ไบเบิลไดอารี่ เดือนกันยายน 2020

Page 1


1

อังคาร บทอ่านที่ 1 1 คร 2:10ข-16 พี่น้อง พระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกลํ้าของพระเจ้า ใครเล่าล่วงรู้ ความคิดของมนุษย์ ถ้ามิใช่จิตของมนุษย์ที่อยู่ในตัวมนุษย์คนนั้น เช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ ใดล่วงรู้ถึงความคิดของพระเจ้านอกจากพระจิตของพระเจ้า เรามิได้รับจิตของโลก แต่ รับพระจิตซึง่ มาจากพระเจ้า เพือ่ ให้รถู้ งึ สิง่ ต่างๆ ซึง่ พระเจ้าประทานแก่เรา เราพูดถึงสิง่ เหล่านี้ มิใช่ด้วยวาจาซึ่งปรีชาญาณของมนุษย์สอนให้ แต่พูดด้วยถ้อยคำ�ที่พระจิตเจ้า ทรงสอน เราจึงอธิบายเรื่องฝ่ายจิตโดยใช้ถ้อยคำ�ของพระจิตเจ้า มนุษย์ที่ดำ�เนินชีวิต ตามธรรมชาติ รับสิ่งที่เป็นของพระจิตของพระเจ้าไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องโง่เขลาสำ�หรับ เขา เขาไม่อาจเข้าใจได้ เพราะต้องใช้จติ พิจารณา อาศัยพระจิตเจ้าเท่านัน้ ส่วนผูท้ ดี่ ำ�เนิน ชีวติ อาศัยพระจิตเจ้าย่อมตัดสินทุกสิง่ และไม่มใี ครตัดสินเขาได้ ใครเล่าหยัง่ รูค้ วามคิด ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้คำ�แนะนำ�แก่พระองค์ได้ แต่เราเองมีความคิดของพระ คริสตเจ้า พระวรสาร ลก 4:31-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำ�สั่งสอนของพระองค์ทำ�ให้ผู้ฟังประทับใจอย่าง มาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำ�นาจ ในศาลาธรรม ชายคนหนึง่ ถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมา ยุง่ กับพวกเราทำ�ไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำ�ลายพวกเราใช่ไหม ฉันรูว้ า่ ท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ ทำ�ร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมี อำ�นาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์ เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น

พีน่ อ้ งทราบไหมว่าทำ�ไมปีศาจถึงรูจ้ กั พระเยซูดนี กั ... มันร้องเรียก “เยซู ชาวนาซาเร็ธ... ฉันรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” แล้วพระเยซูเจ้า มักจะดุให้มันเงียบ ไม่ให้มันพูด สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือศิษย์ของพระองค์ต้องรู้ ต้อง เป็นผู้ประกาศพระเยซู เชื่อในพระองค์ ไม่ใช่หน้าที่ปีศาจที่จะประกาศ เพราะมัน ประกาศ มันรู้ แต่มนั ไม่เชือ่ ในพระองค์ พระคัมภีรต์ อ้ งการเน้นว่าศิษย์ทตี่ ดิ ตามพระองค์ ต้องรู้จักพระองค์และต้องประกาศพระองค์สุดจิตใจต่างหาก และในพระวาจาวันนี้ “วาจาของพระองค์” ทรงอำ�นาจ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าก็ต้องทรงอำ�นาจ ในชีวิตของเราเสมอ

กันยายน สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 145:8-10, 11-12,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


2 พุธ

กันยายน สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 33:11-12, 13-15,20-22

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 1 คร 3:1-9 พี่น้องทั้งหลาย จนถึงบัดนี้ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำ�เนินชีวิต อาศัยพระจิตเจ้าได้ แต่พูดเหมือนพูดกับคนที่ดำ�เนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับ ทารกในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าใช้นํ้านมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้นท่าน ยังรับไม่ได้ และแม้เวลานี้ ท่านก็ยงั รับไม่ได้ เพราะท่านยังเป็นผูด้ ำ�รงชีวติ ตามธรรมชาติ ในเมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำ�รงชีวิตตามธรรมชาติ และ ดำ�เนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของ เปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ ทั่วๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ อปอลโลเป็นใคร เปาโลเป็นใคร ทั้งสองคนเป็นผู้รับใช้ที่นำ�ความเชื่อมาให้ท่าน ต่างก็ทำ�ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำ�หนดให้ทำ�เท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลูก อปอลโล เป็นผู้รดนํ้า แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้งผู้ปลูกและผู้ รดนํา้ ก็ไม่สำ�คัญ แต่ผมู้ คี วามสำ�คัญแท้จริงคือพระเจ้าผูท้ รงบันดาลให้เติบโตขึน้ ผูป้ ลูก และผู้รดนํ้ามีความสำ�คัญเท่ากัน แต่ละคนจะได้รับค่าจ้างของตนตามส่วนของงานที่ กระทำ� เพราะเราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า เป็น อาคารของพระเจ้า

พระวรสาร ลก 4:38-44 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยา ซีโมนกำ�ลังป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์ จึงทรงก้มลงเหนือนางและทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำ�ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้า พระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจาก โรค ปีศาจออกจากคนจำ�นวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วงเหนี่ยว พระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้า ให้แก่เมืองอืน่ ด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพือ่ การนี”้ พระองค์จงึ ทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย สำ�หรับลูกา... พระเยซูเจ้าคือหมอฝ่ายวิญญาณ แม้มารดาของภรรยาซีโมนเป็นไข้หนัก เพียง พระองค์ก้มลงเหนือนางสั่งไข้ให้ออกไปได้ ผู้ป่วยทั้งเมืองริมทะเลกาลิลีฝั่งคาเปอร์นาอุมพากันมาเนืองแน่น ผู้ป่วยหายกันทั่วหน้า การกอบกู้ให้รอดพ้นเริ่มจากการให้พ้นจากความป่วยไข้ การถูกครอบงำ�ของปีศาจ ของอาการที่ไม่ปกติ ปีศาจมันก็ร้องอีก มันรู้ “ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า” พระองค์ก็สั่งให้มันเงียบอีก มันใช่ หน้าที่ของปีศาจหรือที่จะประกาศ เปล่าเลย เป็นหน้าที่ของบรรดาศิษย์พระเยซู คนที่ได้รับการกอบกู้ที่จะ ต้องประกาศความเชือ่ ในพระเยซู “บุตรพระเจ้า” ผูท้ รงอำ�นาจแท้จริง ให้เราประกาศพระองค์เสมอในชีวติ เรา


3

พฤหัสบดี บทอ่านที่ 1 1 คร 3:18-23 พีน่ อ้ ง จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จง ยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ใน โลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “องค์พระผู้ เป็นเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยก เอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิง่ ปัจจุบนั หรือสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคตก็ดี ทุกสิง่ ล้วนเป็นของท่าน แต่ทา่ น เป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

กันยายน ระลึกถึง น.เกรโกรี่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร

พระวรสาร ลก 5:1-11 สดด 24:1-3,4-6 วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงยืนอยูบ่ นฝัง่ ทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะทีป่ ระชาชนเบียด ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เสียดรอบพระองค์เพือ่ ฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำ� จอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำ�ลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำ�หนึ่งซึ่ง เป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอน ประชาชนจากเรือนั้น เมือ่ ตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซโี มนว่า “จงแล่นเรือออกไปทีล่ กึ และลง อวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทัง้ คืนแล้ว จับ ปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำ�รัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำ�ดังนี้แล้ว พวก เขาจับปลาได้จำ�นวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำ� หนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำ�ปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ� จนเรือเกือบจม เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้ มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำ� เรือกลับถึงฝั่งแล้วก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป Duc in altum (ดุ๊ก อิน อัลตุม) “จงแล่นเรือออกไปในที่ลึก” มากกว่าความสามารถปกติที่ ชาวประมงเคยทำ� แม้จะยืนยันว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำ�งานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย” ที่สุด ตามพระดำ�รัส “พระบัญชา หรือพระวาจา” ชัดเจน ทำ�ตามที่ทรงสั่ง ออกไปที่ลึกกว่า ได้ปลามากมายจน เอาขึ้นไม่ไหว นี่คือสิ่งที่พระวรสาร นักบุญลูกากล่าวถึง พี่น้องคิดไหมว่าการเป็นศิษย์พระคริสต์แท้จริงคือ ต้องเอาจริงกับการทำ�ตามพระวาจาแล้วเราจะได้เห็นมหัศจรรย์แท้จริงแห่งพระวาจาของพระองค์ ศิษย์พระ คริสต์แท้จริงเราคงต้องออกไปในทีล่ กึ กว่าเดิม ในสังคมโลก ลึกกว่าเดิมคือลงไปในหัวใจของสังคม ของเพือ่ น พี่น้องที่อยู่ในที่ลึกของสังคม ลูกาเน้นพระวรสารของท่านเพื่อการนี้จริงๆ ย่อคุกเข่าเป็นศิษย์ของพระองค์ เถิด ไปในที่ลึกกว่าที่เคยเถิด สังคมนี้ยังมีที่ลึกที่ต้องการศิษย์พระคริสต์มากเหลือเกิน


4

ศุกร

กันยายน สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา สดด 37:3-4,5-6, 27-28,39-40

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน

บทอ่านที่ 1 1 คร 4:1-5 พีน่ อ้ ง คนทัง้ หลายจงยึดถือว่าเราเป็นผูร้ บั ใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผูจ้ ดั การดูแล ธรรมลํ้าลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ ส่วนข้าพเจ้าการที่ท่านหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านั้น เป็นเรื่องไม่สำ�คัญ แม้ ข้าพเจ้าก็ยังไม่ตัดสินตนเอง จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตำ�หนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นี่ไม่ หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จง อย่าตัดสินเรื่องใดๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสงให้ความลับทีซ่ อ่ นอยูใ่ นความมืดจะปรากฏชัด และจะทรงเปิด เผยความในใจของทุกคนให้ปรากฏ เมื่อนั้น ทุกคนจะได้รับคำ�ชมเชยจากพระเจ้าตาม สมควร พระวรสาร ลก 5:33-39 เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐาน ภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำ�เช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผรู้ บั เชิญมาในงานแต่งงานจำ�ศีลอดอาหารได้หรือขณะที่ เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำ�ศีล อดอาหาร” พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำ�ให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่ม เหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า “เหล้าเก่านั้นดีกว่า” ผ้าใหม่ตอ้ งปะเสือ้ ใหม่ ศิษย์พระเยซูคอื พันธสัญญาใหม่ ต้องดำ�เนินชีวติ ด้วยบัญญัตใิ หม่ของพระเยซูเจ้า ไม่ตกอยูใ่ นสภาพเดิม บัญญัตเิ ดิมมากมายทีป่ ระชากร อิสราเอลดำ�เนินชีวิต บัญญัติเหล่านั้นดุจดังเสื้อเก่า ถุงหนังเก่า จำ�เป็นต้องออกมาสู่สิ่ง ใหม่ มาเจริญชีวิตด้วยบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า เหล้าองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ ศิษย์พระคริสตเจ้าต้องเดินในหนทางใหม่ เพื่อประกาศข่าวดีใหม่ พ่อเชื่อว่าชีวิตเราใน โลกปัจจุบันและในทุกสมัยนั้นใหม่เสมอ... และพระคริสตเจ้า ศิษย์ของพระองค์คือ คำ�ตอบที่ใหม่เสมอ เป็นปัจจุบันเสมอ และเป็นอนาคตเสมอไป พระคริสตเจ้า วานนี้ วันนี้ และตลอดไป


5

เสาร

บทอ่านที่ 1 1 คร 4:6-15 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับตนเองและอปอลโลเป็นตัวอย่างเพื่อ เป็นประโยชน์แก่ทา่ นทัง้ หลาย ให้ทา่ นเรียนรูจ้ ากเราถึงความหมายของคำ�พูดทีว่ า่ “อย่า ก้าวเกินขอบเขตที่เขียนไว้” เพื่อมิให้ใครหยิ่งผยอง เข้าข้างคนหนึ่งและต่อต้านอีกคน หนึ่ง ใครเล่าตัดสินว่าท่านดีกว่าผู้อื่น ท่านมีอะไรบ้างที่ไม่ได้รับจากพระเจ้า ถ้าท่านได้ รับแล้ว ท่านจะโอ้อวดประหนึ่งว่าไม่ได้รับทำ�ไม ท่านมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้วหรือ ท่าน รํ่ารวยแล้วใช่ไหม ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์โดยไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้ เราอยากให้ ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์จริงๆ เพราะเราจะได้เป็นกษัตริย์ครองราชย์พร้อมกับท่าน ด้วย ข้าพเจ้าคิดว่าพระเจ้าทรงจัดตั้งเราซึ่งเป็นอัครสาวกไว้ตรงที่สุดท้าย เหมือนกับผู้ ทีถ่ กู ตัดสินปรับโทษถึงตาย เรากลายเป็นเป้าสายตาของโลก ทัง้ ของทูตสวรรค์และของ มนุษย์ เราเป็นคนโง่เขลาเพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า ส่วนท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดใน พระคริสตเจ้าใช่ไหม เราอ่อนแอ ส่วนท่านเข้มแข็งใช่หรือไม่ ท่านมีเกียรติ ส่วนเรา ไร้เกียรติใช่ไหม จนกระทัง่ บัดนีเ้ ราก็ยงั หิวและกระหาย ไม่มเี สือ้ ผ้านุง่ ห่ม ถูกตบตี และ ไร้ทอี่ ยูอ่ าศัย เราเหน็ดเหนือ่ ยทำ�งานหนักด้วยนํา้ พักนํา้ แรงของเราเอง เมือ่ ถูกด่าว่า เรา ให้พร เมื่อถูกเบียดเบียน เราก็อดทน เมื่อถูกใส่ร้าย เราก็พูดดีด้วย เราเป็นเสมือนขยะ มูลฝอยของโลก เป็นสิ่งปฏิกูลของทุกคนจนกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้าเขียนเรือ่ งเหล่านีม้ ใิ ช่เพือ่ ทำ�ให้ทา่ นอับอาย แต่เขียนเพือ่ ตักเตือนในฐานะ ที่ท่านเป็นลูกรักของข้าพเจ้า แม้ว่าท่านจะมีครูพี่เลี้ยงนับหมื่นคนในพระคริสตเจ้า แต่ ก็มีบิดาเพียงคนเดียว เพราะข้าพเจ้าให้กำ�เนิดท่านในพระคริสตเยซู โดยการประกาศ ข่าวดี

