วนคนชั่วไม่เป็นเช่นนั้นเลย เขาเป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจัดกระจายไป ค) คนชั่วจะถูกตัดสินลงโทษในการพิพากษา คนบาปจะถูกขจัดไปจากที่ชุมนุมของผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองทางของผู้ชอบธรรม แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:12,16-20 พี่น้อง ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย แล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพ ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย ถ้า พระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชือ่ ของท่านก็ไร้ความหมายและท่าน ก็ยังคงอยู่ในบาป เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย ถ้าเรา

02.indd 60

21/12/2561 14:48:43


มีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพือ่ ชีวติ นีเ้ ท่านัน้ เราก็เป็น มนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจาก บรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 6:17,20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับ บรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์ กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จาก กรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ ริมทะเล พระองค์ทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่าน ประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดี เถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านนัน้ ยิง่ ใหญ่นกั ในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกมาแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่รํ่ารวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบตั จิ งเกิดกับท่านเมือ่ ทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว” นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ ที่น่าสงสารที่สุด” หากเราตัง้ ใจและทุม่ เทพลังทัง้ หมดเพือ่ ให้ได้สงิ่ ทีโ่ ลกนีถ้ อื ว่าดี เราจะได้ และนัน่ คือทัง้ หมดทีเ่ ราได้รบั แต่ถา้ เราตั้งมั่นและเพียรพยายามที่จะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เราอาจต้องเผชิญกับปัญหาและความทุกข์ยากต่างๆ นานา อีกทั้งยังถูกชาวโลกดูหมิ่นดูแคลนว่าโชคร้าย แต่เราจะมีความสุขอย่างแท้จริง และรางวัลของเรายังไม่หมดใน โลกนี้ เพราะความสุขนิรันดรในพระอาณาจักรของพระเจ้ากำ�ลังรอเราอยู่

02.indd 61

21/12/2561 14:48:44


บทอ่านที่ 1 ปฐก 4:1-15,25 มนุษย์มีเพศสัมพันธ์กับเอวาภรรยาของตน นางก็ตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดกาอิน เอวาพูดว่า “ดิฉันได้ลูกชายมาเดชะองค์พระผู้เป็นเจ้า” ต่อมานางก็ให้กำ�เนิดน้องชาย ของกาอินชื่ออาแบล อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ส่วนกาอินเป็นคนเพาะปลูก วันหนึ่ง กาอินนำ�ผลทีเ่ กิดจากแผ่นดินมาถวายเป็นบูชาแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ส่วนอาแบลนำ�แกะ สัปดาห์ที่ 6 ที่เกิดจากฝูงรุ่นแรกและไขมันแกะมาถวายด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยอาแบล เทศกาลธรรมดา และเครื่องบูชาของเขา แต่ไม่พอพระทัยกาอินและเครื่องบูชาของเขา กาอินโกรธมาก สดด 50:1 และ 8, หน้าตาบึง้ ตึง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสถามกาอินว่า “ท่านโกรธหน้าตาบึง้ ตึงทำ�ไม ถ้าท่าน 16ขค-17,20-21 ทำ�ดี ท่านย่อมเงยหน้าขึน้ ได้ แต่ถา้ ท่านทำ�ไม่ดี บาปกำ�ลังหมอบอยูท่ ปี่ ระตู คอยตะครุบ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ตัวท่าน แต่ท่านจะต้องเอาชนะมันให้ได้” กาอินพูดกับอาแบลน้องชายว่า “เราจงไปใน ทุ่งนากันเถิด” ขณะที่ทั้งสองคนอยู่ในทุ่งนา กาอินก็ลงมือทำ�ร้ายอาแบลน้องชายและ ฆ่าเสีย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามกาอินว่า “อาแบลน้องชายท่านอยู่ที่ไหน” เขาทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบ ข้าพเจ้าเป็นผู้ดูแลน้องหรือ” พระองค์ตรัสว่า “ท่านทำ�อะไรลงไป เลือดของน้องชายท่านจากพื้นดินร้องดัง มาถึงเรา บัดนีท้ า่ นจะต้องถูกสาปแช่งให้ออกไปจากแผ่นดินทีอ่ า้ ปากรับโลหิตของน้องชายทีท่ า่ นฆ่า เมือ่ ท่าน เพาะปลูก แผ่นดินจะไม่ให้ผลแก่ทา่ นอีก ท่านจะต้องเร่รอ่ นหลบหนีไปบนแผ่นดิน” กาอินทูลองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าว่า “โทษของข้าพเจ้าหนักเกินกว่าจะแบกรับได้ ดูซิ วันนี้พระองค์ทรงขับไล่ข้าพเจ้าออกจากแผ่นดินนี้ ข้าพเจ้าต้องหลบซ่อนจากพระพักตร์พระองค์ เร่รอ่ นหนีหน้าผูค้ นบนแผ่นดิน ใครพบข้าพเจ้าก็จะฆ่าข้าพเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไม่ได้ ใครฆ่ากาอิน จะถูกแก้แค้นเป็นเจ็ดเท่า” และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ� เครื่องหมายไว้ที่ตัวกาอิน เพื่อเตือนคนที่พบไม่ให้ฆ่าเขา อาดัมมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาอีก นางให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึ่ง เรียกชื่อว่าเสท นางพูดว่า “เพราะ พระเจ้าประทานบุตรชายอีกคนหนึ่งแก่ข้าพเจ้าแทนอาแบล ซึ่งถูกกาอินฆ่า” พระวรสาร มก 8:11-13 เวลานั้น ชาวฟาริสีเข้ามาโต้เถียงกับพระเยซูเจ้า ขอให้ทรงแสดงเครื่องหมายจากฟ้าเพื่อทดสอบ พระองค์ถอนพระทัยลึกๆ ตรัสว่า “คนยุคนี้แสวงหาเครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่ออะไร เราบอกความ จริงกับท่านว่า คนยุคนี้จะไม่ได้รับเครื่องหมายอย่างใดเลย” แล้วพระองค์ทรงแยกจากคนเหล่านั้น เสด็จลง เรือข้ามไปอีกฟากหนึ่ง กาอินต้องการเครื่องหมายจากพระเจ้าว่าตนจะไม่ถูกคนอื่นฆ่า ชาวฟาริสีก็ต้องการเครื่องหมาย จากพระเยซูเจ้าเพื่อทดสอบว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงส่งมาจริงหรือไม่ พวกเขาต้องการเห็น อัศจรรย์ชนิดแหกกฎธรรมชาติ แต่สำ�หรับพระเยซูเจ้า ผู้ที่เชื่อและศรัทธาจะมีสายตาที่พร้อมจะมองเห็นและหัวใจที่พร้อมจะเข้าใจ แม้สิ่ง ธรรมดาสามัญที่สุดในชีวิตประจำ�วัน ว่าเป็นเครื่องหมายและผลงานจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า

