08 August 2019

Page 1


บทอ่านที่ 1 อพย 40:16-21,34-38 ในครั้งนั้น โมเสสทำ�ทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา เขาตั้งกระโจมที่ ประทับขึน้ ในวันต้นเดือนแรกของปีทสี่ อง หลังจากทีไ่ ด้ออกจากอียปิ ต์ โมเสสตัง้ กระโจม ที่ประทับ วางฐานรับเสา ตั้งกรอบติดไม้ขวางและตั้งเสา กางผ้าคลุมเหนือกระโจมที่ ประทับ และคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา นำ�แผ่นศิลาจารึก ใส่ลงในหีบ สอดคานหามไว้ในห่วงของหีบ นำ�พระที่นั่งพระกรุณามาปิดไว้ นำ�หีบเข้า มาตั้งไว้ในกระโจมที่ประทับ ขึงม่านกั้นหีบบรรจุแผ่นศิลาจารึกตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงบัญชา เมฆปกคลุมกระโจมนัดพบ และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เต็ม กระโจมที่ประทับ โมเสสเข้าไปในกระโจมนัดพบไม่ได้ เพราะเมฆหนาทึบอยู่เหนือ กระโจม และพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เต็มกระโจมที่ประทับ เมื่อเมฆลอยขึ้นจากกระโจมที่ประทับ ชาวอิสราเอลจะออกเดินทางต่อไป ถ้าเมฆ ไม่ลอยขึน้ เขาก็ไม่ออกเดินทางไปทีอ่ นื่ เขาจะคอยจนกว่าเมฆลอยขึน้ เพราะเมฆแสดง ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือกระโจมที่ประทับในเวลากลางวัน และมีไฟลุกในเมฆใน เวลากลางคืน เพื่อให้ชาวอิสราเอลทั้งหมดมองเห็นได้ตลอดเวลาการเดินทาง

ระลึกถึง น.อัลฟองโซ มารีย์ เด ลิกวอรี พระสังฆราช นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร สดด 84:2,3,4-5ก และ 7ก,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 13:47-53 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “อาณาจักรสวรรค์ยงั เปรียบได้อกี กับอวนทีห่ ย่อนลงในทะเล ติดปลาทุกชนิด เมือ่ อวนเต็มแล้ว ชาวประมงจะลากขึ้นฝั่ง นั่งลงเลือกปลาดีใส่ตะกร้า ส่วนปลาเลวก็โยน ทิ้งไป เมื่อถึงเวลาสิ้นโลกก็จะเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงคราวสิ้นโลก ทูตสวรรค์จะมาแยกคน ชั่วออกจากคนชอบธรรม ทิ้งคนชั่วลงในขุมไฟ ที่นั่น จะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญและ ขบฟันด้วยความขุ่นเคือง” “ท่านทั้งหลายเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้หรือไม่” บรรดาศิษย์ทูลตอบว่า “เข้าใจแล้ว” พระองค์จึงตรัสว่า “ดังนั้น ธรรมาจารย์ทุกคนที่มาเป็นศิษย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ ก็เหมือนกับเจ้าบ้านที่นำ�ทั้งของใหม่และของเก่าออกจากคลังของตน” เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสเรื่องอุปมาเหล่านี้จบแล้ว พระองค์เสด็จออกจากที่นั่น อุปมาเรื่องอวนเปรียบโลกนี้มีทั้งคนดีและคนชั่ว ในวันสุดท้ายพระเจ้าจะแยกคนดีจากคนชั่ว คน ดีจะได้รับอาณาจักรเป็นมรดก คนชั่วจะถูกโยนลงในขุมไฟนรก เพื่อผู้คนจะได้เป็นคนดี มีแนวทางชีวิตสู่หนทาง แห่งความรอดพ้น นักบุญอัลฟอนโซ ซึ่งเราฉลองในวันนี้ ได้หันหลังให้กบั ยศศักดิ์ และชื่อเสียง บวชเป็นพระสงฆ์ เทศน์สอน ประกาศข่าวดีแห่งความรักและการอภัยของพระเจ้าแก่ปวงชน โดยเฉพาะแก่คนยากจน และคนที่ ถูกทอดทิ้ง ขอให้การเป็นประจักษ์พยานของนักบุญอัลฟอนโซ ก้าวเดินไปพร้อมๆ การดำ�เนินชีวิตของเรา บน พื้นฐานแห่งความรักและมโนธรรมที่ดีของสังคม 08.indd 249

21/12/2561 14:50:12


น.เอวเซบิโอ แห่งแวร์แชลลี พระสังฆราช น.เปโตร ยูเลียน เอมาร์ต พระสงฆ์

สดด 81:2-3,4-5กข, 9-10กข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 ลนต 23:1,4-11,15-16,27,34ข-37 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชาวอิสราเอลว่า “วันสมโภชอืน่ ๆ ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ทีช่ าวอิสราเอลต้องมาชุมนุมกันนมัสการ พระองค์ตามเวลากำ�หนด มีดังต่อไปนี้ วันทีส่ บิ สีข่ องเดือนทีห่ นึง่ ตัง้ แต่ดวงอาทิตย์ตก ท่านจะต้องฉลองปัสกาเป็นเกียรติ แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า... ท่านจะต้องถวายสิ่งของเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็น เจ้าทั้งเจ็ดวัน ในวันที่เจ็ด ท่านจะต้องจัดชุมนุมนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง และงดทำ�งานทุกอย่าง”... ท่านทัง้ หลายจะต้องนับเจ็ดสัปดาห์เต็มตัง้ แต่วนั หลังวันสับบาโตทีท่ า่ นนำ�ข้าวฟ่อน แรกมายื่นถวายตามพิธี ท่านจะต้องนับห้าสิบวัน จนถึงวันหลังวันสับบาโตที่เจ็ด จึงจะ นำ�พืชผลใหม่มาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า วันที่สิบของเดือนที่เจ็ดจะเป็นวันชดเชยบาป ท่านทั้งหลายจะต้องจัดชุมนุมเพื่อ นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องจำ�ศีลอดอาหารและนำ�สิ่งของมาถวายแด่องค์ พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชาใช้ไฟเผา วันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ดนี้จะเริ่มเทศกาลอยู่เพิงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็น เวลาเจ็ดวัน... ในวันที่แปด ท่านจะต้องจัดชุมนุมเพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า และ จะต้องนำ�สิง่ ของมาถวายแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นเครือ่ งบูชาทีใ่ ช้ไฟเผา ในวันทีท่ า่ นมา ชุมนุมกันเช่นนี้ ท่านจะต้องงดทำ�งานทุกอย่าง นี่คือวันสมโภชองค์พระผู้เป็นเจ้า ที่ท่านจะต้องเรียกประชาชนมาชุมนุมกันเพื่อ นมัสการพระองค์ และเพื่อนำ�ของมาใช้ไฟเผาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า... ”

พระวรสาร มธ 13:54-58 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จมายังถิน่ กำ�เนิดของพระองค์ ทรงสัง่ สอนในศาลาธรรมของชาวยิว ประชาชน ต่างประหลาดใจและพูดว่า “คนนีเ้ อาปรีชาญาณและอำ�นาจทำ�อัศจรรย์มาจากทีใ่ ด เขาเป็นลูกช่างไม้มใิ ช่หรือ แม่ของเขาชื่อมารีย์ พี่ชายน้องชายของเขามิใช่ยากอบ โยเซฟ ซีโมน และยูดาหรือ พี่สาวน้องสาวทุกคน ของเขาก็อยู่กับเรามิใช่หรือ เขาไปได้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด” คนเหล่านี้รู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำ�เนิดและในบ้านของตน” พระองค์ทรงทำ�อัศจรรย์ที่นั่นไม่มากนัก เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ ฝูงชนที่ติดตามพระเยซูเจ้ามีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน บางคนติดตามเพื่อฟังพระวาจา เพราะ พระองค์ทรงสอนด้วย “ปรีชาญาณ” บางคนติดตามเพื่อจะได้เห็น “อำ�นาจทำ�อัศจรรย์” สาวกติดตามพระองค์ เพราะเชือ่ ว่า “พระองค์คอื พระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผูท้ รงชีวติ ” แต่ประชาชนในถิน่ กำ�เนิดของพระองค์ ไม่ยอมรับและเชื่อในพระองค์ เพราะพวกเขาดื้อรั้นถือว่ารู้จักครอบครัวของพระองค์ เป็นการดีหากคริสตชนจะ เป็นดั่งเช่นบรรดาอัครสาวก ตระหนักเสมอว่ามีพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพระอาจารย์ของตน ยึดพระองค์เป็น ศูนย์กลางของชีวิต ประพฤติตามแบบฉบับและติดตามพระองค์ใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำ�ได้ 08.indd 250

21/12/2561 14:50:13


บทอ่านที่ 1 ลนต 25:1,8-17 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสบนภูเขาซีนาย ให้บอกชาวอิสราเอลว่า “ท่านจะต้องนับระยะเวลาเจ็ดปีเจ็ดครั้ง จะได้รวมทั้งสิ้นสี่สิบเก้าปี ในวันที่สิบ เดือนเจ็ด ท่านจะสัง่ ให้เป่าเขาสัตว์ ท่านจะสัง่ ให้ประกาศวันชดเชยบาปโดยเป่าเขาสัตว์ ทั่วแผ่นดินของท่าน ท่านจะต้องประกาศว่าปีที่ห้าสิบนั้นเป็นปีศักดิ์สิทธิ์ และประกาศ สัปดาห์ที่ 17 การปลดปล่อยสำ�หรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ปีนั้นจะได้ชื่อว่า ‘ปีเป่าเขาสัตว์’ สำ�หรับท่าน แต่ละคนจะได้รับที่ดินของตระกูลคืนมา แต่ละคนจะกลับไปยังครอบครัว เทศกาลธรรมดา ของตน ในปีที่ห้าสิบซึ่งเป็นปีเป่าเขาสัตว์สำ�หรับท่านนี้ ท่านจะต้องไม่หว่านพืช ไม่เก็บ สดด 67:1-2,4,6-7 เกี่ยวข้าวซึ่งงอกขึ้นเอง ไม่เก็บผลองุ่นจากเถาที่ไม่ได้ลิด ปีเป่าเขาสัตว์นี้จะเป็นปี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ศักดิ์สิทธิ์สำ�หรับท่าน ตลอดปีนี้ ท่านจะกินพืชผลที่งอกขึ้นเองในทุ่งนา ในปีเป่าเขาสัตว์นี้ แต่ละคนจะได้รับที่ดินของตระกูลคืนมา ดังนั้น เมื่อท่านขายที่ดินแก่เพื่อนบ้าน หรือ ซื้อจากเขา ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เมื่อซื้อที่ดินจากเพื่อนบ้าน ท่านจะต้องคำ�นวณราคาซื้อตาม จำ�นวนปีท่ีผ่านมาจากปีเป่าเขาสัตว์ครั้งก่อน... เพราะฉะนั้น จงยำ�เกรงพระเจ้าของท่าน เพราะเราคือองค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน” พระวรสาร มธ 14:1-12 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า จึงตรัสกับข้าราชบริพารว่า “คนนี้คือ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างที่กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ดังนั้นเขาจึงมีอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ได้” กษัตริยเ์ ฮโรดทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์นล่ามโซ่และขังคุกไว้ เพราะเรือ่ งของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลปิ พระอนุชา ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” กษัตริย์เฮโรด ต้องการจะฆ่ายอห์น แต่ทรงเกรงประชาชน เพราะประชาชนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก ในวันคล้ายวันประสูติ ของกษัตริย์เฮโรด บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสได้เต้นรำ�ต่อหน้าแขกรับเชิญ เป็นที่พอพระทัยกษัตริย์เฮโรด อย่างยิ่ง พระองค์จึงทรงสัญญาและทรงสาบานจะประทานทุกสิ่งที่นางทูลขอ นางจึงทูลตามคำ�แนะนำ�ที่ได้รับจากมารดาว่า “โปรดประทานศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมาให้ หม่อมฉันที่นี่เถิด” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์ แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะเห็นแก่ผู้รับเชิญ จึงทรงสั่งให้ จัดการตามที่นางขอ กษัตริย์เฮโรดทรงส่งคนไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก เขาจึงนำ�ศีรษะของยอห์นใส่ถาด มาส่งให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำ�ไปให้มารดา บรรดาศิษย์ของยอห์นได้มารับศพไปฝัง แล้วแจ้งข่าวให้ พระเยซูเจ้าทรงทราบ นักบุญยอห์นบัปติสต์ถูกล่ามโซ่และขังคุกไว้ สุดท้ายถูกตัดศีรษะ เพราะตำ�หนิความสัมพันธ์ฉัน ชู้สาวของกษัตริย์เฮโรดกับภรรยาของน้องชาย “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับนางมาเป็นมเหสี” คริสตชนเสริมสร้างอาณาจักรพระเจ้าให้นา่ อยูม่ สี นั ติ ด้วยการดำ�เนินชีวติ รูจ้ กั ผิดชอบชัว่ ดี ประพฤติตนตาม ทำ�นองครองธรรมในครอบครัว จริงจังรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่กระทำ�ในสิ่งที่ผิด สิ่งที่ เลวร้าย ไม่มองข้ามความทุกข์และความอยุติธรรม จากตัวอย่างของนักบุญยอห์นบัปติสต์ การเสริมสร้าง อาณาจักรพระเจ้านั้นไม่เพียงแต่ทำ�ดีหนีชั่ว แต่สนับสนุนให้คนสร้างความดี และปกป้องสิ่งที่ดีในสังคมด้วย 08.indd 251

21/12/2561 14:50:13


สัปดาห์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันสื่อมวลชนสากล

08.indd 252

บทอ่านจากหนังสือปัญญาจารย์ ปญจ 1:2 และ 2:21-23 ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” เพราะคนที่ตรากตรำ�ทำ�งานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้และความชำ�นาญ จะต้อง ละทิ้งผลงานให้เป็นมรดกแก่คนที่ไม่ได้ตรากตรำ�เพื่องานนั้นเลย นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วย และเป็นเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง มนุษย์จะได้ประโยชน์อะไรจากความลำ�บากตรากตรำ� ทั้งหมด และความกังวลใจที่เขาต้องตรากตรำ�ภายใต้ดวงอาทิตย์ ทุกวันของเขามีแต่ ความทุกข์ งานของเขาคือความกังวลใจ แม้ในเวลากลางคืน จิตใจของเขาก็ยังไม่ได้ หยุดพัก นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วย เพลงสดุดี สดด 95 ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ด้วยความยินดี ข) เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์พระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ ทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้าง พระหัตถ์พระองค์ปั้นแผ่นดินแห้ง มาเถิด เราจงกราบนมัสการพระองค์ เราจงคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรที่ทรงเลี้ยงดูดุจฝูงแกะที่ทรงนำ�ไปยังทุ่งหญ้า ค) ท่านทั้งหลายจงฟังพระสุรเสียงของพระองค์ในวันนี้เถิด “ท่านอย่าทำ�ใจให้แข็งกระด้างเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่เมรีบาห์ เหมือนในวันนั้นที่มัสสาห์ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเรา เขาทดสอบเรา แม้ได้เห็นการกระทำ�ของเราแล้ว” เราเอือมระอาคนรุ่นนั้นเป็นเวลานานสี่สิบปี และพูดว่า “เขาทั้งหลายเป็นประชาชนที่มีใจไม่เที่ยงตรง เขาไม่ยอมรู้จักทางของเรา ดังนั้น เราจึงปฏิญาณด้วยความโกรธ ว่าเขาทั้งหลายจะไม่มีวันได้เข้าในที่พักผ่อนของเราเลย” 21/12/2561 14:50:13