กันยายน น.เทเรซา แห่งกัลกัตตา พรหมจารี สดด 145:16-19,20-21

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร ลก 6:1-5 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมาขยี้กิน ชาวฟาริสีบาง คนจึงถามว่า “ทำ�ไมท่านทำ�สิ่งต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่า กษัตริยด์ าวิดและผูต้ ดิ ตามได้ทำ�อะไรเมือ่ หิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปัง ที่ตั้งถวายมาเสวยและประทานแก่ผู้ติดตาม ขนมปังนี้ใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น” แล้ว พระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต” ถ้าศาสนาจบอยู่ที่เพียงพิธีกรรม กฎเกณฑ์ สงสัยว่าศาสนาจะไม่ใช่ศาสนาจริงๆ ถ้าการมี ศาสนาคือการเคร่งกฎแบบทีล่ ะเมิดไม่ได้ นัน่ คงเป็นเพียงจารีตพิธแี ละกฎทีม่ นุษย์สร้างขึน้ เพือ่ ควบคุมสังคม ศาสนายิวอันที่จริงก็มีความเคร่งครัดมากมายเหลือเกิน แต่พระเจ้าพระองค์ทรงเมตตาเหลือล้นเกินความ เข้าใจได้ แต่บ่อยๆ มนุษย์ก็เป็นผู้กำ�หนดไปเสียทุกอย่างจนข้ามคุณค่าและความหมายไป สำ�หรับพระเจ้า “ชีวิตมนุษย์คือเป้าหมายของศาสนาและทุกกฎเกณฑ์” ถ้าเพื่อความรอด ความจำ�เป็นของชีวิตพื้นฐานของ มนุษย์ ความหิว การเยียวยารักษา การนุ่งห่ม ตามปัจจัยพื้นฐาน กฎเกณฑ์ศาสนาความเคร่งครัดทั้งหลาย ตกเป็นรองหรือหายไปได้เพื่อรัก รักษา และเสริมคุณค่าชีวิตมนุษย์


6

อาทิตย กันยายน สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 33:7-9 พระเจ้าตรัสว่า “บัดนี้ บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราแต่งตั้งท่านให้เป็นคนยามสำ�หรับ พงศ์พนั ธุอ์ สิ ราเอล ท่านได้ยนิ ถ้อยคำ�จากปากของเราเมือ่ ใด ท่านก็จงตักเตือนเขาแทน เราเถิด ถ้าเราบอกคนชั่วร้ายว่า “คนชั่วร้ายเอ๋ย ท่านจะต้องตายแน่ๆ” แต่ท่านไม่พูด ตักเตือนคนชัว่ ร้ายให้ละทิง้ ความประพฤติของเขา คนชัว่ ร้ายนัน้ จะต้องตายเพราะความ ผิดของตน แต่เราจะเอาผิดกับท่านเพราะความตายของเขา แต่ถ้าท่านได้ตักเตือนคน ชั่วร้ายให้ละทิ้งความประพฤติของตน แล้วเขาไม่ยอมกลับใจ เขาจะต้องตายเพราะ ความผิดของตน แต่ท่านจะรอดชีวิต’” เพลงสดุดี สดด 98:1-4 ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น ข) เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ด้วยความยินดี ค) เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ง) ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 13:8-10 พีน่ อ้ ง อย่าเป็นหนีผ้ ใู้ ด นอกจากเป็นหนีค้ วามรักซึง่ กันและกัน ผูท้ รี่ กั เพือ่ นมนุษย์ ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่า คน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรัก เพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ความรักไม่ทำ�ความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรัก เป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:15-20 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำ�ผิด จงไปตักเตือนเขาตามลำ�พัง ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้ พีน่ อ้ งกลับคืนมา ถ้าเขาไม่เชือ่ ฟัง จงพาอีกคนหนึง่ หรือสองคนไปด้วย คำ�พูดของพยาน สองคนหรือสามคนจะได้จัดเรื่องราวให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่ยอมฟังพยาน จงแจ้งให้หมู่ คณะทราบ ถ้าเขาไม่ยอมฟังหมู่คณะอีก จงปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นคนต่างศาสนา หรือคนเก็บภาษีเถิด เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดิน จะผูกไว้ใน สวรรค์ และทุกสิ่งที่ท่านจะแก้บนแผ่นดิน ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย


เราบอกความจริงแก่ท่านอีกว่า ถ้าท่านสองคนบน แผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของ เราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้ เพราะว่า ที่ใดมีสองหรือ สามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา” การกลับใจจำ�เป็นที่สุดเมื่อมนุษย์หลงเดิน ทางในความผิด ไม่วา่ ความผิดนัน้ จะเสียหายตกตาํ่ เท่าใด แต่ การฟื้นฟู กลับใจ คือ ไม่เดินทางเดิมอีก แต่เลือกทางเดิน ใหม่ที่ดีกว่าด้วยสำ�นึก กลับใจ Metanoia (อ่านว่า เมตตา นอยยา) คือการรู้จริง สำ�นึก และเปลี่ยนแปลง นี่คือสิ่งที่ พระเจ้าเรียกร้องและปรารถนาในเรามนุษย์ ไม่จมปลักอยูใ่ น บาป ในความชั่ว และต้องตายไปในบาปของตน การเรียก ร้อง การตักเตือนช่วยเหลือจึงจำ�เป็นในพระศาสนจักรตามคำ�สอนของพระเยซู มธ 18 ปล่อยไม่ได้ ไม่ใยดี ไม่ได้ ปล่อยให้พี่น้องเดินหลงทางจมในบาปไม่ได้ นั่นผิด ไม่ใช่เขาผิด แต่เราผิดต่อความรักที่ไม่ได้ช่วยเหลือ ตักเตือนให้เขาได้กลับใจ เป็นหน้าที่ที่จะไม่ “ละเลย” การละเลยพี่น้องให้เดินในความบาป เป็นบาปที่แย่ กว่าคือขาดความรักต่อเขา


7

จันทร

กันยายน สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 5:3-4,5-6,11

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 1 คร 5:1-8 พีน่ อ้ ง ข่าวรํา่ ลือกันมากว่า มีการผิดประเวณีเกิดขึน้ ในหมูท่ า่ น เป็นการผิดประเวณี ชนิดที่ไม่เคยพบเห็นแม้ในหมู่คนต่างศาสนา กล่าวคือมีคนหนึ่งได้แม่เลี้ยงของตนมา เป็นภรรยา และท่านยังภูมิใจ แทนที่จะเป็นทุกข์เศร้าโศก จงขับไล่คนที่ทำ�ผิดเช่นนี้ไป เสีย ส่วนข้าพเจ้านั้น แม้ว่ากายจะอยู่ห่าง แต่ใจนั้นอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าก็ตัดสินลงโทษ ผูท้ ที่ ำ�ผิดนัน้ แล้วประหนึง่ ว่าข้าพเจ้าอยูด่ ว้ ย เมือ่ ท่านทัง้ หลายร่วมชุมนุมกันในพระนาม พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าก็อยู่ร่วมด้วยพร้อมกับพระอานุภาพของ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา จงมอบคนประเภทนี้ให้ซาตาน ให้เขามีชีวิตที่ต้อง ทนทุกข์ทรมาน เพื่อจิตของเขาจะรอดพ้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า การโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่า เชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยก็ทำ�ให้แป้งดิบทั้ง ก้อนฟูขึ้นได้ จงชำ�ระเชื้อแป้งเก่าเสียเพื่อท่านจะเป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังที่ท่านก็เป็น แป้งไร้เชื้ออยู่แล้ว เพราะพระคริสตเจ้าองค์ปัสกาของเราถูกฆ่าบูชาแล้ว เราจงฉลอง กันเถิด มิใช่ดว้ ยเชือ้ แป้งเก่าคือความชัว่ ร้ายเลวทราม แต่ดว้ ยแป้งไร้เชือ้ คือความจริงใจ และสัจจะ พระวรสาร ลก 6:6-11 วันสับบาโตอีกวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสัง่ สอนทีน่ นั่ มีชายคนหนึง่ มือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสคี อยจ้องดูวา่ พระองค์จะทรง รักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพือ่ จะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรง ทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ ลุกขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควรทำ� ความดีหรือทำ�ความชัว่ ควรช่วยชีวติ หรือทำ�ลายชีวติ ” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเขา ทุกคนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ทำ�ตามและมือของเขาก็ หายเป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะ ทำ�อย่างไรกับพระเยซูเจ้า

การไม่หยิบยืน่ ความช่วยเหลือเพราะยึดมัน่ ในกฎเกณฑ์ทคี่ ดิ ว่าเคร่งครัด นัน้ ไม่ใช่เพียงมือลีบ แต่หวั ใจทีล่ บี นัน้ น่าเสียดายยิง่ กว่า เพราะวันสับบาโตห้ามทำ�งาน แต่ขนาดจะไม่ให้รักษาเพื่อนพี่น้องที่มือลีบนั้นเลยหรือ ฟาริสีและธรรมาจารย์ที่เป็น คนเคร่งครัดในศาสนา แต่ใจลีบจริงๆ จนพระเยซูต้องเรียกคนมือลีบ “มายืนตรงกลาง นี่” กลางพวกใจลีบ เคร่งครัดกฎจนละเลยโอกาสที่จะทำ�ความดีในวันสับบาโต เพราะ กฎห้ามทำ�งานกระนั้นหรือ พระองค์มองพวกเขา พวกใจลีบทั้งหลายและสั่งคนมือลีบ “เหยียดมือออก” ขอให้เรากล้าเหยียดมือออกไป เพือ่ ทำ�ความดีเสมออย่างไม่มเี งือ่ นไข


8

อังคาร

บทอ่านที่ 1 รม 8:28-30 พี่น้อง เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผูท้ ที่ รงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผูท้ พี่ ระองค์ทรงทราบล่วงหน้านัน้ พระองค์ทรงกำ�หนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตร จะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพีน่ อ้ งจำ�นวนมาก ผูท้ ที่ รงกำ�หนดไว้แล้วนัน้ พระองค์ทรง เรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบ ธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย พระวรสาร มธ 1:18-23 เรือ่ งราวการประสูตขิ องพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของ พระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนาง ตัง้ ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้อง หย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่อง นีอ้ ยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริยด์ าวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนาง นั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขา จะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นเี้ กิดขึน้ เพือ่ พระดำ�รัสขององค์ พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” ฉลองแม่พระบังเกิด พ่อคิดว่าวันนีพ้ ระวาจาทีเ่ ราน่านำ�มาไตร่ตรองมากๆ คือ “อิมมานูเอล” พระเจ้าสถิตกับเรา ที่แม่พระได้รับเกียรติมากมายเพราะ “พระเจ้า สถิตกับพระนาง” คำ�ของทูตสวรรค์ “วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้า สถิตกับท่าน” วันนี้ฉลองวันเกิดของแม่พระ เตือนเรากับคำ�นั้น “พระเจ้าสถิตกับเรา” ต้องสถิตกับเราสิ ขาดพระเจ้าไม่ได้ จนว่าจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโรมวันนี้ในเรา ทุกคนต้องเป็นความจริง ให้ชีวิตเราเป็นคุณค่า เพราะพระองค์ทรงเรียกเรา บันดาลให้ เราเป็นคนชอบธรรม... เราต้องเป็นเหมือนแม่พระ คือ เปิดหัวใจให้พระเจ้าสถิตในเรา เสมอเช่นกัน

