05 may 2018

Page 1


บทอ่านที่ 1 กจ 14:19-28 ในเวลานั้น ชาวยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนิยุม เกลี้ยกล่อม ประชาชนให้เป็นฝ่ายของตนได้ เขาเหล่านัน้ ใช้กอ้ นหินขว้างเปาโลแล้วลากออกไปนอก เมืองเพราะคิดว่าเปาโลตายแล้ว บรรดาศิษย์มาห้อมล้อมเขา เปาโลลุกขึ้น เข้าไปใน เมือง วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บี ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจำ�นวนมาก แล้วจึงกลับไปเมือง ลิสตรา เมืองอิโคนิยุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขาทั้งสองคนให้กำ�ลังใจ บรรดาศิษย์ ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำ�เป็นต้องฟันฝ่าความ ทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัส แต่งตัง้ ผูอ้ าวุโสในกลุม่ คริสตชนแต่ละกลุม่ เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำ�ศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้ง สองคนเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมือง เปอร์กา แล้วจึงไปยังเมืองอัตตาเลีย จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออก เดินทางจากเมืองอันทิโอก บรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กบั พระหรรษทานของพระเจ้า เพื่องานที่เขาเพิ่งทำ�สำ�เร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านตนว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คน ต่างศาสนา เขาทั้งสองคนพักอยู่กับบรรดาศิษย์เป็นเวลานาน

น.โยเซฟ กรรมกร สดด 145:10-11, 12-13กข,21 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

วันแรงงานแห่งชาติ

พระวรสาร ยน 14:27-31ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่ โลกให้ ใจของท่านอย่าหวัน่ ไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยนิ ทีเ่ ราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำ�ลังจะไป และ เราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่ง ใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชือ่ เราจะพูดกับท่านต่อไปอีกไม่นาน เพราะซาตานเจ้านายแห่งโลกนีก้ �ำ ลังมา มันไม่มอี �ำ นาจใดเหนือ เรา แต่โลกจะต้องรู้ว่าเรารักพระบิดา และรู้ว่าพระบิดาทรงบัญชาให้เราทำ�อย่างไร เราก็ทำ�อย่างนั้น” นักบุญเปาโลถูกชาวยิวผู้ตามก่อกวนยุยงผู้คนให้เอาหินขว้างท่านแล้วลากเอาออกไปไว้นอกเมือง เพราะคิดว่าท่านตายแล้ว การพบศพในเมืองอาจมีปัญหา แต่ท่านไม่ตาย พอเดินได้ท่านเดินกลับเข้าไปในเมือง ที่เพิ่งถูกหินขว้าง คนเราจะเอากำ�ลังใจและความกล้าหาญแบบนี้มาจากไหนถ้าไม่ใช่เพราะพระจิตเจ้าและพระ หรรษทานของพระเยซูเจ้าทีป่ ระทานให้ทา่ นมาทำ�งานประกาศข่าวดีของพระองค์ การเป็นคริสตชนคือการทำ�งาน ประกาศพระวรสารให้พระเจ้าด้วยการทำ�หน้าที่ประจำ�วันอย่างดี บางทีก็มีอุปสรรค เราจงลุกขึ้นกลับไปยัง ครอบครัวและทำ�หน้าที่ของเราอย่างตั้งใจใหม่อีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าประทานพระหรรษทานแก่เราเช่นกัน


ระลึกถึง น.อาทานาส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 122:1-2,3-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 กจ 15:1-6 เวลานั้น คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกัน ให้เปาโลและบารนาบัสพร้อมกับพีน่ อ้ งบางคนขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ปรึกษาปัญหา นี้กับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส เมื่อพระศาสนจักรจัดให้เขาเหล่านั้นออก เดินทางไปแล้ว เขาเดินทางผ่านแคว้นฟีนเี ซียและสะมาเรีย เล่าเรือ่ งการกลับใจของคน ต่างศาสนา ทำ�ให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาได้รับการ ต้อนรับจากพระศาสนจักร บรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บารนาบัสและเปาโล เล่าเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านตน ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้องให้คนต่าง ศาสนาเข้าสุหนัตและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส” บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้ พระวรสาร ยน 15:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่ เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผล มากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจง ดำ�รงอยูใ่ นเราเถิด ดังทีเ่ ราดำ�รงอยูใ่ นท่าน กิง่ องุน่ เกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ตดิ อยู่ กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำ�รงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถา องุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำ�รงอยู่ในเรา และเราดำ�รงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผล มาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำ�อะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำ�รงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้ง ไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟ และถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำ�รงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำ�รงอยู่ในท่าน ท่านอยาก ได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อ ท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา” นักบุญเปาโลเป็นอาจารย์ นักบุญเปโตรเป็นชาวประมง แต่พอมีปัญหา อาจารย์กร็ จู้ กั ถ่อมตนเดินเข้าไปหาต้นตอคือองค์พระคริสตเจ้า ในตัวหัวหน้าพระศาสนจักร กรุงเยรูซาเล็มแม้เป็นเพียงชาวประมงและชาวบ้าน แต่พระเยซูเจ้าทรงแต่งตัง้ เราต้องรูจ้ กั กลับไปหาต้นตอ เราเป็นกิ่งก้านแต่พระศาสนจักรคือลำ�ต้นที่มีนํ้าเลี้ยงคือพระหรรษทาน นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เข้าไปรับศีลมหาสนิท ไม่กลับไปแก้บาป ไม่กลับไปสวดภาวนา ที่วัด ไม่ไปร่วมกลุ่มกับพี่น้องคริสตชนที่วัดของเรา


บทอ่านที่ 1 1 คร 15:1-8 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำ�นึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านกำ�ลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำ�คัญที่สุดให้ท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้า ได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียน ไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตาม ความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อคั ร สาวกสิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดงพระองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราว เดียว คนส่วนมากในจำ�นวนนีย้ งั มีชวี ติ อยู่ แม้วา่ บางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำ�หนดด้วย

ฉลอง น.ฟิลิป และ น.ยากอบ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร ยน 14:6-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบโทมัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มี ใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดา ของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำ�ให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลปิ เอ๋ย เราอยูก่ บั ท่านมานานเพียงนีแ้ ล้ว ท่านยังไม่รจู้ กั เรา อีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำ�ให้พวกเราได้ เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราดำ�รงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำ�รงอยู่ ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้สถิต ในเรา ทรงกระทำ�กิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำ�รงอยู่ในพระบิดา และพระบิดาก็ ทรงดำ�รงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่าน ทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำ�กิจการที่เรากำ�ลังทำ�อยู่ด้วย และจะทำ�กิจการที่ใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเรา กำ�ลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำ�สิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริ รุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำ�ให้” ไม่มีใครให้คำ�จำ�กัดความตัวตนเองได้ชัดแจ้งเท่าองค์พระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสเองว่าพระองค์คือ หนทางที่เราจะต้องเดินผ่านจากโลกนี้ไปสวรรค์ซึ่งมีทางเดียว คือความจริงที่เราต้องแสวงหาเพื่อจะไม่หลงวน และไม่ต้องเสียใจที่ไปหลงความลวงอื่น เป็นชีวิตที่สืบเนื่องจากโลกนี้เมื่อตายไปสู่ชีวิตนิรันดรพบความรอดพ้น ในสวรรค์ เราไม่แสวงหาความจริงหรือ เราไม่หาหนทางที่ถูกต้องหรือ เราอยากมีชีวิตเพียงแค่โลกนี้แล้วจบสิ้น ทุกอย่างหรือ? นักบุญเปาโลได้รับธรรมประเพณีแห่งความจริงนี้จากอัครสาวกที่ได้เคยเห็น ได้ยินและสัมผัส พระเยซูเจ้า และส่งมอบต่อมาให้พวกเรา


บทอ่านที่ 1 กจ 15:22-31 ในครั้ ง นั้ น บรรดาอั ค รสาวกและผู้ อ าวุ โสพร้ อ มกั บ คริ ส ตชนทุ ก คนที่ ชุ ม นุ ม กันตกลงใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและ บารนาบัส คือยูดาส ทีเ่ รียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทัง้ สองคนนีเ้ ป็นคนเด่นในบรรดา พี่น้อง ที่ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า สัปดาห์ที่ 5 “จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง เทศกาลปัสกา ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และ แคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด สดด 57:8-9,10-11 เนือ่ งจากเรารูว้ า่ พวกเราบางคนกล่าวถ้อยคำ�ทีท่ �ำ ให้ทา่ นสับสนและวุน่ วายใจ โดย ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ไม่ได้รับคำ�สั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่าน วันศุกร์ต้นเดือน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่าน ฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงทีจ่ ะไม่บงั คับให้ทา่ นแบกภาระอืน่ อีก นอกจาก สิ่งที่จำ�เป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกิน เลือดและเนือ้ สัตว์ทถี่ กู รัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานทีไ่ ม่ถกู ต้องตามกฎหมาย ถ้า ท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำ�เหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด” เมื่อรํ่าลากันแล้ว คณะผู้แทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดาคริสตชนมาประชุมกันและ มอบจดหมายให้ เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดีเพราะได้รับกำ�ลังใจ พระวรสาร ยน 15:12-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่า การสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่ เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะ เราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ทา่ นไปทำ�จนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพือ่ ว่าท่านจะขอสิง่ ใดจากพระบิดาในนามของ เรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” การแก้ปัญหาว่าคนต่างศาสนาเมื่อมาเป็นคริสตชนไม่ต้องเข้าสุหนัตออกมาจากพระศาสนจักร พวกเขารัดกุมขนาดว่าต้องส่งพยานบุคคล และจดหมายเป็นลายลักษณ์อกั ษร ข้อสรุปนีจ้ ะได้ไม่เกิดการบิดเบือน ใดๆ ได้ หากไม่แก้ไขปัญหาเช่นนี้ก็จะเกิดมีคริสตชนชั้นหนึ่งคือชาวยิวที่หวงความเป็นประชากรของพระไว้แต่ พวกเดียว และมีคริสตชนชั้นสองที่กลับใจมารับศีลล้างบาป แต่พระศาสนจักรไม่มีชั้นหนึ่งชั้นสอง พระเยซูเจ้า ทรงไถ่บาปเราให้มาเป็นลูกของพระเท่าเทียมกันทุกคน ด้วยความรักยิ่งใหญ่ที่ยอมตายเพื่อมิตรสหาย เราไม่ได้ เป็นชนชั้นสอง แต่เราเป็นมิตรสหายกับพระเยซูเจ้า


บทอ่านที่ 1 กจ 16:1-10 ในครัง้ นัน้ เปาโลเดินทางมาถึงเมืองเดอร์บแี ละเมืองลิสตรา ทีเ่ มืองนีศ้ ษิ ย์คนหนึง่ ชื่อทิโมธี มารดาของเขาเป็นคริสตชนชาวยิว แต่บิดาเป็นชาวกรีก เขาเป็นที่นับถือของ บรรดาพี่น้องคริสตชนที่เมืองลิสตราและเมืองอิโคนิยุม เปาโลต้องการให้เขาร่วมเดิน ทางไปด้วย จึงให้เขาเข้าสุหนัต เพื่อเอาใจบรรดาชาวยิวที่อยู่ในที่ต่างๆ แถบนั้น เพราะ ทุกคนรู้ว่า บิดาของเขาเป็นชาวกรีก เมื่อคณะของเปาโลผ่านไปตามเมืองต่างๆ ก็แจ้ง ให้บรรดาคริสตชนรูข้ อ้ กำ�หนดทีบ่ รรดาอัครสาวกและผูอ้ าวุโสตกลงกันทีก่ รุงเยรูซาเล็ม เตือนเขาให้ปฏิบัติตาม บรรดากลุ่มคริสตชนจึงมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นและมีจำ�นวน คริสตชนเพิ่มขึ้นทุกวัน พระจิตเจ้าทรงห้ามคณะของเปาโลประกาศพระวาจาในแคว้นเอเชีย เขาจึงเดินทาง ผ่านแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทีย มาถึงแคว้นมิเซีย เขาพยายามเข้าไปในแคว้น บิธีเนีย แต่พระจิตของพระเยซูเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เข้าไป เขาจึงเดินทางผ่านแคว้น มิเซีย ไปถึงเมืองโตรอัส เวลากลางคืนเปาโลเห็นนิมิต ชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ อ้อนวอนเปาโลว่า “โปรดข้ามมาในแคว้นมาซิโดเนียและช่วยพวกเราด้วยเถิด” เมื่อ เปาโลเห็นนิมิตนี้แล้ว พวกเราก็หาโอกาสที่จะไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะเชื่อ แน่ว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวดีแก่ชาวแคว้นนั้นด้วย พระวรสาร ยน 15:18-21 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ถ้าโลกเกลียดชังท่านทัง้ หลาย ก็จงรูไ้ ว้เถิดว่า โลกเกลียดชังเราก่อนแล้ว ถ้าท่าน ทัง้ หลายเป็นฝ่ายโลก โลกก็คงรักสิง่ ทีเ่ ป็นของตน แต่เพราะท่านมิได้เป็นฝ่ายโลก และ เราเลือกท่านออกมาจากโลก โลกจึงเกลียดชังท่าน จงจำ�วาจาที่เราบอกแล้วเถิดว่า ผู้ รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา เขาก็จะเบียดเบียน ข่มเหงท่านทัง้ หลายด้วย ถ้าเขาปฏิบตั ติ ามวาจาของเรา เขาก็จะปฏิบตั ติ ามวาจาของท่าน ด้วย แต่เขาจะทำ�ทุกอย่างเช่นนี้แก่ท่าน ก็เพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ ผู้ทรงส่งเรามา” ก้าวกระโดดครั้งสำ�คัญของพระศาสนจักรที่ออกจากทวีปเอเชียข้ามทะเล เมดิเตอเรเนียนสู่ทวีปยุโรปเป็นผลงานของพระจิตเจ้าที่ทรงดลใจเปาโลตามที่เล่าในพระ คัมภีร์วันนี้ ดูเหมือนงานใหญ่เกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ คนเพียงคนเดียวหรือหยิบมือที่มีความ ตัง้ ใจจริงและทุม่ เทให้พระเจ้าทรงนำ�ทาง ไม่ตอ้ งรอความพร้อมทางการเงินหรือความมัน่ คง ทางวัตถุฝ่ายโลก วันนี้เราต้องลงมือขอพระทรงนำ�ทางและแม้เราจะเริ่มเพียงคนเดียว พระเจ้าก็ทรงนำ�เราไปจนสำ�เร็จได้

สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา สดด 100:1-4,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 10:25-26,34-35,44-48 เมือ่ เปโตรเข้าไปในบ้าน โครเนลิอสั ออกมาต้อนรับ กราบเท้าของเปโตรด้วยความ เคารพ แต่เปโตรพยุงเขาให้ลกุ ขึน้ พูดว่า “ลุกขึน้ เถิด ข้าพเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนท่าน” เปโตรเริ่มพูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงลำ�เอียง ทุกคนที่ยำ�เกรง พระองค์และปฏิบัติความชอบธรรม ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด ย่อมเป็นที่พอพระทัย พระองค์” ขณะที่เปโตรกำ�ลังพูด พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือทุกคนที่กำ�ลังฟังพระวาจา ชาว ยิวผูม้ คี วามเชือ่ ทีม่ ากับเปโตรประหลาดใจทีค่ นต่างศาสนาได้รบั พระพรของพระจิตเจ้า ด้วย เพราะชาวยิวเหล่านี้ได้ยินคนต่างศาสนาพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และสรรเสริญ พระเจ้า เปโตรพูดว่า “ใครจะห้ามมิให้คนเหล่านีร้ บั ศีลล้างบาปด้วยนาํ้ ในเมือ่ เขาได้รบั พระจิตเจ้าเหมือนกับพวกเราแล้ว” เปโตรจึงสั่งให้คนเหล่านั้นรับศีลล้างบาปเดชะ พระนามพระเยซูคริสตเจ้า หลังจากนั้นเขาทั้งหลายขอให้เปโตรพักอยู่กับเขาอีกสอง สามวัน เพลงสดุดี สดด 98:1,2-3,4 ก) จงร้องเพลงบทใหม่ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงกระท�ำสิ่งมหัศจรรย์ พระองค์ทรงชัยชนะด้วยพระหัตถ์ขวา และด้วยพระพาหาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส�ำแดงชัยชนะต่อหน้านานาชาติ ทรงเปิดเผยความเที่ยงธรรมของพระองค์ พระองค์ทรงระลึกถึงความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ ต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล แผ่นดินทั้งมวลเห็นว่าพระเจ้าของเราทรงช่วยให้รอดพ้น ค) แผ่นดินทั้งมวลจงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดีเถิด จงเปล่งเสียงขับร้องและถวายสดุดีเถิด บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 4:7-10 ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนทีม่ คี วาม รัก ย่อมเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะ พระเจ้าทรงเป็นความรัก ความรักของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นดังนี้ คือ พระเจ้าทรงส่ง พระบุตรเพียงพระองค์เดียวมาในโลก เพือ่ เราจะได้มชี วี ติ โดยทางพระบุตรนัน้ ความรัก อยู่ที่ว่าพระเจ้าทรงรักเรา และทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อชดเชยบาปของเรา มิใช่อยู่ที่เรารักพระเจ้า


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 15:9-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดา ของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จง ดำ�รงอยูใ่ นความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ ของเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ รา ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ใน ความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย แล้ว เพือ่ ให้ความยินดีของเราอยูก่ บั ท่าน และความยินดีของ ท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรัก กัน เหมือนดังทีเ่ รารักท่าน ไม่มใี ครมีความรักยิง่ ใหญ่กว่าการ สละชีวติ ของตนเพือ่ มิตรสหาย ท่านทัง้ หลายเป็นมิตรสหาย ของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็น ผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ ทุกสิง่ ทีเ่ ราได้ยนิ มาจากพระบิดาของเรา มิใช่ทา่ นทัง้ หลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ทา่ น ไปทำ�จนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะ ประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” ความรักเป็นแก่นแท้ในคำ�สอนของพระเยซูเจ้า เป็นความดีสูงสุด คำ�สอนของพระเยซูเจ้าตอนนี้ อ่านอีกกี่ครั้งก็อบอุ่นใจ แม่นยำ� และไม่มีวันพลาดไปจากจุดหมายของการมีชีวิตที่แท้จริง คือต้องดำ�เนินชีวิต ความรักในพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ ศาสนาคริสต์จึงเริ่มเดินเข้าไปในบ้านของคนต่างศาสนา ทั้งๆ ที่ธรรม บัญญัติชาวยิวห้าม แต่เปโตรได้เริ่มงานความรักอย่างที่พระเยซูเจ้าสอน และนายร้อยก็กลับใจเป็นคริสตชนทั้ง ครอบครัวเพราะพระเจ้าไม่ทรงลำ�เอียง จงเปิดใจให้พระเจ้ารักท่าน เข้ามาในบ้านในใจของท่านและออกไปทำ�ดีกับเพื่อนมนุษย์ นำ�ความรักของ พระเจ้าออกไปให้พวกเขา


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 149:1-2,3-4,5-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 กจ 16:11-15 ในครั้งนั้น พวกเราแล่นเรือออกจากเมืองโตรอัส มุ่งไปยังเกาะซาโมธรัส วันรุ่งขึ้น ก็เดินทางต่อไปถึงเมืองเนอาบุรี จากเมืองนีเ้ ราเดินทางไปถึงเมืองฟีลปิ ปี อาณานิคมของ ชาวโรมัน เป็นเมืองเอกของแคว้นมาซิโดเนีย เราพักอยู่ที่เมืองนี้หลายวัน วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำ�ธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็น สถานที่สำ�หรับอธิษฐานภาวนา เรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น สตรี คนหนึ่งชื่อ ลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำ�มะหยี่สีม่วงแดง เป็นคน เลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำ�ของเปาโล นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาป แล้วจึงเชิญเรา พูดว่า “ถ้าท่านคิดว่าดิฉัน เป็นผู้มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงมาพักที่บ้านของดิฉันเถิด” นางเชิญชวน จนเราปฏิเสธไม่ได้ พระวรสาร ยน 15:26-16:4 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมือ่ พระผูช้ ว่ ยเหลือซึง่ เราจะส่งมาจากพระบิดาจะเสด็จมา คือพระจิตแห่งความ จริง ผู้ทรงเนื่องมาจากพระบิดา พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา ท่านทั้งหลายก็จะเป็น พยานให้เราด้วย เพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว เราบอกเรือ่ งเหล่านีแ้ ก่ทา่ นทัง้ หลาย เพือ่ ท่านจะไม่แคลงใจ เขาจะขับไล่ทา่ นออก จากศาลาธรรม เวลานั้นกำ�ลังมาถึง เมื่อผู้ที่ฆ่าท่านจะคิดว่าตนกำ�ลังถวายคารวกิจแด่ พระเจ้า เขาจะทำ�เช่นนี้ เพราะเขาไม่รู้จักทั้งพระบิดาและเรา แต่เราบอกเรื่องนี้กับท่าน เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านจะระลึกได้ว่าเราบอกท่านแล้ว” คำ�พูดของนางลิเดียช่างไพเราะเหลือเกิน แม้นางจะเป็นเจ้าบ้านแต่ถ้าอัคร สาวกเห็นว่านางพอจะมีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า คริสตชนรุ่นแรกที่เมืองฟีลิปปีเริ่ม เข้าหาพระเจ้าด้วยความสุภาพถ่อมตนเช่นนี้เอง ที่สุดนักบุญเปาโลก็สามารถเริ่มพระ ศาสนจักรที่นี่ได้สำ�เร็จ ปัญหาใหญ่ของคริสตชนทุกวันนี้คือการขาดความสุภาพถ่อมตน เราจึงไม่อาจแสดงภาพที่ถูกต้องของพระคริสตเจ้าให้แก่โลกได้ ผู้คนเห็นพระคริสตเจ้าผิด เพี้ยนไปเพราะไม่เห็นความเมตตาในชีวิตของเราคริสตชน


บทอ่านที่ 1 กจ 16:22-34 ในครัง้ นัน้ ประชาชนกลุม้ รุมกันจะทำ�ร้ายเปาโลและสิลาส บรรดาผูพ้ พิ ากษาจึงสัง่ ให้เปลื้องเสื้อผ้าและเฆี่ยนเขาทั้งสองคน เมื่อได้เฆี่ยนหลายทีแล้ว ก็นำ�ไปขังคุก สั่งให้ ผู้คุมควบคุมไว้อย่างเข้มงวด เมื่อได้รับคำ�สั่งเช่นนี้ ผู้คุมก็นำ�เปาโลและสิลาสไปขังไว้ ในคุกชั้นในสุด และใส่โซ่ตรวนที่เท้าอย่างแน่นหนา เวลาประมาณเทีย่ งคืน เปาโลและสิลาสกำ�ลังอธิษฐานภาวนาและขับร้องสรรเสริญ สัปดาห์ที่ 6 พระเจ้า นักโทษคนอื่นกำ�ลังฟังอยู่ ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนฐานคุก เทศกาลปัสกา สัน่ สะเทือน ประตูคกุ ทุกบานเปิดออกทันที โซ่ตรวนของผูถ้ กู จองจำ�ทุกคนก็หลุด ผูค้ มุ สดด 138:1-2ก,2ข-3, ตื่นขึ้น เห็นว่าประตูคุกเปิด จึงชักดาบจะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าบรรดาผู้ถูกจองจำ�หนี 7ง-8 ไปหมดแล้ว แต่เปาโลร้องตะโกนว่า “อย่าทำ�ร้ายตนเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่กันทุก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 คน” ผู้คุมสั่งให้จุดตะเกียง กระโดดเข้าไปในคุก ตัวสั่น กราบลงแทบเท้าของเปาโลและสิลาส พาคนทั้งสอง ออกมาข้างนอกพูดว่า “ท่านขอรับ ข้าพเจ้าต้องทำ�อย่างไรจึงจะรอดพ้น” เปาโลและสิลาสตอบว่า “จงเชื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านและครอบครัวจะได้รอดพ้น” ทั้ง สองคนประกาศพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ผู้คุมและทุกคนในครอบครัวฟัง เวลาดึกคืนนั้น ผู้คุมพา เขาทั้งสองคนแยกไปล้างแผล ทันทีหลังจากนั้น เขาได้รับศีลล้างบาปพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เขาเชิญ ทั้งสองคนขึ้นไปบนบ้าน จัดโต๊ะเลี้ยงอาหาร และมีความยินดีพร้อมกันทั้งครอบครัวที่ได้มีความเชื่อใน พระเจ้า” พระวรสาร ยน 16:5-11 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บัดนี้เรากำ�ลังไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ไม่มีผู้ใดถามเราว่า ‘พระองค์จะเสด็จไปไหน’ แต่เพราะ เราได้บอกเรือ่ งเหล่านี้กับท่าน ใจของท่านจึงมีแต่ความทุกข์ เราบอกความจริงกับท่านทัง้ หลายว่า ทีเ่ ราไปนัน้ ก็เป็นประโยชน์กับท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระผู้ช่วยเหลือก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะส่ง พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงแสดงให้โลกเห็นความหมายของบาป ของความ ถูกต้อง และของการตัดสิน บาปของโลกคือ เขาไม่ได้เชื่อในเรา ความถูกต้องคือ เรากำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา และท่านจะไม่เห็นเราอีก การตัดสินคือ ซาตานเจ้านายแห่งโลกนี้ถูกตัดสินลงโทษแล้ว” ที่เมืองฟีลิปปี ชนชั้นบนคือนางลิเดียกลับใจแล้วที่อ่านเมื่อวาน ต่อมาคือชนชั้นกลางผู้คุมคุกได้ กลับใจทัง้ ครอบครัวและยังมีคนชัน้ ล่างคือนางทาสซึง่ เราไม่ได้อา่ นกันในทีน่ ี้ กลุม่ คริสตชนมาจากทุกระดับชนชัน้ ทีเ่ มืองนี้ เวลาถูกจองจำ�นักบุญเปาโลและสิลาสอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเป็นแบบอย่างของความ ไว้วางใจต่อพระเจ้าในทุกกรณี พวกเขาเฆี่ยนเปาโลและสิลาสแล้วนำ�ไปขังคุกโดยไม่มีการไต่สวน ผู้แพร่ธรรม พบการเบียดเบียนในดินแดนใหม่ แต่แล้วพระเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเขาหลังจากที่พวกเขาแสดงความไว้วางใจ เต็มเปี่ยมในองค์พระผู้เป็นเจ้า