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโคโลสี คส 3:1-5,9-11 พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่ นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดิน นี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้วและชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงสำ�แดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนา ในทางชัว่ ร้าย และความโลภซึง่ เป็นเหมือนการกราบไหว้รปู เคารพอย่างหนึง่ อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทัง้ หลาย ได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำ�ตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการ ปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีก หรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ไม่สำ�คัญอีก ต่อไป ที่สำ�คัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:13-21 เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคน เราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยงั ตรัสอุปมาเรือ่ งหนึง่ ให้เขาทัง้ หลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึง่ มีทดี่ นิ ทีเ่ กิดผลดีอย่างมาก เขา จึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉาง เก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขา ว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์ สมบัติไว้สำ�หรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’” ชายคนหนึ่งเข้ามาหาพระองค์ เพื่อให้ตัดสินเรื่องมรดก แต่พระองค์ปฏิเสธ กลับสั่งสอนไม่ให้ หลงใหลไปตามความต้องการฝ่ายโลกเป็นเรื่องอุปมาว่า “ชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา” “คน สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำ�หรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้า” แนวทางที่พระองค์สอนก็คือ อย่าสะสม ทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้ เพราะทรัพย์สมบัติอยู่ที่ใดจิตใจก็จะอยู่ที่นั้น นั่นก็คือ การหลงใหลในทรัพย์ฝ่ายโลก อย่างคลั่งไคล้ เป็นอันตรายนำ�เราให้ปันใจจากพระเจ้า “ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทอง พร้อมกันไม่ได้ (มธ 6:24)” มีแล้วอย่าโลภแต่แบ่งปัน นี่คือแนวทางที่พระเยซูเจ้าทรงสอน

08.indd 253

21/12/2561 14:50:13


วันถวายพระวิหาร แม่พระแห่งหิมะ สดด 81:11-12,13-14, 15-16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 กดว 11:4ข-15 ในครั้งนั้น ชาวอิสราเอลก็บ่นอีกว่า “พวกเราอยากจะได้เนื้อมากินเหลือเกิน จำ� ได้ไหมว่า เมื่ออยู่ในอียิปต์ พวกเราเคยกินสิ่งใดบ้าง เราเคยกินปลา แตงกวา แตงโม ต้นหอม หัวหอม และกระเทียม โดยไม่ต้องซื้อ มาบัดนี้ เรี่ยวแรงของเราหมดสิ้นไป เราไม่มีอะไรกินเลย ตาของเรามองเห็นแต่มานนาเท่านั้น” มานนามีลกั ษณะเหมือนเมล็ดผักชีขาว มีสเี หลืองเหมือนยางไม้ตะคราํ้ ประชากร จะออกไปเก็บ นำ�มาโม่หรือใส่ครกตำ�ให้ละเอียดเป็นแป้ง แล้วต้มในหม้อหรือทำ�เป็น ขนมแผ่น มีรสเหมือนขนมปังเคล้านํ้ามันมะกอกเทศ มานนาตกลงมาเหนือค่ายพร้อม กับนํ้าค้างในเวลากลางคืน โมเสสได้ยินประชากรบ่นและร้องไห้... เขาทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เหตุไฉนพระองค์ทรงทำ�กับผู้รับใช้พระองค์เช่นนี้... ทำ�ไมพระองค์จึงทรงให้ ข้าพเจ้าต้องมารับแบกภาระดูแลประชากรทัง้ หมดนี.้ .. ข้าพเจ้าคนเดียวไม่อาจแบกภาระ ดูแลประชากรทั้งหมดนี้ได้อีกแล้ว ภาระนี้หนักเกินไปสำ�หรับข้าพเจ้า ถ้าพระองค์ทรง ประสงค์จะมอบภาระนี้แก่ข้าพเจ้า ขอทรงพระกรุณาประหารชีวิตข้าพเจ้าเสียเถิด ข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ต่อไป”

พระวรสาร มธ 14:13-21 เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ ได้เสด็จออกจากทีน่ นั่ ลงเรือไปยังทีส่ งัดตามลำ�พัง เมือ่ ประชาชนรูต้ า่ ง ก็เดินเท้าจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระองค์ เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงเห็นประชาชนจำ�นวนมากก็ทรงสงสาร และทรงรักษาผู้เจ็บป่วยให้หายจากโรค เมื่อถึงเวลาเย็น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลพระองค์ว่า “สถานที่นี้เป็นที่เปลี่ยว และเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนไปตามหมู่บ้านเพื่อซื้ออาหารเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เขาไม่จำ�เป็น ต้องไปจากทีน่ ี่ ท่านทัง้ หลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลตอบว่า “ทีน่ เี่ รามีขนมปังเพียงห้าก้อนกับปลา สองตัวเท่านั้น” พระองค์จึงตรัสว่า “เอามาให้เราที่นี่เถิด” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้า ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึน้ มา ทรงแหงนพระพักตร์ขนึ้ มองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรง บิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชน ทุกคนได้กนิ จนอิม่ แล้วยังเก็บเศษทีเ่ หลือได้ถงึ สิบสองกระบุง จำ�นวนคนที่กินมีผู้ชายประมาณห้าพันคน ไม่นับผู้หญิงและเด็ก พระเยซูเจ้าทรงเลีย้ งฝูงชนด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว “ทุกคนได้กนิ จนอิม่ ” จากนัน้ สาวก ยังเก็บเศษที่เหลือได้ถึงสิบสองกระบุง อัศจรรย์ทวีขนมปังครั้งแรกของพระเยซูคริสตเจ้านี้เป็นสัญลักษณ์ให้เรา ทราบอย่างชัดเจนว่า ความจำ�เป็นต่างๆ ในชีวิตจะได้รับการสนองตอบอย่างเต็มเปี่ยมจากพระองค์ หากเรา ติดตามพระองค์ด้วยความรักและความจริงใจดั่งฝูงชนในพระวรสาร “เดินเท้าจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระองค์” เมื่อไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ อาหารที่พระเยซูเจ้าประทานนั้นก็คือพระองค์เอง เป็นอาหารทิพย์ จากโต๊ะ 2 โต๊ะ บนโต๊ะอ่านพระคัมภีร์อาหารทิพย์คือพระวาจา และบนโต๊ะพระแท่นบูชาอาหารทิพย์คือ พระกายและพระโลหิต 08.indd 254

21/12/2561 14:50:14


บทอ่านที่ 1 ดนล 7:9-10,13-14 ขณะทีข่ า้ พเจ้ากำ�ลังมองดูอยูน่ นั้ ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ถกู นำ�มาตัง้ ไว้ และ ผู้สูงด้วยวัยวุฒิท่านหนึ่งมานั่งบนบัลลังก์ สวมอาภรณ์ขาวอย่างหิมะ ผมบนศีรษะขาว เหมือนขนแกะ บัลลังก์ของเขาเหมือนเปลวเพลิง มีล้อเหมือนไฟลุกโพลง เบื้องหน้า เขามีธารไฟไหลออกมา ผู้รับใช้จำ�นวนมาก นับล้านนับโกฎิอสงไขย คอยเฝ้ารับใช้เขา การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น และบรรดาหนังสือก็เปิดออก ข้าพเจ้ายังเห็นนิมิตเวลากลางคืนต่อไป ข้าพเจ้าเห็นท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่ง มนุษย์ มาพร้อมกับหมู่ก้อนเมฆในท้องฟ้า เขามาพบผู้สูงด้วยวัยวุฒิ และมีผู้แนะนำ� เขาแก่ท่านผู้นั้น เขาได้รับมอบอำ�นาจปกครอง สิริรุ่งโรจน์ และอาณาจักร ประชาชน ทุกชาติทกุ ภาษารับใช้เขา อำ�นาจปกครองของเขาเป็นอำ�นาจทีค่ งอยูต่ ลอดไปไม่มวี นั สิน้ สุด และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันถูกทำ�ลายเลย

ฉลองพระเยซูเจ้า ทรงสำ�แดง พระวรกายต่อหน้า อัครสาวก สดด 97:1-2,5-6,9

พระวรสาร ลก 9:28ข-36 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึน้ ไปบนภูเขาเพือ่ อธิษฐาน ภาวนา ขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ลักษณะของพระพักตร์เปลี่ยนไปและฉลอง พระองค์มีสีขาวเจิดจ้า ทันใดนั้น บุรุษสองคนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์มา สนทนากับพระองค์ ทัง้ สองคนปรากฏมาในสิรริ งุ่ โรจน์ กล่าวถึงการจากไปของพระองค์ ทีก่ �ำ ลังจะสำ�เร็จในกรุงเยรูซาเล็ม เปโตรและเพือ่ นทีอ่ ยูด่ ว้ ยต่างก็งว่ งนอนมาก เมือ่ ตืน่ ขึน้ ก็เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์และเห็นบุรษุ ทัง้ สองคนยืนอยูก่ บั พระองค์ ขณะที่ บุรุษทั้งสองคนกำ�ลังจะจากพระเยซูเจ้าไป เปโตรทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ที่ นี่สบายน่าอยู่จริงๆ เราจงสร้างเพิงขึ้นสามหลังเถิด หลังหนึ่งสำ�หรับพระองค์ หลังหนึ่ง สำ�หรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำ�หรับประกาศกเอลียาห์” เขาไม่รู้ว่ากำ�ลังพูดอะไร ขณะ ที่เขากำ�ลังพูดอยู่นั้น เมฆก้อนหนึ่งลอยมาปกคลุมเขาไว้ เมื่ออยู่ในเมฆ เขากลัวมาก เสียงหนึง่ ดังออกมาจากเมฆว่า “ท่านผูน้ เี้ ป็นบุตรของเรา ผูท้ เี่ ราได้เลือกสรร จงฟังท่าน เถิด” เมื่อสิ้นเสียงนั้นแล้ว ศิษย์ทั้งสามคนก็เห็นพระเยซูเจ้าเพียงพระองค์เดียว เขา เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ได้บอกเรื่องที่เห็นให้ผู้ใดรู้เลยในเวลานั้น นักบุญลูกาเล่าว่า พระเยซูเจ้าทรงพาศิษย์สำ�คัญสามคนขึ้นไปบนภูเขาเพื่อ ภาวนา คือเปโตร ยอห์น และยากอบ เปโตรเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรก ยอห์นเป็น ศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก และยากอบเป็นมรณสักขีคนแรกในบรรดาอัครสาวก ทั้งสามคน เป็นบุคคลที่ควรภาวนามากที่สุด เพราะหกวันก่อนเปโตรถูกซาตานที่ประจญพระเยซูเจ้า ให้ปฏิเสธกางเขน สองคนพีน่ อ้ งคือยากอบและยอห์น ถูกตำ�หนิทพี่ ยายามจะขอนัง่ ข้างซ้าย ข้างขวา แสดงให้เห็นว่าความคิดของพวกเขาไม่ใช่ความคิดของพระเจ้า เป็นความคิดฝ่าย โลก พระองค์พาพวกเขา “ขึน้ ไปบนภูเขา” เพือ่ เตือนเราว่า การจะพบพระเจ้าในการภาวนา นั้น เราต้องพยายามตัดตนเองจากโลกภายนอก 08.indd 255

21/12/2561 14:50:14


บทอ่านที่ 1 กดว 13:1-2ก,25-14:1,26-30,34-35 ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงส่งคนไปสำ�รวจแผ่นดิน คานาอันที่เรากำ�ลังจะมอบให้แก่ชาวอิสราเอล”... เขาบอกโมเสสว่า “พวกเราได้สำ�รวจแผ่นดินนั้นตามที่ท่านให้ทำ� แผ่นดินนั้นเป็น แผ่นดินที่มีนํ้านมและนํ้าผึ้งไหลบริบูรณ์ นี่คือผลิตผลของแผ่นดินนั้น แต่ประชาชนที่ น.ซิกส์โต ที่ 2 อาศัยอยู่ที่นั่นมีกำ�ลังเข้มแข็ง เมืองก็ใหญ่โตและมีป้อมปราการป้องกันอย่างดี...” พระสันตะปาปา คาเลบสั่งประชาชนที่อยู่กับโมเสสให้เงียบและพูดว่า “พวกเราต้องรีบขึ้นไปยึด และเพื่อนมรณสักขี ครองแผ่นดิน พวกเราสามารถทำ�ได้อย่างแน่นอน” แต่ผทู้ ไี่ ปสำ�รวจกับเขาพูดว่า “พวก เราไม่อาจเข้าโจมตีชนเหล่านีไ้ ด้ เพราะเขาแข็งแรงกว่าพวกเรามาก” เขาจึงแพร่ขา่ วเท็จ น.กาเยตาน ไปในหมู่ชาวอิสราเอลถึงแผ่นดินที่เขาไปสำ�รวจมา... พระสงฆ์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนอีกว่า “ชุมชนชัว่ ร้ายนีจ้ ะบ่นว่าเราอีก สดด 106:6-7กข, นานเท่าไร เราได้ยินชาวอิสราเอลบ่นว่าเรามานานแล้ว จงบอกเขาว่า องค์พระผู้เป็น 13-14,21-22,23 เจ้าตรัสดังนี้ เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราสาบานว่าจะกระทำ�กับท่านทั้งหลายตามที่เรา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ได้ยินท่านพูด ท่านจะต้องตายในถิ่นทุรกันดารนี้... แผ่นดินที่เราสัญญาจะให้ท่านเข้า พำ�นักอยู่นั้น จะไม่มีท่านผู้ใดเข้าไปอาศัยอยู่ นอกจากคาเลบบุตรของเยฟุนเนห์ และโยชูวาบุตรของนูน เท่านั้น ท่านทั้งหลายใช้เวลาสี่สิบวันสำ�รวจแผ่นดิน ท่านจะต้องรับโทษเป็นเวลาสี่สิบปี...” พระวรสาร มธ 15:21-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่น มุ่งไปเขตเมืองไทระและเมืองไซดอน ทันใดนั้น หญิงชาวคานาอัน คนหนึ่งจากเขตแดนนี้ร้องว่า “โอรสกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด บุตรสาวของข้าพเจ้า ถูกปีศาจสิงต้องทรมานมาก” แต่พระองค์มไิ ด้ตรัสตอบประการใด บรรดาศิษย์จงึ เข้ามาทูลพระองค์วา่ “โปรด ประทานตามที่นางทูลขอเถิด เพราะนางร้องตะโกนตามหลังพวกเรามา” พระองค์ทรงตอบว่า “เราถูกส่งมา เพื่อแกะที่พลัดหลงของวงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น” แต่นางเข้ามากราบพระองค์ทูลว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วย ข้าพเจ้าด้วยเถิด” พระองค์ทรงตอบว่า “ไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก มาโยนให้ลูกสุนัขกิน” นางทูลว่า “ถูกแล้ว พระเจ้าข้า แต่แม้แต่ลกู สุนขั ก็ยงั ได้กนิ เศษอาหารทีต่ กจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนาง ว่า “นางเอ๋ย ความเชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ จงเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาเถิด” และบุตรหญิงของนางก็หายเป็น ปกติตั้งแต่บัดนั้น พระเยซูเจ้าทรงทดลองความเชื่อของหญิงชาวคานาอัน หญิงต่างศาสนาผู้มาขอให้พระองค์ทรง รักษาบุตรสาวของเธอจากการถูกปีศาจสิง ด้วยการปฏิเสธอย่างเปิดเผยว่า “เราถูกส่งมาเพือ่ แกะทีพ่ ลัดหลงของ วงศ์วานอิสราเอลเท่านั้น” แต่หญิงคนนั้นคะยั้นคะยอว่า “ลูกสุนัขก็ยังได้กินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของนาย” พระเยซูเจ้าทรงยอมรับความเชือ่ และความสุภาพของนาง ตรัสว่า “ความเชือ่ ของเจ้ายิง่ ใหญ่ จงเป็นไปตามทีเ่ จ้า ปรารถนาเถิด” บุตรของนางก็หายเป็นปกติ พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน คริสตชนจึงต้องเป็นแสงสว่างแห่งความรักของพระเจ้า เพื่อผู้คนรอบข้างที่ได้ สัมผัส จะได้เข้าใจถึงความรักของพระเจ้าและตอบรับความรักของพระองค์ 08.indd 256

21/12/2561 14:50:15


บทอ่านที่ 1 กดว 20:1-13 เดือนแรก ชุมชนชาวอิสราเอลทัง้ หมดมาถึงถิน่ ทุรกันดารศิน และตัง้ ค่ายทีค่ าเดช มีเรียมสิ้นชีวิตและถูกฝังไว้ที่นั่น ชุมชนไม่มีนํ้าดื่ม จึงมาชุมนุมกันประท้วงโมเสสและ อาโรน... โมเสสและอาโรนออกจากชุมชนไปยืนทีท่ างเข้ากระโจมนัดพบ กราบลงศีรษะจรด พื้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระสิริรุ่งโรจน์แก่เขาทั้งสองคน องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสแก่โมเสสว่า “ท่านจงไปหยิบไม้เท้า แล้วท่านกับอาโรนพีช่ าย จงเรียกชาวอิสราเอล ทัง้ หมดมาชุมนุมกัน จงพูดกับก้อนหินนีต้ อ่ หน้าคนทัง้ หลาย แล้วนํา้ จะไหลออกมา ท่าน จะทำ�ให้นํ้าไหลออกมาจากก้อนหิน เพื่อชาวอิสราเอลทั้งหลายและฝูงสัตว์จะได้ดื่ม” โมเสสจึงเข้าไปหยิบไม้เท้าที่วางอยู่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระ บัญชา โมเสสและอาโรนเรียกชาวอิสราเอลทั้งหลายมาชุมนุมกันข้างหน้าก้อนหิน โมเสสพูดกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายที่เป็นกบฏ จงฟังเถิด เราทั้งสองคนจะทำ�ให้นํ้าไหล ออกมาจากหินก้อนนี้เพื่อท่านทั้งหลายได้ไหม” แล้วโมเสสก็ยกมือขึ้นใช้ไม้เท้าตีก้อน หินนั้นสองครั้ง นํ้าก็ไหลทะลักออกมามาก คนทั้งหลายและฝูงสัตว์ก็ได้ดื่ม...

