บทอ่านที่ 1 อสย 66:10-14 ท่านทัง้ หลายจงยินดีกบั กรุงเยรูซาเล็ม ท่านทัง้ หลายทีร่ กั กรุงเยรูซาเล็ม จงชืน่ ชม กับกรุงนีเ้ ถิด ท่านทัง้ หลายทีเ่ คยไว้ทกุ ข์ให้กรุงเยรูซาเล็ม จงร่วมยินดีกบั กรุงนีด้ ว้ ยความ ชืน่ บานเถิด ท่านจะได้รบั การปลอบโยนอย่างเต็มเปีย่ มจากกรุงเยรูซาเล็ม ทารกมีความ ยินดีเมื่อดูดนมจากทรวงอกของมารดาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะมีความยินดีจากความ ฉลอง น.เทเรซา อุดมสมบูรณ์ของกรุงนี้ฉันนั้น แห่งพระกุมารเยซู เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะบันดาลให้สันติสุขหลั่งไหลมาสู่ พรหมจารี กรุงนีเ้ หมือนแม่นาํ้ จะนำ�ความมัง่ คัง่ ของนานาชาติมายังกรุงนีเ้ หมือนสายนํา้ ทีก่ ำ�ลังล้น และนักปราชญ์ ฝั่ง กรุงนี้จะอุ้มท่านทั้งหลายไว้ ให้ท่านดูดนม และหยอกล้อท่านบนตัก มารดา แห่งพระศาสนจักร ปลอบโยนบุตรฉันใด เราก็จะปลอบโยนท่านทัง้ หลายฉันนัน้ ท่านจะได้รบั การปลอบโยน สดด 131:1,2-3 ในกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทัง้ หลายจะเห็น และใจของท่านจะโลดเต้นยินดี กระดูกของท่าน จะสดชื่นขึ้นเหมือนหญ้าอ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพแก่ผู้รับใช้ ของพระองค์ แต่จะทรงพระพิโรธต่อบรรดาศัตรู” พระวรสาร มธ 18:1-5 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวก เขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา”
สำ�หรับพระเยซูเจ้าแล้ว ผูท้ ยี่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในพระอาณาจักรสววรค์คอื ผูท้ เี่ ป็น เหมือนเด็กๆ เราทุกคนชื่นชมยินดีเมื่อเห็นเด็กๆ มีความสุข เรามักจะคิดถึงความสุขสมัย เด็กๆ หรือเราได้ยินคนพูดเสมอว่าอยากกลับไปเป็นเหมือนเด็กๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็แสดง ว่าเราทุกคนปรารถนาที่จะเข้าไปในพระอาณาจักรพระเจ้า และที่สำ�คัญเราทุกคนเคยมี ประสบการณ์แห่งพระอาณาจักรพระเจ้ามาแล้ว สิ่งเดียวที่เราต้องการก็คือ ความสุขและ ความวางใจเหมือนเด็กๆ ให้เรารำ�พึงถึงความสุขในวัยเด็กและมอบตัวเองไว้ในพระหัตถ์ ของพระเจ้าด้วยความวางใจ สัมผัสความรักอันไม่มีขอบเขตของพระองค์ รับรู้ถึงความ อบอุ่นแห่งความเมตตาและความรักของพระองค์ ในวันนี้ที่เราฉลองนักบุญเทเรซาแห่ง พระกุมารเยซู ท่านได้เป็นแบบอย่างของการมอบตนเองต่อหน้าพระเจ้าแบบเด็กๆ และ เข้าสู่อาณาจักรของพระองค์
บทอ่านที่ 1 อพย 23:20-23ก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เราจะส่งทูตสวรรค์ไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง และนำ�ท่านไปถึง สถานที่ที่เราจัดเตรียมไว้ จงเคารพทูตสวรรค์และเชื่อฟังถ้อยคำ�ของเขา อย่าต่อต้าน เพราะเขาทำ�ไปในนามของเรา และจะไม่ยอมอภัยความผิดของท่านเลย แต่ถา้ ท่านเชือ่ ระลึกถึง ฟังเขาและทำ�ตามที่เราสั่งทุกประการ เราจะเป็นศัตรูกับศัตรูของท่าน เป็นปฏิปักษ์กับ ทูตสวรรค์ผู้อารักขา ปฏิปักษ์ของท่าน ทูตสวรรค์ของเราจะเดินข้างหน้าและนำ�ท่าน” สดด 91:1-2,3-5,6,9-11
พระวรสาร มธ 18:1-5,10 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวก เขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา จงระวังให้ดี อย่า ดูหมิ่นคนธรรมดาๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ พระองค์ต้องการสอนให้เราแต่ละคนมีจิตใจที่ บริสุทธิ์ นอบน้อม ถ่อมตน ซื่อๆ เหมือนเด็กเล็กๆ และทรงตักเตือนเราว่า ตัวเราเองนั้นไม่ ได้สมบูรณ์ครบทุกอย่าง แต่เรายังมีความผิดบกพร่อง อ่อนแอ และต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้ได้รับความรอด เพราะฉะนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงยํ้าเตือนเราด้วยความรักอย่างไม่มี เงื่อนไขใดๆ เพียงแค่เรารู้จักสุภาพถ่อมตน มีจิตใจเหมือนเด็กๆ และเอาชนะจิตใจของเรา เองได้ เราก็คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 โยบ 9:1-12,14-16 โยบจึงตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารู้อย่างที่ท่านพูดว่า คนเราจะเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์ พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ ในหนึ่งพันครั้งผู้นั้นก็ตอบ พระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชารู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพทำ�ได้ทุก สัปดาห์ที่ 26 อย่าง ผูใ้ ดต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวติ อยูไ่ ด้ พระองค์ทรงเคลือ่ นย้ายภูเขาโดยทีภ่ เู ขา เทศกาลธรรมดา ไม่รู้ตัว เมื่อพระองค์กริ้ว ก็ทรงทำ�ให้ภูเขาปั่นป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจากที่ตั้งอยู่ สดด 88:9-10,11-12,13-14 และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปิด ผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้สอ่ งแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ลำ�พังพระองค์ ทรงพระดำ�เนินบนคลืน่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวทิศใต้ ทรง กระทำ�กิจการยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงทำ�การอัศจรรย์นับไม่ถ้วน ดูซิ พระองค์ ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ขา้ พเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สงั เกต เห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ ว่า ‘พระองค์ทรงทำ�อะไร’ แล้วข้าพเจ้าจะโต้ตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยคำ�อะไรมาเถียงกับพระองค์ แม้ข้าพเจ้าไม่มี ความผิด ข้าพเจ้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องขอพระกรุณาจากผูพ้ พิ ากษาของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าร้อง ทูลถามพระองค์ และพระองค์ทรงตอบ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า” พระวรสาร ลก 9:57-62 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้หนึ่งทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมี โพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ” พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดา ของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไป ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า” อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไปรํ่าลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผูใ้ ดทีจ่ บั คันไถแล้วเหลียวดูขา้ งหลัง ผูน้ นั้ ก็ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า” มีผู้คนมากมายอยากติดตามพระเยซูเจ้าด้วยเหตุผลที่หลากหลาย บ้างเพราะความประทับใจใน คำ�สอน บ้างเพราะเห็นอัศจรรย์ บ้างเพราะพระองค์มชี อื่ เสียง แต่ไม่วา่ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิง่ จำ�เป็นทีส่ ดุ ของ การติดตามพระเยซูเจ้าก็คือ เราจำ�เป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะการติดตามพระองค์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ การเดินตาม แต่เป็นการสวมใส่ชวี ติ ขององค์พระคริสตเจ้าเข้าไปแทนทีช่ วี ติ เก่าของเรา เรียกร้องให้เราสละละทิง้ ทุกสิ่งในชีวิตที่ไม่ใช่สำ�หรับองค์พระคริสตเจ้า บางคนอาจจะบอกว่าพระองค์เรียกร้องมากเกินไป แต่ที่สุดแล้ว ขึน้ อยูก่ บั ว่า เราติดตามพระคริสตเจ้าด้วยเหตุผลอะไร และเหตุผลเดียวทีจ่ ะทำ�ให้เราเปลีย่ นแปลงชีวติ เพือ่ ติดตาม พระองค์ได้ ก็เพราะพระองค์คือ พระคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่บาปเรา
บทอ่านที่ 1 โยบ 19:21-27 โยบกล่าวว่า “จงสงสารข้าพเจ้าเถิด เพือ่ นเอ๋ย จงสงสารเถิด เพราะพระหัตถ์พระเจ้าได้ตขี า้ พเจ้า ทำ�ไมท่านทั้งหลายจึงเบียดเบียนข้าพเจ้า เหมือนกับที่พระเจ้าทรงกระทำ� ท่านทำ�ร้าย เนื้อหนังของข้าพเจ้ายังไม่พออีกหรือ ข้าพเจ้าอยากให้ถ้อยคำ�ของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยากให้ใช้สวิ่ เหล็กและตะกัว่ สลักไว้บนหินให้คงอยูต่ ลอด ไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้นยืน เป็นคนสุดท้ายบนฝุ่นดิน เมื่อหนังของข้าพเจ้าถูกทำ�ลาย และไม่มีร่างกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแล เห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้”
ระลึกถึง น.ฟรังซิส แห่งอัสซีซี สดด 27:7,8-9,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 10:1-12 ต่อจากนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงแต่งตัง้ ศิษย์อกี เจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วง หน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยว ข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำ� ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสขุ จงมีแก่บา้ นนีเ้ ถิด’ ถ้ามีผสู้ มควรจะรับสันติสขุ อยูท่ นี่ นั่ สันติสขุ ของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัย ในบ้านนัน้ กินและดืม่ ของทีเ่ ขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของ ตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกิน ของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักร ของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’ แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็ จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า ‘แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของ เรา เราจะสลัดทิ้งไว้กล่าวโทษท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามา แล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสโดมจะรับโทษเบากว่าชาว เมืองนั้น” พระเยซูเจ้าให้ค�ำ แนะนำ�ในการปฏิบตั ติ วั แก่อคั รสาวกในการออกไปประกาศถึงพระอาณาจักรของ พระเจ้า คำ�แนะนำ�นีส้ �ำ หรับเราทุกๆ คนทีป่ รารถนาจะให้ชวี ติ ของเราเป็นการแสดงออกถึงพระอาณาจักรพระเจ้า ผู้ประกาศพระวาจาของพระที่แท้จะไม่เรียกร้อง ยุ่งยาก สร้างปัญหา เพราะพระคริสตเจ้ามารับเอากายเป็น มนุษย์เรียบง่ายเพื่อนำ�พระอาณาจักรมาอยู่ท่ามกลางเรา ขอให้เราดำ�เนินชีวิตในฐานะศิษย์ของพระคริสตเจ้าที่ ทำ�หน้าที่เผยแผ่พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าด้วยชีวิตที่เรียบง่าย สุภาพ และพร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความ รักและความเมตตา
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา สดด 139:1-3,6-8, 9-10,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 โยบ 38:1,12-21,40:3-5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากกลางลมพายุว่า “ตั้งแต่วันที่ท่านเกิดมา ท่านเคยสั่งรุ่งอรุณ และเคยกำ�หนดสถานที่ให้รุ่งอรุณอยู่ หรือ รุ่งอรุณจะได้จับชายแผ่นดินไว้ และสลัดคนชั่วออกไป แผ่นดินเปลี่ยนไปเหมือน ดินเหนียวถูกตราประทับ และมีสีต่างๆ เหมือนเสื้อผ้า แสงสว่างถูกถอนไปจากคนชั่ว เพราะแขนของเขาที่เงื้อขึ้นเพื่อทำ�ร้ายย่อมถูกหัก ท่านเคยเข้าไปจนถึงตานํ้าแห่งทะเล หรือเดินเข้าไปในขุมลึกแล้วหรือ มีใครแสดงให้ท่านเห็นประตูแห่งความตาย หรือท่าน ได้เห็นประตูเงาแห่งความตายแล้วหรือ ท่านรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินหรือ ถ้าท่าน รูท้ กุ สิง่ แล้ว ก็จงบอกมา หนทางไหนนำ�ไปสูท่ พี่ ำ�นักของความสว่าง และทีไ่ หนเป็นสถาน ที่ของความมืด