10_

Page 1


ฉลอง น.เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู พรหมจารี สดด 131:1,2-3

บทอ่านที่ 1

อสย 66:10-14

พระวรสาร

มธ 18:1-4

ท่านทั้งหลายจงยินดีกับกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายที่รักกรุงเยรูซาเล็ม จงชื่นชม กับกรุงนีเ้ ถิด ท่านทัง้ หลายทีเ่ คยไว้ทกุ ข์ให้กรุงเยรูซาเล็ม จงร่วมยินดีกบั กรุงนีด้ ว้ ยความ ชื่นบานเถิด ท่านจะได้รับการปลอบโยนอย่างเต็มเปี่ยมจากกรุงเยรูซาเล็ม ทารกมีความ ยินดีเมื่อดูดนมจากทรวงอกของมารดาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะมีความยินดีจากความ อุดมสมบูรณ์ของกรุงนี้ฉันนั้น เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนีว้ า่ “ดูซิ เราจะบันดาลให้สนั ติสขุ หลัง่ ไหลมาสูก่ รุง นี้เหมือนแม่นํ้า จะนำ�ความมั่งคั่งของนานาชาติมายังกรุงนี้เหมือนสายนํ้าที่กำ�ลังล้นฝั่ง กรุงนี้จะอุ้มท่านทั้งหลายไว้ ให้ท่านดูดนม และหยอกล้อท่านบนตัก มารดาปลอบโยน บุตรฉันใด เราก็จะปลอบโยนท่านทั้งหลายฉันนั้น ท่านจะได้รับการปลอบโยนในกรุง เยรูซาเล็ม ท่านทัง้ หลายจะเห็น และใจของท่านจะโลดเต้นยินดี กระดูกของท่านจะสดชืน่ ขึน้ เหมือนหญ้าอ่อน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพแก่ผรู้ บั ใช้ของพระองค์ แต่จะทรงพระพิโรธต่อบรรดาศัตรู ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึง่ ให้มายืนอยูก่ ลางกลุม่ พวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คน นี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้ นั้นต้อนรับเรา” ผู้ ใดกลั บ มาเป็ น เหมื อ นเด็ ก เล็ ก ๆ นั่ นคื อ สุ ภ าพถ่ อ มตน ไม่ ทำ � ตนโดดเด่ น หยิ่งจองหองราวกับว่าเป็นบุคคลสำ�คัญที่สุด แต่ยอมขึ้นตรงต่อพระเจ้าและวางใจใน พระองค์ดุจเดียวกับทารกซึ่งต้องพึ่งนมจากทรวงอกและรับการเลี้ยงดูปลอบโยนจาก มารดา (อสย 66:11,13) ผู้นั้นก็จะได้สัมผัสกับสันติสุขและพละกำ�ลังของพระองค์ซึ่ง จะนำ�เขาเข้าสูอ่ าณาจักรสวรรค์และเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในพระอาณาจักรนัน้ เฉกเช่นเดียว กับนักบุญเทเรซาที่เราร่วมใจกันระลึกถึงในวันนี้


บทอ่านที่ 1

โยบ 19:21-27

โยบกล่าวว่า “จงสงสารข้าพเจ้าเถิด เพื่อนเอ๋ย จงสงสารเถิด เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าได้ตี ข้าพเจ้า ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงเบียดเบียนข้าพเจ้า เหมือนกับที่พระเจ้าทรงกระทำ� ท่าน ทำ�ร้ายเนือ้ หนังของข้าพเจ้ายังไม่พออีกหรือ ข้าพเจ้าอยากให้ถอ้ ยคำ�ของข้าพเจ้าถูกบันทึก ไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยากให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่ว สลักไว้บนหินให้คงอยู่ ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้น ยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุน่ ดิน เมือ่ เนือ้ หนังของข้าพเจ้าถูกทำ�ลาย และไม่มรี า่ งกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์อยูเ่ คียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็น พระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้”

พระวรสาร

ระลึกถึง ทูตสวรรค์ผู้อารักขา สดด 27:7, 8-9, 13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

ลก 10:1-12

ต่อจากนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงแต่งตัง้ ศิษย์อกี เจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขาล่วง หน้าพระองค์เป็นคูๆ่ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองทีพ่ ระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าว ที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของ พระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทัง้ หลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนขั ป่า อย่านำ�ถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อน ว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะ อยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กิน และดื่มของที่เขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อ ท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอก เขาว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้าอยูใ่ กล้ทา่ นทัง้ หลายแล้ว’ แต่ถา้ ท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ตอ้ นรับ ก็จง ออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า ‘แม้แต่ฝนุ่ จากเมืองของท่านทีต่ ดิ เท้าของเรา เราจะสลัดทิง้ ไว้ปรักปรำ� ท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมือง โสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น” ในอดีตพระเจ้าทรงโปรดให้ทูตสวรรค์นำ�ทางชาวอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา (อพย 23:20) ทุกวันนี้แม้จะไม่ได้ประกาศเป็นข้อความเชื่อ แต่พระศาสนจักรก็เชื่อเสมอมาว่าพระองค์ยังทรงส่งทูตสวรรค์ มาปกป้องคุ้มครองดวงวิญญาณทุกดวง ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กๆ ดังที่นักบุญเยโรมกล่าวไว้ว่า “วิญญาณของเรา ช่างได้รับเกียรติยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร เหตุว่าตั้งแต่แรกเกิด วิญญาณแต่ละดวงต่างก็มีทูตสวรรค์ที่ได้รับมอบ หมายให้มาปกป้องคุ้มครอง” ที่สำ�คัญทูตสวรรค์เหล่านี้ยังเฝ้าชมพระพักตร์พระเจ้า (มธ 18:10) นั่นคือเข้า ถึงพระองค์ได้โดยตรงตลอดเวลา เพราะฉะนั้น “จงเคารพเชื่อฟังถ้อยคำ�ของทูตสวรรค์” เถิด (อพย 23:21) พระสันตะปาปาเปาโลที่ 5 ได้ก�ำ หนดให้วนั ที่ 27 กันยายน 1608 เป็นวันระลึกถึงอารักขเทวดาในปฏิทนิ พิธีกรรมของพระศาสนจักรและเรื่อยมาตราบจนถึงทุกวันนี้


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา สดด 139:1-3,6-8, 9-10,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน

พระวรสาร

โยบ 38:1,12-21;40:3-5

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากกลางลมพายุว่า “ตั้งแต่วันที่ท่านเกิดมา ท่านเคยสั่งรุ่งอรุณ และเคยกำ�หนดสถานที่ให้รุ่งอรุณอยู่ หรือ รุ่งอรุณจะได้จับชายแผ่นดินไว้ และสลัดคนชั่วออกไป แผ่นดินเปลี่ยนไปเหมือน ดินเหนียวถูกตราประทับ และมีสีต่างๆ เหมือนเสื้อผ้า แสงสว่างถูกถอนไปจากคนชั่ว เพราะแขนของเขาที่เงื้อขึ้นเพื่อทำ�ร้ายย่อมถูกหัก ท่านเคยเข้าไปจนถึงตานํ้าแห่งทะเล หรือเดินเข้าไปในขุมลึกแล้วหรือ มีใครแสดงให้ท่านเห็นประตูแห่งความตาย หรือท่าน ได้เห็นประตูเงาแห่งความตายแล้วหรือ ท่านรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินหรือ ถ้าท่านรู้ ทุกสิ่งแล้ว ก็จงบอกมา หนทางไหนนำ�ไปสู่ที่พำ�นักของความสว่าง และที่ไหนเป็นสถาน ทีข่ องความมืด ท่านจะได้นำ�ทัง้ แสงสว่างและความมืดไปอยูใ่ นเขตแดนของตน หรืออย่าง น้อยก็ชี้ทางให้มันกลับไปบ้านได้ แน่นอน ท่านต้องรู้ เพราะเวลานั้นท่านเกิดมาแล้ว จำ�นวนวันของท่านก็มากมาย” โยบทูลตอบองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่คนสำ�คัญ จะทูลตอบพระองค์ ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเอามือปิดปาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่กราบทูล อีก ข้าพเจ้ากราบทูลสองครั้งแล้ว จะไม่กราบทูลต่อไป”

ลก 10:13-16

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิด ขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบนั่งบนกองขี้เถ้ากลับใจเสียนานแล้ว ดังนั้น เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับโทษเบากว่าเจ้าในวันพิพากษา ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้น ถึงฟ้าเทียวหรือ เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย ผู้ใดฟังท่าน ผู้นั้นฟังเรา ผู้ใดสบประมาทท่าน ผู้นั้นสบประมาทเรา ผู้ที่สบประมาทเรา ก็สบประมาทผู้ที่ ทรงส่งเรามา”

พระเยซูเจ้าเสด็จไปเมืองไทระและไซดอนช่วงเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว ชาวเมืองจึงไม่มีโอกาสได้รับฟัง ข่าวดีของพระองค์ ต่างจากเมืองเบธไซดาซึ่งมีอัครสาวก 2-3 องค์มาจากเมืองนี้ และต่างจากชาวเมือง คาเปอรนาอุมซึ่งทั้งได้รับฟังและได้เห็นอัศจรรย์มากมาย แต่ไม่กลับใจ ซํ้ายังยกตนเป็นคนดีสูงส่งเสียอีก โทษ ของพวกเขาจึงหนักกว่าชาวเมืองไทระและไซดอนยิ่งนัก ทุกวันนี้เราได้รับฟังข่าวดีของพระเยซูเจ้ามากมายหลายทาง ทั้งผ่านทางพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษทุกคนที่ดำ�เนินชีวิตเป็นพยานถึงข่าวดี คำ�เตือนหนักๆ ของพระองค์จึงควรดังก้องอยู่ในจิตใจของ เรา “ผูใ้ ดฟังคนเหล่านีก้ ฟ็ งั พระองค์ และผูใ้ ดปฏิเสธคนเหล่านี้ ก็ปฏิเสธพระองค์และปฏิเสธพระบิดาเจ้าด้วย” (เทียบ ลก 10:16)


บทอ่านที่ 1

โยบ 42:1-3,5-6,12-17

โยบจึงทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระองค์ทรงกระทำ�ได้ทุกสิ่ง ไม่มีผู้ใดขัดขวางพระประสงค์ของ พระองค์ได้ พระองค์เคยตรัสถามว่า ‘ผูน้ เี้ ป็นใครทีใ่ ช้ถอ้ ยคำ�ไร้ความรู้ ทำ�ให้แผนการของ เรามืดไป’ ข้าพเจ้าจึงพูดถึงสิง่ ทีข่ า้ พเจ้าไม่เข้าใจ และเป็นสิง่ น่าพิศวงเกินกว่าทีข่ า้ พเจ้าจะ รู้ได้ ข้าพเจ้าเคยรู้จักพระองค์เพียงจากคำ�พูดของผู้อื่น แต่บัดนี้ดวงตาของข้าพเจ้าแล เห็นพระองค์ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำ�พูดและเป็นทุกข์เสียใจ โปรยฝุ่นดินและขี้เถ้า บนศีรษะ” พระเจ้าทรงอวยพระพรชีวติ ใหม่ของโยบมากกว่าชีวติ เดิม เขามีแกะหนึง่ หมืน่ สีพ่ นั ตัว อูฐหกพันตัว โคเพศผู้หนึ่งพันคู่ และลาเพศเมียหนึ่งพันตัว เขามีบุตรชายเจ็ดคน และบุตรหญิงสามคน เขาเรียกชื่อบุตรหญิงคนแรกว่า “เยมีมาห์” คนที่สองว่า “เคสิ ยาห์” และคนที่สามว่า “เคเรนหัปปุค” ทั่วแผ่นดินไม่มีหญิงใดงดงามเท่ากับบุตรหญิง ของโยบ บิดาให้เธอมีสิทธิรับมรดกเหมือนกับพี่ชายและน้องชายของเธอ โยบยังมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกหนึ่งร้อยสี่สิบปี ได้เห็นบุตร หลาน เหลน ถึงสี่ช่ัวอายุ แล้วโยบก็สิ้นชีวิตในวัยชราอันยาวนานและผาสุก

พระวรสาร

ระลึกถึง น.ฟรังซิส ชาวอัสซีซี สดด 119:65-66,7071,75,91,125,129-130

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

ลก 10:17-24

เวลานัน้ ศิษย์ทงั้ เจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชืน่ ชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปศี าจก็ยงั อ่อนน้อม ต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำ�นาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำ�นาจเหนือกำ�ลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำ�ร้ายท่าน ได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว” ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่ บรรดาผู้ตํ่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มี ใครรูว้ า่ พระบุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มใี ครรูว้ า่ พระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตร และผูท้ พี่ ระบุตร ทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะ “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่มอง เห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่าน ได้เห็นแต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง”

