บทอ่านที่ 1
อสย 66:10-14
ท่านทั้งหลายจงยินดีกับกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายที่รักกรุงเยรูซาเล็ม จงชื่นชม กับกรุงนีเ้ ถิด ท่านทัง้ หลายทีเ่ คยไว้ทกุ ข์ให้กรุงเยรูซาเล็ม จงร่วมยินดีกบั กรุงนีด้ ว้ ยความ ชื่นบานเถิด ท่านจะได้รับการปลอบโยนอย่างเต็มเปี่ยมจากกรุงเยรูซาเล็ม ทารกมีความยินดี เมื่อดูดนมจากทรวงอกของมารดาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะมีความยินดีจากความอุดม สมบูรณ์ของกรุงนี้ฉันนั้น เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนีว้ า่ “ดูซิ เราจะบันดาลให้สนั ติสขุ หลัง่ ไหลมาสูก่ รุง นี้เหมือนแม่น�้า จะน�าความมั่งคั่งของนานาชาติมายังกรุงนี้เหมือนสายน�้าที่ก�าลังล้นฝั่ง กรุงนี้จะอุ้มท่านทั้งหลายไว้ ให้ท่านดูดนม และหยอกล้อท่านบนตัก มารดาปลอบโยน บุตรฉันใด เราก็จะปลอบโยนท่านทั้งหลายฉันนั้น ท่านจะได้รับการปลอบโยนในกรุง เยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายจะเห็น และใจของท่านจะโลดเต้นยินดี กระดูกของท่านจะสดชื่นขึ้น เหมือนหญ้าอ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะทรงพระพิโรธต่อบรรดาศัตรู
พระวรสาร
มธ 18:1-4
ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึง่ ให้มายืนอยูก่ ลางกลุม่ พวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ คน นี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” ประกาศกอิสยาห์ใช้ภาพของเด็กทารกมีความสุขปลอดภัยขณะดูดนมจาก ทรวงอกของแม่ และนางก็หยอกล้อเล่นกับลูกของตน เป็นภาพที่เราจะพบความสงบสันติใน พระเป็นเจ้าแบบนั้น แต่เราต้องเป็นทารกของพระเป็นเจ้าผู้เป็นแม่ เราไม่อาจเป็นผู้ใหญ่ที่โต แล้วและคิดซับซ้อน วางแผน มีเล่ห์เหลี่ยม วางโครงการ บวกลบคูณหารหาก�าไรขาดทุนกับ พระเป็นเจ้าผู้เป็นประดุจมารดาของเราแล้วยังมานอนบนตักของแม่แบบนั้น เด็กทารกมีแต่ ความไว้วางใจในแม่ของตนเพียงประการเดียวเขาจึงมีความสุขและสามารถผ่านหนทางชีวิต เติบโตต่อไปได้
ฉลอง น.เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู พรหมจารี สดด 131:1,2-3
บทอ่านจากหนังสือประกาศกฮาบากุก
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
ฮบก 1:2-3 และ 2:2-4
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือนานสักเท่าใด พระองค์จึงจะทรงฟัง ข้าพเจ้าจะร้องเสียงดังทูลพระองค์ว่า “ทารุณ” พระองค์ก็ไม่ทรง ช่วยให้รอดพ้น ท�าไมพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นการท�าผิด และทรงนิ่งมองดูการกดขี่ ข่มเหง ทั้งการปล้นและการใช้ความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า การทะเลาะวิวาทและ แตกสามัคคีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมติ และสลักไว้ให้ชดั เจนบนแผ่น กระดาน เพื่อให้อ่านได้ง่าย ยังไม่ถึงเวลาที่นิมิตนี้จะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ช้าตาม ที่ก�าหนดไว้อย่างแน่นอน แม้นิมิตนี้จะล่าช้าไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิตนี้จะเกิด ขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่ชักช้า ดูซิ ผู้มีจิตใจไม่ซื่อตรงก็จะล้มลง แต่ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิต เพราะความซื่อสัตย์”
เพลงสดุดี
สดด 95:1-11
ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพรพระองค์ด้วยความยินดี เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ข) ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์พระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ ทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้าง พระหัตถ์พระองค์ปันแผ่นดินแห้ง มาเถิด เราจงกราบนมัสการพระองค์ เราจงคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรที่ทรงเลี้ยงดูดุจฝูงแกะที่ทรงน�าไปยังทุ่งหญ้า ค) ท่านทั้งหลายจงฟังพระสุรเสียงของพระองค์ในวันนี้เถิด “ท่านอย่าท�าใจให้แข็งกระด้างเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่เมรีบาห์ เหมือนในวันนั้นที่มัสสาห์ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเรา เขาทดสอบเรา แม้ได้เห็นการกระท�าของเราแล้ว” เราเอือมระอาคนรุ่นนั้นเป็นเวลานานสี่สิบปี และพูดว่า “เขาทั้งหลายเป็นประชาชนที่มีใจไม่เที่ยงตรง เขาไม่ยอมรู้จักทางของเรา
ดังนั้น เราจึงปฏิญาณด้วยความโกรธ ว่าเขาทั้งหลายจะไม่มีวันได้เข้าในที่พักผ่อน ของเราเลย”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 1:6-8,13-14
ลูกที่รักยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเตือนความจ�ำของท่านเพื่อ ให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟทีร่ งุ่ โรจน์ขนึ้ อีก ท่าน ได้รับพระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่ บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเอง แก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้ เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจ�ำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับ ข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า จงยึดถือค�ำสอนทีถ่ กู ต้องซึง่ ท่านได้ยนิ มาจากข้าพเจ้าไว้เป็นแบบอย่างด้วยความเชือ่ และความรักใน พระคริสตเยซู เดชะพระจิตเจ้าผู้สถิตในเรา จงรักษาของมีค่าที่ได้รับมอบไว้
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 17:5-10
เวลานั้น บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผู้ เป็นเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไป ขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน ท่านผู้ใดที่มีผู้รับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อผู้รับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับผู้รับใช้ หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอย รับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม’ นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามค�ำสั่ง มิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ท�ำตามค�ำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ ไร้ประโยชน์ เพราะฉันท�ำตามหน้าที่ที่ต้องท�ำเท่านั้น’”
แผ่นกระดานในสมัยโบราณมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นหนังที่ใช้เขียนหนังสืออย่างมากมาย ภาพนิมิต ที่ว่าพระเจ้าจะทรงแทรกเข้ามาในกระแสปลาใหญ่กินปลาน้อยเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหงรังแกจากคนที่มีก�ำลัง มากกว่าแม้ชัดเจนแต่บางทีความทุข์อย่างสาหัสท�ำให้เรารู้สึกว่านานจังกว่านิมิตนั้นจะเป็นจริง แต่พระเจ้าทรงขอ ให้เรามีความเชื่อ พระเยซูเจ้าจึงทรงสอนว่าจงเอาความเชื่อที่มีออกมาใช้ในเวลายากล�ำบากนี้ ถ้ามีน้อยก็จงทูลขอ ความเชื่อจากพระเจ้า อย่าด่วนทวงเหมือนว่าพระเจ้าทรงติดหนี้สินเรา มีหรือเจ้านายต้องมาบริการคนใช้ ความ จริงที่ว่าพระเจ้าทรงต้องช่วยเหลือลูกของพระองค์เสมอมาชัดเจนอยู่แล้ว
บทอ่านที่ 1
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สสด 111:1-2,7-8, 9-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร
กท 1:6-12
พี่น้อง ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรง เรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่น นั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดี ของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเรา หรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศ แก่ทา่ น ขอให้ผนู้ นั้ ถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดย�ำ้ สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเคยพูดไว้กอ่ นอีก ครัง้ หนึง่ ว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ทา่ นขัดแย้งกับข่าวดีทที่ า่ นเคยรับไว้ ก็ขอให้ผนู้ นั้ ถูก สาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าก�ำลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์ กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าต้องการให้ทา่ นทัง้ หลายรูว้ า่ ข่าวดีทขี่ า้ พเจ้าประกาศไปแล้วนัน้ มิใช่ ข่าวที่มาจากมนุษย์ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้รับมาจากมนุษย์ มิได้เรียนรู้จากมนุษย์ แต่ได้รับ จากการเปิดเผยของพระเยซูคริสตเจ้า
ลก 10:25-37
ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องท�ำ สิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดก�ำลัง และสุดสติ ปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จง ท�ำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของ ข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งก�ำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูก โจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่าน มาทางนัน้ โดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึง่ ชาวเลวีคนหนึง่ ผ่านมาทางนัน้ เห็นเขาและเดิน ผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดิน เข้าไปหา เทน�้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ น�ำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่ง หนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นน�ำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้ กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’ ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อน มนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและท�ำเช่นเดียวกันเถิด” นิทานเปรียบเทียบของพระเยซูเจ้าทรงพลัง ชัดเจน จนไม่ต้องอธิบาย แต่ต้องการการเปิดใจของเรา เพื่อจะได้ทูลขอพละก�ำลังจากพระองค์ในการออกไปลงมือปฏิบัติงานความรักให้ได้ในชีวิตจริง เราสวดภาวนาและอ่าน พระคัมภีร์ทุกวันก็เพื่อจุดหมายปลายทางเดียว คือรักพระและออกไปลงมือท�ำงานความรักต่อเพื่อนพี่น้องให้ได้จริงๆ บัดนี้จงเงียบสักครู่หนึ่งและเปิดดวงใจทูลขอพระเจ้า ให้เรามีโอกาสที่จะได้แสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้องได้ส�ำเร็จ ขอ โอกาสนั้นผ่านมาในวันนี้และเราฉวยโอกาสนั้นแสดงความรักออกไปได้ส�ำเร็จ
บทอ่านที่ 1
กท 1:13-24
พี่น้อง ท่านทั้งหลายต้องเคยได้ยินเรื่องความประพฤติในอดีตของข้าพเจ้าเมื่อยัง ยึดถือลัทธิยิว ว่าข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และ พยายามท�าลายด้วย ข้าพเจ้าเคร่งครัดในลัทธิยิวมากกว่าเพื่อนชาวยิวรุ่นเดียวกันหลาย คน และมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการรักษาประเพณีของบรรพบุรุษ แต่พระเจ้า ผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษ ทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะส�าแดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อ ข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถึงพระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่ได้ปรึกษา มนุษย์ผู้ใดเลย และไม่ได้ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอาราเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีก สามปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อท�าความรู้จักกับเคฟาส และพักอยู่กับเขาเป็นเวลาสิบ ห้าวัน ข้าพเจ้าไม่พบอัครสาวกอื่นๆ นอกจากยากอบ ผู้เป็นน้องชายขององค์พระผู้เป็น เจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ มิใช่ความเท็จ หลังจากนั้น ข้าพเจ้าไปในดินแดนแคว้นซีเรียและซิลิเซีย พระศาสนจักรต่างๆ ในแคว้น ยูเดียยังไม่เคยรูจ้ กั หน้าข้าพเจ้าเลย เขาเหล่านัน้ เคยแต่ได้ยนิ ว่า “ผูท้ เี่ คยข่มเหงพวกเรา บัดนี้กลับมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามจะท�าลาย” เขาเหล่านั้นจึงถวายพระ เกียรติแด่พระเจ้าเพราะข้าพเจ้า
พระวรสาร
ลก 10:38-42
