บทอ่านที่ 1
อัฐมวารปัสกา สดด 118:1-2 และ 4, 22-24,25-27ก วันศุกร์ต้นเดือน
พระวรสาร
กจ 4:1-12
ขณะที่เปโตรและยอห์นก�ำลังปราศรัยกับประชาชนอยู่นั้น บรรดาสมณะพร้อมกับ นายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาชาวสะดูสไี ด้เข้ามาพบ เขาไม่พอใจมากทีท่ งั้ สองคน สั่งสอนประชาชนและประกาศว่าบรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพเพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับ คืนพระชนมชีพ เขาจับกุมเปโตรและยอห์นจองจ�ำไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น... วันรุง่ ขึน้ บรรดาผูป้ กครอง ผูอ้ าวุโสและธรรมาจารย์มาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม ...เขาน�ำเปโตรและยอห์นมาอยูก่ ลางทีป่ ระชุม แล้วเริม่ ซักถามว่า “ท่านทัง้ สองคนท�ำการ โดยอ�ำนาจหรือในนามของผู้ใด” เปโตรเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้ากล่าวกับเขาว่า “ท่านผู้ ปกครองประชาชน และผู้อาวุโสทั้งหลาย วันนี้เราท�ำความดีรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เราจึง ถูกสอบสวนว่าคนนีห้ ายจากโรคได้อย่างไร... ชายคนนีห้ ายจากโรคมายืนอยูต่ อ่ หน้าท่าน ทั้งหลาย ก็เพราะพระนามพระเยซูคริสตเจ้าชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านน�ำไปตรึงกางเขน แต่ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูเจ้าองค์นี้ทรงเป็น ศิลาซึ่งท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อสร้างขว้างทิ้ง แต่ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม...
ยน 21:1-14
หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงส�ำแดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่องราว เป็นดังนี้ ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมนเปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่ง มาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน ซีโมนเปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้น ทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้องถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจ�ำนวนมาก ศิษย์ที่พระเยซู เจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่า เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็ หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล... เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ พระเยซูเจ้าตรัส กับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่ง... พระเยซูเจ้าตรัส กับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน... บางครั้ง สถานการณ์ที่ดูเหมือนสิ้นหวัง พระเยซูเจ้าเองเป็นผู้ที่เข้ามาชี้หนทาง บรรดาศิษย์ที่ เหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ เพราะหาปลาไม่ได้เลย ได้พบกับความส�ำเร็จ สมหวัง จับปลาได้เป็นจ�ำนวนมาก เมื่อพวกเขา ฟังค�ำแนะน�ำของพระเยซูเจ้าและปฏิบัติตาม บางทีในชีวิต คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรในสถานการณ์ ที่ยากล�ำบาก การเปิดใจ แล้วฟังเสียงรอบข้าง ก็อาจพบทางออกที่ดีที่สุด เหมือนกับสถานการณ์ของเปโตรและยอห์น ท่ามกลางสถานการณ์ของการถูกไต่สวน เมื่อพวกเขาเปิดใจฟังเสียงของพระจิตเจ้า พวกเขาสามารถผ่านพ้นช่วงเวลา ที่เลวร้าย ทั้งยังสามารถประกาศยืนยันความเชื่อเรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าได้อย่างกล้าหาญ
บทอ่านที่ 1
กจ 4:13-21
เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นว่าเปโตรและยอห์นพูดอย่างกล้าหาญ ทั้งรู้วา่ ทั้งสองคนไม่ เคยได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้พิเศษใดๆ ก็ประหลาดใจและระลึกได้ว่าทั้งสอง คนเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นคนที่หายจากโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงสั่งให้ทั้งสองคนออกไปนอกห้องประชุม แล้วเริ่มปรึกษากันว่า “เราจะท�ำอย่างไรกับทั้งสองคนนี้ดี” เพราะเขาท�ำการอัศจรรย์เด่นชัด ทุกคนที่อยู่ใน กรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าเขาท�ำเครื่องหมายอัศจรรย์นี้อย่างเปิดเผย เราไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ เราต้องขู่เขา อย่าให้กล่าวถึงนามนั้นแก่ผู้ใด เพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เล่าลือแพร่หลายไปใน หมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น” เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นเข้ามา สั่งอย่างเด็ดขาดมิให้พูดหรือสอนในพระนาม พระเยซูเจ้าอีก เปโตรและยอห์นย้อนถามว่า “ท่านทัง้ หลายจงตัดสินเถิดว่าอะไรเป็นการ ถูกต้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า จะฟังท่านหรือจะฟังพระเจ้า เราจ�ำเป็นต้องพูดถึง สิง่ ทีเ่ ราได้เห็นและได้ยนิ มา” ทีป่ ระชุมขูส่ ำ� ทับทัง้ สองคนอีกครัง้ หนึง่ แล้วปล่อยไป เพราะ ไม่พบสาเหตุทจี่ ะลงโทษและเพราะกลัวประชาชน ทุกคนต่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พระวรสาร
อัฐมวารปัสกา สดด 118:1 และ 14-15, 16-18,19-21
มก 16:9-15
หลังจากทีท่ รงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรูว่ นั ต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงส�ำแดงพระองค์แก่มารีย์ ชาวมักดาลาเป็นคนแรก นางคือผูท้ พี่ ระองค์เคยทรงไล่ปศี าจเจ็ดตนออกไป นางจึงไปบอกผูท้ กี่ ำ� ลังร้องไห้เป็น ทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางพูดว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางเห็นพระองค์ แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ หลังจากนัน้ พระองค์ทรงส�ำแดงพระองค์ในรูปแตกต่างไปกับศิษย์สองคนซึง่ ก�ำลังเดินทางไปชนบท เขา ทั้งสองคนกลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน ในที่สุด พระองค์ทรงส�ำแดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบเอ็ดคนขณะที่เขาก�ำลังร่วมโต๊ะกินอาหารอยู่ ทรง ต�ำหนิพวกเขาที่ไม่ยอมเชื่อและมีใจแข็งกระด้าง เพราะไม่ยอมเชื่อผู้ที่เห็นพระองค์เมื่อทรงกลับคืนพระชนม ชีพแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง
ใครก็ตามที่ยอมรับพระเยซูเจ้า พระองค์สามารถเปลี่ยนความคิด ชีวิต และจิตใจของเขา การใช้เวลาอยู่กับพระเยซูเจ้า สนทนากับพระองค์ ท�ำให้มารีย์ ชาวมักดาลา สามารถเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ จากที่เคยปรารถนาจะให้พระเยซูผู้ที่ตนรักอยู่ด้วยนานๆ ไปสู่การยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะท�ำ ตามความต้องการของบุคคลที่ตนรัก เหมือนกับเปโตรและยอห์น ที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาสมาชิกสภา ซันเฮดริน ในสิง่ ทีพ่ วกเขาได้พดู อย่างฉลาด ทัง้ ๆ ทีไ่ ม่เคยได้รบั การศึกษามาก่อน ในทีส่ ดุ สมาชิกสภาก็ระลึกได้วา่ พวกเขา เคยอยู่กับพระเยซูเจ้า บางทีในชีวิต หากคิดจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงบางสิ่ง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ก็ลอง “วางใจ” ให้เวลาอยู่กับพระดูบ้าง อาจพบค�ำตอบ
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ฉลองพระเมตตา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
กจ 5:12-16
บรรดำอัครสำวกท�ำเครื่องหมำยอัศจรรย์และปำฏิหำริย์หลำยประกำรในหมู่ ประชำชน ผูม้ คี วำมเชือ่ ทุกคนมักจะมำชุมนุมกันทีเ่ ฉลียงซำโลมอน ไม่มผี อู้ นื่ กล้ำเข้ำมำ รวมกลุม่ กับเขำ แต่ประชำชนต่ำงยกย่องเขำอย่ำงมำก ผูม้ คี วำมเชือ่ ในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ เพิ่มจ�ำนวนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งชำยและหญิง ประชำชนน�ำผู้ป่วยมำที่ลำนสำธำรณะ วำงไว้บน ที่นอนและแคร่ อย่ำงน้อยเพื่อให้เงำของเปโตรที่เดินผ่ำนมำทอดปกคลุมผู้ป่วยบำงคน ประชำชนจำกเมืองต่ำงๆ รอบกรุงเยรูซำเล็มมำชุมนุมกัน น�ำผู้ป่วยและผู้ที่ถูกปีศำจชั่ว ร้ำยทรมำนมำที่นั่นด้วย ทุกคนได้รับกำรรักษำให้หำย
เพลงสดุดี
สดด 118:2 และ 4,22-24,25-27
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์
วว 1:9-11ก,12-13,17-19
ก) เผ่ำพันธุ์อิสรำเอลจงกล่ำวว่ำ “ควำมรักมั่นคงของพระองค์ด�ำรงอยู่เป็นนิตย์” ผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้ำจงกล่ำวว่ำ “ควำมรักมั่นคงของพระองค์ด�ำรงอยู่เป็นนิตย์” ข) ศิลำซึ่งช่ำงก่อสร้ำงทิ้งไป กลำยเป็นศิลำหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงกระท�ำกำรนี้ เป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ตำของเรำ นี่คือวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงสร้ำง เรำจงยินดีและมีควำมสุขเถิด ค) ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ โปรดทรงช่วยให้รอดพ้น ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ โปรดประทำนชัยชนะเถิด ท่ำนผู้มำในพระนำมองค์พระผู้เป็นเจ้ำจงได้รับพระพร เรำอวยพรท่ำนทั้งหลำยจำกบ้ำนขององค์พระผู้เป็นเจ้ำ
ข้ำพเจ้ำคือยอห์น พี่น้องผู้ร่วมทุกข์ในกำรถูกเบียดเบียนกับท่ำนทั้งหลำย ผู้ร่วม ในพระอำณำจักรและในกำรเพียรทนเดชะพระเยซูเจ้ำ ข้ำพเจ้ำมำอยู่ที่เกำะชื่อปัทมอส เพรำะพระวำจำของพระเจ้ำและเพรำะกำรเป็นพยำนถึงพระเยซูเจ้ำ ในวันขององค์พระ ผู้เป็นเจ้ำวันหนึ่ง พระจิตเจ้ำทรงบันดำลให้ข้ำพเจ้ำตกอยู่ในภวังค์ และได้ยินเสียงดังดุจ เสียงแตรอยูเ่ บือ้ งหลังข้ำพเจ้ำ เสียงนัน้ กล่ำวว่ำ “จงเขียนสิง่ ทีท่ ำ่ นเห็นไว้ในม้วนหนังสือ และส่งไปให้พระศำสนจักรทั้งเจ็ดแห่ง” ข้ำพเจ้ำหันไปดูว่ำผู้ใดก�ำลังพูดกับข้ำพเจ้ำ เมื่อ หันไปแล้ว ข้ำพเจ้ำก็เห็นเชิงตะเกียงทองค�ำเจ็ดเชิง ในกลุม่ เชิงตะเกียงเหล่ำนัน้ ข้ำพเจ้ำ เห็นผู้หนึ่งคล้ำยบุตรแห่งมนุษย์ สวมเสื้อยำวกรอมเท้ำ มีผ้ำทองคำดที่อก เมื่อเห็นเขำ ข้ำพเจ้ำล้มลงแทบเท้ำของเขำเหมือนคนตำย แต่เขำวำงมือขวำบน
ตัวข้าพเจ้า กล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นทั้งเบื้องต้นและบั้นปลาย เราเป็นผู้มีชีวิต เราตายไปแล้ว แต่ บัดนี้เรามีชีวิตอยู่ตลอดนิรันดร เรามีอ�ำนาจเหนือความตายและเหนือแดนผู้ตาย ดังนั้นจงเขียนสิ่งที่ท่าน ได้เห็น คือ สิ่งที่ก�ำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น
ยน 20:19-31
ค�่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์ก�ำลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนีแ้ ล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดพู ระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมือ่ เขาเหล่านัน้ เห็นองค์พระ ผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่ง เรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลาย อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้ รับการอภัยด้วย” โทมัส ซึง่ เรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึง่ ในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไม่ได้อยูก่ บั อัครสาวกคน อื่นๆ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอื่นบอกเขาว่า “พวกเราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบ ว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคล�ำ ที่ด้านข้างพระวรกาย ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลางทั้งๆ ที่ประตูปิดอยู่ ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสขุ จงสถิตกับท่านทัง้ หลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิว้ มาทีน่ ี่ และดูมอื ของเราเถิด จงเอา มือมาที่นี่ คล�ำที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็น เจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข” พระเยซูเจ้ายังทรงกระท�ำเครื่องหมายอัศจรรย์อื่นอีกหลายประการให้บรรดาศิษย์เห็น แต่ไม่ได้ บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระ คริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า และเมือ่ มีความเชือ่ นีแ้ ล้ว ท่านทัง้ หลายก็จะมีชวี ติ เดชะพระนามพระองค์ ใครทีเ่ ปิดใจให้กบั พระเจ้า “ความกลัว” จะถูกขจัดไป ด้วยสันติสขุ ทีพ่ ระเจ้าน�ำมาแทนที่ เหมือน กับบรรดาอัครสาวก ที่ไม่กล้าออกไปท�ำหน้าที่ แต่เมื่อพวกเขาเปิดใจให้กับพระเยซูผู้มาประทับอยู่ด้วย พระองค์ ทรงประทานพระจิตเจ้าให้กับพวกเขา เช่นเดียวประสบการณ์ของกลุ่มผู้มีความเชื่ออื่นๆ ที่ไม่กล้าเข้าร่วมกลุ่มกับ บรรดาอัครสาวก เพราะกลัวการถูกเบียดเบียน แต่เมื่อพวกเขาเปิดใจ มองดูเครื่องหมายอัศจรรย์แห่งความรักที่ เกิดขึ้นในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความซื่อสัตย์ จริงใจในหน้าที่ ด้วยความเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน สมาชิกในกลุ่มของพวกเขาทวีจ�ำนวนเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างของนักบุญยอห์นในวิวรณ์ ก็สอนเราเช่นเดียวกัน ที่แม้ ท่านจะตกใจกลัวในเครื่องหมายที่ได้เห็น แต่เมื่อท่านเปิดใจฟังเสียงของพระเจ้าและปฎิบัติตาม ด้วยการบันทึกสิ่ง ที่เกิดขึ้น มรดกล�้ำค่าที่ท่านได้เขียนจึงตกทอดมาถึงเราผู้อ่านทุกคน
สมโภชการแจ้งสาร เรื่องพระวจนาตถ์ ทรงรับสภาพมนุษย์ สดด 40:6,7-8,9,10
พระวรสาร
บทอ่านที่ 1
อสย 7:10-14
บทอ่านที่ 2
ฮบ 10:4-10
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ของพระองค์ ให้ทรงส่งเครือ่ งหมายจากทีล่ กึ ของแดนผูต้ าย หรือจากทีส่ งู เบือ้ งบนเถิด” แต่กษัตริย์อาคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด... องค์พระผู้เป็น เจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และ ให้ก�ำเนิดบุตรชายและนางจะเรียกเขาว่า ‘อิมมานูเอล’ แปลว่า ‘พระเจ้าสถิตกับเรา’” เพราะเลือดโคเพศผู้และเลือดแพะช�ำระบาปให้หมดสิ้นไปไม่ได้ ดังนั้น เมื่อ พระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชาและของถวายอื่นใด พระองค์จึงทรงเตรียม ร่างกายไว้ให้ขา้ พเจ้า พระองค์ไม่พอพระทัยในเครือ่ งเผาบูชาและเครือ่ งบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับ ข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”...