จงอย่าชื่นชมยินดีในผลงานและความสำ�เร็จของตนเพราะมันจะนำ�มาซึ่งความเย่อหยิ่งจองหอง แต่จง ชื่นชมยินดีที่ได้เข้าใจและน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าดังเช่นโยบ (โยบ 42:2) และมีใจสุภาพถ่อมตนจน ได้รู้จักพระเยซูเจ้าและพระบิดา (ลก 10:22) ผู้ทรงรักและจารึกชื่อของเราไว้ในสวรรค์แล้ว ความยินดีเช่นนี้แหละ “เป็นพละกำ�ลังของท่าน” (นหม 8:10)


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 5:1-7

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ข้าพเจ้าอยากร้องเพลงถึงเพือ่ นรักของข้าพเจ้า เป็นเพลงเกีย่ วกับเพือ่ นรักและสวน องุน่ ของเขา เพือ่ นรักของข้าพเจ้าเคยมีสวนองุน่ แปลงหนึง่ อยูบ่ นเนินเขาทีอ่ ดุ มสมบูรณ์ เขาขุดดิน เก็บก้อนหินออกจนหมด แล้วจึงปลูกองุ่นชนิดดีไว้ เขาสร้างหอเฝ้าไว้กลาง สวน สกัดบ่อยํา่ องุน่ ไว้ทนี่ นั่ ด้วย เขารอคอยให้สวนผลิตผลองุน่ แต่สวนนัน้ ผลิตผลองุน่ เปรี้ยว เพื่อนรักของข้าพเจ้าพูดว่า “บัดนี้ ชาวกรุงเยรูซาเล็มและชาวยูดาห์เอ๋ย จงตัดสิน ระหว่างฉันกับสวนองุ่นของฉันเถิด มีอะไรอีกที่ฉันจะทำ�ได้เพื่อสวนองุ่นของฉัน แต่ยัง ไม่ได้ทำ� ขณะทีฉ่ นั รอคอยให้สวนผลิตผลองุน่ ทำ�ไมสวนจึงผลิตผลองุน่ เปรีย้ ว บัดนี้ ฉัน อยากบอกให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ฉันจะทำ�อะไรกับสวนองุ่นของฉัน ฉันจะรื้อรั้วหนามออก แล้วสวนจะกลับเป็นทุ่งหญ้า ฉันจะพังกำ�แพงที่ล้อมลง และสวนก็จะถูกเหยียบยํ่า ฉัน จะปล่อยให้สวนรกร้าง จะไม่มใี ครลิดกิง่ หรือพรวนดิน ต้นหนามและกอหนามจะงอกขึน้ ฉันจะสั่งเมฆไม่ให้โปรยฝนรดสวนนั้น” ฟังเถิด สวนองุ่นขององค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลคือพงศ์พันธุ์อิสราเอล ชาว ยูดาห์เป็นสวนทีพ่ ระองค์โปรดปราน พระองค์ทรงหวังความยุตธิ รรม แล้วทรงพบแต่การ นองเลือด ทรงหวังความชอบธรรม กลับทรงพบเสียงร้องให้ช่วย

เพลงสดุดี

สดด 80:8,10-11,12-13,14-15,18-19

ก) พระองค์ทรงถอนเถาองุ่นออกจากอียิปต์ ทรงขับไล่นานาชาติออกไปเพื่อจะปลูกเถาองุ่นนั้น ร่มเงาขององุ่นเถานี้ปกคลุมภูเขาหลายลูก กิ่งก้านก็แผ่ออกไปปกคลุมต้นสนสีดาร์สูงส่ง แขนงของมันแผ่ขยายออกไปจนถึงทะเล และหน่อก็ไปไกลถึงแม่นํ้ายูเฟรติส ข) เหตุไฉนพระองค์จึงทรงทำ�ลายรั้วที่กั้น จนผู้ที่ผ่านไปมาเด็ดผลองุ่นได้โดยง่าย หมูป่าจากพงไพรมาทำ�ลายเถาองุ่นนั้น สัตว์ป่าก็มากินเป็นอาหาร ค) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 4:6-9

พี่น้อง อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของ ท่านโดยคำ�อธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะ เข้าใจได้นั้นจะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย สิ่งใดจริง สิ่งใดประเสริฐ สิ่งใดชอบธรรม สิ่งใดบริสุทธิ์ สิ่งใดน่ารัก สิ่งใดควรยกย่อง ถ้ามีสิ่งใดเป็นคุณธรรม ถ้ามี สิ่งใดน่าสรรเสริญ ท่านจงพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วยการใคร่ครวญเถิด สิ่งต่างๆ ที่ท่านได้เรียนรู้ ได้รับ ได้ฟัง และได้เห็นในตัวข้าพเจ้านั้น จงนำ�ไปปฏิบัติเถิด แล้วพระเจ้าแห่งสันติจะสถิตกับท่าน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 21:33-43

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลาย จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำ�รั้วล้อม ขุดบ่อยํ่า องุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ ผู้รับใช้ไปพบคนเช่าสวนเพื่อรับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จับคนใช้ ทุบตีคนหนึ่ง ฆ่าอีกคน หนึง่ เอาหินทุม่ อีกคนหนึง่ เจ้าของสวนจึงส่งผูร้ บั ใช้จำ�นวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวนก็ทำ�กับพวก นีเ้ ช่นเดียวกัน ในทีส่ ดุ เจ้าของสวนได้สง่ บุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจ ลูกของเราบ้าง’ แต่เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเสีย เถิด เราจะได้มรดกของเขา’ เขาจึงจับบุตรเจ้าของสวน นำ�ตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะทำ� อย่างไรกับคนเช่าสวนพวกนัน้ ” บรรดาผูฟ้ งั ตอบว่า “เจ้าของสวนจะกำ�จัดพวกใจอำ�มหิตนีอ้ ย่างโหดเหีย้ ม และจะยกสวนให้คนอืน่ เช่า ซึง่ จะแบ่งผลคืนให้เขาตามกำ�หนดเวลา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านมิได้อา่ น ในพระคัมภีร์หรือว่า ‘หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำ�เช่นนั้น เป็นที่ น่าอัศจรรย์แก่เรายิ่งนัก’ ดังนัน้ เราบอกท่านว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทัง้ หลาย ไปมอบให้แก่ชนชาติอนื่ ที่จะทำ�ให้บังเกิดผล”

พระเจ้าทรงเตรียมทุกสิง่ ทีจ่ �ำ เป็นสำ�หรับการปฏิบตั หิ น้าทีข่ องเรามนุษย์ พระองค์ทรงวางพระทัยปล่อย ให้เราดำ�เนินกิจกรรมต่างๆ ตามอำ�เภอใจของเรา แต่น่าเสียดายที่เรากลับจงใจทรยศต่อพระองค์ด้วยการ ละเลยหน้าที่ที่ต้องทำ� และยังทำ�ร้ายพระบุตรของพระองค์ด้วยการทำ�บาป แม้ว่าพระองค์จะทรงอดกลั้น และให้อภัยด้วยความรักอันไม่มขี อบเขตเรือ่ ยมา แต่จะมีสกั วันหนึง่ ทีพ่ ระองค์จะทรงพิพากษาลงโทษ แล้ว เรายังจะจงใจเป็นเหมือนคนเช่าสวนชั่วร้ายอยู่อีกหรือ? นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ท่านจงพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วยการใคร่ครวญเถิด” (ฟป 4:9)


น.บรูโน พระสงฆ์ ยนา 2:2,3-4,7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1

กท 1:6-12

พระวรสาร

ลก 10:25-37

พี่น้อง ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรง เรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่น นั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดี ของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเราหรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศแก่ ท่าน ขอให้ผู้น้ันถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดยํ้าสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนอีก ครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้นั้นถูก สาปแช่งเถิด...

ขณะนัน้ นักกฎหมายคนหนึง่ ยืนขึน้ ทูลถามเพือ่ จะจับผิดพระองค์วา่ “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำ�สิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติ มีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำ�ลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือน รักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำ�เช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนัน้ ต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพือ่ นมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึง่ กำ�ลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวก โจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดย บังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึง่ ชาวเลวีคนหนึง่ ผ่านมาทางนัน้ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีก ฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เท นํ้ามันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำ�เขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วย ดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำ�เงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้ กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขา ด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’ ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำ� เช่นเดียวกันเถิด”

อาจมีบางคนประกาศข่าวดีขัดแย้งกับนักบุญเปาโล (กท 1:7) แต่ข่าวดีที่แม้แต่หมอกฎหมายผู้มีเจตนา ร้ายก็ยังเห็นพ้องกับพระเยซูเจ้า นั่นก็คือ “จงรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์แล้วจะได้ชีวิตนิรันดร” “รัก” นั้นต้องไม่เป็นเพียงความรู้สึกสงสารดังเช่นชาวเลวี แต่ต้องแสดงออกเป็นรูปธรรมดังเช่นชาว สะมาเรีย “เพื่อนมนุษย์” ก็ไม่ได้หมายถึงคนชาติเดียวกันเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างความ เชือ่ ทีแ่ ม้จะเป็นศัตรูคอู่ าฆาตกันมายาวนานหลายร้อยปีอย่างเช่นชาวสะมาเรียกับชาวยิวก็ตาม ส่วนผูท้ เี่ ราต้อง ช่วยเหลือนั้นก็คือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน แม้ทุกข์นั้นจะเกิดจากความผิดพลาดของเขาเองดังเช่นคนที่ถูกโจร ปล้นเพราะบ้าระหํ่าที่กล้าเดินทางพร้อมของมีค่าตามลำ�พังในเส้นทางที่แสนจะอันตรายอย่างนั้น


บทอ่านที่ 1

กท 1:13-24

พระวรสาร

ลก 10:38-42

พี่น้อง ท่านทั้งหลายต้องเคยได้ยินเรื่องความประพฤติในอดีตของข้าพเจ้าเมื่อยัง ยึดถือลัทธิยิว ว่าข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และ พยายามทำ�ลายด้วย ข้าพเจ้าเคร่งครัดในลัทธิยิวมากกว่าเพื่อนชาวยิวรุ่นเดียวกันหลาย คน และมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการรักษาประเพณีของบรรพบุรุษ แต่พระเจ้า ผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษ ระลึกถึง ทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะสำ�แดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อ ข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถงึ พระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่รรี อทีจ่ ะปรึกษา แม่พระแห่งลูกประคำ� กับมนุษย์ผู้ใดเลย หรือแม้แต่จะขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อน ลก 1:46-48,49-50, 51-52,54-55 ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอาราเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีก สามปี ต่อมา ข้าพเจ้าขึน้ ไปกรุงเยรูซาเล็มเพือ่ ทำ�ความรูจ้ กั กับเคฟาส และพักอยูก่ บั เขาเป็นเวลา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 สิบห้าวัน ข้าพเจ้าไม่พบอัครสาวกอื่นๆ นอกจากยากอบ ผู้เป็นน้องชายขององค์พระผู้ เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าว่า สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเขียนนี้ มิใช่ความ เท็จ หลังจากนั้น ข้าพเจ้าไปในเขตแดนซีเรียและซิลิเซีย พระศาสนจักรต่างๆ ในแคว้น ยูเดียยังไม่เคยรู้จักหน้าข้าพเจ้าเลย เขาเหล่านั้นเคยแต่ได้ยินว่า “ผู้ที่เคยข่มเหงพวกเรา บัดนี้กลับมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามจะทำ�ลาย” เขาเหล่านั้นจึงถวายพระ เกียรติแด่พระเจ้าเพราะข้าพเจ้า เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้เป็น เจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำ�ลังยุง่ อยูก่ บั การปรนนิบตั ริ บั ใช้จงึ เข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ ไม่สนพระทัยหรือทีน่ อ้ งสาวปล่อยดิฉนั คนเดียวให้ปรนนิบตั ริ บั ใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉนั บ้าง” แต่ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่งที่จำ�เป็นมีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้”

วันระลึกถึงแม่พระแห่งลูกประคำ�ถูกตั้งขึ้นโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 5 เมื่อปี 1573 เพื่อเทิดเกียรติ แม่พระที่ทรงช่วยให้คริสตชนมีชัยเหนือชาวตุรกีในการรบที่เมืองเลปันโต วัตถุประสงค์หลักของการสวดลูกประคำ�ก็เพือ่ ช่วยเราให้ร�ำ พึงถึงธรรมลํา้ ลึกแห่งความรอด บทข้าแต่พระ บิดาช่วยเตือนใจเราว่าพระบิดาของพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ริเริ่มแผนการแห่งความรอด บทวันทามารีย์ช่วย เตือนใจเราให้รำ�พึงถึงธรรมลํ้าลึกเหล่านี้ร่วมกับพระแม่มารีย์ผู้มีส่วนในทุกธรรมลํ้าลึกของพระบุตร ส่วนบท พระสิริรุ่งโรจน์ช่วยเตือนใจเราว่าเป้าหมายของทุกชีวิตก็คือพระสิริรุ่งโรจน์ของพระตรีเอกภาพ


