09 september 2018

Page 1


บทอ่านที่ 1 1 คร 1:26-31 พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ฉลาด ตามมาตรฐานของมนุษย์... แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อ ทำ�ให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำ�ให้ผู้ แข็งแรงต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิง่ ตาํ่ ช้าน่าดูหมิน่ ไร้คณ ุ ค่าในสายตาของ ชาวโลกเพือ่ ทำ�ลายสิง่ ทีโ่ ลกเห็นว่าสำ�คัญ ทัง้ นี้ เพือ่ มิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ พระเจ้าได้... เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้ผู้นั้น โอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”

สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา สดด 33:11-13, 18-19,20-22 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร มธ 25:14-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์ยังจะเปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำ�ลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป คนที่รับห้าตะลันต์รีบนำ�เงินนั้นไปลงทุน ได้กำ�ไรมาอีกห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็ได้กำ�ไรมาอีก สองตะลันต์เช่นเดียวกัน แต่คนที่รับหนึ่งตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากนั้นอีกนาน นายของผู้รับใช้พวกนี้ก็กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนที่รับห้าตะลันต์เข้า มา นำ�กำ�ไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้าตะลันต์ที่ ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการ ในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ ข้าพเจ้าสองตะลันต์ นี่คือเงินอีกสองตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับหนึ่งตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกี่ยวในที่ที่ท่าน ไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำ�เงินของท่านไปฝังดินซ่อนไว้ นี่คือ เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผู้รับใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ที่ข้ามิได้หว่าน เก็บรวบรวม ในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำ�เงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ถอนเงินของข้าพร้อมกับ ดอกเบี้ย จงนำ�เงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น และเขาจะ มีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย ส่วนผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำ�ไปทิ้งในที่ มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง’” มนุษย์ทกุ คนได้รบั พระพรเพราะพระเมตตาของพระเป็นเจ้า และพวกเราก็ได้รบั เชิญจากพระองค์ สุดแล้วแต่สภาพของเราแต่ละคนให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์และความรอด แต่มนุษย์จำ�นวนไม่น้อยไม่สนใจ ตระหนักถึงเรื่องนี้ ทำ�ตัวดั่งผู้รับใช้ที่ได้รับหนึ่งตะลันต์ในเรื่องอุปมาในพระวรสารวันนี้ พระพรของพระเป็นเจ้า จึงไม่เกิดผล พระพรจะเกิดผลก็ตอ่ เมือ่ เราทำ�ตามพระประสงค์ของพระองค์ มากกว่าทำ�ตามความความปรารถนา ของเรา ลองถามพระองค์ดูซิว่า พระองค์ต้องการอะไรจากเรา เพื่อเราจะได้ทำ�ตามพระประสงค์นั้น จงกล้าที่จะ ถาม แล้วพระองค์จะกล่าวว่า “ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์”


สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ ฉธบ 4:1-2,6-8 โมเสสกล่าวกับประชาชนว่า “บัดนี้ ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังข้อกำ�หนดและ กฎเกณฑ์ที่ข้าพเจ้าสอนท่านทั้งหลายให้ปฏิบัติ แล้วท่านจะมีชีวิต และเข้ายึดครอง แผ่นดินซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงมอบให้ท่าน ท่านจะ ต้องไม่เพิ่มเติมสิ่งใดลงไปในข้อความที่ข้าพเจ้าสั่ง และต้องไม่ตัดตอนใดออกไป แต่ ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านตามที่ข้าพเจ้าสั่งท่าน ไว้ ท่านจะต้องปฏิบตั ติ ามอย่างซือ่ สัตย์ เพือ่ ชนชาติอนื่ ๆ จะได้เห็นว่าท่านมีความเข้าใจ และปรีชาญาณ เมื่อเขาได้ยินคำ�พูดถึงข้อกำ�หนดเหล่านี้ เขาจะพูดว่า “ชนชาติยิ่งใหญ่ นี้เท่านั้นเป็นประชากรที่มีความเข้าใจและปรีชาญาณ” เพราะไม่มีชนชาติใดแม้ยิ่งใหญ่ เพียงใดก็ตามจะมีพระเจ้าอยูใ่ กล้ชดิ ดังทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของเราสถิตใกล้ชดิ เรา ทุกครั้งที่เราร้องทูลพระองค์ ไม่มีชนชาติยิ่งใหญ่ชาติใดมีข้อกำ�หนดและกฎเกณฑ์ เที่ยงธรรมเท่ากับธรรมบัญญัตินี้ที่ข้าพเจ้ากำ�ลังสอนท่านอยู่ในวันนี้” เพลงสดุดี สดด 15:1-5 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดจะอาศัยในกระโจมของพระองค์ได้ ผู้ใดจะพ�ำนักบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้นั้นคือผู้ที่ด�ำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ ปฏิบัติความชอบธรรม พูดความจริงจากใจของตน ผู้ที่บังคับลิ้นของตนไว้ ไม่ใส่ความ ไม่ท�ำร้ายผู้อื่น ไม่ใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ข) ผู้ที่เหยียดหยามคนเลวทราม แต่ให้เกียรติผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า ยืนยันค�ำสาบานแม้จะต้องเสียหาย ค) ผู้ที่ให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย ไม่รับสินบนปรักปร�ำผู้บริสุทธิ์ ผู้ใดประพฤติเช่นนี้จะไม่หวั่นไหวตลอดไป บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบ ยก 1:17-18,21ข-22,27 พี่น้องที่รักยิ่ง ของประทานทุกอย่างที่ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากเบื้องบน ลงมา จากพระบิดาผูท้ รงสร้างความสว่าง พระองค์ไม่ทรงเปลีย่ นแปลง ไม่ทรงมีแม้แต่เงาแห่ง ความแปรปรวนใดๆ พระองค์พอพระทัยให้เราบังเกิดโดยพระวาจาแห่งความจริง เพื่อ ให้เราเป็นดุจผลแรกในสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง


จงน้อมรับพระวาจาที่ทรงปลูกฝังไว้ในท่าน พระวาจานั้นช่วยวิญญาณท่านให้รอดพ้นได้ จงปฏิบตั ติ ามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟงั ซึง่ เท่ากับหลอกตนเอง การปฏิบตั ศิ าสนกิจบริสทุ ธิแ์ ละไร้มลทิน เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดา คือการเยีย่ มเด็กกำ�พร้าและหญิงม่ายทีม่ คี วามทุกข์รอ้ น และการรักษาตน ให้พ้นจากมลทินของโลก

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 7:1-8ก,14-15,21-23 เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนจากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้าพร้อมกัน เขาสังเกตว่า ศิษย์บางคนของพระองค์กนิ อาหารด้วยมือทีไ่ ม่สะอาด คือไม่ได้ลา้ งมือก่อน เพราะชาวฟาริสแี ละชาวยิวโดย ทัว่ ไปย่อมถือขนบธรรมเนียมของบรรพบุรษุ เขาไม่กนิ อาหารโดยมิได้ลา้ งมือตามพิธกี อ่ น เมือ่ กลับจากตลาด เขาจะไม่กินอาหารเว้นแต่จะได้ทำ�พิธีชำ�ระตัวก่อน เขายังถือขนบธรรมเนียมอื่นๆ อีกมาก เช่น การล้างถ้วย จานชามและภาชนะทองเหลือง ชาวฟาริสแี ละธรรมาจารย์จงึ ทูลถามพระองค์วา่ “ทำ�ไมศิษย์ของท่านไม่ปฏิบตั ิ ตามขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และทำ�ไมเขาจึงกินอาหารด้วยมือที่ไม่สะอาด” พระองค์ตรัสตอบว่า “ประกาศกอิสยาห์ได้พูดอย่างถูกต้องถึงท่าน คนหน้าซื่อใจคด ดังที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ประชาชนเหล่านี้ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์เหมือนกับเป็นสัจธรรม ท่านทั้งหลายละเลยบทบัญญัติของพระเจ้ากลับไปถือขนบธรรมเนียมของมนุษย์” พระองค์ทรงเรียกประชาชนเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ตรัสว่า “ทุกคนจงฟังและเข้าใจเถิด ไม่มีสิ่งใดเลยจาก ภายนอกของมนุษย์ท�ำ ให้เขามีมลทินได้ แต่สงิ่ ทีอ่ อกมาจากภายในของมนุษย์นนั้ แหละทำ�ให้เขามีมลทิน จาก ภายในคือจากใจมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย การประพฤติผิดทางเพศ การลักขโมย การฆ่าคน การมีชู้ ความโลภ การทำ�ร้าย การฉ้อโกง การสำ�ส่อน ความอิจฉา การใส่ร้าย ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดนี้ออกมาจากภายใน และทำ�ให้มนุษย์มีมลทิน” พระเยซูเจ้าทรงประณามพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ เพราะพวกเขายึดมั่นในกฎเกณฑ์เป็น หลัก ตัดสินคนอื่นตามสิ่งที่ตาของพวกเขามองเห็นซึ่งเป็นแต่เพียงเปลือกนอก จึงกลายเป็นคนไร้ความรัก ความ เมตตา ไม่จริงใจ กลายเป็นคน “หน้าซือ่ ใจคด” พระองค์อธิบายให้พวกเขาฟังว่าสิง่ ทีท่ �ำ ให้มนุษย์มมี ลทินนัน้ คือ สิ่งที่ออกจากใจของพวกเขาเอง เพราะใจของมนุษย์นั้นเป็นที่มาของความคิดชั่วร้าย เช่นประพฤติผิดทางเพศ ลักขโมย ฆ่าคน โลภ เป็นต้น เหตุนี้ นักบุญเปาโลจึงเตือนว่าเพื่อเป็นศิษย์พระคริสต์ “ท่านทั้งหลายจงปราบ โลกียวิสัยในตัวท่าน” “สวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่” คือ เห็นอกเห็นใจกัน มีความถ่อมตน ความอ่อนโยน ผ่อนหนัก ผ่อนเบา และอภัยกันและกัน (คส 3:5-13)


บทอ่านที่ 1 1 คร 2:1-5 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมลํ้าลึกเรื่อง พระเจ้าโดยใช้ส�ำ นวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรือ่ ง ข้าพเจ้าตัดสิน ใจว่าจะไม่สอนเรือ่ งใดแก่ทา่ นนอกจากเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผทู้ รงถูกตรึง กางเขน ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก วาจา และคำ�เทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำ�พูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำ�แสดงพระ อานุภาพของพระจิตเจ้า เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า

ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา

ลก 4:16-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรง สดด 119:97-100, เจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรง 101-103 อ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศกอิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดี แก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อย ผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลา ธรรมต่างจ้องมองพระองค์... เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำ�พังเพยนี้ แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจง ทำ�ที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความ อดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไป หาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคน โรคเรือ้ นหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มใี ครได้รบั การรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านัน้ ’” เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง... มนุษย์เรามักมองคนอื่นแต่เปลือกนอก จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเมืองนาซาเร็ธซึ่งเป็นสถานที่ที่ พระเยซูเจ้าเติบโตนั้น ไม่ยอมต้อนรับพระองค์ เพราะเขาเห็นพระองค์เป็นแค่ “ลูกของโยเซฟ” ช่างไม้ที่พวกเขา รู้จักในหมู่บ้าน เมื่อรู้จักดี ผลที่ตามมาคือ “ไม่ยอมรับ” หรือเป็นได้ว่าเกิดจากความ “อิจฉา” พวกเขาทนเห็น คนบ้านเดียวกันดีกว่า เด่นกว่า และดังกว่าไม่ได้ เมือ่ พวกเขามีอคติและไม่ยอมรับคนบ้านเดียวกันเช่นนี้ พระองค์ จึงปฏิเสธที่จะทำ�อัศจรรย์รักษาพวกเขา วันนั้น หากชาวเมืองนาซาเร็ธไม่อิจฉาหรือมีอคติต่อพระเยซูเจ้า และ ไม่ถอื ตัวว่าดีกว่าคนอืน่ พวกเขาคงได้รบั “ข่าวดี” จากพระเยซูเจ้า และรูว้ า่ พระผูไ้ ถ่ทพี่ วกเขารอคอยนัน้ ได้เสด็จ มาแล้ว