บทอ่านที่ 1 กจ 17:15,22-18:1 ในครั้งนั้น เพื่อนร่วมทางพาเปาโลไปถึงกรุงเอเธนส์ แล้วเดินทางกลับพร้อมกับ คำ�สั่งของเปาโลให้สิลาสและทิโมธีรีบเดินทางไปสมทบโดยเร็วที่สุด เปาโลยืนอยู่ตรงกลางที่ประชุมอภิรัฐสภา พูดว่า “ชาวเอเธนส์ทั้งหลาย ข้าพเจ้า พบว่าท่านมีความเลื่อมใสในศาสนามากจริงๆ เมื่อข้าพเจ้าเดินชมเมืองสังเกตเห็น สัปดาห์ที่ 6 ปูชนียวัตถุตา่ งๆ ของท่าน พบแท่นบูชาแท่นหนึง่ มีค�ำ จารึกว่า “แด่พระเจ้าทีเ่ ราไม่รจู้ กั ” เทศกาลปัสกา ข้าพเจ้ามาประกาศให้ท่านรู้จักพระเจ้าองค์นี้ที่ท่านเคารพทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้จัก สดด 148:1-14 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในโลก พระองค์ทรง เป็นเจ้านายของสวรรค์และแผ่นดิน พระองค์ไม่สถิตในวิหารที่มือมนุษย์สร้างขึ้น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระองค์ไม่ทรงต้องการการปรนนิบัติจากมือมนุษย์ ประหนึ่งว่าทรงขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิต ลมหายใจและทุกสิ่งให้แก่มนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงทำ�ให้มนุษย์ทุก ชาติสืบเชื้อสายมาจากมนุษย์คนเดียว และทรงทำ�ให้เขาทั้งหลายอยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโดยทรงกำ�หนดช่วงเวลา และขอบเขตให้เขาอยู่ พระเจ้าทรงกระทำ�ดังนี้เพื่อให้มนุษย์แสวงหาพระเจ้า เขาพบพระองค์ได้ แม้จะต้อง คลำ�หา เพราะพระองค์ทรงอยู่ไม่ห่างจากเราแต่ละคน เรามีชีวิต เคลื่อนไหวและมีความเป็นอยู่ในพระองค์ ดังที่กวีบางคนของท่านกล่าวไว้ว่า “พวกเราเป็นบุตรของพระองค์” เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่ควรคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนรูปทองคำ� เงินหรือหิน ซึ่งแกะสลัก อย่างมีศิลปะตามจินตนาการของมนุษย์...” เมื่อเขาเหล่านั้นฟังคำ�พูดเรื่องการกลับคืนชีวิตของบรรดาผู้ตาย บางคนหัวเราะเยาะ... เปาโลจึงออก ไปจากที่ประชุมสภา แม้กระนั้น บางคนก็ยังติดตามเปาโลและมีความเชื่อ คือ ดีโอนีซีอัส สมาชิกอภิรัฐสภา และสตรีคนหนึ่งชื่อดามาริส รวมทั้งคนอื่นอีกจำ�นวนหนึ่งด้วย หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ พระวรสาร ยน 16:12-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน แต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำ�ท่านไปสูค่ วามจริงทัง้ มวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิง่ ทีท่ รงได้ฟงั มา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เพราะพระองค์ จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำ�สอนที่ทรงได้รับจากเรา ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอก ว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำ�สอนที่ทรงรับจากเรา” ชาวเมืองเอเธนส์รบั เรือ่ งการกลับคืนชีพไว้ไม่ได้ พวกเขาอยากคุยเรือ่ งปรัชญา ฟังเรือ่ งตรรกศาสตร์ แต่พระเจ้าที่ตายแล้วกลับคืนชีพนอกเหนือเหตุผลรับไว้ไม่ไหว นักบุญเปาโลผิดหวังจากเมืองเธสะโลนิกา เมือง เบโรอาแล้วยังต้องมาเจอการหัวเราะเยาะทีน่ ี่ หลังจากนีท้ า่ นจึงรูว้ า่ ถ้าจะพูดเรือ่ งพระเยซูเจ้าอย่าอ้อมค้อม เอาใจ คนฟังโดยเอาตรรกศาสตร์มาสนับสนุน มีแต่ต้องพูดตรงๆ เรื่องไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า หนทางกางเขนเป็น ของจริงประการเดียวที่เราต้องไม่อายแต่ภาคภูมิใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา


บทอ่านที่ 1 กจ 18:1-8 หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ เขาพบชาวยิวคนหนึ่ง ชื่อ อาควิลา ชาวแคว้นปอนทัส เพิ่งมาจากอิตาลีพร้อมกับภรรยาชื่อปริสซิลลา เพราะพระ จักรพรรดิคลาวดิอสั ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ชาวยิวทุกคนออกจากกรุงโรม เปาโล ไปพบเขาทั้งสองคน พักอยู่และทำ�งานร่วมกัน เพราะมีอาชีพเดียวกันคือเป็นช่างทำ� กระโจม ทุกวันสับบาโตเปาโลถกเถียงในศาลาธรรม พยายามชักชวนชาวยิวและชาว กรีกให้มีความเชื่อ เมื่อสิลาสและทิโมธีกลับมาจากแคว้นมาซิโดเนียแล้ว เปาโลอุทิศตนเต็มที่ในการ ประกาศพระวาจาเป็นพยานยืนยันแก่ชาวยิวว่า พระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า แต่เมื่อชาว ยิวเหล่านั้นต่อต้านและพูดดูหมิ่นพระเจ้า เปาโลก็สะบัดฝุ่นจากเสื้อผ้าเป็นการตอบโต้ พูดกับเขาว่า “ถ้าท่านไม่รอดพ้น ก็เป็นเรื่องของท่าน ข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบแล้ว ตั้งแต่ นี้ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างศาสนา” เปาโลออกจากศาลาธรรมไปยังบ้านของทิธีอัสยุสตัส ผู้เลื่อมใสในพระเจ้า บ้าน ของเขาอยูต่ ดิ กับศาลาธรรม คริสปัสหัวหน้าศาลาธรรมและทุกคนในครอบครัวมีความ เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชาวโครินธ์หลายคนที่ฟังเปาโล ก็มีความเชื่อและรับศีล ล้างบาปด้วย

สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 98:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ยน 16:16-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “อีกไม่นาน ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก” ศิษย์บางคนจึงถามกันว่า “ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า ‘อีกไม่นาน ท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก’ หมายความว่าอย่างไร และที่พระองค์ตรัสว่า ‘เรา กำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา’ หมายความว่าอย่างไร” เขาพูดกันอีกว่า “ที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีก ไม่นาน’ นั้นหมายความว่าอย่างไร เราไม่เข้าใจว่าพระองค์กำ�ลังตรัสอะไร” พระเยซูเจ้า ทรงทราบว่าบรรดาศิษย์ต้องการทูลถามพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านกำ�ลังถามกันใช่ไหม ถึงเรื่องที่เราบอกว่า อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นานท่านจะเห็นเราอีก เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้ ครํ่าครวญ แต่โลกจะยินดี ท่านจะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี” ทีเ่ มืองโครินธ์ นักบุญเปาโลไม่ได้ตงั้ ใจจะมา แต่กลับตัง้ กลุม่ คริสตชนได้และปักหลักแพร่ธรรมเป็น เวลานานถึงปีครึ่ง กลางวันเย็บเต็นท์ พอพักเที่ยงและตอนเย็นเลิกงานก็สอนคำ�สอนที่บ้านของทิธีอัสยุสตัส ดู เหมือนท่านเริม่ หลุดออกจากศาลาธรรมของศาสนายิว และกลุม่ คริสตชนก็ก�ำ ลังจะแยกจากศาสนายูดายในตอน นี้แล้ว เราได้แต่ประทับใจนักบุญเปาโลที่ลงมือทำ�มาหากิน แต่ก็เทศน์สอนในเวลาเลิกงาน เราจะพูดได้อย่างไร ว่า “ไม่มีเวลา” ในการรับใช้พระเจ้าในโลกนี้


สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 47:1-2,3-4,5-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 กจ 18:9-18 คืนหนึ่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เปาโลในนิมิตว่า “อย่ากลัว จงพูดต่อไป อย่า เงียบเลย เพราะเราอยู่กับท่าน ไม่มีใครกล้าทำ�ร้ายท่าน เพราะหลายคนในเมืองนี้เป็น ประชากรของเราแล้ว” เปาโลพักอยูท่ นี่ นั่ และสัง่ สอนพระวาจาของพระเจ้าแก่ชาวเมือง นั้นเป็นเวลาหนึ่งปีหกเดือน ขณะทีก่ ลั ลิโอเป็นผูว้ า่ ราชการแคว้นอาคายา ชาวยิวช่วยกันจูโ่ จมจับเปาโลและนำ� เขาไปขึ้นศาล กล่าวฟ้องว่า “ชายผู้นี้ชักชวนประชาชนให้นมัสการพระเจ้าอย่างผิด กฎหมาย” เปาโลกำ�ลังจะกล่าวตอบ กัลลิโอก็พูดกับชาวยิวว่า “ชาวยิวเอ๋ย ถ้าเป็นเรื่อง อาชญากรรมหรือการฉ้อฉลเลวร้าย ข้าพเจ้ายินดีจะรับฟังคำ�ร้องของท่านอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเพียงปัญหาเรื่องคำ�สอน เรื่องถ้อยคำ� เรื่องชื่อ และเรื่องธรรมบัญญัติของ ท่าน ท่านจงไปจัดการกันเองเถิด ข้าพเจ้าไม่ต้องการเป็นผู้พิพากษาตัดสินในเรื่องเช่น นี้” กัลลิโอจึงสั่งชาวยิวเหล่านั้นให้ออกไปจากศาล ทุกคนจับโสสเธเนสหัวหน้าศาลา ธรรม และโบยตีต่อหน้าศาล แต่กัลลิโอมิได้สนใจเลย เปาโลพักอยูใ่ นเมืองโครินธ์อกี หลายวัน กล่าวลาบรรดาพีน่ อ้ ง แล่นเรือไปยังแคว้น ซีเรีย พร้อมกับปริสซิลลาและอาควิลา ก่อนออกเรือที่เมืองเคนเครีย เปาโลโกนศีรษะ เพราะได้บนขอไว้ พระวรสาร ยน 16:20-23ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ท่านจะร้องไห้ ครํ่าครวญ แต่โลกจะยินดี ท่านจะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี หญิงที่กำ�ลังจะ คลอดบุตรย่อมมีความทุกข์ เพราะถึงเวลาของนางแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ จำ�ความทุกข์ไม่ได้อกี ต่อไป เพราะความยินดีทมี่ นุษย์คนหนึง่ เกิดมาในโลก ท่านทัง้ หลาย ก็เช่นเดียวกัน บัดนีท้ า่ นมีความทุกข์ แต่เราจะเห็นท่านอีก และใจของท่านจะยินดี ไม่มี ใครนำ�ความยินดีไปจากท่านได้ วันนั้น ท่านทั้งหลายจะไม่ถามอะไรจากเราอีก”

ผูเ้ ขียนหนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่าคริสตชนเป็นคนทีไ่ ด้รบั การยอมรับในระดับชนชัน้ ปกครอง ที่มีการศึกษา กัลลิโอผู้ว่าราชการไม่สนใจสิ่งที่ชาวยิวใส่ร้ายคริสตชน ชาวยิวหาเรื่องนักบุญเปาโลไม่สำ�เร็จก็ ทำ�การตีวัวกระทบคราด โดยจับโสสเธเนสมาเฆี่ยนเพื่อไล่เปาโลทางอ้อม เพราะความรักที่เห็นแก่โสสเธเนส เปาโลจึงเป็นฝ่ายยอมไป แบบที่พระเยซูเจ้าทรงยอมตายบนไม้กางเขนเพราะรักมนุษย์ทุกคน แต่กลุ่มคริสตชน ยังคงมั่นคงต่อมาที่เมืองโครินธ์ กลุม่ คริสตชนมัน่ คงเหมือนเด็กเกิดมาแล้ว แม้เปาโลจะลำ�บาก แต่ทา่ นเหมือนแม่ทคี่ ลอดบุตร ท่านจำ�ความ ทุกข์ไม่ได้อีกต่อไป