02.indd 62

21/12/2561 14:48:44


บทอ่านที่ 1 ปฐก 6:5-8,7:1-5,10 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเห็นว่าความชัว่ ร้ายของมนุษย์มมี ากบนแผ่นดิน และใจของ เขาคิดแต่สงิ่ ชัว่ ร้ายอยูต่ ลอดเวลา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเสียพระทัยทีไ่ ด้ทรงสร้างมนุษย์ไว้ บนแผ่นดิน และเศร้าพระทัย จึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราสร้างมานี้ให้หมด สิ้นจากแผ่นดิน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ สัตว์เลื้อยคลานหรือนกในท้องฟ้า เพราะเรารู้สึก เสียใจที่ได้สร้างมา” แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับโนอาห์วา่ “ท่านจงเข้าไปในเรือ พร้อมกับครอบครัวของ ท่าน เพราะในท่ามกลางคนร่วมสมัย เราเห็นว่าท่านเท่านั้นเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าเรา ท่านจงเอาสัตว์ทกุ ชนิดทีไ่ ม่มมี ลทินไปด้วยอย่างละเจ็ดคู่ ทัง้ ตัวผูแ้ ละตัวเมีย และสัตว์ ทีม่ มี ลทินอย่างละคู่ ทัง้ ตัวผูแ้ ละตัวเมีย และจงเอานกในท้องฟ้าอย่างละเจ็ดคู่ ทัง้ ตัวผู้ และตัวเมีย เพือ่ ช่วยชีวติ สัตว์ไว้ให้สบื พันธุท์ วั่ แผ่นดิน อีกเจ็ดวัน เราจะทำ�ให้ฝนตกบน แผ่นดินสี่สิบวันสี่สิบคืน และเราจะทำ�ลายล้างสัตว์มีชีวิตทั้งหมดที่เราได้สร้างไปจาก พื้นแผ่นดิน” โนอาห์ทำ�ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาทุกประการ เจ็ดวันต่อมา นํ้า วินาศก็เริ่มท่วมแผ่นดิน

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 29:1ก และ 2, 3กค-4,3ข และ 9ข-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันมาฆบูชา

พระวรสาร มก 8:14-21 เวลานัน้ บรรดาศิษย์ลมื นำ�ขนมปังไปด้วย และในเรือของเขามีขนมปังเหลือเพียง ก้อนเดียว พระเยซูเจ้าทรงกำ�ชับเขาว่า “จงระวังให้ดี จงระวังเชื้อแป้งของชาวฟาริสี และเชือ้ แป้งของกษัตริยเ์ ฮโรด” บรรดาศิษย์จงึ พูดกันว่า “นีเ่ ป็นเพราะเราไม่มขี นมปัง” พระเยซูเจ้าทรงทราบ จึงตรัสว่า “ทำ�ไมท่านจึงถกเถียงกันเรื่องไม่มีขนมปัง ท่านยังไม่รู้ ไม่เข้าใจอีกหรือ ท่านยังมีใจแข็งกระด้างกันอยู่อีกหรือ มีตา แต่ไม่เห็น มีหู แต่ไม่ได้ยิน หรือ ท่านจำ�ไม่ได้หรือว่า เมือ่ เราบิขนมปังห้าก้อนเลีย้ งคนห้าพันคน ท่านเก็บเศษทีเ่ หลือ ได้เต็มกี่กระบุง” เขาตอบว่า “สิบสองกระบุง” “เมื่อเราบิขนมปังเจ็ดก้อนเลี้ยงคนสี่ พันคน ท่านเก็บเศษทีเ่ หลือได้เต็มกีต่ ะกร้า” เขาทูลตอบว่า “เจ็ดตะกร้า” แล้วพระองค์ ตรัสถามเขาว่า “ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ” พระเจ้าทรงเศร้าพระทัยที่จิตใจของมนุษย์คิดแต่สิ่งชั่วร้ายอยู่ตลอดเวลา ชาวฟาริสีคิดถึงแต่เครื่องหมายอัศจรรย์ที่แสดงถึงฤทธิ์อำ�นาจ เฮโรดก็แสวงหาแต่อำ�นาจ ความมัง่ คัง่ และชือ่ เสียงเกียรติยศ ส่วนบรรดาอัครสาวกก็มวั แต่กงั วลว่าจะอดอยากเพราะ ไม่มขี นมปังกิน พระเยซูเจ้าจึงทรงเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงสิง่ ทีพ่ ระองค์ได้ทรงกระทำ�เพือ่ เลี้ยงคนจำ�นวนมาก เราอาจจะกำ�ลังเผชิญกับประสบการณ์อันเป็นผลพวงมาจากความคิดชั่วร้ายของเรา เอง แต่เราจะท้อแท้สิ้นหวังเพียงเพราะลืมประสบการณ์ดีๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงโปรด ประทานแก่เราไม่ได้