ท่านจะได้นำ�ทั้งแสงสว่างและความมืดไปอยู่ในเขตแดนของตน หรือ อย่างน้อยก็ชี้ทางให้มันกลับไปบ้านได้ แน่นอน ท่านต้องรู้ เพราะเวลานั้นท่านเกิดมา แล้ว จำ�นวนวันของท่านก็มากมาย” โยบทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่คนสำ�คัญ จะทูลตอบพระองค์ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเอามือ ปิดปาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่กราบทูลอีก ข้าพเจ้ากราบทูลสอง ครั้งแล้ว จะไม่กราบทูลต่อไป” พระวรสาร ลก 10:13-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ที่ ได้เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่ง กระสอบนั่งบนกองขี้เถ้ากลับใจเสียนานแล้ว ดังนั้น เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับ โทษเบากว่าเจ้าในวันพิพากษา ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้นถึงฟ้าเทียว หรือ เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย ผูใ้ ดฟังท่าน ผูน้ นั้ ฟังเรา ผูใ้ ดสบประมาทท่าน ผูน้ นั้ สบประมาทเรา ผูท้ สี่ บประมาท เรา ก็สบประมาทผู้ที่ทรงส่งเรามา”
พระเยซูเจ้าทรงสาปแช่งเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา เพราะความใจเย็นเฉยของชาวเมืองนั้น ทีไ่ ด้เห็นอัศจรรย์และพระพรของพระเจ้า แต่ไม่ได้ตระหนักรับรู้ กลับใจและเปลีย่ นแปลงชีวติ หากว่าเราสามารถ ตระหนักรับรู้ถึงมหัศจรรย์แห่งชีวิตเรา และพระพรของพระเป็นเจ้าในชีวิตของเราอย่างแท้จริงแล้ว ก็เป็นไปไม่ ได้ทเี่ ราจะใช้ชวี ติ ในบาป หรือหลงลืมละเลยความรักของพระเป็นเจ้า ทุกๆ วัน ให้เรามองหาพระพร และอัศจรรย์ แห่งชีวิตที่พระเป็นเจ้าทรงประทานมาให้แก่เรา การขอบพระคุณพระเจ้าสำ�หรับพระพรเหล่านั้นจะเป็นไปได้ ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น คือ การดำ�เนินชีวิตของเราเพื่อพระเป็นเจ้า
บทอ่านที่ 1 โยบ 42:1-3,5-6,12-17 โยบจึงทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระองค์ทรงกระทำ�ได้ทุกสิ่ง ไม่มีผู้ใดขัดขวางพระประสงค์ของ พระองค์ได้ พระองค์เคยตรัสถามว่า ‘ผู้นี้เป็นใครที่ใช้ถ้อยคำ�ไร้ความรู้ ทำ�ให้แผนการ ของเรามืดไป’ ข้าพเจ้าจึงพูดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ และเป็นสิ่งน่าพิศวงเกินกว่าที่ ข้าพเจ้าจะรู้ได้ ข้าพเจ้าเคยรู้จักพระองค์เพียงจากคำ�พูดของผู้อื่น แต่บัดนี้ดวงตาของ ข้าพเจ้าแลเห็นพระองค์ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำ�พูด และเป็นทุกข์เสียใจ โปรยฝุ่น ดินและขี้เถ้าบนศีรษะ” พระเจ้าทรงอวยพระพรชีวติ ใหม่ของโยบมากกว่าชีวติ เดิม... เขามีบตุ รชายเจ็ดคน และบุตรหญิงสามคน เขาเรียกชื่อบุตรหญิงคนแรกว่า “เยมีมาห์” คนที่สองว่า “เคสิ ยาห์” และคนที่สามว่า “เคเรนหัปปุค” ทั่วแผ่นดินไม่มีหญิงใดงดงามเท่ากับบุตรหญิง ของโยบ บิดาให้เธอมีสิทธิรับมรดกเหมือนกับพี่ชายและน้องชายของเธอ โยบยังมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกหนึ่งร้อยสี่สิบปี ได้เห็นบุตร หลาน เหลน ถึงสี่ชั่วอายุ แล้วโยบก็สิ้นชีวิตในวัยชราอันยาวนานและผาสุก
น.บรูโน พระสงฆ์ สดด 119:65-66,70-71, 75,91,125,129-130 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 10:17-24 เวลานั้น ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยัง อ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จง ฟังเถิด เราให้อำ�นาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำ�นาจเหนือกำ�ลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะ ทำ�ร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ใน สวรรค์แล้ว” ในเวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลืม้ พระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่ บรรดาผูต้ าํ่ ต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนัน้ พระบิดาทรงมอบทุกสิง่ แก่ขา้ พเจ้า ไม่มี ใครรูว้ า่ พระบุตรทรงเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มใี ครรูว้ า่ พระบิดาทรงเป็นใครนอกจากพระบุตรและผู้ ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะว่า “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่ มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่ง ที่ท่านได้เห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ฟัง” บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าต่างชืน่ ชมยินดีและภาคภูมใิ จในผลงานของตน ทีส่ ามารถปฏิบตั ภิ ารกิจ ของการเป็นประจักษ์พยานถึงพระอาณาจักรพระเจ้าในหลายรูปแบบ ความชื่นชมยินดีเช่นนี้เป็นสิ่งที่เรา ปรารถนาในฐานะเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า หากว่าความยินดีเช่นนีส้ ามารถอยูใ่ นชีวติ ประจำ�วันของเราได้ทกุ ๆ วัน คงทำ�ให้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีและมีเป้าหมายทุกวันในฐานะศิษย์ขององค์พระคริสตเจ้า พระคริสตเจ้าทรงประทานพระพรต่างๆ ให้แก่เราในฐานะศิษย์ของพระองค์แล้ว ขอให้เราร่วมมือกับ พระองค์ รับรู้การเผยแสดง และกตัญญูต่อพระพรเหล่านั้น เพื่อว่าเราจะได้เป็นคนงานที่ซื่อสัตย์ ทุ่มเท และ สุภาพ ในแผนการของพระเป็นเจ้าในชีวิตเราทุกๆ วัน