กันยายน ฉลองแม่พระ บังเกิด สดด 13:5


9 พุธ

กันยายน น.เปโตร คลาแวร์ พระสงฆ์ สดด 45:10-11, 13-14,15-16

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 1 คร 7:25-31 พี่น้อง ส่วนผู้ที่ยังไม่แต่งงาน ข้าพเจ้าไม่มีพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ ข้าพเจ้าขอแนะนำ�ด้วยความคิดเห็นของข้าพเจ้าเอง ในฐานะทีไ่ ด้รบั พระกรุณาจากองค์ พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ เมื่อคำ�นึงถึงความยากลำ�บากในปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้า เห็นว่า แต่ละคนควรอยูใ่ นสภาพทีเ่ ป็นอยูเ่ วลานี้ ท่านมีพนั ธะกับภรรยาหรือ จงอย่าหา ทางแยกพันธะนัน้ ท่านเป็นอิสระไม่มภี รรยาหรือ ก็อย่าหาภรรยาเลย แต่ถา้ ท่านแต่งงาน ท่านก็มิได้ทำ�บาป และถ้าหญิงสาวพรหมจารีจะแต่งงาน เธอก็มิได้ทำ�บาป โดยแท้จริง แล้วผูท้ แี่ ต่งงานจะประสบความยุง่ ยากในชีวติ สมรส และข้าพเจ้าใคร่จะให้ทา่ นพ้นจาก ความยุ่งยากนั้น พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกท่านว่า เวลานั้นสั้นนัก ตั้งแต่นี้ไปผู้ที่มีภรรยาจง เป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีภรรยา ผู้ที่ร้องไห้จงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่ร้องไห้ ผู้ที่มีความสุขจงเป็น เสมือนผู้ที่ไม่มีความสุข ผู้ที่ซื้อจงเป็นเสมือนผู้ที่ไม่มีสิ่งใดเป็นกรรมสิทธิ์ และผู้ที่ใช้ ของของโลกนี้จงเป็นเสมือนผู้ที่มิได้ใช้ เพราะโลกดังที่เป็นอยู่กำ�ลังจะผ่านไป

พระวรสาร ลก 6:20-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรดูบรรดาศิษย์ ตรัสว่า “ท่านทัง้ หลายทีย่ ากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่านประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จง ชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านนั้น ยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยกระทำ�เช่นนี้กับบรรดา ประกาศกมาแล้ว วิบตั จิ งเกิดกับท่านทีร่ าํ่ รวย เพราะท่านได้รบั ความเบิกบานใจแล้ว วิบตั จิ งเกิดกับท่านทีอ่ มิ่ เวลานี้ เพราะ ท่านจะหิว วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้ วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุก คนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำ�เช่นนี้กับบรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว ถ้าต้องเลือกระหว่างบุญลาภหรือความสุขแท้กับวิบัติ เราจะเลือกอะไร การนำ�เสนอบุญลาภ ในพระวรสารนักบุญลูกานั้นตรงๆ สั้นๆ สี่ประการของความสุขแท้และสี่ประการของวิบัติ สำ�หรับลูกา การ เลือกทางเดินที่ถ่อมตน ยากจน คือตํ่าต้อย พอเพียง และที่สำ�คัญชีวิตที่ยอมขึ้นกับพระเจ้าให้พระองค์เป็น พระเจ้าแท้ของเรา นั่นคือบุญลาภ พระเจ้าคือความมั่นคง ความมั่งคั่ง และทุกสิ่งของเรา หรือจะเลือกความ มั่งคั่งรํ่ารวยในกระแสโลก แต่ห่างไกลจากพระเจ้า ศิษย์พระคริสต์ต้องเลือกเส้นทางเดียวกับพระเยซูที่ทรง บังเกิดในรางหญ้า ตายบนไม้กางเขน เพือ่ เคียงข้างมนุษย์ผตู้ าํ่ ต้อย นัน่ คือหนทางของความสุขแท้และมัน่ คง ในพระเจ้า


10

พฤหัสบดี บทอ่านที่ 1 1 คร 8:1ข-7,11-13 พี่น้อง ความรู้ทำ�ให้ทะนงตน สิ่งที่เสริมสร้างคือความรัก ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีความ รู้เรื่องใดๆ เขายังไม่รู้เท่าที่ควร แต่ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า พระองค์ก็ทรงรู้จักผู้นั้น เรื่องการ กินเนื้อสัตว์ที่ถวายแด่รูปเคารพแล้ว เราก็รู้แล้วว่า รูปเคารพเป็นเพียงรูป และไม่มีพระ อื่นใดนอกจากพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว แม้จะมีสิ่งที่เรียกกันว่าพระเจ้าทั้งในสวรรค์ และบนแผ่นดิน พระเจ้าและเจ้านายเช่นนี้มีจำ�นวนมาก แต่สำ�หรับเราพระเจ้ามีเพียง พระองค์เดียวคือพระบิดา... ดังนัน้ ความรูข้ องท่านทำ�ให้ผอู้ อ่ นไหวประสบหายนะ เขาเป็นพีน่ อ้ งซึง่ พระคริสต เจ้าสิน้ พระชนม์เพือ่ เขา ถ้าท่านทำ�บาปต่อพีน่ อ้ งและทำ�ร้ายมโนธรรมทีอ่ อ่ นไหวของเขา ท่านก็ยอ่ มทำ�บาปต่อพระคริสตเจ้า ดังนัน้ ถ้าอาหารเป็นเหตุให้พนี่ อ้ งของข้าพเจ้าตกใน บาป ข้าพเจ้าก็จะไม่กนิ เนือ้ สัตว์อกี เลย ด้วยเกรงว่าข้าพเจ้าจะเป็นเหตุให้พน่ี อ้ งตกในบาป

กันยายน สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 139:1-3,13-14, 23-24

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 6:27-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรากล่าวกับท่านทั้งหลายที่กำ�ลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่ สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำ�ร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบ ด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวง ของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำ�ต่อท่านอย่างไร ก็จงทำ�ต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรัก เฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย ถ้าท่านทำ�ดี เฉพาะต่อผู้ที่ทำ�ดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังทำ�เช่นนั้นด้วย ถ้าท่านให้ยืมเงินโดยหวังจะได้คืน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ให้คนบาปด้วย กันยืมโดยหวังจะได้เงินคืนจำ�นวนเท่ากัน แต่ท่านจงรักศัตรู จงทำ�ดีต่อเขา จงให้ยืมโดยไม่หวังอะไรกลับคืน แล้วบำ�เหน็จรางวัลของท่านจะใหญ่ยงิ่ ท่านจะเป็นบุตรของพระผูส้ งู สุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคน อกตัญญูและต่อคนชั่วร้าย จงเป็นผู้เมตตากรุณาดังที่พระบิดาของท่านทรงพระเมตตากรุณาเถิด อย่าตัดสินเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน จงให้อภัยเขา แล้วพระเจ้าจะทรงให้ อภัยท่าน จงให้ แล้วพระเจ้าจะประทานแก่ท่าน ท่านจะได้รับเต็มสัดเต็มทะนานอัดแน่นจนล้น เพราะว่าท่าน ใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าก็จะทรงใช้ทะนานนั้นตวงตอบแทนให้ท่านด้วย” คงมีศาสนานี้เท่านั้นที่กล้าสอนว่า “จงรักศัตรู” ปกติการไม่แก้แค้น ให้อภัย ปล่อยไป ไม่ อาฆาต ก็มากพอแล้ว แต่คำ�สอนของพระเยซูแบบนี้คือสิ่งที่เราพบบนไม้กางเขน ให้อภัย และขอพระบิดา ให้อภัยแก่คนทีป่ ระหารพระองค์ ถ้าเราอ่านดีๆ ติดตามอย่างช้าๆ นีค่ อื บุคลิกของพระบิดาเจ้าในพระเยซู รัก ให้อภัย และรักจนถึงทีส่ ดุ รักศัตรูกลายเป็นสิง่ ทีไ่ ม่ใช่เป็นไปได้ในศาสนาเรา แต่เป็นสิง่ ทีต่ อ้ งเป็น เพราะอะไร ถ้าเราสำ�รวจจริงๆ ในพระวรสารวันนี้ คำ�ตอบ “เพราะเราเป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์” ชัดเจน “ท่าน จะเป็นบุตรของพระผูส้ งู สุด เพราะพระองค์ทรงพระกรุณาต่อคนอกตัญญูและต่อคนชัว่ ร้าย” ถ้าเราอ่านมัทธิว และพบความจริงว่า “บุตรของพระเจ้า คือ ผู้สร้างสันติ” ได้รับการประกาศเป็นผู้มีความสุขแท้


11

ศุกร

กันยายน สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา สดด 84:1-2,3-4, 5-6,11-12

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 1 คร 9:16-19,22-27 พี่น้อง ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำ�เป็น ต้องประกาศอยูแ่ ล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รบั ความวิบตั ิ เพราะ ถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำ�เอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ�ก็ หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำ�งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใด เล่า รางวัลสำ�หรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สิทธิ์ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำ�ตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำ�หรับทุก คน เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ใช้ทกุ วิถที างช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำ�ทุกอย่างเพราะเห็น แก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย ท่านไม่รู้หรือว่าคนที่วิ่งแข่งในสนามกีฬา ทุกคนวิ่งก็จริง แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้ รับรางวัล ท่านจงวิ่งเช่นนั้นด้วย เพื่อชิงรางวัลให้ได้ นักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขันย่อม บังคับตนเองอย่างเคร่งครัด เพือ่ จะได้รบั มงกุฎใบไม้ทรี่ ว่ งโรยได้ แต่เราทำ�เช่นนีเ้ พือ่ จะ ได้รับมงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรย ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงวิ่งแข่งอย่างมีจุดหมาย ข้าพเจ้ามิได้ชก อย่างคนชกลม แต่ข้าพเจ้าเคร่งครัดต่อร่างกายเพื่อบังคับให้ร่างกายอยู่ใต้อำ�นาจของ ข้าพเจ้า ด้วยเกรงว่าหลังจากที่ได้เทศน์สอนคนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าอาจถูกตัดสิทธิ์เพราะ ผิดกติกา

พระวรสาร ลก 6:39-42 เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำ�ทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ ศิษย์ย่อม ไม่อยูเ่ หนืออาจารย์ แต่ทกุ คนทีไ่ ด้รบั การฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของ ตน ทำ�ไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย ท่านจะ กล่าวแก่พนี่ อ้ งได้อย่างไรว่า ‘พีน่ อ้ ง ปล่อยให้ฉนั เขีย่ เศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด’ ขณะทีท่ า่ นไม่เห็น ท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่าน จะเห็นชัด แล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง” การพิศเพ่งพระวาจาของพระเจ้า การไตร่ตรองพระวาจาเสมอนั้นเราจะพบความจริงที่ว่า “พระวาจาของพระองค์คอื โคมทองส่องทางชีวติ ” จะไม่มวี นั สะดุดล้มแน่นอน พ่ออยากจะสรุปพระวาจาวัน นี้ว่าไม่ใช่เรื่องการเขี่ยเศษฟาง แต่ที่พ่อมั่นใจคือ พระวาจาวันนี้จะทำ�ให้เราไม่ตาบอดอีกต่อไป วิญญาณจะ ไม่บอดอีกต่อไป เราจะได้เห็น ได้ไตร่ตรองพระวาจา ทำ�ให้วญ ิ ญาณของเราได้เห็นตนเองชัดเจน เป็นโคมส่อง ชีวิต ส่องทางเราและพี่น้องของเรา เมื่อเราพบพระวาจา เราจะพบตนเอง และเราจะพบเพื่อนพี่น้องด้วย สายตาที่ไม่บอดหรือมีอุปสรรคขัดขวางอย่างแน่นอน


12 เสาร

บทอ่านที่ 1 1 คร 10:14-22 พีน่ อ้ งทีร่ กั ยิง่ ท่านจงหลีกเลีย่ งการกราบไหว้รปู เคารพ ข้าพเจ้าพูดกับท่านเหมือน พูดกับผูม้ ปี ญ ั ญา ท่านจงพิจารณาตัดสินสิง่ ทีข่ า้ พเจ้ากำ�ลังจะพูดนีเ้ ถิด ถ้วยถวายพระพร ซึง่ เราใช้ขอบพระคุณพระเจ้านัน้ มิได้ทำ�ให้เรามีสว่ นร่วมในพระโลหิตของพระคริสตเจ้า หรือ และปังที่เราบินั้น มิได้ทำ�ให้เรามีส่วนร่วมในพระกายของพระคริสตเจ้าหรือ มีปัง ก้อนเดียว แม้ว่าจะมีหลายคน เราก็เป็นกายเดียวกัน เพราะเราทุกคนมีส่วนร่วมกินปัง ก้อนเดียวกัน จงพิจารณาชาวอิสราเอลในอดีต ผู้ที่กินเนื้อสัตว์จากของถวายก็มีส่วน ร่วมในพระแท่นบูชามิใช่หรือ ข้าพเจ้าหมายความว่าอย่างไร หมายความว่า เนื้อสัตว์ที่ ถวายแด่รปู เคารพนัน้ มีความสำ�คัญอะไรหรือ รูปเคารพนัน้ มีความสำ�คัญอะไรหรือ เปล่า เลย ข้าพเจ้าหมายความว่าสิ่งที่เขาถวายนั้น เขาถวายแก่ปีศาจ มิใช่ถวายแด่พระเจ้า ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้ทา่ นร่วมกับพวกปีศาจ ท่านจะดืม่ ทัง้ จากถ้วยขององค์พระผูเ้ ป็น เจ้า และจากถ้วยของปีศาจไม่ได้ จะร่วมโต๊ะทั้งกับองค์พระผู้เป็นเจ้า และร่วมโต๊ะกับ พวกปีศาจไม่ได้ เราจะยัว่ ยุองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าให้ขนุ่ เคืองพระทัยกระนัน้ หรือ เรามีกำ�ลัง มากกว่าพระองค์หรือ