02.indd 63

21/12/2561 14:48:44


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา สดด 116:12-13, 14-15,18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 ปฐก 8:6-13,20-22 ต่อมาอีกสีส่ บิ วัน โนอาห์เปิดหน้าต่างทีเ่ ขาสร้างไว้ในเรือ และปล่อยนกกาออกไป ตัวหนึ่ง มันบินไปและกลับมาทุกวันจนกระทั่งนํ้าบนแผ่นดินลดแห้ง เขายังปล่อยนก พิราบตัวหนึง่ เพือ่ ดูวา่ นํา้ ลดจากพืน้ แผ่นดินแล้วหรือยัง แต่นกพิราบหาทีเ่ กาะไม่พบ มัน จึงบินกลับมาหาเขาในเรือ เพราะนํ้ายังท่วมพื้นแผ่นดินอยู่ เขาจึงยื่นมือออกไปรับมัน กลับเข้ามาในเรือกับเขา เขาคอยอยู่อีกเจ็ดวัน จึงปล่อยนกพิราบออกไปจากเรืออีก ครั้นถึงเวลาเย็น นกพิราบก็กลับมาหาเขา และคาบใบมะกอกเทศเขียวสดมาด้วย โนอาห์จึงรู้ว่า นํ้าลดจากพื้นแผ่นดินแล้ว เขาคอยอีกเจ็ดวัน และปล่อยนกพิราบออก ไปอีกครั้งหนึ่ง มันไม่กลับมาหาเขาอีกเลย เมื่อโนอาห์มีอายุหกร้อยหนึ่งปี ในวันที่หนึ่งเดือนแรก นํ้าเริ่มแห้งจากแผ่นดิน โนอาห์เปิดหลังคาเรือ มองดูและเห็นว่า พื้นดินกำ�ลังแห้ง โนอาห์สร้างพระแท่นบูชาสำ�หรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาเลือกสัตว์และนกที่ไม่มี มลทินแต่ละชนิดมาเผาเป็นเครื่องบูชาบนพระแท่นนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้กลิ่น หอมของเครื่องบูชา จึงทรงดำ�ริในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแช่งแผ่นดินเพราะการ กระทำ�ของมนุษย์อีกเลย แม้เรารู้ว่าใจของมนุษย์มักปรารถนาแต่สิ่งชั่วร้ายตั้งแต่เป็น เด็ก เราก็จะไม่ทำ�ลายสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอย่างที่เราได้กระทำ�มาแล้วอีก ตราบใดที่ แผ่นดินยังคงอยู่ ฤดูหว่านและฤดูเก็บเกี่ยว เวลาเย็นและเวลาร้อน ฤดูร้อนและฤดู หนาว วันและคืน ยังมีอยู่ต่อไปตราบนั้น” พระวรสาร มก 8:22-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาพร้อมกับบรรดาศิษย์ถึงเมืองเบธไซดา มีผู้นำ�คน ตาบอดคนหนึ่งมาขอให้พระองค์ทรงสัมผัส พระองค์ทรงจูงคนตาบอดออกไปนอก หมู่บ้าน ทรงใช้พระเขฬะแตะตาของเขา ทรงปกพระหัตถ์เหนือเขา ตรัสถามเขาว่า “ท่านเห็นอะไรไหม” เขาเงยหน้าขึน้ ทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นผูค้ นเหมือนกับต้นไม้เดิน ไปเดินมา” พระองค์ทรงวางพระหัตถ์แตะตาของเขาอีก เขาก็เห็นชัด และหายเป็นปกติ มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงส่งเขากลับบ้าน ตรัสว่า “อย่าเข้าไปใน หมู่บ้าน”

พระเยซูเจ้าทรงเข้าถึงหัวอกและจิตใจของมนุษย์ หากคนตาบอดเกิดมองเห็นผู้คนมากมาย แต่งกายหลากหลายสีสนั ในทันที เขาคงงงและตืน่ ตกใจ พระองค์จงึ ทรงจูงเขาออกไปนอกหมูบ่ า้ นและทรงรักษา เขาเป็นขั้นเป็นตอน จากเห็นคนเหมือนต้นไม้จนกระทั่งเห็นชัดและหายเป็นปกติ เช่นเดียวกัน เมื่อรับศีลล้างบาป มิได้หมายความว่าเราเห็นชัดในทันทีหรือมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว พระเจ้าทรงล่วงรู้ว่าจิตใจของเรามนุษย์มักปรารถนาแต่สิ่งชั่วร้ายตั้งแต่เป็นเด็ก เราจึงต้องหมั่นวอนขอ พระหรรษทานช่วย เพื่อชีวิตภายในของเราจะได้เจริญก้าวหน้าเป็นลำ�ดับจนบรรลุถึงความครบครัน

02.indd 64

21/12/2561 14:48:45


บทอ่านที่ 1 ปฐก 9:1-13 พระเจ้าทรงอวยพรโนอาห์และบรรดาบุตรของเขา ตรัสว่า “จงมีลกู มาก ทวีจ�ำ นวน ขึน้ จนเต็มแผ่นดิน บรรดาสัตว์ทงั้ ปวงบนแผ่นดิน บรรดานกในท้องฟ้า บรรดาสิง่ ทีเ่ ลือ้ ย คลานบนแผ่นดิน และปลาทั้งสิ้นในทะเลจะกลัวท่าน เรามอบสัตว์ทั้งปวงไว้ในอำ�นาจ ของท่าน” สิง่ มีชวี ติ ทีเ่ คลือ่ นไหวทัง้ หมดจะเป็นอาหารของท่าน ดังทีเ่ ราให้พชื เขียวเป็น อาหารแก่ท่านแล้ว แต่ท่านอย่ากินเนื้อที่มีเลือดติดอยู่ เพราะเลือดนั้นคือชีวิต เราจะ ทวงเลือดซึง่ เป็นชีวติ ของท่าน เราจะทวงจากสัตว์ทงั้ ปวงและจากมนุษย์ดว้ ย เราจะทวง ชีวิตมนุษย์จากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้ใดหลั่งเลือดของเพื่อนมนุษย์ เลือดของเขาจะต้องถูกหลั่งโดยมนุษย์เช่น เดียวกัน... พระเจ้าตรัสกับโนอาห์และบรรดาบุตรของเขาว่า “ดูซิ บัดนี้เราจะทำ� พันธสัญญาของเรากับท่านและกับลูกหลานของท่านในภายหน้า และกับบรรดาสิ่งมี ชีวิตที่อยู่กับท่านด้วย... เราจะทำ�พันธสัญญาของเราไว้กับท่านว่า เราจะไม่ให้นํ้าวินาศ มาทำ�ลายสรรพสิ่งที่มีชีวิตอีก และนํ้าวินาศจะไม่ท่วมทำ�ลายแผ่นดินอีกเลย” พระเจ้าตรัสว่า “นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาซึ่งเวลานี้เรากำ�ลังทำ�ระหว่าง เรากับท่าน และกับบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่กับท่านสืบไปทุกชั่วอายุ เราจะตั้งรุ้ง ของเราไว้บนเมฆ รุ้งนี้จะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับแผ่นดิน”

