สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 3:17-19,27-29 ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำ�สิ่งใด จงทำ�ด้วยความอ่อนโยนเถิด แล้วท่านจะเป็นที่รัก มากกว่าคนให้ของกำ�นัล ท่านยิง่ เป็นใหญ่มากขึน้ เท่าใด ก็ยงิ่ ต้องถ่อมตนลงมากเท่านัน้ แล้วพระเจ้าจะโปรดปรานท่าน เพราะพระอานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงได้รับเกียรติจากผู้ตํ่าต้อย ผู้มีใจดื้อดึงจะรับทุกข์ทรมานอย่างหนัก คนบาปยิ่งจะสะสมบาปมากขึ้น ผลร้าย ของความเย่อหยิ่งยากอย่างยิ่งที่จะบำ�บัดได้ เพราะความชั่วร้ายฝังรากลึกในตัวเขา จิตใจของคนฉลาดย่อมไตร่ตรองเรื่องอุปมา ผู้มีปัญญาย่อมใฝ่หาคนที่ตั้งใจฟัง เพลงสดุดี สดด 68:3-4ก,5-6ก,9-10 ก) ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์ จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ ข) พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นบิดาของลูกกำ�พร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพำ�นักอยู่ ทรงนำ�ผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง ค) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานฝนมากมายลงมา พระองค์ทรงบันดาลให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับชุ่มชื่น ประชากรของพระองค์เข้าพำ�นักในแผ่นดินนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระทัยดี เตรียมแผ่นดินนี้ไว้สำ�หรับคนขัดสน บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 12:18-19,22-24ก พีน่ อ้ ง ท่านทัง้ หลายมิได้เข้าใกล้สงิ่ ทีป่ ระสาทสัมผัสได้ หรือสิง่ ทีม่ เี ปลวไฟลุกโชติ ช่วง หรือสิ่งที่มีความมืดมัวและมืดมิดหรือพายุ หรือเสียงแตรหรือพระสุรเสียง ซึ่ง ทำ�ให้ทกุ คนทีไ่ ด้ยนิ พากันร้องขอให้ยตุ ิ แต่ทา่ นเข้ามาถึงภูเขาศิโยนและนครแห่งพระเจ้า ผู้ทรงชีวิต คือ นครเยรูซาเล็มในสวรรค์ ซึ่งมีทูตสวรรค์เหลือคณานับ ท่านเข้ามาถึงที่ ชุมนุมฉลองชัยและมาถึงชุมนุมของบุตรคนแรกที่ได้รับการลงชื่อไว้ในสวรรค์แล้ว มา ถึงพระเจ้า พระตุลาการของมนุษย์ทุกคน ร่วมกับบรรดาจิตของผู้ชอบธรรมที่บรรลุถึง ความสมบูรณ์แล้ว และยังเข้ามาถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 14:1,7-14 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้า
09.indd 284
21/12/2561 14:50:21
ชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มี เกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า “เมื่อมีใครเชิญท่านไปใน งานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคน สำ�คัญกว่าท่านได้รบั เชิญมาด้วย เจ้าภาพทีเ่ ชิญท่านและเชิญ เขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ทนี่ งั่ แก่ผนู้ เี้ ถิด’ แล้วท่านจะต้อง อับอายไปนัง่ ทีส่ ดุ ท้าย แต่เมือ่ ท่านได้รบั เชิญ จงไปนัง่ ในทีส่ ดุ ท้ายเถิด เพือ่ เจ้าภาพทีเ่ ชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพือ่ นเอ๋ย จงไปนัง่ ในทีท่ ดี่ กี ว่านีเ้ ถิด’ แล้วท่านจะได้รบั เกียรติตอ่ หน้าผู้ ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ตํ่าลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” พระองค์ตรัสกับผูท้ เี่ ชิญพระองค์วา่ “เมือ่ ท่านจัดเลีย้ ง อาหารกลางวันหรืออาหารคาํ่ อย่าเชิญมิตรสหาย พีน่ อ้ งหรือเพือ่ นบ้านทีม่ งั่ มี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่าน จะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะ เป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรม กลับคืนชีวิต” เกียรติยศมักดูดีในสายตาของมนุษย์ด้วยกัน...แต่ในสายตาของพระเจ้านั้นกลับไม่มีค่าอะไรเลย ตรงข้ามถ้าอยากจะมีเกียรติในสายตาของพระเจ้านั้น เราต้องกระทำ�ตัวให้เป็นผู้ตํ่าต้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประพฤติตนให้เป็นทีพ่ อพระทัย เช่น ให้เกียรติแก่ผตู้ าํ่ ต้อย ผูต้ กทุกข์ในสังคม รัก เมตตา ต่อคนชายขอบ นีแ่ หละ! คือ สิ่งที่พอพระทัย
09.indd 285
21/12/2561 14:50:22
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
สดด 96:1 และ 3,4-5, 11-12,13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 1 ธส 4:13-18 พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่า พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำ� บรรดาผู้ที่หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาของ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผูย้ งั มีชวี ติ และรออยูจ่ นถึงวันทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็น เจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผูท้ ลี่ ว่ งหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะเสด็จ ลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมือ่ มีเสียงหัวหน้าทูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูก รับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่ กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป จงใช้ถ้อยคำ�เช่นนี้ปลอบใจกันเถิด
พระวรสาร ลก 4:16-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ทรงเจริญวัย ในวันสับบาโต พระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมเช่นเคย ทรงยืนขึ้นเพื่อทรงอ่านพระคัมภีร์ มีผู้ส่งม้วนหนังสือประกาศก อิสยาห์ให้พระองค์ พระเยซูเจ้าทรงคลี่ม้วนหนังสือออก ทรงพบข้อความที่เขียนไว้ว่า พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดี แก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผถู้ กู จองจำ� คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อย ผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระเยซูเจ้าทรงม้วนหนังสือส่งคืนให้เจ้าหน้าที่และประทับนั่งลง สายตาของทุกคนที่อยู่ในศาลา ธรรมต่างจ้องมองพระองค์ พระองค์จึงทรงเริ่มตรัสว่า “ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่ นี้เป็นความจริงแล้ว” ทุกคนสรรเสริญพระองค์และต่างประหลาดใจในถ้อยคำ�น่าฟังที่พระองค์ตรัส เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านคงจะกล่าวคำ�พังเพยนี้ แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจง ทำ�ที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’ แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความ อดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไป หาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรค เรือ้ นหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มใี ครได้รบั การรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านัน้ ’”... ชาวยิวในพระวรสารแสดงให้เห็นถึงความดื้อดึง ไม่ยอมรับว่าพระองค์คือพระเจ้า...มนุษย์มักจะมี เหตุผลต่างๆ นานาและรวมถึงการปฏิเสธไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า... เราอาจกำ�ลังเริ่มปฏิเสธพระองค์แบบกลายๆ แม้ว่าไม่ได้ขับไล่พระองค์เหมือนในพระวรสาร....ทุกวันนี้เราได้สวดภาวนา..ไปวัดสมํ่าเสมอหรือไม่ หรือว่าเรา ชอบหาเหตุผลเพื่อปฏิเสธหน้าที่ของตน 09.indd 286
21/12/2561 14:50:22
บทอ่านที่ 1 1 ธส 5:1-6,9-11 พี่น้องทั้งหลาย ไม่จำ�เป็นที่จะเขียนบอกท่านเรื่องวันเวลาที่กำ�หนด ท่านรู้อยู่แล้ว ว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน เมื่อใดที่กล่าวกันว่า “มีสนั ติและความปลอดภัยแล้ว” เมือ่ นัน้ ความพินาศจะอุบตั แิ ก่เขาโดยฉับพลันเหมือน ความเจ็บปวดของหญิงมีครรภ์ แล้วเขาจะหนีไม่พ้น ส่วนท่าน พี่น้องทั้งหลาย อย่าดำ�รงชีวิตในความมืด เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่รู้ ตัวเหมือนขโมย ทุกท่านเป็นบุตรแห่งความสว่างและบุตรแห่งทิวากาล เรามิได้อยู่ฝ่าย ราตรีกาลหรือความมืด ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น จงตื่นอยู่เสมอและ จงรู้จักประมาณตน เพราะพระเจ้ามิได้ทรงกำ�หนดให้เราต้องรับโทษ แต่ทรงกำ�หนด ให้เราได้รับความรอดพ้นเดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระองค์ ไม่ว่าเราจะตื่นหรือหลับ ดังนั้น จงให้กำ�ลังใจกัน และจงช่วยเสริมสร้างกันและกัน ดังที่ท่านกำ�ลังทำ�อยู่แล้วนี้เถิด
ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 27:1,4,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 4:31-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำ�สั่งสอนของพระองค์ทำ�ให้ผู้ฟังประทับใจอย่าง มาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำ�นาจ ในศาลาธรรม ชายคนหนึง่ ถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมา ยุง่ กับพวกเราทำ�ไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายพวกเราใช่ไหม ฉันรูว้ า่ ท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ ทำ�ร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึง มีอำ�นาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์ เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น กระแสโลกทุกวันนี้เต็มด้วยแสง สี เสียง พร้อมกับความวุ่นวาย จนบางครั้ง เราเองก็เริม่ จะหลงเดินตามกระแสโลก ลืมทีจ่ ะฟังเสียงพระเจ้า เราอาจกำ�ลังเปิดหัวใจให้ ปีศาจได้เข้ามาครอบครองไปแล้ว... จงอย่าปล่อยใจของเราหลงไปมากกว่านี้ คุยกับพระ บ้าง (สวดภาวนา) หาเวลาเงียบๆ ฟังพระพูดในใจของเรา
09.indd 287
21/12/2561 14:50:23
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 52:8,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 คส 1:1-8 จากเปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระเจ้า และ จากทิโมธีน้องชาย ถึงพี่น้องชาวโคโลสีผู้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเชื่อในพระคริสตเจ้า ขอพระหรรษทานและสันติจากพระเจ้าพระบิดาของเราสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด เมื่อเราอธิษฐานภาวนาเพื่อท่านทั้งหลาย เราขอบพระคุณพระเจ้า พระบิดาของ พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่เสมอ เพราะเราได้ยินกิตติศัพท์ความเชื่อ ของท่านในพระคริสตเยซู และได้ยินกิตติศัพท์ความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งปวง โดยมีความหวังคอยท่านอยู่ในสวรรค์แล้ว ความหวังนี้ท่านรู้มาก่อนจากการ ประกาศพระวาจาแห่งความจริงคือข่าวดี ข่าวดีนี้มาถึงท่าน กำ�ลังบังเกิดผลและเจริญ ในท่านเช่นเดียวกับที่กำ�ลังบังเกิดผลและเจริญอยู่ทั่วไปในโลก นับตั้งแต่วันที่ท่านได้ ฟังและรูถ้ งึ พระหรรษทานของพระเจ้าในความจริง ดังทีท่ า่ นเรียนรูจ้ ากเอปาฟรัส เพือ่ น ร่วมงานที่รักยิ่งของเรา เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า ทำ�งานอย่างซื่อสัตย์แทนเรา เขาแจ้งให้เรารู้ถึงความรักในพระจิตเจ้าที่ท่านทั้งหลายมีต่อเรา พระวรสาร ลก 4:38-44 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยา ซีโมนกำ�ลังป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์ จึงทรงก้มลงเหนือนางและทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำ�ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้า พระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจาก โรค ปีศาจออกจากคนจำ�นวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จน พบ แล้วหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้อง ประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมืองอื่นด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็ เพื่อการนี้” พระองค์จึงทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย การรักษาโรคของพระเยซูเจ้า ทำ�ให้มคี นเชือ่ ศรัทธาและกลับใจจำ�นวนมาก แบบอย่างของพระองค์เร้าใจเราให้เลียนแบบชีวติ ของพระองค์...กล่าวคือยึดมัน่ ทีจ่ ะกระทำ� ความดี เพื่อเป็นพลังดึงดูดผู้คนให้กลับใจและเชื่อพระวรสาร
09.indd 288
21/12/2561 14:50:23