ระลึกถึง น.โดมินิก พระสงฆ์ สดด 95:1-2,6-7,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร มธ 16:13-23 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเขตเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป และตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลาย กล่าวว่าบุตรแห่งมนุษย์เป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างกล่าวว่าเป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างกล่าวว่าเป็น ประกาศกเอลียาห์ บ้างกล่าวว่าเป็นประกาศกเยเรมีย์หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่ มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้ เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มวี นั ชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจ อาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” แล้วพระองค์ทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์มิให้บอกใครว่าพระองค์คือพระคริสตเจ้า ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับ การทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรงกลับ คืนพระชนมชีพในวันที่สาม เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทานว่า “ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์ อย่างแน่นอน” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสแก่เปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเครือ่ งกีดขวาง เรา เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” บรรดาอัครสาวกทิ้งทุกสิ่งติดตามพระเยซูเจ้า มีประสบการณ์ชีวิตร่วมเดินทางกับพระองค์ ได้ยิน พระวาจาของพระองค์ดว้ ยหู เห็นพระองค์ทรงทำ�อัศจรรย์ดว้ ยตา เปโตรจึงกล้าตอบพระเยซูเจ้าด้วยความมัน่ ใจ ว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” สำ�หรับเราความเชื่อและการรับรู้ความลึกลํ้า ของพระเจ้านัน้ เป็นพระพรพิเศษทีพ่ ระเจ้าประทานให้แก่เราแต่ละคน พระพรพิเศษนีอ้ าจจะผ่านทางบิดามารดา พระสงฆ์ ซิสเตอร์และครูคำ�สอน ให้เราโมทนาคุณพระเจ้า สำ�หรับพระพรแห่งความเชื่อ เสริมความเชื่อของเรา ด้วยพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ และคำ�ภาวนา 08.indd 257

21/12/2561 14:50:15


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 4:32-40 จงดูอดีตก่อนที่ท่านทั้งหลายจะเกิด ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้บน แผ่นดิน จงตรวจตราจากปลายหนึง่ ถึงอีกปลายหนึง่ ของโลกว่ามีอะไรยิง่ ใหญ่เท่านีเ้ คย เกิดขึ้นหรือไม่ มีใครเคยได้ยินเรื่องใดที่เหมือนเรื่องนี้หรือไม่ เคยมีประชากรใดบ้างที่ ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสจากกองไฟ ดังที่ท่านได้ยินและมีชีวิตรอดได้ หรือ น.เทเรซา เบเนดิกตา เคยมีพระเจ้าองค์ใดบ้างทีท่ รงกล้าเลือกชนชาติหนึง่ ออกจากอีกชนชาติหนึง่ ทรงใช้การ แห่งไม้กางเขน ทดลอง เครื่องหมายอัศจรรย์ ปาฏิหาริย์และสงคราม ทรงใช้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์และ พระอานุภาพยิ่งใหญ่บันดาลให้ทุกคนหวาดกลัว ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของ พรหมจารี ท่านทรงกระทำ�ในอียิปต์ต่อหน้าท่าน และมรณสักขี พระองค์ทรงสำ�แดงปรากฏการณ์เหล่านี้ให้ท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็น สดด 77:11-12,13-14, พระเจ้าและไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์... พระองค์ทรงรักบรรพบุรุษของท่าน 15 และ 20 จึงทรงเลือกลูกหลานทีจ่ ะตามมาภายหลัง และทรงใช้พระอานุภาพยิง่ ใหญ่น�ำ ท่านออก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 จากอียิปต์ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงขับไล่ชนชาติที่ยิ่งใหญ่และมีอำ�นาจมากกว่า ท่าน ออกไปต่อหน้าท่าน เพื่อทรงนำ�ท่านเข้าสู่แผ่นดินและมอบให้เป็นมรดก ดังที่ยัง คงเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ในวันนี้ จงรู้และจำ�ใส่ใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้า ทั้งในสวรรค์ เบือ้ งบนและบนแผ่นดินเบือ้ งล่าง และไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดอีก ท่านจะต้องปฏิบตั ติ ามข้อ กำ�หนดและบทบัญญัตขิ องพระองค์ทขี่ า้ พเจ้ามอบให้ทา่ นในวันนี้ แล้วท่านกับลูกหลาน ที่จะตามมาในภายหลังจะอยู่อย่างมีความสุข จะอยู่เป็นเวลานานในแผ่นดินที่องค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทรงมอบให้เป็นของท่านตลอดไป พระวรสาร มธ 16:24-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษา ชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิต มนุษย์จะได้ ประโยชน์ใดในการทีไ่ ด้โลกทัง้ โลกเป็นกำ�ไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ มนุษย์จะต้องให้สงิ่ ใดเพือ่ แลกกับชีวติ ทีส่ ญ ู เสีย ไปให้กลับคืนมา” “บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมื่อนั้น พระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บาง ท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะยังไม่ตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าท้าทายความเชื่อของเรา ที่จะเลือกทางเดินของเราเอง พระองค์เคยพูดถึงพระ มหาทรมานของพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงประกาศสอนเรื่องความทุกข์ทรมานของเรา ซึ่งเป็นพระวาจาและ ถ้อยคำ�ทีร่ บั ได้ยาก คุณค่าแห่งความหมายอันลึกลํา้ ของพระวาจาของพระเยซูเจ้าคือ ไม่มมี นุษย์คนใดสร้างความ สำ�เร็จในชีวติ โดยไม่ตอ้ งเสียสละอะไรเลย “ถ้าผูใ้ ดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกกางเขนของตนและ ติดตามเรา” เมื่อพระเยซูเจ้าเรียกพวกเขา “เปโตรกับอันดรูว์ก็ทิ้งแหไว้แล้วตามพระองค์ไปทันที (มธ 4:20) พระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนเราอย่างชัดเจนว่า การรู้จักพระองค์อย่างเดียวไม่พอ เราต้องติดตามพระองค์ด้วย 08.indd 258

21/12/2561 14:50:15


บทอ่านที่ 1 2 คร 9:6-10 พีน่ อ้ ง พึงจำ�ไว้วา่ ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชเพียงเล็กน้อย ก็จะเก็บเกีย่ วได้เพียงเล็กน้อย ผูท้ หี่ ว่านเมล็ดพืชมากก็จะเก็บเกีย่ วได้มาก แต่ละคนจงให้ตามทีต่ งั้ ใจไว้ มิใช่ให้โดยนึก เสียดาย มิใช่ให้โดยฝืนใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าประทาน พระหรรษทานทุกประการแก่ท่านได้อย่างอุดม เพื่อให้ท่านมีทุกสิ่งเพียงพอ และยังมี เหลือเฟือสำ�หรับกิจการดีทุกประการอีกด้วย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เขา เอื้อเฟื้อแจกจ่าย เขาให้แก่คนยากจน ความชอบธรรมของเขาดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร” พระองค์ผปู้ ระทานเมล็ดพืชแก่ผหู้ ว่านและประทานอาหารเลีย้ งชีวติ จะทรงจัดหา และทรงทวีเมล็ดพืชที่ท่านหว่าน และจะทรงเพิ่มพูนผลแห่งความชอบธรรมของท่าน ด้วย

ฉลอง น.ลอเรนซ์ สังฆานุกร และมรณสักขี

สดด 112:1-2,5-6 7-8,9

พระวรสาร ยน 12:24-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและตายไป มันก็จะเป็นเพียงเมล็ดเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามันตาย มันก็จะบังเกิดผลมากมาย ผู้ที่รัก ชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้ ก็ย่อมจะ รักษาชีวิตนั้นไว้สำ�หรับชีวิตนิรันดร ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา” พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาความลึกลับแห่งการสิน้ พระชนม์ของพระองค์ เป็น ดัง่ เมล็ดข้าวทีช่ าวนาหว่านลงไปในดิน “เพียงเมล็ดเดียวเท่านัน้ แต่ถา้ มันตาย มันก็จะเกิด ผลมากมาย” การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เกิดผลให้ บรรดาสาวกกล้าประกาศยืนยันถึงการคืนพระชนมชีพของพระองค์ ผูม้ คี วามเชือ่ มีจ�ำ นวน เพิม่ ขึน้ ชีวติ ของท่านนักบุญลอเรนซ์กเ็ ป็นเหมือนเมล็ดข้าวทีต่ กในดินและตายไป ท่านถูก ย่างทั้งเป็น เพราะช่วยเหลือคนยากจนและยึดมั่นในความเชื่อ แต่ความตายของท่านออก ผลที่สมบูรณ์ เพราะกระตุ้นให้เยาวชนจำ�นวนมากอุทิศตนรับใช้พระศาสนจักร และคน ยากจน

08.indd 259

21/12/2561 14:50:16


สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 18:6-9 บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับรู้ล่วงหน้าถึงคืนนั้น เขาจะได้มีใจกล้าหาญ เพราะมั่นใจในพระสัญญาที่เขาเคยเชื่อ ประชากรของพระองค์รอคอยความรอดพ้น ของผู้ชอบธรรม และรอคอยความพินาศของศัตรู ถูกต้องแล้ว สิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ลงโทษศัตรู พระองค์ก็ทรงใช้ประทานเกียรติแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายที่ทรงเรียกมาอยู่กับ พระองค์ บรรดาบุตรหลานศักดิ์สิทธิ์ของผู้ชอบธรรมถวายสักการบูชาอย่างลับๆ พร้อมใจกันจะปฏิบัติตามพระบัญญัติข้อนี้ของพระเจ้า คือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของ พระองค์จะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เขาจึงขับร้องเพลงสดุดีของบรรพบุรุษ เพลงสดุดี สดด 33:1,11-12,18-19,20-22 ก) ผูช้ อบธรรมทัง้ หลาย จงร้องสรรเสริญองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าด้วยความเบิกบานเถิด คำ�สรรเสริญคู่ควรกับผู้สุจริต แต่แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้ามั่นคงตลอดกาล โครงการที่ตั้งพระทัยไว้ก็คงอยู่ต่อไปทุกยุคทุกสมัย ชนชาติที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าของตนย่อมเป็นสุข คือประชากรที่ทรงเลือกไว้เป็นสมบัติของพระองค์ ข) แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าพิทักษ์ผู้ที่ยำ�เกรงพระองค์ ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อจะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากความตาย และรักษาเขาไว้ในยามขาดแคลนอาหาร ค) จิตใจของเราทั้งหลายกำ�ลังรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือและทรงเป็นโล่ป้องกันภัยของเรา ใช่แล้ว จิตใจของเราชื่นชมในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักมั่นคงของพระองค์สถิตกับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายมีความหวังในพระองค์ บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 11:1-2,8-12 พี่นอ้ ง ความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะความเชื่อนี้ คนในสมัยก่อนจึงได้รับการยกย่องในพระคัมภีร์ เพราะความเชื่อ อับราฮัมเชือ่ ฟังเมือ่ พระเจ้าทรงเรียกให้ออกเดินทางไปสู่สถานที่ ที่เขาจะได้รับเป็นมรดก เขาออกเดินทางไปโดยไม่รู้ว่าจะไปไหน เพราะความเชื่อ เขา พำ�นักในดินแดนแห่งพระสัญญาเยี่ยงคนต่างด้าวในต่างแดน เขาอาศัยอยู่ในกระโจม

08.indd 260

21/12/2561 14:50:16


เช่นเดียวกับอิสอัคและยาโคบผู้เป็นทายาทร่วมพระสัญญาเดียวกัน เขารอคอยนครที่มีรากฐานซึ่งพระเจ้า ทรงเป็นผู้ออกแบบและทรงก่อสร้าง เพราะความเชื่อ แม้นางซาราห์จะพ้นวัยให้กำ�เนิดแล้ว พระเจ้ายังทรงบันดาลให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะนาง เชือ่ ว่าพระองค์ผทู้ รงสัญญาจะทรงซือ่ สัตย์ตอ่ คำ�สัญญานัน้ ดังนัน้ จากคนเดียวซึง่ เปรียบเสมือนกับตายแล้ว กลับเกิดลูกหลานจำ�นวนมากเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และเหมือนเม็ดทรายที่นับไม่ได้บนชายทะเล

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:32-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ฝูงแกะน้อยๆ เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะพระบิดาของท่านพอพระทัยจะประทานพระอาณาจักรให้แก่ ท่าน” “จงขายทรัพย์สินของท่านและให้ทาน จงหาถุงเงินที่ไม่มีวันชำ�รุด จงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้น ในสวรรค์ ทีน่ นั่ ขโมยเข้าไม่ถงึ และตัวขมวนไม่ท�ำ ลาย เพราะทรัพย์สมบัตขิ องท่านอยูท่ ใี่ ด ใจของท่านก็จะอยู่ ที่นั่นด้วย” “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำ�ลังคอยนาย กลับจากงานมงคลสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิดรับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบ เขากำ�ลังตืน่ เฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผูร้ บั ใช้เหล่านัน้ ไปนัง่ โต๊ะและ จะรับใช้เขาด้วย ไม่ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำ�ลังทำ�เช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็ เป็นสุข พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่าน ทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำ�หรับพวกเราหรือสำ�หรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า “ใครเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบ ซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่นๆ เพื่อปันส่วนอาหาร ให้ตามเวลาที่กำ�หนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังทำ�ดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่าน ทัง้ หลายว่า นายจะแต่งตัง้ เขาให้ดแู ลทรัพย์สนิ ทัง้ หมดของตน แต่ถา้ ผูร้ บั ใช้คนนัน้ คิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และ เริม่ ตบตีผรู้ บั ใช้ทงั้ ชายและหญิง กินดืม่ จนเมามาย นายของผูร้ บั ใช้คนนัน้ จะกลับมาในวันทีเ่ ขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำ�ตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ ใจนาย แม้ท�ำ สิง่ ทีค่ วรจะถูกเฆีย่ น ก็จะถูกเฆีย่ นน้อย ผูใ้ ดได้รบั ฝากไว้มาก ผูน้ นั้ ก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย” การเดินทางติดตามพระเยซูเจ้า ไม่ใช่การเดินทางภายใต้แสงสว่างที่มองเห็นได้ชัดเจน ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงให้กำ�ลังใจบรรดาศิษย์ของพระองค์ไม่ให้หวาดกลัว โดยทรงเตือนพวกเขาว่า พระบิดาทรง สัญญาจะประทานพระอาณาจักรให้แก่พวกเขาแล้ว และหากพวกเขาปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากความโลภใน ทรัพย์สมบัติของโลกนี้ พวกเขาก็จะพบความจริงและปรารถนาสวรรค์ หัวใจของพวกเขาจะผูกพันกับสิ่งที่ ถูกต้องเหมาะสม พวกเขาจะเป็นดังคนใช้ที่ได้รับรางวัลเพราะเขาเพียรพยายามตื่นเฝ้า และพร้อมอยู่เสมอ 08.indd 261