ลก 1:26-38
เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้น กาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผูท้ พี่ ระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยค�ำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า ค�ำทักทายนี้ หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตัง้ ครรภ์และให้กำ� เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุด จะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริยด์ าวิดบรรพบุรษุ ให้ แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์น้ีจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่ เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือน แล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระท�ำไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป ค�ำตอบที่พระมารดามารีย์ให้กับทูตสวรรค์ เป็นการน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความถ่อม ตน ซึ่งต่อมาเราจะได้ยินการน้อมรับนี้ในพระบุตรของพระนาง คือ พระเยซูเจ้า ต่อพระประสงค์ของพระบิดาในสวน เกทเสมนี ในชีวติ ของเราก็มวี นั เวลาทีเ่ ราจะต้องตัดสินใจว่า เราจะท�ำตามความต้องการของเราเอง หรือน้อมรับต่อสิง่ ทีเ่ รารูว้ า่ เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าส�ำหรับเรา ขอให้เราได้รบั การดลใจจากพระเยซูเจ้าและพระมารดาของพระองค์
บทอ่านที่ 1
กจ 4:32-37
เวลำนั้น กลุ่มผู้มีควำมเชื่อด�ำเนินชีวิตเป็นน�้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่คิดว่ำสิ่งที่ตนมี เป็นกรรมสิทธิ์ของตน แต่ทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม บรรดำอัครสำวกยังคงเป็นพยำนยืนยันถึงกำรกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้ำด้วยเครื่องหมำยอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ และทุกคนได้รับควำมเคำรพนับถือ อย่ำงสูง ในกลุม่ ของเขำไม่มใี ครขัดสน ผูใ้ ดมีทดี่ นิ หรือบ้ำนก็ขำยและมอบเงินทีไ่ ด้ให้บรรดำ อัครสำวก เพื่อแจกจ่ำยให้ผู้มีควำมเชื่อแต่ละคนตำมควำมต้องกำร ชำยคนหนึ่งชื่อโยเซฟ บรรดำอัครสำวกเรียกเขำว่ำ บำรนำบัส ซึ่งแปลว่ำ บุตรแห่ง กำรให้กำ� ลังใจ เขำเป็นคนเผ่ำเลวีชำวเกำะไซปรัส เขำมีทดี่ นิ แปลงหนึง่ ซึง่ เขำขำย น�ำเงิน มำมอบให้บรรดำอัครสำวกด้วย
พระวรสาร
ยน 3:7-15
เวลำนัน้ พระเยซูเจ้ำตรัสกับนิโคเดมัสว่ำ “อย่ำประหลำดใจถ้ำเรำบอกท่ำนว่ำ ท่ำน ทัง้ หลำยจ�ำเป็นต้องเกิดใหม่จำกเบือ้ งบน ลมย่อมพัดไปในทีท่ ลี่ มต้องกำร ท่ำนได้ยนิ เสียง ลมพัดแต่ไม่รู้ว่ำ ลมพัดมำจำกไหน และจะพัดไปไหน ทุกคนที่เกิดจำกพระจิตเจ้ำก็เป็น เช่นนี้” นิโคเดมัสทูลถำมพระองค์ว่ำ “เหตุกำรณ์เช่นนี้จะเป็นไปได้อย่ำงไร” พระเยซู เจ้ำตรัสตอบว่ำ “ท่ำนเป็นอำจำรย์ของชำวอิสรำเอล ท่ำนไม่รู้เรื่องเหล่ำนี้หรือ เรำบอก ควำมจริงแก่ท่ำนว่ำ เรำก�ำลังพูดถึงเรื่องที่เรำรู้และเป็นพยำนถึงเรื่องที่เรำเห็น แต่ท่ำน ทัง้ หลำยไม่ยอมรับค�ำยืนยันของเรำ ถ้ำท่ำนทัง้ หลำยไม่เชือ่ เมือ่ เรำพูดถึงเรือ่ งทีเ่ กีย่ วกับ โลกนี้ ท่ำนจะเชื่อได้อย่ำงไรเมื่อเรำจะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสวรรค์ ไม่มใี ครเคยขึน้ ไปบนสวรรค์ นอกจำกผูท้ ลี่ งมำจำกสวรรค์ คือบุตรแห่งมนุษย์เท่ำนัน้ โมเสสยกรูปงูขนึ้ ในถิน่ ทุรกันดำรฉันใด บุตรแห่งมนุษย์กจ็ ะต้องถูกยกขึน้ ฉันนัน้ เพือ่ ทุก คนที่มีควำมเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร” “ควำมจริงใจ” เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องกำร พระเยซูเจ้าสามารถเปลี่ยนความ คิดของนิโคเดมัส จากทีเ่ คยมีทา่ ทีของการเป็นศัตรู มาสูก่ ารเป็นมิตรแท้ เพราะพระองค์ทรงพูด ในสิ่งที่รู้ ยืนยันในสิ่งที่พระองค์เห็น เป็นพยานด้วยการด�าเนินชีวิตของพระองค์เอง ศิษย์ของ พระเยซูเจ้าก็เลียนแบบในสิง่ ทีพ่ ระองค์สอน และกลุม่ ของพวกเขาได้รบั ความเคารพนับถือ ไม่มี ใครขัดสน เพราะพวกเขาจริงใจต่อกัน เป็นพยานด้วยการด�าเนินชีวติ เป็นน�า้ หนึง่ ใจเดียวกัน ไม่ ยึดติดกับสิ่งทีต่ นมี แต่พร้อมแบ่งปันให้กบั คนทีต่ ้องการ...อย่าลืมว่า ผูค้ นจะยอมรับในสิง่ ที่เรารู้ และพูด เมื่อพวกเขาเห็นในสิ่งที่เราปฏิบัติ
น.วินเซนต์ แฟร์เรร์ พระสงฆ์ สดด 93:1-2กข, 2ค-4,5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา
สดด 34:1-2,3-4, 5-6,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันจักรี
บทอ่านที่ 1
กจ 5:17-26
พระวรสาร
ยน 3:16-21
ในครัง้ นัน้ มหาสมณะและทุกคนทีอ่ ยูก่ บั เขาคือกลุม่ ชาวสะดูสี มีความอิจฉาอย่าง ยิ่ง จึงจับกุมบรรดาอัครสาวกและจองจ�ำไว้ในคุกสาธารณะ เวลากลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดประตูคุก น�ำบรรดา อัครสาวกออกไป สั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถี ชีวิตใหม่นี้ให้ประชาชนฟังเถิด” เมื่อบรรดาอัครสาวกได้ฟังดังนั้น ก็เข้าไปในพระวิหาร ตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มสั่งสอนที่นั่น เมื่อมหาสมณะและทุกคนที่อยู่กับเขามาถึง ก็เรียกประชุมสภาซันเฮดรินและ บรรดาผู้อาวุโสทุกคนของอิสราเอล แล้วให้พนักงานไปที่คุกน�ำตัวบรรดาอัครสาวกออก มา แต่เมื่อพนักงานไปถึง ก็ไม่พบบรรดาอัครสาวกอยู่ในคุกแล้ว จึงกลับมารายงานว่า “พวกเราพบคุกปิดไว้อย่างแน่นหนาและคนเฝ้าก็ยืนรักษาการณ์อยู่ที่ประตู แต่เมื่อเรา เปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบผูใ้ ดเลยสักคน” เมือ่ นายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาหัวหน้า สมณะได้ยินถ้อยค�ำเหล่านี้ ต่างรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้นเอง มีคนหนึ่งมา บอกว่า “ดูซิ คนเหล่านัน้ ทีท่ า่ นทัง้ หลายจองจ�ำไว้ในคุก ก�ำลังยืนสัง่ สอนประชาชนอยูใ่ น พระวิหาร” นายทหารรักษาพระวิหารพร้อมกับนายทหารยามจึงไปน�ำบรรดาอัครสาวกมา โดยไม่ใช้ก�ำลัง เพราะเกรงประชาชนจะขว้างด้วยก้อนหิน เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทาน พระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพือ่ ทุกคนทีม่ คี วามเชือ่ ในพระบุตรจะไม่พนิ าศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูก ตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อ ในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษ ก็คือความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะ การกระท�ำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ท�ำความชั่วย่อมเกลียดความสว่างและไม่เข้าใกล้ ความสว่าง เกรงว่าการกระท�ำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริง ย่อม เข้าใกล้ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาท�ำนั้นได้ท�ำโดยพึ่งพระเจ้า”
ความรักที่แท้ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มัวเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พระเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความรัก แท้ที่มีต่อโลก ด้วยการให้แม้กระทั่งสิ่งที่รักที่สุด คือพระบุตร เพื่อให้โลกไม่สะดุด และต้องพินาศไป ...สาเหตุที่ท�ำให้ มหาสมณะ และบรรดาชาวสะดูสีไม่ประสบความส�ำเร็จ และอิจฉาบรรดาอัครสาวกที่ได้รับการดูแลจากพระเจ้า และ การตอบสนองที่ดีจากบรรดาประชาชน นั่นก็เพราะว่า มหาสมณะและชาวสะดูสีเรียกร้องกฎเกณฑ์แห่งความรักเพื่อ ตนเอง ในขณะที่บรรดาอัครสาวกเรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติด้วยความเคารพรักย�ำเกรงต่อพระเจ้า อย่าลืมว่าแม้เรา แต่ละคนจะมีพื้นฐานประสบการณ์ของความรักที่แตกต่างกัน แต่คุณค่าพื้นฐานเหมือนกันที่ความรักแท้ต้องการคือ ไม่ เห็นแก่ตัว
บทอ่านที่ 1
กจ 5:27-33
ในครั้งนั้น เขำน�ำบรรดำอัครสำวกมำยังสภำซันเฮดริน มหำสมณะจึงกล่ำวหำว่ำ “เรำก�ำชับท่ำนทั้งหลำยอย่ำงแข็งขันแล้ว ไม่ให้สอนโดยออกนำมนี้ แต่ท่ำนยังขืนน�ำ ค�ำสอนของตนมำแพร่ไปทั่วกรุงเยรูซำเล็ม และต้องกำรให้โลหิตของคนคนนี้ตกอยู่กับ เรำ” เปโตรและบรรดำอัครสำวกตอบว่ำ “เรำต้องเชื่อฟังพระเจ้ำยิ่งกว่ำเชื่อฟังมนุษย์ พระเจ้ำแห่งบรรพบุรษุ ของเรำทรงบันดำลให้พระเยซูเจ้ำทีท่ ำ่ นทัง้ หลำยประหำรชีวติ โดย ตรึงบนไม้กำงเขนนั้นกลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้ำทรงยกพระองค์ท่ำนขึ้นประทับเบื้อง ขวำในฐำนะเป็นหัวหน้ำและผู้กอบกู้ เพื่อให้อิสรำเอลกลับใจและรับกำรอภัยบำป เรำ ทั้งหลำยเป็นพยำนในเรื่องนี้ และพระจิตเจ้ำซึ่งพระเจ้ำประทำนแก่ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์ ก็ทรงเป็นพยำนด้วย” เมื่อได้ฟังดังนี้ทุกคนในสภำซันเฮดรินรู้สึกโกรธเคืองอย่ำงมำก อยำกจะฆ่ำบรรดำอัครสำวก
พระวรสาร
ยน 3:31-36
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับนิโคเดมัสว่ำ “ผูท้ มี่ ำจำกเบือ้ งบนย่อมอยูเ่ หนือทุกคน ผูท้ มี่ ำจำกแผ่นดินนี้ ย่อมเป็นของแผ่นดิน นี้ และพูดอย่ำงคนของแผ่นดินนี้ ผูท้ มี่ ำจำกสวรรค์ยอ่ มอยูเ่ หนือทุกคน เขำเป็นพยำนถึง สิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน แต่ไม่มีใครยอมรับค�ำพยำนยืนยันของเขำ ผู้ที่รับค�ำพยำนยืนยัน ของเขำ ก็รับรองว่ำพระเจ้ำทรงสัตย์จริง ผู้ที่พระเจ้ำทรงส่งมำนั้นย่อมกล่ำวพระวำจำ ของพระเจ้ำ เพรำะพระเจ้ำประทำนพระจิตเจ้ำให้เขำอย่ำงไม่จ�ำกัด พระบิดำทรงรักพระ บุตร และทรงมอบทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบุตร ผู้ใดมีควำมเชื่อในพระบุตรย่อมมี ชีวิตนิรันดร ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระบุตร จะไม่พบชีวิตนั้น กำรลงโทษของพระเจ้ำก�ำลัง อยู่เหนือเขำแล้ว” วำจำนั้นส�ำคัญ อย่าพยายามเอามันส์...แค่ได้พูด คนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นใบ้ พูด อะไรก็ได้ในสิ่งที่ตนคิด แต่คนที่มีชีวิตพระอยู่ในใจ เพื่อให้ใครๆ รู้ว่าเขาเป็นลูกพระนั้น จ�าเป็น ต้องพูดดี มีพระหนุนน�า ในค�าที่พูด พร้อมกับเป็นพยานด้วยการท�าในสิ่งที่ตนได้พูด แม้บรรดา อัครสาวกจะถูกเบียดเบียน ห้ามไม่ให้สอน ไม่ให้พูดออกนามพระเจ้า แต่ชีวิตพระในใจของพวก เขา ที่พร้อมจะแบ่งปัน ยืนยันถึงสิ่งที่ตนเชื่อ พร้อมกับปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายจากพระ อาจารย์ ผ่านวันเวลา จึงไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้..ดังนั้น..ค�าพูดจึงส�าคัญ เพราะอย่าง น้อยก็ท�าให้รู้ว่า คนพูดมีอะไรในความคิด...
ระลึกถึง น.ยอห์น แบปติสต์ เดอ ลาซาล พระสงฆ์ สดด 34:1,8,16-18, 19-20 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา สดด 27:1,4,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร
กจ 5:34-42
ขณะนัน้ อาจารย์กฎหมายชาวฟาริสคี นหนึง่ ชือ่ กามาลิเอล เป็นทีเ่ คารพนับถือของ ประชาชน ยืนขึ้นในสภาซันเฮดรินและขอให้น�ำบรรดาอัครสาวกออกไปข้างนอกสักครู่ หนึ่ง แล้วจึงกล่าวแก่บรรดาสมาชิกสภาว่า “ชาวอิสราเอลทั้งหลาย ท่านจะท�ำอะไรกับ คนเหล่านี้ ก็จงคิดให้ดีเสียก่อน เมื่อไม่นานมานี้ คนคนหนึ่งชื่อเทวดัสตั้งตนเป็นผู้วิเศษ คนประมาณสี่ร้อยคนติดตามเขา แต่เมื่อเขาถูกฆ่า ทุกคนที่ติดตามเขาก็กระจัดกระจาย ไปจนหมดสิ้น หลังจากนัน้ ในสมัยส�ำรวจจ�ำนวนประชาชน ก็มยี ดู าสชาวกาลิลี ชักจูงประชาชนให้ มาติดตามตน แต่เขาก็ถูกฆ่าด้วย ทุกคนที่ติดตามเขาก็กระจัดกระจายไป บัดนี้ข้าพเจ้า ขอบอกท่านทั้งหลายว่า จงเลิกสนใจคนเหล่านี้และปล่อยเขาไปเถิด เพราะถ้าแผนการ และกิจการของเขามาจากมนุษย์ แผนการและกิจการนั้นก็จะสลายไปเอง แต่ถ้ามาจาก พระเจ้า ท่านทั้งหลายจะท�ำลายเขาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ท่านจะกลับเป็นผู้ต่อสู้กับพระเจ้า เสียเอง” ทุกคนเห็นด้วยกับกามาลิเอล จึงส่งคนไปเรียกบรรดาอัครสาวกเข้ามา สัง่ ให้เฆีย่ น และก�ำชับมิให้พูดในพระนามพระเยซูเจ้า แล้วปล่อยตัวไป...
