06 June 2019

Page 1


บทอ่านที่ 1 กจ 18:23-28 หลังจากอยู่ในเมืองอันทิโอกระยะหนึ่ง เปาโลออกจากที่นั่น เดินทางไปทั่วแคว้น กาลาเทียและฟรีเจียเพื่อทำ�ให้บรรดาศิษย์มีความเชื่อมั่นคงยิ่งขึ้น ในช่วงเวลานั้น ชาวยิวคนหนึ่งชื่ออปอลโล ชาวเมืองอเล็กซานเดรีย มาที่เมือง เอเฟซัส เขารอบรู้พระคัมภีร์ มีวาทศิลป์ ได้รับการสั่งสอนเรื่องวิถีทางขององค์พระผู้ เป็นเจ้า มีจติ ใจกระตือรือร้นมากในการพูดและการสอนเรือ่ งเกีย่ วกับพระเยซูเจ้าอย่าง ถูกต้อง แต่รจู้ กั เพียงพิธลี า้ งของยอห์นเท่านัน้ เขาเริม่ เทศน์สอนอย่างกล้าหาญในศาลา ธรรม ปริสซิลลาและอาควิลาได้ฟังจึงเชิญเขาไปที่บ้านและอธิบายให้เขาเข้าใจวิถีทาง ของพระเจ้าอย่างละเอียดชัดเจนยิ่งขึ้น อปอลโลต้องการไปยังแคว้นอาคายา บรรดาพีน่ อ้ งก็ให้ก�ำ ลังใจและเขียนจดหมาย ถึงบรรดาศิษย์ที่นั่นให้ต้อนรับเขา เมื่อไปถึง อปอลโลให้ความช่วยเหลืออย่างมากแก่ ผู้ที่พระเจ้าทรงบันดาลให้มีความเชื่อ เขาตอบโต้อย่างแข็งขันกับชาวยิวต่อหน้าคน ทั้งหลาย โดยอ้างข้อความจากพระคัมภีร์พิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า

ระลึกถึง น.ยุสติน มรณสักขี สดด 47:1-2,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ยน 16:23ข-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะ ประทานให้ท่านในนามของเรา จนถึงบัดนี้ ท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเราเลย จง ขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ เพื่อความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ เราใช้อุปมาบอกเรื่อง เหล่านี้กับท่าน จะถึงเวลาที่เราจะไม่ใช้อุปมาพูดกับท่านอีก แต่จะบอกถึงพระบิดาของ เราให้ท่านรู้อย่างชัดแจ้ง วันนั้น ท่านจะขอในนามของเรา เราไม่บอกท่านว่า เราจะขอ พระบิดาเพื่อท่าน พระบิดาทรงรักท่าน เพราะท่านรักเรา และเชื่อว่าเรามาจากพระเจ้า เรามาจากพระบิดา เข้ามาในโลกนี้ บัดนี้ เรากำ�ลังจะละโลกนี้กลับไปเฝ้าพระบิดาอีก” อปอลโลเป็นรูปแบบของฆราวาสผู้ประกาศพระวรสารอย่างร้อนรนในยุค สมัยของท่าน เช่นเดียวกับยุคสมัยนี้ เราพบเห็นฆราวาสร้อนรนกับการประกาศด้วยรูป แบบต่างๆ แม้ไม่มีความรู้ แม้ไม่เข้าใจในพระคัมภีร์อย่างถ่องแท้นัก แต่พระเจ้าจะทรง นำ�พาจิตวิญญาณแห่งการประกาศนั้นไปในทางของพระองค์ ในพระนามของพระเยซู คริสตเจ้า..จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ

06.indd 179

21/12/2561 14:49:48


สมโภช พระเยซูเจ้า เสด็จสู่สวรรค์

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 1:1-11 เธโอฟีลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรก ข้าพเจ้าเล่าถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ� และทรงสั่งสอน เริ่มตั้งแต่ต้น จนกระทั่งถึงวันที่พระองค์ทรงได้รับการยกขึ้นสวรรค์ หลังจากที่ทรงแนะนำ�สั่งสอนบรรดาอัครสาวกที่ทรงเลือกสรรโดยทางพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกเหล่านั้น และทรงพิสูจน์ด้วยวิธีการต่างๆ ว่าหลังจากทรงรับทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ตลอดเวลาสี่สิบวันที่ พระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่เขาทั้งหลาย ทรงกล่าวถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า ขณะที่ทรงร่วมโต๊ะกับเขา พระองค์ทรงกำ�ชับว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่จง คอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้ ดังที่ท่านได้ยินจากเรา ยอห์นทำ�พิธีล้างด้วยนํ้า แต่ภายในไม่กี่วัน ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ผู้ที่มาชุมนุมกับพระเยซูเจ้า ทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรง สถาปนาอาณาจักรอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งในเวลานี้หรือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ ธุระของท่านที่จะรู้วันเวลาที่พระบิดาทรงกำ�หนดไว้โดยอำ�นาจของพระองค์ แต่พระจิต เจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุง เยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน เมือ่ ตรัสดังนีแ้ ล้ว พระองค์เสด็จสูส่ วรรค์ตอ่ หน้าเขาทัง้ หลาย เมฆบังพระองค์จาก สายตาของเขา เขายังคงจ้องมองท้องฟ้าขณะทีพ่ ระองค์ทรงจากไป ทันใดนัน้ มีชายสอง คนสวมเสื้อขาวปรากฏแก่เขา กล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย ท่านทั้งหลายยืนแหงนมอง ท้องฟ้าอยู่ทำ�ไม พระเยซูเจ้าพระองค์นี้ที่เสด็จสู่สวรรค์ จะเสด็จกลับมาเช่นเดียวกับที่ ท่านทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงจากไปสู่สวรรค์” เพลงสดุดี สดด 47:1-2,5-6,7-8 ก) ประชากรทั้งหลาย จงปรบมือเถิด จงเปล่งเสียงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยความยินดี เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าสูงสุด ทรงน่าเกรงขาม ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เหนือทั่วแผ่นดิน ข) พระเจ้าเสด็จขึ้นขณะที่มีเสียงโห่ร้องถวายชัย องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปขณะที่มีเสียงเป่าเขาสัตว์ จงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า จงร้องเพลงเถิด จงร้องเพลงถวายกษัตริย์ของเรา จงร้องเพลง ค) เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ปกครองทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงไพเราะถวายพระองค์เถิด พระเจ้าทรงปกครองเหนือนานาชาติ พระเจ้าประทับอยู่บนพระบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

06.indd 180

21/12/2561 14:49:49


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:17-23 พี่น้อง ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็น เจ้าของเรา พระบิดาผูท้ รงพระสิรริ งุ่ โรจน์ประทานพระพรแห่ง ปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อ ท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ยิ่งๆ ขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตา แห่งใจของท่านสว่างขึน้ เพือ่ จะรูว้ า่ พระองค์ทรงเรียกท่านให้ มีความหวังประการใด และความรุง่ เรืองทีบ่ รรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระ อานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลํ้าเลิศ เพียงใด พระอานุภาพและพละกำ�ลังนี้ พระองค์ทรงแสดง ในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำ�นาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทัง้ ปวงทีอ่ าจเรียกขานได้ทงั้ ในยุคนีแ้ ละในยุคหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรง เป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่ง และทรงกระทำ�ให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 24:46-53 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายใน วันทีส่ าม จะต้องประกาศในพระนามพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพือ่ รับอภัยบาปโดยเริม่ จากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้ บัดนี้ เรากำ�ลังจะส่งพระผูท้ พี่ ระบิดาทรงสัญญาไว้มาเหนือท่านทัง้ หลาย เพราะฉะนัน้ ท่านจงคอยอยูใ่ น กรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพปกคลุมจากเบื้องบน” พระองค์ทรงนำ�บรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพร และขณะที่ทรง อวยพระพรนั้น พระองค์ทรงแยกไปจากเขา และทรงถูกนำ�ขึ้นสู่สวรรค์ บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์ แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า พระสิรแิ ละความรุง่ โรจน์ ปรากฏกระจ่างจ้าได้ดว้ ยสิง่ ตรงกันข้าม เช่นเราพบความสว่างเมือ่ มีความ มืด เรารู้จักความสุขเมื่อเคยประสบกับความทุกข์ เรารื่นรมย์สมหวังในความรักเมื่อเคยผิดหวังในรัก ทรงกลับ คืนพระชนมชีพก็เมื่อเสด็จสิ้นพระชนม์ในพระมหาทรมาน และเมื่อเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์ก็ทรงประทาน พระจิตผูท้ พี่ ระบิดาทรงสัญญาไว้ให้เสด็จมาเหนือเรา ประทานความรัก ความช่วยเหลือ และอยูเ่ คียงข้างเรา เมือ่ มีการจากพราก...จึงมีการพบพาน...หากไม่ทรงเสด็จไป...พระจิตเจ้าก็ไม่อาจเสด็จมา 06.indd 181

21/12/2561 14:49:49


ระลึกถึง น.ชาร์ล ลวงก้า และเพื่อนมรณสักขี สดด 68:1-2,3-4,5-6ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 กจ 19:1-8 ขณะทีอ่ ปอลโลยังอยูท่ เี่ มืองโครินธ์ เปาโลเดินทางผ่านทีร่ าบสูงมาถึงเมืองเอเฟซัส พบศิษย์บางคน จึงถามว่า “เมื่อท่านทั้งหลายมีความเชื่อนั้น ท่านได้รับพระจิตเจ้าหรือ ไม่” เขาตอบว่า “พวกเรายังไม่เคยได้ยินด้วยซํ้าไปว่ามีพระจิตเจ้า” เปาโลจึงถามว่า “แล้วท่านได้รับพิธีล้างแบบใด” เขาตอบว่า “พิธีล้างของยอห์น” เปาโลจึงกล่าวว่า “ยอห์นทำ�พิธีล้างแสดงการกลับใจ โดยบอกประชาชนให้เชื่อผู้ ที่จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซูเจ้า” เมื่อเขาเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ก็ได้รับศีลล้างบาป เดชะพระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เปาโลปกมือเหนือเขา พระจิตเจ้าก็เสด็จลง มาประทับอยู่ด้วย เขาจึงพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจและกล่าวคำ�ทำ�นาย คนกลุ่มนี้มี ประมาณสิบสองคน เปาโลเข้าไปในศาลาธรรมและเทศน์สอนอย่างกล้าหาญตลอดเวลาสามเดือน ใช้ เหตุผลหว่านล้อมผู้ฟังให้เชื่อเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า พระวรสาร ยน 16:29-33 เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ใช่แล้ว บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างชัดแจ้ง มิได้ใช้อุปมาใดๆ บัดนี้พวกเรารู้ว่าพระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง และไม่จำ�เป็นที่ใครจะทูล ถามพระองค์อีก ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าพระองค์ทรงมาจากพระเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ จะถึงเวลา และเวลานั้นก็ มาถึงแล้วที่ท่านทั้งหลายจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง และจะทิ้งเราไว้คน เดียว แต่เราไม่อยู่คนเดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่าน แล้ว เพือ่ ท่านจะได้มสี นั ติสขุ ในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เรา ชนะโลกแล้ว” พระจิตเจ้าเป็นความรักของพระบิดาและพระบุตร พระองค์ทรงส่งความรัก ของพระองค์ลงมาครอบครองเรา พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งเราไว้ให้เผชิญความทุกข์ยาก ท้อแท้แต่เพียงลำ�พัง โดยความเชือ่ นี้ สันติสขุ จึงครอบครองใจเรา แม้ในท่ามกลางอุปสรรค และปัญหาต่างๆ เรามีความหวังอยู่เสมอแม้ในระหว่างท้อใจ

