น.โยเซฟ กรรมกร สดด 34:1-2,3-4, 5-6,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันแรงงานแห่งชาติ
บทอ่านที่ 1 กจ 5:17-26 ในครัง้ นัน้ มหาสมณะและทุกคนทีอ่ ยูก่ บั เขาคือกลุม่ ชาวสะดูสี มีความอิจฉาอย่าง ยิ่ง จึงจับกุมบรรดาอัครสาวกและจองจำ�ไว้ในคุกสาธารณะ เวลากลางคืน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดประตูคุก นำ�บรรดา อัครสาวกออกไป สั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงไปที่พระวิหาร ประกาศพระวาจาเกี่ยวกับวิถี ชีวิตใหม่นี้ให้ประชาชนฟังเถิด” เมื่อบรรดาอัครสาวกได้ฟังดังนั้น ก็เข้าไปในพระวิหาร ตั้งแต่เช้าตรู่และเริ่มสั่งสอนที่นั่น เมื่อมหาสมณะและทุกคนที่อยู่กับเขามาถึง ก็เรียกประชุมสภาซันเฮดรินและ บรรดาผูอ้ าวุโสทุกคนของอิสราเอล แล้วให้พนักงานไปทีค่ กุ นำ�ตัวบรรดาอัครสาวกออก มา แต่เมื่อพนักงานไปถึง ก็ไม่พบบรรดาอัครสาวกอยู่ในคุกแล้ว จึงกลับมารายงานว่า “พวกเราพบคุกปิดไว้อย่างแน่นหนาและคนเฝ้าก็ยืนรักษาการณ์อยู่ที่ประตู แต่เมื่อเรา เปิดประตูเข้าไปก็ไม่พบผู้ใดเลยสักคน” เมื่อนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดา หัวหน้าสมณะได้ยินถ้อยคำ�เหล่านี้ ต่างรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้นเอง มี คนหนึ่งมาบอกว่า “ดูซิ คนเหล่านั้นที่ท่านทั้งหลายจองจำ�ไว้ในคุก กำ�ลังยืนสั่งสอน ประชาชนอยู่ในพระวิหาร” นายทหารรักษาพระวิหารพร้อมกับนายทหารยามจึงไปนำ� บรรดาอัครสาวกมาโดยไม่ใช้กำ�ลัง เพราะเกรงประชาชนจะขว้างด้วยก้อนหิน พระวรสาร ยน 3:16-21 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทาน พระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสิน ลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อใน พระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะ เขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็น ของการตัดสินลงโทษก็คอื ความสว่างเข้ามาในโลกนีแ้ ล้ว แต่มนุษย์รกั ความมืดมากกว่า รักความสว่าง เพราะการกระทำ�ของเขานัน้ ชัว่ ร้าย ทุกคนทีท่ �ำ ความชัว่ ย่อมเกลียดความ สว่างและไม่เข้าใกล้ความสว่าง เกรงว่าการกระทำ�ของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผทู้ ปี่ ฏิบตั ิ ตามความจริง ย่อมเข้าใกล้ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำ�นั้นได้ทำ�โดยพึ่ง พระเจ้า”
ความเชื่อที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับนิโคเดมัส ไม่ใช่เป็นแค่ข้อความเชื่อที่เราท่องจำ� แต่เป็นความ เชื่อมั่นในคุณค่าที่จะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต ผลักดันเราให้ออกแรงปฏิบัติ เพื่อให้ความเชื่อนั้นปรากฏเป็นจริง เป็นจังในชีวิตของเรา “ผู้ที่ไม่เชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว” เพราะว่า ชีวิตเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตจะอยู่ใน ความมืด สิ่งที่เขาเลือกนั้นได้ตอบสนองอยู่ในตัวเองแล้ว ในทุกๆ วันแห่งชีวิต เราจะต้องเลือก ระหว่างความมืด และความสว่าง จึงไม่แปลกที่บางครั้งเรายังตกในบาปและต้องการการอภัย 05.indd 144
21/12/2561 14:49:37
บทอ่านที่ 1 กจ 5:27-33 ในครั้งนั้น เขานำ�บรรดาอัครสาวกมายังสภาซันเฮดริน มหาสมณะจึงกล่าวหาว่า “เรากำ�ชับท่านทั้งหลายอย่างแข็งขันแล้ว ไม่ให้สอนโดยออกนามนี้ แต่ท่านยังขืนนำ� คำ�สอนของตนมาแพร่ไปทัว่ กรุงเยรูซาเล็ม และต้องการให้โลหิตของคนคนนีต้ กอยูก่ บั เรา” เปโตรและบรรดาอัครสาวกตอบว่า “เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรษุ ของเราทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทีท่ า่ นทัง้ หลายประหารชีวติ โดย ตรึงบนไม้กางเขนนัน้ กลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้าทรงยกพระองค์ทา่ นขึน้ ประทับเบือ้ ง ขวาในฐานะเป็นหัวหน้าและผู้กอบกู้ เพื่อให้อิสราเอลกลับใจและรับการอภัยบาป เรา ทั้งหลายเป็นพยานในเรื่องนี้ และพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานแก่ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์ ก็ทรงเป็นพยานด้วย” เมื่อได้ฟังดังนี้ทุกคนในสภาซันเฮดรินรู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก อยากจะฆ่าบรรดาอัครสาวก พระวรสาร ยน 3:31-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ผู้ที่มาจากเบื้องบนย่อมอยู่เหนือทุกคน ผู้ที่มาจากแผ่นดินนี้ ย่อมเป็นของ แผ่นดินนี้ และพูดอย่างคนของแผ่นดินนี้ ผู้ที่มาจากสวรรค์ย่อมอยู่เหนือทุกคน เขา เป็นพยานถึงสิง่ ทีไ่ ด้เห็นและได้ยนิ แต่ไม่มใี ครยอมรับคำ�พยานยืนยันของเขา ผูท้ รี่ บั คำ� พยานยืนยันของเขา ก็รบั รองว่าพระเจ้าทรงสัตย์จริง ผูท้ พี่ ระเจ้าทรงส่งมานัน้ ย่อมกล่าว พระวาจาของพระเจ้า เพราะพระเจ้าประทานพระจิตเจ้าให้เขาอย่างไม่จำ�กัด พระบิดา ทรงรักพระบุตร และทรงมอบทุกสิง่ ไว้ในพระหัตถ์ของพระบุตร ผูใ้ ดมีความเชือ่ ในพระ บุตรย่อมมีชีวิตนิรันดร ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังพระบุตร จะไม่พบชีวิตนั้น การลงโทษของ พระเจ้ากำ�ลังอยู่เหนือเขาแล้ว”
ระลึกถึง น.อาทานาส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 34:1,8, 16-18,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ฉลองวันครบรอบ การถวายอาสนวิหาร อัครเทวดามีคาแอล อัครสังฆมณฑล ท่าแร่-หนองแสง
พระเป็นเจ้าทรงให้พระบุตรมาเป็นพยานแห่งความสว่างและความจริงแก่ เราในรูปแบบที่ชัดเจน ไม่อาจจะปฏิเสธได้ของพระบุตรนั้น ปรากฏมาในรูปแบบของการ เป็นมนุษย์ เปิดหนทางที่เป็นไปได้แก่มนุษย์ทุกคน ที่ต้องการจะติดตามความสว่างและ ความจริง เป็นพยานของชีวิตพระเจ้าในความเป็นมนุษย์ของพระองค์ และเราทุกคนใน ฐานะที่เป็นมนุษย์ ก็สามารถเป็นพยานในความสว่างและความจริงได้เช่นเดียวกับที่ พระคริสตเจ้าผู้ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ได้เป็นพยาน
05.indd 145
21/12/2561 14:49:37
ฉลอง น.ฟิลิป และ น.ยากอบ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4ก วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 1 คร 15:1-8 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำ�นึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านกำ�ลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์ ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำ�คัญที่สุดให้ท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้า ได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียน ไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตาม ความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่ อัครสาวกสิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดงพระองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนใน คราวเดียว คนส่วนมากในจำ�นวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมา พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์แก่ข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำ�หนดด้วย พระวรสาร ยน 14:6-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบโทมัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มี ใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดา ของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำ�ให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลปิ เอ๋ย เราอยูก่ บั ท่านมานานเพียงนีแ้ ล้ว ท่านยังไม่รจู้ กั เรา อีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำ�ให้พวกเราได้ เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชือ่ หรือว่า เราดำ�รงอยูใ่ นพระบิดา และพระบิดาทรงดำ�รงอยู่ ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้สถิต ในเรา ทรงกระทำ�กิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำ�รงอยู่ใน พระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำ�รงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะ กิจการเหล่านี้เถิด เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำ�กิจการที่ เรากำ�ลังทำ�อยูด่ ว้ ย และจะทำ�กิจการทีใ่ หญ่กว่านัน้ อีก เพราะเรากำ�ลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำ�สิ่งนั้น เพื่อพระบิดาจะได้รับพระสิริ รุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำ�ให้”
ในการเดินทาง เราไม่สามารถแยกแยะระหว่างหนทางและเป้าหมายได้เลย พระเยซูเจ้าประกาศ ว่าพระองค์ทรงเป็นทัง้ หนทางและเป้าหมาย ในขณะทีฟ่ ลี ปิ ทูลพระองค์วา่ “แค่ชใี้ ห้เห็นพระเจ้าก็พอ” แต่แท้จริง แล้ว ชีวติ ทีส่ นิทสัมพันธ์กบั พระเป็นเจ้านัน้ ไม่ใช่แค่เป้าหมาย แต่เป็นความสัมพันธ์ทจี่ ะนำ�มาสูก่ ารเปลีย่ นแปลง อย่างแท้จริงของชีวติ คริสตชนทุกคน ให้การเดินทางไปหาพระเจ้าของเราแต่ละคน ได้เป็นการเปลีย่ นแปลงชีวติ ของเราให้ละม้ายคล้ายคลึงกับองค์พระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต 05.indd 146
21/12/2561 14:49:38
บทอ่านที่ 1 กจ 6:1-7 เวลานัน้ ศิษย์มจี �ำ นวนมากขึน้ บรรดาศิษย์ทพี่ ดู ภาษากรีกไม่พอใจศิษย์ทพี่ ดู ภาษา ฮีบรู เพราะในการแจกทานประจำ�วัน บรรดาแม่ม่ายของตนถูกละเลยมิได้รับแจก อัครสาวกสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์มาประชุม กล่าวว่า “ไม่สมควรที่เราจะ ละทิง้ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าเพือ่ ไปแจกอาหาร พีน่ อ้ งทัง้ หลาย จงเลือกบุรษุ เจ็ดคนจากกลุ่มของท่านทั้งหลาย เป็นคนที่มีชื่อเสียงดี เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าและ ปรีชาญาณ แล้วเราจะแต่งตั้งเขาให้ทำ�หน้าที่นี้ ส่วนเราจะอุทิศตนอธิษฐานภาวนาและ ประกาศพระวาจา ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนบุรุษ ผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า ฟีลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และ นิโคลัสชาวอันทิโอกผู้กลับใจมานับถือศาสนายิว เขานำ�คนทั้งเจ็ดคนมาอยู่ต่อหน้า บรรดาอัครสาวกซึ่งอธิษฐานภาวนาและปกมือเหนือเขา พระวาจาของพระเจ้าแพร่หลายยิ่งขึ้น ศิษย์มีจำ�นวนมากขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม บรรดาสมณะหลายคนยอมรับความเชื่อด้วย
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา สดด 33:1-3, 4-5,18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ยน 6:16-21 เมือ่ ถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์ตา่ งลงไปยังทะเลสาบ และลงเรือข้ามฟากไปทางเมือง คาเปอรนาอุม ขณะนั้นมืดแล้ว พระเยซูเจ้าก็ยังไม่เสด็จมากับเขา ทะเลปั่นป่วนเพราะ ลมพัดจัด บรรดาศิษย์กรรเชียงเรือไปได้ราวสี่หรือห้ากิโลเมตร เห็นพระเยซูเจ้าทรง พระดำ�เนินบนทะเล เข้ามาใกล้เรือ ก็ตกใจกลัว แต่พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “เป็นเราเอง อย่ากลัวเลย” บรรดาศิษย์รับพระองค์ลงเรือด้วยความเต็มใจ ทันใดนั้นเรือก็ถึงฝั่งที่ เขามุ่งจะไป บรรดาศิษย์เผชิญกับความหวาดกลัวสองประการ ระหว่างพายุและองค์ พระคริสตเจ้าทีท่ รงดำ�เนินบนนํา้ ความวางใจในพระเป็นเจ้าเป็นสิง่ สำ�คัญและเป็นพืน้ ฐาน ของความเชือ่ การวางใจในพระเป็นเจ้าเรียกร้องให้เราละทิง้ ทุกสิง่ ทีเ่ ราเชือ่ มัน่ ว่าจะทดแทน พระเจ้าได้ หรือที่เราคิดว่าเข้มแข็งกว่าพระเจ้า รวมทั้งตัวตนของเราเอง และวางใจใน พระองค์ ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่แน่นอน แต่คำ�ว่า “เป็นเรา เอง อย่ากลัวเลย” เป็นคำ�ยืนยันว่า ให้เราดำ�เนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า ด้วยความวางใจ แม้ว่าเราจะหวาดกลัว
05.indd 147
21/12/2561 14:49:38
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 5:27ข-32,40ข-41 ในครั้งนั้น มหาสมณะจึงกล่าวหาว่า “เรากำ�ชับท่านทั้งหลายอย่างแข็งขันแล้ว ไม่ ให้สอนโดยออกนามนี้ แต่ทา่ นยังขืนนำ�คำ�สอนของตนมาแพร่ไปทัว่ กรุงเยรูซาเล็ม และ ต้องการให้โลหิตของคนคนนี้ตกอยู่กับเรา” เปโตรและบรรดาอัครสาวกตอบว่า “เรา ต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเราทรงบันดาลให้ พระเยซูเจ้าที่ท่านทั้งหลายประหารชีวิตโดยตรึงบนไม้กางเขนนั้นกลับคืนพระชนมชีพ พระเจ้าทรงยกพระองค์ท่านขึ้นประทับเบื้องขวาในฐานะเป็นหัวหน้าและผู้กอบกู้ เพื่อ ให้อิสราเอลกลับใจและรับการอภัยบาป เราทั้งหลายเป็นพยานในเรื่องนี้ และพระจิต เจ้าซึ่งพระเจ้าประทานแก่ผู้ที่เชื่อฟังพระองค์ก็ทรงเป็นพยานด้วย” ทุกคนเห็นด้วยกับกามาลิเอล จึงส่งคนไปเรียกบรรดาอัครสาวกเข้ามา สัง่ ให้เฆีย่ น และกำ�ชับมิให้พูดในพระนามพระเยซูเจ้า แล้วปล่อยตัวไป บรรดาอัครสาวกออกจาก สภาซันเฮดริน มีความยินดีที่ได้รับเกียรติที่ถูกสบประมาทเพราะพระนามพระเยซูเจ้า เพลงสดุดี สดด 30:1-3,5ก,10,11-12 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ายกย่องสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ทรงฉุดข้าพเจ้าขึ้นมา พระองค์ไม่ทรงปล่อยให้เหล่าศัตรูยินดีที่เห็นข้าพเจ้าประสบเคราะห์ร้าย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาข้าพเจ้าให้หาย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงฉุดข้าพเจ้าขึ้นมาจากแดนมรณะ พระองค์ประทานชีวิต มิให้ข้าพเจ้าต้องลงไปในขุมลึก บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 5:11-14 ข้าพเจ้าเห็นและได้ยนิ เสียงทูตสวรรค์จ�ำ นวนมากนับล้านนับโกฏินบั อสงไขย รอบ พระบัลลังก์ รอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนและรอบบรรดาผู้อาวุโส ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ลูกแกะที่ถูกประหารชีวิตแล้วนั้น ทรงเป็นผู้สมควรได้รับพระอานุภาพ ทรัพย์ ศฤงคาร พระปรีชาญาณ พระพลานุภาพ พระเกียรติยศ พระสิริรุ่งโรจน์และคำ�ถวาย พระพร” ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสิ่งสร้างทั้งมวล ทั้งที่อยู่ในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งใต้พิภพ และในทะเล ทุกสิ่งที่อยู่ในที่เหล่านั้น ร้องสรรเสริญว่า “พระองค์ ผู้ ป ระทั บ บนพระบั ล ลั ง ก์ แ ละลู ก แกะ จงได้ รั บ คำ � ถวายพระพร พระเกียรติยศ พระสิริรุ่งโรจน์และพระอำ�นาจปกครองตลอดนิรันดรเทอญ” ผู้มีชีวิตทั้งสี่ตนพูดว่า “อาเมน” และบรรดาผู้อาวุโสก็กราบนมัสการ