น.เปโตร ดามีอานี พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 102:15-17, 18-20,28 และ 21-22 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มก 8:27-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำ�เนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีก ว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์ มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับ คืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่ พระเยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำ�หนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา อย่า ขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” ในอดีต รุง้ เป็นเครือ่ งหมายแห่งพันธสัญญาทีพ่ ระเจ้าทรงกระทำ�กับโนอาห์วา่ จะไม่มนี าํ้ วินาศท่วม ทำ�ลายชีวิตอีก แต่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�พันธสัญญาใหม่กับเราโดยมีกางเขนเป็นเครื่องหมาย ซึ่งไม่เพียงช่วย เราให้รอดพ้นจากนํ้าวินาศเท่านั้น แต่ยังช่วยเราให้รอดพ้นจากความตายชั่วนิรันดรอีกด้วย หากคิดอย่างมนุษย์ เราก็คงคัดค้านหนทางของพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกับเปโตรและคงไม่เต็มใจที่จะแบก กางเขนติดตามพระองค์ เว้นเสียแต่ว่าเราจะหันกลับมาคิดอย่างพระเจ้าเท่านั้น

02.indd 65

21/12/2561 14:48:45


ฉลองธรรมาสน์ นักบุญเปโตร อัครสาวก สดด 23:1-3,4,5,6

บทอ่านที่ 1 1 ปต 5:1-4 พี่น้องที่รัก โดยเหตุที่ข้าพเจ้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นพยานถึงพระทรมานของ พระคริสตเจ้า และมีสว่ นจะรับพระสิรริ งุ่ โรจน์ทจี่ ะปรากฏในอนาคตด้วย ข้าพเจ้าขอร้อง บรรดาผูอ้ าวุโส ในกลุม่ ของท่านทัง้ หลาย จงเลีย้ งดูฝงู แกะของพระเจ้าทีอ่ ยูใ่ นความดูแล ของท่าน จงดูแลด้วยความเต็มใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า มิใช่ดูแลด้วยความ จำ�ใจ จงดูแลด้วยความสมัครใจ มิใช่ดูแลเพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง จงเป็นแบบอย่าง แก่ฝูงแกะ มิใช่เป็นเหมือนเจ้านายเหนือผู้ที่อยู่ใต้ปกครอง เมื่อพระคริสตเจ้าพระผู้ เลี้ยงสูงสุดจะทรงสำ�แดงพระองค์ ท่านจะได้รับสิริรุ่งโรจน์เป็นมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย เลย พระวรสาร มธ 16:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดา ศิษย์ว่า “คนทั้งหลายกล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศก เยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขา ว่ า “ซี โ มนบุ ต รของยอห์ น ท่ า นเป็ น สุ ข เพราะไม่ ใ ช่ ม นุ ษ ย์ ที่ เปิ ด เผยให้ ท่ า นรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และ บนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิง่ ทีท่ า่ นจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” เมื่ อ พระเยซู เจ้ า ตรั ส ว่ า “ท่ า นคื อ ศิ ล า และบนศิ ล านี้ เราจะสร้ า งพระ ศาสนจักรของเรา...เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้” พระองค์ก�ำ ลังแต่งตัง้ เปโตรให้ เป็นหัวหน้าของพระศาสนจักร และทรงมอบอำ�นาจหน้าทีใ่ นการแนะนำ�และดูแลวิญญาณ ของบรรดาผู้มีความเชื่อไว้ในมือของท่าน การฉลองธรรมาสน์นักบุญเปโตร มิได้เป็นการฉลองบัลลังก์อันเป็นผลงานสร้างสรรค์ ของเบอร์นนิ ี (Bernini) แต่เป็นการฉลองเอกภาพของพระศาสนจักรซึง่ ตัง้ มัน่ อยูบ่ นความ เชื่อของนักบุญเปโตรผู้เป็นหัวหน้าบรรดาอัครสาวก และในเวลาเดียวกันก็เป็นการรื้อฟื้น การยอมรับในอำ�นาจสั่งสอนของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตำ�แหน่งจากท่าน

02.indd 66

21/12/2561 14:48:46


บทอ่านที่ 1 ฮบ 11:1-7 พี่น้อง ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะความเชือ่ นี้ คนในสมัยก่อนจึงได้รบั การยกย่องในพระคัมภีร์ เพราะความเชือ่ เรา จึงเข้าใจว่าพระวาจาของพระเจ้าเนรมิตสร้างโลก ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์มองเห็นได้จึงเกิด ขึ้นจากสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น เพราะความเชือ่ อาแบลจึงถวายเครือ่ งบูชาทีด่ กี ว่าเครือ่ งบูชาของคาอินแด่พระเจ้า ทำ�ให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชอบธรรม... เพราะความเชื่อ พระเจ้าทรงรับตัวเอโนคไปโดยเขาไม่ต้องประสบความตาย... เพราะความเชือ่ เมือ่ โนอาห์ได้รบั คำ�เตือนของพระเจ้าเกีย่ วกับเรือ่ งทีย่ งั ไม่เห็น เขา จึงมีความยำ�เกรงพระองค์และสร้างเรือใหญ่เพือ่ ช่วยให้ครอบครัวของตนรอดตาย และ เพราะความเชื่อนี้เอง เขาตัดสินลงโทษโลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรมซึ่ง มาจากความเชื่อ