กันยายน พระนามศักดิ์สิทธิ์ ของพระนางมารีย์ พรหมจารี สดด 116:12-13,17-18

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 6:43-49 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน เรารู้จักต้นไม้ แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม คนดีย่อมนำ�สิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำ�สิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลว ของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา ทำ�ไมท่านจึงเรียกเราว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า แต่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก ทุกคนที่มาหาเรา ย่อม ฟังคำ�ของเราและนำ�ไปปฏิบัติ เราจะชี้ให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า เขาเปรียบเสมือนผู้ใด เขาเปรียบเสมือนคนที่ สร้างบ้าน เขาขุดหลุม ขุดลงไปลึก และวางรากฐานไว้บนหิน เมื่อเกิดนํ้าท่วม นํ้าในแม่นํ้าไหลมาปะทะบ้าน หลังนั้น แต่ทำ�ให้บ้านนั้นสั่นคลอนไม่ได้ เพราะบ้านหลังนั้นสร้างไว้อย่างดี แต่ผู้ที่ฟังและไม่ปฏิบัติตาม ก็ เปรียบเสมือนคนที่สร้างบ้านไว้บนพื้นดินโดยไม่มีรากฐาน เมื่อนํ้าในแม่นํ้าไหลมาปะทะ บ้านนั้นก็พังทลาย ลงทันที และเสียหายมาก” ยิ่งมั่นใจในความมั่นคงได้สิน่า... พระวาจา ฟัง และปฏิบัติตาม มั่นคงแน่นอน ความจริงพ่อก็ ไม่อยากบังคับคนอ่านพระวาจาวันนี้ให้ต้องยอมรับว่าพระวาจานั้นสำ�คัญที่สุดจริงๆ พระคัมภีร์ พระวาจา ของพระเจ้านั้นสำ�หรับพ่อสุดแสนมั่นใจในความเชื่อของเราคริสตชน “เราจะไปหาใคร พระเจ้าข้า พระองค์ ผู้เดียวมีพระวาจาที่ให้ชีวิตนิรันดร” เปโตรเคยยืนยันเช่นนี้ในพระวรสารนักบุญยอห์น แล้วลูกายํ้าว่าถ้าฟัง และปฏิบัติตามนั้น ก็จะเกิดผลดีเหมือนต้นไม้พันธุ์ดี และแข็งแกร่งไม่หวั่นไหวเหมือนบ้านแข็งแรง... จะทำ� อย่างไรหนอให้คริสตชนเราเชื่อสุดจิตใจว่า รากฐานหรือสายพันธุ์ดีของเราคือชีวิตที่หยั่งรากลึกในพระวาจา ของพระเจ้าจริงๆ ขอให้เราฟัง อ่าน และลงมือปฏิบัติตามพระวาจา


13 อาทิตย

กันยายน สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 27:30-28:7 ความเคียดแค้นและความโกรธเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่คนบาปกลับยึดไว้แน่น ผู้ใด แก้แค้นก็จะถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแก้แค้น พระองค์จะทรงจดบัญชีบาปไว้อย่าง เคร่งครัด จงให้อภัยเพื่อนบ้านที่ทำ�ผิดต่อท่าน แล้วบาปของท่านจะได้รับการอภัย เมื่อ ท่านอธิษฐานภาวนา ถ้าผูใ้ ดสุมความโกรธต่อผูอ้ นื่ ไว้ เขาจะขอให้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรง รักษาเขาให้หายได้อย่างไร ถ้าเขาไม่มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เขาจะกล้า อธิษฐานภาวนาขออภัยบาปของตนได้อย่างไร เขาเป็นเพียงมนุษย์ที่อ่อนแอ แล้วยัง อาฆาตมาดร้าย ผูใ้ ดจะอภัยบาปแก่เขาได้ จงระลึกถึงบัน้ ปลายของท่าน แล้วเลิกเกลียด ชังเถิด จงระลึกถึงความเน่าเปือ่ ยและความตาย แล้วท่านจะปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตอิ ย่าง ซื่อสัตย์ จงระลึกถึงบทบัญญัติและอย่าเคียดแค้นเพื่อนบ้าน จงระลึกถึงพันธสัญญา ของพระผู้สูงสุด แล้วมองข้ามการล่วงเกินที่ท่านได้รับ เพลงสดุดี สดด 78:1-2,34-35,36-38 ก) ประชากรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังคำ�สั่งสอนของข้าพเจ้าเถิด จงเงี่ยหูฟังถ้อยคำ�ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปิดปากพูดเป็นคำ�ประพันธ์ เปิดเผยปริศนาที่ซ่อนไว้ตั้งแต่ในอดีต ข) เมื่อพระองค์ทรงสังหารเขาบางคน เขาก็แสวงหาพระองค์ เขากลับใจหันมาหาพระเจ้า ระลึกได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นหลักศิลาของเขา พระผู้สูงสุดทรงเป็นผู้ช่วยเขาให้รอดพ้น ค) ปากของเขาประจบพระองค์ ลิ้นของเขากล่าวเท็จต่อพระองค์ ใจของเขาโลเลไม่มั่นคงต่อพระองค์ เขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังทรงมีพระทัยเมตตาสงสาร ทรงให้อภัยความผิด ไม่ทรงทำ�ลายเขา ทรงระงับพระพิโรธครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ทรงปล่อยความโกรธอย่างเต็มที่ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 14:7-9 พี่น้อง ไม่มีพวกเราคนใดที่มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง และไม่มีผู้ใดตายเพื่อตนเองเช่น เดียวกัน ถ้าเรามีชีวิตอยู่ ก็มีชีวิตอยู่เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพื่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนเี้ อง พระคริสตเจ้าจึงสิน้ พระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เพือ่ จะเป็นองค์ พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:21-35 เวลานั้น เปโตรเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้า ข้า ถ้าพี่น้องทำ�ผิดต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องยกโทษให้เขาสัก กี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือไม่” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยก โทษให้ เจ็ ด ครั้ ง แต่ ต้ อ งยกโทษให้ เจ็ ด คู ณ เจ็ ด สิ บ ครั้ ง อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรง ประสงค์จะตรวจบัญชีหนีส้ นิ ของผูร้ บั ใช้ ขณะทีท่ รงเริม่ ตรวจ บัญชีนั้น มีผู้นำ�ชายผู้หนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้เป็นหนี้อยู่เป็นพัน ล้านบาท เขาไม่มีสิ่งใดจะชำ�ระหนี้ได้ กษัตริย์จึงตรัสสั่งให้ ขายทั้งตัวเขา บุตรภรรยา และทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อใช้หนี้ ผู้รับใช้กราบพระบาททูลอ้อนวอนว่า ‘ขอทรงพระกรุณาผัด หนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้ทั้งหมด’ กษัตริย์ทรงสงสารจึงทรงปล่อยเขาไปและทรงยกหนี้ให้ ขณะทีผ่ รู้ บั ใช้ออกไป ก็พบเพือ่ นผูร้ บั ใช้ดว้ ยกันซึง่ เป็นหนีเ้ ขาอยูไ่ ม่กพี่ นั บาท เขาเข้าไปคว้าคอบีบไว้แน่น พูด ว่า ‘เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่เท่าไร จงจ่ายให้หมด’ เพื่อนคนนั้นคุกเข่าลงอ้อนวอนว่า ‘กรุณาผัดหนี้ไว้ก่อนเถิด แล้วข้าพเจ้าจะชำ�ระหนี้ให้’ แต่เขาไม่ยอม ฟัง นำ�ลูกหนี้ไปขังไว้จนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด เพื่อนผู้รับใช้อื่นๆ เห็นดังนั้นต่างสลดใจมาก จึงนำ�ความ ทั้งหมดไปทูลกษัตริย์ พระองค์จึงทรงเรียกชายผู้นั้นมา ตรัสว่า ‘เจ้าคนสารเลว ข้ายกหนี้สินของเจ้าทั้งหมด เพราะเจ้าขอร้อง เจ้าต้องเมตตาเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน เหมือนกับที่ข้าได้เมตตาเจ้ามิใช่หรือ’ กษัตริย์กริ้วมาก ตรัสสั่งให้นำ�ผู้รับใช้นั้นไปทรมานจนกว่าจะชำ�ระหนี้ทั้งหมด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะทรงกระทำ� ต่อท่านทำ�นองเดียวกัน ถ้าท่านแต่ละคนไม่ยอมยกโทษให้พี่น้องจากใจจริง” คนมีพระเจ้าจะเป็นอย่างไร อ่านพระวาจาวันอาทิตย์นี้... พบได้ชัดเจนมาก นำ�มาทำ�ให้เป็น จริง ความโลภ ความเกลียด อาฆาตพยาบาท ความโกรธ ฯลฯ พระวาจาวันนีช้ หี้ นทางแก้ไขได้ชดั เจน พระเจ้า คือคำ�ตอบ ชีวิตที่มีพระเจ้าคือคำ�ตอบแท้จริง ถ้ายกสายตาขึ้นหาพระเจ้าแล้วมองดูเพื่อนพี่น้องด้วยสายตา ที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ให้อภัย เมตตา จริงใจ ด้วยสายตาที่มีพระเจ้าจริงๆ ถ้าพระเจ้าให้อภัยเรา เราก็ต้อง ให้อภัยเพื่อนพี่น้อง และการให้อภัยนั้นไม่เพียงไม่เอาผิด แต่นำ�ไปถึงการยกโทษ และยกหนี้ เพราะนั่นคือ ความรักแบบที่พระเจ้ารักเรา และเป็นคำ�สอนในพระวรสารนักบุญมัทธิวบทที่ 18 เป็นบทที่มีคำ�ว่า “พระ ศาสนจักร” ชัดเจนที่สุด คำ�เทศน์เรื่องพระศาสนจักรอยู่ที่นั่น


14 จันทร

กันยายน ฉลอง เทิดทูนไม้กางเขน สดด 78:1-2,34-35, 36-38

บทอ่านที่ 1 กดว 21:4-9 ชาวอิสราเอลออกเดินทางจากภูเขาโฮร์มงุ่ สูท่ ะเลต้นกก เพือ่ เลีย่ งแผ่นดินเอโดม แต่ขณะทีอ่ ยูต่ ามทาง ประชากรเริม่ หมดความอดทน จึงพากันบ่นว่าพระเจ้าและโมเสส ว่า “ทำ�ไมท่านจึงพาพวกเราออกมาจากอียปิ ต์ให้มาตายในถิน่ ทุรกันดารนี้ ทีน่ ไี่ ม่มที งั้ นํา้ และอาหาร พวกเราเบื่ออาหารจืดชืดนี้เต็มทีแล้ว” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงส่งงูพษิ มากัดประชาชน ทำ�ให้ชาวอิสราเอลตายเป็นจำ�นวน มาก คนทัง้ ปวงจึงไปหาโมเสสขอร้องว่า “พวกเราทำ�บาปเพราะบ่นว่าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และบ่นว่าท่าน ขอท่านได้ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทรงขจัดงูพิษเหล่านี้ออกไปเถิด” โมเสสจึงวอนขอพระเจ้าเพื่อประชากร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า “จงทำ� งูโลหะติดไว้บนเสา ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูโลหะนั้น จะรอดชีวิต” โมเสสจึงทำ�งูทอง สัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสา ผู้ถูกงูกัด และมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต พระวรสาร ยน 3:13-17 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจาก ผู้ที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึง ประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพือ่ ทุกคนทีม่ คี วามเชือ่ ในพระบุตร จะไม่พนิ าศ แต่จะมีชวี ติ นิรนั ดรเพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนีม้ ใิ ช่เพือ่ ตัดสิน ลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น” เราเทิดทูนไม้กางเขน เราไม่ได้เทิดทูนความตาย การมองดูพระเยซูผู้ สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนไม่ได้ทำ�ให้เราศรัทธาหรือบูชาความตายสักหน่อย แต่การ เทิดทูนกางเขนนั้น เราคริสตชนคาทอลิก เราเห็น “ไม่ใช่ความตายบนนั้น” แต่เราเห็น ชัดถึง “ความรักจนยอมตายเพื่อเรา” ที่ว่า “ทรงรักเราถึงเพียงนี้จริงๆ” (Sic nos amantem ซิค นอส อามันแตม) นี่ต่างหากคือสัจธรรม ทรง “ยอมเพราะรัก” นี่คือ พระเจ้าทีท่ รงรักเราขนาดนี้ “ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็น ความตายบนไม้กางเขน” กางเขนที่ยกขึ้น คือการยกบูชาความสูงส่งแห่งความรักของ พระเจ้าจริงๆ เราเทิดทูนกางเขน เพราะเราเทิดทูน “ความรักที่พระเจ้าทรงรักเรา” ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่เทิดทูนความรักแบบพระเยซูเสมอไป