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระด�าเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จ เข้าไปในหมูบ่ า้ นแห่งหนึง่ สตรีผหู้ นึง่ ชือ่ มารธารับเสด็จพระองค์ทบี่ า้ น นางมีนอ้ งสาวชือ่ มารียซ์ งึ่ นัง่ อยูแ่ ทบพระบาทขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธา ก�าลังยุง่ อยูก่ บั การปรนนิบตั ริ บั ใช้จงึ เข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือ ทีน่ อ้ งสาวปล่อยดิฉนั คนเดียวให้ปรนนิบตั ริ บั ใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉนั บ้าง” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิง่ ทีจ่ า� เป็นมีเพียงสิง่ เดียว มารียไ์ ด้เลือกเอาส่วนทีด่ ที สี่ ดุ ทีจ่ ะไม่มใี ครเอาไปจากเขาได้” นักบุญเปาโลได้เล่าประวัติการกลับใจของท่านเอง เราจึงรู้ว่ามิใช่แปลว่าท่าน เป็นคนชั่วช้าแล้วกลับมาเป็นคนดี ท่านซื่อสัตย์ต่อธรรมบัญญัติของโมเสสที่ชาวยิวถือว่าใครรัก พระยาห์เวห์กต็ อ้ งรักธรรมบัญญัต ิ แต่พอท่านมารูจ้ กั พระเยซูเจ้าแล้ว ท่านจึงรูว้ า่ สิง่ ทีท่ า่ นเคย หวงแหนและรักมาตัง้ แต่วยั เด็กนัน้ ไม่สมบูรณ์และไม่มคี า่ เทียบได้เลยกับการได้รจู้ กั และรักพระ เยซูเจ้า ท่านเคยกอดธรรมบัญญัติไว้แน่นจึงเริ่มคลายแขนออกมากอดองค์พระเยซูเจ้าแทน แม้ว่าการท�างานเป็นสิ่งดี แต่เมื่อถึงเวลาต้องเลือกสิ่งส�าคัญ มารีย์คลายแขนออกจากทุกสิ่ง ที่ตนชอบแล้วมานั่งฟังพระเยซูเจ้า การมีเวลาสวดภาวนาหรือไม่มี จึงเป็นเรื่องการเลือกสิ่งที่ ส�าคัญได้ส�าเร็จต่างหาก
ระลึกถึง น.ฟรังซิส แห่งอัสซีซี
สดด 139:1-3,13-14, 15-16 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
ระลึกถึง น.โฟสตีนา โควัลสกา สดด 117:1,2 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร
กท 2:1-2,7-14
พี่น้อง สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกพร้อมกับบารนาบัส และพา ทิตัสไปด้วย ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนส�ำคัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะ ไม่วิ่งโดยไร้ประโยชน์ ยิ่งกว่านั้น บุคคลส�ำคัญเหล่านี้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศข่าวดีแก่ ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศแก่ผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว เพราะพระเจ้าผูท้ รงบันดาลให้เปโตรเป็นธรรมทูตไปพบผูท้ เี่ ข้าสุหนัตแล้ว ก็ทรงบันดาล ให้ขา้ พเจ้าไปพบคนต่างศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนัน้ เมือ่ ยากอบ เคฟาสและยอห์น ซึง่ ได้ รับความนับถือว่าเป็นหลักรูเ้ รือ่ งพระหรรษทานทีพ่ ระเจ้าประทานแก่ขา้ พเจ้าแล้วก็จบั มือ กับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพือ่ นร่วมงานกัน ตกลงกันว่า เราจะไปพบคน ต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผูท้ เี่ ข้าสุหนัตแล้ว เขาเหล่านีข้ อเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคน ยากจน ค�ำขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะท�ำอยู่แล้ว เมื่อเคฟาสมาที่เมืองอันทิโอก ข้าพเจ้าคัดค้านเขาซึ่งๆ หน้าเพราะเขาเป็นฝ่ายผิด ก่อนที่คนของยากอบจะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครั้นพวกนั้นมา เขา ก็ปลีกตัว และแยกออกมาเพราะกลัวพวกที่เข้าสุหนัต ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งท�ำตามเขา บ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งท�ำตามพวกเขาไปด้วย เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเหล่านั้นประพฤติตนไม่ถูกต้องตามความหมายแท้จริงของ ข่าวดี ข้าพเจ้าจึงพูดกับเคฟาสต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านเป็นชาวยิว ยังประพฤติตนอย่าง คนต่างชาติ มิใช่อย่างชาวยิว แล้วเหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตนอย่าง ชาวยิวเล่า”
ลก 11:1-4
วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูล พระองค์วา่ “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับทีย่ อห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จงึ ตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า “ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหารประจ�ำ วันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ” ศาสนาคริสต์ก�ำลังจะหลุดออกจากศาสนายิวอย่างเด็ดขาด มุ่งสู่ชนนานาชาติโดยมีนักบุญเปาโลเป็น เครื่องมือของพระเจ้าที่ทรงให้ท่านปรับศาสนา สามารถเข้าถึงคนต่างชาติโดยไม่ต้องอิงอยู่กับลัทธิยิวอีกต่อไป แม้ใน เวลานั้นท่านอาจดูเหมือนพูดแรงกับบรรดาอัครสาวกอยู่บ้าง แต่ท่านไม่ได้ขัดแย้งหรือทะเลาะกัน ท่านเพียงแต่ฟังกัน และกัน เราทุกคนจึงสามารถเรียกพระเจ้าว่า “พ่อจ๋า” หรือ “อับบา” อย่างที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเวลาเริ่มต้นสวด ภาวนาได้อย่างเท่าเทียมกันทุกชาติทุกสีผิว เราทุกคนจึงเป็นลูกของพระด้วยกันทุกคน เราต้องรู้จักฟังพระและฟังกัน
บทอ่านที่ 1
กท 3:1-5
ชาวกาลาเทียโง่เขลาเอ๋ย ใครสะกดท่านให้มึนงงไปได้ ทั้งๆ ที่ภาพของพระเยซู คริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว ข้าพเจ้าอยากรู้จากท่าน เพียงข้อเดียวเท่านั้นว่า ท่านได้รับพระจิตเจ้าเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือ เพราะท่านเชือ่ การประกาศข่าวดี ท่านโง่เขลาถึงเพียงนีเ้ ทียวหรือ ท่านเริม่ ต้นด้วยพระจิต เจ้า แต่บดั นีท้ า่ นจะมาจบลงด้วยการกระท�าตามธรรมชาติอกี ประสบการณ์มากมายทีท่ า่ น ได้รบั มานัน้ ไร้ประโยชน์แล้วหรือ ก็ดเู หมือนจะไร้ประโยชน์แล้วจริงๆ พระองค์ผปู้ ระทาน พระจิตเจ้าให้ท่าน และทรงแสดงการอัศจรรย์ต่างๆ ในหมู่ท่านทั้งหลาย ทรงกระท�าเช่น นั้นเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือเพราะท่านยอมเชื่อการประกาศข่าวดีี
พระวรสาร
ลก 11:5-13
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและ ไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน’ สมมติว่า เพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า ‘อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิดแล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้า นอนแล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ลุก ขึน้ ให้ขนมปังเพราะเป็นเพือ่ นกัน เขาก็จะลุกขึน้ มาให้สงิ่ ทีเ่ พือ่ นต้องการเพราะถูกรบเร้า เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่าน จะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่ แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะ ให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยัง รู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูล ขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” ภาพของพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขนปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว ใครสะกดท่านให้มนึ งงไปได้ มึนงงจากการรูค้ า่ ความรักของพระเยซูเจ้าทีม่ ตี อ่ เรา แต่กลับไปให้ คุณค่าข้าวของเงินทองฝายโลกที่มัวหลงกอดเอาไว้ ลัทธิความเชื่อใดที่บอกว่าจะมีโชคลาภ อยู่ แล้วเฮง อยู่แล้วรวย มั่งมีศรีสุข เงินทองไหลมาเทมาก็จะรีบเข้าไปกราบไหว้ แต่ไม่มีค�าสอนที่ จะบอกเราถึงเรื่องการเสียสละและความสุขจากการให้ผู้อื่นมากกว่าการรับ บางครั้งชีวิตเราก็ ถล�าไปในเรื่องการสะสมความโลภไม่หยุดหย่อนโดยไม่รู้ตัว เรามึนงงจนไม่เห็นคุณค่าของความ รักในการเสียสละซึ่งน�าความสุขแท้จริงมาให้ ไม่มีใครให้ความรู้เรื่องความสุขแท้จริงนี้ได้ดีเท่า บทเรียนแห่งไม้กางเขนและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า จงขอเถิด แต่จงรับพระ จิตเจ้าจากพระเพื่อน�าทางชีวิตด้วย
น.บรูโน พระสงฆ์
ลก 1:69-70,71-72, 73-76 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
ระลึกถึง แม่พระแห่งลูกประคํา ลก 1:46-48,49-50, 51-53,54-55 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3 วันศุกร์ตนเดือน
บทอ่านที่ 1
กจ 1:12-14
พระวรสาร
ลก 1:26-38
หลังจากทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จสูส่ วรรค์แล้ว บรรดาอัครสาวกเดินทางจากภูเขาทีเ่ รียก ว่า “ภูเขามะกอกเทศ” กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ภูเขานี้อยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็มเป็นระยะ ทางที่อนุญาตให้เดินได้ในวันสับบาโต เมื่อเข้าไปในเมืองแล้ว เขาขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่ง เคยเป็นที่พักของเขา อัครสาวกเหล่านั้นคือเปโตร ยอห์น ยากอบ อันดรูว์ ฟีลิป โทมัส บาร์โธโลมิว มัทธิว ยากอบบุตรของอัลเฟอัส ซีโมนผู้เป็นชาตินิยมและยูดาสบุตรของ ยากอบ ทุกคนร่วมอธิษฐานภาวนาสม�า่ เสมอเป็นน�า้ หนึง่ ใจเดียวกัน พร้อมกับบรรดาสตรี รวมทั้งมารีย์พระมารดาของพระเยซูเจ้าและพระประยูรญาติของพระองค์ เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียล มายังเมืองหนึง่ ในแคว้นกาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยู่ กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์ เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็น เจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยค�านี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรง ถามพระองค์เองว่า ค�าทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้ก�าเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็น ผูย้ ง่ิ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะ ประทานพระบัลลังก์ของกษัตริยด์ าวิดบรรพบุรษุ ให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของ ยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สนิ้ สุดเลย” พระนางมารียจ์ งึ ทรงถามทูต สวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูต สวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุด จะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนัน้ บุตรทีเ่ กิดมาจะเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละจะรับนามว่าบุตร ของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรง กระท�าไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป การสวดสายประค�าโดยร�าพึงถึงพระคัมภีร์พระประวัติของพระเยซูเจ้าและ พระนางมารีย์เป็นค�าภาวนาที่ทรงพลัง ค�าภาวนาแบบนี้เป็นการเรียนรู้เทววิทยามือหนึ่ง มิใช่ ฟังอาจารย์สอนในห้องเรียนซึ่งเป็นเทววิทยามือสองที่อาจารย์เคี้ยวแล้วน�ามาปอนให้แก่เรา เราอย่าสอนเด็กให้สวดสายประค�าโดยไม่ร�าพึงพระคัมภีร์ซึ่งเท่ากับลดทอนพลังค�าภาวนาสาย ประค�าลงไปอย่างมาก การสวดสายประค�าบ่อยๆ ทุกวัน จะท�าให้ปีศาจไม่วกกลับมาอาศัยใน จิตใจของเราเพราะค�าภาวนาจะท�าให้เราไม่ประมาทปล่อยตัว ปีศาจมันคอยจังหวะที่เราหยุด สวดภาวนานี่แหละกลับมาโจมตีเรา
บทอ่านที่ 1
กท 3:22-29
พี่น้อง พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกสิ่งถูกจองจ�าไว้ใต้อ�านาจของบาป เพื่อพระสัญญา จะประทานแก่ผู้ที่มีความเชื่อ โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ก่อนทีค่ วามเชือ่ จะมาถึง ธรรมบัญญัตคิ วบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความ เชือ่ จะถูกเปิดเผย ดังนัน้ ธรรมบัญญัตจิ งึ เป็นเหมือนครูพเี่ ลีย้ งน�าเราไปพบพระคริสตเจ้า เพือ่ เราจะได้เป็นผูช้ อบธรรมโดยอาศัยความเชือ่ แต่เมือ่ ความเชือ่ มาถึงแล้ว เราก็ไม่ถกู ครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อใน พระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนทีไ่ ด้รบั ศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้า ไว้ ไม่มชี าวยิวหรือชาวกรีก ไม่มที าสหรือมีไทย ไม่มชี ายหรือมีหญิงอีกต่อไป เพราะท่าน ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็ เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา
พระวรสาร
ลก 11:27-28
เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าก�าลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ให้ก�าเนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้ง หลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก” ความเชือ่ ในองค์พระเจ้าหมายถึงการยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเทีย่ ง แท้และเราขอยอมรับพระองค์เป็นเจ้าชีวิตเป็นอันดับแรกสุงสุดในชีวิตของเรา คนในสังคมอื่น เวลาบอกว่าเชื่อแต่ก็เอาความเชื่อมารับใช้ความต้องการและความโลภของตน แต่ความเชื่อ ในศาสนาคริสต์ไม่ใช่เช่นนั้น เราเชื่อเพื่อจะท�าตามพระประสงค์ของพระ และยอมให้พระองค์ ทรงน�าเราไปตามที่พระองค์ทรงเห็นสมควร ใครเล่าเป็นบิดามารดาของเรา? ก็คือคนที่ปฏิบัติ ตามพระวาจาของพระเจ้าหรือพระประสงค์ของพระองค์ ความเชื่อเช่นนี้ยากกว่ามาก เราต้อง หมั่นสวดขอเพื่อความเชื่อจะได้มั่นคงและเพิ่มพูน ความเชื่อจึงเกี่ยวพันกับการแบกไม้กางเขน ของตนเองขึ้นบ่าและเดินติดตามพระเยซูเจ้าไปทุกวัน ชีวิตที่ไม่มีไม้กางเขนแบกเป็นชีวิตที่ไม่มี ความเชื่อในพระเจ้า