ระลึกถึง น.โปลีการ์ป พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 145:2-3, 4-5,10-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มก 9:2-13 ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงตามลำ�พัง แล้ว พระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวเจิดจ้า ขาวผ่องอย่างที่ไม่มีช่าง ซักฟอกคนใดในโลกทำ�ให้ขาวเช่นนั้นได้ แล้วประกาศกเอลียาห์กับโมเสสแสดงตนสนทนาอยู่กับพระเยซู เจ้า เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ทีน่ สี่ บายน่าอยูจ่ ริงๆ เราจงสร้างเพิงขึน้ สามหลังเถิด หลัง หนึ่งสำ�หรับพระองค์ หลังหนึ่งสำ�หรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำ�หรับประกาศกเอลียาห์” เขาไม่รู้ว่ากำ�ลังพูด อะไรเพราะศิษย์ทั้งสามคนต่างตกใจกลัว ครั้นแล้วเมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ มีเสียงหนึ่งออกมา จากเมฆก้อนนั้นว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด”... ขณะที่กำ�ลังลงจากภูเขา พระองค์ตรัสสั่งเขามิให้เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์ จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ศิษย์ทั้งสามคนเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกใครแต่ยังปรึกษากันว่า “จนกว่าจะกลับ คืนชีพจากบรรดาผูต้ าย” นี้ หมายความว่าอย่างไร เขาจึงทูลถามพระองค์วา่ “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์กล่าว ว่า ประกาศกเอลียาห์จะต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เอลียาห์มาก่อนเพื่อจัดทุกสิ่งให้เข้า สภาพเดิม พระคัมภีร์เขียนไว้อย่างไรเกี่ยวกับบุตรแห่งมนุษย์ พระคัมภีร์เขียนว่าบุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับ ทุกข์ทรมานอย่างมาก และถูกเหยียดหยาม ดังนั้น เราบอกท่านว่า ‘ประกาศกเอลียาห์ได้มาแล้ว และ ประชาชนได้ทำ�กับเขาตามความพอใจ ดังที่มีเขียนถึงเขาไว้ในพระคัมภีร์’” ทั้งๆ ที่ยังมองไม่เห็นเค้าลางของนํ้าวินาศ โนอาห์ก็เชื่อฟังพระเจ้าและสร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยให้ ครอบครัวรอดตาย ทั้งๆ ที่มองเห็นเค้าลางของความทรมานและความตายรออยู่เบื้องหน้า ก็มิได้ทำ�ให้ความมั่นใจในการกลับ คืนชีพจากบรรดาผู้ตายของพระเยซูเจ้าลดน้อยถอยลงเลย เพราะพระองค์ทรงนบนอบเชื่อฟังพระบิดาเจ้า ความเชือ่ คือความมัน่ ใจในสิง่ ทีเ่ ราหวังไว้ และความหวังนีไ้ ม่ท�ำ ให้ทงั้ โนอาห์และพระเยซูเจ้าต้องผิดหวังเลย (เทียบ รม 5:5) 02.indd 67

21/12/2561 14:48:46


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 26:2,7-9,12-13,22-23 กษัตริย์ซาอูลทรงตั้งค่ายอยู่ที่ภูเขาฮาคีลาห์ ริมถนนชายถิ่นทุรกันดาร ส่วนดาวิด ยังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อรู้ว่ากษัตริย์ซาอูลเสด็จมาค้นหาตนในถิ่นทุรกันดาร คืนนั้น ดาวิดกับอาบีชัยลอบเข้าไปในค่ายพบว่า กษัตริย์ซาอูลกำ�ลังบรรทมหลับ อยูใ่ นค่าย มีหอกปักอยูก่ บั พืน้ ดินใกล้พระเศียร ส่วนอับเนอร์กบั บรรดาทหารนอนหลับ อยู่โดยรอบ อาบีชยั กล่าวกับดาวิดว่า “วันนีพ้ ระเจ้าทรงมอบศัตรูของท่านไว้ในมือของท่านแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าเอาหอกแทงเขาปักติดดินเถิด ครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่จำ�เป็นต้องแทงซํ้า อีก” แต่ดาวิดห้ามอาบีชัยว่า “อย่าฆ่าเขาเลย เพราะใครที่ทำ�ร้ายผู้รับเจิมขององค์ พระผู้เป็นเจ้าแล้วจะไม่มีผิด” ดาวิดจึงเอาหอกกับเหยือกนํ้าที่อยู่ใกล้พระเศียรของกษัตริย์ซาอูลและออกไป พร้อมกับอาบีชัย ไม่มีผู้ใดเห็น หรือรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีผู้ใดตื่นขึ้นเลย ทุกคนหลับ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เขาหลับสนิท ดาวิดข้ามไปอีกฟากหนึง่ ของหุบเขา ไปยืนบนยอดเนินห่างไกลพอสมควรจากค่าย ของกษัตริยซ์ าอูล ดาวิดทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ หอกของพระองค์อยูท่ นี่ ี่ ให้คนหนึง่ ข้ามมารับเอาคืนไปเถิด ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบแทนแต่ละคนตามความ ชอบธรรมและความซื่อสัตย์ของเขา วันนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบเจ้านายไว้ในมือ ของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำ�ร้ายผู้รับเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้า” เพลงสดุดี สดด 103:1-2,3-4,8-10,12-13 ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ส่วนลึกของข้าพเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงอย่าลืมพระคุณต่างๆ ที่พระองค์ประทานให้ ข) พระองค์ประทานอภัยความผิดทั้งหลายของท่าน ทรงรักษาโรคภัยทั้งหมดของท่าน ทรงช่วยชีวิตท่านให้พ้นจากเหวลึก ประทานความรักมั่นคงและพระเมตตาเป็นดังมงกุฎแก่ท่าน ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระกรุณาและทรงเมตตาสงสาร กริ้วช้า ทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม พระองค์ไม่ทรงกล่าวโทษเราตลอดไป ไม่ทรงเคืองแค้นเป็นเวลานาน พระองค์ไม่ทรงปฏิบัติต่อเราตามที่บาปของเราสมควรจะได้รับ ไม่ทรงตอบแทนเราให้สาสมกับความผิดของเรา