บทอ่านที่ 1 กจ 18:23-28 หลังจากอยู่ในเมืองอันทิโอกระยะหนึ่ง เปาโลออกจากที่นั่น เดินทางไปทั่วแคว้น กาลาเทียและฟรีเจียเพื่อทำ�ให้บรรดาศิษย์มีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานั้น ชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ชาวเมืองอเล็กซานเดรีย มาที่เมือง เอเฟซัส เขารอบรู้พระคัมภีร์ มีวาทศิลป์ ได้รับการสั่งสอนเรื่องวิถีทางขององค์พระผู้ เป็นเจ้า มีจติ ใจกระตือรือร้นมากในการพูดและการสอนเรือ่ งเกีย่ วกับพระเยซูเจ้าอย่าง น.เนเรโอ อาคิลเล ถูกต้อง แต่รจู้ กั เพียงพิธลี า้ งของยอห์นเท่านัน้ เขาเริม่ เทศน์สอนอย่างกล้าหาญในศาลา และเพื่อนมรณสักขี น.ปันกราส ธรรม ปริสซิลลาและอาควิลาได้ฟังจึงเชิญเขาไปที่บ้านและอธิบายให้เขาเข้าใจวิถีทาง มรณสักขี ของพระเจ้าอย่างละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อปอลโลต้องการไปยังแคว้นอาคายา บรรดาพีน่ อ้ งก็ให้ก�ำ ลังใจและเขียนจดหมาย สดด 47:1-2,8-9 ถึงบรรดาศิษย์ที่นั่นให้ต้อนรับเขา เมื่อไปถึง อปอลโลให้ความช่วยเหลืออย่างมากแก่ผู้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้มีความเชื่อ เขาตอบโต้อย่างแข็งขันกับชาวยิวต่อหน้าคน ทั้งหลาย โดยอ้างข้อความจากพระคัมภีร์พิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า พระวรสาร ยน 16:23ข-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะ ประทานให้ท่านในนามของเรา จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จง ขอเถิด แล้วท่านจะได้รบั เพือ่ ความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ เราใช้อปุ มาบอกเรือ่ งเหล่า นีก้ บั ท่าน จะถึงเวลาทีเ่ ราจะไม่ใช้อปุ มาพูดกับท่านอีก แต่จะบอกถึงพระบิดาของเราให้ ท่านรู้อย่างชัดแจ้ง วันนั้น ท่านจะขอในนามของเรา เราไม่บอกท่านว่า เราจะขอพระ บิดาเพื่อท่าน พระบิดาทรงรักท่าน เพราะท่านรักเรา และเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรา มาจากพระบิดา เข้ามาในโลกนี้ บัดนี้ เรากำ�ลังจะละโลกนี้กลับไปเฝ้าพระบิดาอีก” การเรียนคำ�สอนเป็นเรื่องสำ�คัญ อปอลโลยังต้องเรียนรู้ถึงศีลล้างบาปของ พระเยซูเจ้ามิใช่แค่พธิ ลี า้ งของท่านยอห์น ความกล้าหาญ ใจร้อนรน มีวาทศิลป์ รอบรูพ้ ระ คัมภีรใ์ นทีน่ หี้ มายถึงภาคพันธสัญญาเดิมไม่พอ เพราะพระเยซูเจ้าเสด็จมาเริม่ พันธสัญญา ใหม่แล้ว เดี๋ยวนี้เราเรียนคำ�สอนได้สะดวกขึ้น มีสื่อคำ�อธิบายพระคัมภีร์ในยูทูป แผ่นซีดี แต่เราต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระคริสตเจ้า เราต้องรู้จักสงบใจสวดภาวนาใน ระหว่างวัน ต้องรู้จักนั่งเงียบๆ อ่านพระคัมภีร์ส่วนตัวแล้วไตร่ตรอง ไปวัดเฝ้าศีลมหาสนิท ได้ยิ่งดี


สมโภช พระเยซูเจ้า เสด็จสู่สวรรค์

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 1:1-11 เธโอฟีลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรก ข้าพเจ้าเล่าถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ� และทรงสั่งสอน เริ่มตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถึงวันที่พระองค์ทรงได้รับการยกขึ้นสวรรค์ หลังจากที่ทรงแนะนำ�สั่งสอนบรรดาอัครสาวกที่ทรงเลือกสรรโดยทางพระจิตเจ้า พระ เยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกเหล่านั้น และทรงพิสูจน์ด้วยวิธีการต่างๆ ว่า หลังจากทรงรับทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ตลอดเวลาสี่สิบวันที่ พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่เขาทั้งหลาย ทรงกล่าวถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ขณะที่ทรงร่วมโต๊ะกับเขา พระองค์ทรงกำ�ชับว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่จง คอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้ ดังที่ท่านได้ยินจากเรา ยอห์นทำ�พิธีล้างด้วยนํ้า แต่ภายในไม่กี่วัน ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ผู้ที่มาชุมนุมกับพระเยซูเจ้า ทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรง สถาปนาอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งในเวลานี้หรือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ ธุระของท่านที่จะรู้วันเวลาที่พระบิดาทรงกำ�หนดไว้โดยอำ�นาจของพระองค์ แต่พระจิต เจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุง เยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน เมือ่ ตรัสดังนีแ้ ล้ว พระองค์เสด็จสูส่ วรรค์ตอ่ หน้าเขาทัง้ หลาย เมฆบังพระองค์จาก สายตาของเขา เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าขณะทีพ่ ระองค์ทรงจากไป ทันใดนัน้ มีชายสอง คนสวมเสื้อขาวปรากฏแก่เขา กล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ท่านทั้งหลายยืนแหงนมอง ท้องฟ้าอยู่ทำ�ไม พระเยซูเจ้าพระองค์นี้ที่เสด็จสู่สวรรค์ จะเสด็จกลับมาเช่นเดียวกับที่ ท่านทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงจากไปสู่สวรรค์” เพลงสดุดี สดด 47:1-2,5-6,7-8 ก) ประชากรทั้งหลาย จงปรบมือเถิด จงเปล่งเสียงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยความยินดี เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าสูงสุด ทรงน่าเกรงขาม ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือทั่วแผ่นดิน ข) พระเจ้าเสด็จขึ้นขณะที่มีเสียงโห่ร้องถวายชัย องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปขณะที่มีเสียงเป่าเขาสัตว์ จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า จงร้องเพลงเถิด จงร้องเพลงถวายกษัตริย์ของเรา จงร้องเพลง ค) เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ปกครองทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงไพเราะถวายพรพระองค์เถิด พระเจ้าทรงปกครองเหนือนานาชาติ พระเจ้าประทับอยู่บนพระบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:17-23 พี่น้อง ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา พระบิดาผูท้ รงพระสิรริ งุ่ โรจน์ประทานพระพรแห่ง ปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อ ท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่งๆ ขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตา แห่งใจของท่านสว่างขึน้ เพือ่ จะรูว้ า่ พระองค์ทรงเรียกท่านให้ มีความหวังประการใด และความรุง่ เรืองทีบ่ รรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระ อานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลํ้าเลิศ เพียงใด พระอานุภาพและพละกำ�ลังนี้ พระองค์ทรงแสดง ในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำ�นาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทัง้ ปวงทีอ่ าจเรียกขานได้ทงั้ ในยุคนีแ้ ละในยุคหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรง เป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่ง และทรงกระทำ�ให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 16:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปรากฏองค์แก่พวกสาวกทั้งสิบเอ็ด แล้วตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออก ไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสิน ลงโทษ ผูท้ เี่ ชือ่ จะทำ�อัศจรรย์เหล่านีไ้ ด้ คือจะขับไล่ปศี าจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และ ถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้อง ขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ�งานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำ�สั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา บรรดาอัครสาวกต้องเขียนฉากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า เพราะฉากสุดท้ายของคนดี ในโลกนีเ้ ขาต้องได้ไปสวรรค์ พระเยซูเจ้าในฐานะมนุษย์แท้และพระเจ้าแท้ทรงเป็นคนดีทสี่ ดุ ไม่เช่นนัน้ การกลับ คืนชีพจากความตายแล้วจะมีข้อสรุปอย่างไร แล้วยังไงต่อ? เราจึงมีปลายทางอยู่ที่เมืองสวรรค์และไม่ต้องมาหลงวนกันอยู่ในโลกนี้ ดังนั้น เราอย่าเลี้ยงลูกเพียงให้ได้ ประสบความสำ�เร็จในโลกนี้เท่านั้น แต่เราต้องเลี้ยงลูกจนให้เขาได้ไปสวรรค์ จงปักหมุดปลายทางให้ชัดเจนเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้เดินไปถูกทางตั้งแต่บัดนี้


บทอ่านที่ 1 กจ 1:15-17,20-26 ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จำ�เป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้ พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำ�คนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาส ผู้นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ ฉลอง น.มัทธีอัส ใดอาศัยอยู่เลย’ และอีกตอนหนึ่งว่า ‘ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา’ อัครสาวก ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า สดด 113:1-3,4-6, 7-8 ทรงดำ�เนินชีวติ อยูก่ บั เรา เริม่ ตัง้ แต่พธิ ลี า้ งของยอห์นจนถึงวันทีพ่ ระองค์เสด็จสูส่ วรรค์ นั้น จำ�เป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของ พระองค์” ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อ มัทธีอัส เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวก แทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน” เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน พระวรสาร ยน 15:9-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รกั ท่านทัง้ หลายอย่างนัน้ จงดำ�รงอยูใ่ นความรักของเราเถิด ถ้า ท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ ราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ ของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลาย รักกัน เหมือนดังทีเ่ รารักท่าน ไม่มใี ครมีความรักยิง่ ใหญ่กว่าการสละชีวติ ของตนเพือ่ มิตรสหาย ท่านทัง้ หลาย เป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ ว่านายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดา ของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำ�จนเกิดผล และผลของ ท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่าน ทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” การได้เป็นหนึ่งในบรรดาอัครสาวกช่างเป็นเกียรติยิ่งใหญ่ เขาต้องมีชีวิตรู้เห็นเป็นพยานตั้งแต่ วันแรกที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง จนเสด็จคืนพระชนมชีพจากความตาย พระเยซูเจ้าไม่เรียกเราเป็นคนใช้แต่ ให้เป็นมิตรสหาย บางทีเราชอบหลงไปคิดว่าเราเลือกมารักพระแต่แท้จริงพระเจ้าทรงเลือกที่จะรักเราก่อนซึ่ง เป็นสิ่งมีค่ามากกว่าเราไปเลือกพระองค์อย่างมากมาย เราเหลืองานใดบ้างในชีวิตที่ทำ�เป็นการรับใช้พระเจ้า ซึ่ง จะเกิดเป็นผลที่ถาวร การสวดภาวนาสมํ่าเสมอก็เป็นงานรับใช้พระที่เกิดผลถาวรได้เช่นกัน


บทอ่านที่ 1 กจ 20:17-27 ในครัง้ นัน้ เปาโลส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส เพือ่ เชิญบรรดาผูอ้ าวุโส ของพระศาสนจักรมาพบ เมือ่ เขาเหล่านัน้ มาถึง เปาโลพูดว่า “ท่านทัง้ หลายรูว้ า่ ตลอด เวลาตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นอาเซีย ข้าพเจ้าปฏิบัติตนต่อท่านอย่างไร... บัดนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังจะไปกรุงเยรูซาเล็มตามพระบัญชาของพระจิตเจ้า ไม่รวู้ า่ สิง่ ใด จะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าพระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากลำ�บากกำ�ลังรอข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้า มีคา่ สำ�หรับข้าพเจ้าเท่ากับการทีข่ า้ พเจ้าได้วงิ่ ถึงปลายทางและทำ�ให้ภารกิจทีไ่ ด้รบั มอบ หมายจากพระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�เร็จไป คือการเป็นพยานประกาศข่าวดีแห่งพระ หรรษทานของพระเจ้า...