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 105:2-5,6-8 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือพงษกษัตริย ฉบับที่สอง
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
2 พกษ 5:14-17
นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวในแม่น�้าจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้ว เนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าว ว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอล เท่านั้น ขอท่านกรุณารับของก�านัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “องค์พระ ผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่าน ไม่ยอมรับ ขอให้ขา้ พเจ้าผูร้ บั ใช้ของท่านน�าล่อสองตัวบรรทุกดินจากทีน่ กี่ ลับบ้าน เพราะ ผูร้ บั ใช้ของท่านจะไม่ถวายเครือ่ งเผาบูชาหรือเครือ่ งบูชาใดๆ แด่พระเจ้าอืน่ นอกจากแด่ องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
เพลงสดุดี
สดด 68:1,2-3,4-6
ก) พระเจ้าทรงลุกขึ้น ศัตรูของพระองค์ก็กระจัดกระจาย ผู้ที่เกลียดชังพระองค์หลบหนีไปจากพระพักตร์พระองค์ ข) พระองค์ทรงไล่เขากระจัดกระจายเหมือนควันที่จางหายไป ขี้ผึ้งย่อมละลายยามต้องไฟฉันใด คนชั่วย่อมพินาศไปเมื่อพระเจ้าเสด็จมาฉันนั้น ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา ค) จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์ จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ พระนามพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีความสุขเฉพาะพระพักตร์เถิด พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นบิดาของลูกก�าพร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพ�านักอยู่ ทรงน�าผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง แต่ทรงทิ้งคนกบฏให้อยู่ในที่แห้งแล้ง
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 2:8-13
ลูกที่รักยิ่ง จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดา ผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดี นี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจ�าเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของ
พระเจ้าจะถูกจองจ�าไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่ง เพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับ ความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตใน สิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย ต่อไปนี้คือถ้อยค�าที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อม กับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทน มั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเรา ปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเรา ไม่ซอื่ สัตย์ พระองค์กย็ งั ทรงซือ่ สัตย์ตอ่ ไป เพราะจะทรง ปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 17:11-19
ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อ เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระ เยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตน แก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขาก�าลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรค แล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้ เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับ มาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไป เถิด ความเชื่อของท่านท�าให้ท่านรอดพ้นแล้ว” นาอามาน นายร้อยชาวซีเรียยังรู้จักขอเอาดินในแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้ากลับไปกราบไหว้ เพราะรู้บุญคุณของพระเจ้าที่รักษาเขาผ่านทางประกาศกเอลีชา คนโรคเรื้อนชาวต่างชาติยังกลับมาขอบพระคุณ พระเยซูเจ้า ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ก็ย่อมทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อ ไป พระองค์ทรงรัก สัตย์ซื่อต่อเรา แม้เราจะไม่รู้บุญคุณ หนทางเดียวที่เราจะไม่ได้อะไรเลยก็คือเราปิดประตูใส่ พระองค์หรือปฏิเสธพระองค์ มาถึงวันนี้แล้วจงอย่าหนีพระไปไหน คนต่างศาสนายังได้รับจากพระองค์มากมาย ถ้าเราไม่ปิดประตูใจใส่พระองค์ เราต้องได้รับพระเมตตาจากพระแน่นอน
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา สดด 113:1-3,4-6,7 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
กท 4:22-24,26-27,31-5:1
พระวรสาร
ลก 11:29-32
พี่น้อง มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าอับราฮัมมีบุตรสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงอิสระ เด็กที่เกิดจากหญิงทาสนั้นเกิดตามธรรมชาติ ส่วนเด็กที่ เกิดจากหญิงอิสระนัน้ เกิดตามพระสัญญา เรือ่ งนีก้ ล่าวไว้เป็นอุปมา หญิงสองคนนีห้ มาย ถึงพันธสัญญาทั้งสองฉบับ ฉบับหนึ่งจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ ซึ่งให้ก�าเนิดบุตรมา เป็นทาส แต่กรุงเยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนนั้นเป็นอิสระ และเป็นมารดาของเรา เพราะมี เขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ จงชืน่ ชมเถิด หญิงหมันผูไ้ ม่มบี ตุ ร จงเปล่งเสียงโห่รอ้ งเถิด ท่าน ทีไ่ ม่เคยเจ็บครรภ์คลอดบุตร เพราะบุตรของหญิงทีถ่ กู ทอดทิง้ มีมากกว่าบุตรของหญิงที่ ยังมีสามีอยู่ด้วย ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เรามิใช่บุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิง อิสระ พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และ อย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคน ชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านัน้ โยนาห์เป็นเครือ่ งหมายส�าหรับชาวนีนะเวห์ฉนั ใด บุตรแห่ง มนุษย์กจ็ ะเป็นเครือ่ งหมายส�าหรับคนยุคนีฉ้ นั นัน้ ในวันพิพากษา พระราชินแี ห่งทิศใต้จะ ทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อ ฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ใน วันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจ เมื่อได้ฟังค�าเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก” เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาไถ่บาปมนุษย์แล้ว ความรอดพ้นก็มาถึงเราผ่านทาง ความเชื่อในพระองค์ ไม่ได้ผ่านทางธรรมบัญญัติของโมเสสที่ชาวยิวยึดถืออีกต่อไป เปรียบเป็น พันธสัญญาใหม่มาแทนที่พันธสัญญาเก่า ลูกของทาสถูกแทนที่โดยอิสอัค ลูกของนางซาราห์ ภรรยาที่แท้จริงของอับราฮัม ความเชื่อในพระเยซูเจ้าจึงเป็นกุญแจส�าคัญในการได้รับความ รอดพ้นเป็นบุตรของพระเจ้า ชาวยิวไม่เชือ่ ทัง้ ๆ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงท�าเครือ่ งหมายอัศจรรย์อย่าง มากมาย ก็ยงั เอาแต่ขอดูเครือ่ งหมายมายืนยัน จิตใจปิดกัน้ เช่นนีพ้ ระเยซูเจ้าทรงเตือนพวกเขา ว่า รอวันนัน้ ก็แล้วกัน วันทีเ่ ราถูกฝังไว้สามวันแล้วจะกลับคืนชีพ นัน่ แหละเครือ่ งหมายทีย่ งิ่ ใหญ่ ชัดเจนที่สุดที่ท่านจะได้เห็น
บทอ่านที่ 1
กท 5:1-6
พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโล ขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสต เจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัต ว่า จ�าเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัย ธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วนเรานัน้ พระจิตเจ้าทรงน�าเราให้รอคอยความชอบธรรมทีห่ วังจะได้รบั จากความเชือ่ เพราะในพระ คริสตเยซูนนั้ การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนัน้ ไม่สา� คัญ เรือ่ งทีส่ า� คัญก็คอื มีความเชือ่ ที่แสดงออกเป็นการกระท�าอาศัยความรัก
พระวรสาร
ลก 11:37-41
เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวย พระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาด ใจเมือ่ เห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่าน เต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่งก็ จะสะอาดส�าหรับท่าน” ประโยคสุดท้ายของนักบุญเปาโลในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ส�าคัญมาก ไม่ใช่เรื่อง เข้าหรือไม่เข้าสุหนัตแบบชาวยิว แต่เป็นเรื่องการปฏิบัติความรักต่อกันและกัน และในการจะ รักผู้อื่นได้นั้นก็เพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้าที่เราเชื่อเป็นพระหรรษทานให้แก่เราท�าได้ ในเรื่อง นี ้ ศาสนาคริสต์เลยข้ามเรือ่ งบัญญัตขิ องชาวยิวทีม่ ขี อ้ ปลีกย่อยซึง่ เอามาถกเถียงกันโดยไม่เกีย่ ว กับการลงมือรักเพือ่ นพีน่ อ้ งไปหมดแล้ว ข้อปลีกย่อยทีบ่ างทีเอามาเป็นเครือ่ งมือกดคนอืน่ ให้ตา�่ กว่าตน หรือเพื่อวางภาระบนบ่าบางคนให้แบกรับไม่ไหวจะได้ดูแย่กว่าตนเหลือ เพียงบัญญัติ ที่ออกมาจากภายในคือบัญญัติแห่งความรักพระเจ้าสุดจิตใจ สุดสติปัญญา และสุดก�าลัง และ รักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเองที่ต้องปฏิบัติให้ได้ในชีวิตจริง
ระลึกถึง น.ยอห์น ที่ 23 พระสันตะปาปา
สดด 119:41,43, 44-45,47-48 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
สัปดาห์ที่ 28 เทสกาลธรรมดา สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
กท 5:18-25
พระวรสาร
ลก 11:42-46
พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้น�า ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของ ธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อย ตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การ ทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่ง พรรคแบ่งพวก การเมามาย การส�ามะเลเทเมา และอีกหลายประการในท�านองเดียวกัน นี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทัง้ หลายอีกครัง้ หนึง่ ดังทีเ่ คยเตือนมาแล้วว่า ผูท้ ปี่ ระพฤติตนเช่น นี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความ ชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรูจ้ กั ควบคุมตนเอง เรือ่ งเหล่านีไ้ ม่มธี รรมบัญญัตใิ ดห้ามไว้เลย ผูท้ เี่ ป็นของพระ คริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กบั ไม้กางเขนแล้ว ถ้าเรามีชวี ติ เดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงด�าเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึง่ ในสิบของสะระแหน่ สมุนไพร และผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้ จ�าเป็นต้องปฏิบตั โิ ดยไม่ละเว้นบทบัญญัตอิ นื่ ๆ วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น บรรดาชาวฟาริสี ท่าน ชอบนัง่ แถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผคู้ นค�านับตามลานสาธารณะ วิบตั จิ งเกิดแก่ ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้” นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบ ประมาทพวกเราด้วย” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านนักกฎหมายทั้งหลาย วิบัติจงเกิดแก่ ท่านด้วย ท่านให้ผู้อื่นแบกสัมภาระหนักเกินก�าลัง แต่ท่านไม่ยอมแม้แต่จะใช้นิ้วแตะ ต้องสัมภาระนั้น”
ผลของพระจิตทีน่ กั บุญเปาโลยกมามี 9 ประการส�าคัญต่อบุคลิกภาพของผูท้ จี่ ะ ประสบความสุขในชีวติ ทัง้ สิน้ ความสงบ ความอดทนเป็นสิง่ ทีเ่ ราทุกคนอยากได้มากๆ ท่ามกลาง ชีวิตที่วุ่นวาย สิ่งที่เรามักพลาดกันไปอย่างมากคือเราไม่รู้จักชื่นชม เราไม่มีเวลานั่งเงียบๆ หยุด พักชื่นชมการงานของเรา เราไม่รู้จักชื่นชมเพื่อนคนอื่นที่มีความสามารถพิเศษ แต่กลับอิจฉา เราไม่รู้จักไปยืนชื่นชมท้องฟาสวยงามยามเย็น เราไม่รู้จักชื่นชมงานฝีมือชาวบ้านที่ท�าของออก มาขาย แต่กลับไปต่อราคาสินค้าของเขาอย่างไม่เห็นคุณค่า เมื่อเราไม่รู้จักชื่นชมของดีที่ท�าจาก มือจากใจ เราก็เลยไปชืน่ ชมของโหลทีผ่ ลิตจากโรงงานด้วยการซือ้ ของเหล่านัน้ ในราคาแสนแพง เกินจริงโดยไม่ตอ่ สักค�า เพียงเพราะมีแบรนด์ตามสมัยนิยม เราต้องการพระจิตเจ้ามากเพียงใด ในการมีผลความดีงามต่างๆ เหล่านี ้ เพือ่ จะได้มศี ลิ ปะเชีย่ วชาญในการด�าเนินชีวติ อย่างแท้จริง