15 อังคาร

บทอ่านที่ 1 ฮบ 5:7-9 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐานทูลขอ ครํ่าครวญและรํ่าไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้าทรงฟัง เพราะความเคารพยำ�เกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ยัง ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรงกระทำ�ภารกิจของ พระองค์สำ�เร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอม นอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ พระวรสาร ยน 19:25-27 เวลานั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อม กับน้องสาวของพระนางมารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา เมื่อ พระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ทรี่ กั ยืนอยูใ่ กล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้น ก็รับพระนางเป็นมารดาของตน แม่พระคือต้นแบบชีวิตคริสตชน คือ ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าโดย ทางพระเยซู หัวใจของพระแม่คือดวงหทัยนิรมลเพราะเกี่ยวข้องและสืบเนื่องกับ พระหฤทัยของพระเยซูที่รักจนยอมมอบชีวิต รับความตายเพื่อความรอดพ้นของ มนุษยชาติ พระแม่มารียไ์ ด้รบั เกียรติสงู ดุจการทีพ่ ระเยซูได้รบั การเทิดทูนบนไม้กางเขน ใครก็ตามที่ยอมรับพระเยซูเต็มหัวจิตหัวใจที่สุด ก็เห็นจะมีแม่พระเป็นมนุษย์คนแรกที่ ได้ยอมรับพระเยซูเช่นนั้น จนพระนางได้เป็นต้นแบบสำ�หรับเราทุกคนในการร่วมชีวิต กับพระเยซู ในการบังเกิด ในการฟังพระวาจา ปฏิบตั ติ าม และการรับความทุกข์เพราะ ความรักดังเช่นพระองค์ แม่พระมหาทุกข์สอนเราให้เป็นเหมือนพระแม่ คือ ร่วมชีวิต ตอบรับพระเยซูสุดจิตวิญญาณและหัวใจ จนเราได้ชื่อว่าเป็นศิษย์แท้ เป็นพี่น้องของ พระเยซู

กันยายน ระลึกถึง แม่พระระทมทุกข์ สดด 31:1-2,3, 4-5,14-15,19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


16 พุธ

กันยายน ระลึกถึง น.คอร์เนเลียส พระสันตะปาปา และมรณสักขี น.ซีเปรียน พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 33:2-3,4-5, 11-12,22

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 1 คร 12:31-13:1-13 ท่านทัง้ หลายจงพยายามแสวงหาพระพรพิเศษทีป่ ระเสริฐยิง่ กว่านีเ้ ถิด ข้าพเจ้าจะ ขอชี้ทางที่ดีกว่าให้ท่าน แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้า ก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจ ธรรมลํา้ ลึกทุกข้อและมีความรูท้ กุ อย่าง หรือมีความเชือ่ พอทีจ่ ะเคลือ่ นภูเขาได้ ถ้าไม่มี ความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำ�คัญแต่อย่างใด แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวง ให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำ�ไปเผาไฟ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับ ประโยชน์ใด ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบ คาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำ�ความผิดที่ได้รับ ไม่ยนิ ดีในความชั่ว แต่ ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทน ทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาจะถูกยกเลิก... เมื่อข้าพเจ้ายังเป็น เด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็กๆ คิดเหมือนเด็กๆ ใช้เหตุผลเหมือนเด็กๆ แต่เมื่อ ข้าพเจ้าเป็นผูใ้ หญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก... เวลานี้ ข้าพเจ้ารูอ้ ย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่า สิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก

พระวรสาร ลก 7:31-35 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนีก้ บั สิง่ ใดดี เขาเหมือนกับสิง่ ใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ทีน่ งั่ ตามลานสาธารณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่า เราเป่าขลุ่ย เจ้าก็ไม่เต้นรำ� เราร้องเพลงโศกเศร้า เจ้าก็ไม่ร้องไห้ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างได้มา ไม่กินอาหาร ไม่ดื่มเหล้าองุ่น ท่านก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์ได้มา กินและดื่ม ท่านก็ว่า ‘ดูซิ นักกินนักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ พระปรีชาญาณของพระเจ้า ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยผู้ปฏิบัติตามพระปรีชาญาณนั้น” สาเหตุที่นักบุญเปาโลพูดถึงความรัก เพราะชาวโครินธ์หลายคนต่างโอ้อวดในพระพรพิเศษ ของตนทีส่ ามารถพูดภาษาต่างๆ ได้ ทีส่ ามารถทำ�นายได้ รักษาคนป่วยได้ ฯลฯ นักบุญเปาโลบอกชาวโครินธ์ ให้แสวงหาพระคุณหรือพระพรทีย่ งิ่ ใหญ่กว่า นัน่ คือความรัก และได้นยิ ามความรักด้วยคำ�ทีน่ �ำ ไปสูก่ ารปฏิบตั ิ ที่เข้าใจได้ง่าย ความรักย่อมอดทน เอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา...อดทนทุกอย่าง...ที่น่าสังเกต เราสามารถใช้คำ� “พระ คริสตเจ้า” แทนคำ�ว่า “รัก” ได้เสมอ เช่น “พระคริสตเจ้าย่อมอดทน” “พระคริสตเจ้ามีใจเอื้อเฟื้อ”... เพราะพระคริสตเจ้าคือองค์ความรักนัน่ เอง ดังนัน้ เราไม่สามารถเป็น “คริสตชน” ได้ ถ้าเรา “ไม่มคี วามรัก”


17

พฤหัสบดี บทอ่านที่ 1 1 คร 15:1-11 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำ�นึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ ท่านกำ�ลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ ประโยชน์... ข้าพเจ้าเป็นผูน้ อ้ ยทีส่ ดุ ในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชอื่ ว่าเป็นอัครสาวก น.โรเบิร์ต แบลลาร์มีโน เพราะข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่ พระสังฆราช นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ และนักปราชญ์ ข้าพเจ้าไม่ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำ�งานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็น แห่งพระศาสนจักร เพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำ�งาน... สดด 118:1-2,16-17,28

กันยายน

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 พระวรสาร ลก 7:36-50 เวลานั้น ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปใน บ้านของชาวฟาริสีและประทับที่โต๊ะ ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำ�ลัง ประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสี จึงถือขวดหินขาวบรรจุนํ้ามันหอมเข้ามาด้วย นางมาอยู่ด้านหลัง ของพระองค์ใกล้ๆ พระบาท ร้องไห้จนนํ้าตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาท จูบพระบาทและ ใช้นํ้ามันหอมชโลมพระบาท ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์เห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า “ถ้าผู้นี้เป็นประกาศก เขาคงจะรู้ว่าหญิงที่กำ�ลังแตะ ต้องเขาอยู่นี้เป็นใครและเป็นคนประเภทไหน นางเป็นคนบาป” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ซีโมน เรามี เรื่องจะพูดกับท่าน” เขาตอบว่า “เชิญพูดมาเถิด อาจารย์” พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าหนี้คนหนึ่งมีลูกหนี้อยู่ สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเหรียญ อีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเหรียญ ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะใช้หนี้ เจ้าหนี้จึงยกหนี้ให้ทั้งหมด ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน” ซีโมนตอบว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเป็น คนที่ได้รับการยกหนี้ให้มากกว่า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว” พระองค์ทรงหันพระพักตร์มาทางหญิงผูน้ นั้ ตรัสกับซีโมนว่า “ท่านเห็นหญิงผูน้ ใี้ ช่ไหม เราเข้ามาในบ้าน ของท่าน ท่านไม่ได้เอานํ้ามาล้างเท้าให้เรา แต่นางได้หลั่งนํ้าตารดเท้าของเราและใช้ผมเช็ดให้ ท่านไม่ได้จูบ คำ�นับเรา แต่นางจูบเท้าของเราตลอดเวลาตัง้ แต่เราเข้ามา ท่านไม่ได้ใช้นาํ้ มันเจิมศีรษะให้เรา แต่นางใช้นาํ้ มัน หอมชโลมเท้าของเรา เพราะเหตุนี้ เราบอกท่านว่าบาปจำ�นวนมากของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมี ความรักมาก ผู้ที่ได้รับการอภัยน้อยก็ย่อมมีความรักน้อย” แล้วพระองค์ตรัสกับนางว่า “บาปของเจ้าได้รับ การอภัยแล้ว” บรรดาผู้ร่วมโต๊ะจึงเริ่มพูดกันว่า “คนนี้เป็นใคร จึงทำ�ได้แม้แต่การอภัยบาป” พระองค์ตรัส กับหญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด” นักบุญเปาโลบอกคริสตชนว่า “พวกเขาจะได้รับความรอด ถ้าเขาเชื่อตามพระคัมภีร์ว่า พระ คริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา พระองค์ทรงถูกฝังไว้ แล้วทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม ตามความในพระคัมภีร์ ในพระวรสาร เราเห็นว่าพระเยซูเจ้ามาเพือ่ ตามหาคนบาปทัง้ ชายและหญิง แต่ในสมัยพระเยซูเจ้า ผูช้ าย ส่วนมากมองข้ามตัวเอง และเห็นแต่หญิงที่มาชโลมเท้าพระเยซูเจ้าว่าเป็นคนบาป พระองค์ตรัสว่า “บาป จำ�นวนมากของนางได้รับการอภัยแล้วเพราะนางมีความรักมาก”


18 ศุกร

กันยายน สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา

สดด 17:1,6-7,8-9,15

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 1 คร 15:12-20 พี่น้อง ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย แล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพเล่า ถ้าผู้ตายไม่กลับ คืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าพระคริสตเจ้า มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของ ท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น เรากลายเป็นพยานเท็จถึงพระเจ้า เพราะเรา ยืนยันว่าพระเจ้าทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพ ซึง่ พระองค์มไิ ด้ทรง กระทำ� ถ้าบรรดาผู้ตายไม่กลับคืนชีพ ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย ถ้าพระ คริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชือ่ ของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยงั คงอยู่ในบาป เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย ถ้าเรามี ความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรก ของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว พระวรสาร ลก 8:1-3 หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทรงเทศน์สอนและ ประกาศข่าวดีถึงพระอาณาจักรของพระเจ้า อัครสาวกสิบสองคนอยู่กับพระองค์ รวม ทั้งสตรีบางคนที่พระองค์ทรงรักษาให้พ้นจากปีศาจร้าย และหายจากโรคภัย เช่น มารีย์ ที่เรียกว่าชาวมักดาลา ซึ่งปีศาจเจ็ดตนได้ออกไปจากนาง โยอันนาภรรยาของคูซา ข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮโรด นางสุสันนา และคนอื่นอีกหลายคน หญิงเหล่านี้สละ ทรัพย์ของตนมาช่วยเหลือพระองค์และบรรดาอัครสาวก การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเป็นข้อความเชือ่ ทีเ่ ราต้องยอมรับ เพราะ พระคัมภีร์บอกว่า พระบิดาให้พระเยซูเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อไถ่บาปเราด้วยการ ตายบนกางเขน และพระองค์ให้พระเยซูเจ้ากลับคืนชีพเพื่อชนะบาปและความตาย พระองค์ยังตรัสอีกว่า “พระประสงค์ของพระบิดาคือทุกคนที่เห็นพระบุตรแล้วเชื่อใน พระองค์ก็จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย (ยน 6:40)


19 เสาร

บทอ่านที่ 1 1 คร 15:35-37,42-49 พี่น้อง บางคนอาจถามว่า คนตายจะกลับคืนชีพได้อย่างไร เขาจะกลับมีร่างกาย แบบใด ช่างโง่จริง เมล็ดทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ จะมีชวี ติ ใหม่ได้อย่างไรถ้าไม่ตายเสียก่อน เมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชอย่างอืน่ ทีท่ า่ นหว่านลงไปนัน้ เป็นเพียงเมล็ดมิใช่ลำ�ต้นทีจ่ ะ งอกขึ้น การกลับคืนชีพของผูต้ ายก็เช่นเดียวกัน สิง่ ทีห่ ว่านลงไปนัน้ เน่าเปือ่ ย แต่สงิ่ ทีก่ ลับ คืนชีพนั้นไม่เน่าเปื่อยอีก สิ่งที่หว่านลงไปนั้นไม่มีเกียรติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีความ รุ่งเรือง สิ่งที่หว่านลงไปนั้นอ่อนแอ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีอานุภาพ สิ่งที่หว่านลงไป เป็นร่างกายตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพเป็นร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต ถ้ามีร่างกายตามธรรมชาติ ก็มีร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิตด้วย ดังที่มีเขียนไว้ ในพระคัมภีร์ว่า อาดัมมนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต อาดัมคนสุดท้ายเป็นจิต ซึ่งประทานชีวิต สิ่งที่มาก่อนมิใช่กายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต แต่เป็นกายตามธรรมชาติ ภายหลังจึงเป็นกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์ มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่นๆ ก็เป็น อย่างนัน้ มนุษย์สวรรค์คนนัน้ เป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอืน่ ๆ ก็เป็นอย่างนัน้ เราเกิด มามีลักษณะเหมือนมนุษย์ดินฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนมนุษย์สวรรค์ฉันนั้น