บทอ่านที่ 1 คส 1:9-14 พี่น้อง นับแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราอธิษฐานภาวนาสำ�หรับท่านอยู่เสมอ วอนขอให้ทา่ นมีความรูอ้ ย่างสมบูรณ์ถงึ พระประสงค์ของพระเจ้าด้วยสรรพปรีชาญาณ และความเข้าใจฝ่ายจิต เพื่อท่านจะได้ดำ�เนินชีวิตอย่างเหมาะสมกับองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นทีส่ บพระทัยพระองค์ในทุกสิง่ บังเกิดผลเป็นกิจการดีทกุ ประการ และมีความรูเ้ รือ่ ง สัปดาห์ที่ 22 พระเจ้ามากขึน้ ให้ทา่ นทัง้ หลายได้รบั พละกำ�ลังมากขึน้ จากพระฤทธานุภาพอันรุง่ โรจน์ ของพระองค์ จะได้มีความพากเพียร เข้มแข็งและอดทนทุกสิ่ง ขอบพระคุณพระบิดา เทศกาลธรรมดา เจ้าด้วยความยินดี พระองค์โปรดให้ทา่ นเป็นบุคคลทีเ่ หมาะสมจะเข้าอยูใ่ นแสงสว่าง มี สดด 98:2-3กข,3คง-4, 5-6 ส่วนได้รับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำ�นาจความมืดมนและทรงนำ�เราเข้าไปสู่พระ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 อาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ เดชะพระบุตรนี้ เราได้รับการไถ่กู้และได้ รับการอภัยบาป พระวรสาร ลก 5:1-11 วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงยืนอยูบ่ นฝัง่ ทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะทีป่ ระชาชนเบียด เสียดรอบพระองค์เพือ่ ฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำ� จอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำ�ลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำ�หนึ่งซึ่ง เป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอน ประชาชนจากเรือนั้น เมือ่ ตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซโี มนว่า “จงแล่นเรือออกไปทีล่ กึ และลง อวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทัง้ คืนแล้ว จับ ปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำ�รัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำ�ดังนี้แล้ว พวก เขาจับปลาได้จำ�นวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำ� หนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำ�ปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ� จนเรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้ มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระ เยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำ�เรือ กลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป “โปรดไปเสียจากข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้ามาบนโลกใบนีไ้ ม่ได้มาเพือ่ แสวงหาคนดี แต่มาเพือ่ แสวงหาคนบาป.... เรามนุษย์เต็มไปด้วยความอ่อนแอ ทัง้ ร่างกายและจิตใจ แม้วา่ จะถูก ผจญล่อลวง จนหลงมัวเมา แต่ถึงอย่างไรพระองค์ก็ยังจะไม่ทรงทอดทิ้ง พระองค์ยังคงอยู่กับเราเสมอๆ ...ขอ เพียงแต่เราต้องเป็นทุกข์กลับใจใหม่ทุกวัน 09.indd 289
21/12/2561 14:50:24
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 100:1ข-2,3,4,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 คส 1:15-20 พระคริสตเจ้าทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าทีเ่ รามองไม่เห็น ทรงเป็นบุตรคนแรก ในบรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งที่แลเห็นได้ และไม่อาจแลเห็นได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำ�นาจ ล้วนถูกสร้างโดยพระองค์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งถูกเนรมิตขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำ�รงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งดำ�รงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นปฐมเหตุ ทรง เป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกใน ทุกสิ่ง เพราะพระเจ้าพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวงอยู่ในพระคริสตเจ้า และให้ สรรพสิง่ คืนดีกบั พระองค์โดยทางพระคริสตเจ้า ผูโ้ ปรดให้ทกุ สิง่ มีสนั ติ ด้วยพระโลหิต ที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ทั้งสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ พระวรสาร ลก 5:33-39 เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐาน ภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำ�เช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผรู้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจำ�ศีลอดอาหารได้หรือขณะที่ เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำ�ศีล อดอาหาร” พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำ�ให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่ม เหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า ‘เหล้าเก่านั้นดีกว่า’” การเลีย้ งฉลองเป็นการแสดงออกถึงความชืน่ ชมยินดี ศิษย์ของพระองค์ดว้ ย เช่นเดียวกัน พวกเขาต่างมีความสุขเวลาที่มีพระองค์อยู่กับพวกเขา....ในทุกวันนี้ เรารู้สึก มีความสุขไหม? เวลาที่เราไปร่วมงานเลี้ยงฉลองของพระเยซูเจ้า “พิธีมิสซา” มีพระกาย และพระโลหิตของพระองค์เป็นอาหารและเครือ่ งดืม่ สำ�หรับผูม้ คี วามเชือ่ ศรัทธา พิธกี รรม นี้สอนหนทางดำ�เนินชีวิตเสียสละขั้นสูงสุด กล่าวคือ ผู้ที่รับพระเยซูเจ้าต้องสามารถพูด อย่างที่พระองค์พูด “กายของเรามอบแด่ท่าน โลหิตของเราหลั่งออกเพื่ออภัยบาปท่าน” งานเลี้ยงเช่นนี้สอนคนให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พร้อมที่จะดูแลผู้อื่น
09.indd 290
21/12/2561 14:50:24
บทอ่านที่ 1 คส 1:21-23 พี่น้อง ในอดีต ท่านทั้งหลายห่างเหินและเป็นศัตรูกับพระเจ้า มุ่งจะทำ�กิจการ ชั่วร้าย แต่บัดนี้ พระเจ้าโปรดให้ท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์อีกโดยการ สิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าในร่างกายที่ตายได้ เพื่อจะได้ถวายท่านทั้งหลายเฉพาะ พระพักตร์ให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้มลทินและไม่ถูกตำ�หนิ ดังนั้น ท่านจงยืนหยัดมั่นคงใน ความเชือ่ ไม่หวั่นไหวจากความหวังตามข่าวดีทที่ า่ นได้รบั ฟัง ข่าวดีนปี้ ระกาศแก่มนุษย์ ทุกคนในโลกนี้แล้ว ข้าพเจ้า เปาโล ก็เป็นผู้รับใช้ในการประกาศข่าวดีนี้ด้วย
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 54:1-2,4 และ 6
พระวรสาร ลก 6:1-5 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมา ขยี้กิน ชาวฟาริสีบางคนจึงถามว่า “ทำ�ไมท่านทำ�สิ่งต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระ เยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำ�อะไรเมื่อ หิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปังที่ตั้งถวายมาเสวย และประทานแก่ผตู้ ดิ ตาม ขนมปังนีใ้ ครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านัน้ ” แล้ว พระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
อย่านำ�กฎเกณฑ์มาเป็นข้ออ้าง จนลืมกฎแห่งความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า แต่สิ่งที่พระเจ้าจะเสียใจมากที่สุดนั้น ก็คือ การที่มนุษย์นำ�ข้ออ้างกฎเกณฑ์มาใช้จับผิดมนุษย์ด้วยกันเอง เขาลืมบัญญัติแห่ง ความรัก...ที่สอนให้รู้จักอภัย อดทนนาน ไม่อิจฉาโกรธง่าย
09.indd 291
21/12/2561 14:50:25
สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 9:13-18 มนุษย์ใดจะรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าได้ ผู้ใดจะเข้าใจได้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงประสงค์สิ่งใด มนุษย์ผู้รู้ตายใช้เหตุผลอย่างไม่มั่นใจ ความคิดของเราก็ไม่แน่นอน เพราะร่างกายทีเ่ สือ่ มสลายได้นถี้ ว่ งวิญญาณ และร่างกายซึง่ เป็นเสมือนทีพ่ �ำ นักทำ�ด้วย ดินของวิญญาณ ก็ถ่วงจิตใจที่มีความคิดหนักอยู่แล้ว การจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของโลกนี้ ยากมาก การจะพบสิ่งที่อยู่แค่เอื้อมก็ยากนักหนา แล้วผู้ใดจะค้นพบสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ได้ ผู้ใดจะล่วงรู้พระประสงค์ของพระองค์ได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานพระปรีชาญาณให้ เขา ถ้าพระองค์ไม่ทรงส่งพระจิตศักดิส์ ทิ ธิล์ งมาจากเบือ้ งบน วิถที างของชาวโลกถูกดัด ให้ตรงเช่นนี้ มนุษย์ได้รับการสั่งสอนให้รู้ถึงสิ่งที่พอพระทัย เขาได้รับความรอดพ้นก็ อาศัยพระปรีชาญาณนี้เอง เพลงสดุดี สดด 90:2-4,5-7,12-13,14 และ 17 ก) ก่อนภูเขาจะเกิด ก่อนแผ่นดินและโลกจะถือกำ�เนิดขึ้นมา พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ทรงดำ�รงอยู่ตลอดไป พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นฝุ่นดิน โดยตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงกลับไปเถิด” ใช่แล้ว หนึ่งพันปีสำ�หรับพระองค์ ก็เหมือนวันวานที่เพิ่งผ่านไป เหมือนการเฝ้ายามเพียงยามเดียวเวลากลางคืน ข) พระองค์ทรงบันดาลให้ชีวิตจบลงเหมือนจมนํ้า สั้นเหมือนความฝันในยามเช้า เหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้น ในยามเช้าต้นหญ้าเติบโตขึ้นและออกดอก ในยามเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวแห้ง ข้าพเจ้าทั้งหลายถูกพระพิโรธของพระองค์ทำ�ลาย มีความหวาดกลัวเพราะความกริ้วของพระองค์ ค) โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จกลับมาเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องรอคอยอีกนานเพียงใด โปรดทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้พระองค์เถิด ง) ทุกยามเช้าโปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อย่างเต็มเปี่ยม
09.indd 292
21/12/2561 14:50:25
ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้โห่ร้องด้วยความเบิกบานและยินดีตลอดชีวิต ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดปรานข้าพเจ้า ขอพระองค์ประทานให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำ�สำ�เร็จไป ขอให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายทำ�มีความมั่นคง
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงฟีเลโมน ฟม 9ข-10,12-17 ผูท้ ขี่ อร้องนีค้ อื ข้าพเจ้า เปาโล ซึง่ เป็นคนชราและขณะนีเ้ ป็นนักโทษเนือ่ งจากพระคริสตเยซูดว้ ย ข้าพเจ้า ขอร้องท่านเพื่อบุตรคนหนึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้กำ�เนิดขณะที่ถูกจองจำ�คือโอเนสิมัส ข้าพเจ้ากำ�ลัง ส่งเขากลับไปหาท่าน นั่นคือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้าไปด้วย อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าต้องการให้เขาอยู่กับ ข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้าถูกจองจำ�เพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำ�สิ่ง ใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านทำ�ความดีเพราะถูกบังคับ แต่ทำ�ด้วยความสมัครใจ ข้าพเจ้าคิดว่า เขา ถูกพรากไปจากท่านระยะหนึ่ง เพื่อจะกลับมาอยู่กับท่านตลอดไป มิใช่ในฐานะทาส แต่ในฐานะที่ดีกว่ามาก คือเป็นน้องชายที่รัก ถ้าเขาเป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า เขาจะต้องเป็นที่รักของท่านมากกว่าสักเท่าใดเล่า ทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์และในฐานะที่เป็นพี่น้องในองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็น มิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 14:25-33 เวลานั้น ประชาชนจำ�นวนมากกำ�ลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับเขา ทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่ง ชีวติ ของตนเอง ผูน้ นั้ เป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผูใ้ ดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผูน้ นั้ เป็นศิษย์ของเรา ไม่ได้” “ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำ�นวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้น เมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำ�เร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะเยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำ�ให้ สำ�เร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำ�สงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำ�นวณก่อนหรือว่า ถ้า ใช้กำ�ลังพลหนึ่งหมื่นคน จะเผชิญกับศัตรูที่มีกำ�ลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยัง อยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็ เป็นศิษย์ของเราไม่ได้” บิดามารดาเป็นผู้ให้ร่างกายให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา จึงไม่แปลกที่เราจะรักบิดามารดาของเรา... แต่พระเจ้าทรงประทานชีวติ และจิตวิญญาณ ทรงมอบสิง่ สร้างทัง้ หมดเพือ่ เลีย้ งดูเรา พระเจ้าทรงรักเรามากกว่า พ่อแม่ของเรา...ปราศจากพระเจ้าเราก็ไม่สามารถทำ�อะไรได้เลย... ดังนั้นบรรดานักบวชที่ถวายตัว พวกเขาจึง มอบทั้งชีวิตและจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อพระเจ้า
09.indd 293
21/12/2561 14:50:25