06.indd 182

21/12/2561 14:49:49


บทอ่านที่ 1 กจ 20:17-27 ในครัง้ นัน้ เปาโลส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัส เพือ่ เชิญบรรดาผูอ้ าวุโส ของพระศาสนจักรมาพบ เมือ่ เขาเหล่านัน้ มาถึง เปาโลพูดว่า “ท่านทัง้ หลายรูว้ า่ ตลอด เวลาตั้งแต่วันแรกที่ข้าพเจ้าเข้ามาในแคว้นอาเซีย ข้าพเจ้าปฏิบัติตนต่อท่านอย่างไร ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าต้องรํ่าไห้เป็นทุกข์ และเสีย่ งชีวติ จากการทีช่ าวยิววางแผนปองร้ายข้าพเจ้า ท่านทัง้ หลายรูว้ า่ ข้าพเจ้าไม่เคย สัปดาห์ที่ 7 ละเลยสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ไม่เคยหยุดเทศน์ และยังสอนท่านในที่สาธารณะ เทศกาลปัสกา และตามบ้าน ข้าพเจ้าเชิญชวนทั้งชาวยิวและชาวกรีกอย่างแข็งขันให้กลับใจมาหา สดด 68:9-10,19-20 พระเจ้าและให้มีความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา บัดนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังจะไปกรุงเยรูซาเล็มตามพระบัญชาของพระจิตเจ้า ไม่รวู้ า่ สิง่ ใด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 จะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าพระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากลำ�บากกำ�ลังรอข้าพเจ้าอยู่ แต่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าชีวิตของข้าพเจ้ามีค่า สำ�หรับข้าพเจ้า เท่ากับการทีข่ า้ พเจ้าได้วงิ่ ถึงปลายทางและทำ�ให้ภารกิจทีไ่ ด้รบั มอบหมายจากพระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�เร็จ ไป คือการเป็นพยานประกาศข่าวดีแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า... พระวรสาร ยน 17:1-11ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ถึงเวลาแล้ว โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์แก่พระบุตรของพระองค์เถิด เพื่อพระองค์ จะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์จากพระบุตร ดังที่พระองค์ได้ประทานอำ�นาจแก่พระบุตรเหนือมนุษย์ทั้งมวล เพื่อ พระบุตรจะได้ประทานชีวติ นิรนั ดรแก่ทกุ คนทีพ่ ระองค์ทรงมอบให้ ชีวติ นิรนั ดรคือ การรูจ้ กั พระองค์ พระเจ้า แท้จริงแต่พระองค์เดียว และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา คือพระเยซูคริสตเจ้า ข้าพเจ้าทำ�ให้พระองค์ทรงได้ รับพระสิริรุ่งโรจน์ในโลกนี้แล้ว โดยปฏิบัติภารกิจจนสำ�เร็จตามที่ทรงมอบหมายแก่ข้าพเจ้า บัดนี้ พระบิดา เจ้าข้า โปรดประทานพระสิรริ งุ่ โรจน์ให้ขา้ พเจ้า พระสิรริ งุ่ โรจน์ทขี่ า้ พเจ้าเคยมีรว่ มกับพระองค์ตงั้ แต่กอ่ นสร้าง โลก ข้าพเจ้าได้แสดงพระนามของพระองค์แก่มนุษย์ทพี่ ระองค์ทรงนำ�จากโลกมามอบให้ขา้ พเจ้า เขาทัง้ หลาย เป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงมอบเขาแก่ข้าพเจ้า เขาได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ บัดนี้ เขารู้ แล้วว่า ทุกสิง่ ทีพ่ ระองค์ทรงมอบให้ขา้ พเจ้านัน้ มาจากพระองค์ เพราะพระวาจาทีพ่ ระองค์ทรงมอบให้ขา้ พเจ้า นั้น ข้าพเจ้ามอบให้เขาแล้ว เขาได้รับไว้ และรู้แน่นอนว่า ข้าพเจ้ามาจากพระองค์ และเขาก็เชื่อว่า พระองค์ ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาสำ�หรับเขาเหล่านี้ ข้าพเจ้ามิได้อธิษฐานภาวนาสำ�หรับโลก แต่ส�ำ หรับ ผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้า เพราะเขาเป็นของพระองค์ ทุกสิ่งที่เป็นของข้าพเจ้า ก็เป็นของพระองค์ ทุก สิ่งที่เป็นของพระองค์ ก็เป็นของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับสิริรุ่งโรจน์โดยทางเขา ข้าพเจ้าไม่อยู่ในโลกอีกต่อ ไป แต่เขายังอยู่ในโลก และข้าพเจ้ากำ�ลังกลับไปเฝ้าพระองค์” นักบุญเปาโลปราศรัยอำ�ลาคริสตชนด้วยความห่วงใย ท่านได้เป็นพยานประกาศข่าวดีแห่ง พระหรรษทานของพระเจ้า ท่านได้พยายามอย่างเต็มที่ ท่านวิง่ ถึงปลายทางและทำ�ให้ภารกิจทีร่ บั มอบหมายจาก พระเยซูเจ้าสำ�เร็จไป... พระเยซูเจ้าทรงปราศรัยอำ�ลาเราด้วยความรักและอาลัยก่อนจะเสด็จจากไป ทรงห่วงใย ทรงอธิษฐานภาวนา ฝากเราไว้กับพระบิดาเพราะเราเป็นของพระองค์ ในความรักของพระองค์เราจะประสบสันติสุข และชนะโลก 06.indd 183

21/12/2561 14:49:50


บทอ่านที่ 1 กจ 20:28-38 เวลานัน้ เปาโลกล่าวกับบรรดาผูอ้ าวุโสของพระศาสนจักรทีเ่ มืองเอเฟซัสว่า “ท่าน ทัง้ หลายจงดูแลตนเองและฝูงแกะทีพ่ ระจิตเจ้าทรงแต่งตัง้ ท่านให้เป็นผูด้ แู ล เพือ่ เลีย้ ง ดูพระศาสนจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตร ข้าพเจ้ารู้ ว่าเมื่อข้าพเจ้าจากไปแล้ว สุนัขป่าดุร้ายจะเข้ามาในกลุ่มของท่านและจะทำ�ร้ายฝูงแกะ แม้ในกลุม่ ของท่านก็จะมีบางคนลุกขึน้ กล่าวบิดเบือนความจริงเพือ่ โน้มน้าวบรรดาศิษย์ ระลึกถึง ให้ติดตามตน ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังไว้เถิด จงระลึกว่าข้าพเจ้าไม่เคยหยุด น.บอนีฟาส เตือนท่านแต่ละคนด้วยนํ้าตานองหน้าทั้งกลางวันกลางคืนตลอดเวลาสามปี พระสังฆราช บัดนี้ ข้าพเจ้าฝากท่านทัง้ หลายไว้กบั พระเจ้า และกับพระวาจาแห่งพระหรรษทาน และมรณสักขี ของพระองค์ พระวาจานีส้ ร้างพระศาสนจักรและประทานมรดกให้ทา่ นรับร่วมกับบรรดา สดด 68:28-29, ผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิท์ งั้ หลายได้ ข้าพเจ้าไม่เคยอยากได้เงินทองหรือเสือ้ ผ้าของผูใ้ ด ท่านก็รแู้ ล้ว 32-33,34-35 ว่าข้าพเจ้าทำ�งานด้วยมือทั้งสองนี้เพื่อสนองความต้องการของข้าพเจ้าและของผู้ที่อยู่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ด้วย ข้าพเจ้าแสดงให้ท่านเห็นเสมอมาว่า เราต้องทำ�งานเช่นนี้เพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอ โดยระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ว่า ‘การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ’” เมือ่ กล่าวดังนีแ้ ล้ว เปาโลคุกเข่าลงพร้อมกับทุกคนและอธิษฐานภาวนา ต่างร้องไห้ฟมู ฟายเข้าสวมกอด และจูบลาเปาโล ทุกคนรู้สึกโศกเศร้า เพราะเปาโลพูดว่า เขาเหล่านั้นจะไม่ได้เห็นหน้าของเปาโลอีก แล้วทุก คนก็ไปส่งเปาโลถึงเรือ พระวรสาร ยน 17:11ข-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ โปรดเฝ้ารักษาบรรดาผูท้ ที่ รงมอบให้ขา้ พเจ้าไว้ในพระนามพระองค์ เพือ่ เขา จะได้เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนกับพระองค์และข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาเขาเหล่านัน้ ไว้ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าเฝ้ารักษาไว้ และไม่มผี ใู้ ดพินาศ เว้น แต่ผู้ที่ต้องพินาศ เพื่อให้เป็นจริงตามพระคัมภีร์ แต่บัดนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังกลับไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้ากล่าว วาจานี้ขณะที่ยังอยู่ในโลก เพื่อบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงมอบให้ข้าพเจ้าจะมีความยินดีของข้าพเจ้าอย่างเต็ม เปี่ยม ข้าพเจ้ามอบพระวาจาของพระองค์ให้เขาเหล่านั้นแล้ว และโลกเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เป็นของ โลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก ข้าพเจ้าไม่ได้วอนขอพระองค์ให้ทรงยกเขาออกจากโลก แต่วอน ขอให้ทรงรักษาเขาให้พ้นจากมารร้าย เขาไม่เป็นของโลก เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าไม่เป็นของโลก โปรดบันดาล ให้เขาศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยความจริง พระวาจาของพระองค์คือความจริง พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามาในโลก ฉันใด ข้าพเจ้าก็สง่ เขาเข้าไปในโลกฉันนัน้ ข้าพเจ้าถวายตนเป็นบูชาสำ�หรับเขา เพือ่ เขาจะได้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิ์ อย่างแท้จริงด้วย” เปาโลฝากให้ผู้อาวุโสของพระศาสนจักรดูแลตนเองและฝูงแกะของพระเจ้า ท่านอธิษฐานภาวนา เพื่อความรอดพ้นของพระศาสนจักรที่พระจิตเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ ก่อนที่ท่านจะต้องจากไป.. พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานวอนขอต่อพระบิดาเพือ่ เราทัง้ เมือ่ พระองค์ทรงดำ�รงพระชนม์อยูบ่ นโลกนี้ และเมือ่ เสด็จขึ้นไปประทับเบื้องขวาพระบิดาแล้ว เพื่อพวกเราจะไม่เป็นของโลก ไม่คล้อยตามค่านิยมทางโลก เพื่อเรา จะได้รับความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง 06.indd 184

21/12/2561 14:49:50


บทอ่านที่ 1 กจ 22:30,23:6-11 เวลานั้น ผู้บัญชาการกองพันต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าเหตุใดชาวยิวจึงกล่าวหาเปาโล วันรุ่งขึ้นเขาจึงสั่งให้แก้โซ่ที่ล่ามเปาโล เรียกบรรดาหัวหน้าสมณะและสมาชิกสภา ซันเฮดรินทุกคนมาประชุม แล้วนำ�เปาโลไปยืนต่อหน้าเขา เปาโลรู้ว่า สมาชิกส่วนหนึ่งของที่ประชุมเป็นชาวสะดูสีและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาว ฟาริสี จึงตะโกนขึ้นในสภาว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสี เป็นบุตรของชาว ฟาริสี ข้าพเจ้าถูกสอบสวนก็เพราะเรื่องความหวังในการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตาย” เมื่อเปาโลกล่าวเช่นนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันระหว่างชาวฟาริสีกับชาวสะดูสี ที่ประชุม จึงแตกแยก เพราะชาวสะดูสยี นื ยันว่าไม่มกี ารกลับคืนชีพและไม่มที งั้ ทูตสวรรค์และจิต แต่ชาวฟาริสีเชื่อว่ามี เกิดความโกลาหลอย่างรุนแรงในที่ประชุม ธรรมาจารย์บางคนที่เป็นชาวฟาริสีลุก ขึ้นโต้แย้งว่า “เราไม่พบว่าชายผู้นี้มีความผิดอันใด เป็นไปได้มิใช่หรือ ที่จิตหรือทูต สวรรค์ได้พูดกับเขา” ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น... คืนต่อมา องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาทรงยืนใกล้เปาโล ตรัสว่า “ทำ�ใจดีๆ ไว้ เจ้า ได้เป็นพยานยืนยันถึงเราที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานที่กรุงโรมอย่าง นั้นด้วย”

น.นอร์เบิร์ต พระสังฆราช

สดด 16:1-2,7-8, 9-10,11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ยน 17:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ตรัสว่า “ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนามิใช่ส�ำ หรับคนเหล่านีเ้ ท่านัน้ แต่ส�ำ หรับผูท้ จี่ ะเชือ่ ในข้าพเจ้า ผ่านทางวาจาของ เขาด้วย ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรง อยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา พระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าได้ให้แก่เขา เพื่อให้เขา เป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์และข้าพเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าอยู่ในเขา และพระองค์ทรง อยู่ในข้าพเจ้า เพื่อเขาจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ โลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา และ พระองค์ทรงรักเขาเช่นเดียวกับที่ทรงรักข้าพเจ้า ข้าแต่พระบิดา ผู้ที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้า ปรารถนาให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าทุกแห่งที่ข้าพเจ้าอยู่ เพื่อเขาจะได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ ซึ่งพระองค์ประทานแก่ ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงรักข้าพเจ้าตัง้ แต่กอ่ นสร้างโลก ข้าแต่พระบิดาผูท้ รงเทีย่ งธรรม โลกไม่รจู้ กั พระองค์ แต่ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์ และคนเหล่านี้รู้ว่า พระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าบอกให้เขารู้จักพระนามของ พระองค์ และจะบอกให้รู้ต่อไป เพื่อความรักที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้าจะได้อยู่ในเขา และข้าพเจ้าจะได้อยู่ ในเขาด้วยเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าอธิษฐานภาวนาเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ของพวกเรา เพื่อความรักของ พระองค์จะได้ดำ�รงอยู่ท่ามกลางชุมชนของเรา เพื่อพระองค์จะได้อยู่กับเราทุกหนแห่ง เหมือนดังที่พระองค์ทรง ดำ�รงอยู่เป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระตรีเอกภาพ 06.indd 185

21/12/2561 14:49:50


สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 103:1-2, 11-12,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 กจ 25:13-21 สองสามวั นต่ อ มา กษั ต ริ ย์ อ ากริปปาและพระนางเบอร์นิสเสด็จมาถึงเมือง ซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่น หลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกส์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจำ� ไว้ที่นี่ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาว ยิวได้ฟ้องกล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมี โอกาสเผชิญหน้ากับผูก้ ล่าวหาและแก้ขอ้ กล่าวหานัน้ ” บรรดาผูก้ ล่าวหามาพบข้าพเจ้า ที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้นำ�ชายคนนั้นเข้ามา บรรดาผู้กล่าวหามา รุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องความผิดดังที่ข้าพเจ้าคาดไว้ เขาเพียงแต่ ถกเถียงปัญหาเรือ่ งศาสนาของเขาและเรือ่ งชายคนหนึง่ ชือ่ เยซูทตี่ ายไปแล้ว แต่เปาโล ยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องทำ�นองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไป กรุงเยรูซาเล็มและรับการพิจารณาคดีทนี่ นั่ ไหม แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระ จักรพรรดิเป็นผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจำ�เขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระ จักรพรรดิได้

พระวรสาร ยน 21:15-19 เมื่อบรรดาศิษย์กินเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเรา มากกว่าคนเหล่านีร้ กั เราไหม” เปโตรทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงดูแลแกะของเราเถิด” พระองค์ตรัสถามเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านรักเราไหม” เปโตรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พระองค์ตรัสถามตนถึงสามครั้งว่า “ท่านรักเราไหม” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพเจ้ารักพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเราเถิด เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านคาดสะเอวด้วยตนเอง และ เดินไปไหนตามใจชอบ แต่เมื่อท่านชรา ท่านจะยื่นมือ แล้วคนอื่นจะคาดสะเอวให้ท่าน พาท่านไปในที่ที่ท่าน ไม่อยากไป” พระเยซูเจ้าตรัสเช่นนี้เพื่อแสดงว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าโดยตายอย่างไร เมื่อตรัสดังนี้ แล้ว ทรงเสริมว่า “จงตามเรามาเถิด” นักบุญเปาโลถูกจองจำ�เพราะความรักและการประกาศข่าวดี ในขณะที่นักบุญเปโตรถูกจองจำ�ไว้ ในความรักของพระเยซูเจ้าและต่อการสำ�นึกผิดในการกระทำ�ของตน ท่านเป็นทุกข์จากการปฏิเสธพระองค์ถึง สามครั้ง เมื่อพระเยซูเจ้ามิได้เอาผิดหรือซํ้าเติมความผิดพลาดนั้น แต่กลับมอบหมายภารกิจสำ�คัญ ทรงฝากฝูง แกะ ฝากพระศาสนจักรของพระองค์ไว้ให้ทา่ นดูแล ท่านจึงยินดีหลัง่ เลือดเป็นมรณสักขีประกาศยืนยันความเชือ่ และอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดเพื่อพระองค์ 06.indd 186