05.indd 148
21/12/2561 14:49:38
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 21:1-19 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสำ�แดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่อง ราวเป็นดังนี้ ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมนเปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่ ง มาจากหมู่ บ้ า นคานาในแคว้ นกาลิ ลี บุ ต รทั้ ง สองคนของเศเบดี แ ละศิ ษ ย์ อี ก สองคน ซี โมนเปโตร บอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไป ลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้องถาม ว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้าน ขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำ�นวนมาก ศิษย์ ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่า “เป็นองค์พระผู้ เป็นเจ้า” เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมา กับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ พระเยซูเจ้าตรัส กับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่ติด อยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซู เจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน นีเ่ ป็นครัง้ ทีส่ ามแล้วทีพ่ ระเยซูเจ้าทรง แสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเรา มากกว่าคนเหล่านีร้ กั เราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลีย้ งดูแกะของเราเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า เมือ่ ท่านยังหนุม่ ท่าน คาดสะเอวด้วยตนเอง และเดินไปไหนตามใจชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอว ให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่านไม่อยากไป” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัสดังนี้ แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด” เปโตรจำ�พระเยซูเจ้าได้ เพราะมองเห็นพระองค์ ไม่ใช่เพราะการเหวีย่ งแหลงไปตามคำ�แนะนำ�ของ พระองค์และได้ปลาจำ�นวนมากมาย ในชีวติ ของการรับใช้พระเป็นเจ้านัน้ ความสำ�เร็จและความดีงามเป็นผลมา จากการรับฟัง แสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าในทุกสิ่งที่เรากระทำ� และในความสำ�เร็จนั้น เราจะเห็นพระเจ้า สัมผัสพระองค์ และจำ�พระองค์ได้ พระเป็นเจ้าทรงวางใจ และเชื้อเชิญให้เราเข้ามามีส่วนร่วมในแผนการแห่งความรอดของพระองค์ สิ่งสำ�คัญ ก็คอื เราจะต้องตอบคำ�ถามของพระองค์ให้ได้อย่างชัดเจนและด้วยความมัน่ ใจ เมือ่ พระองค์ถามเราว่า “ท่านรัก เราไหม?” 05.indd 149
21/12/2561 14:49:38
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
สดด 119:23-24, 26-27,29-30 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 กจ 6:8-15 ในครั้งนั้น สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำ�ปาฏิหาริย์และ เครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่าศาลา ธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้น ซีลีเซียและอาเซีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านั้นเอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า คนเหล่านั้นจึงเสี้ยมสอน ประชาชนบางคนให้ใส่ความว่า “พวกเราได้ยินเขาพูดดูหมิ่นโมเสสและพระเจ้า” เขา เหล่านั้นยุยงประชาชน บรรดาผู้อาวุโสและธรรมาจารย์ให้ปั่นป่วนวุ่นวาย แล้วจึงเข้า จู่โจมจับกุมสเทเฟนนำ�ไปยังสภาซันเฮดริน ตั้งพยานเท็จปรักปรำ�ว่า “ชายคนนี้พูด ดูหมิ่นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และธรรมบัญญัติอยู่เสมอ พวกเราได้ยินเขาพูดว่า เยซู ชาว นาซาเร็ธผูน้ จี้ ะทำ�ลายสถานทีน่ แี้ ละจะเปลีย่ นแปลงขนบประเพณีทโี่ มเสสมอบให้เรา” ทุกคนที่นั่งอยู่ในสภาซันเฮดรินต่างเพ่งมองสเทเฟน เห็นใบหน้าของเขาสว่างรุ่งเรือง เหมือนกับใบหน้าของทูตสวรรค์ พระวรสาร ยน 6:22-29 วันรุ่งขึ้น ประชาชนที่ยังอยู่บนฝั่งตรงข้าม สังเกตเห็นว่า มีเรืออยู่ที่นั่นเพียงลำ� เดียว และจำ�ได้ว่าพระเยซูเจ้ามิได้เสด็จลงเรือไปกับบรรดาศิษย์ บรรดาศิษย์ไปกันตาม ลำ�พังเท่านั้น แต่เรือลำ�อื่นจากเมืองทีเบเรียสมายังสถานที่ที่พวกเขาได้กินขนมปัง เมื่อ ประชาชนเห็นว่าทั้งพระเยซูเจ้า และบรรดาศิษย์ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ก็ลงเรือ มุ่งไปที่เมือง คาเปอรนาอุมเพื่อตามหาพระเยซูเจ้า เมื่อพบพระองค์ที่ฝั่งตรงข้าม จึงทูลถามว่า “พระอาจารย์ ท่านมาที่นี่เมื่อไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราบอกความจริ ง แก่ ท่ า นทั้ ง หลายว่ า ท่ า นแสวงหาเรา มิ ใช่ เพราะได้ เห็ น เครื่องหมายอัศจรรย์ แต่เพราะได้กินขนมปังจนอิ่ม อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้ว เสือ่ มสลายไป แต่จงหาอาหารทีค่ งอยูแ่ ละนำ�ชีวติ นิรนั ดรมาให้ อาหารนีบ้ ตุ รแห่งมนุษย์ จะประทานให้ทา่ น เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงประทับตรารับรองบุตรแห่งมนุษย์ไว้แล้ว” เขาเหล่านั้นจึงทูลว่า “พวกเราจะต้องทำ�อะไรเพื่อให้กิจการของพระเจ้าสำ�เร็จ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “กิจการของพระเจ้าก็คือให้ท่านทั้งหลายเชื่อในผู้ที่พระองค์ ทรงส่งมา”
ในสมัยของพระเยซูเจ้า มีผู้คนมากมายที่แสวงหาและต้องการพบองค์พระเยซูเจ้า แต่ด้วยเจตนา และเหตุผลที่หลากหลาย ตั้งแต่ต้องการจะให้เป็นกษัตริย์ ความช่วยเหลือ อาหาร คำ�สอน ไปจนกระทั่งต้องการ จะลอบฆ่าพระองค์ ดังนั้นสิ่งสำ�คัญที่เราจะต้องถามตัวเราเองก็คือ “ฉันแสวงหาและติดตามพระเยซูเจ้าเพื่อ อะไร?” การแสวงหาคำ�ตอบนั้นอยู่ในการดำ�เนินชีวิตของเราในแต่ละวัน คำ�ตอบนี้จะบ่งบอกถึงการกระทำ�ของ เราในแต่ละวัน และถ้าเรามีคำ�ตอบที่ตรงกับพระประสงค์ของพระเป็นเจ้ามากเท่าใด เราก็สามารถทำ�ให้ภารกิจ ของพระเป็นเจ้าสำ�เร็จในตัวเราได้มากขึ้นเท่านั้น 05.indd 150
21/12/2561 14:49:39
บทอ่านที่ 1 กจ 7:51-59,8:1ก ในครั้งนั้น สเทเฟนกล่าวกับประชาชน ผู้อาวุโส และธรรมาจารย์ว่า “ท่านผู้ดื้อรั้น ใจกระด้างและหูตึงทั้งหลายเอ๋ย ท่านต่อต้านพระจิตเจ้าอยู่เสมอ บรรพบุรษุ ของท่านเคยทำ�เช่นไร ท่านก็ท�ำ เช่นนัน้ มีประกาศกคนใดบ้างทีบ่ รรพบุรษุ ของ ท่านมิได้เบียดเบียน เขาฆ่าผู้ที่ประกาศล่วงหน้าถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าผู้ทรง ชอบธรรม และบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ทรยศและฆ่าพระองค์ด้วย ท่านทั้งหลายได้รับ ธรรมบัญญัติผ่านทางทูตสวรรค์ แต่ก็หาได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัตินั้นไม่” เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำ�รามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยูเ่ บือ้ งขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้า เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอา หินขว้างเขา บรรดาพยานนำ�เสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายกำ�ลังเอาหินขว้างสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เซาโลเป็น คนหนึ่งที่เห็นชอบกับการที่สเทเฟนถูกฆ่า
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
สดด 31:2-3,5-7, 16,20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ยน 6:30-35 เวลานั้น ประชาชนจึงทูลถามว่า “ท่านทำ�เครื่องหมายอัศจรรย์ใดเพื่อพวกเราจะ ได้เห็น และจะได้เชือ่ ในท่าน ท่านทำ�อะไร บรรพบุรษุ ของเราได้กนิ มานนาในถิน่ ทุรกันดาร ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ประทานขนมปังจากสวรรค์ให้เขากิน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิใช่โมเสสที่ให้ ขนมปังจากสวรรค์แก่ท่าน แต่เป็นพระบิดาของเราที่ประทานขนมปังแท้จากสวรรค์ให้ ท่าน เพราะขนมปังของพระเจ้า คือขนมปังซึ่งลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่ โลก” ประชาชนจึงทูลว่า “นายขอรับ โปรดให้ขนมปังนี้แก่พวกเราเสมอเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “เราเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อ ในเราจะไม่กระหายอีกเลย เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า “เราเป็นปังทรงชีวิต” ทำ�ให้เรานึกถึงศีลมหาสนิทที่เป็นอาหาร หล่อเลีย้ งชีวติ ฝ่ายวิญญาณของเราคริสตชน สำ�หรับคริสตชนแล้ว การรับศีลมหาสนิท เป็นสิทธิพเิ ศษ เป็นความ สนิทสัมพันธ์ ทีเ่ ราได้ใกล้ชดิ และสนิทสัมพันธ์กบั พระเป็นเจ้าอย่างมากทีส่ ดุ เมือ่ ตระหนักเช่นนีแ้ ล้ว เราควรทีจ่ ะ เข้ามารับศีลมหาสนิทอย่างสมํ่าเสมอ เสริมสร้างความรักความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทในชีวิตของเรา ชาวยิว ร้องขออาหารทรงชีวิตจากองค์พระเยซูเจ้า แต่สำ�หรับเราคริสตชนแล้ว พระองค์ทรงเชื้อเชิญเราให้เข้ามารับ พระองค์บ่อยๆ เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ในพระองค์ และดำ�เนินชีวิตเพื่อพระองค์ 05.indd 151
21/12/2561 14:49:39
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
สดด 66:1-3, 4-5,6ก-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 กจ 8:1ข-8 วันนั้น เกิดการเบียดเบียนพระศาสนจักรอย่างรุนแรงในกรุงเยรูซาเล็ม ทุกคน นอกจากบรรดาอัครสาวกกระจัดกระจายไปตามชนบทในแคว้นยูเดียและสะมาเรีย ผูม้ ใี จศรัทธาบางคนนำ�ศพสเทเฟนไปฝังและรํา่ ไห้ครํา่ ครวญถึงเขาอย่างมาก ส่วน เซาโลออกรังควานพระศาสนจักร เข้าไปตามบ้าน ฉุดลากทั้งชายและหญิงไปจองจำ�ไว้ ในคุก บรรดาผู้ที่กระจัดกระจายไปเหล่านี้ออกไปยังที่ต่างๆ ประกาศพระวาจาเป็นข่าวดี ฟีลปิ ไปเมืองหนึง่ ในแคว้นสะมาเรีย และประกาศเรือ่ งพระคริสตเจ้าให้ชาวเมืองนัน้ ฟัง ประชาชนทีไ่ ด้ฟงั ถ้อยคำ�ของฟีลปิ และเห็นเครือ่ งหมายอัศจรรย์ทเี่ ขาทำ� ก็พร้อมใจกัน ฟังคำ�สัง่ สอนของเขา คนหลายคนทีถ่ กู ปีศาจสิงอยูร่ อ้ งเสียงดังแล้วปีศาจก็ออกไป คน อัมพาตและคนง่อยจำ�นวนมากหายจากโรค ประชาชนในเมืองนั้นจึงชื่นชมอย่างมาก พระวรสาร ยน 6:35-40 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เราเป็นปังแห่งชีวติ ผูท้ มี่ าหาเราจะไม่หวิ และผูท้ เี่ ชือ่ ในเราจะไม่กระหายอีกเลย เราบอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านเห็นเราแล้ว แต่ไม่เชื่อ ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้ เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมาจากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำ�ตามใจของเรา แต่เพือ่ ทำ�ตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา พระประสงค์ ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้ นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็น พระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวัน สุดท้าย” พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามารับอาหารจากสวรรค์ คือ พระกาย พระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท ผูท้ รี่ บั พระกายพระคริสตเจ้า จะเป็นกายเดียวใจเดียวกันกับ พระคริสตเจ้า ซึง่ เป็นพระพรและข้อเรียกร้องให้เราดำ�เนินชีวติ ใหม่ในพระคริสตเจ้า เหมือน กับที่พระคริสตเจ้าได้ทรงให้ชีวิตของพระองค์เป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดา ด้วย เหตุนี้ ผู้ที่รับพระกายและเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า จำ�เป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต ของตน และดำ�เนินชีวิตของตนเองตามพระประสงค์ของพระเจ้า การรับศีลมหาสนิท เรียกร้องให้เราเป็นคนใหม่ในพระคริสตเจ้า และเป็นเหมือนพระคริสตเจ้า
05.indd 152
21/12/2561 14:49:40