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 68:9-10,19-20

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ยน 17:1-11ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ถึงเวลาแล้ว โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์แก่พระบุตรของพระองค์เถิด เพื่อพระองค์ จะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบุตร ดังที่พระองค์ได้ประทานอำ�นาจแก่พระบุตรเหนือมนุษย์ทั้งมวล เพื่อ พระบุตรจะได้ประทานชีวติ นิรนั ดรแก่ทกุ คนทีพ่ ระองค์ทรงมอบให้ ชีวติ นิรนั ดรคือ การรูจ้ กั พระองค์ พระเจ้า แท้จริงแต่พระองค์เดียว และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา คือพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าทำ�ให้พระองค์ทรงได้ รับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้แล้ว โดยปฏิบัติภารกิจจนสำ�เร็จตามที่ทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้า บัดนี้ พระบิดา เจ้าข้า โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ข้าพเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์ที่ข้าพเจ้าเคยมีร่วมกับพระองค์ ตั้งแต่ก่อน สร้างโลก ข้าพเจ้าได้แสดงพระนามของพระองค์แก่มนุษย์ที่พระองค์ทรงนำ�จากโลกมามอบให้ข้าพเจ้า เขา ทัง้ หลายเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบเขาแก่ขา้ พเจ้า เขาได้ปฏิบตั ติ ามพระวาจาของพระองค์ บัดนี้ เขารู้แล้วว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้านั้นมาจากพระองค์ เพราะพระวาจาที่พระองค์ทรงมอบให้ ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามอบให้เขาแล้ว เขาได้รับไว้ และรู้แน่นอนว่า ข้าพเจ้ามาจากพระองค์ และเขาก็เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาสำ�หรับเขาเหล่านี้ ข้าพเจ้ามิได้อธิษฐานภาวนาสำ�หรับโลก แต่สำ�หรับผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า เพราะเขาเป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า ก็เป็นของ พระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของพระองค์ ก็เป็นของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับสิริรุ่งโรจน์โดยทางเขา ข้าพเจ้าไม่อยู่ ในโลกอีกต่อไป แต่เขายังอยู่ในโลก และข้าพเจ้ากำ�ลังกลับไปเฝ้าพระองค์” นักบุญเปาโลเดินทางแพร่ธรรมสามครั้งและเมื่อจบครั้งที่สามท่านรู้แล้วว่าการกลับไปกรุง เยรูซาเล็มครั้งนี้ท่านคงจะถูกชาวยิวจับและประหารชีวิต ท่านรํ่าลาคริสตชนที่เมืองเอเฟซัสเป็นคำ�พูดของคนที่ ภาคภูมิใจที่ได้รับใช้พระเจ้าอย่างทุ่มเทมาจนสุดทางแล้ว มีแต่นํ้าเสียงของความไว้วางใจในองค์พระเจ้าสำ�หรับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบั้นปลายชีวิต ท่านคงได้รับพระพรจากพระเยซูเจ้าที่ท่านรักและรับใช้ เพราะท่านสามารถมี ความสงบท่ามกลางภัยอันตรายดุจดังพระเยซูเจ้าที่ตรัสอำ�ลาอัครสาวกในพระวรสารวันนี้ ที่มีแต่ความหวังใน องค์พระบิดาเจ้าและพร้อมเผชิญทุกสิ่งเพราะได้รับใช้พระเจ้ามาอย่างซื่อสัตย์แล้ว และยังมีเหลือพอมอบความ หวังแก่ลูกๆ ของพระองค์ทุกคนด้วย


บทอ่านที่ 1 กจ 20:28-38 เวลานั้น เปาโลกล่าวกับบรรดาผู้อาวุโสของพระศาสนจักรที่แห่งเมืองเอเฟซัสว่า “ท่านทัง้ หลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะทีพ่ ระจิตเจ้าทรงแต่งตัง้ ท่านให้เป็นผูด้ แู ล เพือ่ เลี้ยงดูพระศาสนจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตร ข้าพเจ้ารูว้ า่ เมือ่ ข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนขั ป่าดุรา้ ยจะเข้ามาในกลุม่ ของท่านและจะทำ�ร้าย ฝูงแกะ แม้ในกลุ่มของท่านก็จะมีบางคนลุกขึ้นกล่าวบิดเบือนความจริงเพื่อโน้มน้าว สัปดาห์ที่ 7 บรรดาศิษย์ให้ติดตามตน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่ เทศกาลปัสกา สดด 68:28-29, เคยหยุดเตือนท่านแต่ละคนด้วยนํ้าตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี 32-33,34-35 บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทัง้ หลายไว้กบั พระเจ้า และกับพระวาจาแห่งพระหรรษทาน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ของพระองค์ พระวาจานีส้ ร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ทา่ นรับร่วมกับบรรดา ผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิท์ งั้ หลายได้ ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสือ้ ผ้าของผูใ้ ด ท่านก็รแู้ ล้ว ว่าข้าพเจ้าทำ�งานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้าและของผู้ที่อยู่ ด้วย ข้าพเจ้าแสดงให้ทา่ นเห็นเสมอมาว่า เราต้องทำ�งานเช่นนีเ้ พือ่ ช่วยเหลือผูอ้ อ่ นแอโดยระลึกถึงพระวาจา ของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า ‘การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ’”... พระวรสาร ยน 17:11ข-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผูท้ ที่ รงมอบให้ขา้ พเจ้าไว้ในพระนามพระองค์ เพือ่ เขา จะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านัน้ ไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มผี ใู้ ดพินาศ เว้น แต่ผู้ที่ต้องพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังกลับไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าว วาจานี้ขณะที่ยังอยู่ในโลก เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีของข้าพเจ้าอย่างเต็ม เปี่ยม ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของ โลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอน ขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาล ให้เขาศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือความจริง พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลก ฉันใด ข้าพเจ้าก็สง่ เขาเข้าไปในโลกฉันนัน้ ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำ�หรับเขา เพือ่ เขาจะได้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิ์ อย่างแท้จริงด้วย” ในเทศกาลปัสกา พระวรสารวันนี้มาจากคำ�อธิษฐานของพระเยซูเจ้า “เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่ง เดียวกัน” (เป็นคติพจน์ของพระสังฆราชและพระสงฆ์หลายองค์) การประกาศข่าวดีในเขตวัด ในโรงเรียน ใน หมู่บ้าน ในครอบครัว ต้องแลเห็นได้ จากชีวิตทั้งการเทศน์สอนและการปฏิบัติ นักบุญเปาโลกล่าวอำ�ลาบรรดา ผู้อาวุโสแห่งเมืองเอเฟซัส (ปัจจุบันอยู่ในตุรกี) เพื่อไปกรุงเยรูซาเล็ม บางคนในกลุ่มมีปัญหา “บิดเบือนความ จริง” จงภาวนาเพื่อผู้อภิบาลให้กล้าสอนความจริง และเป็นหนึ่งเดียวกัน


บทอ่านที่ 1 กจ 22:30,23:6-11 เวลานั้น ผู้บัญชาการกองพันต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าเหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้แก้โซ่ที่ล่ามเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภา ซันเฮดรินทุกคนมาประชุม แล้วนำ�เปาโลไปยืนต่อหน้าเขา เปาโลรู้ว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของที่ประชุมเป็นชาวสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาว ฟาริสี จึงตะโกนขึ้นในสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสี เป็นบุตรของชาว สัปดาห์ที่ 7 ฟาริสี ข้าพเจ้าถูกสอบสวนก็เพราะเรื่องความหวังในการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย” เทศกาลปัสกา เมื่อเปาโลกล่าวเช่นนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันระหว่างชาวฟาริสีกับชาวสะดูสี ที่ประชุม สดด 16:1-2,7-8, จึงแตกแยก เพราะชาวสะดูสยี นื ยันว่าไม่มกี ารกลับคืนชีพและไม่มที งั้ ทูตสวรรค์และจิต 9-10,11 แต่ชาวฟาริสีเชื่อว่ามี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในที่ประชุม... ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น ผู้ บัญชาการกองพันกลัวเปาโลจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จึงสั่งทหารให้ลงไปนำ�เปาโลออกจากที่ ประชุมเข้าไปในค่ายทหาร คืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาทรงยืนใกล้เปาโล ตรัสว่า “ทำ�ใจดีๆ ไว้ เจ้าได้เป็นพยานยืนยันถึง เราที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานที่กรุงโรมอย่างนั้นด้วย” พระวรสาร ยน 17:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่ส�ำ หรับคนเหล่านีเ้ ท่านัน้ แต่ส�ำ หรับผูท้ จี่ ะเชือ่ ในข้าพเจ้า ผ่านทางวาจาของ เขาด้วย ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรง อยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้ให้แก่เขา เพื่อให้เขา เป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าอยู่ในเขา และพระองค์ทรง อยู่ในข้าพเจ้า เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ โลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา และ พระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้า ข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้า ปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่ เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ซึ่งพระองค์ประทานแก่ ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตัง้ แต่กอ่ นสร้างโลก ข้าแต่พระบิดาผูท้ รงเทีย่ งธรรม โลกไม่รจู้ กั พระองค์ แต่ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าบอกให้เขารู้จักพระนามของ พระองค์ และจะบอกให้รู้ต่อไป เพื่อความรักที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขา และข้าพเจ้าจะได้อยู่ ในเขาด้วยเช่นเดียวกัน” ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาสำ�หรับคริสตชนทุกคนในพระศาสนจักร ที่ได้รับ ความเชื่อจากการเทศน์สอนของบรรดาอัครสาวก “เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน” ในบทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก เปาโลอยูต่ อ่ หน้าสภาซันเฮดริน ยืนยันความเชือ่ ของชาวฟาริสี เรือ่ ง การกลับคืนชีพ เรื่องทูตสวรรค์และจิต เวลาเกิดข้อขัดแย้งในชีวิต ขอพระเจ้าทรงประทานปรีชาญาณให้เรารู้จักพูดอย่างฉลาด


น.ยอห์น ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี สดด 103:1-2,11-12, 19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 กจ 25:13-21 สองสามวันต่อมา กษั ตริ ย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิสเสด็จมาถึงเมือง ซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น หลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกส์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจำ� ไว้ที่นี่ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาว ยิวได้ฟ้องกล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย” ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมี โอกาสเผชิญหน้ากับผูก้ ล่าวหาและแก้ขอ้ กล่าวหานัน้ ” บรรดาผูก้ ล่าวหามาพบข้าพเจ้า ที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้นำ�ชายคนนั้นเข้ามา บรรดาผู้กล่าวหามา รุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องความผิดดังที่ข้าพเจ้าคาดไว้ เขาเพียงแต่ ถกเถียงปัญหาเรือ่ งศาสนาของเขาและเรือ่ งชายคนหนึง่ ชือ่ เยซูทตี่ ายไปแล้ว แต่เปาโล ยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องทำ�นองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไป กรุงเยรูซาเล็มและรับการพิจารณาคดีทนี่ นั่ ไหม แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระ จักรพรรดิเป็นผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจำ�เขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระ จักรพรรดิได้”

พระวรสาร ยน 21:15-19 เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเรา มากกว่าคนเหล่านีร้ กั เราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และ เดินไปไหนตามใจชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่าน ไม่อยากไป” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัสดังนี้ แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด” พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์ทฝี่ งั่ ทะเลสาบทีเบเรียสแก่เปโตรและศิษย์อกี 6 คน ช่วยพวกเขาจับปลาเป็นจำ�นวนมาก (153 ตัว) และรับประทานอาหาร (เช้า) และตรัสถามเปโตรถึง 3 ครั้ง ว่า “ท่านรักเรา...ไหม” เพือ่ ชวนให้เขาระลึกว่าได้เคยปฏิเสธพระองค์ถงึ สามครัง้ มาแล้ว ทัง้ ๆ ทีเ่ คยยืนยันว่า “ข้าพเจ้า จะสละชีวิตเพื่อพระองค์” (ยน 13:38) แม้เราจะผิดพลาด พระองค์พร้อมให้อภัย และมอบหมายให้เราทำ�หน้าที่ที่มีเกียรติต่อไป


บทอ่านที่ 1 กจ 28:16-20,30-31 เมื่อมาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำ�พังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ ควบคุม สามวันต่อมา เปาโลเรียกบรรดาผู้นำ�ชาวยิวมาพบที่บ้าน เมื่อคนเหล่านี้มาชุมนุม กัน เปาโลพูดกับเขาว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำ�สิ่งใดผิดต่อประชากร หรือขัดกับธรรมประเพณีของบรรดาบรรพบุรุษ แต่ชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มก็ยังจับกุม ข้าพเจ้าและมอบตัวให้ชาวโรมัน ชาวโรมันไต่สวนและต้องการจะปล่อยข้าพเจ้า เพราะ ข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่สมควรต้องตาย แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำ�เป็นต้องยื่น อุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหาเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้า เลย เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอพบเพื่อพูดคุยกับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าถูกพันธนาการ เช่นนี้ ก็เพราะความหวังของชาวอิสราเอลนั่นเอง” เปาโลพักอยูใ่ นบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็ม และต้อนรับทุกคนทีม่ าเยีย่ ม ประกาศ พระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรือ่ งพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่าง กล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ พระวรสาร ยน 21:20-25 เวลานัน้ เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ทพี่ ระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนทีเ่ อนกาย ชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารคํ่า และทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ผู้ที่ ทรยศพระองค์เป็นใคร” เมือ่ เปโตรเห็นเขา ก็ทลู ถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนีจ้ ะเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ ธุระอะไรของท่าน ท่านจงตามเรามาเถิด” ดังนั้น จึงมีเรื่องที่เล่าลือกันไปทั่วในกลุ่ม บรรดาพีน่ อ้ งว่าศิษย์คนนีจ้ ะไม่ตาย แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า “เขาจะไม่ตาย” แต่ตรัส ว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน” นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำ�พยาน ของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ� ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่อง ทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น วันนี้เราฟังพระวรสารนักบุญยอห์นตอนสุดท้าย และบทอ่านจากหนังสือ กิจการอัครสาวกตอนสุดท้ายเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้ามีบรรดาศิษย์เป็นพยานชีวิต นักบุญเปาโลเมื่อพบพระเยซูเจ้าแล้ว กลับใจ อุทิศชีวิตประกาศข่าวดี แม้วาระสุดท้ายถูกพันธนาการ ถูกคุมสถานที่ ก็ “ต้อนรับ ทุกคนทีม่ าเยีย่ ม... สอนความจริงเรือ่ งพระเยซูคริสต์อย่างกล้าหาญ” ทำ�ให้คดิ ถึงชีวติ ของ บุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำ�รุง ของเราชาวไทย