21/12/2561 14:49:51


บทอ่านที่ 1 กจ 28:16-20,30-31 เมื่อมาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำ�พังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ ควบคุม สามวันต่อมา เปาโลเรียกบรรดาผู้นำ�ชาวยิวมาพบที่บ้าน เมื่อคนเหล่านี้มาชุมนุม กัน เปาโลพูดกับเขาว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำ�สิ่งใดผิดต่อประชากร หรือขัดกับธรรมประเพณีของบรรดาบรรพบุรุษ แต่ชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มก็ยังจับกุม ข้าพเจ้าและมอบตัวให้ชาวโรมัน ชาวโรมันไต่สวนและต้องการจะปล่อยข้าพเจ้า เพราะ ข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่สมควรต้องตาย แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำ�เป็นต้องยื่น อุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่จะกล่าวหาเพื่อนร่วมชาติของข้าพเจ้า เลย เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอพบเพื่อพูดคุยกับท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าถูกพันธนาการ เช่นนี้ ก็เพราะความหวังของชาวอิสราเอลนั่นเอง” เปาโลพักอยูใ่ นบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็ม และต้อนรับทุกคนทีม่ าเยีย่ ม ประกาศ พระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรือ่ งพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่าง กล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา สดด 11:4-5,6-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ยน 21:20-25 เวลานั้น เปโตรเหลียวไปดู ก็เห็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักตามมา เป็นคนที่เอน กายชิดพระอุระพระเยซูเจ้าในการเลี้ยงอาหารคํ่า และทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า ผู้ที่ทรยศพระองค์เป็นใคร” เมื่อเปโตรเห็นเขา ก็ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “คนนี้จะเป็น อย่างไร พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยูจ่ นกว่าเราจะกลับ มา ก็ธุระอะไรของท่าน ท่านจงตามเรามาเถิด” ดังนั้น จึงมีเรื่องที่เล่าลือกันไปทั่วใน กลุม่ บรรดาพีน่ อ้ งว่าศิษย์คนนีจ้ ะไม่ตาย แต่พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า “เขาจะไม่ตาย” แต่ ตรัสว่า “ถ้าเราอยากให้เขาอยู่จนกว่าเราจะกลับมา ก็ธุระอะไรของท่าน” นี่คือศิษย์ที่เป็นพยานถึงเรื่องราวเหล่านี้ และเขียนบันทึกไว้ พวกเรารู้ว่าคำ�พยาน ของเขานั้นเป็นความจริง ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ� ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่อง ทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น กิจการต่างๆ ขององค์พระเยซูเจ้าที่ทรงกระทำ�ผ่านวาจาและกิจการของ นักบุญเปาโลและเปโตร ยืนยันถึงความรักและพระสัญญาของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็น พระผู้ไถ่ผู้ทรงช่วยให้รอดพ้น และกิจการต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำ� กิจการต่างๆ ที่ นักบุญเปโตรและเปาโลกระทำ�เพือ่ ยืนยันความรักของพระเจ้านัน้ ...ทุกพืน้ ทีใ่ นโลกทัง้ ใบนี้ ก็ไม่อาจบรรจุความรักและกิจการต่างๆ ของพระองค์ไว้ได้ทั้งหมด 06.indd 187

21/12/2561 14:49:51


สมโภช พระจิตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 2:1-11 เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนมาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใด นัน้ มีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้า ทุกคนทีอ่ ยูใ่ นบ้านได้ยนิ เขาเห็นเปลวไฟ ลักษณะเหมือนลิน้ แยกไปอยูเ่ หนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รบั พระจิตเจ้าเต็ม เปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด ขณะนัน้ ทีก่ รุงเยรูซาเล็มมีชาวยิวผูเ้ ลือ่ มใสศรัทธาในพระเจ้ามาจากทุกชาติทวั่ โลก เมือ่ ประชาชนได้ยนิ เสียงนี้ จึงมาชุมนุมกันจำ�นวนมาก รูส้ กึ ฉงนสนเท่หเ์ พราะแต่ละคน ได้ยนิ คนเหล่านีพ้ ดู ภาษาของตน และประหลาดใจอย่างยิง่ กล่าวว่า “ทุกคนทีก่ �ำ ลังพูด อยูน่ เี้ ป็นชาวกาลิลมี ใิ ช่หรือ แล้วทำ�ไมเราแต่ละคนจึงได้ยนิ เขาพูดภาษาท้องถิน่ ของเรา เราชาวปารเธีย ชาวมีเดีย และชาวเอลาม บางคนอาศัยอยู่ในเขตเมโสโปเตเมีย แคว้น ยูเดีย แคว้นคัปปาโดเซีย แคว้นปอนทัสและแคว้นอาเซีย แคว้นฟรีเจียและแคว้น ปัมฟีเลีย บางคนมาจากอียิปต์และเขตของประเทศลิเบียรอบๆ เมืองไซรีน บางคนมา จากกรุงโรม ทัง้ ชาวยิวและผูก้ ลับใจเข้านับถือลัทธิยวิ บางคนเป็นชาวเกาะครีตและชาว อาหรับ พวกเราได้ยินคนเหล่านี้ประกาศกิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเป็นภาษาของเรา” เพลงสดุดี สดด 104:1-2,28-30,31 และ 33 ก) จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่เหลือล้น พระองค์ทรงความรุ่งเรืองและพระเกียรติยศเป็นเสมือนอาภรณ์ ทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างต่างพระภูษา พระองค์ทรงคลี่ท้องฟ้าให้กางออกดุจกางกระโจม ข) เมื่อพระองค์ประทานอาหาร สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก็เก็บไว้ เมื่อพระองค์ยื่นพระหัตถ์ สิ่งมีชีวิตก็มีของดีๆ กินจนอิ่ม ถ้าพระองค์เบือนพระพักตร์ไปทางทิศอื่น สิ่งมีชีวิตก็ตื่นตระหนก ถ้าพระองค์ทรงเรียกลมปราณกลับคืน สิ่งมีชีวิตก็ตายและกลับเป็นฝุ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงส่งพระจิตของพระองค์ลงมา สิ่งมีชีวิตก็ถูกสร้างขึ้น พระองค์ทรงเปลี่ยนโฉมหน้าของแผ่นดิน ค) พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชมในพระราชกิจของพระองค์ ข้าพเจ้าจะขับร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิต จะร้องเพลงสดุดีถวายพระเจ้าของข้าพเจ้า ตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่

06.indd 188

21/12/2561 14:49:51


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 12:3ข-7,12-13 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ไม่มผี ใู้ ดพูดโดยพระจิตเจ้าทรงดลใจว่า “พระเยซูจงถูกสาปแช่ง” และหากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจ ก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า “พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์ เดียว มีหน้าทีห่ ลายอย่างต่างกัน แต่มอี งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเพียง พระองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์ เดียวผู้ทรงกระทำ�ทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดง พระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆ เหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกาย เดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉนั นัน้ เดชะพระจิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รบั การล้างมารวมเข้าเป็น ร่างกายเดียวกัน ไม่วา่ จะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่วา่ จะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รบั พระ จิตเจ้าพระองค์เดียวกัน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 20:19-23 คํ่าวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำ�ลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระ เยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้ แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัย บาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการ อภัยด้วย” “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” วันนี้เราสมโภชพระจิตเจ้า องค์ความรักที่หลอมรวม พระตรีเอกภาพไว้เป็นหนึ่งเดียว โดยศีลล้างบาป เราได้ผ่านการล้างในองค์พระจิตเจ้าอีกครั้ง และอีกครั้ง.. ทุกๆ ครั้งที่เรารับพระองค์ เราได้รับการหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวในความรักแห่งพระตรีเอกภาพ ไม่ว่าเราจะ ผิดพลาดออกนอกทิศทางอีกสักกี่ครั้ง พระเจ้าก็จะทรงรวมผู้ที่รักพระองค์กลับเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในองค์ พระจิตเจ้า

06.indd 189

21/12/2561 14:49:52


ระลึกถึง พระนางมารีย์ มารดาของ พระศาสนจักร

สดด 34:1-2,3-4, 5-6,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 2 คร 1:1-7 จากเปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ จากทิโมธี พี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าทีอ่ ยูใ่ นเมืองโครินธ์ และถึงบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิท์ กุ คน ซึง่ อยูท่ วั่ แคว้นอาคายา ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดาของเรา และ จากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระกรุณา และพระเจ้าผู้ประทานกำ�ลังใจทุกประการ พระองค์ประทาน กำ�ลังใจในความทุกข์ยากต่างๆ ของเรา เพราะเราได้รับกำ�ลังใจจากพระเจ้าแล้ว เราจึง ให้ก�ำ ลังใจผูม้ คี วามทุกข์ทงั้ มวลได้ เราได้รบั การทรมานร่วมกับพระคริสตเจ้ามากฉันใด เราก็ได้รับกำ�ลังใจเดชะพระคริสตเจ้ามากฉันนั้น เมื่อเรารับความทุกข์ยาก ท่านก็ได้รับ กำ�ลังใจและความรอดพ้น เมื่อเรารับกำ�ลังใจ ท่านก็ได้รับกำ�ลังใจซึ่งบันดาลให้ท่านมี พละกำ�ลังที่จะอดทนต่อความทุกข์ยากเหมือนกับที่เรากำ�ลังอดทนอยู่ เรามีความหวัง อย่างแน่วแน่ในท่านทั้งหลาย เพราะเรารู้ว่าท่านมีส่วนร่วมรับความทุกข์ของเราฉันใด ท่านก็จะมีส่วนร่วมรับกำ�ลังใจพร้อมกับเราด้วยฉันนั้น พระวรสาร มธ 5:1-12 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำ�นวนมาก จึงเสด็จขึน้ บนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผูถ้ กู เบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์ เป็นของเขา ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก บรรดา ประกาศกก่อนหน้าท่านก็เคยถูกเบียดเบียนเช่นเดียวกัน” ด้วยพระทัยรักและพระเมตตา พระเยซูเจ้าทรงสอนหนทางแห่งมหาบุญลาภ แปดประการแก่บรรดาศิษย์จนถึงเราทุกคนผูต้ ดิ ตามพระองค์ในวันนี้ เพือ่ ใช้เป็นแนวปฏิบตั ิ ในการดำ�เนินชีวติ ให้สามารถดำ�รงอยูอ่ ย่างมีความสุขได้ ท่ามกลางความทุกข์ยาก มลภาวะ สภาพแวดล้อมและอุปสรรคต่างๆ จากโลกและจากการประจญล่อลวงของปีศาจ

06.indd 190

21/12/2561 14:49:52


บทอ่านที่ 1 กจ 11:21ข-26;13:1-3 เวลานั้น คนจำ�นวนมากเชื่อและกลับใจมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาศิษย์ในพระศาสนจักรที่กรุงเยรูซาเล็มรู้ข่าวนี้ จึงส่งบารนาบัสไปยังเมือง อันทิโอก เมือ่ บารนาบัสมาถึงและเห็นผลแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า ก็มคี วามชืน่ ชม จึงเตือนทุกคนให้มีจิตใจซื่อสัตย์มั่นคงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า บารนาบัสเป็นคนดี เปี่ยม ด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า จึงมีผู้คนจำ�นวนมากเข้ามาเป็นศิษย์ขององค์พระผู้เป็น เจ้า บารนาบัสเดินทางไปที่เมืองทาร์ซัสเพื่อตามหาเซาโล เมื่อพบแล้ว ก็พามาที่เมือง อันทิโอก ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันในพระศาสนจักรที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม สั่งสอนคน จำ�นวนมาก ที่เมืองอันทิโอกนี้เองบรรดาศิษย์ได้รับชื่อว่า “คริสตชน” เป็นครั้งแรก ในพระศาสนจักรที่เมืองอันทิโอก มีประกาศกและอาจารย์คือบารนาบัส สิเมโอน ที่เรียกกันว่าคนดำ� ลูสิอัสชาวไซรีน มานาเอนซึ่งได้รับการศึกษาอบรมมาด้วยกันกับ กษัตริย์เฮโรดอันทิปาสและเซาโล ขณะที่เขาร่วมพิธีนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและ จำ�ศีลอดอาหาร พระจิตเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงแยกบารนาบัสและเซาโลไว้ปฏิบัติ ภารกิจทีเ่ ราเรียกเขาให้มาปฏิบตั เิ ถิด” เมือ่ เขาจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาแล้ว จึงปกมือเหนือบารนาบัสและเซาโล แล้วส่งเขาทั้งสองคนออกไป

ระลึกถึง น.บาร์นาบัส อัครสาวก

สดด 98:1,2,3,4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มธ 10:7-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ทั้งสิบสองคนว่า “จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคน ตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับ มาโดยไม่เสียค่าตอบแทนก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย อย่าหาเหรียญทอง เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงใส่ในไถ้ เมือ่ เดินทาง อย่ามียา่ ม อย่ามีเสือ้ สองตัว อย่า สวมรองเท้า อย่าถือไม้เท้า เพราะคนงานย่อมมีสิทธิ์ได้รับอาหารอยู่แล้ว เมื่อท่านเข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้าน จงดูว่าผู้ใดที่นั่นเป็นผู้เหมาะสมที่จะต้อนรับ ท่าน แล้วจงพักอยูก่ บั เขาจนกว่าท่านจะจากไป เมือ่ ท่านเข้าไปในบ้านใดจงให้พรแก่บา้ น นั้น ถ้าบ้านนั้นสมควรได้รับพร จงให้สันติสุขของท่านมาสู่บ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นไม่สมควร ได้รับพร จงให้สันติสุขกลับมาหาท่าน” การที่ เราผู้ เ ป็ น ศิ ษ ย์ ติ ด ตามพระเยซู เจ้ า เจริ ญ ชี วิ ต เป็ น แบบอย่ า ง เป็ น ประจักษ์พยานถึงความรักและการเป็นหนึง่ เดียว รวมถึงการจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐาน ภาวนาอย่างสมํ่าเสมอ ล้วนมีความสำ�คัญต่อพลังของพระจิตเจ้าเพื่อทรงทำ�งานในตัวเรา เพื่อการประกาศความรักและพระอาณาจักร ซึ่งเป็นกระแสเรียกของเราทุกคน ตามพระ ประสงค์ที่ทรงจัดเตรียมและวางแนวทางไว้ให้เฉพาะแต่ละบุคคล 06.indd 191