02.indd 68

21/12/2561 14:48:46


ง) ตะวันออกห่างไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ก็ทรงกันความผิดของเราออกไปห่างไกลจากเราเท่านั้น บิดาเมตตาสงสารบุตรของตนฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงเมตตาสงสารผู้ยำ�เกรงพระองค์ฉันนั้น

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:45-49 พี่น้อง ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า อาดัมมนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต อาดัมคนสุดท้าย เป็นจิตซึ่งประทานชีวิต สิ่งที่มาก่อนมิใช่กายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต แต่เป็นกายตามธรรมชาติ ภายหลังจึง เป็นกายทีม่ พี ระจิตเจ้าเป็นชีวติ มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดนิ มนุษย์คนทีส่ องมาจากสวรรค์ มนุษย์ ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คน อื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น เราเกิดมามีลักษณะเหมือนมนุษย์ดินฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์สวรรค์ ฉันนั้น บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 6:27-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำ�ลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่ สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบ ด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวง ของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำ�ต่อท่านอย่างไร ก็จงทำ�ต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรัก เฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำ�ดี เฉพาะต่อผู้ที่ทำ�ดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำ�เช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วย กันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำ�นวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำ�เหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยงิ่ ท่านจะเป็นบุตรของพระผูส้ งู สุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคน อกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้ อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่าน ใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” เราเกิดมามีลักษณะเหมือนอาดัมผู้เป็นมนุษย์ดินซึ่งทำ�บาปและต้องตายฉันใด โดยอาศัยพระเยซู คริสตเจ้า เราก็จะกลับคืนชีพและมีลักษณะเหมือนพระองค์ผู้ทรงเป็นมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น นี่คือความหวังในอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเรา และในเวลาเดียวกันก็เป็นการเผยให้เห็นสภาพในปัจจุบันของ เราด้วย หากแต่ละวันเรารู้จักคิดดีและปรารถนาดีต่อผู้ที่เกลียดชังเรา รู้จักให้อภัย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และ เมตตาผู้อื่นดังที่พระบิดาเจ้าทรงเมตตาเรา พระองค์ก็จะไม่ทรงทำ�ให้เราต้องผิดหวังเลย

02.indd 69

21/12/2561 14:48:46


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 93:1กข, 1คง-2,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 บสร 1:1-10 ปรีชาญาณทั้งมวลมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และอยู่กับพระองค์ตลอดไป เม็ด ทรายในทะเล หยาดนํา้ ฝน วันทีโ่ ลกคงอยู่ ใครเล่าจะนับได้ ความสูงของท้องฟ้า ความ กว้างของแผ่นดิน ความลึกแห่งห้วงสมุทร ใครเล่าจะสำ�รวจได้ ปรีชาญาณถูกเนรมิต ขึ้นมาก่อนสิ่งใด ความรู้รอบคอบมีมาแต่นิรันดร ใครเล่าได้รับการเปิดเผยถึงที่มาของ ปรีชาญาณ ใครเล่ารู้ความคิดลึกลํ้าของปรีชาญาณ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีปรีชา และน่าเกรงขาม คือพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิต ปรีชาญาณ ทอดพระเนตรเห็นและทรงวัดขนาด แล้วทรงหลั่งปรีชาญาณลงมายัง พระราชกิจทัง้ ปวงของพระองค์ พระองค์ประทานปรีชาญาณแก่มนุษย์ตามพระทัยกว้าง ขวางของพระองค์ ทรงแจกจ่ายแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์

พระวรสาร มก 9:14-29 เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรงเห็นประชาชนจำ�นวน มากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำ�ลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชน ทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำ�ลัง ถกเถียงเรือ่ งอะไรหรือ” คนหนึง่ ในกลุม่ ชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายทีป่ ศี าจสิงให้เป็น ใบ้มาเฝ้าพระองค์ เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง นํ้าลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอ ให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำ�ไม่สำ�เร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่ กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนัน้ มาเฝ้าพระองค์ ... พระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ... ถ้าพระองค์ทรงทำ�สิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำ�ได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไป ได้ทงั้ นัน้ สำ�หรับผูม้ คี วามเชือ่ ” ทันใดนัน้ บิดาของเด็กก็รอ้ งว่า “ข้าพเจ้าเชือ่ โปรดช่วยความเชือ่ เล็กน้อยของ ข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมือ่ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิง่ ขึน้ พระองค์จงึ ตรัสสำ�ทับปีศาจ ว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสัง่ เจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและ ทำ�ให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป เด็กนอนนิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปใน บ้านหลังหนึง่ บรรดาศิษย์ทลู ถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำ�ไมพวกเราจึงขับไล่มนั ไม่ได้” พระองค์ตรัส ตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น” “เราจะต้องทนอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด” นํ้าเสียงนี้บ่งบอกถึงความผิดหวังในบรรดาศิษย์ แต่ แทนที่พระเยซูเจ้าจะจมอยู่กับความผิดหวังและกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย อะไรที่ทำ�ได้ พระองค์ลงมือทำ� ทันที “จงพาเด็กมาพบเราเถิด” ทั้งๆ ที่ได้รับมอบอำ�นาจขับไล่ปีศาจแล้ว (มก 3:15) แต่บรรดาศิษย์กลับขับไล่ปีศาจที่สิงอยู่ในเด็กไม่สำ�เร็จ นั่นเป็นเพราะอำ�นาจที่เคยได้รับมาลดน้อยถอยลง อันเนื่องมาจากขาดการอธิษฐานภาวนาติดต่อสัมพันธ์กับ พระเจ้า ผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งพระพรและปรีชาญาณทั้งมวล