น.เปโตร คลาแวร์ พระสงฆ์ สดด 62:5-6,8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 คส 1:24-2:3 พี่น้อง บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของ พระคริสตเจ้ายังขาดสิง่ ใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ดว้ ยการทรมานในกายของข้าพเจ้า เพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระศาสนจักรนี้ตาม ภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้ เพื่อจะได้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่านอย่าง สมบูรณ์ นั่นคือธรรมลํ้าลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัย บัดนี้ธรรมลํ้าลึกปรากฏชัดแจ้ง แก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้น รู้ ว่ า ธรรมลํ้ า ลึ ก นี้ ได้ นำ � พระสิ ริรุ่ ง โรจน์ล้นเหลือมาให้ค นต่า งศาสนา นั่นคือการที่ พระคริสตเจ้าทรงดำ�รงอยู่ในท่าน ทรงเป็นความหวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรือง เรา ประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ โดยเตือนและสอนทุกคนให้มคี วามรูท้ กุ อย่างเพือ่ ให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า ด้วยเหตุนขี้ า้ พเจ้าจึงตรากตรำ�ทำ�งาน และต่อสู้ ด้วยพลังทีม่ าจากพระองค์ พลังนีก้ �ำ ลังมีอ�ำ นาจผลักดันให้ขา้ พเจ้าทำ�งานอย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าปรารถนาให้ทา่ นทัง้ หลายรูว้ า่ ข้าพเจ้าต้องต่อสูอ้ ย่างหนักเพียงใดเพือ่ ท่าน เพื่อชาวเลาดีเซีย และเพื่อทุกคนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้าเลย เขาจะได้รับกำ�ลังใจ มี ความรักความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น จะได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างซาบซึ้งในธรรมลํ้าลึก ของพระเจ้าซึง่ หมายถึงพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้ามีพระปรีชาญาณและความ รอบรู้ซ่อนอยู่เป็นขุมทรัพย์ลํ้าค่า พระวรสาร ลก 6:6-11 วันสับบาโตอีกวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสัง่ สอนทีน่ นั่ มีชายคนหนึง่ มือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสคี อยจ้องดูวา่ พระองค์จะทรง รักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพือ่ จะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรง ทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ลุก ขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควรทำ�ความ ดี หรือทำ�ความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือทำ�ลายชีวิต” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเขาทุก คนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ทำ�ตามและมือของเขาก็หาย เป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะทำ� อย่างไรกับพระเยซูเจ้า พวกฟารีสมี คี วามรูส้ กึ อิจฉา เมือ่ เห็นพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บป่วยได้ ความ อิจฉาของพวกเขาเริม่ ทีจ่ ะทวีมากขึน้ เพราะพวกประชาชนต่างเริม่ เชือ่ ศรัทธา และให้ความ สนใจต่อพระเยซูเจ้ามากกว่าพวกเขา หรืออาจจะอิจฉาทีพ่ ระเยซูให้อภัยคนบาปได้...อิจฉา คือไม่พอใจที่เห็นคนอื่นได้ดี ไม่รับรู้ว่าพระเจ้าประทานพระพรแก่แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพื่อให้คนต้องพึ่งพาอาศัยกัน สังคมจึงมีสันติสุข
09.indd 294
21/12/2561 14:50:26
บทอ่านที่ 1 คส 2:6-15 พี่น้อง เมื่อท่านได้รับองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว จงดำ�เนินชีวิตในพระองค์ต่อไป จงฝังรากลึก และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่างมั่นคงดังที่ท่านได้ รับคำ�สั่งสอนมา จงเต็มเปี่ยมไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า จงระวังอย่าให้ผู้ใดใช้ปรัชญาหรือเล่ห์กลไร้แก่นสารหลอกลวงท่านตามขนบ สัปดาห์ที่ 23 ประเพณีของมนุษย์หรือตามจิตที่ควบคุมโลก ไม่ใช่ตามพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้านั้น พระเทวภาพบริบูรณ์ดำ�รงอยู่ในสภาพมนุษย์ที่สัมผัสได้ เทศกาลธรรมดา สดด 145:1-2, และท่ า นได้ รั บ ความบริ บู ร ณ์ ในพระองค์ ผู้ ท รงเป็ น ประมุ ข แห่ ง บรรดาเทพผู้ ท รง 8-9,10-11 เดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำ�นาจทั้งสิ้น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ในองค์พระคริสตเจ้า ท่านเข้าสุหนัตอย่างแท้จริงมิใช่จากการกระทำ�ของมนุษย์โดย ตัดส่วนหนึ่งของร่างกายทิ้ง แต่เป็นการเข้าสุหนัตที่มาจากพระคริสตเจ้า เมื่อรับศีล ล้างบาป ท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ด้วยความเชื่อใน พระเดชานุภาพของพระเจ้า ผูท้ รงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย ในอดีตท่าน ตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกาย แต่พระเจ้าโปรดให้ทา่ นมีชวี ติ พร้อมกับพระคริสต เจ้าโดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา พระองค์ทรงยกเลิกหนี้สินที่เรามีต่อบทบัญญัติซึ่งกล่าวหาเราโดยทรงยกหนี้สินนั้นไปจากเรา และตรึง ไว้กับไม้กางเขน พระองค์ยังทรงปลดอำ�นาจของเทพนิกรนายผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำ�นาจลง และ ทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้าต่อหน้ามหาชน พระวรสาร ลก 6:12-19 ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอด ทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัคร สาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมา ยูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์ กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมือง ไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ที่ถูกปีศาจ รบกวนได้รบั การรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย การเป็นคริสตชนของเรานัน้ นับว่าเป็นพระพรยิง่ ใหญ่ ทีไ่ ด้มาเป็นศิษย์ใกล้ชดิ ของพระองค์ เราได้ เรียนรู้หนทางไปสวรรค์ได้มากกว่าคนอื่น แม้ว่าหนทางนี้อาจจะเต็มไปด้วยความยากลำ�บาก กล่าวคือเป็นทาง กางเขนที่ต้องสู้ชีวิต แต่เป็นทางที่นำ�ชัยชนะและความสำ�เร็จตั้งแต่ในโลกปัจจุบันแล้ว 09.indd 295
21/12/2561 14:50:26
บทอ่านที่ 1 คส 3:1-11 พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่ อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่ อยูเ่ บือ้ งบน อย่าพะวงถึงสิง่ ของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทัง้ หลายตายไปแล้วและชีวติ ของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้าองค์ชีวิตของท่านจะ สัปดาห์ที่ 23 ทรงสำ�แดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย เทศกาลธรรมดา ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลส สดด 145:2-3,10-11, ตัณหา ความปรารถนาในทางชัว่ ร้าย และความโลภซึง่ เป็นเหมือนการกราบไหว้รปู เคารพ 12-13กข อย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้นำ�การตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ครั้งหนึ่ง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ท่านก็เคยเป็นเช่นนี้ เคยดำ�เนินชีวติ ในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บดั นี้ ท่านจงขจัดทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่า พูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำ�ตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่ วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง ดังนั้น การ เป็นชาวกรีก หรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็น คนอิสระก็ไม่สำ�คัญอีกต่อไป ที่สำ�คัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน พระวรสาร ลก 6:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่าน ประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดี เถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านนัน้ ยิง่ ใหญ่นกั ในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกมาแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่รํ่ารวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบตั จิ งเกิดกับท่านเมือ่ ทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรษุ ของเขาเหล่านัน้ เคยทำ�เช่นนีก้ บั บรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว” ความสุขแท้กับความสุขเทียม ต่างกันที่การเพ่งมองโลกนี้หรือโลกหน้า ถ้าเราต้องการความสุข เพียงแค่โลกนี้ นั้นก็เท่ากับว่าเรากำ�ลังเลือกแสวงเพียงแค่ความสุขเทียม ซึ่งเป็นแค่ชั่วคราวบนโลกใบนี้ ตรงกัน ข้าม ถ้าเราเลือกที่จะแสวงหาความสุขแท้ ซึ่งต้องผ่านความทุกข์ การเอาชนะความเห็นแก่ตัว และมุ่งที่จะทำ�ดี ช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือหนทางสู่ชีวิตนิรันดร์ 09.indd 296
21/12/2561 14:50:26
บทอ่านที่ 1 คส 3:12-17 พีน่ อ้ ง ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นทีร่ กั ของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทน เป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุข ของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทัง้ หลายให้รวมเป็น กายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตในท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือน กันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากใจจริง ท่านจะพูดเรื่องใดหรือทำ�กิจการใด ก็จงพูดจง ทำ�ในพระนามพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดย ทางพระองค์เถิด
พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระนางมารีย์ พรหมจารี สดด 150:1ข-2,3-4, 5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 6:27-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “แต่เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่ก�ำ ลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อผู้ท่ีเกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่ สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบ ด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวง ของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำ�ต่อท่านอย่างไร ก็จงทำ�ต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรัก เฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำ�ดี เฉพาะต่อผู้ที่ทำ�ดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำ�เช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วย กันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำ�นวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำ�เหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยงิ่ ท่านจะเป็นบุตรของพระผูส้ งู สุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคน อกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้ อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่าน ใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” ทุกวันนี้การล้างแค้นการแก้แค้น ทำ�ไปเพียงเพื่อความพอใจ หรือคิดเพียงว่าเพื่อความยุติธรรม... ตาต่อต่อตา ฟันต่อต่อฟัน...ใครทำ�ชั่วจะต้องชดใช้ให้สาสม ซึ่งประโยคเหล่านี้หรือนิสัยแบบนี้คงจะใช้ไม่ได้กับ คำ�สอนของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงสอนเรือ่ งความรักและการให้อภัย...ใครตบแก้มขวา จงหันแก้มซ้ายแถมให้ จงรักศัตรูที่เข้ามาทำ�ลาย... นี่แหละคือคำ�สอนสำ�หรับคริสตชน 09.indd 297
21/12/2561 14:50:27
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 1:1-2,12-14 จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซูโดยการแต่งตัง้ ตามพระบัญชาของพระเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา และของพระคริสตเยซูผู้ทรงเป็นความหวังของเรา ถึงทิโมธี ผู้เป็นบุตรแท้จริงในความเชื่อ ขอพระหรรษทาน พระเมตตากรุณาและสันติจากพระเจ้า พระบิดาและจาก ระลึกถึง พระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราสถิตกับท่านเถิด น.ยอห์น ครีโซสตม ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา ผูป้ ระทานพละกำ�ลัง แก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ พระสังฆราช และนักปราชญ์ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำ�ทารุณ แต่ข้าพเจ้า สดด 16:1-2ก และ 5, ก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำ�ไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มี 7-8,11 ความเชือ่ แต่พระหรรษทานขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเราทำ�ให้ขา้ พเจ้ามีความเชือ่ และ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น พระวรสาร ลก 6:39-42 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำ�ทาง คนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุก คนทีไ่ ด้รบั การฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน ทำ�ไมท่านจึงมองดูเศษ ฟางในดวงตาของพีน่ อ้ ง แต่ไม่สงั เกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะกล่าวแก่ พีน่ อ้ งได้อย่างไรว่า ‘พีน่ อ้ ง ปล่อยให้ฉนั เขีย่ เศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะ ทีท่ า่ นไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซือ่ ใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออก จากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขีย่ เศษฟางออกจากดวงตา ของพี่น้อง” ในโลกนี้ไม่มีใครที่เป็นคนดีบริบูรณ์...เราทุกคนต่างมีความอ่อนแอและข้อ บกพร่องด้วยกันทั้งนั้น แต่เราต่างเป็นพี่น้องกัน และในความเป็นพี่น้องกันนี่เอง ที่ทำ�ให้ เราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่มีอำ�นาจที่จะไปตัดสินว่า คนไหนดีคนไหนไม่ดี ซึ่งหลาย ครัง้ พระเจ้าก็มกั จะเตือนจะสอนเราเสมอว่า...จงอย่าตัดสินผูอ้ นื่ แล้วท่านจะไม่ถกู ตัดสิน... ถึงแม้วา่ เรามีความมัน่ ใจแล้วว่า ตัวเราเองไม่มที อ่ นซุงในตาแล้ว เราก็ท�ำ ได้เพียงแต่แนะนำ� ด้วยความรัก ความเมตตา ไม่ใช่การใช้ค�ำ พูดทีร่ นุ แรงและซาํ้ ร้ายไปกว่านัน้ ถ้าชีวติ ของเรา ยังไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย...