กันยายน น.ยานูอารีโอ พระสังฆราช และมรณสักขี

สดด 56:9,10-11,12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 8:4-15 ขณะนัน้ ประชาชนจำ�นวนมากเดินทางจากเมืองต่างๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าและชุมนุมกัน พระองค์จงึ ทรง กล่าวเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่กำ�ลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน จึงถูกเหยียบยํ่า และนกในอากาศจิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนหิน พองอกขึ้นมาก็เหี่ยวแห้งเพราะขาด ความชุ่มชื้น บางเมล็ดตกกลางกอหนาม ต้นหนามที่งอกขึ้นพร้อมกันก็คลุมไว้จนตาย บางเมล็ดตกในที่ดิน ดี จึงงอกขึน้ และเกิดผลร้อยเท่า” พระองค์ตรัสดังนีแ้ ล้วทรงเปล่งเสียงดังว่า “ใครมีหสู ำ�หรับฟัง ก็จงฟังเถิด” บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า อุปมาเรื่องนี้มีความหมายว่าอย่างไร พระองค์จึงตรัสว่า “พระเจ้าโปรด ให้ทา่ นรูธ้ รรมลัา้ ลึกเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างชัดเจน แต่สำ�หรับคนอืน่ พระองค์โปรดให้รเู้ ป็นอุปมา เท่านั้น เพื่อว่า เขาจะมองแล้วมองอีก แต่ไม่เห็น ฟังแล้วฟังอีก แต่ไม่เข้าใจ อุปมามีความหมายดังนี้ เมล็ดพืชคือพระวาจาของพระเจ้า เมล็ดที่ตกริมทางเดิน หมายถึงบุคคลที่ได้ ฟังพระวาจา ต่อจากนั้น ปีศาจก็มาช่วงชิงพระวาจาออกไปจากใจของเขา มิให้เขามีความเชื่อและรอดพ้น เมล็ดที่ตกบนหินหมายถึงบุคคลที่ฟังแล้วรับพระวาจาไว้ด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เขามีความเชื่ออยู่เพียง ชั่วระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลาถูกผจญ เขาก็เลิกเชื่อ เมล็ดที่ตกในกอหนาม หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาแล้ว ปล่อยให้ความกังวลถึงทรัพย์สมบัติและความสนุกของชีวิตมาบีบรัด จึงไม่เกิดผล ส่วนเมล็ดที่ตกในที่ดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาด้วยใจดีเลิศ ยึดพระวาจาไว้ด้วยความพากเพียรจนเกิดผล” พระเยซูเจ้าเล่าคำ�อุปมาเรือ่ งผูห้ ว่าน เราเข้าใจชัดแจ้งว่า พระองค์เป็นผูห้ ว่าน หว่านเมล็ดแห่ง พระราชัยสวรรค์ในใจของมนุษย์ และผลลัพธ์ที่ได้ต่างกัน เพราะเมื่อเมล็ดตกบนใจแข็งกระด้างเหมือนทาง เดิน และแข็งเหมือนก้อนหินก็เหี่ยวแห้งไป และหัวใจที่มีความห่วงใยร้อยแปดพันอย่าง เมล็ดก็เหี่ยวเฉาไป ส่วนหัวใจที่เปิดรับด้วยความยินดีก็เกิดผลมากมาย


20 อาทิตย

กันยายน

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันเยาวชนแห่งชาติ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 55:6-9 จงแสวงหาองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเมือ่ พระองค์ทรงยอมให้เราพบ จงทูลขอเมือ่ พระองค์ ทรงอยูใ่ กล้ คนชัว่ ร้ายจงละทิง้ ทางของตน และคนอธรรมจงละทิง้ ความคิดของตน เขา จงกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงสงสารเขา และจงกลับมาหาพระเจ้า ของเรา เพราะพระองค์ประทานอภัยให้มากมาย “ความคิดของเราไม่ใช่ความคิดของ ท่าน ทางของท่านก็ไม่ใช่ทางของเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “ฝนและหิมะลงมาจาก ท้องฟ้า และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำ�ให้แผ่นดินอุดม ทำ�ให้พืชงอกขึ้น เพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำ�ที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล ไม่ทำ�ตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่ เราส่งมาฉันนั้น” เพลงสดุดี สดด 145:2-3,8-9,16-19 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ทุกวัน จะสรรเสริญพระนามของพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงสมควรจะได้รับการสรรเสริญอย่างยิ่ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์เกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล ค) พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ ประทานอาหารให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลได้กินจนอิ่ม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเที่ยงธรรมในพระมรรคาทั้งหลายของพระองค์ ทรงความรักมั่นคงในพระราชกิจทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดทุกคนที่เรียกขานพระองค์ ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ด้วยใจจริง พระองค์ทรงตอบสนองความปรารถนาของทุกคนที่ยำ�เกรงพระองค์ ทรงฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือและทรงช่วยเขาให้รอดพ้น บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลปิ ปี ฟป 1:20ค-24,27ก พี่น้อง พระคริสตเจ้าจะทรงได้รับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือน กับในอดีต ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระ คริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำ�ไร หากการมีชวี ติ อยูใ่ นโลกนีเ้ ป็นโอกาสให้ขา้ พเจ้าทำ�งาน ได้ผลแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี ข้าพเจ้ารู้สึกลังเล คือปรารถนาจะพ้นจาก


ชีวิตนี้ไปเพื่ออยู่กับพระคริสตเจ้าซึ่งจะเป็นการดีกว่ามาก แต่การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปก็จำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับท่าน ทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระ คริสตเจ้า

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 20:1-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกเป็นคำ� อุปมาว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผูห้ นึง่ ซึง่ ออก ไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจ้างคนงานมาทำ�งานในสวนองุ่น ครั้นได้ ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้ว ก็ส่งไปทำ�งานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านออก มาก็เห็นคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำ�งาน จึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำ�งานในสวนองุ่นของ ฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไป พ่อบ้านออกไปอีกประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมง กระทำ�เช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงเย็น พ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นๆ ยืนอยู่ จึงถามเขาว่า ‘ทำ�ไมท่านยืน อยูท่ นี่ ที่ งั้ วันโดยไม่ทำ�อะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มใี ครมาจ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำ�งานในสวนองุน่ ของ ฉันเถิด’ ครัน้ ถึงเวลาคํา่ เจ้าของสวนบอกผูจ้ ดั การว่า ‘ไปเรียกคนงานมา จ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริม่ ตัง้ แต่คนสุดท้าย จนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึง เขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญ เมื่อคนงานพวกแรกมา ถึง เขาคิดว่าตนจะได้รบั มากกว่านัน้ แต่กไ็ ด้รบั คนละหนึง่ เหรียญเช่นเดียวกัน ขณะรับค่าจ้างเขาก็บน่ ต่อหน้า เจ้าของสวนว่า ‘พวกทีม่ าสุดท้ายนีท้ ำ�งานเพียงชัว่ โมงเดียว ท่านก็ให้คา่ จ้างแก่เขาเท่ากับเรา ซึง่ ต้องตรากตรำ� อยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ ได้ตกลงกับฉันคนละหนึง่ เหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากจะให้คนทีม่ าสุดท้ายนีเ้ ท่ากับให้ ท่าน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’ ดังนี้แหละ คนกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นคนกลุ่มแรก และคนกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็นคนกลุ่ม สุดท้าย” พระเจ้าสร้างเรามาให้เอาตัวรอดไปอยูก่ บั พระองค์ในสวรรค์ พระองค์จงึ รักมนุษย์ทกุ คน ทัง้ คน ดีและคนชั่ว พระองค์ให้โอกาสคนชั่วเสมอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ดังนั้น เมื่อคนชั่วกลับมาหาพระเจ้า พระองค์กใ็ ห้อภัย และมีการฉลองใหญ่โต คนดีทดี่ �ำ รงชีวติ ในศีลในธรรมมาชัว่ ชีวติ ก็เป็นเครือ่ งประกันความ รอด และคนชั่วที่หลงผิดกลับใจในช่วงบั้นปลายชีวิต ต่างคนก็ได้รับรางวัลเท่ากัน นักบุญเปาโลเตือนเราให้ประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า คือพระองค์นับเราเป็นญาติ ของพระองค์แล้ว


21 จันทร

กันยายน

ฉลอง น.มัทธิว อัครสาวก ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 19:1-2,3-4

บทอ่านที่ 1 อฟ 4:1-7,11-13 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าผูถ้ กู จองจำ�เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วอนขอท่านทัง้ หลายให้ดำ�เนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มี องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่าน ทุกคน และสถิตในทุกคน เราแต่ละคนได้รบั พระหรรษทานตามสัดส่วนทีพ่ ระคริสตเจ้าประทานให้ พระองค์ ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำ�หรับงานรับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่ง เดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตาม มาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า พระวรสาร มธ 9:9-13 ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำ�ลังนั่ง อยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษี และคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสี จึงถามศิษย์ของพระองค์วา่ “ทำ�ไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ คนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการ หมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความ เมตตากรุณา มิใช่พอใจเครือ่ งบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพือ่ เรียกคนชอบธรรม แต่มาเพือ่ เรียกคนบาป” พระเป็นเจ้าสร้างเรามาให้เป็นนักบุญ กระนัน้ ก็ดี เราทราบว่า เราเกิดมา เป็นคนบาป พระเยซูเจ้าไถ่เราให้เป็นนักบุญได้ เราต้องผ่านขบวนการปฏิเสธนํ้าใจ ตนเอง แบกกางเขนของตนและตามพระองค์ หลายคนบอกว่า เราคริสตชนโชคดี เพราะ เรามีพระเจ้า มีนักบุญทั้งหลายที่หลายองค์เคยเป็นคนบาป เช่นนักบุญมัทธิว เรามี พระศาสนจักรที่มีสมาชิกเป็นคนบาป แต่เราพยายามเป็นนักบุญทุกวัน เรามีศีล ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยหล่อหลอมให้เราเป็นนักบุญ ดังนั้นการเป็นนักบุญจึงไม่มีทางลัด


22 อังคาร

บทอ่านที่ 1 สภษ 21:1-6,10-13 พระทัยของกษัตริย์เป็นเหมือนธารนํ้าในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า จะทรงผันไปทางไหนก็ได้ตามพระประสงค์ มนุษย์เห็นว่ากิจการทั้งหมดของตนถูกต้อง แต่ผู้ชั่งจิตใจคือองค์พระผู้เป็นเจ้า การปฏิบัติความชอบธรรมและความยุติธรรม เป็น ทีโ่ ปรดปรานขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามากกว่าการถวายเครือ่ งบูชา นัยน์ตายโส ใจเย่อหยิง่ เป็นเหมือนตะเกียงของคนชั่วร้าย และเป็นบาป แผนงานของคนขยันนำ�ความอุดม สมบูรณ์มาให้อย่างแน่นอน แต่ความรีบเร่งเกินไปนำ�ความขัดสนมาให้ ทรัพย์สมบัติที่ ได้มาจากการพูดมุสา เป็นเหมือนความเพ้อฝันของผู้แสวงหาความตาย จิตใจของคนชั่วร้ายปรารถนาความชั่ว นัยน์ตาของเขาไม่มีความเมตตากรุณาต่อ เพื่อนบ้าน เมื่อคนชอบเยาะเย้ยถูกลงโทษ คนขาดสติก็ฉลาดขึ้น เมื่อผู้มีปรีชาได้รับ การสั่งสอน เขาก็ได้ความรู้มากขึ้น พระเจ้าผู้ทรงเที่ยงธรรม ทรงสังเกตบ้านของคน ชั่วร้าย และทรงเหวี่ยงคนชั่วร้ายให้พินาศ ผู้ใดอุดหูไม่ฟังเสียงร้องของคนยากจน เมื่อ ผู้นั้นร้องก็จะไม่มีผู้ใดฟัง พระวรสาร ลก 8:19-21 เวลานั้น พระมารดาและพี่น้องของพระเยซูเจ้ามาเฝ้าพระองค์ แต่ไม่อาจเข้าถึง พระองค์ได้ เพราะมีประชาชนจำ�นวนมาก มีผู้ทูลพระองค์ว่า “มารดาและพี่น้องของ ท่านกำ�ลังยืนอยู่ข้างนอก ต้องการพบท่าน” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “มารดาและ พี่น้องของเราคือผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำ�ไปปฏิบัติ”

บทเรียนจากหนังสือสุภาษิตวันนี้คือ 1. ผู้ชั่งจิตใจคือองค์พระผู้เป็นเจ้า 2. การปฏิบัติความชอบธรรมและความยุติธรรม เป็นที่โปรดปราน ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าการถวายเครื่องบูชา 3. นัยน์ตายโส ใจเย่อหยิ่ง เป็นเหมือนตะเกียงของคนชั่วร้าย และเป็นบาป 4. แผนงานของคนขยันนำ�ความอุดมสมบูรณ์มาให้อย่างแน่นอน 5. ทรัพย์สมบัติที่ได้มาจากการพูดมุสา เป็นเหมือนความเพ้อฝันของผู้แสวงหา ความตาย 6. ความรุนแรงของคนชัว่ ร้ายจะทำ�ลายเขาจนสิน้ เชิง เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมทำ� สิ่งที่ถูกต้อง หนทางของผู้ร้ายย่อมคดเคี้ยว 7. แต่ความประพฤติของผู้บริสุทธิ์ย่อมถูกต้อง อยู่ที่จั่วบนหลังคาบ้าน ในพระวรสารนักบุญลูกา พระเยซูเจ้านับญาติกับเราคริสตชนไม่ใช่ทางดีเอ็นเอ แต่ทางการฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำ�ไปปฏิบัติ