บทอ่านที่ 1 1 คร 2:10ข-16 พี่น้อง เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกลํ้าของพระเจ้า ใครเล่า ล่วงรู้ความคิดของมนุษย์ ถ้ามิใช่จิตของมนุษย์ที่อยู่ในตัวมนุษย์คนนั้น เช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดของพระเจ้านอกจากพระจิตของพระเจ้า เรามิได้รับจิตของ โลก แต่รับพระจิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อให้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา เรา พูดถึงสิง่ เหล่านี้ มิใช่ดว้ ยวาจาซึง่ ปรีชาญาณของมนุษย์สอนให้ แต่พดู ด้วยถ้อยคำ�ทีพ่ ระ จิตเจ้าทรงสอน เราจึงอธิบายเรื่องฝ่ายจิตโดยใช้ถ้อยคำ�ของพระจิตเจ้า มนุษย์ที่ดำ�เนิน ชีวิตตามธรรมชาติ รับสิ่งที่เป็นของพระจิตของพระเจ้าไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องโง่เขลา สำ�หรับเขา เขาไม่อาจเข้าใจได้ เพราะต้องใช้จิตพิจารณา อาศัยพระจิตเจ้าเท่านั้น ส่วน ผูท้ ดี่ �ำ เนินชีวติ อาศัยพระจิตเจ้าย่อมตัดสินทุกสิง่ และไม่มใี ครตัดสินเขาได้ ใครเล่าหยัง่ รู้ความคิดขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ค�ำ แนะนำ�แก่พระองค์ได้ เรานั่นเองที่มีความ คิดของพระคริสตเจ้า พระวรสาร ลก 4:31-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำ�สั่งสอนของพระองค์ทำ�ให้ผู้ฟังประทับใจอย่าง มาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำ�นาจ ในศาลาธรรม ชายคนหนึง่ ถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมา ยุง่ กับพวกเราทำ�ไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายพวกเราใช่ไหม ฉันรูว้ า่ ท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ ทำ�ร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมี อำ�นาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่อง ลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า พระวาจาของพระองค์จงึ ทรงไว้ ซึ่งอำ�นาจ แม้แต่ “ปีศาจร้าย” ก็เกรงกลัวพระองค์ นักบุญเยโรมกล่าวว่า “ปีศาจ ปรารถนาจะเก็บวิญญาณไว้เป็นนักโทษ แต่องค์พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะปลด ปล่อยให้เป็นอิสระ ปีศาจเร่งเร้าให้เราทำ�ความชั่ว แต่องค์พระผู้ไถ่เชิญเราให้ทำ�แต่สิ่ง ที่ดี” เมื่อรับศีลล้างบาป เราได้สัญญาว่าจะละทิ้งปีศาจ ความยั่วยวนและกิจการชั่วร้าย ทั้งสิ้นของมัน พร้อมนั้นเราได้ยืนยันความเชื่อในพระเป็นเจ้าพระบิดา และในพระเยซู เจ้าพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา หากเรายึดมัน่ และซือ่ สัตย์ในคำ�สัญญานัน้ แล้วปีศาจ จะไม่มีวันมีอำ�นาจเหนือเรา

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 145:8-10,11-12, 13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 33:11-12,13-15, 20-22 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 1 คร 3:1-9 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำ�เนินชีวิตอาศัย พระจิตเจ้าได้ แต่พูดเหมือนพูดกับคนที่ดำ�เนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับทารก ในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าใช้นํ้านมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้นท่านยังรับ ไม่ได้ และแม้เวลานี้ ท่านก็ยังรับไม่ได้ เพราะท่านยังเป็นผู้ดำ�รงชีวิตตามธรรมชาติ ใน เมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำ�รงชีวิตตามธรรมชาติ และ ดำ�เนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของ เปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ ทั่วๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ อปอลโลเป็นใคร เปาโลเป็นใคร ทั้งสองคนเป็นผู้รับใช้ที่นำ�ความเชื่อมาให้ท่าน ต่างก็ทำ�ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำ�หนดให้ทำ�เท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลูก อปอลโล เป็นผู้รดนํ้า แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้งผู้ปลูกและผู้ รดนาํ้ ก็ไม่ส�ำ คัญ แต่ผมู้ คี วามสำ�คัญแท้จริงคือพระเจ้าผูท้ รงบันดาลให้เติบโตขึน้ ผูป้ ลูก และผูร้ ดนํา้ มีความสำ�คัญเท่ากัน แต่ละคนจะได้รบั ค่าจ้างของตนตามส่วนของงานทีท่ �ำ เพราะเราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า เป็นอาคารของ พระเจ้า

พระวรสาร ลก 4:38-44 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยาซีโมนกำ�ลังป่วยเป็น ไข้หนัก คนทีอ่ ยูท่ นี่ นั่ อ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์จงึ ทรงก้มลงเหนือนางและทรงสัง่ ไข้ให้ออก ไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำ�ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรง ปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจากโรค ปีศาจออกจากคนจำ�นวนมาก พลางร้อง ตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสัง่ ไม่ให้ปศี าจพูด เพราะมันรูว้ า่ พระองค์เป็นพระ คริสตเจ้า เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วงเหนี่ยว พระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้า ให้แก่เมืองอืน่ ด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพือ่ การนี”้ พระองค์จงึ ทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย นักบุญลูกาบอกเราว่า หลังจากพระเยซูเจ้าได้ทำ�อัศจรรย์รักษาคนเจ็บป่วยจำ�นวนมาก หนึ่งใน จำ�นวนนั้นก็คือแม่ยายของซีโมน พระองค์ได้หลบฝูงชนออกไปในที่สงบเงียบ เมื่อฝูงชนไม่เห็นพระองค์ พวกเขา ก็ออกเสาะหาพระองค์ เมื่อพบแล้วพวกเขาก็พยายามหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไม่ให้ไปจากพวกเขา แต่พระองค์ได้ บอกพวกเขาถึงความจำ�เป็นทีพ่ ระองค์ตอ้ งออกไปประกาศข่าวดีในหมูบ่ า้ น ในเมืองอืน่ ๆ ด้วย นีแ่ สดงให้เราเห็น ว่า พระวาจาของพระองค์นนั้ มีความสำ�คัญสุดๆ เป็นสิง่ จำ�เป็นทีเ่ ราต้องยึดมัน่ เราไม่ควรก้าวไปไหนโดยปราศจาก แสงสว่างแห่งพระวาจาของพระคริสตเจ้า และพระวาจาของพระองค์จะต้องถูกส่งต่อๆ ไปสู่คนอื่น


บทอ่านที่ 1 1 คร 3:18-23 พีน่ อ้ ง จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จง ยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ใน โลกนี้ เป็ นความโง่ เขลาเฉพาะพระพั ก ตร์ พ ระเจ้ า ดั ง ที่ มี เขี ย นไว้ ในพระคั ม ภี ร์ ว่ า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อกี ว่า “พระเจ้าทรง ทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มา อวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของท่าน แต่ท่านเป็นของ พระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 24:1-3,4-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ลก 5:1-11 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์ เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำ�จอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำ�ลังซักอวน อยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำ�หนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มี พระดำ�รัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำ�ดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำ�นวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่ง สัญญาณเรียกเพือ่ นในเรืออีกลำ�หนึง่ ให้มาช่วย พวกนัน้ ก็มาและนำ�ปลาใส่เรือเต็มทัง้ สองลำ� จนเรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้ มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำ� เรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป

พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผูท้ รงใกล้ชดิ กับเรา พระองค์ทรงเดินร่วมทางกับสานุศษิ ย์และผูต้ ดิ ตาม พระองค์ เพื่อให้พันธกิจแห่งความรอดพ้นของพระบิดาสำ�เร็จสมบูรณ์ พระองค์ทรงเลือกคนกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายทอดคำ�สั่งสอนของพระองค์ ผู้ที่ถูกเรียกมาช่วยพระองค์นั้นต้องมีความกล้าหาญ ผู้ที่มีความกล้าหาญ และผูท้ เี่ ชือ่ มัน่ ในพระองค์เท่านัน้ จึงจะกล้าทำ�ในสิง่ ทีไ่ ม่เคยทำ� “ออกสูท่ ะเลลึก” พืน้ ทีท่ เี่ ต็มไปด้วยอันตราย พระ สันตะปาปาฟรังซิสทรงกระตุน้ คริสตชนให้กล้าออกจากพืน้ ทีข่ องตน เพือ่ ก้าวออกไปประกาศพระวรสาร พระองค์ กล่าวว่า “คริสตชนทุกคนมีหน้าทีใ่ นการถ่ายทอดความเชือ่ ด้วยความกล้าหาญ คริสตชนทีไ่ ม่รอ้ นรนและยังกล้าๆ กลัวๆ ในการประกาศพระวรสาร ไม่ใช่เรื่องดีต่อพระศาสนจักรเลย”


สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 37:3-4,5-6, 27-28,39-40 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 1 คร 4:1-5 พีน่ อ้ ง คนทัง้ หลายจงยึดถือว่าเราเป็นผูร้ บั ใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผูจ้ ดั การดูแล ธรรมลํ้าลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ ส่วนข้าพเจ้าการที่ท่านหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านั้น เป็นเรื่องไม่สำ�คัญ แม้ ข้าพเจ้าก็ยังไม่ตัดสินตนเอง จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตำ�หนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นี่ไม่ หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จง อย่าตัดสินเรื่องใดๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสงให้ความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดแจ่มแจ้ง และจะทรงเปิดเผย ความในใจของทุกคนให้ปรากฏ เมือ่ นัน้ ทุกคนจะได้รบั คำ�ชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร พระวรสาร ลก 5:33-39 เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐาน ภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำ�เช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผรู้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจำ�ศีลอดอาหารได้หรือขณะที่ เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำ�ศีล อดอาหาร” พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำ�ให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่ม เหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า ‘เหล้าเก่านั้นดีกว่า’” ชาวยิวมีกฎมีระเบียบที่ต้องถือเยอะมาก เช่น กฎเรื่องความเป็นมลทิน การ จำ�ศีล การภาวนา สิง่ ทีก่ นิ ได้ กินไม่ได้ บ่อยครัง้ ชาวยิวไม่กล้าจะทำ�อะไรแม้แต่จะทำ�ความ ดีเพราะกลัวผิดธรรมเนียม คำ�เปรียบเทียบในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้ากำ�ลังบอกกับ ประชาชนที่ห้อมล้อมพระองค์และพวกเราว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องเปิดใจรับสิ่ง ใหม่ กรอบใหม่ กฎใหม่ ซึ่งนำ�มาเป็นข่าวดีสำ�หรับพวกเขาด้วยพระองค์เอง ผู้เป็นพระเจ้า ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ นั่นก็คือคำ�สั่งสอนของพระองค์เป็นเสมือนผ้าใหม่ และเหล้าองุ่น ใหม่ เป็นความยินดีใหม่ ทีจ่ ะดำ�เนินชีวติ พระองค์บอกว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และ ชีวิต”


บทอ่านที่ 1 รม 8:28-30 พี่น้อง เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผูท้ ที่ รงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผูท้ พี่ ระองค์ทรงทราบล่วงหน้านัน้ พระองค์ทรงกำ�หนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตร จะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพีน่ อ้ งจำ�นวนมาก ผูท้ ที่ รงกำ�หนดไว้แล้วนัน้ พระองค์ทรง เรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบ ธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย พระวรสาร มธ 1:18-23 เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์พระมารดาของ พระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนาง ตัง้ ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้อง หย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่อง นี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟโอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนาง มาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะ ช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำ�รัสขององค์ พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนกล่าวว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้แล้วว่า การ ไถ่บาปมนุษย์จะต้องสำ�เร็จลงโดยผ่านทางพระนางมารีย์ ร่วมกับพระนางมารีย์ และใน พระนางมารีย์” ดังพระวรสารวันนี้กล่าวว่า “เด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางมาจากพระ จิตเจ้า” “เขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” พระนางคือผู้ที่พระเป็นเจ้า ทรงเลือกเฟ้นจากหญิงทัง้ มวลเกิดมาเพือ่ ร่วมแผนการไถ่กมู้ นุษยชาติ พระนางจึงเป็นหญิง ทีด่ ที สี่ ดุ สำ�หรับพระผูไ้ ถ่ เราภาวนาทุกวันว่า “มารียเ์ ปีย่ มด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิต กับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญยิ่งนัก” พระนาง มารียเ์ กิดมาเพือ่ เป็นเอวาคนใหม่ เอวาคนเก่านำ�บาปมาสูโ่ ลก เอวาคนใหม่น�ำ ความรอดพ้น