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 2:18-24 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “มนุษย์อยูเ่ พียงคนเดียวนัน้ ไม่ดเี ลย เราจะสร้าง ผูช้ ว่ ยทีเ่ หมาะสมให้เขา” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าจึงทรงเอาดินมาปัน้ สัตว์ปา่ ทุกชนิด และนกทุกชนิดในท้องฟ้า ทรงนำ�สัตว์เหล่านี้มาให้มนุษย์ เพื่อดูว่าเขาจะตั้งชื่อมันว่า อย่างไร สัตว์แต่ละตัวจะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้ มนุษย์จึงตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยง นกใน อากาศ และสัตว์ป่าทั้งหมด แต่มนุษย์ยังไม่พบผู้ช่วยที่เหมาะกับตน ดังนั้น องค์พระ ผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงทำ�ให้มนุษย์หลับสนิท และขณะที่เขากำ�ลังนอนหลับ ก็ทรงเอา กระดูกซี่โครงของเขาออกมาหนึ่งซี่ และทรงบันดาลให้เนื้อปิดสนิท องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเอาซี่โครงนั้นมาสร้างหญิง แล้วทรงนำ�มาให้มนุษย์ มนุษย์จึงพูดว่า “นี่คือกระดูกจากกระดูกของฉัน และเนื้อจากเนื้อของฉัน นางจะมีชื่อว่าหญิง เพราะนางมาจากชาย” เพราะฉะนัน้ ชายจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันกับภรรยา และทัง้ สองจะเป็น เนื้อเดียวกัน เพลงสดุดี สดด 128:1-2,3,4,5,6 ก) ผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านท�ำ ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร ค) บุรุษผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพระพรเช่นนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระพรแก่ท่านจากศิโยน ขอให้ท่านเห็นความรุ่งเรืองของกรุงเยรูซาเล็ม ทุกวันตลอดชีวิตของท่าน ง) ขอให้ท่านมีชีวิตยืนนานจนเห็นหลานเห็นเหลน สันติสุขจงมีแก่อิสราเอล บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 2:9-11 พี่น้อง แต่เราก็เห็นว่า พระเยซูเจ้าผู้ทรงถูกลดฐานะลงตํ่ากว่าทูตสวรรค์อยู่ชั่ว ขณะหนึ่ง ทรงได้รับสิริรุ่งโรจน์และเกียรติยศเป็นมงกุฎ เพราะทรงยอมรับความตาย
ดังนี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า พระองค์ทรงลิ้ม รสความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน พระเจ้าผู้ทรงสร้างและทรงคํ้าจุนทุกสิ่งมีพระประสงค์ จะนำ�บุตรจำ�นวนมากเข้ามารับพระสิริรุ่งโรจน์ จึงเป็นการ เหมาะสมแล้วทีพ่ ระองค์จะทรงทำ�ให้ผทู้ นี่ ำ�มนุษย์ให้รอดพ้น นัน้ สมบูรณ์โดยผ่านการทนทุกข์ทรมาน เพราะทัง้ ผูป้ ระทาน ความศักดิ์สิทธิ์และผู้รับความศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาจากแหล่ง เดียวกัน พระองค์จึงไม่ทรงอายที่จะเรียกคนเหล่านั้นว่า พี่น้อง
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:2-16 เวลานัน้ ชาวฟาริสบี างคนทูลถามหวังจะจับผิดพระเยซู เจ้าว่า “เป็นการถูกต้องหรือไม่ทชี่ ายจะหย่ากับภรรยา” พระองค์ตรัสตอบว่า “โมเสสได้บญ ั ญัตไิ ว้วา่ อย่างไร” เขาทูลตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำ�หนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เพราะใจดื้อ แข็งกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัตขิ อ้ นีไ้ ว้ แต่เมือ่ แรกสร้างโลกนัน้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็น ชายและหญิง ดังนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อ ไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าแยกเลย” เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ ทำ�ผิดประเวณีตอ่ ภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึง่ หย่ากับสามี ไปแต่งงานกับอีกคนหนึง่ ก็ทำ�ผิดประเวณี เช่นเดียวกัน” มีผู้นำ�เด็กเล็กๆ มาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรง เห็นเช่นนี้ พระองค์กริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ปล่อยให้เด็กเล็กๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระ อาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงกับท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักร ของพระเจ้าอย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่านั้นไว้ ทรง ปกพระหัตถ์ และประทานพระพร ในชีวิตของพระเยซูเจ้า พวกที่ชอบท้าทายและเป็นปัญหากับพระเยซูเจ้าเสมอคือ พวกฟาริสี การ ที่พระเยซูเจ้าต้อนรับคนบาปและคนที่อยู่ชายขอบสังคม โดยบอกว่าพวกเขาจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่พระ อาณาจักรพระเจ้า หลายคนคิดว่า การเข้าสูพ่ ระอาณาจักรพระเจ้าเป็นสิง่ ทีเ่ ราสามารถลงมือทำ�และสร้างมันขึน้ มาได้เอง แต่ทจี่ ริงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้านัน้ เป็นของผูท้ เี่ ป็นเหมือนเด็กเล็กๆ เด็กทีส่ ภุ าพอ่อนโยน และ ร่วมมือกับพระเป็นเจ้า ให้พระอาณาจักรนั้นเติบโตในดวงใจ พระอาณาจักรนั้นเป็นพระพรที่เราจะน้อมรับจาก พระเจ้าด้วยความสุภาพ เราอย่าได้พยายามสร้างความชอบธรรมของตนเองเหมือนพวกฟาริสี แต่เข้าไปในพระ อาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,7-8,9-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 กท 1:6-12 พี่น้อง ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรง เรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชือ่ ข่าวดีอนื่ อันทีจ่ ริงแล้ว ข่าวดีอนื่ นัน้ ไม่มี แต่มบี างคนก่อความวุน่ วายในหมูท่ า่ นทัง้ หลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดี ของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเราหรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศ แก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดยํ้าสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อน อีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้ นัน้ ถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้ากำ�ลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจ มนุษย์กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระ คริสตเจ้า...