21/12/2561 14:50:16


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 10:12-22 บัดนี้ อิสราเอลเอ๋ย องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่านทรงประสงค์สงิ่ ใดจากท่าน พระองค์ทรงประสงค์ให้ท่านยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน ให้เดินตามทุก วิถีทางของพระองค์ ให้รัก และรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านสุดจิตใจและ สุดวิญญาณ ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและข้อกำ�หนดที่ข้าพเจ้า น.ฌาน ฟรังซัวส์ มอบให้ท่านในวันนี้ เพื่อความดีของท่าน ดูซิ สวรรค์ และสวรรค์สูงสุด เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เดอ ชังตาล แผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้นก็เป็นของพระองค์ด้วย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรัก นักบวช สดด 147:12-13, บรรพบุรุษของท่านยิ่งกว่าผู้อื่น ทรงรักเขาและต่อมาทรงเลือกบุตรหลานของเขาคือ 14-15,19-20 ท่านทั้งหลายจากชนชาติทั้งปวง ดังที่ทรงรักท่านจนถึงวันนี้ ดังนั้น จงเข้าสุหนัตในใจ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 และอย่าดื้อรั้นอีกต่อไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าเหนือ เทพเจ้าใดๆ ทั้งสิ้น ทรงเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งปวง ทรงเป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรง วันแม่แห่งชาติ พระอานุภาพและน่าสะพรึงกลัว พระองค์ไม่ทรงลำ�เอียง ไม่ทรงรับสินบน ทรงให้ความ ยุติธรรมแก่ลูกกำ�พร้าและหญิงม่าย ทรงรักคนต่างด้าว ประทานอาหารและเสื้อผ้าแก่เขา ดังนั้น ท่าน ทัง้ หลายจงรักคนต่างด้าวเถิด เพราะครัง้ หนึง่ ท่านก็เคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียปิ ต์ดว้ ย จงยำ�เกรงองค์ พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์เพียงพระองค์เดียว จงซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และจงสาบาน ในพระนามพระองค์เท่านั้น จงสรรเสริญพระองค์เถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน... พระวรสาร มธ 17:22-27 เวลานัน้ เมือ่ บรรดาศิษย์ชมุ นุมอยูก่ บั พระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลี พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “บุตรแห่งมนุษย์ จะถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย และถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สาม บุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์รู้สึกเป็นทุกข์ยิ่งนัก เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับบรรดาศิษย์ ผู้เก็บภาษีบำ�รุงพระวิหารเข้ามา หาเปโตร ถามว่า “อาจารย์ของท่านไม่เสียเงินบำ�รุงพระวิหารหรือ” เปโตรตอบว่า “เสียซิ” เมื่อเปโตรเข้าไปในบ้าน พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาก่อนว่า “ซีโมน ท่านมีความเห็น อย่างไร กษัตริยใ์ นโลกนีท้ รงเก็บภาษีจากใคร จากโอรสธิดา หรือจากคนอืน่ ” เปโตรทูลตอบว่า “จากคนอืน่ ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้นโอรสธิดาย่อมได้รับการยกเว้น แต่เพื่อมิให้ใครตำ�หนิเรา ท่านจงไปที่ทะเล หย่อนเบ็ดลงไป จับปลาตัวแรกทีต่ กได้ เปิดปากปลา ท่านจะพบเงินหนึง่ เหรียญ จงนำ�เงินนัน้ ไปเสียภาษีเพือ่ เราและท่านเถิด” พระเยซูเจ้าให้เปโตรนำ�เงินไปเสียภาษีบำ�รุงพระวิหาร “เพื่อเราและท่านด้วย” เพราะพระองค์ มองเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากพระองค์ไม่ปฏิบัติเช่นนั้นก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อคนอื่นที่จะนำ�ไปปฏิบัติตาม พระองค์ต้องการจะสอนเปโตรว่า ไม่ใช่ว่าเราต้องทำ�เฉพาะเป็นหน้าที่ต้องทำ�เท่านั้น หากแต่เราต้องทำ�มากกว่า หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเห็นว่าพวกเขาต้องทำ�อะไรดีๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าสิทธิที่ต้องทำ� พระเยซูเจ้ากำ�ลังสอนเราว่า ในสังคมที่เราอยู่นั้น เราอาจมีสิทธิพิเศษบางอย่างมากกว่าคนอื่น แต่เราไม่ควรใช้ สิทธิพิเศษนั้น เพราะการกระทำ�นั้นอาจจะเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อคนอื่น 08.indd 262

21/12/2561 14:50:17


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 31:1-8 ในครั้งนั้น โมเสสกล่าวถ้อยคำ�ต่อไปนี้แก่ชาวอิสราเอลทุกคนว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้า อายุหนึ่งร้อยยี่สิบปีแล้ว ไม่อาจเป็นผู้นำ�ท่านได้อีกต่อไป นอกจากนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้า ยังตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านจะไม่ได้ขา้ มแม่นาํ้ จอร์แดนนี’้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของ ท่านจะทรงนำ�หน้าท่านข้ามแม่นาํ้ นีจ้ ะทรงทำ�ลายชนชาติตา่ งๆ ทีอ่ ยูต่ อ่ หน้าท่านและท่าน จะเข้าครอบครองแผ่นดินของเขา โยชูวาจะเป็นผู้นำ�ท่านข้ามไป... จงเข้มแข็งและ กล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครัน่ คร้ามเขาเลย เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของ ท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำ�ให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน” แล้วโมเสสเรียกโยชูวามากล่าวกับเขาต่อหน้าชาวอิสราเอลทุกคนว่า “จงเข้มแข็ง และกล้าหาญเถิด ท่านจะเป็นผู้นำ�ประชากรนี้เข้าไปในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง สาบานไว้กับบรรดาบรรพบุรุษว่าจะประทานให้เขา ท่านจะต้องทำ�ให้เขาได้ครอบครอง แผ่นดิน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะเสด็จนำ�หน้าท่าน พระองค์จะสถิตกับท่าน จะไม่ทรงทำ�ให้ ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน อย่ากลัวและอย่าท้อแท้เลย”

น.ปอนซีอาโน พระสันตะปาปา น.ฮิปโปลิต พระสงฆ์ และมรณสักขี ฉธบ 32:3-4,7,8,9 และ 12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 18:1-5,10,12-14 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ทสี่ ุดในอาณาจักรสวรรค์” พระเยซู เจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึง่ ให้มายืนอยูก่ ลางกลุม่ พวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลาย ว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็น เหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดาๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ” “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่า ยินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง” “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้ เดียวต้องพินาศไป” พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ว่า พระเจ้าทรงยินดีที่จะออกไปตามหาแกะที่หลงทางให้กลับ มา แม้แต่จะเป็นแกะเพียงตัวเดียวก็ตาม เมื่อพบแกะตัวนั้น ความชื่นชมยินดีที่เกิดขึ้นจะมากกว่าการที่แกะอีก 99 ตัวที่มิได้พลัดหลงไปด้วยซํ้า สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสรุปก็คือพระบิดาไม่ปรารถนาให้เราแม้แต่เพียงผู้เดียวต้อง พินาศไป พระองค์ทรงรอคอยเราแต่ละคน ทรงมองเราด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความเมตตาที่พร้อมให้เรากลับใจ ให้เราวิงวอนขอนักบุญปอนซีอาโน และนักบุญฮิปโปลิตทีเ่ ราฉลองในวันนีไ้ ด้ชว่ ยเราดำ�เนินชีวติ อย่างดีและพร้อม เสมอกับการกลับใจ หากกระแสสังคมโลกนี้ทำ�ให้เราหลงทางและไขว้เขวไปจากพระเจ้า 08.indd 263

21/12/2561 14:50:17


บทอ่านที่ 1 ฉธบ 34:1-12 ในครั้งนั้น โมเสสขึ้นจากที่ราบโมอับไปบนภูเขาเนโบ ยอดของเทือกเขาปิสกาห์ ซึง่ อยูต่ รงข้ามกับเมืองเยรีโค องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงให้เขาเห็นแผ่นดินทัง้ หมด คือแคว้น กิเลอาดจนถึงเมืองดาน แคว้นนัฟทาลี แผ่นดินเอฟราอิมและมนัสเสห์ แผ่นดินทัง้ หมด ของยูดาห์จนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนเนเกบ และที่ราบเยรีโค เมืองต้น อินทผลัมไปจนถึงเมืองโศอาร์ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “นี่คือแผ่นดินที่เรา ระลึกถึง สาบานแก่อบั ราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า จะยกให้แก่บตุ รหลานของเขา เราให้ทา่ นเห็น น.มักซีมีเลียน กับตาของท่าน แต่ท่านจะไม่ได้เข้าไป” มารีย์ กอลเบ โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสิ้นชีวิตที่นั่นในแผ่นดินโมอับตามที่องค์ พระสงฆ์ พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา พระองค์ทรงฝังเขาไว้ในหุบเขาของแผ่นดินโมอับ ตรงข้าม และมรณสักขี สดด 66:1-3ก,5 และ 8, กับเบธเปโอร์ แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลุมศพของเขาอยู่ที่ใด เมื่อโมเสสสิ้นชีวิต เขามีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี ตาของเขายังเห็นชัดเจน กำ�ลังยังไม่ลดลง ชาวอิสราเอลไว้ 16-17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ทุกข์ให้โมเสส ณ ทีร่ าบโมอับเป็นเวลาสามสิบวัน จนสิน้ กำ�หนดไว้ทกุ ข์ โยชูวาบุตรของ นูนมีจิตแห่งปรีชาญาณเต็มเปี่ยม เพราะโมเสสได้ปกมือเหนือเขา ชาวอิสราเอลจึงเชื่อ ฟังเขา และปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาแก่โมเสส ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยมีประกาศกคนใดเกิดขึ้นในอิสราเอลเหมือนโมเสส ที่องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักเป็นการส่วนพระองค์... พระวรสาร มธ 18:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำ�ผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำ�พัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขา ไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำ�พูดของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้ เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมูค่ ณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมูค่ ณะอีก จงปฏิบตั ติ อ่ เขาเหมือน เขาเป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิด” “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดิน จะผูกไว้ในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ ท่านจะแก้บนแผ่นดิน ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” “เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เรา อยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา” พระเยซูเจ้าทรงสอนเราถึงแนวทางทีช่ ดั เจนในพระวรสารว่า เราจะต้องเอาใจใส่ตอ่ คนอืน่ อย่างไร? หากพีน่ อ้ งทำ�ผิดหรือบกพร่อง เราต้องหาวิธชี ว่ ยเขา ให้รตู้ วั และปรับปรุงแก้ไข บนพืน้ ฐานแห่งความรักและความ เข้าใจ เตือนกันแบบพี่น้องเป็นอันดับแรก หากเขายังไม่แก้ไข ก่อนแจ้งพระศาสนจักรให้ทราบเป็นลำ�ดับสุดท้าย จงขอร้องผู้ใหญ่คนหรือสองคนที่เขาเคารพนับถือให้ช่วยตักเตือน คริสตชนจึงต้องตระหนักในการให้ความ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความรักและเมตตา อย่าเป็นคนแล้งนํ้าใจ อย่านิ่งเฉยดูดายโดยถือว่าธุระไม่ใช่ 08.indd 264

21/12/2561 14:50:17


บทอ่านที่ 1 ยชว 3:7-10ก,11,13-17 ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โยชูวาว่า “วันนี้เราจะทำ�ให้ท่านยิ่งใหญ่ใน สายตาของชาวอิสราเอลทุกคน เพื่อเขาจะรู้ว่า เราจะอยู่กับท่าน เหมือนที่เราเคยอยู่ กับโมเสส...” แล้วโยชูวากล่าวกับชาวอิสราเอลว่า “จงเข้ามาใกล้ๆ และฟังพระวาจา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน” โยชูวากล่าวอีกว่า “ท่านทั้งหลายจะรู้ว่าพระเจ้า ผู้ทรงชีวิตสถิตในหมู่ท่าน... ดูเถิด หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ทั้งหมดกำ�ลังจะเคลื่อนนำ�หน้าท่านลงไปในแม่นํ้าจอร์แดน ทันทีท่ีสมณะผู้แบกหีบ พันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของแผ่นดินทั้งหมด ก้าวเหยียบลงในแม่นํ้า จอร์แดน นาํ้ ในแม่นาํ้ จอร์แดนจะแยกออก นํา้ ทีไ่ หลลงมาจากตอนบนจะหยุดไหลเหมือน กับเป็นมวลนํ้าเดียวกัน” ดังนั้น เมื่อประชากรรื้อค่ายเพื่อข้ามแม่นํ้าจอร์แดน... บรรดาสมณะที่แบกหีบ พันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าหยุดยืนบนพื้นดินแห้งกลางแม่นํ้าจอร์แดน ขณะที่ ชาวอิสราเอลข้ามแม่นา้ํ บนพืน้ ดินแห้งจนกระทัง่ ชนทัง้ ชาติได้ขา้ มแม่นา้ํ จอร์แดนครบทุกคน

สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา สดด 114:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร มธ 18:21-19:1 เวลานั้น เปโตรเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพี่น้องทำ�ผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยก โทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง” อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้ ขณะ ที่ทรงเริ่มตรวจบัญชีนั้น มีผู้นำ�ชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้เป็นหนี้อยู่หนึ่งหมื่นตะลันต์ เขาไม่มีสิ่งใดจะชำ�ระ หนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา บุตร ภรรยาและทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ ผู้รับใช้กราบพระบาท ทูลอ้อนวอนว่า ‘ขอทรงพระกรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้ทั้งหมด’ กษัตริย์ทรงสงสาร จึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้ ขณะที่ผู้รับใช้ออกไป ก็พบเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกันซึ่งเป็นหนี้เขาอยู่หนึ่ง ร้อยเหรียญ เขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูดว่า ‘เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด’ เพื่อนคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘กรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้’ แต่เขาไม่ยอม ฟัง นำ�ลูกหนีไ้ ปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนีห้ มด เพือ่ นผูร้ บั ใช้อนื่ ๆ เห็นดังนัน้ ต่างสลดใจมาก จึงนำ�ความทัง้ หมด ไปทูลกษัตริย์ พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า ‘เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมดเพราะ เจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ’ กษัตริย์กริ้วมาก ตรัส สัง่ ให้น�ำ ผูร้ บั ใช้นนั้ ไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนีท้ งั้ หมด พระบิดาของเราผูส้ ถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ�ต่อท่าน ทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง”... เราต้องให้อภัยคนทำ�ผิดต่อเราบ่อยแค่ไหน พระเยซูเจ้าทรงตอบนักบุญเปโตรด้วยนิทานเปรียบ เทียบทีใ่ ห้บทเรียนทางจริยธรรม เรือ่ งพระมหากษัตริยค์ ดิ ตรวจบัญชีกบั ผูร้ บั ใช้ คนหนึง่ เป็นหนีเ้ ขาจนไม่สามารถ จะชำ�ระได้ แต่ “กษัตริย์ทรงสงสารจึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้” ผู้รับใช้คนนี้พบเพื่อนที่เป็นหนี้เขาแต่ เพียงเล็กน้อย ไม่ยอมฟังคำ�ขอร้องของเพื่อนกลับนำ�เขาไปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนี้ให้ ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น พระมหากษัตริย์โกรธมาก ตรัสสั่งให้ “นำ�ผู้รับใช้นั้นไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด” แล้วพระเยซูเจ้าทรง สรุปว่า “พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ�ต่อท่านทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษ ให้พี่น้องจากใจจริง” นี่เป็นท่าทีที่พระเยซูเจ้าบอกว่า เราต้องให้อภัยกันและกันเสมอไป 08.indd 265

21/12/2561 14:50:18


น.สเตเฟน แห่งประเทศฮังการี สดด 136:1-3,16-18, 21-22 และ 24 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 ยชว 24:1-13 ในครั้งนั้น โยชูวารวบรวมทุกเผ่าของอิสราเอลที่เมืองเชเคม และเรียกประชุม บรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลพร้อมกับบรรดาผู้นำ� ผู้วินิจฉัยและนายทหาร ทุกคนมา อยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า โยชูวาบอกประชากรทั้งหมดว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ “นานมาแล้ว บรรพบุรษุ ของท่าน คือเทราห์ บิดาของอับราฮัมและบิดาของนาโฮร์ อาศัยอยู่ฟากโน้นของแม่นํ้ายูเฟรติส และรับใช้เทพเจ้าอื่น เรานำ�อับราฮัมบรรพบุรุษของท่านมาจากฟากโน้นของแม่นํ้า ยูเฟรติส และนำ�เขาเดินผ่านแผ่นดินคานาอันทั้งหมด เราทวีจำ�นวนลูกหลานของเขา ให้เขามีบุตรชื่ออิสอัค เราให้อิสอัคมีบุตรสองคนชื่อยาโคบและเอซาว เราให้เอซาว ครอบครองแผ่นดินแถบภูเขาเสอีร์ ส่วนยาโคบและบรรดาบุตรอพยพไปอยูใ่ นอียปิ ต์... เรานำ�บรรพบุรษุ ของท่านออกจากอียปิ ต์ และท่านก็มาถึงทะเล ชาวอียปิ ต์ใช้รถศึกและ ทหารม้าไล่ตามบรรพบุรุษของท่านมาจนถึงทะเลต้นกก บรรพบุรุษของท่านร้องหาองค์ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงบันดาลให้ความมืดมิดคั่นอยู่ระหว่างท่านกับชาวอียิปต์ และได้ทำ�ให้ทะเลไหลกลับท่วมพวกเขา ท่านทั้งหลายได้เห็นด้วยตาแล้วว่าเราได้ทำ� อะไรกับชาวอียิปต์ แล้วท่านได้อยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานาน...

