สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
สดด 97:1-2,5-6,10, 11-12
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:1-8 พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ในทีส่ ดุ เราวอนขอและเตือนสติทา่ นในพระเยซูองค์พระผูเ้ ป็น เจ้า ท่านเรียนรู้จากเราว่า จะต้องดำ�เนินชีวิตอย่างไรเพื่อเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ท่านก็ดำ�เนินชีวิตเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ขอให้ท่านมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นอีก ท่านทั้ง หลายรู้อยู่แล้วถึงคำ�สั่งสอนที่เราให้ท่านเดชะพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า คือให้ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ละเว้นจากการผิด ประเวณี แต่ละคนรูจ้ กั ใช้รา่ งกายของตนด้วยความศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละด้วยความเคารพ โดยไม่ปล่อยตัวตามราคตัณหาอย่างคนต่างชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า อย่าให้ผู้ใดล่วง เกินหรือหลอกลวงพี่น้องของตนในเรื่องนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษใน เรือ่ งความผิดเหล่านีท้ งั้ หมดดังทีเ่ ราเคยบอกและกำ�ชับท่าน พระเจ้ามิได้ทรงเรียก เราให้มาเป็นคนสกปรกลามก แต่ให้เป็นคนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น ผู้ที่ดูถูกคำ�เตือนนี้ ก็ มิใช่ดูถูกเพียงมนุษย์เท่านั้น แต่ดูถูกพระเจ้าผู้ประทานพระจิตของพระองค์ให้แก่ ท่านด้วย
พระวรสาร มธ 25:1-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับหญิงสาวสิบคนถือตะเกียงออกไปรอรับเจ้าบ่าว ห้าคนเป็นคนโง่ อีกห้าคนเป็นคนฉลาด หญิงโง่น�ำ ตะเกียงไป แต่มไิ ด้น�ำ นาํ้ มันไปด้วย ส่วนหญิงฉลาด นำ�นํา้ มันใส่ขวดไปพร้อมกับตะเกียง ทุกคนต่างง่วงและหลับไปเพราะเจ้าบ่าวมาช้า ครัน้ เวลาเทีย่ งคืน มีเสียงตะโกนบอกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกไปรับกันเถิด’ หญิงสาวทุกคนจึงตื่นขึ้นแต่งตะเกียง หญิงโง่พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอนํ้ามันให้เราบ้าง เพราะ ตะเกียงของเราจวนจะดับแล้ว’ หญิงฉลาดจึงตอบว่า ‘ไม่ได้ เพราะนํ้ามันอาจไม่พอสำ�หรับเราและสำ�หรับพวกเธอด้วย จงไปหา คนขายแล้วซื้อเอาเองดีกว่า’ ขณะที่หญิงเหล่านั้นกำ�ลังไปซื้อนํ้ามัน เจ้าบ่าวก็มาถึง หญิงสาวที่เตรียม พร้อมจึงเข้าไปในห้องงานแต่งงานพร้อมกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ปิด ในที่สุด พวกหญิงโง่ก็มาถึง พูดว่า ‘นายเจ้าขา นายเจ้าขา เปิดรับพวกเราด้วย’ แต่เขาตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เรา ไม่รู้จักท่าน’ ดังนั้น จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้วันและเวลา” ท่านนักบุญเปาโลพูดถึงเจตจำ�นงของพระเจ้าอย่างชัดเจนทีอ่ ยากให้เราคริสตชนเป็นคนดี และ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพนับถือ การฝึกจิตใจให้เข้มแข็งไม่ตกเป็นทาสความอ่อนแอของเนื้อหนังและ ราคตัณหาของตนเอง พร้อมกันนัน้ ก็ตอ้ งเตรียมใจให้พร้อมในทุกขณะจิตทีจ่ ะนำ�ชีวติ ของตนไปพบกับพระเจ้า ที่เผยแสดงพระองค์ในรูปแบบต่างๆ จิตที่แสวงหาพระเจ้าและแผนการของพระองค์คือคุณสมบัติจิตของ คนดีและผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็สอดคล้องกับคำ�สอนของพระเยซูเจ้าที่ให้เราเตรียมพร้อมเสมอดั่งเช่นหญิงสาวที่ ถือตะเกียงนํ้ามันรอเจ้าบ่าว....
บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:9-11 พี่น้อง ส่วนเรื่องความรักฉันพี่น้องนั้น ไม่จำ�เป็นต้องเขียนบอกอะไรท่านอีก เพราะท่านได้รับคำ�สอนจากพระเจ้าให้รักกัน และท่านก็ปฏิบัติเช่นนี้ต่อพี่น้องทุก คนทั่วแคว้นมาซิโดเนียอยู่แล้ว พี่น้องทั้งหลาย เราขอร้องท่านให้รักกันยิ่งๆ ขึ้น เอาใจใส่ทจี่ ะดำ�เนินชีวติ อย่างสงบ ต่างคนต่างทำ�งานด้วยนาํ้ พักนาํ้ แรงของตน ดัง ที่เราเคยกำ�ชับท่าน
สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
พระวรสาร มธ 25:14-30 สดด 98:1,7-8,9 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 “อาณาจักรสวรรค์ยังจะเปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำ�ลังจะเดินทางไกล เรียก ผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คน ที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป คนทีร่ บั ห้าตะลันต์รบี นำ�เงินนัน้ ไปลงทุน ได้ก�ำ ไรมาอีกห้าตะลันต์ คนทีร่ บั สองตะลันต์กไ็ ด้ก�ำ ไรมา อีกสองตะลันต์เช่นเดียวกัน แต่คนที่รับหนึ่งตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากนัน้ อีกนาน นายของผูร้ บั ใช้พวกนีก้ ก็ ลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนทีร่ บั ห้าตะลันต์ เข้ามา นำ�กำ�ไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้า ตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เรา จะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงาน ว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ขา้ พเจ้าสองตะลันต์ นีค่ อื เงินอีกสองตะลันต์ทขี่ า้ พเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดี มาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดี กับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับหนึ่งตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกี่ยวในที่ ที่ท่านไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำ�เงินของท่านไปฝังดิน ซ่อนไว้ นี่คือเงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผู้รับใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ที่ข้ามิได้ หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำ�เงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ ถอนเงินของข้าพร้อมกับดอกเบี้ย จงนำ�เงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มี มาก จะได้รบั มากขึน้ และเขาจะมีเหลือเฟือ แต่ผทู้ มี่ นี อ้ ย สิง่ เล็กน้อยทีเ่ ขามีกจ็ ะถูกริบไปด้วย ส่วนผูร้ บั ใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำ�ไปทิ้งในที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความ ขุ่นเคือง’” คำ�เปรียบเทียบที่ว่าชีวิตเปรียบเหมือนการเดินทางนั้นถูกต้องแต่จะครบถ้วนมากยิ่งขึ้นหาก การเดินทางนั้นเป็นการแสวงหาความดีงามของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ท่านนักบุญเปาโลสอนเรา ว่าในแต่ละวันให้เราดำ�เนินชีวิตอย่างสงบ ไม่ก่อความวุ่นวายกับใคร พึ่งพาตนเองให้มากที่สุด เพราะแต่ละ คนก็มีพระพรที่พระให้มาอย่างพอเพียง ดังเช่นคำ�เปรียบเทียบของพระเยซูเจ้าที่อยากให้ใช้พระพรที่มีให้ดี ที่สุด เหมาะสมที่สุด แต่คำ�ว่าใช้อย่างดีที่สุดหมายถึงอะไร? คำ�ตอบคือใช้พระพรที่มีนั้นๆ ตามลำ�ดับ คือเพื่อ พระ เพื่อความดีส่วนรวม และเพื่อความดีงามของตนเอง นี่คือคำ�สอนของพระอาจารย์
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 20:7-9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงล่อลวงข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ยอมให้ ถูกล่อลวง พระองค์ทรงพลังเหนือข้าพเจ้า และทรงมีชัยชนะ ข้าพเจ้าเป็นที่น่า หัวเราะวันยังคํ่า ทุกคนเยาะเย้ยข้าพเจ้า ทุกครั้งที่พูด ข้าพเจ้าต้องร้องขอความ ช่วยเหลือ ตะโกนว่า “แย่แล้ว ตายแน่ๆ” เพราะพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าต้องอับอายและถูกเยาะเย้ยอยู่ตลอดวัน แม้ข้าพเจ้าจะพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่คิดถึงพระองค์ และจะไม่พูดในพระนามของพระองค์อีก” แต่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีไฟเผาอยู่ในใจ อัดอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า พยายามควบคุมไฟนี้ไว้จนอ่อนเปลี้ย แต่ก็ควบคุมไว้ไม่ไหว เพลงสดุดี สดด 63:1-2,3-5,6-9,10-11 ก) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ จิตใจข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าปรารถนาจะพบพระองค์ เหมือนผืนดินที่แห้งผาก แห้งแล้ง ไม่มีนํ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเฝ้ามองพระองค์ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชมพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ข) เพราะความรักมั่นคงของพระองค์มีคุณค่ากว่าชีวิต ริมฝีปากข้าพเจ้าจะพรํ่าสรรเสริญพระองค์ ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ตลอดชีวิต ข้าพเจ้าจะชูมือขึ้นเรียกขานพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าจะอิ่มประดุจได้กินอาหารโอชาในงานเลี้ยง ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี ค) เมื่อนอนบนเตียง ข้าพเจ้าระลึกถึงพระองค์ ข้าพเจ้าคำ�นึงถึงพระองค์ทุกโมงยามตลอดคืน เพราะพระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้าเสมอมา ข้าพเจ้าจึงร้องเพลงด้วยความยินดีอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์ จิตใจข้าพเจ้าชิดสนิทกับพระองค์ พระหัตถ์ขวาของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้ ส่วนผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า จะต้องลงไปในขุมลึกของแผ่นดิน ง) เขาจะถูกฆ่าด้วยคมดาบ เป็นอาหารของหมาใน แต่พระราชาจะทรงยินดีในพระเจ้า
ทุกคนที่สาบานโดยอ้างพระนามของพระองค์ จะภูมิใจ เพราะปากของคนพูดเท็จจะถูกปิดให้เงียบ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึง ชาวโรม รม 12:1-2 พี่น้อง เพราะเห็นแก่พระกรุณาธิคุณของพระเจ้า ข้าพเจ้าอ้อนวอนท่านทัง้ หลายให้ถวายร่างกายของท่าน เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พอพระทัย แด่พระเจ้า นี่เป็นคารวกิจด้วยจิตใจของท่าน อย่าคล้อย ตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่า สิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี สิ่งใดเป็นที่ พอพระทัยและสมบูรณ์พร้อม บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 16:21-27 ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อ รับการทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ จะถูกประหารชีวิต แต่จะ ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทานว่า “ขอเถิด พระเจ้าข้า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับ พระองค์อย่างแน่นอน” แต่พระองค์ทรงหันมาตรัสแก่เปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา เจ้า เป็นเครื่องกีดขวางเรา เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขน ของตนและติดตามเรา ผูใ้ ดใคร่รกั ษาชีวติ ของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวติ นิรนั ดร แต่ถา้ ผูใ้ ดเสียชีวติ ของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิตนิรันดร มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำ�ไร แต่ต้อง เสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จกลับมาในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระบิดาพร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ เมือ่ นัน้ พระองค์จะประทานรางวัลแก่ทุกคนตามความประพฤติของเขา” ท่านนักบุญเปาโลได้สอนเราถึงคำ�ว่าแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า คือการเป็นผู้ที่มี จุดยืนตรงข้ามกับค่านิยมของโลก ท่านเรียกร้องให้เราเปลีย่ นแปลงและฟืน้ ฟูอดุ มการณ์ของชาวคริสต์เสมอ กล่าวคือทำ�ทุกอย่างเพือ่ ให้พระเจ้าทรงพอพระทัย เราจะรูไ้ ด้อย่างไรว่าพฤติกรรมเช่นไรเป็นทีพ่ อพระทัยของ พระเจ้า? คำ�ตอบมีในพระวรสารของวันนีค้ อื ให้เราพยายามลืมตัวเอง แล้วยอมรับทุกสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ กับเราด้วย ใจสงบ ถือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไม้กางเขนที่เราร่วมแบกกับพระเยซูเจ้า เพื่อให้แผนการของพระองค์สำ�เร็จ ลุล่วงไปในชีวิตของเรา ที่ต้องจำ�ไว้เสมอคือ....แผนการของเรามักไม่เหมือนแผนการของพระ ความคิดของ เรามักไม่เหมือนความคิดของพระ....