บทอ่านที่ 1

กท 2:1-2,7-14

พี่น้อง สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกพร้อมกับบารนาบัส และพา ทิตัสไปด้วย ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนสำ�คัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะไม่ วิ่งโดยไร้ประโยชน์ ยิ่งกว่านั้น บุคคลสำ�คัญเหล่านี้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศข่าวดีแก่ สัปดาห์ที่ 27 ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศแก่ผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว เทศกาลธรรมดา เพราะพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เปโตรเป็นธรรมทูตไปพบผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว ก็ทรงบันดาล ให้ข้าพเจ้าไปพบคนต่างศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อยากอบ เคฟาสและยอห์น ซึ่งได้ สดด 117:1,2 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 รับความนับถือว่าเป็นหลักรูเ้ รือ่ งพระหรรษทานทีพ่ ระเจ้าประทานแก่ขา้ พเจ้าแล้วก็จบั มือ กับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ตกลงกันว่า เราจะไปพบคน ต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผู้เข้าสุหนัตแล้ว เขาเหล่านี้ขอเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคน ยากจน คำ�ขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำ�อยู่แล้ว เมื่อเคฟาสมาที่เมืองอันทิโอก ข้าพเจ้าคัดค้านเขาซึ่งๆ หน้าเพราะเขาเป็นฝ่ายผิด เพราะก่อนที่คนของ ยากอบจะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครัน้ พวกนัน้ มา เขาก็ปลีกตัว และแยกออกมาเพราะกลัว พวกที่เข้าสุหนัต ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งทำ�ตามเขาบ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งทำ�ตามพวกเขา เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเหล่านั้นประพฤติตนไม่ถูกต้องตามความหมายแท้จริงของข่าวดี ข้าพเจ้าพูดกับ เคฟาสต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านเป็นชาวยิว ยังประพฤติตนอย่างคนต่างชาติ มิใช่อย่างชาวยิว แล้วเหตุไฉนท่าน จึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตนอย่างชาวยิวเล่า”

พระวรสาร

ลก 11:1-4

วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูล พระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึง ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหารประจำ�วัน แก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เหมือนข้าพเจ้าทัง้ หลายให้อภัยแก่ผอู้ นื่ โปรด ช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ” ในบทข้าแต่พระบิดา พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเรียกพระเจ้าเป็นบิดา เราจึงต้องทูลขอพระองค์ดว้ ยความ วางใจแบบ “พ่อ-ลูก” และจัดลำ�ดับการวอนขอให้ถูกต้อง กล่าวคือพระประสงค์ของพระองค์ต้องมาก่อนและ ต้องอยู่เหนือความต้องการส่วนตัวของเรา เราสามารถวอนขอได้ทกุ สิง่ ทัง้ สิง่ ทีจ่ �ำ เป็นสำ�หรับปัจจุบนั ไม่วา่ จะเป็นอาหารประจำ�วัน ทีอ่ ยูอ่ าศัย เครือ่ ง นุ่งห่ม ยารักษาโรค ฯลฯ รวมถึงการอภัยสำ�หรับความผิดพลาดในอดีต และการปกป้องคุ้มครองในทุกๆ ด้าน สำ�หรับอนาคตด้วย


บทอ่านที่ 1

กท 3:1-5

ชาวกาลาเทียโง่เขลาเอ๋ย ใครสะกดท่านให้มนึ งงไปได้ทงั้ ๆ ทีภ่ าพของพระเยซูคริสต เจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน ปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว ข้าพเจ้าอยากรู้จากท่านเพียง ข้อเดียวเท่านัน้ ว่า ท่านได้รบั พระจิตเจ้าเพราะท่านปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตหิ รือเพราะท่าน เชื่อการประกาศข่าวดี ท่านโง่เขลาถึงเพียงนี้เทียวหรือ ท่านเริ่มต้นด้วยพระจิตเจ้า แต่ บัดนีท้ า่ นจะมาจบลงด้วยการกระทำ�ตามธรรมชาติอกี ประสบการณ์มากมายทีท่ า่ นได้รบั มานั้นไร้ประโยชน์เสียแล้วหรือ ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียแล้วจริงๆ พระองค์ผู้ ประทานพระจิตเจ้าให้ท่าน และทรงแสดงการอัศจรรย์ต่างๆ ในหมู่ท่านทั้งหลายทรง กระทำ�เช่นนั้นเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือเพราะท่านยอมเชื่อการประกาศ ข่าวดี

พระวรสาร

ลก 11:5-13

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและ ไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน’ สมมติว่า เพือ่ นคนนัน้ ตอบจากในบ้านว่า ‘อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปดิ แล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้านอน แล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ลุกขึ้นให้ ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะถูกรบเร้า เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะ พบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรบั ท่าน เพราะคนทีข่ อย่อมได้รบั คนทีแ่ สวงหา ย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทน ปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของ ดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์ มากกว่านั้นหรือ”

น.ดิโอนีซิโอ พระสังฆราช และเพื่อนมรณสักขี น.ยอห์น เลโอนาร์ดี พระสงฆ์

ลก 1:69-70,71-72, 73-76

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ความรอดมิได้เกิดจากการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ แต่เกิดจากความเชื่อ (กท 3:5) นั่นคือเชื่อว่าพระเจ้า ผู้ทรงเป็นบิดาที่เปี่ยมล้นด้วยความรัก จะประทานทุกสิ่งที่ลูกวอนขอด้วยความเต็มพระทัย กระนั้นก็ตาม เรา จะเอาพระทัยดีจากฝ่ายพระเจ้า มาเป็นข้ออ้างสำ�หรับฝ่ายเราทีจ่ ะละเว้นการสวดภาวนาอย่างเข้มข้นไม่ได้ เพราะ ความเข้มข้นนีบ้ ง่ บอกถึงความมุง่ มัน่ และความปรารถนาอันแท้จริงของเรา เพราะฉะนัน้ พระองค์จงึ ตรัสว่า “จง ขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ” (ลก 11:9) ไม่มีคำ�ภาวนาใดที่พระเจ้าไม่ทรงตอบรับ หากเราไม่ได้รับสิ่งที่วอนขอ นั่นไม่ใช่เพราะพระเจ้าทรงปฏิเสธ คำ�วอนขอของเรา แต่เป็นเพราะคำ�ตอบของพระองค์ไม่ตรงกับความคาดหวังของเรา เพราะพระองค์ ผู้ทรง เปี่ยมด้วยปรีชาญาณและความรัก ทรงประทานสิ่งที่ดีกว่าแก่เรานั่นเอง


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,3-4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

กท 3:7-14

พีน่ อ้ ง ท่านทัง้ หลายจงรูเ้ ถิดว่า คนทีม่ คี วามเชือ่ นัน่ แหละคือบุตรของอับราฮัม พระ คัมภีรเ์ ห็นล่วงหน้าแล้วว่าพระเจ้าจะโปรดให้คนต่างศาสนาเป็นผูช้ อบธรรมโดยความเชือ่ พระองค์จงึ ทรงประกาศข่าวดีลว่ งหน้าแก่อบั ราฮัมว่า อาศัยท่าน นานาชาติจะได้รบั พระพร ดังนั้น ผู้ที่มีความเชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้มีความเชื่อ ผูใ้ ดทีพ่ งึ่ การปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตยิ อ่ มถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า ทุกคนทีไ่ ม่มนั่ คงในการปฏิบตั ติ ามทุกสิง่ ทีเ่ ขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัตยิ อ่ มถูกสาป แช่ง เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ เพราะธรรมบัญญัติ เพราะผูช้ อบธรรมจะดำ�รงชีวติ อยูโ่ ดยความเชือ่ ธรรมบัญญัตมิ ไิ ด้มา จากความเชื่อ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติก็จะพบชีวิตอาศัยการปฏิบัติตาม ธรรมบัญญัติเหล่านั้น...

ลก 11:14-26

เวลานัน้ พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงขับไล่ปศี าจซึง่ ทำ�ให้คนเป็นใบ้ เมือ่ ปีศาจออกไปแล้ว คนใบ้กพ็ ดู ได้ ประชาชน ต่างประหลาดใจ แต่บางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” บาง คนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิด ของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใดแตกแยกภายใน อาณาจักรนั้นย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพังทลายทับกัน ถ้า ซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตัง้ อยูไ่ ด้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ปศี าจด้วยอำ�นาจของ เบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มันด้วยอำ�นาจของใครเล่า พวกพ้องของท่านจะเป็นผู้ตัดสินลงโทษท่าน แต่ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของพระเจ้า ก็หมายความว่าพระ อาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว เมื่อคนแข็งแรงมีอาวุธครบมือเฝ้าบ้านของตน ทรัพย์สมบัติของเขาก็ ปลอดภัย แต่ถ้าผู้ใดแข็งแรงกว่าเข้ามาโจมตีและเอาชนะเขาได้ ก็ย่อมริบอาวุธที่เขามั่นใจนั้น และแบ่งปันข้าว ของที่ปล้นได้ ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อมทำ�ให้สิ่งเหล่า นั้นกระจัดกระจายไป เมื่อปีศาจออกไปจากมนุษย์แล้ว มันท่องเที่ยวไปในที่แห้งแล้งเพื่อหาที่พัก เมื่อไม่พบมันจึงคิดว่า ‘ข้าจะ กลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ เมื่อกลับมาถึง มันพบว่าบ้านนั้นปัดกวาดตกแต่งไว้เรียบร้อย มันจึงไปพาปีศาจอีก เจ็ดตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่ามันเข้ามาอาศัยที่นั่น สภาพสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นจึงเลวร้ายกว่าเดิม”

เมื่อปีศาจถูกขับไล่ออกไปก็หมายความว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าดังที่ทรงประกาศล่วงหน้าไว้กับ อับราฮัม (กท 3:8) ได้มาถึงแล้ว ผู้ที่ไม่เชื่อก็เป็นปฏิปักษ์กับพระเยซูเจ้าและจะถูกทำ�ให้กระจัดกระจายไป ส่วนผู้ที่เชื่อ แม้จะต้อนรับพระอาณาจักรโดยการชำ�ระจิตวิญญาณให้สะอาดบริสุทธิ์จากความคิดและความ ประพฤติชวั่ ร้ายแล้วก็ยงั ไม่พอ เพราะนัน่ เท่ากับทำ�ให้จติ วิญญาณว่างเปล่าเหมาะแก่การหวนกลับมาของปีศาจ ร้าย จำ�เป็นที่เราจะต้องเติมจิตวิญญาณของเราให้เต็มเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า (กท 3:14) และสิ่งดีงามทั้งหลาย


บทอ่านที่ 1

กท 3:22-29

พี่น้อง พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกสิ่งถูกจองจำ�ไว้ใต้อำ�นาจแห่งบาป เพื่อพระสัญญา จะประทานให้แก่ผู้ที่มีความเชื่อเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความ เชือ่ จะถูกเปิดเผย ดังนัน้ ธรรมบัญญัตจิ งึ เป็นเหมือนครูพเี่ ลีย้ งนำ�เราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูก ครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อใน พระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนทีไ่ ด้รบั ศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้า ไว้ ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือไทย ไม่มีชายหรือหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุก คนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา

พระวรสาร

ลก 11:27-28

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ให้กำ�เนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คน ทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก” เราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้าโดยอาศัยความเชือ่ ในพระคริสตเยซู (กท 3:26) แต่ ความเชื่อมิได้เป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึกชั่วแล่นที่ทำ�ให้หญิงผู้นั้นส่งเสียงร้องขึ้นมา ท่ามกลางประชาชน ทว่าความเชือ่ ทีท่ �ำ ให้เราเป็นทายาทตามพระสัญญานัน้ ต้องเกิดจาก การเปิดใจของเราเพื่อรับฟังและไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้า และที่สำ�คัญที่สุดก็คือ การนบนอบและปฏิบัติตามพระวาจานั้นในชีวิตประจำ�วันทุกวันของเรา (ลก 11:28) ความรู้สึกดีๆ ต่อให้มีมากแค่ไหน ก็ไม่อาจทดแทนการกระทำ�ดีๆ ได้เลย!

