สมโภช น.เปโตร และ น.เปาโล อัครสาวก
บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก กจ 12:1-11 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเริ่มเบียดเบียนสมาชิกบางคนของพระศาสนจักร พระองค์ทรงประหารชีวิตยากอบพี่ชายของยอห์นโดยตัดศีรษะ เมื่อทรงเห็นว่าชาว ยิวพอใจ จึงทรงจับกุมเปโตรด้วย ขณะนั้น อยู่ในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เมื่อ ทรงจับกุมเปโตรแล้ว ก็ทรงจองจำ�เขาไว้ในคุก ให้ทหารสี่หมู่ หมู่ละสี่คนควบคุมไว้ ตั้งพระทัยว่าเมื่อสิ้นเทศกาลปัสกาแล้วจะทรงนำ�ไปพิจารณาคดีต่อหน้าประชาชน ขณะที่เปโตรถูกจองจำ�อยู่ในคุก พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อ เขาตลอดเวลา คืนก่อนที่กษัตริย์เฮโรดจะทรงนำ�เปโตรไปพิจารณาคดี เปโตรนอนหลับอยู่ ระหว่างทหารสองคน มีโซ่สองเส้นล่ามไว้ และมีทหารยามเฝ้าหน้าประตูคุก ทันใด นั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้ามาใกล้ มีแสงสว่างจ้าในห้องขัง ทูต สวรรค์สะกิดข้างกายเปโตรปลุกให้ตื่นขึ้น แล้วสั่งว่า “เร็วเข้า ลุกขึ้นเถอะ” โซ่ก็หลุด ไปจากมือของเปโตร ทูตสวรรค์สั่งเปโตรว่า “จงคาดสะเอวและสวมรองเท้า” เปโตรก็ทำ�ตาม ทูต สวรรค์สั่งอีกว่า “จงสวมเสื้อคลุม แล้วตามข้าพเจ้ามาเถิด” เปโตรจึงตามทูตสวรรค์ ออกไป ไม่รสู้ กึ ตัวว่าสิง่ ทีท่ ตู สวรรค์ก�ำ ลังทำ�ให้ตนนัน้ เกิดขึน้ จริง คิดว่ากำ�ลังเห็นนิมติ ทูตสวรรค์และเปโตรผ่านยามชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง มาถึงประตูเหล็กที่เป็นทางผ่าน เข้าไปในเมือง ประตูนนั้ ก็เปิดได้เอง ทูตสวรรค์และเปโตรจึงออกไปเดินตามถนนสาย หนึ่ง แล้วทูตสวรรค์ก็หายไปในทันที เปโตรรู้สึกตัว พูดว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แน่แล้วว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่ง ทูตสวรรค์มาช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้าย ทั้งหลายของประชาชนชาวยิว” เพลงสดุดี สดด 34:1-2,3-4,5-7,8-10 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล ค�ำสรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ตํ่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) จงประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้าเถิด เราจงโห่ร้องถวายชัยแด่พระนามของพระองค์พร้อมกัน ข้าพเจ้าแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความกลัวทั้งมวล ค) จงจับตาดูพระองค์ แล้วใบหน้าของท่านจะสดใส ไม่มีวันจะต้องอับอายเลย
คนยากจนร้องทูล องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งค่ายอยู่โดยรอบ ผู้ย�ำเกรงพระองค์ พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นภัย
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:6-8,17-18 ลูกทีร่ กั ยิง่ ชีวติ ของข้าพเจ้ากำ�ลังจะถูกถวายเป็นเครือ่ ง บูชาอยูแ่ ล้ว ถึงเวลาแล้วทีข่ า้ พเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้ มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อไว้แล้ว ยัง เหลืออยูก่ เ็ พียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึง่ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะ ประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการสำ�แดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้ สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทงั้ หลายจะได้ฟงั ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโต มาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำ�ข้าพเจ้าไปสู่พระ อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรนั ดรเทอญ อาเมน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:13-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิปและตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลาย กล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็น ประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่ มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจ อาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” ชีวิตของผู้นำ�ความเชื่อ • เป็นผู้ที่พระบิดาทรงเลือกสรร ทรงช่วยให้รู้จักพระเยซูเจ้าและดำ�เนินชีวิตรับใช้พระองค์ • เป้าหมายเดียวของผู้นำ� คือ ถวายทั้งชีวิตเป็นบูชาเพื่อรักและรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์... และพร้อมจบชีวิตเยี่ยงยากอบ เปโตรและเปาโล
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา สดด 50:16-18, 19-21,22-23
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อมส 2:6-10,13-16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เพราะชาวอิสราเอลได้ลว่ งละเมิดสามครัง้ และสีค่ รัง้ เราจะตัดสินลงโทษและจะ ไม่กลับคำ� เพราะเขาได้ขายผู้ชอบธรรมเพื่อเงิน ขายคนขัดสนเพื่อรองเท้าแตะคู่เดียว เขาทัง้ หลายได้เหยียบยาํ่ ศีรษะของคนยากจนลงไปในฝุน่ ของแผ่นดิน ทำ�ให้หนทางของ ผู้ตํ่าต้อยต้องหันเหไป บุตรและบิดาเข้าหาหญิงสาวคนเดียวกัน เป็นการลบหลู่นาม ศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาใช้เสื้อผ้าที่ยึดเป็นประกันมาปูนอนอยู่ข้างพระแท่นบูชาทุกแท่น เขาดืม่ เหล้าองุน่ ทีเ่ ป็นค่าปรับจากประชาชนในบ้านพระเจ้าของตน เราเองได้ท�ำ ลายชน เผ่าอาโมไรต์ต่อหน้าเขา แม้ชาวอาโมไรต์มีร่างสูงเหมือนต้นสนสีดาร์ และแข็งแรง เหมือนต้นโอ๊ก เราได้ทำ�ลายผลของเขาจากเบื้องบน และทำ�ลายรากของเขาจากเบื้อง ล่าง เราได้ให้ทา่ นทัง้ หลายขึน้ มาจากแผ่นดินอียปิ ต์ นำ�ทางท่านในถิน่ ทุรกันดารเป็นเวลา สี่สิบปี เพื่อท่านจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของชนเผ่าอาโมไรต์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะกดท่านลงในที่ที่ท่านอยู่ เหมือนเกวียนที่บรรทุกฟ่อนข้าวอัด แน่นจมลงในดิน แม้ผู้วิ่งเร็วก็จะหนีไม่ทัน คนแข็งแรงจะใช้กำ�ลังของตนก็ไม่ได้ ทหาร ชำ�นาญศึกจะช่วยชีวิตของตนให้รอดพ้นก็ไม่ได้ ผู้ยิงธนูจะยืนหยัดอยู่ไม่ได้ ผู้มีฝีเท้า เร็วช่วยตนเองไม่ได้ ผู้ขี่ม้าก็ช่วยชีวิตตนเองไม่ได้ ในวันนั้น แม้แต่นักรบกล้าหาญที่สุด ก็จะทิ้งอาวุธหนีไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส พระวรสาร มธ 8:18-22 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเห็นประชาชนห้อมล้อมพระองค์ จึงทรงสั่งบรรดาศิษย์ ให้ข้ามทะเลสาบไปอีกฝั่งหนึ่ง ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้า อยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งทีพ่ ระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนขั จิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ” ศิษย์อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดา ของข้าพเจ้าเสียก่อน” แต่พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา และปล่อยให้คน ตายฝังคนตายของตนเถิด” มาตรฐานการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า 1. ไม่ล่วงละเมิดเกียรติและศักดิ์ศรีผู้อื่น เป็นต้น คนจน 2. สละทุกสิง่ ทุกอย่าง และพร้อมอดทนต่อความทุกข์ทกุ ชนิด เพือ่ ดำ�เนินชีวติ รักและ รับใช้มวลชน
บทอ่านที่ 1 อฟ 2:19-22 พีน่ อ้ ง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผูม้ าขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพือ่ นร่วมชาติ กับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดย มีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระ คริสตเจ้าทรงทำ�ให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์ พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำ�ลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า พระวรสาร ยน 20:24-29 เวลานั้น โทมัส ซึ่งเรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสอง คน ไม่ได้อยูก่ บั อัครสาวกคนอืน่ ๆ เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอืน่ บอกเขาว่า “พวก เราเห็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูทพี่ ระหัตถ์ และไม่ได้เอานิว้ แยงเข้าไปทีร่ อยตะปู และไม่ได้เอามือคลำ�ทีด่ า้ นข้างพระวรกาย ข้าพเจ้า จะไม่เชื่อเป็นอันขาด” แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่ กับเขาด้วย พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามายืนอยู่ตรงกลางทั้งๆ ที่ประตูปิดอยู่ ตรัสกับเขา ทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิ้วมา ที่นี่ และดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลำ�ที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยอีกต่อไป แต่ จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของ ข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็ เป็นสุข” ความเชื่อของคริสตชน • 40 วันแรกเมื่อพระเยซูเจ้ากลับฟื้นคืนชีพ บรรดาศิษย์และผู้ใกล้ชิดพระองค์มี ความลำ�บากที่จะเชื่อว่า “พระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนชีวิตจริง” พระเยซูเจ้าทรง ใช้หลายวิธี เพื่อฟื้นฟูความเชื่อของพวกเขา เช่น ให้โอกาสสัมผัสรอยแผลของ พระองค์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง • แต่ในสมัยของเรา ไม่ต้องเป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะเราเห็นผลงานที่เกิดจากผู้เชื่อ ศรัทธามีมากมายทั่วโลก มีพระสงฆ์ นักบวช งานอภิบาลและโบสถ์วิหารเกิดขึ้น ทั่วโลก นี่ก็เป็นเพราะว่าพระองค์สถิตกับเรา ทรงทำ�ให้เราสามารถทำ�สิ่งเหล่านี้ ได้... แต่สิ่งที่สำ�คัญกว่าคือ “ปฏิบัติตามข้อคำ�สอนของพระองค์ โดยรักและรับใช้ พี่น้องของเรา”
ฉลอง น.โทมัส อัครสาวก สดด 117:1,2
บทอ่านที่ 1 อมส 5:14-15,21-24 องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส “จงแสวงหาความดี อย่าแสวงหาความชั่ว แล้วท่านจะมีชวี ติ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลจะสถิตกับท่านดังทีท่ า่ นอ้าง จงเกลียด ชังความชั่ว จงรักความดี จงตั้งความยุติธรรมไว้ที่ประตูเมือง บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้า จอมจักรวาลจะทรงสงสารพงศ์พันธุ์โยเซฟที่เหลืออยู่ เราเกลียด เรารังเกียจเทศกาลฉลองของท่าน เราไม่พอใจการประชุมสง่างามของ น.เอลีซาเบธ ราชินีแห่งโปรตุเกส ท่าน แม้ท่านทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชา เราก็ไม่พอใจธัญบูชาของท่าน เราไม่มอง สัตว์อว้ นพีทที่ า่ นถวายเป็นศานติบชู า จงให้เสียงอึกทึกของบทเพลงของท่านอยูห่ า่ งจาก สดด 50:7-10,11-13, เรา เราทนฟังเสียงพิณใหญ่ของท่านไม่ได้ แต่จงให้ความยุตธิ รรมหลัง่ ไหลลงเหมือนนํา้ 16-18 และให้ความชอบธรรมเป็นเหมือนธารนํ้าที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 พระวรสาร มธ 8:28-34 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดารา ผู้ถูกปีศาจสิง สองคนออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดิน ผ่านทางนั้นได้ ทันใดนั้น ทั้งสองคนร้องตะโกนว่า “ข้าแต่บุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่ง กับเราทำ�ไม ท่านมาทีน่ เี่ พือ่ ทรมานเราก่อนเวลาหรือ” ไม่ไกลจากทีน่ นั่ มีหมูฝงู ใหญ่ก�ำ ลัง หากินอยู่ พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์วา่ “ถ้าท่านขับไล่พวกเรา ขอได้สง่ เราเข้าไปในหมู ฝูงนั้นเถิด” พระองค์ตรัสกับมันว่า “จงไปเถิด” พวกปีศาจจึงออกไปสิงในหมู หมูทั้ง ฝูงต่างวิง่ กระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมนาํ้ ตาย คนเลีย้ งหมูหนีเข้าไปในเมือง เล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องผู้ถูกปีศาจสิงด้วย คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา พระอานุภาพของพระเจ้า ปรากฏให้เราเห็นได้เมื่อทรงขับไล่ปีศาจที่เป็น กองทัพใหญ่ให้ออกจากตัวคน พระองค์จึงไม่ต้องการของกำ�นัลใดๆ จากเรา... เพียงสอง สิ่งที่พระองค์ทรงแสวงหาก็คือ 1. ให้ถือความยุติธรรม อย่าล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น 2. สร้างความชอบธรรมด้วย “การรักและรับใช้ทุกคน”