09.indd 298
21/12/2561 14:50:27
บทอ่านที่ 1 กดว 21:4-9 ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากภูเขาโฮร์มุ่งสู่ทะเลต้นกก เพื่อเลี่ยงแผ่นดิน เอโดม แต่ขณะทีอ่ ยูต่ ามทาง ประชากรเริม่ หมดความอดทน จึงพากันบ่นว่าพระเจ้าและ โมเสสว่า “ทำ�ไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากอียิปต์ให้มาตายในถิ่นทุรกันดารนี้ ที่นี่ไม่ มีทั้งนํ้าและอาหาร พวกเราเบื่ออาหารจืดชืดนี้เต็มทีแล้ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งงูพิษมากัดประชาชน ทำ�ให้ชาวอิสราเอลตายเป็นจำ�นวน มาก คนทัง้ ปวงจึงไปหาโมเสสขอร้องว่า “พวกเราทำ�บาปเพราะบ่นว่าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และบ่นว่าท่าน ขอท่านได้ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงขจัดงูพิษเหล่านี้ออกไปเถิด” โมเสสจึงวอนขอพระเจ้าเพื่อประชากร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงทำ� งูโลหะติดไว้บนเสา ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูโลหะนั้น จะรอดชีวิต” โมเสสจึงทำ� งูทองสัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสา ผู้ถูกงูกัด และมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต
ฉลอง เทิดทูนไม้กางเขน
สดด 78:1-2,34-35, 36-38
พระวรสาร ยน 3:13-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจาก ผูท้ ลี่ งมาจากสวรรค์ คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านัน้ โมเสสยกรูปงูขนึ้ ในถิน่ ทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ จะมีชีวิต นิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของ พระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพือ่ ตัดสินลงโทษโลก แต่เพือ่ โลกจะได้รบั ความ รอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น รูปงูทองแดงที่ถูกยกขึ้นในสมัยของโมเสสนั้น...แสดงถึงพระเมตตาของ พระเจ้าต่อชาวยิวทีส่ �ำ นึกผิด ทัง้ ยังสือ่ ความหมายถึงไม้กางเขนของพระเยซูคริสตเจ้าทีจ่ ะ ตามมา พระองค์ถูกประหารด้วยกางเขนที่ยกขึ้น เพื่อวอนขอพระบิดาโปรดอภัยความผิด ของทุกคน เป็นความรักขัน้ สูงสุด ด้วยการย่อมสละตนเองทัง้ สิน้ เพือ่ ผูอ้ นื่ เหมือนงูทองแดง ที่สามารถช่วยรักษาคนถูกงูพิษกัดได้
09.indd 299
21/12/2561 14:50:27
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 32:7-11,13-14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของ ท่านซึง่ ท่านได้น�ำ ออกมาจากแผ่นดินอียปิ ต์ได้ท�ำ ผิดอย่างสาหัส เขาเปลีย่ นวิถที างอย่าง รวดเร็วออกจากทางที่เราได้สั่งให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึ้น แล้วกราบนมัสการ ทั้ง ยังถวายบูชาแก่รูปนั้น พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเป็นพระเจ้า ของท่านผู้ทรงนำ�ท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อ ไปว่า “เรารู้จักคนเหล่านี้ดี เขาดื้อดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะ เผาผลาญเขาทั้งหลาย และเราจะทำ�ลายเขา เราจะทำ�ให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่” โมเสสอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำ�ไมพระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ทพี่ ระองค์ได้ทรง นำ�ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ ขอทรง ระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ผู้รับใช้พระองค์เถิด พระองค์ทรงสัญญากับเขา โดยทรงสาบานอาศัยพระนามพระองค์วา่ เราจะให้ลกู หลานของท่านมีจ�ำ นวนมากมาย เหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูกหลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ ทรงลงโทษประชากรของพระองค์ เพลงสดุดี สดด 51:1-2,10-12,15 และ 17 ก) ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์เถิด โปรดทรงลบล้างการล่วงละเมิดของข้าพเจ้าเพราะพระกรุณาของพระองค์ โปรดทรงล้างข้าพเจ้าให้สะอาดหมดจดจากความผิดของข้าพเจ้า โปรดชำ�ระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์จากบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำ� ข) ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงสร้างใจที่ใสสะอาดไว้ในข้าพเจ้า โปรดทรงฟื้นฟูดวงจิตของข้าพเจ้าให้มั่นคง ขออย่าทรงผลักไสข้าพเจ้าไปจากพระพักตร์ ขออย่าทรงยกพระจิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าเลย ขอพระองค์ประทานความชื่นชมที่ทรงช่วยให้รอดพ้นคืนให้ข้าพเจ้า ขอพระองค์ทรงคํ้าจุนจิตเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไว้ในข้าพเจ้า ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเผยริมฝีปากของข้าพเจ้า แล้วปากของข้าพเจ้าจะกล่าวสรรเสริญพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เครื่องบูชาของข้าพเจ้าคือดวงจิตที่เป็นทุกข์ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ไม่ทรงรังเกียจใจที่เป็นทุกข์และถ่อมตน
09.indd 300
21/12/2561 14:50:28
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 1:12-17 พี่น้อง ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผู้ เป็นเจ้าของเรา ผูป้ ระทานพละกำ�ลังแก่ขา้ พเจ้า ด้วยพระองค์ ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียน และทำ � ทารุ ณ แต่ ข้ า พเจ้ า ก็ ได้ รั บ พระเมตตากรุ ณาจาก พระองค์ เพราะข้าพเจ้าทำ�ไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มี ความเชื่อ แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทำ�ให้ขา้ พเจ้ามีความเชือ่ และความรักในพระคริสตเยซูอย่าง เหลือล้น ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำ�ที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะ ยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพือ่ ช่วยคนบาป ให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณา ต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนทีย่ าวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพือ่ เป็นแบบอย่างสำ�หรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์ นิรันดร อาเมน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 15:1-10 เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่าง บ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตาม หาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและ เพือ่ นบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกบั ฉันเถิด ฉันพบแกะตัวทีห่ ายไปนัน้ แล้ว’ เราบอกท่านทัง้ หลายว่าในสวรรค์ จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ ต้องการกลับใจ” “หญิงคนใดทีม่ เี งินสิบเหรียญแล้วทำ�หายไปหนึง่ เหรียญ จะไม่จดุ ตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถีถ่ ว้ น จนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉัน พบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อ คนบาปคนหนึ่งกลับใจ” นายชุมพาบาลทีอ่ อกตามหาแกะเพียงตัวเดียวทีห่ ายไป ต้องการอธิบายว่า “คนบาปทีแ่ ม้หลงทาง ไปแล้ว แต่คุณค่าและศักดิ์ศรีของเขายังอยู่คงเดิม เขาเป็นลูกของพระองค์” พระเป็นเจ้าทรงห่วงใยเขามากกว่า คนดีทั่วไป... คอกแกะเปรียบดังชุมชนวัดที่เราอยู่ เราคริสตชนต้องเป็นแกะที่ดีในคอก ที่จะสนใจเพื่อนแกะด้วย กัน เป็นเหมือนพระเยซูที่วางแบบอย่างไว้ 09.indd 301
21/12/2561 14:50:28
ระลึกถึง น.คอร์เนเลียส พระสันตะปาปา น.ซีเปรียน พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 28:2,7,8-9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 2:1-8 ลูกที่รักยิ่ง ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขอ อธิษฐาน อ้อนวอนแทนและ ขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำ�นาจ เราจะได้มีชีวิต ที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า การกระทำ�เช่นนี้ เป็นการกระทำ�ที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มีพระ ประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และรู้ความจริงที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะมีพระเจ้า เพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์กม็ คี นกลางแต่เพียงผูเ้ ดียวซึง่ เป็นมนุษย์คน หนึ่ง คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นสินไถ่สำ�หรับมนุษย์ทุกคน การมอบ พระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตามเวลาที่กำ�หนด และข้าพเจ้า ก็ได้รบั แต่งตัง้ ให้เป็นผูป้ ระกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผูส้ อนคนต่าง ชาติเรื่องความเชื่อและความจริง ข้าพเจ้ากำ�ลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จ ข้าพเจ้าปรารถนาให้บรุ ษุ ยกมือทีบ่ ริสทุ ธิข์ นึ้ อธิษฐานไม่วา่ จะอยูท่ ใี่ ด อย่าให้มคี วาม โกรธหรือการโต้เถียงใดๆ ระหว่างกัน
พระวรสาร ลก 7:1-10 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสพระวาจาทั้งหมดนี้ให้ประชาชนฟังจบแล้ว พระองค์เสด็จเข้าไปในเมือง คาเปอรนาอุม ผูร้ บั ใช้ของนายร้อยคนหนึง่ กำ�ลังป่วยใกล้จะตาย นายรักเขามาก เมือ่ นายร้อยได้ยนิ เรือ่ งเกีย่ ว กับพระเยซูเจ้า จึงส่งผูอ้ าวุโสบางคนของชาวยิวมาอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปช่วยชีวติ ของผูร้ บั ใช้ คนเหล่า นั้นมาเฝ้าพระเยซูเจ้า อ้อนวอนรบเร้าพระองค์ว่า “นายร้อยผู้นี้สมควรที่ท่านจะช่วยเหลือ เพราะเขารัก ชนชาติของเราและได้สร้างศาลาธรรมให้เรา” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับคนเหล่านั้น เมื่อพระองค์เสด็จมา ใกล้จะถึงบ้าน นายร้อยใช้เพื่อนบางคนไปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำ�บากไปเลย ข้าพเจ้าไม่ สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่อาจเอื้อมที่จะออกมาพบกับ พระองค์ แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียว ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าบอกคนหนึ่งว่า ‘ไป’ เขาก็ไป บอกอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าบอกผู้รับใช้ว่า ‘ทำ�สิ่งนี้’ เขาก็ทำ�” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินถ้อยคำ�เหล่านี้ ทรงประหลาด พระทัย ทรงหันพระพักตร์ไปยังประชาชนที่ติดตามพระองค์ตรัสว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคย พบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ในอิสราเอลเลย” เมื่อเพื่อนที่ถูกใช้มากลับไปถึงบ้าน ก็พบว่าผู้รับใช้ผู้นั้นหาย เป็นปกติแล้ว ตอนต้นของพระวรสารนักบุญลูกา (ลก. 2:10-11) กล่าวถึงทูตสวรรค์ของพระเจ้าที่ปรากฏแก่คน เลี้ยงแกะ และบอกพวกเขาว่า “เรานำ�ข่าวดีนี้มาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำ�ให้ประชาชนทุกคนยินดี อย่างยิ่ง วันนี้พระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว” น.ลูกาต้องการบอกว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระผูไ้ ถ่ส�ำ หรับทุกคน และวันนี้ ความรักเมตตาของพระองค์กม็ มี ายัง ผู้รับใช้ของชาวต่างชาติ ต่างศาสนาด้วย ไม่ใช่เฉพาะชาวยิวเท่านั้น สิง่ ทีเ่ ราต้องถามตัวของเราเองในแต่ละวันคือ เราพร้อมทีจ่ ะมอบความรัก ความเมตตาของเรา ทีม่ บี อ่ เกิดมา จากความรักของพระเป็นเจ้า ให้กับคนอื่นๆ ที่คิดไม่เหมือนเรา ทำ�ไม่เหมือนเรา หรือเชื่อไม่เหมือนเราหรือไม่ เราปฏิบัติกับบุคคลเหล่านั้น เหมือนกับที่พระเยซูเจ้าต้องการให้เราทำ�หรือไม่
09.indd 302
21/12/2561 14:50:29