พระวรสาร มธ 19:3-12 เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาเพื่อจับผิดพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ ที่ชายจะ หย่าร้างกับภรรยาเนื่องด้วยเหตุใดก็ตาม” พระองค์ทรงตอบว่า “ท่านไม่ได้อา่ นพระคัมภีรห์ รือว่าเมือ่ แรกนัน้ พระผูส้ ร้างทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชาย และหญิง และตรัสว่า ดังนี้ ชายจะละบิดามารดาไปสนิทอยูก่ บั ภรรยาของตนและชายหญิงจะเป็นเนือ้ เดียวกัน เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าได้แยก เลย” ชาวฟาริสจี งึ ทูลถามว่า “แล้วทำ�ไมโมเสสจึงสัง่ ให้ชายทำ�หนังสือหย่าร้าง แล้วหย่าร้างได้” พระองค์ตรัส ว่า “เพราะใจดื้อแข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงยอมอนุญาตให้หย่าร้างได้ แต่เมื่อแรกเริ่มนั้น หาเป็นเช่นนี้ ไม่ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดหย่าร้างภรรยาและแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง เขาก็ทำ�ผิดประเวณี เว้นแต่ใน กรณีแต่งงานไม่ถูกต้อง” บรรดาศิษย์ทูลพระองค์ว่า “ถ้าสภาพของสามีกับภรรยาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรจะแต่งงานเลย” พระองค์ ตรัสว่า “ไม่ใช่ทุกคนเข้าใจคำ�สอนนี้ คนที่เข้าใจคือคนที่พระเจ้าประทานให้ เพราะว่า บางคนเป็นขันทีตั้งแต่ อยูใ่ นครรภ์มารดา บางคนถูกมนุษย์ท�ำ ให้เป็นขันที และบางคนทำ�ตนเป็นขันทีเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ ผู้ที่เข้าใจได้ ก็จงเข้าใจเถิด” กับคนที่หลงผิด ใช้สติปัญญา ความสามารถ เพื่อหวังผล “จับผิด” ชวนให้คิดต่าง พระเยซูเจ้าเชิญชวนเราให้พิจารณาอย่างถ่องแท้ถึงเป้าหมายของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์นั้น แท้จริงแล้วเพื่อ ต้องการให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันในความรัก เมื่อโยชูวาชวนให้อิสราเอลพิจารณาประสบการณ์ชีวิตของ บรรพบุรุษ พวกเขาได้พบว่า พระเจ้ามิได้ทรงหยุดที่จะรักพวกเขา ในทุกสถานการณ์ของชีวติ จริงๆ วิธแี ก้ไขใครทีช่ อบจับผิดคนอืน่ โดยไม่รตู้ วั นัน้ ลองใช้จติ ใจทีช่ อบจับผิดคน อื่น หันมาจับผิดตนเอง แล้วปรับปรุง แก้ไข ใช้จิตใจที่ชอบอภัยให้ตัวเอง หันไปอภัยให้คนอื่นดูบ้าง 08.indd 266

21/12/2561 14:50:18


บทอ่านที่ 1 ยชว 24:14-29 ในครั้งนั้น โยชูวากล่าวแก่ประชากรชาวอิสราเอลว่า “บัดนี้ จงยำ�เกรงองค์พระผู้ เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์อย่างเต็มเปี่ยม จงกำ�จัดเทพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งบรรพบุรุษของท่านเคยรับใช้ทางฟากโน้นของแม่นํ้ายูเฟรติสและในอียิปต์ จงมา รับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเถิด แต่ถา้ ท่านรังเกียจทีจ่ ะรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วันนี้ จงเลือก ว่าท่านต้องการรับใช้พระเจ้าองค์ใด จะรับใช้เทพเจ้าทัง้ หลายซึง่ บรรพบุรษุ ของท่านเคย สัปดาห์ที่ 19 รับใช้ทางฟากโน้นของแม่นํ้ายูเฟรติส หรือเทพเจ้าทั้งหลายของชาวอาโมไรต์ที่ท่านเข้า มาอาศัยอยูใ่ นแผ่นดินของเขา ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า พวกเราจะรับใช้ เทศกาลธรรมดา สดด 16:1-2ก และ 5, องค์พระผู้เป็นเจ้า” 7-8,11 ประชากรตอบว่า “ไม่มวี นั ทีเ่ ราจะละทิง้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพือ่ ไปรับใช้เทพเจ้าอืน่ เพราะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราที่ทรงนำ�เราและบรรพบุรุษที่นี่ออกมาจาก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 แผ่นดินอียิปต์ ให้พ้นจากการเป็นทาส และทรงกระทำ�เครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ เหล่านั้นต่อหน้าต่อตาเรา และทรงพิทักษ์รักษาเราตลอดทางที่เราเดินและในหมู่ ประชาชาติทั้งหลายที่เราผ่าน... เราด้วยจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์เป็น พระเจ้าของเรา” โยชูวาบอกประชากรว่า “ท่านทั้งหลายจะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ เป็นพระเจ้าผูไ้ ม่ทรงยอมให้มคี แู่ ข่ง พระองค์จะไม่ทรงอภัยความผิดและบาปของท่าน ถ้าท่านทอด ทิง้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไปรับใช้เทพเจ้าของชนต่างชาติ พระองค์จะทรงหันมาลงโทษท่าน และแม้เคยทรงกระทำ� ดีต่อท่านมามากแล้วในอดีต พระองค์ก็จะทรงทำ�ร้ายท่านและจะทรงทำ�ลายล้างท่าน”... ประชากรตอบ โยชูวาว่า “เราจะรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของเรา และจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์แต่เพียงพระองค์ เดียว” วันนั้นที่เมืองเชเคม โยชูวาทำ�พันธสัญญาสำ�หรับประชากร วางข้อกำ�หนดและคำ�สั่งไว้สำ�หรับเขา โยชูวาเขียนถ้อยคำ�เหล่านีไ้ ว้ในหนังสือธรรมบัญญัตขิ องพระเจ้า เขานำ�หินใหญ่กอ้ นหนึง่ มาตัง้ ไว้ทนี่ น่ั ใต้ตน้ โอ๊กซึ่งอยู่ในสักการสถานขององค์พระผู้เป็นเจ้า... แล้วโยชูวาจึงปล่อยประชากรกลับบ้าน ทุกคนต่างกลับ ไปยังแผ่นดินที่เป็นมรดกของตน... หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ โยชูวาบุตรของนูน... ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้หนึ่งร้อยสิบปี​ี พระวรสาร มธ 19:13-15 ขณะนั้น มีผู้นำ�เด็กเล็กๆ มาให้พระองค์ทรงปกพระหัตถ์อวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของ คนที่เหมือนเด็กเหล่านี้” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ให้เด็กเหล่านั้น แล้วจึงเสด็จไปจากที่นั่น พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ ให้ได้เข้าใจถึงท่าทีที่จำ�เป็นในการติดตามพระองค์ คือ ท่าทีที่ใส ซื่อเหมือนเด็กเล็กๆ ในความสุภาพ ถ่อมตน ปฏิบัติตามผู้ใหญ่ด้วยความเคารพยำ�เกรง ในทำ�นองเดียวกัน โยชูวายาํ้ เตือนประชากรทีไ่ ด้เลือกพระเจ้าเป็นผูน้ �ำ ทางชีวติ แล้ว สิง่ ทีพ่ วกเขาจำ�เป็นต้องตระหนัก คือความสุภาพ ถ่อมตน ด้วยการเคารพ รัก รับใช้พระเจ้า ฟังสิ่งที่พระองค์ตรัส และปฏิบัติตามด้วยความซื่อสัตย์ ความสุภาพ ถ่อมตนนี่เอง จะเป็นเครื่องมือช่วยให้เรามองทุกสิ่งด้วยหัวใจที่ “สงบ” และจิตใจที่ “เป็นสุข” 08.indd 267

21/12/2561 14:50:18


บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 11:19ก;12:1-6ก,10ก พระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์เปิดออก มองเห็นหีบพันธสัญญาในพระวิหาร เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มี ดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางมีครรภ์แก่ กำ�ลังร้อง ครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏใน สวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ หางของมันตวัด สมโภช ดวงดาวหนึง่ ในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยูต่ รงหน้าสตรีทกี่ �ำ ลัง พระนางมารีย์ รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ จะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้อง ทั้งกายและวิญญาณ ปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายัง พระบัลลังก์ของพระองค์ ส่วนสตรีนั้นหลบหนีไปในถิ่นทุรกันดาร ที่นั่นนางมีที่พำ�นัก ซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและ พระอาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำ�นาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์” เพลงสดุดี สดด 45:9,10-11,14-15 ก) ราชธิดาของพระราชาทั้งหลายเสด็จมาพบพระองค์ พระราชินีเสด็จเข้ามาประทับอยู่เบื้องพระหัตถ์ขวา ประดับองค์ด้วยทองคำ�จากโอฟีร์ ข) ฟังเถิด ธิดาเอ๋ย จงดูและตั้งใจฟัง จงลืมชาติของท่านและบ้านบิดาของท่านเถิด พระราชาจะทรงหลงรักความงามของท่าน พระองค์ทรงเป็นเจ้าเป็นนายของท่าน จงน้อมกายเคารพพระองค์เถิด ค) ทรงอาภรณ์ปักลวดลายเสด็จมาเฝ้าพระราชา บรรดาเพื่อนสาวติดตามนางมาเฝ้าพระองค์ด้วย เขาทั้งหลายเดินเป็นขบวนและโห่ร้องด้วยความยินดี เข้ามาในพระราชวังของพระราชา บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:20-26 พีน่ อ้ ง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย เป็นผล แรกของบรรดาผูล้ ว่ งหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันใด การกลับคืนชีพ ของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำ�ดับของ

08.indd 268

21/12/2561 14:50:18


แต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็น ของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา แล้วจะถึงวาระ สุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่ พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำ�ลายการปกครอง อำ�นาจ และอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรง ครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้ พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำ�ลายคือความ ตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของ พระองค์

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:39-56 หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทาง ไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนาง เอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับ พระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับ ข้าพเจ้า พระนามพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณาต่อผูย้ �ำ เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรง ยกพระกรแสดงพระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจาก บัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้ กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผูร้ บั ใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังทีท่ รงสัญญา ไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ

การเชื่อฟัง น้อมรับด้วยใจสุภาพต่อพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของพระนางมารีย์ ทำ�ให้ พระนางพบกับความสงบสุขในหัวใจ แม้ในยามทีช่ วี ติ ดูไม่แน่นอน และท่าทีของการพร้อมออกไป “รับใช้” ทำ�ให้ หัวใจพบความชื่นชมยินดีอีกครั้ง ซึ่งแสดงออกใน “บทเพลงสรรเสริญของพระนาง” เฉกเช่นเดียวกับหนังสือ วิวรณ์ ทีไ่ ด้สอนความจริงว่า แม้จะอยูท่ า่ มกลางความเจ็บปวดชัว่ ร้าย บาป การกดขีข่ ม่ เหง แต่ส�ำ หรับผูท้ นี่ อบน้อม เชื่อฟัง ทำ�ตามพระประสงค์พระเจ้า พระองค์ประทานความมั่นคงปลอดภัยสำ�หรับผู้นั้น 08.indd 269

21/12/2561 14:50:19


บทอ่านที่ 1 วนฉ 2:11-19 ในครั้งนั้น ชาวอิสราเอลทำ�สิ่งเลวร้ายเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า หันไป รับใช้พระบาอัลต่างๆ เขาละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของบรรพบุรุษซึ่งทรงนำ�เขา ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ แล้วติดตามเทพเจ้าอื่น ในบรรดาเทพเจ้าของชนชาติที่อยู่ โดยรอบ เขากราบไหว้เทพเจ้าเหล่านี้ จึงทำ�ให้องค์พระผู้เป็นเจ้ากริ้ว เขาละทิ้งองค์ พระผู้เป็นเจ้าหันไปรับใช้พระบาอัลและพระอัชทาโรทต่างๆ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง น.ยอห์น เอิ๊ด พระพิโรธชาวอิสราเอลอย่างยิ่ง ทรงมอบเขาไว้ในมือของผู้รุกรานซึ่งเข้ามาปล้น ทรง พระสงฆ์ สดด 106:34-35,36-37, ขายเขาแก่ศัตรูที่อยู่โดยรอบ เขาต้านทานศัตรูไม่ได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่ชาวอิสราเอล 39-40,43กข และ 44 ออกไปทำ�สงคราม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เขาพ่ายแพ้ ดังที่เคยตรัสและทรง สาบานไว้ เขาต้องลำ�บากมาก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้มีผู้วินิจฉัยหลายท่านมาช่วยเขาให้พ้นจาก เงื้อมมือของผู้รุกราน แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟังผู้วินิจฉัยเหล่านี้ ทั้งยังขายตัวเหมือนหญิง แพศยาไปนมัสการเทพเจ้าอื่น และกราบไว้เทพเจ้าเหล่านั้น เขาหันเหอย่างรวดเร็วไปจากหนทางที่บรรดา บรรพบุรษุ เคยเดิน เขาไม่ท�ำ ตามแบบอย่างของบรรพบุรษุ ทีเ่ ชือ่ ฟังบทบัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เมือ่ องค์ พระผู้เป็นเจ้าประทานผู้วินิจฉัยให้เขา พระองค์สถิตกับผู้วินิจฉัยผู้นั้นและทรงช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจาก เงื้อมมือของศัตรูตราบเท่าที่ผู้วินิจฉัยผู้นั้นมีชีวิตอยู่ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเมตตาสงสารเสียง คราํ่ ครวญของเขาทีม่ คี วามทุกข์เพราะถูกกดขี่ แต่เมือ่ ผูว้ นิ จิ ฉัยถึงแก่กรรมแล้ว เขาก็กลับไปประพฤติชวั่ ร้าย ยิ่งกว่าชนรุ่นก่อนๆ เสียอีก เขาติดตามเทพเจ้าอื่นไปรับใช้และกราบไหว้เทพเจ้าเหล่านั้น ไม่ยอมเลิกกระทำ� เลวร้ายและดื้อดึงไม่ยอมเปลี่ยนความประพฤติของตน พระวรสาร มธ 19:16-22 เวลานั้น ชายคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้าทูลถามว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าต้องทำ�ความดีอะไรเพื่อจะมี ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เหตุใดจึงถามเราถึงความดี ผู้ทรงความดีมีแต่ผู้เดียวเท่านั้น ถ้าท่าน อยากเข้าสู่ชีวิตนิรันดร ก็จงปฏิบัติตามบทบัญญัติเถิด” เขาทูลถามว่า “บทบัญญัติข้อใด” พระเยซูเจ้าตรัส ตอบว่า “อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ จงนับถือบิดามารดา จงรักผู้อื่น เหมือนรักตนเอง” ชายหนุ่มผู้นั้นทูลถามว่า “ข้าพเจ้าปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อแล้ว ยังขาดอะไร อีกหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ถ้าท่านอยากเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้ คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” เมื่อได้ยินพระวาจานี้ ชายหนุ่มผู้นั้น จากไปด้วยความทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สมบัติจำ�นวนมาก การจะเป็นคนดี อยู่ที่ทำ�ตัว ไม่ใช่กลัว “คนมอง” มาตรฐานความดีที่คนทั่วไปเข้าใจคือ รักคนอื่น ไม่ฆ่าคน ไม่ล่วงประเวณี ไม่ลักขโมย ไม่พูดปด นับถือบิดา มารดา แต่ความดีแท้ตามมาตรฐานของพระเยซูเจ้า ยังต้องสละละทิ้งทุกสิ่งที่มี พร้อมให้คนอื่นที่ต้องการ การที่ อิสราเอลประชากรของพระเจ้ายังคงหลงไปในหนทางที่ชั่วร้าย ก็เพราะพวกเขาทำ�ตัวดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง ไม่ปฏิบัติ ตามแบบอย่างที่ดีของบรรพบุรุษ 08.indd 270