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 95:1-3,4-6, 11-13
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:13-18 พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับ คือผูท้ ตี่ ายไปแล้ว เพือ่ ท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอืน่ ทีไ่ ม่มคี วามหวัง เราเชือ่ ว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะ ทรงนำ�บรรดาผูท้ หี่ ลับอยูม่ ากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระ วาจาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผูย้ งั มีชวี ติ และรออยูจ่ นถึงวันที่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมือ่ มีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์ และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อ จากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์ พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป จงใช้ถ้อยคำ� เช่นนี้ปลอบใจกันเถิด
พระวรสาร ลก 4:16-30 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึง่ เป็นสถานทีท่ พ่ี ระองค์ทรงเจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรงอ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือ ประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงอยูเ่ หนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศ ข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ใน ศาลาธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่าน ได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญพระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำ�น่าฟังที่ พระองค์ตรัส เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำ� พังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจงทำ�ที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความ จริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน...’”
ท่านนักบุญเปาโลได้ให้ความหมายของการมีชีวิตและความตายว่าเกี่ยวพันกับความใกล้ชิด สนิทกับพระเยซูเจ้าที่เรารัก คงไม่ได้เป็นเพียงแค่การปลอบใจตัวเองหรือคิดเข้าข้างตัวเองเพราะชาวคริสต์ เรามีชวี ติ อยูบ่ นพืน้ ฐานของความเชือ่ มัน่ ในพระเยซูเจ้า การได้ชดิ สนิทกับพระเยซูเจ้าผูท้ รงกลับคืนชีพคือการ มีชวี ติ ใหม่ในโลกนี้ เมือ่ ใดทีเ่ ราต้องละสังขารในขณะทีจ่ ติ ของเราชิดสนิทกับพระองค์กเ็ ป็นการได้ชวี ติ นิรนั ดร์ ชาวคริสต์จึงอยู่ในโลก ในสังคมที่หลายหลากทางความคิดนี้ด้วยความเชื่อ ซึ่งมีรากฐานในองค์พระคริสต์ผู้ กลับคืนชีพ พระองค์คือหนทาง พระองค์คือความจริง และพระองค์คือชีวิต เป็นชีวิตทั้งในปัจจุบันและชีวิต เมื่อความตายมาเยือน จิตของเราจะไม่พรากจากพระองค์เลย
บทอ่านที่ 1 1 ธส 5:1-6,9-11 พี่นอ้ งทั้งหลาย ไม่จ�ำ เป็นทีจ่ ะเขียนบอกท่านเรื่องวันเวลาทีก่ ำ�หนด ท่านรู้อยู่ แล้วว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน เมื่อใดที่ กล่าวกันว่า “มีสันติและความปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นความพินาศจะอุบัติแก่เขา โดยฉับพลันเหมือนความเจ็บปวดของหญิงมีครรภ์ แล้วเขาจะหนีไม่พ้น ส่วนท่าน พีน่ อ้ งทัง้ หลาย อย่าดำ�รงชีวติ ในความมืด เพราะวันนัน้ จะมาถึงโดย ไม่รตู้ วั เหมือนขโมย ทุกท่านเป็นบุตรแห่งความสว่างและบุตรแห่งทิวากาล เรามิได้ อยู่ฝ่ายราตรีกาลหรือความมืด ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น จงตื่นอยู่ เสมอและจงรูจ้ กั ประมาณตน เพราะพระเจ้ามิได้ทรงกำ�หนดให้เราต้องรับโทษ แต่ ทรงกำ�หนดให้เราได้รบั ความรอดพ้นเดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา พระองค์สนิ้ พระชนม์เพือ่ เรา เราจะได้มชี วี ติ อยูร่ ว่ มกับพระองค์ ไม่วา่ เราจะตืน่ หรือ หลับ ดังนั้น จงให้กำ�ลังใจกัน และจงช่วยเสริมสร้างกันและกัน ดังที่ท่านกำ�ลังทำ� อยู่แล้วนี้เถิด พระวรสาร ลก 4:31-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้น กาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำ�สั่งสอนของพระองค์ทำ�ให้ผู้ฟัง ประทับใจอย่างมาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำ�นาจ ในศาลาธรรม ชายคนหนึง่ ถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่าน มายุง่ กับพวกเราทำ�ไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายพวกเราใช่ไหม ฉันรูว้ า่ ท่าน เป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่ง ว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไป จากเขาโดยมิได้ทำ�ร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมีอำ�นาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น
คริสตชนคือผู้ท่ีมีความหวังในสิ่งที่ดีอยู่เสมอ ชีวิตของเราเองก็มีเป้า หมายที่ชัดเจน แน่นอนคำ�เตือนใจของท่านนักบุญเปาโลไม่ให้ประมาทในชีวิตนั้นหมาย ถึงการอย่าปล่อยให้จิตใจหลงไปกับความสุขที่โลกมอบให้ เพราะเวลาของเราจะหมด ไปเมือ่ ไหร่กไ็ ม่รู้ ทางทีด่ ที สี่ ดุ คือให้เตือนกันเองเสมอว่าพระคริสต์คอื เป้าหมายในใจของ เรา เวลาทีม่ ตี อ้ งบริหารให้ดี แบ่งเวลาให้พระและแบ่งเวลาให้มนุษย์อย่างสมดุลย์ การ ให้เสียงของพระเยซูคริสตเจ้าดังก้องเสมอในจิตใจเรานั้นคือชีวิตประจำ�วันของคริสต ชน เป็นต้นเสียงทีพ่ ระองค์ตรัสเมือ่ จิตของเราถูกครอบงำ�ด้วยความชัว่ ร้ายว่า...จงเงียบ และออกไป...
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 27:1,4,13-14
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 คส 1:1-8 จากเปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า และจากทิโมธีน้องชาย ถึงพี่น้องชาวโคโลสีผู้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเชื่อในพระคริสตเจ้า ขอพระหรรษทานและสันติจากพระเจ้าพระบิดาของเราสถิตกับท่านทัง้ หลาย สัปดาห์ที่ 22 เถิด เทศกาลธรรมดา เมื่อเราอธิษฐานภาวนาเพื่อท่านทั้งหลาย เราขอบพระคุณพระเจ้า พระบิดา ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่เสมอ เพราะเราได้ยินกิตติศัพท์ สดด 52:8-9 ความเชือ่ ของท่านในพระคริสตเยซู และได้ยนิ กิตติศพั ท์ความรักทีท่ า่ นมีตอ่ บรรดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิท์ งั้ ปวง โดยมีความหวังคอยท่านอยูใ่ นสวรรค์แล้ว ความหวังนีท้ า่ นรูม้ า ก่อนจากการประกาศพระวาจาแห่งความจริงคือข่าวดี ข่าวดีนี้มาถึงท่าน กำ�ลัง บังเกิดผลและเจริญในท่านเช่นเดียวกับทีก่ �ำ ลังบังเกิดผลและเจริญอยูท่ วั่ ไปในโลก นับตัง้ แต่วนั ทีท่ า่ นได้ฟงั และรูถ้ งึ พระหรรษทานของพระเจ้าในความจริง ดังทีท่ า่ นเรียนรูจ้ ากเอปาฟรัส เพื่อนร่วมงานที่รักยิ่งของเรา เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า ทำ�งานอย่างซื่อสัตย์แทนเรา เขาแจ้งให้ เรารู้ถึงความรักในพระจิตเจ้าที่ท่านทั้งหลายมีต่อเรา พระวรสาร ลก 4:38-44 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยาซีโมนกำ�ลัง ป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์จึงทรงก้มลงเหนือนางและ ทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำ�ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจากโรค ปีศาจออกจากคนจำ�นวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่า พระองค์เป็นพระคริสตเจ้า เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วง เหนีย่ วพระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักร ของพระเจ้าให้แก่เมืองอื่นด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพื่อการนี้” พระองค์จึงทรงเทศน์สอนตามศาลา ธรรมแห่งแคว้นยูเดีย คำ�ว่า ข่าวดี เป็นคำ�ที่เริ่มใช้ในกลุ่มชาวโรมันเมื่อจักรพรรดิมีเรื่องราวที่ต้องประกาศให้ ประชาชนทราบ เช่นกองทัพโรมันชนะศึกดังนีเ้ ป็นต้น คำ�ว่าข่าวดีนนี้ กั บุญเปาโลได้น�ำ มาประยุกต์ใช้โดยหมาย ถึงความดีงามที่พระเจ้าทรงกระทำ�ผ่านทางเยซูเจ้า ในยุคของเราทุกวันนี้ข่าวดีจึงหมายถึงความดีงามที่เรา ได้กระทำ�ในนามของพระคริสตเจ้า เช่น เราได้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยคนชายขอบของสังคม คนที่ ไร้สิทธิ์ คนชรา เด็กพิการ คนป่วย ฯลฯ เราไม่ได้ทำ�เพื่อเราเองแต่ทำ�เพราะรักและเชื่อมั่นในพระเยซูคริสต เจ้า ผู้ทรงเป็นเนื้อหาของข่าวดีนั่นเอง และนี่คือความหมายของคำ�ว่า ข่าวดี ในมิติของปัจจุบัน
บทอ่านที่ 1 คส 1:9-14 พี่น้อง นับแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราอธิษฐานภาวนาสำ�หรับท่านอยู่ เสมอ วอนขอให้ทา่ นมีความรูอ้ ย่างสมบูรณ์ถงึ พระประสงค์ของพระเจ้าด้วยสรรพ ปรีชาญาณและความเข้าใจฝ่ายจิต เพื่อท่านจะได้ดำ�เนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับ องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นที่สบพระทัยพระองค์ในทุกสิ่ง บังเกิดผลเป็นกิจการดีทุก ประการ และมีความรู้เรื่องพระเจ้ามากขึ้น ให้ท่านทั้งหลายได้รับพละกำ�ลังมาก ขึ้นจากพระฤทธานุภาพอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ จะได้มีความพากเพียร เข้มแข็ง และอดทนทุกสิ่ง ขอบพระคุณพระบิดาเจ้าด้วยความยินดี พระองค์โปรดให้ท่าน เป็นบุคคลที่เหมาะสมจะเข้าอยู่ในแสงสว่าง มีส่วนได้รับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเราให้พน้ จากอำ�นาจความมืดมนและทรงนำ�เราเข้าไปสูพ่ ระ อาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ เดชะพระบุตรนี้ เราได้รับการไถ่กู้ และได้รับการอภัยบาป
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 98:2-3,4-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 5:1-11 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบ พระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำ�จอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมง กำ�ลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำ�หนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไป จากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น เมือ่ ตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซโี มนว่า “จงแล่นเรือออกไปทีล่ กึ และลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มี พระดำ�รัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำ�ดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำ�นวนมากจนอวนเกือบขาด เขา จึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำ�หนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำ�ปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ� จน เรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสีย เถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมาก ทีจ่ บั ปลาได้มากเช่นนัน้ ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึง่ เป็นผูร้ ว่ มงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่น เดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำ�เรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป แผนการของพระเจ้าทีม่ อบให้พระเยซูนนั้ ยิง่ ใหญ่มาก คือการสร้างอาณาจักรสวรรค์ในโลกนี้ พระองค์ต้องการผู้ช่วยที่มีใจรักพระเจ้าอย่างแท้จริง มีจิตใจที่ลึกซึ้งในแผนการของพระ มีความเข้าใจจิตใจ มนุษย์ที่อ่อนแอ แต่ก็ไม่ยอมให้ความอ่อนแอมาบดบังความปรารถนาที่จะช่วยสานงานของพระองค์ ผู้ที่ พระองค์ทรงเรียกมาให้ช่วยเหลือนั้นจึงต้องมีความกล้าหาญที่จะแล่นเรือออกไปในนํ้าลึก จิตไม่ติดอยู่กับ อดีตและยึดมั่นในความคิดเก่าของตัวเอง แต่ฝังแน่นในความเชื่อมั่นและไว้ใจในพระองค์ ณ เวลาปัจจุบัน เพราะเขาตระหนักว่าไม่ใช่เขาเองทีเ่ ป็นผูก้ ระทำ�แต่เป็นพระเจ้าทีก่ ระทำ�ในตัวเขา...นีค่ อื จิตวิญญาณของธรรม ทูตแท้ของพระองค์