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 3:1-13 ลูกที่รักยิ่ง ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำ�ที่ท่านเชื่อถือได้ ผู้ใดใฝ่ฝันจะปกครองดูแล เขาก็ ปรารถนากิจการที่ดีงาม ดังนั้น ผู้ปกครองดูแลจะต้องประพฤติดีไม่มีที่ตำ�หนิ แต่งงาน เพียงครั้งเดียว รู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ สุภาพเรียบร้อย มีอัธยาศัยไมตรี และรู้จักสอน ต้องไม่ใช่นักดื่มหรืออันธพาล แต่จะต้องมีใจเยือกเย็น ไม่ชอบทะเลาะ วิวาท ไม่โลภทรัพย์สนิ เงินทอง ต้องเป็นผูท้ รี่ จู้ กั ปกครองคนในบ้านของตนได้ดี มีความ ประพฤติดี อบรมบุตรหลานให้อยู่ในโอวาท ผู้ใดไม่รู้จักปกครองคนในบ้านของตน ผู้ นั้นจะรับผิดชอบดูแลพระศาสนจักรของพระเจ้าได้อย่างไร เขาไม่ควรเป็นผู้ที่เพิ่งกลับ ใจ มิฉะนั้นเขาอาจเกิดคิดหยิ่งจองหอง และต้องรับโทษอย่างที่ปีศาจได้รับ เขาจะต้อง เป็นผู้ที่บุคคลภายนอกยอมรับนับถือ เพื่อเขาจะได้ไม่ถูกตำ�หนิและไม่ตกในบ่วงแร้ว ของปีศาจ สังฆานุกรก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นที่น่าเคารพนับถือ ไม่ปลิ้นปล้อน ไม่ดื่มจัด และไม่หาผลประโยชน์ที่น่ารังเกียจ เขาจะต้องยึดมั่นในธรรมลํ้าลึกของความเชื่อด้วย มโนธรรมทีบ่ ริสทุ ธิ์ เขาจะต้องได้รบั การตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มสี งิ่ ใดขัดข้องจึงให้ท�ำ หน้า ที่สังฆานุกร สตรีก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นคนที่น่าเคารพนับถือ ไม่นินทาว่าร้าย ต้อง รูจ้ กั ประมาณตนและเป็นทีว่ างใจได้ในทุกเรือ่ ง สังฆานุกรจะต้องแต่งงานเพียงครัง้ เดียว และเป็นผู้ที่รู้จักปกครองบุตรหลานและคนในบ้านของตนได้ ผู้ทำ�หน้าที่สังฆานุกรได้ อย่างดีก็จะได้รับเกียรติสูงสำ�หรับตน และพูดถึงความเชื่อในพระคริสตเยซูได้อย่างมั่นใจ
น.โรเบิร์ต แบลลาร์มีโน พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 101:1ข-2กข, 2คง-3กข,5,6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
พระวรสาร ลก 7:11-17 หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่เมืองหนึ่งชื่อนาอิน บรรดาศิษย์และประชาชนจำ�นวนมาก ติดตามพระองค์ไป เมือ่ พระองค์เสด็จมาใกล้ประตูเมืองก็ทรงเห็นคนหามศพออกมา ผูต้ ายเป็นบุตรคนเดียว ของมารดาซึง่ เป็นม่าย ชาวเมืองกลุม่ ใหญ่มาพร้อมกับนางด้วย เมือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเห็นนางก็ทรงสงสาร และตรัสกับนางว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย” แล้วพระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรงแตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จึงตรัสว่า “หนุ่มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” คนตายก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูด พระเยซูเจ้าจึง ทรงมอบเขาให้แก่มารดา ทุกคนต่างมีความกลัวและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า กล่าวว่า “ประกาศกยิง่ ใหญ่ ได้เกิดขึ้นในหมู่เรา พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมประชากรของพระองค์” และข่าวเรื่องนี้ก็แพร่ไปทั่วแคว้นยูเดีย และทั่วอาณาบริเวณนั้น ความรักเมตตาคือสารอันสำ�คัญที่พระวรสารต้องการจะบอกกับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน พระวรสารของนักบุญลูกา และอัศจรรย์ที่เราพบในวันนี้ก็มีเฉพาะในพระวรสารนักบุญลูกา เพื่อที่จะเน้นยํ้าว่า อัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าคือการแสดงออกถึงความเมตตากรุณามากกว่าการแสดงออกถึงอำ�นาจ อัศจรรย์นี้ไม่มีการขอร้องล่วงหน้า ไม่มีการแสดงความเชื่อ หรือคำ�วิงวอนจากหญิงม่ายที่เพิ่งสูญเสีย บุตรชายคนเดียวของตน พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้นทุกอย่าง จิตใจที่บอบชํ้าของหญิงม่ายนี้ ได้สัมผัสกับ ความรักเมตตาของพระเยซูเจ้า 09.indd 303
21/12/2561 14:50:29
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 3:14-16 ลูกทีร่ กั ยิง่ ข้าพเจ้าเขียนเรือ่ งนีถ้ งึ ท่านและหวังว่าข้าพเจ้าจะมาพบท่านในไม่ชา้ แต่ ถ้ามาช้า ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านรู้ว่า เราจะต้องประพฤติตนอย่างไรในบ้านของพระเจ้า นั่นคือในพระศาสนจักรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต พระศาสนจักรซึ่งเป็นหลักและรากฐาน ของความจริง เรายืนยันได้ว่าธรรมลํ้าลึกเรื่องความเคารพเลื่อมใสพระเจ้าของเรานั้น ยิ่งใหญ่นัก พระองค์ทรงปรากฏให้แลเห็นได้ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงได้รบั การประกาศว่าเทีย่ ง ธรรมในพระจิตเจ้า บรรดาทูตสวรรค์ได้เห็น พระองค์ทรงได้รับการประกาศให้คนต่าง ศาสนารูจ้ กั มนุษย์มคี วามเชือ่ ในพระองค์ พระองค์ทรงได้รบั พระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า พระวรสาร ลก 7:31-35 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใดดี เขาเหมือนกับสิ่งใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ที่นั่ง ตามลานสาธารณะ ร้องบอกเพื่อนๆ ว่า เราเป่าขลุ่ย เจ้าก็ไม่เต้นรำ� เราร้องเพลงโศกเศร้า เจ้าก็ไม่ร้องไห้ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างได้มา ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มเหล้าองุ่น ท่านก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์ได้มา กินและดื่ม ท่านก็ว่า ‘ดูซิ นักกินนักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษี และคนบาป’ พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติ ตามพระปรีชาญาณนั้น” สำ�นวนทีบ่ อกว่า “พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสจู น์แล้วว่าถูกต้อง โดยผู้ปฏิบัติตามพระปรีชาญาณนั้น” มีความหมายเดียวกันกับที่พบใน ลก 6:44 คือ “เรา รู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น” นักบุญลูกาต้องการที่จะบอกเราแต่ละคนว่า คริสตชนเป็นบุตร (เป็นผล) มาจากพระเจ้า ดังนั้น คริสตชนจึงเป็นผู้ที่มีหน้าที่ดำ�เนินชีวิต ด้วยความรักเมตตา เหมือนอย่างทีพ่ ระเป็นเจ้าทรงเป็นองค์แห่งความรักด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ เป็นแบบ “คนยุคนี”้ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงเปรียบเทียบว่า แม้จะได้ยนิ คำ�สอนและเห็นกิจการ ที่ดีต่างๆ ของพระองค์ กลับเป็นบุคคลที่มีใจเย็นเฉยและแข็งกระด้าง
09.indd 304
21/12/2561 14:50:30
บทอ่านที่ 1 1 ทธ 4:12-16 ลูกทีร่ กั ยิง่ อย่าให้ใครดูหมิน่ ท่านเพราะความเป็นคนหนุม่ แต่จงเป็นแบบอย่างแก่ ผู้มีความเชื่อทุกคนด้วยคำ�พูดและความประพฤติ ด้วยความรัก ความเชื่อและความ บริสทุ ธิข์ องท่าน จงเอาใจใส่อา่ นพระคัมภีรใ์ ห้ประชาชนฟัง จงตักเตือนและสัง่ สอนพวก เขาจนกว่าข้าพเจ้าจะมาถึง จงอย่าละเลยพระพรพิเศษทีม่ อี ยูใ่ นท่าน พระพรซึง่ เป็นของ ประทานให้ทา่ นเมือ่ มีการประกาศพระวาจาเลือกสรรท่านและบรรดาผูอ้ าวุโสได้ปกมือ เหนือท่าน จงเอาใจใส่และอุทิศตนในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ทุกคนแลเห็นความก้าวหน้า ของท่าน จงดูแลทัง้ ตนเองและคำ�สัง่ สอน จงมัน่ คงต่อไปในเรือ่ งดังกล่าว เพราะเมือ่ ทำ� เช่นนี้ ท่านจะช่วยทั้งตนเองและผู้ที่ฟังท่านให้รอดพ้น
น.ยานูอารีโอ พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 111:7-8,9,10
พระวรสาร ลก 7:36-50 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เวลานั้น ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีและประทับที่โต๊ะ ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่ง เป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำ�ลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสี จึง ถือขวดหินขาวบรรจุนํ้ามันหอมเข้ามาด้วย นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ๆ พระบาท ร้องไห้จนนํ้าตา หยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาท จูบพระบาทและใช้นํ้ามันหอมชโลมพระบาท ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์เห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า “ถ้าผู้นี้เป็นประกาศก เขาคงจะรู้ว่าหญิงที่กำ�ลังแตะ ต้องเขาอยู่นี้เป็นใครและเป็นคนประเภทไหน นางเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามี เรื่องจะพูดกับท่าน” เขาตอบว่า “เชิญพูดมาเถิด อาจารย์” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้อยู่ สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเหรียญ อีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเหรียญ ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะใช้หนี้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้ให้ทั้งหมด ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน” ซีโมนตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเป็น คนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว” พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาทางหญิงผูน้ นั้ ตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงผูน้ ใี้ ช่ไหม เราเข้ามาในบ้าน ของท่าน ท่านไม่ได้เอานํ้ามาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งนํ้าตารดเท้าของเราและใช้ผมเช็ดให้ ท่านไม่ได้จูบ คำ�นับเรา แต่นางจูบเท้าของเราตลอดเวลาตัง้ แต่เราเข้ามา ท่านไม่ได้ใช้นาํ้ มันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้นาํ้ มัน หอมชโลมเท้าของเรา เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปจำ�นวนมากของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมี ความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย” แล้วพระองค์ตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับ การอภัยแล้ว” บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำ�ได้แม้แต่การอภัยบาป” พระองค์ตรัส กับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด” พระวรสารนักบุญลูกาให้ความสำ�คัญเป็นอย่างมากกับคำ�ว่า “เมตตากรุณา” ซึ่งหมายถึงความดี ความสงสาร ความรักของพระเยซูเจ้าต่อคนบาป ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบของความเพียรทน ตัวอย่างที่เรา ได้ยินในวันนี้พบได้เฉพาะในพระวรสารนักบุญลูกาเท่านั้น ในเรือ่ งนี้ พระเยซูเจ้าทรงอธิบายแก่ฟาริสอี ย่างอดทนว่า แม้สตรีคนนีจ้ ะเป็นคนบาป แต่นางมีความรัก และ ไม่กลัวทีจ่ ะแสดงความรักต่อพระองค์ สิง่ สำ�คัญในสายพระเนตรของพระเยซูเจ้า ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ แต่เป็น ความรัก เป็นความรักที่ไม่อายที่จะต้องแสดงออก อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “ความรักครอบคลุมบาป มากมาย” คุณธรรมที่ปราศจากความรักไม่มีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า 09.indd 305
21/12/2561 14:50:30
ระลึกถึง น.อันดรูว์ กิม เตก็อน พระสงฆ์ น.เปาโล จง ฮาซัง และเพื่อนมรณสักขี ชาวเกาหลี สดด 126:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 วันเยาวชนแห่งชาติ
บทอ่านที่ 1 รม 8:31ข-35,37-39 พี่น้อง ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้ พระองค์มิได้ทรงหวงแหน พระบุตรของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทาน ทุกสิ่งให้เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้า ประทานความชอบธรรม ใครจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรง กลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย ใคร จะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำ�เค็ญหรือ ความคับแค้นใจ หรือ การเบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่มหรือ ภยันตรายและ คมดาบหรือ แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะข้าพเจ้า เชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี �ำ นาจปกครอง ไม่วา่ ปัจจุบนั หรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำ�นาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเรา ได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระวรสาร ลก 9:23-26 หลังจากนัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผูใ้ ดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึง ตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ผู้ใดใคร่รักษาชีวิต ผู้นั้นจะต้อง สูญเสียชีวิต แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตเพราะเรา ผู้นั้นจะรักษาชีวิตได้ มนุษย์จะได้ประโยชน์ ใดในการทีจ่ ะได้โลกทัง้ โลกเป็นกำ�ไร แต่ตอ้ งเสียชีวติ และพินาศไป ถ้าผูใ้ ดอับอายเพราะ เราและเพราะถ้อยคำ�ของเรา บุตรแห่งมนุษย์กจ็ ะอับอายเพราะเขา เมือ่ เสด็จมาในพระ สิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ของพระบิดา และของบรรดาทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์” ระหว่างศตวรรษที่ 17 ความเชื่อคริสตชนได้ถูกเผยแผ่เข้าไปยังเกาหลี โดยฆราวาสที่มีใจร้อนรน และนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา (ระหว่างปี ค.ศ. 1839-1867) บรรดาคริสตชนได้ถูกเบียดเบียนอย่างโหดร้าย และหลายคนได้กลายเป็นมรณสักขี วันนี้ เราระลึกถึงบรรดามรณสักขีจำ�นวน 103 คน ซึ่งนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงแต่งตั้งในโอกาสเสด็จเยือนประเทศเกาหลี ในปี ค.ศ. 1984 ซึ่งมีนักบุญ อันดรูว์ กิม เตก็อน พระสงฆ์ชาวเกาหลีองค์แรก นักบุญเปาโล จง ฮาซัง ฆราวาสแพร่ธรรม และในจำ�นวนนี้มีพระสังฆราชจำ�นวน 3 องค์ พระสงฆ์จำ�นวน 7 องค์ และมิชชันนารีชาว ฝรั่งเศสอีก 3 คน ที่เหลือคือฆราวาสทั้งชายและหญิง ทั้งที่แต่งงานแล้ว และที่ยังโสด ทั้ง เด็กและผู้ใหญ่ ให้เราสังเกตว่า ผู้ที่ได้รับเกียรติเป็นมรณสักขีนี้ส่วนใหญ่แล้วคือฆราวาส ดังนัน้ เราทุกคน ไม่วา่ จะอยูใ่ นฐานะใดของพระศาสนจักรต่างมีหน้าทีท่ จี่ ะดำ�เนินชีวติ เป็น พยานยืนยันถึงพระเยซูคริสตเจ้า เพราะหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของเราทุกคน
09.indd 306
21/12/2561 14:50:31
บทอ่านที่ 1 อฟ 4:1-7,11-13 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าผูถ้ กู จองจำ�เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วอนขอท่านทัง้ หลายให้ด�ำ เนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มี องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง ฉลอง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่าน น.มัทธิว ทุกคน และสถิตในทุกคน อัครสาวก เราแต่ละคนได้รบั พระหรรษทานตามสัดส่วนทีพ่ ระคริสตเจ้าประทานให้ ดังนัน้ จึง ผู้นิพนธ์พระวรสาร มีคำ�กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า สดด 19:1-2,3-4 “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำ�บรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์” คำ�ว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยัง แผ่นดินเบือ้ งล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผเู้ สด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับผูเ้ สด็จขึน้ ไปเหนือสวรรค์ทกุ ชัน้ เพือ่ จะทรงครอบครองทุกสิง่ อย่างสมบูรณ์ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บาง คนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำ�หรับงาน รับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า พระวรสาร มธ 9:9-13 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำ�ลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัส สั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคน มาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสีจึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำ�ไมอาจารย์ ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คน สบายดียอ่ มไม่ตอ้ งการหมอ แต่คนเจ็บไข้ตอ้ งการ จงไปเรียนรูค้ วามหมายของพระวาจาทีว่ า่ ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” กระแสเรียกของมัทธิวเป็นทีส่ ะดุดอย่างร้ายแรงสำ�หรับชาวฟาริสี เพราะพวกนีส้ อนว่า คนเก็บภาษี เป็นที่น่าดูหมิ่นเหยียดหยามมากกว่าหญิงโสเภณี เพราะหญิงโสเภณีขายเฉพาะร่างกายของตน แต่คนเก็บภาษี นั้นได้ขายจิตวิญญาณของตนเองด้วย ในพระวรสารทั้ง 4 เล่ม มีแต่พระวรสารนักบุญมัทธิวที่เรียกชายที่นั่งอยู่ ทีด่ า่ นภาษีวา่ “มัทธิว” ส่วนทีเ่ หลือจะเรียกว่า “เลวี” ไม่มใี ครทีเ่ อ่ยถึงว่ามัทธิวคือคนเก็บภาษีมาก่อน เพือ่ ปิดบัง ว่าคนเก็บภาษีคนนี้เป็นมัทธิว แต่เป็นมัทธิวเองที่แสดงถึงอดีตของการเป็นคนบาปของตนเอง เพราะท่านมั่นใจ ว่า พระเยซูเจ้าทรงเรียกท่านซึ่งเป็นคนบาปให้มาเป็นศิษย์ของพระองค์ พระองค์มาเพื่อมอบความรักให้กับ คนบาป 09.indd 307
21/12/2561 14:50:31
สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 8:4-7 ท่านทั้งหลายที่เหยียบยํ่าคนขัดสน และทำ�ลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟัง ถ้อยคำ�นี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรวัน สับบาโตจะพ้นไป เราจะได้นำ�ข้าวสาลีออกขาย เราจะทำ�ถังตวงข้าวให้เล็กลง ทำ�ให้ตุ้ม เชเขลใหญ่ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงนํ้าหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่ง ซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสาบานต่อศักดิ์ศรีของ ยาโคบว่า “เราจะไม่ลืมการกระทำ�ของเขาเลย” เพลงสดุดี สดด 113:1-3,4-6,7-8 ก) ผู้รับใช้ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระองค์เถิด จงสรรเสริญพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจงได้รับการถวายพระพรบัดนี้และตลอดไป ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก ขอพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าจงได้รับการสรรเสริญ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสูงส่งเหนือนานาชาติ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์สูงสุดเหนือสวรรค์ ผู้ใดจะเสมอเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์ในที่สูง แต่ทรงน้อมพระองค์ทอดพระเนตรลงมายังสวรรค์และแผ่นดิน ค) ทรงยกคนยากจนขึ้นมาจากฝุ่นดิน ทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขยะ เพื่อให้เขานั่งร่วมกับบรรดาเจ้านาย กับเจ้านายแห่งประชากรของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 2:1-8 ลูกที่รัก ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขอ อธิษฐาน อ้อนวอนแทนและ ขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำ�นาจ เราจะได้มีชีวิต ที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า การกระทำ�เช่นนี้ เป็นการกระทำ�ที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มีพระ ประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และรู้ความจริงที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะมีพระเจ้า เพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์กม็ คี นกลางแต่เพียงผูเ้ ดียวซึง่ เป็นมนุษย์คน หนึ่ง คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นสินไถ่สำ�หรับมนุษย์ทุกคน การมอบ พระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตามเวลาที่กำ�หนด และข้าพเจ้า
09.indd 308
21/12/2561 14:50:31
ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผู้สอนคนต่างชาติเรื่องความเชื่อ และความจริง ข้าพเจ้ากำ�ลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จ ข้าพเจ้าปรารถนาให้บรุ ษุ ยกมือทีบ่ ริสทุ ธิข์ นึ้ อธิษฐานไม่วา่ จะอยูท่ ใี่ ด อย่าให้มคี วามโกรธหรือการโต้เถียง ใดๆ ระหว่างกัน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 16:1-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผหู้ นึง่ มีผจู้ ดั การดูแลผลประโยชน์คนหนึง่ มีผมู้ าฟ้องว่าผูจ้ ดั การคนนีผ้ ลาญทรัพย์สนิ ของนาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำ�บัญชีรายงานการจัดการของ เจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผูจ้ ดั การอีกต่อไป’ ผูจ้ ดั การจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไร นายจะไล่ฉนั ออกจากหน้าที่ ผูจ้ ดั การแล้ว จะไปขุดดินก็ท�ำ ไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรูแ้ ล้วว่าจะทำ�อย่างไรเพือ่ ว่าเมือ่ ฉันถูกไล่ออก จากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’ เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘เป็นหนีน้ าํ้ มันมะกอกเทศหนึง่ ร้อยถัง’ ผูจ้ ดั การจึงบอกว่า ‘นำ�ใบสัญญาของท่านมา นัง่ ลงเร็วๆ เขียนแก้เป็น ห้าสิบถัง’ แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่ง ร้อยกระสอบ’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’ นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำ�อย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียว ฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” “ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนี้เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง เพื่อว่าเมื่อเงิน ทองนั้นหมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พำ�นักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ใน เรือ่ งใหญ่ดว้ ย ผูท้ ไี่ ม่ซอื่ สัตย์ในเรือ่ งเล็กน้อย ก็จะไม่ซอื่ สัตย์ในเรือ่ งใหญ่ดว้ ย เพราะฉะนัน้ ถ้าท่านไม่ซอื่ สัตย์ ในเรือ่ งเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผูใ้ ดจะวางใจมอบสมบัตแิ ท้จริงให้ทา่ นดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซอื่ สัตย์ในการ ดูแลทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะ จงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทอง พร้อมกันไม่ได้” เวลาพูดถึง “ความเฉลียวฉลาด” ของผู้จัดการทุจริต ไม่ใช่พระเยซูเจ้าที่ทรงชื่นชม แต่เป็นเศรษฐี ในนิทานเปรียบเทียบที่ชื่นชมในความ “เฉลียวฉลาด” นั้น ดังนั้น ใจความสำ�คัญของพระวรสารตอนนี้ ไม่ใช่การสอนให้คริสตชนต้องเป็นคนเฉลียวฉลาดทางโลกและ ทำ�การทุจริต แต่เป็น “ความซื่อสัตย์” เพื่อทำ�ให้ ตัวเอง หลังจากถูกไล่ออกจากงาน มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ผู้จัดการทุจริตคนนี้ จึงต้องพยายามคิด แผนการที่ดูเฉลียวฉลาดต่างๆ แต่เพื่อทำ�ให้วิญญาณ หลังจากผ่านโลกนี้ไปแล้ว มีชีวิตนิรันดร คริสตชนจึงต้องพยายามดำ�เนินชีวิตอย่าง “ซื่อสัตย์” ต่อพระพักตร์พระเจ้า 09.indd 309
21/12/2561 14:50:31
ระลึกถึง น.ปีโอ แห่งเปียเตรลชีนา พระสงฆ์
สดด 126:1ข-2กข, 2คง-3,4-5,6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อสร 1:1-6 ปีแรกในรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้พระ วาจาทีต่ รัสโดยประกาศกเยเรมียเ์ ป็นความจริง จึงทรงดลใจกษัตริยไ์ ซรัสแห่งเปอร์เซีย ให้ทรงประกาศทัว่ พระราชอาณาจักร และมีพระราชสาสน์เป็นลายลักษณ์อกั ษรด้วยว่า “กษัตริยไ์ ซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนีว้ า่ ‘องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสวรรค์ได้ ประทานอาณาจักรทัง้ สิน้ บนแผ่นดินแก่เรา และพระองค์ทรงบัญชาเราให้สร้างพระวิหาร ถวายพระองค์ทกี่ รุงเยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ ผูใ้ ดในหมูท่ า่ นทัง้ หลายเป็นประชากรของ พระองค์ ขอพระเจ้าสถิตกับผูน้ นั้ และให้เขากลับขึน้ ไปยังกรุงเยรูซาเล็มในแคว้นยูดาห์ และสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลขึ้นใหม่ พระองค์ทรง เป็นพระเจ้าผูท้ รงพำ�นักอยูท่ กี่ รุงเยรูซาเล็ม ขอให้ทกุ คนทีเ่ หลือรอดชีวติ ไม่วา่ จะพำ�นัก อยู่ ณ ที่ใด ได้รับความช่วยเหลือจากประชาชนที่นั่น เป็นเงิน ทองคำ� สิ่งของและสัตว์ เลี้ยง รวมทั้งเครื่องบูชาตามใจสมัคร สำ�หรับพระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม’” หัวหน้าตระกูลยูดาห์และเบนยามินจึงออกเดินทาง พร้อมกับบรรดาสมณะและ ชนเลวี คือทุกคนทีพ่ ระเจ้าทรงดลใจให้กลับขึน้ ไปสร้างพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขึ้นใหม่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อนบ้านทุกคนช่วยเหลือเขา ให้เงิน ทองคำ� ข้าวของ สัตว์ เลี้ยง และของมีค่า นอกเหนือจากเครื่องบูชาที่แต่ละคนถวายตามใจสมัคร พระวรสาร ลก 8:16-18 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่ประชาชนว่า “ไม่มใี ครจุดตะเกียงแล้วเอาถังครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง แต่เขาย่อมตัง้ ไว้บนเชิง ตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่างได้ ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่จะไม่ปรากฏชัดแจ้ง ไม่มีความลับใดจะไม่มีใครรู้และเปิดเผย ดังนั้น จงระวังว่าท่านฟังพระวาจาอย่างไร เพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีจะถูกริบไปด้วย” ในปี ค.ศ. 1575 ณ อารามของภราดาน้อยกาปูชนิ ทีซ่ าน โจวานนี โรตอนโด ประเทศอิตาลี นักบุญคามิลโลมาทำ�ธุระและพักอยู่ที่นั่น 1 คืน ก่อนเดินทางกลับ อธิการ ของอารามได้เตือนจิตใจท่านให้ละทิ้งบาป ระหว่างทาง พระหรรษทานของพระเจ้าได้ ทำ�ให้ท่านกลับใจ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1575 ในปี ค.ศ. 1916 ณ อารามเดียวกัน นักบุญปีโอได้ยา้ ยเข้ามาพักในห้องเดียวกับนักบุญ คามิลโล ท่านกล่าวว่า “นักบุญคามิลโลซึ่งเป็นคนบาป ได้นอนพักที่ห้องนี้เพียงคืนเดียว และกลายเป็นนักบุญ ดังนั้น ข้าพเจ้าที่เป็นคนบาปที่ได้พักห้องเดียวกันนี้ ก็จะพยายาม ดำ�เนินชีวิตเป็นนักบุญด้วยเช่นกัน” และสิ่งนี้คือจิตตารมณ์ของคริสตชน คือ การพยายามดำ�เนินชีวิตในทุกๆ วัน ให้เป็น บุคคลที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า
09.indd 310
21/12/2561 14:50:32