บทอ่านที่ 1
อฟ 1:1-10
พระวรสาร
ลก 11:47-54
จากเปาโล อัครสาวกของพระคริสตเยซู ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความเชื่อในพระคริสตเยซู ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้า พระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์ สัปดาห์ที่ 28 เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่กอ่ นการเนรมิต เทศกาลธรรมดา สร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความ รัก พระเจ้าทรงก�ำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสต สดด 98:1-2,3-4,5-6 เจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 พระองค์ ซึง่ โปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผูท้ รงเป็นทีร่ กั ในองค์พระคริสตเจ้าเราได้ รับการไถ่กเู้ ดชะพระโลหิต คือได้รบั การอภัยบาป นีค่ อื พระหรรษทานอันอุดมซึง่ พระเจ้า ประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เรารู้ถึง พระประสงค์เร้นลับของพระองค์ ซึ่งพอพระทัยด�ำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะทรงกระท�ำตาม แผนการนีเ้ มือ่ ถึงเวลาก�ำหนด โดยทรงน�ำทุกสิง่ ทัง้ ทีอ่ ยูบ่ นสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยูใ่ ต้ปกครอง ของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่เพียงพระองค์เดียว เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ นทัง้ หลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกทีบ่ รรพบุรษุ ของท่านฆ่า จึงแสดงว่า ท่านเห็นด้วยกับการกระท�ำของบรรพบุรษุ บรรพบุรษุ ของท่านฆ่าบรรดาประกาศกและท่านก็สร้างหลุมฝังศพให้” พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูตบาง คนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่งตั้งแต่ สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารระหว่างแท่นบูชากับ พระวิหาร ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระท�ำนี้ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านน�ำกุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ ต้องการจะเข้าไปด้วย” ขณะที่พระองค์ก�ำลังเสด็จออกจากที่นั่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเริ่มแสดง ตนเป็นศัตรูซักถามพระองค์ถึงเรื่องต่างๆ วางกับดักพระองค์เพื่อจับผิดพระวาจา จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัสไม่ตอ้ งอ่านเพือ่ จะเข้าใจก็ได้ เพราะเขาเอาไว้อา่ นเพือ่ สวดภาวนา สรรเสริญพระเป็นเจ้า แต่ละค�ำแต่ละประโยคใช้เป็นบทสวดท�ำวัตรประจ�ำวันของคริสตชนได้ อะไรที่เป็นสิ่งดีก็ย่อมดี โดยตัวของสิ่งนั้นเอง ไม่จ�ำเป็นต้องมีใครมาอธิบายและพยายามหาเหตุผลมาบอกว่าสิ่งนั้นดี แม้วันเวลาผ่านไปสิ่งนั้น ก็ยังคงเป็นสิ่งดี ธรรมาจารย์และฟาริสีดูเหมือนต้องพยายามบอกกับสังคมทุกยุคทุกสมัยว่าพวกเขาเป็นคนดี และหนึ่ง ในความพยายามนั้นก็คือการพูดว่าคนอื่นไม่ดี หรือดีสู้พวกตนไม่ได้ พวกเขาต้องท�ำให้พระเยซูเจ้าดูไม่ดี พวกเขาจะได้ เป็นคนดี อะไรเป็นกุญแจไขความจริงให้ทุกคนได้เป็นคนดีไปสู่ความกระจ่างชัดแจ้งในสัจธรรม ก็ต้องเก็บซ่อนกุญแจ เหล่านั้นเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นได้รู้ความจริง พวกเขาจึงเป็นคนดีที่ต้องพยายามอธิบายว่าตัวเองเป็นคนดีอย่างน่าสงสาร
น.กัลลิสตัส ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี สดด 33:1-3,4-5,13-15 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1
อฟ 1:11-14
พระวรสาร
ลก 12:1-7
พีน่ อ้ ง ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รบั เลือกเป็นพิเศษไว้ลว่ งหน้าตามพระประสงค์ ของพระองค์ผทู้ รงกระท�าทุกสิง่ ให้เป็นไปตามแผนการนัน้ เพือ่ เราจะได้สรรเสริญพระสิริ รุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกที่มีความหวังในพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทัง้ หลายก็เช่นเดียวกันได้ฟงั พระวาจาแห่งความจริง คือ ข่าวดีอนั น�าความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชือ่ แล้ว จึงได้รบั พระจิตเจ้า ซึง่ พระเจ้าทรงสัญญา จะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ และเป็นประกันของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลด ปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เวลานัน้ ขณะทีป่ ระชาชนนับพันๆ คนพากันเบียดเสียดจนเกือบจะเหยียบกัน พระ เยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสกับบรรดาศิษย์ก่อนว่า “จงระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาวฟาริสี คือ ความหน้าซื่อใจคดของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะมีผู้ได้ยินในที่แจ้ง สิ่งที่ท่านกระซิบ ที่หูภายในห้องจะถูกประกาศบนดาดฟ้าของบ้าน เรากล่าวแก่ท่านที่เป็นมิตรของเราว่า อย่าเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กายและหลังจาก นั้นก็ไม่อาจท�าอะไรได้อีก เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่าท่านต้องเกรงกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวผู้ที่ ฆ่าแล้วยังมีอ�านาจโยนท่านลงไปในนรกด้วย ใช่แล้ว เราบอกท่านทั้งหลาย จงเกรงกลัว ผู้นี้เถิด นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่ พระเจ้าทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่าน มีค่ามากกว่านกกระจอกจ�านวนมาก” บุคคลที่เป็นคนไม่ดีแม้จะมีหน้ากากหรือเปลือกห่อหุ้มไว้ดูสวยงาม แต่ที่สุดทุก คนก็จะสัมผัสถึงความใจร้ายอ�ามหิตของคนไม่ดีผู้นั้นได้ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่าอยากรู้จักล�าต้น ก็ดูที่ผลของมัน ไม่มีสิ่งใดที่หลบซ่อนไว้จะไม่ถูกเปิดเผย พระองค์ทรงสอนเราว่า อย่าไปติดเชื้อ แปงของความหน้าซื่อใจคดหรือการแอบซ่อนความชั่วร้ายแบบนี้มา เพราะมันจะเหมือนเชื้อ แปงที่ท�าให้ขนมปังฟูทวีความชั่วให้มากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งมันจะเปิดเผยความชั่วร้ายออกมา แต่ความดีต้องมาจากภายในจิตใจที่บริสุทธิ์ มิใช่เอาแต่ฟูว่าขนาดใหญ่ แต่ภายในมีเพียงฟอง อากาศ เราไปติดเชื้อแปงร้ายแบบนั้นมาเมื่อใด? ก็ตอนที่เราหลงผิดต่อค่านิยม คิดว่าความดี มีอยู่ที่ต�าแหน่งและรูปแบบภายนอก
บทอ่านที่ 1
อฟ 1:15-23
พี่น้อง เมื่อข้าพเจ้ารู้ถึงความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และรู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้า เพื่อท่าน และระลึกถึงท่านทั้งหลายในค�ำอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระเจ้าแห่งพระ เยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่ง ปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ทา่ นเดชะพระจิตเจ้า เพือ่ ท่านจะได้รซู้ งึ้ ถึงพระองค์ยงิ่ ๆ ขึน้ ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึน้ เพือ่ จะรูว้ า่ พระองค์ทรงเรียกท่านให้มี ความหวังประการใด และความรุง่ เรืองทีบ่ รรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิจ์ ะได้รบั เป็นมรดกนัน้ บริบรู ณ์ เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล�้ำเลิศ เพียงใด พระอานุภาพและพละก�ำลังนี้ พระองค์ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมือ่ ทรง บันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้อง ขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอ�ำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกร นายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ทั้งในยุคนี้และในยุคหน้า พระเจ้าทรงวาง ทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระท�ำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์
พระวรสาร
ระลึกถึง น.เทเรซา แห่งอาวีลา พรหมจารี และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 8:1-2ก,3-4ก, 4ข-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
ลก 12:8-12
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะ ยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน ทุกคนที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ผู้ที่กล่าวร้ายต่อพระจิต เจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย เมือ่ เขาจะน�ำท่านไปยังศาลาธรรมต่อหน้าผูป้ กครองและผูท้ รงอ�ำนาจ ท่านทัง้ หลาย อย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะพระจิตเจ้าจะทรง สอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร” ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึน้ เพือ่ จะรูว้ า่ พระองค์ทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการ ใด บางทีเรามองไม่ออกว่าการได้มารู้จักพระเยซูเจ้าและอยู่ในพระศาสนจักรของพระองค์มีคุณค่าสูงส่งมากเพียงใด คุณค่าของการได้เข้ามาร่วมพิธมี สิ ซา คุณค่าของการได้รบั เชิญเข้ามารับศีลมหาสนิท คุณค่าของการได้สวดสายประค�ำ คุณค่าของการได้ไปรับศีลอภัยบาป คุณค่าของการได้อา่ นพระคัมภีรป์ ระจ�ำวัน คุณค่าของการได้รบั ศีลก�ำลัง คุณค่าพระ วินยั ได้ถวายตัวเป็นนักบวช ได้รบั ศีลบวชเป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่วา่ อยูๆ่ ทุกคนจะมีโอกาสได้สวดภาวนา นัง่ ฟังพระคัมภีรใ์ น ชีวิตประจ�ำวันอย่างมีความสุข บางคนแม้เกษียณแล้วหรือมีเวลาว่าง ก็ยังท�ำไม่ได้เลย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทุกคนจะได้ ต้อง มีบุญจริงๆ ถึงจะได้รับความสุขสงบเหล่านี้ จงเก็บเกี่ยววันเวลาแห่งพระพรและของขวัญเหล่านี้จากพระเจ้าเถิด
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1 วันแพรธรรมส�กล วันออกพรรษา
บทอ่านจากหนังสืออพยพ
อพย 17:8-13
เพลงสดุดี
สดด 121:1-2,3-4,5-6,7-8
ในครั้งนั้น ชาวอามาเลขโจมตีชาวอิสราเอลที่เรฟีดิม โมเสสสั่งโยชูวาว่า “จงเลือก ชายบางคนและออกไปสู้รบกับชาวอามาเลขในวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะยืนอยู่บนยอดเนิน ถือไม้เท้าของพระเจ้า” โยชูวาท�าตามที่โมเสสสั่ง ออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข ขณะที่ โมเสส อาโรนและเฮอร์ขึ้นไปบนยอดเนิน เมื่อใดที่โมเสสยกมือขึ้น ชาวอิสราเอลก็ได้ เปรียบ แต่เมื่อเขาลดมือลง ชาวอามาเลขก็กลับได้เปรียบ เมื่อมือของโมเสสเมื่อยล้า อาโรนกับเฮอร์ก็เอาก้อนหินมารองให้โมเสสนั่ง แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันประคองมือ ของโมเสสไว้คนละข้าง ดังนั้น มือของโมเสสก็ชูมั่นอยู่จนตะวันตกดิน โยชูวามีชัยชนะเหนือชาวอามาเลข และฆ่าชาวอามาเลขทุกคนด้วยดาบ ก) ข้าพเจ้าเงยหน้ามองภูเขา ข้าพเจ้าจะได้รับความช่วยเหลือจากที่ใด ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าย่อมมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดิน ข) พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้เท้าของท่านสะดุด ผู้พิทักษ์ท่านจะไม่หลับ ถูกต้องแล้ว พระองค์ผู้ทรงพิทักษ์อิสราเอล ไม่เสด็จเข้าสู่นิทราและไม่บรรทมหลับ ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นร่มเงาปกป้องท่าน ประทับอยู่เบื้องขวาของท่าน ดวงอาทิตย์จะไม่ท�าร้ายท่านในเวลากลางวัน ดวงจันทร์จะไม่ท�าร้ายท่านในเวลากลางคืน ง) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์ท่านไว้ให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาชีวิตของท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิทักษ์ท่านทั้งเมื่อออกไปและเข้ามา บัดนี้และตลอดไป
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 3:14-4:2
ลูกที่รักยิ่ง จงมั่นคงในค�าสอนที่ท่านได้เรียนและมีความเชื่อมั่น ท่านก็รู้ว่าท่าน เรียนรู้จากผู้ใด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กท่านรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยท่านให้มีความ เฉลียวฉลาดเพื่อรับความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู ทุกถ้อยค�าใน พระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้