ฉลองแม่พระบังเกิด สดด 13:5-6
บทอ่านที่ 1 รม 8:28-30 พี่น้อง เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รัก พระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรง ทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำ�หนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของ พระองค์ด้วย เพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำ�นวนมาก ผู้ที่ ทรงกำ�หนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้ เป็นผูช้ อบธรรม ผูท้ ที่ รงบันดาลให้ชอบธรรมนัน้ พระองค์ประทานพระสิรริ งุ่ โรจน์ ให้ด้วย พระวรสาร มธ 1:18-23 เรือ่ งราวการประสูตขิ องพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารียพ์ ระมารดา ของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่า พระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรม ไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้า ฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของ ท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิด บุตรชาย ท่านจงตัง้ ชือ่ บุตรนัน้ ว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้น จากบาป” เหตุการณ์นเี้ กิดขึน้ เพือ่ พระดำ�รัสขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีต่ รัสผ่านประกาศก จะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” ชาวคาทอลิกรักพระแม่มารีย์และเชื่อมั่นว่าพระนางคือผู้ที่พระเจ้าทรง ให้บังเกิดมาในโลกนี้เพื่อร่วมแผนการไถ่กู้อันยิ่งใหญ่แห่งอนาคต คือการเป็นมารดา ของพระเยซู ผูม้ าจากสวรรค์ การฉลองแม่พระบังเกิดสะท้อนความเชือ่ เรือ่ งแผนการ ไถ่กู้มนุษยชาติว่า พระเจ้าทรงเตรียมคนที่ดีที่สุดสำ�หรับพระผู้ไถ่ พระองค์ทรงเตรียม จิตวิญญาณของเธอให้บริสุทธิ์อยู่เสมอเพื่อเอาไว้อบรมสั่งสอนพระผู้ไถ่ในอนาคต เรา ทราบว่าจิตใจของเธอปรารถนาเพียงให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ความปรารถนานี้ได้มี อิทธิพลต่อจิตใจของพระกุมารเยซูในเวลาต่อมา เหตุนี้ ความดีงามของพระเยซูเจ้าใน ฐานะที่เป็นมนุษย์นั้น ส่วนใหญ่ล้วนได้รับมาจากจิตใจของพระแม่มารีย์ทั้งสิ้น
บทอ่านที่ 1 คส 1:21-23 พีน่ อ้ ง ในอดีต ท่านทัง้ หลายห่างเหินและเป็นศัตรูกบั พระเจ้า มุง่ จะทำ�กิจการ ชั่วร้าย แต่บัดนี้ พระเจ้าโปรดให้ท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีกโดยการ สิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าในร่างกายที่ตายได้ เพื่อจะได้ถวายท่านทั้งหลาย เฉพาะพระพักตร์ให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้มลทินและไม่ถูกตำ�หนิ ดังนั้น ท่านจงยืน หยัดมั่นคงในความเชื่อ ไม่หวั่นไหวจากความหวังตามข่าวดีที่ท่านได้รับฟัง ข่าวดี นีป้ ระกาศแก่มนุษย์ทกุ คนในโลกนีแ้ ล้ว ข้าพเจ้า เปาโล ก็เป็นผูร้ บั ใช้ในการประกาศ ข่าวดีนี้ด้วย พระวรสาร ลก 6:1-5 วันสับบาโตวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าว มาขยีก้ นิ ชาวฟาริสบี างคนจึงถามว่า “ทำ�ไมท่านทำ�สิง่ ต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำ� อะไรเมื่อหิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปังที่ตั้ง ถวายมาเสวยและประทานแก่ผู้ติดตาม ขนมปังนี้ใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดา สมณะเท่านั้น” แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวัน สับบาโต” กฎการมีชวี ติ อยูเ่ ป็นกฎทีม่ คี า่ และสำ�คัญยิง่ คนเราเพือ่ จะมีชวี ติ อยูอ่ าจ ต้องละเมิดกฎอื่นๆ กระนั้นก็ตามกฎที่มีค่าสูงกว่ากฎของการมีชีวิตก็คือกฎแห่งความ รักที่พระเยซูเจ้าทรงรับเอามาใช้ในชีวิตของพระองค์เอง พระองค์ยอมตายเพื่อให้คน อื่นมีชีวิต การที่คนๆ หนึ่งอุทิศตนเพื่อคนอื่นจะได้มีชีวิตและเดินในแนวทางที่ถูกต้อง นัน้ เราชาวคริสต์ถอื ว่าเป็นคุณธรรมขัน้ สูงซึง่ ปรากฏในชีวติ ของบรรดานักบุญและมรณ สักขีในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พวกเขายอมตายเพื่อให้ความเชื่อมั่นในพระเจ้าและ อาณาจักรของพระองค์ยืนยาวไปในประวัติศาสตร์และเราเชื่อว่าแม้เขาจะตายแต่เขา ก็ได้ชีวิตนิรันดร์นั่นเอง..... กฎแห่งความรักสูงส่งที่สุด
น.เปโตร คลาแวร์ พระสงฆ์ สดด 54:1-2, 4 และ 6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 33:7-9 พระเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราแต่งตั้งท่านให้เป็นคนยาม สำ�หรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล ท่านได้ยินถ้อยคำ�จากปากของเราเมื่อใด ท่านก็จงตัก เตือนเขาแทนเราเถิด ถ้าเราบอกคนชั่วร้ายว่า “คนชั่วร้ายเอ๋ย ท่านจะต้องตาย แน่ๆ” แต่ท่านไม่พูดตักเตือนคนชั่วร้ายให้ละทิ้งความประพฤติของเขา คนชั่วร้าย นัน้ จะต้องตายเพราะความผิดของตน แต่เราจะเอาผิดกับท่านเพราะความตายของ เขา แต่ถา้ ท่านได้ตกั เตือนคนชัว่ ร้ายให้ละทิง้ ความประพฤติของตน แล้วเขาไม่ยอม กลับใจ เขาจะต้องตายเพราะความผิดของตน แต่ท่านจะรอดชีวิต’” เพลงสดุดี สดด 98:1-4 ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น ข) เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ด้วยความยินดี ค) เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ง) ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 13:8-10 พี่น้อง อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อน มนุษย์กป็ ฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตคิ รบถ้วนแล้ว พระบัญญัตกิ ล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความ นี้ว่า จงรักเพื่อนมนุษย์ เหมือนรักตนเอง ความรักไม่ทำ�ความเสียหายแก่เพื่อน มนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำ�ผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำ�พัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะ ได้พี่น้องกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงพาอีกคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย คำ�พูด ของพยานสองคนหรือสามคนจะได้จดั เรือ่ งราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขา เป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิด เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดิน จะผูกไว้ ในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ท่านจะแก้บนแผ่นดิน ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย
เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนบน แผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดา ของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมี สองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นใน หมู่พวกเขา” จดหมายถึงชาวโรมยืนยันว่ากฎของความรัก ดีที่สุด ความรัก(แท้)ไม่ทำ�ความเสียหายให้ผู้ใดแต่จะสร้าง สรรชีวิตให้ครบครันได้ เมื่อมองมาที่ธรรมชาติของมนุษย์ เราพบว่ามีความไม่ครบครันและความอ่อนแอเป็นองค์ ประกอบและทำ�ให้ความสมบูรณ์หายไป ความรักเท่านั้นที่ จะช่วยเติมเต็มให้ชีวิตได้ เราพบความอ่อนแอในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ความโน้มเอียงใฝ่ตํ่า ความอาฆาต การขโมย ความอยากที่ไม่มีขีดจำ�กัด ความเห็นแก่ตัว ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเกิดมาจากรากของปัญหาคือขาดความรักทั้งสิ้น จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? คำ�ตอบคือหัน จิตวิญญาณไปทีค่ วามรักแท้ในองค์แห่งความดีครบครันคือพระเจ้า บทสรุปทีว่ า่ ให้รกั พระและรักเพือ่ นมนุษย์ นั้นถูกต้องที่สุดสำ�หรับชีวิตที่ต้องการความบริบูรณ์เท่าที่จะทำ�ได้ในโลกนี้...
บทอ่านที่ 1 คส 1:24-2:3 พี่น้อง บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมาน ของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกาย ของข้าพเจ้าเพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระ ศาสนจักรนี้ตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้ เพื่อจะได้ประกาศพระวาจาของ สัปดาห์ที่ 23 พระเจ้าแก่ท่านอย่างสมบูรณ์ นั่นคือธรรมลํ้าลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัย บัดนี้ เทศกาลธรรมดา ธรรมลํ้าลึกปรากฏชัดแจ้งแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว พระเจ้าทรง ปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าธรรมลํ้าลึกนี้ได้นำ�พระสิริรุ่งโรจน์ล้นเหลือ สดด 62:6-7,8 มาให้คนต่างศาสนา นัน่ คือการทีพ่ ระคริสตเจ้าทรงดำ�รงอยูใ่ นท่าน ทรงเป็นความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 หวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรือง เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ โดย เตือนและสอนทุกคนให้มีความรู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสต เจ้า ด้วยเหตุนขี้ า้ พเจ้าจึงตรากตรำ�ทำ�งาน และต่อสูด้ ว้ ยพลังทีม่ าจากพระองค์ พลัง นี้กำ�ลังมีอำ�นาจผลักดันให้ข้าพเจ้าทำ�งานอย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ข้าพเจ้าต้องต่อสู้อย่างหนักเพียงใดเพื่อท่าน เพื่อชาวเลาดี เซีย และเพื่อทุกคนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้าเลย เขาจะได้รับกำ�ลังใจ มีความรักความสนิทสนมกันยิ่ง ขึ้น จะได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างซาบซึ้งในธรรมลํ้าลึกของพระเจ้าซึ่งหมายถึงพระคริสตเจ้า ในองค์ พระคริสตเจ้ามีพระปรีชาญาณและความรอบรู้ซ่อนอยู่เป็นขุมทรัพย์ลํ้าค่า พระวรสาร ลก 6:6-11 วันสับบาโตอีกวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสั่งสอนที่นั่น มีชายคนหนึ่ง มือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสคี อยจ้องดูวา่ พระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโต หรือไม่เพือ่ จะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ลุกขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวัน สับบาโต ควรทำ�ความดี หรือทำ�ความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือทำ�ลายชีวิต” แล้วพระองค์ทอดพระเนตร เขาทุกคนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ทำ�ตามและมือของเขาก็หายเป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะทำ�อย่างไรกับพระเยซูเจ้า ข้อเขียนของนักบุญเปาโลเป็นแนวทางช่วยให้เราเข้าใจความหมายของการดำ�เนินชีวติ เพือ่ พระ คริสตเจ้าในโลกนีไ้ ด้ดยี งิ่ ขึน้ ท่านเห็นว่าพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าคือพระศาสนจักร พระศาสนจักรคือ กลุ่มคริสตชนที่มีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พระเยซูเจ้า ชีวิตของพวกเขาในแต่ละวันมีพระคริสต์ร่วมทุกข์ร่วมสุข ด้วย สิ่งที่จะต้องทำ�ให้สำ�เร็จก็ทำ�เพื่อเกียรติมงคลของพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำ�วัน แต่ละคนก็มองเห็น ความดีงามของกันและกัน โดยมองด้วยสายตาของพระคริสตเจ้าที่มีต่อทุกคนคือเข้าใจ เห็นใจและยอมรับ นอกนั้นการให้พระวาจาหรือคำ�สอนเตือนใจของพระองค์ฝังแน่นในจิตใจเสมอคืออาหารแท้ และที่สุดให้เรา แสวงหาพระเยซูเจ้าในความดีงามมากมายหลายรูปแบบ เป็นพระเยซูเจ้าแห่งชีวติ ไม่ใช่พระเยซูแห่งอดีตหรือ ความตาย