บทอ่านที่ 1 อมส 7:10-17 อามาซิยาห์สมณะที่เมืองเบธเอลส่งคนไปทูลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอลว่า “อาโมสได้คดิ กบฏต่อพระองค์ในหมูพ่ งศ์พนั ธุอ์ สิ ราเอล แผ่นดินทนฟังถ้อยคำ�ของเขา ไม่ได้ เพราะอาโมสพูดว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะ ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตน’” สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำ�นาย ไปเสียเถอะ จง กลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำ�มาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่ อย่าประกาศพระวาจาที่เบธเอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และ เป็นพระวิหารของราชอาณาจักร” อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคย เป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และ เป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอล ประชากรของเรา’ บัดนี้ จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านพูดว่า ‘อย่าประกาศพระวาจากล่าวโทษอิสราเอล อย่าเทศน์สอนกล่าวโทษ พงศ์พนั ธุอ์ สิ อัค’ ดีแล้ว องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ภรรยาของท่านจะเป็นหญิงโสเภณี ในเมือง บุตรชายหญิงของท่านจะล้มลงด้วยดาบ เขาจะขึงเชือกแบ่งทีด่ นิ ของท่าน ท่าน จะตายในแผ่นดินที่มีมลทิน และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ห่างจาก แผ่นดินของตนอย่างแน่นอน’”
น.อันตน มารีย์ ซักกาเรีย พระสงฆ์ สดด 19:7,8-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มธ 9:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฝั่งกลับมายังเมืองของพระองค์ ทันใดนั้น มี ผูห้ ามคนอัมพาตคนหนึง่ นอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชือ่ ของเขา จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ทำ�ใจดีๆ ไว้เถิด ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัย แล้ว” ธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนีก้ ล่าวดูหมิน่ พระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงทราบ ความคิดของเขา จึงตรัสว่า “ท่านคิดร้ายในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รบั การอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึน้ เดินไปเถิด’ แต่เพือ่ ให้ทา่ นทราบ ว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนอัมพาตว่า “จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน เมื่อประชาชนเห็นดังนี้ ต่างมีความกลัว ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ประทานอำ�นาจเช่นนี้ให้แก่มนุษย์ สองทางเลือกสำ�หรับคริสตชน • เมื่อชาวอิสราเอลเลิกถือบัญญัติของพระเจ้า ประชาชนบังเกิดความอ่อนแอไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูได้ • อีกภาพหนึ่ง เราเห็นคนพิการแสวงหาพระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงเขาให้กลับแข็งแรงขึ้น
บทอ่านที่ 1 อมส 8:4-6,9-12 ท่านทั้งหลายที่เหยียบยํ่าคนขัดสน และทำ�ลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟัง ถ้อยคำ�นี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรวัน สับบาโตจะพ้นไป เราจะได้นำ�ข้าวสาลีออกขาย เราจะทำ�ถังตวงข้าวให้เล็กลง ทำ�ให้ตุ้ม เชเขลใหญ่ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงนํ้าหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่ง น.มารีย์ กอแรตตี ซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” พรหมจารี “วันนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เราจะทำ�ให้ดวงอาทิตย์ตกในเวลาเทีย่ งวัน มรณสักขี ทำ�ให้แผ่นดินมืดแม้ในเวลากลางวัน เราจะเปลี่ยนเทศกาลฉลองของท่านให้เป็นการไว้ สดด 119:2,10,20, 30, ทุกข์ เปลีย่ นบทเพลงทัง้ หมดของท่านเป็นการคราํ่ ครวญ เราจะให้ทกุ คนสวมผ้ากระสอบ 40,131-132 ทีส่ ะเอว ให้ทกุ คนโกนศีรษะจนโล้น เราจะทำ�ให้เป็นเหมือนการไว้ทกุ ข์บตุ รชายคนเดียว ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 และวาระสุดท้ายจะเหมือนวันที่ขมขื่น” วันศุกร์ต้นเดือน “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมา ในแผ่นดิน ไม่ใช่การหิวอาหารหรือการกระหายนํ้า แต่จะส่งความปรารถนาจะฟังพระ วาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาทั้งหลายจะเดินทางระเหระหนจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น จะเร่ร่อนจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เพื่อแสวงหาพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เขาจะหาไม่พบ” พระวรสาร มธ 9:9-13 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำ�ลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษี และคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสี จึงถามศิษย์ของพระองค์วา่ “ทำ�ไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ คนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครือ่ งบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพือ่ เรียกคนชอบธรรม แต่มาเพือ่ เรียกคนบาป” หนึ่งชีวิตที่เรามี – สองเส้นทางให้เราเดิน • ทางที่เห็นแก่ตัว คอยเบียดเบียนเอาเปรียบผู้อื่น เช่น คนจน คนไม่มีทางสู้ ล่วง ละเมิดสิทธิของเขา ค้าขายขี้โกง เป็นต้น • ทางของพระเจ้า คือเมตตาธรรม เป็นเพือ่ นกับผูต้ าํ่ ต้อย ช่วยเหลือผูต้ กทุกข์ เรียก คนบาปให้กลับใจ ติดตามพระผู้เป็นเจ้า
บทอ่านที่ 1 อมส 9:11-15 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “วันนั้น เราจะตั้งเพิงที่ล้มลงแล้วของดาวิดขึ้นใหม่ จะ ซ่อมแซมช่องโหว่ จะตั้งซากปรักหักพังขึ้นใหม่ จะสร้างเพิงขึ้นใหม่ให้เหมือนในสมัย นานมาแล้ว เขาจะได้ยึดคนที่เหลือของเอโดม และยึดชนชาติทั้งหลายที่เคยเป็นของ เราเป็นกรรมสิทธิ์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะทรงกระทำ�เช่นนี้ “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อคนไถจะตามทันคนเกี่ยว ผู้ยํ่า ผลองุ่นจะตามทันผู้หว่านเมล็ด เหล้าองุ่นใหม่จะไหลจากภูเขา ไหลลงมาตามเนินเขา ทุกแห่ง เราตั้งใจจะนำ�อิสราเอลประชากรของเราที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยกลับมา เขาจะสร้างเมืองที่ถูกทำ�ลายแล้วขึ้นใหม่และจะเข้าไปอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่น และดืม่ เหล้าองุน่ ของสวนนัน้ เขาจะทำ�สวนผลไม้และจะกินผลจากสวนนัน้ เราจะปลูก เขาไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปอีกเลย จากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบแก่ เขา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านตรัสไว้” พระวรสาร มธ 9:14-17 วันหนึง่ บรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมพวกเราและพวก ฟาริสีจำ�ศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำ�ศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญ มาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าว จะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำ�ศีลอดอาหาร ไม่มีใครนำ�ผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้า ใหม่ทนี่ �ำ มาปะเสือ้ เก่านัน้ จะหดตัว ทำ�ให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มใี ครใส่เหล้าองุน่ ใหม่ ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย” ความยุติธรรมและความรัก ความยุติธรรม คือการเคารพเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้อื่น ถ้าอยู่ในสังคมต้องเคารพ กฎหมาย ถ้าขาดสองสิ่งนี้ ความวุ่นวายจะเกิดขึ้น ประเทศชาติจะล่มสลาย ความรัก มีคุณค่ากว้างกว่าความยุติธรรม เพราะความรักสอนคนให้เสียสละเพื่อผู้ อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่พิพากษาตัดสินผู้อื่นโดยเบาความ รู้จักให้อภัยเมื่อเขาทำ�ผิด... ความรักคือพระพรมาจากพระเจ้า ทำ�ให้ครอบครัวเข้มแข็ง สังคมมีสายใยช่วยยึดโยงจิตใจ คนเข้าหาคน ช่วยสร้างสังคมสันติสุข
สัปดาห์ที่่ 13 เทศกาลธรรมดา สดด 85:8,10,11-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
สัปดาห์ที่่ 14 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 2:2-5 ขณะที่ข้าพเจ้าได้ยินถ้อยคำ�เหล่านี้ พระจิตก็เสด็จมาสถิตในข้าพเจ้า ทรงทำ�ให้ ข้าพเจ้ายืนขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่ง มนุษย์เอ๋ย เราส่งท่านไปพบลูกหลานอิสราเอล ไปพบชาติคนกบฏซึ่งทรยศต่อเรา เขา ทั้งหลายและบรรพบุรุษเป็นกบฏต่อเราจนถึงวันนี้ ผู้ที่เราส่งท่านไปพบนั้นเป็นลูกหน้า ด้านและใจดือ้ ดึง ท่านจะต้องพูดกับเขาว่า “พระเจ้าตรัสดังนี”้ เขาจะฟังหรือไม่ฟงั ก็ตาม คนกบฏเหล่านั้นอย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ในหมู่เขา เพลงสดุดี สดด 123:1-4 ก) ข้าพเจ้าเงยหน้ามองหาพระองค์ ผู้ประทับอยู่บนสวรรค์ นัยน์ตาของทาสชายจ้องมองมือของนาย นัยน์ตาของทาสหญิงจ้องมองมือของนายหญิงฉันใด นัยน์ตาของข้าพเจ้าทั้งหลายก็จ้องมององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าฉันนั้น จนกว่าจะได้รับพระกรุณา ข) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าทั้งหลาย ทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายถูกดูหมิ่นมากเกินไปแล้ว ข้าพเจ้าทั้งหลายทนการเยาะเย้ยจากคนโอหัง และทนการดูหมิ่นจากผู้หยิ่งยโสมากเกินไปแล้ว
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ฉบับที่สอง 2 คร 12:7-10 พี่น้อง เพื่อมิให้การเปิดเผยยิ่งใหญ่นี้ทำ�ให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป พระเจ้าทรงให้มี หนามทิม่ แทงเนือ้ หนังของข้าพเจ้า ดุจทูตของซาตานทีค่ อยตบตีขา้ พเจ้ามิให้ขา้ พเจ้ายก ตนเกินไป เรือ่ งนีข้ า้ พเจ้าวอนขอองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสามครัง้ ขอให้พน้ ไปจากข้าพเจ้า แต่ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำ�หรับท่าน เพราะพระ อานุภาพแสดงออกเต็มทีเ่ มือ่ มนุษย์มคี วามอ่อนแอ ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงเต็มใจทีจ่ ะโอ้อวด เรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าพำ�นักอยู่ในข้าพเจ้า ฉะนั้น เพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจความอ่อนแอต่างๆ เมือ่ ถูกสบประมาท เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่น กำ�เนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวัน สับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังจำ�นวน มากต่างประหลาดใจ และพูดว่า “เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มา จากไหน ปรีชาญาณทีเ่ ขาได้รบั มานีค้ อื อะไร อะไรคืออัศจรรย์ ที่สำ�เร็จด้วยมือของเขา คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็น พี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ พี่สาว น้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” คนเหล่านั้น รูส้ กึ สะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขา ว่า “ประกาศกย่อมไม่ถกู เหยียดหยามนอกจากในถิน่ กำ�เนิด ท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำ� อัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัย พระองค์ทรงแปลก พระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ ทุกชุมชนจำ�เป็นต้องมีครูคำ�สอน • เขามีหน้าที่เก็บรวบรวมความรู้ ด้านศาสนา วัฒนธรรมและวิชาการทั้งมวล ถ่ายทอดให้กับคนร่วมสมัย และรุ่นลูกหลาน เพื่อให้สังคมอยู่รอด พร้อมกับเป็นพื้นฐานพัฒนาการที่ดีสู่อนาคต • ความเห็นต่างของผู้ฟัง นี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่การดูถูกเหยียดหยามหรือล่วงละเมิดครูบาอาจารย์เป็น สิ่งไม่ถูกต้อง ถึงกระนั้น ครูต้องอดทนเหมือนพระเยซูเจ้า