21/12/2561 14:49:52


สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา สดด 99:5,6,7,8,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 2 คร 3:4-11 พี่นอ้ ง เรามีความมั่นใจเช่นนี้ต่อพระเจ้าเดชะพระคริสตเจ้า ทัง้ นี้มิใช่เพราะเราคิด ว่าเราทำ�สิ่งใดได้ด้วยตนเอง แต่การทำ�ได้นั้นมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงทำ�ให้เราเป็น ผู้รับใช้พันธสัญญาใหม่ มิใช่พันธสัญญาที่เขียนขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็น พันธสัญญาของพระจิตเจ้า บัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นนำ�ไปสู่ความตาย แต่ พระจิตเจ้าประทานชีวิต ถ้าภารกิจที่ทำ�ให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา มี ความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้ เพราะใบหน้า นั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิมีความสว่างรุ่งโรจน์ ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ ถ้าภารกิจที่นำ�ไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่าง รุง่ โรจน์มาแล้ว หมดรัศมีเมือ่ เทียบกับความสว่างรุง่ โรจน์ทเี่ หนือกว่า ถ้าสิง่ ทีอ่ ยูช่ วั่ ขณะ มีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น พระวรสาร มธ 5:17-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงอย่าคิดว่าเรามาเพือ่ ลบล้างธรรมบัญญัตหิ รือคำ�สอนของบรรดาประกาศก เรา มิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดทีฟ่ า้ และดินยังไม่สญ ู สิน้ ไป แม้แต่ตวั อักษรหรือจุดเพียงจุดเดียวจะไม่ขาดหาย ไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำ�เร็จไป ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียง ข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ตํ่าต้อยที่สุด ในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์” พันธสัญญารักนิรันดรของพระเจ้าได้รับการทำ�ให้สมบูรณ์ชัดแจ้งโดยองค์ พระจิตเจ้าในภารกิจแห่งรักขององค์พระเยซูเจ้า ความรักของพระเจ้าสว่างรุง่ โรจน์และคง อยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราปฏิบัติและให้เราสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติ ตามพระบัญญัตินั้นด้วยความรัก

06.indd 192

21/12/2561 14:49:53


บทอ่านที่ 1 2 คร 3:15-4:1,3-6 พี่น้อง จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสส ผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจ ของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสถิตทีใ่ ด เสรีภาพ ย่อมอยู่ที่นั่น เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อนแสงสว่างรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้ เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลีย่ นเป็นภาพลักษณ์เดียวกับพระองค์ ทวีความรุง่ โรจน์ยงิ่ ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต เมื่อเรารับภารกิจนี้จากพระเมตตาของพระเจ้า เราจึงไม่ท้อถอย ถ้าข่าวดีที่เรา ประกาศมีสิ่งใดปิดบัง ก็ปิดบังสำ�หรับผู้ท่ีกำ�ลังประสบความพินาศเท่านั้น คือผู้ที่ไม่มี ความเชือ่ เทพเจ้าของโลกนีท้ �ำ ให้จติ ใจของคนเหล่านัน้ มืด เพือ่ มิให้เขาแลเห็นแสงสว่าง คือข่าวดีเรือ่ งพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระคริสตเจ้าผูท้ รงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า เพราะ เรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่าพระคริสตเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนเราเป็นเพียงผู้รับใช้ท่านทั้งหลายเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า พระเจ้าผู้ตรัสว่า “ให้แสงสว่างส่องออกมาจากความมืด” ก็เป็นผู้ทรงฉายแสงเข้าสู่จิตใจของเรา เพื่อ ส่องสว่างให้เรามีความรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์นี้ปรากฏอยู่บน พระพักตร์พระคริสตเจ้า

ระลึกถึง น.อันตนแห่งปาดัว พระสงฆ์ และนักปราชญ์ สดด 85:8กข และ 9, 10-11,12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มธ 5:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรม ของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินคำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุก คนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่ พีน่ อ้ งว่า ‘ไอ้โง่บดั ซบ’ ผูน้ นั้ จะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนัน้ ขณะทีท่ า่ นนำ�เครือ่ งบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับ พี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำ�ลังเดินทางไป ศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านใน คุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำ�ระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย” นักบุญอันตนแห่งปาดัวถือกำ�เนิดในครอบครัวที่รํ่ารวยและทรงอิทธิพล บิดาของท่านปรารถนา ให้ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในทางโลก..แต่กระแสเรียกของท่านคือความยากจน เมื่อท่านได้มีโอกาสเห็นศพของ มรณสักขีคณะฟรังซิสกัน 5 คน ท่านตัดสินใจเข้าเป็นนักบวชคณะฟรังซิสกัน ท่านเป็นนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่าน ทำ�ให้คนจำ�นวนมากกลับใจ 32 ปีหลังจากท่านมรณภาพ แม้ร่างกายท่านจะเน่าเปื่อย แต่ลิ้นของท่านยังคงสดมี สีสันเหมือนขณะท่านยังมีชีวิตเทศน์สอนอยู่...การประกาศของท่านฉายแสงสู่จิตใจของเรา ส่องสว่างให้เรารู้ถึง พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า 06.indd 193

21/12/2561 14:49:53


สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา สดด 116:10-11, 15-16,17-18 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 2 คร 4:7-15 พี่น้อง เรามีสมบัตินี้เก็บไว้ในภาชนะดินเผา เพื่อแสดงว่าอานุภาพลํ้าเลิศนั้นมา จากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเรา เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ไม่หมดหวัง เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย เรา แบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซู เจ้าจะปรากฏอยูใ่ นร่างกายของเราด้วย ขณะทีเ่ รายังมีชวี ติ อยู่ เราเสีย่ งกับความตายอยู่ เสมอเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า เพือ่ ให้ชวี ติ ของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติ ที่ตายได้ของเรา ดังนั้น ความตายกำ�ลังทำ�งานอยู่ในเรา แต่ชีวิตกำ�ลังทำ�งานอยู่ในท่าน มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกัน นี้ เราเชื่อ เราจึงพูด เพราะรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพ จะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้า และจะทรง นำ�เราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นสำ�หรับท่าน เพื่อว่าเมื่อพระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้น การขอบพระคุณจะทวียิ่งขึ้น เป็นการ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พระวรสาร มธ 5:27-32 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านได้ยินคำ�กล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใด มองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุ ให้ท่านทำ�บาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อย ให้รา่ งกายทัง้ หมดของท่านตกนรก ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ทา่ นทำ�บาป จงตัดมัน ทิง้ เสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้รา่ งกายทัง้ หมดตกนรก” “มีคำ�กล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำ�หนังสือหย่ามอบให้นาง แต่เรากล่าว แก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับทำ�ให้นางล่วงประเวณี และผู้ใดที่แต่งงานกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณี ด้วย” พระเยซูเจ้าทรงสอนเราผ่านพระวรสารโดยนักบุญมัทธิววันนี้ สิ่งใดที่เป็น เหตุแห่งบาป ทำ�ให้เราห่างเหินจากความรักของพระเจ้า ให้พยายามตัดมันทิ้ง ตัดออกไป จากชีวิต เพราะชีวิตที่ปราศจากความรักและไร้พระเจ้าไม่อาจดำ�รงอยู่ต่อไปในภาวะ พระหรรษทาน จึงไม่อาจแผ่พระหรรษทานออกไปสู่ผู้อื่น ทำ�ให้ปราศจากการสำ�นึกคุณ ขาดการขอบพระคุณ และเมื่อไร้การขอบพระคุณและการสรรเสริญพระเจ้า ชีวิตที่เผชิญ ทุกข์ทรมานรอบด้าน ก็จะอับจน หมดหวัง ไร้หนทาง..ให้ความรักของพระเจ้าเป็นแสง สว่างท่ามกลางใจที่มืดมิด

06.indd 194

21/12/2561 14:49:54


บทอ่านที่ 1 2 คร 5:14-21 พี่น้อง เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเรา เราแน่ใจว่า ถ้าคนหนึ่งตาย เพื่อทุกคน ก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วย พระองค์สิ้นพระชนม์แทนทุกคน เพื่อผู้ที่ มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป แต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์ และ ทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเขา ตัง้ แต่บดั นีเ้ ป็นต้นไป เราจะไม่พจิ ารณาผูใ้ ดตามมาตรฐานมนุษย์อกี แม้วา่ ครัง้ หนึง่ เราเคยพิจารณาพระคริสตเจ้าตามมาตรฐานมนุษย์ แต่บดั นีเ้ ราไม่พจิ ารณาพระองค์ตาม มาตรฐานนี้อีกต่อไป ดังนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพ เก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว ทุกสิ่งมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดี กับพระองค์เดชะพระคริสตเจ้า และทรงมอบภารกิจการคืนดีนใี้ ห้เรา กล่าวคือ พระเจ้า ทรงทำ�ให้โลกคืนดีกับพระองค์ในองค์พระคริสตเจ้า พระองค์มิได้ทรงเอาผิดกับมนุษย์ แต่ทรงมอบให้เราประกาศสารแห่งการคืนดีนี้ ดังนั้น เราจึงเป็นทูตแทนพระคริสตเจ้า ประหนึ่งว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้เชิญชวน ท่านทัง้ หลาย เราจึงขอร้องแทนพระคริสตเจ้าว่า จงยอมคืนดีกบั พระเจ้าเถิด เพราะเห็น แก่เราพระเจ้าจึงทรงทำ�ให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป เพื่อว่าในพระองค์เราจะ ได้กลายเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 10 เทศกาลธรรมดา สดด 103:1-2,3-4, 9-10,11-12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มธ 5:33-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านยังได้ยนิ คำ�กล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำ�สาบาน แต่จงทำ�ตามทีไ่ ด้สาบาน ไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า อย่าอ้างถึงแผ่นดิน เพราะเป็นที่รองพระบาทของ พระองค์ อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ อย่าอ้าง ถึงศีรษะของท่าน เพราะท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำ�เป็นขาวได้ ท่านจงพูด เพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ คำ�พูดที่มากไปกว่านั้นมาจากมารร้าย” พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเป็นคนดีที่สมบูรณ์พร้อมดังพระบิดาเจ้าสวรรค์ ทรงเพียบพร้อม..ทรงสอนให้เราพูดเพียง “ใช่” และ “ไม่ใช่” ไม่ต้องเสริมเติมแต่ง ไม่ต้อง เสแสร้ง นินทาว่าร้าย หรือคาดเดา เพราะเหล่านั้นล้วนมาจากมารร้าย..ด้วยความรักของ พระคริสตเจ้าทีท่ รงผลักดันเรา เราจึงไม่ควรดำ�เนินชีวติ ตามมาตรฐานมนุษย์อกี เราจะเป็น สิ่งสร้างใหม่ เกิดใหม่ พระองค์จะทรงปั้นแต่งเราใหม่ หากเราวางอำ�เภอใจของเราไว้ใน พระหัตถ์และดำ�เนินชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า

06.indd 195

21/12/2561 14:49:55


สมโภช พระตรีเอกภาพ

บทอ่านจากหนังสือสุภาษิต สภษ 8:22-31 ปรีชาญาณกล่าวว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงสร้างดิฉนั ตัง้ แต่แรก ก่อนสร้างสิง่ ใดๆ ดิฉนั เป็นผลแรกใน บรรดาพระราชกิจดั้งเดิมของพระองค์ ดิฉันได้รับการสถาปนาไว้ตั้งแต่นิรันดร ตั้งแต่ แรกเริม่ ก่อนทีแ่ ผ่นดินจะมีขนึ้ ดิฉนั ถือกำ�เนิดมาเมือ่ ยังไม่มมี หาสมุทร เมือ่ ยังไม่มพี นุ าํ้ ที่มีนํ้ามากมาย ดิฉันถือกำ�เนิดมาแล้วก่อนที่ฐานของภูเขาจะถูกวาง และก่อนเนินเขา ทัง้ หลาย ก่อนทีพ่ ระเจ้าทรงสร้างแผ่นดินและท้องทุง่ ก่อนทรงสร้างผงคลีแรกของโลก เมือ่ ทรงจัดวางท้องฟ้า ดิฉนั ก็อยูท่ นี่ นั่ แล้ว เมือ่ ทรงลากเส้นรอบวงบนพืน้ ผิวมหาสมุทร เมื่อทรงรวบรวมเมฆเบื้องบนให้อยู่ด้วยกัน เมื่อทรงบันดาลให้นํ้าพุขึ้นจากขุมลึกของ มหาสมุทร เมื่อทรงกำ�หนดเขตจำ�กัดให้แก่ทะเล เพื่อนํ้าจะไม่ล่วงลํ้าเลยเขตที่ทรง กำ�หนดไว้ เมือ่ พระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดิน เวลานัน้ ดิฉนั อยูเ่ คียงข้างพระองค์ เหมือนนายช่าง ทำ�ให้พระองค์ทรงยินดีทกุ วัน ดิฉนั ชืน่ ชมเฉพาะพระพักตร์พระองค์ทกุ เวลา ร่าเริงอยู่ทั่วแผ่นดินที่มีคนอาศัย ปีติยินดีที่จะอยู่กับมวลมนุษย์” เพลงสดุดี สดด 8:3-4,5-6,7-8 ก) เมื่อข้าพเจ้าแหงนมองท้องฟ้า ซึ่งนิ้วพระหัตถ์บรรจงสร้างไว้ มองดูเดือนดูดาวที่พระองค์ทรงประดับไว้อย่างมั่นคง มนุษย์เป็นใคร พระองค์จึงทรงระลึกถึงเขา บุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร พระองค์จึงต้องทรงเอาพระทัยใส่ ข) ถูกแล้ว พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้ด้อยกว่าทูตสวรรค์เพียงน้อยนิด ประทานความรุ่งโรจน์และเกียรติยศให้เป็นเสมือนมงกุฎประดับศีรษะ ทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นเจ้านายของผลงานจากฝีพระหัตถ์ และทรงวางสรรพสิ่งไว้ใต้เท้าของเขา ค) ฝูงแพะแกะ และปศุสัตว์ รวมทั้งสัตว์ป่าทั้งหลาย นกในท้องฟ้า ปลาในท้องทะเล และสรรพสัตว์ที่แหวกว่ายในมหาสมุทร บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโรม รม 5:1-5 พี่น้อง เมื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อแล้ว เราย่อมมีสันติกับพระเจ้า เดชะ พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยทางพระองค์ เราจึงเข้าถึงพระหรรษทาน และกำ�ลังดำ�รงอยู่ในพระหรรษทานนี้ เราภูมิใจในความหวังที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น เรายังภูมิใจในความทุกข์ เพราะรู้ว่าความทุกข์ก่อให้เกิดความ พากเพียร ความพากเพียรก่อให้เกิดคุณธรรมทีแ่ ท้จริง คุณธรรมทีแ่ ท้จริงก่อให้เกิดความ