ปรับปรุงแก้ไข และอบรมให้ด�าเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อ กิจการดีทุกอย่าง ข้าพเจ้าขอก�าชับท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซูผู้จะทรงพิพากษา ทั้งผู้เป็นและผู้ตาย โดยอ้างถึงการส�าแดงพระองค์และ พระอาณาจักรของพระองค์ จงประกาศพระวาจา จง พร้อมสรรพทั้งเมื่อมีโอกาสและเมื่อไม่มีโอกาส จงว่า กล่าว จงตักเตือน จงให้กา� ลังใจ โดยพร�า่ สอนด้วยความ พากเพียรอย่างเต็มที่
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 18:1-8
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจ�าเป็นต้องอธิษฐานภาวนา อยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า “ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ย�าเกรงพระเจ้าและ ไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า ‘กรุณาให้ ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด’ ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมท�าตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะ หนึ่ง จึงคิดว่า ‘แม้ว่าฉันไม่ย�าเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาท�าให้ฉัน ร�าคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังค�าที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความ ยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เรา บอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะ ทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ” พระเยซูเจ้าทรงเน้นความจ�าเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยูเ่ สมอด้วยความเพียรทน และไม่เบือ่ หน่าย พระองค์ไม่เคยสอนศิลปะการเทศน์ เทคนิคการรักษาโรค หรือพิธกี รรมไล่ผใี ห้บรรดาสานุศษิ ย์ แต่พระองค์ทรงสอน พวกเขาให้รู้จักอธิษฐานภาวนา ดั่งเช่นเมื่อสานุศิษย์คนหนึ่งทูลขอพระองค์ “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐาน ภาวนา” (ลก 11:1) พระองค์ตรัสสอนเขาให้สวดบทข้าแต่พระบิดา เราจะพบว่าการภาวนาเป็นกิจการส�าคัญมาก ในชีวิตของพระเยซูเจ้า จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าหากคริสตชนไม่อุทิศเวลาให้กับการสวดภาวนา
ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ ชาวอันติโอค พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 100:1-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
อฟ 2:1-10
พระวรสาร
ลก 12:13-21
พี่น้อง ท่านทั้งหลายตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและเพราะบาป ครั้งหนึ่งท่าน เคยด�ำเนินชีวิตตามโลกียวิสัย อยู่ใต้อ�ำนาจเทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือ จิตที่ท�ำงานอยู่ในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง เราทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อย ตนตามราคตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายต�่ำ เรา จึงน่าจะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอื่น แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรง ส�ำแดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา เมื่อเราตายไปแล้ว เพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรง บันดาลให้เรากลับมีชวี ติ กับพระคริสตเจ้า ท่านได้รบั ความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษทาน พระเจ้าโปรดให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเยซู โปรดให้เรามีทนี่ งั่ ในสวรรค์พร้อม กับพระคริสตเจ้า เพือ่ จะทรงแสดงพระหรรษทานอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทกุ ยุคสมัยในอนาคต โดยทรงพระกรุณาต่อเราในพระคริสตเยซู ท่านได้รับความรอดพ้น เพราะพระหรรษทานอาศัยความเชือ่ ความรอดพ้นนีม้ ไิ ด้มาจากท่าน แต่เป็นของประทาน จากพระเจ้า มิได้มาจากการกระท�ำใดๆ ของท่าน เพื่อมิให้ใครโอ้อวดตนได้ เราเป็นผล งานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่งพระเจ้าทรง ก�ำหนดไว้ล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ เวลานัน้ ประชาชนคนหนึง่ ทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพีช่ ายข้าพเจ้า ให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้ พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวัง และรักษาตัวไว้ให้พน้ จากความโลภทุกชนิด เพราะชีวติ ของคนเราไม่ขนึ้ กับทรัพย์สมบัติ ของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่ เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า ‘ฉันจะท�ำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะท�ำอย่างนี้ จะรือ้ ยุง้ ฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บ ข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมาย เก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดืม่ และสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คน โง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คน ที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้ส�ำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีส�ำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’”
พระเยซูเจ้าสอนเรื่องความโลภ การมีทรัพย์สมบัติ และความสุข พระองค์ชี้ให้เห็นสัจธรรมข้อหนึ่ง ว่า ความสุขนั้นไม่ได้ขึ้นกับมีทรัพย์สมบัติเงินทองจ�ำนวนมาก คนมั่งมีจ�ำนวนไม่น้อยพบอุปสรรคถึงนอนไม่หลับเพราะ ห่วงใยทรัพย์สมบัติที่ตนมี ตรงกันข้าม คนจนจ�ำนวนมากมีความสุขกับชีวิต ทั้งๆ ที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ผ่านเรื่องราว ในอุปมา พระเยซูเจ้าสอนว่า เมื่อมีมากแล้วอย่าเห็นแก่ตัว ให้รู้จักคิดถึงคนอื่น รู้จัก “ให้” รู้จัก “แบ่งปัน” อย่าแล้ง น�้ำใจ การให้ การแบ่งปันคนอื่น ความมีน�้ำใจ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข
บทอ่านที่ 1
2 ทธ 4:10-17
ลูกที่รักยิ่ง เดมาสได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วเพราะเขารักโลกนี้ และไปที่เมืองเธสะ โลนิกา ส่วนเครสเซนซ์ไปยังแคว้นกาลาเทีย และทิตัสไปยังแคว้นดาลมาเธีย เหลือ เพียงลูกาที่ยังอยู่กับข้าพเจ้า จงพามาระโกไปกับท่านด้วย เพราะเขามีประโยชน์ส�าหรับ ข้าพเจ้าในการปฏิบตั ศิ าสนบริการ ข้าพเจ้าส่งทีคกิ สั ไปยังเมืองเอเฟซัส เมือ่ ท่านจะไป จง น�าเสื้อคลุมที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสติดไปด้วย รวมทั้งม้วนหนังสือ โดย เฉพาะม้วนที่ท�าด้วยหนังสัตว์ อเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงท�าร้ายข้าพเจ้าไว้มาก องค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบแทนเขาตามการกระท�าของเขา จงระวังเขาด้วย เพราะเขาต่อ ต้านค�าพูดของข้าพเจ้าอย่างมาก ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้ง ข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ทรงยืนอยูเ่ คียง ข้างและประทานก�าลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้ส�าเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทงั้ หลายจะได้ฟงั ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโตมาได้
พระวรสาร
ลก 10:1-9
ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขา ล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกต�าบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขา ว่า “ข้าวทีจ่ ะเกีย่ วมีมาก แต่คนงานมีนอ้ ย จงวอนขอเจ้าของนาให้สง่ คนงานมาเก็บเกีย่ ว ข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทัง้ หลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนขั ป่า อย่าน�าถุง เงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จง กล่าวก่อนว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุข ของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยใน บ้านนัน้ กินและดืม่ ของทีเ่ ขาจะน�ามาให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนีอ้ อกบ้านโน้น เมือ่ ท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของทีเ่ ขา จะน�ามาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้า อยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’”
วันนี้เป็นวันฉลองนักบุญลูกา ชีวิตในวัยเด็กของท่านไม่ชัดเจนนัก ดูเหมือนว่า ท่านมาจากเมืองอันทิโอกในแคว้นซีเรีย ได้รับการศึกษาที่กรีก กลับใจเป็นคริสตชนในภายหลัง เป็นเพือ่ นเดินทางทีซ่ อื่ สัตย์ของนักบุญเปาโล ไปประกาศข่าวดี ไม่วา่ ในยามล�าบาก ยามอันตราย หรือถูกคุมขัง ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิโมธีในวันนี้บอกว่า “เหลือเพียงลูกาที่ยังอยู่กับ ข้าพเจ้า” น.เปาโลเอ่ยถึง น.ลูกาว่า “แพทย์ที่รัก” (คส 4:11) น.ลูกาเป็นผู้นิพนธ์พระวรสาร และหนังสือกิจการอัครสาวก น.ลูกาเหมือนกับเราตรงที่ไม่ใช่ยิว เชื่อในพระเยซูเจ้า และไม่เคย รู้จักพระองค์เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่
ฉลอง น.ลูกา ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 145:10-11, 12-13,16-19
บทอ่านที่ 1
อฟ 3:2-12
พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธ กิจเพือ่ ประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารูธ้ รรมล�ำ้ ลึกนีเ้ พราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังทีข่ า้ พเจ้า เขียนไว้กอ่ นหน้านีโ้ ดยสังเขป เมือ่ อ่านแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ารูธ้ รรมล�ำ้ ลึกเรือ่ งพระ คริสตเจ้าได้อย่างไร ธรรมล�้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้ พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ น.เปาโล แห่งไม้กางเขน ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระ พระสงฆ์ สัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี ข้าพเจ้ามาเป็นผูร้ บั ใช้ขา่ วดีนเี้ ดชะพระหรรษ น.ยอห์น แห่งเบรเบิฟ ทานทีพ่ ระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพือ่ ส�ำแดงพระอานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าผู้ และ น.อิสอัค โยเกอ ต�ำ่ ต้อยทีส่ ดุ ในบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิไ์ ด้รบั มอบพระหรรษทานนี้ เพือ่ ประกาศให้คนต่างชาติรู้ พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี ถึงความไพบูลย์สดุ ทีจ่ ะหยัง่ รูไ้ ด้ของพระคริสตเจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการล�ำ้ ลึก ซึ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้าพระผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง เพื่อเทพนิกรเจ้า อสย 12:2-3,4-5,6 และเทพนิกรอ�ำนาจในสวรรค์ได้รู้พระปรีชาญาณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ณ บัดนี้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 โดยทางพระศาสนจักร ตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระท�ำให้ส�ำเร็จไปในพระคริสต เยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึง กล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ
พระวรสาร
ลก 12:39-48