02.indd 70

21/12/2561 14:48:46


บทอ่านที่ 1 บสร 2:1-11 ลูกเอ๋ย ถ้าท่านปรารถนาจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จงเตรียมตัวรับการทดลอง เถิด จงมีใจเที่ยงตรงและมั่นคง อย่าตกใจเมื่อตกทุกข์ได้ยาก จงยึดพระองค์ไว้ อย่า พรากจากพระองค์ไปเลย เพื่อท่านจะได้รับเกียรติในวันสุดท้ายของท่าน จงยอมรับทุก สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าน จงพากเพียรเมื่อต้องเผชิญกับเคราะห์ร้าย เพราะทองคำ�ต้องถูก ทดลองในไฟฉันใด ผู้ที่พระเจ้าพอพระทัยก็ต้องรับการทดลองให้ตกตํ่าประหนึ่งอยู่ใน ไฟฉันนั้น จงวางใจในพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงช่วยเหลือท่าน จงเดินตามทางตรง และมีความหวังในพระองค์เถิด ท่านทั้งหลายที่ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จงรอรับพระ เมตตา อย่าเดินนอกทาง เพื่อจะไม่ต้องล้ม ท่านทั้งหลายที่ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า จงวางใจพระองค์ แล้วรางวัลของท่านจะไม่หลุดมือไป ท่านทั้งหลายที่ยำ�เกรงองค์ พระผูเ้ ป็นเจ้า จงหวังรับสิง่ ดี ความสุขนิรนั ดร และพระเมตตาจากพระองค์ จงพิจารณา คนรุ่นก่อนๆ ว่า มีใครบ้างที่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วต้องผิดหวัง มีใครบ้างที่ ยำ�เกรงพระองค์อย่างมั่นคงแล้วถูกทอดทิ้ง มีใครบ้างที่เรียกขานให้พระองค์ทรงช่วย แล้วพระองค์ไม่ทรงเหลียวแล เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามีพระทัยสงสารและเมตตา ทรง อภัยบาปและทรงช่วยให้รอดพ้นในยามทุกข์ร้อน

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 37:3-4,18-19, 27-28,39-40 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 9:30-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ผ่านแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องการ ให้ผู้ใดรู้ ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ และตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย เขาจะ ประหารชีวิตพระองค์ แต่เมื่อถูกประหารแล้ว ในวันที่สามพระองค์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจ พระวาจานี้ แต่ก็ไม่กล้าทูลถาม พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อเสด็จเข้าไปในบ้าน พระองค์ตรัส ถามเขาว่า “ท่านถกเถียงกันเรื่องอะไรขณะที่เดินทาง” เขาก็นิ่ง เพราะระหว่างทางเขาถกเถียงกันว่า ผู้ใดยิ่ง ใหญ่กว่ากัน พระองค์จึงประทับนั่ง แล้วทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคน ที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำ�ตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน” ครั้นแล้วพระองค์ทรงจูงเด็กเล็กๆ คน หนึ่งมายืนกลางกลุ่มพวกเขา ทรงโอบเด็กนั้นไว้ ตรัสว่า “ผู้ใดที่ต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ก็ ต้อนรับเรา และผู้ใดที่ต้อนรับเรา ก็มิใช่ต้อนรับเพียงเราเท่านั้น แต่ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามาด้วย” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคนที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำ�ตนเป็นคนสุดท้าย และเป็น ผู้รับใช้ของทุกคน” นั้น พระองค์ไม่ได้ห้ามเราทะเยอทะยานที่จะเป็นที่หนึ่ง แต่ทรงทำ�ให้ความทะเยอทะยาน ของเรามีความหมายใหม่และบริสุทธิ์สูงส่งยิ่งขึ้น พระองค์ทรงทดแทนความทะเยอทะยานทีจ่ ะอยูเ่ หนือคนอืน่ และให้คนอืน่ รับใช้ตน ด้วยความทะเยอทะยาน ที่จะรับใช้ผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ซึ่งเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดของบรรดาผู้ตํ่าต้อย ยากจน ขัดสน ไร้อิทธิพล ไร้เงิน ทอง ไร้อำ�นาจ และยังเป็นการรับใช้พระเจ้าที่ดีที่สุดอีกด้วย