06.indd 196

21/12/2561 14:49:55


หวัง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่ง พระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงใน ดวงใจของเรา

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 16:12-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรายังมีอีกหลายเรื่องที่จะบอกท่าน แต่บัดนี้ท่านยัง รับไว้ไม่ได้ เมือ่ พระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรง นำ�ท่านไปสูค่ วามจริงทัง้ มวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์ เอง แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้ เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริ รุ่งโรจน์ เพราะพระองค์จะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำ�สอนที่ทรงได้ รับจากเรา ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้ คำ�สอนที่ทรงรับจากเรา” พระเยซูเจ้ายํ้าเตือนให้บรรดาศิษย์ตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาได้เรียนรู้นั้นมาจาก พระบิดาผ่านทางพระองค์ และจากพระองค์ผ่านทางพระจิตเจ้า ความจริงที่บรรดาศิษย์ได้เรียนรู้จากทั้งสาม พระบุคคลนัน้ มิได้แยกจากกันเลย แต่เป็นความจริงอันเดียวกันและถูกส่งต่อมาถึงพวกเราทุกวันนีด้ ว้ ย ขอให้เรา มั่นใจในความรักความเมตตาของพระบิดาและพระบุตรอยู่เสมอ พร้อมทั้งเปิดใจให้พระจิตเจ้าได้นำ�เราไปสู่ ความจริงของชีวิตและความจริงของพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

06.indd 197

21/12/2561 14:49:55


น.โรมูอัลโด เจ้าอธิการ

สดด 98:1,2-3ก, 3ข-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 2 คร 6:1-10 พี่น้อง ในฐานะผู้ร่วมงานของพระเจ้า เราขอร้องท่านทั้งหลาย อย่าเพียงแต่รับ พระหรรษทานของพระองค์ไว้โดยไม่เกิดผล พระองค์ตรัสว่า “ในเวลาที่เหมาะสม เรา ได้รับฟังท่าน และในวันแห่งความรอดพ้น เราได้ช่วยเหลือท่าน” ขณะนี้คือเวลาที่ เหมาะสม ขณะนีค้ อื วันแห่งความรอดพ้น เราไม่เป็นอุปสรรคกีดขวางทางของใคร เพือ่ มิให้ใครตำ�หนิงานรับใช้ของเรา แต่เราแสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าในทุกกรณีด้วย ความอดทนอย่างมาก ในความทุกข์ยาก ความขัดสน ความคับแค้น การถูกโบยตี การ ถูกจองจำ� การจลาจล ความเหน็ดเหนื่อยจากการงาน การอดนอน การอดอาหาร เรา แสดงตนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ ความรู้ ความเพียรอดทน ความ ใจดี ความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า ความรักที่ไม่เสแสร้ง ถ้อยคำ�สัตย์จริงและด้วย พระอานุภาพของพระเจ้า โดยใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งมือซ้ายและมือขวา ทั้ง ยามมีเกียรติและยามไร้เกียรติ ทั้งเมื่อถูกกล่าวร้ายและกล่าวดี เราถูกกล่าวหาว่าเป็น คนหลอกลวง แต่เราก็พูดความจริง เราถูกกล่าวหาว่าไม่มีใครรู้จัก แต่เราก็มีคนรู้จัก มาก เหมือนกับคนกำ�ลังจะตาย แต่เราก็ยังมีชีวิต เหมือนคนถูกลงโทษ แต่เราก็ไม่ถูก ประหารชีวติ เหมือนกับเป็นคนมีความทุกข์ แต่เราก็ยนิ ดีเสมอ เหมือนกับเป็นคนยากจน แต่เราก็ทำ�ให้คนจำ�นวนมากมั่งมี เหมือนกับคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่เราก็มีทุกอย่าง พระวรสาร มธ 5:38-42 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ผู้ใดอยากฟ้อง ท่านทีศ่ าลเพือ่ จะได้เสือ้ ยาวของท่าน ก็จงแถมเสือ้ คลุมให้เขาด้วย ผูใ้ ดจะเกณฑ์ให้ทา่ น เดินไปกับเขาหนึง่ หลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผูใ้ ดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหัน หลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน” พระเยซูเจ้าได้น�ำ ความท้าทายมาสูส่ งั คมชาวยิวผ่านทางความรักอันยิง่ ใหญ่ นั่นคือการใช้ความรักความเมตตาในการตอบโต้ความชั่วร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แน่นอน ทีเดียวว่ามุมมองนี้จะทำ�ให้เราดูอ่อนแอในสายตาของโลก แต่มันช่วยให้เราไม่ไปเติม เชื้อไฟแห่งความความชั่วร้ายให้ลุกโชนโหมหนักกว่าเดิม ขอให้เรายึดมั่นในเชื้อไฟแห่ง ความดีและใช้เชื้อไฟนี้เอาชนะความชั่วร้ายทั้งหลายด้วยหัวใจที่กล้าหาญต่อไป

06.indd 198

21/12/2561 14:49:55


บทอ่านที่ 1 2 คร 8:1-9 พี่น้องทั้งหลาย เราใคร่จะให้ท่านรู้เรื่องพระหรรษทาน ซึ่งพระเจ้าประทานให้ พระศาสนจักรต่างๆ ในแคว้นมาซิโดเนีย แม้เขาต้องทนทุกข์แสนสาหัส เขาก็ยงั มีความ สุขอย่างยิ่ง แม้จะยากจนแสนเข็ญ เขาก็ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างล้นเหลือ ข้าพเจ้าเป็นพยานได้ว่าเขาบริจาคด้วยความสมัครใจตามกำ�ลังความสามารถ และเกิน กำ�ลังความสามารถอีกด้วย เขายังอ้อนวอนเราหลายครั้งให้เขามีสิทธิ์ร่วมรับใช้บรรดา ผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย เขาทำ�ยิ่งกว่าที่เราคาดหมายไว้ เขาถวายตนแด่พระเจ้าก่อน แล้วจึง มอบตนให้เราตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราจึงขอร้องทิตัสให้จัดการกุศลนี้ต่อไป จนสำ�เร็จในหมู่ท่านทั้งหลายดังที่เขาได้เริ่มไว้แล้ว เมื่อท่านมีทุกสิ่งบริบูรณ์ คือความ เชือ่ การพูด ความรู้ ความกระตือรือร้นและความรักทีท่ า่ นมีตอ่ เรา ท่านก็ควรจะดีพร้อม ในการกุ ศ ลนี้ ด้ ว ย ข้ า พเจ้ า พู ด เช่ นนี้ มิ ใช่ เป็ นการบั ง คั บ แต่ เป็ นการเล่ า ถึ ง ความ กระตือรือร้นของผู้อื่นเพื่อพิสูจน์ว่าความรักของท่านนั้นมีจริง ท่านรู้แล้วถึงพระกรุณา ของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา แม้ทรงราํ่ รวย พระองค์กย็ งั ทรงยอมกลาย เป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้รํ่ารวยเพราะความยากจนของพระองค์

สัปดาห์ที่ 11 เทศกาลธรรมดา สดด 146:2,5-6กข, 6ค-7,8-9ก

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 5:43-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายได้ยินคำ�กล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของ พระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้ บำ�เหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำ�เช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่ พีน่ อ้ งของท่านเท่านัน้ ท่านทำ�อะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ท�ำ เช่นนีด้ อกหรือ ฉะนัน้ ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังทีพ่ ระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์ เถิด” คำ�สอนเรื่องความรักที่พระเยซูเจ้าสอนเราในวันนี้นั้นเป็นอะไรที่พิเศษและ ท้าทายอย่างมาก การรักคนที่น่ารักหรือคนที่เราอยากรักด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์นั้นก็ท้าทาย พอสมควรแล้ว ส่วนการรักคนที่ไม่น่ารักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ดีกับเราหรือศัตรู ของเรานั้นย่อมมีความท้าทายยิ่งกว่ามาก คำ�เชิญชวนของพระเยซูเจ้าอันนี้ท้าทายเราให้ เรียนรูท้ จี่ ะรักและเมตตาโดยปราศจากเงือ่ นไขอืน่ ใด เป็นรักและเมตตาทีย่ งิ่ ใหญ่จริงๆ เพือ่ ที่เราจะได้เป็นคนดีและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

06.indd 199

21/12/2561 14:49:56


น.โรมูอัลโด เจ้าอธิการ

สดด 112:1ขค-2, 3-4,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 2 คร 9:6-11 พีน่ อ้ ง พึงจำ�ไว้วา่ ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกีย่ วได้เพียงเล็กน้อย ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชมากก็จะเก็บเกีย่ วได้มาก แต่ละคนจงให้ตามทีต่ งั้ ใจไว้ มิใช่ให้โดยนึก เสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าประทาน พระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ และยังมี เหลือเฟือสำ�หรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เขา เอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร” พระองค์ผปู้ ระทานเมล็ดพืชแก่ผหู้ ว่านและประทานอาหารเลีย้ งชีวติ จะทรงจัดหา และทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่าน ด้วย ท่านจะมั่งคั่งบริบูรณ์ทุกประการ เพื่อจะแจกจ่ายได้อย่างใจกว้าง ทานบริจาคของ ท่านซึ่งเราจะจัดแจกนี้จะทำ�ให้มีการขอบพระคุณพระเจ้า

พระวรสาร มธ 6:1-6,16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง อย่าปฏิบัติศาสนกิจของท่านต่อหน้ามนุษย์เพื่ออวดคนอื่น มิฉะนั้น ท่านจะไม่ได้รับบำ�เหน็จ จากพระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ ดังนัน้ เมือ่ ท่านให้ทาน จงอย่าเป่าแตรข้างหน้าท่านเหมือนทีบ่ รรดาคน หน้าซือ่ ใจคดมักทำ�ในศาลาธรรมและตามถนนเพือ่ จะได้รบั คำ�สรรเสริญจากมนุษย์ เราบอกความจริงแก่ทา่ น ทั้งหลายว่า เขาได้รับบำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำ�ลังทำ� สิง่ ใด เพือ่ ทานของท่านจะได้เป็นทานทีไ่ ม่เปิดเผย แล้วพระบิดาของท่านผูท้ รงหยัง่ รูท้ กุ สิง่ จะประทานบำ�เหน็จ ให้ท่าน” “เมือ่ ท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาคนหน้าซือ่ ใจคด เขาชอบยืนอธิษฐานภาวนาในศาลา ธรรม และตามมุมลานเพือ่ ให้ใครๆ เห็น เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของเขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่ออธิษฐานภาวนา จงเข้าไปในห้องส่วนตัว ปิดประตู อธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่ง แล้ว พระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน” “เมือ่ ท่านทัง้ หลายจำ�ศีลอดอาหาร จงอย่าทำ�หน้าเศร้าหมองเหมือนบรรดาคนหน้าซือ่ ใจคด เขาทำ�หน้า หมองคลํา้ เพือ่ แสดงให้ผคู้ นรูว้ า่ เขากำ�ลังจำ�ศีลอดอาหาร เราบอกความจริงแก่ทา่ นว่า เขาได้รบั บำ�เหน็จของ เขาแล้ว ส่วนท่าน เมื่อจำ�ศีลอดอาหาร จงล้างหน้า ใช้นํ้ามันหอมใส่ศีรษะ เพื่อไม่แสดงให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำ�ลัง จำ�ศีลอดอาหาร แต่ให้พระบิดาของท่านผู้สถิตทั่วทุกแห่งทรงทราบ และพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง ก็จะประทานบำ�เหน็จให้ท่าน” พระเยซูเจ้าเชิญชวนให้เราไตร่ตรองถึงส่วนลึกของจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเวลาของการปฏิบตั ิ ศาสนกิจ พระองค์ให้ความสำ�คัญกับสิง่ ทีอ่ ยูภ่ ายในจิตใจของเราแต่ละคนเป็นอย่างมาก เพราะภาพภายนอกนัน้ สร้างได้ เนรมิตได้ แต่งแต้มสีสันอย่างไรก็ได้ ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับสิ่งที่อยู่ภายในห้วงลึกของหัวใจ จะว่าไปแล้ว ภาพที่เราสร้างอาจทำ�ให้คนรอบข้างเชื่อได้ แต่นั่นไม่อาจลวงหลอกพระเจ้าได้เลย การทำ�ดีด้วยจิตใจที่ดีงาม ยิ่งใหญ่กว่าการอวดดีนัก 06.indd 200