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้ง หลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำ� หรับพวกเราหรือส�ำหรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส ว่า “ใครเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบ ซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่นๆ เพื่อปันส่วนอาหารให้ตาม เวลาที่ก�ำหนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขาก�ำลังท�ำดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และเริ่มตบตีผู้รับ ใช้ทั้งชายและหญิง กินดื่มจนเมามาย นายของผู้รับใช้คนนั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขา ไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ท�ำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ ใจนาย แม้ท�ำสิ่งที่ควรจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย” พระเยซูเจ้าสอนแนวทางประพฤติ ปฏิบตั ติ นของคริสตชน พวกเขาควรเป็นดัง่ “ผูจ้ ดั การทีซ่ อื่ สัตย์และ รอบคอบ...ผูร้ บั ใช้คนนัน้ เป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขาก�ำลังท�ำดังนี”้ โดยทางศีลล้างบาปคริสตชนเป็นศิษย์ของพระเยซู คริสตเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร เขามีหน้าทีป่ ระกาศและเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูเจ้าในชีวติ ผูป้ ฏิบตั หิ น้า ทีค่ ริสตชนด้วยความกระตือรือร้น ด้วยความซือ่ สัตย์ตอ่ พระวรสาร จะเป็นผูท้ รี่ กั สมาชิกในบ้านและเพือ่ นบ้านของตนดัง่ ผู้จัดการที่ซื่อสัตย์ เครื่องหมายที่แสดงออกถึงความรักนี้คือการอยู่เคียงข้างพวกเขาในทุกเหตุการณ์ของชีวิต
บทอ่านที่ิ 1
อฟ 3:14-21
พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์พระบิดา ผูท้ รงเป็นทีม่ าของครอบครัวทัง้ หลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละก�าลังแก่ท่านเดชะพระ จิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ ให้ชวี ติ ภายในของท่านเข้มแข็ง ยิง่ ขึน้ พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพ�านักในจิตใจของท่านอาศัยความเชือ่ เมือ่ ท่านฝังรากและ ตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระ คริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผูท้ รงกระท�าทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพทีแ่ สดง พลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ใน พระศาสนจักร และในพระคริสตเยซูทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน
พระวรสาร
ลก 12:49-53
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพือ่ จุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิง่ ทีจ่ ะให้โลกนีล้ กุ เป็นไฟ เรามีการล้าง ที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะส�าเร็จ ท่านคิดว่าเรามาเพื่อน�าสันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราน�า ความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคน จะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยก กับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตร หญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะ แตกแยกกับมารดาของสามี” “ไฟ” ในพระวรสารวันนี้มีสองความหมาย (1) “ไฟ” เป็นสัญลักษณ์ขององค์ พระจิตเจ้า พระจิตเจ้าเสด็จมาเหนือบรรดาอัครสาวกเป็นรูป “เปลวไฟ” ไฟไม่ได้เผาผลาญพวก เขา แต่เสริมพลังพวกเขาให้มีความร้อนรนออกไปประกาศข่าวดี (2) “ไฟ” เป็นสัญลักษณ์ถึง พระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ขณะเดียวกันก็หมายถึงความทรมานที่ บรรดาศิษย์ถูกเบียดเบียน พระองค์เตือนว่า การเสด็จมาของพระองค์นี้ท�าให้เกิดการแตกแยก เนื่องจากมีทั้งผู้ที่เชื่อในพระองค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับพระองค์ พวกหลังนี้จะต่อต้านพระองค์ แต่ พวกแรกเป็นผู้ติดตามพระองค์ คริสตชนจึงเป็นทั้งผู้ที่ได้รับพระพร และผู้แบกกางเขนร่วมกับ พระเยซูเจ้า
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 33:1-2,4-5, 11-12,18-19 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 24:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1
อฟ 4:1-6
พระวรสาร
ลก 12:54-59
พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจ�าเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ด�าเนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระท�าการผ่าน ทุกคน และสถิตในทุกคน เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และ ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คน หน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วท�าไมจึงไม่วินิจฉัยเวลา ปัจจุบันนี้เล่า ท�าไมท่านจึงไม่ตดั สินด้วยตนเองว่าสิง่ ใดถูกต้อง ขณะทีท่ า่ นก�าลังไปศาลกับคูค่ วาม ของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพือ่ มิให้คคู่ วามของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้ พิพากษาและผูพ้ พิ ากษาจะมอบท่านให้แก่ผคู้ มุ และผูค้ มุ จะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่าน ว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะช�าระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย” พระเยซูคริสตเจ้าให้บทเรียนกับประชาชนที่ห้อมล้อมพระองค์ว่า ขณะที่พวก เขามีความฉลาดฝายโลกนั้น พวกเขาก็ควรมีความฉลาดด้านชีวิตฝายจิตวิญญาณของพวกเขา ด้วย พระเยซูเจ้าประณามชาวยิวว่าน่าซื่อใจคด เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นคนฉลาด สามารถ ท�านายดินฟาอากาศได้ แต่พวกเขามองไม่เห็นเครื่องหมายแห่งการเสด็จมาของพระผู้ไถ่ ด้วย เหตุนจี้ งึ ไม่ร้แู ละไม่ยอมรับทีจ่ ะเชือ่ ในพระองค์ เป็นเรือ่ งเศร้าที่พวกเขาไม่ตระหนักถึงการเสด็จ มาของพระเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสสอนเป็นค�าเปรียบเทียบต่อไปอีกว่า หากตระหนักได้ว่าเรา ท�าบาปผิดต่อพระเจ้า เราต้องรีบกลับใจและคืนดีกับพระองค์
บทอ่านที่ 1
อฟ 4:7-16
พระวรสาร
ลก 13:1-9
พีน่ อ้ ง เราแต่ละคนได้รบั พระหรรษทานตามสัดส่วนทีพ่ ระคริสตเจ้าประทานให้ ดัง นั้น จึงมีค�ำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงน�ำบรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์” ค�ำว่า “พระองค์เสด็จขึน้ ” นัน้ หมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ ระลึกถึง ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบือ้ งล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผเู้ สด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับ ผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ พระองค์ น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผูป้ ระกาศข่าวดี บาง สดด 122:1-2,3-5 คนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้ส�ำหรับงานรับใช้ เสริม สร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันใน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ตามมาตรฐานความ สมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่อง ลอยไปตามกระแสค�ำสั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้ หลงผิดอีกต่อไป แต่ให้เราด�ำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ใน พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร พระองค์ทรงท�ำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมก�ำลังให้แต่ละส่วนท�ำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเอง อย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขา ก�ำลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลี ทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศ ไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิดมากกว่าคน อื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่าน จะพินาศไปเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรือ่ งนีว้ า่ “ชายผูห้ นึง่ ปลูกต้นมะเดือ่ เทศต้นหนึง่ ในสวนองุน่ ของตน เขามามอง หาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จง โค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’” พระเยซูเจ้าเชิญชวนประชาชนที่ห้อมล้อมพระองค์และเราด้วยให้กลับใจ ละทิ้งบาป คืนดีกับพระเจ้า มิฉะนัน้ แล้วชะตาชีวติ ของเราก็จะเหมือนกับต้นมะเดือ่ เทศทีไ่ ร้ผล ย่อมถูกโค่นทิง้ ได้เสมอ ฉะนัน้ สิง่ จ�ำเป็นทีค่ ริสตชนแต่ละ คนต้องแสวงหาคือคุณค่าอันสูงสุดแท้จริงของชีวิต การแสวงหาเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเป็นสิ่งที่พระวรสารในวันนี้ เรียกว่า “การกลับใจ” อันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น พระเป็นเจ้ารอคอยการกลับใจของเราด้วยความอดทน กระนั้นก็ตามพระองค์ไม่ทรงล�ำเอียง พระองค์ทรงมีความยุติธรรม ให้รางวัลคนดี ลงโทษคนชั่ว
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2 วันปยมหาราช
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา
บสร 35:12-14,16-18
เพลงสดุดี
สดด 34:1-2,16-18,19-20,22
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง พระองค์ไม่ทรงล�าเอียงท�าให้ผู้ยากจนต้องได้รับความเสียหาย แต่ทรงฟังค�าวอนขอของ ผูถ้ กู ข่มเหง พระองค์ไม่ทรงเมินเฉยต่อค�าวอนขอของลูกก�าพร้า และไม่ทรงเมินเฉยเมือ่ หญิงม่ายระบายความทุกข์แด่พระองค์ ผู้ใดเต็มใจรับใช้พระเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับของ พระองค์ ค�าวอนขอของเขาจะขึน้ ไปถึงเมฆ ค�าอธิษฐานของผูต้ า�่ ต้อยทะลุเมฆขึน้ ไป และ จะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รบั ความบรรเทา จะไม่หยุดจนกว่าพระผูส้ งู สุดจะเสด็จมาเยีย่ ม และตัดสินประกาศความบริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล ค�าสรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาผู้ต�่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) พระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอริกับผู้ท�าความชั่ว มิให้ใครในแผ่นดินระลึกถึงเขาอีกต่อไป บรรดาผู้ชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่มีใจเป็นทุกข์ ทรงกอบกู้ผู้ที่มีจิตใจส�านึกผิด ค) แม้ผู้ชอบธรรมจะประสบความทุกข์ร้อนมากมาย องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงช่วยเขาให้พ้นจนหมด พระองค์ทรงดูแลกระดูกของเขาทุกชิ้น มิให้แตกหักแม้เพียงชิ้นเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่กู้ชีวิตของผู้รับใช้พระองค์ ผู้ลี้ภัยมาพึ่งพระองค์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษ
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:6-8,16-18
ลูกที่รักยิ่ง ชีวิตของข้าพเจ้าก�าลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อไว้ แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษา อย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะ ประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการส�าแดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้ง
ข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ทรงยืนอยูเ่ คียงข้างและประทานก�าลัง แก่ขา้ พเจ้า เพือ่ การประกาศข่าวดีจะได้สา� เร็จไปโดยทาง ข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปากสิงโตมาได้ องค์พระผู้ เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้าย ทั้งสิ้น และจะทรงน�าข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่ พระองค์ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 18:9-14
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเล่าอุปมาเรื่องนี้ให้บาง คนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า “มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจ�าศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ ทั้งหมดของข้าพเจ้า’ ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ ข้อน-อก พูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ ต�่าลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” สิง่ ทีช่ าวฟาริสกี ล่าวในค�าภาวนานัน้ เป็นความจริง เป็นความจริงทีเ่ ขาไม่ใช่ขโมย เขาไม่ผดิ ประเวณี และก็ถวายเงินให้พระวิหาร แต่กจิ การดีทงั้ หลายนัน้ ท�าให้เขาตาบอด หยิง่ จองหองและแข็งกระด้างต่อเพือ่ นมนุษย์ เขาจึงเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้า คนเก็บภาษีมองเห็นตัวเองในความจริงเช่นกัน เขายอมรับ ตัวเองว่าเป็นคนบาป ภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” พระเยซูเจ้า ประกาศว่า บทภาวนานีไ้ ม่เพียงแต่เป็นทีพ่ อพระทัยพระเจ้าเท่านัน้ แต่ยงั เป็นบทภาวนาทีช่ อบธรรมด้วย พระเจ้า พอพระทัยค�าภาวนาของผู้วอนขอที่มีความสุภาพถ่อมตน
น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
อฟ 4:32-5:8
พระวรสาร
ลก 13:10-17