02.indd 71

21/12/2561 14:48:47


บทอ่านที่ 1 บสร 4:11-19 ปรีชาญาณส่งเสริมบรรดาบุตรให้พฒ ั นาขึน้ และเอาใจใส่ดแู ลผูแ้ สวงหาปรีชาญาณ ผู้รักปรีชาญาณย่อมรักชีวิต ผู้ตื่นแต่เช้าแสวงหาปรีชาญาณย่อมมีความยินดีเต็มเปี่ยม ผูม้ ปี รีชาญาณจะได้รบั สิรริ งุ่ โรจน์เป็นมรดก ไม่วา่ เขาจะไปทีใ่ ด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรง อวยพรเขา ทุกคนที่รับใช้ปรีชาญาณย่อมถวายคารวกิจแด่พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ องค์พระผู้ สัปดาห์ที่ 7 เป็นเจ้าทรงรักทุกคนที่รักปรีชาญาณ ผู้เชื่อฟังปรีชาญาณย่อมตัดสินนานาชาติ ผู้คอย เทศกาลธรรมดา เฝ้าปรีชาญาณจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ผู้ใดวางใจในปรีชาญาณ ผู้นั้นก็จะได้รับ สดด 119:165 และ 168, ปรีชาญาณเป็นมรดก บรรดาบุตรหลานก็จะรักษาปรีชาญาณไว้เป็นมรดกด้วย ในเบื้อง 171-172,174-175 ต้น ปรีชาญาณจะนำ�เขาไปตามทางคดเคี้ยว ทำ�ให้เขากลัวและตกใจ จะเคี่ยวเข็ญเขา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ด้วยการอบรมเคร่งครัด และลองใจเขาด้วยกฎเกณฑ์ จนกว่าปรีชาญาณจะไว้ใจเขาได้ แล้วจะกลับไปหาเขาทันที ทำ�ให้เขายินดี และจะเปิดเผยความลับแก่เขา ถ้าเขาหลงไป ทางอื่น ปรีชาญาณก็จะทอดทิ้งเขา ปล่อยเขาให้พินาศ พระวรสาร มก 9:38-40 เวลานั้น ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ ปีศาจเดชะพระนามพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับ เรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มใี ครทำ�อัศจรรย์ในนามของเรา แล้ว ต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” พระองค์กำ�ลัง สอนเราให้ “ใจกว้าง” ต่อคนต่างพวก ต่างกลุม่ ต่างความเชือ่ ต่างความคิด ต่างความเห็น ตราบเท่าที่ไม่มีการต่อต้านซึ่งกันและกัน เราจึงต้องยอมรับสิทธิที่จะคิด จะเชื่อ และจะพูดของผู้อื่น แล้วปล่อยให้ผลงานของ เขาเป็นเครื่องพิสูจน์ และแม้ผลงานที่ออกมาจะพิสูจน์ว่าเขาผิด เราอาจเกลียดความคิด และความเชื่อของเขาได้ แต่จะเกลียดคนไม่ได้เด็ดขาด

02.indd 72

21/12/2561 14:48:47


บทอ่านที่ 1 บสร 5:1-8 อย่าวางใจในทรัพย์สมบัตขิ องท่าน อย่าพูดว่า “ฉันไม่ตอ้ งพึง่ ใคร” อย่าคล้อยตาม ความโน้มเอียงและกำ�ลังของท่าน จนทำ�ทุกอย่างที่ใจปรารถนา อย่าพูดว่า “ใครจะมา มีอำ�นาจเหนือฉัน” เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษท่านอย่างแน่นอน อย่าอวด ว่า “ฉันทำ�บาปก็ไม่เห็นเป็นไร” เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงรูจ้ กั คอยเวลาของพระองค์ อย่ามั่นใจว่าจะได้รับอภัย จนทำ�บาปมากยิ่งขึ้น อย่าพูดว่า “พระเมตตาของพระองค์ ใหญ่ยิ่งนัก พระองค์จะทรงอภัยบาปมากมายของฉัน” เพราะพระองค์ทั้งทรงให้อภัย และทรงลงโทษ พระองค์จะทรงลงโทษคนบาปเมื่อใดก็ได้ อย่ารีรอที่จะกลับมาหาองค์ พระผู้เป็นเจ้า และอย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษโดย ฉับพลัน และท่านจะพินาศในวันพิพากษา อย่าวางใจในทรัพย์สมบัติที่ได้มาอย่าง อยุติธรรม ทรัพย์สินเช่นนี้จะไม่เป็นประโยชน์ในวันเคราะห์ร้าย

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 1:1-2,3,4 และ 6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 9:41-50 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์วา่ “ผูใ้ ดให้นาํ้ ท่านดืม่ เพียงแก้วหนึง่ เพราะ ท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขาจะได้บ�ำ เหน็จรางวัลอย่าง แน่นอน” “ผูใ้ ดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆ ทีม่ คี วามเชือ่ เหล่านีท้ �ำ บาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วย หินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่ากระทำ�ดังกล่าว ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่าน ทำ�บาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีมือข้างเดียว ยังดีกว่ามีมือทั้ง สองข้างแต่ตอ้ งตกนรกในไฟทีไ่ ม่รดู้ บั ถ้าเท้าข้างหนึง่ ของท่านเป็นเหตุให้ทา่ นทำ�บาป จง ตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้าข้างเดียว ยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ ถูกโยนลงนรก ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำ�บาป จงควักมันออกเสีย ท่าน จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้อง ถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตาย ไฟไม่รู้ดับ เพราะทุกคนจะถูกดองด้วยเกลือและ ไฟ เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือจืด ท่านจะนำ�สิ่งใดมาทำ�ให้เกลือเค็มได้อีก จงมีเกลือไว้ ในท่านเถิด และจงอยู่อย่างสันติกับผู้อื่น” หินโม่ทพี่ ระเยซูเจ้ากล่าวถึงเป็นหินโม่ขนาดใหญ่ทใี่ ช้ลาลาก หากผูใ้ ดถูกหิน โม่แบบนี้ผูกคอทิ้งทะเลย่อมหมดโอกาสหวนกลับมาจากใต้ท้องทะเลอย่างแน่นอน เหตุที่พระองค์ทรงคาดโทษรุนแรงเช่นนี้ก็เพราะว่า ลำ�พังการทำ�บาปก็ถือว่าร้ายแรง สุดๆ แล้ว แต่การสอนผู้อื่นให้ทำ�บาปนั้นยิ่งร้ายแรงกว่าอีกเพราะจะเกิดการสอนต่อๆ กัน ไปไม่รู้จักสิ้นสุด ผลเสียที่เกิดขึ้นจึงมากเกินกว่าจะประมาณการได้ อนึง่ เรายอมผ่าตัดอวัยวะบางส่วนทิง้ ไปเพือ่ รักษาชีวติ ฝ่ายกายไว้ฉนั ใด เพือ่ รักษาชีวติ ฝ่ายวิญญาณซึ่งคงอยู่ตลอดไป เรายิ่งต้องพร้อมสละทุกสิ่งฉันนั้น

02.indd 73

21/12/2561 14:48:48



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.