21/12/2561 14:50:19


บทอ่านที่ 1 วนฉ 6:11-24ก ในครั้งนั้น ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาที่หมู่บ้านโอฟราห์ และนั่งอยู่ใต้ต้น โอ๊ก ซึ่งเป็นของโยอาช จากตระกูลอาบีเยเซอร์ กิเดโอนบุตรของเขากำ�ลังนวดข้าวอยู่ ในบ่อยํา่ องุน่ เพือ่ ไม่ให้ชาวมีเดียนเห็น ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�แดงองค์แก่ เขากล่าวว่า “ท่านนักรบผู้เข้มแข็ง องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” กิเดโอนก็ตอบว่า “ขอถามสักหน่อยเถิด เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเรา ทำ�ไมจึง ระลึกถึง เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้กับเรา เครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ ที่บรรพบุรุษของเราเคยเล่า น.เบอร์นาร์ด ให้เราฟังนั้นอยู่ที่ไหน...” เจ้าอธิการ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสสั่งเขาว่า “จงไปเถิด จงใช้กำ�ลังที่ท่านมีนี้ช่วยอิสราเอล ให้พ้นจากมือของชาวมีเดียน เราเป็นผู้ที่ส่งท่านไป...เราจะอยู่กับท่าน และท่านจะ และนักปราชญ์ เอาชนะชาวมีเดียนทัง้ หมดเหมือนกับว่าเขาทัง้ หลายมีเพียงคนเดียว” กิเดโอนทูลตอบ แห่งพระศาสนจักร ว่า “ถ้าพระองค์ทรงโปรดปรานข้าพเจ้า โปรดประทานเครือ่ งหมายให้ขา้ พเจ้าเห็นว่าเป็น สดด 85:8,10-11,12-13 พระองค์ที่ตรัสกับข้าพเจ้า ขออย่าทรงจากข้าพเจ้าไปจนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา และนำ� ของมาถวายแด่พระองค์...” ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 กิเดโอนก็เข้าไปในบ้าน จัดเตรียมลูกแพะตัวหนึง่ และเอาแป้งหนึง่ ถังมาทำ�ขนมปัง ไร้เชื้อ เขาเอาเนื้อใส่ลงตะกร้าและเอานํ้าต้มเนื้อใส่หม้อ นำ�มาถวายที่ใต้ต้นโอ๊ก... องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “สันติสุขจงมีแก่ท่าน อย่ากลัวไปเลย ท่านจะไม่ตาย” กิเดโอนจึงสร้างแท่นบูชาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น แล้วตั้งชื่อว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข พระวรสาร มธ 19:23-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนมั่งมีจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ยาก เราบอกท่านอีกว่า อูฐ จะลอดรูเข็ม ยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์” เมื่อบรรดาศิษย์ได้ยินเช่นนี้ ต่างรู้สึกประหลาดใจ มาก จึงทูลถามว่า “แล้วดังนี้ ใครเล่าจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ แล้วตรัสว่า “สำ�หรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้า ทุกอย่างเป็นไปได้” เปโตรจึงทูลถามว่า “ข้าพเจ้าทัง้ หลายสละทุกสิง่ และติดตามพระองค์แล้ว จะได้อะไรบ้าง” พระเยซูเจ้า ตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในโลกใหม่ เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะประทับเหนือพระที่นั่ง อันรุ่งโรจน์ ท่านทั้งหลายที่ติดตามเรา ก็จะนั่งบนบัลลังก์ทั้งสิบสองบัลลังก์ เพื่อพิพากษาตระกูลอิสราเอล ทั้งสิบสองตระกูลด้วย และผู้ใดที่สละบ้านเรือน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตร ไร่นาเพราะเห็นแก่เรา ก็ จะได้รับตอบแทนร้อยเท่า และจะได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดกด้วย หลายคนที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย และกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นกลุ่มแรก” หัวใจของนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ปล่อยให้ใจแพ้ตั้งแต่ไม่เริ่มสู้ ทั้งที่รู้ว่าอาจสู้ไม่ได้ เพราะพวกเขา มัน่ ใจว่า อะไรก็เกิดขึน้ ได้ส�ำ หรับพระเจ้า คนทีจ่ ะเข้าสูอ่ าณาจักรสวรรค์ ไม่ใช่คนทีว่ างใจในสมบัติ ความสามารถ ของตนเอง แต่เป็นคนที่ “เชื่อ” ในพระเจ้า เพราะลำ�พังสำ�หรับมนุษย์ อาจดูเป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้า ทุก สิ่งเป็นไปได้ เช่นเดียวกับกิเดโอน เมื่อพระเจ้าทรงใช้ท่านให้เป็นผู้ช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาสของ ชาวมีเดียน ซึง่ ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ทจี่ ะเอาชนะผูท้ มี่ กี �ำ ลังมากกว่า แต่เมือ่ กิเดโอนเชือ่ ว่า..“พระเจ้าเป็นผูส้ ง่ ท่าน ไป...พระองค์ทรงอยู่ด้วย” ท่านประสบความสำ�เร็จในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 08.indd 271

21/12/2561 14:50:19


ระลึกถึง น.ปีโอที่ 10 พระสันตะปาปา สดด 21:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 วนฉ 9:6-15 ในครั้งนั้น คนสำ�คัญทั้งหลายของเมืองเชเคมและเบธมิลโลทั้งหมดมาชุมนุมกัน ที่ต้นโอ๊กใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเชเคม ตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ เมื่อโยธามทราบข่าวนี้ก็ไปยืนบนยอดภูเขาเกริซิมร้องตะโกนเสียงดังว่า “ชาวเชเคมผู้มีเกียรติทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด แล้วพระเจ้าจะทรงฟังท่านด้วย ครั้งหนึ่ง บรรดาต้นไม้ออกไป เพื่อเจิมตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองตน กล่าวเชิญต้นมะกอก เทศว่า ‘จงเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด’ ต้นมะกอกเทศตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะต้อง เลิกผลิตนํ้ามัน... ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้จึงกล่าวเชิญต้น มะเดื่อเทศ... ต้นมะเดื่อเทศตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตผลหวานน่ากิน ไปแกว่ง ไกวอยูเ่ หนือต้นไม้อนื่ ๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้กล่าวเชิญเถาองุน่ ...เถาองุน่ ตอบว่า ‘ข้าพเจ้า จะต้องเลิกผลิตเหล้าองุ่น... ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้จึง พร้อมใจกล่าวเชิญพุ่มหนาม...พุ่มหนามก็ตอบบรรดาต้นไม้ว่า ‘ถ้าท่านต้องการเจิมตั้ง ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์จริงๆ ละก็ จงมาพักอยู่ใต้ร่มเงาของข้าพเจ้าเถิด ถ้าท่านไม่มา ไฟ จะออกมาจากพุ่มหนาม และเผาผลาญต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน’”

พระวรสาร มธ 20:1-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์เป็นคำ�อุปมาดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจ้างคนงานมาทำ�งานในสวน องุ่น ครั้นได้ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้ว ก็ส่งไปทำ�งานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านออกมาก็เห็นคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำ�งาน จึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำ�งานใน สวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไป พ่อบ้านออกไปอีกประมาณเที่ยงวันและ บ่ายสามโมง กระทำ�เช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงเย็น พ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นๆ ยืนอยู่ จึงถามเขาว่า ‘ทำ�ไมท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำ�อะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครมาจ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำ�งาน ในสวนองุ่นของฉันเถิด’ ครัน้ ถึงเวลาคาํ่ เจ้าของสวนบอกผูจ้ ดั การว่า ‘ไปเรียกคนงานมา จ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริม่ ตัง้ แต่คนสุดท้าย จนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึง เขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญ เมื่อคนงานพวกแรกมา ถึง เขาคิดว่าตนจะได้รบั มากกว่านัน้ แต่กไ็ ด้รบั คนละหนึง่ เหรียญเช่นเดียวกัน ขณะรับค่าจ้างเขาก็บน่ ต่อหน้า เจ้าของสวนว่า ‘พวกทีม่ าสุดท้ายนีท้ �ำ งานเพียงชัว่ โมงเดียว ท่านก็ให้คา่ จ้างแก่เขาเท่ากับเรา ซึง่ ต้องตรากตรำ� อยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ ได้ตกลงกับฉันคนละหนึง่ เหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากจะให้คนทีม่ าสุดท้ายนีเ้ ท่ากับให้ ท่าน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’ ดังนี้แหละ คนกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นคนกลุ่มแรก และคนกลุ่มแรกจะกลับเป็นคนกลุ่มสุดท้าย” เมือ่ ใดทีค่ วามอิจฉา เป็น “แรงผลัก” ให้เราอยากทีจ่ ะทำ�ดีเหมือนเขา ก็ควรส่งเสริม แต่ถา้ เมือ่ ใดที่อิจฉาเป็น “แรงฉุด” ให้ชีวิตต้องสะดุด...ก็จงหยุดเถิด... พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมา เพื่อให้ศิษย์เห็นถึง พิษร้ายของความอิจฉาที่พาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมงาน ทำ�ให้ลูกจ้างไม่พบความสุขจากการทำ�งาน มองไม่เห็นความใจดี มีเมตตาของนายจ้างที่ให้โอกาสพวกเขาในการทำ�งาน 08.indd 272

21/12/2561 14:50:20


บทอ่านที่ 1 วนฉ 11:29-39ก ในครั้งนั้น พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเหนือเยฟธาห์ เขาเดินข้ามแคว้น กิเลอาดและแผ่นดินของเผ่ามนัสเสห์ผ่านเมืองมิสปาห์แห่งกิเลอาด และจากที่นั่น เข้าไปในดินแดนของชาวอัมโมน เยฟธาห์บนบานกับองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไว้วา่ “ถ้าพระองค์ ทรงมอบชาวอัมโมนให้อยู่ในมือของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้ามีชัยชนะต่อชาวอัมโมนกลับ มา คนแรกทีอ่ อกจากประตูบา้ นมาต้อนรับข้าพเจ้าจะเป็นขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ข้าพเจ้า ระลึกถึง จะถวายเขาเป็นเครือ่ งเผาบูชาแด่พระองค์” เยฟธาห์ยกทัพไปสูร้ บกับชาวอัมโมน...ชาว พระนางมารีย์ อัมโมนประสบความพ่ายแพ้ยับเยินต้องตกอยู่ใต้ปกครองของชาวอิสราเอล ราชินีแห่งสากลโลก เมือ่ เยฟธาห์กลับบ้านทีเ่ มืองมิสปาห์ บุตรสาวของเขาเริงระบำ�เข้ากับรำ�มะนาออก สดด 40:4,6-7ก,7ข-8,9 มาต้อนรับ... เมือ่ เขาเห็นเธอเข้า ก็ฉกี เสือ้ ผ้าด้วยความทุกข์... เธอตอบเขาว่า “คุณพ่อ ขา ถ้าคุณพ่อสัญญาไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จงทำ�กับลูกตามคำ�สัญญาที่คุณพ่อทำ�ไว้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เถิด... ลูกขอคุณพ่อเพียงประการเดียว ขอเวลาให้ลูกสักสองเดือน เพื่อลูกจะไปรํ่าไห้ พร้อมกับเพือ่ นๆ ตามภูเขาทีล่ กู ต้องตายตัง้ แต่ยงั สาวอยู”่ เยฟธาห์ตอบว่า “จงไปเถิด” เขาอนุญาตให้เธอจากไปเป็นเวลาสองเดือน... พระวรสาร มธ 22:1-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้พระโอรส ทรงส่ง ผูร้ บั ใช้ไปเรียกผูร้ บั เชิญให้มาในงานวิวาห์ แต่พวกเขาไม่ตอ้ งการมา พระองค์จงึ ทรงส่งผูร้ บั ใช้อนื่ ไปอีก รับสัง่ ว่า ‘จงไปบอกผูร้ บั เชิญว่า บัดนีเ้ ราได้เตรียมการเลีย้ งไว้พร้อมแล้ว ได้ฆา่ วัวและสัตว์อว้ นพีแล้ว ทุกสิง่ พร้อม สรรพ เชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ แต่ผู้รับเชิญมิได้สนใจ คนหนึ่งไปที่ทุ่งนา อีกคนหนึ่งไปทำ�ธุรกิจ คนที่เหลือ ได้จับผู้รับใช้ของกษัตริย์ ทำ�ร้ายและฆ่าเสีย กษัตริย์กริ้ว จึงทรงส่งกองทหารไปทำ�ลายฆาตกรเหล่านั้นและ เผาเมืองของเขาด้วย แล้วพระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับงาน นี้ จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญทุก คนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้องงานอภิเษกสมรส กษัตริย์เสด็จมาทอด พระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำ�หรับงานวิวาห์ จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่านไม่ได้ สวมเสือ้ สำ�หรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาทีน่ ไี่ ด้อย่างไร’ คนนัน้ ก็นงิ่ กษัตริยจ์ งึ ตรัสสัง่ ผูร้ บั ใช้วา่ ‘จงมัดมือมัดเท้า ของเขา เอาไปทิง้ ในทีม่ ดื ข้างนอกเถิด ทีน่ นั่ จะมีแต่การรํา่ ไห้ครํา่ ครวญ และขบฟันด้วยความขุน่ เคือง เพราะ ผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย’” พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมา โดยเปรียบเทียบงานวิวาหมงคลกับอาณาจักรของพระเจ้า คนที่ เหมาะสมจะเข้าไปนั้น คือ คนที่ยินดี เตรียมพร้อม เพราะผู้ที่ได้รับเชิญมีมาก แต่ผู้ที่ได้รับเลือกนั้นมีน้อย ดังเช่น เยฟธาห์ ผู้มีความพร้อมที่จะทำ�ตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพระเจ้า ทำ�ให้ท่านกล้าที่จะมอบทุกสิ่ง แม้แต่สิ่งที่ตนรัก หวงแหนและนั่นเป็นเหตุผลที่ทำ�ให้ท่านประสบความสำ�เร็จในหน้าที่ ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า 08.indd 273