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 11:4-5,6-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


สมโภช พระจิตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 2:1-11 เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนมาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใด นัน้ มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้า ทุกคนทีอ่ ยูใ่ นบ้านได้ยนิ เขาเห็นเปลวไฟ ลักษณะเหมือนลิน้ แยกไปอยูเ่ หนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รบั พระจิตเจ้าเต็ม เปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด ขณะนัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็มมีชาวยิวผูเ้ ลือ่ มใสศรัทธาในพระเจ้ามาจากทุกชาติทวั่ โลก เมือ่ ประชาชนได้ยนิ เสียงนี้ จึงมาชุมนุมกันจำ�นวนมาก รูส้ กึ ฉงนสนเท่หเ์ พราะแต่ละคน ได้ยนิ คนเหล่านีพ้ ดู ภาษาของตน และประหลาดใจอย่างยิง่ กล่าวว่า “ทุกคนทีก่ �ำ ลังพูด อยูน่ เี้ ป็นชาวกาลิลมี ใิ ช่หรือ แล้วทำ�ไมเราแต่ละคนจึงได้ยนิ เขาพูดภาษาท้องถิน่ ของเรา เราชาวปารเธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม บางคนอาศัยอยู่ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้น ยูเดีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นอาเซีย แคว้นฟรีเจียและแคว้น ปัมฟีเลีย บางคนมาจากอียิปต์และเขตของประเทศลิเบียรอบๆ เมืองไซรีน บางคนมา จากกรุงโรม ทัง้ ชาวยิวและผูก้ ลับใจเข้านับถือลัทธิยวิ บางคนเป็นชาวเกาะครีตและชาว อาหรับ พวกเราได้ยินคนเหล่านี้ประกาศกิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเป็นภาษาของเรา” เพลงสดุดี สดด 104:1-2,28-30,31 และ 33 ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหลือล้น พระองค์ทรงความรุ่งเรืองและพระเกียรติยศเป็นเสมือนอาภรณ์ ทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างต่างพระภูษา พระองค์ทรงคลี่ท้องฟ้าให้กางออกดุจกางกระโจม ข) เมื่อพระองค์ประทานอาหาร สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็เก็บไว้ เมื่อพระองค์ยื่นพระหัตถ์ สิ่งมีชีวิตก็มีของดีๆ กินจนอิ่ม ถ้าพระองค์เบือนพระพักตร์ไปทางทิศอื่น สิ่งมีชีวิตก็ตื่นตระหนก ถ้าพระองค์ทรงเรียกลมปราณกลับคืน สิ่งมีชีวิตก็ตายและกลับเป็นฝุ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์ลงมา สิ่งมีชีวิตก็ถูกสร้างขึ้น พระองค์ทรงเปลี่ยนโฉมหน้าของแผ่นดิน ค) พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชมในพระราชกิจของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขับร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต จะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้าพเจ้า ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:3ข-7,12-13 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ไม่มผี ใู้ ดพูดโดยพระจิตเจ้าทรงดลใจว่า “พระเยซูจงถูกสาปแช่ง” และหากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจ ก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า “พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์ เดียว มีหน้าทีห่ ลายอย่างต่างกัน แต่มอี งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเพียง พระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์ เดียวผู้ทรงกระทำ�ทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดง พระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆ เหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกาย เดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉนั นัน้ เดชะพระจิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รบั การล้างมารวมเข้าเป็น ร่างกายเดียวกัน ไม่วา่ จะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่วา่ จะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รบั พระ จิตเจ้าพระองค์เดียวกัน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 20:19-23 คํ่าวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำ�ลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัส ดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็น เจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามา ฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัย บาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการ อภัยด้วย” วันสมโภชพระจิตเจ้า เป็นวันเกิดของพระศาสนจักร พระสงฆ์หลายองค์ได้รับศีลบวชในวันนี้ พี่น้องหลายคนได้รับศีลกำ�ลัง ได้รับพระจิตเจ้า เรามีพระพร ความสามารถ หน้าที่รับผิดชอบในครอบครัว ใน เขตวัด ในสังฆมณฑล ในหมูบ่ า้ น... จงทำ�เต็มความสามารถ เพือ่ ประโยชน์สว่ นรวม พระจิตเจ้าเป็นองค์บรรเทา เป็นผู้ช่วยเหลือ จงฝึกใช้ภาษาต่างๆ และใช้ภาษาสื่อสารสังคมเพื่อประกาศข่าวดีเถิด


บทอ่านที่ 1 ยก 3:13-18 พี่น้องที่รัก ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและ ปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำ�และความประพฤติดี แต่ถ้าใจของท่าน ขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสา ต่อต้านความจริง ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดา น.คริสโตเฟอร์ โลก ตามแบบวั ต ถุ นิ ย มและตามแบบปี ศ าจ ที่ ใดมี ค วามอิ จ ฉาริ ษ ยาและความ ทะเยอทะยาน ทีน่ น่ั ย่อมมีแต่ความวุน่ วายและความชัว่ ร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณ มักอัลลาเนส และเพื่อนมรณสักขี ที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำ�เอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่ สดด 19:7,8-9,14 สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 9:14-29 เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคนมาพบศิษย์คนอื่น ทรงเห็นประชาชนจำ�นวน มากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ ธรรมาจารย์บางคนกำ�ลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้น ทันทีที่เห็นพระองค์ ประชาชน ทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์ พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำ�ลัง ถกเถียงเรือ่ งอะไรหรือ” คนหนึง่ ในกลุม่ ชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพาบุตรชายทีป่ ศี าจสิงให้เป็น ใบ้มาเฝ้าพระองค์ เมื่อปีศาจสิง มันผลักเขาให้ล้มลง นํ้าลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้าได้ขอ ให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มัน แต่เขาทำ�ไม่สำ�เร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก เราจะต้องอยู่ กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีกนานเท่าใด จงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนัน้ มาเฝ้าพระองค์ เมื่อเห็นพระองค์ ปีศาจก็ทำ�ให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดิน กลิ้งไปมา นํ้าลายฟูมปาก พระเยซูเจ้าทรงถามบิดา ของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟ หลายครั้ง บางครั้งผลักลงในนํ้าเพื่อให้ตาย ถ้าพระองค์ทรงทำ�สิ่งใดได้ ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระ เยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำ�ได้น่ะหรือ ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำ�หรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชือ่ โปรดช่วยความเชือ่ เล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมือ่ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชน เข้ามามากยิ่งขึ้น พระองค์จึงตรัสสำ�ทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้ เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้ และอย่า กลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำ�ให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรง แล้วปีศาจก็ออกไป เด็กนอน นิ่งเหมือนคนตาย จนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็ก ทรงช่วยพยุงให้ ลุกขึ้น เขาก็ยืนขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำ�ไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลย นอกจากด้วยการ อธิษฐานภาวนาเท่านั้น” ปีศาจมีอยู่จริงในสมัยปัจจุบันนี้ ได้แก่ ความอิจฉาริษยา ความทะเยอทะยาน การมุสาโกหกต่อ ต้านความจริง ถ้าเราชอบปีศาจ ก็จะเกิดความวุ่นวายและความชั่วร้าย แต่ถ้าเราเลือกสิ่งบริสุทธิ์ เลือกพระเยซู เจ้า เราต้องกล้าตัดสินใจ เชิญพระองค์เข้ามาอยู่ในเรา ด้วยการอธิษฐานภาวนา รับศีลอภัยบาป ศีลมหาสนิท จึง จะเกิดสันติ และความชอบธรรม


บทอ่านที่ 1 ยก 4:1-10 พีน่ อ้ งทีร่ กั ยิง่ การต่อสูแ้ ละการทะเลาะวิวาทในหมูท่ า่ นนัน้ มาจากทีใ่ ด มิใช่มาจาก กิเลสตัณหาซึ่งต่อสู้อยู่ภายในร่างกายของท่านหรือ ท่านอยากได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ากัน ท่านอยากได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้วอนขอ ท่านวอนขอ แต่ไม่ได้รับ เพราะท่านวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อนำ�ไปสนองกิเลส ตัณหาของท่าน ท่านที่ไม่ซื่อสัตย์ ท่านไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรู กับพระเจ้า ฉะนั้นผู้ใดต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า ท่านคิดว่า พระคัมภีรก์ ล่าวไร้สาระหรือว่า “พระเจ้าทรงรักจิตอย่างหวงแหน จิตทีพ่ ระองค์ประทาน ให้สถิตในเรา” พระองค์ยังประทานพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก ดังนั้น พระ คัมภีร์จึงกล่าวอีกว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทาน พระหรรษทานแก่ผู้ ถ่อมตน” ท่านทัง้ หลายอยูใ่ ต้อ�ำ นาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจาก ท่าน จงเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ทา่ น คนบาปทัง้ หลาย จงล้างมือให้ สะอาด คนใจโลเลทั้งหลาย จงทำ�ใจให้บริสุทธิ์เถิด จงครํ่าครวญ จงเป็นทุกข์โศกเศร้า และร้องไห้เถิด จงให้การหัวเราะของท่านกลายเป็นความเศร้าโศก จงให้ความยินดีของ ท่านกลายเป็นความเศร้าใจ จงถ่อมตนลงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และพระองค์จะทรง ยกย่องท่าน

น.ริต้า แห่งคาเซีย นักบวช สดด 55:6-8,9-10ก,23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มก 9:30-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์ผ่านแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใดรู้ ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ และตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์ จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย เขาจะประหารชีวิตพระองค์ แต่เมื่อถูกประหาร แล้ว ในวันที่สามพระองค์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ แต่ก็ไม่กล้า ทูลถาม พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ เมื่อเสด็จเข้าไปในบ้าน พระองค์ตรัส ถามเขาว่า “ท่านถกเถียงกันเรื่องอะไรขณะที่เดินทาง” เขาก็นิ่ง เพราะระหว่างทางเขาถกเถียงกันว่า ผู้ใดยิ่ง ใหญ่กว่ากัน พระองค์จึงประทับนั่ง แล้วทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคน ที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำ�ตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน” ครั้นแล้วพระองค์ทรงจูงเด็กเล็กๆ คน หนึ่งมายืนกลางกลุ่มพวกเขา ทรงโอบเด็กนั้นไว้ ตรัสว่า “ผู้ใดที่ต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ก็ ต้อนรับเรา และผู้ใดที่ต้อนรับเรา ก็มิใช่ต้อนรับเพียงเราเท่านั้น แต่ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามาด้วย” จงต่อต้านปีศาจ... จงเข้าใกล้พระเจ้า นักบุญยากอบสอนเราให้ต่อต้านปีศาจ ละกิเลสตัณหา บรรดาศิษย์ในสมัยพระเยซูเจ้าบางองค์อยากเป็นทีห่ นึง่ แต่พระองค์ทรงสอนเราในสมัยปัจจุบนั ต้องเป็นผูร้ บั ใช้ เป็นผู้นำ�แบบผู้รับใช้ ต้อนรับเด็กเล็กๆ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ เราจึงต้องไม่คอร์รัปชั่น ซื่อสัตย์ คำ�ภาวนาวอนขอจึง จะบังเกิดผล