21/12/2561 14:49:56


บทอ่านที่ 1 2 คร 11:1-11 พีน่ อ้ ง ขอให้ทา่ นอดทนต่อความโง่เขลาของข้าพเจ้าสักเล็กน้อย แต่ความจริงท่าน ก็อดทนอยู่แล้ว ข้าพเจ้าหวงแหนท่านทั้งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน เพราะ ข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับชายคนเดียว เพื่อถวายประดุจพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสต เจ้า แต่ข้าพเจ้าเกรงว่างูหลอกลวงนางเอวาด้วยกลอุบายของมันฉันใด ความคิดของ ท่านอาจถูกหลอกลวงให้หันไปจากความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์ต่อพระคริสตเจ้าฉันนั้น สัปดาห์ที่ 11 เพราะถ้าผู้ใดมาประกาศพระเยซูเจ้าอีกองค์หนึ่ง แตกต่างไปจากองค์ที่เราได้ประกาศ หรือถ้าท่านได้รบั พระจิตเจ้าอีกองค์หนึง่ ซึง่ ต่างไปจากองค์ทที่ า่ นได้รบั หรือรับข่าวดีแตก เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2, ต่างไปจากข่าวดีทที่ า่ นได้รบั ท่านก็ยอมรับได้อย่างง่ายดาย ข้าพเจ้าคิดว่า ตนเองไม่ดอ้ ย 3-4,7-8 ไปกว่าบรรดาอัครสาวกชั้นพิเศษเหล่านั้นแม้แต่น้อย แม้ข้าพเจ้าจะพูดไม่เก่ง ข้าพเจ้าก็ มีความรูด้ ี เราแสดงความจริงข้อนีใ้ ห้เป็นทีป่ ระจักษ์แจ้งแก่ทา่ นทัง้ หลายแล้วในทุกกรณี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เมือ่ ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีของพระเจ้าแก่ทา่ นทัง้ หลายโดยไม่คดิ ค่าจ้าง ข้าพเจ้าทำ� ผิดหรือที่ถ่อมตนเพื่อยกย่องท่าน ข้าพเจ้าปล้นพระศาสนจักรอื่นๆ ยอมรับค่าจ้างจาก เขาเพื่อมารับใช้ท่าน เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลายและมีความจำ�เป็นต้องใช้จ่าย ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นภาระ ให้ผู้ใด เพราะบรรดาพี่น้องที่มาจากแคว้นมาซิโดเนียจุนเจือข้าพเจ้าตามความต้องการ ข้าพเจ้าพยายามที่จะ ไม่เป็นภาระแก่ท่านในทุกๆ เรื่อง และจะพยายามทำ�เช่นนี้ต่อไป ความจริงของพระคริสตเจ้าอยู่ในข้าพเจ้า แน่นอนฉันใด จะไม่มีผู้ใดห้ามข้าพเจ้ามิให้โอ้อวดตนเองในเรื่องนี้ในดินแดนแคว้นอาคายาได้ฉันนั้น เพราะ เหตุใด เพราะข้าพเจ้ามิได้รักท่านกระนั้นหรือ พระเจ้าทรงทราบดีว่าข้าพเจ้ารักท่าน พระวรสาร มธ 6:7-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซํ้าเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่าถ้าเขาพูดมากพระเจ้าจะทรง สดับฟัง อย่าทำ�เหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอ เสียอีก ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำ�เร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำ�วันแก่ ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’” “เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำ�ความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำ�ความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน” บทภาวนาทีพ่ ระเยซูเจ้าสอนบรรดาศิษย์นนั้ เป็นบทภาวนาทีเ่ รียบง่ายและชัดเจน เป็นบทภาวนา แห่งอิสรภาพอันยิง่ ใหญ่ พระองค์สอนให้เราวอนขออาณาจักรแห่งรัก เพือ่ ปลดปล่อยเราจากอาณาจักรแห่งความ ชั่วร้าย วอนขออาหารประจำ�วัน เพื่อปลดปล่อยเราจากความหิวกระหาย วอนขอการอภัยจากพระเจ้า เพื่อ ปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของบาป และเตือนจิตใจให้รู้จักอภัยผู้อื่น เพื่อใจเราจะได้ไม่หนักอึ้งด้วยความ โกรธแค้นใด ที่สุดวอนขอให้พระเจ้าช่วยเราให้เอาชนะการผจญ เพื่อเราจะได้เป็นอิสระจากบาปทั้งมวล ชีวิตที่ เป็นอิสระจากสิ่งชั่วร้ายคือชีวิตอันประเสริฐ 06.indd 201

21/12/2561 14:49:56


ระลึกถึง น.หลุยส์ คอนซากา นักบวช สดด 34:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 2 คร 11:18,21-30 พี่น้อง เมื่อหลายคนโอ้อวดตามธรรมชาติของมนุษย์ ข้าพเจ้าก็จะโอ้อวดด้วย ข้าพเจ้าพูดด้วยความอับอายว่า เราช่างอ่อนแอยิ่งนัก ไม่วา่ เขาเหล่านัน้ จะกล้าโอ้อวดเรือ่ งใด ข้าพเจ้าพูดอย่างคนโง่เขลาว่าข้าพเจ้าก็กล้า โอ้อวดด้วย เขาเป็นชาวฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชาวอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเป็นเชือ้ สายของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นด้วย เขาเป็น ผูร้ บั ใช้ของพระคริสตเจ้าหรือ ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเสียสติวา่ ข้าพเจ้าเป็นมากกว่าเขาเสีย อีก ข้าพเจ้าลำ�บากตรากตรำ�มากกว่าเขา ถูกจองจำ�มากกว่าเขา ถูกโบยตีมากกว่าเขา จนนับครั้งไม่ถ้วน ต้องเผชิญกับความตายหลายครั้ง ข้าพเจ้าถูกชาวยิวลงแส้ห้าครั้ง ครัง้ ละสามสิบเก้าที ข้าพเจ้าถูกชาวโรมันเฆีย่ นตีสามครัง้ ถูกขว้างด้วยหินหนึง่ ครัง้ เรือ อับปางสามครั้ง ลอยคออยู่กลางทะเลหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน ข้าพเจ้าต้องเดินทางเสมอ ต้องเผชิญอันตรายในแม่นาํ้ อันตรายจากโจรผูร้ า้ ย อันตรายจากเพือ่ นร่วมชาติ อันตราย จากคนต่างชาติ อันตรายในเมือง อันตรายในถิ่นทุรกันดาร อันตรายในทะเล อันตราย จากพี่น้องทรยศ ข้าพเจ้าต้องทำ�งานเหน็ดเหนื่อยลำ�บากตรากตรำ� อดนอนบ่อยๆ ต้อง หิวกระหาย ต้องอดอาหารหลายครั้ง ต้องทนหนาว ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ นอกจากสิ่ง เหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้ายังถูกบีบคั้นทุกวัน นั่นคือเป็นห่วงพระศาสนจักรทุกแห่ง ใครบ้าง อ่อนแอ และข้าพเจ้ามิได้อ่อนแอด้วย ใครบ้างถูกชักนำ�ให้ทำ�บาป และข้าพเจ้าไม่เป็น ทุกข์ด้วย ถ้าจำ�เป็นจะต้องโอ้อวด ข้าพเจ้าจะโอ้อวดในเรื่องที่แสดงถึงความอ่อนแอ ของข้าพเจ้า พระวรสาร มธ 6:19-23 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติ ทั้งหลายถูกสนิมและตัวขมวนทำ�ลาย ถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสม ทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมและตัวขมวนทำ�ลาย ขโมยก็เจาะช่องเข้ามา ขโมยไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย” “ประทีปของร่างกายคือดวงตา ดังนั้น ถ้าดวงตาของท่านเป็นปกติดี ร่างกายของ ท่านก็จะสว่างไปด้วย แต่ถา้ ดวงตาของท่านไม่ดี ร่างกายของท่านก็จะมืดไปด้วย ฉะนัน้ ถ้าความสว่างในท่านมืดไปแล้ว ความมืดจะยิ่งมืดมิดสักเพียงใด”

ชีวติ บนโลกนีเ้ ป็นของชัว่ คราวและความตายก็คอื ความเป็นจริงของชีวติ ทว่าบ่อยครัง้ ทีเดียวทีเ่ รา ละเลยไม่ใส่ใจต่อความจริงอันนีอ้ ย่างดี จนทำ�ให้ชวี ติ เรานัน้ ยึดติดและลุม่ หลงไปกับสิง่ ทีไ่ ม่จรี งั ยัง่ ยืนบนโลกนีไ้ ป มาก วันนี้พระเยซูเจ้าเตือนใจเราให้ไตร่ตรองถึงความจริงนี้อย่างดีอีกครั้ง ให้เราเข้าใจว่าทรัพย์สมบัติบนโลกนี้ นั้นเสื่อมสลายได้ แม้แต่ชีวิตเราเองก็เช่นกัน ดังนั้นให้เราแสวงหาคุณงามความดีเถิด เพื่อที่เราจะได้สมบัติใน สวรรค์บ้านแท้นิรันดร 06.indd 202

21/12/2561 14:49:57


บทอ่านที่ 1 2 คร 12:1-10 พี่น้อง ข้าพเจ้าจำ�เป็นต้องโอ้อวด แม้จะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แต่ข้าพเจ้าจะ เล่าถึงนิมติ และการเปิดเผยทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าประทานให้ ข้าพเจ้ารูจ้ กั มนุษย์คนหนึง่ ... มนุษย์ผู้นี้ จะอยู่ในร่างกาย หรือนอกร่างกาย ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ พระเจ้าทรงทราบ เขา ถูกดึงตัวขึน้ สรวงสวรรค์และได้ยนิ วาจาซึง่ อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ และไม่มมี นุษย์ คนใดพูดได้ สำ�หรับคนนี้ ข้าพเจ้าโอ้อวดได้ แต่สำ�หรับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะไม่โอ้อวด สิง่ ใดนอกจากความอ่อนแอของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าอยากจะโอ้อวด ข้าพเจ้าก็มใิ ช่คนโง่ เขลา เพราะข้าพเจ้าจะพูดความจริง... พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระหรรษทานของ เราเพียงพอสำ�หรับท่าน เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มทีเ่ มือ่ มนุษย์มคี วามอ่อนแอ” ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเต็มใจที่จะโอ้อวดเรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระ คริสตเจ้าพำ�นักอยู่ในข้าพเจ้า ฉะนั้นเพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจ ความอ่อนแอต่างๆ เมื่อถูกสบประมาท เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น

น.เปาลิน แห่งโนลา พระสังฆราช น.ยอห์น ฟิชเชอร์ และ น.โทมัส โมร์ มรณสักขี สดด 34:7-8,9-10, 11-12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 6:24-34 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ไม่มใี ครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึง่ และจะรักนายอีกคนหนึง่ เขาจะจงรักภักดี ต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกัน ไม่ได้” “ฉะนัน้ เราบอกท่านทัง้ หลายว่า อย่ากังวลถึงชีวติ ของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่าน ว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำ�คัญกว่าอาหาร และร่างกายย่อมสำ�คัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงมองดูนก ในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรง เลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ ท่านใดบ้างที่กังวลแล้วต่ออายุของตนให้ยาวออกไปอีกสัก หนึ่งวันได้ ท่านจะกังวลถึงเครื่องนุ่งห่มทำ�ไม จงสังเกตดูดอกไม้ในทุ่งนาเถิด มันเจริญงอกงามขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำ�งาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงเครื่องอย่างหรูหรา ก็ยัง ไม่งดงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง แม้แต่หญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ รุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้า ยังทรงตกแต่งให้งดงามเช่นนี้ พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านัน้ หรือ ท่านช่างมีความเชือ่ น้อยจริง ดัง นั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า ‘เราจะกินอะไร หรือจะดื่มอะไร หรือเราจะนุ่งห่มอะไร’ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ จง แสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่ง เหล่านี้ให้” “ดังนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำ�หรับตนเอง แต่ละวันมี ทุกข์พออยู่แล้ว” ความกังวลคือสิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบอย่างมากกับสุขภาพจิตของผู้คน เมื่อเรามีความกังวลกับสิ่ง ต่างๆ ในชีวิตมากเกินไป ชีวิตก็เดินต่อไปได้ยาก และความกังวลเหล่านี้อาจนำ�เราไปสู่ความกลัวได้อีกด้วย แม้ วิทยาศาสตร์และวิทยาการต่างๆ จะพยายามช่วยให้เราควบคุมและจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้อย่างเต็มที่ เพื่อที่ เราจะได้ไม่กังวลใดๆ ทว่าเราก็ยังควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ดังนั้นมิติของความเชื่อยังคงสำ�คัญและจำ�เป็นอยู่ การ วางใจในพระเจ้าจะช่วยเราขจัดความกังวลต่อสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี 06.indd 203

21/12/2561 14:49:57


สมโภช พระวรกาย และพระโลหิต พระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 14:18-20 ในครั้งนั้น เมลคีเซเดคกษัตริย์เมืองซาเลมทรงเอาขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้ พระองค์ทรงเป็นสมณะของพระเจ้าสูงสุด ทรงอวยพรอับรามว่าดังนี้ “อับรามจงได้รับพรจากพระเจ้าสูงสุด ผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าสูงสุด เพราะพระองค์ทรงมอบศัตรูไว้ในมือของท่าน” อับรามถวายหนึ่งในสิบของทุกสิ่งที่ยึดมาได้ให้แก่เมลคีเซเดค เพลงสดุดี สดด 110:1,2,3,4 ก) พระดำ�รัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า “จงประทับทางขวาของเรา จนกว่าเราจะทำ�ให้ศัตรูของท่านเป็นดังแท่นวางเท้าของท่าน” ข) จากศิโยนองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแผ่ขยายอำ�นาจกษัตริย์ปกครองแก่ท่าน ตรัสว่า “จงปกครองเหนือบรรดาศัตรู ค) อำ�นาจปกครองเป็นของท่านตั้งแต่วันกำ�เนิดในความรุ่งโรจน์ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่รุ่งอรุณเราให้กำ�เนิดท่านเหมือนนํ้าค้าง” ง) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณไว้แล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัย “ท่านเป็นสมณะตลอดไปตามแบบของเมลคีเซเดค” บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 11:23-26 พี่น้อง ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ ท่าน คือในคืนทีท่ รงถูกทรยศนัน้ เอง พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นีค่ อื กายของเราเพือ่ ท่านทัง้ หลาย จงทำ�การนีเ้ พือ่ ระลึกถึงเรา เถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารคํ่า ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ ในโลหิตของเรา ทุกครัง้ ทีท่ า่ นจะดืม่ จงทำ�การนีเ้ พือ่ ระลึกถึงเราเถิด” ทุกครัง้ ทีท่ า่ นกิน ปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่า พระองค์จะเสด็จมา บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 9:11ข-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงต้อนรับฝูงชนและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของ พระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำ�บัดรักษา

06.indd 204

21/12/2561 14:49:57


เมื่ อ จวนถึ ง เวลาเย็ น อั ค รสาวกสิ บ สองคนมาทู ล พระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไป เถิด เขาจะได้ไปตามหมูบ่ า้ นและชนบทโดยรอบเพือ่ หาทีพ่ กั และอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัส กับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูล ว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว เท่านัน้ หรือว่าเราจะไปซือ้ อาหารสำ�หรับคนเหล่านีท้ งั้ หมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดา ศิษย์วา่ “จงบอกให้พวกเขานัง่ ลงเป็นกลุม่ กลุม่ ละประมาณ ห้าสิบคน” เขาก็ทำ�ตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรง รับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนัน้ มา ทรงแหงนพระพักตร์ ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้ บรรดาศิษย์นำ�ไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง เราจะโทษบรรดาสาวกทีม่ าขอให้พระเยซูเจ้าอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะ พวกเขามองดูสถานการณ์ในสายตาของมนุษย์ ซึ่งพวกเขาพบว่ามันยากและแทบเป็นไปไม่ได้ ที่จะหาอาหารมา เลี้ยงคนหลายพันคนที่ติดตามมาฟังพระเยซูเจ้าเทศน์สอนและมาให้พระองค์เยียวยารักษา ทว่าพระเยซูเจ้าได้ แสดงให้พวกเขาเห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในการดูแลเอาใจใส่พวกเขา สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลทาง กายให้อิ่มหนำ�เท่านั้น แต่ยังสื่อถึงความรักความห่วงใยอันลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อประชาชนรวมถึงพวกเราทุกคน อีกด้วย