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 105:2-5,6-8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์

สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

อสย 25:6-10ก

องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลอง สำ�หรับประชากรทุก ชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลีย้ งทีม่ อี าหารนานาชนิด เป็นงานเลีย้ งทีม่ เี หล้าองุน่ ชัน้ ดี มีอาหาร เลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้ พระองค์จะทรงทำ�ลายผ้าคลุม ที่คลุม หน้าประชากรทัง้ หลาย และจะทรงทำ�ลายม่านซึง่ กางอยูเ่ หนือนานาชาติ พระองค์จะทรง ทำ�ลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเช็ดนํ้าตาจากใบหน้าของทุกคน จะ ทรงช่วยประชากรของพระองค์ ให้พน้ จากการถูกลบหลูท่ วั่ แผ่นดิน เพราะองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าได้ตรัสแล้ว วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วยเรา ให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดีที่ พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพักอยู่บน ภูเขานี้

เพลงสดุดี

สดด 23:1-6

ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ทรงนำ�ข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า ทรงชี้ทางให้ข้าพเจ้าเดินไปบนมรรคาแห่งความชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ข) แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารไว้สำ�หรับข้าพเจ้าต่อหน้าเหล่าศัตรู ทรงเทนํ้ามันเจิมศีรษะของข้าพเจ้า ทรงเทเครื่องดื่มลงในถ้วยของข้าพเจ้าจนล้นปรี่ ค) พระกรุณาและความรักมัน่ คงของพระองค์จะติดตามข้าพเจ้าไปทุกวันตลอดชีวติ ข้าพเจ้าจะพำ�นักอยู่ในพระเคหาขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 4:12-14,19-20

พี่น้อง ข้าพเจ้ารู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอดออม และรู้จักมีชีวิตอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี เผชิญกับความอิ่มท้องและความหิวโหย เผชิญกับความมัง่ คัง่ และความขัดสน ข้าพเจ้าทำ�ทุกสิง่ ได้ในพระองค์ผปู้ ระทานพละกำ�ลัง แก่ข้าพเจ้า แต่ท่านทำ�ดีแล้วที่มาร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงตอบแทน โดยประทานทุกสิ่งที่ท่านต้องการอย่างสม


ศักดิศ์ รีกบั ความมัง่ คัง่ ของพระองค์ในพระคริสตเยซู ดัง นั้น ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า พระบิดาของเรา ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 22:1-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่อง หนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับกษัตริย์พระองค์ หนึง่ ซึง่ ทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้พระโอรส ทรงส่งผูร้ บั ใช้ไปเรียกผู้รับเชิญให้มาในงานวิวาห์ แต่พวกเขาไม่ ต้องการมา พระองค์จึงทรงส่งผู้รับใช้อื่นไปอีก รับสั่งว่า ‘จงไปบอกผู้รับเชิญว่า บัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว ได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพีแล้ว ทุกสิ่งพร้อม สรรพ เชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ แต่ผรู้ บั เชิญมิได้สนใจ คนหนึง่ ไปทีท่ งุ่ นา อีกคนหนึง่ ไปทำ�ธุรกิจ คนทีเ่ หลือ ได้จบั ผูร้ บั ใช้ของกษัตริย์ ทำ�ร้ายและฆ่าเสีย กษัตริยก์ ริว้ จึงทรงส่งกองทหารไปทำ�ลายฆาตกรเหล่านัน้ และ เผาเมืองของเขาด้วย แล้วพระองค์ตรัสแก่ผู้รับใช้ว่า ‘งานวิวาห์พร้อมแล้ว แต่ผู้รับเชิญไม่เหมาะสมกับ งานนี้ จงไปตามทางแยก พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด’ บรรดาผู้รับใช้จึงออกไปตามถนน เชิญ ทุกคนที่พบมารวมกัน ทั้งคนเลวและคนดี แขกรับเชิญจึงมาเต็มห้องงานอภิเษกสมรส กษัตริย์เสด็จมา ทอดพระเนตรแขกรับเชิญ ทรงเห็นคนหนึ่งไม่สวมเสื้อสำ�หรับงานวิวาห์ จึงตรัสแก่เขาว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ท่าน ไม่ได้สวมเสื้อสำ�หรับงานวิวาห์ แล้วเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร’ คนนั้นก็นิ่ง กษัตริย์จึงตรัสสั่งผู้รับใช้ว่า ‘จงมัด มือมัดเท้าของเขา เอาไปทิ้งในที่มืดข้างนอกเถิด ที่นั่น จะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความ ขุ่นเคือง เพราะผู้รับเชิญมีมาก แต่ผู้รับเลือกมีน้อย’”

พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดพ้นในพระคริสตเยซู และทรงจัดเตรียมงานเลีย้ งฉลองชัน้ เลิศไว้ให้เรา แต่ น่าเสียดายที่พวกเราหลายคนปฏิเสธคำ�เชิญของพระองค์อย่างไม่มีเยื่อใย - เรามัวแต่วุ่นวายอยู่กับสิ่งของของโลกนี้ที่ขึ้นอยู่กับเวลา จนลืมคิดถึงโลกหน้าซึ่งเป็นนิรันดร - เรามัวแต่ติดพันอยู่กับสิ่งของในโลกนี้ที่มองเห็นได้ จนลืมคิดถึงสิ่งของในโลกหน้าซึ่งมองไม่เห็น - เรามัวแต่ฟังเสียงเรียกร้องที่แสนจะก้าวร้าวของโลกนี้ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงอันอ่อนโยน ของพระเยซูเจ้า - เรามัวแต่ทำ�งานและทุ่มเทต่อสู้เพื่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่กลับปล่อยให้ชีวิตของตนเองต้อง ตกตํ่าลง! ผลก็คือสักวันหนึ่งเราจะรํ่าไห้ครํ่าครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคือง (มธ 22:13) ไม่ใช่เพราะถูก ลงโทษ แต่เพราะ “พลาด” สิ่งที่มีค่ามากที่สุด


สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา สดด 113:1-3,4-6,7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

กท 4:22-24,26-27,31-5:1

พระวรสาร

ลก 11:29-32

พีน่ อ้ ง มีเขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ อับราฮัมมีบตุ รสองคน คนหนึง่ เกิดจากหญิงทีเ่ ป็น ทาส อีกคนหนึง่ เกิดจากหญิงทีไ่ ม่เป็นทาส เด็กทีเ่ กิดมาจากหญิงทีเ่ ป็นทาสนัน้ เกิดมาตาม ธรรมชาติ ส่วนเด็กที่เกิดจากหญิงที่ไม่เป็นทาสนั้นเกิดมาตามพระสัญญา เรื่องนี้กล่าวไว้ เป็นอุปมา หญิงสองคนนี้หมายถึงพันธสัญญาทั้งสองฉบับ ฉบับหนึ่งจากภูเขาซีนาย คือ นางฮาการ์ ซึ่งให้กำ�เนิดบุตรมาเป็นทาส แต่กรุงเยรูซาเล็มทีอ่ ยูเ่ บือ้ งบนนัน้ ไม่เป็นทาส และเป็นมารดาของเรา เพราะมีเขียน ไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงชื่นชมเถิด หญิงหมันผู้ไม่มีบุตร จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด ท่านที่ไม่ เคยเจ็บครรภ์คลอดบุตร เพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้งมีมากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมี สามีอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เรามิใช่บุตรของหญิงที่เป็นทาส แต่เป็นบุตรของหญิง ที่ไม่เป็นทาส พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น นอกจากเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ�หรับชาว นีนะเวห์ฉนั ใด บุตรแห่งมนุษย์กจ็ ะเป็นเครือ่ งหมายสำ�หรับคนยุคนีฉ้ นั นัน้ ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจาก สุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่า กษัตริยซ์ าโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึน้ และกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะ ชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำ�เทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่า โยนาห์อีก”

ชาวนีนะเวห์ได้ฟงั คำ�เทศน์สอนของโยนาห์กต็ ระหนักว่านีเ่ ป็นเสียงของพระเจ้าและ เชือ่ ฟัง ส่วนชาวยิวนัน้ มีโอกาสได้สมั ผัสกับผูท้ ยี่ งิ่ ใหญ่กว่าโยนาห์เสียอีก แต่กลับปฏิเสธ และไม่ยอมรับพระองค์ ทุกวันนีเ้ รามีหนังสือพระคัมภีรซ์ งึ่ ยิง่ ใหญ่และมีคณ ุ ค่ามากกว่าหนังสืออืน่ ใดเพราะ บรรจุพระวาจาของพระเจ้า แต่เราก็ทำ�ได้เพียงเก็บไว้ในตู้โดยไม่อ่าน หรือบูชามิสซาซึ่ง ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อของพระเยซูเจ้า เราก็มีเหตุผลมากมายที่จะไม่มาร่วมมิสซา หากเราได้ครอบครองพระเยซูเจ้า รวมถึงหนังสือและบูชาของพระองค์ เราก็เป็น บุตรของหญิงที่ไม่เป็นทาส เพราะพระองค์ทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว (กท 4:31-5:1)


บทอ่านที่ 1

กท 5:1-6

พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสตเจ้า ก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัตว่า จำ�เป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัยธรรม บัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วนเรานัน้ พระ จิตเจ้าทรงนำ�เราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ เพราะในพระ คริสตเยซูนนั้ การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนัน้ ไม่สำ�คัญ เรือ่ งทีส่ ำ�คัญก็คอื มีความเชือ่ ที่แสดงออกเป็นการกระทำ�อาศัยความรัก

พระวรสาร

ลก 11:37-41

เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวย พระกระยาหารทีบ่ า้ น พระองค์จงึ เสด็จเข้าไปประทับทีโ่ ต๊ะ ชาวฟาริสคี นนัน้ ประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่าน เต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่งก็ จะสะอาดสำ�หรับท่าน” ตราบใดทีช่ าวฟาริสถี อื กฎเกณฑ์ภายนอกซึง่ มีอยูม่ ากมายได้ถกู ทีแ่ ละถูกเวลา เช่น ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร มิใช่เพื่อสุขอนามัย แต่เพราะเป็นกฎ พวกเขาก็ถือตนว่า เป็นคนดีโดยไม่คำ�นึงถึงภายในจิตใจเลยว่าจะบอดมืดและขาดซึ่งความรักและความ ยุติธรรมมากสักเพียงใด เช่นเดียวกัน เราอาจไปวัดทุกวันอาทิตย์ แต่ตราบใดทีภ่ ายในจิตใจของเรายังเต็มไป ด้วยความหยิ่งผยองและดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น ตราบนั้นเรายังไม่เป็นศิษย์ของพระ เยซูเจ้า เหตุว่าสิ่งที่สำ�คัญสำ�หรับพระองค์ก็คือ “ความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ� อาศัยความรัก” (กท 5:6)

น.กัลลิสตัส ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี สดด 119:41,43, 44-45,47-48

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


ระลึกถึง น.เทเรซา แห่งอาวีลา พรหมจารี และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 62:1-2,5-7,8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

กท 5:18-25

พระวรสาร

ลก 11:42-46

พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ� ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของ ธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อยตัว ตามราคตัณหา การกราบไหว้รปู เคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกนั การทะเลาะ วิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรค แบ่งพวก การเมามาย การสำ�มะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำ�นองเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติตนเช่นนี้ จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คอื ความรัก ความชืน่ ชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการ รูจ้ กั ควบคุมตนเอง เรือ่ งเหล่านีไ้ ม่มธี รรมบัญญัตใิ ดห้ามไว้เลย ผูท้ เี่ ป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้ว ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระ จิตเจ้าแล้ว เราจงดำ�เนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึง่ ในสิบของสะระแหน่ สมุนไพร และผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุตธิ รรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัตเิ หล่านีจ้ ำ�เป็น ต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบ นั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำ�นับตามลานสาธารณะ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้” นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบ ประมาทพวกเราด้วย” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านนักกฎหมายทั้งหลาย วิบัติจงเกิดแก่ ท่านด้วย ท่านให้ผอู้ น่ื แบกสัมภาระหนักเกินกำ�ลัง แต่ทา่ นไม่ยอมแม้แต่จะใช้นวิ้ แตะต้อง สัมภาระนั้น”

สำ�หรับผู้ที่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติอย่างเช่นชาวฟาริสี พวกเขาสนใจกระทั่งราย ละเอียดปลีกย่อยอย่างเช่น ถวายหนึ่งในสิบของสาระแหน่ สมุนไพร และผักทุกชนิด ซึ่งกฎหมายมิได้บัญญัติไว้ แต่กลับละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า พวกเขาเป็นเหมือนหลุมศพที่ผู้ใดเดินเหยียบหรือสัมผัส ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ ก็ตาม ก็ส่งผลให้มีมลทิน 7 วัน (กดว 19:16) เพราะฉะนั้นหากเราติดต่อสัมพันธ์กับ คนเช่นนี้ ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ ก็ส่งผลร้ายต่อตัวเราและผู้ที่เราติดต่อสัมพันธ์ด้วย น่าเศร้าที่หลายครั้งเราคริสตชนก็ทำ�ตัวไม่ต่างจากชาวฟาริสี เราทุ่มเทหมดหัวใจให้ กับการอดเนื้อวันศุกร์ แต่กลับไม่มีหัวใจเหลือไว้ให้กับผู้ขัดสนเลย!