ฉลองแม่พระ บังเกิด สดด 13:5


สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 35:4-7ก จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่าน ทัง้ หลายจะเสด็จมาเพือ่ ช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดด ได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะนํ้าจะพุ่งขึ้นมาในถิ่น ทุรกันดาร และลำ�ธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระนํ้า และดิน ที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุนํ้า เพลงสดุดี สดด 146:7,8-9ก,9ข-10 ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่ ประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยบรรดาผู้ถูกจองจ�ำให้เป็นอิสระ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสายตาแก่คนตาบอด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์คนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ ค) ทรงค�้ำจุนเด็กก�ำพร้าและหญิงม่าย แต่ทรงขัดขวางหนทางของคนชั่วร้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์ตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบ ยก 2:1-5 พี่น้องทั้งหลาย อย่าให้ความเชื่อของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คือ พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ มีความลำ�เอียงปนอยู่ด้วย สมมติว่า ใครคนหนึ่ง สวมแหวนทองคำ�และเสือ้ ผ้าหรูหราเข้ามาในทีป่ ระชุมของท่าน และขณะเดียวกันมีคน ยากจนอีกคนหนึง่ แต่งตัวมอซอเข้ามา ท่านเข้าไปต้อนรับคนแต่งตัวหรูหราและบอกเขา ว่า “เชิญนั่งตามสบายที่นี่เถิด” ส่วนคนยากจนนั้นท่านบอกเขาว่า “จงยืนที่นั่น” หรือ “จงนัง่ ข้างๆ ทีว่ างเท้าของฉันซิ” ท่านก็เป็นผูเ้ ลือกชัน้ วรรณะ และตัดสินโดยมาตรการ เลวร้ายมิใช่หรือ พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้ เขามั่งมีในความเชื่อ และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้สำ�หรับผู้ ที่รักพระองค์มิใช่หรือ


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 7:31-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเขตเมืองไทระผ่าน เมืองไซดอน ไปยังทะเลสาบกาลิลีกลางดินแดนทศบุรี มี ผู้นำ�คนใบ้หูหนวกคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ ทูลขอร้องให้ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์ พระองค์ทรงแยกคนใบ้หหู นวกคน นั้นไปจากกลุ่มชน ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์ยอนหูของเขา ทรงใช้ พระเขฬะแตะลิ้นของเขา ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นเบื้องบน ถอนพระทัย แล้วตรัสว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงเปิดเถิด” ทันใดนั้นหูของเขากลับได้ยิน สิ่งที่ขัดลิ้นอยู่ก็หลุด เขาพูด ได้ชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงห้ามประชาชนเหล่านั้นมิให้พูด เรื่องนี้กับผู้ใด แต่ยิ่งห้าม ก็ยิ่งเล่าลือกันมากขึ้น ต่างก็ ประหลาดใจมาก กล่าวว่า “คนคนนี้ทำ�สิ่งใดดีทั้งนั้น เขา ทำ�ให้คนหูหนวกกลับได้ยิน และคนใบ้กลับพูดได้” อัศจรรย์เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงใช้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอำ�นาจของ พระองค์เหนือธรรมชาติ ในพระคัมภีรภ์ าคพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าได้รบั ความเชือ่ ถืออย่างมากในฐานะเป็น ผู้ทำ�อัศจรรย์ได้ เช่น การทำ�ให้คนใบ้หูหนวกกลับได้ยิน ดังเรื่องราวในพระวรสารที่อ่านในพิธีมิสซาวันนี้ หนังสือ คำ�สอนของพระศาสนจักรสอนว่า “หมายสำ�คัญซึ่งกระทำ�โดยพระเยซูเจ้า เป็นการแสดงให้ประจักษ์ว่า พระ บิดาเป็นผู้ส่งพระองค์มา...สำ�หรับผู้ที่มาพึ่งพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์ก็จะประทานให้ตามที่ขอ...อัศจรรย์ เป็นประจักษ์พยานแสดงว่าพระองค์คือพระบุตรพระเจ้า”


สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 5:3-4,5-6,11

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 1 คร 5:1-8 พีน่ อ้ ง ข่าวรํา่ ลือกันมากว่า มีการผิดประเวณีเกิดขึน้ ในหมูท่ า่ น เป็นการผิดประเวณี ชนิดที่ไม่เคยพบเห็นแม้ในหมู่คนต่างศาสนา กล่าวคือมีคนหนึ่งได้แม่เลี้ยงของตนมา เป็นภรรยา และท่านยังภูมิใจ แทนที่จะเป็นทุกข์เศร้าโศก จงขับไล่คนที่ทำ�ผิดเช่นนี้ไป เสีย ส่วนข้าพเจ้านั้น แม้ว่ากายจะอยู่ห่าง แต่ใจนั้นอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าก็ตัดสินลงโทษ ผูท้ ที่ �ำ ผิดนัน้ แล้วประหนึง่ ว่าข้าพเจ้าอยูด่ ว้ ย เมือ่ ท่านทัง้ หลายร่วมชุมนุมกันในพระนาม พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็อยู่ร่วมด้วย พร้อมกับพระอานุภาพของ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงมอบคนประเภทนี้ให้ซาตาน ให้เขามีชีวิตที่ต้อง ทนทุกข์ทรมาน เพื่อจิตของเขาจะรอดพ้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า การโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่า เชื้อแป้งเพียงเล็กน้อย ก็ทำ�ให้แป้งดิบทั้ง ก้อนฟูขึ้นได้ จงชำ�ระเชื้อแป้งเก่าเสีย เพื่อท่านจะเป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังที่ท่านก็เป็น แป้งไร้เชื้ออยู่แล้ว เพราะพระคริสตเจ้าองค์ปัสกาของเราถูกฆ่าบูชาแล้ว เราจงฉลอง กันเถิด มิใช่ดว้ ยเชือ้ แป้งเก่าคือความชัว่ ร้ายเลวทราม แต่ดว้ ยแป้งไร้เชือ้ คือความจริงใจ และสัจจะ พระวรสาร ลก 6:6-11 วันสับบาโตอีกวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสัง่ สอนทีน่ นั่ มีชายคนหนึง่ มือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสคี อยจ้องดูวา่ พระองค์จะทรง รักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพือ่ จะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรง ทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ ลุกขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควร ทำ�ความดี หรือทำ�ความชัว่ ควรช่วยชีวติ หรือทำ�ลายชีวติ ” แล้วพระองค์ทอดพระเนตร เขาทุกคนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ท�ำ ตามและมือของเขา ก็หายเป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสรี สู้ กึ โกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะ ทำ�อย่างไรกับพระเยซูเจ้า พวกฟาริสีพยายามจับผิดพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ พวกเขาพยายามหาวิธีทาง ทำ�ให้พระองค์อบั อายขายหน้า ให้ประชาชนไม่สนใจและเลิกติดตามพระองค์ พระองค์ไม่ สนใจความดือ้ รัน้ ของพวกฟาริสี พระองค์ทา้ ทายจิตใจทีแ่ ข็งกระด้างของพวกเขา โดยรักษา ชายมือลีบในวันสับบาโต พระองค์แสดงให้พวกฟาริสีเห็นว่า พระองค์พร้อมที่จะยกคน ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น เพราะผู้ตํ่าต้อยในสายตาของมนุษย์ มีความสำ�คัญสำ�หรับพระเจ้า ศิษย์ พระคริสต์สามารถปลดแอกของคนอื่นได้ “เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้ เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับเรา เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เรา เจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม” (มธ 25:35-36)


บทอ่านที่ 1 1 คร 6:1-11 พีน่ อ้ ง คนใดบ้างเมือ่ มีขอ้ พิพาทกับอีกคนหนึง่ นำ�คดีไปว่าความกันต่อหน้าคนต่าง ศาสนา แทนทีจ่ ะให้ผศู้ กั ดิส์ ทิ ธิเ์ ป็นผูต้ ดั สิน ท่านไม่รหู้ รือว่า บรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิจ์ ะตัดสิน โลก ถ้าท่านจะเป็นผู้ตัดสินโลกแล้ว ท่านไม่เหมาะจะตัดสินเรื่องเล็กน้อยได้หรือ ท่าน ไม่รหู้ รือว่า พวกเราจะตัดสินแม้กระทัง่ ทูตสวรรค์ แล้วเราจะตัดสินกันเองเรือ่ งของชีวติ นี้ไม่ได้หรือ เมื่อท่านเป็นความกันเรื่องของชีวิตนี้ ท่านยอมให้ผู้ไม่มีอำ�นาจในพระ สัปดาห์ที่ 23 ศาสนจักรเป็นผู้ตัดสินหรือ เทศกาลธรรมดา ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อให้ท่านละอายใจ ในหมู่ท่านไม่มีใครสักคนที่ฉลาดพอจะ สดด 149:1-2,3-4,5,9ข ตัดสินความระหว่างพี่น้องกันเองได้หรือ แล้วทำ�ไมพี่น้องต้องเป็นความกัน ยิ่งกว่านั้น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ยังเป็นความกันต่อหน้าผู้ไม่มีความเชื่อด้วย อันที่จริง เมื่อท่านมีคดีพิพาทกัน ก็นับว่า เป็นการพ่ายแพ้อยูแ่ ล้ว ท่านยอมถูกรังแกมิดกี ว่าหรือ ท่านยอมถูกโกงมิดกี ว่าหรือ แต่ ท่านกลับไปรังแกและฉ้อโกงกันระหว่างพี่น้องด้วย ท่านไม่รู้หรือว่า คนอธรรมจะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก จงอย่าหลอกตนเอง คนผิด ประเวณี คนกราบไหว้รูปเคารพ คนเป็นชู้ คนลักเพศ คนรักร่วมเพศ คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง คนเหล่านี้จะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก บางท่านเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ท่าน ได้รับการชำ�ระล้างแล้ว ท่านได้รับความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านได้รับความชอบธรรมแล้วเดชะพระนามพระเยซู คริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และเดชะพระจิตของพระเจ้าของเรา พระวรสาร ลก 6:12-19 ครั้งนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอด ทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัคร สาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมา ยูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์ กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมือง ไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ที่ถูกปีศาจ รบกวนได้รบั การรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย กุญแจที่เปิดประตูสู่พระพรของพระเป็นเจ้าคือการสวดภาวนา นักบุญลูกาบอกเราว่าพระเยซูเจ้า ทรงอธิษฐานภาวนาตลอดทั้งคืนก่อนเลือกสาวกสิบสองคน และพระองค์ทรงสอนบรรดาศิษย์ให้ภาวนา การ ภาวนาจึงเป็นพละกำ�ลังของคริสตชนและสำ�หรับทุกคนที่มีความเชื่อ เราต้องภาวนาทุกวัน เพราะในการดำ�เนิน ชีวิตประจำ�วัน เราต้องสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เราต้องต่อสู้กับการรบกวนของปีศาจ และกิจการชั่วร้ายของมัน คำ� ภาวนาเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อที่มีต่อพระเป็นเจ้าในพระเยซูเจ้า นักบุญลูกาบันทึกไว้ในพระวรสารวันนี้ ว่า พระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย รวมถึงบรรดาผู้ที่ถูกปีศาจรบกวนด้วย


พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระนางมารีย์ พรหมจารี สดด 45:10-11, 13-14,15-16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 1 คร 7:25-31 พี่น้อง ส่วนผู้ที่ยังไม่แต่งงาน ข้าพเจ้าไม่มีพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ ข้าพเจ้าขอแนะนำ�ด้วยความคิดเห็นของข้าพเจ้าเอง ในฐานะทีไ่ ด้รบั พระกรุณาจากองค์ พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ เมื่อคำ�นึงถึงความยากลำ�บากในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า เห็นว่า แต่ละคนควรอยูใ่ นสภาพทีเ่ ป็นอยูเ่ วลานี้ ท่านมีพนั ธะกับภรรยาหรือ จงอย่าหา ทางแยกพันธะนัน้ ท่านเป็นอิสระไม่มภี รรยาหรือ ก็อย่าหาภรรยาเลย แต่ถา้ ท่านแต่งงาน ท่านก็มิได้ทำ�บาป และถ้าหญิงสาวพรหมจารีจะแต่งงาน เธอก็มิได้ทำ�บาป โดยแท้จริง แล้วผูท้ แี่ ต่งงานจะประสบความยุง่ ยากในชีวติ สมรส และข้าพเจ้าใคร่จะให้ทา่ นพ้นจาก ความยุ่งยากนั้น พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า เวลานั้นสั้นนัก ตั้งแต่นี้ไปผู้ที่มีภรรยาจง เป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีภรรยา ผู้ที่ร้องไห้จงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่ร้องไห้ ผู้ที่มีความสุขจงเป็น เสมือนผู้ที่ไม่มีความสุข ผู้ที่ซื้อจงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีสิ่งใดเป็นกรรมสิทธิ์ และผู้ที่ใช้ ของของโลกนี้จงเป็นเสมือนผู้ที่มิได้ใช้ เพราะโลกดังที่เป็นอยู่กำ�ลังจะผ่านไป