บทอ่านที่ 1 กจ 8:26-40 ในครั้งนั้น ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งฟีลิปว่า “จงลุกขึ้น และเดินไปทาง ทิศใต้ ตามทางที่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองกาซา ทางนั้นเป็นทางเปลี่ยว” ฟีลิปจึงลุกขึ้นออกเดินทาง ระหว่างทางเขาพบชาวเอธิโอเปียคนหนึ่ง เป็นขันที... ขณะ เดินทางกลับ เขานั่งในรถม้าและอ่านหนังสือของประกาศกอิสยาห์ พระจิตเจ้าตรัสสั่ง สัปดาห์ที่ 3 ฟีลิปว่า “จงตามรถคันนั้นไปให้ทัน” ฟีลิปวิ่งตามไป ได้ยินเขากำ�ลังอ่านหนังสือของ เทศกาลปัสกา ประกาศกอิสยาห์ จึงถามว่า “ท่านเข้าใจข้อความที่กำ�ลังอ่านหรือ” ขันทีตอบว่า สดด 66:8,16-17, “ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครอธิบาย” แล้วเขาก็เชิญฟีลิปขึ้นไปนั่งด้วย 19-20 ข้อความของพระคัมภีร์ที่เขากำ�ลังอ่านอยู่นั้น มีดังนี้ “เขาถูกนำ�ไปฆ่าเหมือนแกะตัวหนึง่ ลูกแกะไม่ออกเสียงเมือ่ อยูต่ อ่ หน้าคนตัดขน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 แกะฉันใด เขาก็ไม่อ้าปากฉันนั้น เมื่อเขาถูกเหยียดหยาม เขาไม่ได้รับความยุติธรรม เลย ใครจะเล่าเรื่องเชื้อสายของเขาได้ เพราะชีวิตของเขาถูกยกไปจากแผ่นดินนี้แล้ว” ขันทีจึงถามฟีลิปว่า “โปรดบอกข้าพเจ้าเถิดว่า ประกาศกกล่าวเช่นนี้หมายถึงใคร หมายถึงตนเองหรือ หมายถึงผู้อื่น” ฟีลิปจึงเริ่มประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าให้เขาฟัง โดยอธิบายพระคัมภีร์เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ขณะเดินทางอยู่นั้น ทั้งสองคนมาถึงแหล่งนํ้าแห่งหนึ่ง ขันทีกล่าวว่า “ดูซิ ที่นี่มีนํ้า มีอะไรขัดขวางมิให้ ข้าพเจ้ารับศีลล้างบาป” เขาสั่งให้หยุดรถ ทั้งฟีลิปและขันทีลงไปในนํ้า ฟีลิปล้างบาปให้ขันที เมื่อทั้งสองคน ขึน้ จากนาํ้ แล้ว พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงนำ�ฟีลปิ ไปทีอ่ นื่ ขันทีไม่เห็นฟีลปิ อีก เดินทางต่อไปด้วยความ ยินดี... พระวรสาร ยน 6:44-51 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “ไม่มีใครมาหาเราได้ นอกจากพระบิดาผู้ทรงส่งเรามาจะทรงชักนำ�เขา และเราจะทำ�ให้เขากลับคืนชีพ ในวันสุดท้าย มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาประกาศกว่า ทุกคนจะได้รับคำ�สอนจากพระเจ้า ทุกคนที่ได้ฟัง พระบิดา และเรียนรู้จากพระองค์ ก็มาหาเรา ไม่มีใครได้เห็นพระบิดา นอกจากผู้ที่มาจากพระเจ้า เราบอก ความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราเป็นปังแห่งชีวิต บรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย ได้กินมานนาในถิ่นทุรกันดารแล้วยังตาย แต่ปังที่ลงมาจากสวรรค์เป็นอย่างนี้ คือผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเรา เพื่อให้โลกมีชีวิต” ความปรารถนาในชีวิตนิรันดรเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา พระเยซูเจ้าทรงให้คำ�มั่นสัญญาสำ�หรับผู้ที่ เชือ่ และติดตามพระองค์วา่ จะได้รบั ชีวติ นิรนั ดรอย่างแน่นอน แต่พระองค์เองก็ถกู ประหารชีวติ อย่างทรมาน และ คริสตชนที่เชื่อในพระองค์ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความตายอยู่ ทั้งนี้เพราะชีวิตนิรันดรที่พระองค์ทรงสัญญานั้น ไม่ได้หมายถึงการไม่ตาย แต่เป็นการร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า เราพบชีวิตนิรันดรในพระเป็นเจ้า องค์พระคริสตเจ้า ทรงกลับคืนชีพเพราะดำ�เนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระบิดา เราทุกคนที่ติดตามองค์ พระคริสตเจ้า ก็จะได้รับชีวิตนิรันดรในพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกัน 05.indd 153
21/12/2561 14:49:40
บทอ่านที่ 1 กจ 9:1-20 ขณะนั้น เซาโลยังคงเคียดแค้นคุกคามจะฆ่าบรรดาศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า... ขณะที่เขาเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส ทันใดนั้นมีแสงสว่างจากท้องฟ้าล้อมรอบตัว เขาไว้ เขาล้มลงที่พื้นดินและได้ยินเสียงกล่าวว่า “เซาโล เซาโล ท่านเบียดเบียนเรา ทำ�ไม” เซาโลจึงถามว่า “พระเจ้าข้า พระองค์คือใคร” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซู ซึ่ง สัปดาห์ที่ 3 ท่านกำ�ลังเบียดเบียน ท่านจงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองแล้วจะมีคนบอกให้รู้ว่าจะต้องทำ� เทศกาลปัสกา อะไร”... เซาโลจึงลุกขึ้นจากพื้นดิน ลืมตา แต่ก็มองสิ่งใดไม่เห็น... เซาโลมองไม่เห็น สดด 117:1-2 สิ่งใดเลยเป็นเวลาสามวัน ไม่ได้กินและไม่ได้ดื่ม ที่เมืองดามัสกัสมีศิษย์คนหนึ่งชื่อ อานาเนีย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเขาใน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 นิมิตว่า “อานาเนีย...จงลุกขึ้นไปที่ถนนซึ่งเรียกว่าถนนตรง จงไปที่บ้านของยูดาส ถาม หาชายคนหนึ่งชื่อเซาโลที่มาจากเมืองทาร์ซัส... ” แต่อานาเนียทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินหลายคนพูดถึงชายผู้นี้ และได้ยินว่า ที่ กรุงเยรูซาเล็มเขาได้ท�ำ ร้ายบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องพระองค์เพียงใด และทีน่ เี่ ขาได้รบั อำ�นาจจากบรรดาหัวหน้า สมณะให้มาจับกุมทุกคนที่เรียกขานพระนามพระองค์” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบอานาเนียว่า “จงไป เถิด เพราะชายผู้น้ีเป็นเครื่องมือที่เราเลือกสรรไว้เพื่อนำ�นามของเราไปประกาศแก่คนต่างศาสนา บรรดา กษัตริย์และลูกหลานของอิสราเอล เราจะแสดงให้เขารู้ว่า เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากเท่าใดเพราะนาม ของเรา” อานาเนียจึงจากไป และเข้าไปในบ้าน ปกมือเหนือเซาโล... ทันใดนั้นมีสิ่งหนึ่งเหมือนเกล็ดตกจาก นัยน์ตาของเซาโล เขามองเห็นได้อีก จึงลุกขึ้นรับศีลล้างบาป เมื่อกินอาหารแล้วก็มีกำ�ลังขึ้น... พระวรสาร ยน 6:52-59 เวลานั้น ชาวยิวจึงเถียงกันว่า “คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ถ้าท่านไม่กนิ เนือ้ ของบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของเขา ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำ�ให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็ดำ�รงอยู่ในเรา และเราก็ดำ�รงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่ง เรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น นี่คือปังที่ลงมาจาก สวรรค์ ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กินแล้วยังตาย ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” พระองค์ตรัส เช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม คำ�เชือ้ เชิญของพระคริสตเจ้าให้กนิ เลือดและเนือ้ ของพระองค์นนั้ เป็นทีข่ ดั เคืองและรับไม่ได้ส�ำ หรับ ชาวยิว และคงจะเป็นเรือ่ งแปลกประหลาดในยุคปัจจุบนั สำ�หรับผูท้ ไี่ ม่ได้เชือ่ ในองค์พระคริสตเจ้า แต่ส�ำ หรับเรา คริสตชนแล้ว เป็นความรัก ความเสียสละและความเมตตาของพระเป็นเจ้า ทีม่ คี วามปรารถนาทีจ่ ะร่วมเป็นหนึง่ เดียวกับมนุษย์ และเป็นการเชือ้ เชิญให้มนุษย์ได้รบั ชีวติ นิรนั ดรของพระเป็นเจ้าตัง้ แต่ในโลกนี้ พระเจ้าและมนุษย์ ใกล้ชิดและร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่สุดในความสัมพันธ์แห่งศีลมหาสนิทนี้ 05.indd 154
21/12/2561 14:49:40
บทอ่านที่ 1 กจ 9:31-42 ขณะนั้น พระศาสนจักรมีสันติภาพทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลีและสะมาเรีย พระ ศาสนจักรเติบโตขึ้น มีความเคารพยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า และได้รับกำ�ลังใจจาก พระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เมือ่ เปโตรเดินทางไปเยีย่ มผูม้ คี วามเชือ่ ในทีต่ า่ งๆ เขาไปเยีย่ มบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิท์ ี่ อยู่ในเมืองลิดดาด้วย ที่นั่นเขาพบชายคนหนึ่งชื่อไอเนอัส เป็นอัมพาตนอนอยู่บนแคร่ สัปดาห์ที่ 3 มาแปดปีแล้ว เปโตรจึงพูดกับเขาว่า “ไอเนอัสเอ๋ย พระเยซูคริสตเจ้าทรงรักษาท่านให้ เทศกาลปัสกา หาย จงลุกขึ้นและเก็บที่นอนเถิด” เขาก็ลุกขึ้นทันที... สดด 116:12-13, 14-16,17 ในบรรดาศิษย์ทเี่ มืองยัฟฟามีหญิงคนหนึง่ ชือ่ ทาบีธา แปลว่า “เนือ้ ทราย” ทำ�ความ ดีและให้ทานเป็นอันมาก ระหว่างนั้นนางป่วยและถึงแก่กรรม เขาทำ�ความสะอาดศพ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 และตัง้ ศพไว้ในห้องชัน้ บน เมืองลิดดาอยูใ่ กล้กบั เมืองยัฟฟา บรรดาศิษย์รวู้ า่ เปโตรอยู่ ที่เมืองลิดดา จึงส่งชายสองคนไปเชิญเขาว่า “โปรดรีบมาหาเราเถิด” เปโตรไปกับเขาทันที เมื่อไปถึง เขาก็พาเปโตรขึ้นไปยังห้องชั้นบน... เปโตรจึงสั่งให้ทุกคนออกไปข้าง นอก เขาคุกเข่าอธิษฐานภาวนาแล้วหันมาดูศพ พูดว่า “ทาบีธาเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด” นางก็ลืมตาขึ้นมองดู เปโตรและลุกขึ้นนั่ง เปโตรจึงยื่นมือพยุงให้นางยืน แล้วเรียกบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และบรรดาหญิงม่ายเข้ามา ชี้ให้เห็นว่านางยังมีชีวิต... พระวรสาร ยน 6:60-69 เวลานั้น เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ก็กล่าวว่า “ถ้อยคำ�นี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้” พระเยซูเจ้าทรงทราบด้วยพระองค์วา่ บรรดาศิษย์ก�ำ ลังบ่นกันเรือ่ งนี้ จึงตรัสแก่เขาว่า “เรือ่ งนีท้ �ำ ให้ทา่ นเคลือบ แคลงใจหรือ แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร พระจิตเจ้าทรงเป็นผูป้ ระทานชีวติ ลำ�พังมนุษย์ท�ำ อะไรไม่ได้ วาจาทีเ่ รากล่าวแก่ทา่ นทัง้ หลายนัน้ ให้ชวี ติ เพราะ มาจากพระจิตเจ้า แต่บางท่านไม่เชื่อ” พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศ ต่อพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า “ดังนั้น เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่ พระบิดาประทานให้เขามา” หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนเปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกสิบสองคนว่า “ท่านทั้งหลายจะไปด้วยหรือ” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวก เราเชื่อและรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” นักบุญเปโตรมาหาพระเยซูเจ้าโดยให้เหตุผลว่า “พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร” คำ� เชื้อเชิญให้กินเลือดและเนื้อของพระเยซูเจ้า อาจจะทำ�ให้ใครหลายคนรับไม่ได้ และหนีจากพระองค์ แต่สำ�หรับ เราคริสตชนแล้ว เราจะต้องตอบคำ�ถามเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสถามนักบุญเปโตร ทำ�ไมเราถึงเข้ามา หาองค์พระคริสตเจ้า? ทำ�ไมคำ�เชือ้ เชิญให้กนิ เลือดและเนือ้ ของพระองค์จงึ ยอมรับได้? และเราได้รบั สิง่ ใดเมือ่ เข้า มาชิดสนิทกับองค์พระคริสตเจ้า หากว่าคำ�ตอบของเราแตกต่างไปจากที่นักบุญเปโตรกล่าวว่า “พระวาจาแห่ง ชีวิตนิรันดร” ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้บรรลุเป้าหมายอันแท้จริงของการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าท่ามกลางเรา 05.indd 155
21/12/2561 14:49:40
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 13:14,43-52 เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยัง เมืองเซลูเคีย และจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส เมือ่ การประชุมเลิกแล้ว ชาวยิวและชาวกรีกทีก่ ลับใจมาเลือ่ มใสศาสนายิว หลาย คนเดินตามเปาโลและบารนาบัส ทัง้ สองคนจึงสนทนากับเขาเหล่านัน้ ต่อไปและตักเตือน ให้มั่นคงอยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อ ชาวยิวเห็นประชาชนจำ�นวนมากเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านคำ�พูดของ เปาโลและด่าว่าเขา เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จำ�เป็นที่เราจะต้องประกาศ พระวาจาของพระเจ้าให้ทา่ นฟังก่อนผูอ้ นื่ แต่เมือ่ ท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คดิ ว่าตน เหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามี พระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า ‘เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อท่านจะได้นำ�ความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน’ เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้า และทุกคนที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้สำ�หรับชีวิตนิรันดรก็มีความเชื่อ พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชั้น สูงทีเ่ ลือ่ มใสในศาสนายิวและบรรดาผูน้ �ำ ของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทงั้ สองคนออกไปจากดินแดนของตน เขาทัง้ สองคนจึงสะบัดฝุน่ จากเท้าเป็น เครื่องหมายตัดความสัมพันธ์ แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองอิโคนิยุม บรรดาศิษย์ต่างมี ความชื่นชมและได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เพลงสดุดี สดด 100:1-4,5 ก) ท่านทั้งหลายจากทั่วแผ่นดิน จงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี จงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์ จงโห่ร้องด้วยความปรีดา จงรู้ไว้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างเรา เราเป็นของพระองค์ เป็นประชากรของพระองค์ เป็นฝูงแกะที่ทรงเลี้ยงดู จงเข้าประตูของพระองค์ พลางขับร้องขอบพระคุณ จงขอบพระคุณพระองค์ และถวายพระพรแด่พระนามพระองค์ ข) เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดี
05.indd 156
21/12/2561 14:49:41