บทอ่านที่ 1 คส 2:6-15 พีน่ อ้ ง เมือ่ ท่านได้รบั องค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว จงดำ�เนินชีวติ ในพระองค์ตอ่ ไป จงฝังรากลึก และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่างมั่นคงดังที่ท่าน ได้รับคำ�สั่งสอนมา จงเต็มเปี่ยมไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า จงระวังอย่าให้ผใู้ ดใช้ปรัชญาหรือเล่หก์ ลไร้แก่นสารหลอกลวงท่านตามขนบประเพณีของมนุษย์หรือตามจิตที่ควบคุมโลก ไม่ใช่ตามพระคริสตเจ้า พระนามศักดิ์สิทธิ์ ในองค์พระคริสตเจ้านัน้ พระเทวภาพบริบรู ณ์ด�ำ รงอยูใ่ นสภาพมนุษย์ทสี่ มั ผัส ของพระนางมารีย์ ได้ และท่านได้รบั ความบริบรู ณ์ในพระองค์ผทู้ รงเป็นประมุขแห่งบรรดาเทพผูท้ รง พรหมจารี เดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำ�นาจทั้งสิ้น สดด 145:1-2, ในองค์พระคริสตเจ้า ท่านเข้าสุหนัตอย่างแท้จริงมิใช่จากการกระทำ�ของ 8-9,10-11 มนุษย์โดยตัดส่วนหนึง่ ของร่างกายทิง้ แต่เป็นการเข้าสุหนัตทีม่ าจากพระคริสตเจ้า ทำ � วั ตรสัปดาห์ที่ 3 เมื่อรับศีลล้างบาป ท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพ พร้อมกับพระองค์ด้วยความเชื่อในพระเดชานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืน พระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ในอดีตท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกาย แต่พระเจ้าโปรดให้ท่านมีชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้าโดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา พระองค์ทรงยกเลิกหนีส้ นิ ทีเ่ รามีตอ่ บทบัญญัตซิ งึ่ กล่าวหาเราโดยทรงยกหนีส้ นิ นัน้ ไปจากเรา และ ตรึงไว้กบั ไม้กางเขน พระองค์ยงั ทรงปลดอำ�นาจของเทพนิกรนายผูท้ รงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำ�นาจ ลง และทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้าต่อหน้ามหาชน พระวรสาร ลก 6:12-19 ครัง้ นัน้ พระองค์เสด็จขึน้ ไปบนภูเขาเพือ่ อธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอด ทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาส อิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมี ศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และ จากเมืองไซดอนซึง่ อยูร่ มิ ทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดา ผูท้ ถ่ี กู ปีศาจรบกวนได้รบั การรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพ ออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย ข้อคิดในวันนีท้ า่ นนักบุญเปาโลสอนสิง่ ทีส่ อดคล้องกับชีวติ ของพระเยซูเจ้าคือ การทีจ่ ะดำ�เนิน ชีวิตท่ามกลางกระแสแห่งความคิดและปรัชญาสายต่างๆ มากมายนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่จะมีใจมั่นคงไม่ไขว้ เขวไป แนวความคิดที่มีพลังในปัจจุบันคือ ลัทธิบริโภคนิยม ลัทธิกอบโกยนิยม และลัทธิพวกพ้องนิยม รวม ทั้งลัทธิอัตตานิยมด้วย กระแสความคิดเหล่านี้ให้ความสุขชั่วคราวเท่านั้นและมักจะมีผลร้ายตามมาเสมอ เราจะประคองตัวเองได้ก็ต่อเมื่อมีการตั้งสติและมีการภาวนายกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าบ่อยๆ ยึดพระองค์เป็น ทีม่ นั่ ผูกจิตเราไว้กบั พระองค์ ท่านนักบุญเปาโลใช้ค�ำ ว่า ให้เราฝังจิตใจเราไว้กบั พระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพ พร้อมกับพระองค์ทุกวัน
ระลึกถึง น.ยอห์น ครีโซสตม พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 145:2-3,10-11, 12-13กข
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 คส 3:1-11 พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่ สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึง แต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไป แล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า... ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย และความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบ ไหว้รปู เคารพอย่างหนึง่ โลกียวิสยั เหล่านีน้ �ำ การตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายัง ผู้ดื้อรั้น ครั้งหนึ่งท่านก็เคยเป็นเช่นนี้... แต่บัดนี้ ท่านจงขจัดทุกอย่าง คือความ โกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูด เท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำ�ตามวิสัย มนุษย์เก่า และสวมใส่วสิ ัยมนุษย์ใหม่ทไี่ ด้รบั การปรับปรุงใหม่เพือ่ มุ่งไปหาความรู้ ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีกหรือชาวยิว การเข้า สุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคน อิสระก็ไม่สำ�คัญอีกต่อไป ที่สำ�คัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
พระวรสาร ลก 6:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทัง้ หลายเป็นสุข เมือ่ คนทัง้ หลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิน่ ท่าน รังเกียจนามของท่าน ประหนึง่ นามชัว่ ร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชืน่ ชมในวันนัน้ เถิด จงกระโดดโลดเต้น ยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านนัน้ ยิง่ ใหญ่นกั ในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคย ทำ�เช่นนี้กับบรรดาประกาศกมาแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่รํ่ารวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำ� เช่นนี้กับบรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว” คำ�สอนจากบทเทศน์บนภูเขาของพระเยซูเจ้าเป็นบรรทัดฐานจริยธรรมของเราชาวคริสต์และ เป็นแนวทางนำ�จิตใจเราขึน้ สูร่ ะดับทีส่ งู ส่งเหนือคนธรรมดาทัว่ ไป ถ้าเราวิเคราะห์หาเหตุผลเบือ้ งหลังคำ�สอน ดังกล่าว ขณะเดียวกันคำ�สอนจริยธรรมระดับทั่วไปก็พบได้ในจดหมายของท่านนักบุญเปาโลที่พยายามปรับ จิตวิญญาณของชาวยิวที่เมืองโคโลสีซึ่งหันมาเลื่อมใสในพระเยซูเจ้าให้พวกเขาละทิ้งจากความโกรธ ความ คิดร้าย การด่าทอหยาบคาย การสาปแช่งคนอืน่ การพูดเท็จ สรุปรวมแล้วคือจิตทีเ่ ป็นทาสของความชัว่ ร้าย ทีฝ่ งั ลึกในตัวเก่าออกไปนัน่ เอง ท่านเรียกร้องให้แต่ละคนเชือ่ มัน่ ว่าเราคือคนใหม่ มีชวี ติ และจิตใจใหม่ในพระ คริสตเจ้าผู้เป็นทุกสิ่งสำ�หรับเราทุกคน
บทอ่านที่ 1 ฟป 2:6-11 แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอ พระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับ สภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อม พระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะ เหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขนึ้ สูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนีป้ ระเสริฐกว่านามอืน่ ใดทัง้ สิน้ เพือ่ ทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวม ทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของ พระเจ้า พระบิดา พระวรสาร ยน 3:13-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉัน นั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่าง มากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพือ่ ทุกคนทีม่ คี วามเชือ่ ในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดรเพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาใน โลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตร นั้น” คำ�สอนและข้อคิดในวันนี้คือเรื่องความสุภาพถ่อมตนของพระเยซูเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่แต่ยอมถ่อมตนมารับสภาพมนุษย์ ทำ�ไม? เพราะพระองค์เชื่อมั่นใน แผนการของพระบิดาและรักพระบิดามาก ความสุภาพถ่อมตนที่เราฝึกฝนนั้นจะเป็น ไปได้ก็ต่อเมื่อเรารู้ชัดเจนว่าเป้าหมายของความถ่อมตนนั้นคืออะไร เพื่ออะไร? จะได้ ผลอะไรเมื่อฝึกจิตเช่นนี้แล้ว เราย่อเข่าลงยอมรับพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ยอมพลี ชีวติ เพือ่ มนุษย์จะได้รอดพ้นจากอำ�นาจของบาป พระองค์ลมื ตนเองเพือ่ คนอืน่ พระเจ้า จึงยกพระองค์ขนึ้ สูง...เราก็เช่นกันหากนำ�คุณธรรมความถ่อมตนมาใช้ในชีวติ โดยระวัง ไม่ให้จิตตกหลุดไปอยู่ในหลุมแห่งอัตตา และไม่ปล่อยจิตไปทำ�ร้ายใคร แต่ให้ความจริง และความรักเขามาครอบครอง เราย่อมได้รับความรอดหลุดพ้นจากพลังด้านลบของ โลกนี้ได้
ฉลองเทิิดทูน ไม้กางเขน
สดด 78:1-2,34-35, 36-38
ระลึกถึง แม่พระระทมทุกข์ สดด 31:1-2,3,4-5, 14-15,19
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 ฮบ 5:7-9 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูล ขอ ครํ่าครวญและรํ่าไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้า ทรงฟังเพราะความเคารพยำ�เกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น พระบุตร ก็ยังทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรง กระทำ�ภารกิจของพระองค์สำ�เร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้น นิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ พระวรสาร ยน 19:25-27 เวลานั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์ พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารียภ์ รรยาของเคลโอปัส และมารียช์ าวมักดาลา เมือ่ พระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ทรี่ กั ยืนอยูใ่ กล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดา ว่า “แม่ นีค่ อื ลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผนู้ นั้ ว่า “นีค่ อื แม่ของท่าน” ตัง้ แต่เวลา นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน พระเยซูเจ้าสอนเราด้วยชีวติ ของพระองค์เอง ชีวติ ในโลกทีจ่ บลงบนไม้ กางเขน แต่ชวี ติ แท้อนั ยาวนานนัน้ ทัง้ ความตายและไม้กางเขนไม่อาจจะดึงรัง้ พระองค์ ไว้ได้ ตรงกันข้ามไม้กางเขนที่เคยเป็นเครื่องมือของความชั่วร้าย พระองค์ทรงเปลี่ยน ให้เป็นเครือ่ งมือของความรอดพ้น ความตายทีค่ นทัว่ ไปมองว่าเป็นจุดจบ พระองค์ทรง เปลี่ยนให้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตแท้ ภาพที่พระองค์ถูกตรึงไว้บนไม้กางเขนและมีพระแม่ มารียย์ นื อยูท่ เี่ ชิงกางเขนนัน้ สะท้อนความหมายของกระบวนการไถ่กใู้ นอีกมุมมองหนึง่ ต่อไปพระแม่มารีย์จะเป็นอีกผู้หนึ่งที่คอยช่วยนำ�พาชีวิตเราผ่านกระแสสังคมที่เต็มไป ด้วยพลังด้านลบนี้ให้ไปถึงฝั่งได้ พระองค์เชื่อมั่นเช่นนั้นจึงมอบพระแม่มารีย์ให้เป็น มารดาฝ่ายจิตของเรา
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 1:15-17 ลูกที่รัก ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำ�ที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระ คริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพือ่ ช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดา คนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จงึ ทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะ พระเยซูคริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนทีย่ าวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคน แรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำ�หรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอ พระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแล เห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเมน พระวรสาร ลก 6:43-49 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังอีกว่า “ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดี เช่นกัน เรารูจ้ กั ต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นนั้ เราย่อมไม่เก็บผลมะเดือ่ เทศ จากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำ�สิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำ�สิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา ทำ�ไมท่านจึงเรียกเราว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า’ แต่ไม่ปฏิบตั ติ ามทีเ่ รา บอก ทุกคนทีม่ าหาเรา ย่อมฟังคำ�ของเราและนำ�ไปปฏิบตั ิ เราจะชีใ้ ห้ทา่ นทัง้ หลาย เห็นว่า เขาเปรียบเสมือนผู้ใด เขาเปรียบเสมือนคนที่สร้างบ้าน เขาขุดหลุม ขุดลง ไปลึก และวางรากฐานไว้บนหิน เมือ่ เกิดนาํ้ ท่วม นาํ้ ในแม่นาํ้ ไหลมาปะทะบ้านหลัง นั้น แต่ทำ�ให้บ้านนั้นสั่นคลอนไม่ได้ เพราะบ้านหลังนั้นสร้างไว้อย่างดี แต่ผู้ที่ฟัง และไม่ปฏิบตั ติ าม ก็เปรียบเสมือนคนทีส่ ร้างบ้านไว้บนพืน้ ดินโดยไม่มรี ากฐาน เมือ่ นํ้าในแม่นํ้าไหลมาปะทะ บ้านนั้นก็พังทลายลงทันที และเสียหายมาก” ชีวิตนิรันดรย่อมเป็นของผู้ที่มีความเพียรอดทนและเข้มแข็งในการ ภาวนา ทัง้ ยังต้องเป็นผูท้ มี่ คี วามเชือ่ อย่างมัน่ คง ดำ�เนินชีวติ ติดตามพระเยซูคริสตเจ้า รับพระวาจาของพระองค์และนำ�ไปปฏิบัติจนบังเกิดเป็นผลที่ดี เป็นผู้มีความเมตตา กรุณา ช่วยเหลือ แบ่งปัน... ด้วยจิตใจของเขานั้น หยั่งรากลึกในพระวาจาของพระ ผู้ทรงเป็นศิลาหัวมุม