ยน 6:1-15
หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลีหรือทีเบเรียส ประชาชนจ�ำนวนมากตามพระองค์ไป ...พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขา ประทับที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะนั้นใกล้จะถึงวันฉลองปัสกาของชาวยิว พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็นประชาชนจ�ำนวนมากทีม่ าเฝ้า จึงตรัสกับฟีลปิ ว่า “พวก เราจะซือ้ ขนมปังทีไ่ หนให้คนเหล่านีก้ นิ ” พระองค์ตรัสดังนีเ้ พือ่ ทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรง ท�ำประการใด ฟีลปิ ทูลตอบว่า “ขนมปังราคาสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ยงั ไม่พอ” ศิษย์อกี คนหนึง่ คือ อันดรูว์น้องของซีโมนเปโตรทูลว่า “เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว ขนมปังและปลา เพียงเท่านีจ้ ะพออะไรส�ำหรับคนจ�ำนวนมากเช่นนี”้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงบอกประชาชนให้นงั่ ลงเถิด” ทีน่ นั่ มี หญ้าขึน้ อยูท่ วั่ ไป เขาจึงนัง่ ลง นับจ�ำนวนผูช้ ายได้ถงึ ห้าพันคน พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึน้ ทรงขอบพระคุณ พระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผทู้ นี่ งั่ อยูต่ ามทีเ่ ขาต้องการ พระองค์ทรงกระท�ำเช่นเดียวกันกับปลา เมือ่ คนทัง้ หลายอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงเก็บเศษขนมปังที่เหลือ อย่าให้สิ่งใดสูญไปเปล่าๆ” บรรดา ศิษย์จึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือนั้นได้สิบสองกระบุง เมื่อคนทั้งหลายเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ ทีท่ รงกระท�ำก็พดู ว่า “ท่านผูน้ เี้ ป็นประกาศกแท้ซงึ่ จะต้องมาในโลก” พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าคนเหล่านัน้ จะใช้ ก�ำลังบังคับพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ จึงเสด็จไปบนภูเขาตามล�ำพังอีกครั้งหนึ่ง อย่ากลัวค�ำว่า “ยาก” หากยังไม่ได้เริ่มออกแรงท�ำอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราพยายาม ออกแรง ด้วยการใช้สิ่งที่มีอย่างเต็มที่ พระเจ้าจะทรงทวีให้เรามีเพิ่มขึ้น เหมือนกับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวของ เด็กคนนั้น เมื่อเขาน�ำออกมาแบ่งปัน พระเจ้ากลับท�ำให้มีเหลือเฟือ เพียงพอส�ำหรับคนจ�ำนวนมาก เราจึงมั่นใจได้เลย ว่า งานไหนที่ว่า “ยาก” หากเป็นงานของพระ ก็ไม่มีใครท�ำลายเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้างานไหนที่เป็นความคิด กิจการ ของมนุษย์ ก็มีวันของการสิ้นสุด และหยุดไปเอง
บทอ่านที่ 1
กจ 6:1-7
เวลำนั้น ศิษย์มีจ�ำนวนมำกขึ้น บรรดำศิษย์ที่พูดภำษำกรีกไม่พอใจศิษย์ที่พูดภำษำ ฮีบรู เพรำะในกำรแจกทำนประจ�ำวัน บรรดำแม่ม่ำยของตนถูกละเลยมิได้รับแจก อัครสำวกสิบสองคนจึงเรียกบรรดำศิษย์มำประชุม กล่ำวว่ำ “ไม่สมควรที่เรำจะ ละทิ้งกำรประกำศพระวำจำของพระเจ้ำเพื่อไปแจกอำหำร พี่น้องทั้งหลำย จงเลือกบุรุษ เจ็ดคนจำกกลุ่มของท่ำนทั้งหลำย เป็นคนที่มีชื่อเสียงดี เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้ำและปรีชำ ญำณ แล้วเรำจะแต่งตัง้ เขำให้ทำ� หน้ำทีน่ ี้ ส่วนเรำจะอุทศิ ตนอธิษฐำนภำวนำและประกำศ พระวำจำ ทุกคนในที่ประชุมต่ำงเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนบุรุษผู้เปี่ยม ด้วยควำมเชื่อและพระจิตเจ้ำ ฟีลิป โปรโครัส นิคำโนร์ ทิโมน ปำร์เมนัส และนิโคลัส ชำวอันทิโอกผู้กลับใจมำนับถือศำสนำยิว เขำน�ำคนทั้งเจ็ดคนมำอยู่ต่อหน้ำบรรดำอัคร สำวกซึ่งอธิษฐำนภำวนำและปกมือเหนือเขำ พระวำจำของพระเจ้ำแพร่หลำยยิง่ ขึน้ ศิษย์มจี ำ� นวนมำกขึน้ ในกรุงเยรูซำเล็ม บรรดำ สมณะหลำยคนยอมรับควำมเชื่อด้วย
พระวรสาร
ยน 6:16-21
เมื่อถึงเวลำเย็น บรรดำศิษย์ต่ำงลงไปยังทะเลสำบ และลงเรือข้ำมฟำกไปทำง เมืองคำเปอรนำอุม ขณะนั้นมืดแล้ว พระเยซูเจ้ำก็ยังไม่เสด็จมำกับเขำ ทะเลปั่นป่วน เพรำะลมพัดจัด บรรดำศิษย์กรรเชียงเรือไปได้รำวสี่หรือห้ำกิโลเมตร เห็นพระเยซูเจ้ำ ทรงพระด�ำเนินบนทะเล เข้ำมำใกล้เรือ ก็ตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสแก่เขำว่ำ “เป็น เรำเอง อย่ำกลัวเลย” บรรดำศิษย์รับพระองค์ลงเรือด้วยควำมเต็มใจ ทันใดนั้น เรือก็ ถึงฝั่งที่เขำมุ่งจะไป “หน้ำที่” มีไว้เพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นความจริงที่เราคนเดียว ไม่สามารถท�าทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกันได้ ท่ามกลางพายุใหญ่ ถ้าทุกคนในเรือมัวแต่ตกใจกลัว แล้วทิง้ หน้าทีข่ องตน เพือ่ หวังเอาตัวรอด ก็เป็นการง่ายทีเ่ รือจะอับปางอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุน ี้ พระเจ้าได้ประทานให้แต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุน กันและกัน สมาชิกในหมู่คณะ ในชุมชน จึงจ�าเป็นต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ และสังคมจะสงบ สุข ถ้าแต่ละคนท�าตามหน้าที่ของตน
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา สดด 33:1-3, 4-5,18-19 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
กจ 5:27ข-32,40ข-41
ในครั้งนั้น มหำสมณะจึงกล่ำวหำว่ำ “เรำก�ำชับท่ำนทั้งหลำยอย่ำงแข็งขันแล้ว ไม่ ให้สอนโดยออกนำมนี้ แต่ท่ำนยังขืนน�ำค�ำสอนของตนมำแพร่ไปทั่วกรุงเยรูซำเล็ม และ ต้องกำรให้โลหิตของคนคนนีต้ กอยูก่ บั เรำ” เปโตรและบรรดำอัครสำวกตอบว่ำ “เรำต้อง เชือ่ ฟังพระเจ้ำยิง่ กว่ำเชือ่ ฟังมนุษย์ พระเจ้ำแห่งบรรพบุรษุ ของเรำทรงบันดำลให้พระเยซู เจ้ำทีท่ ำ่ นทัง้ หลำยประหำรชีวติ โดยตรึงบนไม้กำงเขนนัน้ กลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้ำทรง ยกพระองค์ท่ำนขึ้นประทับเบื้องขวำในฐำนะเป็นหัวหน้ำและผู้กอบกู้ เพื่อให้อิสรำเอล กลับใจและรับกำรอภัยบำป เรำทั้งหลำยเป็นพยำนในเรื่องนี้ และพระจิตเจ้ำซึ่งพระเจ้ำ ประทำนแก่ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์ก็ทรงเป็นพยำนด้วย” เขำจึงส่งคนไปเรียกบรรดำอัครสำวกเข้ำมำ สั่งให้เฆี่ยนและก�ำชับมิให้พูดใน พระนำมพระเยซูเจ้ำ แล้วปล่อยตัวไป บรรดำอัครสำวกออกจำกสภำซันเฮดริน มีควำม ยินดีที่ได้รับเกียรติที่ถูกสบประมำทเพรำะพระนำมพระเยซูเจ้ำ
เพลงสดุดี
สดด 30:1-3,5ก,10,11-12
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์
วว 5:11-14
ก) ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ ข้ำพเจ้ำยกย่องสรรเสริญพระองค์ เพรำะพระองค์ทรงฉุดข้ำพเจ้ำขึ้นมำ พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้เหล่ำศัตรูยินดีที่เห็นข้ำพเจ้ำประสบเครำะห์ร้ำย ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ พระเจ้ำของข้ำพเจ้ำ ข้ำพเจ้ำร้องขอควำมช่วยเหลือ จำกพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษำข้ำพเจ้ำให้หำย
ข้ำพเจ้ำเห็นและได้ยินเสียงทูตสวรรค์จ�ำนวนมำกนับล้ำนนับโกฏินับอสงไขย รอบ พระบัลลังก์ รอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนและรอบบรรดำผู้อำวุโส ร้องสรรเสริญเสียงดังว่ำ “ลูกแกะที่ถูกประหำรชีวิตแล้วนั้น ทรงเป็นผู้สมควรได้รับพระอำนุภำพ ทรัพย์ ศฤงคำร พระปรีชำญำณ พระพลำนุภำพ พระเกียรติยศ พระสิริรุ่งโรจน์และค�ำถวำย พระพร” ข้ำพเจ้ำได้ยินเสียงสิ่งสร้ำงทั้งมวล ทั้งที่อยู่ในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งใต้พิภพ และในทะเล ทุกสิ่งที่อยู่ในที่เหล่ำนั้น ร้องสรรเสริญว่ำ “พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ และลูกแกะ จงได้รับค�ำถวำยพระพร พระ เกียรติยศ พระสิริรุ่งโรจน์และพระอ�ำนำจปกครองตลอดนิรันดรเทอญ” ผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนพูดว่ำ “อำเมน” และบรรดำผู้อำวุโสก็กรำบนมัสกำร
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น
ยน 21:1-19
หลังจำกนั้น พระเยซูเจ้ำทรงส�ำแดงพระองค์แก่บรรดำศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเล สำบทีเบเรียส เรื่องรำวเป็นดังนี้ ศิษย์บำงคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมนเปโตร กับ
โทมัสทีเ่ รียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึง่ มาจากหมูบ่ า้ นคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทัง้ สองคนของเศเบดี และศิษย์อีกสองคน ซีโมนเปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะ ไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้อง ถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือ ด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจ�ำนวนมาก ศิษย์ทพี่ ระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้านี”่ เมือ่ ซีโมนเปโตรได้ยนิ ว่า “เป็นองค์ พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล ศิษย์คนอื่น เข้าฝั่งมากับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น เมือ่ บรรดาศิษย์ขนึ้ มาบนฝัง่ ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยูบ่ นไฟ พระเยซูเจ้าตรัส กับเขาว่า “จงเอาปลาทีเ่ พิง่ จับได้มาบ้างซิ” ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึน้ ฝัง่ มีปลาตัวใหญ่ตดิ อยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระ เยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน นีเ่ ป็นครัง้ ทีส่ ามแล้วทีพ่ ระเยซู เจ้าทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเรา มากกว่าคนเหล่านี้รักเราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารัก พระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่ สองว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่า ข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครัง้ ทีส่ ามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรัก เราไหม” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด” เราบอกความจริงกับท่านว่า “เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และเดินไปไหนตามใจ ชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่านไม่อยากไป” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัส ดังนี้แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด” “ความรัก” มิใช่เพียงค�ำพูดอีกต่อไป ถ้าได้น�ำมาปฏิบัติในชีวิต ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะมอบหน้าที่ ให้กับเปโตร ท่านจ�ำเป็นต้องยืนยันถึง 3 ครั้งว่า “รัก” พระองค์ ความรักต่อพระเจ้าของบรรดาอัครสาวก แม้จะมี ความขัดแย้งกับอ�ำนาจวัตถุนิยมฝ่ายโลก แต่พวกเขาก็ค้นพบว่า การเลือกเชื่อฟังพระเจ้า แม้จะต้องพบกับความ ขัดแย้ง เจ็บปวด แต่พวกเขาได้พบกับความสุขใจในการท�ำเพราะพระเจ้า ซึ่งไม่มีใครช่วงชิงความสุขนี้จากใจพวก เขาได้ อย่างไรก็ตาม “ความรักของเราต่อพระเจ้า”..ผู้ที่เรามองไม่เห็น มากน้อยเพียงใดนั้น สามารถสะท้อนออก มาได้ผ่านทางการรัก และรับใช้เพื่อนมนุษย์
น.สตานิสเลาส์ พระสังฆราช และมรณสักขี
สดด 119:23-24, 26-27,29-30 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
กจ 6:8-15
พระวรสาร
ยน 6:22-29
ในครั้งนั้น สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระหรรษทำนและพระอำนุภำพ ท�ำปำฏิหำริย์และ เครื่องหมำยอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชำชน บำงคนจำกศำลำธรรมที่เรียกกันว่ำศำลำ ธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทำส คือชำวยิวจำกเมืองไซรีน เมืองอเล็กซำนเดรีย แคว้น ซีลีเซียและอำเซีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขำเหล่ำนั้นเอำชนะสเทเฟนไม่ได้ เพรำะสเทเฟนพูดด้วยปรีชำญำณซึง่ มำจำกพระจิตเจ้ำ คนเหล่ำนัน้ จึงเสีย้ มสอนประชำชน บำงคนให้ใส่ควำมว่ำ “พวกเรำได้ยินเขำพูดดูหมิ่นโมเสสและพระเจ้ำ” เขำเหล่ำนั้น ยุยงประชำชนบรรดำผู้อำวุโสและธรรมำจำรย์ให้ปั่นป่วนวุ่นวำย แล้วจึงเข้ำจู่โจมจับกุม สเทเฟนน�ำไปยังสภำซันเฮดริน ตั้งพยำนเท็จปรักปร�ำว่ำ “ชำยคนนี้พูดดูหมิ่นสถำนที่ ศักดิ์สิทธิ์และธรรมบัญญัติอยู่เสมอ พวกเรำได้ยินเขำพูดว่ำ เยซู ชำวนำซำเร็ธผู้นี้จะ ท�ำลำยสถำนที่นี้และจะเปลี่ยนแปลงขนบประเพณีที่โมเสสมอบให้เรำ” ทุกคนที่นั่งอยู่ ในสภำซันเฮดรินต่ำงเพ่งมองสเทเฟน เห็นใบหน้ำของเขำสว่ำงรุง่ เรืองเหมือนกับใบหน้ำ ของทูตสวรรค์ วันรุ่งขึ้น ประชำชนที่ยังอยู่บนฝั่งตรงข้ำม สังเกตเห็นว่ำ มีเรืออยู่ที่นั่นเพียงล�ำ เดียว และจ�ำได้ว่ำพระเยซูเจ้ำมิได้เสด็จลงเรือไปกับบรรดำศิษย์ บรรดำศิษย์ไปกันตำม ล�ำพังเท่ำนั้น แต่เรือล�ำอื่นจำกเมืองทีเบเรียสมำยังสถำนที่ที่พวกเขำได้กินขนมปัง เมื่อ ประชำชนเห็นว่ำทั้งพระเยซูเจ้ำ และบรรดำศิษย์ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ก็ลงเรือ มุ่งไปที่เมือง คำเปอรนำอุมเพื่อตำมหำพระเยซูเจ้ำ เมื่อพบพระองค์ที่ฝั่งตรงข้ำม จึงทูลถำมว่ำ “พระ อำจำรย์ ท่ำนมำที่นี่เมื่อไร” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทั้งหลำยว่ำ ท่ำนแสวงหำเรำ มิใช่เพรำะได้เห็นเครื่องหมำยอัศจรรย์ แต่เพรำะได้กินขนมปังจนอิ่ม อย่ำขวนขวำยหำ อำหำรที่กินแล้วเสื่อมสลำยไป แต่จงหำอำหำรที่คงอยู่และน�ำชีวิตนิรันดรมำให้ อำหำร นี้บุตรแห่งมนุษย์จะประทำนให้ท่ำน เพรำะพระเจ้ำพระบิดำทรงประทับตรำรับรองบุตร แห่งมนุษย์ไว้แล้ว” เขำเหล่ำนั้นจึงทูลว่ำ “พวกเรำจะต้องท�ำอะไรเพื่อให้กิจกำรของพระเจ้ำส�ำเร็จ” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “กิจกำรของพระเจ้ำก็คือให้ท่ำนทั้งหลำยเชื่อในผู้ที่พระองค์ ทรงส่งมำ” แรงจูงใจเป็นสิ่งที่ส�ำคัญ เพรำะมันจะกลับเป็นพลังให้สามารถท�าด้วยความ จริงใจ แม้ในสิง่ ทีย่ าก ส�าหรับการติดตามพระเยซูเจ้า แรงจูงใจประการเดียวทีพ่ ระองค์แนะน�า คือ “เชื่อ” เช่นเดียวกับตัวอย่างของนักบุญสเทเฟน ความเชื่อท�าให้ท่านเปียมด้วยพระหรรษ ทาน และความสามารถมากมาย แม้จะมีคนมาโต้เถียง เบียดเบียน ใส่ร้ายท่าน แต่ต่อหน้าการ คุกคาม และความชั่วร้ายเหล่านั้น ใบหน้าของท่านยังคงสว่าง สดใส พร้อมกับแรงจูงใจที่ยัง คงแน่วแน่ แม้จะต้องสละชีวิต