21/12/2561 14:50:20


บทอ่านที่ 1 นรธ 1:1,3-6,14ข-16,22 ในสมัยที่บรรดาผู้วินิจฉัยปกครองอิสราเอล เกิดอดอยากกันดารอาหารขึ้นใน แผ่นดิน ชายคนหนึ่งจากเมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูดาห์พร้อมกับภรรยาและบุตรชาย สองคน เดินทางไปอยู่ในที่ราบโมอับ ต่อมาเอลีเมเลค สามีของนางนาโอมีถึงแก่กรรม ทิ้งนางไว้กับบุตรชายสองคน บุ ต รทั ง้ สองคนแต่งงานกับหญิงชาวโมอับ คนหนึง่ ชือ่ โอรปาห์ อีกคนหนึง่ ชือ่ รูธ เขาอยู่ น.โรซา ชาวลีมา ที่นั่นประมาณสิบปี แล้วมาห์โลนและคิลิโอนก็ถึงแก่กรรม ทิ้งนางนาโอมีไว้คนเดียว พรหมจารี สดด 146:5-6กข,6ค-7, ไม่มที งั้ บุตรและสามี นางนาโอมีได้ยนิ ว่าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเยีย่ มเยียนประชากรของ พระองค์ ประทานอาหารให้เขาอีก จึงเตรียมจะออกจากที่ราบโมอับไปกับบุตรสะใภ้ 8-9ก,9ขค-10 สองคน นางจึงออกจากสถานที่อยู่พร้อมกับบุตรสะใภ้ทั้งสองคนและขณะที่กำ�ลังเดิน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ทางกลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ นางนาโอมีกล่าวแก่บุตรสะใภ้ทั้งสองคนว่า “ลูกแต่ละคนจงกลับไปบ้านมารดา ของลูกเถิด ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงความรักมั่นคงต่อลูกทั้งสองคน เหมือน กับที่ลูกเคยแสดงต่อแม่และต่อสามีที่ล่วงลับไปแล้วเถิด” เขาทั้งสองคนเริ่มร้องไห้ เสียงดังอีก แล้วนางโอรปาห์กจ็ บู ลามารดาของสามีและกลับไป แต่นางรูธไม่ยอมพราก จากเธอ นางนาโอมีจึงกล่าวว่า “ดูสิ พี่สะใภ้ของลูกกลับไปหาประชาชนและเทพเจ้าของ ตนแล้ว ลูกจงกลับไปกับพี่สะใภ้ของลูกเถิด” แต่นางรูธตอบว่า “แม่อย่าเร่งรัดให้ดฉิ นั ละทิง้ แม่ หรือห้ามดิฉนั ไม่ให้ไปกับแม่เลย แม่จะไปทีไ่ หน ดิฉนั จะไปที่นั่นด้วย แม่จะอยู่ที่ไหน ดิฉันก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ประชากรของแม่จะเป็นประชากรของดิฉัน พระเจ้า ของแม่จะเป็นพระเจ้าของดิฉันด้วย ดังนี้ นางนาโอมีกับนางรูธบุตรสะใภ้ชาวโมอับกลับมาจากที่ราบโมอับ เขาทั้งสองคนมาถึงเมืองเบธเลเฮมต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ พระวรสาร มธ 22:34-40 เวลานัน้ เมือ่ ชาวฟาริสไี ด้ยนิ ว่าพระเยซูเจ้าทรงทำ�ให้ชาวสะดูสนี งิ่ อึง้ ไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน มีคนหนึง่ เป็นบัณฑิตทางกฎหมายได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรม บัญญัติ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำ�สอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับ บทบัญญัติสองประการนี้” ความรักของเราต่อพระเจ้า อาจจะเกิดความสับสน ถ้าเราละเลยที่จะรัก “คนรอบข้าง” เมื่อ พบเจอกับกลุ่มคนที่ใช้ความรู้ เอาเปรียบ จับผิดคนอื่น พระเยซูเจ้าทรงสอนให้พวกเขาได้เข้าใจว่า แรงจูงใจที่ถูก ต้องของการดำ�เนินชีวิตนั้น ต้องมุ่งไปสู่ความรักต่อ “พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์” ดังเช่น ความรักของนางนาโอมี ต่อพระเจ้า แสดงออกผ่านทางการรักนางรูธผู้เป็นลูกสะใภ้ ไม่คิดเหนี่ยวรั้ง บังคับให้ทำ�ตามใจตน และนางรูธ ตอบสนองความรักต่อสามีและแม่สามีด้วยการยินดีติดตามดูแล ปรนบัติรับใช้ 08.indd 274

21/12/2561 14:50:20


บทอ่านที่ 1 วว 21:9ข-14 ทูตสวรรค์องค์หนึง่ ในเจ็ดองค์ซงึ่ ถือขันเจ็ดใบบรรจุภยั พิบตั สิ ดุ ท้ายทัง้ เจ็ดประการ มาและกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “มาเถิด ข้าพเจ้าจะให้ดูสตรีที่เป็นเจ้าสาวของลูกแกะ” ทูตสวรรค์นำ�ข้าพเจ้าเดชะพระจิตเจ้าไปบนภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่ง ชี้ให้ข้าพเจ้าเห็นกรุง เยรูซาเล็มนครศักดิส์ ทิ ธิ์ ซึง่ กำ�ลังลงมาจากสวรรค์ มาจากพระเจ้า นครนีม้ พี ระสิรริ งุ่ โรจน์ ของพระเจ้า มีความสุกใสเหมือนเพชรพลอยลํ้าค่า คล้ายแก้วมณีโชติช่วงเป็นผลึก สดใส มีก�ำ แพงสูงใหญ่ ประตูสบิ สองประตู แต่ละประตูมที ตู สวรรค์ประจำ�อยูแ่ ละมีชอื่ จารึกไว้ คือชื่อตระกูลอิสราเอลสิบสองตระกูล ทางทิศตะวันออกมีสามประตู ทางทิศ เหนือมีสามประตู ทางทิศใต้มีสามประตูและทางทิศตะวันตกมีสามประตู กำ�แพงเมือง ตัง้ อยูบ่ นฐานศิลาสิบสองฐาน บนฐานศิลานัน้ มีชอื่ ของบรรดาอัครสาวกทัง้ สิบสององค์ ของลูกแกะ

ฉลอง น.บาร์โธโลมิว อัครสาวก

สดด 145:10-11, 12-13,16-19

พระวรสาร ยน 1:45-51 เวลานั้น ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรมบัญญัติ และบรรดาประกาศกเขี ย นถึ ง ผู้ นั้ นคื อ พระเยซู บุ ต รของโยเซฟชาวนาซาเร็ ธ ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาว อิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้ อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้น มะเดือ่ เทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้ว พระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” บางทีแค่เปลีย่ นความคิด...ชีวติ ก็เปลีย่ นไป เมือ่ นาธานาเอลยอมออกจาก ความคิด อคติที่ตนเองยึดติด แล้วไปมีประสบการณ์ด้วยตนเองกับพระเยซูเจ้า ชีวิตของ ท่านเปลี่ยนไป จากใจที่เคยแคบ ปิดกั้นทุกสิ่ง นำ�ไปสู่การยอมรับความจริงให้พระเยซูเจ้า เข้ามาเป็นผู้นำ�ในชีวิต เช่นเดียวกับยอห์นในวิวรณ์ เมื่อตัวท่านเองปรับทัศนคติ ความคิด ของตน รับฟังการแนะนำ�ของทูตสวรรค์ ท่านจึงได้เห็นความงดงามของเยรูซาเล็ม นคร ใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

08.indd 275

21/12/2561 14:50:21


สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 66:18-21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เรารู้การกระทำ�และความคิดของเขาทั้งหลาย เราจะ มารวบรวมชนทุกชาติทุกภาษา เขาเหล่านั้นจะมาและเห็นสิริรุ่งโรจน์ของเรา เราจะให้ เครื่องหมายแก่เขา จะส่งผู้รอดชีวิตในหมู่เขาไปยังชนชาติต่างๆ คือ ทารชิช พูต ลูด เมเชค ทูบลั และยาวาน ไปยังเกาะและแผ่นดินชายทะเลทีอ่ ยูห่ า่ งไกลซึง่ ยังไม่เคยได้ยนิ ผู้ใดกล่าวถึงเรา และไม่เคยเห็นสิริรุ่งโรจน์ของเรา เขาจะประกาศสิริรุ่งโรจน์ของเราแก่ นานาชาติ เขาจะนำ�พีน่ อ้ งทุกคนของท่านทัง้ หลายจากชนทุกชาติมาเป็นเครือ่ งบูชาถวาย แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะขี่ม้า ขึ้นรถศึก นั่งเสลี่ยง ขี่ล่อ ขี่อูฐโหนกเดียว มายังกรุง เยรูซาเล็ม ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เช่นเดียวกับที่ชาวอิสราเอลนำ�ธัญบูชาใส่ภาชนะไร้ มลทินมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และเราจะนำ�เขา บางคนมาเป็นสมณะ และเป็นชนเลวี” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพลงสดุดี สดด 117:1-2 ก) นานาชาติเอ๋ย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเทิดทูนพระองค์เถิด ข) เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ต่อเรานั้นช่างยิ่งใหญ่ และความซื่อสัตย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 12:5-7,11-13 พี่น้อง ท่านลืมคำ�เตือนที่พระเจ้าตรัสกับท่านในฐานะที่เป็นบุตรแล้วหรือ ลูกเอ๋ย อย่าดูถูกการเฆี่ยนตีสั่งสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำ�หนิเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และทรงเฆี่ยนตีทุกคนที่ทรงรับไว้เป็นบุตร ท่านจงอดทนรับการเฆีย่ นตีสงั่ สอนเถิด พระเจ้าทรงกระทำ�ต่อท่านเยีย่ งกระทำ�ต่อ บุตร มีบุตรคนใดบ้างที่บิดาไม่เฆี่ยนตีสั่งสอนเลย เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอนไม่มีความน่ายินดี มีแต่ความทุกข์ แต่ ให้ผลเป็นสันติและเป็นความชอบธรรมแก่ผทู้ ยี่ อมรับการเฆีย่ นตีสงั่ สอน เป็นการฝึกฝน ตนเอง ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงทำ�ให้มือที่อ่อนเปลี้ยและหัวเข่าที่สั่นเทามีกำ�ลังมั่นคง ขึ้น จงเดินให้ตรงทาง เพื่อว่าขากะเผลกจะได้ไม่ต้องพิการ แต่จะหายเป็นปกติ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:22-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรง

08.indd 276

21/12/2561 14:50:21


เดินทางมุ่งไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับ เขาทัง้ หลายว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอก ท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า ‘นายเจ้าข้า เปิดประตูให้พวกเรา ด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด’ แล้ว ท่านก็จะพูดว่า ‘พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่กับท่าน ท่านได้สอน ในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่ทำ� การอยุติธรรม’ เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะรํ่าไห้ครํ่าครวญและขบฟัน ด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ท่านทั้งหลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคนจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็น กลุ่มสุดท้าย” เมื่ออุปสรรคพิสูจน์ความแข็งแกร่ง ความเข้มแข็งจึงพิสูจน์กำ�ลังใจ ประกาศกอิสยาห์ป่าว ประกาศถึงพระเจ้าผู้ทรงรู้การกระทำ� และความคิดในชีวิตมนุษย์ พระองค์ทรงเลือก และส่งบางคนที่เหมาะสม เพื่อทำ�หน้าที่ “ผู้นำ�ข่าวดี” นักบุญเปาโลเอง ได้ให้กำ�ลังใจ ใครก็ตามที่ปรารถนาจะเป็นผู้นำ�ข่าวดี แต่ต้องพบ กับการถูกเฆี่ยนตี สั่งสอนนั้น จงอดทน อย่าท้อถอยเพราะผลของการผ่านความทุกข์ คือ ความสุขจากสันติ อย่างไรก็ตาม ในหนทางที่ยากลำ�บาก มักมีคนจำ�นวนน้อยที่จะยอม “ผ่าน” ถ้าพวกเขาเลือกทางอื่นได้ พระเยซู เจ้าจึงสอนว่า ผูท้ ปี่ รารถนาจะนำ�ข่าวดีส�ำ หรับผูอ้ นื่ พวกเขาจำ�เป็นต้องเป็นผูป้ ระพฤติดี ปฏิบตั ติ นอย่างยุตธิ รรม กับเพื่อนพี่น้องเสียก่อน

08.indd 277

21/12/2561 14:50:22


สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา

สดด 149:1ข-2,3-4, 5-6ก และ 9ข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 ธส 1:1-5,8ข-10 จากเปาโล สิลวานัสและทิโมธี ถึงพระศาสนจักรที่เมืองเธสะโลนิกา ซึ่งอยู่ในพระเจ้าพระบิดา และในพระเยซู คริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระหรรษทานและสันติสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด... พี่น้องทั้งหลายผู้เป็นที่รักของพระเจ้า เรารู้ว่าท่านได้รับเลือกสรร เพราะข่าวดีที่ เราประกาศมาถึงท่าน มิใช่ดว้ ยคำ�พูดเท่านัน้ แต่ดว้ ยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า และ ด้วยความมัน่ ใจอย่างเต็มเปีย่ ม ท่านทัง้ หลายรูว้ า่ เราปฏิบตั ติ นอย่างไรในหมูท่ า่ นเพราะ เห็นแก่ท่าน ความเชื่อของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จนเราไม่จำ�เป็นต้อง พูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่าน อย่างไร และท่านกลับใจละทิ้งรูปเคารพมาหาพระเจ้าอย่างไร เพื่อรับใช้พระเจ้าแท้จริง ผูท้ รงชีวติ และรอคอยให้พระบุตรของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คอื พระเยซูเจ้า ผูท้ รง ช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืน พระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

พระวรสาร มธ 23:13-22 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ นทัง้ หลาย ธรรมาจารย์และฟาริสหี น้าซือ่ ใจคด ท่านปิดประตูอาณาจักรใส่หน้ามนุษย์ ท่านไม่เข้าไปและไม่ปล่อยคนที่อยากเข้า ให้เข้าไปได้” “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านเดินทางข้ามนํ้าข้ามทะเลเพื่อทำ�ให้คน เพียงคนเดียวกลับใจ และเมื่อเขากลับใจแล้ว ท่านก็ทำ�ให้เขาสมควรจะไปนรกมากกว่าท่านสองเท่า” “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ผู้นำ�ทางที่ตาบอด ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระวิหาร ก็เป็นโมฆะ แต่ ถ้าใครสาบานอ้างถึงทองคำ�ในพระวิหาร ก็ตอ้ งปฏิบตั ติ ามคำ�สาบาน’ คนโง่เขลาและตาบอดเอ๋ย สิง่ ใดสำ�คัญ ยิง่ กว่ากัน ทองคำ�หรือพระวิหารทีท่ �ำ ให้ทองคำ�นัน้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ท่านยังกล่าวอีกว่า ‘ถ้าใครสาบานอ้างถึงพระแท่น ก็เป็นโมฆะ แต่ถ้าใครสาบานอ้างถึงเครื่องบูชาบนพระแท่น ก็ต้องปฏิบัติตามคำ�สาบาน’ คนตาบอดเอ๋ย สิ่ง ใดสำ�คัญยิง่ กว่ากัน เครือ่ งบูชาหรือพระแท่นทีท่ �ำ ให้เครือ่ งบูชานัน้ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ดังนัน้ ผูท้ สี่ าบานอ้างถึงพระแท่น ก็สาบานอ้างถึงพระแท่นรวมทัง้ ทุกสิง่ ทีอ่ ยูบ่ นพระแท่นนัน้ ด้วย และผูท้ สี่ าบานอ้างถึงพระวิหาร ก็สาบานอ้าง ถึงพระวิหาร รวมทั้งพระผู้สถิตในพระวิหารนั้นด้วย ผู้ที่สาบานอ้างถึงสวรรค์ ก็สาบานอ้างถึงพระที่นั่งของ พระเจ้า รวมทั้งพระผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่งนั้นด้วย” การเป็นตัวอย่างที่ดี จะทำ�ให้คำ�ที่สอน “มีค่า” พระเยซูเจ้าตำ�หนิบรรดาคนที่มีหน้าที่แนะนำ� สั่งสอน ซึ่งไม่เป็นตัวอย่างที่ดี ด้วยการสอนคนอื่นให้ประพฤติปฏิบัติ แต่ตนเองไม่ทำ� อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างที่ดี ของนักบุญเปาโลในการเทศน์สอนของท่าน ที่มาพร้อมกับการปฏิบัติที่ชัดเจนในสิ่งที่ท่านสอน ทำ�ให้คริสตชนที่ เมืองเธสะโลนิกาสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และเข้มแข็งในความเชื่อ 08.indd 278

21/12/2561 14:50:22


บทอ่านที่ 1 1 ธส 2:1-8 พี่น้องทั้งหลาย ท่านย่อมรู้แล้วว่า การที่เรามาพบท่านทั้งหลายนั้นไม่ไร้ผล ก่อน หน้านั้นเราต้องทนทุกข์และถูกสบประมาทต่างๆ ที่เมืองฟีลิปปีดังที่ท่านรู้แล้ว แต่ด้วย เดชะพระเจ้าเราจึงกล้าประกาศข่าวดีของพระองค์แก่ทา่ น ทัง้ ๆ ทีต่ อ้ งเผชิญกับอุปสรรค มากมาย คำ�เตือนใจของเรานี้มิได้มาจากความหลอกลวง หรือมาจากเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือมาจากกลอุบายใดๆ แต่ตามที่พระเจ้าทรงเห็นชอบมอบข่าวดีไว้กับเรา เราจึง ประกาศข่าวดีนี้ มิใช่เพือ่ เอาใจมนุษย์ แต่เพือ่ เป็นทีพ่ อพระทัยพระเจ้าผูท้ รงพิสจู น์จติ ใจ เรา เพราะท่านก็รู้อยู่แล้วว่า เราไม่เคยใช้คำ�พูดสอพลอ หรือคำ�พูดที่เป็นข้ออ้างสนอง ความโลภ พระเจ้าทรงเป็นพยานได้ในเรื่องนี้ และเรามิได้แสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง จากมนุษย์ ไม่ว่าจากท่านทั้งหลายหรือจากผู้อื่น ทั้งๆ ที่เราอาจจะเรียกร้องเกียรติยศ ชื่อเสียงได้ ในฐานะที่เป็นอัครสาวกของพระคริสตเจ้า ตรงกันข้าม เราทำ�ตนเป็นคนอ่อนโยนในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย เสมือนแม่ดแู ลลูกน้อย ของตน เราห่วงใยท่าน จึงปรารถนาจะมอบให้ทา่ น ไม่เพียงแต่ขา่ วดีของพระเจ้าเท่านัน้ แต่เราปรารถนาจะมอบชีวติ ของเราแก่ทา่ นด้วย เพราะท่านทัง้ หลายเป็นทีร่ กั ยิง่ ของเรา