ระลึกถึง น.คอร์เนเลียส พระสันตะปาปา น.ซีเปรียน พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 113:1-3, 4-6,7
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 27:30-28:7 ความเคียดแค้นและความโกรธเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่คนบาปกลับยึดไว้แน่น ผู้ใดแก้แค้นก็จะถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแก้แค้น พระองค์จะทรงจดบัญชีบาปไว้ อย่างเคร่งครัด จงให้อภัยเพือ่ นบ้านทีท่ �ำ ผิดต่อท่าน แล้วบาปของท่านจะได้รบั การ อภัย เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา ถ้าผู้ใดสุมความโกรธต่อผู้อื่นไว้ เขาจะขอให้องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงรักษาเขาให้หายได้อย่างไร ถ้าเขาไม่มีเมตตากรุณาต่อเพื่อน มนุษย์ด้วยกัน เขาจะกล้าอธิษฐานภาวนาขออภัยบาปของตนได้อย่างไร เขาเป็น เพียงมนุษย์ที่อ่อนแอ แล้วยังอาฆาตมาดร้าย ผู้ใดจะอภัยบาปแก่เขาได้ จงระลึก ถึงบั้นปลายของท่าน แล้วเลิกเกลียดชังเถิด จงระลึกถึงความเน่าเปื่อยและความ ตาย แล้วท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติอย่างซื่อสัตย์ จงระลึกถึงบทบัญญัติและ อย่าเคียดแค้นเพือ่ นบ้าน จงระลึกถึงพันธสัญญาของพระผูส้ งู สุด แล้วมองข้ามการ ล่วงเกินที่ท่านได้รับ เพลงสดุดี สดด 78:1-2,34-35,36-38 ก) ประชากรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังคำ�สั่งสอนของข้าพเจ้าเถิด จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำ�ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปิดปากพูดเป็นคำ�ประพันธ์ เปิดเผยปริศนาที่ซ่อนไว้ตั้งแต่ในอดีต ข) เมื่อพระองค์ทรงสังหารเขาบางคน เขาก็แสวงหาพระองค์ เขากลับใจหันมาหาพระเจ้า ระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นหลักศิลาของเขา พระผู้สูงสุดทรงเป็นผู้ช่วยเขาให้รอดพ้น ค) ปากของเขาประจบพระองค์ ลิ้นของเขากล่าวเท็จต่อพระองค์ ใจของเขาโลเลไม่มั่นคงต่อพระองค์ เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระทัยเมตตาสงสาร ทรงให้อภัยความผิด ไม่ทรงทำ�ลายเขา ทรงระงับพระพิโรธครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ทรงปล่อยความโกรธอย่างเต็มที่ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 14:7-9 พี่น้อง ไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเอง เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีชวี ติ อยู่ ก็มชี วี ติ อยูเ่ พือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตาย เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้
เป็นเจ้า เพราะเหตุนี้เอง พระคริสตเจ้าจึงสิ้นพระชนม์ และกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อจะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:21-35 เวลานั้ น เปโตรเข้ า มาทู ล ถามพระเยซู เ จ้ า ว่ า “พระเจ้าข้า ถ้าพี่น้องทำ�ผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยก โทษให้เขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ได้บอกท่านว่าต้อง ยกโทษให้เจ็ดครั้ง แต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กบั กษัตริยพ์ ระองค์หนึง่ ทรง ประสงค์จะตรวจบัญชีหนี้สินของผู้รับใช้ ขณะที่ทรงเริ่มตรวจบัญชีนั้น มีผู้นำ�ชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้ เป็นหนี้อยู่เป็นพันล้านบาท เขาไม่มีสิ่งใดจะชำ�ระหนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ขายทั้งตัวเขา บุตรภรรยา และทรัพย์สนิ ทัง้ หมดเพือ่ ใช้หนี้ ผูร้ บั ใช้กราบพระบาททูลอ้อนวอนว่า ‘ขอทรงพระกรุณาผัดหนีไ้ ว้กอ่ น เถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้ทั้งหมด’ กษัตริย์ทรงสงสารจึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้ ขณะ ทีผ่ รู้ บั ใช้ออกไป ก็พบเพือ่ นผูร้ บั ใช้ดว้ ยกันซึง่ เป็นหนีเ้ ขาอยูไ่ ม่กพี่ นั บาท เขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูด ว่า ‘เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด’ เพือ่ นคนนัน้ คุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘กรุณาผัดหนี้ไว้กอ่ นเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้’ แต่เขาไม่ ยอมฟัง นำ�ลูกหนี้ไปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด เพื่อนผู้รับใช้อื่นๆ เห็นดังนั้นต่างสลดใจมาก จึง นำ�ความทั้งหมดไปทูลกษัตริย์ พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า ‘เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สิน ของเจ้าทั้งหมดเพราะเจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่ หรือ’ กษัตริย์กริ้วมาก ตรัสสั่งให้นำ�ผู้รับใช้นั้นไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด พระบิดาของเราผู้ สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ�ต่อท่านทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจ จริง” ผู้ที่มีแต่ความโกรธ มีจิตอาฆาตเคียดแค้น ขุ่นเคือง และไร้ความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ เขาไม่อาจอธิษฐานภาวนาเพื่อขอการอภัยแม้แต่สำ�หรับตัวของเขาเอง ขังชีวิตอยู่ในความเกลียดชัง ขาด ความสุข ชีวิตเช่นนี้อยู่ห่างไกลจากความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสอนให้อภัยต่อเพื่อนพี่น้องด้วยใจ จริง ให้อภัยอยูเ่ สมอไม่วา่ เขาจะทำ�ผิดกีค่ รัง้ กีห่ น ดังเช่นทีพ่ ระผูเ้ ป็นเจ้าทรงอภัยให้เราด้วยพระทัยรักเมตตา
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา สดด 28:2,7-8,9
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 2:1-8 ลูกที่รักยิ่ง ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขอ อธิษฐาน อ้อนวอนแทน และขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำ�นาจ เราจะ ได้มชี วี ติ ทีส่ งบสุขราบรืน่ เป็นชีวติ ทีม่ เี กียรติดว้ ยความเคารพเลือ่ มใสพระเจ้า การ กระทำ�เช่นนี้เป็นการกระทำ�ที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มพี ระประสงค์ให้ทกุ คนได้รบั ความรอดพ้น และรูค้ วามจริงทีส่ มบูรณ์ ทัง้ นี้ เพราะมีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้ เดียวซึง่ เป็นมนุษย์คนหนึง่ คือพระคริสตเยซู ผูท้ รงมอบพระองค์เป็นสินไถ่ส�ำ หรับ มนุษย์ทุกคน การมอบพระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตาม เวลาที่กำ�หนด และข้าพเจ้าก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผู้สอนคนต่างชาติเรื่องความเชื่อและความจริง ข้าพเจ้ากำ�ลัง พูดความจริง มิได้พูดความเท็จ ข้าพเจ้าปรารถนาให้บุรุษยกมือที่บริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานไม่ว่าจะอยู่ที่ใด อย่าให้ มีความโกรธหรือการโต้เถียงใดๆ ระหว่างกัน
พระวรสาร ลก 7:1-10 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจาทั้งหมดนี้ให้ประชาชนฟังจบแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปใน เมืองคาเปอรนาอุม ผูร้ บั ใช้ของนายร้อยคนหนึง่ กำ�ลังป่วยใกล้จะตาย นายรักเขามาก เมือ่ นายร้อยได้ยนิ เรือ่ งเกีย่ วกับพระเยซูเจ้า จึงส่งผูอ้ าวุโสบางคนของชาวยิวมาอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปช่วยชีวติ ของ ผู้รับใช้ คนเหล่านั้นมาเฝ้าพระเยซูเจ้า อ้อนวอนรบเร้าพระองค์ว่า “นายร้อยผู้นี้สมควรที่ท่านจะช่วย เหลือ เพราะเขารักชนชาติของเรา และได้สร้างศาลาธรรมให้เรา” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับคนเหล่า นัน้ เมือ่ พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงบ้าน นายร้อยใช้เพือ่ นบางคนไปทูลพระองค์วา่ “พระองค์เจ้าข้า อย่า ลำ�บากไปเลย ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า เพราะฉะนัน้ ข้าพเจ้าจึงไม่ อาจเอือ้ มทีจ่ ะออกมาพบกับพระองค์ แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียว ผูร้ บั ใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจาก โรค ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าบอกคนหนึ่งว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกผู้รับใช้ว่า ‘ทำ�สิ่งนี้’ เขาก็ทำ�” เมื่อพระเยซูเจ้า ทรงได้ยินถ้อยคำ�เหล่านี้ ทรงประหลาดพระทัย ทรงหันพระพักตร์ไปยังประชาชนที่ติดตามพระองค์ ตรัสว่า “เราบอกท่านทัง้ หลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชือ่ มากเช่นนีใ้ นอิสราเอลเลย” เมือ่ เพือ่ น ที่ถูกใช้มากลับไปถึงบ้าน ก็พบว่าผู้รับใช้ผู้นั้นหายเป็นปกติแล้ว นายทหารโรมันต่างชาติผมู้ คี วามรักต่อผูร้ บั ใช้ของตน เขามีความเชือ่ ในความรักและพระเมตตา ของพระเจ้า เขาไม่เพียงอ้อนวอนผ่านผูอ้ าวุโสและเพือ่ นๆ ด้วยความสุภาพ แต่เขาได้แสดงความเชือ่ อย่างมัน่ ใจ ทีส่ ดุ ว่า หากพระเยซูเจ้า “ตรัสเพียงคำ�เดียว” ผูร้ บั ใช้ของเขาทีเ่ จ็บป่วยใกล้จะตายอยูท่ บ่ี า้ นก็จะหายเป็นปกติ คำ� อธิษฐานวอนขอของผูม้ จี ติ บริสทุ ธิเ์ ป็นทีพ่ อพระทัยพระเจ้า และสัมฤทธิผ์ ลทุกประการ
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 3:1-13 ลูกทีร่ กั ยิง่ ต่อไปนีเ้ ป็นถ้อยคำ�ทีท่ า่ นเชือ่ ถือได้ ผูใ้ ดใฝ่ฝนั จะปกครองดูแล เขา ก็ปรารถนากิจการที่ดีงาม ดังนั้น ผู้ปกครองดูแลจะต้องประพฤติดี ไม่มีที่ตำ�หนิ แต่งงานเพียงครั้งเดียว รู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ สุภาพเรียบร้อย มี อัธยาศัยไมตรีและรูจ้ กั สอน ต้องไม่ใช่นกั ดืม่ หรืออันธพาล แต่จะต้องมีใจเยือกเย็น ไม่ชอบทะเลาะวิวาท ไม่โลภทรัพย์สนิ เงินทอง ต้องเป็นผูท้ รี่ จู้ กั ปกครองคนในบ้าน ของตนได้ดี มีความประพฤติดี อบรมบุตรหลานให้อยูใ่ นโอวาท ผูใ้ ดไม่รจู้ กั ปกครอง คนในบ้านของตน ผู้นั้นจะรับผิดชอบดูแลพระศาสนจักรของพระเจ้าได้อย่างไร เขาไม่ควรเป็นผูท้ เี่ พิง่ กลับใจ มิฉะนัน้ เขาอาจเกิดคิดหยิง่ จองหอง และต้องรับโทษ อย่างที่ปีศาจได้รับ เขาจะต้องเป็นผู้ที่บุคคลภายนอกยอมรับนับถือ เพื่อเขาจะได้ ไม่ถูกตำ�หนิและไม่ตกในบ่วงแร้วของปีศาจ สังฆานุกรก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นที่น่าเคารพนับถือ ไม่ปลิ้นปล้อน ไม่ดื่ม จัด และไม่หาผลประโยชน์ที่น่ารังเกียจ เขาจะต้องยึดมั่นในธรรมลํ้าลึกของความ เชือ่ ด้วยมโนธรรมทีบ่ ริสทุ ธิ์ เขาจะต้องได้รบั การตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มสี งิ่ ใดขัดข้อง จึงให้ทำ�หน้าที่สังฆานุกร สตรีก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นคนที่น่าเคารพนับถือ ไม่ นินทาว่าร้าย ต้องรูจ้ กั ประมาณตนและเป็นทีว่ างใจได้ในทุกเรือ่ ง สังฆานุกรจะต้อง แต่งงานเพียงครัง้ เดียว และเป็นผูท้ รี่ จู้ กั ปกครองบุตรหลานและคนในบ้านของตน ได้ ผู้ทำ�หน้าที่สังฆานุกรได้อย่างดีก็จะได้รับเกียรติสูงสำ�หรับตน และพูดถึงความ เชื่อในพระคริสตเยซูได้อย่างมั่นใจ