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 7:9,13-16 หลังจากนัน้ ข้าพเจ้าเห็นนิมติ ประชาชนมากมายเหลือ คณานับจากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำ�ลัง ยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุก คนสวมเสื้อขาว ถือใบปาล์ม ผูอ้ าวุโสคนหนึง่ ถามข้าพเจ้าว่า “คนทีส่ วมเสือ้ ขาวเหล่า นีเ้ ป็นใคร และมาจากไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่าน ก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มาจาก การเบี ย ดเบี ย นครั้ ง ใหญ่ เขาซั ก เสื้ อ ของเขาจนขาวใน พระโลหิตของลูกแกะ ดังนั้น เขาจึงอยู่หน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้า จะรับใช้พระองค์ทั้งกลางวันกลางคืน ในพระวิหารของพระองค์ พระองค์ผปู้ ระทับบนพระบัลลังก์จะทรงพำ�นักอยูก่ บั เขา เขาทัง้ หลายจะไม่หวิ หรือ กระหายอีกเลย แสงแดดหรือความร้อนจะไม่แผดเผาเขาอีก เพราะลูกแกะที่ทรงยืนอยู่กลางพระบัลลังก์ จะทรงเลี้ยงดูเขา จะทรงนำ�เขาไปยังธารนํ้าพุแห่งชีวิต และพระเจ้าจะทรงเช็ดนํ้าตาทุกหยดจากดวงตาของ เขา” บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 10:27-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา เรารูจ้ กั มัน และมันก็ตามเรา เราให้ชวี ติ นิรนั ดรแก่แกะเหล่านัน้ และ มันจะไม่พนิ าศเลยตลอดนิรนั ดร ไม่มใี ครแย่งชิงแกะเหล่านัน้ ไปจากมือเราได้ พระบิดาของเราผูป้ ระทานแกะ เหล่านี้ให้เรา ทรงยิ่งใหญ่กว่าทุกคน และไม่มีใครแย่งชิงไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาได้ เรากับพระบิดาเป็น หนึ่งเดียวกัน” เสียงของพระเยซูเจ้า มาถึงเราเสมอและหลากหลายรูปแบบ เสียงของนายชุมพาบาลเรียกหา ลูกแกะ ด้วยความใส่ใจ ความห่วงใย และเมตตา ภาพพจน์ของชุมพาบาลและลูกแกะ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ ระหว่างพระเยซูเจ้าและมนุษย์ ให้เราเฝ้าฟังเสียงของพระคริสตเจ้า ที่จะนำ�พาเราไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญา เสียงเรียกนี้ยังท้าทายให้เราเป็นผู้นำ� เป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น ที่แสวงหาพระเป็นเจ้าเช่นกัน เมื่อรับฟังเสียงของ พระคริสตเจ้าและติดตามพระองค์แล้ว ขอให้เราเป็นเสียงสะท้อนขององค์พระคริสตเจ้า ในการนำ�พาผูอ้ นื่ ทีไ่ ด้ยนิ เสียงของเรา จะได้ไม่หลงทาง
05.indd 157
21/12/2561 14:49:41
บทอ่านที่ 1 กจ 11:1-18 ในครั้งนั้น บรรดาอัครสาวกและพี่น้องที่อยู่ในแคว้นยูเดียรู้ว่าคนต่างศาสนาได้ ยอมรับพระวาจาของพระเจ้าด้วย เมือ่ เปโตรขึน้ ไปทีก่ รุงเยรูซาเล็ม บรรดาผูม้ คี วามเชือ่ ทีเ่ ข้าสุหนัตตำ�หนิเขา... เปโตรจึงเริม่ เล่าเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ให้เขาฟังตามลำ�ดับว่า “วัน หนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำ�ลังอธิษฐานภาวนาอยู่ที่เมืองยัฟฟา ข้าพเจ้าเข้าสู่ภวังค์และเห็น นิมิต สิ่งหนึ่งคล้ายผ้าผืนใหญ่ ถูกมัดไว้ทั้งสี่มุมกำ�ลังถูกหย่อนลงจากท้องฟ้ามาที่ พระนางมารีย์ พรหมจารีแห่งฟาติมา ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจ้องดูสงิ่ นัน้ อย่างตัง้ ใจ ก็เห็นสัตว์สเี่ ท้าของแผ่นดิน สัตว์ปา่ สัตว์เลือ้ ย คลาน และนกในท้องฟ้า ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘เปโตรเอ๋ย จงลุก สดด 42:2-3,43:3,4 ขึ้น ฆ่าสัตว์เหล่านี้กินซิ’ ข้าพเจ้าทูลตอบว่า ‘ทำ�ไม่ได้ พระเจ้าข้า เพราะสิ่งมีมลทินและ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ไม่สะอาดไม่เคยเข้าปากข้าพเจ้าเลย’ เสียงจึงตอบจากท้องฟ้าเป็นครั้งที่สองว่า ‘สิ่งที่ พระเจ้าทรงชำ�ระให้สะอาดแล้ว ท่านอย่าเรียกว่ามีมลทินเลย’... ทันใดนั้นมีชายสาม คนมาหยุดยืนอยูห่ น้าบ้านทีข่ า้ พเจ้าพัก เขาถูกส่งจากเมืองซีซารียามาพบข้าพเจ้า พระจิตเจ้าทรงบอกข้าพเจ้า ให้ไปกับเขาโดยไม่ต้องลังเล พี่น้องหกคนเหล่านี้ไปพร้อมกับข้าพเจ้าด้วย เราเข้าไปในบ้านของโครเนลิอัส เขาเล่าให้เราฟังว่า เขาเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาในบ้านของเขาพูดว่า ‘จงส่งคนไปที่เมืองยัฟฟา ไป เชิญซีโมนที่รู้จักกันในนามว่าเปโตรมาที่นี่ เขาจะกล่าวถ้อยคำ�ที่จะนำ�ความรอดพ้นมาให้ท่านและทุกคนใน ครอบครัว’... พระวรสาร ยน 10:1-10 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ไม่เข้าคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าทางอื่น ก็เป็นขโมยและ โจร ผูท้ เี่ ข้าทางประตูกเ็ ป็นผูเ้ ลีย้ งแกะ คนเฝ้าประตูยอ่ มเปิดประตูให้เขาเข้าไป บรรดาแกะก็ฟงั เสียงเขา เขา เรียกชือ่ แกะของตนทีละตัว และพาออกไปข้างนอก เมือ่ เขาพาแกะออกไปหมดแล้ว เขาจะเดินนำ�หน้า และ แกะก็ตามไปเพราะจำ�เสียงของเขาได้ แกะจะไม่ตามคนแปลกหน้าเลย แต่จะหนีจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียง ของคนแปลกหน้า” พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้คนเหล่านั้นฟัง แต่เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายถึงสิ่งใด พระเยซูเจ้ายังตรัสกับเขาอีกว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราเป็นประตูคอกแกะ ทุกคน ที่มาก่อนหน้าเรา เป็นขโมยและโจร แต่แกะมิได้ฟังเสียงของเขาเหล่านั้น เราเป็นประตู ผู้ที่เข้ามาทางเราก็ จะรอดพ้น เขาจะเข้าจะออก และจะพบทุ่งหญ้า ขโมยย่อมมาเพื่อขโมย ฆ่าและทำ�ลาย เรามาเพื่อให้แกะมี ชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์” หนทางสูค่ วามรอด สูอ่ าณาจักรสวรรค์นนั้ เป็นไปได้โดยทางพระคริสตเจ้า พระเยซูเจ้าเรียกพระองค์ เองว่าเป็นประตู เป็นหนทางปกติที่เราจะเข้าไปสู่บ้าน หรือขอบเขตใดขอบเขตหนึ่ง หนทางสู่อาณาจักรพระเจ้า ของพระองค์นั้นเรียบง่าย ด้วยความสุภาพ ความรัก ความเมตตา พระองค์ทรงเรียกทุกคนที่สุภาพอ่อนโยน เรา จำ�เป็นจะต้องระมัดระวัง พวกแอบอ้างหนทางอื่นๆ นอกเหนือหนทางนี้ เช่น ในสมัยของพระองค์ พวกฟาริสี และคัมภีราจารย์ ทีจ่ องหองอวดตน ทีช่ อบเทศน์สอนหนทางของตนเอง และตัดขาดผูค้ นเป็นอันมากให้หา่ งจาก พระอาณาจักรพระเจ้า ซึ่งพระองค์เปรียบเทียบกับขโมยที่เข้ามาเพื่อฆ่าและทำ�ลาย 05.indd 158
21/12/2561 14:49:41
บทอ่านที่ 1 กจ 1:15-17,20-26 ในระหว่างนั้น เปโตรยืนขึ้นในหมู่พี่น้องที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย จำ�เป็นที่พระคัมภีร์จะต้องเป็นจริงตามที่พระจิตเจ้าทรงใช้ พระโอษฐ์ของกษัตริย์ดาวิดตรัสล่วงหน้าถึงยูดาส ผู้นำ�คนมาจับกุมพระเยซูเจ้า ยูดาส ผู้นี้เคยเป็นคนหนึ่งในคณะของเราและร่วมภารกิจกับเรา เพราะมีเขียนไว้ในหนังสือเพลงสดุดีว่า ‘ขอให้ที่อยู่ของเขาถูกทิ้งร้าง อย่าให้มีผู้ ฉลอง น.มัทธีอัส ใดอาศัยอยู่เลย’ และอีกตอนหนึ่งว่า ‘ขอให้ผู้อื่นรับหน้าที่แทนเขา’ อัครสาวก ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า สดด 113:1-3,4-6, ทรงดำ�เนินชีวติ อยูก่ บั เรา เริม่ ตัง้ แต่พธิ ลี า้ งของยอห์นจนถึงวันทีพ่ ระองค์เสด็จสูส่ วรรค์ 7-8 นั้น จำ�เป็นที่คนหนึ่งจะต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของ พระองค์” ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือโยเซฟที่เรียกว่าบารซับบาสหรือยุสทัส และอีกคนหนึ่งชื่อ มัทธีอัส เขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวก แทนยูดาสที่ละทิ้งหน้าที่นี้เพื่อไปยังที่ของตน” เขาจึงจับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้มัทธีอัส มัทธีอัสจึงได้เข้าร่วมคณะกับอัครสาวกสิบเอ็ดคน พระวรสาร ยน 15:9-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รกั ท่านทัง้ หลายอย่างนัน้ จงดำ�รงอยูใ่ นความรักของเราเถิด ถ้า ท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ ราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ ของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลาย รักกัน เหมือนดังทีเ่ รารักท่าน ไม่มใี ครมีความรักยิง่ ใหญ่กว่าการสละชีวติ ของตนเพือ่ มิตรสหาย ท่านทัง้ หลาย เป็นมิตรสหายของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ ว่านายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดา ของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำ�จนเกิดผล และผลของ ท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่าน ทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน” “จงดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา.....ให้ทา่ นทัง้ หลายรักกันและกันเหมือนดังทีเ่ รารักท่าน” คำ�สัง่ ของ องค์พระเยซูเจ้าในข้อนี้ คงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเท่าใดนัก เพราะเรายังพบเห็นความรุนแรง รับรู้ถึง ความเกลียดชัง และความเห็นแก่ตัวในสังคมอยู่ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในพระวรสาร พระองค์ยังทรงตรัสกับ สานุศิษย์อีกว่า “ท่านเป็นมิตรสหายของเรา” เป็นผู้ร่วมงาน เป็นผู้ที่จะทำ�ให้คำ�สั่งแห่งความรักนี้ได้เป็นจริง เริ่ม ต้นจากชีวิตของเราก่อน สู่บุคคลในชีวิตของเรา และสังคม พระองค์ทรงเชื้อเชิญและเรียกร้องให้เราเป็นพยาน แห่งความรักของพระเป็นเจ้าในชีวิตของเรา 05.indd 159
21/12/2561 14:49:42
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา สดด 67:1-2,3-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 กจ 12:24-13:5ก ในครั้งนั้น พระวาจาของพระเจ้าแผ่ขยายมากขึ้น และผู้มีความเชื่อก็เพิ่มจำ�นวน ขึ้นด้วย บารนาบัสและเซาโลปฏิบัติภารกิจที่กรุงเยรูซาเล็มแล้ว จึงกลับมาที่เมือง อันทิโอก โดยพายอห์น ที่รู้จักในนามว่า มาระโก มาด้วย ในพระศาสนจั ก รที่ เมื อ งอั นทิ โอก มี ป ระกาศกและอาจารย์ คื อ บารนาบั ส สิเมโอนที่เรียกกันว่าคนดำ� ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอนซึ่งได้รับการศึกษาอบรมมาด้วย กันกับกษัตริย์เฮโรดอันทิปาสและเซาโล ขณะที่เขาร่วมพิธีนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า และจำ�ศีลอดอาหาร พระจิตเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงแยกบารนาบัสและเซาโลไว้ ปฏิบตั ภิ ารกิจทีเ่ ราเรียกเขาให้มาปฏิบตั เิ ถิด” เมือ่ เขาจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา แล้ว จึงปกมือเหนือบารนาบัสและเซาโล แล้วส่งเขาทั้งสองคนออกไป เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยัง เมืองเซลูเคีย และจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส ครั้นถึงเมืองซาลามิส ทั้งสอง คนประกาศพระวาจาของพระเจ้าในศาลาธรรมของชาวยิว พระวรสาร ยน 12:44-50 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเสียงดังว่า “ผู้ที่เชื่อในเรา ไม่ได้เชื่อในเราเท่านั้น แต่ยังเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามาด้วย ผู้ ที่เห็นเรา ก็เห็นพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา เราเข้ามาในโลกเป็นแสงสว่าง เพื่อให้ทุกคนที่ เชื่อในเราไม่อยู่ในความมืด ผู้ใดได้ยินวาจาของเรา แล้วไม่ปฏิบัติตาม เราไม่ตัดสิน ลงโทษเขา เพราะเราไม่ได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น ผู้ที่ ไม่ยอมรับเรา และไม่ยอมรับวาจาของเรา ก็มผี ตู้ ดั สินลงโทษเขาแล้ว วาจาทีเ่ ราได้กล่าว นัน้ จะตัดสินลงโทษเขาในวันสุดท้าย เพราะเรามิได้พดู ตามใจของเรา แต่พระบิดาผูท้ รง ส่งเรามา ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร เรารู้ว่าพระบัญชาของ พระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูด เราก็พูดดังที่พระบิดาตรัสกับเรา” ความเชื่อเป็นการเลือก และในการเลือกนั้นเองที่มีการตัดสินลงโทษ เมื่อ เราเลือกในสิ่งที่ผิด แต่องค์พระเยซูเจ้าไม่ได้กล่าวถึงการลงโทษจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงพูดถึงโทษของการเลือกผิด เมื่อเราเลือกที่จะอยู่ในความมืด เราก็ดำ�รงชีวิต ในอันตราย หรือเมือ่ เราเลือกทีจ่ ะอยูใ่ นความตายมากกว่าในชีวติ เราก็ด�ำ รงตนอยูใ่ นความ สิ้นหวังและไร้ซึ่งความรัก และการเลือกของเราในชีวิตนี้ จะบ่งบอกถึงสิ่งที่เราได้เลือกใน ชีวติ นิรนั ดรด้วย การเลือกระหว่างความมืดหรือความสว่าง ชีวติ หรือความตายมีอยูใ่ นชีวติ ของเราทุกๆ วัน และใช่ว่าเราจะเลือกถูกเสมอไป ขอให้ดำ�รงชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท
05.indd 160
21/12/2561 14:49:42
บทอ่านที่ 1 กจ 13:13-25 เปาโลและเพื่ อ นร่ ว มทางแล่ น เรื อ จากเมื อ งปาโฟสถึ งเมืองเปอร์ก าในแคว้น ปัมฟีเลีย... ครั้นถึงวันสับบาโตเขาเข้าไปนั่งในศาลาธรรม เมื่ออ่านธรรมบัญญัติและ หนังสือประกาศกแล้ว บรรดาหัวหน้าศาลาธรรมก็ส่งคนไปเชิญเปาโลและบารนาบัส พูดว่า “พี่น้อง ถ้าท่านมีถ้อยคำ�เตือนใจประชาชน ก็จงพูดเถิด” สัปดาห์ที่ 4 เปาโลยืนขึ้น โบกมือให้คนทั้งหลายเงียบแล้วพูดว่า เทศกาลปัสกา “ชาวอิสราเอล และท่านทัง้ หลายผูย้ �ำ เกรงพระเจ้า จงฟังข้าพเจ้าเถิด พระเจ้าของ ประชาชนอิสราเอลนี้ทรงเลือกบรรพบุรุษของเรา และทรงยกย่องประชาชนขณะที่ยัง สดด 89:2-3,21-22, 25-26 อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ทรงสำ�แดงพระอานุภาพยิ่งใหญ่นำ�เขาออกจากแผ่นดิน นั้น และเอาพระทัยใส่ดูแลเขาในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาประมาณสี่สิบปี แล้วพระองค์ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ทรงทำ�ลายชนชาติเจ็ดชาติในแผ่นดินคานาอันและประทานแผ่นดินนัน้ ให้เขาเป็นมรดก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาประมาณสี่ร้อยห้าสิบปี หลังจากนั้น พระเจ้าประทานผู้วินิจฉัยให้ปกครองเขา จนถึงประกาศกซามูเอล เมื่อประชาชนขอให้มี กษัตริย์ พระองค์ก็ประทานซาอูลบุตรของคีช จากตระกูลเบนยามิน ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาสี่ สิบปี เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำ�แหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากร อิสราเอล... จากเชือ้ สายของกษัตริยด์ าวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผูช้ ว่ ยอิสราเอลให้รอดพ้นตาม พระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ ยอห์นกำ�ลังทำ�ภารกิจของตนให้สำ�เร็จไป เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มี ผู้หนึ่งกำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” พระวรสาร ยน 13:16-20 เมื่อพระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาอัครสาวกแล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ผู้ถูกส่งไปย่อมไม่เป็น ใหญ่กว่าผู้ที่ส่งเขาไป บัดนี้ ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ถ้าท่านปฏิบัติตาม ท่านย่อมเป็นสุข เราไม่พูดเช่นนี้เพื่อท่านทุก คน เรารู้จักผู้ที่เราเลือกไว้แล้ว แต่พระคัมภีร์จะต้องเป็นความจริง ที่ว่า ‘ผู้ที่กินปังของเรา ได้ยกส้นเท้าใส่ เรา’ เราบอกท่านทั้งหลายตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะได้เชื่อว่า เราเป็น เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครรับผู้ที่เราส่งไป ก็รับเรา ใครรับเรา ก็รับพระองค์ผู้ทรงส่ง เรามา” พระองค์ทรงรู้ว่าเวลาของพระองค์เหลือน้อย พระองค์จึงทรงเตรียมบรรดาอัครสาวกให้สานต่อ พันธกิจที่พระองค์วางไว้เป็นแบบอย่างคือ การรับใช้ พวกเขาจะต้องปฏิบัติตามคำ�สอนของพระองค์ที่อยู่บน พืน้ ฐานของความรักและเสียสละ จะต้องไม่เลือกทีป่ ฏิบตั ิ ถ้าพวกเขารักพระองค์เขาจะต้องรักทุกคนเช่นเดียวกัน เอาใจใส่ สนใจช่วยเหลือกันและกัน ซึง่ เป็นความหมายของการล้างเท้าทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงทำ�เป็นแบบอย่างให้กบั อัครสาวกและพวกเราทุกคนที่รักพระองค์ 05.indd 161