พระวรสาร ลก 10:25-37 ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้อง ทำ�สิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่า อย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำ�ลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบ ถูกแล้ว จงทำ�เช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของ ข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำ�ลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูก โจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดิน ผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขา และเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึง่ เช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผูห้ นึง่ เดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขาก็รสู้ กึ สงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทนํา้ มันและเหล้าองุน่ ลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำ�เขาขึน้ หลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรม แห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำ�เงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้ กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’ ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใคร เป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัส กับเขาว่า “ท่านจงไปและทำ�เช่นเดียวกันเถิด” คำ�ถามทีน่ กั กฏหมายถามพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะต้องทำ�สิง่ ใด เพือ่ จะได้ชวี ติ นิรนั ดร” เราอาจ จะมีคำ�ตอบสำ�หรับสิ่งอื่นๆ ที่เราอยากได้ เช่นถ้าจะได้รถสักคัน ต้องทำ�อะไร หรืออยากสำ�เร็จในหน้าที่การงาน จะต้องทำ�อย่างไร เป็นคำ�ถามที่เราทุกคนตอบได้ไม่ยากนัก แต่การจะได้มาซึ่งชีวิตนิรันดรนั้นจะต้องทำ�อย่างไร บ้าง การได้มาซึง่ ชีวติ นิรนั ดรนัน้ ไม่ใช่การตอบคำ�ถามให้ถกู แต่เป็นการดำ�เนินชีวติ ให้ถกู ต้องตามคำ�ตอบทีเ่ ราให้ กับคำ�ถามนี้ แม้นักกฏหมายจะตอบคำ�ถามได้ถูกใจพระเยซูเจ้า แต่จิตใจเขาก็ยังแข็งกระด้าง และไม่สามารถที่ จะดำ�เนินชีวิตตามคำ�ตอบที่เขาได้ให้ไป เขายังมีอคติต่อคนต่างชาติต่างศาสนาเหมือนกับที่ชาวยิวทั่วไปในสมัย นั้นมี สำ�หรับเราแต่ละคนก็เช่นกัน จำ�เป็นจะต้องตอบคำ�ถามให้ถูก และดำ�เนินชีวิตที่สอดคล้องกับคำ�ตอบนั้น อย่างแท้จริงเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร
บทอ่านที่ กท 1:13-24 พี่น้อง ท่านทั้งหลายต้องเคยได้ยินเรื่องความประพฤติในอดีตของข้าพเจ้าเมื่อยัง ยึดถือลัทธิยิวว่า ข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และ พยายามทำ�ลายด้วย ข้าพเจ้าเคร่งครัดในลัทธิยวิ มากกว่าเพือ่ นชาวยิวรุน่ เดียวกันหลาย คน และมีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการรักษาประเพณีของบรรพบุรุษ แต่พระเจ้า น.ดิโอนีซิโอ ผูท้ รงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตงั้ แต่ยงั อยูใ่ นครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษ พระสังฆราช ทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะสำ�แดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อ ข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถึงพระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่ได้ปรึกษา และเพื่อนมรณสักขี มนุษย์ผู้ใดเลย และไม่ได้ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้า น.ยอห์น เลโอนาร์ดี พระสงฆ์ แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอาราเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีก สามปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำ�ความรู้จักกับเคฟาส และพักอยู่กับเขาเป็นเวลาสิบ สดด 139:1-3,13-14, 15-16 ห้าวัน ข้าพเจ้าไม่พบอัครสาวกอื่นๆ นอกจากยากอบผู้เป็นน้องชายขององค์พระผู้เป็น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 เจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ มิใช่ความเท็จ หลังจากนัน้ ข้าพเจ้าไปในดินแดนแคว้นซีเรียและซีลเี ซีย พระศาสนจักรต่างๆ ในแคว้น ยูเดียยังไม่เคยรู้จักหน้าข้าพเจ้าเลย เขาเหล่านั้นเคยแต่ได้ยินว่า “ผู้ที่เคยข่มเหงพวก เรา บัดนี้กลับมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามจะทำ�ลาย” เขาเหล่านั้นจึงถวาย พระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะข้าพเจ้า พระวรสาร ลก 10:38-42 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่ง หนึง่ สตรีผหู้ นึง่ ชือ่ มารธารับเสด็จพระองค์ทบี่ า้ น นางมีนอ้ งสาวชือ่ มารียซ์ งึ่ นัง่ อยูแ่ ทบพระบาทขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำ�ลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วย ดิฉนั บ้าง” แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุน่ วายหลายสิง่ นัก สิง่ ทีจ่ ำ�เป็น มีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้” ในบทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย นักบุญเปาโลได้เป็นแบบอย่างที่สวยสด งดงามของความสุภาพถ่อมตนในการเรียบเรียงเรือ่ งราวแห่งความสัมพันธ์ของท่านกับพระเป็นเจ้า นักบุญเปาโล เริม่ ความสัมพันธ์กบั พระเป็นเจ้าในฐานะทีเ่ ป็นศัตรูคอู่ าฆาต ท่านถึงกับยอมรับว่า ท่านได้เบียดเบียนศาสนาอย่าง รุนแรง และด้วยการทำ�ลายล้าง แต่เมื่อท่านกลับใจ ท่านตระหนักว่า พระเป็นเจ้าได้ทรงเลือกสรรท่านตั้งแต่ใน ครรภ์มารดา เราทุกคนก็เช่นกัน ได้รบั การเลือกสรรตั้งแต่ในครรภ์มารดา และไม่วา่ เราจะละเลย หรือไม่ใส่ใจต่อ เสียงเรียกนั้นเพียงใดก็ตาม พระเป็นเจ้ายังทรงรอคอยให้เราตอบสนองต่อเสียงเรียกนั้น สิ่งสำ�คัญไม่ใช่ว่าใครถูก เรียก เพราะทุกคนได้รับเกียรติเช่นนั้น แต่สิ่งที่ทำ�ให้แตกต่างก็คือ การตอบสนองต่อเสียงเรียกนั้น นักบุญเปาโล ได้เปลีย่ นแปลงชีวติ หลังจากตระหนักในเสียงเรียกนัน้ เราแต่ละคนต้องตัง้ ใจฟังเสียงเรียกของพระเป็นเจ้าทุกวัน และดำ�นินชีวิตในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสตเจ้าด้วยใจร้อนรน
บทอ่านที่ 1 กท 2:1-2,7-14 พี่น้อง สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกพร้อมกับบารนาบัส และพา ทิตัสไปด้วย ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนสำ�คัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะ ไม่วิ่งโดยไร้ประโยชน์ สัปดาห์ที่ 27 ยิ่งกว่านั้น บุคคลสำ�คัญเหล่านี้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศข่าวดี เทศกาลธรรมดา แก่ผทู้ ไี่ ม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รบั มอบหน้าทีใ่ ห้ประกาศแก่ผทู้ เี่ ข้าสุหนัต แล้ว เพราะพระเจ้าผูท้ รงบันดาลให้เปโตรเป็นธรรมทูตไปพบผูท้ เี่ ข้าสุหนัตแล้ว ก็ทรง สดด 117:1,2 บันดาลให้ข้าพเจ้าไปพบคนต่างศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อยากอบ เคฟาสและ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ยอห์น ซึ่งได้รับความนับถือว่าเป็นหลักรู้เรื่องพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานแก่ ข้าพเจ้าแล้วก็จบั มือกับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพือ่ นร่วมงานกัน ตกลง กันว่า เราจะไปพบคนต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว... เมือ่ เคฟาสมาทีเ่ มืองอันทิโอก ข้าพเจ้าคัดค้านเขาซึง่ ๆ หน้าเพราะเขาเป็นฝ่ายผิด ก่อนทีค่ นของยากอบ จะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครัน้ พวกนัน้ มา เขาก็ปลีกตัว และแยกออกมาเพราะกลัวพวก ที่เข้าสุหนัต ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งทำ�ตามเขาบ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งทำ�ตามพวกเขาไปด้วย เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเหล่านั้นประพฤติตนไม่ถูกต้องตามความหมายแท้จริงของข่าวดี ข้าพเจ้าจึงพูด กับเคฟาสต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านเป็นชาวยิว ยังประพฤติตนอย่างคนต่างชาติ มิใช่อย่างชาวยิว แล้วเหตุไฉน ท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตนอย่างชาวยิวเล่า” พระวรสาร ลก 11:1-4 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่ง ทูลพระองค์วา่ “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับทีย่ อห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์ จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า ‘ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหารประจำ� วันแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เหมือนข้าพเจ้าทัง้ หลายให้อภัยแก่ผอู้ นื่ โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ’” สานุศษิ ย์ขอให้พระเยซูเจ้าสอนให้อธิษฐานภาวนา เพราะในสมัยนัน้ อาจารย์ทกุ สำ�นักจะมีบทสวด ภาวนาที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงเป็นเรื่องปกติที่ศิษย์ของพระเยซูเจ้าจะขอให้พระเยซูเจ้าสอนบทภาวนา ให้ และบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้กับศิษย์นี้ ก็เป็นบทภาวนาที่มอบให้แก่เราทุกคนเช่นเดียวกัน บท ข้าแต่พระบิดาทีเ่ ราได้รบั มานัน้ สรุปความสัมพันธ์ของเรากับพระเป็นเจ้า โดยบ่งบอกถึงสถานะของพระเป็นเจ้า ด้วยคำ�ว่า “ข้าแต่พระบิดา พระนามของพระองค์จงเป็นทีส่ กั การะ พระอาณาจักรจงมาถึง” และให้เรามอบชีวติ ของเราไว้ในพระหัตถ์พระเจ้าในปัจจุบนั ด้วยความวางใจว่า “โปรดประทานอาหารประจำ�วันแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย ทุกวัน” และขอโทษในความผิดบกพร่องพร้อมกับความสัมพันธ์กบั ผูอ้ นื่ ด้วยการภาวนาว่า “โปรดประทานอภัย แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น” และสำ�หรับในอนาคต ก็ฝากชีวิตวิญญาณไว้ใน พระหัตถ์พระองค์ โดย “โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ”