บทอ่านที่ 1
กจ 7:51-59,8:1ก
ในครั้งนั้น สเทเฟนกล่ำวกับประชำชน ผู้อำวุโส และธรรมำจำรย์ว่ำ “ท่ำนผู้ดื้อรั้น ใจกระด้ำงและหูตึงทั้งหลำยเอ๋ย ท่ำนต่อต้ำนพระจิตเจ้ำอยู่เสมอ บรรพบุรษุ ของท่ำนเคยท�ำเช่นไร ท่ำนก็ทำ� เช่นนัน้ มีประกำศกคนใดบ้ำงทีบ่ รรพบุรษุ ของ ท่ำนมิได้เบียดเบียน เขำฆ่ำผูท้ ปี่ ระกำศล่วงหน้ำถึงกำรเสด็จมำของพระเยซูเจ้ำผูท้ รงชอบ ธรรม และบัดนีท้ ำ่ นทัง้ หลำยก็ทรยศและฆ่ำพระองค์ดว้ ย ท่ำนทัง้ หลำยได้รบั ธรรมบัญญัติ ผ่ำนทำงทูตสวรรค์ แต่ก็หำได้ปฏิบัติตำมธรรมบัญญัตินั้นไม่” เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันค�ำรำมเข้ำใส่สเทเฟน สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระจิตเจ้ำ เพ่งมองท้องฟ้ำ มองเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้ำ และเห็นพระเยซูเจ้ำทรงยืนอยู่เบื้องขวำของพระเจ้ำ จึงพูดว่ำ “ดูซิ ข้ำพเจ้ำเห็นท้องฟ้ำ เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวำของพระเจ้ำ” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอำมืออุดหู วิ่งกรูกันเข้ำใส่สเทเฟน ฉุดลำกเขำออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอำ หินขว้ำงเขำ บรรดำพยำนน�ำเสื้อคลุมของตนมำวำงไว้ที่เท้ำของชำยหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซำโล” ขณะที่คนทั้งหลำยก�ำลังเอำหินขว้ำงสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐำนภำวนำว่ำ “ข้ำแต่พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ โปรดรับวิญญำณของข้ำพเจ้ำด้วย” เซำโลเป็นคนหนึง่ ที่เห็นชอบกับกำรที่สเทเฟนถูกฆ่ำ
พระวรสาร
ยน 6:30-35
เวลำนัน้ ประชำชนจึงทูลถำมว่ำ “ท่ำนท�ำเครือ่ งหมำยอัศจรรย์ใดเพือ่ พวกเรำจะได้ เห็น และจะได้เชื่อในท่ำน ท่ำนท�ำอะไร บรรพบุรุษของเรำได้กินมำนนำในถิ่นทุรกันดำร ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่ำ พระองค์ประทำนขนมปังจำกสวรรค์ให้เขำกิน” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบว่ำ “เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทั้งหลำยว่ำ มิใช่โมเสสที่ให้ ขนมปังจำกสวรรค์แก่ทำ่ น แต่เป็นพระบิดำของเรำทีป่ ระทำนขนมปังแท้จำกสวรรค์ให้ทำ่ น เพรำะขนมปังของพระเจ้ำ คือขนมปังซึ่งลงมำจำกสวรรค์ และประทำนชีวิตให้แก่โลก” ประชำชนจึงทูลว่ำ “นำยขอรับ โปรดให้ขนมปังนี้แก่พวกเรำเสมอเถิด” พระเยซูเจ้ำตรัสแก่เขำว่ำ “เรำเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มำหำเรำจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อ ในเรำจะไม่กระหำยอีกเลย” ในอดีตประชากรของพระเจ้าเคยแสวงหาอาหารในถิ่นทุรกันดาร และมานนา ได้กลายเป็นเครือ่ งหมายแห่งการเลีย้ งดูของพระเจ้าส�าหรับพวกเขา แต่เวลานี ้ พระเยซูเจ้าน�า เราสู่ความเข้าใจใหม่ว่า ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะไม่หิวกระหายอีกเลย เพราะพระองค์เองทรงเป็น ปังแห่งชีวติ และเครือ่ งหมายทีเ่ ราจะเห็นได้ชดั ทีส่ ดุ ก็โดยผ่านทางศีลมหาสนิท ทีพ่ ระทรงมอบ ชีวิตของพระองค์แก่เรา เราได้เห็นแบบอย่างชีวิตพระที่เติบโตในตัวของท่านนักบุญสเทเฟน ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ท่านยังคงเชื่อในพระเจ้า ยินดีที่จะทนทุกข์เหมือนพระเยซูเจ้า โดย ขอพระเจ้าอภัยโทษผู้ที่ได้ฆ่าท่าน เพื่อท่านจะได้อยู่กับพระเยซูเจ้า บุคคลที่ท่านรัก
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา สดด 31:2-3,5-7, 16,20 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
กจ 8:1ข-8
พระวรสาร
ยน 6:35-40
วันนั้น เกิดกำรเบียดเบียนพระศำสนจักรอย่ำงรุนแรงในกรุงเยรูซำเล็ม ทุกคน นอกจำกบรรดำอัครสำวกกระจัดกระจำยไปตำมชนบทในแคว้นยูเดียและสะมำเรีย ผู้มีใจศรัทธำบำงคนน�ำศพสเทเฟนไปฝังและร�่ำไห้คร�่ำครวญถึงเขำอย่ำงมำก ส่วน เซำโลออกรังควำนพระศำสนจักร เข้ำไปตำมบ้ำน ฉุดลำกทั้งชำยและหญิงไปจองจ�ำไว้ ในคุก ระลึกถึง น.มาร์ติน ที่ 1 บรรดำผู้ที่กระจัดกระจำยไปเหล่ำนี้ออกไปยังที่ต่ำงๆ ประกำศพระวำจำเป็นข่ำวดี พระสันตะปาปา ฟีลิปไปเมืองหนึ่งในแคว้นสะมำเรีย และประกำศเรื่องพระคริสตเจ้ำให้ชำวเมืองนั้นฟัง มรณสักขี ประชำชนที่ได้ฟังถ้อยค�ำของฟีลิป และเห็นเครื่องหมำยอัศจรรย์ที่เขำท�ำ ก็พร้อมใจกัน สดด 66:1-3, ฟังค�ำสั่งสอนของเขำ คนหลำยคนที่ถูกปีศำจสิงอยู่ร้องเสียงดังแล้วปีศำจก็ออกไป คน 4-5,6ก-7 อัมพำตและคนง่อยจ�ำนวนมำกหำยจำกโรค ประชำชนในเมืองนั้นจึงชื่นชมอย่ำงมำก ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3 วันสงกรานต
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับประชำชนว่ำ “เรำเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มำหำเรำจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อในเรำจะไม่กระหำยอีกเลย เรำบอกท่ำนทัง้ หลำยแล้วว่ำ ท่ำนเห็นเรำแล้ว แต่ไม่เชือ่ ทุกคนทีพ่ ระบิดำทรงมอบให้เรำ จะมำหำเรำ และผูท้ มี่ ำหำเรำ เรำจะไม่ผลักไสไปเลย เพรำะเรำลงมำจำกสวรรค์ มิใช่เพือ่ ท�ำตำมใจของเรำ แต่เพือ่ ท�ำตำมพระประสงค์ของผูท้ รงส่งเรำมำ พระประสงค์ของผูท้ รง ส่งเรำมำก็คอื เรำจะไม่สญ ู เสียผูใ้ ดทีพ่ ระองค์ทรงมอบให้แก่เรำ แต่จะให้ผนู้ นั้ กลับคืนชีพ ในวันสุดท้ำย พระประสงค์ของพระบิดำของเรำก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อใน พระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเรำจะให้เขำกลับคืนชีพในวันสุดท้ำย” ประสบการณ์ของประชาชนในแคว้นสะมาเรียทีไ่ ด้พบเห็นฟีลปิ ตัดสินใจเข้าหา เพือ่ ฟังพระวาจา และเชือ่ เมือ่ นัน้ ความชัว่ ร้ายทีแ่ ฝงเร้นอยูก่ ส็ ญ ู สลายไป ความเจ็บป่วยก็ได้รบั การรักษาให้หาย ดังนี้เงื่อนไขส�าคัญเพื่อจะมี “ชีวิตนิรันดร” ส�าหรับคริสตชน คือ “เชื่อ ในสิ่ง ที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง” เพราะพระประสงค์ของพระบิดาคือ ทุกคนที่เห็น แล้วเชื่อในพระบุตร ก็จะมีชีวิตนิรันดร อีกทั้งพระเยซูเจ้าเองเป็นผู้ที่ยืนยันว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะไม่หิวกระหายอีกเลย เรายังมีแบบอย่างของนักบุญมาร์ตินที่ 1 ที่ยอมถูกเนรเทศ สละชีวิตเพื่อปกปองความเชื่อ ซึ่ง ทีส่ ดุ แล้ว ชือ่ ของท่านไม่ได้ถกู ลืม หรือสูญหายพร้อมกับความตาย แต่กลับกลายเป็นผูไ้ ด้รบั การ เคารพ ถวายเกียรติตลอดไปในฐานะนักบุญ ผู้ค�้าจุนความเชื่อให้กับพระศาสนจักร
บทอ่านที่ 1
กจ 8:26-40
พระวรสาร
ยน 6:44-51
ในครั้งนั้น ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งฟีลิปว่า “จงลุกขึ้น และเดินไปทาง ทิศใต้ ตามทางที่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองกาซา ทางนั้นเป็นทางเปลี่ยว” ฟีลิป จึงลุกขึน้ ออกเดินทาง ระหว่างทางเขาพบชาวเอธิโอเปียคนหนึง่ เป็นขันที ข้าราชการของ พระราชินีคานดาสีของชาวเอธิโอเปีย เป็นผู้ดูแลราชทรัพย์ทั้งหมดของพระนางและมา นมัสการพระเจ้าทีก่ รุงเยรูซาเล็ม ขณะเดินทางกลับ เขานัง่ ในรถม้าและอ่านหนังสือของ ประกาศกอิสยาห์ พระจิตเจ้าตรัสสัง่ ฟีลปิ ว่า “จงตามรถคันนัน้ ไปให้ทนั ” ฟีลปิ วิง่ ตามไป สัปดาห์ที่ 3 ได้ยินเขาก�ำลังอ่านหนังสือของประกาศกอิสยาห์ จึงถามว่า “ท่านเข้าใจข้อความที่ก�ำลัง เทศกาลปัสกา อ่านหรือ” ขันทีตอบว่า “ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครอธิบาย” แล้วเขาก็เชิญ สดด 66:8,16-17, 19-20 ฟีลิปขึ้นไปนั่งด้วย ข้อความของพระคัมภีร์ที่เขาก�ำลังอ่านอยู่นั้น มีดังนี้ “เขาถูกน�ำไปฆ่าเหมือนแกะตัวหนึ่ง ลูกแกะไม่ออกเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้าคนตัดขน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 แกะฉันใด เขาก็ไม่อ้าปากฉันนั้น เมื่อเขาถูกเหยียดหยาม เขาไม่ได้รับความยุติธรรม เลย ใครจะเล่าเรื่องเชื้อสายของเขาได้ เพราะชีวิตของเขาถูกยกไปจากแผ่นดินนี้แล้ว” ขันทีจึงถามฟีลิปว่า “โปรดบอกข้าพเจ้าเถิดว่า ประกาศกกล่าวเช่นนี้หมายถึงใคร หมายถึงตนเองหรือหมายถึงผู้อื่น” ฟีลิปจึงเริ่มประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าให้เขาฟัง โดยอธิบายพระคัมภีร์เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ขณะเดินทางอยู่นั้น ทั้งสองคนมาถึงแหล่งน�้ำแห่งหนึ่ง ขันทีกล่าวว่า “ดูซิ ที่นี่มีน�้ำ มีอะไรขัดขวางมิให้ ข้าพเจ้ารับศีลล้างบาป” เขาสั่งให้หยุดรถ ทั้งฟีลิปและขันทีลงไปในน�้ำ ฟีลิปล้างบาปให้ขันที เมื่อทั้งสองคน ขึน้ จากน�ำ้ แล้ว พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงน�ำฟีลปิ ไปทีอ่ นื่ ขันทีไม่เห็นฟีลปิ อีก เดินทางต่อไปด้วยความ ยินดี ส่วนฟีลิปนั้นมีผู้พบที่เมืองอาโซทัส เขาเดินทางผ่านเมืองต่างๆ ประกาศข่าวดีจนมาถึงเมืองซีซารียา เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “ไม่มใี ครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผูท้ รงส่งเรามาจะทรงชักน�ำเขา และเราจะท�ำให้เขากลับคืนชีพในวัน สุดท้าย มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาประกาศกว่า ทุกคนจะได้รบั ค�ำสอนจากพระเจ้า ทุกคนทีไ่ ด้ฟงั พระบิดา และเรียนรู้จากพระองค์ ก็มาหาเรา ไม่มีใครได้เห็นพระบิดา นอกจากผู้ที่มาจากพระเจ้า เราบอกความจริงแก่ ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราเป็นปังแห่งชีวิต บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายได้กินมานนาใน ถิ่นทุรกันดารแล้วยังตาย แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย เราเป็นปังทรงชีวิต ที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” เราจะรู้จักและรักพระเจ้ามากขึ้น ก็โดยผ่านทางประสบการณ์ของการอ่าน ฟัง ร�ำพึงถึงพระวาจา ของพระเจ้า เท่านั้นยังไม่พอ จ�ำเป็นที่เราจะต้องภาวนาให้ความเชื่อทวีมากขึ้นในแต่ละวัน เพราะพระเจ้าท�ำได้เพียง เชื้อเชิญให้แต่ละคนเข้ามาหาอย่างใกล้ชิด ส่วนชีวิตเป็นของแต่ละคนที่จะต้องตัดสินใจด้วยตนเอง เช่นเดียวกับขันที ชาวเอธิโอเปีย ที่ได้ฟังการอธิบายพระคัมภีร์จากฟีลิป และท่านเองเป็นผู้ขอรับศีลล้างบาป หากเราปรารถนาที่จะเป็น ผู้ประกาศพระวาจาที่ประสบความส�ำเร็จ จงเรียนรู้จากตัวอย่างของฟีลิป ที่เริ่มประกาศด้วยการฟังเสียงของพระจิต เจ้า ตอบสนองด้วยการท�ำตาม และเริ่มพูดคุยในสิ่งที่ขันทีสนใจ น�ำไปสู่การอธิบายพระวาจา และกลับใจในที่สุด
บทอ่านที่ 1
กจ 9:1-20
ขณะนั้น เซาโลยังคงเคียดแค้นคุกคามจะฆ่าบรรดาศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึง เข้าไปพบมหาสมณะ ขอหนังสือมอบอ�ำนาจไปยังศาลาธรรมต่างๆ ในเมืองดามัสกัส เพือ่ จะได้จับกุมทุกคนที่พบ... ขณะที่เขาเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากท้องฟ้าล้อมรอบ ตัวเขาไว้ เขาล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงกล่าวว่า “เซาโล เซาโล ท่านเบียดเบียนเรา ท�ำไม” เซาโลจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซู ซึ่ง สัปดาห์ที่ 3 ท่านก�ำลังเบียดเบียน ท่านจงลุกขึน้ เข้าไปในเมืองแล้วจะมีคนบอกให้รวู้ า่ จะต้องท�ำอะไร” เทศกาลปัสกา คนที่เดินทางพร้อมกับเซาโลยืนนิ่งพูดไม่ออก เขาได้ยินเสียงพูดแต่ไม่เห็นใครเลย... สดด 117:1-2 ทีเ่ มืองดามัสกัสมีศษิ ย์คนหนึง่ ชือ่ อานาเนีย องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเรียกเขาในนิมติ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ว่า “อานาเนีย” อานาเนียทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” องค์พระผู้ เป็นเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้นไปที่ถนนซึ่งเรียกว่าถนนตรง จงไปที่บ้านของยูดาส ถามหาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลที่มาจากเมืองทาร์ซัส...” แต่อานาเนียทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ยนิ หลายคนพูดถึงชายผูน้ ี้ และได้ยนิ ว่า ทีก่ รุง เยรูซาเล็มเขาได้ท�ำร้ายบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เพียงใด...” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบอานาเนียว่า “จงไปเถิด เพราะชายผูน้ เี้ ป็นเครือ่ งมือทีเ่ ราเลือกสรรไว้เพือ่ น�ำนามของเราไปประกาศแก่คนต่างศาสนา บรรดา กษัตริยแ์ ละลูกหลานของอิสราเอล...” อานาเนียจึงจากไป และเข้าไปในบ้าน ปกมือเหนือเซาโล กล่าวว่า “เซาโล น้องรัก พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งทรงส�ำแดงพระองค์แก่ท่านกลางทางที่ท่านมานั้น ทรงส่งข้าพเจ้ามาเพื่อ ท่านจะมองเห็นได้อกี และได้รบั พระจิตเจ้าอย่างเต็มเปีย่ ม” ทันใดนัน้ มีสงิ่ หนึง่ เหมือนเกล็ดตกจากนัยน์ตาของ เซาโล เขามองเห็นได้อีก จึงลุกขึ้นรับศีลล้างบาป เมื่อกินอาหารแล้วก็มีก�ำลังขึ้น...