21/12/2561 14:49:42
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
สดด 2:6-7,8-9, 10-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 กจ 13:26-33 ในครัง้ นัน้ เมือ่ เปาโลมาถึงเมืองอันทิโอกในแคว้นปิสเิ ดีย ท่านกล่าวในศาลาธรรม ว่า “พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ผูเ้ ป็นบุตรจากเชือ้ สายของอับราฮัมและท่านทีเ่ คารพยำ�เกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา ชาวเยรูซาเล็มและบรรดาหัวหน้าไม่ ยอมรับพระเยซูเจ้า จึงตัดสินลงโทษพระองค์ ทำ�ให้ขอ้ ความของบรรดาประกาศกทีอ่ า่ น ทุกวันสับบาโตเป็นจริง แม้ว่าเขาไม่พบเหตุผลที่จะประหารชีวิตพระองค์ได้ เขาก็ยังขอ ปีลาตให้ประหารชีวิตพระองค์ เมื่อทำ�ให้ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับพระองค์เป็นจริงแล้ว เขาจึงปลดพระองค์ลงจากไม้กางเขนและนำ�ไปวางไว้ในพระคูหา แต่พระเจ้าทรงบันดาล ให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ตลอดเวลาหลายวัน พระองค์ทรง แสดงพระองค์แก่ผู้ที่เดินทางจากแคว้นกาลิลีมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้เขาทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ต่อหน้าประชาชน เราขอประกาศข่าวดีให้ทา่ นทัง้ หลายรูว้ า่ พระสัญญาทีป่ ระทานแก่บรรดาบรรพบุรษุ นั้น พระเจ้าทรงกระทำ�ให้เป็นจริงสำ�หรับเราทั้งหลายผู้เป็นลูกหลาน โดยทรงบันดาล ให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังที่มีเขียนไว้ในเพลงสดุดีบทที่ สองว่า ‘ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำ�เนิดท่านในวันนี้’” พระวรสาร ยน 14:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ใจของท่านทัง้ หลายจงอย่าหวัน่ ไหวเลย จงเชือ่ ในพระเจ้า และเชือ่ ในเราด้วย ใน บ้านพระบิดาของเรา มีทพี่ �ำ นักมากมาย ถ้าไม่มี เราคงบอกท่านแล้ว เรากำ�ลังไปเตรียม ที่ให้ท่าน และเมื่อเราไป และเตรียมที่ให้ท่านแล้ว เราจะกลับมารับท่านไปอยู่กับเรา ด้วย เพื่อว่าเราอยู่ที่ใด ท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านรู้จักหนทาง แล้ว” โทมัสทูลว่า “พระเจ้าข้า พวกเราไม่รวู้ า่ พระองค์จะเสด็จไปทีใ่ ด แล้วจะรูจ้ กั หนทาง ได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้า พระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” พระองค์เชิญชวนเราให้เชื่อในพระบิดาและเชื่อในพระองค์ด้วย อย่าวิตก กังวลในหลายสิ่งหลายอย่างเลย พระองค์ทรงอยู่กับเราตลอดเวลาในชีวิตประจำ�วันและ ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่เรารับแต่ละครั้ง ไม่ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ใดเราก็อยู่ที่นั่นกับพระองค์ เพราะ พระองค์ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิตของเราตลอดเวลา อย่าให้ความวิตกกังวล และปัญหามามีอิทธิพล บดบังเราให้ห่างจากพระองค์เลย ขอให้พระองค์เป็นพลังและ พระหรรษทานสำ�หรับเราตลอดไป
05.indd 162
21/12/2561 14:49:43
บทอ่านที่ 1 กจ 13:44-52 วันสับบาโตต่อมา ชาวเมืองเกือบทั้งหมดมาชุมนุมฟังพระวาจาของพระเจ้า เมื่อ ชาวยิวเห็นประชาชนจำ�นวนมากเช่นนี้ ก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก จึงคัดค้านคำ�พูดของ เปาโลและด่าว่าเขา เปาโลและบารนาบัสตอบเขาอย่างกล้าหาญว่า “จำ�เป็นที่เราจะต้องประกาศ น.ยอห์น ที่ 1 พระวาจาของพระเจ้าให้ทา่ นฟังก่อนผูอ้ นื่ แต่เมือ่ ท่านปฏิเสธไม่ยอมรับและไม่คดิ ว่าตน พระสันตะปาปา เหมาะสมจะรับชีวิตนิรันดร เราจึงหันไปหาคนต่างศาสนา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้ามี พระบัญชาแก่เราดังนี้ว่า และมรณสักขี สดด 98:1-2,3-4 ‘เราแต่งตั้งท่านให้เป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เพื่อท่านจะได้นำ�ความรอดพ้นไปจนสุดปลายแผ่นดิน’” วันวิสาขบูชา เมื่อคนต่างศาสนาได้ยินดังนี้ ก็มีความยินดีและสรรเสริญพระวาจาของพระเจ้า... พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าแผ่ไปทั่วแคว้นนั้น แต่ชาวยิวยุยงบรรดาสตรีชั้นสูงที่เลื่อมใสในศาสนา ยิวและบรรดาผู้นำ�ของเมือง ให้เบียดเบียนเปาโลและบารนาบัส และขับไล่ทั้งสองคนออกไปจากดินแดน ของตน เขาทั้งสองคนจึงสะบัดฝุ่นจากเท้าเป็นเครื่องหมายตัดความสัมพันธ์... พระวรสาร ยน 14:7-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเรา ท่านก็รู้จักพระบิดาของเราด้วย บัดนี้ ท่านก็รู้จักพระบิดา และเห็นพระองค์ แล้ว” ฟีลิปทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดทำ�ให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด เท่านี้ก็พอแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ฟีลิปเอ๋ย เราอยู่กับท่านมานานเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘โปรดทำ�ให้พวกเราได้เห็นพระบิดาเถิด’ ท่านไม่เชือ่ หรือว่า เราดำ�รง อยู่ในพระบิดา และพระบิดาทรงดำ�รงอยู่ในเรา วาจาที่เราบอกกับท่านทั้งหลายนี้ เรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้สถิตในเรา ทรงกระทำ�กิจการของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงเชื่อเราเถิดว่า เราดำ�รงอยู่ใน พระบิดา และพระบิดาก็ทรงดำ�รงอยู่ในเรา หรืออย่างน้อยท่านทั้งหลายจงเชื่อเพราะกิจการเหล่านี้เถิด เรา บอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา ก็จะทำ�กิจการที่เรากำ�ลังทำ�อยู่ด้วย และจะทำ�กิจการที่ใหญ่ กว่านั้นอีก เพราะเรากำ�ลังจะไปเฝ้าพระบิดา สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายขอในนามของเรา เราจะทำ�สิ่งนั้น เพื่อ พระบิดาจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในพระบุตร ถ้าท่านทั้งหลายขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะทำ�ให้” การที่เราติดตามพระเยซูเจ้าอย่างใกล้ชิด เราย่อมรู้จักพระบิดาเจ้า เพราะทุกสิ่งที่พระองค์ทรง กระทำ� เทศน์สอนก็เป็นภาพลักษณ์และสะท้อนถึงพระบิดาเจ้า ชีวิตของพระเยซูเจ้าและอัศจรรย์ท่ีพระองค์ กระทำ� ล้ ว นเป็น ภาพลักษณ์ข องความรักของพระบิด าทั้งสิ้น ตลอดเวลาอัน ยาวนานที่พ ระศาสนจักรใน ประเทศไทยได้ตดิ ตามพระองค์กต็ อ้ งเป็นภาพลักษณ์ของพระองค์เช่นกัน ไม่วา่ จะเป็นการกระทำ� คำ�พูด ทัศนคติ และแนวทางการดำ�เนินชีวิตในแต่ละวัน 05.indd 163
21/12/2561 14:49:43
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 14:20ข-27 วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บี ทั้งสองคนประกาศ ข่าวดีทเี่ มืองนัน้ ได้ศษิ ย์เป็นจำ�นวนมาก แล้วจึงกลับไปเมืองลิสตรา เมืองอิโคนิยมุ และ เมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสเิ ดีย เขาทัง้ สองคนให้ก�ำ ลังใจบรรดาศิษย์ ตักเตือนให้มนั่ คง อยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำ�เป็นต้องฟันฝ่าความทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่ พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัสแต่งตั้งผู้อาวุโสในกลุ่มคริสตชน แต่ละกลุม่ เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำ�ศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผูอ้ าวุโสเหล่า นี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้งสองคนเดินทางผ่านแคว้น ปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมืองเปอร์กา แล้วจึงไปยังเมือง อัตตาเลีย จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออก เดินทางจากเมืองอันทิโอก บรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กบั พระหรรษทานของพระเจ้า เพื่องานที่เขาเพิ่งทำ�สำ�เร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านตนว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คน ต่างศาสนา เพลงสดุดี สดด 145:8-10,11-12,13ก ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้สิ่งสร้างทั้งมวลสรรเสริญพระองค์ ขอให้ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ถวายพระพรแด่พระองค์ ข) เขาจะพูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระอาณาจักรของพระองค์ และเล่าถึงพระอานุภาพของพระองค์ บุตรแห่งมนุษย์จะได้รู้ถึงพระอานุภาพของพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์และความรุ่งเรืองแห่งพระอาณาจักรของพระองค์ ค) พระอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรที่ดำ�รงอยู่ตลอดไป อำ�นาจปกครองของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 21:1-5ก แล้วข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เพราะฟ้าและแผ่นดินเดิมสูญหายไป ไม่มีทะเลอีกต่อไป ข้าพเจ้าเห็นนครศักดิ์สิทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลงมาจากสวรรค์ ลงมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมเหมือนกับเจ้าสาวทีแ่ ต่งตัวรอเจ้าบ่าว ข้าพเจ้าได้ยนิ เสียง
05.indd 164
21/12/2561 14:49:44
ดังจากพระบัลลังก์วา่ “นีค่ อื ทีพ่ �ำ นักของพระเจ้าในหมูม่ นุษย์ พระองค์จะทรงพำ�นักอยู่ในหมู่เขา เขาจะเป็นประชากรของ พระองค์ และพระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของเขา ทรงเป็น “พระเจ้าสถิตกับเขา” พระองค์จะทรงเช็ดนํา้ ตาทุกหยดจาก นัยน์ตาของเขา จะไม่มคี วามตายอีกต่อไป จะไม่มกี ารไว้ทกุ ข์ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้น ไปแล้ว พระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์ตรัสว่า “ดูซิ เราทำ� ทุกสิ่งขึ้นใหม่”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 13:31-33ก,34-35 เมื่อยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์ได้รบั พระสิรริ งุ่ โรจน์ และพระเจ้าทรงได้รบั พระสิรริ งุ่ โรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ดว้ ย ถ้าพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ พระเจ้าจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ในพระองค์ด้วย และจะทรงให้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ทันที ลูกทั้งหลายเอ๋ย เราจะอยู่กับท่าน อีกไม่นาน ท่านจะแสวงหาเรา แต่เราบอกท่านบัดนี้เหมือนกับที่เราเคยบอกชาวยิวว่า ที่ที่เราไปนั้น ท่านไป ไม่ได้ เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่าง นั้นเถิด ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของเรา” คำ�อำ�ลาของพระองค์ครัง้ นีฟ้ งั แล้วรูส้ กึ หดหูใ่ จมาก กับสิง่ ทีพ่ ระองค์ก�ำ ลังจะต้องเผชิญอีกไม่กนี่ าที ข้างหน้าคือ การถูกจับกุม ช่วงเวลานี้เองพระองค์ทรงมอบพระบัญญัติใหม่ให้แก่บรรดาอัครสาวกของพระองค์ ว่า “ให้เรารักซึง่ กันและกันเหมือนทีพ่ ระองค์ทรงรักเรา” นัน่ หมายความว่าพระองค์ตอ้ งการให้บรรดาสาวกของ พระองค์และเราพระศาสนจักรในประเทศไทยรูจ้ กั ความรักแบบพระเจ้า เป็นความรักทีไ่ ม่เห็นแก่ตนเอง เสียสละ ชีวติ และพร้อมให้อภัยต่อผูอ้ นื่ เสมอโดยไม่มขี ดี จำ�กัด เช่นนี้ “ทุกคนก็จะรูว้ า่ ท่านเป็นศิษย์ของเรา” อย่างแท้จริง
05.indd 165
21/12/2561 14:49:44