บทอ่านที่ 1 กท 3:1-5 ชาวกาลาเทียโง่เขลาเอ๋ย ใครสะกดท่านให้มึนงงไปได้ ทั้งๆ ที่ภาพของพระเยซู คริสตเจ้าผูท้ รงถูกตรึงบนไม้กางเขนปรากฏอยูต่ อ่ หน้าท่านแล้ว ข้าพเจ้าอยากรูจ้ ากท่าน เพียงข้อเดียวเท่านั้นว่า ท่านได้รับพระจิตเจ้าเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือ เพราะท่านเชื่อการประกาศข่าวดี ท่านโง่เขลาถึงเพียงนี้เทียวหรือ ท่านเริ่มต้นด้วยพระ จิตเจ้า แต่บดั นีท้ า่ นจะมาจบลงด้วยการกระทำ�ตามธรรมชาติอกี ประสบการณ์มากมาย ที่ท่านได้รับมานั้นไร้ประโยชน์แล้วหรือ ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์แล้วจริงๆ พระองค์ผู้ ประทานพระจิตเจ้าให้ท่าน และทรงแสดงการอัศจรรย์ต่างๆ ในหมู่ท่านทั้งหลายทรง กระทำ�เช่นนั้นเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือเพราะท่านยอมเชื่อการประกาศ ข่าวดี พระวรสาร ลก 11:5-13 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อกี ว่า “สมมติวา่ ท่านคนหนึง่ มีเพือ่ นและ ไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน’ สมมติว่า เพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า ‘อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิดแล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้า นอนแล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ลุก ขึน้ ให้ขนมปังเพราะเป็นเพือ่ นกัน เขาก็จะลุกขึน้ มาให้สงิ่ ทีเ่ พือ่ นต้องการเพราะถูกรบเร้า” “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่าน จะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่ แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะ ให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยัง รู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูล ขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” การสวดภาวนาวอนขอต่อพระเจ้านั้น ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบของการ ภาวนาที่เราใช้มากที่สุด และเมื่อคิดถึงคำ�มั่นสัญญาของพระเยซูเจ้าที่ว่า “จงขอเถิด แล้ว ท่านจะได้รับ” จึงเป็นความหวัง คำ�ยืนยันถึงความวางใจในพระเป็นเจ้าที่เรามีในการสวด ภาวนาวอนขอ แต่เมื่อพิจารณาดูการวอนขอของเรานั้น ใช่ว่าจะเป็นไปตามที่เราวอนขอ เสมอไป ซึ่งในที่จริงแล้ว การสวดภาวนานั้น อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งภายนอกที่เรา ต้องการให้เป็นไปดังคาดหมาย และในความเป็นจริงแล้ว การภาวนาวอนขอของเรานั้น ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเรา ทำ�ให้มีจิตใจกว้างขวางที่จะน้อมรับพระ ประสงค์ของพระเจ้าได้มากขึ้น มีความอดทนในความยากลำ�บาก มีความวางใจในความ ผิดหวัง และมีความรักต่อพระประสงค์ของพระเป็นเจ้ามากกว่านํ้าใจของตัวเอง
น.ยอห์น ที่ 23 พระสันตะปาปา ลก 1:69-70,71-72, 73-76 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 111:1-2,3-4,5-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 กท 3:7-14 พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า คนที่มีความเชื่อนั่นแหละคือบุตรของอับราฮัม... ดังนั้น ผู้ที่มีความเชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้มีความเชื่อ ผูใ้ ดทีพ่ งึ่ การปฏิบตั ติ ามธรรมบัญญัตยิ อ่ มถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า ทุกคนที่ไม่มั่นคงในการปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติย่อมถูก สาปแช่ง เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ เพราะธรรมบัญญัติ เพราะผู้ชอบธรรมจะดำ�รงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ ธรรมบัญญัติมิได้ มาจากความเชื่อ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติก็จะพบชีวิตอาศัยการปฏิบัติ ตามธรรมบัญญัติเหล่านั้น พระคริสตเจ้าทรงไถ่กู้เราให้รอดพ้นจากการสาปแช่งของ ธรรมบัญญัติโดยทรงถูกสาปแช่งแทนเรา...
พระวรสาร ลก 11:14-26 เวลานั้น พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงขับไล่ปีศาจซึ่งทำ�ให้คนเป็นใบ้ เมื่อปีศาจออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ แต่บางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจ นัน่ เอง” บางคนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้พระองค์ทรงแสดงเครือ่ งหมายจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรง ทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใดแตกแยกภายใน อาณาจักรนั้นย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพัง ทลายทับกัน ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มัน ด้วยอำ�นาจของใคร พวกพ้องของท่านจะเป็นผูต้ ดั สินลงโทษท่าน แต่ถา้ เราขับไล่ปศี าจด้วยอำ�นาจของพระเจ้า ก็หมายความว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว เมือ่ คนแข็งแรงมีอาวุธครบมือเฝ้าบ้านของตน ทรัพย์ สมบัตขิ องเขาก็ปลอดภัย แต่ถา้ ผูใ้ ดแข็งแรงกว่าเข้ามาโจมตีและเอาชนะเขาได้ ก็ยอ่ มริบอาวุธทีเ่ ขามัน่ ใจนัน้ และแบ่งปันข้าวของที่ปล้นได้” “ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อมทำ�ให้สิ่งเหล่านั้น กระจัดกระจายไป” “เมื่อปีศาจออกไปจากมนุษย์แล้ว มันท่องเที่ยวไปในที่แห้งแล้งเพื่อหาที่พัก เมื่อไม่พบ มันจึงคิดว่า ‘ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา’ เมื่อกลับมาถึง มันพบว่าบ้านนั้นปัดกวาดตกแต่งไว้เรียบร้อย มันจึงไปพา