บทอ่านที่ 1

อฟ 1:1-10

จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซู ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสตเยซู... พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ดว้ ยความรัก พระเจ้า ทรงกำ�หนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตาม พระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึง่ โปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผูท้ รงเป็นทีร่ กั ในองค์พระคริสตเจ้าเราได้รบั การไถ่ กู้เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดมซึ่งพระเจ้าประทาน แก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เรารู้ถึงพระ ประสงค์อันเร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยดำ�ริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์ จะทรงกระทำ�ตามแผนการนีเ้ มือ่ ถึงเวลากำ�หนด โดยทรงนำ�ทุกสิง่ ทัง้ ทีอ่ ยูบ่ นสวรรค์และ บนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยูใ่ ต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว

พระวรสาร

น.เฮดวิก นักบวช น.มาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก พรหมจารี สดด 98:1-2,3-4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

ลก 11:47-54

เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกที่ บรรพบุรุษของท่านฆ่า จึงแสดงว่าท่านเห็นด้วยกับการกระทำ�ของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของท่านฆ่าบรรดาประ กาศกและท่านก็สร้างหลุมฝังศพให้” พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูตบาง คนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่งตั้งแต่ สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารระหว่างแท่นบูชากับ พระวิหาร ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ�นี้ วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น บรรดานักกฎหมาย ท่านนำ�กุญแจไขความรูไ้ ป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนทีต่ อ้ งการ จะเข้าไปด้วย”

พระปรีชาญาณของพระเจ้าปรากฏอยูใ่ นถ้อยคำ�ของบรรดาประกาศกซึง่ มักจะต้องเผชิญกับการต่อต้านไม่ เป็นที่ยอมรับ และหลายครั้งผู้พูดอาจต้องตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิตอีกด้วย เหตุเพียงเพราะพวกเขาพูดใน พระนามของพระเจ้า พระเยซูทรงประณามผู้นำ�ศาสนายิวในยุคของพระองค์ว่าเป็นคนตีสองหน้า เพราะคอย เรียกร้องคนอื่นให้ปฏิบัติอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ตัวเองกลับไม่กระทำ�ตามสิ่งที่ตัวเองสอน และปิดหูของตนไม่ ยอมฟังเสียงของพระเจ้า บุคคลใดก็ตามที่มอบชีวิตให้กับพระเจ้าและยอมขึ้นกับพระองค์ เขาสามารถน้อมรับพระปรีชาญาณของ พระเจ้าได้ พระเจ้าพร้อมทีจ่ ะตรัสสอนเราและประทานพระปรีชาญาณแห่งความเข้าใจให้กบั เรา ท่านหิวกระหาย และแสวงหาพระปรีชาญาณจากเบื้องบนหรือไม่?


ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ ชาวอันติโอค พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 33:1-3,4-5,13-15

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

อฟ 1:11-14

พระวรสาร

ลก 12:1-7

พีน่ อ้ ง ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รบั เลือกเป็นพิเศษไว้ลว่ งหน้าตามพระประสงค์ ของพระองค์ผทู้ รงกระทำ�ทุกสิง่ ให้เป็นไปตามแผนการนัน้ เพือ่ เราจะได้สรรเสริญพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกที่มีความหวังในพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทัง้ หลายก็เช่นเดียวกันได้ฟงั พระวาจาแห่งความจริง คือ ข่าวดีอนั นำ�ความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชือ่ แล้ว จึงได้รบั พระจิตเจ้า ซึง่ พระเจ้าทรงสัญญา จะประทานให้นนั้ เป็นตราประทับ และเป็นประกันของมรดกทีเ่ ราจะได้รบั เพือ่ ปลดปล่อย เราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เวลานัน้ ขณะทีป่ ระชาชนนับพันๆ คนพากันเบียดเสียดจนเกือบจะเหยียบกัน พระ เยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสกับบรรดาศิษย์ก่อนว่า “จงระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาวฟาริสี คือ ความหน้าซื่อใจคดของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นจะ ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะมีผู้ได้ยินในที่แจ้ง สิ่งที่ท่านกระซิบที่หู ภายในห้องจะถูกประกาศบนดาดฟ้าของบ้าน เรากล่าวแก่ทา่ นทีเ่ ป็นมิตรของเราว่า อย่าเกรงกลัวผูท้ ฆี่ า่ ได้แต่กายและหลังจากนัน้ ก็ไม่อาจทำ�อะไรได้อีก เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่าท่านต้องเกรงกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวผู้ที่ฆ่า แล้วยังมีอำ�นาจโยนท่านลงไปในนรกด้วย ใช่แล้ว เราบอกท่านทั้งหลาย จงเกรงกลัวผู้นี้ เถิด นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนัน้ ไม่มนี กสักตัวเดียวทีพ่ ระเจ้า ทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่า มากกว่านกกระจอกจำ�นวนมาก”

คำ�ว่า “เชื้อแป้ง” เกี่ยวข้องกับ คำ�ว่า “หน้าซื่อใจคด” อย่างไร? สำ�หรับชาวยิว “เชื้อแป้ง” เป็นสัญลักษณ์ของความไม่ดี ไม่งาม เนื้อแป้งที่ผสมเชื้อแป้งทิ้งเอาไว้หมัก จนได้ที่ จะขยายขนาดของเนือ้ แป้งให้เปลีย่ นแปลงไป เช่นเดียวกับการติดเชือ้ ส่งผลทำ�ให้ ร่างกายของเราเจ็บป่วยได้ พระเยซูจึงเตือนศิษย์ของพระองค์ให้หลีกเลี่ยงวิถีทางของ พวกฟาริสี เพราะพวกฟาริสีนั้นบุคลิกลักษณะภายนอกดูดีมีราศี แต่จิตใจกลับสกปรก โสมม นั่นคือ “หน้าซื่อใจคด” ข่าวดีสำ�หรับเราก็คือ พระเจ้าจะทรงส่องสว่างทั้งในที่มืด และที่แจ้ง ทุกสิ่งจะปรากฏตามที่เป็นจริง พระองค์จะเอาชนะความเกลียดชังด้วยความ รัก พระองค์จะเอาชนะความหยิ่งจองหองด้วยความสุภาพถ่อมตน พระองค์จะเอาชนะ ความเสแสร้งด้วยความจริง พระเจ้าจะทรงประทานพระพรให้กับผู้ที่มีจิตใจสุภาพเพื่อ ช่วยเราให้สามารถเอาชนะเชื้อร้ายแห่งความหน้าซื่อใจคดในชีวิตของเราได้


บทอ่านที่ 1

2 ทธ 4:10-17

ลูกที่รักยิ่ง เดมาสได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วเพราะเขารักโลกนี้ และไปที่เมืองเธสะ โลนิกา ส่วนเครสเซนซ์ไปยังแคว้นกาลาเทีย และทิตสั ไปยังแคว้นดาลมาเธีย เหลือเพียง ลูกาทีย่ งั อยูก่ บั ข้าพเจ้า จงพามาระโกไปกับท่านด้วย เพราะเขามีประโยชน์สำ�หรับข้าพเจ้า ในการปฏิบัติศาสนบริการ ข้าพเจ้าส่งทีคิกัสไปยังเมืองเอเฟซัส เมื่อท่านจะไป จงนำ�เสื้อ คลุมที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสติดไปด้วย รวมทั้งม้วนหนังสือ โดยเฉพาะ ม้วนทีท่ ำ�ด้วยหนังสัตว์ อาเล็กซานเดอร์ชา่ งทองแดงทำ�ร้ายข้าพเจ้าไว้มาก องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าจะทรงตอบแทนเขาตามการกระทำ�ของเขา จงระวังเขาด้วย เพราะเขาต่อต้านคำ�พูด ของข้าพเจ้าอย่างมาก ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้ง ข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ทรงยืนอยูเ่ คียง ข้างและประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทงั้ หลายจะได้ฟงั ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโตมาได้

พระวรสาร

ฉลอง น.ลูกา ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 145:10-11,12-13, 16-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

ลก 10:1-9

ต่อจากนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงแต่งตัง้ ศิษย์อกี เจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขาล่วง หน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของ นาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูก แกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำ�ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตาม ทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะ รับสันติสขุ อยูท่ นี่ นั่ สันติสขุ ของท่านจะอยูก่ บั เขา มิฉะนัน้ สันติสขุ ของท่านจะกลับมาอยู่ กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนัน้ กินและดืม่ ของทีเ่ ขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควร ที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขา ต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” การประกาศข่าวดีแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้านัน้ เป็นเรือ่ งทีท่ กุ คนจะต้องช่วยกัน เพราะยิง่ มีคนมาช่วย กันประกาศมากเท่าใด ก็ยิ่งจะมีคนที่ได้รับฟังข่าวดีมากขึ้นเท่านั้น พระเยซูจึงแต่งตั้งตัวแทนของพระองค์ออก ไปทำ�หน้าที่ โดยให้รายละเอียดในการปฏิบัติตนอย่างชัดเจน พระเยซูเอาใจใส่แม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เพราะต้องการให้ตวั แทนทีไ่ ด้รบั การแต่งตัง้ นัน้ ทำ�งานให้เกิดประสิทธิผลเท่าทีส่ ามารถ นอกจากนีย้ งั เตือนพวก เขาด้วยว่า เขาอาจจะต้องเผชิญกับการต่อต้านจากผู้ท่ีไม่ยอมรับข่าวดีนี้อีกด้วย พระเยซูเสด็จมายังโลกเพื่อ เป็นลูกแกะทีถ่ กู ถวายเป็นเครือ่ งบูชาเพือ่ ไถ่บาปของโลก เราก็เช่นกัน เราจึงควรทีจ่ ะยอมสละชีวติ ของเราด้วย การเป็นผู้รับใช้ที่ถ่อมตนของพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของเรา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 45:1-2,4-6

สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันแพร่ธรรมสากล

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์ไซรัส ผู้รับเจิมของพระองค์ว่า “เราจับมือขวาของท่านไว้ เพือ่ ปราบชนหลายชาติให้อยูใ่ ต้อำ�นาจ ปลดอาวุธ จากบัน้ เอว ของบรรดากษัตริย์ เปิดประตูที่อยู่ต่อหน้าท่าน ไม่มีประตูเมืองใดปิดอยู่ได้ เพราะเห็นแก่ยาโคบผูร้ บั ใช้ของเรา เราออกชือ่ ของท่าน เรียกท่านมา เราให้ตำ�แหน่ง แก่ท่าน แม้ท่านไม่รู้จักเรา เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้า แม้ท่านไม่รู้จักเรา เราก็จะคาดอาวุธให้ท่าน เพื่อคนทั้งหลายจากทิศตะวัน ออก และจากทิศตะวันตก จะได้รวู้ า่ ไม่มพี ระเจ้าอืน่ ใดนอกจากเรา เราเป็นองค์พระผูเ้ ป็น เจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก”

เพลงสดุดี

สดด 96:1-3,4-6,7-9,10-11

ก) จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากทั่วแผ่นดิน จงร้องเพลงถวายพระองค์พระผู้เป็นเจ้า จงถวายพระพรแด่พระนามของพระองค์เถิด จงประกาศทุกวันว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดพ้น จงเล่าถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์แก่นานาชาติ จงประกาศกิจการน่าพิศวงของพระองค์แก่บรรดาประชาชาติ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ทรงสมควรได้รับคำ�สรรเสริญอย่างยิ่ง ทรงน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเทพเจ้าใดๆ เพราะเทพเจ้าทั้งปวงแห่งประชาชาติทั้งหลายล้วนเป็นความว่างเปล่า แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างท้องฟ้า ความสง่างามและความรุ่งเรืองอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระอานุภาพและความงดงามอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ค) ครอบครัวประชาชาติทั้งหลาย จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์และพระอานุภาพของพระองค์ จงสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด จงนำ�ของถวายและจงเข้ามาในท้องพระโรงของพระองค์ จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อทรงสำ�แดงความศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ทั่วแผ่นดินจงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์เถิด ง) จงกล่าวแก่นานาชาติว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง พระองค์ทรงตั้งโลกไว้อย่างมั่นคง จะคลอนแคลนมิได้ พระองค์จะทรงพิพากษาประชาชาติด้วยความยุติธรรม” สวรรค์จงยินดี แผ่นดินจงเปรมปรีดิ์ ทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในทะเลจงส่งเสียงครึกโครมดังฟ้าคะนองเถิด