บทอ่านที่ 1 กจ 14:5-18 เมือ่ คนต่างศาสนาและชาวยิวร่วมกับบรรดาผูป้ กครองเมืองวางแผนจะทำ�ร้ายและ ใช้ ก้ อ นหิ นขว้ า งเปาโลและบารนาบั ส ทั้ ง สองคนรู้ เรื่ อ ง จึ ง หลบหนี ไปที่ เมื อ ง ลิสตรา เมืองเดอร์บีและชนบทรอบๆ ในแคว้นลิคาโอเนีย ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่ นั่นด้วย ที่เมืองลิสตรา ชายคนหนึ่งยืนไม่ได้ เพราะเป็นง่อยมาแต่กำ�เนิด เขานั่งอยู่กับที่ น.เบอร์นาดิน ไม่เคยเดินเลย เขากำ�ลังฟังเปาโลพูด เปาโลจ้องมองดูเขา เห็นว่าเขามีความเชื่อพอจะ แห่งซีเอนา รับการรักษาให้หายจากโรคได้ จึงพูดเสียงดังว่า “จงลุกขึน้ ยืนเถิด” ชายคนนัน้ ก็กระโดด พระสงฆ์ ขึ้นและเริ่มเดินไป สดด 115:1-2,3-4, เมือ่ ประชาชนเห็นสิง่ ทีเ่ ปาโลทำ� จึงร้องเป็นภาษาลิคาโอเนียว่า “พระเจ้าทรงแปลง 15-17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เป็นมนุษย์เสด็จลงมาหาเราแล้ว” เขาเรียกบารนาบัสว่า “พระซุส” และเรียกเปาโลว่า “พระเฮอร์เมส”... สมณะจากพระวิหารของพระซุสที่อยู่ใกล้ประตูเมือง จูงวัวหลาย ตัวประดับพวงมาลัยมาที่ประตูเมือง และพร้อมใจกับประชาชนต้องการถวายบูชาแก่ เปาโลและบารนาบัส เมื่ออัครสาวกบารนาบัสและเปาโลรู้เช่นนี้ ก็ฉีกเสื้อผ้าของตนวิ่งผลุนผลันเข้าไปกลางกลุ่มชนร้องว่า “เพื่อนเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงทำ�เช่นนี้ เราทั้งสองคนเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนท่านทั้งหลาย เรากำ�ลังประกาศ ข่าวดีให้ทา่ นทัง้ หลายละทิง้ สิง่ ทีไ่ ร้สาระเหล่านีห้ นั มาหาพระเจ้าผูท้ รงชีวติ ...พระองค์ทรงกระทำ�ดีอยูเ่ สมอ...” ทั้งๆ ที่พูดเช่นนี้ บารนาบัสและเปาโลก็ห้ามประชาชนถวายเครื่องบูชาแก่ตนเกือบไม่ได้ พระวรสาร ยน 14:21-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ท่ีรักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา” ยูดาส มิใช่ยูดาสอิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ทำ�ไมพระองค์ทรงต้องการแสดงพระองค์แก่ พวกเรา แต่ไม่แสดงพระองค์แก่โลก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำ�นักอยูก่ บั เขา ผูท้ ไี่ ม่รกั เรา ก็ไม่ปฏิบตั ติ ามวาจาของเรา วาจา ที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจาของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรา ยังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่าน ทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” ตลอดเวลาอันยาวนานพระศาสนจักรในประเทศไทยมีนาํ้ ใจและความปรารถนาดีทไี่ ด้ท�ำ งาน ทุม่ เท อุทศิ ชีวติ เพือ่ งานพระอาณาจักรของพระเจ้า เพือ่ ให้พระอาณาจักรของพระองค์ ได้เผยแผ่ไปสูช่ าวไทย เช่นเดียว กับบรรดาอัครสาวกของพระองค์ ก็มีความร้อนรน และมุ่งมั่นทำ�งานเพื่อพระองค์ เพราะความรักในตัวตนของ พระเยซูเจ้า ซึ่งการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา มีความสำ�คัญมากกว่าการทำ�ตามนํ้าใจของตนเอง เหมือนดังทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกระทำ�เป็นแบบอย่างให้แก่เราคือ พระองค์ไม่ได้ท�ำ ตามอำ�เภอใจของพระองค์แต่ท�ำ ตามพระประสงค์ของพระบิดาเป็นที่ตั้ง 05.indd 166
21/12/2561 14:49:44
บทอ่านที่ 1 กจ 14:19-28 ในเวลานั้น ชาวยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอกและเมืองอิโคนิยุม เกลี้ยกล่อม ประชาชนให้เป็นฝ่ายของตนได้ เขาเหล่านัน้ ใช้กอ้ นหินขว้างเปาโลแล้วลากออกไปนอก เมืองเพราะคิดว่าเปาโลตายแล้ว บรรดาศิษย์มาห้อมล้อมเขา เปาโลลุกขึ้น เข้าไปใน เมือง วันรุ่งขึ้นเปาโลก็ออกเดินทางกับบารนาบัสไปยังเมืองเดอร์บี น.คริสโตเฟอร์ ทั้งสองคนประกาศข่าวดีที่เมืองนั้น ได้ศิษย์เป็นจำ�นวนมาก แล้วจึงกลับไปเมือง มากัลเลนส์ ลิสตรา เมืองอิโคนิยุมและเมืองอันทิโอกแห่งแคว้นปิสิเดีย เขาทั้งสองคนให้กำ�ลังใจ บรรดาศิษย์ ตักเตือนให้มั่นคงอยู่ในความเชื่อ พูดว่า “พวกเราจำ�เป็นต้องฟันฝ่าความ และเพื่อนมรณสักขี ทุกข์ยากเป็นอันมากจึงจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้” เปาโลและบารนาบัส สดด 145:10-11, 12-13กข,21 แต่งตัง้ ผูอ้ าวุโสในกลุม่ คริสตชนแต่ละกลุม่ เขาอธิษฐานภาวนาพร้อมกับจำ�ศีลอดอาหาร แล้วฝากบรรดาผู้อาวุโสเหล่านี้ไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเขาทั้งหลายมีความเชื่อ ทั้ง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 สองคนเดินทางผ่านแคว้นปิสิเดีย มาถึงแคว้นปัมฟีเลีย ประกาศพระวาจาที่เมือง เปอร์กา แล้วจึงไปยังเมืองอัตตาเลีย จากนั้น เขาลงเรือกลับไปยังเมืองอันทิโอกแห่งซีเรีย ก่อนที่เขาทั้งสองคนจะออก เดินทางจากเมืองอันทิโอก บรรดาคริสตชนเคยฝากเขาไว้กบั พระหรรษทานของพระเจ้า เพื่องานที่เขาเพิ่งทำ�สำ�เร็จ เมื่อไปถึง เปาโลและบารนาบัสก็เรียกประชุมกลุ่มคริสตชน เล่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านตนว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูแห่งความเชื่อให้คน ต่างศาสนา เขาทั้งสองคนพักอยู่กับบรรดาศิษย์เป็นเวลานาน พระวรสาร ยน 14:27-31ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้สันติสุขแก่ท่าน ไม่เหมือนที่ โลกให้ ใจของท่านอย่าหวัน่ ไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยนิ ทีเ่ ราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำ�ลังจะไป และ เราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่ง ใหญ่กว่าเรา และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชือ่ เราจะพูดกับท่านต่อไปอีกไม่นาน เพราะซาตานเจ้านายแห่งโลกนีก้ �ำ ลังมา มันไม่มอี �ำ นาจใดเหนือ เรา แต่โลกจะต้องรู้ว่าเรารักพระบิดา และรู้ว่าพระบิดาทรงบัญชาให้เราทำ�อย่างไร เราก็ทำ�อย่างนั้น” โลกได้หยิบยื่นความสุขให้กับเรามนุษย์ตามที่เราต้องการ แต่เรากลับไม่ได้แสวงหาสันติสุขที่ แท้จริงที่พระเยซูเจ้าทรงนำ�มาสู่โลก พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาทรงบัญชาให้เราทำ�อย่างไร เราก็ทำ�อย่างนั้น” ซึ่งเป้าหมายของเรามนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรัก รับใช้ สรรเสริญ และเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แต่เรากลับเลือก สิ่งที่เราต้องการ จึงทำ�ให้เรามนุษย์ ไม่สามารถพบหนทางสันติสุขที่แท้จริง แต่เป็นความสุขที่โลกให้ คือ การ อยากมี อยากได้ อยากครอบครอง ถึงเวลาแล้วที่เราแต่ละคนต้องกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เพื่อพบ สันติสุขที่แท้จริงที่โลกไม่สามารถให้ได้นอกจากพระองค์เท่านั้น 05.indd 167
21/12/2561 14:49:44
น.ริต้า แห่งคาเซีย นักบวช สดด 122:1-2,3-5
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 กจ 15:1-6 เวลานั้น คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพี่น้องว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกัน ให้เปาโลและบารนาบัสพร้อมกับพีน่ อ้ งบางคนขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ปรึกษาปัญหา นี้กับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส เมื่อพระศาสนจักรจัดให้เขาเหล่านั้นออก เดินทางไปแล้ว เขาเดินทางผ่านแคว้นฟีนเี ซียและสะมาเรีย เล่าเรือ่ งการกลับใจของคน ต่างศาสนา ทำ�ให้พี่น้องทุกคนชื่นชมอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเขาได้รับการ ต้อนรับจากพระศาสนจักร บรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บารนาบัสและเปาโล เล่าเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านตน ผู้มีความเชื่อบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มชาวฟาริสีลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้องให้คนต่าง ศาสนาเข้าสุหนัตและปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของโมเสส” บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสจึงประชุมกันเพื่อพิจารณาปัญหานี้ พระวรสาร ยน 15:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่ เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผล มากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจง ดำ�รงอยูใ่ นเราเถิด ดังทีเ่ ราดำ�รงอยูใ่ นท่าน กิง่ องุน่ เกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ตดิ อยู่ กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำ�รงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถา องุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำ�รงอยู่ในเรา และเราดำ�รงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผล มาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำ�อะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำ�รงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้ง ไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟ และถูกเผา ถ้าท่านทัง้ หลายดำ�รงอยูใ่ นเรา และวาจาของเราดำ�รงอยูใ่ นท่าน ท่านอยาก ได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อ ท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา” การเป็นพยานของพระศาสนจักรในประเทศไทย เราคริสตชนทุกคนไม่ สามารถงอกงามเกิดผลได้ ถ้าไม่ได้ยึดติดอยู่กับพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิต ให้เจริญเติบโต ก็จะมีแต่เหี่ยวแห้งไปและไม่มีประโยชน์อันใด ในทางกลับกัน การที่ชีวิต ของเราอยูต่ ดิ กับพระองค์ มีพระองค์เป็นจุดศูนย์กลาง เราก็เกิดดอกออกผลร้อยเท่าทวีคณ ู ซึง่ แสดงให้เห็นว่าพระศาสนจักรในประเทศไทยเรายังคงความเป็นศิษย์ของพระองค์ตลอด มา และจะให้ชวี ติ ความเป็นศิษย์ของพระองค์สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ ในสังคมไทยต่อไปอีกยาวนาน
05.indd 168
21/12/2561 14:49:45
บทอ่านที่ 1 กจ 15:7-21 ในครั้งนั้น หลังจากโต้เถียงกันมากแล้ว เปโตรลุกขึ้นกล่าวแก่ที่ประชุม เปโตรกล่าวว่า “พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ท่านรูแ้ ล้วว่า ตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้าทรงเลือกสรร ข้าพเจ้าในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย เพือ่ ให้คนต่างศาสนาได้ฟงั พระวาจาทีเ่ ป็นข่าวดีจากปากของ ข้าพเจ้าและมีความเชือ่ พระเจ้าผูท้ รงล่วงรูจ้ ติ ใจ ทรงเป็นพยานยืนยันแก่คนต่างศาสนา โดยประทานพระจิตเจ้าให้เขาเหมือนกับทีป่ ระทานให้พวกเรา พระองค์มไิ ด้ทรงลำ�เอียง สัปดาห์ที่ 5 แต่ทรงชำ�ระจิตใจของเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความเชื่อ บัดนี้ ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงทดลอง เทศกาลปัสกา พระเจ้า นำ�แอกที่ทั้งบรรพบุรุษของเราและพวกเราแบกไม่ไหวมาวางบนคอของบรรดา สดด 96:1-3,10-11 ศิษย์ เราเชื่อว่าเราได้รับความรอดพ้นอาศัยพระหรรษทานของพระเยซูองค์พระผู้เป็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เจ้าเช่นเดียวกับคนต่างศาสนาด้วย” ทุกคนในที่ประชุมนิ่งเงียบ ฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องเครื่องหมายอัศจรรย์ และปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าทรงกระทำ�ในหมู่คนต่างศาสนาโดยผ่านตน เมื่อทั้งสองคนเล่าจบแล้ว ยากอบจึงพูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ซีโมนเล่าแล้วว่า ตั้งแต่ แรกพระเจ้าทรงพระกรุณาเลือกสรรประชากรชาติหนึ่งจากนานาชาติให้เป็นประชากรของพระองค์ การ กระทำ�เช่นนี้สอดคล้องกับถ้อยคำ�ของบรรดาประกาศก ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘หลังจากนี้ เราจะกลับมา และจะซ่อมแซมกระโจมที่พังลงของกษัตริย์ดาวิด จะซ่อมแซมสิ่ง ปรักหักพังของกระโจมนี้ และจะตั้งใหม่ให้ตรง เพื่อให้มนุษย์อื่นๆ แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับ นานาชาติทเี่ ราเรียกว่าเป็นของเรา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสเช่นนี้ และทรงกระทำ�สิง่ เหล่านี้ ซึง่ เป็นทีร่ กู้ นั ตลอด มาแล้ว’ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า ควรเขียน จดหมายไปบอกเขา ให้งดเว้นการกินเนือ้ สัตว์ทถี่ วายแก่รปู เคารพแล้ว ให้งดเว้นการแต่งงานทีไ่ ม่ถกู ต้องตาม กฎหมาย และงดเว้นการกินเลือดและเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอให้ตาย กฎเหล่านี้ของโมเสสเป็นที่รู้จักกันทั่วทุก เมืองตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เพราะมีผู้ประกาศในศาลาธรรมทุกวันสับบาโต” พระวรสาร ยน 15:9-11 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รกั ท่านทัง้ หลายอย่างนัน้ จงดำ�รงอยูใ่ นความรักของเราเถิด ถ้า ท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ ราปฏิบตั ติ ามบทบัญญัติ ของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์” พระเยซูเจ้าทรงตอกยํ้ากับอัครสาวกของพระองค์ถึงความรักของพระองค์ไม่ใช่แค่เพียงคำ�พูด แต่ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยแบบอย่างที่ชัดเจน นอกเหนือจากนั้นแล้วพระองค์ยังคงภาวนาเพื่อ บรรดาศิษย์ของพระองค์ให้ด�ำ เนินชีวติ อยูใ่ นความรักของพระองค์อยูต่ ลอดเวลา เพือ่ พวกเขาจะได้เป็นหนึง่ เดียว กับพระองค์ในทุกๆ กิจการที่กระทำ� เช่นเดียวกันตลอดเวลาที่ผ่านมาพระศาสนจักรในประเทศไทยเองก็ได้เป็น รูปแบบอย่างเด่นชัด ในเรือ่ งของความรักและการให้อภัย เพราะเราเชือ่ ว่าพระองค์ทรงดำ�รงอยูก่ บั พระศาสนจักร ไทยตลอดมา 05.indd 169
21/12/2561 14:49:45
สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลปัสกา