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 49:1-3,5-6,7,8-9,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ยก 4:13-17 พี่น้องที่รักยิ่ง ท่านพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนี้เมืองนั้น จะอยู่ที่นั่น สักหนึง่ ปี จะค้าขายได้ก�ำ ไร” ท่านไม่รวู้ า่ จะเกิดอะไรขึน้ ในวันพรุง่ นี้ ไม่รวู้ า่ ชีวติ ของท่าน จะเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายเป็นเหมือนหมอกซึ่งปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป ดังนั้น ท่านควรจะพูดว่า “หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระประสงค์ เราจะมีชีวิตอยู่และ จะทำ�สิ่งนี้สิ่งนั้น” แต่บัดนี้ ท่านได้แต่โอ้อวดในความเย่อหยิ่งของท่าน การโอ้อวดเช่น นี้ล้วนแต่เลวร้าย คนที่รู้ว่าต้องทำ�ความดี แต่ไม่ทำ� ก็ทำ�บาป พระวรสาร มก 9:38-40 เวลานั้น ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ ปีศาจเดชะพระนามพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับ เรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มใี ครทำ�อัศจรรย์ในนามของเรา แล้ว ต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” นักบุญยากอบกล่าวน่าประทับใจว่า “คนที่รู้ว่าต้องทำ�ความดี แต่ไม่ทำ� ก็ ทำ�บาป” หมายความว่า เราเรียนคำ�สอน เรียนพระคัมภีร์ รับการอบรมมากมาย แต่ไม่ ทำ� ก็ทำ�บาปละเลย คนอืน่ ต่างความเชือ่ “ขับไล่ปศี าจในนามของพระเยซูเจ้า” อย่าไปห้ามปรามเขา เขา ทำ�ความดี ก็ดีแล้ว เป็นเราเอง วันนี้ยังมีชีวิต จงทำ�ดีที่ควรทำ�วันนี้ ก่อนจะหมดเวลา


บทอ่านที่ 1 ยก 5:1-6 ผู้มั่งมีทั้งหลาย จงร้องไห้ครํ่าครวญเพราะความทุกข์ยากกำ�ลังจะมาถึงท่านแล้ว ทรัพย์สมบัติของท่านเสื่อมสลาย เสื้อผ้าก็ถูกมอดกัดกินหมดแล้ว เงินทองของท่านก็ เป็นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานกล่าวโทษท่าน มันจะกัดกินเนื้อของท่านประดุจไฟ ซึ่งท่านสะสมไว้สำ�หรับวันสุดท้าย ท่านคดโกง ไม่จ่ายค่าจ้างให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวใน ทุ่งนาของท่าน ค่าจ้างนี้กำ�ลังร้อง และเสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลแล้ว ท่านมีชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยในโลกนี้ และกิน เลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่านบำ�รุงจิตใจของท่านไว้รอวันประหารชีวิต ท่านตัดสินลงโทษ และฆ่าผู้ชอบธรรม เขาก็มิได้ขัดขืนท่าน พระวรสาร มก 9:41-50 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์วา่ “ผูใ้ ดให้นาํ้ ท่านดืม่ เพียงแก้วหนึง่ เพราะ ท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขาจะได้บ�ำ เหน็จรางวัลอย่าง แน่นอน” “ผูใ้ ดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆ ทีม่ คี วามเชือ่ เหล่านีท้ �ำ บาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วย หินโม่ถ่วงในทะเลก็ยังดีกว่ากระทำ�ดังกล่าว ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่าน ทำ�บาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีมือข้างเดียว ยังดีกว่ามีมือทั้ง สองข้างแต่ตอ้ งตกนรกในไฟทีไ่ ม่รดู้ บั ถ้าเท้าข้างหนึง่ ของท่านเป็นเหตุให้ทา่ นทำ�บาป จง ตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้าข้างเดียว ยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ ถูกโยนลงนรก ถ้าตาข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำ�บาป จงควักมันออกเสีย ท่าน จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้อง ถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตาย ไฟไม่รู้ดับ เพราะทุกคนจะถูกดองด้วยเกลือและ ไฟ เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเกลือจืด ท่านจะนำ�สิ่งใดมาทำ�ให้เกลือเค็มได้อีก จงมีเกลือไว้ ในท่านเถิด และจงอยู่อย่างสันติกับผู้อื่น” คำ�สอนของพระเยซูเจ้ามีทั้งเข้าใจง่ายตามตัวอักษร เช่น ให้นํ้าแก่คนหิว กระหาย แต่บางครั้งก็มีคำ�สอนมิใช่ตามตัวอักษร เช่น ตัด (มือ) ทิ้งเสีย ควัก (ตา) ออกเสีย เพือ่ เข้าสูพ่ ระอาณาจักรของพระเจ้า พระองค์ตอ้ งการพูดให้เราคิดจริงๆ ว่า พระอาณาจักร หลังความตายฝ่ายโลกนี้เป็นเรื่องสำ�คัญ อย่างที่นักบุญยากอบสอน คนรวยต้องสนใจช่วย คนจน จ่ายค่าจ้างกรรมกรอย่างยุติธรรม

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา สดด 49:13-14ก, 14ข-15,16-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


บทอ่านที่ 1 ยก 5:9-12 พี่น้องทั้งหลาย อย่าบ่นว่ากัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพากษา พระผู้พิพากษาทรงยืนอยู่ หน้าประตูแล้ว พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงยึดบรรดาประกาศกซึง่ พูดในพระนามองค์พระผูเ้ ป็น เจ้ามาเป็นแบบฉบับในความพากเพียรอดทนต่อความยากลำ�บาก เราเรียกบรรดาผู้ที่ พากเพียรอดทนว่าเป็นผูม้ คี วามสุข ท่านได้ยนิ เรือ่ งความพากเพียรอดทนของโยบและ รู้แล้วว่าในที่สุดองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ�สิ่งใดแก่เขา พระองค์ทรงพระเมตตาและทรง พระกรุณาอย่างมาก พีน่ อ้ งทัง้ หลาย สิง่ สำ�คัญทีส่ ดุ จงอย่าสาบาน ไม่วา่ โดยอ้างสวรรค์ หรืออ้างแผ่นดิน หรืออ้างอะไรอื่นใดทั้งสิ้น ถ้า “ใช่” จงบอกว่า “ใช่” ถ้า “ไม่ใช่” ก็ จงบอกว่า “ไม่ใช่” เพื่อท่านจะไม่ถูกพิพากษา

น.เกรโกรี่ที่ 7 พระสันตะปาปา น.เบดา พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร พระวรสาร มก 10:1-12 น.มารีย์มักดาเลนา เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากทีน่ นั่ เข้าไปในเขตแคว้นยูเดียและอีกฟากหนึง่ เดปัสซี ของแม่นํ้าจอร์แดน ประชาชนมาเฝ้าพระองค์อกี ครั้งหนึ่ง พระองค์จึงทรงสอนเขาอีก พรหมจารี เช่นเคย ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ สดด 103:1-2,3-4,9-11,12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ชายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “โมเสส อนุญาตให้ทำ�หนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อแข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียน บัญญัตขิ อ้ นีไ้ ว้ แต่เมือ่ แรกสร้างโลกนัน้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง ดัง นั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีก ต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบ ว่า “ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำ�ผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามี ไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำ�ผิดประเวณีเช่น เดียวกัน” สภาพครอบครั ว สมั ย ปั จ จุ บั น เป็ น เรื่ อ งที่ พ ระศาสนจั ก รสนใจ พระ สันตะปาปาฟรังซิสได้ออกสมณลิขิตเรื่อง ความปีติยินดีแห่งความรัก พระเยซูเจ้าสอนให้รักเดียวใจเดียว ไม่ส่งเสริมการหย่าร้าง หรือแยกกันอยู่ หรือ แต่งงานใหม่ แต่พระสันตะปาปาให้บรรดาพระสงฆ์และผู้ร่วมงานอภิบาลครอบครัวต้องเห็นใจ และช่วยเหลือ นักบุญยากอบสอนว่า อย่าบ่นว่ากัน


บทอ่านที่ 1 ยก.5:13-20 พี่น้องที่รัก ท่านใดทนทุกข์ จงอธิษฐานภาวนาเถิด ท่านใดร่าเริงยินดี จงร้องเพลง สดุดเี ถิด ท่านใดเจ็บป่วย จงเชิญบรรดาผูอ้ าวุโสของพระศาสนจักรให้มาอธิษฐานภาวนา เพื่อผู้ป่วย เจิมนํ้ามันผู้นั้นในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า คำ�อธิษฐานภาวนาด้วยความ เชือ่ จะช่วยผูป้ ว่ ยให้รอดชีวติ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงโปรดให้ผปู้ ว่ ยลุกขึน้ และถ้าเขา เคยทำ�บาป เขาก็จะได้รับการอภัย ดังนั้น จงสารภาพบาปแก่กัน และจงอธิษฐานให้กัน เพื่อท่านจะหายจากโรค คำ�อ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำ�ให้เกิดผลมากมาย ประกาศกเอลียาห์เป็นมนุษย์ที่มีธรรมชาติเหมือนกับเรา เขาอธิษฐานภาวนาอย่างแรง กล้าขออย่าให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกบนแผ่นดินเป็นเวลาสามปีหกเดือน เขาอธิษฐานภาวนา อีก ท้องฟ้าก็ให้ฝนและแผ่นดินก็ผลิตพืชผล พี่น้องทั้งหลาย ถ้าท่านใดหลงผิดไปจากความจริงและอีกคนหนึ่งนำ�เขากลับมา จงรูไ้ ว้เถิดว่า ผูท้ ชี่ ว่ ยคนบาปให้กลับมาจากทางผิด ก็จะช่วยวิญญาณของตนให้รอดพ้น จากความตาย และจะได้รับการอภัยบาปมากมาย พระวรสาร มก 10:13-16 เวลานัน้ มีผนู้ �ำ เด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพือ่ ทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์ กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อย ให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคน ที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้า อย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสูพ่ ระอาณาจักรนัน้ เลย” แล้วพระองค์ทรงอุม้ เด็กเหล่านัน้ ไว้ ทรงปกพระหัตถ์ และประทานพระพร ศีลเจิมผู้ป่วย มีหลักมาจากคำ�สอนของนักบุญยากอบในวันนี้ เชิญผู้อาวุโส (พระสงฆ์) ภาวนาเพือ่ ผูป้ ว่ ย เจิมนาํ้ มันในนามของพระเยซูเจ้า คำ�อ้อนวอนของผูช้ อบธรรม มีพลังทำ�ให้เกิดผลมากมาย วันนี้ มีใครที่ไม่สบายในบ้าน เพื่อนบ้าน ใครที่หลงผิด จงคิดถึงเขา ภาวนาให้เขา ไป เยี่ยมเขา

ระลึกถึง น.ฟีลิป เนรี พระสงฆ์ สดด 141:1-2,3 และ 8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


สมโภช พระตรีเอกภาพ

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ ฉธบ 4:32-34,39-40 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “จงดูอดีตก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเกิด ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บน แผ่นดิน จงตรวจตราจากปลายหนึง่ ถึงอีกปลายหนึง่ ของโลกว่ามีอะไรยิง่ ใหญ่เท่านีเ้ คย เกิดขึ้นหรือไม่ มีใครเคยได้ยินเรื่องใดที่เหมือนเรื่องนี้หรือไม่ เคยมีประชากรใดบ้างที่ ได้ยนิ พระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสจากกองไฟดังทีท่ า่ นได้ยนิ และมีชวี ติ รอดได้ หรือเคย มีพระเจ้าองค์ใดบ้างที่ทรงกล้าเลือกชนชาติหนึ่งออกจากอีกชนชาติหนึ่ง ทรงใช้การ ทดลอง เครื่องหมายอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์และสงคราม ทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์และ พระอานุภาพยิง่ ใหญ่บนั ดาลให้ทกุ คนหวาดกลัว ดังทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ทรงกระทำ�ในอียิปต์ต่อหน้าท่าน ดังนั้น ในวันนี้ จงรู้และจำ�ใส่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า ทั้งในสวรรค์ เบือ้ งบนและบนแผ่นดินเบือ้ งล่าง และไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดอีก ท่านจะต้องปฏิบตั ติ ามข้อ กำ�หนดและบทบัญญัตขิ องพระองค์ทขี่ า้ พเจ้ามอบให้ทา่ นในวันนี้ แล้วท่านกับลูกหลาน ทีจ่ ะตามมาในภายหลังจะอยูอ่ ย่างมีความสุข จะอยูเ่ ป็นเวลานานในแผ่นดินทีอ่ งค์พระ ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทรงมอบให้เป็นของท่านตลอดไป” เพลงสดุดี สดด 33:4-5,6-9,18-19,20-22 ก) พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเที่ยงตรง พระราชกิจของพระองค์น่าเชื่อถือ พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม ความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปี่ยมล้นทั่วแผ่นดิน ข) พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าสร้างท้องฟ้า ลมจากพระโอษฐ์สร้างดวงดาวที่ประดับประดาอยู่บนนั้น พระองค์ทรงรวบรวมน�้ำทะเลไว้เหมือนให้อยู่ในอ่าง และทรงเก็บทะเลลึกไว้ให้อยู่ในบ่อ ทั่วทั้งแผ่นดิน จงย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด คนทั้งหลายที่พ�ำนักอยู่ในโลก จงเคารพพระองค์เถิด เพราะพระองค์ตรัสสิ่งใด ก็เป็นไปตามนั้น ทรงบัญชาสิ่งใด สิ่งนั้นก็ปรากฏ ค) แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าพิทักษ์ผู้ที่ย�ำเกรงพระองค์ ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อจะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากความตาย และรักษาเขาไว้ในยามขาดแคลนอาหาร