บทอ่านที่ 1 ฮชย 2:16,17ข-18,21-22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เรากำ�ลังจะไปเกลี้ยกล่อมนาง เราจะนำ�นาง ไปในถิน่ ทุรกันดาร เราจะพูดกับใจของนาง ทีน่ นั่ นางจะตอบเราเหมือนกับทีไ่ ด้ตอบเมือ่ นางยังสาวอยู่ เหมือนกับที่นางได้ตอบเมื่อออกจากแผ่นดินอียิปต์ วันนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าตรัส ท่านจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’ ท่านจะไม่เรียกเราอีกต่อไปว่า ‘บาอัลของ น.ออกัสติน เซารง ฉัน’ เราจะแต่งงานกับท่านตลอดไป เราจะแต่งงานกับท่านด้วยความยุตธิ รรมและความ และเพื่อนมรณสักขี ชอบธรรม ด้วยความรักมัน่ คงและความเมตตากรุณา เราจะหมัน้ ท่านไว้กบั เราด้วยความ ชาวจีน ซื่อสัตย์ และท่านจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า” สดด 145:2-3,4-5,6-7,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มธ 9:18-26 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังตรัสอยู่นั้น หัวหน้าคนหนึ่งเข้ามากราบพระบาท ทูลว่า “บุตรหญิงของข้าพเจ้าเพิ่งสิ้นใจ เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขา จะได้มีชีวิต” พระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไปพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะนัน้ หญิงคนหนึง่ ตกเลือดเรือ้ รังมาสิบสองปีแล้ว เข้ามาข้างหลังสัมผัสฉลอง พระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียงสัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” พระเยซูเจ้าทรงหันมาเห็นเข้า จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ทำ�ใจดีๆ ไว้ ความเชื่อของท่าน ช่วย ท่านให้รอดพ้นแล้ว” หญิงนั้นก็หายจากโรคนับแต่เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึง บ้านของหัวหน้าคนนั้น ทรงเห็นคนเป่าขลุ่ย และผู้คนกำ�ลังชุลมุนวุ่นวาย จึงตรัสว่า “ออกไปเถิด เด็กหญิงคนนีย้ งั ไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านัน้ ” พวกนัน้ ต่างหัวเราะ เยาะพระองค์ เมื่อคนกลุ่มนั้นถูกไล่ออกไปข้างนอกแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไป ทรง จับมือเด็กหญิง เด็กนั้นก็ลุกขึ้น ข่าวเรื่องนี้จึงแพร่ออกไปทั่วแคว้นนั้น ตัวชี้วัดว่าพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ในชุมชนของเรา 1. มีผู้เชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูเจ้า ถือตามคำ�สอนในพระคัมภีร์ 2. มีการช่วยเหลือกัน คนตกทุกข์รับการดูแล 3. สมาชิกในชุมชนรักความยุติธรรม มีความเมตตากรุณาและความซื่อสัตย์ต่อกัน
บทอ่านที่ 1 ฮชย 8:4-7,11-13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เขาได้แต่งตั้งกษัตริย์หลายองค์ที่เราไม่ได้เสนอ เขาได้แต่งตั้งเจ้านายหลายคน แต่เราไม่เห็นด้วย เขาใช้เงินและทองคำ�สร้างรูปเคารพ เพือ่ ความพินาศของตน กรุงสะมาเรียเอ๋ย เราละทิง้ รูปลูกโคของเจ้า ความโกรธของเรา พลุง่ ขึน้ ลงโทษเขาทัง้ หลาย อีกนานเท่าไรเขาจึงจะพ้นโทษได้ รูปลูกโคนีม้ าจากอิสราเอล นายช่างเป็นผู้สร้างขึ้นมา รูปนั้นไม่ใช่พระเจ้า รูปลูกโคของกรุงสะมาเรียจะถูกทุบเป็น ชิน้ ๆ เขาได้หว่านลม เขาจึงจะต้องเก็บเกีย่ วลมบ้าหมู ต้นข้าวไม่มรี วง ทำ�แป้งไม่ได้ หรือ ถ้าจะทำ�ได้ คนต่างชาติก็จะกลืนกิน เอฟราอิมได้สร้างแท่นบูชาจำ�นวนมากเพื่อทำ�บาป แท่นบูชาเหล่านี้กลายเป็น โอกาสให้เขาทำ�บาป เราได้เขียนธรรมบัญญัติจำ�นวนมากสำ�หรับเขา แต่เขาคิดว่าธรรม บัญญัตเิ หล่านีไ้ ม่เกีย่ วข้องกับตน เขาถวายเครือ่ งบูชาแก่เรา และกินเนือ้ สัตว์ทไี่ ด้ถวาย นั้น แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่พอพระทัยเครื่องบูชาเหล่านี้ บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึง ความผิดของเขา และจะทรงลงโทษบาปของเขา เขาจะต้องกลับไปอียิปต์” พระวรสาร มธ 9:32-38 เมือ่ คนทีเ่ คยตาบอดทัง้ สองคนจากไปแล้ว มีผพู้ าคนใบ้ถกู ปีศาจสิงคนหนึง่ มาเฝ้า พระเยซูเจ้า ครั้นปีศาจถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ กล่าวว่า “ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลยในอิสราเอล” แต่ชาวฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ ขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรง ประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้น เหน็ดเหนือ่ ยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะทีไ่ ม่มคี นเลีย้ ง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ ว่า “ข้าวทีจ่ ะเก็บเกีย่ วมีมาก แต่คนงานมีนอ้ ย จงวอนขอเจ้าของนาให้สง่ คนงานมาเก็บ เกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” กระแสโลกที่นำ�ไปสู่ความพินาศ ซื้อเรือดำ�นํ้า สะสมอาวุธ แพร่สื่อลามก และความรุนแรง การเมืองที่มุ่งความขัดแย้ง ประชาธิปไตยที่ไร้ขอบเขตจำ�กัด ข่มเหง แรงงานต่างด้าว และผู้ลี้ภัย ล่วงละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลผู้อื่น เป็นต้น ทิศทางของพระเยซูคริสตเจ้า ขับไล่ปีศาจ รักษาคนเจ็บป่วย สอนคำ�สอนตามพระ คัมภีร์ เยี่ยมบรรเทาทุกข์คนในชุมชน สรรหาอาสาสมัครช่วยงานสังคมสงเคราะห์
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา สดด 116:2-5,6-9,10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
ระลึกถึง น.เบเนดิกต์ เจ้าอธิิการ สดด 105:2-5,6-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันประชากรโลก
บทอ่านที่ 1 ฮชย 10:1-3,7-8,12 อิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นเขียวชอุ่มที่มีผลมาก เขายิ่งเกิดผลมากเท่าใด ก็ยิ่ง สร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น แผ่นดินของเขายิ่งอุดมสมบูรณ์มากเท่าใด เขาก็ยิ่งสร้าง เสาศักดิ์สิทธิ์ให้งดงามยิ่งขึ้นเท่านั้น ใจของเขาไม่ซื่อ เขาจึงจะต้องรับโทษความผิด พระเจ้าจะทรงพังแท่นบูชา จะทรงทำ�ลายเสาศักดิส์ ทิ ธิข์ องเขา แล้วเขาจะพูดว่า “พวก เราไม่มกี ษัตริย์ เพราะเราไม่ย�ำ เกรงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า กษัตริยจ์ ะมีประโยชน์อะไรสำ�หรับ เรา” กรุงสะมาเรียจะพินาศ กษัตริย์ของเขาจะเป็นเหมือนเศษไม้ที่ลอยอยู่บนผิวนํ้า สักการสถานบนที่สูงทั้งหลายของเมืองอาเวน ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอลจะถูกทำ�ลาย หนามและกอหนามจะงอกขึน้ บนแท่นบูชา เขาจะพูดกับภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้” จะ บอกเนินเขาว่า “จงล้มลงทับพวกเราเถิด” ท่านทั้งหลายจงหว่านความชอบธรรมสำ�หรับตน จงเกี่ยวผลเป็นความรักมั่นคง จงไถดินทีย่ งั ไม่เคยเพาะปลูก เพราะถึงเวลาแล้วทีจ่ ะแสวงหาองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จนกว่า พระองค์จะเสด็จมา หลั่งความรอดพ้นลงมาเหนือท่านเหมือนฝน พระวรสาร มธ 10:1-7 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบ ประทานอำ�นาจให้เขา ขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด อัครสาวกสิบสองคนมีนามดังนี้ คนแรกคือซีโมน ผู้มีสมญาว่าเปโตร กับอันดรูว์ น้องชายของเขา ยากอบบุตรของเศเบดีกับยอห์นน้องชาย ฟีลิปและบาร์โธโลมิว โทมัสและมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและธัดเดอัส ซีโมนจากกลุม่ ชาตินยิ ม และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ทรยศต่อพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวก สิบสองคนนีอ้ อกไป ทรงสัง่ เขาว่า “อย่าเดินตามทางของคนต่างชาติ อย่าเข้าไปในเมือง ของชาวสะมาเรีย แต่จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่า อาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว” ทิศทางการแพร่ธรรม การไม่เห็นด้วยกับทิศทางแบบโลก แค่นี้ยังไม่เพียงพอ สิ่งที่ตัวเองต้องทำ�ก็คือ 1. ประพฤติชอบโดยลงมือปฏิบัติงานเมตตาสงเคราะห์ 2. ขยายอาณาเขตการแพร่ธรรม 3. สร้างเพื่อนร่วมงานการประกาศพระวรสาร 4. อย่าเดินตามกระแสโลก แต่ยึดมั่นคำ�สอนของพระ ถือความยากจน รู้จักแบ่งปัน สิ่งที่มีแก่คนจน ดำ�เนินชีวิตสุภาพถ่อมตนให้อภัยผู้ผิดพลาด
บทอ่านที่ 1 ฮชย 11:1,3-4,8ค-9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตร ของเราออกมาจากอียิปต์ เราสอนเอฟราอิมให้เดิน เราอุ้มเขาทั้งหลายไว้ แต่เขาไม่รู้ว่า เราเอาใจใส่เขา เราใช้เชือกแห่งมนุษยธรรม และใช้สายสะพายแห่งความรักจูงเขา เรา เป็นเหมือนผู้ที่ยกทารกมาจูบแก้ม และก้มลงป้อนอาหารให้เขา ใจของเราปั่นป่วนอยู่ ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด เราจะไม่ทำ� ลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เรา จะไม่มาด้วยความโกรธ” พระวรสาร มธ 10:7-15 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อน ให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทนก็จงให้เขาโดย ไม่รบั ค่าตอบแทนด้วย อย่าหาเหรียญทอง เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงใส่ในไถ้ เมือ่ เดินทาง อย่ามีย่าม อย่ามีเสื้อสองตัว อย่าสวมรองเท้า อย่าถือไม้เท้า เพราะคนงาน ย่อมมีสิทธิ์ได้รับอาหารอยู่แล้ว เมื่อท่านเข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้าน จงดูว่าผู้ใดที่นั่นเป็นผู้เหมาะสมที่จะต้อนรับ ท่าน แล้วจงพักอยูก่ บั เขาจนกว่าท่านจะจากไป เมือ่ ท่านเข้าไปในบ้านใดจงให้พรแก่บา้ น นั้น ถ้าบ้านนั้นสมควรได้รับพร จงให้สันติสุขของท่านมาสู่บ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นไม่สมควร ได้รับพร จงให้สันติสุขกลับมาหาท่าน” “ถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากบ้านหรือเมืองนั้น จงสลัดฝุ่น จากเท้าออกเสียด้วย เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ในวันพิพากษา เมืองโสโดม และเมืองโกโมราห์จะรับโทษเบากว่าโทษของเมืองนั้น” ผู้มีจิตวิญญาณของพระเจ้า • บทอ่านแรก ผูป้ ระพันธ์บรรยายความรักของพระเจ้าได้ซาบซึง้ อ่านหลายรอบไม่ เบื่อ • บทพระวรสาร เป็นคำ�สอนสำ�หรับผู้ประกาศพระวรสาร กล่าวคือผู้เป็นคริสตชน ต้องออกจากตัวเอง คิดถึงผูต้ กทุกข์ คิดถึงการช่วยเหลือทีจ่ ะต้องมอบให้เขา และ ลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่จริง
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา สดด 80:1-2ก,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
น.เฮนรี่ สดด 51:1-2,6-7, 10-12,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 ฮชย 14:2-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเถิด ท่านได้สะดุดล้มลงเพราะความผิดของท่าน จงเตรียมถ้อยคำ�ทีจ่ ะ พูดมาด้วย และกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทูลพระองค์ว่า “โปรดทรงลบล้างความ ผิดทัง้ หมด และทรงรับสิง่ ทีด่ ี ข้าพเจ้าทัง้ หลายจะนำ�คำ�สรรเสริญจากปากมาถวายแทน โคเพศผู้ อัสซีเรียจะไม่ช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ขี่ม้าอีก จะไม่เรียกสิ่งที่มือของข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นอีกต่อไปว่า ‘พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย’ เพราะลูกกำ�พร้าพบพระกรุณาในพระองค์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะรักษาเขาให้หายจากความไม่ซื่อสัตย์ของเขา เรา จะรักเขาด้วยใจจริง เพราะเราจะไม่โกรธเขาอีกแล้ว เราจะเป็นเหมือนนํ้าค้างสำ�หรับ อิสราเอล เขาจะผลิดอกเหมือนดอกลิลลี่ เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นสนสีดาร์แห่ง เลบานอน... เราเองจะตอบและดูแลเขา เราเป็นเหมือนต้นไซเปรสใบเขียวสดอยูเ่ สมอ ท่านจะได้รับผลของท่านจากเรา ผูม้ ปี รีชาพึงเข้าใจเรือ่ งเหล่านี้ ผูใ้ ดฉลาดก็จงรู้ เพราะหนทางทัง้ หลายขององค์พระ ผูเ้ ป็นเจ้าล้วนเทีย่ งธรรม ผูช้ อบธรรมย่อมเดินตามทางนี้ แต่ผลู้ ว่ งละเมิดจะสะดุดล้ม”
พระวรสาร มธ 10:16-23 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงฟังเถิด เราส่งท่านไปเหมือนแกะในฝูงสุนขั ป่า ท่าน จงฉลาดประดุจงูและซื่อประดุจนกพิราบ” “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกนำ� ตัวไปต่อหน้าผูว้ า่ ราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริยเ์ พราะเราเป็นเหตุ เพือ่ เป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่ บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่ง ที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดา ของท่านจะตรัสในท่าน” “พีจ่ ะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพีใ่ ห้ตอ้ งโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึน้ กล่าวโทษพ่อแม่ให้ถงึ ตาย” “คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น เมื่อเขา จะเบียดเบียนท่านในเมืองหนึ่ง จงหลบหนีไปอีกเมืองหนึ่ง เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่าน จะไปทั่วทุกหัวเมืองของอิสราเอล บุตรแห่งมนุษย์ก็จะกลับมาแล้ว” หลายปีหลังนี้ เราเห็นประเทศรํา่ รวยก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ผูม้ อี �ำ นาจหลายคนถูกโค่นล้ม ประเทศ ตะวันออกกลางรํ่ารวยนํ้ามันก็ทำ�สงครามกัน...นี่หมายถึงในโลกนี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ พระวาจาวันนี้เตือนเรา ให้ยึดมั่นในพระเยซูเจ้า และคำ�สั่งสอนของพระองค์ พระองค์จะช่วยเหลือเรา แม้ ในเวลาที่คับขันที่สุด แต่ต้องเข้าใจว่าชีวิตของเรามิใช่ว่าจะอยู่บนโลกนี้ตลอดไป เราจะกลับไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้มอบชีวิต ให้เรา ดังนั้น เราต้องพิสูจน์ความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ตลอดไป เป็นต้นเมื่อประสบความทุกข์ยากต่างๆ