สดด 57:8-9,10-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 กจ 15:22-31 ในครัง้ นัน้ บรรดาอัครสาวกและผูอ้ าวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนทีช่ มุ นุมกันตกลง ใจเลือกสมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือ ยูดาส ที่เรียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทั้งสองคนนี้เป็นคนเด่นในบรรดาพี่น้อง ที่ ประชุมเขียนจดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า “จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และ แคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด เนือ่ งจากเรารูว้ า่ พวกเราบางคนกล่าวถ้อยคำ�ทีท่ �ำ ให้ทา่ นสับสนและวุน่ วายใจ โดย ไม่ได้รับคำ�สั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่าน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่าน ฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงทีจ่ ะไม่บงั คับให้ทา่ นแบกภาระอืน่ อีก นอกจาก สิ่งที่จำ�เป็นต่อไปนี้คือ งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายให้รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกิน เลือดและเนือ้ สัตว์ทถี่ กู รัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานทีไ่ ม่ถกู ต้องตามกฎหมาย ถ้า ท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำ�เหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด” เมื่อรํ่าลากันแล้ว คณะผู้แทนก็เดินทางมาถึงเมืองอันทิโอก เขาเรียกบรรดา คริสตชนมาประชุมกันและมอบจดหมายให้ เมื่ออ่านจดหมายนั้นแล้ว ทุกคนต่างยินดี เพราะได้รับกำ�ลังใจ พระวรสาร ยน 15:12-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมี ความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหาย ของเรา ถ้าท่านทำ�ตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะ ผูร้ บั ใช้ไม่รวู้ า่ นายของตนทำ�อะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหาย เพราะเราแจ้งให้ทา่ นรูท้ กุ สิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำ�จนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใด จากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ทา่ น เราสัง่ ท่านทัง้ หลายดังนีว้ า่ ท่าน ทั้งหลายจงรักกัน”
นี่คือบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนที่พระองค์ทรงรักเรา พระองค์ปรารถนาให้เรา รักซึ่งกันและกัน และแสดงออกทุกสิ่งในชีวิต ด้วยหัวใจแห่งความรักต่อเพื่อนพี่น้องเสมอ เพราะพระองค์ทรง เรียกและเลือกเราก่อน และมอบภารกิจที่เราทำ�ให้เกิดผล ซึ่งผลนั้นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่ว่าสิ่งใดที่เราทำ�ในนาม ของพระองค์ พระบิดาจะประทานทุกสิ่งให้แก่เรา 05.indd 170
21/12/2561 14:49:46
บทอ่านที่ 1 กจ 16:1-10 ในครัง้ นัน้ เปาโลเดินทางมาถึงเมืองเดอร์บแี ละเมืองลิสตรา ทีเ่ มืองนีศ้ ษิ ย์คนหนึง่ ชื่อทิโมธี มารดาของเขาเป็นคริสตชนชาวยิว แต่บิดาเป็นชาวกรีก เขาเป็นที่นับถือของ บรรดาพี่น้องคริสตชนที่เมืองลิสตราและเมืองอิโคนิยุม เปาโลต้องการให้เขาร่วมเดิน ทางไปด้วย จึงให้เขาเข้าสุหนัต เพื่อเอาใจบรรดาชาวยิวที่อยู่ในที่ต่างๆ แถบนั้น เพราะ ทุกคนรู้ว่า บิดาของเขาเป็นชาวกรีก เมื่อคณะของเปาโลผ่านไปตามเมืองต่างๆ ก็แจ้ง ให้บรรดาคริสตชนรูข้ อ้ กำ�หนดทีบ่ รรดาอัครสาวกและผูอ้ าวุโสตกลงกันทีก่ รุงเยรูซาเล็ม เตือนเขาให้ปฏิบัติตาม บรรดากลุ่มคริสตชนจึงมีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้นและมีจำ�นวน คริสตชนเพิ่มขึ้นทุกวัน พระจิตเจ้าทรงห้ามคณะของเปาโลประกาศพระวาจาในแคว้นเอเชีย เขาจึงเดินทาง ผ่านแคว้นฟรีเจียและแคว้นกาลาเทีย มาถึงแคว้นมิเซีย เขาพยายามเข้าไปในแคว้น บิธีเนีย แต่พระจิตของพระเยซูเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เข้าไป เขาจึงเดินทางผ่านแคว้น มิเซีย ไปถึงเมืองโตรอัส เวลากลางคืนเปาโลเห็นนิมิต ชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอยู่ อ้อนวอนเปาโลว่า “โปรดข้ามมาในแคว้นมาซิโดเนียและช่วยพวกเราด้วยเถิด” เมื่อ เปาโลเห็นนิมิตนี้แล้ว พวกเราก็หาโอกาสที่จะไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะเชื่อ แน่ว่าพระเจ้าทรงเรียกเราให้ไปประกาศข่าวดีแก่ชาวแคว้นนั้นด้วย
น.เกรโกรี่ที่ 7 พระสันตะปาปา น.เบดา พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร น.มารีย์ มักดาเลนา เด ปัสซี พรหมจารี สดด 100:1-4,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร ยน 15:18-21 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ถ้าโลกเกลียดชังท่านทัง้ หลาย ก็จงรูไ้ ว้เถิดว่า โลกเกลียดชังเราก่อนแล้ว ถ้าท่าน ทัง้ หลายเป็นฝ่ายโลก โลกก็คงรักสิง่ ทีเ่ ป็นของตน แต่เพราะท่านมิได้เป็นฝ่ายโลก และ เราเลือกท่านออกมาจากโลก โลกจึงเกลียดชังท่าน จงจำ�วาจาที่เราบอกแล้วเถิดว่า ผูร้ บั ใช้ยอ่ มไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา เขาก็จะเบียดเบียน ข่มเหงท่านทัง้ หลายด้วย ถ้าเขาปฏิบตั ติ ามวาจาของเรา เขาก็จะปฏิบตั ติ ามวาจาของท่าน ด้วย แต่เขาจะทำ�ทุกอย่างเช่นนี้แก่ท่าน ก็เพราะนามของเรา เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์ ผู้ทรงส่งเรามา” การทีพ่ ระศาสนจักรในประเทศไทยน้อมรับวิถที างของพระเยซูเจ้า เราพร้อม ที่จะต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านฝ่ายจิตใจในการเป็นพยานถึงชีวิตของพระองค์ เพราะโลกได้ปฏิเสธและเบียดเบียนพระองค์กอ่ น เรามิได้เป็นคนของโลก โลกจึงเกลียดชัง เรา ในอดีตพระศาสนจักรไทยก็ถูกเบียดเบียน เพราะนามของพระเยซูเจ้าเช่นกัน แต่ถ้า เราปฏิเสธวิถที างของพระองค์และดำ�เนินชีวติ ตามกระแสของโลกวัตถุนยิ ม แสวงหาความ สะดวกสบาย ชื่อเสียงและเกียรติยศ เราก็จะกลายเป็นคนของโลกนี้โดยสิ้นเชิง ที่สุดเรา พระศาสนจักรในประเทศไทยก็ไม่สามารถสัมผัสพระวาจาและความสุขทีแ่ ท้จริงทีพ่ ระองค์ ทรงนำ�มา 05.indd 171
21/12/2561 14:49:46
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 15:1-2,22-29 ในครัง้ นัน้ คริสตชนชาวยิวบางคนลงมาจากแคว้นยูเดีย และสอนบรรดาพีน่ อ้ งว่า “ถ้าท่านทั้งหลายมิได้เข้าสุหนัตตามธรรมประเพณีของโมเสส ท่านจะรอดพ้นไม่ได้” เปาโลและบารนาบัสไม่เห็นด้วย จึงโต้แย้งกับเขาเหล่านั้นอย่างรุนแรง มีการตกลงกัน ให้เปาโลและบารนาบัสพร้อมกับพีน่ อ้ งบางคน ขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ปรึกษาปัญหา นี้กับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้อาวุโส บรรดาอัครสาวกและผู้อาวุโสพร้อมกับคริสตชนทุกคนที่ชุมนุมกันตกลงใจเลือก สมาชิกบางคน เพื่อส่งไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส คือยูดาส ที่ เรียกกันว่า บารซับบัสกับสิลาส ทัง้ สองคนนีเ้ ป็นคนเด่นในบรรดาพีน่ อ้ ง ทีป่ ระชุมเขียน จดหมายมอบให้คนเหล่านี้ถือไปใจความว่า “จาก บรรดาอัครสาวก ผู้อาวุโส และบรรดาพี่น้อง ถึง บรรดาพี่น้องซึ่งเคยเป็นคนต่างศาสนาอยู่ที่เมืองอันทิโอก ในแคว้นซีเรีย และ แคว้นซีลีเซีย ขอให้ท่านมีความสุขเถิด เนือ่ งจากเรารูว้ า่ พวกเราบางคนกล่าวถ้อยคำ�ทีท่ �ำ ให้ทา่ นสับสนและวุน่ วายใจ โดย ไม่ได้รับคำ�สั่งจากเราเลย เราจึงตกลงกันเป็นเอกฉันท์เลือกบุรุษบางคนส่งมาพบท่าน พร้อมกับบารนาบัสและเปาโลที่รักยิ่งของเรา ผู้เสี่ยงชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น เราจึงส่งยูดาสและสิลาสมาเล่าเรื่องที่เขียนนี้ให้ท่าน ฟังโดยตรง พระจิตเจ้าและพวกเราตกลงทีจ่ ะไม่บงั คับให้ทา่ นแบกภาระอืน่ อีก นอกจาก สิ่งที่จำ�เป็นต่อไปนี้ คืองดเว้นการกินเนื้อสัตว์ที่ถวายแก่รูปเคารพแล้ว งดเว้นการกิน เลือดและเนือ้ สัตว์ทถี่ กู รัดคอตาย และงดเว้นการแต่งงานทีไ่ ม่ถกู ต้องตามกฎหมาย ถ้า ท่านทั้งหลายงดเว้นการกระทำ�เหล่านี้ ก็จะเป็นการดี จงเจริญสุขเถิด” เพลงสดุดี สดด 67:1-2,3-7 ก) ขอพระเจ้าทรงสำ�แดงพระเมตตาและประทานพระพรแก่เรา ขอพระองค์โปรดให้พระพักตร์ฉายแสงมาเหนือเรา แล้วแผ่นดินจะรู้จักทางของพระองค์ นานาชาติจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงช่วยให้รอดพ้น ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์ ชนชาติทั้งหลายจงเปรมปรีดิ์และโห่ร้องด้วยความยินดี เพราะพระองค์ทรงปกครองประชาชาติด้วยความเที่ยงธรรม และทรงนำ�ชนชาติทั้งหลายบนแผ่นดิน ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ประชาชาติทั้งหลายสรรเสริญพระองค์ ขอให้ทุกชาติทุกภาษาสรรเสริญพระองค์
05.indd 172
21/12/2561 14:49:46
แผ่นดินผลิตพืชผล ขอพระเจ้า พระเจ้าของเราทรงอวยพระพรเรา ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรเรา เพื่อทุกคนทั่วแผ่นดินจะได้ยำ�เกรงพระองค์
บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 21:10-14,22-23 ทูตสวรรค์นำ�ข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นกรุงเยรูซาเล็ม นคร ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำ�ลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนี้มพี ระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือน เพชรพลอยลํ้าค่า คล้ายแก้วมณีโชติช่วงเป็นผลึกสดใส มีกำ�แพงสูงใหญ่ ประตูสิบสองประตู แต่ละประตู มีทตู สวรรค์ประจำ�อยูแ่ ละมีชอื่ จารึกไว้ คือชือ่ ตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูล ทางทิศตะวันออกมีสามประตู ทางทิศเหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู กำ�แพงเมืองตั้งอยู่บนฐาน ศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานั้นมีชื่อของบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสององค์ของลูกแกะ ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารใดในนครนี้ เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพและลูกแกะ ทรงเป็นพระวิหารของนครนี้ นครนีไ้ ม่ตอ้ งการดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์เพือ่ ส่องสว่าง เพราะพระสิรริ งุ่ โรจน์ ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนคร และลูกแกะทรงเป็นตะเกียงของนคร บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 14:23-29 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับ เรามาหาเขา จะทรงพำ�นักอยู่กับเขา ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ปฏิบัติตามวาจาของเรา วาจาที่ท่านได้ยินนี้ ไม่ใช่วาจา ของเรา แต่เป็นของพระบิดา ผู้ทรงส่งเรามา เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟัง ขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ ช่วยเหลือคือพระจิตเจ้า ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่าน ระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลาย เราให้สันติสุขของเราแก่ท่าน เราให้ สันติสขุ แก่ทา่ น ไม่เหมือนทีโ่ ลกให้ ใจของท่านอย่าหวัน่ ไหว หรือมีความกลัวเลย ท่านได้ยนิ ทีเ่ ราบอกกับท่าน แล้วว่า เรากำ�ลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำ�ลังไปเฝ้า พระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิง่ ใหญ่กว่าเรา และบัดนีเ้ ราได้บอกท่านทัง้ หลายก่อนทีเ่ หตุการณ์จะเกิดขึน้ เพือ่ ว่าเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะเชื่อ”
ถ้าเรารักพระเยซูเจ้า เราก็จะปฏิบัติตามวาจาของพระองค์ พระองค์จะพำ�นักอยู่กับเราและ พระบิดาก็จะทรงรักเราเช่นกัน เป็นความจริงที่ว่า เมื่อเราทุกคนปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ เราก็จะพบ ความเป็นหนึง่ เดียวในพระองค์ เราก็ยงิ่ รูจ้ กั พระองค์ลกึ ซึง้ มากยิง่ ขึน้ ในชีวติ เช่นเดียวกัน ในชีวติ ของเรา หากเรา เชื่อ ไว้ใจในบุคคลใด เราก็จะฟังและปฏิบัติตามคำ�สอนของเขาด้วยความเต็มใจและยินดี และยิ่งเรารักและเชื่อ ในพระองค์ พระองค์ก็ทรงแสดงพระองค์แก่เรามากขึ้น ทุกๆ ครั้งที่เราปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ 05.indd 173
21/12/2561 14:49:46
น.ออกัสติน แห่งแคนเตอร์เบอรี่ พระสังฆราช สดด 149:1-2, 3-4,5-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 กจ 16:11-15 ในครั้งนั้น พวกเราแล่นเรือออกจากเมืองโตรอัส มุ่งไปยังเกาะซาโมธรัส วันรุ่งขึ้น ก็เดินทางต่อไปถึงเมืองเนอาบุรี จากเมืองนีเ้ ราเดินทางไปถึงเมืองฟีลปิ ปี อาณานิคมของ ชาวโรมัน เป็นเมืองเอกของแคว้นมาซิโดเนีย เราพักอยู่ที่เมืองนี้หลายวัน วันสับบาโตวันหนึ่ง เราออกนอกประตูเมืองไปยังริมลำ�ธาร เพราะคิดว่าที่นั่นเป็น สถานที่สำ�หรับอธิษฐานภาวนา เรานั่งพูดคุยกับบรรดาสตรีที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น สตรี คนหนึ่งชื่อ ลิเดีย มาจากเมืองธิอาทิรา เป็นคนขายผ้ากำ�มะหยี่สีม่วงแดง เป็นคน เลื่อมใสในพระเจ้าฟังเราอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเปิดใจนางให้ยอมรับถ้อยคำ�ของเปาโล นางและทุกคนในครอบครัวรับศีลล้างบาป แล้วจึงเชิญเรา พูดว่า “ถ้าท่านคิดว่าดิฉัน เป็นผู้มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงมาพักที่บ้านของดิฉันเถิด” นางเชิญชวน จนเราปฏิเสธไม่ได้ พระวรสาร ยน 15:26-16:4 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมือ่ พระผูช้ ว่ ยเหลือซึง่ เราจะส่งมาจากพระบิดาจะเสด็จมา คือพระจิตแห่งความ จริง ผู้ทรงเนื่องมาจากพระบิดา พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา ท่านทั้งหลายก็จะเป็น พยานให้เราด้วย เพราะท่านอยู่กับเรามาตั้งแต่แรกแล้ว เราบอกเรือ่ งเหล่านีแ้ ก่ทา่ นทัง้ หลาย เพื่อท่านจะไม่แคลงใจ เขาจะขับไล่ทา่ นออก จากศาลาธรรม เวลานั้นกำ�ลังมาถึง เมื่อผู้ที่ฆ่าท่านจะคิดว่าตนกำ�ลังถวายคารวกิจแด่ พระเจ้า เขาจะทำ�เช่นนี้ เพราะเขาไม่รู้จักทั้งพระบิดาและเรา แต่เราบอกเรื่องนี้กับท่าน เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ท่านจะระลึกได้ว่าเราบอกท่านแล้ว” ในการดำ�เนินชีวิตติดตามพระเยซูเจ้า เหล่าบรรดาสาวกของพระองค์ จะ ต้องพบกับอุปสรรคและการเบียดเบียนข่มเหง ซึ่งอาจทำ�ให้พวกเขารู้สึกท้อถอยได้ แต่ พระองค์ก็ทรงสัญญาว่าจะประทานพระผู้ช่วยให้กับบรรดาสาวก คือ พระจิตแห่งความ จริง เพือ่ ว่าอาศัยพระจิตเจ้านีเ้ องทีจ่ ะช่วยให้พวกเขาสามารถยืนหยัดมัน่ คงในการดำ�เนิน ชีวิตติดตามพระองค์ และเป็นพยานถึงพระองค์ได้อย่างไม่ท้อถอย พระศาสนจักรไทยเรา เองได้ติดตามพระองค์ตลอดเวลาอันยาวนาน ด้วยความซื่อสัตย์และความรักในพระองค์ เราจึงได้รับการปกป้องคุ้มครองเสมอ