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 1:1-5ข

จากเปาโล สิลวานัสและทิโมธี ถึงพระศาสนจักรทีเ่ มืองเธสะโลนิกา ซึง่ อยูใ่ นพระเจ้าพระบิดา และในพระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอพระหรรษทานและสันติสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด เราขอบพระคุณพระเจ้าทุกเวลาเพือ่ ท่านทุกคน ระลึกถึงท่านในคำ�ภาวนา เราวอนขอเฉพาะพระพักตร์ พระเจ้าพระบิดา เฝ้าระลึกอยูเ่ สมอถึงกิจการซึง่ แสดงความเชือ่ ของท่าน และระลึกถึงการงานทีแ่ สดงความ รักและความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พีน่ อ้ งทัง้ หลายผูเ้ ป็นทีร่ กั ของพระเจ้า เรารูว้ า่ ท่านได้รบั เลือกสรร เพราะข่าวดีทเี่ ราประกาศมาถึงท่าน มิใช่ด้วยคำ�พูดเท่านั้น แต่ด้วยพระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า และด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 22:15-21

ครั้งนั้น ชาวฟาริสีปรึกษากันเพื่อจับผิดพระวาจาของพระเยซูเจ้า จึงส่งศิษย์ของตนพร้อมกับคนที่ นิยมกษัตริย์เฮโรดมาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเรารู้ว่าท่านเป็นคนเที่ยงตรง สั่งสอนวิถี ทางของพระเจ้าตามความจริง โดยไม่ลำ�เอียง เพราะท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร ดังนั้น โปรดบอกเราเถิดว่า ท่านมีความเห็นว่าการเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซซี าร์เป็นการถูกต้องหรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหยัง่ รูเ้ จตนา ร้ายของเขา จึงตรัสว่า “พวกคนเจ้าเล่ห์ เจ้ามาทดลองเราทำ�ไม จงนำ�เงินที่ใช้เสียภาษีมาให้ดูสักเหรียญ หนึ่ง” เขาก็นำ�เงินเหรียญมาถวาย พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำ�จารึกนี้เป็นของใคร” เขาตอบว่า “เป็นของพระจักรพรรดิซีซาร์” พระองค์จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็ จงคืนให้พระเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้ามิได้หลงไปกับคำ�ถามฉ้อฉล ที่หวังจะให้พระองค์ตกหลุมพรางความคิดไม่ซื่อของบุคคล ทีไ่ ม่ปรารถนาดีตอ่ พระองค์ตงั้ ขึน้ คำ�ตอบของพระองค์เลยโพ้นไปจากบ่วงอุบายทีค่ นเหล่านีผ้ กู ขึน้ มากมาย นัก “ของของซีซาร์จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” ชีวิตฝ่ายโลกของเราอยู่ ภายใต้ระบอบการปกครองของโลก เราก็มหี น้าทีต่ ามประสาโลกทีจ่ ะตอบสนองต่อบ้านเมืองตามความรับ ผิดชอบของเรา ในเวลาเดียวกันชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราซึ่งสำ�คัญกว่า เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตาม กฎเกณฑ์ของพระเจ้าเช่นเดียวกัน


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 100:1-5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร

อฟ 2:1-10

พี่น้อง ท่านทั้งหลายตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและเพราะบาป ครั้งหนึ่งท่าน เคยดำ�เนินชีวิตตามโลกียวิสัย อยู่ใต้อำ�นาจเทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือจิต ที่ทำ�งานอยู่ในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง เราทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อยตน ตามราคตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายตํ่า เราจึงน่า จะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอืน่ แต่พระเจ้าทรงเปีย่ มด้วยพระเมตตา ทรงสำ�แดง ความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา เมื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรงบันดาล ให้เรากลับมีชวี ติ กับพระคริสตเจ้า ท่านได้รบั ความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษทาน พระเจ้า โปรดให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเยซู โปรดให้เรามีทนี่ งั่ ในสวรรค์พร้อมกับพระ คริสตเจ้า เพือ่ จะทรงแสดงพระหรรษทานอันอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทกุ ยุค สมัยในอนาคต โดยทรงพระกรุณาต่อเราในพระคริสตเยซู ท่านได้รบั ความรอดพ้นเพราะ พระหรรษทานอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็นของประทานจาก พระเจ้า มิได้มาจากการกระทำ�ใดๆ ของท่าน เพื่อมิให้ใครโอ้อวดตนได้ เราเป็นผลงาน ของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพือ่ ให้ประกอบกิจการดี ซึง่ พระเจ้าทรงกำ�หนด ล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ

ลก 12:13-21

เวลานัน้ ประชาชนคนหนึง่ ทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพีช่ ายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ขา้ พเจ้า เถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้ว พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขา จึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่า แล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้’ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ‘ดีแล้ว เจ้ามี ทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คน โง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้ สำ�หรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้’”

ความติดยึด ผูกพันในทรัพย์สมบัติฝ่ายโลก เป็นสาเหตุให้ผู้คนมากมายต้องเผชิญกับปัญหาในชีวิต เช่น การแย่งชิงกันครอบครอง การทะเลาะเบาะแว้ง ความขัดข้องขุ่นเคืองใจต่อกันและกัน ฯลฯ พระเยซูเจ้าทรง สอนเราในพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ว่า ใครก็ตามที่เต็มไปด้วยความโลภในทรัพย์สมบัติของโลก และยังคิด จะฝากชีวิตของตนเอาไว้กับข้าวของฝ่ายโลก ก็เท่ากับเป็นคนโง่ เพราะความมั่งมีฝ่ายโลก ไม่ได้ทำ�ให้เราเป็น คนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้าแต่อย่างใด


บทอ่านที่ 1

อฟ 2:12-22

พี่น้อง จงระลึกเถิดว่า เวลานั้น ท่านอยู่ห่างจากพระคริสตเจ้า ถูกกีดกันมิให้เป็น ประชากรอิสราเอล เป็นคนต่างด้าว ไม่มีส่วนในพันธสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ อยู่ในโลกนี้ โดยไม่มคี วามหวังและไม่มพี ระเจ้า แต่บดั นีใ้ นองค์พระคริสตเยซู ท่านทัง้ หลายซึง่ ในอดีต เคยอยูห่ า่ งไกลได้เข้ามาอยูใ่ กล้ เดชะพระโลหิตของพระคริสตเจ้า พระองค์คอื สันติของ เรา ทรงกระทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายเป็นหนึง่ เดียว โดยทรงทำ�ลายการเป็นศัตรูกนั ซึง่ เป็นเหมือน กำ�แพงทีแ่ บ่งแยก ทรงล้มเลิกธรรมบัญญัตพิ ร้อมกับข้อบังคับและข้อห้ามต่างๆ เมือ่ ทรง รับร่างกายเป็นมนุษย์เพือ่ สร้างสันติ ทำ�ให้ทั้งสองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์คนใหม่คนเดียวใน พระองค์ โดยทางไม้กางเขนทรงทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายกลับคืนดีกบั พระเจ้า รวมเป็นกายเดียว และทรงขจัดการเป็นศัตรูกันเดชะพระองค์ พระองค์เสด็จมาประกาศสันติเป็นข่าวดี สำ�หรับท่านทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำ�หรับผู้ที่อยู่ใกล้ เดชะ พระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงเข้าไปเฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัคร สาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรง ทำ�ให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึน้ เป็นพระวิหารศักดิส์ ทิ ธิเ์ พือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ใน พระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำ�ลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของ พระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 85:8-9,10-11, 12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

ลก 12:35-38

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำ�ลังคอยนายกลับ จากงานสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิดรับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังตื่น เฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผูร้ บั ใช้เหล่านัน้ ไปนัง่ โต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำ�ลังทำ�เช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็เป็นสุข” พระเยซูทรงสอนเรื่องความสัตย์ซื่อที่สาวกของพระองค์ทุกคนควรมีให้กับพระเจ้า ทำ�ไมเรื่องความสัตย์ ซื่อเป็นเรื่องสำ�คัญสำ�หรับพระเจ้า เพราะความสัตย์ซื่อเป็นรากฐานที่สำ�คัญต่อสายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มี คุณค่าและมั่นคงถาวรชั่วกาลนาน ความสัตย์ซื่อ หรือ ความจงรักภักดีนั้น ช่วยเราให้คงมั่นในการมีใจผูกพัน อยูก่ บั พระเจ้า อุทศิ ตนเพือ่ พระองค์โดยไม่เปลีย่ นแปลง คนในยุคปัจจุบนั ให้ความสำ�คัญกับความสัตย์ซอื่ ความ ภักดีน้อยลง เพราะสังคมปัจจุบันให้ความสำ�คัญกับเสรีภาพเหนือกว่าความสัตย์ซื่อ ความภักดี และไม่อยาก ที่จะผูกพันตัวเองเข้ากับอนาคตที่ยังมองไม่เห็นเด่นชัดในเวลานี้ สิ่งที่เราควรช่วยกันรณรงค์คือ การฟื้นฟู คุณธรรมประการนีใ้ ห้ปรากฏเด่นชัดขึน้ ในชีวติ ของเรา ทีเ่ ราจะสัตย์ซอื่ จงรักภักดีตอ่ พระเจ้า เพือ่ เป็นแบบอย่าง ต่ออนุชนในรุ่นหลังสืบไป


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา อสย 12:2-3,4-5,6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร

อฟ 3:2-12

พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธ กิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมลํ้าลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังที่ข้าพเจ้า เขียนไว้กอ่ นหน้านีโ้ ดยสังเขป เมือ่ อ่านแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ารูธ้ รรมลํา้ ลึกเรือ่ งพระ คริสตเจ้าได้อย่างไร ธรรมลํ้าลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิร์ วู้ า่ คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระ สัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี ข้าพเจ้ามาเป็นผูร้ บั ใช้ขา่ วดีนเี้ ดชะพระหรรษ ทานที่พระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพื่อสำ�แดงพระอานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้า ผูต้ าํ่ ต้อยทีส่ ดุ ในบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิไ์ ด้รบั มอบพระหรรษทานนี้ เพือ่ ประกาศให้คนต่างชาติ รู้ถึงความไพบูลย์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการ ลํา้ ลึก ซึง่ ซ่อนเร้นอยูเ่ ป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้าพระผูท้ รงสร้างสรรพสิง่ ... ตามพระ ประสงค์นริ นั ดรทีท่ รงกระทำ�ให้สำ�เร็จไปในพระคริสตเยซู องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา เดชะ พระคริสตเจ้าและด้วยความเชือ่ ในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมัน่ ใจ

ลก 12:39-48

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้ง หลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำ�หรับพวกเราหรือสำ�หรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ว่า “ใครเล่าเป็นผูจ้ ดั การทีซ่ อื่ สัตย์และรอบคอบซึง่ นายจะแต่งตัง้ ให้ดแู ลผูร้ บั ใช้อนื่ ๆ เพือ่ ปันส่วนอาหารให้ตาม เวลาที่กำ�หนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังทำ�ดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และเริ่มตบตีผู้รับ ใช้ทั้งชายและหญิง กินดื่มจนเมามาย นายของผู้รับใช้คนนั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขา ไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำ�ตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ใจ นาย แม้ทำ�สิ่งที่ควรจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย”

นิทานเปรียบเทียบเรื่องนี้มีบทสอนใจเราในเรื่องความซื่อสัตย์ พระเจ้าทรงโปรดปรานผู้ที่ซื่อสัตย์และ พระองค์จะทรงประทานรางวัลสูงค่าให้กับผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ความซื่อสัตย์คืออะไร? ความซื่อสัตย์คือ การถือตามคำ�พูด คำ�สัญญา การให้คำ�มั่น โดยไม่ผันแปรไปเป็นอย่างอื่น ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความยาก ลำ�บากใดๆ ก็ตาม พระเจ้าทรงคาดหวังว่าเรามนุษย์จะมีความซื่อสัตย์ต่อพระองค์ อย่างไรก็ดีพระองค์ยัง ประทานพระหรรษทานและพละกำ�ลังให้กบั เรามนุษย์เพือ่ เราจะสามารถรักษาความซือ่ สัตย์ในชีวติ ของเราไว้ได้


บทอ่านที่ิ 1

อฟ 3:14-21

พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา ผูท้ รงเป็นทีม่ าของครอบครัว ทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละกำ�ลังแก่ท่านเดชะ พระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ ให้ชวี ติ ภายในของท่านเข้ม แข็งยิง่ ขึน้ พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำ�นักในจิตใจของท่านอาศัยความเชือ่ เมือ่ ท่านฝังราก และตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความ กว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของ พระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผูท้ รงกระทำ�ทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพทีแ่ สดง พลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ใน พระศาสนจักร และในพระคริสตเยซู ทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน

พระวรสาร

ลก 12:49-53

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เรามีการล้าง ที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำ�เร็จ ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำ�สันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรานำ� ความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคน จะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยก กับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตร หญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะ แตกแยกกับมารดาของสามี”