น.ยานูอารีโอ พระสังฆราช และมรณสักขี
สดด 101:1-2,3,4-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
พระวรสาร ลก 7:11-17 หลังจากนัน้ ไม่นาน พระเยซูเจ้าเสด็จไปทีเ่ มืองหนึง่ ชือ่ นาอิน บรรดาศิษย์และ ประชาชนจำ�นวนมากติดตามพระองค์ไป เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ประตูเมืองก็ ทรงเห็นคนหามศพออกมา ผูต้ ายเป็นบุตรคนเดียวของมารดาซึง่ เป็นม่าย ชาวเมือง กลุม่ ใหญ่มาพร้อมกับนางด้วย เมือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเห็นนางก็ทรงสงสารและตรัสกับนางว่า “อย่า ร้องไห้ไปเลย” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรงแตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จึงตรัสว่า “หนุ่มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูด พระเยซูเจ้าจึงทรงมอบเขาให้ แก่มารดา ทุกคนต่างมีความกลัวและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า กล่าวว่า “ประกาศกยิ่งใหญ่ได้เกิด ขึ้นในหมู่เรา พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมประชากรของพระองค์” และข่าวเรื่องนี้ก็แพร่ไปทั่วแคว้นยูเดีย และทั่วอาณาบริเวณนั้น พระเยซูเจ้าทรงปลุกบุตรชายคนเดียวของหญิงม่ายที่เมืองนาอินขึ้นมาจากความตายโดยผู้ เป็นแม่ไม่ได้ทูลขอ เพียงเพราะพระองค์มีพระทัยเปี่ยมด้วยความเมตตาสงสาร ทรงเข้าใจดีว่าแม่ม่ายชาว ยิวทีข่ าดสามีหรือบุตรชายเลีย้ งดูนนั้ ลำ�บากเพียงใด กิจการแห่งความรักของพระองค์เป็นเหตุให้บรรดาศิษย์ และประชาชนจำ�นวนมากที่ติดตามพระองค์ เกิดความยำ�เกรง เราก็เช่นกันหากได้ปฏิบัติกิจการแห่งความ รักแก่เพื่อนพี่น้อง ก็จะเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
ระลึกถึง น.อันดรูว์ กิม เตก็อน พระสงฆ์ น.เปาโล จง ฮาซัง และเพื่อนมรณสักขี ชาวเกาหลี สดด 126:1-2, 3-4,5-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันเยาวชนแห่งชาติ
บทอ่านที่ 1 รม 8:31ข-35,37-39 พี่น้อง ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้ พระองค์มิได้ทรงหวงแหน พระบุตรของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคนแล้ว พระองค์จะไม่ ประทานทุกสิ่งให้เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ท่ีทรงเลือกสรรไว้ แล้วได้ พระเจ้าประทานความชอบธรรม ใครจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซู สิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรงกลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรง วอนขอแทนเราอีกด้วย ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความ ทุกข์ลำ�เค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหาร และเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะ ข้าพเจ้าเชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี �ำ นาจปกครอง ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำ�นาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่ง ใดๆ จะพรากเราได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซูองค์พระ ผู้เป็นเจ้าของเรา พระวรสาร ลก 9:23-26 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิก นึกถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้ นั้นจะต้องสูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์ จะได้ประโยชน์ใดในการทีจ่ ะได้โลกทัง้ โลกเป็นกำ�ไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ และพินาศไป ถ้าผู้ใดอับอายเพราะเราและเพราะถ้อยคำ�ของเรา บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอับอาย เพราะเขา เมือ่ เสด็จมาในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ ของพระบิดา และของบรรดา ทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราสละตัวตน หยุดนึกถึงเพียงตนเอง ปฏิบัติตามพระวาจาของ พระเจ้า เราจะมีพลังขับเคลื่อนให้สามารถแบกรับภาระต่างๆ มีภูมิคุ้มกันภัย ไม่ว่าจะ ประสบกับสิง่ ใด ความทุกข์ยากหรือการเบียดเบียนต่างๆ ก็ไม่อาจพรากเราไปจากความ รู้สึกมั่นใจในความรักของพระคริสตเจ้าผู้ทรงอยู่เคียงข้าง และวอนขอแทนเราจาก เบื้องขวาของพระบิดา
บทอ่านที่ 1 อฟ 4:1-7,11-13 พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำ�เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ ดำ�เนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วย สายสัมพันธ์แห่งสันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วาม หวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาป หนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือ ทุกคน ทรงกระทำ�การผ่านทุกคน และสถิตในทุกคน เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้ สำ�หรับงานรับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุ ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็น ผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า พระวรสาร มธ 9:9-13 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปจากทีน่ นั่ ทรงเห็นชายคนหนึง่ ชือ่ มัทธิว กำ�ลัง นัง่ อยูท่ ดี่ า่ นภาษี จึงตรัสสัง่ เขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลกุ ขึน้ ตามพระองค์ไป ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารทีบ่ า้ นของมัทธิว คนเก็บ ภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสจี งึ ถามศิษย์ของพระองค์วา่ “ทำ�ไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับ คนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คน สบายดียอ่ มไม่ตอ้ งการหมอ แต่คนเจ็บไข้ตอ้ งการ จงไปเรียนรูค้ วามหมายของพระ วาจาที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มา เพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” พระเจ้าทรงเรียกและทรงเลือกเราเป็นรายบุคคล แต่ละคน ด้วยวิธี การและรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่ว่าเราจะเป็นคนดี ไม่ดี หรือเป็นบุคคลประเภทใด เหมือนดังทีท่ รงเรียกนักบุญมัทธิวคนเก็บภาษีคนบาปมาเป็นอัครสาวก ทรงประทาน พระหรรษทานให้เราแต่ละคนตามสัดส่วนเพื่อเสริมสร้างกันจนกว่าเราจะบรรลุถึง ความเป็นหนึง่ เดียวกันในความเชือ่ ในความรู้ เป็นผูใ้ หญ่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ ของพระคริสตเจ้า เราจึงต้องถ่อมตน อ่อนโยน เพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก
ฉลอง น.มัทธิว อัครสาวก ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 19:1-2,3-4
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา สดด 49:5-6,7-9, 16-20
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 6:3-12 ลูกทีร่ กั ยิง่ ถ้าผูใ้ ดสอนแตกต่างจากนี้ และไม่สอนพระวาจาทีถ่ กู ต้องของพระ เยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา และคำ�สอนทีส่ อดคล้องกับความเคารพเลือ่ มใส พระเจ้า ผูน้ น้ั ก็เป็นคนจองหองและไม่เข้าใจสิง่ ใดเลย เขาคอยแต่ตงั้ ปัญหาถามและ โต้เถียงเกีย่ วกับถ้อยคำ�ซึง่ ก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา การทะเลาะวิวาท การกล่าว ร้าย และความไม่ไว้ใจมุง่ ร้ายต่อกัน รวมทัง้ การถกเถียงอย่างไม่มที สี่ นิ้ สุด ผูท้ �ำ เช่น นี้เป็นคนไร้ปัญญาและขาดความจริง และคิดว่าความเคารพเลื่อมใสพระเจ้าเป็น ทางหากำ�ไร ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้านำ�ผลกำ�ไรมหาศาลมาให้เฉพาะแก่ผู้ที่ พอใจในสิ่งที่ตนมีเท่านั้น เราไม่ได้นำ�สิ่งใดติดตัวเข้ามาในโลก และเราก็นำ�อะไร ออกไปไม่ได้ ตราบใดที่มีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เราก็พอใจแล้ว คนที่อยากรวยก็ ตกเป็นเหยื่อของการถูกผจญ ติดกับดักและตกลงไปในตัณหาชั่วร้ายโง่เขลา มากมาย ซึง่ ทำ�ให้มนุษย์จมลงสูค่ วามพินาศย่อยยับ “ความรักเงินตราเป็นรากเหง้า ของความชัว่ ร้ายทุกประการ” บางคนเมือ่ แสวงหาแต่เงินทองก็พลัดหลงจากความ เชื่อ เป็นเหตุให้ตนเองได้รับความทุกข์เป็นอันมาก ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้า หาความชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทน และความอ่อนโยน จงต่อสูอ้ ย่างดีเพือ่ ความเชือ่ จงยึดมัน่ ในชีวติ นิรนั ดรทีพ่ ระเจ้า ทรงเรียกท่านให้ดำ�เนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยันความเชื่อต่อหน้าพยาน จำ�นวนมาก พระวรสาร ลก 8:1-3 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทรงเทศน์สอน และประกาศข่าวดีถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า อัครสาวกสิบสองคนอยู่กับ พระองค์ รวมทัง้ สตรีบางคนทีพ่ ระองค์ทรงรักษาให้พน้ จากจิตชัว่ ร้ายและหายจาก โรคภัย เช่น มารีย์ ที่เรียกว่าชาวมักดาลา ซึ่งปีศาจเจ็ดตนได้ออกไปจากนาง โยอันนาภรรยาของคูซาข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮโรด นางสุสันนา และคนอื่น อีกหลายคน หญิงเหล่านี้สละทรัพย์ของตนมาช่วยเหลือพระองค์และบรรดาอัคร สาวก มารีย์ ชาวมักดาลา โยอันนาภรรยาของคูซา นางสุสันนา และสตรีอีก หลายคนสละทรัพย์สมบัติของตนช่วยเหลือพระคริสตเจ้าและบรรดาอัครสาวก เมื่อ พระองค์เสด็จไปเทศน์สอนและประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระจ้าตามเมือง ต่างๆ เพราะสตรีเหล่านี้เคารพเลื่อมใสในพระเจ้า จึงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ไม่ยึด ติดกับเงินตราทรัพย์สนิ ซึง่ เป็นรากเหง้าของความชัว่ ร้าย เพือ่ จะไม่พลัดหลงจากความ เชื่อ และความรักของพระองค์
บทอ่านที่ื 1 1 ทธ 6:13-16 ลูกทีร่ กั ยิง่ บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าผูป้ ระทานชีวติ แก่ทกุ สิง่ และเฉพาะ พระพั ก ตร์ พ ระคริ ส ตเยซู ผู้ ยื น ยั น ประกาศความเชื่ อ เป็ น อย่ า งดี ไว้ ต่ อ หน้ า ปอนทิอัสปีลาต ข้าพเจ้าขอกำ�ชับให้ปฏิบัติตามคำ�สั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำ�แดงพระองค์ เมื่อถึงเวลากำ�หนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็น ความสุขแท้จริงและผูท้ รงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริยแ์ ละ เจ้านายสูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจ เข้าถึงได้ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอพระองค์ทรงดำ�รง พระเกียรติและพระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
ระลึกถึง น.ปีโอ แห่งปีเอเตรลชีนา พระสงฆ์ สดด 100:1-4,5
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