ง) จิตใจของเราทั้งหลายก�ำลังรอคอย องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือและทรงเป็นโล่ ป้องกันภัยของเรา ใช่แล้ว จิตใจของเราชื่นชมในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักมั่นคง ของพระองค์สถิตกับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายมีความหวังในพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 8:14-17 พี่น้อง ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ� ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการ เป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำ�ให้เราร้องออกมาว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” พระจิตเจ้าทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า เมือ่ เราเป็นบุตร เราก็เป็นทายาทด้วย เป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสตเจ้า ถ้าเรารับการทรมานร่วม กับพระองค์ เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 28:16-20 เวลานัน้ บรรดาศิษย์ทงั้ สิบเอ็ดคนได้ไปยังแคว้นกาลิลี ถึงภูเขาทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกำ�หนดไว้ เมือ่ เขาเห็น พระองค์ ก็กราบนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า “พระเจ้าทรงมอบอำ�นาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดใน สวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา ดังนัน้ ท่านทัง้ หลายจงไปสัง่ สอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำ�พิธลี า้ ง บาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบตั ติ ามคำ�สัง่ ทุกข้อทีเ่ ราให้แก่ทา่ น แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” วันนี้เราสมโภชธรรมลํ้าลึกเรื่องพระตรีเอกภาพ พระเจ้าหนึ่งเดียวมี 3 พระบุคคล คือ พระบิดา (พระผู้สร้าง) พระบุตรพระเยซูมาไถ่บาป และสอนบัญญัติใหม่ พระจิตเจ้าพระผู้ช่วยเหลือ พระผู้บรรเทา เป้าหมายชีวิตของเรา คือ รู้จักพระเจ้า รักพระองค์ และปฏิบัติตามคำ�สั่งสอน ดำ�เนินชีวิตเป็นพยานถึง พระองค์ ชีวิตจะมีความสุข... ในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงมอบให้


สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,4-5,9-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 1 ปต 1:3-9 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิง่ ใหญ่ พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความ หวังทีม่ ชี วี ติ ชีวา อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าจากบรรดาผูต้ าย เพือ่ รับมรดกทีไ่ ม่เสือ่ มสลายไร้มลทิน ไม่มวี นั ร่วงโรยซึง่ เก็บรักษาไว้ในสวรรค์เพือ่ ท่าน พระเจ้าทรงปกป้องท่านไว้ด้วยพระอานุภาพให้มีความเชื่อ จนกว่าจะประทานความ รอดพ้นซึ่งกำ�ลังจะได้รับการเปิดเผยในวาระสุดท้าย ดังนั้น ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดลองต่างๆ ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ รับสิริ รุง่ โรจน์และรับเกียรติเมือ่ พระเยซูคริสตเจ้าจะทรงสำ�แดงพระองค์ ความเชือ่ นีป้ ระเสริฐ ยิ่งกว่าทองคำ�ที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ ท่านมีความรักต่อพระเยซู คริสตเจ้าทัง้ ๆ ทีย่ งั มิได้เห็นพระองค์ แม้วา่ ขณะนีท้ า่ นยังมิได้เห็นพระองค์ ท่านก็ยงั เชือ่ ในพระองค์ ท่านจึงชื่นชมยินดีใหญ่หลวงสุดที่จะพรรณนา เพราะท่านกำ�ลังจะได้รับจุด มุ่งหมายของความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว

พระวรสาร มก 10:17-27 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงพระดำ�เนินอยูร่ ะหว่างทาง ชายคนหนึง่ รีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระ อาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำ�อะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำ�ไมเรียกเรา ว่าผู้ทรงความดี ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านรู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่า ล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้นั้นทูลว่า “พระ อาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขา ด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่าน จะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามี ทรัพย์สมบัติจำ�นวนมาก จึงจากไปด้วยความทุกข์ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระ อาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอ ที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดา ศิษย์แล้วตรัสว่า “สำ�หรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำ�ได้ ทุกสิ่ง” เยาวชนทุกวันนีแ้ สวงหาความจริงและความสุขแท้ เหมือนชายในพระวรสาร มาคุกเข่าลงต่อหน้า พระเยซูเจ้า เขาทำ�ตามพระบัญญัติ 10 ประการ เป็นคนดี แต่ยังไม่พอ หากไม่สนใจช่วยเหลือคนยากจน และ ติดตามพระองค์เป็นศิษย์ธรรมทูต ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสสอน และปฏิบัติเป็นแบบอย่างแก่เรา มีสตรีหลายคนไปเข้าคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม หรือสนับสนุนงานธรรมทูตของนักบุญเทเรซาแห่ง กัลกัตตา


บทอ่านที่ 1 1 ปต 1:10-16 พี่น้องที่รักยิ่ง ความรอดพ้นนี้คือความรอดพ้นที่บรรดาประกาศกค้นหาและ วิเคราะห์ ประกาศกเหล่านี้ประกาศพระวาจากล่าวถึงพระหรรษทานที่ทรงเตรียมไว้ สำ�หรับท่าน เขาเหล่านั้นวิเคราะห์เวลาและกรณีแวดล้อมของเหตุการณ์ที่พระจิตของ พระคริสตเจ้าตรัสไว้ลว่ งหน้า พระจิตของพระคริสตเจ้าทรงเป็นพยานอยูใ่ นตัวเขา ทรง เปิดเผยให้รู้ถึงพระทรมานที่พระคริสตเจ้าจะต้องทรงรับ และรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ที่จะ ตามมา พระเจ้าทรงเปิดเผยเรื่องเหล่านี้แก่บรรดาประกาศก มิใช่สำ�หรับประกาศกเอง แต่สำ�หรับท่านทั้งหลาย บัดนี้ ผู้ประกาศข่าวดีแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ท่านรู้เดชะพระจิต เจ้าผูท้ พี่ ระเจ้าทรงส่งมาจากสวรรค์ เรือ่ งเหล่านีแ้ ม้แต่ทตู สวรรค์กป็ รารถนาทีจ่ ะได้เห็น เช่นเดียวกัน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมจิตใจไว้ให้พร้อมที่จะปฏิบัติงาน จงบังคับตนเอง ตั้ง ความหวังทั้งหมดไว้ในพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าจะทรงนำ�มาประทานให้เมื่อพระเยซู คริสตเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์ จงประพฤติตนดังบุตรที่เชื่อฟัง อย่าประพฤติตามกิเลส ตัณหาดังแต่ก่อนเมื่อท่านยังขาดความรู้ แต่จงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในความประพฤติทุก ประการตามแบบฉบับของพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิผ์ ทู้ รงเรียกท่าน เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์” พระวรสาร มก 10:28-31 เวลานั้น เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตาม พระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้าน เรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร หลายคน ที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย และกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก” การเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าอย่างอัครสาวก มาเป็นนักบวช พระสงฆ์ ช่วยงานวัด งานสังคมสงเคราะห์ เป็นครูคำ�สอน อาสาสมัครช่วยงานบุญต่างๆ จะได้อะไร ตอบแทน พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า ใครทำ�ดีอะไรเพราะเห็นแก่พระองค์และเพราะเห็นแก่ ข่าวดี จะได้รับตอบแทน 100 เท่าในโลกนี้ และใครถูกเบียดเบียน ในโลกหน้าจะได้ชีวิต นิรันดร ถ้าเราทำ�โดยไม่หวังผลตอบแทน พระเจ้าจะพิจารณาเอง

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 98:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันวิสาขบูชา


สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา สดด 147:12-14, 15-16,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 1 ปต 1:18-25 พี่น้องที่รักยิ่ง เพราะท่านรู้ว่าท่านได้รับการไถ่กู้หลุดพ้นจากวิถีชีวิตไร้ค่าที่สืบมา จากบรรพบุรษุ มิใช่ดว้ ยสิง่ ทีเ่ สือ่ มสลายได้เช่นเงินหรือทอง แต่ดว้ ยพระโลหิตประเสริฐ ของพระคริสตเจ้า ดังเลือดของลูกแกะไร้มลทินหรือจุดด่างพร้อย พระองค์ทรงกำ�หนด ไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนสร้างโลก และทรงเปิดเผยพระคริสตเจ้าเพื่อท่านทั้งหลาย ในวาระสุดท้าย เดชะพระคริสตเจ้านี้ ท่านมีความเชือ่ ในพระเจ้าผูท้ รงบันดาลให้พระองค์ กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย และประทานพระสิรริ งุ่ โรจน์เพือ่ ให้ความเชือ่ และ ความหวังของท่านอยู่ในพระเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายนอบน้อมเชื่อฟังความจริง ชำ�ระจิตใจให้บริสุทธิ์จนรักกันฉัน พี่น้องแล้ว ก็จงรักกันจากใจจริงยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะท่านบังเกิดใหม่แล้วมิใช่จากเมล็ด พันธุท์ เี่ สือ่ มสลายได้ แต่จากเชือ้ เมล็ดทีไ่ ม่มวี นั เสือ่ มสลาย คือจากพระวาจาทีท่ รงชีวติ และคงอยู่ตลอดไปของพระเจ้า...

พระวรสาร มก 10:32-45 เวลานั้น บรรดาศิษย์กำ�ลังเดินทางขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระเยซูเจ้าเสด็จนำ�เขาไป... ทรงบอกเขาถึง เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ว่า “บัดนี้ พวกเรากำ�ลังจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม บุตรแห่งมนุษย์จะถูก มอบให้บรรดามหาสมณะและบรรดาธรรมาจารย์ จะถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกมอบให้คนต่างชาติ สบประมาทเยาะเย้ย ถ่มนํ้าลายรด โบยตี และฆ่าเสีย แต่หลังจากนั้นสามวัน เขาจะกลับคืนชีพ” ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้ พระองค์ทรงกระทำ�ตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้” พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านปรารถนาให้เราทำ�สิ่งใด” ทั้งสองคน ทูลตอบว่า “ขอโปรดให้ขา้ พเจ้าคนหนึง่ นัง่ ข้างขวา อีกคนหนึง่ นัง่ ข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำ�ลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้ หรือไม่” ทัง้ สองคนทูลว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้วยทีเ่ ราจะดืม่ นัน้ ท่านจะได้ดมื่ และ การล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะ ให้ แต่สงวนไว้สำ�หรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมด มาพบ ตรัสว่า “...ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำ�ตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่ หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำ�ตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อ รับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย” บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าปัจจุบัน อาจมีจิตใจเหมือนอัครสาวกในสมัยพระเยซูเจ้า กลัวลำ�บาก ชอบสบาย แสวงหาอำ�นาจ อิจฉา และโกรธกันเอง เหมือนอัครสาวกสิบองค์ รู้สึกโกรธยากอบและยอห์น (ศิษย์ รักของพระเยซูเจ้า) พระองค์จึงสอนว่า พระองค์มิได้มาเพื่อให้ผู้อ่ืนรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น นี่เป็นคำ�ขวัญของการรณรงค์ พระวาจาปีนี้ “จงรับใช้ช่วยเหลือกัน” คำ�สอนของเราจึงน่าเชื่อถือขึ้น


บทอ่านที่ 1 รม 12:9-16 พี่น้อง จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็น เจ้า จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการ ภาวนา จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยามขัดสน จงต้อนรับด้วย อัธยาศัยไมตรี ฉลองพระนางมารีย์ จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี เสด็จเยี่ยมเยียน จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ จงเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำ�สิ่ง อสย 12:2-3,4-5,6 ตํ่าต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด วันงดสูบบุหรี่ โลก พระวรสาร ลก 1:39-56 หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขา แคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมือ่ นางเอลีซาเบธได้ยนิ คำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์กด็ นิ้ นางเอลีซาเบธ ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูก ของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยม ข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอ เป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็น เจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้า เป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับข้าพเจ้า พระนาม พระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณาต่อผูย้ ำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทาน สิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลือ อิสราเอลผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษ ของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ ชีวิตของพระนางมารีย์ นำ�ความยินดีไปให้นางเอลีซาเบธ บทสรรเสริญของแม่พระ (มักญีฟีกัต) แสดงออกถึงความสุภาพ ยอมเป็นผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระเจ้า เหมือนคำ�สอนในบทอ่านจากจดหมายนักบุญ เปาโลในวันนี้ ทุกวรรคทั้ง 21 ประการ บรรยายถึงชีวิตของแม่พระ วันนี้ ขอให้เราไปเยี่ยมใคร หรือโทรศัพท์ไปหาใครสักคน เพื่อให้พระพรให้กำ�ลังใจแก่เขา



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.