พระวรสาร ลก 6:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่าน ประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดี เถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านนัน้ ยิง่ ใหญ่นกั ในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกมาแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่รํ่ารวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบตั จิ งเกิดกับท่านเมือ่ ทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว” วันนี้พระศาสนจักรฉลอง “พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางมารีย์พรหมจารี” นักบุญโทมัส อาเคมปิส กล่าวว่า “ปีศาจกลัวพระราชินีแห่งสวรรค์อย่างที่สุด เพียงแต่ได้ยินผู้ใดออกพระนามอันทรงฤทธานุ ภาพนี้ พวกมันก็วิ่งหนีจากผู้นั้นเหมือนผู้นั้นวิ่งหนีจากไฟนรก” นักบุญโบนาเวนตูราประกาศว่า “ผู้ใดออก พระนามของพระแม่อย่างศรัทธาร้อนรน ผูน้ นั้ นำ�พระหรรษทานมาให้ตวั เอง” และนักบุญเบอร์นาร์ดแนะนำ�เรา ว่า “ในภัยอันตราย การตกทุกข์ได้ยาก ความสงสัย จงคิดถึง “มารีย์” จงเรียกหา “มารีย์” อย่าให้พระนามอัน ทรงฤทธานุภาพนี้หายไปจากริมฝีปากของท่าน และอย่าให้พระนาม “เยซู” และ “มารีย์” หายไปจากดวงใจ ของท่าน”


บทอ่านที่ 1 1 คร 8:1ข-7,11-13 พี่น้อง เรื่องเนื้อสัตว์ที่ถวายแด่รูปเคารพ เรารู้ว่า เราทุกคนมีความรู้แล้ว แต่ความ รู้ทำ�ให้ทะนงตน สิ่งที่เสริมสร้างคือความรัก ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีความรู้เรื่องใดๆ เขายัง ไม่รเู้ ท่าทีค่ วร แต่ถา้ ผูใ้ ดรักพระเจ้า พระองค์กท็ รงรูจ้ กั ผูน้ นั้ เรือ่ งการกินเนือ้ สัตว์ทถี่ วาย แด่รูปเคารพแล้ว เราก็รู้แล้วว่า รูปเคารพเป็นเพียงรูป และไม่มีพระอื่นใดนอกจาก พระเจ้าเพียงพระองค์เดียว แม้จะมีสงิ่ ทีเ่ รียกกันว่าพระเจ้าทัง้ ในสวรรค์และบนแผ่นดิน ระลึกถึง พระเจ้าและเจ้านายเช่นนี้มีอยู่เป็นจำ�นวนมาก แต่สำ�หรับเราพระเจ้ามีเพียงพระองค์ น.ยอห์น ครีโซสตม เดียวคือพระบิดา สรรพสิ่งมาจากพระองค์ เราเป็นอยู่เพื่อพระองค์ และมีองค์พระผู้ พระสังฆราช เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวคือพระเยซูคริสต์ สรรพสิง่ เป็นมาโดยทางพระองค์ เราก็เป็น และนักปราชญ์ มาโดยทางพระองค์ด้วย... สดด 139:1-3,13-14, 23-24 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 6:27-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่ก�ำ ลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อผู้ท่ีเกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่ สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบ ด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวง ของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำ�ต่อท่านอย่างไร ก็จงทำ�ต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรัก เฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำ�ดี เฉพาะต่อผู้ที่ทำ�ดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำ�เช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วย กันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำ�นวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำ�เหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยงิ่ ท่านจะเป็นบุตรของพระผูส้ งู สุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคน อกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้ อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่าน ใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย”

พระเยซูเจ้าทรงสอนเราอีกหนทางหนึ่ง จงเปลี่ยนทัศนคติที่เรามีต่อเพื่อนมนุษย์ แสดงเมตตาจิต ต่อผูอ้ นื่ ทีเ่ รียกร้องเราให้แสดงความรัก ให้อภัยความผิดทีเ่ ขากระทำ�ต่อเรา นักบุญอันโตนิโอเศคาริยาห์จงึ กล่าว ไว้อย่างน่าฟังว่า “เราควรรักและรู้สึกสงสารผู้ที่ต่อต้านเรา แทนที่จะเกลียดและดูหมิ่นเขา เพราะเขาทำ�ร้ายตัว เองและทำ�ดีให้กับเรา เขาตกแต่งเราด้วยมงกุฎแห่งความรุ่งเรืองตลอดนิรันดร ในขณะที่เขาเชิญชวนให้พระองค์ ทรงพระพิโรธกับเขา” และนักบุญบริดเจตกล่าวเสริมว่า “เราต้องแสดงความรักผู้ท่ีทำ�สิ่งชั่วร้ายกับเราและ อธิษฐานภาวนาเพื่อเขา ไม่มีสิ่งใดที่สบพระทัยพระเจ้ามากกว่านี้”


ฉลอง เทิดทูนไม้กางเขน สดด 78:1-2,34-35, 36-38

บทอ่านที่ 1 กดว 21:4-9 ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากภูเขาโฮร์มุ่งสู่ทะเลต้นกก เพื่อเลี่ยงแผ่นดิน เอโดม แต่ขณะที่อยู่ตามทาง ประชากรเริ่มหมดความอดทน จึงพากันบ่นว่าพระเจ้า และโมเสสว่า “ทำ�ไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากอียปิ ต์ให้มาตายในถิน่ ทุรกันดารนี้ ที่ นี่ไม่มีทั้งนํ้าและอาหาร พวกเราเบื่ออาหารจืดชืดนี้เต็มทีแล้ว” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งงูพษิ มากัดประชาชน ทำ�ให้ชาวอิสราเอลตายเป็นจำ�นวน มาก คนทัง้ ปวงจึงไปหาโมเสสขอร้องว่า “พวกเราทำ�บาปเพราะบ่นว่าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และบ่นว่าท่าน ขอท่านได้ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงขจัดงูพิษเหล่านี้ออกไปเถิด” โมเสสจึงวอนขอพระเจ้าเพื่อประชากร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงทำ� งูโลหะติดไว้บนเสา ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูโลหะนั้น จะรอดชีวิต” โมเสสจึงทำ� งูทองสัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสา ผู้ถูกงูกัด และมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต พระวรสาร ยน 3:13-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจาก ผูท้ ลี่ งมาจากสวรรค์ คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านัน้ โมเสสยกรูปงูขนึ้ ในถิน่ ทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ จะมีชีวิต นิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของ พระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพือ่ ตัดสินลงโทษโลก แต่เพือ่ โลกจะได้รบั ความ รอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น บทอ่านวันฉลองเทิดทูนไม้กางเขนนี้ เป็นกระจกเงาสะท้อนให้เราเห็นความ รักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ความรักนี้เห็นชัดเจนที่สุดในพระเยซูเจ้า ผู้ทรงยอมทนทุกข์ ทรมาน ตายบนไม้กางเขนและทรงกลับคืนพระชนมชีพ เพื่อผู้ที่เชื่อในพระองค์จะมีชีวิต นิรันดร นั่นก็คือ ความรอดพ้นหลั่งไหลมาจากกางเขนนี้ จงให้กางเขนกระตุ้นเรามีความ ร้อนรนประกาศพระคริสตเจ้าผูถ้ กู ตรึงกางเขน พร้อมเป็นพยานต่อพระคริสตเจ้าผูถ้ กู ตรึง กางเขนนั้นผ่านการดำ�เนินชีวิตด้วยกายและวาจา นักบุญแคธรินแห่งเซียนากล่าวว่า “กางเขนคือหนังสือที่เปิดไว้ให้ทุกคนได้อ่าน กางเขนเป็นการประกาศอันสูงสุดแห่งความ รัก” และพระสันตะปาปาฟรังซิสกล่าวว่า “เมื่อเราก้าวเดินโดยปราศจากกางเขน...เราไม่ ได้เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า แต่เราเป็นของโลก”


บทอ่านที่ 1 ฮบ 5:7-9 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ ครํ่าครวญและรํ่าไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้าทรงฟัง เพราะความเคารพยำ�เกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ยัง ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรงกระทำ�ภารกิจของ พระองค์สำ�เร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอม นอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ พระวรสาร ยน 19:25-27 เวลานั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อม กับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา เมื่อ พระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ทรี่ กั ยืนอยูใ่ กล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” ตั้งแต่เวลานั้น ศิษย์ผู้ นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน พระนางมารีย์เป็นมารดาของพระเยซูเจ้า พระเจ้าผู้เสด็จลงมาบังเกิดเป็น มนุษย์เหมือนเรา ขณะทีพ่ ระมารดาพร้อมกับศิษย์ทพี่ ระองค์ทรงรักยืนอยูด่ ว้ ยความระทม ทุกข์ใต้กางเขนที่พระองค์ถูกตรึงนั้น พระองค์ทรงมอบมารดาผู้ที่พระองค์ทรงรักยิ่งนี้เป็น มารดาของเราด้วย “นีค่ อื แม่ของท่าน” พระนางมารียท์ รงรักพระเยซูเจ้าไม่ตา่ งจากมารดา ที่รักลูกของตน ลองถามตัวเองดูซิว่า มีกี่คนที่รู้จักพระเยซูเจ้า ร่วมทางกางเขนไปยังเนิน เขากัลวารีโอกับพระองค์ วันฉลอง “แม่พระระทมทุกข์” สอนให้เราเป็นเหมือนแม่พระ ศิษย์ทที่ รงรักและสตรีใจศรัทธาคนอืน่ ๆ แม้อยูใ่ นสถานการณ์ทโี่ ศกเศร้า ก็ไม่กลัวทีจ่ ะร่วม ทางไปกับพระเยซูเจ้าจนวาระสุดท้าย

ระลึกถึง แม่พระระทมทุกข์ สดด 31:1-2,3, 4-5,14-15,19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 50:5-9ก องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าทรงเปิดหูให้ขา้ พเจ้า และข้าพเจ้าก็ไม่ตอ่ ต้าน ไม่หนั หลัง หนีไป ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้โบยตีข้าพเจ้า และหันแก้มให้แก่ผู้ที่ดึงเคราข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ซ่อนหน้าแก่ผู้สบประมาทและถ่มนํ้าลายรด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรง ช่วยข้าพเจ้า ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงไม่ตอ้ งละอาย ข้าพเจ้าทำ�หน้าของข้าพเจ้าให้ดา้ นเหมือน หิน ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะไม่อับอาย พระองค์ผู้ประทานความยุติธรรมแก่ข้าพเจ้าทรง อยู่ใกล้ข้าพเจ้า ใครจะสู้คดีกับข้าพเจ้า เราจงยืนขึ้นเผชิญหน้ากันเถิด ใครจะกล่าวหา ข้าพเจ้า ก็จงเข้ามาใกล้ข้าพเจ้าเถิด ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า ใคร จะกล่าวโทษข้าพเจ้า เพลงสดุดี สดด 116:1-3,4-7,8-9 ก) ข้าพเจ้ารักองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงข้าพเจ้าที่วอนขอพระกรุณา พระองค์ทรงเอียงพระกรรณฟังข้าพเจ้า ยามข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ บ่วงแร้วแห่งความตายรัดรอบตัวข้าพเจ้า กับดักแห่งแดนมรณะมัดข้าพเจ้าไว้แน่นหนา ความทุกข์ร้อนและความปวดร้าวบีบข้าพเจ้าไว้ ข) ข้าพเจ้าจึงเรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วยเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงเที่ยงธรรม พระเจ้าของเราทรงเมตตากรุณา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองคนซื่อ เมื่อข้าพเจ้าตกต�่ำ พระองค์ก็ทรงช่วยให้รอดพ้น จิตใจข้าพเจ้าเอ๋ย จงสงบอีกครั้งหนึ่งเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีต่อเจ้า ค) พระองค์ทรงช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากความตาย ทรงเช็ดน�้ำตาจากตาข้าพเจ้า ทรงช่วยข้าพเจ้ามิให้เท้าสะดุด ข้าพเจ้าจะได้ด�ำเนินเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าในแผ่นดินแห่งผู้เป็น บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบ ยก 2:14-18 พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ�


ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ ถ้าพี่น้องชาย หญิงคนใดขัดสนเครือ่ งนุง่ ห่ม และไม่มอี าหารประจำ�วัน แล้ว ท่านคนหนึง่ พูดกับเขาว่า “จงไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุน่ และ อิ่มเถิด” แต่มิได้ให้สิ่งที่จำ�เป็นสำ�หรับร่างกายแก่เขา จะมี ประโยชน์ใดเล่า ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการ กระทำ� ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว บางคนอาจพูดว่า “ท่านมีความเชื่อ ข้าพเจ้ามีการ กระทำ�” ถ้าเป็นเช่นนัน้ จงแสดงความเชือ่ ทีไ่ ม่มกี ารกระทำ�ให้ ข้าพเจ้าเห็นเถิด แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อให้ท่านเห็น ด้วยการกระทำ�

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 8:27-35 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในบริเวณเมืองซีซารียาแห่งฟีลิป ขณะทรงพระดำ�เนิน พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “คนทั้งหลายว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่า เป็นยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นประกาศกเอลียาห์ บ้างก็ว่าเป็นประกาศกองค์หนึ่ง” พระองค์ตรัสถามอีก ว่า “ท่านล่ะ ว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า” พระองค์ทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์ มิให้กล่าวเรื่องเกี่ยวกับพระองค์แก่ผู้ใด พระเยซูเจ้าทรงเริ่มสอนบรรดาศิษย์ว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานอย่างมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่สามวันต่อมา จะกลับ คืนชีพ” พระองค์ทรงประกาศพระวาจานี้อย่างเปิดเผย เปโตรนำ�พระองค์แยกออกไป ทูลทัดทาน แต่พระ เยซูเจ้าทรงหันไปทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ทรงตำ�หนิเปโตรว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลังเรา อย่าขัดขวาง เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกประชาชนและบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา ก็ให้เขาเลิก นึกถึงตนเอง ให้แบกไม้กางเขนของตน และติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น จะต้องสูญเสีย ชีวิตนั้น แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา และเพราะข่าวดี ก็จะรักษาชีวิตได้” บ่อยครั้งที่คุณค่าของความเป็นคนถูกกำ�หนดด้วยผลงาน ในฐานะที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นอาจารย์ ของบรรดาศิษย์ เป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และทรงเป็นยิง่ กว่าอาจารย์ของเราทัง้ หลาย พระองค์ทรงปรารถนาอย่าง ยิง่ ทีจ่ ะได้เห็นเราแต่ละคนมีความรับผิดชอบชีวติ ในทุกกรณีพร้อมกับความชืน่ ชมยินดี มีความภาคภูมใิ จในคุณค่า ของความเป็นมนุษย์บุตรของพระองค์ และมีความสมบูรณ์แบบองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็นความบริบูรณ์ของ ตนเองอยู่เสมอ


น.โรเบิร์ต แบลลาร์มีโน พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 40:6-7ก,7ข-8 9,16 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 1 คร 11:17-26 พี่น้อง ขณะที่ข้าพเจ้าให้คำ�แนะนำ�นี้ ข้าพเจ้าชมเชยท่านไม่ได้ เพราะการชุมนุม ของท่านนั้นมีผลร้ายมากกว่าผลดี ก่อนอื่น ข้าพเจ้าได้ยินว่าเมื่อท่านทั้งหลายมาร่วม ชุมนุมกันนั้น มีการแตกแยก และข้าพเจ้าก็เชื่อเรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะท่านต้องมีความ ขัดแย้งกันบ้าง เพื่อคนดีจริงจะได้ปรากฏเด่นชัดในหมู่ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านมาชุมนุม พร้อมกันนี้ มิได้เป็นการกินเลีย้ งอาหารคาํ่ ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพราะขณะทีก่ นิ แต่ละ คนก็รีบกินอาหารของตนก่อนคนอื่น บางคนยังหิวอยู่ แต่อีกคนหนึ่งเมามายไปแล้ว ท่านไม่มีบ้านของตนเองสำ�หรับกินและดื่มหรือ หรือท่านดูหมิ่นการชุมนุมของพระเจ้า ทำ�ให้คนยากจนต้องอับอาย ข้าพเจ้าจะพูดกับท่านอย่างไรดี จะชมเชยท่านหรือ ในเรือ่ ง นี้ ข้าพเจ้าไม่ชมเชยท่าน ข้าพเจ้าได้รบั สิง่ ใดมาจากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิง่ นัน้ ต่อให้ทา่ น คือ ในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้ว ทรงบิออก ตรัสว่า “นีค่ อื กายของเราเพือ่ ท่านทัง้ หลาย จงทำ�การนีเ้ พือ่ ระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารคาํ่ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนีค้ อื พันธสัญญาใหม่ในโลหิต ของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำ�การนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”...

พระวรสาร ลก 7:1-10 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจาทั้งหมดนี้ให้ประชาชนฟังจบแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปในเมือง คาเปอรนาอุม ผูร้ บั ใช้ของนายร้อยคนหนึง่ กำ�ลังป่วยใกล้จะตาย นายรักเขามาก เมือ่ นายร้อยได้ยนิ เรือ่ งเกีย่ ว กับพระเยซูเจ้า จึงส่งผูอ้ าวุโสบางคนของชาวยิวมาอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปช่วยชีวติ ของผูร้ บั ใช้ คนเหล่า นั้นมาเฝ้าพระเยซูเจ้า อ้อนวอนรบเร้าพระองค์ว่า “นายร้อยผู้นี้สมควรที่ท่านจะช่วยเหลือ เพราะเขารัก ชนชาติของเราและได้สร้างศาลาธรรมให้เรา” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับคนเหล่านั้น เมื่อพระองค์เสด็จมา ใกล้จะถึงบ้าน นายร้อยใช้เพื่อนบางคนไปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำ�บากไปเลย ข้าพเจ้าไม่ สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่อาจเอื้อมที่จะออกมาพบกับ พระองค์ แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียว ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าบอกคนหนึ่งว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกผู้รับใช้ว่า ‘ทำ�สิ่งนี้’ เขาก็ทำ�” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินถ้อยคำ�เหล่านี้ ทรงประหลาด พระทัย ทรงหันพระพักตร์ไปยังประชาชนที่ติดตามพระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคย พบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ในอิสราเอลเลย” เมื่อเพื่อนที่ถูกใช้มากลับไปถึงบ้าน ก็พบว่าผู้รับใช้ผู้นั้นหาย เป็นปกติแล้ว ความเชื่อในความดี ความถูกต้อง และความจริง ชีวิตคริสตชนทุกวันนี้ถูกท้าทายด้วยวัตถุนิยม บริโภคนิยม อีกทั้งความสะดวกสบายในยุคสื่อสารที่มากด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ซึ่งทำ�ให้เราทุกคนเริ่ม เป็นห่วงและกังวลเกีย่ วกับชีวติ ของเราเอง และลืมคนทีเ่ คยยืนอยูเ่ คียงข้างในชีวติ ของเรา แต่ประสบการณ์ความ เชือ่ ทีเ่ กิดขึน้ กับนายร้อยชาวโรมันเมือ่ ใกล้ชดิ กับพระเยซูเจ้า ทำ�ให้นายร้อยรูแ้ ละมีความเข้าใจยิง่ ขึน้ ว่า ชีวติ ของ นายร้อยมีวันนี้ก็เพราะมีบ่าวที่ภักดียืนเคียงข้างชีวิตของตนเองมาโดยตลอด


บทอ่านที่ 1 1 คร 12:12-14,27-31ก พี่น้อง แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆ เหล่า นี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น เดชะ พระจิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือเป็นไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รับ พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน ร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะส่วนเดียว แต่มีอวัยวะ หลายส่วน ท่านทั้งหลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า แต่ละคนต่างก็เป็นอวัยวะของ พระกายนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งบางคนให้ทำ�หน้าที่ต่างๆ ในพระศาสนจักร คือ หนึ่งให้ เป็นอัครสาวก สองให้เป็นประกาศก และสามให้เป็นครูอาจารย์ ต่อจากนั้น คือผู้มี อำ�นาจทำ�อัศจรรย์ ผู้รักษาโรค ผู้ช่วยเหลือ ผู้ปกครอง และผู้พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ทุกคนเป็นอัครสาวกหรือ ทุกคนเป็นประกาศกหรือ ทุกคนเป็นครูอาจารย์หรือ ทุกคน เป็นผู้ทำ�อัศจรรย์หรือ ทุกคนได้รับพระพรพิเศษให้บำ�บัดโรคได้หรือ ทุกคนพูดภาษาที่ ไม่มีใครเข้าใจได้หรือ ทุกคนเป็นผู้ตีความอธิบายความหมายของภาษานั้นหรือ ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด พระวรสาร ลก 7:11-17 หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่เมืองหนึ่งชื่อนาอิน บรรดาศิษย์และ ประชาชนจำ�นวนมากติดตามพระองค์ไป เมือ่ พระองค์เสด็จมาใกล้ประตูเมืองก็ทรงเห็น คนหามศพออกมา ผู้ตายเป็นบุตรคนเดียวของมารดาซึ่งเป็นม่าย ชาวเมืองกลุ่มใหญ่ มาพร้อมกับนางด้วย เมือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเห็นนางก็ทรงสงสารและตรัสกับนางว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรงแตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จึงตรัสว่า “หนุ่มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่ม พูด พระเยซูเจ้าจึงทรงมอบเขาให้แก่มารดา ทุกคนต่างมีความกลัวและถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้า กล่าวว่า “ประกาศกยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นในหมู่เรา พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยม ประชากรของพระองค์” และข่าวเรือ่ งนีก้ แ็ พร่ไปทัว่ แคว้นยูเดียและทัว่ อาณาบริเวณนัน้ หลายสิ่งหลายอย่างในโลกที่เราพักพิงอาศัยอยู่นี้ มนุษย์ได้รับสิทธิพิเศษใน การควบคุมดูแล เสมือนเป็นนายของสรรพสิง่ ทีพ่ ระเจ้าทรงสร้างไว้ แต่ดว้ ยความเป็นมนุษย์ ทำ�ให้รสู้ ถานภาพของตนเองว่ามิใช่ทกุ สิง่ ทีท่ �ำ ได้ ขอบคุณองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีท่ �ำ ให้เรารูว้ า่ บางสิ่งหรือกิจการที่สำ�คัญในทุกสิ่งเป็นของพระองค์เท่านั้นในการกำ�หนดเป้าหมาย การ ดำ�เนินการในทุกสิ่ง เพราะพระองค์คือเจ้าของที่แท้จริง โดยเฉพาะความเป็นความตาย ของเรามนุษย์ทุกคนซึ่งต้องวางใจในความรักและพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสมอ

สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา สดด 100:1-3,4-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


บทอ่านที่ 1 1 คร 12:31-13:1-13 พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษที่ประเสริฐยิ่งกว่านี้เถิด ข้าพเจ้าจะขอชี้ทางที่ดีที่สุดให้ท่าน แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรม ลํา้ ลึกทุกข้อและมีความรูท้ กุ อย่าง หรือมีความเชือ่ พอทีจ่ ะเคลือ่ นภูเขาได้ ถ้าไม่มคี วาม น.ยานูอารีโอ รัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำ�คัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่ พระสังฆราช คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำ�ไปเผาไฟ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับ และมรณสักขี ประโยชน์ใด สดด 33:2-3,4-5, ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบ 11-12,22 คาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำ�ความผิดที่ได้รับ ไม่ยนิ ดีในความชั่ว แต่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทน ทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาจะถูกยกเลิก แม้การพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจจะยุติ แม้ ความรู้จะหมดสิ้น เพราะเรารู้อย่างไม่สมบูรณ์ และประกาศพระวาจาอย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อสิ่งที่สมบูรณ์ มาถึง ความไม่สมบูรณ์จะสูญสิ้นไป เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็กๆ คิดเหมือนเด็กๆ ใช้ เหตุผลเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก ในเวลานี้ เราเห็นพระเจ้า เพียงรางๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระองค์เหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้า เรา เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้อย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า ขณะนีย้ งั มีความเชือ่ ความหวังและความรักอยูท่ งั้ สามประการ แต่ทยี่ งิ่ ใหญ่กว่าสิง่ ใดทัง้ หมดคือ ความ รัก พระวรสาร ลก 7:31-35 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนีก้ บั สิง่ ใดดี เขาเหมือนกับสิง่ ใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ทีน่ งั่ ตามลานสาธารณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่า เราเป่าขลุ่ย เจ้าก็ไม่เต้นรำ� เราร้องเพลงโศกเศร้า เจ้าก็ไม่ร้องไห้ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างได้มา ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มเหล้าองุ่น ท่านก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์ได้มา กินและดื่ม ท่านก็ว่า ‘ดูซิ นักกินนักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ พระปรีชาญาณของพระเจ้า ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระปรีชาญาณนั้น” พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้ปกครองดูแลสรรพสิง่ ให้เป็นไปตามธรรมชาติของสิง่ สร้างนัน้ ๆ แต่มนุษย์ ไม่ดแู ลหรือไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่สว่ นรวม กลับทำ�ร้ายและทำ�ลายสิง่ สร้างจนบอบชํา้ ความรูส้ กึ หรือสำ�นึกต่อ สรรพสิง่ แม้กบั ตัวมนุษย์เอง ผิดชอบชัว่ ดีกไ็ ม่ได้มผี ลอะไรเพือ่ การเป็นทุกข์หรือการกลับใจ แม้องค์พระเยซูคริสต เจ้าทรงเทศน์สอนตักเตือนอีกทัง้ มอบแบบอย่างชีวติ ของพระองค์ในการสอนดูเหมือนก็ยงั ไม่เกิดผล ทัง้ นี้ เพราะ เรามนุษย์ฟังและทำ�ตามสิ่งอื่นมากกว่าฟังพระสุรเสียงของพระที่ตรัสกับเรา