พระวรสาร
ยน 6:52-59
เวลานั้น ชาวยิวจึงเถียงกันว่า “คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดมื่ โลหิตของเขา ท่านจะไม่มชี วี ติ ในตนเอง ผูท้ กี่ นิ เนือ้ ของเรา และดืม่ โลหิตของเรา ก็มชี วี ติ นิรนั ดร เรา จะท�ำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ ผู้ที่ กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็ด�ำรงอยู่ในเรา และเราก็ด�ำรงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรา มา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กินแล้วยังตาย ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” พระองค์ตรัสเช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม อาหารจะผ่านเข้าไปในร่างกาย และท�ำให้เจริญเติบโตได้นั้น จ�ำเป็นต้อง กลืน กิน เข้าไป และเราก็ไม่ สามารถรับรูร้ สชาติของอาหารนัน้ ถ้าไม่เข้าไปใกล้ๆ สัมผัสด้วยวิธกี ารใดวิธกี ารหนึง่ ประสบการณ์จดุ เริม่ ต้นชีวติ ใหม่ ที่ เจริญเติบโตในพระเยซูคริสต์ของเปาโลนัน้ เริม่ ต้นด้วยการเห็น เผชิญหน้ากับพระเยซู ผูกพัน และรับพระองค์เข้ามาใน ชีวิต ติดตามด้วยการเป็นผู้ประกาศพระนามพระเยซู เราคริสตชนคงไม่สามารถรับรู้รสชาติของพระเยซูผู้เป็นอาหาร แท้ ที่ลงมาจากสวรรค์ ถ้าเราไม่เข้าไปใกล้ๆ พระองค์ที่ประทับอยู่ในตู้ศีล หรือปล่อยให้พระคัมภีร์ที่มีนั้นปิดตายสนิท
บทอ่านที่ 1
กจ 9:31-42
พระวรสาร
ยน 6:60-69
ขณะนั้น พระศาสนจักรมีสันติภาพทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย พระ ศาสนจักรเติบโตขึ้น มีความเคารพย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า และได้รับก�ำลังใจจากพระ จิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเปโตรเดินทางไปเยี่ยมผู้มีความเชื่อในที่ต่างๆ เขาไปเยี่ยมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ อยู่ในเมืองลิดดาด้วย ที่นั่นเขาพบชายคนหนึ่งชื่อไอเนอัส เป็นอัมพาตนอนอยู่บนแคร่ มาแปดปีแล้ว เปโตรจึงพูดกับเขาว่า “ไอเนอัสเอ๋ย พระเยซูคริสตเจ้าทรงรักษาท่านให้ สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา หาย จงลุกขึ้นและเก็บที่นอนเถิด” เขาก็ลุกขึ้นทันที เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนที่อยู่ในเมือง ลิดดาและในที่ราบชาโรนก็กลับใจมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า สดด116:12-13, 14-16,17 ในบรรดาศิษย์ทเี่ มืองยัฟฟามีหญิงคนหนึง่ ชือ่ ทาบีธา แปลว่า “เนือ้ ทราย” ท�ำความ ดีและให้ทานเป็นอันมาก ระหว่างนั้นนางป่วยและถึงแก่กรรม เขาท�ำความสะอาดศพ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 และตั้งศพไว้ในห้องชั้นบน เมืองลิดดาอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา บรรดาศิษย์รู้ว่าเปโตรอยู่ ที่เมืองลิดดา จึงส่งชายสองคนไปเชิญเขาว่า “โปรดรีบมาหาเราเถิด” เปโตรไปกับเขาทันที เมื่อไปถึง เขาก็พาเปโตรขึ้นไปยังห้องชั้นบน บรรดาหญิงม่ายมาห้อมล้อม ทุกคน ต่างร้องไห้และชี้ให้เปโตรดูเสื้อผ้าทั้งชั้นนอกชั้นในที่ทาบีธาตัดเย็บให้เมื่อนางยังมีชีวิต เปโตรจึงสั่งให้ทุกคน ออกไปข้างนอก เขาคุกเข่าอธิษฐานภาวนาแล้วหันมาดูศพ พูดว่า “ทาบีธาเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด” นางก็ลืมตาขึ้น มองดูเปโตรและลุกขึ้นนั่ง เปโตรจึงยื่นมือพยุงให้นางยืน แล้วเรียกบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และบรรดาหญิงม่ายเข้า มา ชี้ให้เห็นว่านางยังมีชีวิต เรื่องนี้เป็นที่รู้กันทั่วเมืองยัฟฟา หลายคนมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า เวลานั้น เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ก็กล่าวว่า “ถ้อยค�ำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้” พระเยซู เจ้าทรงทราบด้วยพระองค์วา่ บรรดาศิษย์กำ� ลังบ่นกันเรือ่ งนี้ จึงตรัสแก่เขาว่า “เรือ่ งนีท้ ำ� ให้ทา่ นเคลือบแคลงใจ หรือ แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึน้ สูส่ ถานทีท่ เี่ คยอยูแ่ ต่กอ่ นเล่า ท่านจะว่าอย่างไร พระจิตเจ้าทรง เป็นผู้ประทานชีวิต ล�ำพังมนุษย์ท�ำอะไรไม่ได้ วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้นให้ชีวิต เพราะมาจากพระ จิตเจ้า แต่บางท่านไม่เชื่อ” พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า “ดังนั้น เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้ เขามา” หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนเปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกสิบสองคนว่า “ท่านทั้งหลายจะไปด้วยหรือ” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวก เราเชื่อและรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” เดชะพระจิตเจ้าโดยพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า ไอเนอัสหลุดพ้นจากอัมพาตทีท่ ำ� ให้ตอ้ งนอนอยูบ่ น แคร่มาแปดปี... นางทาบีธาได้รับการปลุกให้กลับเป็นขึ้นมาจากความตายเมื่อซีโมนเปโตรคุกเข่าอธิษฐานภาวนาด้วย ความเชื่อในพระนามนี้สุดใจ.. ท่านผู้เคยประกาศต่อพระเยซูคริสตเจ้าว่า “พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวก เราเชื่อและรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”.... แล้วเราล่ะ เราประกาศความเชื่อได้สุดหัวใจหรือไม่?
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4 วันภ�วน�ส�กล เพื่อกระแสเรียก วันรณรงค์ เพื่อกลุมช�ติพันธุ์
กจ 13:14,43-52
เมือ่ บำรนำบัสและเซำโลได้รบั มอบภำรกิจจำกพระจิตเจ้ำแล้ว จึงเดินทำงไปยังเมือง เซลูเคีย และจำกที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกำะไซปรัส เมือ่ กำรประชุมเลิกแล้ว ชำวยิวและชำวกรีกทีก่ ลับใจมำเลือ่ มใสศำสนำยิวหลำยคน เดินตำมเปำโลและบำรนำบัส ทัง้ สองคนจึงสนทนำกับเขำเหล่ำนัน้ ต่อไปและตักเตือนให้ มั่นคงอยู่ในพระหรรษทำนของพระเจ้ำ วันสับบำโตต่อมำ ชำวเมืองเกือบทั้งหมดมำชุมนุมฟังพระวำจำของพระเจ้ำ เมื่อ ชำวยิวเห็นประชำชนจ�ำนวนมำกเช่นนี้ ก็เกิดควำมอิจฉำอย่ำงมำก จึงคัดค้ำนค�ำพูดของ เปำโลและด่ำว่ำเขำ เปำโลและบำรนำบัสตอบเขำอย่ำงกล้ำหำญว่ำ “จ�ำเป็นที่เรำจะต้องประกำศพระ วำจำของพระเจ้ำให้ท่ำนฟังก่อนผู้อื่น แต่เมื่อท่ำนปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คิดว่ำตน เหมำะสมจะรับชีวิตนิรันดร เรำจึงหันไปหำคนต่ำงศำสนำ เพรำะองค์พระผู้เป็นเจ้ำมี พระบัญชำแก่เรำดังนี้ว่ำ “เรำแต่งตั้งท่ำนให้เป็นแสงสว่ำงส่องนำนำชำติ เพื่อท่ำนจะได้น�ำควำมรอดพ้นไปจนสุดปลำยแผ่นดิน” เมื่อคนต่ำงศำสนำได้ยินดังนี้ ก็มีควำมยินดีและสรรเสริญพระวำจำของพระเจ้ำ และทุกคนที่พระเจ้ำทรงก�ำหนดไว้ส�ำหรับชีวิตนิรันดรก็มีควำมเชื่อ พระวำจำขององค์พระผู้เป็นเจ้ำแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชำวยิวยุยงบรรดำสตรีชั้น สูงที่เลื่อมใสในศำสนำยิวและบรรดำผู้น�ำของเมือง ให้เบียดเบียนเปำโลและบำรนำบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจำกดินแดนของตน เขำทั้งสองคนจึงสะบัดฝุ่นจำกเท้ำเป็น เครื่องหมำยตัดควำมสัมพันธ์ แล้วเดินทำงต่อไปยังเมืองอิโคนิยุม บรรดำศิษย์ต่ำงมี ควำมชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้ำอย่ำงเต็มเปี่ยม
เพลงสดุดี
สดด 100:1-4,5
ก) ท่ำนทั้งหลำยจำกทั่วแผ่นดิน จงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้ำเถิด จงรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้ำด้วยควำมยินดี จงเข้ำมำเฝ้ำเฉพำะพระพักตร์พระองค์ จงโห่ร้องด้วยควำมปรีดำ จงรู้ไว้ว่ำองค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงเป็นพระเจ้ำ พระองค์ทรงสร้ำงเรำ เรำเป็นของพระองค์ เป็นประชำกรของพระองค์ เป็นฝูงแกะที่ทรงเลี้ยงดู จงเข้ำประตูของพระองค์ พลำงขับร้องขอบพระคุณ จงขอบพระคุณพระองค์ และถวำยพระพรแด่พระนำมพระองค์
ข) เพรำะองค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงพระทัยดี ควำมรักมั่นคงของพระองค์ด�ำรงอยู่เป็นนิตย์ ควำมซื่อสัตย์ของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 7:9,13-16
หลังจำกนั้น ข้ำพเจ้ำเห็นนิมิต ประชำชนมำกมำย เหลือคณำนับจำกทุกชำติ ทุกเผ่ำ ทุกประเทศและทุก ภำษำ ก�ำลังยืนอยู่เฉพำะพระบัลลังก์และเฉพำะพระ พักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขำว ถือใบปำล์ม ผูอ้ ำวุโสคนหนึง่ ถำมข้ำพเจ้ำว่ำ “คนทีส่ วมเสือ้ ขำว เหล่ำนี้เป็นใคร และมำจำกไหน” ข้ำพเจ้ำตอบว่ำ “นำย ขอรับ ท่ำนก็รู้อยู่แล้ว” เขำจึงบอกข้ำพเจ้ำว่ำ “คนเหล่ำ นี้คือผู้ที่มำจำกกำรเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขำซักเสื้อของเขำจนขำวในพระโลหิตของลูกแกะ ดังนั้น เขำจึง อยู่หน้ำพระบัลลังก์ของพระเจ้ำ จะรับใช้พระองค์ทั้งกลำงวันกลำงคืนในพระวิหำรของพระองค์ พระองค์ ผู้ประทับบนพระบัลลังก์จะทรงพ�ำนักอยู่กับเขำ เขำทั้งหลำยจะไม่หิวหรือกระหำยอีกเลย แสงแดดหรือ ควำมร้อนจะไม่แผดเผำเขำอีก เพรำะลูกแกะที่ทรงยืนอยู่กลำงพระบัลลังก์ จะทรงเลี้ยงดูเขำ จะทรงน�ำ เขำไปยังธำรน�้ำพุแห่งชีวิต และพระเจ้ำจะทรงเช็ดน�้ำตำทุกหยดจำกดวงตำของเขำ”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น
ยน 10:27-30
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “แกะของเรำย่อมฟังเสียงของเรำ เรำรู้จักมัน และมันก็ตำมเรำ เรำให้ ชีวิตนิรันดรแก่แกะเหล่ำนั้น และมันจะไม่พินำศเลยตลอดนิรันดร ไม่มีใครแย่งชิงแกะเหล่ำนั้นไปจำกมือ เรำได้ พระบิดำของเรำ ผู้ประทำนแกะเหล่ำนี้ให้เรำ ทรงยิ่งใหญ่กว่ำทุกคน และไม่มีใครแย่งชิงไปจำก พระหัตถ์ของพระบิดำได้ เรำกับพระบิดำเป็นหนึ่งเดียวกัน” แม้ความอิจฉาอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการประกาศพระวาจา... หากผู้ที่พระเจ้าทรงก�าหนดไว้ ส�าหรับชีวติ นิรนั ดรแล้วนัน้ ก็จะมีความเชือ่ ชืน่ ชมยินดีโดยพระคุณแห่งพระจิตเจ้า... แกะของพระเจ้าย่อมฟังเสียง ของพระองค์... พระองค์จะทรงเลี้ยงดู ประทานพุน�้าแห่งชีวิต จะทรงเช็ดน�้าตาให้ทุกๆ หยด... ไม่มีใครแย่งชิงเรา ไปจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้...
กจ 11:1-18
บทอ่านที่ 1
ในครั้งนั้น บรรดาอัครสาวกและพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียรู้ว่าคนต่างศาสนาได้ ยอมรับพระวาจาของพระเจ้าด้วย เมื่อเปโตรขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาผู้มีความเชื่อ ที่เข้าสุหนัตต�ำหนิเขา ถามว่า “ท�ำไมท่านเข้าไปในบ้านของผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและกิน อาหารร่วมกับเขา” เปโตรจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังตามล�ำดับว่า “วันหนึ่ง ขณะทีข่ า้ พเจ้าก�ำลังอธิษฐานภาวนาอยูท่ เี่ มืองยัฟฟา ข้าพเจ้าเข้าสูภ่ วังค์และเห็นนิมติ สิง่ หนึง่ คล้ายผ้าผืนใหญ่ ถูกมัดไว้ทงั้ สีม่ มุ ก�ำลังถูกหย่อนลงจากท้องฟ้ามาทีข่ า้ พเจ้า ข้าพเจ้า สัปดาห์ที่ 4 จ้องดูสิ่งนั้นอย่างตั้งใจ ก็เห็นสัตว์สี่เท้าของแผ่นดิน สัตว์ป่า สัตว์เลื้อยคลาน และนกใน เทศกาลปัสกา ท้องฟ้า ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘เปโตรเอ๋ย จงลุกขึ้น ฆ่าสัตว์เหล่า สดด 42:2-3,43:3,4 นี้กินซิ’ ข้าพเจ้าทูลตอบว่า ‘ท�ำไม่ได้ พระเจ้าข้า เพราะสิ่งมีมลทินและไม่สะอาดไม่เคย ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เข้าปากข้าพเจ้าเลย’ เสียงจึงตอบจากท้องฟ้าเป็นครัง้ ทีส่ องว่า ‘สิง่ ทีพ่ ระเจ้าทรงช�ำระให้ สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย’ เสียงจากท้องฟ้านีเ้ กิดขึน้ ถึงสามครัง้ แล้วทุก สิ่งก็ถูกดึงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นมีชายสามคนมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านที่ข้าพเจ้าพัก... เขาเล่าให้เราฟังว่า เขาเห็นทูตสวรรค์องค์ หนึง่ ปรากฏมาในบ้านของเขาพูดว่า ‘จงส่งคนไปทีเ่ มืองยัฟฟา ไปเชิญซีโมนทีร่ จู้ กั กันในนามว่าเปโตรมาทีน่ ี่ เขา จะกล่าวถ้อยค�ำที่จะน�ำความรอดพ้นมาให้ท่านและทุกคนในครอบครัว’ ขณะที่ข้าพเจ้าเริ่มพูด พระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาเหนือเขาเหล่านั้น เหมือนกับที่ได้เสด็จลงมาเหนือเราใน ตอนแรก ข้าพเจ้าจึงระลึกถึงพระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า ‘ยอห์นท�ำพิธีล้างด้วยน�้ำ แต่ท่านทั้งหลาย จะได้รับการล้างเดชะพระจิตเจ้า’ ในเมื่อพระเจ้าประทานพระพรแก่เขาเช่นเดียวกับที่ประทานแก่เราผู้เชื่อใน พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นใครเล่าที่จะขัดขวางพระเจ้าได้”...
พระวรสาร
ยน 10:1-10
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ไม่เข้าคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าทางอื่น ก็เป็นขโมยและ โจร ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ คนเฝ้าประตูย่อมเปิดประตูให้เขาเข้าไป บรรดาแกะก็ฟังเสียงเขา เขา เรียกชื่อแกะของตนทีละตัว และพาออกไปข้างนอก เมื่อเขาพาแกะออกไปหมดแล้ว เขาจะเดินน�ำหน้า และ แกะก็ตามไปเพราะจ�ำเสียงของเขาได้ แกะจะไม่ตามคนแปลกหน้าเลย แต่จะหนีจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียง ของคนแปลกหน้า” พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้คนเหล่านั้นฟัง แต่เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายถึงสิ่งใด พระเยซูเจ้ายังตรัสกับเขาอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราเป็นประตูคอกแกะ ทุกคน ที่มาก่อนหน้าเรา เป็นขโมยและโจร แต่แกะมิได้ฟังเสียงของเขาเหล่านั้น เราเป็นประตู ผู้ที่เข้ามาทางเราก็จะ รอดพ้น เขาจะเข้าจะออก และจะพบทุ่งหญ้า ขโมยย่อมมาเพื่อขโมย ฆ่าและท�ำลาย เรามาเพื่อให้แกะมีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” ความอิจฉาน�ำหน้ามาก่อนเสมอ..กว่าจะได้เข้าใจในทีส่ ดุ ว่า พระเจ้าทรงมีนำ�้ พระทัยดีประทานชีวติ ใหม่ ให้กับทุกคน ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร พระองค์โปรดประทานพระจิตของพระองค์ลงมาเหนือทุกคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต เจ้าผู้ทรงเป็นดังประตูคอกแกะ โดยการฟังเสียงของพระองค์ เราจะมีชีวิต เป็นชีวิตที่สมบูรณ์...