พี่น้อง จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยท่าน ในองค์พระคริสตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายจงท�ำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์ จง ด�ำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็น เครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า ในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย อย่าให้มกี ารผิดประเวณี ความลามกโสมมต่างๆ หรือความโลภ อย่าให้มแี ม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ อย่าให้มที งั้ การพูดหยาบ คาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่จงขอบพระคุณจะดีกว่า ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็น เสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของ พระเจ้าเลย อย่าให้ใครใช้ค�ำพูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและท�ำความ ผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย ในอดีตท่าน เคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงด�ำเนินชีวิตเช่น บุตรแห่งความสว่างเถิด ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคน หนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซู เจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความ พิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึง กล่าวแก่ประชาชนว่า “วันที่ท�ำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้น เถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน�้ำในวันสับบาโตดอกหรือ หญิงผู้ นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะ ถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้าน ทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ ทั้งหลายที่ทรงกระท�ำ
พระเยซูเจ้ารักษาสตรีซึ่งพิการมาสิบแปดปีแล้วให้หายจากโรค เป็นอีกหนึ่งอัศจรรย์ที่ทรงกระท�ำด้วย พระเมตตาของพระองค์เอง ไม่ผา่ นใครและไม่มผี ใู้ ดวอนขอ แม้แต่หญิงคนนัน้ เอง ทัง้ ๆ ทีว่ นั นัน้ เป็นวันต้องห้าม เพราะ เป็นวันสับบาโต ซึง่ แสดงให้เราเห็นว่าความเมตตาของพระเยซูเจ้านัน้ มาก่อนกฎเกณฑ์ ด้วยความตืน่ เต้นและรูส้ กึ ซาบซึง้ เมื่อรู้ว่าตนเองหายจากโรค สตรีนั้น “ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” สิ่งดีๆ ล้วนมาจากพระเจ้า เป็นการเหมาะสมที่จะ ขอบพระคุณพระองค์ส�ำหรับสิ่งดีๆ ในชีวิต นี่เป็นสิ่งดีที่คริสตชนควรจะท�ำ
บทอ่านที่ 1
อฟ 5:21-33
พี่น้อง จงยอมอยู่ใต้อ�านาจของกันและกันด้วยความเคารพย�าเกรงพระคริสต เจ้า ภรรยาจงยอมอยู่ใต้อ�านาจของสามีเหมือนยอมอยู่ใต้อ�านาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายให้รอดพ้น พระศาสนจักรยอมอยู่ ใต้อ�านาจของพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ต้องยอมอยู่ใต้อ�านาจของสามีทุกเรื่องฉันนั้น สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์ เพื่อพระศาสนจักร ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น�้าและพระวาจาช�าระ พระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากต�าหนิริ้วรอยหรือสิ่งใดๆ ในลักษณะดังกล่าว เช่นเดียวกัน สามีตอ้ งรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผูท้ รี่ กั ภรรยาก็รกั ตนเอง เพราะไม่มใี ครเกลียด ชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระท�า เช่นเดียวกันกับพระศาสนจักร เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์ พระคัมภีร์ กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะ เป็นเนื้อเดียวกัน” ธรรมล�้าลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับ พระศาสนจักร ดังนั้น แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จง เคารพย�าเกรงสามี
พระวรสาร
ลก 13:18-21
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งใด เราจะเปรียบพระอาณาจักรกับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งชายคนหนึ่งทิ้งไว้ในสวนของตน มันเติบโต ขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งบรรดานกในอากาศมาท�ารังอาศัยบนกิ่งได้” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด พระ อาณาจักรก็เหมือนกับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งน�ามาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งฟู ขึ้นทั้งหมด”
พระเยซูคริสตเจ้าพูดถึงพระอาณาจักรพระเจ้าในรูปแบบของค�าเปรียบเทียบ ในแง่ของสัญลักษณ์แห่งความลึกลับ “เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ด” ซึ่งเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุดแต่มี พลังลึกลับในตัว เมื่อมันงอกขึ้นมาแล้วจะเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ซึ่งนกในอากาศมาท�ารัง และอาศัยอยู่ได้ อาณาจักรพระเจ้าก็จะเริ่มต้นเล็กๆ เช่นนี้ ด้วยผู้ติดตามพระเยซูเจ้าไม่กี่คน แต่ จะเติบโตขยายไปทั่วโลก มีลักษณะเป็นสากล มนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ จะพบที่อยู่ อาศัยและอาหารในพระอาณาจักรทีเ่ ริม่ อย่างต�า่ ต้อยทีท่ รงพลังลึกลับนีบ้ ทเรียนคือ อย่ามองแต่ ภายนอก
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 128:1-2,3,4-5 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 145:10-11, 12-13กข,13ค-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร
อฟ 6:1-9
บุตรทัง้ หลาย จงเชือ่ ฟังบิดามารดา ในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพราะการท�ำเช่นนีถ้ กู ต้อง “พระบัญญัตทิ วี่ า่ จงให้เกียรติบดิ ามารดา” เป็นพระบัญญัตแิ รกซึง่ มีพระสัญญาควบคูอ่ ยู่ ด้วยว่า “แล้วท่านจะอยู่บนแผ่นดินอย่างเป็นสุข และมีอายุยืน” บิดา อย่าย�้ำสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลัก ธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทาส จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายในโลกนี้ด้วยความเคารพย�ำเกรงจากใจจริง ประหนึ่ง เชื่อฟังองค์พระคริสตเจ้า อย่าท�ำดีรับใช้ต่อหน้าเหมือนจะให้มนุษย์พอใจเท่านั้น แต่จง เป็นเสมือนทาสรับใช้พระคริสตเจ้า ท�ำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง จงรับใช้ ด้วยความเต็มใจเหมือนกับรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า มิใช่รับใช้มนุษย์ ท่านรู้อยู่แล้วว่าถ้า แต่ละคนท�ำดีไว้อย่างไร ก็จะได้รับค่าตอบแทนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าเขาจะเป็น ทาสหรือเป็นอิสระก็ตาม เจ้านาย จงปฏิบัติต่อทาสเช่นเดียวกัน จงละเว้นการข่มขู่ต่างๆ ท่านย่อมรู้อยู่ว่า พระองค์ผู้ทรงเป็นนายทั้งของท่านและของเขานั้นสถิตในสวรรค์และไม่ทรงล�ำเอียง
ลก 13:22-30
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุง เยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับเขาทั้ง หลายว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้า ไม่ได้” เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า “นายเจ้าข้า เปิดประตู ให้พวกเราด้วย” แต่เขาจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด” แล้วท่านก็จะพูดว่า “พวกเราได้กินได้ดื่ม อยู่กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา” แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า “เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไป ให้พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่ท�ำการอยุติธรรม” เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะร�่ำไห้คร�่ำครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและ ยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ท่านทั้งหลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็น กลุ่มสุดท้าย” พระวรสารวันนี้เป็นค�ำเปรียบเทียบ เพื่อสะกิดใจคนที่มีความเชื่อเพียงผิวเผินในพระเจ้า ไม่สนใจที่จะ กลับใจ ชักช้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นตามกฎบัญญัติของพระเจ้า พระองค์สอนว่าคนเราไม่เพียงแต่คิดแสวงหา ความรอดเท่านัน้ ก่อนอืน่ หมดต้องออกแรงมุง่ มัน่ บากบัน่ เพือ่ ให้ได้รบั ความรอดนีอ้ ย่างสุดความสามารถ คริสตชนมีพระ เยซูเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางพวกเขาทั้งวันคืน พวกเขาเรียกพระองค์ว่า “พระอาจารย์” กระนั้นก็ตามพระองค์อาจตรัส กับคนใดคนหนึ่งว่า “ไปให้พ้นจากเราเถิด เจ้าที่ท�ำการอยุติธรรม”
บทอ่านที่ 1
อฟ 6:10-20
พี่น้อง สุดท้ายนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงตักตวง พลังจากพระพลานุภาพของพระองค์ จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพือ่ ท่านจะยืน หยัดต่อต้านเล่ห์กลของปีศาจได้ เพราะเรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกร เจ้า และเทพนิกรอ�านาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิต แห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงสวมใส่อาวุธครบชุดของ พระเจ้า เพื่อจะต้านทานทุกสิ่งได้ในวันเลวร้าย และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด จงยืนหยัดมัน่ คง จงคาดสะเอวด้วยความจริง จงสวมความชอบธรรมเป็นเสือ้ เกราะ จงสวมความกระตือรือร้นทีจ่ ะประกาศข่าวดีแห่งสันติเป็นรองเท้า จงถือความเชือ่ เป็นโล่ ไว้เสมอ เพื่อใช้ดับธนูไฟของมาร จงใช้ความรอดพ้นเป็นเกราะป้องกันศีรษะ จงถือดาบของพระจิตเจ้าคือพระวาจา ของพระเจ้าไว้ จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจค�าอธิษฐานวอนขอ ต่างๆ ทุกโอกาส จงตื่นเฝ้า อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จง อธิษฐานภาวนาเพื่อข้าพเจ้าด้วย พระองค์จะได้ประทานถ้อยค�าให้ข้าพเจ้ามีโอกาสเปิด ปากพูด และประกาศธรรมล�้าลึกของข่าวดีได้อย่างองอาจ ข้าพเจ้าเป็นทูตที่ถูกจองจ�า เพราะข่าวดีนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญที่จะพูดอย่างเหมาะสมด้วยเถิด
พระวรสาร
ลก 13:31-35
เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าว่า “ท่านจงเดินทางออกไปจาก ที่นี่เถิด เพราะกษัตริย์เฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงไปบอกเจ้า สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นว่าเราขับไล่ปีศาจและรักษาโรค วันที่สาม เราจะบรรลุถึงเป้าหมาย แต่วันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เราจะต้องเดินทางต่อไป เพราะประกาศกจะตายนอกกรุง เยรูซาเล็มไม่ได้ เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กีค่ รัง้ กีห่ นแล้วทีเ่ ราต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนดังแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปกี แต่ เจ้าไม่ตอ้ งการ บัดนี้ บ้านของท่านทัง้ หลายจะต้องถูกทิง้ ร้าง เราบอกท่านทัง้ หลายว่า ท่าน จะไม่เห็นเราอีกจนถึงเวลาที่ท่านจะกล่าวว่า ‘ขอถวายพระพรแด่ผู้ที่มาในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า’” พระเยซูเจ้าพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะถูก จับทรมาน ถูกตรึงกางเขน “ประกาศกจะตายนอกกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้” การหลีกหนีจากเฮโรด จึงไม่มีประโยชน์และความหมายใดๆ ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ท�านายถึงสิ่งที่จะเกิด ขึ้นกับกรุงเยรูซาเล็มด้วย สาเหตุเพราะความดื้อรั้นของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ พระเจ้ามีพระ ประสงค์จะปกปองเมืองนี้ “เหมือนแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก” แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับ “แต่เจ้า ไม่ต้องการ” บทเรียน คนรู้จักยอมเป็นคนน่ารัก
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 114:1,2,9-11ก ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
ฉลอง น.ซีโมน น.ยูดาห์ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4
บทอ่านที่ 1
อฟ 2:19-22
พระวรสาร
ลก 6:12-19