บทอ่านที่ 1 อสย 6:1-8 ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บน พระบัลลังก์สูงและตั้งอยู่บนที่สูง ชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร... เสราฟแต่ละ ตนต่างร้องรับกันว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์” น.คามิลโล เสาประตูทงั้ หลายสัน่ สะเทือนเพราะเสียงของผูร้ อ้ ง และพระวิหารก็มคี วันเต็มไป เด เลลลิส หมด ข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคน พระสงฆ์ ริมฝีปากมีมลทิน อาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทิน...” สดด 93:1-2ข,2ค-3,5 แล้วเสราฟตนหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ถือคีมคีบถ่านที่ลุกอยู่มาจากพระแท่นบูชา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เสราฟตนนั้นสัมผัสปากข้าพเจ้า พูดว่า “ดูซิ สิ่งนี้สัมผัสริมฝีปากของท่านแล้ว ความ ผิดของท่านก็ถูกลบล้างแล้ว บาปของท่านก็ได้รับการอภัยแล้ว” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใคร ใครจะไปแทนเรา” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด” พระวรสาร มธ 10:24-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่เหนือนาย ถ้าศิษย์เท่าเทียมกับอาจารย์ และผู้ รับใช้เท่าเทียมกับนาย ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ถ้าเขาเรียกเจ้าบ้านว่า ‘เบเอลเซบูล’ เขาจะเรียกลูกบ้านร้าย กว่านั้นสักเท่าใด” “อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เรา บอกท่านในทีม่ ดื ท่านจงกล่าวออกมาในทีส่ ว่าง สิง่ ทีท่ า่ นได้ยนิ กระซิบทีห่ ู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน” “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำ�ลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไป ในนรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้น ดินโดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว ดังนั้น อย่ากลัว เลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำ�นวนมาก” “ทุกคนทีย่ อมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผูน้ นั้ เฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผูส้ ถิตในสวรรค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ ด้วย” เราไม่มีบุญเท่าประกาศกอิสยาห์ที่ได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราอาจมีบุญมากกว่าในปัจจุบัน โดยอาศัยเครื่องมือเทคโนโลยี เราสามารถเห็นดวงดาวในจักรวาลที่ไกลออกไป หรือถ้าใช้กล้องจุลทรรศน์ เรา จะเห็นความละเอียดของฝีพระหัตถ์ที่เล็กถึง DNA และอะตอม ในแต่ละอณูของสิ่งสร้าง พระองค์ทรงมอบสิ่ง สร้างทัง้ หมดให้เป็นของขวัญสำ�หรับเรา เพียงแต่ขอให้เราเชือ่ ศรัทธาและซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์ เพราะพระองค์ทรง รักเราจริง ทั้งยังเตรียมเมืองสวรรค์สำ�หรับเราด้วย
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 7:12-15 สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำ�นาย ไปเสียเถอะ จง กลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำ�มาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่ อย่าประกาศพระวาจาที่เบธเอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และ เป็นพระวิหารของราชอาณาจักร” อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคย เป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และ เป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอล ประชากรของเรา’” เพลงสดุดี สดด 85:8-9,10-11,12-13 ก) ข้าพเจ้าก�ำลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพแก่ประชากรของพระองค์ และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาท�ำสิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ย�ำเกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ข) ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความเที่ยงธรรมและสันติจะสวมกอดกัน ความซื่อสัตย์จะปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์ ค) ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย ความเที่ยงธรรมจะเดินน�ำหน้าพระองค์ เบิกทางให้ทรงพระด�ำเนิน บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:3-14 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์ เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่กอ่ นการเนรมิต สร้างโลก เพือ่ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ดว้ ยความ รัก พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ลว่ งหน้าแล้วทีจ่ ะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสต เจ้า ตามพระประสงค์ทพี่ อพระทัย เพือ่ สรรเสริญพระสิรริ งุ่ โรจน์แห่งพระหรรษทานของ
พระองค์ ซึง่ โปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผูท้ รงเป็นทีร่ กั ในองค์พระคริสตเจ้าเราได้รับการไถ่กู้เดชะพระโลหิต คือได้ รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดม ซึ่งพระเจ้า ประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เรารูถ้ งึ พระประสงค์เร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยดำ�ริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะ ทรงกระทำ�ตามแผนการนีเ้ มือ่ ถึงเวลากำ�หนด โดยทรงนำ�ทุก สิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้า ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำ�ทุกสิ่งให้เป็นไป ตามแผนการนั้น เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกที่มีความหวังในพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่น เดียวกันได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้า ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ และเป็น ประกันของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:7-13 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริม่ ส่งเขาเป็นคูๆ่ ประทานอำ�นาจ เหนือปีศาจ ทรงกำ�ชับเขามิให้นำ�สิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษ เงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่ไม่ให้เอาเสื้อสำ�รองไปด้วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยูท่ นี่ นั่ จนกว่าจะออกเดินทางต่อไป ถ้าทีใ่ ดไม่ตอ้ นรับท่าน หรือไม่ฟงั ท่าน จงออกจากทีน่ นั่ พลางสลัด ฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงไปเทศน์สอนคนทั้งหลายให้กลับใจ ขับไล่ปีศาจ จำ�นวนมาก เจิมนํ้ามันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หายจากโรคภัย ความรักของพระเจ้ามีต่อเรานั้นยิ่งใหญ่ ให้เรามีชีวิต มีอาชีพ ทรงยกฐานะเราให้เป็นคริสตชน เป็นบุคคลพิเศษ เป็นบุตรพระเจ้า ทรงประทานพระจิตเจ้า ช่วยให้มปี รีชาความรอบรูม้ ากกว่าคนธรรมดา...ทีส่ ดุ ทรงมอบภารกิจให้เป็นธรรมทูต มีหน้าที่ประกาศพระประสงค์ของพระเจ้า นำ�ทุกคนมารู้จักพระองค์ โดยอาศัย ข้อคำ�สอนของพระเยซูเจ้าที่มีบันทึกในพระคัมภีร์...ดังนี้ ประชาชนทั่วโลกจะเป็นหนึ่งเดียวกันโดยมีพระผู้เป็น เจ้าเป็นบิดาของทุกคน
พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งภูเขาคาร์แมล สดด 50:8-10,16-18, 19-21,22-23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 อสย 1:11-17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เครื่องบูชามากมายของท่านไม่เป็นประโยชน์ใดแก่เรา เราเอือมระอาแกะเพศผู้ ทีเ่ ผาบูชาถวายเรา เบือ่ ไขมันของโคหนุม่ ทีข่ นุ ไว้ เราไม่พอใจเลือดของโคเพศผู้ ลูกแกะ และแพะเพศผู้ เมื่อท่านทั้งหลายเข้ามาต่อหน้าเรา ใครเรียกร้องให้ท่านทำ�เช่นนี้ เหยียบยํ่าลานวิหารของเรา อย่านำ�ของถวายไร้ประโยชน์เข้ามาอีกเลย กำ�ยานเป็นสิ่ง น่ารังเกียจสำ�หรับเรา เราทนการฉลองทีป่ นกับความชัว่ ร้ายไม่ได้ เราเกลียดวันต้นเดือน และวันฉลองของท่าน วันเหล่านี้เป็นเหมือนภาระหนักสำ�หรับเรา เราเหนื่อยที่จะต้อง แบกภาระนัน้ เมือ่ ท่านชูมอื ขึน้ เราจะเบือนสายตาไปจากท่าน แม้ทา่ นจะอธิษฐานภาวนา มากขึน้ เราก็จะไม่ฟงั มือของท่านเปือ้ นเลือด จงล้าง จงชำ�ระตนให้สะอาด จงนำ�กิจการ ชัว่ ร้ายของท่านออกไปให้พน้ จากสายตาเรา จงเลิกทำ�ความชัว่ จงเรียนรูท้ จี่ ะทำ�ความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหง จงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกกำ�พร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย”
พระวรสาร มธ 10:34-11:1 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำ�สันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำ�สันติภาพ แต่มาเพื่อนำ�ดาบมาให้ เรามา เพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคน ที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง” “ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา” “ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิต นั้นอีก” “ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา” “ผู้ที่ต้อนรับประกาศก เพราะเป็นประกาศก จะได้รับบำ�เหน็จรางวัลของประกาศก ผู้ที่ต้อนรับผู้ ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำ�เหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม” “ผู้ใดที่ให้นํ้าเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำ�เหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”... “สินบน” กับ “ของขวัญ” แตกต่างกัน เราให้สินบนเพื่อหวังผลตอบแทนหรือให้พ้นผิด แต่ ของขวัญหรือของกำ�นัลเราให้เพราะความรัก ไม่หวังผลตอบแทน ประกาศกอิสยาห์ก�ำ ลังสัง่ สอนคนทีถ่ วายเครือ่ ง บูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนการติดสินบน (เพราะอิทธิพลของคนต่างศาสนา) เราต้องถวายเครื่องบูชาด้วย จิตใจที่บริสุทธิ์ อย่าให้สิ่งใดมาทำ�ลายความหมายที่แท้จริงของเครื่องบูชา เหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าสอนเราใน พระวรสารวันนีว้ า่ อย่าให้ใครคนใดมาทำ�ให้เราเหินห่างจากพระองค์ มิสซาทีเ่ ราร่วมทุกครัง้ ต้องเป็นการแสดงออก ถึงความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวของเรา
บทอ่านที่ 1 อสย 7:1-9 ในรัชสมัยของกษัตริย์อาคัส พระโอรสของกษัตริย์โยธาม พระโอรสของกษัตริย์ อุสซียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริยเ์ รซีนแห่งซีเรีย และกษัตริยเ์ ปคาห์แห่งอิสราเอล บุตรของ เรมาลิยาห์ ยกทัพขึน้ มายังกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ทำ�สงครามกับเมือง แต่เอาชนะไม่ได้ เมือ่ มีผู้มาส่งข่าวแก่ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดว่า “ชาวซีเรียมาตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนเอฟราอิม แล้ว” พระทัยของกษัตริย์และจิตใจของประชาชนก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นเมื่อถูก สัปดาห์ที่ 15 ลมพัด เทศกาลธรรมดา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “ท่านกับเชอาร์ยาชูบบุตรชาย จงออกไปพบ สดด 48:1-2,3-5,6-8ก กษัตริย์อาคัสที่ปลายท่อนํ้าของสระข้างบนที่ถนนลานช่างซักฟอก ทูลกษัตริย์ว่า “ขอ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 พระองค์โปรดฟัง สงบพระทัย อย่าทรงกลัว อย่าให้พระทัยหวั่นไหวเพราะความกริ้ว รุนแรงของกษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และบุตรของเรมาลิยาห์ กษัตริย์ทั้งสององค์นี้เป็น เหมือนฟืนสองดุ้นที่จวนจะมอดอยู่แล้ว มีแต่ควัน ซีเรียพร้อมกับเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์ได้คิด การชั่วร้ายต่อพระองค์ พูดว่า ‘เราจงขึ้นไปโจมตียูดาห์ ทำ�ให้ประชาชนมีความกลัว เราจะได้ยึดเมืองและ แต่งตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “สิ่งนี้จะไม่เป็นไป จะไม่เกิดขึ้นเลย กรุงดามัสกัสเป็นเมืองหลวง ของซีเรีย และกษัตริย์เรซีนเป็นหัวของกรุงดามัสกัส อีกหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะไม่เป็นประชากรอีกต่อไป กรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวงของเอฟราอิม และบุตรของเรมาลิยาห์เป็นหัวของกรุงสะมาเรีย ถ้าพระองค์ไม่ ทรงเชื่อมั่น พระองค์จะทรงตั้งมั่นอยู่ไม่ได้” พระวรสาร มธ 11:20-24 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงตำ�หนิบรรดาเมืองทีพ่ ระองค์ทรงทำ�อัศจรรย์มากกว่าทีเ่ มืองอืน่ เพราะชาวเมือง ไม่ยอมกลับใจว่า “จงวิบัติเถิด เมืองโคราซิน จงวิบัติเถิด เมืองเบธไซดา เพราะถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมือง ไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านัน้ คงได้นงุ่ กระสอบ เอาขีเ้ ถ้าโรยศีรษะ กลับใจเสียนานแล้ว ฉะนัน้ เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระและเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้ายกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ ตรงกันข้าม เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย เพราะว่าถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสโดมแล้ว เมืองโสโดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ ฉะนั้น เรา บอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองโสโดมจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า” คนเราชอบที่จะได้ยินเรื่องดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง แม้เมื่อไปพบแพทย์เราก็หวังว่าเราจะไม่เป็นอะไร ร้ายแรง แต่ถ้าแพทย์ไม่บอกความจริงแก่เราว่าเรามีโรคร้ายแรง มันก็จะเกิดผลร้ายต่อตัวเรา พระเยซูเจ้า แม้ พระองค์จะมีใจอ่อนโยน แต่เมื่อถึงเวลา พระองค์ก็จะเตือนเราด้วยถ้อยคำ�ที่รุนแรง เหมือนในพระวรสารวันนี้ เพื่อให้เราเปลีย่ นแปลงไปในทางทีด่ ี ในบทอ่านแรก องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งประกาศกอิสยาห์ให้ไปเตือนกษัตริย์ อาคัสและประชากรของพระองค์เช่นเดียวกัน เพราะพวกเขากำ�ลังป่วย กำ�ลังทำ�ผิดต่อพระองค์...เราควรมีเวลา ไตร่ตรองทุกวัน เพื่อเราจะได้รู้ว่าเราป่วยฝ่ายจิตหรือไม่