06.indd 205

21/12/2561 14:49:58


บทอ่านที่ 1 อสย 49:1-6 ดินแดนชายทะเลและเกาะทัง้ หลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ประชาชนทีอ่ ยูส่ ดุ แดน ไกล จงตั้งใจฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าเกิด ทรงขานชื่อ ข้าพเจ้าตัง้ แต่อยูใ่ นครรภ์มารดา พระองค์ทรงทำ�ให้ปากข้าพเจ้าเป็นเสมือนดาบคม ทรง ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์พระองค์ ทรงทำ�ให้ขา้ พเจ้าเป็นเสมือนลูกศรแหลมคม และทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งเก็บลูกศรของพระองค์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า สมโภช “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผูร้ บั ใช้ของเรา เราจะแสดงสิรริ งุ่ โรจน์ของเราโดยทางท่าน” แต่ การบังเกิดของ าพเจ้ากลับคิดว่า “ข้าพเจ้าได้ทำ�งานเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเสียแรงไปเปล่าๆ ไร้ น.ยอห์น ผู้ทำ�พิธีล้าง ข้ประโยชน์ ” ถึงกระนั้น รางวัลของข้าพเจ้าอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และ สดด 139:1-3,13-14, ค่าตอบแทนของข้าพเจ้าก็อยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า... 15-16

บทอ่านที่ 2 กจ 13:22-26 เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำ�แหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากร อิสราเอล ดังที่มีคำ�ยืนยันในพระคัมภีร์ว่า ‘เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำ�ตาม ความประสงค์ของเราทุกประการ’ จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วย อิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอล ทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำ�ลังทำ�ภารกิจของตนให้สำ�เร็จไป เขากล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่าน ทัง้ หลายคิด แต่บดั นี้ มีผหู้ นึง่ กำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึง่ ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา’ พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ผูเ้ ป็นบุตรจากเชือ้ สายของอับราฮัมและท่านทีเ่ คารพยำ�เกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าว เรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา พระวรสาร ลก 1:57-66,80 เมื่อครบกำ�หนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำ�พิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มี ญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอ กระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้ อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่ว แถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา... การบังเกิดของนักบุญยอห์นบัปติสต์ เป็นแผนการอันยิง่ ใหญ่ของพระเจ้า พระองค์ให้โอกาสมนุษย์ ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำ�หรับการต้อนรับองค์พระผูไ้ ถ่ ทีจ่ ะมาไถ่กพู้ วกเขาให้พน้ จากบาปและความตายผ่านทาง นักบุญยอห์น ท่านคือสะพานที่นำ�ผู้คนไปสู่พระเยซูเจ้า องค์พระผู้ไถ่ของมนุษยชาติ ดังนั้นขอให้เราเตรียมตัว เตรียมใจของเราให้พร้อมอยูเ่ สมอ เพือ่ จะได้ตอ้ นรับองค์พระผูไ้ ถ่ในวันทีพ่ ระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครัง้ หนึง่ อย่าง เหมาะสม 06.indd 206

21/12/2561 14:49:58


บทอ่านที่ 1 ปฐก 13:2,5-18 ในครั้งนั้น อับรามมั่งมีมาก มีฝูงแพะแกะ เงินทอง โลทซึ่งไปกับอับรามมีฝูงแกะ โค และกระโจมของตนด้วย ทีด่ นิ แถบนัน้ ไม่กว้างขวางพอทีจ่ ะให้เขาทัง้ สองคนอยูร่ ว่ ม กันได้ เพราะต่างคนต่างมีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงอยู่รวมกันไม่ได้ คนเลี้ยงสัตว์ของ อับรามกับคนเลีย้ งสัตว์ของโลทวิวาทกัน เวลานัน้ ชาวคานาอันและชาวเปริสซียงั อาศัย สัปดาห์ที่ 12 อยูใ่ นแผ่นดินนัน้ อับรามจึงบอกโลทว่า “เราอย่าวิวาทกันเลย อย่าให้คนเลีย้ งสัตว์ของ ท่านกับคนเลีย้ งสัตว์ของฉันวิวาทกัน เพราะเราเป็นญาติกนั แผ่นดินทัง้ หมดอยูต่ อ่ หน้า เทศกาลธรรมดา สดด 15:1-2,3-4,5 ท่านไม่ใช่หรือ จงแยกจากฉันเถิด ถ้าท่านไปทางซ้าย ฉันจะไปทางขวา ถ้าท่านไปทาง ขวา ฉันจะไปทางซ้าย” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 โลทเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตลอดลุ่มแม่นํ้าจอร์แดนไปจนถึงโศอาร์ มีนํ้าบริบูรณ์ เหมือนอุทยานขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าหรือเหมือนแผ่นดินอียปิ ต์ เวลานัน้ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้ายังไม่ได้ทำ�ลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ ดังนั้น โลทจึงเลือกเอาลุ่มแม่นํ้าจอร์แดน ทั้งหมดไว้เป็นของตน แล้วย้ายกระโจมไปทางตะวันออก เขาทั้งสองคนจึงแยกกัน... เมื่อโลทแยกไปแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามว่า “จงเงยหน้าขึ้นจากที่ที่ท่านอยู่ มองไปทาง ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก แผ่นดินทั้งหมดที่ท่านเห็นนี้ เราจะมอบให้ท่านและให้ ลูกหลานของท่านตลอดไป เราจะทำ�ให้ลูกหลานของท่านมีจำ�นวนมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนฝุ่นผงของ แผ่นดิน ผูใ้ ดนับฝุน่ ผงของแผ่นดินได้ ก็จะนับจำ�นวนลูกหลานของท่านได้เช่นเดียวกัน ท่านจงลุกขึน้ เดินทาง ไปให้ทั่วแผ่นดินนี้ ทั้งด้านยาวและด้านกว้างเถิด เพราะว่า เราจะมอบให้ท่าน” อับรามจึงย้ายกระโจมมาอาศัยอยูท่ หี่ มูต่ น้ โอ๊กของมัมเร ทีเ่ ฮโบรน แล้วสร้างพระแท่นบูชาถวายแด่องค์ พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น พระวรสาร มธ 7:6,12-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “อย่าให้ของศักดิส์ ทิ ธิแ์ ก่สนุ ขั อย่าโยนไข่มกุ ให้สกุ รเพราะมันจะเหยียบยํา่ ทำ�ให้เสียของ และหันมากัด ท่านอีกด้วย” “ท่านอยากให้เขาทำ�กับท่านอย่างไร ก็จงทำ�กับเขาอย่างนัน้ เถิด นีค่ อื ธรรมบัญญัตแิ ละคำ�สอนของบรรดา ประกาศก” “จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูและทางที่นำ�ไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำ�นวนมาก แต่ประตูและทางซึ่งนำ�ไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำ�นวนน้อย” พระเยซูเจ้าสอนเราให้เข้าใจถึงความจริงที่ว่า หนทางแห่งความดีและหนทางที่จะนำ�ไปสู่ชีวิต นิรันดรนั้น เป็นหนทางที่ยากลำ�บาก เป็นดังประตูแคบที่ไม่สะดวกสบายอะไร และไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับประตู กว้างทีส่ ะดวกสบายมากกว่า การออกแรงทำ�ความดีและหักห้ามใจจากความสุขทางโลกนัน้ เป็นสิง่ ทีท่ า้ ทายมาก ทีเดียว ทว่าผลของมันมีคุณค่าและสวยงามเสมอ หนทางแห่งความดีอาจดูไม่สนุกสนานมากนัก แต่ขอให้เรา ตระหนักอยู่เสมอถึงผลอันยิ่งใหญ่ของมันที่ทำ�ให้ชีวิตมีความหมายอย่างแท้จริง 06.indd 207

21/12/2561 14:49:58


บทอ่านที่ 1 ปฐก 15:1-12,17-18 หลังจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามในนิมิตว่า “อับรามเอ๋ย อย่ากลัว เลย เราเป็นโล่ป้องกันท่าน บำ�เหน็จรางวัลของท่านจะยิ่งใหญ่มาก” แต่อับรามทูลว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้ายังคงไม่มีบุตร เอลีเอเซอร์ชาวดามัสกัสก็จะเป็นผู้รับมรดกของ สัปดาห์ที่ 12 ข้าพเจ้า อับรามทูลอีกว่า ‘พระองค์ไม่ได้ประทานบุตรให้แก่ข้าพเจ้า ดังนั้น บ่าวที่เกิด เทศกาลธรรมดา ในบ้านของข้าพเจ้าก็จะได้รบั มรดก’” แล้วองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับอับรามอีกว่า “บ่าว สดด 105:1-2,3-4 ผู้นี้จะไม่เป็นผู้รับมรดกของท่าน แต่บุตรชายที่เกิดจากท่านเท่านั้นจะเป็นผู้รับมรดก” 6-7,8-9 พระองค์ทรงพาอับรามออกไปข้างนอก แล้วตรัสว่า “จงมองดูทอ้ งฟ้า นับจำ�นวนดวงดาว ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เถิด ถ้าท่านนับได้” พระองค์ทรงเสริมว่า “ลูกหลานของท่านจะมีจำ�นวนมากมายเช่น นี”้ อับรามเชือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และพระองค์ทรงนับว่าความเชือ่ นีเ้ ป็นความชอบธรรม สำ�หรับเขา พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้พาท่านออกจากเมืองอูร์ของชาวเคลเดีย เพื่อจะ มอบแผ่นดินนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน” อับรามทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ข้าพเจ้าจะรู้ ได้อย่างไรว่า แผ่นดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของข้าพเจ้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงนำ�ลูกโคตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุสามปี และแกะตัวผูอ้ ายุสามปี นกเขาและนกพิราบอย่างละตัวมาให้เรา” อับรามก็ไปนำ�สัตว์ เหล่านี้ทั้งหมดมา ผ่าครึ่งตัววางไว้ตรงกันเป็นสองแถว แต่ไม่ได้ผ่านก... ขณะทีด่ วงอาทิตย์จวนจะตก อับรามก็หลับสนิท ความมืดมิดทีน่ า่ กลัวอย่างยิง่ มาครอบคลุมเขาไว้ เมือ่ ดวงอาทิตย์ตกและมืดลงแล้ว ก็มหี ม้อไฟทีม่ คี วันพวยพุง่ และคบเพลิงทีล่ กุ อยูล่ อยผ่านระหว่างกลางสัตว์ที่ ผ่าซีกเหล่านั้น ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ�พันธสัญญาไว้กับอับราม... พระวรสาร มธ 7:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย ท่านจะรู้จักเขาได้ จากผลงานของเขา มีใครบ้างเก็บผลองุน่ จากต้นหนาม หรือเก็บผลมะเดือ่ เทศจากพงหนาม ในทำ�นองเดียวกัน ต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดี ต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดี ต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้ และต้นไม้พันธุ์ ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้ ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟ ดังนั้น ท่านจะรู้จักประกาศก เทียมได้จากผลงานของเขา” ชีวิตเปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงบนพื้นดินของโลกใบนี้ และเติบโตขึ้นแตกต่างกันไป พระเยซูเจ้าเตือนเราให้สังเกตผู้คนจากผลของเขาเหล่านั้น เพราะผลนั้นๆ จะบอกเราว่าแต่ละคนที่เราพบเจอ เติบโตมาอย่างไรและเป็นคนแบบไหน บทเรียนนี้สามารถนำ�มาใช้ทบทวนชีวิตของเราได้เช่นกัน ให้เราพิจารณา อย่างสุภาพจริงใจและรอบคอบว่า ชีวติ ของเรานัน้ ออกดอกออกผลอย่างไร เพือ่ ทีเ่ ราจะได้พฒ ั นาและเติบโตเป็น ลูกของพระที่ดียิ่งขึ้นต่อไป 06.indd 208

21/12/2561 14:49:59


บทอ่านที่ 1 ปฐก 16:1-12,15-16 ซารายภรรยาของอับรามไม่มีบุตรให้เขา นางมีทาสหญิงชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อ ฮาการ์ นางซารายจึงพูดกับอับรามว่า “นี่แน่ะ องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่โปรดให้ฉันมีบุตร จงไปร่วมหลับนอนกับทาสหญิงของฉันเถิด บางทีนางจะเกิดบุตรให้ฉันได้” อับรามก็ ฟังคำ�แนะนำ�ของนาง... อับรามได้ร่วมหลับนอนกับนางฮาการ์ นางก็ตั้งครรภ์ เมื่อนางฮาการ์รู้ว่าตนตั้ง ครรภ์แล้ว นางก็หยิ่งผยองและดูหมิ่นนายหญิงของตน... ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าพบนางฮาการ์ในถิ่นทุรกันดารใกล้ตานํ้าข้างทาง ไปเมืองชูร์ จึงถามว่า “ฮาการ์ทาสหญิงของนางซารายเอ๋ย ท่านมาจากไหน และจะไป ไหน” นางตอบว่า “ข้าพเจ้ากำ�ลังหนีให้พ้นจากนางซารายนายหญิงของข้าพเจ้า” ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงสัง่ ว่า “จงกลับไปหานายหญิงของท่าน และยอมอยู่ ใต้อ�ำ นาจของนางเถิด” ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ากล่าวอีกว่า “เราจะให้ลกู หลาน ของท่านทวีจ�ำ นวนขึน้ มากมายจนนับไม่ถว้ น” ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ายังเสริม อีกว่า “นีแ่ น่ะ ท่านตัง้ ครรภ์แล้วจะคลอดบุตรชาย และจะตัง้ ชือ่ เขาว่าอิชมาเอล เพราะ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังเสียงร้องทุกข์ของท่าน...” นางฮาการ์ให้กำ�เนิดบุตรชายแก่อับราม อับรามตั้งชื่อบุตรที่นางฮาการ์คลอดนั้น ว่า อิชมาเอล อับรามมีอายุแปดสิบหกปีเมื่อนางฮาการ์คลอดอิชมาเอลให้เขา