พระวรสาร ลก 8:4-15 ขณะนั้น ประชาชนจำ�นวนมากเดินทางจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าและชุมนุมกัน พระองค์ จึงทรงกล่าวเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่กำ�ลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน จึงถูก เหยียบยํ่า และนกในอากาศจิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนหิน พองอกขึ้นมาก็เหี่ยวแห้งเพราะขาด ความชุ่มชื้น บางเมล็ดตกกลางกอหนาม ต้นหนามที่งอกขึ้นพร้อมกันก็คลุมไว้จนตาย บางเมล็ดตกใน ที่ดินดี จึงงอกขึ้นและเกิดผลร้อยเท่า” พระองค์ตรัสดังนี้แล้วทรงเปล่งเสียงดังว่า “ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า อุปมาเรื่องนี้มีความหมายว่าอย่างไร พระองค์จึงตรัสว่า “พระเจ้า โปรดให้ท่านรู้ธรรมลํ้าลึกเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างชัดเจน แต่สำ�หรับคนอื่นพระองค์โปรด ให้รู้เป็นอุปมาเท่านั้น เพื่อว่า เขาจะมองแล้วมองอีก แต่ไม่เห็น ฟังแล้วฟังอีก แต่ไม่เข้าใจ” “อุปมามีความหมายดังนี้ เมล็ดพืชคือพระวาจาของพระเจ้า เมล็ดทีต่ กริมทางเดิน หมายถึงบุคคล ที่ได้ฟังพระวาจา ต่อจากนั้น ปีศาจก็มาช่วงชิงพระวาจาออกไปจากใจของเขา มิให้เขามีความเชื่อและ รอดพ้น เมล็ดทีต่ กบนหินหมายถึงบุคคลทีฟ่ งั แล้วรับพระวาจาไว้ดว้ ยความยินดี แต่ไม่มรี าก เขามีความ เชื่ออยู่เพียงชั่วระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาถูกผจญ เขาก็เลิกเชื่อ เมล็ดที่ตกในกอหนาม หมายถึงบุคคลที่ฟัง พระวาจาแล้วปล่อยให้ความกังวลถึงทรัพย์สมบัติและความสนุกของชีวิตมาบีบรัด จึงไม่เกิดผล ส่วน เมล็ดที่ตกในที่ดินดีหมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาด้วยใจดีเลิศ ยึดพระวาจาไว้ด้วยความพากเพียรจน เกิดผล” ในเวลาที่ใจของเรามีสภาพเป็นเพียงทางเดินที่แห้งแข็ง พระวาจาก็จะถูกปีศาจช่วงชิงไปโดย ง่าย หรือวันใดที่ใจของเราแกร่งเป็นหิน เมล็ดพระวาจาไม่อาจแทงรากลง ยามถูกผจญความเชื่อก็สั่นคลอน แล้ววันใดทีใ่ จเป็นกอหนามพระวาจาคงไม่อาจเอาชนะความกังวลถึงทรัพย์สมบัตแิ ละความสุขสนุกสบายไป ได้ ขอเราภาวนาด้วยพากเพียรให้หัวใจเป็นดินดีในทุกๆ วัน เพื่อเมล็ดพระวาจาจะงอกงามเกิดผล
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 55:6-9 จงแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ทรงยอมให้เราพบ จงทูลขอเมื่อ พระองค์ทรงอยู่ใกล้ คนชั่วร้ายจงละทิ้งทางของตน และคนอธรรมจงละทิ้งความ คิดของตน เขาจงกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงสงสารเขา และจง กลับมาหาพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์ประทานอภัยให้มากมาย “ความคิดของ เราไม่ใช่ความคิดของท่าน ทางของท่านก็ไม่ใช่ทางของเรา” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส “ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำ�ให้แผ่น ดินอุดม ทำ�ให้พืชงอกขึ้น เพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำ�ที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล ไม่ทำ�ตามที่เรา ปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่งมาฉันนั้น” เพลงสดุดี สดด 145:2-3,8-9,16-19 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ทุกวัน จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงสมควรจะได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์เกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล ค) พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ ประทานอาหารให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลได้กินจนอิ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรมในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ ทรงความรักมั่นคงในพระราชกิจทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดทุกคนที่เรียกขานพระองค์ ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ด้วยใจจริง พระองค์ทรงตอบสนองความปรารถนาของทุกคนที่ยำ�เกรงพระองค์ ทรงฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือและทรงช่วยเขาให้รอดพ้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 1:20ค-24,27ก พี่น้อง พระคริสตเจ้าจะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือนกับในอดีต ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำ�ไร หากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นโอกาส ให้ข้าพเจ้าทำ�งานได้ผลแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี ข้าพเจ้ารู้สึกลังเล คือ
ปรารถนาจะพ้นจากชีวิตนี้ไปเพื่ออยู่กับพระคริสตเจ้าซึ่งจะเป็นการดีกว่ามาก แต่การมีชีวิตอยู่ในโลก นี้ต่อไปก็จำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระ คริสตเจ้า บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 20:1-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกเป็นคำ�อุปมาว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจ้างคนงานมาทำ�งาน ในสวนองุ่น ครั้นได้ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้ว ก็ส่งไปทำ�งานในสวนองุ่น ประมาณ สามโมงเช้า พ่อบ้านออกมาก็เห็นคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำ�งาน จึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำ�งานในสวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไป พ่อบ้านออกไปอีก ประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมง กระทำ�เช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงเย็น พ่อบ้านออกไปอีก พบคน อื่นๆ ยืนอยู่ จึงถามเขาว่า ‘ทำ�ไมท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำ�อะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครมา จ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำ�งานในสวนองุ่นของฉันเถิด’ ครัน้ ถึงเวลาคาํ่ เจ้าของสวนบอกผูจ้ ดั การว่า ‘ไปเรียกคนงานมา จ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริม่ ตัง้ แต่คน สุดท้ายจนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึง เขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญ เมื่อคนงาน พวกแรกมาถึง เขาคิดว่าตนจะได้รับมากกว่านั้น แต่ก็ได้รับคนละหนึ่งเหรียญเช่นเดียวกัน ขณะรับค่า จ้างเขาก็บ่นต่อหน้าเจ้าของสวนว่า ‘พวกที่มาสุดท้ายนี้ทำ�งานเพียงชั่วโมงเดียว ท่านก็ให้ค่าจ้างแก่เขา เท่ากับเรา ซึ่งต้องตรากตรำ�อยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อน เอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ได้ตกลงกับฉันคนละหนึ่งเหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากจะให้คนทีม่ าสุดท้ายนีเ้ ท่ากับให้ทา่ น ฉันไม่มสี ทิ ธิใ์ ช้เงินของฉันตามทีฉ่ นั พอใจหรือ ท่านอิจฉา ริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’ ดังนี้แหละ คนกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นคนกลุ่มแรก และคนกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็นคน กลุ่มสุดท้าย” แม้บ่อยครั้ง เราไม่อาจเข้าใจความคิด แผนการ หรือพระประสงค์ของพระเจ้า แต่หากเรา ประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า มั่นใจในความรัก ความเมตตา ความใจดีของพระองค์ ไม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ถึงบางครั้งอาจเคยละทิ้งหนทางของพระองค์ไป แต่ในวันที่เรากลับใจหันมาหา พระองค์ พระเจ้าจะทรงให้อภัย เพราะความใจดีของพระเจ้าไม่มีขอบเขต ไม่เลือกว่าเป็นผู้ใด ไม่ว่าเราจะ อยู่ในกลุ่มไหน คนกลุ่มแรกหรือกลุ่มสุดท้าย
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 126:1-2, 3-4,5-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อสร 1:1-6 ปีแรกในรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ พระวาจาทีต่ รัสโดยประกาศกเยเรมียเ์ ป็นความจริง จึงทรงดลใจกษัตริยไ์ ซรัสแห่ง เปอร์เซียให้ทรงประกาศทัว่ พระราชอาณาจักร และมีพระราชสาสน์เป็นลายลักษณ์ อักษรด้วยว่า “กษัตริยไ์ ซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนีว้ า่ ‘องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าแห่งสวรรค์ ได้ประทานอาณาจักรทัง้ สิน้ บนแผ่นดินแก่เรา และพระองค์ทรงบัญชาเราให้สร้าง พระวิหารถวายพระองค์ที่กรุงเยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ ผู้ใดในหมู่ท่านทั้งหลาย เป็นประชากรของพระองค์ ขอพระเจ้าสถิตกับผู้นั้น และให้เขากลับขึ้นไปยังกรุง เยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ และสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่ง อิสราเอลขึ้นใหม่ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพำ�นักอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม ขอให้ ทุกคนที่เหลือรอดชีวิต ไม่ว่าจะพำ�นักอยู่ ณ ที่ใด ได้รับความช่วยเหลือจาก ประชาชนที่นั่น เป็นเงิน ทองคำ� สิ่งของและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งเครื่องบูชาตามใจ สมัคร สำ�หรับพระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม’” หัวหน้าตระกูลยูดาห์และเบนยามินจึงออกเดินทาง พร้อมกับบรรดาสมณะ และชนเลวี คือทุกคนทีพ่ ระเจ้าทรงดลใจให้กลับขึน้ ไปสร้างพระวิหารขององค์พระ ผู้เป็นเจ้าขึ้นใหม่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อนบ้านทุกคนช่วยเหลือเขา ให้เงิน ทองคำ� ข้าวของ สัตว์เลีย้ ง และของมีคา่ นอกเหนือจากเครือ่ งบูชาทีแ่ ต่ละคนถวายตามใจ สมัคร พระวรสาร ลก 8:16-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตั้งไว้ บนเชิงตะเกียง เพือ่ คนทีเ่ ข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้ ไม่มสี งิ่ ใดทีซ่ อ่ นอยูจ่ ะไม่ปรากฏ ชัดแจ้ง ไม่มีความลับใดจะไม่มีใครรู้และเปิดเผย ดังนั้น จงระวังว่าท่านฟังพระ วาจาอย่างไร เพราะผูท้ มี่ มี ากจะได้รบั มากขึน้ ส่วนผูท้ มี่ นี อ้ ย สิง่ เล็กน้อยทีเ่ ขามีจะ ถูกริบไปด้วย” ถามตัวเองว่า พระเจ้าตรัสอะไรในวันนี้ บทอ่านทีห่ นึง่ จากหนังสือเอสรา พระเจ้าดลใจกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้คืนอิสรภาพแก่ชาวอิสราเอล ให้สร้างพระ วิหารสำ�หรับพระเจ้าขึ้นใหม่ ทั้งยังให้ได้รับความช่วยเหลือต่างๆ... เพราะพระเจ้า ประทานอาณาจักรทั้งสิ้นบนแผ่นดินให้ท่าน... พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนในพระ วรสารนักบุญลูกา ตะเกียงเมื่อจุดแล้วต้องวางไว้ให้แสงสว่างปรากฏชัดแจ้ง... เมื่อรับ ฟังพระวาจาแล้วไม่วา่ จะเกิดผลมากหรือน้อย...ต้องนำ�ไปปฏิบตั ิ เพือ่ พระหรรษทานจะ ได้เพิ่มพูน
บทอ่านที่ 1 อสร 6:7-8,12ข,14-20 ในครั้งนั้น กษัตริย์ดาริอัสได้มีพระราชหัตถเลขาถึงบรรดาผู้ปกครองดินแดน ทีอ่ ยูท่ างอีกฟากหนึง่ ว่า “จงปล่อยให้ผปู้ กครองและบรรดาผูอ้ าวุโสชาวยิวดำ�เนิน งานก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าหลังนี้ต่อไป ให้เขาก่อสร้างพระวิหารของ พระเจ้าขึ้นใหม่ในสถานที่เดิม เรายังสั่งท่านทั้งหลายอีก ให้ช่วยเหลือบรรดาผู้ น.คอสมา อาวุโสของชาวยิวในการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าขึ้นใหม่ ค่าใช้จ่ายในงานนี้ และ น.ดาเมียน ให้จา่ ยเต็มจำ�นวนแก่คนเหล่านีจ้ ากท้องพระคลังหลวง คือจากเงินภาษีทเี่ ก็บได้ใน มรณสักขี แคว้นตะวันตกของแม่นํ้ายูเฟรติส เพื่องานก่อสร้างจะได้ไม่หยุดชะงัก และขอให้ พระเจ้าผู้ทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นที่พำ�นักสำ�หรับพระนามพระองค์ ทรง สดด 122:1-2,3-5 ทำ�ลายกษัตริยห์ รือชนชาติใดๆ ทีก่ ล้าฝ่าฝืนคำ�สัง่ นี้ และพยายามทำ�ลายพระวิหาร ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 หลังนี้ของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เรา ดาริอัส ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ และ สั่งให้ปฏิบัติตามทุกประการ” บรรดาผู้อาวุโสชาวยิวก็ดำ�เนินงานก่อสร้างให้ก้าวหน้าต่อไป เพราะคำ�สนับสนุนของประกาศก ฮักกัยและเศคาริยาห์บุตรอิดโด เขาสร้างพระวิหารจนเสร็จตามพระบัญชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และตามพระราชกฤษฎีกาของกษัตริย์ไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย พระวิหารหลัง นี้สร้างเสร็จในวันที่สาม เดือนอาดาร์ ปีที่หกในรัชสมัยของกษัตริย์ดาริอัส ชาวอิสราเอลทุกคน คือ บรรดาสมณะ ชนเลวี และคนอื่นที่กลับมาจากถิ่นเนรเทศก็ร่วมใจกันเฉลิมฉลองการถวายพระวิหาร ของพระเจ้าหลังนี้ด้วยความยินดี ในงานถวายพระวิหารของพระเจ้าครั้งนี้ เขาทั้งหลายถวายโคเพศผู้ หนึ่งร้อยตัว แกะเพศผู้สองร้อยตัว ลูกแกะสี่ร้อยตัว และยังถวายแพะเพศผู้สิบสองตัวเป็นเครื่องบูชา ชดเชยบาปสำ�หรับชาวอิสราเอลทั้งปวง ตามจำ�นวนเผ่าของอิสราเอล เขาจัดตั้งสมณะและชนเลวีไว้ เป็นหมวดตามเวรเพื่อรับใช้พระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม ตามที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส วันทีส่ บิ สีเ่ ดือนแรก บรรดาผูก้ ลับจากถิน่ เนรเทศเฉลิมฉลองปัสกา บรรดาสมณะและชนเลวีช�ำ ระ ตนพร้อมกันทุกคน เขาไม่มีมลทิน จึงฆ่าลูกแกะปัสกาสำ�หรับทุกคนที่กลับมาจากถิ่นเนรเทศ รวมทั้ง สำ�หรับบรรดาพี่น้องสมณะ และสำ�หรับตนเอง พระวรสาร ลก 8:19-21 เวลานัน้ พระมารดาและพระประยูรญาติของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระองค์ ได้ เพราะมีประชาชนจำ�นวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำ�ลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพี่น้องของเราคือคนเหล่านี้ที่ฟังพระวาจาของ พระเจ้าและนำ�ไปปฏิบัติ” พระเยซูเจ้าทรงรักผู้ที่ฟังพระวาจาและนำ�ไปปฏิบัติ ทรงถือว่าเขามีสถานภาพเทียบเท่า พระมารดาและพี่น้องของพระองค์เอง พระองค์จะทรงทำ�นุบำ�รุงรักษา จนบรรลุถึงวันเฉลิมฉลองในพระ อาณาจักรนิรันดร