บทอ่านที่ 1 รม 8:31ข-35,37-39 พี่น้อง ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้ พระองค์มิได้ทรงหวงแหน พระบุตรของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทาน ทุกสิ่งให้เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้า ประทานความชอบธรรม ใครจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรง กลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย ใคร ระลึกถึง จะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำ�เค็ญหรือ ความคับแค้นใจ น.อันดรูว์ กิม หรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและ เตก็อน พระสงฆ์ คมดาบหรือ น.เปาโล จง ฮาซัง แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะข้าพเจ้า และเพื่อนมรณสักขี เชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี �ำ นาจปกครอง ไม่วา่ ปัจจุบนั ชาวเกาหลี หรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำ�นาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเรา สดด 126:1-2,3-4,5-6 ได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระวรสาร ลก 9:23-26 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการทีจ่ ะได้โลกทัง้ โลกเป็นกำ�ไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ และพินาศไป ถ้าผูใ้ ดอับอายเพราะ เราและเพราะถ้อยคำ�ของเรา บุตรแห่งมนุษย์กจ็ ะอับอายเพราะเขา เมือ่ เสด็จมาในพระ สิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ของพระบิดา และของบรรดาทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์” “สงครามมักสร้างวีรบุรุษ” เป็นคำ�กล่าวที่ยังพอสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ท่านอยู่บ้างไม่มากก็น้อย เพราะสงครามหรือเหตุที่ท้าทายเราท่านทั้งหลายในยุคนี้ เป็น ภัยร้ายที่มากับความสนุกสนาน ความสะดวกสบาย ความสวยงาม ทีละเล็กทีละน้อยจน กลายเป็นความเคยชินติดเป็นนิสัย เป็นทาสของอบายมุขไปเสียแล้ว ใครที่รู้เท่าทัน รีบ ปรั บ ตั ว แก้ ไขและใช้ ใ ห้ ถู ก กาลเทศะอย่ า งเหมาะสมก็ ค งอยู่ ร อดปลอดภั ย ได้ และ ปรากฏการณ์เช่นนีจ้ ะเป็นเสมือนกางเขนของชีวติ ทีเ่ ราทุกคนต้องเรียนรูแ้ ละยินดีทจี่ ะแบก ไปทุกวันจนถึงเป้าหมายแห่งชีวิตนิรันดร

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันเยาวชนแห่งชาติ


บทอ่านที่ 1 อฟ 4:1-7,11-13 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าผูถ้ กู จองจำ�เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วอนขอท่านทัง้ หลายให้ด�ำ เนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มี ฉลอง น.มัทธิว องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่าน อัครสาวก ผู้นิพนธ์พระวรสาร ทุกคน และสถิตในทุกคน เราแต่ละคนได้รบั พระหรรษทานตามสัดส่วนทีพ่ ระคริสตเจ้าประทานให้ ดังนัน้ จึง สดด 19:1-2,3-4 มีคำ�กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำ�บรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์” คำ�ว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผู้เสด็จลงไปก็เป็น องค์เดียวกับผูเ้ สด็จขึน้ ไปเหนือสวรรค์ทกุ ชัน้ เพือ่ จะทรงครอบครองทุกสิง่ อย่างสมบูรณ์ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผูป้ ระกาศ ข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำ�หรับงาน รับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถงึ ความเป็นหนึง่ เดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตาม มาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า พระวรสาร มธ 9:9-13 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำ�ลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัส สั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคน มาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสีจึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมอาจารย์ ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คน สบายดียอ่ มไม่ตอ้ งการหมอ แต่คนเจ็บไข้ตอ้ งการ จงไปเรียนรูค้ วามหมายของพระวาจาทีว่ า่ ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” ต้นทุนชีวิตของนักบุญมัทธิวเป็นชาวยิวโดยกำ�เนิด ความรักพวกพ้องที่เป็นชาวยิวด้วยกันจึงเป็น ความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะประกาศให้พี่น้องชาวยิวด้วยกันต้องเข้าใจ ยอมรับและศรัทธารักพระเยซูเจ้าผู้ทรง เป็นพระผูไ้ ถ่พระเจ้าเทีย่ งแท้ ทรงมากอบกูช้ าวยิวและมนุษยชาติให้ได้รบั ความรอดพ้น และเมือ่ มารูจ้ กั พระเยซู เจ้าเหมือนกับตนเองยอมมอบตนเป็นศิษย์ตดิ ตามพระเยซูเจ้า ชีวติ คริสตชนพร้อมทีจ่ ะประกาศข่าวดีเรือ่ งความ รักของพระเยซูเจ้าให้กับทุกคนที่อยู่ในบ้าน ในสังคม และในที่ทำ�งานแล้วหรือยัง


บทอ่านที่ 1 1 คร 15:35-37,42-49 พี่น้อง บางคนอาจถามว่า คนตายจะกลับคืนชีพได้อย่างไร เขาจะกลับมีร่างกาย แบบใด ช่างโง่จริง เมล็ดทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ จะมีชวี ติ ใหม่ได้อย่างไรถ้าไม่ตายเสียก่อน เมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชอย่างอืน่ ทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ เป็นเพียงเมล็ดมิใช่ล�ำ ต้นทีจ่ ะ งอกขึ้น การกลับคืนชีพของผูต้ ายก็เช่นเดียวกัน สิง่ ทีห่ ว่านลงไปนัน้ เน่าเปือ่ ย แต่สงิ่ ทีก่ ลับ สัปดาห์ที่ 24 คืนชีพนั้นไม่เน่าเปื่อยอีก สิ่งที่หว่านลงไปนั้นไม่มีเกียรติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีความ เทศกาลธรรมดา รุ่งเรือง สิ่งที่หว่านลงไปนั้นอ่อนแอ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีอานุภาพ สิ่งที่หว่านลงไป สดด 56:9,10-11,12-13 เป็นร่างกายตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพเป็นร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ถ้ามีรา่ งกายตามธรรมชาติ ก็มรี า่ งกายทีม่ พี ระจิตเจ้าเป็นชีวติ ด้วย... มนุษย์คนแรก มาจากดิน เป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนั้น เรา เกิดมามีลักษณะเหมือนมนุษย์ดินฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น พระวรสาร ลก 8:4-15 ขณะนั้นประชาชนจำ�นวนมากเดินทางจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าและชุมนุมกัน พระองค์จึงทรง กล่าวเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่กำ�ลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน จึงถูก เหยียบยํ่า และนกในอากาศจิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนหิน พองอกขึ้นมาก็เหี่ยวแห้งเพราะขาดความ ชุ่มชื้น บางเมล็ดตกกลางกอหนาม ต้นหนามที่งอกขึ้นพร้อมกันก็คลุมไว้จนตาย บางเมล็ดตกในที่ดินดี จึง งอกขึ้นและเกิดผลร้อยเท่า” พระองค์ตรัสดังนี้แล้วทรงเปล่งเสียงดังว่า “ใครมีหูสำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า อุปมาเรื่องนี้มีความหมายว่าอย่างไร พระองค์จึงตรัสว่า “พระเจ้าโปรด ให้ทา่ นรูธ้ รรมลาํ้ ลึกเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างชัดเจน แต่ส�ำ หรับคนอืน่ พระองค์โปรดให้รเู้ ป็นอุปมา เท่านั้น เพื่อว่า เขาจะมองแล้วมองอีก แต่ไม่เห็น ฟังแล้วฟังอีก แต่ไม่เข้าใจ” “อุปมามีความหมายดังนี้ เมล็ดพืชคือพระวาจาของพระเจ้า เมล็ดที่ตกริมทางเดิน หมายถึงบุคคลที่ ได้ฟังพระวาจา ต่อจากนั้น ปีศาจก็มาช่วงชิงพระวาจาออกไปจากใจของเขา มิให้เขามีความเชื่อและรอดพ้น เมล็ดที่ตกบนหินหมายถึงบุคคลที่ฟังแล้วรับพระวาจาไว้ด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เขามีความเชื่ออยู่เพียง ชั่วระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาถูกผจญ เขาก็เลิกเชื่อ เมล็ดที่ตกในกอหนาม หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาแล้ว ปล่อยให้ความกังวลถึงทรัพย์สมบัติและความสนุกของชีวิตมาบีบรัด จึงไม่เกิดผล ส่วนเมล็ดที่ตกในที่ดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาด้วยใจดีเลิศ ยึดพระวาจาไว้ด้วยความพากเพียรจนเกิดผล” พระวาจาของพระเยซูเสมือนเป็นเมล็ดข้าวทีถ่ กู หว่านไปบนทีน่ าของโลกนี้ มนุษย์แต่ละคนเสมือน เป็นดินสำ�หรับรองรับพระวาจานั้น ทุกคนจะเกิดผลหรือไม่เกิดผลอย่างไร มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าทำ�ตนอย่างไรเพือ่ ให้เกิดคุณค่ากับชีวติ ของตนเองและผูอ้ นื่ นัน่ หมายความว่าการให้คณ ุ ค่าของชีวติ โดยทำ�ให้ พระวาจาของพระเป็นสิ่งสำ�คัญกว่าสิ่งใดหรือกิจการใดทั้งสิ้น จะเป็นไปได้จริงหรือสำ�หรับเรามนุษย์ทั้งหลายที่ อยู่ท่ามกลางสิ่งท้าทายในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีแต่ความห่วงใยและวิตกกังวลในความยากลำ�บากทั้งหลายในโลกนี้


สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 2:12,17-20 คนอธรรมกล่าวว่า “เราจงดักซุ่มทำ�ร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำ�ให้เรารำ�คาญใจ เขาต่อต้านกิจการของเรา เขาตำ�หนิเราว่าฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ กล่าวหาว่าเราไม่ปฏิบัติ ตามการอบรมที่ได้รับ เราจงดูเถิดว่าคำ�พูดของเขาจะจริงหรือไม่ เราจงพิสจู น์วา่ จะเกิดอะไรขึน้ แก่เขาใน วาระสุดท้าย ถ้าผู้ชอบธรรมเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา และ ทรงช่วยเขาให้พ้นเงื้อมมือของศัตรู เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขา อ่อนโยนเพียงใด และจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใด เราจงตัดสินลงโทษให้เขาตาย อย่างอัปยศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา” เพลงสดุดี สดด 54:1-2,3, 4 และ 6 ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเดชะพระนามพระองค์ โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าเดชะพระอานุภาพของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงฟังค�ำอธิษฐานของข้าพเจ้า โปรดทรงเงี่ยพระกรรณฟังค�ำวอนขอของข้าพเจ้า ข) คนหยิ่งยโสเข้ามาโจมตีข้าพเจ้า คนพาลมุ่งเอาชีวิตของข้าพเจ้า เขาไม่ค�ำนึงถึงพระเจ้าเลย ค) แต่พระเจ้าทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค�้ำจุนชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ด้วยความยินดี ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระนามพระองค์ เพราะทรงพระทัยดี บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบ ยก 3:16-4:3 พีน่ อ้ งทีร่ กั ยิง่ ทีใ่ ดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ทีน่ นั่ ย่อมมีแต่ความ วุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็น สิง่ บริสทุ ธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปีย่ มด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำ�เอียง ไม่เสแสร้ง ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และ จะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม การต่อสู้และการทะเลาะวิวาทในหมู่ท่านนั้นมาจากที่ใด มิใช่มาจากกิเลสตัณหา ซึ่งต่อสู้อยู่ภายในร่างกายของท่านหรือ ท่านอยากได้ แต่ไม่ได้ จึงฆ่ากัน ท่านอยากได้ แต่ไม่สมหวัง จึงทะเลาะวิวาทและต่อสู้กัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้วอนขอ ท่านวอนขอ