น.ซีริล แห่งอเล็กซันเดรีย พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 106:1-2, 3-4ก,4ค-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร มธ 7:21-29 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติ ตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผูส้ ถิตในสวรรค์นนั่ แหละจะเข้าสูส่ วรรค์ได้ ในวันนัน้ หลายคนจะกล่าว แก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้ประกาศพระวาจาในพระนามพระองค์ ขับไล่ปีศาจใน พระนามพระองค์ และได้ท�ำ อัศจรรย์หลายประการในพระนามพระองค์มใิ ช่หรือ’ เมือ่ นัน้ เราจะกล่าวแก่เขา ว่า ‘เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลย ท่านผู้ทำ�ความชั่ว จงไปให้พ้นหน้าเรา’” “ผู้ใดฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะ ตก นํา้ จะไหลเชีย่ ว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บา้ นหลังนัน้ บ้านก็ไม่พงั เพราะมีรากฐานอยูบ่ นหิน ผูใ้ ดทีฟ่ งั ถ้อยคำ� เหล่านี้ของเราและไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก นํ้าไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก” เมือ่ พระเยซูเจ้าตรัสถ้อยคำ�เหล่านีจ้ บแล้ว ประชาชนต่างพิศวงในคำ�สัง่ สอนของพระองค์ เพราะพระองค์ ทรงสอนเขาอย่างผู้มีอำ�นาจ ไม่ใช่สอนเหมือนบรรดาธรรมาจารย์ของเขา ชีวิตคริสตชนคือชีวิตแห่งการปฏิบัติ พระเยซูเจ้าเตือนใจเราว่าการติดตามพระองค์แต่ในคำ�พูด และการรับฟังนั้นยังไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่จำ�เป็นและสำ�คัญในชีวิตนั้นคือการนำ�สิ่งที่เรียนรู้จากพระองค์ไป ปฏิบัติให้เกิดผลในชีวิตจริง นี่คือวิถีแห่งการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า ดังนั้นขอให้เราแต่ละคนเป็นนักปฏิบัติ ปฏิบัติคำ�สอนแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าให้เป็นจริงในทุกๆ วันของชีวิต สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วย นักพูดนักคิด จึงจำ�เป็นต้องส่งเสริมให้มนี กั ปฏิบตั มิ ากขึน้ ด้วย เพือ่ ทำ�ให้โลกใบนีข้ บั เคลือ่ นต่อไปด้วยความดีงาม ด้วยสิ่งดีๆ ที่เราได้ช่วยกันสร้าง ช่วยกันทำ� 06.indd 209

21/12/2561 14:49:59


สมโภช พระหฤทัย ของพระเยซูเจ้า สดด 23:1-6

บทอ่านที่ 1 อสค 34:11-16 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะเอาใจใส่และจะแสวงหาฝูงแกะ ของเราเอง ผู้เลี้ยงแกะอยู่กับฝูงแกะและรวบรวมแกะที่กระจัดกระจายไปฉันใด เราก็ จะรวบรวมแกะของเราฉันนั้น... และจะนำ�มาไว้ในแผ่นดินของเขา เราจะเลี้ยงดูเขาบน ภูเขาแห่งอิสราเอล ในหุบเขาและในที่ที่มีคนอาศัยของแผ่นดิน เราจะเลี้ยงดูเขาในทุ่ง หญ้าดีๆ ทุ่งหญ้าของเขาจะอยู่บนภูเขาสูงต่างๆ แห่งอิสราเอล ที่นั่นเขาจะนอนลงบน ทุ่งหญ้าที่ดี และเขาจะเล็มหญ้าอยู่ตามทุ่งหญ้าอุดมบนภูเขาแห่งอิสราเอล เราเองจะ เป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เราจะให้เขานอนพัก องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราจะตาม หาแกะที่สูญหายไป เราจะนำ�แกะที่หลงทางกลับมา เราจะพันแผลแกะที่บาดเจ็บ เรา จะเสริมกำ�ลังแกะที่อ่อนเพลีย เราจะดูแลแกะที่อ้วนและแข็งแรง เราจะเลี้ยงเขาอย่าง ยุติธรรม”

บทอ่านที่ 2 รม 5:5-11 พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของ พระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำ�หนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรง พิสจู น์วา่ ทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิน้ พระชนม์เพือ่ เราขณะทีเ่ รายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมือ่ เราได้รบั ความ ชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูก พระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกบั พระเจ้าเดชะการสิน้ พระชนม์ของพระบุตรขณะทีเ่ รายังเป็นศัตรูอยู่ ยิง่ กว่า นั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจใน พระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกับ พระเจ้าแล้ว พระวรสาร ลก 15:3-7 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสคำ�อุปมาให้พวกฟาริสีและธรรมาจารย์ฟังว่า “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตาม หาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและ เพือ่ นบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกบั ฉันเถิด ฉันพบแกะตัวทีห่ ายไปนัน้ แล้ว’ เราบอกท่านทัง้ หลายว่าในสวรรค์ จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจ มากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ ต้องการกลับใจ” หัวใจของพระเยซูเจ้าอยูท่ มี่ นุษย์ทกุ ๆ คน ทัง้ คนชอบธรรมและคนบาป เรือ่ งราวทีพ่ ระเยซูเจ้าสอน บรรดาฟาริสีและธรรมาจารย์นั้น เป็นเรื่องราวของความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นความรักที่ไร้ขอบเขตและไร้เงื่อนไข ใดๆ การได้พบกับแกะหนึ่งตัวที่หายไป คือความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอให้เราตระหนักอยู่เสมอ ว่าพระเจ้านัน้ รักเราจริงๆ และการกลับใจของเรานัน้ คือความสุขและความยินดีของพระองค์ นีค่ อื ความรักความ เมตตาอันมหัศจรรย์ที่ไหลหลั่งมาจากหัวใจของพระเยซูเจ้าต่อพวกเราคนบาปทุกคน 06.indd 210

21/12/2561 14:49:59


บทอ่านที่ 1 อสย 61:10-11 ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า วิญญาณของข้าพเจ้าจะชื่นชม ยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ประทานความรอดพ้นแก่ขา้ พเจ้าเป็นเสมือน อาภรณ์ที่ทรงสวมให้ ประทานความชอบธรรมให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนเสื้อคลุม ข้าพเจ้า เป็นเหมือนเจ้าบ่าวทีโ่ พกศีรษะอย่างงดงาม เหมือนเจ้าสาวประดับตนด้วยเพชรนิลจินดา เพราะแผ่นดินบังเกิดพืชผล และสวนทำ�ให้เมล็ดพืชงอกขึ้นฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ทรงบันดาลให้เกิดความชอบธรรมและการสรรเสริญต่อหน้านานาชาติฉันนั้น พระวรสาร ลก 2:41-51 โยเซฟพร้ อ มกั บ พระมารดาของพระเยซู เจ้ า เคยขึ้ น ไปยั ง กรุ ง เยรู ซ าเล็ ม ใน เทศกาลปัส กาทุ กปี เมื่ อพระองค์ มีพ ระชนมายุ สิบสองพรรษา โยเซฟพร้อมกับ พระมารดาก็ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มตามธรรมเนียมของเทศกาลนั้น เมื่อวันฉลองสิ้นสุด ลง ทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังประทับอยูท่ ก่ี รุงเยรูซาเล็มโดยทีบ่ ดิ ามารดา ไม่รู้ เพราะคิดว่า พระองค์ทรงอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเดินทาง เมื่อเดินทางไปได้หนึ่งวันแล้ว โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียต์ ามหาพระองค์ในหมูญ ่ าติและคนรูจ้ กั เมือ่ ไม่พบจึงกลับ ไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหาพระองค์ที่นั่น ในวันที่สาม โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์พบพระองค์ในพระวิหารประทับนั่งอยู่ ในหมู่อาจารย์ ทรงฟังและทรงไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจ ในพระปรีชาที่ทรงแสดงในการตอบคำ�ถาม เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์เห็น พระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงตรัสถามพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำ�ไมจึงทำ�กับเรา เช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก” พระองค์ตรัสตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหา ลูกทำ�ไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” โยเซฟพร้อมกับ พระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่พระองค์ตรัส พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปทีเ่ มืองนาซาเร็ธกับบิดามารดาและเชือ่ ฟังท่านทัง้ สองคน พระมารดาทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย

ระลึกถึง ดวงหทัยนิรมล ของพระแม่มารีย์ 1 ซมอ 2:1,4-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

การหาพระเยซูเจ้าไม่พบนั้น ย่อมนำ�ความทุกข์ใจมายังนักบุญโยเซฟและ แม่พระเป็นอย่างมาก และเมือ่ พบพระองค์แล้วก็ยงั มีเรือ่ งราวให้ทงั้ สองประหลาดใจต่อไป อีกด้วย สิ่งที่พระเยซูเจ้าทำ�นั้นคงไม่ใช่เรื่องปกติที่เด็กวัยสิบสองขวบทั่วไปจะทำ�ได้อย่าง มั่นใจ แต่พวกเขาก็เก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้แม้จะไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งก็ตาม ชีวิตของ แม่พระสอนเราให้ยอมรับและเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้า แม้เราอาจจะไม่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พระองค์เผยแสดงให้เราเห็นก็ตาม

06.indd 211

21/12/2561 14:50:00


สมโภช น.เปโตร และ น.เปาโล อัครสาวก

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 12:1-11 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเริ่มเบียดเบียนสมาชิกบางคนของพระศาสนจักร พระองค์ทรงประหารชีวิตยากอบพี่ชายของยอห์นโดยตัดศีรษะ เมื่อทรงเห็นว่าชาวยิว พอใจ จึงทรงจับกุมเปโตรด้วย ขณะนั้น อยู่ในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เมื่อทรง จับกุมเปโตรแล้ว ก็ทรงจองจำ�เขาไว้ในคุก ให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนควบคุมไว้ ตั้ง พระทัยว่าเมื่อสิ้นเทศกาลปัสกาแล้วจะทรงนำ�ไปพิจารณาคดีต่อหน้าประชาชน ขณะทีเ่ ปโตรถูกจองจำ�อยูใ่ นคุก พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพือ่ เขา ตลอดเวลา คืนก่อนทีก่ ษัตริยเ์ ฮโรดจะทรงนำ�เปโตรไปพิจารณาคดี เปโตรนอนหลับอยูร่ ะหว่าง ทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และมีทหารยามเฝ้าหน้าประตูคุก ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึง่ ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเข้ามาใกล้ มีแสงสว่างจ้าในห้องขัง ทูตสวรรค์ สะกิดข้างกายเปโตรปลุกให้ตื่นขึ้น แล้วสั่งว่า “เร็วเข้า ลุกขึ้นเถอะ” โซ่ก็หลุดไปจาก มือของเปโตร ทูตสวรรค์สงั่ เปโตรว่า “จงคาดสะเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็ท�ำ ตาม ทูตสวรรค์ สั่งอีกว่า “จงสวมเสื้อคลุม แล้วตามข้าพเจ้ามาเถิด” เปโตรจึงตามทูตสวรรค์ออกไป ไม่รสู้ กึ ตัวว่าสิง่ ทีท่ ตู สวรรค์ก�ำ ลังทำ�ให้ตนนัน้ เกิดขึน้ จริง คิดว่ากำ�ลังเห็นนิมติ ทูตสวรรค์ และเปโตรผ่านยามชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง มาถึงประตูเหล็กที่เป็นทางผ่านเข้าไปในเมือง ประตูนั้นก็เปิดได้เอง ทูตสวรรค์และเปโตรจึงออกไปเดินตามถนนสายหนึ่ง แล้ว ทูตสวรรค์ก็หายไปในทันที เปโตรรูส้ กึ ตัว พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารูแ้ น่แล้วว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์ มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้ายทั้งหลายของ ประชาชนชาวยิว” เพลงสดุดี สดด 34:1-2,3-4,5-7,8-10 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล คำ�สรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาผู้ตํ่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) จงประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้าเถิด เราจงโห่ร้องถวายชัยแด่พระนามพระองค์พร้อมกัน ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความกลัวทั้งหลาย ค) จงจับตาดูพระองค์ แล้วใบหน้าของท่านจะสดใส ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย

06.indd 212

21/12/2561 14:50:00


คนยากจนร้องทูล องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งค่ายอยู่โดยรอบผู้ยำ�เกรงพระองค์ พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย ง) จงลองลิ้มดูให้รู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดี คนที่ลี้ภัยมาพึ่งพระองค์ย่อมเป็นสุข บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงยำ�เกรงพระองค์เถิด

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:6-8,17-18 พี่น้อง ชีวิตของข้าพเจ้ากำ�ลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อไว้แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบ ธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการสำ�แดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้ สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทงั้ หลายจะได้ฟงั ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโต มาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำ�ข้าพเจ้าไปสู่พระ อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรนั ดรเทอญ อาเมน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลาย กล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็น ประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่ มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มวี นั ชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจ อาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” ชีวิตของนักบุญเปโตรและเปาโลนั้นเป็นชีวิตที่น่าทึ่ง พวกเขาทั้งสองถูกเรียกและถูกเลือกให้มา ติดตามพระเยซูเจ้า ซึ่งพวกเขาได้ตอบรับเสียงเรียกนั้นด้วยความกล้าหาญ และยืนหยัดยืนยันในการประกาศ ข่าวดีของพระเยซูเจ้าด้วยชีวติ ของพวกเขา แม้พวกเขาจะเคยปฏิเสธพระเยซูเจ้าในห้วงหนึง่ ของชีวติ แต่นนั่ ไม่ใช่ อุปสรรคกีดขวางความเชือ่ ของพวกเขาได้เลย เราแต่ละคนก็มขี อ้ บกพร่องในชีวติ และความเชือ่ แต่ขอให้เราอย่า ได้ท้อแท้ในการติดตามพระเยซูเจ้า ผู้เป็นหนทาง ความจริง และชีวิตของเรา 06.indd 213

21/12/2561 14:50:00



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.