คำ�ว่า “ไฟ” ที่ใช้ในพระคัมภีร์นั้น คือสัญลักษณ์ของพระเจ้าและฤทธิ์อำ�นาจของ พระองค์ที่ปรากฏแก่ประชากรของพระองค์ ในพันธสัญญาเดิมพระเจ้าเคยปรากฏ พระองค์มาในเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ในพุ่มไม้ ไฟของพระเจ้ายังมีความหมายถึงการชำ�ระ ล้างให้สะอาด ภาพพจน์เกี่ยวกับไฟนี้ทำ�ให้ประชากรของพระเจ้ามีความยำ�เกรงใน พระองค์ พระเยซูเองทรงกล่าวถึงพระอาณาจักรของพระเจ้าที่จะมาถึงในช่วงเวลาของ วันพิพากษา คำ�พิพากษาตัดสินของพระองค์จะช่วยให้ประชากรของพระองค์ตระหนัก ถึงความสำ�คัญของการตัดสินใจเลือกที่จะดำ�เนินชีวิตและผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการก ระทำ�เหล่านัน้ ซึง่ สาระสำ�คัญของการเป็นคริสตชนก็คอื ความจงรักภักดีตอ่ องค์พระเยซู เจ้านั่นเอง และความสำ�คัญประการนี้จะต้องอยู่เหนือพันธะใดๆ ของเรามนุษย์

น.ยอห์น กาปิสตราโน พระสงฆ์ สดด 33:1-2,4-5, 11-12,18-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันปิยมหาราช


น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช สดด 24:1-2,3-4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

อฟ 4:1-6

พระวรสาร

ลก 12:54-59

พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำ�เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำ�เนิน ชีวติ สมกับการทีท่ า่ นได้รบั เรียก จงถ่อมตนอยูเ่ สมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทน ต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ มี กายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มีองค์พระ ผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรง เป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่านทุกคน และ สถิตในทุกคน เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็ เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้า ซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำ�ไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบัน นี้เล่า ทำ�ไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้องเล่า ขณะที่ท่านกำ�ลังไปศาลกับคู่ ความของท่าน จงพยายามตกลงกันเสียระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่าน ไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำ�ระหนีจ้ นถึงเศษสตางค์สดุ ท้าย” ความเฉลียวฉลาดของมนุษย์มีมากมายหลายด้าน แต่ขาดความเฉลียวใจที่จะมอง ดูสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา ซึ่งปรากฏอยู่ในพระวาจาของพระเจ้า มนุษย์ขาดการเตรียม การคาดการณ์ถงึ สิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ กับตัวเราภายหลังการพิพากษา ซึง่ เป็นสาเหตุให้เราปล่อย ปละละเลยชีวติ ให้หลงไปในทางไม่ดแี ล้วในทีส่ ดุ ก็ตอ้ งรับผลสืบเนือ่ งจากการดำ�เนินชีวติ เช่นนั้น พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์เองให้กับเราในหลายวิธี ทั้งในพระวาจา ใน ศีลมหาสนิท ในพระศาสนจักรของพระองค์ และในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำ�วัน ของเรา ถ้าเราแสวงหาพระองค์ เราจะได้รับความมั่นใจว่าพระองค์จะประทานทุกสิ่งที่ จำ�เป็นให้กับเราเพื่อเราจะสามารถปฏิบัติตามนํ้าพระทัยของพระองค์ได้


บทอ่านที่ 1

อฟ 4:7-16

พระวรสาร

ลก 13:1-9

พี่น้อง เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ ดัง นั้น จึงมีคำ�กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำ� บรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์” คำ�ว่า “พระองค์เสด็จขึน้ ” นัน้ หมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบือ้ งล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผเู้ สด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับ สัปดาห์ที่ 29 ผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ พระองค์ เทศกาลธรรมดา ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บาง คนเป็นผูอ้ ภิบาลและอาจารย์ เพือ่ เตรียมบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิไ์ ว้สำ�หรับงานรับใช้เสริมสร้าง สดด 122:1-2,3-5 พระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 เชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า... ให้เราดำ�เนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร พระองค์ ทรงทำ�ให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำ�ลังให้แต่ละ ส่วนทำ�หน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก ในเวลานัน้ คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรือ่ งชาวกาลิลซี งึ่ ถูกปีลาตสัง่ ประหารชีวติ ในขณะทีเ่ ขากำ�ลัง ถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคน หรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนที่ อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไป เช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรือ่ งนีว้ า่ “ชายผูห้ นึง่ ปลูกต้นมะเดือ่ เทศต้นหนึง่ ในสวนองุน่ ของตน เขามามอง หาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จง โค่นมันเสียเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบ ต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’”

ต้นมะเดือ่ เทศทีไ่ ม่ออกผลบอกอะไรกับเราเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้าได้บา้ ง? นิทานเปรียบเทียบเรือ่ ง นี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้ามีความอดทน แต่ในเวลาเดียวกันก็เตือนเราให้ทราบถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นถ้ายังไม่มี การเปลี่ยนแปลงชีวิต พระเจ้าให้เวลากับเราเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา แต่เราต้องทำ�เดี๋ยวนี้ พระ เยซูเตือนเสมอๆ ว่า เราต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา การปล่อยตัวในนิสัยที่เคยชินในบาป ในที่สุดแล้วจะส่ง ผลให้วิญญาณต้องตกอยู่ในหายนะที่ใหญ่หลวง ข้าแต่พระเจ้า โปรดเพิ่มพูนความปรารถนาที่จะครองตนในความชอบธรรม และดำ�รงอยู่บนเส้นทางแห่ง ความศักดิ์สิทธิ์ให้กับเราด้วยเถิด


สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านจากหนังสืออพยพ

อพย 22:20-26

เพลงสดุดี

สดด 18:1-2ก,2ข-3,46,50

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติ เพราะ ท่านทั้งหลายก็เคยเป็นคนต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์ ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหญิงม่ายหรือ ลูกกำ�พร้า ถ้าท่านข่มเหงเขา เขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราจะฟังเสียงร้องขอ ของเขาอย่างแน่นอน เราจะโกรธมาก และจะฆ่าท่านในสงคราม ภรรยาของท่านจะต้อง เป็นม่าย และลูกของท่านจะเป็นกำ�พร้า ถ้าท่านให้ประชากรยากจนคนใดคนหนึ่งของเรา ซึ่งอาศัยอยู่กับท่านขอยืมเงิน ท่านจะต้องไม่ทำ�เหมือนคนออกเงินกู้ที่เรียกร้องให้เขา เสียดอกเบี้ย ถ้าท่านยึดเสื้อคลุมของเพื่อนไว้เป็นประกัน ท่านจะต้องคืนให้เขาก่อนตะวันตกดิน เพราะเสือ้ คลุมเป็นผ้าห่มกายผืนเดียวทีเ่ ขามี เขาจะใช้สงิ่ ใดป้องกันความหนาวเมือ่ นอน ถ้าเขาร้องขอความช่วยเหลือจากเรา เราก็จะฟังคำ�ร้องขอของเขา เพราะเราเป็นผูม้ เี มตตา กรุณา ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์ผู้ทรงเป็นพลังของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นหลักศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า ทรงเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข) ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าลี้ภัยมาพึ่งพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาของข้าพเจ้า ทรงเป็นโล่กำ�บัง เป็นพลังแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า ทรงเป็นที่มั่นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเรียกหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงคู่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ แล้วข้าพเจ้าก็จะรอดพ้นจากศัตรู ค) ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ถวายพระพรแด่องค์พระผู้ทรงเป็นหลักศิลาของข้าพเจ้า ขอพระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นได้รับการเทิดทูนอย่างสูงส่ง พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ ทรงสำ�แดงความรักมั่นคงต่อผู้รับเจิมของพระองค์แก่ดาวิด และเชื้อสายของเขาตลอดไป

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 1:5ค-10

พี่น้อง ท่านทั้งหลายรู้ว่าเราปฏิบัติตนอย่างไรในหมู่ท่านเพื่อท่าน และท่านก็ได้ทำ� ตามอย่างเราและตามแบบฉบับขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โดยท่านได้รบั พระวาจาด้วยความ ทุกข์ยากหลายประการ แต่ท่านก็ยังมีความปีติยินดีของพระจิตเจ้า ด้วยเหตุนี้ ท่านจึง เป็นแบบอย่างให้กบั ผูม้ คี วามเชือ่ ทุกคนในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา พระวาจา


ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังก้องมาจากท่าน ไม่เพียงแต่ใน แคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายาเท่านั้น ความเชื่อ ของท่านในพระเจ้ายังเลื่องลือไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จน เราไม่จำ�เป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะคนเหล่านั้นพูดถึง เรื่องราวเกี่ยวกับเราว่า เราได้เริ่มงานในหมู่ท่านอย่างไร และท่านกลับใจละทิง้ รูปเคารพมาสูพ่ ระเจ้าอย่างไร เพือ่ รับใช้พระเจ้าแท้จริงผู้ทรงชีวิต และรอคอยให้พระบุตร ของพระองค์เสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูเจ้า ผู้ทรง ช่วยเราให้พ้นจากพระพิโรธที่จะมาถึง พระเยซูเจ้านี้ พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดา ผู้ตาย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 22:34-40

เมื่อชาวฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูเจ้าทรงทำ�ให้ชาวสะดูสีนิ่งอึ้งไป จึงมาชุมนุมพร้อมกัน มีคนหนึ่งเป็น บัณฑิตทางกฎหมายได้ทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรม บัญญัต”ิ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปญ ั ญาของท่าน นีค่ อื บทบัญญัตเิ อกและเป็นบทบัญญัตแิ รก บทบัญญัตปิ ระการทีส่ องก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำ�สอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับ บทบัญญัติสองประการนี้” อะไรคือวัตถุประสงค์ส�ำ คัญของพระบัญญัตขิ องพระเจ้า? พระเยซูแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าไม่ได้เรียก ร้องอะไรจากเรามนุษย์มากมาย เพราะพระบัญญัตเิ อกของพระองค์นนั้ เรียบง่าย พระองค์อยากให้เรารูจ้ กั รัก เหมือนอย่างทีพ่ ระองค์รกั เท่านัน้ พระเจ้าทรงรักเราก่อน ส่วนความรักของเราเป็นเพียงการตอบสนอง ต่อพระพรมากมายทีพ่ ระองค์ประทานให้กบั เราด้วยพระทัยดี ความรักต่อพระเจ้าจึงต้องมาก่อนอืน่ ใด และ ตามมาด้วยความรักต่อเพือ่ นมนุษย์ ซึง่ มีรากฐานทีม่ นั่ คงอยูใ่ นความรักของพระเจ้านัน่ เอง ยิง่ เรารูจ้ กั ความ รักของพระเจ้ามากเท่าใด เราก็ยิ่งจะรักในสิ่งที่พระองค์ทรงรักมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เรายังต้องรู้จัก ปฏิเสธสิ่งทุกสิ่งที่น่าเกลียดและขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้าอีกด้วย


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร

อฟ 4:32-5:8

พี่น้อง จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายจงทำ�ตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์ จง ดำ�เนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็น เครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่างๆ หรือความ โลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้มีทั้งการพูด หยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่ให้มีการขอบพระคุณ ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็น เสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของ พระเจ้าเลย อย่าให้ใครใช้คำ�พูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำ�ความ ผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย ในอดีตท่าน เคยเป็นความมืด แต่บดั นีท้ า่ นเป็นความสว่างในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จงดำ�เนินชีวติ เช่นบุตร แห่งความสว่างเถิด

ลก 13:10-17

ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บ ป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามา และตรัสว่า “หญิงเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนัน้ นาง ก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า แต่หวั หน้าศาลาธรรมรูส้ กึ ขัดเคืองทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “วัน ที่ทำ�งานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้า จึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซือ่ ใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินนํา้ ในวันสับบาโตดอก หรือ หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จาก พันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่ทรงกระทำ� มีอะไรบ้างที่ทำ�ให้ชีวิตของท่านต้องติดพันอยู่กับมัน หรือถูกครอบงำ� ความพิกลพิการไม่ว่าจะทางด้าน ร่างกายหรือทางด้านจิตใจ อาจเกิดขึ้นกับเราได้โดยหลากหลายปัจจัย และอาจเป็นไปได้ว่าพระเจ้าปล่อยให้สิ่ง นั้นเกิดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างที่เรายังไม่เข้าใจในเวลานี้ พระเยซูทรงช่วยหญิงพิการให้พ้นจากสภาพที่ เธอถูกครอบงำ�โดยปีศาจ เธอจึงกลับมามีสขุ ภาพดีดงั เดิม แม้วา่ ซาตานจะมีอำ�นาจบางอย่างเหนือร่างกายและ จิตใจของมนุษย์ แต่มนั ก็ไม่สามารถทัดทานอำ�นาจแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้าทีเ่ ข้ามาครอบครองจิตใจและ ชีวิตของเราได้ ท่านเชื่อในฤทธิ์อำ�นาจของพระเยซูที่จะปลดปล่อยท่านจากการกดขี่ข่มเหงของซาตานหรือไม่?