แต่ไม่ได้รับ เพราะท่านวอนขอไม่ถูกต้อง คือวอนขอเพื่อนำ� ไปสนองกิเลสตัณหาของท่าน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 9:30-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นพร้อมกับ บรรดาศิษย์ผ่านแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงต้องการให้ผู้ใด รู้ ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ และตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะ ถูกมอบในเงื้อมมือของคนทั้งหลาย เขาจะประหารชีวิต พระองค์ แต่เมื่อถูกประหารแล้ว ในวันที่สามพระองค์จะ กลับคืนชีพ” บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ แต่กไ็ ม่กล้าทูล ถาม พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองคาเปอรนาอุมพร้อมกับ บรรดาศิษย์ เมื่อเสด็จเข้าไปในบ้าน พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ท่านถกเถียงกันเรื่องอะไรขณะที่เดินทาง” เขา ก็นงิ่ เพราะระหว่างทางเขาถกเถียงกันว่า ผูใ้ ดยิง่ ใหญ่กว่ากัน พระองค์จงึ ประทับนัง่ แล้วทรงเรียกอัครสาวก สิบสองคนเข้ามา ตรัสว่า “ถ้าผู้ใดอยากเป็นคนที่หนึ่ง ก็ให้ผู้นั้นทำ�ตนเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของ ทุกคน” ครั้นแล้วพระองค์ทรงจูงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนกลางกลุ่มพวกเขา ทรงโอบเด็กนั้นไว้ ตรัสว่า “ผู้ ใดที่ต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ก็ต้อนรับเรา และผู้ใดที่ต้อนรับเรา ก็มิใช่ต้อนรับเพียงเราเท่านั้น แต่ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามาด้วย” ความรํ่ารวย ชื่อเสียงเกียรติยศ ยังคงเป็นรากเหง้าความปรารถนาที่ทำ�ให้ความเป็นมนุษย์ที่เป็น ฉายาลักษณ์ของพระเจ้ามองเห็นไม่ค่อยชัดเจน อดีตเป็นอย่างไรปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น พระเยซูเจ้าก็ยังคง ตรัสสอนเราทุกคนเช่นเดียวกับที่ทรงสอนบรรดาศิษย์ และยังคงสอนต่อไปเช่นเดียวกันว่า ถ้าผู้ใดปรารถนาจะ เป็นผูน้ �ำ ก็ตอ้ งปฏิบตั ติ นเป็นผูร้ บั ใช้ทกุ ผูค้ นทุกระดับด้วยหัวใจทีเ่ ป็นเช่นเด็กเล็กๆ ทีม่ แี ต่ความใสซือ่ บริสทุ ธิ์ กล่าว คือประพฤติตนให้เป็นที่ยอมรับและนั่งอยู่ในหัวใจผู้คนให้ได้


สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 15:2-3,4-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 สภษ 3:27-35 ลูกเอ๋ย ถ้าลูกมีอำ�นาจจะทำ�ได้ อย่าปฏิเสธความดีแก่ผู้ที่ต้องการ ถ้าลูกมีสิ่งของ ที่เพื่อนบ้านขอ อย่าพูดกับเขาว่า “กลับไปก่อนเถิด พรุ่งนี้กลับมาแล้วฉันจะให้” อย่า คิดแผนร้ายต่อเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ลูกและไว้วางใจลูก อย่าทะเลาะวิวาทกับผู้ใดอย่าง ไร้เหตุผล ถ้าเขาไม่ได้ทำ�ร้ายลูก อย่าอิจฉาคนที่ใช้ความรุนแรง อย่าเลียนแบบความ ประพฤติของเขาเลย เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรังเกียจคนคดโกง มิตรภาพของ พระองค์อยูก่ บั คนซือ่ ตรง คำ�สาปแช่งขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอยูเ่ หนือบ้านของคนชัว่ ร้าย พระองค์ทรงอวยพระพรที่อาศัยของผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงเย้ยหยันคนที่เย้ยหยัน ผู้อื่น แต่ทรงพระกรุณาผู้ถ่อมตน ผู้มีปรีชาจะได้เกียรติยศเป็นมรดก คนโง่จะได้รับ ความอัปยศ พระวรสาร ลก 8:16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “ไม่มใี ครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตัง้ ไว้บนเชิง ตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้ ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่จะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มีความลับใดจะไม่มีใครรู้และเปิดเผย ดังนั้น จงระวังว่าท่านฟังพระวาจาอย่างไร เพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” พระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก และท่ามกลางความสว่างนี้เราก็ พบเห็นความจริงแท้มากมายที่อยู่เรียงรายตราบที่ความสว่างกระจายตัวออกไป ซึ่งก็เป็น ความจริงที่เราเข้าใจและเข้าถึงแสงสว่างของความจริงนี้ได้ตลอดเวลา แต่น่าเศร้าใจใน หลายครั้งที่เรามนุษย์สนใจในการใช้ชีวิตอย่างสิ้นเปลือง และฟุ่มเฟือยไปกับกิจการที่ไม่ ถูกต้อง อีกทั้งติดตามความไม่ดีงาม ซึ่งน่าเสียดายเพราะมนุษย์ใช้ชีวิตขัดแย้งและปฏิเสธ ทางเดินชีวิตที่เคยสวยงาม น่าชื่นชมยินดีที่เคยมีและเคยเป็นอย่างสิ้นเชิง


บทอ่านที่ 1 สภษ 21:1-6,10-13 พระทัยของกษัตริย์เป็นเหมือนธารนํ้าในพระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจะ ทรงผันไปทางไหนก็ได้ตามพระประสงค์ มนุษย์เห็นว่ากิจการทัง้ หมดของตนถูกต้อง แต่ ผู้ชั่งจิตใจคือองค์พระผู้เป็นเจ้า การปฏิบัติความชอบธรรมและความยุติธรรม เป็นที่ โปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าการถวายเครื่องบูชา นัยน์ตายโส ใจเย่อหยิ่ง เป็นเหมือนตะเกียงของคนชั่วร้าย และเป็นบาป แผนงานของคนขยันนำ�ความอุดม สมบูรณ์มาให้อย่างแน่นอน แต่ความรีบเร่งเกินไปนำ�ความขัดสนมาให้ ทรัพย์สมบัติที่ ได้มาจากการพูดมุสา เป็นเหมือนความเพ้อฝันของผู้แสวงหาความตาย ความรุนแรง ของคนชั่วร้ายจะทำ�ลายเขาจนสิ้นเชิง เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมทำ�สิ่งที่ถูกต้อง หนทาง ของผูร้ า้ ยย่อมคดเคีย้ ว แต่ความประพฤติของผูบ้ ริสทุ ธิย์ อ่ มถูกต้อง อยูท่ จี่ วั่ บนหลังคา บ้าน ยังดีกว่าอยู่ในบ้านกับภรรยาที่ชอบทะเลาะวิวาท จิตใจของคนชั่วร้ายปรารถนาความชั่ว นัยน์ตาของเขาไม่มีความเมตตากรุณาต่อ เพื่อนบ้าน เมื่อคนชอบเยาะเย้ยถูกลงโทษ คนขาดสติก็ฉลาดขึ้น เมื่อผู้มีปรีชาได้รับ การสั่งสอน เขาก็ได้ความรู้มากขึ้น พระเจ้าผู้ทรงเที่ยงธรรมทรงสังเกตบ้านของคน ชั่วร้าย และทรงเหวี่ยงคนชั่วร้ายให้พินาศ ผู้ใดอุดหูไม่ฟังเสียงร้องของคนยากจน เมื่อ ผู้นั้นร้องก็จะไม่มีผู้ใดฟัง พระวรสาร ลก 8:19-21 เวลานั้น พระมารดาและพระประยูรญาติของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่ อาจเข้าถึงพระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำ�นวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและ พีน่ อ้ งของท่านกำ�ลังยืนอยูข่ า้ งนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดา และพี่น้องของเราคือคนเหล่านี้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำ�ไปปฏิบัติ” ภารกิ จ ความรั ก คื อ การไถ่ บ าปของพระเยซู เจ้ า ที่ ท รงทรงมอบให้ กั บ มนุษยชาติทรงยิ่งใหญ่สุดที่จะพรรณนาได้นั้นแฝงไว้ด้วยความเอาพระทัยใส่อย่างใจจดใจ จ่อ และการติดตามให้กำ�ลังใจของพระมารดามารีย์อย่างใกล้ชิด พระมารดามารีย์ไม่เคย แสดงสิทธิของพระนางในฐานะที่เป็นมารดาของพระเยซูเจ้าแต่ประการใดเลย แต่ พระมารดามารียก์ ไ็ ด้รบั พระวาจาทีบ่ รรเทาพระทัยพระนางเองจากพระเยซูเจ้าเสมอ ตลอด การปฏิบัติภารกิจของพระเยซูเจ้า นับแต่การบังเกิดในที่เลี้ยงสัตว์จนถึงพระเยซูเจ้า สิ้นพระชนม์บนกางเขน ณ เนินเขากัลวารีโอ

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 119:1,27,30, 34,35,41 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


น.คอสมา และ น.ดาเมียน มรณสักขี สดด 119:29,72,89, 101,104,163 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 สภษ 30:5-9 พระวาจาทุกคำ�ของพระเจ้านั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นโล่ สำ�หรับผูล้ ภี้ ยั ในพระองค์ อย่าเพิม่ สิง่ ใดเข้ากับพระวาจาของพระองค์ มิฉะนัน้ พระองค์ จะทรงตำ�หนิท่าน และพิสูจน์ว่าท่านเป็นคนมุสา ข้าพเจ้าทูลขอสองสิ่งจากพระองค์ ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ โปรดอย่าทรงปฏิเสธคำ�ขอนี้เลย ขอให้ความมุสาและ ถ้อยคำ�เท็จอยูห่ า่ งไกลจากข้าพเจ้า อย่าประทานความยากจนหรือความรํา่ รวยแก่ขา้ พเจ้า เลย แต่โปรดประทานอาหารเท่าที่จำ�เป็นแก่ข้าพเจ้า เพื่อว่าถ้าข้าพเจ้าอิ่ม ข้าพเจ้าจะ ปฏิเสธพระองค์ พูดว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นใคร” หรือเพือ่ ว่าถ้าข้าพเจ้ายากจน แล้ว จะไปขโมย ทำ�ให้พระนามพระเจ้าของข้าพเจ้าถูกลบหลู่ พระวรสาร ลก 9:1-6 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพร้อมกัน ประทานอำ�นาจ เหนือปีศาจ และพลังรักษาโรค ทรงส่งเขาไปประกาศพระอาณาจักรพระเจ้าและรักษา คนเจ็บป่วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านเดินทาง อย่านำ�สิ่งใดไปด้วย อย่านำ� ไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือแม้แต่เสื้อสำ�รองไปด้วย เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใด จงพัก อยูท่ นี่ นั่ จนกว่าจะเดินทางต่อไป ถ้าเขาไม่ตอ้ นรับท่าน จงออกจากเมืองนัน้ และสลัดฝุน่ จากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศ ข่าวดีและรักษาโรคไปทั่วทุกแห่ง ภารกิจการไถ่บาปของพระเยซูเจ้าไม่เคยหยุดนิ่งตลอดพระชนมชีพของ พระองค์บนแผ่นดินโลกที่ทรงสร้างนี้เลย แบบอย่างและพระวาจาที่ตรัสสอนที่ทรงเป็น พระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ถูกมอบเป็นมรดกความเชื่อที่มีคุณค่าที่สุดให้กับบรรดาศิษย์ทุก คนและรวมถึงเราทุกคนด้วยเช่นกัน ซึ่งพระองค์ทรงมีความคาดหวังจากการมอบหมาย ภารกิจดังกล่าวนี้ต้องบังเกิดผลดีเริ่มจากตัวตนเองอย่างจริงจังก่อน เพื่อนำ�ความชื่นชม ยินดีไปสู่เพื่อนพี่น้องทุกคนที่พบ ในทุกถิ่นที่ท่ีเราจะไป และด้วยทุกวิธีการที่จะประกาศ ข่าวดีนั้น