พี่น้อง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้มาขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติ กับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดย มีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระ คริสตเจ้าทรงท�าให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์ พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันก�าลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนา ต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัด เลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์ น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาส บุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมา ยูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบ แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจ�านวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุง เยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และ รับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ท่ีถูกปีศาจรบกวนได้รับการรักษา ด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย บ่อยครั้งพระเยซูเจ้าเสด็จไปสู่ที่เปลี่ยวหรือบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนา พระองค์ภาวนาบ่อยๆ ภาวนาแม้ก่อนเลือกบรรดาอัครสาวก พระองค์เลือกพวกเขาให้มาอยู่ ใกล้ชดิ เพือ่ รูจ้ กั พระองค์ เรียนรูส้ งิ่ ทีพ่ ระองค์ทรงสอน หลังจากทีพ่ ระองค์สนิ้ พระชนม์และกลับ คืนพระชนมชีพ จะได้ออกไปประกาศข่าวดีในนามของพระองค์ คริสตชนทุกคนต้องใกล้ชิดกับ พระเยซูเจ้า เรียนรู้จักพระองค์โดยอ่านพระวาจา ไม่มีใครเป็นสานุศิษย์อย่างแท้จริงได้ หาก ไม่มีประสบการณ์ความรักของพระองค์ และมีพระองค์เป็นศูนย์กลางแห่งชีวิต
บทอ่านที่ 1
ฟป 1:18ข-26
พี่น้อง พระคริสตเจ้าก็ทรงได้รับการประกาศแล้ว เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงมีความ ยินดี และจะยินดีตอ่ ไป ข้าพเจ้ารูว้ า่ สิง่ นีจ้ ะท�าให้ขา้ พเจ้ารอดพ้น ด้วยค�าอธิษฐานภาวนา ของท่านทั้งหลายและด้วยความช่วยเหลือจากพระจิตของพระเยซูคริสตเจ้า ตามที่ ข้าพเจ้ามุ่งมั่นรอคอยอย่างกระตือรือร้นและหวังว่า ข้าพเจ้าจะไม่อับอายเลย แต่จะพูด อย่างกล้าหาญว่า พระคริสตเจ้าจะทรงได้รบั เกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือน กับในอดีต ไม่วา่ ข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชวี ติ อยูก่ ค็ อื พระคริสต เจ้า และการตายก็เป็นก�าไร หากการมีชวี ติ อยูใ่ นโลกนีเ้ ป็นโอกาสให้ขา้ พเจ้าท�างานได้ผล แล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี ข้าพเจ้ารู้สึกลังเล คือปรารถนาจะพ้นจากชีวิตนี้ไป เพือ่ อยูก่ บั พระคริสตเจ้า ซึง่ จะเป็นการดีกว่ามาก แต่การมีชวี ติ อยูใ่ นโลกนีต้ อ่ ไปก็จา� เป็น อย่างยิ่งส�าหรับท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามั่นใจเช่นนี้แล้วข้าพเจ้าก็รู้ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ต่อ ไปและอยูเ่ คียงข้างท่านทุกคน เพือ่ ช่วยให้ทา่ นก้าวหน้าและชืน่ ชมในความเชือ่ เพือ่ ท่าน ทัง้ หลายจะได้ภมู ใิ จพระคริสตเยซูยงิ่ ขึน้ เพราะข้าพเจ้าได้กลับมาอยูก่ บั ท่านอีกครัง้ หนึง่
พระวรสาร
ลก 14:1,7-11
วันสับบาโตวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารทีบ่ า้ นของหัวหน้าชาว ฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับ เขาว่า “เมือ่ มีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนัง่ ในทีท่ มี่ เี กียรติ เพราะถ้ามีคน ส�าคัญกว่าท่านได้รบั เชิญมาด้วย เจ้าภาพทีเ่ ชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ ทีน่ งั่ แก่ผนู้ เี้ ถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนัง่ ทีส่ ดุ ท้าย แต่เมือ่ ท่านได้รบั เชิญ จงไปนัง่ ใน ที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้ เถิด’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูก กดให้ต�่าลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” เมือ่ เห็นนักกฎหมายและฟาริสตี า่ งเลือกทีน่ งั่ ทีม่ เี กียรติ ส่อถึงความหยิง่ จองหอง ในการยึดมั่นในความเป็นใหญ่ ซึ่งส่งผลถึงการแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก พระเยซูเจ้า จึงฉวยโอกาสนั้นสอนเรื่องความสุภาพอ่อนโยน ว่าเป็นฤทธิ์กุศลที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ถึงกับกล่าว ว่า “ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” พระเยซูเจ้ามองกิจการต่างๆ ที่เราท�าอยู่ เสมอ แม้เป็นสิ่งเล็กน้อย ให้เราตระหนักถึงความจริงข้อนี้ นักบุญเอากุสตินกล่าวว่า “ความ หยิ่งจองหองเปลี่ยนเทวดาเป็นปีศาจ ความสุภาพอ่อนโยนท�าให้มนุษย์เหมือนกับเป็นเทวดา” นี่คืออานุภาพของการถ่อมตน
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 42:1,2,4 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ
สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
ปชญ 11:22-12:2
เฉพาะพระพักตร์พระองค์ สกลจักรวาลเปรียบเสมือนฝุน่ ผงบนตาชัง่ เหมือนน�า้ ค้าง ยามเช้าหยดหนึง่ ทีต่ กบนพืน้ ดิน แต่พระองค์ทรงพระเมตตาต่อทุกคน เพราะพระองค์ทรง กระท�าได้ทุกอย่าง ทรงมองข้ามบาปของมนุษย์ เพื่อเขาจะได้เป็นทุกข์กลับใจ พระองค์ ทรงรักทุกสิ่งที่มีอยู่ ไม่ทรงรังเกียจสิ่งใดที่ทรงเนรมิต เพราะถ้าพระองค์ทรงเกลียดสิ่ง ใด ก็คงจะไม่ทรงเนรมิตสิ่งนั้น หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์สิ่งใด สิ่งนั้นจะด�ารงอยู่ได้ อย่างไร สิ่งนั้นจะคงอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถ้าพระองค์ไม่ทรงเรียกให้เกิดขึ้น ข้าแต่องค์ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักทุกสิ่งที่มีชีวิต พระองค์ทรงพระกรุณาต่อทุกสิ่ง เพราะ ทุกสิ่งเป็นของพระองค์ พระจิตไม่รู้เสื่อมสลายของพระองค์อยู่ในทุกสิ่ง ดังนั้น ข้าแต่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงลงโทษผู้ท�าผิดทีละน้อย ทรงตักเตือนและชักชวน ให้เขาระลึกถึงบาปทีเ่ ขาก�าลังท�าอยู่ เขาจะได้ละทิง้ ความชัว่ และมีความเชือ่ ในพระองค์
เพลงสดุดี
สดด 145:1-2,8-10,11-12,13-14
ก) ข้าแต่พระเจ้า พระราชาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเทิดพระเกียรติพระองค์ และจะถวายพระพรแด่พระนามพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ทุกวัน จะสรรเสริญพระนามพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ ข) องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานและทรงพระเมตตากรุณา กริ้วช้าและทรงความรักมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระทัยดีต่อทุกคน ความอ่อนโยนของพระองค์ครอบคลุมสิ่งสร้างทั้งมวล ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้สิ่งสร้างทั้งมวลสรรเสริญพระองค์ ขอให้ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ถวายพระพรแด่พระองค์ ค) เขาจะพูดถึงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระอาณาจักรของพระองค์ และเล่าถึงพระอานุภาพของพระองค์ บุตรแห่งมนุษย์จะได้รู้ถึงพระอานุภาพของพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์และความรุ่งเรืองแห่งพระอาณาจักรของพระองค์ ง) พระอาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรที่ด�ารงอยู่ตลอดไป อ�านาจปกครองของพระองค์คงอยู่ทุกยุคทุกสมัย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาทุกถ้อยค�าของพระองค์ ทรงความรักมั่นคงในพระราชกิจทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงค�้าจุนทุกคนที่ก�าลังจะล้ม และทรงพยุงทุกคนที่ล้มให้ลุกขึ้น
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึง ชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่สอง 2 ธส 1:11-2:2
พีน่ อ้ ง ด้วยเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานภาวนาเพือ่ ท่านทัง้ หลายอยูเ่ สมอ ขอพระเจ้าของเราโปรดให้ทา่ นเหมาะสม กับการทีพ่ ระองค์ทรงเรียก และขอพระองค์ทรงบันดาล เจตจ�ำนงที่ดีทุกอย่างของท่าน รวมทั้งกิจการแห่งความ เชื่อให้บรรลุผลส�ำเร็จเดชะพระอานุภาพของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระนามพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของ เราจะได้รับเกียรติเพราะท่าน และท่านก็จะได้รับเกียรติ เดชะพระองค์ตามพระหรรษทานของพระเจ้าของเรา และของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุม ของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะค�ำพยากรณ์ที่ อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะค�ำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้ เป็นเจ้ามาถึงแล้ว
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา
ลก 19:1-10
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและก�ำลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคน มากและเพราะเขาเป็นคนร่างเตีย้ เขาจึงวิง่ น�ำหน้าไป ปีนขึน้ ต้นมะเดือ่ เทศ เพือ่ ให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะ พระองค์กำ� ลังจะเสด็จผ่านไปทางนัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงทีน่ นั่ ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ ทอดพระเนตร ตรัสกับเขาว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักทีบ่ า้ นท่านวันนี”้ เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ดว้ ย ความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป” ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้า ข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้ เขาสี่เท่า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและช่วยคนเลวทรามเสียไปให้รอดพ้น”
อัศจรรย์แห่งความรัก เมตตา ให้อภัย : พระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นก่อนโดยเปิดโอกาสให้คนบาป “...เราจะไป พักที่บ้านของท่านในวันนี้” แสดงถึงความรัก เมตตา และให้อภัย เพื่อคนบาปจะได้ส�ำนึกผิด กลับใจ และเริ่มต้น ชีวิตใหม่ในพระ ดังเช่นศักเคียสที่เปิดใจและใจกว้าง... คืนดีกับพระและพี่น้อง คืนให้สี่เท่า แล้วความรอดและชีวิต ใหม่ก็กลับคืนมาจากความมืดสู่แสงสว่าง ตายไปแล้วกลับมีชีวิตใหม่ นี่คืออัศจรรย์แห่งความรัก และความเมตตา ของพระมีต่อเราคริสตชนเสมอ
สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 131:1,2,3 ทำ�วัตรสัปด�ห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1
ฟป 2:1-4
พระวรสาร
ลก 14:12-14
พี่น้อง ถ้าท่านได้รับก�าลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ถ้าท่านได้รับ ก�าลังใจจากความรัก ถ้าท่านเป็นหนึง่ เดียวกันในพระจิตเจ้า ถ้าท่านเห็นอกเห็นใจสงสาร กัน ท่านจงท�าให้ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมโดยการเป็นน�้าหนึ่งใจเดียวกัน มี ความรักแบบเดียวกัน มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกัน อย่าท�าการใดเพื่อชิงดีกันหรือ เพือ่ โอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผูอ้ นื่ ดีกว่าตน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จงเห็นแก่ผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค�่า อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือ เพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัด งานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะ คนเหล่านัน้ ไม่มสี งิ่ ใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รบั การตอบแทนจากพระเจ้าเมือ่ ผูช้ อบ ธรรมกลับคืนชีวิต” พระเยซูคริสตเจ้าสอนหัวหน้าฟาริสซี งึ่ เชิญพระองค์ไปรับประทานอาหารทีบ่ า้ น ของตน เรือ่ งความรักและการให้ทาน พระองค์บอกว่า สิง่ ของและเงินทองทีม่ นี นั้ จะมีความหมาย และคุณค่ามากกว่าหากใช้จา่ ยเพือ่ ความต้องการของคนยากจนแทนการจัดงานเลีย้ งหรูหราเพือ่ คนรวย พระเยซูเจ้าก�าลังสะกิดเตือนใจเราให้ตระหนักว่า เราเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการ ส่งเสริมผู้ยากไร้ในลักษณะที่ให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มที่ สิ่งนี้เรียกร้อง พวกเราให้ฟงั เสียงของผูย้ ากไร้ และช่วยเหลือพวกเขา “ผูม้ ใี จเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะ ได้รับพระเมตตา” (มธ 5:7)