บทอ่านที่ 1
กจ 11:19-26
ในครั้งนั้น กำรเบียดเบียนที่เกิดขึ้นสมัยสเทเฟนท�ำให้บรรดำศิษย์กระจัดกระจำย ไปและมำถึงแคว้นฟีนีเซีย เกำะไซปรัสและเมืองอันทิโอก บรรดำศิษย์ประกำศพระ วำจำแก่ชำวยิวเท่ำนั้น ในบรรดำคนเหล่ำนี้ บำงคนเป็นชำวไซปรัสและชำวไซรีน เขำไป ถึงเมืองอันทิโอก เทศน์สอนชำวกรีกด้วย ประกำศข่ำวดีเรื่องพระเยซูองค์พระผู้เป็น เจ้ำ พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ำอยู่กับเขำ คนจ�ำนวนมำกเชื่อและกลับใจมำหำองค์ พระผู้เป็นเจ้ำ บรรดำศิษย์ในพระศำสนจักรที่กรุงเยรูซำเล็มรู้ข่ำวนี้ จึงส่งบำรนำบัสไปยังเมือง อันทิโอก เมือ่ บำรนำบัสมำถึงและเห็นผลแห่งพระหรรษทำนของพระเจ้ำ ก็มคี วำมชืน่ ชม จึงเตือนทุกคนให้มีจิตใจซื่อสัตย์มั่นคงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้ำ บำรนำบัสเป็นคนดี เปี่ยม ด้วยควำมเชือ่ และพระจิตเจ้ำ จึงมีผคู้ นจ�ำนวนมำกเข้ำมำเป็นศิษย์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ บำรนำบัสเดินทำงไปที่เมืองทำร์ซัสเพื่อตำมหำเซำโล เมื่อพบแล้ว ก็พำมำที่เมือง อันทิโอก ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันในพระศำสนจักรที่นั่นเป็นเวลำหนึ่งปีเต็ม สั่งสอนคน จ�ำนวนมำก ที่เมืองอันทิโอกนี้เองบรรดำศิษย์ได้รับชื่อว่ำ “คริสตชน” เป็นครั้งแรก
พระวรสาร
ยน 10:22-30
ขณะนั้นเป็นเทศกำลฉลองพระวิหำรที่กรุงเยรูซำเล็ม และเป็นฤดูหนำว พระเยซู เจ้ำทรงพระด�ำเนินอยู่ในพระวิหำรที่เฉลียงซำโลมอน ชำวยิวมำล้อมพระองค์ไว้ ทูลว่ำ “ท่ำนจะปล่อยให้ใจของพวกเรำสงสัยอยูน่ ำนเท่ำใด ถ้ำท่ำนเป็นพระคริสตเจ้ำ ก็จงบอก พวกเรำให้ชัดเจนเถิด” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบเขำว่ำ “เรำบอกท่ำนทัง้ หลำยแล้ว แต่ทำ่ นไม่เชือ่ กิจกำรทีเ่ รำ ท�ำในนำมของพระบิดำของเรำก็เป็นพยำนให้เรำ แต่ทำ่ นไม่เชือ่ เพรำะท่ำนไม่ใช่แกะของ เรำ แกะของเรำย่อมฟังเสียงของเรำ เรำรู้จักมัน และมันก็ตำมเรำ เรำให้ชีวิตนิรันดรแก่ แกะเหล่ำนั้น และมันจะไม่พินำศเลยตลอดนิรันดร ไม่มีใครแย่งชิงแกะเหล่ำนั้นไปจำก มือเรำได้ พระบิดำของเรำ ผู้ประทำนแกะเหล่ำนี้ให้เรำ ทรงยิ่งใหญ่กว่ำทุกคน และไม่มี ใครแย่งชิงไปจำกพระหัตถ์ของพระบิดำได้ เรำกับพระบิดำเป็นหนึ่งเดียวกัน” “คริสตชน”... คนของพระคริสต์ คนดี ซือ่ สัตย์มนั่ คง ผูเ้ ปีย มด้วยความเชือ่ และ พระจิตเจ้า เป็นผลแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า โดยอาศัยการประกาศ การฟัง “พระวาจา” พระเจ้าจะทรงประทานชีวิตนิรันดรแก่ผู้ที่เชื่อและติดตาม “เสียง” ของพระองค์ เราจะไม่มีวัน พินาศเลยตลอดนิรันดร... เราจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์...
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
สดด 87:1-3,4-5, 6-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา สดด 67:1-2,3-7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
กจ 12:24-13:5ก
พระวรสาร
ยน 12:44-50
ในครัง้ นัน้ พระวำจำของพระเจ้ำแผ่ขยำยมำกขึน้ และผูม้ คี วำมเชือ่ ก็เพิม่ จ�ำนวนขึน้ ด้วย บำรนำบัสและเซำโลปฏิบัติภำรกิจที่กรุงเยรูซำเล็มแล้ว จึงกลับมำที่เมืองอันทิโอก โดยพำยอห์น ที่รู้จักในนำมว่ำ มำระโก มำด้วย ในพระศำสนจักรที่เมืองอันทิโอก มีประกำศกและอำจำรย์ คือบำรนำบัส สิเมโอน ที่เรียกกันว่ำคนด�ำ ลูสิอัสชำวไซรีน มำนำเอนซึ่งได้รับกำรศึกษำอบรมมำด้วยกันกับ กษัตริย์เฮโรดอันทิปำสและเซำโล ขณะที่เขำร่วมพิธีนมัสกำรองค์พระผู้เป็นเจ้ำและ จ�ำศีลอดอำหำร พระจิตเจ้ำตรัสว่ำ “ท่ำนทั้งหลำยจงแยกบำรนำบัสและเซำโลไว้ปฏิบัติ ภำรกิจที่เรำเรียกเขำให้มำปฏิบัติเถิด” เมื่อเขำจ�ำศีลอดอำหำรและอธิษฐำนภำวนำแล้ว จึงปกมือเหนือบำรนำบัสและเซำโล แล้วส่งเขำทั้งสองคนออกไป เมื่อบำรนำบัสและเซำโลได้รับมอบภำรกิจจำกพระจิตเจ้ำแล้ว จึงเดินทำงไปยัง เมืองเซลูเคีย และจำกที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกำะไซปรัส ครั้นถึงเมืองซำลำมิส ทั้งสอง คนประกำศพระวำจำของพระเจ้ำในศำลำธรรมของชำวยิว เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสเสียงดังว่ำ “ผูท้ เี่ ชือ่ ในเรำ ไม่ได้เชือ่ ในเรำเท่ำนัน้ แต่ยงั เชือ่ ในพระองค์ผทู้ รงส่งเรำมำด้วย ผูท้ ี่ เห็นเรำ ก็เห็นพระองค์ผทู้ รงส่งเรำมำ เรำเข้ำมำในโลกเป็นแสงสว่ำง เพือ่ ให้ทกุ คนทีเ่ ชือ่ ในเรำไม่อยูใ่ นควำมมืด ผูใ้ ดได้ยนิ วำจำของเรำ แล้วไม่ปฏิบตั ติ ำม เรำไม่ตดั สินลงโทษเขำ เพรำะเรำไม่ได้มำเพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่มำเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น ผู้ที่ไม่ยอมรับเรำ และไม่ยอมรับวำจำของเรำ ก็มีผู้ตัดสินลงโทษเขำแล้ว วำจำที่เรำได้กล่ำวนั้น จะตัดสิน ลงโทษเขำในวันสุดท้ำย เพรำะเรำมิได้พูดตำมใจของเรำ แต่พระบิดำผู้ทรงส่งเรำมำ ได้ ทรงบัญชำว่ำเรำต้องพูดอะไร และพูดอย่ำงไร เรำรู้ว่ำพระบัญชำของพระองค์เป็นชีวิต นิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เรำพูด เรำก็พูดดังที่พระบิดำตรัสกับเรำ” เมื่อจ�าศีลอดอาหาร อธิษฐานภาวนา และได้รับการปกมือเหนือศีรษะ การ ปฏิบัติภารกิจในการประกาศข่าวดีโดยอาศัยฤทธิ์อ�านาจของพระจิตเจ้าก็เป็นไปอย่างเข้มข้น... แสงสว่างของพระคริสตเจ้าได้ถูกน�าไปสู่ทุกคนที่มีความเชื่อ..ยอมรับ “พระวาจา” และปฏิบัติ ตามเพือ่ ไม่ตกอยูใ่ นความมืดอีกต่อไป... พระประสงค์ของพระบิดาพระบัญชาของพระองค์เป็น ชีวิตนิรันดร...
บทอ่านที่ 1
กจ 13:13-25
เปาโลและเพือ่ นร่วมทางแล่นเรือจากเมืองปาโฟสถึงเมืองเปอร์กาในแคว้นปัมฟีเลีย ที่นี่ยอห์นแยกจากเขากลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนคนอื่นๆ เดินทางจากเมืองเปอร์กา ต่อไปถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ครั้นถึงวันสับบาโตเขาเข้าไปนั่งในศาลาธรรม เมือ่ อ่านธรรมบัญญัตแิ ละหนังสือประกาศกแล้ว บรรดาหัวหน้าศาลาธรรมก็สง่ คนไปเชิญ เปาโลและบารนาบัส พูดว่า “พี่น้อง ถ้าท่านมีถ้อยค�ำเตือนใจประชาชน ก็จงพูดเถิด” เปาโลยืนขึ้น โบกมือให้คนทั้งหลายเงียบแล้วพูดว่า “ชาวอิสราเอล และท่านทั้งหลายผู้ย�ำเกรงพระเจ้า จงฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าของ ประชาชนอิสราเอลนี้ทรงเลือกบรรพบุรุษของเรา และทรงยกย่องประชาชนขณะที่ยัง อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ทรงส�ำแดงพระอานุภาพยิ่งใหญ่น�ำเขาออกจากแผ่นดิน นั้น และเอาพระทัยใส่ดูแลเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี แล้วพระองค์ ทรงท�ำลายชนชาติเจ็ดชาติในแผ่นดินคานาอันและประทานแผ่นดินนั้นให้เขาเป็นมรดก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี หลังจากนัน้ พระเจ้าประทานผูว้ นิ จิ ฉัยให้ปกครองเขา จนถึงประกาศกซามูเอล เมือ่ ประชาชนขอให้มกี ษัตริย์ พระองค์กป็ ระทานซาอูลบุตรของคีช จากตระกูลเบนยามิน ให้ เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากต�ำแหน่งแล้ว ก็ ทรงแต่งตัง้ ดาวิดให้เป็นกษัตริยป์ กครองประชากรอิสราเอล ดังทีม่ คี ำ� ยืนยันในพระคัมภีร์ ว่า “เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะท�ำตามความประสงค์ของ เราทุกประการ” จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วย อิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นก�ำลังท�ำภารกิจของตนให้ส�ำเร็จไป เขา กล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งก�ำลังมาภายหลัง ข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
พระวรสาร
น.อันเซลม์ พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 89:2-3,21-22, 25-26 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
ยน 13:16-20
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็น ใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุก คน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริง ที่ว่า ‘ผู้ที่กินปังของเรา ได้ยกส้นเท้าใส่เรา’ เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะได้เชื่อว่าเรา เป็น เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” แผนการแห่งความรอดพ้น เริ่มต้นจากการทรงเลือก ทรงเรียก พระองค์จะทรงแผ้วถางเส้นทาง ทรง พระด�ำเนินเคียงข้าง ทรงพาออกจากเหตุเภทภัยนานัปการ ทรงเอาพระทัยใส่ดูแล ทรงประทานทุกสิ่งที่จ�ำเป็นเพื่อ ความรอดพ้นนี้... ขึ้นอยู่กับการสนองรับเสียงเรียกด้วยความเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็น..ทั้งด้วยการปฏิบัติ และการรับใช้ อย่างสุภาพถ่อมใจของเรา...
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
สดด 2:6-7,8-9, 10-11 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4 วันคุ้มครองโลก
บทอ่านที่ 1
กจ 13:26-33
พระวรสาร
ยน 14:1-6
ในครั้งนั้น เมื่อเปำโลมำถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสิเดีย ท่ำนกล่ำวในศำลำธรรม ว่ำ “พีน่ อ้ งทัง้ หลำย ผูเ้ ป็นบุตรจำกเชือ้ สำยของอับรำฮัมและท่ำนทีเ่ คำรพย�ำเกรงพระเจ้ำ พระเจ้ำทรงส่งข่ำวเรือ่ งควำมรอดพ้นนีแ้ ก่เรำ ชำวเยรูซำเล็มและบรรดำหัวหน้ำไม่ยอมรับ พระเยซูเจ้ำ จึงตัดสินลงโทษพระองค์ ท�ำให้ข้อควำมของบรรดำประกำศกที่อ่ำนทุกวัน สับบำโตเป็นจริง แม้ว่ำเขำไม่พบเหตุผลที่จะประหำรชีวิตพระองค์ได้ เขำก็ยังขอปีลำต ให้ประหำรชีวิตพระองค์ เมื่อท�ำให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์เป็นจริงแล้ว เขำ จึงปลดพระองค์ลงจำกไม้กำงเขนและน�ำไปวำงไว้ในพระคูหำ แต่พระเจ้ำทรงบันดำลให้ พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจำกบรรดำผู้ตำย ตลอดเวลำหลำยวัน พระองค์ทรงแสดง พระองค์แก่ผทู้ เี่ ดินทำงจำกแคว้นกำลิลมี ำยังกรุงเยรูซำเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้ เขำทั้งหลำยเป็นพยำนยืนยันถึงพระองค์ต่อหน้ำประชำชน เรำขอประกำศข่ำวดีให้ทำ่ นทัง้ หลำยรูว้ ำ่ พระสัญญำทีป่ ระทำนแก่บรรดำบรรพบุรษุ นั้น พระเจ้ำทรงกระท�ำให้เป็นจริงส�ำหรับเรำทั้งหลำยผู้เป็นลูกหลำน โดยทรงบันดำลให้ พระเยซูเจ้ำกลับคืนพระชนมชีพจำกบรรดำผูต้ ำย ดังทีม่ เี ขียนไว้ในเพลงสดุดบี ททีส่ องว่ำ ‘ท่ำนเป็นบุตรของเรำ เรำให้ก�ำเนิดท่ำนในวันนี้’” เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “ใจของท่ำนทั้งหลำยจงอย่ำหวั่นไหวเลย จงเชื่อในพระเจ้ำ และเชื่อในเรำด้วย ใน บ้ำนพระบิดำของเรำ มีที่พ�ำนักมำกมำย ถ้ำไม่มี เรำคงบอกท่ำนแล้ว เรำก�ำลังไปเตรียม ทีใ่ ห้ทำ่ น และเมือ่ เรำไป และเตรียมทีใ่ ห้ทำ่ นแล้ว เรำจะกลับมำรับท่ำนไปอยูก่ บั เรำด้วย เพื่อว่ำเรำอยู่ที่ใด ท่ำนทั้งหลำยจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เรำจะไปนั้น ท่ำนรู้จักหนทำงแล้ว” โทมัสทูลว่ำ “พระเจ้ำข้ำ พวกเรำไม่รวู้ ำ่ พระองค์จะเสด็จไปทีใ่ ด แล้วจะรูจ้ กั หนทำง ได้อย่ำงไร” พระเยซูเจ้ำตรัสตอบเขำว่ำ “เรำเป็นหนทำง ควำมจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้ำ พระบิดำได้นอกจำกผ่ำนทำงเรำ”
นักบุญเปาโลประกาศข่าวดีแก่ชาวอันทิโอกว่า พระสัญญาที่ทรงประทานแก่ บรรพบุรุษนั้น พระเจ้าทรงกระท�าให้เป็นจริงส�าหรับเราทั้งหลายผ่านการกลับคืนพระชนมชีพ จากบรรดาผู้ตายของพระเยซูเจ้า ในขณะที่พระเยซูคริสตเจ้าเองเมื่อทรงพระชนม์อยู่ทรงตรัส กับเราผ่านทางบรรดาศิษย์ว่า..พระองค์อยู่ที่ใดเราก็อยู่กับพระองค์ที่นั่น หากเราด�าเนินชีวิต ติดตามพระองค์...ผู้ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต
บทอ่านที่ 1
กจ 13:44-52
พระวรสาร
ยน 14:7-14
วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อ ชาวยิวเห็นประชาชนจ�ำนวนมากเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านค�ำพูดของ เปาโลและด่าว่าเขา เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จ�ำเป็นที่เราจะต้องประกาศพระ วาจาของพระเจ้าให้ท่านฟังก่อนผู้อื่น แต่เมื่อท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คิดว่าตน น.ยอร์จ เหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามี มรณสักขี พระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า สดด 98:1-2,3-4 ‘เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อท่านจะได้น�ำความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน’” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้า และทุกคนที่พระเจ้าทรงก�ำหนดไว้ส�ำหรับชีวิตนิรันดรก็มีความเชื่อ พระวาจาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าแผ่ไปทัว่ แคว้นนัน้ แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชนั้ สูงทีเ่ ลือ่ มใสในศาสนายิว และบรรดาผู้น�ำของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดนของตน เขาทัง้ สองคนจึงสะบัดฝุน่ จากเท้าเป็นเครือ่ งหมายตัดความสัมพันธ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองอิโคนิยมุ บรรดา ศิษย์ต่างมีความชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ถ้าท่านทัง้ หลายรูจ้ กั เรา ท่านก็รจู้ กั พระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รจู้ กั พระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดท�ำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็ เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดท�ำให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราด�ำรง อยูใ่ นพระบิดา และพระบิดาทรงด�ำรงอยูใ่ นเรา วาจาทีเ่ ราบอกกับท่านทัง้ หลายนี้ เรามิได้พดู ตามใจของเรา แต่ พระบิดาผู้สถิตในเรา ทรงกระท�ำกิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราด�ำรงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ทรงด�ำรงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความ จริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะท�ำกิจการที่เราก�ำลังท�ำอยู่ด้วย และจะท�ำกิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเราก�ำลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะท�ำสิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับ พระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะท�ำให้” เรามาชุมนุมกันฟังพระวาจาของพระเจ้าสม�่ำเสมอเป็นประจ�ำ เราปรารถนาน�ำแสงสว่างนี้ส่องไปยัง นานาชาติดงั เช่นทีไ่ ด้สอ่ งแสงลงในจิตใจของเราแล้ว...เรามุง่ มัน่ เราทุม่ เท ในขณะทีอ่ าจมีความไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วย โดยใครบางคนหรือบางกลุ่ม เราจะยังชื่นชมยินดีได้ในท่ามกลางการเบียดเบียนเหล่านี้หรือไม่... เหตุว่าเราได้รับโอกาส ให้เป็นเครือ่ งมือเล็กๆ ของพระเจ้าเพือ่ จะน�ำความรอดพ้นทีพ่ ระองค์โปรดประทานให้ไปจนสุดปลายแผ่นดิน... ดังทีพ่ ระ เยซูคริสตเจ้าตรัสว่า... “ผูท้ เี่ ชือ่ ในเรา ก็จะท�ำกิจการทีเ่ ราก�ำลังท�ำอยูด่ ว้ ย และจะท�ำกิจการทีใ่ หญ่กว่านัน้ อีก...ถ้าท่านขอ สิ่งใดในนามของเรา เราจะท�ำให้”...เราจงวอนขอด้วยวางใจ