บทอ่านที่ 1 ปญจ 1:2-11 ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เทีย่ งแท้ทสี่ ดุ ทุกสิง่ ทุกอย่างไม่เทีย่ งแท้ มีประโยชน์อะไรทีม่ นุษย์ท�ำ งานลำ�บาก ตรากตรำ�อยู่กลางแดด ชั่วอายุคนรุ่นหนึ่งล่วงไป อีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินยังคงอยู่ เหมือนเดิมเสมอ ดวงอาทิตย์ขึ้น ดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปยังที่ซึ่งจะขึ้นมาอีก ลมพัด ไปทางใต้ แล้วพัดกลับมาทางเหนือ ลมพัดหมุนเวียนไปมา พัดกลับมาและหมุนเวียน อยู่เช่นนั้น แม่นํ้าทั้งหลายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็มเลย แม่นํ้ายังไหลต่อไป จากต้นนํ้า ทุกสิ่งน่าเบื่อหน่าย ไม่มีผู้ใดอธิบายเหตุผลได้ นัยน์ตาดูไม่อิ่ม หูก็ฟังไม่พอ สิง่ ทีเ่ คยเกิดขึน้ แล้วก็จะเกิดขึน้ อีก สิง่ ทีเ่ คยทำ�แล้วก็จะทำ�อีก ไม่มสี งิ่ ใดใหม่ภายใต้ดวง อาทิตย์ มีสิ่งใดบ้างที่จะพูดได้ว่า “ดูซิ สิ่งนี้ใหม่” สิ่งนั้นเคยมีอยู่นานมาแล้วก่อนที่เรา จะเกิด ไม่มีใครจดจำ�สิ่งต่างๆ ในอดีต แม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะถูกลืมจากผู้ที่จะมาในภาย หลังด้วย” พระวรสาร ลก 9:7-9 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทรงรู้สึกสับสน เพราะ บางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนัน้ เราได้ตดั ศีรษะแล้ว คนทีเ่ ราได้ยนิ เรือ่ งราวทัง้ หมดนีเ้ ป็นใคร” กษัตริยเ์ ฮโรด จึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์ ในยุคเมืองไทย 4.0 มีข้อมูลที่ให้เราต้องบริโภคเป็นอาหารนอกจากอาหาร ที่รับประทานได้มากมายเกินความสามารถรับไว้ได้ แม้ว่าจะไม่ต้องการแต่เราได้รับการ หยิบยืน่ ให้ตลอดเวลา ซึง่ มีทงั้ จริงและเท็จ ทัง้ ทีม่ ปี ระโยชน์และโทษ ทัง้ สนุกและทุกข์ และ อีกมากมายหลากหลายประเภท กล่าวคือเราทุกคนสับสนวิตกกังวล เป็นเหมือนอาการ เจ็บป่วยที่ท้าทายต่อสุขภาพจิตที่บางครั้งเราก็ต้องยอมพ่ายแพ้ เพราะถูกสะสมโดยที่เรา ไม่รู้ตัวมาเป็นเวลานานจนยากที่จะแก้ไข และเราก็ยังยินดีที่จะสนิทสัมพันธ์กับสิ่งเหล่านี้ มากกว่าองค์พระเยซูคริสตเจ้าที่ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต

ระลึกถึง น.วินเซนต์ เดอ ปอล พระสงฆ์ สดด 90:2-4,5-7, 12-13,14,17 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


บทอ่านที่ 1 ปญจ 3:1-11 มีเวลาสำ�หรับทุกสิ่ง มีเวลาสำ�หรับกิจการต่างๆ ภายใต้ท้องฟ้า มีเวลาเกิด และ เวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อ ทำ�ลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นรำ� เวลาโยนก้อนหินทิง้ และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการ น.เวนแชสเลาส์ สวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง เวลาฉีก และเวลาเย็บ เวลานิ่งเงียบ และเวลาพูด เวลารัก และเวลาเกลียด เวลาทำ�สงคราม มรณสักขี น.ลอเรนซ์ รุยส์ และเวลาสันติ คนทำ�งานได้ประโยชน์ใดจากงานยากลำ�บากของตน ข้าพเจ้าเห็นงานยากลำ�บาก และเพื่อนมรณสักขี ที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีงานทำ� พระองค์ทรงกระทำ�ให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลา แต่ สดด 114:1,2,3-4 ทรงใส่ความสำ�นึกถึงเวลาที่ผ่านไปไว้ในใจของมนุษย์ ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจจุด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เริ่มต้นและการสิ้นสุดของกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ� พระวรสาร ลก 9:18-22 วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยูเ่ พียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามา เฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็น ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับ คืนชีพ” พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์มิให้พูดเรื่องนี้แก่ผู้ใด พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะ กลับคืนชีพในวันที่สาม” “พระองค์เป็นพระคริสตเจ้าพระบุตรพระเจ้าทรงชีวิต” เป็นคำ�ตอบที่ พระเจ้าทรงเลือกนักบุญเปโตรให้ตอบคำ�ถามที่พระเยซูเจ้าทรงถามนั้น เป็นการมอบฝาก การประกาศข่าวดีใหม่ให้กบั เราทุกคนด้วยเช่นเดียวกัน เป็นภารกิจของพระศาสนจักรบน โลกนีท้ พี่ ระเยซูเจ้าทรงมอบฝากให้เราเป็นส่วนหนึง่ ทีส่ �ำ คัญ เป็นเครือ่ งมือ เป็นเครือ่ งหมาย ที่สำ�คัญคือการเป็นพยานยืนยันชีวิตความเชื่อในการประกาศข่าวดีใหม่ของพระเยซูเจ้า บนโลกปัจจุบันนี้ต่อไปจนถึงที่สุดของชีวิตเราแต่ละคน


บทอ่านที่ 1 วว 12:7-12 สงครามเกิดขึน้ ในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสูก้ บั มังกร มังกร พร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำ�นักในสวรรค์อีกต่อไป มังกรใหญ่ คืองูดึกดำ�บรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดิน ให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย ข้าพเจ้าได้ยิน ฉลอง เสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระอาณาจักรเป็นของ พระเจ้าของเราแล้ว และอำ�นาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผูก้ ล่าวหาบรรดา อัครทูตสวรรค์ พี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเรา มีคาเอล คาเบรียล และราฟาเอล ก็ถกู โยนลงไปแล้ว บรรดาพีน่ อ้ งของเราชนะผูก้ ล่าวหา เดชะพระโลหิตของลูกแกะและ สดด 138:1-2ก, อาศัยคำ�พยานของตน เพราะเขาไม่หวงแหนชีวติ แม้เมือ่ เผชิญความตาย ดังนัน้ สวรรค์ 2ข-3,4-5 และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติจงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพราะมันรูว้ า่ มีเวลา เหลือน้อยแล้ว พระวรสาร ยน 1:47-51 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่ คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จัก ข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริยข์ องชนชาติอสิ ราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชือ่ เพราะเรา พูดว่า เราเห็นท่านอยูใ่ ต้ตน้ มะเดือ่ เทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ทยี่ งิ่ ใหญ่กว่านัน้ อีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” ก่อนอื่นให้เราขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงรักเรามนุษย์ทุกคน ทรงมอบ ทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองดูแลมนุษย์ให้พ้นจากภยันตรายทั้งฝ่ายกายและฝ่าย วิญญาณ และโดยเฉพาะฝ่ายวิญญาณที่กำ�ลังถูกคุกคามให้สูญเสียพระพรที่พระเจ้าทรง ประทานให้นั้นไปสู่หายนะแห่งวิญญาณนิรันดร โดยอาศัยพระหรรษทานและโดยความ ช่วยเหลือ การทูลขอของทูตสวรรค์ ขอให้เราทุกคนได้รบั ความรอดฝ่ายวิญญาณด้วยเทอญ


สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี กดว 11:25-29 ในเวลานั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาในเมฆ ตรัสแก่โมเสส พระองค์ทรงเอา จิตส่วนหนึง่ ทีอ่ ยูใ่ นโมเสสประทานให้ผอู้ าวุโสเจ็ดสิบคนเหล่านัน้ เมือ่ พระจิตลงมาเหนือ เขาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เริ่มพูดเหมือนประกาศก แล้วก็หยุดไป ในบรรดาผูอ้ าวุโสเจ็ดสิบคน มีอยูส่ องคนชือ่ เอลดาดและเมดาด คงอยูใ่ นค่าย ไม่ ได้ไปที่กระโจมนัดพบ พระจิตก็ลงมาเหนือเขาทั้งสองคนด้วย เขาเริ่มพูดเหมือน ประกาศกอยู่ในค่าย ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งไปบอกโมเสส และรายงานให้รู้ว่า “เอลดาด และเมดาดกำ�ลังพูดเหมือนประกาศกอยูใ่ นค่าย” โยชูวาบุตรของนูน เป็นผูช้ ว่ ยโมเสส มาตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่มก็กล่าวแก่โมเสสว่า “โมเสสเจ้านายจงห้ามเขาเถิด” โมเสส ตอบว่า “ท่านอิจฉาแทนเราหรือ เราปรารถนาจะให้องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระจิต ของพระองค์แก่ประชากรทั้งปวง และให้เขาทุกคนเป็นประกาศกด้วย” เพลงสดุดี สดด 19:7,9,11-12,13 ก) ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าสมบูรณ์ทุกประการ ให้ความชื่นบานแก่จิตวิญญาณ กฤษฎีกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มั่นคง ให้ปรีชาญาณแก่ผู้ด้อยปัญญา ข) ความย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าบริสุทธิ์ด�ำรงอยู่ตลอดไป กฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็สัตย์จริง เที่ยงธรรมทุกประการ ค) แม้ผู้รับใช้ของพระองค์ก็ยังยอมรับการอบรมจากกฎเหล่านี้ และรับบ�ำเหน็จยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติตาม ใครจะรู้ข้อบกพร่องของตน ขอพระองค์ทรงอภัยความผิดที่มองไม่เห็นด้วยเถิด ง) ขอพระองค์ทรงช่วยผู้รับใช้ให้พ้นจากความจองหอง อย่าให้ความจองหองนี้ครอบง�ำข้าพเจ้าเลย เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่มีที่ต�ำหนิ บริสุทธิ์พ้นจากบาปหนัก บทอ่านจากจดหมายนักบุญยากอบ ยก 5:1-6 ผู้มั่งมีทั้งหลาย จงร้องไห้ครํ่าครวญเพราะความทุกข์ยากกำ�ลังจะมาถึงท่านแล้ว ทรัพย์สมบัติของท่านเสื่อมสลาย เสื้อผ้าก็ถูกมอดกัดกินหมดแล้ว เงินทองของท่านก็ เป็นสนิม และสนิมนั้นจะเป็นพยานกล่าวโทษท่าน มันจะกัดกินเนื้อของท่านประดุจไฟ ซึ่งท่านสะสมไว้สำ�หรับวันสุดท้าย ท่านคดโกง ไม่จ่ายค่าจ้างให้กรรมกรที่เก็บเกี่ยวใน ทุ่งนาของท่าน ค่าจ้างนี้กำ�ลังร้อง และเสียงร้องของคนเก็บเกี่ยวไปถึงพระกรรณของ


องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลแล้ว ท่านมีชีวิตอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือยในโลกนี้ และกินเลี้ยงอย่างสนุกสนาน ท่านบำ�รุง จิตใจของท่านไว้รอวันประหารชีวิต ท่านตัดสินลงโทษและ ฆ่าผู้ชอบธรรม เขาก็มิได้ขัดขืนท่าน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 9:38-43,45,47-48 เวลานั้น ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามพระองค์ เรา จึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำ� อัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผูใ้ ดไม่ตอ่ ต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา” “ผู้ใดให้นํ้าท่านดื่มเพียงแก้วหนึ่งเพราะท่านเป็นคนของพระคริสตเจ้า เราบอกความจริงกับท่านว่า เขา จะได้บำ�เหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” “ผู้ใดเป็นเหตุให้คนธรรมดาๆ ที่มีความเชื่อเหล่านี้ทำ�บาป ถ้าเขาจะถูกผูกคอด้วยหินโม่ถ่วงในทะเลก็ ยังดีกว่ากระทำ�ดังกล่าว ถ้ามือข้างหนึ่งของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำ�บาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิต นิรันดรโดยมีมือข้างเดียว ยังดีกว่ามีมือทั้งสองข้างแต่ต้องตกนรกในไฟที่ไม่รู้ดับ ถ้าเท้าข้างหนึ่งของท่านเป็น เหตุให้ท่านทำ�บาป จงตัดมันทิ้งเสีย ท่านจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรโดยมีเท้าข้างเดียว ยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ ถูกโยนลงนรก ถ้าตาข้างหนึง่ ของท่านเป็นเหตุให้ทา่ นทำ�บาป จงควักมันออกเสีย ท่านจะเข้าสูพ่ ระอาณาจักร ของพระเจ้า โดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีตาทั้งสองข้างแต่ต้องถูกโยนลงนรก ที่นั่นหนอนไม่รู้ตาย ไฟไม่รู้ ดับ” ทุกคนที่มีความเชื่อและปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าจะได้รับสันติสุขจากชีวิตนิรันดร แต่ กระนั้นก็ดี เพื่อที่จะได้มาซึ่งสันติสุขและชีวิตนิรันดรนั้น เราต้องออกแรงและลงทุนอย่างทุ่มเทสุดกำ�ลัง เพราะ ไม่มีความสำ�เร็จใดที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องทำ�อะไร พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนออกแรงอย่างเต็มที่ก่อน ส่วน ทีเ่ หลือพระเจ้าจะเติมเต็มให้ความตัง้ ใจดีนนั้ ไปถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน และแม้เราจะมีความตัง้ ใจดีมากเท่าใด เราจะถูกท้าทายหนักมากยิง่ ขึน้ ขอเพียงเราอย่ายอมแพ้กแ็ ล้วกัน ทีส่ �ำ คัญขอให้เราทุกคนเสริมสร้างและสนับสนุน ในทุกกิจการความดีให้แก่กันและกันเสมอ



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.