บทอ่านที่ 1 อสร 6:7-8,12ข,14-20 ในครัง้ นัน้ กษัตริยด์ าริอสั ได้มพี ระราชหัตถเลขาถึงบรรดาผูป้ กครองดินแดนทีอ่ ยู่ ทางอีกฟากหนึง่ ว่า “จงปล่อยให้ผปู้ กครองและบรรดาผูอ้ าวุโสชาวยิวดำ�เนินงานก่อสร้าง พระวิหารของพระเจ้าหลังนีต้ อ่ ไป ให้เขาก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าขึน้ ใหม่ในสถาน ทีเ่ ดิม เรายังสัง่ ท่านทัง้ หลายอีก ให้ชว่ ยเหลือบรรดาผูอ้ าวุโสของชาวยิวในการก่อสร้าง พระวิหารของพระเจ้าขึน้ ใหม่ ค่าใช้จา่ ยในงานนีใ้ ห้จา่ ยเต็มจำ�นวนแก่คนเหล่านีจ้ ากท้อง สัปดาห์ที่ 25 พระคลังหลวง คือจากเงินภาษีที่เก็บได้ในแคว้นตะวันตกของแม่นํ้ายูเฟรติส เพื่องาน เทศกาลธรรมดา ก่อสร้างจะได้ไม่หยุดชะงัก และขอให้พระเจ้าผู้ทรงเลือกกรุงเยรูซาเล็มให้เป็นที่พำ�นัก สดด 122:1-2,3-4กข, สำ�หรับพระนามพระองค์ ทรงทำ�ลายกษัตริย์หรือชนชาติใดๆ ที่กล้าฝ่าฝืนคำ�สั่งนี้ และ 4คง-5 พยายามทำ�ลายพระวิหารหลังนี้ของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม เรา ดาริอัส ออกพระราช ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 กฤษฎีกาฉบับนี้ และสั่งให้ปฏิบัติตามทุกประการ” บรรดาผู้อาวุโสชาวยิวก็ดำ�เนินงานก่อสร้างให้ก้าวหน้าต่อไป เพราะคำ�สนับสนุนของประกาศกฮักกัย และเศคาริยาห์บตุ รอิดโด เขาสร้างพระวิหารจนเสร็จตามพระบัญชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และตามพระ ราชกฤษฎีกาของกษัตริย์ไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย พระวิหารหลังนี้สร้างเสร็จในวันที่ สาม เดือนอาดาร์ ปีที่หกในรัชสมัยของกษัตริย์ดาริอัส ชาวอิสราเอลทุกคน คือบรรดาสมณะ ชนเลวี และ คนอื่นที่กลับมาจากถิ่นเนรเทศก็ร่วมใจกันเฉลิมฉลองการถวายพระวิหารของพระเจ้าหลังนี้ด้วยความยินดี ในงานถวายพระวิหารของพระเจ้าครั้งนี้ เขาทั้งหลายถวายโคเพศผู้หนึ่งร้อยตัว แกะเพศผู้สองร้อยตัว ลูก แกะสีร่ อ้ ยตัว และยังถวายแพะเพศผูส้ บิ สองตัวเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปสำ�หรับชาวอิสราเอลทัง้ ปวง ตาม จำ�นวนเผ่าของอิสราเอล เขาจัดตั้งสมณะและชนเลวีไว้เป็นหมวดตามเวรเพื่อรับใช้พระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม ตามที่เขียนไว้ในหนังสือของโมเสส วันที่สิบสี่เดือนแรก บรรดาผู้กลับจากถิ่นเนรเทศเฉลิมฉลองปัสกา บรรดาสมณะและชนเลวีชำ�ระตน พร้อมกันทุกคน เขาไม่มีมลทิน จึงฆ่าลูกแกะปัสกาสำ�หรับทุกคนที่กลับมาจากถิ่นเนรเทศ รวมทั้งสำ�หรับ บรรดาพี่น้องสมณะ และสำ�หรับตนเอง พระวรสาร ลก 8:19-21 เวลานั้น พระมารดาและพระประยูรญาติของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึงพระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำ�นวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของท่านกำ�ลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการ พบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและพีน่ อ้ งของเราคือคนเหล่านีท้ ฟี่ งั พระวาจาของพระเจ้าและนำ� ไปปฏิบัติ” สำ�หรับนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผูไ้ ถ่ส�ำ หรับมนุษย์ทกุ คน ไม่ใช่เฉพาะแต่ชาวยิวเท่านัน้ ดังนั้น ครอบครัวของพระเยซูเจ้าจึงไม่ได้จำ�กัดอยู่เฉพาะแค่ทางด้านกายภาพ แต่เป็นความสัมพันธ์ของผู้ที่ฟัง พระวาจาของพระเจ้า และนำ�ไปปฏิบัติตาม ซึ่งเรื่องนี้ เป็นข่าวดีสำ�หรับพวกเราทุกคน เพราะชาวยิวสอนกันมา ตลอดว่า ตนเองเป็นลูกหลานของอับราฮัม ที่พระเป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานสวรรค์ หรือชีวิตนิรันดร คน อื่นๆ ที่เป็นคนต่างชาติ ต่างศาสนา ไม่มีสิทธิ์ในสิทธิพิเศษนี้ ดังนั้น สิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสในวันนี้ เท่ากับเป็นการ ประกาศว่า สวรรค์ หรือชีวิตนิรันดรนั้น มีไว้สำ�หรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ที่ฟังพระวาจาของพระเป็น เจ้า และนำ�ไปปฏิบัติตามในชีวิตประจำ�วันของตนเอง 09.indd 311
21/12/2561 14:50:32
บทอ่านที่ 1 อสร 9:5-9 เมื่อถึงเวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น ข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นจากสภาพความทุกข์ สวม เสื้อผ้าและเสื้อคลุมที่ขาดวิ่น คุกเข่าลง ชูมือขึ้นหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของ ข้าพเจ้า ทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าละอายใจเหลือเกินทีจ่ ะเงยหน้าขึน้ หาพระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลายมีมากจนท่วมศีรษะ และการ สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา กระทำ�ชัว่ ร้ายของข้าพเจ้าทัง้ หลายกองสุมขึน้ ไปจนถึงท้องฟ้า ข้าพเจ้าทัง้ หลายทำ�ความ ทบต 13:2,3-4ก,6,7,10 ชั่วยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงวันนี้ และเพราะความชั่วร้าย ข้าพเจ้าทั้งหลาย บรรดากษัตริยแ์ ละบรรดาสมณะจึงตกในเงือ้ มมือของบรรดากษัตริยต์ า่ งชาติ ถูกฆ่า ถูก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 จับเป็นเชลย ถูกปล้น ถูกสบประมาทอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่บัดนี้ องค์พระผู้เป็น เจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายได้โปรดปรานชั่วระยะหนึ่ง ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าบาง คนรอดชีวิตเหลืออยู่และประทานที่พำ�นักอย่างปลอดภัยในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ พระองค์ เพื่อพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายจะทรงบันดาลให้จิตใจของข้าพเจ้าทั้งหลาย สดชืน่ ขึน้ ได้รบั ความบรรเทาพ้นจากการเป็นทาส จริงอยู่ ข้าพเจ้าทัง้ หลายเป็นทาส แต่ พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้ทรงละทิ้งไว้ให้เป็นทาสต่อไป แต่โปรดให้เป็นที่ โปรดปรานของบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่ให้ข้าพเจ้า ทัง้ หลาย เพือ่ จะสร้างพระวิหารของพระเจ้าของข้าพเจ้าทัง้ หลายขึน้ ใหม่ และซ่อมแซม สิ่งปรักหักพัง พระองค์ยังประทานที่หลบภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในแคว้นยูดาห์และที่ กรุงเยรูซาเล็ม พระวรสาร ลก 9:1-6 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพร้อมกัน ประทานอำ�นาจ เหนือปีศาจ และพลังรักษาโรค ทรงส่งเขาไปประกาศพระอาณาจักรพระเจ้าและรักษา คนเจ็บป่วย พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านเดินทาง อย่านำ�สิ่งใดไปด้วย อย่านำ�ไม้ เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือแม้แต่เสื้อสำ�รองไปด้วย เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ ที่นั่นจนกว่าจะเดินทางต่อไป ถ้าเขาไม่ต้อนรับท่าน จงออกจากเมืองนั้นและสลัดฝุ่น จากเท้าไว้เป็นพยานกล่าวโทษเขา” บรรดาอัครสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศ ข่าวดีและรักษาโรคไปทั่วทุกแห่ง พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกไป “ประกาศ” ข่าวดี และ “รักษา” คนเจ็บป่วย มีทั้ง “คำ�พูด” และ “การลงมือ” กระทำ� หรือ “เมตตาจิต” เราไม่สามารถบอกกับพี่น้องของเราว่า เรารักพวกเขา ในขณะที่พวกเขา ยังคงอดอยากเพราะขาดอาหารอยู่ หรือเราไม่สามารถบอกกับพวกเขาว่า เราเป็นห่วงนะ แต่เราไม่เคยไป เยี่ยมเยียนพวกเขาเหล่านั้นเลย เวลาที่เขาต้องการกำ�ลังใจจากเรา และนี่คือสิ่งที่คริสตชนต้องตระหนักว่า ศิษย์ ของพระเยซูเจ้า เป็นบุคคลที่ดำ�เนินชีวิตด้วยความรัก เมตตาจิตต่อบุคคลรอบข้างเสมอๆ ด้วยเช่นกัน 09.indd 312
21/12/2561 14:50:33
บทอ่านที่ 1 ฮกก 1:1-8 วันที่หนึ่ง เดือนที่หก ปีที่สองในรัชสมัยกษัตริย์ดาริอัส องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง บัญชาให้ประกาศกฮักกัยไปบอกเศรุบบาเบลบุตรของเชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการแคว้น ยูดาห์ และบอกโยชูวาบุตรของเยโฮซาดัก มหาสมณะว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจอม จักรวาลตรัสดังนี้ ประชากรนีพ้ ดู ว่า ‘ยังไม่ถงึ เวลาทีจ่ ะสร้างพระวิหารหลังใหม่ขององค์ พระผู้เป็นเจ้า’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกฮักกัยว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าถูก ต้องแล้วหรือที่เวลานี้ท่านอยู่สบายในบ้านบุด้วยไม้สนสีดาร์ ขณะที่บ้านนี้ยังเป็นกอง ซากปรักหักพังอยู่” บัดนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจึงตรัสว่า “จงพิจารณาการ กระทำ�ของท่านให้ดีเถิด ท่านได้หว่านมาก แต่เก็บเกี่ยวได้น้อย ท่านกิน แต่ไม่เคยอิ่ม ท่านดื่ม แต่ยังกระหายอยู่ ท่านมีเสื้อผ้านุ่งห่ม แต่ไม่รู้สึกอบอุ่น ผู้รับจ้างได้ค่าจ้างมา ใส่ถุงที่มีรูรั่ว” องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจึงตรัสดังนี้ “จงพิจารณาการกระทำ�ของท่านให้ดี เถิด จงขึน้ ไปบนภูเขา นำ�ไม้มาสร้างบ้านของเราขึน้ ใหม่ เราจะพอใจบ้านนี้ และจะแสดง ความรุ่งโรจน์ของเราที่นั่น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
น.คอสมา และ น.ดาเมียน มรณสักขี สดด 149:1ข-2,3-4, 5-6ก และ 9ข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร ลก 9:7-9 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทรงรู้สึกสับสน เพราะ บางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนัน้ เราได้ตดั ศีรษะแล้ว คนทีเ่ ราได้ยนิ เรือ่ งราวทัง้ หมดนีเ้ ป็นใคร” กษัตริยเ์ ฮโรด จึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์ พระวรสารนักบุญลูกาก่อนหน้านี้ นำ�เสนอคำ�สอนที่สำ�คัญสำ�หรับการเป็น ศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า คือการเชื่อฟังและปฏิบัติตาม แต่เฮโรดอยากจะพบพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เพือ่ ทีจ่ ะเชือ่ ฟัง หรือปฏิบตั ติ ามคำ�สอนของพระองค์ แต่เพียงเพราะสงสัยว่าพระองค์ คือใคร คริสตชนคือผู้ที่ใช้หัวใจในการติดตามพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่สติปัญญาเท่านั้น เหมือนนักบุญทั้งสองที่เราระลึกถึึงในวันนี้ ถ้าทั้งสองท่านใช้เพียงแค่สติปัญญา ทั้งสองก็ จะไม่ยอมเสียสละชีวิตตนเองเพื่อยืนยันสิ่งที่ตัวเองเชื่อ เพราะสมองจะบอกว่า มันไม่คุ้ม แต่ทั้งสองใช้หัวใจ ใช้ความรัก เราจึงมีตัวอย่างที่น่าชื่นชม ที่ทั้งสองใช้ชีวิตของตนเองเป็น พยาน
09.indd 313
21/12/2561 14:50:33
ระลึกถึง น.วินเซนต์เดอปอล พระสงฆ์ สดด 43:1,2,3,4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 ฮกก 2:1ข-9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับประกาศกฮักกัยว่า “จงบอกเศรุบบาเบลบุตรของ เชอัลทิเอล ผู้ว่าราชการแคว้นยูดาห์ บอกโยชูวาบุตรของเยโฮซาดัก มหาสมณะ และ บอกประชากรที่รอดชีวิตเหลืออยู่เถิดว่า ‘ท่านที่เหลืออยู่ผู้ใดเคยเห็นพระวิหารนี้ใน ความรุ่งโรจน์ดั้งเดิมไหม บัดนี้ท่านเห็นว่าพระวิหารนี้เป็นอย่างไร ดูแล้วเหมือนไม่มี อะไรเลยมิใช่หรือ บัดนี้ เศรุบบาเบลเอ๋ย จงทำ�ใจให้ดีเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส โยชูวาบุตรของเยโฮซาดัก มหาสมณะเอ๋ย จงทำ�ใจให้ดีเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส จง ทำ�งานเถิด เพราะเราอยู่กับท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ตามถ้อยคำ�ของ พันธสัญญาซึ่งเราทำ�ไว้กับท่านทั้งหลายเมื่อออกจากอียิปต์ จิตของเราจะอยู่กับท่าน อย่ากลัวเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ว่า ‘อีกไม่นานเราจะเขย่าท้องฟ้า และแผ่นดิน เขย่าทะเลและแผ่นดินแห้ง เราจะเขย่านานาชาติ และทรัพย์สมบัติของ นานาชาติจะไหลมา เราจะทำ�ให้บ้านนี้เต็มไปด้วยสิริรุ่งโรจน์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอม จักรวาลตรัส เงินเป็นของเรา ทองคำ�ก็เป็นของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส สิริรุ่งโรจน์ของพระวิหารหลังใหม่นี้จะยิ่งใหญ่กว่าสิริรุ่งโรจน์ดั้งเดิม องค์พระผู้เป็นเจ้า จอมจักรวาลตรัส เราจะให้สนั ติสขุ อยูใ่ นสถานทีน่ ’ี้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส” พระวรสาร ลก 9:18-22 วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยูเ่ พียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามา เฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็น ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับ คืนชีพ” พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์มิให้พูดเรื่องนี้แก่ผู้ใด พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะ กลับคืนชีพในวันที่สาม” มีนักพระคัมภีร์คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า คริสตชนคือผู้ที่เห็นแต่แผ่นหลังของ พระเยซูเจ้า เพราะเขามีหน้าที่เดินตามพระองค์เท่านั้น และนี่คือความจริงของเรา พระเยซูเจ้าที่ทรงพระดำ�เนินนำ�หน้าเรา พระองค์ทรงพาเราไปในทางที่ลำ�บาก โดดเดี่ยว อันตราย พระองค์ทรงเลือกทางที่ยากจน ถูกคนอื่นดูถูก ถูกเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้น คริสตชนจึงไม่ใช่ผทู้ สี่ วดภาวนาขอให้ชวี ติ ของเราพ้นจากหนทางกางเขนทีย่ ากลำ�บากเหล่า นั้น แต่เราสวดภาวนาเพื่อที่เราจะได้มีพระหรรษทานเพียงพอที่จะแบกกางเขนนั้นอย่าง ซื่อสัตย์ เหมือนกับชีวิตของนักบุญวินเซนต์ เดอ ปอล ที่เราระลึกถึงในวันนี้ ท่านไม่ปฏิเสธ กางเขนที่ได้รับ แต่แบกกางเขนอย่างซื่อสัตย์ โดยอาศัยคำ�ภาวนาอย่างร้อนรน