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา สดด 94:5-6,7-8, 9-10,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 อสย 10:5-7,13-16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่อสั ซีเรีย ไม้เรียวทีเ่ ราใช้เมือ่ เราโกรธ ไม้พลองทีเ่ ราใช้เมือ่ เราโกรธ จัด เราจะส่งเขาไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพนับถือเรา จะสั่งเขาให้ไปต่อสู้ประชากรที่ ทำ�ให้เราโกรธ เพื่อไปริบข้าวของ ไปปล้น และเหยียบยํ่าชนชาตินี้เหมือนเหยียบเลน บนถนน แต่อัสซีเรียมิได้ตั้งใจเช่นนั้น จิตใจของเขาก็มิได้คิดดังนี้ เขาคิดแต่จะทำ�ลาย และทำ�ลายล้างชนชาติจำ�นวนมาก” เพราะกษัตริย์ทรงคิดว่า “เราได้ทำ�การนี้ด้วยกำ�ลังมือ และปรีชาญาณของเรา เพราะเรามีปรีชา เราได้ย้ายเขตแดนของประชาชนหลายชาติ ได้ปล้นทรัพย์สมบัติของ เขา ได้ใช้อำ�นาจควํ่าผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ มือของเราได้ฉวยทรัพย์สมบัติของประชาชน หลายชาติ เหมือนฉวยรังนก คนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้ในรังนกฉันใด เราก็จะยึดแผ่นดิน ทั้งหมดฉันนั้น ไม่มีผู้ใดขยับปีก ไม่มีผู้ใดอ้าปากหรือร้องจิ๊บๆ” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “ขวานจะอวดตัวว่าเก่งกว่าผูท้ ใี่ ช้มนั หรือ เลือ่ ยจะทะนง ตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือ เหมือนกับว่าไม้ตะบองจะยกผู้ถือมันขึ้น หรือเหมือนไม้ พลองจะยกสิ่งที่มิใช่ไม้ขึ้นได้” ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจอมจักรวาลจะทรงส่ง โรคภัยมาทำ�ให้คนแข็งแรงกลับผอมแห้ง โรคนี้จะเผาผลาญผู้ที่เป็นเกียรติของเขา เหมือนไฟไหม้ พระวรสาร มธ 11:25-27 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญ พระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่ บรรดาผูต้ าํ่ ต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนัน้ พระบิดาทรงมอบ ทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้ใช้ชนชาติอสั ซีเรียในการสัง่ สอนอาณาจักรยูดาห์ซงึ่ เป็น ประชากรของพระองค์ ให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อชาวอัสซีเรียเพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงกลับมา เป็นประชากรที่ซ่ือสัตย์ต่อพระองค์เหมือนเดิม แต่เมื่อถึงเวลาพระองค์ก็จะปราบชาว อัสซีเรียเหมือนกัน ชาวอัสซีเรียได้เย้ยหยันคำ�ตักเตือนของประกาศกอิสยาห์ ดูแคลนว่า เป็นเด็ก ตํ่าต้อยไร้ค่า ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอิสยาห์ก็เป็น เหมือนเด็กที่ตํ่าต้อย แต่คนตํ่าต้อยเช่นนี้แหละที่พระองค์ “จะทรงเปิดเผยให้ทราบ” เรา ทุกคนเป็นเหมือนเด็กที่ตํ่าต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจึงควรสุภาพและไว้ วางใจในพระองค์
บทอ่านที่ 1 อสย 26:7-9,12,16-19 หนทางของผูช้ อบธรรมก็ตรง พระองค์ทรงทำ�ให้ทางเดินของผูช้ อบธรรมราบเรียบ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเดินตามพระวินิจฉัยของพระองค์ ข้าพเจ้า ทั้งหลายมีความหวังในพระองค์ ความปรารถนาประการเดียวของข้าพเจ้าทั้งหลาย คือ สรรเสริญพระนามและระลึกถึงพระองค์ วิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์เวลา กลางคืน จิตใจของข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะเมื่อพระองค์ทรง พิพากษาแผ่นดิน ผู้อาศัยในแผ่นดินจะได้เรียนรู้ความชอบธรรม ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติภาพแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะ พระองค์ทรงบันดาลให้กิจการทั้งหมดของข้าพเจ้าทั้งหลายประสบความสำ�เร็จ ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ในยามทุกข์ เขาทัง้ หลายแสวงหาพระองค์ เมือ่ ทรงตีสอน เขา เขาก็ตั้งใจอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์ หญิงมีครรภ์จวนจะคลอดบุตร บิดตัวและ ร้องด้วยความเจ็บปวดฉันใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น เฉพาะพระพักตร์ ข้าพเจ้าทัง้ หลายมีครรภ์ บิดตัวด้วยความเจ็บปวด แต่คลอดเพียงลม เท่านั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้นำ�ความรอดพ้นมาให้แผ่นดิน ไม่มีผู้อาศัยในโลกคนใด เกิดมา บรรดาผู้ตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ร่างกายของเขาทั้งหลายจะกลับคืนชีพ ผู้อาศัยอยู่ในฝุ่นดินเอ๋ย จงตื่นและจงร้องเพลงด้วยความยินดีเถิด เพราะนํ้าค้างของ ท่านเป็นนํ้าค้างที่ส่องแสง พระองค์ทรงบันดาลให้แดนผู้ตายกลับมีชีวิต พระวรสาร มธ 11:28-30 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทัง้ หลายทีเ่ หน็ดเหนือ่ ย และแบกภาระหนัก จง มาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของ เรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รบั การพักผ่อน เพราะ ว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” ประกาศกอิสยาห์ได้ให้ความหวังแก่ชาวอิสราเอลในสมัยของท่าน เพราะ พวกเขารูส้ กึ ผิดหวังทีค่ �ำ สัญญาแห่งความรอดพ้นยังมาไม่ถงึ ท่านได้วาดภาพชาวอิสราเอล ในสมัยนั้น เป็นเหมือนพ่อแม่ที่กำ�ลังรอคอยลูกที่จะเกิดมา เราต่างจากชาวอิสราเอลใน สมัยนั้น เพราะเราอยู่ในยุคที่ความรอดพ้นเกิดขึ้นแล้ว พระเยซูเจ้าได้บังเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนเราทุกอย่าง เว้นแต่บาป พระองค์ผ่านความยากลำ�บากเหมือนเรา พระองค์ได้ทรง เชื้อเชิญเราให้มาหาพระองค์ “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบ เราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน...” แล้วเราจะหายเหนื่อยและมีพลัง
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา สดด 102:12-13,14-16, 17-18,19-20 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 อสย 38:1-6,21-22,7-8 สมัยนั้น กษัตริย์เฮเซคียาห์ประชวรหนักจนเกือบจะสิ้นพระชนม์ ประกาศก อิสยาห์บุตรของอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘จงจัด เรือ่ งในบ้านให้เรียบร้อย เพราะท่านจะต้องตาย ท่านจะไม่หาย’” กษัตริยเ์ ฮเซคียาห์ทรง ผินพระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า น.อโพลินาริส โปรดทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ด�ำ เนินชีวติ เฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซือ่ สัตย์และ พระสังฆราช จริงใจ ทำ�ตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่าง และมรณสักขี หนัก องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสสัง่ ประกาศกอิสยาห์วา่ “จงไปทูลกษัตริยเ์ ฮเซคียาห์วา่ ‘องค์ อสย 38:10-11,12,16 พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของกษัตริยด์ าวิดบรรพบุรษุ ของท่านตรัสดังนี้ เราได้ยนิ คำ�อธิษฐาน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 และเห็นนํา้ ตาของท่านแล้ว เราจะต่ออายุให้ทา่ นอีกสิบห้าปี เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ ให้รอดพ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้’” ประกาศกอิสยาห์สั่งว่า “จงนำ�ผลมะเดื่ออัดมาวางไว้บนพระยอด แล้วพระองค์ จะทรงหายประชวร” กษัตริยเ์ ฮเซคียาห์ตรัสถามว่า “มีเครือ่ งหมายใดบอกเราว่าเราจะ ขึ้นไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “นี่คือเครื่องหมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้าสำ�หรับพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็น เจ้าจะทรงทำ�ตามทีท่ รงสัญญาไว้ ดูซิ เราจะทำ�ให้เงาทีด่ วงอาทิตย์ทอดลงบนขัน้ นาฬิกาแดดของกษัตริยอ์ าคัส ถอยหลังกลับไปสิบขั้น” เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดก็ถอยกลับไปสิบขั้นจากที่ได้ทอดลงไปแล้ว พระวรสาร มธ 12:1-8 ครั้งหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลีในวันสับบาโต บรรดาศิษย์รู้สึกหิว จึงเด็ดรวงข้าวมากิน เมื่อ ชาวฟาริสสี งั เกตเห็นดังนัน้ จึงทูลพระองค์วา่ “ดูซิ ศิษย์ของท่านกำ�ลังทำ�สิง่ ต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำ�สิ่งใดเมื่อหิวโหย พระองค์ เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า เสวยขนมปังที่ตั้งถวายพร้อมกับบรรดาผู้ติดตาม ขนมปังนั้นผู้ใดจะกิน ไม่ได้ นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น ท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือว่า ในวันสับบาโตนั้น บรรดาสมณะ ในพระวิหารย่อมละเมิดวันสับบาโตได้โดยไม่มีความผิด เราบอกท่านทั้งหลายว่า ที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระ วิหารเสียอีก ถ้าท่านเข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ ท่านคงจะไม่กล่าวโทษผู้ไม่มีความผิด เพราะบุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต” กฎเกณฑ์เกีย่ วกับวันสับบาโตเคร่งครัดมาก การทีศ่ ษิ ย์ของพระเยซูเจ้าเด็ดรวงข้าวมาบดทีม่ อื เพือ่ รับประทาน เป็นหนึง่ ในงานเก้าสิบเก้าอย่างทีต่ อ้ งห้ามในวันสับบาโต พระเยซูเจ้าได้ปกป้องบรรดาศิษย์ พระองค์ มองความจำ�เป็นของมนุษย์มากกว่าพิธีกรรม “เราพอใจความเมตตา มิใช่พอใจเครื่องบูชา” พระองค์ทรงเป็น พระเป็นเจ้าแห่งความเมตตา และเพราะความเมตตานี่เองที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ไม่ได้ถูกลงโทษเพราะบาปที่ได้ กระทำ� และเราทุกคนต้องมีความเมตตาต่อกันเหมือนอย่างพระเยซูเจ้าของเราด้วย
บทอ่านที่ 1 มคา 2:1-5 วิบัติจงเกิดแก่ผู้วางแผนร้าย และคิดทำ�ความชั่วอยู่บนทีน่ อน พอรุ่งขึน้ ตอนเช้าก็ ทำ� เพราะเขามีอำ�นาจจะทำ�เช่นนั้น เขาอยากได้ทุ่งนาใดก็เข้ายึด เขาอยากได้บ้านใดก็ ริบไป เขารีดไถทั้งเจ้าของและบ้านเรือน เขาบีบคนและมรดก องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงตรัสดังนีว้ า่ “ดูซิ เรากำ�ลังวางแผนต่อสูก้ บั คนประเภทนี้ เป็น ภัยพิบัติซึ่งท่านถอนคอให้พ้นไม่ได้ ท่านจะยืดอกเดินอย่างผึ่งผายไม่ได้ เพราะนั่นคือ เวลาแห่งภัยพิบัติ เวลานั้น จะมีผู้แต่งคำ�พังเพยถึงท่าน และจะครํ่าครวญอย่างขมขื่น ว่า ‘พวกเราถูกปล้นจนหมดตัวแล้ว พระเจ้าทรงมอบมรดกของประชากรของข้าพเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นแล้ว พระองค์ทรงเอาไปได้อย่างไร พระองค์ทรงแบ่งทุ่งนา ของพวกเราให้แก่บรรดาศัตรู’ ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดขึงเชือกวัดส่วนมรดก เพื่อจับสลากให้ท่านในชุมชนขององค์ พระผู้เป็นเจ้า” พระวรสาร มธ 12:14-21 เวลานั้น ชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะกำ�จัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงทราบเรือ่ งนี้ จึงเสด็จไปจากทีน่ นั่ ผูค้ นจำ�นวนมากติดตามพระองค์ ไป พระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำ�ชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้ เพื่อให้พระวาจาที่ตรัสทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของ เราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และ จะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้น อ้อที่ชํ้าแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่ จนกว่าเขาจะทำ�ให้ความยุติธรรมมี ชัยชนะ นานาชาติจะมีความหวังในนามของเขา นักพระคัมภีร์บางคนบอกว่า ประกาศกก็คือเสียงมโนธรรมของประชาชน ประกาศกมีคาห์ได้ต่อสู้กับความอยุติธรรมอย่างกล้าหาญ การต่อสู้ของท่านไม่เพียงแต่ เป็นการปกป้องสิทธิของคนยากจนเท่านั้น แต่ยังต้องการให้ผู้กระทำ�ผิดกลับใจด้วย แต่ หลายครัง้ คนเหล่านีแ้ ทนทีจ่ ะกลับใจ กลับทำ�ร้ายหรือฆ่าบรรดาประกาศกเสีย เฉกเช่นพระ เยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ ทีช่ าวฟาริสแี ทนทีจ่ ะกลับใจเชือ่ ฟังพระองค์ กลับพากันวางแผน ที่จะกำ�จัดพระองค์ เราทุกคนมีหน้าที่ในการปกป้องคนยากจน คนถูกเอารัดเอาเปรียบใน สังคมด้วยความกล้าหาญ