05.indd 174
21/12/2561 14:49:47
บทอ่านที่ 1 กจ 16:22-34 ในครัง้ นัน้ ประชาชนกลุม้ รุมกันจะทำ�ร้ายเปาโลและสิลาส บรรดาผูพ้ พิ ากษาจึงสัง่ ให้เปลื้องเสื้อผ้าและเฆี่ยนเขาทั้งสองคน เมื่อได้เฆี่ยนหลายทีแล้ว ก็นำ�ไปขังคุก สั่งให้ ผู้คุมควบคุมไว้อย่างเข้มงวด เมื่อได้รับคำ�สั่งเช่นนี้ ผู้คุมก็นำ�เปาโลและสิลาสไปขังไว้ ในคุกชั้นในสุด และใส่โซ่ตรวนที่เท้าอย่างแน่นหนา เวลาประมาณเทีย่ งคืน เปาโลและสิลาสกำ�ลังอธิษฐานภาวนาและขับร้องสรรเสริญ พระเจ้า นักโทษคนอื่นกำ�ลังฟังอยู่ ทันใดนั้น เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนฐานคุก สัน่ สะเทือน ประตูคกุ ทุกบานเปิดออกทันที โซ่ตรวนของผูถ้ กู จองจำ�ทุกคนก็หลุด ผูค้ มุ ตื่นขึ้น เห็นว่าประตูคุกเปิด จึงชักดาบจะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าบรรดาผู้ถูกจองจำ�หนี ไปหมดแล้ว แต่เปาโลร้องตะโกนว่า “อย่าทำ�ร้ายตนเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่กันทุก คน” ผูค้ มุ สัง่ ให้จดุ ตะเกียง กระโดดเข้าไปในคุก ตัวสัน่ กราบลงแทบเท้าของเปาโลและ สิลาส พาคนทั้งสองออกมาข้างนอกพูดว่า “ท่านขอรับ ข้าพเจ้าต้องทำ�อย่างไรจึงจะ รอดพ้น” เปาโลและสิลาสตอบว่า “จงเชือ่ พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเถิด ท่านและครอบครัว จะได้รอดพ้น” ทัง้ สองคนประกาศพระวาจาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าให้ผคู้ มุ และทุกคนใน ครอบครัวฟัง เวลาดึกคืนนั้น ผู้คุมพาเขาทั้งสองคนแยกไปล้างแผล ทันทีหลังจากนั้น เขาได้รับศีลล้างบาปพร้อมกับทุกคนในครอบครัว เขาเชิญทั้งสองคนขึ้นไปบนบ้าน จัด โต๊ะเลี้ยงอาหาร และมีความยินดีพร้อมกันทั้งครอบครัวที่ได้มีความเชื่อในพระเจ้า”
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 138:1-2ก, 2ข-3,7ข-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ยน 16:5-11 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “บัดนี้เรากำ�ลังไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ไม่มีผู้ใดถามเราว่า ‘พระองค์จะเสด็จไปไหน’ แต่เพราะ เราได้บอกเรือ่ งเหล่านีก้ บั ท่าน ใจของท่านจึงมีแต่ความทุกข์ เราบอกความจริงกับท่านทัง้ หลายว่า ทีเ่ ราไปนัน้ ก็เป็นประโยชน์กับท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระผู้ช่วยเหลือก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะส่ง พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงแสดงให้โลกเห็นความหมายของบาป ของความ ถูกต้อง และของการตัดสิน บาปของโลกคือ เขาไม่ได้เชื่อในเรา ความถูกต้องคือ เรากำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา และท่านจะไม่เห็นเราอีก การตัดสินคือ ซาตานเจ้านายแห่งโลกนี้ถูกตัดสินลงโทษแล้ว” นีจ่ ะเป็นประสบการณ์อกี ครัง้ ของบรรดาอัครสาวกทีจ่ ะต้องประสบความเศร้าโศกเสียใจ หลังจาก ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ แต่พระองค์กท็ รงให้ก�ำ ลังใจและความหวังแก่บรรดาศิษย์ของพระองค์ ถึง เวลาที่พวกบรรดาศิษย์จะต้องก้าวไปข้างหน้าและเจริญเติบโตขึ้นในความเชื่อ และสานต่อภารกิจของพระองค์ โดยทีไ่ ม่มพี ระองค์ทรงเดินอยูเ่ คียงข้างกับพวกเขาในรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป ซึง่ พระองค์จะทรงอยูก่ บั พวกเขาใน รูปแบบใหม่ โดยทางพระจิตเจ้าผู้ทรงนำ�ทางพวกเขาต่อไป 05.indd 175
21/12/2561 14:49:48
บทอ่านที่ 1 กจ 17:15,22-18:1 ในครั้งนั้น เพื่อนร่วมทางพาเปาโลไปถึงกรุงเอเธนส์ แล้วเดินทางกลับพร้อมกับ คำ�สั่งของเปาโลให้สิลาสและทิโมธีรีบเดินทางไปสมทบโดยเร็วที่สุด เปาโลยืนอยู่ตรงกลางที่ประชุมอภิรัฐสภา พูดว่า “ชาวเอเธนส์ทั้งหลาย ข้าพเจ้า พบว่าท่านมีความเลื่อมใสในศาสนามากจริงๆ เมื่อข้าพเจ้าเดินชมเมืองสังเกตเห็น ปูชนียวัตถุตา่ งๆ ของท่าน พบแท่นบูชาแท่นหนึง่ มีค�ำ จารึกว่า “แด่พระเจ้าทีเ่ ราไม่รจู้ กั ” สัปดาห์ที่ 6 ข้าพเจ้ามาประกาศให้ท่านรู้จักพระเจ้าองค์นี้ที่ท่านเคารพทั้งๆ ที่ท่านไม่รู้จัก เทศกาลปัสกา พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่ในโลก พระองค์ทรง สดด 148:1-14 เป็นเจ้านายของสวรรค์และแผ่นดิน พระองค์ไม่สถิตในวิหารที่มือมนุษย์สร้างขึ้น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระองค์ไม่ทรงต้องการการปรนนิบัติจากมือมนุษย์ ประหนึ่งว่าทรงขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิต ลมหายใจและทุกสิ่งให้แก่มนุษย์ทุกคน... พระเจ้าทรงกระทำ�ดังนีเ้ พือ่ ให้มนุษย์แสวงหาพระเจ้า เขาพบพระองค์ได้ แม้จะต้องคลำ� หา เพราะพระองค์ทรงอยูไ่ ม่หา่ งจากเราแต่ละคน เรามีชวี ติ เคลือ่ นไหวและมีความเป็น อยู่ในพระองค์ ดังที่กวีบางคนของท่านกล่าวไว้ว่า “พวกเราเป็นบุตรของพระองค์” เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่ควรคิดว่า พระเจ้าทรงเป็นเหมือนรูปทองคำ� เงินหรือหิน ซึ่งแกะสลัก อย่างมีศิลปะตามจินตนาการของมนุษย์ บัดนี้ พระเจ้าทรงมองข้ามเวลาในอดีตเมื่อมนุษย์ยังไม่มีความรู้ พระองค์ทรงบัญชาให้มนุษย์ทกุ คนทัว่ ทุกแห่งกลับใจ เพราะพระองค์ทรงกำ�หนดวันหนึง่ ไว้เมือ่ จะทรงพิพากษา โลกด้วยความยุติธรรม โดยผ่านมนุษย์ผู้หนึ่งที่พระองค์ทรงแต่งตั้งและทรงรับรองต่อมนุษย์ทุกคนโดยทรง ทำ�ให้ผู้นี้กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตาย” เมือ่ เขาเหล่านัน้ ฟังคำ�พูดเรือ่ งการกลับคืนชีวติ ของบรรดาผูต้ าย บางคนหัวเราะเยาะ บางคนพูดว่า “รอ ไว้ฟงั เรือ่ งนีจ้ ากท่านในคราวหน้าก็แล้วกัน” เปาโลจึงออกไปจากทีป่ ระชุมสภา แม้กระนัน้ บางคนก็ยงั ติดตาม เปาโลและมีความเชือ่ คือ ดีโอนีซอี สั สมาชิกอภิรฐั สภา และสตรีคนหนึง่ ชือ่ ดามาริส รวมทัง้ คนอืน่ อีกจำ�นวน หนึ่งด้วย หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ พระวรสาร ยน 16:12-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน แต่บัดนี้ท่านยังรับไว้ไม่ได้ เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำ�ท่านไปสูค่ วามจริงทัง้ มวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิง่ ทีท่ รงได้ฟงั มา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ เพราะพระองค์ จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำ�สอนที่ทรงได้รับจากเรา ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอก ว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำ�สอนที่ทรงรับจากเรา” มนุษย์เราถึงแม้จะมีสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจ คำ�สอนและพระวาจาของพระองค์ได้ทั้งหมด แต่เราสามารถเข้าใจพระวาจาของพระองค์ได้ โดยอาศัยองค์ พระจิตเจ้าผู้ทรงประทานความเข้าใจและความจริง พร้อมทั้งประทานพระหรรษทานให้เราสามารถปฏิบัติตาม หนทางแห่งความจริงของพระองค์ในชีวิตปัจจุบัน 05.indd 176
21/12/2561 14:49:48
บทอ่านที่ 1 กจ 18:1-8 หลังจากนั้น เปาโลออกจากกรุงเอเธนส์ไปเมืองโครินธ์ เขาพบชาวยิวคนหนึ่ง ชื่อ อาควิลา ชาวแคว้นปอนทัส เพิ่งมาจากอิตาลีพร้อมกับภรรยาชื่อปริสซิลลา เพราะ พระจักรพรรดิคลาวดิอัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้ชาวยิวทุกคนออกจากกรุงโรม เปาโลไปพบเขาทัง้ สองคน พักอยูแ่ ละทำ�งานร่วมกัน เพราะมีอาชีพเดียวกันคือเป็นช่าง ทำ�กระโจม ทุกวันสับบาโตเปาโลถกเถียงในศาลาธรรม พยายามชักชวนชาวยิวและชาว กรีกให้มีความเชื่อ เมื่อสิลาสและทิโมธีกลับมาจากแคว้นมาซิโดเนียแล้ว เปาโลอุทิศตนเต็มที่ในการ ประกาศพระวาจาเป็นพยานยืนยันแก่ชาวยิวว่า พระเยซูเป็นพระคริสตเจ้า แต่เมื่อชาว ยิวเหล่านั้นต่อต้านและพูดดูหมิ่นพระเจ้า เปาโลก็สะบัดฝุ่นจากเสื้อผ้าเป็นการตอบโต้ พูดกับเขาว่า “ถ้าท่านไม่รอดพ้น ก็เป็นเรื่องของท่าน ข้าพเจ้าไม่รับผิดชอบแล้ว ตั้งแต่ นี้ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างศาสนา” เปาโลออกจากศาลาธรรมไปยังบ้านของทิธีอัสยุสตัส ผู้เลื่อมใสในพระเจ้า บ้าน ของเขาอยูต่ ดิ กับศาลาธรรม คริสปัสหัวหน้าศาลาธรรมและทุกคนในครอบครัวมีความ เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า ชาวโครินธ์หลายคนที่ฟังเปาโล ก็มีความเชื่อและรับศีลล้าง บาปด้วย
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา สดด 98:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ยน 16:16-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “อีกไม่นาน ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก” ศิษย์บางคนจึงถามกันว่า “ที่พระองค์ตรัสกับเราว่า ‘อีกไม่นาน ท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นาน ท่านจะเห็นเราอีก’ หมายความว่าอย่างไร และที่พระองค์ตรัสว่า ‘เรา กำ�ลังไปเฝ้าพระบิดา’ หมายความว่าอย่างไร” เขาพูดกันอีกว่า “ที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีก ไม่นาน’ นั้นหมายความว่าอย่างไร เราไม่เข้าใจว่าพระองค์กำ�ลังตรัสอะไร” พระเยซูเจ้า ทรงทราบว่าบรรดาศิษย์ต้องการทูลถามพระองค์ จึงตรัสว่า “ท่านกำ�ลังถามกันใช่ไหม ถึงเรื่องที่เราบอกว่า อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา แล้วต่อไปไม่นานท่านจะเห็นเราอีก เราบอกความจริงกับท่านทัง้ หลายว่า ท่านจะร้องไห้คราํ่ ครวญ แต่โลกจะยินดี ท่าน จะเศร้าโศก แต่ความเศร้าโศกของท่านจะเปลี่ยนเป็นความยินดี” หลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพเป็นช่วงเวลาที่บรรดาสาวกของพระองค์ต่างดีใจ และมีความสุขอย่างมาก แต่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาแค่เพียงระยะหนึ่ง พระองค์ต้องการเตือนสติพวกเขาไม่ ให้ยึดติดอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ เพราะอาจจะทำ�ให้พวกเขาเกิดการแสวงหาความพึงพอใจกับความรู้สึกนั้นๆ แต่ตอ้ งเตรียมให้พร้อมสำ�หรับก้าวต่อไป นัน่ คือ เส้นทางแห่งไม้กางเขน การปฏิเสธนาํ้ ใจของตนเอง จะต้องเผชิญ กับอุปสรรค ความผิดหวัง การถูกต่อต้าน แต่ถา้ พวกเขายึดมัน่ ซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์จนถึงทีส่ ดุ พระองค์จะประทาน สันติสุขที่แท้จริง 05.indd 177
21/12/2561 14:49:49
บทอ่านที่ 1 รม 12:9-16 พี่น้อง จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็น เจ้า จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการ ภาวนา จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยามขัดสน จงต้อนรับด้วย ฉลองพระนางมารีย์ อัธยาศัยไมตรี จงอวยพรผู้ที่เบียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง จงร่วมยินดีกับผู้ที่ยินดี เสด็จเยี่ยมเยียน จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้ จงเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำ�สิ่ง อสย 12:2-3,4-5,6 ตํ่าต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด วันงดสูบบุหรี่โลก พระวรสาร ลก 1:39-56 หลังจากนัน้ ไม่นาน พระนางมารียท์ รงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึง่ ในแถบภูเขา แคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมือ่ นางเอลีซาเบธได้ยนิ คำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์กด็ นิ้ นางเอลีซาเบธ ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูก ของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยม ข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอ เป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับ ข้าพเจ้า พระนามพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณาต่อผูย้ �ำ เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรง ยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจาก บัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้ กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผูร้ บั ใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังทีท่ รงสัญญา ไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ ผลร้ายจากการปฏิเสธพระเจ้าของอาดัมและเอวา ก็คอื ความตาย แต่พระเป็นเจ้าได้ทรงจัดเตรียม พระนางมารีย์ผู้ทรงไร้มลทิลจากบาป พระนางจึงเป็นบุคคลแรกที่ไม่ได้รับผลร้ายของบาปกำ�เนิดนั้น พระเป็น เจ้าได้ทรงปกป้องพระนางไว้เพื่อเตรียมให้พระบุตรเจ้ามาประทับในพระครรภ์ของพระนาง พระนางจึงได้ทำ� หน้าที่อย่างแสนมหัศจรรย์ในฐานะที่เป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า ซึ่งเหตุการณ์นี้เราได้เห็นบทบาทของ พระนางอย่างเด่นชัด ที่ได้รับเลือกสรรจากพระเป็นเจ้า ดังพระศาสนจักรที่ยังคงต้องเดินทางจาริกอยู่ในโลกนี้ ต้องเลียนแบบพระนางผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระหรรษทานและความซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้าตลอดไป 05.indd 178
21/12/2561 14:49:49