09.indd 314
21/12/2561 14:50:34
บทอ่านที่ 1 ศคย 2:5-9,14-15ก ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายคนหนึ่งถือเชือกรังวัด ข้าพเจ้าจึงถามว่า “ท่านจะไป ไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าจะไปรังวัดกรุงเยรูซาเล็มดูว่ากว้างเท่าใด ยาวเท่าใด” ทูต สวรรค์ที่เคยพูดกับข้าพเจ้าออกไป ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาพบเขา และบอกว่า “จงวิ่งไปบอกชายหนุ่มคนนั้นว่า ‘กรุงเยรูซาเล็มจะไม่มีกำ�แพง เพราะจะต้องรับผู้คน และสัตว์เลี้ยงจำ�นวนมากให้เข้ามาอาศัยอยู่ เราเองจะเป็นกำ�แพงเพลิงล้อมกรุงนี้ไว้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะเป็นสิริรุ่งโรจน์ในเมืองนี้’ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงเปล่งเสียงยินดีและจงเปรมปรีดเิ์ ถิด เพราะบัดนีเ้ รากำ�ลังมา และจะอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส วันนั้น ชนหลายชาติจะมารวม อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า” พระวรสาร ลก 9:43ข-45 เวลานัน้ ขณะทีท่ กุ คนกำ�ลังพิศวงในทุกสิง่ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกระทำ�อยูน่ นั้ พระองค์ ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ไว้ให้ดีเถิด บุตรแห่งมนุษย์ กำ�ลังจะถูกมอบในมือของคนทั้งหลาย” แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานี้ซึ่งเป็น ถ้อยคำ�ที่ถูกปิดบังไว้มิให้เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้
น.เวนแชสเลาส์ มรณสักขี น.ลอเรนซ์ รุยส์ และเพื่อนมรณสักขี ยรม 31:10,11-12กข,13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
ก่อนหน้านี้ เปโตรประกาศความเชื่อต่อหน้าศิษย์ทั้งหลายว่า พระเยซูเจ้า ทรงเป็นพระคริสตเจ้า และบนภูเขาสูง ต่อหน้าเปโตร ยอห์นและยากอบ พระองค์ทรง สำ�แดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ เมื่อเสด็จลงมาจากภูเขา พระองค์ทรงรักษาคนถูกปีศาจสิง พวกศิษย์จึงไม่เข้าใจว่า พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระคริสตเจ้า ทรงเปี่ยมด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ และอำ�นาจเหนือปีศาจ จะพ่ายแพ้และถูกมอบให้กับศัตรูนำ�เอาไปทรมานและประหาร ชีวิตได้อย่างไร เราคริสตชนติดตามพระเยซูเจ้าแบบไหน พระเยซูเจ้าทีย่ งิ่ ใหญ่ เต็มไปด้วยพลานุภาพ หรือพระเยซูเจ้าที่สุภาพถ่อมตน ที่ทำ�ทุกสิ่งทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระบิดา แม้ว่า สิ่งนั้นจะหมายถึง กางเขน ความยากลำ�บาก และความตาย
09.indd 315
21/12/2561 14:50:34
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 6:1ก,4-7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่มีความสะดวกสบายอยู่ในศิโยน และบรรดาผูท้ รี่ สู้ กึ ปลอดภัยบนภูเขาสะมาเรีย เขาทัง้ หลายนอนบนเตียงงาช้าง เหยียด ตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว กินลูกแกะจากฝูงแพะแกะ กินลูกโคที่ขุนไว้ในคอก เขาร้องเพลง ไร้สาระประสานเสียงพิณใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีใหม่ๆ สำ�หรับตนเหมือนกษัตริย์ ดาวิด เขาใช้ชามใหญ่ดื่มเหล้าองุ่น ใช้นํ้ามันอย่างดีชโลมตัว แต่ไม่เป็นห่วงถึงความ พินาศของโยเซฟ เขาทั้งหลายจึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นเชลย และงานเลี้ยง อึกทึกของผู้ไม่มีอะไรทำ�ก็จบลง
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ฉลองวันครบรอบ เพลงสดุดี สดด 146:7,8-9ก,9ข-10 การถวายอาสนวิหาร ก) ประทานความยุติธรรมแก่ผู้ถูกกดขี่ อัครเทวดาราฟาแอล ประทานอาหารแก่ผู้หิวโหย สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยบรรดาผู้ถูกจองจำ�ให้เป็นอิสระ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานสายตาแก่คนตาบอด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพยุงผู้ที่ล้มให้ลุกขึ้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักผู้ชอบธรรม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์คนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ ค) ทรงคํ้าจุนเด็กกำ�พร้าและหญิงม่าย แต่ทรงขัดขวางหนทางของคนชั่วร้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์ตลอดไป ศิโยนเอ๋ย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่หนึ่ง 1 ทธ 6:11-16 ท่านผูเ้ ป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลีย่ งเรือ่ งทัง้ หมดทีก่ ล่าวมานี้ จงมุง่ หน้าหาความ ชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทนและความ อ่อนโยน จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่าน ให้ด�ำ เนินอยู่ เมือ่ ท่านได้ประกาศยืนยันความเชือ่ ต่อหน้าพยานจำ�นวนมาก บัดนี้ เฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าผูป้ ระทานชีวติ แก่ทกุ สิง่ และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซู ผูย้ นื ยัน ประกาศความเชือ่ เป็นอย่างดีไว้ตอ่ หน้าปอนทิอสั ปีลาต ข้าพเจ้าขอกำ�ชับให้ปฏิบตั ติ าม คำ�สัง่ ทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเราจะทรง สำ�แดงพระองค์ เมือ่ ถึงเวลากำ�หนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผูท้ รงเป็นความ สุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านาย
09.indd 316
21/12/2561 14:50:34
สูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ใน แสงสว่างทีไ่ ม่อาจเข้าถึงได้ ไม่มมี นุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจ เห็ น พระองค์ ได้ ขอพระองค์ ท รงดำ � รงพระเกี ย รติ แ ละ พระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 16:19-31 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกฟาริสีว่า “เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคา แพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวัน คนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐี มีแต่สุนัขมา เลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำ� เขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ เศรษฐีซึ่งกำ�ลังถูกทรมาน อยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า ‘ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิว้ จุม่ นาํ้ มาแตะลิน้ ให้ลกู สดชืน่ ขึน้ บ้าง เพราะ ลูกกำ�ลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้’ แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย จงจำ�ไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้ รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่า นั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย’ เศรษฐีจึงพูดว่า ‘ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีก ห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานทีท่ รมานแห่งนีเ้ ลย’ อับราฮัมตอบว่า ‘พีน่ อ้ งของลูกมีโมเสส และบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด’ แต่เศรษฐีพูดว่า ‘มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึง่ จากบรรดาผูต้ ายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ’ อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่เชือ่ ฟังโมเสสและบรรดา ประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ’” เศรษฐีในนิทานเปรียบเทียบนี้ มีความผิดและต้องได้รับโทษ ด้วยเหตุผลเดียวคือ ต่อหน้าผู้ที่ ต้องการความรัก เขากลับเมินเฉย ละเลยไม่กระทำ�สิ่งที่ถูกต้อง และนี่คือคำ�ถามของเราแต่ละคน ตอนเริ่มมิสซา เราสวดบทสารภาพบาป ว่าเราได้ทำ�บาปมากมาย ด้วย กาย วาจา ใจ และด้วยการละเลย หลายต่อหลายครั้ง เราละเลยที่จะทำ�ดีกับบุคคลที่อยู่รอบข้างเรา ในครอบครัวของเรา ในที่ทำ�งาน และในสังคมของเรา ถามว่า เรา จะไปทำ�ร้ายอะไรบุคคลเหล่านี้หรือเปล่า คำ�ตอบคือ ไม่ แต่เราละเลยที่จะทำ�ดีกับพวกเขาเหล่านั้น แม้ว่ามันจะ เป็นสิง่ ทีพ่ วกเขาต้องการมากขนาดไหนก็ตาม หลายคนต้องการรอยยิม้ จากเรา ต้องการคำ�พูดทีอ่ อ่ นโยน ต้องการ กำ�ลังใจจากเรา เราได้ทำ�สิ่งต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ หรือเราเมินเฉย ละเลยมันไป
09.indd 317
21/12/2561 14:50:35
บทอ่านที่ 1 ศคย 8:1,2ข-8 ในครั้งนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เราหวงแหนศิโยน อย่างมาก เราโกรธมากต่อผู้ที่พรากศิโยนไปจากเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เรากำ�ลังจะกลับมายังศิโยน จะอยู่ภายในกรุง เยรูซาเล็ม กรุงเยรูซาเล็มจะได้ชอื่ ว่าเมืองซือ่ สัตย์ และภูเขาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอม ระลึกถึง จักรวาล จะได้ชื่อว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์” น.เยโรม องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ “ชายชราและหญิงชราจะนัง่ อยูต่ ามลาน กรุงเยรูซาเล็มอีก แต่ละคนจะถือไม้เท้าเพราะมีอายุมาก ลานเมืองจะมีเด็กชายเด็ก พระสงฆ์ และนักปราชญ์ หญิง วิ่งเล่นอยู่เต็มลาน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ “ถ้าเรือ่ งนีด้ เู หมือนเป็นไปไม่ได้ ในสายตา แห่งพระศาสนจักร สดด 102:15-17,18-20, ของผู้ที่รอดชีวิตเหลืออยู่ ในหมู่ประชากรของเราในเวลานี้ เรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้ ใน 28 และ 21-22 สายตาของเราด้วยกระนั้นหรือ” องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะช่วยประชากรของเรา ให้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 รอดพ้นจากแผ่นดินทางตะวันออก และจากแผ่นดินทางตะวันตก เราจะนำ�เขากลับมา อาศัยอยู่ภายในกรุงเยรูซาเล็ม เขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของ เขาด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม” พระวรสาร ลก 9:46-50 เวลานัน้ บรรดาศิษย์เริม่ ถกเถียงกันว่าคนใดในกลุม่ ยิง่ ใหญ่ทสี่ ดุ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงทรงจูงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนใกล้พระองค์ ตรัสว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ ต้อนรับเรา ผู้ใดต้อนรับเรา ผู้นั้นก็ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามา เพราะในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเล็กที่สุด ผู้นั้นย่อม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในพระนามพระองค์ แต่เขา ไม่ได้อยู่กับเรา เราพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “อย่า ห้ามเขาเลย ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านท่าน ผู้นั้นก็เป็นฝ่ายท่าน” นักบุญเยโรมได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักรละติน ท่ามกลางนักบุญอัมโบรส นักบุญออกัสติน และนักบุญเกรกอรี ผู้ยิ่งใหญ่ ผลงานที่สำ�คัญของท่านคือ พระคัมภีร์ ฉบับภาษาละตินที่ท่านได้แปล และอรรถาธิบายพระคัมภีร์ของท่าน ครั้งหนึ่งท่านกล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าได้แปลพระคัมภีร์ตามคำ�สั่งของพระคริสตเจ้าที่ว่า “จงแสวงหาและท่าน จะพบ” ซึง่ เป็นพระคัมภีรน์ เี้ องทีข่ า้ พเจ้าแสวงหา และเหมือนดังทีน่ กั บุญเปาโลได้กล่าวไว้วา่ “พระคริสตเจ้าทรง เป็นพละกำ�ลังและปรีชาญาณของพระเจ้า ใครทีไ่ ม่รจู้ กั พระคัมภีรก์ ไ็ ม่รจู้ กั พลังและปรีชาญาณของพระเจ้า และ ใครที่ไม่รู้จักพระคัมภีร์ก็ไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” เราคริสตชนแสวงหาสิ่งใดเป็นลำ�ดับแรกในชีวิตของเรา พระเจ้า การดำ�เนินชีวิตตามพระประสงค์ของ พระองค์ หรือสิ่งอื่นๆ 09.indd 318
21/12/2561 14:50:35