บทอ่านที่ 1

อฟ 2:19-22

พี่น้อง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับ บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมี บรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระ คริสตเจ้าทรงทำ�ให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์ พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำ�ลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า

พระวรสาร

ลก 6:12-19

ครัง้ นัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จขึน้ ไปบนภูเขาเพือ่ อธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนา ต่อพระเจ้าตลอดทัง้ คืน ครัน้ รุง่ เช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือก ไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชาย ของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โธมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้ มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาส บุตรของยากอบ และยูดาส อิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ทีร่ าบแห่ง หนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุง เยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับ การรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผูท้ ถี่ กู ปีศาจรบกวนได้รบั การรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษา ทุกคนให้หาย พระเยซูทรงเลือกบุคคลธรรมดาๆ มาร่วมงานกับพระองค์ พวกเขาดำ�รงชีวติ เหมือน คนอื่นๆ ไม่ได้มีการศึกษาสูง หรือมีสถานะทางสังคมพิเศษ พระองค์เลือกคนเหล่านี้มา เพราะเห็นว่า เขาเหล่านั้นมีศักยภาพที่จะเป็นในแบบที่พระองค์ทรงปรารถนา โดยอาศัย การนำ�ทางและฤทธิ์อำ�นาจของพระองค์ ดังนั้น เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราให้มารับใช้ พระองค์ เราไม่ควรลังเลทีจ่ ะร่วมมือกับพระองค์และกระทำ�สิง่ ทีย่ งิ่ ใหญ่ในพระอาณาจักร ของพระเจ้า ท่านสามารถมอบชีวติ ของท่านเป็นของถวายแด่พระเจ้า ด้วยการเปิดโอกาส ให้พระองค์ใช้ท่านอย่างที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสม

ฉลอง น.ซีโมน น.ยูดาห์ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4


บทอ่านที่ 1

อฟ 6:1-9

บุตรทัง้ หลาย จงเชือ่ ฟังบิดามารดา ในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพราะการกระทำ�เช่นนีถ้ กู ต้อง “พระบัญญัติที่ว่า จงให้เกียรติบิดามารดา” เป็นพระบัญญัติแรกซึ่งมีพระสัญญา ควบคู่อยู่ด้วยว่า “แล้วท่านจะอยู่บนแผ่นดินอย่างเป็นสุข และมีอายุยืน” บิดา อย่ายํ้าสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลัก ธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า สัปดาห์ที่ 30 ทาส จงเชือ่ ฟังผูท้ เี่ ป็นนายในโลกนีด้ ว้ ยความเคารพยำ�เกรงจากใจจริง ประหนึง่ เชือ่ เทศกาลธรรมดา ฟังองค์พระคริสตเจ้า อย่าทำ�ดีรับใช้ต่อหน้าเหมือนจะให้มนุษย์พอใจเท่านั้น แต่จงเป็น สดด 145:10-11,12-13กข, เสมือนทาสรับใช้พระคริสตเจ้า กระทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง จงรับใช้ ด้วยความเต็มใจเหมือนกับรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า มิใช่รับใช้มนุษย์ ท่านรู้อยู่แล้วว่าถ้า 13ค-14 แต่ละคนทำ�ดีไว้อย่างไร ก็จะได้รบั ค่าตอบแทนจากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ไม่วา่ เขาจะเป็นทาส ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 หรือเป็นอิสระก็ตาม...

พระวรสาร

ลก 13:22-30

เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมูบ่ า้ น ทรงสัง่ สอนประชาชนและทรงเดินทางมุง่ ไปกรุงเยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จง พยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้ เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า ‘นายเจ้าข้า เปิดประตู ให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด’ แล้วท่านก็จะพูดว่า ‘พวกเราได้กินได้ดื่มอยู่ กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไปให้ พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่กระทำ�การชั่วช้า’ เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะรํ่าไห้ครํ่าครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและ ยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ท่านทั้งหลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็นกลุ่ม สุดท้าย’” พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราว่า เราอาจถูกละไว้ไม่ได้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าได้ ถ้าเราไม่พยายามเข้า ทางประตูแคบ ซึ่งเป็นประตูที่พระเยซูเจ้าทรงหมายถึงตัวพระองค์เอง โดยทางกางเขน พระเยซูเจ้าทรงเปิด หนทางสำ�หรับเราที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์ แต่เราต้องติดตามพระองค์ไปบนเส้นทางแห่งกางเขน คำ�ว่า พยายาม อาจมีความหมายถึง ความเจ็บปวดรวดร้าวก็ได้ การทีค่ นหนึง่ จะเข้าสูพ่ ระอาณาจักรของพระเจ้า ได้ เขาจะต้องพยายามฟันฝ่าแรงเสียดทานของการประจญล่อลวง และอุปสรรคที่คอยกีดกันไม่ให้ปฏิบัติตาม พระประสงค์ของพระองค์ แต่ขา่ วดีกค็ อื ว่า เราไม่ได้กระเสือกกระสนเพียงลำ�พัง เพราะพระเจ้าอยูเ่ คียงข้างเรา พระพรของพระองค์มีเพียงพอสำ�หรับเราเสมอ


บทอ่านที่ 1

อฟ 6:10-20

พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงตักตวงพลังจากพระ พลานุภาพของพระองค์ จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อท่านจะยืนหยัดต่อต้าน เล่ห์กลของปีศาจได้ เพราะเรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพ นิกรอำ�นาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่ว ร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อ จะต้านทานทุกสิ่งได้ในวันเลวร้าย และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด จงยืนหยัดมัน่ คง จงคาดสะเอวด้วยความจริง จงสวมความชอบธรรมเป็นเสือ้ เกราะ จงสวมความกระตือรือร้นทีจ่ ะประกาศข่าวดีแห่งสันติเป็นรองเท้า จงถือความเชือ่ เป็นโล่ ไว้เสมอ เพื่อใช้ดับธนูไฟของมาร จงใช้ความรอดพ้นเป็นเกราะป้องกันศีรษะ จงถือดาบของพระจิตเจ้าคือพระวาจา ของพระเจ้าไว้ จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำ�อธิษฐานวอนขอ ต่างๆ ทุกโอกาส จงตื่นเฝ้า อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและ เพื่อข้าพเจ้าด้วย พระองค์จะได้ประทานถ้อยคำ�ให้ข้าพเจ้ามีโอกาสเปิดปากพูด และ ประกาศธรรมลํ้าลึกของข่าวดีได้อย่างองอาจ ข้าพเจ้าเป็นทูตที่ถูกจองจำ�เพราะข่าวดีนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญที่จะพูดอย่างเหมาะสมด้วยเถิด

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 114:1,2,9-11ก

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

ลก 13:31-35

เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าว่า “ท่านจงเดินทางออกไปจากที่นี่เถิด เพราะกษัตริย์เฮ โรดต้องการจะฆ่าท่าน” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงไปบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นว่าเราขับไล่ปีศาจและรักษาโรค วันที่สาม เราจะบรรลุถึงเป้าหมาย แต่วันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เราจะต้องเดินทางต่อไป เพราะประกาศกจะ ตายนอกกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้ เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เรา ต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนดังแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปกี แต่เจ้าไม่ตอ้ งการ บัดนี้ บ้านของท่านทัง้ หลาย จะต้องถูกทิง้ ร้าง เราบอกท่านทัง้ หลายว่า ท่านจะไม่เห็นเราอีกจนถึงเวลาทีท่ า่ นจะกล่าวว่า ‘ขอถวายพระพรแด่ ผู้ที่มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า’”

พระเยซูทรงกล่าวทำ�นายถึงอนาคตของกรุงเยรูซาเล็มในสองความหมาย ประการแรกพระองค์ชี้ให้เห็น ว่าพระองค์จะได้รับชัยชนะ และการไถ่กู้จะสำ�เร็จลง แต่พระองค์ก็ยังกล่าวถึงการล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็ม และ ผู้ที่ปฏิเสธพระองค์และข่าวดีแห่งการไถ่กู้ของพระองค์ และแล้วคำ�ทำ�นายนี้ก็เป็นจริง เพราะในปี ค.ศ. 70 กรุงเยรูซาเล็มก็ถูกทำ�ลายย่อยยับอีกครั้ง หนทางแห่งความรอดสำ�หรับชาวยิวก็ยังคงมีอยู่ เป็นประตูแคบ ที่เปิดไว้เพื่อพาทุกคนไปสู่ความเป็นอิสระ เหมือนอย่างที่พระองค์กล่าวไว้ว่า “เราเป็นประตู ผู้ที่เข้ามาทางเรา ก็จะรอดพ้น” (ลก.10:9) ท่านมีความปรารถนาที่จะเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มแห่งเมืองสวรรค์หรือไม่?


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,3-4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

พระวรสาร

ฟป 1:1-11

จากเปาโลและทิโมธี ผู้รับใช้พระคริสตเยซู ถึงผู้ศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเยซูทุกคนซึ่งอยู่ที่เมืองฟิลิปปี รวมทั้งผู้ปกครองดูแล และสังฆานุกร ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าทุกครั้งที่ระลึกถึงท่าน ในการอธิษฐาน ภาวนาทุกครัง้ ข้าพเจ้าวอนขอพระพรเพือ่ ทุกท่านอยูเ่ สมอด้วยความชืน่ ชม เพราะท่านทัง้ หลายร่วมมือประกาศข่าวดีตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระเจ้าผู้ทรง เริ่มกิจการดีนี้ในท่านแล้ว จะทรงกระทำ�ต่อไปให้สำ�เร็จบริบูรณ์จนถึงวันของพระคริสต เยซู ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับท่านทั้งหลายก็เหมาะสมแล้ว เพราะข้าพเจ้ามีท่านอยู่ใน ใจ ท่านทัง้ หลายได้รบั ส่วนในพระหรรษทานร่วมกับข้าพเจ้า ทัง้ เมือ่ ข้าพเจ้าถูกจองจำ� และ เมื่อข้าพเจ้าทำ�งานปกป้องให้การประกาศข่าวดีมั่นคงอยู่ได้ พระเจ้าทรงเป็นพยานให้ ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้ารักและเอ็นดูท่านเพียงใดในความรักของพระคริสตเยซู ข้าพเจ้า อธิษฐานภาวนาขอให้ความรักของท่านทวียิ่งขึ้น ทำ�ให้เกิดความรู้และวิจารณญาณทุก เรื่อง ท่านจะแยกได้ว่าสิ่งใดดีเยี่ยมจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากคำ�ตำ�หนิจนถึงวันของ พระคริสตเจ้า จะได้บริบูรณ์ด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งจะเกิดขึ้นโดยทางพระเยซู คริสตเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์และการสรรเสริญพระเจ้า

ลก 14:1-6

วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่ นั่นต่างจ้องมองพระองค์ ขณะนั้นชายคนหนึ่งเป็นโรคบวมกำ�ลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถาม บรรดานักกฎหมายและชาวฟาริสีว่า “อนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” แต่คนเหล่านั้นนิ่งเงียบ พระองค์จึงทรงสัมผัสผู้ป่วย ทรงรักษาเขา แล้วให้กลับไป พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นอีกว่า “ถ้าผู้ใดมีบุตร หรือมีโคตกลงไปในบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาทันทีแม้เป็นวันสับบาโตหรือ” แต่คนเหล่านั้นตอบคำ�ถามนี้ไม่ได้

พระเยซูเจ้าทรงทราบดีวา่ พระองค์ทรงถูกจับตามองจากชาวฟาริสี ทีค่ อยจ้องจับผิดว่าพระองค์กระทำ�ขัด กับกฎของวันสับบาโต แต่พระเยซูทรงเข้าใจถึงความหมายของวันสับบาโตอย่างลึกซึ้งว่า การหยุดพักในวัน สับบาโตนัน้ ถูกกำ�หนดขึน้ เพือ่ ให้ชาวยิวมีเวลาในการทบทวนจดจำ� เฉลิมฉลองพระทัยดีของพระเจ้า สรรเสริญ พระองค์ในกิจการดีต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำ� วันนี้จึงเป็นวันที่ถูกกำ�หนดให้เป็นวันหยุดพักจากการงาน เพื่อ ทุกคนจะมีความสดชื่นในการดำ�เนินชีวิตในวันทำ�งานที่จะมาถึงในสัปดาห์ต่อไป แต่วันสับบาโตไม่ใช่เป็นวันที่ จะต้องหยุดพักการแสดงความรักของพระเจ้าทีม่ ตี อ่ ประชากรของพระองค์ เพราะกฎแห่งความรักนัน้ อยูเ่ หนือ กว่ากฎแห่งการหยุดพักนั่นเอง




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.