น.ลอเรนซ์ แห่งบรินดิซี พระสงฆ์ และนักปราชญ์
สดด 10:1-2,3-4, 7-8,14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 23:1-6 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ “วิบตั แิ ก่บรรดาผูเ้ ลีย้ งทีท่ �ำ ลายและทำ�ให้ฝงู แกะทีเ่ รา เลี้ยงไว้กระจัดกระจายไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า แห่งอิสราเอลจึงตรัสกล่าวโทษบรรดาผูเ้ ลีย้ งทีเ่ ลีย้ งดูประชากรของเราว่า “ท่านทัง้ หลาย ขับไล่แกะของเราให้กระจัดกระจายไปและไม่ดูแลแกะเหล่านั้น ใช่แล้ว เราจะจัดการ กับท่านทัง้ หลายและกับกิจการชัว่ ร้ายของท่าน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส “เราจะรวบรวม แกะทีร่ อดชีวติ ของเราจากแผ่นดินทุกแห่งทีเ่ ราเคยขับไล่ให้เขาไปอาศัยอยู่ เราจะนำ�เขา ทั้งหลายกลับมายังทุ่งหญ้าของเขาอีก เขาจะมีลูกดกและทวีจำ�นวนมาก เราจะแต่งตั้ง ผู้เลี้ยงให้เลี้ยงดูเขา เขาจะไม่ต้องกลัวและตกใจอีกต่อไป จะไม่มีแกะขาดไปแม้แต่ตัว เดียว” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่ กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะทำ�ให้ความถูกต้องและ ความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอล จะดำ�เนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนามพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็น เจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” เพลงสดุดี สดด 23:1-6 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ทรงน�ำข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า ทรงชี้ทางให้ข้าพเจ้าเดินไปบนมรรคาแห่งความชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามพระองค์ ข) แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ ค) พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารไว้ส�ำหรับข้าพเจ้าต่อหน้าเหล่าศัตรู ทรงเทน�้ำมันเจิมศีรษะของข้าพเจ้า ทรงเทเครื่องดื่มลงในถ้วยของข้าพเจ้าจนล้นปรี่ พระกรุณาและความรักมั่นคงของพระองค์จะติดตามข้าพเจ้าไปทุกวัน ตลอดชีวิต ข้าพเจ้าจะพ�ำนักอยู่ในพระเคหาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป เป็นนิจนิรันดร์
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวเอเฟซัส อฟ 2:13-18 พี่น้อง บัดนี้ในองค์พระคริสตเยซู ท่านทั้งหลายซึ่งใน อดีตเคยอยูห่ า่ งไกลได้เข้ามาอยูใ่ กล้ เดชะพระโลหิตของพระ คริสตเจ้า พระองค์คอื สันติของเรา ทรงกระทำ�ให้ทงั้ สองฝ่าย เป็นหนึ่งเดียว โดยทรงรับสภาพมนุษย์ ทรงทำ�ลายการเป็น ศัตรูกันซึ่งเป็นเหมือนกำ�แพงที่แบ่งแยก ทรงล้มเลิกธรรม บัญญัติพร้อมกับข้อบังคับและข้อห้ามต่างๆ เพื่อสร้างสันติ ทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์คนใหม่คนเดียวในพระองค์ โดยทางไม้กางเขนทรงทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายกลับคืนดีกบั พระเจ้า รวมเป็ นกายเดี ย ว และทรงขจั ด การเป็ น ศั ต รู กั น เดชะ พระองค์ พระองค์เสด็จมาประกาศสันติเป็นข่าวดีสำ�หรับท่าน ทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำ�หรับผู้ที่อยู่ใกล้ เดชะพระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงเข้าไป เฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:30-34 เวลานั้น บรรดาอัครสาวกกลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ทำ�และ ได้สอน พระองค์จงึ ตรัสกับเขาว่า “ท่านทัง้ หลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำ�พังในทีส่ งัดระยะหนึง่ เถิด” เพราะ มีคนไปมาจนเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะกินอาหาร พระเยซูเจ้าจึงทรงลงเรือไปยังที่สงัดตามลำ�พังพร้อมกับ บรรดาอัครสาวก ประชาชนหลายคนเห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้ว่า พระองค์จะทรงไปทีใ่ ด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆ ไปทีน่ นั่ และไปถึงก่อน เมือ่ เสด็จขึน้ จากเรือ ทรงแล เห็นประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่ม สั่งสอนเขาหลายเรื่อง เราจะมีความรู้สึกที่ดี เมื่อเรารู้ว่ามีคนที่รักและคอยห่วงใยเรา ในพระวรสารวันนี้ เราจะเห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงรักและห่วงใยอัครสาวกของพระองค์ ทรงพาพวกเขาไปพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการ เดินทางไปเทศน์สอน และยังได้เห็นความรักและความเมตตาของพระองค์ต่อประชาชนที่ติดตามพระองค์ด้วย พระองค์ไม่ได้ต่อว่าพวกเขาสักคำ�เดียวแม้จะไม่ได้พักผ่อนก็ตาม พระองค์ทรงเอาใจใส่ประชาชนเหมือนนาย ชุมพาบาลทีด่ ที ดี่ แู ลฝูงแกะของตน คริสตชนทุกคนควรสนใจคนอืน่ ด้วยเช่นกัน หลายครัง้ เราบอกว่าเราสนใจคน อื่น แต่เราก็ล้มเหลวเพราะเราไม่ได้ปฏิบัติจริงๆ
น.บรียิต นักบวช สดด 50:5-6,8-10, 16-18,21,23 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 มคา 6:1-4,6-8 จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเถิด จงลุกขึ้นแก้คดีของท่านต่อหน้าภูเขา จงให้ เนินเขาฟังเสียงของท่าน ภูเขาทัง้ หลายเอ๋ย จงฟังคดีขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเถิด รากฐาน ถาวรของแผ่นดินเอ๋ย จงฟังเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากร ของพระองค์ พระองค์จะทรงสู้ความกับอิสราเอล ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทำ�อะไร กับท่าน เราได้ทำ�ให้ท่านขุ่นข้องหมองใจในเรื่องใด จงตอบซิ เพราะเราได้นำ�ท่านออก มาจากแผ่นดินอียิปต์ และไถ่ท่านจากการเป็นทาส เราใช้โมเสส อาโรน และมีเรียมให้ นำ�หน้าท่าน “ข้าพเจ้าจะต้องนำ�สิ่งใดเมื่อเข้ามาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และกราบนมัสการ พระเจ้าผู้สูงสุด ข้าพเจ้าจะต้องนำ�เครื่องเผาบูชา โคหนุ่มอายุหนึ่งปีหลายตัวเข้ามาเฝ้า พระองค์หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะเพศผู้นับพันตัว พอพระทัยลำ�ธาร นํ้ามันนับหมื่นสายหรือ ข้าพเจ้าจะต้องถวายบุตรคนแรกเพื่อชดเชยความผิดของ ข้าพเจ้า ถวายบุตรจากกายของข้าพเจ้าเพื่อชดเชยบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำ�หรือ” “มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงบอกท่านไว้แล้วว่าอะไรดี และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง ประสงค์สิ่งใดจากท่าน คือให้ท่านปฏิบัติความยุติธรรมและรักความดีงาม และดำ�เนิน ชีวิตอย่างถ่อมตนกับพระเจ้าของท่าน” พระวรสาร มธ 12:38-42 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวก เราต้องการเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ประการหนึ่งจากท่าน” พระองค์ทรงตอบว่า “คน ชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต้องการเห็นเครื่องหมายรึ จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น เว้นแต่ เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืนฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น ในวันพิพากษา ชาวเมือง นีนะเวห์จะลุกขึน้ และกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมือ่ ได้ฟงั คำ�เทศน์ ของโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้ จะ ทรงลุกขึน้ และทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพือ่ ฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก” จากหนังสือประกาศกมีคาห์ เราเห็นภาพเหมือนอยู่หน้าบัลลังก์ผู้พิพากษา ที่ไม่ใช่ในศาล แต่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พระองค์กำ�ลังพิพากษาประชากรที่ไม่ซื่อสัตย์ ของพระองค์ แต่พระองค์เป็นผู้พิพากษาที่ไม่ต้องการ “การลงโทษ” แต่ต้องการ “การ กลับใจ” มากกว่า พระเยซูเจ้าในบทพระวรสารก็ยืนยันเรื่องนี้ พระองค์บอกให้ชาวฟาริสี และธรรมาจารย์เชือ่ ฟังประกาศกโยนาห์และกลับใจเหมือนชาวเมืองนีนะเวห์ การกลับใจ คือการเปลี่ยนใจใหม่ หันหนีจากค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง รักในความดีงามทั้งหลาย
บทอ่านที่ 1 มคา 7:14-15,18-20 โปรดทรงใช้ไม้ขอของผูเ้ ลีย้ งแกะเลีย้ งดูประชากร คือฝูงแพะแกะทีเ่ ป็นมรดกของ พระองค์ ซึง่ อาศัยโดดเดีย่ วอยูใ่ นป่า ทีม่ แี ผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยูโ่ ดยรอบ โปรดทรงให้ เขาหากินอยูใ่ นแคว้นบาชานและกิเลอาด เหมือนในสมัยก่อน โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์ แก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เหมือนในสมัยทีท่ รงนำ�ข้าพเจ้าทัง้ หลายออกมาจากแผ่นดินอียปิ ต์ เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการ น.ชาร์เบล มาคลุฟ พระสงฆ์ ล่วงละเมิด แก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงเก็บพระพิโรธไว้ สดด 85:1-3,4-5, ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง ขอพระองค์ทรงพระเมตตาต่อข้าพเจ้า 6-7 ทัง้ หลายอีกครัง้ หนึง่ โปรดทรงเหยียบยาํ่ ความผิดของข้าพเจ้าทัง้ หลาย พระองค์จะทรง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์ แก่ยาโคบ ทรงแสดงความรักมัน่ คงแก่อบั ราฮัม ดังทีเ่ คยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรษุ ของ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่นานมาแล้ว พระวรสาร มธ 12:46-50 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังตรัสกับประชาชน พระมารดาและพระประยูรญาติของ พระองค์ มายืนอยู่ข้างนอก ต้องการพูดกับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามผู้ที่มาทูลนั้น ว่า “ใครเป็นมารดา ใครเป็นพี่น้องของเรา” แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ชี้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” คำ�ประกาศของพระเยซูเจ้าทีว่ า่ “...ผูท้ ปี่ ฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดา ของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” น่าจะทำ�ให้เรา ภูมิใจ เพราะพระองค์ต้องการจะบอกว่า ในฐานะที่เราเป็นศิษย์ของพระองค์ เรามีความ สัมพันธ์พเิ ศษกับพระองค์ อยูใ่ นครอบครัวเดียวกับพระองค์ แม่พระไม่เพียงแต่เป็นมารดา ฝ่ายกายเท่านั้น แต่มีความสัมพันธ์กับพระองค์มากเป็นพิเศษ เพราะแม่พระเป็นศิษย์ที่ สมบูรณ์ครบครันที่สุด เพราะพระนางได้ทำ�ตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าง ไม่มที ตี่ ิ ถ้าเราทำ�ตามพระประสงค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เราก็จะเป็นเหมือนแม่พระ ผูเ้ ป็น ศิษย์ที่สมบูรณ์ครบครันที่สุดเช่นกัน
ฉลอง น.ยากอบ อัครสาวก สดด 126:1-2,3-4, 5-6
บทอ่านที่ 1 2 คร 4:7-15 พี่น้อง เรามีสมบัตินี้เก็บไว้ในภาชนะดินเผา เพื่อแสดงว่าอานุภาพลํ้าเลิศนั้นมา จากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเรา เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ไม่หมดหวัง เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย เรา แบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซู เจ้าจะปรากฏอยูใ่ นร่างกายของเราด้วย ขณะทีเ่ รายังมีชวี ติ อยูเ่ ราเสีย่ งกับความตายอยู่ เสมอเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า เพือ่ ให้ชวี ติ ของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติ ที่ตายได้ของเรา ดังนั้น ความตายกำ�ลังทำ�งานอยู่ในเรา แต่ชีวิตกำ�ลังทำ�งานอยู่ในท่าน มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกัน นี้ เราเชื่อ เราจึงพูด เพราะรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพ จะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้า และจะทรง นำ�เราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นสำ�หรับท่าน เพื่อว่าเมื่อพระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้น การขอบพระคุณจะทวียิ่งขึ้น เป็นการ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