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
กจ 14:20ข-27
วันรุ่งขึ้นเปำโลก็ออกเดินทำงกับบำรนำบัสไปยังเมืองเดอร์บี ทั้งสองคนประกำศ ข่ำวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจ�ำนวนมำก แล้วจึงกลับไปเมืองลิสตรำ เมืองอิโคนิยุมและ เมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขำทั้งสองคนให้ก�ำลังใจบรรดำศิษย์ตักเตือนให้มั่นคง อยู่ในควำมเชื่อ พูดว่ำ “พวกเรำจ�ำเป็นต้องฟันฝ่ำควำมทุกข์ยำกเป็นอันมำกจึงจะเข้ำ สู่พระอำณำจักรของพระเจ้ำได้” เปำโลและบำรนำบัสแต่งตั้งผู้อำวุโสในกลุ่มคริสตชน แต่ละกลุ่ม เขำอธิษฐำนภำวนำพร้อมกับจ�ำศีลอดอำหำร แล้วฝำกบรรดำผู้อำวุโสเหล่ำ นี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้ำ ซึ่งเขำทั้งหลำยมีควำมเชื่อ ทั้งสองคนเดินทำงผ่ำนแคว้น ปิสิเดีย มำถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกำศพระวำจำที่เมืองเปอร์กำ แล้วจึงไปยังเมือง อัตตำเลีย จำกนั้น เขำลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขำทั้งสองคนจะออก เดินทำงจำกเมืองอันทิโอก บรรดำคริสตชนเคยฝำกเขำไว้กับพระหรรษทำนของพระเจ้ำ เพื่องำนที่เขำเพิ่งท�ำส�ำเร็จ เมื่อไปถึง เปำโลและบำรนำบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่ำทุกสิ่งที่พระเจ้ำทรงกระท�ำโดยผ่ำนตนว่ำพระเจ้ำทรงเปิดประตูแห่งควำมเชื่อให้คน ต่ำงศำสนำ
เพลงสดุดี
สดด 145:8-10,11-12,13ก
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์
วว 21:1-5ก
ก) องค์พระผู้เป็นเจ้ำโปรดปรำนและทรงพระเมตตำกรุณำ กริ้วช้ำและทรงควำมรักมั่นคงอย่ำงเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้ำทรงพระทัยดีต่อทุกคน ควำมอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้ำงทั้งมวล ข้ำแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ำ ขอให้สิ่งสร้ำงทั้งมวลสรรเสริญพระองค์ ขอให้ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ถวำยพระพรแด่พระองค์ ข) เขำจะพูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระอำณำจักรของพระองค์ และเล่ำถึงพระอำนุภำพของพระองค์ บุตรแห่งมนุษย์จะได้รู้ถึงพระอำนุภำพของพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์และควำมรุ่งเรืองแห่งพระอำณำจักรของพระองค์ ค) พระอำณำจักรของพระองค์เป็นอำณำจักรที่ด�ำรงอยู่ตลอดไป อ�ำนำจปกครองของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย
แล้วข้ำพเจ้ำเห็นฟ้ำใหม่และแผ่นดินใหม่ เพรำะฟ้ำและแผ่นดินเดิมสูญหำยไป ไม่มี ทะเลอีกต่อไป ข้ำพเจ้ำเห็นนครศักดิ์สิทธิ์ คือนครเยรูซำเล็มใหม่ลงมำจำกสวรรค์ ลงมำ จำกพระเจ้ำ เตรียมพร้อมเหมือนกับเจ้ำสำวทีแ่ ต่งตัวรอเจ้ำบ่ำว ข้ำพเจ้ำได้ยนิ เสียงดังจำก พระบัลลังก์ว่ำ “นี่คือที่พ�ำนักของพระเจ้ำในหมู่มนุษย์ พระองค์จะทรงพ�ำนักอยู่ในหมู่
เขำ เขำจะเป็นประชำกรของพระองค์ และพระองค์จะ ทรงเป็นพระเจ้ำของเขำ ทรงเป็น “พระเจ้ำสถิตกับเขำ” พระองค์จะทรงเช็ดน�ำ้ ตำทุกหยดจำกนัยน์ตำของเขำ จะ ไม่มีควำมตำยอีกต่อไป จะไม่มีกำรไว้ทุกข์ กำรร้องไห้ และควำมทุกข์อีกต่อไป เพรำะโลกเดิมผ่ำนพ้นไปแล้ว พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ตรัสว่ำ “ดูซิ เรำ ท�ำทุกสิ่งขึ้นใหม่”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 13:31-33ก,34-35
เมื่อยูดำสออกไปแล้ว พระเยซูเจ้ำตรัสว่ำ “บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ และพระเจ้ำทรง ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ด้วย ถ้ำพระเจ้ำทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ พระเจ้ำ จะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระองค์ด้วย และจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระ สิริรุ่งโรจน์ทันที ลูกทั้งหลำยเอ๋ย เรำจะอยู่กับท่ำนอีกไม่นำน เรำให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่ำนทั้งหลำย ให้ ท่ำนรักกัน เรำรักท่ำนทั้งหลำยอย่ำงไร ท่ำนก็จงรักกันอย่ำงนั้นเถิด ถ้ำท่ำนมีควำมรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ ว่ำ ท่ำนเป็นศิษย์ของเรำ” “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริว้ ช้าและทรงความรักมัน่ คงอย่างเต็ม เปียม ทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล...” (สดด 145:8-10) เป็นพระ เมตตาของพระเจ้าส�าหรับงานประกาศข่าวดีและการเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คนต่างศาสนาของนักบุญเปาโล และบารนาบัส... เป็นความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงสถิตทุกหนแห่งเพื่อเราทุกคนทีละคน เพื่อทรงเช็ดน�้าตาทุก หยดจากนัยน์ตาของเราและจะไม่มคี วามตายอีกต่อไป... เป็นความอ่อนโยนของพระองค์ทที่ รงสอนบทบัญญัตใิ หม่ ให้แก่เรา..ให้รักกันและกัน... พระองค์ทรงรักเราอย่างไร เราก็จงรักกันด้วยความรักเช่นเดียวกันนั้น... ด้วยเราเป็น ศิษย์ของพระองค์
ฉลอง น.มาระโก ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 89:1-2,5-7, 15-16
บทอ่านที่ 1
1 ปต 5:5ข-14
พระวรสาร
มก 16:15-20
ท่ำนทีร่ กั ยิง่ ทัง้ หลำย จงมีควำมถ่อมตนต่อกันเถิดเพรำะพระเจ้ำทรงต่อต้ำนคนเย่อ หยิ่งจองหอง แต่ประทำนพระหรรษทำนแก่ผู้ถ่อมตน ดังนั้น จงถ่อมตนอยู่ใต้พระหัตถ์ ทรงฤทธิ์ของพระเจ้ำ เพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่ำนเมื่อถึงเวลำอันควร จงละควำม กระวนกระวำยทั้งมวลของท่ำนไว้กับพระองค์ เพรำะพระองค์ทรงห่วงใยท่ำน จงมี สติสมั ปชัญญะและตืน่ ตัวอยูเ่ สมอ เพรำะศัตรูของท่ำนคือมำรก�ำลังดักวนเวียนอยูร่ อบๆ ดุจสิงโตค�ำรำม เสำะหำคนทีม่ นั จะกัดกินได้ จงต่อสูก้ บั มันด้วยใจมัน่ คงในควำมเชือ่ จงรู้ ว่ำบรรดำพีน่ อ้ งผูม้ คี วำมเชือ่ ทัว่ โลกก็ประสบควำมทุกข์ลำ� บำกเช่นเดียวกัน และเมือ่ ท่ำน ได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้ำผู้ประทำนพระหรรษทำนทุกประกำร ผู้ทรงเรียก ท่ำนให้มำรับพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดรในพระคริสตเจ้ำ จะทรงฟนฟูท่ำนให้มั่นคง มีก�ำลัง เข้มแข็ง และจะทรงพยุงท่ำนไว้ ขอพระอำนุภำพจงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อำเมน ข้ำพเจ้ำเขียนจดหมำยสั้นๆ ฉบับนี้ ด้วยควำมช่วยเหลือของสิลวำนัสซึ่งข้ำพเจ้ำ นับถือว่ำเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ ข้ำพเจ้ำเตือนสติท่ำนและยืนยันว่ำนี่เป็นพระหรรษทำน แท้จริงของพระเจ้ำ จงยืนหยัดมัน่ คงในพระหรรษทำนนีเ้ ถิด พระศำสนจักรทีก่ รุงบำบิโลน ซึ่งพระเจ้ำทรงเลือกสรรไว้เช่นเดียวกับที่ได้ทรงเลือกสรรท่ำน ขอฝำกควำมคิดถึงท่ำน มำระโกบุตรของข้ำพเจ้ำก็ฝำกควำมคิดถึงท่ำนด้วย จงทักทำยกันด้วยกำรจุมพิตแสดงควำมรัก ขอสันติสุขจงอยู่กับท่ำนทั้งหลำยซึ่ง ด�ำรงอยู่ในพระคริสตเจ้ำเทอญ เวลำนัน้ พระเยซูเจ้ำทรงส�ำแดงองค์แก่อคั รสำวกทัง้ สิบเอ็ดคน ตรัสกับเขำว่ำ “ท่ำน ทัง้ หลำยจงออกไปทัว่ โลก ประกำศข่ำวดีให้มนุษย์ทงั้ ปวง ผูท้ เี่ ชือ่ และรับศีลล้ำงบำปก็จะ รอดพ้น ผูท้ ไี่ ม่เชือ่ จะถูกตัดสินลงโทษ ผูท้ เี่ ชือ่ จะท�ำอัศจรรย์เหล่ำนีไ้ ด้ คือจะขับไล่ปศี ำจ ในนำมของเรำ จะพูดภำษำใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้ำดื่มยำพิษก็จะไม่ได้รับอันตรำย เขำจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่ำนั้นก็จะหำยจำกโรคภัย” เมือ่ พระเยซู องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำตรัสดังนีแ้ ล้ว พระเจ้ำทรงรับพระองค์ขนึ้ สูส่ วรรค์ ให้ ประทับ ณ เบือ้ งขวำ บรรดำศิษย์กแ็ ยกย้ำยกันออกไปเทศนำสัง่ สอนทัว่ ทุกแห่งหน องค์ พระผู้เป็นเจ้ำทรงท�ำงำนร่วมกับเขำ และทรงรับรองค�ำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตำมมำ นักบุญมาระโกผู้นิพนธ์พระวรสารเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าผ่านการ ประกาศข่าวดีของท่านนักบุญเปโตรและเป็นเพือ่ นร่วมงานทีด่ ดี ว้ ยความถ่อมตน ท่านละความ กระวนกระวายทั้งมวลไว้ในพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเป็นเจ้า... ท่านมีสติสัมปชัญญะและ ตื่นตัวเสมอ ต่อสู้ด้วยใจมั่นคงจวบจนวันสิ้นชีวิตเป็นมรณสักขี เพื่อยืนยันความเชื่อ แม้ว่าท่าน มิได้ร่วมอยู่ในเวลาด�ารงพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าก็ตาม... กระนั้นก็ดีโดยอาศัยพระ จิตเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงท�างานร่วมกับท่าน และทรงรับรองค�าสั่งสอนโดยอัศจรรย์นานา ที่ติดตามมา...
บทอ่านที่ 1
กจ 14:19-28
ในเวลำนั้น ชำวยิวบำงคนมำจำกเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนิยุม เกลี้ยกล่อม ประชำชนให้เป็นฝ่ำยของตนได้ เขำเหล่ำนั้นใช้ก้อนหินขว้ำงเปำโลแล้วลำกออกไปนอก เมืองเพรำะคิดว่ำเปำโลตำยแล้ว บรรดำศิษย์มำห้อมล้อมเขำ เปำโลลุกขึน้ เข้ำไปในเมือง วันรุ่งขึ้นเปำโลก็ออกเดินทำงกับบำรนำบัสไปยังเมืองเดอร์บี ทั้งสองคนประกำศข่ำวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจ�ำนวนมำก แล้วจึงกลับไปเมือง ลิสตรำ เมืองอิโคนิยุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขำทั้งสองคนให้ก�ำลังใจ บรรดำศิษย์ ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในควำมเชื่อ พูดว่ำ “พวกเรำจ�ำเป็นต้องฟันฝ่ำควำม ทุกข์ยำกเป็นอันมำกจึงจะเข้ำสู่พระอำณำจักรของพระเจ้ำได้” เปำโลและบำรนำบัสแต่ง ตัง้ ผูอ้ ำวุโสในกลุม่ คริสตชนแต่ละกลุม่ เขำอธิษฐำนภำวนำพร้อมกับจ�ำศีลอดอำหำร แล้ว ฝำกบรรดำผูอ้ ำวุโสเหล่ำนีไ้ ว้กบั องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ำ ซึง่ เขำทัง้ หลำยมีควำมเชือ่ ทัง้ สองคน เดินทำงผ่ำนแคว้นปิสิเดีย มำถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกำศพระวำจำที่เมืองเปอร์กำ แล้ว จึงไปยังเมืองอัตตำเลีย จำกนั้น เขำลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขำทั้งสองคนจะออก เดินทำงจำกเมืองอันทิโอก บรรดำคริสตชนเคยฝำกเขำไว้กับพระหรรษทำนของพระเจ้ำ เพื่องำนที่เขำเพิ่งท�ำส�ำเร็จ เมื่อไปถึง เปำโลและบำรนำบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่ำทุกสิ่งที่พระเจ้ำทรงกระท�ำโดยผ่ำนตนว่ำพระเจ้ำทรงเปิดประตูแห่งควำมเชื่อให้คน ต่ำงศำสนำ เขำทั้งสองคนพักอยู่กับบรรดำศิษย์เป็นเวลำนำน
พระวรสาร
ยน 14:27-31ก
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เรำมอบสันติสุขไว้ให้ท่ำนทั้งหลำย เรำให้สันติสุขของเรำแก่ท่ำน เรำให้สันติสุข แก่ท่ำน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่ำนอย่ำหวั่นไหว หรือมีควำมกลัวเลย ท่ำนได้ยินที่ เรำบอกกับท่ำนแล้วว่ำ เรำก�ำลังจะไป และเรำจะกลับมำหำท่ำนทั้งหลำย ถ้ำท่ำนรักเรำ ท่ำนคงยินดีทเี่ รำก�ำลังไปเฝ้ำพระบิดำ เพรำะพระบิดำทรงยิง่ ใหญ่กว่ำเรำ และบัดนีเ้ รำได้ บอกท่ำนทั้งหลำยก่อนที่เหตุกำรณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่ำเมื่อเหตุกำรณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่ำนจะ เชื่อ เรำจะพูดกับท่ำนต่อไปอีกไม่นำน เพรำะซำตำนเจ้ำนำยแห่งโลกนี้ก�ำลังมำ มันไม่มี อ�ำนำจใดเหนือเรำ แต่โลกจะต้องรู้ว่ำเรำรักพระบิดำ และรู้ว่ำพระบิดำทรงบัญชำให้เรำ ท�ำอย่ำงไร เรำก็ท�ำอย่ำงนั้น” เส้นทางการประกาศข่าวดีไม่ว่ายุคสมัยใด นับแต่ยุคต้นของอัครสาวกจนถึง ปัจจุบัน ก็ต้องฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคความทุกข์ยากมากมาย เราจ�าต้องอธิษฐานภาวนา จ�าศีล อดอาหาร เพือ่ พระหรรษทานของพระเจ้าจะเพิม่ พูนพลังให้เราในการยืนหยัดมัน่ คง ไม่ทอ้ ถอย ในการประกาศพระวาจา..เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ... “เราประทาน สันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย... ใจของท่านอย่าหวั่นไหวหรือมีความกลัวเลย...”