กันยายน

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 119:1,27,30, 34,35,41

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


23 พุธ

กันยายน

ระลึกถึง น.ปีโอ แห่งปีเอเตรลชีนา พระสงฆ์ สดด 119:29,72,89, 101,104,163

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 สภษ 30:5-9 พระวาจาทุกคำ�ของพระเจ้านั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นโล่ สำ�หรับผูล้ ภี้ ยั ในพระองค์ อย่าเพิม่ สิง่ ใดเข้ากับพระวาจาของพระองค์ มิฉะนัน้ พระองค์ จะทรงตำ�หนิท่าน และพิสูจน์ว่าท่านเป็นคนมุสา ข้าพเจ้าทูลขอสองสิ่งจากพระองค์ ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ โปรดอย่าทรงปฏิเสธคำ�ขอนี้เลย ขอให้ความมุสาและ ถ้อยคำ�เท็จอยูห่ า่ งไกลจากข้าพเจ้า อย่าประทานความยากจนหรือความรํา่ รวยแก่ขา้ พเจ้า เลย แต่โปรดประทานอาหารเท่าที่จำ�เป็นแก่ข้าพเจ้า เพื่อว่าถ้าข้าพเจ้าอิ่ม ข้าพเจ้าจะ ปฏิเสธพระองค์ พูดว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นใคร” หรือเพือ่ ว่าถ้าข้าพเจ้ายากจน แล้ว จะไปขโมย ทำ�ให้พระนามพระเจ้าของข้าพเจ้าถูกลบหลู่ พระวรสาร ลก 9:1-6 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพร้อมกัน ประทานอำ�นาจ เหนือปีศาจ และพลังรักษาโรค ทรงส่งเขาไปประกาศพระอาณาจักรพระเจ้าและรักษา โรค พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านเดินทาง อย่านำ�สิ่งใดไปด้วย อย่านำ�ไม้เท้า ย่าม อาหาร เงิน หรือแม้แต่เสือ้ สำ�รองไปด้วย เมือ่ ท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยูท่ นี่ นั่ จนกว่า จะเดินทางต่อไป ถ้าเขาไม่ต้อนรับท่าน จงออกจากเมืองนั้นและสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็น พยานปรักปรำ�เขา” บรรดาอัครสาวกจึงออกไปตามหมูบ่ า้ น ประกาศข่าวดีและรักษาโรคไปทัว่ ทุกแห่ง 1. พระวาจาทุกคำ�ของพระเจ้านั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง 2. พระองค์ทรงเป็นโล่สำ�หรับผู้ลี้ภัยในพระองค์ 3. ข้าพเจ้าทูลขอสองสิ่งจากพระองค์ คือ (1) อย่าให้ข้าพเจ้ายากจน เพราะข้าพเจ้าอาจจะต้องขโมย (2) อย่าให้ขา้ พเจ้าราํ่ รวย เพราะเมือ่ ข้าพเจ้าอิม่ ข้าพเจ้าอาจจะปฏิเสธพระองค์ จากพระวรสาร พระเยซูเจ้ากำ�ชับให้ผไู้ ปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็น คนยากจน เขาจะต้องเป็นอิสระจากเงินทอง ข้าวของเหมือนพระองค์


24

พฤหัสบดี

บทอ่านที่ 1 ปญจ 1:2-11 ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ มีประโยชน์อะไร ที่มนุษย์ทำ�งานลำ�บากตรากตรำ�อยู่กลางแดด ชั่วอายุคนรุ่นหนึ่งล่วงไป อีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินยังคงอยูเ่ หมือนเดิมเสมอ ดวงอาทิตย์ขนึ้ ดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปยังทีซ่ งึ่ จะขึน้ มาอีก ลมพัดไปทางใต้ แล้วพัดกลับมาทางเหนือ ลมพัดหมุนเวียนไปมา พัดกลับ มาและหมุนเวียนอยู่เช่นนั้น แม่นํ้าทั้งหลายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เต็ม แม่นํ้ายัง ไหลต่อไปจากต้นนํ้า ทุกสิ่งน่าเบื่อหน่าย ไม่มีผู้ใดอธิบายเหตุผลได้ นัยน์ตาดูไม่อิ่ม หู ก็ฟังไม่พอ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็จะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เคยทำ�แล้วก็จะทำ�อีก ไม่มีสิ่งใด ใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ มีสิ่งใดบ้างที่จะพูดได้ว่า “ดูซิ สิ่งนี้ใหม่” สิ่งนั้นเคยมีอยู่นาน มาแล้วก่อนที่เราจะเกิด ไม่มีใครจดจำ�สิ่งต่างๆ ในอดีต แม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะถูกลืมจาก ผู้ที่จะมาในภายหลังด้วย พระวรสาร ลก 9:7-9 เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทรงรู้สึกสับสน เพราะ บางคนพูดว่ายอห์นได้กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย บางคนพูดว่าประกาศกเอลียาห์ได้ ปรากฏแล้ว บางคนว่าประกาศกในอดีตคนหนึ่งได้กลับคืนชีพ แต่กษัตริย์เฮโรดตรัสว่า “ยอห์นนั้นเราได้ตัดศีรษะแล้ว คนที่เราได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นใครเล่า” กษัตริย์ เฮโรดจึงทรงหาโอกาสจะพบพระองค์​์ ปฏิกิริยาของกษัตริย์เฮโรดก็เหมือนกับหลายๆ คนในสมัยของพระเยซู เจ้า คือรู้สึกทึ่งเรื่องของพระเยซูเจ้า และเหมือนทุกคนที่รู้สึกประหลาดใจในสมัยนี้ กษัตริย์เฮโรดก็อยากจะพบพระเยซูเจ้า ดังนั้น ถ้าคนสมัยนี้อยากเห็นพระเยซูเจ้า เขา ก็เห็นพระองค์ได้ในพระศาสนจักรและในบรรดาคริสตชนซึ่งเป็นศิษย์ของพระองค์

กันยายน

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 90:2-4,5-7, 12-13,14,17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


25 ศุกร

กัมกราคม นยายน

สัปดาห์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา สดด 114:1,2,3-4

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 ปญจ 3:1-11 มีเวลาสำ�หรับทุกสิ่ง มีเวลาสำ�หรับกิจการต่างๆ ภายใต้ท้องฟ้า มีเวลาเกิด และ เวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลารื้อ ทำ�ลาย และเวลาก่อสร้าง เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ และเวลาเต้นรำ� เวลาโยนก้อนหินทิง้ และเวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาสวมกอด และเวลาละเว้นการ สวมกอด เวลาแสวงหา และเวลาสูญเสีย เวลาเก็บรักษา และเวลาโยนทิ้ง เวลาฉีก และเวลาเย็บ เวลานิ่งเงียบ และเวลาพูด เวลารัก และเวลาเกลียด เวลาทำ�สงคราม และเวลาสันติ คนทำ�งานได้ประโยชน์ใดจากงานยากลำ�บากของตน ข้าพเจ้าเห็นงานยากลำ�บาก ที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีงานทำ� พระองค์ทรงกระทำ�ให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลา แต่ ทรงใส่ความสำ�นึกถึงเวลาที่ผ่านไปไว้ในใจของมนุษย์ ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจจุด เริ่มต้นและการสิ้นสุดของกิจการที่พระเจ้าทรงกระทำ� พระวรสาร ลก 9:18-22 วันหนึง่ พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยูเ่ พียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามา เฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็น ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับ คืนชีพ” พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์ คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงกำ�ชับบรรดาศิษย์มิให้พูดเรื่องนี้แก่ผู้ใด พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้ อาวุโส มหาสมณะและธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะ กลับคืนชีพในวันที่สาม” ปัญญาจารย์เป็นหนังสือสุภาษิต เป็นคติพจน์ ชาวอิสราเอลเรียนรู้จาก ประเทศใกล้ เ คี ย งในตะวั น ออกกลางรวมทั้ ง ประเทศอี ยิ ป ต์ แ ละเมโสโปเตเมี ย ประสบการณ์ของคนหลายรุน่ ก็เป็นสิง่ ดีและมีประโยชน์ ผูร้ วบรวมหนังสือปัญญาจารย์ จึงเสนอให้สังคม เป็นบทสอนทุกคน โดยมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของประสบการณ์ ต่างๆ เช่น มีเวลาสำ�หรับทุกสิ่ง มีเวลาเกิด และเวลาตาย เวลาปลูก และเวลาถอนสิ่งที่ ปลูก เวลาฆ่า และเวลารักษาให้หาย เวลาร้องไห้ และเวลาหัวเราะ... ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าบอกความจริงว่า พระองค์เป็นพระเจ้าที่จะถูกประหารเพื่อไถ่บาปมนุษย์ และจะกลับคืนชีพในวันที่สาม


26 เสาร

บทอ่านที่ 1 ปญจ 11:9-12:8 หนุม่ เอ๋ย จงยินดีในวัยเยาว์ของท่าน ใจของท่านจงร่าเริงขณะทีท่ า่ นยังเยาว์วัยอยู่ จงทำ�ตามที่ใจของท่านชอบ และตามที่นัยน์ตาของท่านปรารถนา แต่จงรู้ว่าพระเจ้าจะ ทรงพิพากษาทุกสิ่งที่ท่านทำ� จงขจัดความกังวลออกไปจากใจของท่าน จงขับไล่ความ ทุกข์ทรมานออกไปจากร่างกายของท่าน เพราะวัยเยาว์และรุง่ อรุณของชีวติ นัน้ ไม่เทีย่ ง แท้ จงระลึกถึงพระผูส้ ร้างของท่านขณะทีท่ า่ นยังเยาว์วยั ก่อนทีว่ นั เลวร้ายจะมา และ เวลาจะมาถึง เมื่อท่านจะต้องพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความสนุกเลย” เวลานั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวทัง้ หลายจะอับแสงสำ�หรับท่าน และท้องฟ้าจะมีเมฆปกคลุมอยู่ เสมอ เวลานั้นแขนของท่านที่ปกป้องท่านไว้จะสั่นสะท้าน ขาของท่านที่เคยคํ้าจุนท่าน จะอ่อนล้า ฟันจะลดจำ�นวนลงจนเคี้ยวอาหารไม่แหลก นัยน์ตาของท่านจะฝ้าฟางจน เห็นไม่ชดั หูของท่านจะตึงจนไม่ได้ยนิ เสียงอึกทึกจากถนน ท่านจะไม่ได้ยนิ เสียงโม่แป้ง เสียงนกร้องและเสียงของท่านจะอ่อนลงและสัน่ เครือ ท่านจะกลัวทีส่ งู และแต่ละก้าว ก็มีอันตรายที่จะหกล้ม ผมของท่านจะหงอกขาวเหมือนดอกอัลมอนด์ ท่านเดินแทบ จะไม่ไหว และความปรารถนาใดๆจะหมดสิ้นไป ท่านจะไปสู่ที่พำ�นักถาวร ขณะที่มีผู้ ร้องไห้และไว้ทุกข์ตามถนน ก่อนที่สายเงินจะขาด ตะเกียงทองคำ�จะล้มแตก เหยือก นํ้าจะแตกที่พุนํ้า ล้อเชือกตักนํ้าจะตกลงไปในบ่อ ร่างกายของท่านจะกลายเป็นฝุ่นดิน ดังเดิม และลมปราณจะกลับไปหาพระเจ้าผู้ประทานลมปราณแก่ท่าน ปัญญาจารย์พูด ว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” พระวรสาร ลก 9:43ข-45 เวลานัน้ ขณะทีท่ กุ คนกำ�ลังพิศวงในทุกสิง่ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกระทำ�อยูน่ นั้ พระองค์ ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ไว้ให้ดีเถิด บุตรแห่งมนุษย์ กำ�ลังจะถูกมอบในเงือ้ มมือของคนทัง้ หลาย” แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจพระวาจานีซ้ งึ่ เป็น ถ้อยคำ�ที่ถูกปิดบังไว้มิให้เข้าใจความหมาย แต่เขาทั้งหลายก็ไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้ ปัญญาจารย์พูดว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” วัยหนุม่ สาวเมือ่ ได้รบั การอบรมในศาสนาและในศีลธรรมประเพณีดงี าม ก็เป็นวัย ที่สวยสดงดงาม เปรียบได้กับดอกไม้ที่อยู่ที่ไหนก็สวยที่น่ัน แต่ถ้าไม่ได้รับการศึกษา อบรมให้รู้จักพระเจ้า และรับรู้ว่าทุกคนเป็นพี่น้องกัน เขาก็จะกระทำ�สิ่งชั่วร้ายได้มาก เช่น มีการสังหารหมู่ในหลายประเทศ คนที่กระทำ�การโหดร้ายนี้ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เขาจะแก้ตัวอย่างไร เมื่อไปหาพระเจ้าผู้ประทานชีวิตให้เขา

กันยายน

น.คอสมา และ น.ดาเมียน มรณสักขี สดด 90:2-4,5-7, 12-13,14,17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


27 อาทิตย

กันยายน

สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 18:25-28 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านพูดว่า ‘วิธกี ารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าไม่ ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของเราไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของ ท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติความชอบธรรม มาทำ�ผิด เขาจะ ต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตายเพราะความผิดทีเ่ ขาได้ทำ� ถ้าคนชัว่ ร้ายเลิกทำ�ความ ชั่วร้ายที่เขาได้ทำ� มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของ ตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วงละเมิดทั้งหมดที่เคยทำ� เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขา จะไม่ต้องตาย” เพลงสดุดี สดด 25:4-6,7,8-10 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ารู้จักทางของพระองค์ โปรดทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่ข้าพเจ้า โปรดทรงนำ�ข้าพเจ้าด้วยความจริงของพระองค์และทรงสอนข้าพเจ้า เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าหวังในพระองค์ตลอดทั้งวัน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงพระกรุณา และความรักมั่นคงที่ทรงมีตลอดมา ข) ขออย่าได้ทรงระลึกถึงบาปและความผิดที่ข้าพเจ้าทำ�ไว้ในวัยเยาว์ โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าตามความรักมั่นคงของพระองค์ ค) ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเพราะพระทัยดีของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงความดีและทรงเที่ยงธรรม พระองค์จึงทรงสอนทางให้คนบาป ทรงนำ�ผู้ถ่อมตนให้เดินตามทางแห่งความยุติธรรม ทรงสอนคนยากจนให้รู้ทางของพระองค์ มรรคาทุกสายขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรักมั่นคงและความสัตย์จริง สำ�หรับผู้ที่ปฏิบัติตามพันธสัญญาและกฤษฎีกาของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 2:1-11 พี่น้อง ถ้าท่านได้รับกำ�ลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ถ้าท่านได้รับ กำ�ลังใจจากความรัก ถ้าท่านเป็นหนึง่ เดียวกันในพระจิตเจ้า ถ้าท่านเห็นอกเห็นใจสงสาร กัน ท่านจงทำ�ให้ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมโดยการเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน มี ความรักแบบเดียวกัน มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกัน อย่ากระทำ�การใดเพื่อชิงดีกัน หรือเพือ่ โอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผูอ้ นื่ ดีกว่าตน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่าย เดียว จงเห็นแก่ผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระ คริสตเยซูทรงมีเถิด


แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ ทรงถื อ ว่ า ศั ก ดิ์ ศ รี เสมอพระเจ้ า นั้ น เป็ น สมบั ติ ที่ จ ะต้ อ ง หวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจ ทาส เป็นมนุษย์ดจุ เรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็น ความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูน พระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนีป้ ระเสริฐกว่านามอืน่ ใดทัง้ สิน้ เพือ่ ทุกคนในสวรรค์ และบนแผ่ นดิ น รวมทั้ ง ใต้ พื้ น พิ ภ พจะย่ อ เข่ า ลงนมั ส การ พระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศ ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 21:28-32 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทัง้ หลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึง่ มีบตุ รสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จง ไปทำ�งานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำ�งาน พ่อจึงไปพบ บุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำ�ตามใจ พ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระ อาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชีห้ นทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชือ่ ยอห์น ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อยอห์น” ประกาศกเอเสเคียลอธิบายคำ�สอนให้เราเข้าใจง่าย คือความพินาศของมนุษย์อยู่ที่เมื่อผู้ ชอบธรรมเปลีย่ นใจไม่ปฏิบตั คิ วามชอบธรรม แต่มาทำ�ผิด เขาจะต้องตายเพราะความผิดทีเ่ ขาได้ท�ำ ส่วนคน ชัว่ ร้ายถ้าเลิกทำ�ความชัว่ ร้ายทีเ่ ขาได้เคยทำ� มาปฏิบตั คิ วามยุตธิ รรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวติ ของตนไว้ เขาจะมีชีวิตนิรันดร ส่วนนักบุญเปาโลกล่าวเสริมว่า ถ้าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระจิตเจ้า มีความ เห็นอกเห็นใจกัน มีความรักกัน และมีใจสุภาพถ่อมตนเหมือนพระคริสตเจ้า เราก็เป็นลูกของพระเจ้าอย่าง สมบูรณ์


28 จันทร

บทอ่านที่ 1 โยบ 1:6-22 วันหนึง่ บุตรทัง้ หลายของพระเจ้ามาเฝ้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ซาตานมาอยูใ่ นหมูเ่ ขา ด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “ท่านมาจากไหน” ซาตานทูลตอบองค์ พระผู้เป็นเจ้าว่า “มาจากการเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วแผ่นดิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถาม ซาตานอีกว่า “ท่านสังเกตเห็นโยบผูร้ บั ใช้ของเราหรือไม่ ไม่มใี ครในแผ่นดินเหมือนเขา เป็นผูช้ อบธรรมและเป็นคนดีพร้อม ยำ�เกรงพระเจ้าและหลีกเลีย่ งความชัว่ ร้าย” ซาตาน น.เวนแชสเลาส์ ทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โยบยำ�เกรงพระเจ้าโดยไม่ได้รับผลตอบแทนเลยหรือ... มรณสักขี ขอพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แล้วเขาจะสาปแช่งพระองค์ น.ลอเรนซ์ รุยส์ เฉพาะพระพักตร์แน่ๆ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซาตานว่า “ตกลง จงทำ�ตามใจชอบ และเพื่อนมรณสักขี กับทุกสิ่งที่เขามีอยู่เถิด แต่อย่ายื่นมือแตะต้องตัวเขาเลย” ซาตานจึงออกไปจาก สดด 17:1-2,3-4,6-7 พระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า วันหนึ่ง เมื่อบุตรชายหญิงของเขากำ�ลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต มี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 คนมาแจ้งข่าวแก่โยบว่า “โคกำ�ลังไถนาอยู่ และลากำ�ลังกินหญ้าอยู่ใกล้ๆ นั้น ชาว เสบาก็จู่โจมเข้ามาปล้น ใช้ดาบฆ่าผู้รับใช้ ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” ขณะที่ เขากำ�ลังพูดไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาแจ้งว่า “ไฟของพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาทั้งแพะแกะและผู้เลี้ยงจน หมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน”... ขณะที่เขากำ�ลังพูดอยู่ไม่ทันจบ อีกคนหนึ่งเข้ามาแจ้งว่า “บุตร ชายหญิงของท่านกำ�ลังกินและดื่มอยู่ในบ้านของพี่ชายคนโต ทันใดนั้น ลมแรงพัดจากถิ่นทุรกันดารมา กระทบบ้านทั้งสี่มุม บ้านนั้นก็พังทับคนหนุ่มสาวตายทั้งหมด ข้าพเจ้าผู้เดียวหนีรอดมาบอกท่าน” โยบจึงลุกขึ้น ฉีกเสื้อคลุม โกนศีรษะแสดงความทุกข์ กราบลงหน้าจรดพื้น กล่าวว่า “ข้าพเจ้าตัวเปล่า ออกมาจากครรภ์มารดา ข้าพเจ้าก็จะตัวเปล่ากลับไป องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เอาคืน ขอถวายพระพรแด่พระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า”...

กันยายน

พระวรสาร ลก 9:46-50 เวลานัน้ บรรดาศิษย์เริม่ ถกเถียงกันว่าคนใดในกลุม่ ยิง่ ใหญ่ทสี่ ดุ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงทรงจูงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนใกล้พระองค์ ตรัสว่า “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ ต้อนรับเรา ผู้ใดต้อนรับเรา ผู้นั้นก็ต้อนรับผู้ที่ทรงส่งเรามา เพราะในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเล็กที่สุด ผู้นั้นย่อม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด” ยอห์นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนหนึ่งขับไล่ปีศาจในพระนามพระองค์ แต่เขา ไม่ได้อยู่กับเรา เราพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา แต่พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “อย่า ห้ามเขาเลย ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านท่าน ผู้นั้นก็เป็นฝ่ายท่าน” จากหนังสือโยบ เราเห็นฉากปีศาจมาสนทนากับพระเจ้า เพื่อบอกว่า คนดีใดๆ ก็อาจจะเป็น เหมือนโยบได้ ถ้าเขาถูกทดลองอย่างรุนแรงคือสูญเสียลูกเมีย สัตว์ และทุกอย่างที่สร้างมาด้วยความ ยากลำ�บาก แต่โยบไม่หมดความไว้ใจในพระเจ้า ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าตัวเปล่าออกมาจากครรภ์มารดา ข้าพเจ้าก็จะตัวเปล่ากลับไป องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าประทานให้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเอาคืน ขอถวายพระพรแด่ พระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า” ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ โยบไม่ได้ทำ�บาปหรือกล่าวโทษพระเจ้าตามการประจญของปีศาจ ตามสุภาษิต ที่ว่า คนดีตกนํ้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้


29 อังคาร

บทอ่านที่ 1 วว 12:7-12 สงครามเกิดขึน้ ในสวรรค์ มีคาเอลกับเหล่าทูตสวรรค์ของเขาต่อสูก้ บั มังกร มังกร พร้อมกับบริวารของมันก็ต่อสู้ด้วย แต่มันพ่ายแพ้และไม่มีที่พำ�นักในสวรรค์อีกต่อไป มังกรใหญ่ คืองูดึกดำ�บรรพ์ที่มีชื่อว่าปีศาจและซาตาน ผู้ล่อลวงผู้อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดิน ให้หลงไป ถูกโยนลงมาบนแผ่นดิน บริวารของมันก็ถูกโยนลงมาด้วย ข้าพเจ้าได้ยิน เสียงดังจากสวรรค์ว่า “บัดนี้ ความรอดพ้น พระอานุภาพและพระราชอาณาจักรเป็น ของพระเจ้าของเราแล้ว และอำ�นาจเป็นของพระคริสต์ของพระองค์ เพราะผู้กล่าวหา บรรดาพี่น้องของเรา คือผู้ที่กล่าวหาเขาทั้งกลางวันกลางคืนเฉพาะพระพักตร์ของ พระเจ้าของเราก็ถกู โยนลงไปแล้ว บรรดาพีน่ อ้ งของเราชนะผูก้ ล่าวหา เดชะพระโลหิต ของลู กแกะและอาศั ย คำ�พยานของตน เพราะเขาไม่ หวงแหนชีวิต แม้เมื่อเผชิญ ความตาย ดังนั้น สวรรค์และท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ จงชื่นชมเถิด วิบัติ จงเกิดแก่แผ่นดินและทะเล เพราะปีศาจลงมายังแผ่นดินและทะเลด้วยความโกรธอย่าง รุนแรง เพราะมันรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว” พระวรสาร ยน 1:47-51 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่ คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จัก ข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชือ่ เพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยูใ่ ต้ตน้ มะเดือ่ เทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความ จริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้า ขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์” พระเจ้าทรงสร้างสรรพสัตว์ สรรพสิง่ พระองค์สร้างมนุษย์ให้ดแู ลสมบัติ ของพระองค์ในโลก นอกจากนี้ พระองค์ยังสร้างเทวดาให้เป็นจิต เพื่อปรนนิบัติรับใช้ พระองค์ พระคัมภีร์ฉายให้เราเห็นพระเจ้าใช้พวกเขาในการติดต่อกับมนุษย์ แต่ ประวัติศาสตร์แห่งความรอดสอนเราว่า มีเทวดาที่กบฏ ดังนั้น จากเทวดาที่สวยงามก็ กลายมาเป็นปีศาจ มันเก่งกว่ามนุษย์ ความปรารถนาของมันคือต่อต้านแผนการของ พระเจ้า และทำ�ลายมนุษย์ด้วยการล่อลวงเขาให้ทำ�บาป เพื่อมิให้เขาได้รอด พระเยซูเจ้ายืนยันว่ามีปีศาจ และยังสอนให้เราสวดบทข้าแต่พระบิดาว่า “อย่า ปล่อยให้เราแพ้การประจญ” (ของปีศาจ)

กันยายน

ฉลองอัครทูตสวรรค์ มีคาเอล คาเบรียล และราฟาเอล สดด 138:1-2ก, 2ข-3,4-5


30 พุธ

กันยายน

ระลึกถึง น.เยโรม พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 88:9-10,11-12, 13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1 โยบ 9:1-12,14-16 โยบจึงตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารูอ้ ย่างทีท่ า่ นพูดว่า คนเราจะเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะ พระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ ในหนึ่งพันครั้งผู้ นั้นก็ตอบพระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชารู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพ ทำ�ได้ทุกอย่าง ผู้ใดต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวิตอยู่ได้ พระองค์ทรงเคลื่อนย้ายภูเขา โดยทีภ่ เู ขาไม่รตู้ วั เมือ่ พระองค์กริว้ ก็ทรงทำ�ให้ภเู ขาปัน่ ป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจาก ที่ตั้งอยู่ และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปิดผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้ส่องแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ลำ�พังพระองค์ ทรงพระดำ�เนิน บนคลืน่ ของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุม่ ดาวทิศใต้ ทรงกระทำ�กิจการยิง่ ใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงทำ�การอัศจรรย์นบั ไม่ถว้ น ดูซิ พระองค์ ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ขา้ พเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สงั เกต เห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ ว่า ‘พระองค์ทรงทำ�อะไร’ แล้วข้าพเจ้าจะโต้ตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยคำ�อะไรมาเถียงกับ พระองค์ แม้ข้าพเจ้าไม่มีความผิด ข้าพเจ้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องขอพระ กรุณาจากผูพ้ พิ ากษาของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าร้องทูลถามพระองค์ และพระองค์ทรงตอบ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า” พระวรสาร ลก 9:57-62 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้ หนึง่ ทูลพระองค์วา่ “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งทีพ่ ระองค์จะเสด็จ พระเยซู เจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนขั จิง้ จอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรงั แต่บตุ รแห่งมนุษย์ไม่มี ที่จะวางศีรษะ” พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คน ตายฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า” อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไป รํ่าลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า” คนเราจะเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร โยบอธิบาย ว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรงทำ�ได้ทุกอย่าง ทรงทำ�อัศจรรย์นับไม่ถ้วน ทรงคุมธรรมชาติ ทั้งหมด ดังนั้น เพื่อจะเป็นผู้ชอบธรรม เขาต้องไม่ขัดขวางโครงการของพระองค์ ส่วนในพระวรสารนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าบอกศิษย์ทตี่ อ้ งการติดตามพระองค์วา่ พระองค์มาในโลกอย่างยากจนและดำ�รงชีวิตยากจนมาก ไม่มีบ้านอยู่เป็นหลักแหล่ง เพื่อพระองค์จะสามารถทำ�งานได้อย่างคล่องตัว



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.