พระวรสาร มธ 20:20-28 เวลานั้น มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้าพร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจาก พระองค์ พระองค์จงึ ตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บตุ รทัง้ สอง คนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบ ว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำ�ลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดืม่ ถ้วยของเรา แต่การทีจ่ ะนัง่ ข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานัน้ ไม่ใช่หน้าทีข่ อง เราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำ�หรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้ อำ�นาจบังคับ แต่ทา่ นทัง้ หลายไม่ควรเป็นเช่นนัน้ ผูท้ ปี่ รารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ผอู้ นื่ และ ผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในบรรดาท่านทัง้ หลาย ก็จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ เหมือนกับทีบ่ ตุ รแห่งมนุษย์ มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย” วันนี้เราฉลองนักบุญยากอบอัครสาวก พี่ชายนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร พระเยซูเจ้าทรง เรียกทั้งสองพี่น้องขณะอยู่บนเรือหาปลาพร้อมกับเศเบดีผู้บิดา ท่านเป็นหนึ่งในอัครสาวกสามคนที่มีสิทธิพิเศษ เช่น เห็นการประจักษ์พระวรกายของพระเยซูเจ้าบนภูเขาทาบอร์ อยูใ่ นเหตุการณ์ทพี่ ระเยซูเจ้าทรงปลุกลูกสาว ไยรัสให้กลับคืนชีพและอยู่ในสวนมะกอกเทศขณะที่พระเยซูเจ้าทรงเข้าตรีทูต ท่านเป็นมรณสักขีองค์แรกใน บรรดาอัครสาวก คำ�อ้อนวอนจากผู้เป็นมารดาขอให้ท่านและน้องชายได้มีตำ�แหน่งพิเศษ สะท้อนความเป็น มนุษย์อย่างแท้จริง พระเยซูเจ้าได้ถือโอกาสสอนว่า จุดประสงค์ของการมีตำ�แหน่งหน้าที่ก็คือการรับใช้ ทุกคน มีหน้าที่รับใช้ผู้อื่นด้วยความสุภาพ ซึ่งพระองค์ได้ให้แบบอย่างในเรื่องนี้
บทอ่านที่ 1 ยรม 2:1-3,7-8,12-13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า จงไปประกาศให้ชาวกรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนีว้ า่ เรายังระลึกถึงความจงรักภักดีในวัยสาวของท่าน ระลึก ถึงความรักเมื่อท่านยังเป็นคู่หมั้น เมื่อท่านติดตามเราในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ไม่มี ผูใ้ ดหว่านพืช อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เป็นผลิตผลแรกทีท่ รงเก็บ เกีย่ ว ทุกคนทีก่ นิ ผลแรกนีย้ อ่ มมีความผิด เหตุรา้ ยจะมาถึงเขา องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส” ระลึกถึง น.โยอากิม เราได้น�ำ ท่านทัง้ หลายเข้ามาในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ เพือ่ จะได้กนิ ผลผลิตและสิง่ และ น.อันนา ดีๆ แต่เมือ่ ท่านเข้ามา ท่านทำ�ให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำ�ให้มรดกของเราเป็น บิดามารดาของ สิ่งน่าสะอิดสะเอียน บรรดาสมณะไม่เคยถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน” ผู้ พระนางมารีย์ เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้ปกครองก็เป็นกบฏต่อเรา บรรดาประกาศก พรหมจารี สดด 36:5-6,7-8, ประกาศวาจาในนามของพระบาอัล และดำ�เนินตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์ 9-10 สวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ จงสยดสยองและจงตกใจอย่างทีส่ ดุ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ประชากรของเราได้ทำ�ความชั่วสองประการ เขาได้ละทิ้ง เราซึ่งเป็นพุนํ้าไหล แล้วไปสกัดหินเป็นที่ขังนํ้าสำ�หรับตน เป็นที่ขังนํ้ารั่วซึ่งเก็บนํ้าไว้ ไม่ได้ พระวรสาร มธ 13:10-17 เวลานั้น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำ�ไมพระองค์ตรัสแก่พวกเขาเป็นอุปมา” พระองค์ ทรงตอบว่า “พระเจ้าประทานธรรมลํ้าลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์ให้ท่านทั้งหลายรู้ แต่ไม่ได้ประทานให้แก่ผู้ อื่น เพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้นจนเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่มีน้อย จะถูกริบสิ่งเล็กน้อยที่มีไปด้วย ดังนั้น เรา กล่าวแก่คนเหล่านี้เป็นอุปมา ถึงแม้พวกเขามองดู ก็ไม่เห็น แม้ฟัง ก็ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจ สำ�หรับคนเหล่า นี้ คำ�ทำ�นายของประกาศกอิสยาห์ก็เป็นความจริงที่ว่า ท่านทั้งหลายจะฟังแล้วฟังเล่า แต่จะไม่เข้าใจ จะมองแล้วมองเล่า แต่จะไม่เห็น เพราะจิตใจของ ประชาชนนี้แข็งกระด้าง เขาทำ�หูทวนลม และปิดตา เพื่อไม่ต้องมองด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหู จะได้ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา ส่วนท่านทั้งหลาย ตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็น หูของท่านเป็นสุขที่ได้ฟัง เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ประกาศกและผู้ชอบธรรมจำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟัง สิ่งที่ท่านฟังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ฟัง” เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เข้าสู่พิธีสมรส จะต้องสาบานตนว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้ท�ำ ให้ชนชาติอสิ ราเอลจากเดิมไม่มอี ะไร จากการเป็นทาสในอียปิ ต์ ได้กลายมาเป็นประชากร ของพระองค์ในแผ่นดินแห่งพระสัญญา พวกเขาเป็นเหมือนเจ้าสาวทีค่ วรซือ่ สัตย์ตอ่ เจ้าบ่าว แต่กลับละทิง้ พระองค์ ไปนับถือพระของชนต่างชาติ องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ต่อว่าพวกเขาผ่านทางประกาศกเยเรมีย์ เพื่อให้พวกเขากลับ คืนมาซือ่ สัตย์ตอ่ พระองค์เหมือนเดิม...ครอบครัวของแม่พระซึง่ มีนกั บุญโยอากิมและอันนาเป็นบิดามารดาทีเ่ รา ระลึกถึงในวันนี้ ได้ถือซื่อสัตย์ต่อกัน เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ หล่อหลอมให้แม่พระเป็นผู้ที่น้อมรับพระประสงค์ ของพระเป็นเจ้าอย่างครบครัน
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ยรม 31:10.11-12กข,13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันอาสาฬหบูชา
บทอ่านที่ 1 ยรม 3:14-17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ลูกหลานที่ไม่ซื่อสัตย์เอ๋ย จงกลับมาเถิด เพราะเรา เป็นเจ้านายของท่าน เราจะนำ�ท่านกลับมายังศิโยน จะนำ�คนหนึ่งจากแต่ละเมือง และ สองคนจากแต่ละครอบครัว เราจะให้ผู้เลี้ยงที่ทำ�ตามใจเราแก่ท่าน เขาจะเลี้ยงดูท่าน ด้วยความรู้และความเข้าใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อท่านทั้งหลายจะทวีจำ�นวนใน แผ่นดิน เวลานั้น เขาทั้งหลายจะไม่พูดถึง ‘หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ อีก ต่อไป จะไม่มีใครคิดถึง ไม่มีใครจดจำ� ไม่มีใครรู้สึกเสียดาย ไม่มีใครทำ�ขึ้นใหม่เลย เวลานั้นเขาจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่าเป็นพระบัลลังก์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า นานาชาติ จะรวมกันเข้ามาทีน่ นั่ ทีก่ รุงเยรูซาเล็ม เดชะพระนามองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขาจะไม่ปฏิบตั ิ ตามใจชั่วและดื้อกระด้างอีกต่อไป” พระวรสาร มธ 13:18-23 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงฟังความหมายของอุปมาเรื่องผู้หว่านเถิด เมื่อคนหนึ่งฟังพระวาจาเรื่องพระ อาณาจักรและไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาและถอนสิง่ ทีห่ ว่านลงในใจของเขาไปเสีย นัน่ ได้แก่ เมล็ดทีต่ กริมทาง เมล็ดทีต่ กบนหินคือผูฟ้ งั พระวาจาและมีความยินดีรบั ไว้ทนั ที แต่เขา ไม่มีรากในตัว จึงไม่มั่นคง เมื่อเผชิญความยากลำ�บากหรือถูกเบียดเบียนเพราะพระ วาจานั้น เขาก็ยอมแพ้ทันที เมล็ดที่ตกในพงหนามหมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจา แต่ ความวุน่ วายในทางโลก ความลุม่ หลงในทรัพย์สมบัตเิ ข้ามาบดบังพระวาจาไว้ จึงไม่เกิด ผล ส่วนเมล็ดที่หว่านลงในดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาและเข้าใจ จึงเกิดผล ร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง” พระวาจาของพระเป็นเจ้าเป็นพระวาจาทรงชีวิต แต่จะเป็นพระวาจาทรง ชีวติ หรือไม่กข็ นึ้ กับจิตใจของเราแต่ละคน อุปมาเรือ่ งผูห้ ว่านได้ให้ค�ำ อธิบายไว้อย่างชัดเจน เมล็ดพืช (พระวาจา) จะไม่เกิดในดินที่เป็นทางเดินเพราะไม่ฟังหรือไม่สนใจพระวาจาเลย จะไม่เติบโตในดินหิน เพราะขาดรากคือเราไม่ยอมรับความยากลำ�บากหรือเสียสละเพราะ พระวาจานั้น จะไม่เจริญเติบโตในกอหนาม เพราะมันถูกครอบงำ�จากความกังวลต่างๆ และความหมกมุ่นในสิ่งของฝ่ายโลก แต่มันจะเกิดผลดีในดินที่ดี ให้เราถามตัวเองว่าเรา เป็นดินชนิดไหน
บทอ่านที่ 1 ยรม 7:1-11 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสสัง่ ประกาศกเยเรมียว์ า่ “จงไปยืนทีป่ ระตูพระวิหารขององค์ พระผู้เป็นเจ้าและประกาศถ้อยคำ�เหล่านี้ที่นั่นว่า ชาวยูดาห์ทั้งหลายที่ผ่านประตูเหล่า นี้เข้ามานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์ พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติ และกิจการของท่าน แล้วเราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ อย่าไว้วางใจคำ�หลอกลวง สัปดาห์ที่ 16 ของผู้ที่พูดว่า ‘นี่คือพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า เทศกาลธรรมดา พระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า’ เพราะถ้าท่านแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน สดด 84:1-2,3-4,5,10 อย่างแท้จริง ถ้าท่านตัดสินคดีความของผู้หนึ่งกับเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ถ้าท่านไม่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำ�พร้าและแม่ม่าย ถ้าท่านไม่หลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์ในสถานที่ นี้ และไม่ไปกราบไหว้เทพเจ้าอื่นเป็นการทำ�ร้ายตนเอง เราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถาน วันเฉลิมพระชนมพรรษา ทีน่ ี้ ในแผ่นดินซึง่ เราเคยให้แก่บรรพบุรษุ ของท่านตัง้ แต่นานมาแล้ว เพือ่ จะได้อาศัยอยู่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ ตลอดไป แต่ท่านทั้งหลายวางใจในคำ�หลอกลวงที่ไม่ให้ประโยชน์ใดเลย ท่านลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผากำ�ยานถวายพระบาอัลและนมัสการเทพเจ้าซึง่ ท่าน บดินทรเทพยวรางกูร วันเข้าพรรษา ไม่เคยรูจ้ กั มาก่อน แล้วมายืนต่อหน้าเราในพระวิหารนี้ ซึง่ ได้รบั นามตามชือ่ ของเรา พูด ว่า ‘พวกเราปลอดภัยแล้ว’ เพื่อจะกลับไปทำ�กิจการน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้อีก วิหาร นี้ที่ได้รับนามตามชื่อของเราเป็นถํ้าโจรในสายตาของท่านไปแล้วหรือ เราเองยังได้เห็น เช่นนี้” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส พระวรสาร มธ 13:24-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กบั ชายคนหนึง่ ทีห่ ว่านข้าวพันธุด์ ใี นนาของตน ขณะทีท่ กุ คนนอนหลับ ศัตรู ก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซม อยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมา จากที่ใด’ นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงาม ขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วเมื่อเก็บเกี่ยว ฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็น ฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’” การทีช่ าวอิสราเอลกล่าวคำ�ว่า “พระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า” ถึงสามครัง้ แล้วเชือ่ ว่าจะรอดพ้น จากอันตราย เป็นความเชือ่ ทีง่ มงาย ตราบใดทีเ่ ราไม่ด�ำ เนินชีวติ อย่างถูกต้อง เราไม่มที างทีจ่ ะพ้นอันตรายได้ ชาว อิสราเอลสมัยประกาศกเยเรมีย์ได้ทำ�ผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการหันไปนับถือพระเท็จเทียมต่างๆ พระเยซู เจ้าตรัสในพระวรสารว่า ข้าวสาลีจะเก็บไว้ในยุ้ง ส่วนข้าวละมานจะถูกเผาทิ้ง เราจะต้องเป็นข้าวสาลีเพราะการ ดำ�เนินชีวิตที่ถูกต้องของเรา ไม่ใช่เป็นข้าวละมานเพราะความเชื่อที่งมงายของเรา
สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง 2 พกษ 4:42-44 ชายคนหนึง่ มาจากเมืองบาอัลชาลิชา นำ�ขนมปังยีส่ บิ ก้อนทำ�จากข้าวบาร์เลย์ทเี่ พิง่ เก็บเกี่ยวในปีนั้น และรวงข้าวที่เพิ่งเกี่ยวได้มาให้คนของพระเจ้า เอลีชาสั่งว่า “จงนำ� ไปให้ทุกคนกินเถิด” แต่ผู้รับใช้ของเขาแย้งว่า “ข้าพเจ้าจะนำ�อาหารแค่นี้ไปเลี้ยงคน หนึ่งร้อยคนได้อย่างไร” เอลีชาตอบว่า “จงแจกให้ทุกคนกินเถิด เพราะองค์พระผู้เป็น เจ้าตรัสดังนี้ ท่านทัง้ หลายจะได้กนิ แล้วยังจะมีเหลืออีก” ผูร้ บั ใช้จงึ จัดอาหารให้ทกุ คน ทุกคนกินและยังมีเหลืออยู่อีกตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ เพลงสดุดี สดด 145:10-11,15-17,18-19 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้สิ่งสร้างทั้งมวลสรรเสริญพระองค์ ขอให้ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ถวายพระพรแด่พระองค์ เขาจะพูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระอาณาจักรของพระองค์ และเล่าถึงพระอานุภาพของพระองค์ ข) นัยน์ตาของทุกคนมองไปที่พระองค์ด้วยความหวัง และพระองค์ประทานอาหารแก่เขาทั้งหลายตามเวลา พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ ประทานอาหารให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลได้กินจนอิ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรมในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ ทรงความรักมั่นคงในพระราชกิจทั้งหลาย ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดทุกคนที่เรียกขานพระองค์ ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ด้วยใจจริง พระองค์ทรงตอบสนองความปรารถนาของทุกคนที่ย�ำเกรงพระองค์ ทรงฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือและทรงช่วยเขาให้รอดพ้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:1-6 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าผูถ้ กู จองจำ�เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วอนขอท่านทัง้ หลายให้ด�ำ เนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มี องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่าน ทุกคน และสถิตในทุกคน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 6:1-15 หลังจากนัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลหี รือ ทิเบเรียส ประชาชนจำ�นวนมากตามพระองค์ไป เพราะเห็น เครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำ�แก่ผู้เจ็บป่วย พระองค์ เสด็จขึน้ ไปบนภูเขา ประทับทีน่ นั่ พร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะ นั้นใกล้จะถึงวันฉลองปัสกาของชาวยิว พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็น ประชาชนจำ�นวนมากที่มาเฝ้า จึงตรัสกับฟีลิปว่า “พวกเรา จะซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน” พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อ ทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรงทำ�ประการ ใด ฟีลิปทูลตอบว่า “ขนมปังราคาสองร้อยเหรียญแจกให้ คนละนิดก็ยังไม่พอ” ศิษย์อีกคนหนึ่ง คือ อันดรูว์น้องของ ซีโมนเปโตรทูลว่า “เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว ขนมปังและปลาเพียงเท่านี้จะ พออะไรสำ�หรับคนจำ�นวนมากเช่นนี้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงบอกประชาชนให้นั่งลงเถิด” ที่นั่นมีหญ้าขึ้น อยู่ทั่วไป เขาจึงนั่งลง นับจำ�นวนผู้ชายได้ถึงห้าพันคน พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึ้น ทรงขอบพระคุณ พระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ พระองค์ทรงกระทำ�เช่นเดียวกันกับปลา เมื่อคน ทั้งหลายอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงเก็บเศษขนมปังที่เหลือ อย่าให้สิ่งใดสูญไปเปล่าๆ” บรรดาศิษย์จึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือนั้นได้สิบสองกระบุง เมื่อคนทั้งหลายเห็นเครื่องหมาย อัศจรรย์ที่ทรงกระทำ�ก็พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นประกาศกแท้ซึ่งจะต้องมาในโลก” พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าคน เหล่านั้นจะใช้กำ�ลังบังคับพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ จึงเสด็จไปบนภูเขาตามลำ�พังอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นประชาชนหิว พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและเมตตา ไม่ใช่เพราะเป็น หน้าที่ ประชาชนติดตามพระองค์โดยไม่ได้ตระเตรียมสิง่ ใด เมือ่ พระองค์ประทานอาหารฝ่ายจิตคือคำ�เทศน์สอน ของพระองค์แล้ว พระองค์ก็ยังประทานอาหารฝ่ายกายด้วย พระองค์ทรงดูแลเราทั้งครบ ในโลกนี้มีหลายคนที่ กำ�ลังจะอดตาย พวกเขาเหล่านีเ้ ป็นพีเ่ ป็นน้องของเรา เรามีสว่ นช่วยพวกเขาเหล่านัน้ มากน้อยแค่ไหน เราจะต้อง ดูแลเพื่อนพี่น้องของเราที่กำ�ลังอดอยากเหมือนกับที่พระเยซูเจ้าทรงดูแลเรา
บทอ่านที่ 1 ยรม 13:1-11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่ข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปซื้อผ้าป่านคาดสะเอวมาผืนหนึ่ง และคาดสะเอวของท่านไว้ แต่อย่าให้ผ้านั้นถูกนํ้า” ข้าพเจ้าจึงไปซื้อผ้าคาดสะเอวตาม พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า นำ�มาคาดสะเอวไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้า อีกว่า “จงรีบนำ�ผ้าคาดสะเอวที่ท่านซื้อมาคาดสะเอวนี้ ไปยังแม่นํ้ายูเฟรติส แล้วซ่อน น.เปโตร คริโซโลโก ผ้านั้นไว้ในซอกหินแห่งหนึ่ง” ข้าพเจ้าก็ไปและซ่อนผ้าผืนนั้นไว้ริมแม่นํ้ายูเฟรติสตาม ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา ต่อมาอีกหลายวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า พระสังฆราช และนักปราชญ์ “จงรีบไปที่ริมแม่นํ้ายูเฟรติส และนำ�ผ้าคาดสะเอวที่เราได้สั่งท่านให้ซ่อนไว้ที่นั่นกลับ มา” ข้าพเจ้าจึงไปที่แม่นํ้ายูเฟรติส ค้นหาผ้าคาดสะเอวในที่ซึ่งข้าพเจ้าซ่อนไว้และนำ� ฉธบ 32:18-19,20,21 ออกมาก็เห็นว่าผ้าคาดสะเอวนั้นเปื่อยยุ่ยจนใช้การไม่ได้ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 กับข้าพเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะทำ�ลายความเย่อหยิ่งของยูดาห์และ ความหยิง่ ยโสของกรุงเยรูซาเล็มเช่นเดียวกัน ประชากรชัว่ นีท้ ปี่ ฏิเสธไม่ยอมฟังถ้อยคำ� ของเรา ดื้อรั้นทำ�ตามใจของตนและติดตามเทพเจ้าอื่น เพื่อรับใช้และกราบนมัสการ เทพเจ้าเหล่านั้น จะเป็นเหมือนผ้าคาดสะเอวผืนนี้ที่ใช้การไม่ได้ ผ้าคาดสะเอวติดอยู่ที่บั้นเอวของมนุษย์ ฉันใด เราก็ได้ทำ�ให้พงศ์พันธุ์ทั้งหมดของอิสราเอลและพงศ์พันธุ์ทั้งหมดของยูดาห์ติดอยู่กับเราฉันนั้น องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นประชากร เป็นชื่อเสียง เป็นที่สรรเสริญ เป็นความภูมิใจของเรา แต่เขาทั้งหลายก็ไม่ยอมฟัง” พระวรสาร มธ 13:31-35 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีผู้นำ�ไปหว่านในนา และเป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ด ทัง้ หลาย แต่เมือ่ เมล็ดงอกขึน้ เป็นต้นแล้ว กลับมีขนาดโตกว่าต้นผักอืน่ ๆ และกลายเป็นต้นไม้ จนกระทัง่ นก ในอากาศมาทำ�รังอาศัยบนกิ่งได้” พระองค์ยังตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์ยงั เปรียบได้กบั เชือ้ แป้งทีห่ ญิงคนหนึง่ นำ�มาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งทัง้ หมด ฟูขึ้น” พระเยซูเจ้าตรัสเรือ่ งทัง้ หมดนีแ้ ก่ประชาชนเป็นอุปมา พระองค์ไม่ตรัสสิง่ ใดกับเขาโดยไม่ใช้อปุ มา ทัง้ นี้ เพื่อให้พระดำ�รัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราจะเปิดปากกล่าวเป็นอุปมา เราจะกล่าวเรื่องที่ยังไม่เคยเปิดเผยตั้งแต่สร้างโลก ในยุคสมัยของประกาศกเยเรมีย์ ชาวอิสราเอลได้เสื่อมเสียเพราะอิทธิพลของคนต่างชาติ หันไป นับถือพระเท็จเทียมต่างๆ ในสมัยของเราเหตุการณ์เดียวกันก็เกิดขึ้นเช่นกัน ค่านิยมต่างๆ ได้นำ�พาเราให้ละทิ้ง พระเป็นเจ้า เราต้องเป็นเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดหรือเชื้อแป้งในการขยายพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า ต่อสู้กับ ค่านิยมของโลกที่กำ�ลังทำ�ลายคำ�สอนของพระเยซูเจ้า เราต้องดำ�เนินชีวิตด้วยความสำ�นึก ระมัดระวังเสมอเพื่อ เราจะไม่พลาดพลั้งเดินตามค่านิยมที่ผิดๆ ในโลกปัจจุบันโดยไม่รู้ตัว
บทอ่านที่ 1 ยรม 14:17-22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งข้าพเจ้า ให้ไปประกาศถ้อยคำ�นี้แก่เขาทั้งหลายว่า “ตา ของเราน่าจะหลัง่ นาํ้ ตาทัง้ คืนทัง้ วันโดยไม่หยุด เพราะบุตรหญิงพรหมจารีของประชากร ของเราได้รับภัยพิบัติยิ่งใหญ่ เป็นบาดแผลสาหัสไม่มีทางรักษาให้หายได้ ถ้าเราออกไป ในทุ่งนา ก็เห็นผู้ถูกฆ่าด้วยดาบ ถ้าเราเข้าไปในกรุง ก็เห็นผู้ที่อดอาหารตาย ทั้งบรรดา ประกาศกและสมณะเดินไปมาในแผ่นดิน โดยไม่รู้ว่าจะไปไหน” ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทอดทิ้งยูดาห์โดยสิ้นเชิงแล้วหรือ พระองค์ ทรงรังเกียจศิโยนแล้วหรือ ทำ�ไมพระองค์จึงทรงเฆี่ยนตีข้าพเจ้าทั้งหลายให้บาดเจ็บจน ไม่มีทางรักษา ข้าพเจ้าทั้งหลายรอคอยสันติภาพ แต่ไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น รอคอยเวลาให้ หายจากโรค ก็มแี ต่ความน่าสยดสยอง ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ข้าพเจ้าทัง้ หลายยอมรับ ความเลวร้ายของตน และความชัว่ ร้ายของบรรพบุรษุ ข้าพเจ้าได้ท�ำ บาปผิดต่อพระองค์ เพราะเห็นแก่พระนามพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิง้ ข้าพเจ้าทัง้ หลาย ขออย่าทรงปล่อย ให้ที่ประทับแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ถูกลบหลู่ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้า ทัง้ หลาย และอย่าทรงเพิกถอนพันธสัญญาทีท่ รงทำ�ไว้กบั ข้าพเจ้าทัง้ หลายเลย ในบรรดา รูปเคารพของนานาชาติ มีรูปเคารพใดบ้างทำ�ให้ฝนตกได้ ท้องฟ้าจะให้ฝนตกหนักได้ โดยลำ�พังตนเองหรือ ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทัง้ หลาย มิใช่พระองค์ หรือทีท่ รงทำ�เช่นนี้ ข้าพเจ้าทัง้ หลายจึงวางใจในพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำ�สิง่ เหล่า นี้ทั้งหมด
ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ เด โลโยลา พระสงฆ์ สดด 79:8-9,11,13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร มธ 13:36-43 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงแยกจากประชาชนเข้าไปในบ้าน บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลว่า “โปรดอธิบาย อุปมาเรือ่ งข้าวละมานในนาเถิด” พระองค์ตรัสว่า “ผูห้ ว่านเมล็ดพันธุด์ คี อื บุตรแห่งมนุษย์ ทุง่ นาคือโลก เมล็ด พันธุด์ คี อื พลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย ศัตรูทหี่ ว่านคือปีศาจ ฤดูเก็บเกีย่ ว คือเวลาอวสานแห่งโลก ผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์” “ข้าวละมานถูกมัดเผาไฟฉันใด เวลาอวสานแห่งโลกก็จะเป็นฉันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จะใช้ทูตสวรรค์มา รวบรวมทุกสิ่งที่ทำ�ให้หลงผิดและทุกคนที่ประกอบการอธรรม ให้ออกจากพระอาณาจักร แล้วเอาไปทิ้งใน กองไฟ ที่นั่น จะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง ส่วนผู้ชอบธรรมจะส่องแสงเหมือน ดวงอาทิตย์ในพระอาณาจักรของพระบิดา ใครมีหูก็จงฟังเถิด” ในบทภาวนาของประกาศกเยเรมีย์ เราได้เห็นว่าเมื่อมีสิ่งใดผิดปกติ ความคิดแรกของท่านก็คือจะ หันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้าและสอบถามพระองค์ว่าทำ�ไมมันเกิดขึ้น และท่านรู้ดีว่าท่านและประชากรของ พระองค์บกพร่อง ท่านรู้ว่ามีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่เป็นความหวัง พระองค์ทรงเพียรทน ให้โอกาสเรา เสมอ เหมือนพระเยซูเจ้าอดทนรอให้ข้าวสาลีเติบโต จึงจะกำ�จัดข้าวละมาน แม้พระเยซูเจ้าจะให้โอกาสแก่เรา ในการกลับใจ เราต้องไม่ประมาทโดยรอถึงวันสุดท้ายทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงชีวติ ของเรา มันอาจจะสายเกินไปก็ได้ถา้ เราไม่รีบแก้ไขเดี๋ยวนี้