ระลึกถึง น.วินเซนเดอปอล พระสงฆ์ ทบต 13:2,3-4ก, 6,7,10
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อสร 9:5-9 เมื่อถึงเวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น ข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นจากสภาพความทุกข์ สวมเสื้อผ้าและเสื้อคลุมที่ขาดวิ่น คุกเข่าลง ชูมือขึ้นหาองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า ของข้าพเจ้า ทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าละอายใจเหลือเกินที่จะเงยหน้าขึ้นหา พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลายมีมากจนท่วม ศีรษะ และการกระทำ�ชั่วร้ายของข้าพเจ้าทั้งหลายกองสุมขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายทำ�ความชั่วยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงวันนี้ และเพราะ ความชั่วร้าย ข้าพเจ้าทั้งหลาย บรรดากษัตริย์และบรรดาสมณะจึงตกในเงื้อมมือ ของบรรดากษัตริย์ต่างชาติ ถูกฆ่า ถูกจับเป็นเชลย ถูกปล้น ถูกสบประมาทอย่าง ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายได้ โปรดปรานชั่วระยะหนึ่ง ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าบางคนรอดชีวิตเหลืออยู่และ ประทานทีพ่ �ำ นักอย่างปลอดภัยในสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องพระองค์ เพือ่ พระเจ้าของ ข้าพเจ้าทัง้ หลายจะทรงบันดาลให้จติ ใจของข้าพเจ้าทัง้ หลายสดชืน่ ขึน้ ได้รบั ความ บรรเทาพ้นจากการเป็นทาส จริงอยู่ ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นทาส แต่พระเจ้าของ ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้ทรงละทิ้งไว้ให้เป็นทาสต่อไป แต่โปรดให้เป็นที่โปรดปราน ของบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อจะสร้างพระวิหารของพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายขึ้นใหม่ และซ่อมแซมสิ่ง ปรักหักพัง พระองค์ยังประทานที่หลบภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในแคว้นยูดาห์และ ที่กรุงเยรูซาเล็ม พระวรสาร ลก 9:1-6 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพร้อมกัน ประทาน อำ�นาจเหนือปีศาจ และพลังรักษาโรค ทรงส่งเขาไปประกาศพระอาณาจักรพระเจ้า และรักษาคนเจ็บป่วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านเดินทาง อย่านำ�สิ่งใดไป ด้วย อย่านำ�ไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือแม้แต่เสื้อสำ�รองไปด้วย เมื่อท่านเข้าไป ในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะเดินทางต่อไป ถ้าเขาไม่ต้อนรับท่าน จงออก จากเมืองนั้นและสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึง ออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวดีและรักษาโรคไปทั่วทุกแห่ง การจะเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า การจะมีอำ�นาจเหนือปีศาจ มีพลัง รักษาโรค หรือสามารถประกาศพระอาณาจักรได้นั้น จะต้องมีจิตที่บริสุทธิ์ เป็นอิสระ จากพันธะผูกพัน และปราศจากการยึดติด ทั้งไม่อาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งภายนอก และไม่ ใยดีต่อการถูกปฏิเสธ หรือไม่ได้รับการต้อนรับ
บทอ่านที่ 1 ฮกก 1:1-8 วันทีห่ นึง่ เดือนทีห่ ก ปีทสี่ องในรัชสมัยกษัตริยด์ าริอสั องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรง บัญชาให้ประกาศกฮักกัยไปบอกเศรุบบาเบลบุตรของเชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการ แคว้นยูดาห์ และบอกโยชูวาบุตรของเยโฮซาดัก มหาสมณะว่า “องค์พระผู้เป็น เจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ ประชากรนีพ้ ดู ว่า ‘ยังไม่ถงึ เวลาทีจ่ ะสร้างพระวิหารหลัง ใหม่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกฮักกัยว่า “ท่าน ทัง้ หลายคิดว่าถูกต้องแล้วหรือทีเ่ วลานีท้ า่ นอยูส่ บายในบ้านบุดว้ ยไม้สนสีดาร์ ขณะ ทีบ่ า้ นนีย้ งั เป็นกองซากปรักหักพังอยู”่ บัดนี้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลจึงตรัส ว่า “จงพิจารณาการกระทำ�ของท่านให้ดีเถิด ท่านได้หว่านมาก แต่เก็บเกี่ยวได้ น้อย ท่านกิน แต่ไม่เคยอิ่ม ท่านดื่ม แต่ยังกระหายอยู่ ท่านมีเสื้อผ้านุ่งห่ม แต่ไม่ รู้สึกอบอุ่น ผู้รับจ้างได้ค่าจ้างมาใส่ถุงที่มีรูรั่ว” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลจึงตรัสดังนี้ “จงพิจารณาการกระทำ�ของท่าน ให้ดีเถิด จงขึ้นไปบนภูเขา นำ�ไม้มาสร้างบ้านของเราขึ้นใหม่ เราจะพอใจบ้านนี้ และจะแสดงความรุ่งโรจน์ของเราที่นั่น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส พระวรสาร ลก 9:7-9 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทรงรู้สึกสับสน เพราะบางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผูต้ าย บางคนพูดว่าประกาศก เอลียาห์ได้ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่ กษัตริยเ์ ฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนัน้ เราได้ตดั ศีรษะแล้ว คนทีเ่ ราได้ยนิ เรือ่ งราวทัง้ หมด นี้เป็นใคร” กษัตริย์เฮโรดจึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์ พระเจ้าเตือนเราให้พิจารณาการกระทำ�ของตน หากเราหว่านมากแต่ เก็บผลได้น้อย หรือกินเท่าไรก็ไม่เคยอิ่ม หรือดื่มนํ้าแต่ยังกระหายอยู่ แม้มีเสื้อผ้านุ่ง ห่มแต่ไม่อบอุ่น อาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้ทำ�ให้พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ปรากฎใน ชีวิตของเรา เมื่อเราอยู่ดีกินดีมีความสุข เราได้ลืมพระเจ้าหรือไม่
น.แวนแชสเลาส์ มรณสักขี น.ลอเรนซ์ รุยส์ และเพื่อนมรณสักขี สดด 149:1-2,3-4, 5-7 และ 9ข
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
ฉลองอัครทูตสวรรค์ มีคาเอล คาเบรียล และราฟาเอล สดด 138:1-2ก, 2ข-3,4-5
บทอ่านที่ 1 วว 12:7-12 สงครามเกิดขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสู้กับมังกร มังกรพร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำ�นักในสวรรค์ อีกต่อไป มังกรใหญ่ คืองูดึกดำ�บรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัย อยูท่ วั่ แผ่นดินให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถกู โยนลงมาด้วย ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระ อาณาจักรเป็นของพระเจ้าของเราแล้ว และอำ�นาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผูก้ ล่าวหาบรรดาพีน่ อ้ งของเรา คือผูท้ กี่ ล่าวหาเขาทัง้ กลางวันกลางคืนเฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าของเราก็ถูกโยนลงไปแล้ว บรรดาพี่น้องของเราชนะผู้กล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและอาศัยคำ�พยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวิต แม้เมื่อเผชิญความตาย ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จง ชืน่ ชมเถิด วิบตั จิ งเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเล ด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว พระวรสาร ยน 1:47-51 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขา ว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ ทรงรูจ้ กั ข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนทีฟ่ ลี ปิ จะเรียกท่าน เรา เห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระ บุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริยข์ องชนชาติอสิ ราเอล” พระเยซูเจ้าตรัส ว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็น เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ ท่านทัง้ หลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้า ขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” ภาษาฮีบรู มีคาเอลแปลว่า “ใครเล่าจะเทียบเท่าพระเจ้า” ราฟาเอล แปลว่า “พระเจ้าเป็นผู้ทรงรักษา” และคาเบรียลหมายถึง “พละกำ�ลังของพระเจ้า” อัครทูตสวรรค์ทั้งสามองค์รับใช้พระเจ้าและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ หน้าที่ของทูตสวรรค์คือการรับใช้ เราสามารถดำ�เนินชีวิตตามแบบฉบับของท่าน โดย การรับใช้พระองค์และเพื่อนพี่น้อง ตามที่พระองค์ทรงมีความปรารถนาให้เราทำ�
บทอ่านที่ 1 ศคย 2:5-9,14-15ก ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายคนหนึ่งถือเชือกรังวัด ข้าพเจ้าจึงถามว่า “ท่าน จะไปไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปรังวัดกรุงเยรูซาเล็มดูว่ากว้างเท่าใด ยาว เท่าใด” ทูตสวรรค์ทเี่ คยพูดกับข้าพเจ้าออกไป ทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ก็ออกมาพบ เขา และบอกว่า “จงวิ่งไปบอกชายหนุ่มคนนั้นว่า ‘กรุงเยรูซาเล็มจะไม่มีกำ�แพง เพราะจะต้องรับผู้คนและสัตว์เลี้ยงจำ�นวนมากให้เข้ามาอาศัยอยู่ เราเองจะเป็น กำ�แพงเพลิงล้อมกรุงนี้ไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะเป็นสิริรุ่งโรจน์ในเมืองนี้’ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงเปล่งเสียงยินดีและจงเปรมปรีดเิ์ ถิด เพราะบัดนีเ้ รากำ�ลัง มาและจะอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส วันนั้น ชนหลายชาติจะ มารวมอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระวรสาร ลก 9:43ข-45 เวลานั้น ขณะที่ทุกคนกำ�ลังพิศวงในทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ�อยู่นั้น พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “ท่านทัง้ หลายจงฟังถ้อยคำ�เหล่านีไ้ ว้ให้ดเี ถิด บุตร แห่งมนุษย์กำ�ลังจะถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระ วาจานี้ซึ่งเป็นถ้อยคำ�ที่ถูกปิดบังไว้มิให้เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้า ทูลถามเรื่องนี้ บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจา สาเหตุเพราะเป็นถ้อยคำ�ที่ถูกปิดบังไว้ หรืออีกประการหนึ่ง ความคิดของพวกเขากับความคิดของพระเยซูเจ้าไม่เหมือนกัน พวกเขาคิดถึงความสำ�เร็จ ความรุ่งโรจน์ แต่พระเยซูเจ้าทรงคิดถึงการทรมาน และ การสิ้นพระชนม์ที่จะมาถึงในระยะเวลาไม่นานต่อจากนั้น แม้บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจ แต่ ไม่มีใครกล้าถาม พวกเขาจึงอยู่ในความแคลงใจในพระองค์ตลอดเวลา หากเรามีข้อ สงสัยเกี่ยวกับข้อความเชื่อบางประการ อย่าปล่อยตนให้ตกอยู่ในความสงสัยนั้น แต่ จงกล้าถามผู้มีความรู้ให้ช่วยอธิบาย เพื่อเราจะได้เจริญชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้น
ระลึกถึง น.เยโรม พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร ยรม 31:10, 11-12กข,13
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1