ระลึกถึง น.โมนิกา

สดด 139:1-3,4-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 23:23-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น ธรรมาจารย์และฟาริสหี น้าซือ่ ใจคด ท่านถวายหนึง่ ในสิบของ สะระแหน่ ผักชี ยี่หร่า แต่ได้ละเลยธรรมบัญญัติในเรื่องที่สำ�คัญ เช่น ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา และความซือ่ สัตย์ บทบัญญัตเิ หล่านีจ้ �ำ เป็นต้องปฏิบตั โิ ดยไม่ละเว้น บทบัญญัติเหล่านั้นด้วย” “ผู้นำ�ทางตาบอดเอ๋ย ท่านกรองลูกนํ้า แต่กลับกลืนอูฐทั้งตัว” “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านล้างถ้วยชามด้าน นอก ด้านในมีแต่ความสกปรกคือการข่มขูแ่ ย่งชิง และราคตัณหา ฟาริสตี าบอดเอ๋ย จง ล้างด้านในของถ้วยชามให้สะอาดเสียก่อน แล้วด้านนอกก็จะสะอาดด้วย” พระเยซูเจ้าไม่ได้ต�ำ หนิวา่ การทำ�บุญไม่ดี แต่ทรงชีใ้ ห้เห็นว่า ถ้าทำ�ดีเพือ่ หวัง เกียรติยศ ชื่อเสียง ทั้งที่ภายในจิตใจไม่มีความยุติธรรม ซื่อสัตย์ เมตตา ก็หามีคุณค่าไม่ ต่อหน้าพระเจ้า ซํ้ายังจะต้องถูกลงโทษด้วย นักบุญเปาโลได้ยืนยันว่า สิ่งที่ทำ�ให้ท่าน สามารถอุทิศตนได้อย่างซื่อสัตย์ ยุติธรรม ในการทำ�หน้าที่ นั่นก็เพราะกิจการที่ท่านทำ� ท่านทำ�มิใช่เพือ่ เอาใจ หรือแสวงหาเกียรติยศชือ่ เสียงจากมนุษย์ แต่ท�ำ เพือ่ เป็นทีพ่ อพระทัย พระเจ้า ผู้ทรงหยั่งรู้จิตใจ

08.indd 279

21/12/2561 14:50:22


ระลึกถึง น.ออกัสติน พระสังฆราช นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร

สดด 139:7-8,9-10, 11-12กข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 ธส 2:9-13 พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำ�ได้ถึงความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำ�บากของเรา ขณะทีเ่ ราทำ�งานทัง้ กลางวันกลางคืน เพือ่ ไม่ตอ้ งเป็นภาระแก่ผใู้ ดในบรรดาท่านทัง้ หลาย เราประกาศข่าวดีของพระเจ้าให้ทา่ น ท่านทัง้ หลายเป็นพยาน และพระเจ้าทรงเป็นพยาน ด้วยว่า เราปฏิบัติตนต่อท่านผู้มีความเชื่อโดยทำ�ตนเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรมและ ปราศจากคำ�ตำ�หนิ ท่านรู้อีกว่า เราได้ตักเตือนท่านแต่ละคนดังบิดากำ�ชับบุตรของตน ให้ก�ำ ลังใจและกำ�ชับท่านให้ด�ำ เนินชีวติ อย่างเหมาะสมกับพระเจ้า ผูท้ รงเรียกท่านมาสู่ พระอาณาจักรและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ เราขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ เพราะเมื่อเราประกาศพระวาจาของ พระเจ้าให้ท่านฟัง ท่านฟังแล้วก็รับไว้ มิใช่เช่นวาจาของมนุษย์ แต่เช่นที่เป็นจริงคือ “พระวาจาของพระเจ้า” ซึ่งกำ�ลังแสดงพลังอยู่ในท่านที่มีความเชื่อ พระวรสาร มธ 23:27-32 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น ธรรมาจารย์และฟาริสหี น้าซือ่ ใจคด ท่านเป็นเหมือนหลุมศพ ทาสีขาว ภายนอกดูงดงามแต่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกคนตายและสิง่ สกปรกทุกอย่าง ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ภายนอกปรากฏแก่มนุษย์ว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็ม ไปด้วยความหน้าซื่อใจคด และความอธรรม” “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ธรรมาจารย์และฟาริสีหน้าซื่อใจคด ท่านสร้างหลุมศพให้ บรรดาประกาศก ประดับอนุสาวรีย์ของผู้ชอบธรรม ท่านกล่าวว่า ‘ถ้าเราอยู่ในสมัย บรรพบุรุษ เราคงจะไม่ร่วมมือในการหลั่งเลือดบรรดาประกาศกเหล่านี้’ ดังนี้ ท่านก็ เป็นพยานกล่าวโทษตนเองว่า เป็นลูกหลานของผู้ที่ได้ฆ่าบรรดาประกาศก ฉะนั้น ท่าน ทั้งหลายจงทำ�งานที่บรรพบุรุษของท่านได้เริ่มไว้ให้สำ�เร็จไปเถิด” คนจะดีแท้ ไม่ใช่มีแค่ “คำ�พูด” หรือ “ความคิด” เพราะชีวิตยังต้องมี “การกระทำ�” ความดีของการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และชอบธรรมที่อยู่ภายในจิตใจของเปาโล แสดงออกในชีวิตด้วยการอดทนต่อความเหน็ดเหนื่อย ยากลำ�บาก ในการตรากตรำ�ทำ� หน้าที่ โดยไม่ต้องการสร้างความลำ�บากให้กับใคร ต่างจากธรรมาจารย์และฟาริสีที่ปาก อย่างใจอย่าง ถูกพระเยซูเจ้าตำ�หนิ เพราะพวกเขาพูดและทำ�สารพัด เพื่อจัดให้ตัวเองดูดี แต่ไม่ได้มีอะไรดี ที่ออกมาจากภายใน

08.indd 280

21/12/2561 14:50:23


บทอ่านที่ 1 ยรม 1:17-19 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านจงคาดสะเอว จงลุกขึ้นไปบอกทุกสิ่ง ทีเ่ ราจะสัง่ ท่านให้เขาฟัง อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราจะทำ�ให้ทา่ นไม่พรัน่ พรึงต่อหน้าเขา ดูซิ วันนี้เราทำ�ให้ท่านเป็นเหมือนเมืองป้อม เป็นเหมือนเสาเหล็ก และเป็นเหมือน กำ�แพงทองสัมฤทธิ์ ต่อสูก้ บั ทัว่ แผ่นดิน กับบรรดากษัตริยแ์ ห่งยูดาห์และเจ้านาย บรรดา สมณะและประชากรของแผ่นดิน เขาทัง้ หลายจะต่อสูก้ บั ท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะ ระลึกถึง เราอยู่กับท่านเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส น.ยอห์น ผู้ทำ�พิธีล้าง พระวรสาร มก 6:17-29 เวลานัน้ กษัตริยเ์ ฮโรดองค์นเี้ คยทรงสัง่ ให้จบั กุมยอห์น และล่ามโซ่ขงั คุกไว้ เพราะ เรือ่ งของนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลปิ พระอนุชา ซึง่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริยเ์ ฮโรดว่า “ไม่ถกู ต้องทีพ่ ระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็น มเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะ กษัตริยเ์ ฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิส์ ทิ ธิ์ จึงทรงป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำ�พูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรง ยินดีที่จะฟัง นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมือ่ กษัตริยเ์ ฮโรดทรงจัดให้มงี านเลีย้ งขุนนางกับนายทหาร ชั้นผู้ใหญ่และคนสำ�คัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิง ของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำ�เป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรด และเป็นที่พอใจ ของผู้รับเชิญ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะ ให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึง่ หนึง่ ของอาณาจักร ของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จง ขอศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉัน ขอศีรษะของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่ เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจหญิง สาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของ ยอห์นในคุก ใส่ถาดนำ�มาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำ�ไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของ ยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น นำ�ไปฝังไว้ในคูหา

ถูกตัดศีรษะ

สดด 71:1-3ก,3ข-5 6,14-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

เมื่อรู้ตัวว่า “โกรธ” พึงเตือนตัวเองว่าอย่าเอาโลกที่สวยงามของเราไปแลกกับ “ความสะใจ” แค่เพียงชัว่ ครู่ การยึดมัน่ ในความจริง ไม่องิ ความถูกใจ ทำ�ให้นกั บุญยอห์นแบปติสต์พร้อมทีจ่ ะทำ�หน้าทีข่ องตน ในการ “ยืนยัน” ความถูกต้อง ต่างจากนางเฮโรเดียส ที่การยึดติดอยู่กับความถูกใจในความคิดของตน ปล่อย ให้ความโกรธแค้นฝังรากลึกในจิตใจ นำ�ไปสู่บาปแห่งการทำ�ลายคู่ขัดแย้งทันทีที่มีโอกาส อย่างไรก็ตาม สำ�หรับ คนที่ยืนหยัดในความจริง ความถูกต้อง เขาไม่จำ�เป็นต้อง “กลัว” อะไร เพราะพระเจ้าจะทรงสถิตกับเขา 08.indd 281

21/12/2561 14:50:24


สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา สดด 97:1-2,5-6,10, 11-12 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:1-8 พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดเราวอนขอและเตือนสติท่านในพระเยซู องค์พระผู้เป็น เจ้า ท่านเรียนรู้จากเราว่า จะต้องดำ�เนินชีวิตอย่างไรเพื่อเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ท่าน ก็ดำ�เนินชีวิตเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ขอให้ท่านมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นอีก ท่านทั้งหลายรู้อยู่ แล้วถึงคำ�สั่งสอนที่เราให้ท่านเดชะพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า คือให้ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ละเว้นจากการผิด ประเวณี แต่ละคนรูจ้ กั ใช้รา่ งกายของตนด้วยความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละด้วยความเคารพ โดย ไม่ปล่อยตัวตามราคตัณหาอย่างคนต่างชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า อย่าให้ผู้ใดล่วงเกินหรือ หลอกลวงพีน่ อ้ งของตนในเรือ่ งนี้ เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงลงโทษในเรือ่ งความผิด เหล่านี้ทั้งหมดดังที่เราเคยบอกและกำ�ชับท่าน พระเจ้ามิได้ทรงเรียกเราให้มาเป็นคน สกปรกลามก แต่ให้เป็นคนศักดิส์ ทิ ธิ์ ดังนัน้ ผูท้ ดี่ ถู กู คำ�เตือนนี้ ก็มใิ ช่ดถู กู เพียงมนุษย์ เท่านั้น แต่ดูถูกพระเจ้าผู้ประทานพระจิตของพระองค์ให้แก่ท่านด้วย พระวรสาร มธ 25:1-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับหญิงสาวสิบคนถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็นคนฉลาด หญิงโง่นำ�ตะเกียงไป แต่มิได้นำ�นํ้ามันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำ�นํ้ามันใส่ขวดไป พร้อมกับตะเกียง ทุกคนต่างง่วงและหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครั้นเวลาเที่ยงคืน มี เสียงตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกไปรับกันเถิด’ หญิงสาวทุกคนจึงตืน่ ขึน้ แต่งตะเกียง หญิงโง่พดู กับหญิงฉลาดว่า ‘ขอนาํ้ มันให้เรา บ้าง เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’ หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะนํา้ มันอาจไม่พอสำ�หรับเราและสำ�หรับพวกเธอ ด้วย จงไปหาคนขายแล้วซื้อเอาเองดีกว่า’ ขณะที่หญิงเหล่านั้นกำ�ลังไปซื้อนํ้ามัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวที่เตรียมพร้อมจึงเข้าไปในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นายเจ้าขา เปิดรับพวก เราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักท่าน’ ดังนั้น จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วันและเวลา” พระเยซูเจ้าสอนศิษย์ให้ระวังการเป็นคนชอบ “ทำ�” แต่ไม่ “เตรียม” เพราะ คนทีเ่ หมาะสมจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ คือ คนทีม่ กี ารเตรียมตัว มิใช่คนทีอ่ ยาก “ทำ�” โน่น “ทำ�” นี่ อย่างไรก็ตามนักบุญเปาโลเตือนสติ สิ่งที่จำ�เป็นต้อง “ทำ�” เพื่อดำ�เนินชีวิตให้ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า คือ การไม่ปล่อยตัวตามราคตัณหา

08.indd 282

21/12/2561 14:50:24


บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:9-11 พีน่ อ้ ง ส่วนเรือ่ งความรักฉันพีน่ อ้ งนัน้ ไม่จ�ำ เป็นต้องเขียนบอกอะไรท่านอีก เพราะ ท่านได้รบั คำ�สอนจากพระเจ้าให้รกั กัน และท่านก็ปฏิบตั เิ ช่นนีต้ อ่ พีน่ อ้ งทุกคนทัว่ แคว้น มาซิโดเนียอยูแ่ ล้ว พีน่ อ้ งทัง้ หลาย เราขอร้องท่านให้รกั กันยิง่ ๆ ขึน้ เอาใจใส่ทจี่ ะดำ�เนิน ชีวิตอย่างสงบ ต่างคนต่างทำ�งานด้วยนํ้าพักนํ้าแรงของตน ดังที่เราเคยกำ�ชับท่าน

สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา

พระวรสาร มธ 25:14-30 สดด 98:1,7-8,9ขค เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์ยงั จะเปรียบได้กบั บุรษุ ผูห้ นึง่ กำ�ลังจะเดินทางไกล เรียกผูร้ บั ใช้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่ง ตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป คนที่รับห้าตะลันต์รีบนำ�เงินนั้นไปลงทุน ได้กำ�ไรมาอีกห้าตะลันต์ คนที่รับสอง ตะลันต์กไ็ ด้ก�ำ ไรมาอีกสองตะลันต์เช่นเดียวกัน แต่คนทีร่ บั หนึง่ ตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อน เงินของนายไว้ หลังจากนั้นอีกนาน นายของผู้รับใช้พวกนี้ก็กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนที่รับห้าตะลันต์เข้า มา นำ�กำ�ไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้าตะลันต์ที่ ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการ ในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ ข้าพเจ้าสองตะลันต์ นี่คือเงินอีกสองตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับหนึ่งตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกี่ยวในที่ที่ท่าน ไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำ�เงินของท่านไปฝังดินซ่อนไว้ นี่คือ เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผู้รับใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ที่ข้ามิได้หว่าน เก็บรวบรวม ในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำ�เงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ถอนเงินของข้าพร้อมกับ ดอกเบี้ย จงนำ�เงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น และเขาจะ มีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย ส่วนผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำ�ไปทิ้งในที่ มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง’” “บ่อยครั้ง ที่ความสามารถของคนเราได้มาโดยการเรียนรู้จากผู้อื่น” เพื่อให้ความรักฉันพี่น้อง ในหมู่คณะเติบโต นักบุญเปาโลจึงแนะนำ�ให้แต่ละคนใช้พระพร ความสามารถที่ตนมี เพื่อรับใช้กันและกัน ใน การเป็นผู้รับใช้นั้น เมื่อพระเจ้าได้ให้พระพร ความสามารถกับทุกคนไม่เหมือนกัน ก็ขึ้นกับแต่ละคนว่าจะใช้ อย่างไรในพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ตาม จงพยายามเรียนรู้ที่จะฟัง สังเกตจากคนรอบข้าง เพื่อ สร้างสรรค์สิ่งดีสู่ตนเองและสังคม 08.indd 283

21/12/2561 14:50:24



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.