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา สดด 145:10-11, 12-13กข,21 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา สดด 122:1-2,3-5
ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
กจ 15:1-6
พระวรสาร
ยน 15:1-8
เวลำนั้น คริสตชนชำวยิวบำงคนลงมำจำกแคว้นยูเดีย และสอนบรรดำพี่น้องว่ำ “ถ้ำท่ำนทั้งหลำยมิได้เข้ำสุหนัตตำมธรรมประเพณีของโมเสส ท่ำนจะรอดพ้นไม่ได้” เปำโลและบำรนำบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขำเหล่ำนั้นอย่ำงรุนแรง มีกำรตกลงกัน ให้เปำโลและบำรนำบัสพร้อมกับพีน่ อ้ งบำงคนขึน้ ไปยังกรุงเยรูซำเล็มเพือ่ ปรึกษำปัญหำ นีก้ บั บรรดำอัครสำวกและบรรดำผูอ้ ำวุโส เมือ่ พระศำสนจักรจัดให้เขำเหล่ำนัน้ ออกเดิน ทำงไปแล้ว เขำเดินทำงผ่ำนแคว้นฟีนีเซียและสะมำเรีย เล่ำเรื่องกำรกลับใจของคนต่ำง ศำสนำ ท�ำให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่ำงยิ่ง เมื่อมำถึงกรุงเยรูซำเล็มเขำได้รับกำรต้อนรับ จำกพระศำสนจักร บรรดำอัครสำวกและบรรดำผู้อำวุโส บำรนำบัสและเปำโลเล่ำเรื่อง ต่ำงๆ ที่พระเจ้ำทรงกระท�ำโดยผ่ำนตน ผูม้ คี วำมเชือ่ บำงคนทีเ่ คยอยูใ่ นกลุม่ ชำวฟำริสลี กุ ขึน้ กล่ำวว่ำ “ต้องให้คนต่ำงศำสนำ เข้ำสุหนัตและปฏิบัติตำมธรรมบัญญัติของโมเสส” บรรดำอัครสำวกและผู้อำวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจำรณำปัญหำนี้ เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “เรำเป็นเถำองุ่นแท้ และพระบิดำของเรำทรงเป็นชำวสวน กิ่งก้ำนใดในเรำที่ไม่ เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้ำนใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผล มำกขึ้น ท่ำนทั้งหลำยก็สะอำดอยู่แล้ว เพรำะวำจำที่เรำกล่ำวกับท่ำน ท่ำนทั้งหลำยจง ด�ำรงอยู่ในเรำเถิด ดังที่เรำด�ำรงอยู่ในท่ำน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้ำไม่ติดอยู่ กับเถำองุ่นฉันใด ท่ำนทั้งหลำยก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้ำไม่ด�ำรงอยู่ในเรำฉันนั้น เรำเป็นเถำ องุ่น ท่ำนทั้งหลำยเป็นกิ่งก้ำน ผู้ที่ด�ำรงอยู่ในเรำ และเรำด�ำรงอยู่ในเขำ ก็ย่อมเกิดผล มำก เพรำะถ้ำไม่มีเรำ ท่ำนก็ท�ำอะไรไม่ได้เลย ถ้ำผู้ใดไม่ด�ำรงอยู่ในเรำ ก็จะถูกโยนทิ้ง ไปข้ำงนอกเหมือนกิง่ ก้ำน และจะเหีย่ วแห้งไป กิง่ ก้ำนเหล่ำนัน้ จะถูกเก็บไปทิง้ ในไฟและ ถูกเผำ ถ้ำท่ำนทั้งหลำยด�ำรงอยู่ในเรำ และวำจำของเรำด�ำรงอยู่ในท่ำน ท่ำนอยำกได้สิ่ง ใด ก็จงขอเถิด และท่ำนจะได้รับ พระบิดำของเรำจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่ำนเกิด ผลมำก และกลำยเป็นศิษย์ของเรำ” เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เกิดการโต้แย้ง การประชุมเพื่อพิจารณาปัญหา โดยอัครสาวกและผู้อาวุโสเป็นสิ่งที่พระศาสนจักรน�ามาพิจารณาตัดสิน เพื่อน�าพาคริสตชนไป ในหนทางสันติสุขร่วมกันในทันที สิ่งที่ไม่ควรเกิดเป็นปัญหาก็ได้รับการก�าจัดไป ไม่สร้างความ แตกแยกร้าวฉานกับชุมชนผู้มีความเชื่อ เหมือนดังเช่นกิ่งก้านได้รับการดูแลหล่อเลี้ยงจาก ล�าต้น..ดังเช่นบรรดาอัครสาวกได้รับการหล่อเลี้ยงจากองค์พระเยซูคริสตเจ้า ให้ยึดติดสนิทอยู่ กับพระองค์เช่นกิ่งก้านที่ติดอยู่กับเถาองุ่น...เช่นกัน หากเราด�ารงชีวิตชิดสนิทในพระองค์ ให้ พระวาจาของพระองค์ดา� รงอยูใ่ นเรา..เราจะเกิดผลมากมายและไม่วา่ อยากได้สงิ่ ใด ก็จงขอเถิด
บทอ่านที่ 1
กจ 15:7-21
พระวรสาร
ยน 15:9-11
ในครั้งนั้น หลังจากโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรลุกขึ้นกล่าวแก่ที่ประชุม เปโตรกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้แล้วว่า ตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงเลือกสรร ข้าพเจ้าในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย เพือ่ ให้คนต่างศาสนาได้ฟงั พระวาจาทีเ่ ป็นข่าวดีจากปากของ ข้าพเจ้าและมีความเชื่อ พระเจ้าผู้ทรงล่วงรู้จิตใจ ทรงเป็นพยานยืนยันแก่คนต่างศาสนา โดยประทานพระจิตเจ้าให้เขาเหมือนกับที่ประทานให้พวกเรา พระองค์มิได้ทรงล�ำเอียง น.เปโตร ชาเนล แต่ทรงช�ำระจิตใจของเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความเชื่อ บัดนี้ ท�ำไมท่านทั้งหลายจึงทดลอง พระสงฆ์ และมรณสักขี พระเจ้า น�ำแอกที่ทั้งบรรพบุรุษของเราและพวกเราแบกไม่ไหวมาวางบนคอของบรรดา ศิษย์ เราเชื่อว่าเราได้รับความรอดพ้นอาศัยพระหรรษทานของพระเยซูองค์พระผู้เป็น น.หลุยส์ มารี กรีญอง เดอ มงฟอร์ต พระสงฆ์ เจ้าเช่นเดียวกับคนต่างศาสนาด้วย” สดด 96:1-3,10-11 ทุกคนในทีป่ ระชุมนิง่ เงียบ ฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรือ่ งเครือ่ งหมายอัศจรรย์และ ปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าทรงกระท�ำในหมู่คนต่างศาสนาโดยผ่านตน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เมือ่ ทัง้ สองคนเล่าจบแล้ว ยากอบจึงพูดว่า “พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ซีโมน เล่าแล้วว่า ตัง้ แต่แรกพระเจ้าทรงพระกรุณาเลือกสรรประชากรชาติหนึง่ จากนานาชาติให้ เป็นประชากรของพระองค์ การกระท�ำเช่นนี้สอดคล้องกับถ้อยค�ำของบรรดาประกาศก ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘หลังจากนี้ เราจะกลับมา และจะซ่อมแซมกระโจมที่พังลงของกษัตริย์ดาวิด จะซ่อมแซมสิ่งปรักหัก พังของกระโจมนี้ และจะตั้งใหม่ให้ตรง เพื่อให้มนุษย์อื่นๆ แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับนานาชาติที่ เราเรียกว่าเป็นของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเช่นนี้ และทรงกระท�ำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่รู้กันตลอดมาแล้ว’ ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรก่อความยุง่ ยากแก่คนต่างศาสนาทีก่ ลับใจมาหาพระเจ้า ควรเขียนจดหมาย ไปบอกเขา ให้งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว ให้งดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และงดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตาย กฎเหล่านี้ของโมเสสเป็นที่รู้จักกันทั่วทุกเมืองตั้งแต่ สมัยโบราณแล้ว เพราะมีผู้ประกาศในศาลาธรรมทุกวันสับบาโต” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงด�ำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้า ท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะด�ำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติ ของพระบิดาของเรา และด�ำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์” ความรัก ความรัก ความรัก... “ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติความรักของเรา ท่านก็ด�ำรงอยู่ในความ รักของพระบิดา”...เมือ่ มีความรัก... ไม่วา่ อุปสรรคขวากหนามหรือการโต้แย้งใดใดก็กลายเป็นเรือ่ งทีแ่ ก้ไขได้โดยง่าย ดัง เช่นที่นักบุญเปโตรพิจารณาตัดสินข้อโต้แย้ง โดยยึดถือกฎแห่งความรักและความเชื่อในพระยุติธรรม พระเจ้าไม่ทรง ล�ำเอียง พระองค์ทรงล่วงรู้จิตใจและโปรดประทานพระจิตของพระองค์แก่ทุกคนไม่เว้นแม้คนต่างศาสนา
ระลึกถึง น.กาธารีนา แห่งซีเอนา พรหมจารี และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 57:8-9,10-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
กจ 15:22-31
พระวรสาร
ยน 15:12-17
ในครัง้ นัน้ บรรดาอัครสาวกและผูอ้ าวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนทีช่ มุ นุมกันตกลง ใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือ ยูดาส ทีเ่ รียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทัง้ สองคนนีเ้ ป็นคนเด่นในบรรดาพีน่ อ้ ง ทีป่ ระชุม เขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า “จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และ แคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด เนือ่ งจากเรารูว้ า่ พวกเราบางคนกล่าวถ้อยค�ำทีท่ ำ� ให้ทา่ นสับสนและวุน่ วายใจ โดย ไม่ได้รับค�ำสั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่าน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา ดังนัน้ เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรือ่ งทีเ่ ขียนนีใ้ ห้ทา่ นฟัง โดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงที่จะไม่บังคับให้ท่านแบกภาระอื่นอีก นอกจากสิ่ง ที่จ�ำเป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกินเลือด และเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่าน ทั้งหลายงดเว้นการกระท�ำเหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด” เมือ่ ร�ำ่ ลากันแล้ว คณะผูแ้ ทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดาคริสตชน มาประชุมกันและมอบจดหมายให้ เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดีเพราะได้ รับก�ำลังใจ เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมี ความรักยิง่ ใหญ่กว่าการสละชีวติ ของตนเพือ่ มิตรสหาย ท่านทัง้ หลายเป็นมิตรสหายของ เรา ถ้าท่านท�ำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ ว่านายของตนท�ำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ทา่ นรูท้ กุ สิง่ ทีเ่ ราได้ยนิ มาจากพระบิดาของเรา มิใช่ทา่ นทัง้ หลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ ท่านไปท�ำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพือ่ ว่าท่านจะขอสิง่ ใดจากพระบิดาในนาม ของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน”
ความสับสนวุน่ วายใจส�ำหรับคริสตชนใหม่ได้รบั การบรรเทา ข้อบังคับอันเข้มงวดได้รบั การผ่อนปรน คง ไว้เพียงข้อก�ำหนดการงดเว้นที่จ�ำเป็นเพียง 3 ข้อ เป็นเหตุให้พี่น้องได้รับก�ำลังใจและมีความยินดี เป็นมิติที่สัมพันธ์กับ บทบัญญัติส�ำคัญที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสสอน... “ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน” ด้วยความรัก ข้อปฏิบัติ เข้มงวดได้รับการละเว้น...เช่นเดียวกัน ด้วยความรักพระเจ้าทรงเลือกเราแต่ละคน พระองค์ไม่ทรงเรียกเราเป็นผู้รับใช้ อีกต่อไป..ทรงมอบภารกิจให้ไปปฏิบัติจนเกิดผล และผลนั้นจะคงอยู่...
บทอ่านที่ 1
กจ 16:1-10
ในครั้งนั้น เปำโลเดินทำงมำถึงเมืองเดอร์บีและเมืองลิสตรำ ที่เมืองนี้ศิษย์คนหนึ่ง ชื่อทิโมธี มำรดำของเขำเป็นคริสตชนชำวยิว แต่บิดำเป็นชำวกรีก เขำเป็นที่นับถือของ บรรดำพี่น้องคริสตชนที่เมืองลิสตรำและเมืองอิโคนิยุม เปำโลต้องกำรให้เขำร่วมเดิน ทำงไปด้วย จึงให้เขำเข้ำสุหนัต เพื่อเอำใจบรรดำชำวยิวที่อยู่ในที่ต่ำงๆ แถบนั้น เพรำะ ทุกคนรู้ว่ำ บิดำของเขำเป็นชำวกรีก เมื่อคณะของเปำโลผ่ำนไปตำมเมืองต่ำงๆ ก็แจ้ง ให้บรรดำคริสตชนรูข้ อ้ ก�ำหนดทีบ่ รรดำอัครสำวกและผูอ้ ำวุโสตกลงกันทีก่ รุงเยรูซำเล็ม เตือนเขำให้ปฏิบัติตำม บรรดำกลุ่มคริสตชนจึงมีควำมเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นและมีจ�ำนวน คริสตชนเพิ่มขึ้นทุกวัน พระจิตเจ้ำทรงห้ำมคณะของเปำโลประกำศพระวำจำในแคว้นเอเชีย เขำจึงเดินทำง ผ่ำนแคว้นฟรีเจียและแคว้นกำลำเทีย มำถึงแคว้นมิเซีย เขำพยำยำมเข้ำไปในแคว้นบิธเี นีย แต่พระจิตของพระเยซูเจ้ำไม่ทรงอนุญำตให้เข้ำไป เขำจึงเดินทำงผ่ำนแคว้นมิเซีย ไป ถึงเมืองโตรอัส เวลำกลำงคืนเปำโลเห็นนิมิต ชำวมำซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ อ้อนวอน เปำโลว่ำ “โปรดข้ำมมำในแคว้นมำซิโดเนียและช่วยพวกเรำด้วยเถิด” เมื่อเปำโลเห็น นิมิตนี้แล้ว พวกเรำก็หำโอกำสที่จะไปยังแคว้นมำซิโดเนียทันที เพรำะเชื่อแน่ว่ำพระเจ้ำ ทรงเรียกเรำให้ไปประกำศข่ำวดีแก่ชำวแคว้นนั้นด้วย
พระวรสาร
ยน 15:18-21
เวลำนั้น พระเยซูเจ้ำตรัสกับบรรดำศิษย์ว่ำ “ถ้ำโลกเกลียดชังท่ำนทั้งหลำย ก็จงรู้ไว้เถิดว่ำ โลกเกลียดชังเรำก่อนแล้ว ถ้ำ ท่ำนทั้งหลำยเป็นฝ่ำยโลก โลกก็คงรักสิ่งที่เป็นของตน แต่เพรำะท่ำนมิได้เป็นฝ่ำยโลก และเรำเลือกท่ำนออกมำจำกโลก โลกจึงเกลียดชังท่ำน จงจ�ำวำจำที่เรำบอกแล้วเถิดว่ำ ผูร้ บั ใช้ยอ่ มไม่เป็นใหญ่กว่ำนำยของตน ถ้ำเขำเบียดเบียนข่มเหงเรำ เขำก็จะเบียดเบียน ข่มเหงท่ำนทัง้ หลำยด้วย ถ้ำเขำปฏิบตั ติ ำมวำจำของเรำ เขำก็จะปฏิบตั ติ ำมวำจำของท่ำน ด้วย แต่เขำจะท�ำทุกอย่ำงเช่นนี้แก่ท่ำน ก็เพรำะนำมของเรำ เพรำะเขำไม่รู้จักพระองค์ ผู้ทรงส่งเรำมำ” โดยการนบนอบต่อเปาโล ทิโมธีจงึ เข้าสุหนัตอันเป็นผลให้ความเชือ่ ของคริสตชน ยิ่งมั่นคงและจ�านวนก็เพิ่มพูนมากขึ้น... และโดยการเชื่อฟังต่อ “เสียง” ของพระจิตเจ้า การ ประกาศข่าวดีจึงแพร่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน... ฉะนั้น หากเรา “ฟัง” และปฏิบัติตามเสียงของ พระจิตเจ้าด้วยความสุภาพนบนอบ เราจะพบการทรงน�าทีผ่ ลักดันขับเคลือ่ นเราให้กา้ วหน้าไป... ไม่ว่าโลกจะเกลียดชังเรา ต่อต้าน หรือเบียดเบียนข่มเหง เพราะการเป็นศิษย์ติดตามพระนาม เยซูนี้เพียงใดก็ตาม
น.ปโอ ที่ 5 พระสันตะปาปา สดด 100:1-4,5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1