ปีศาจอีกเจ็ดตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่ามันเข้ามาอาศัยที่นั่น สภาพสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นจึงเลวร้ายกว่าเดิม” พระเยซูเจ้าตอกยํ้าเสมอว่า ภารกิจหลักของพระองค์คือ การเผยแผ่พระอาณาจักรของพระเป็น เจ้า ด้วยเหตุนี้เอง ความชัดเจนของการแบ่งแยกระหว่างอาณาจักรพระเจ้าและอาณาจักรของซาตานจึงเป็นสิ่ง จำ�เป็น การดำ�เนินชีวิตของเราในทุกๆ วันเป็นขบวนการของการเลือกระหว่างสองอาณาจักรนี้ และการเลือกนี้ ไม่ได้จบสิ้นด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการดำ�เนินชีวิตที่ทำ�ให้อาณาจักรของพระเป็นเจ้าปรากฏอยู่ ในทุกๆ การตัดสินใจของเรา และเมื่อใดที่เราตัดสินใจผิดไปจากคุณค่าของพระอาณาจักรพระเจ้า เราก็ได้ให้ โอกาสแก่มาร ให้อาณาจักรของปีศาจมาปรากฏ พระเยซูเจ้าถูกกล่าวร้ายถึงกับว่าเป็นหัวหน้าปีศาจ แม้ว่าจะ กระทำ�อัศจรรย์เพื่อให้พระอาณาจักรพระเจ้าได้ปรากฏ ให้เราวอนขอพระเป็นเจ้า ให้เราสามารถแยกแยะ อาณาจักรพระเจ้า และอาณาจักรปีศาจออกจากกัน ด้วยการเลือกของเรา และดำ�เนินชีวิตอย่างชัดเจนในการ เลือกอาณาจักรพระเจ้า
บทอ่านที่ 1 กท 3:22-29 พีน่ อ้ ง พระคัมภีรเ์ ขียนไว้วา่ ทุกสิง่ ถูกจองจำ�ไว้ใต้อำ�นาจของบาป เพือ่ พระสัญญา จะประทานแก่ผู้ที่มีความเชื่อ โดยอาศัยความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า ก่อนทีค่ วามเชือ่ จะมาถึง ธรรมบัญญัตคิ วบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความ เชื่อจะถูกเปิดเผย ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำ�เราไปพบพระคริสต เจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความ เชื่อในพระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า ก็สวมพระ คริสตเจ้าไว้ ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือมีไทย ไม่มีชายหรือมีหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้า แล้ว ท่านก็เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา พระวรสาร ลก 11:27-28 เวลานัน้ ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ากำ�ลังตรัสอยูน่ นั้ สตรีผหู้ นึง่ ร้องขึน้ ในหมูป่ ระชาชนว่า “หญิงทีใ่ ห้กำ�เนิดและให้นมเลีย้ งท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทัง้ หลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก” การเป็นศิษย์ติดตามองค์พระคริสตเจ้านั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ใช่แค่ความ เชือ่ แนวทางปฏิบตั ิ หรือข้อกำ�หนดในการดำ�เนินชีวติ แต่การเป็นศิษย์ตดิ ตามนัน้ คือ การ มีความเชือ่ ในองค์พระคริสตเจ้า และในบทจดหมายถึงชาวกาลาเทียได้บอกไว้อย่างชัดเจน ว่า ความเชื่อในองค์พระคริสตเจ้านี้ทำ�ให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นหนึ่งเดียวกัน นีป้ รากฏอยูใ่ นบัญญัตแิ ห่งความรักและความเมตตา ความเป็นหนึง่ เดียวกันนี้ ทำ�ให้ความ แตกต่างด้านเชือ้ ชาติ เพศ สถานะทางสังคม ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไปในการเป็นหนึง่ เดียว ในความรักของพระเป็นเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวนี้เรียกร้องให้เราแบ่งปันได้มากขึ้น รักได้ มากขึ้น และอภัยได้มากขึ้น ให้เราภาวนาเพื่อความเชื่อในองค์พระคริสตเจ้าจะได้ทวีมาก ขึ้น และให้เราเติบโตในความรักของพระเป็นเจ้า และความรักต่อผู้อื่น
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 105:2-5,6-8
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 7:7-11 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอความรอบรู้ แล้วพระเจ้าก็ประทานให้ ข้าพเจ้าวอนขอ แล้วจิต แห่งปรีชาญาณก็มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าประมาณค่าปรีชาญาณเหนือกว่าคทาและราช บัลลังก์ ข้าพเจ้าคิดว่าทรัพย์สมบัติไม่มีค่าใดเลยเมื่อเปรียบกับปรีชาญาณ แม้เพชร ลํา้ ค่า ข้าพเจ้าคิดว่าด้อยกว่าปรีชาญาณ ทองทัง้ โลก เมือ่ เปรียบกับปรีชาญาณ ก็เหมือน ทรายหยิบมือเดียว เงิน เมื่อเปรียบกับปรีชาญาณ ก็เหมือนดินโคลน ข้าพเจ้ารัก ปรีชาญาณมากกว่าสุขภาพและความสวยงาม ข้าพเจ้าคิดว่าปรีชาญาณมีค่ามากกว่า แสงสว่าง เพราะรังสีของปรีชาญาณไม่มีวันอับแสง สิ่งดีทั้งหลายมาถึงข้าพเจ้าพร้อม กับปรีชาญาณ ทรัพย์สมบัติลํ้าค่าอยู่ในมือของปรีชาญาณ เพลงสดุดี สดด 90:12-13,14-15,16-17 ก) โปรดทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้รู้จักนับวันแห่งชีวิตได้ถูกต้อง เพื่อจะได้มีจิตใจปรีชาฉลาด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสด็จกลับมาเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องรอคอยอีกนานเพียงใด โปรดทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้พระองค์เถิด ข) ทุกยามเช้าโปรดประทานความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย อย่างเต็มเปี่ยม ข้าพเจ้าทั้งหลายจะได้โห่ร้องด้วยความเบิกบานและยินดีตลอดชีวิต ขอพระองค์ประทานความยินดีแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย นานเท่ากับเวลาที่พระองค์ทรงบันดาลให้ได้รับความทุกข์ยาก เท่ากับปีที่ข้าพเจ้าทั้งหลายต้องประสบความเลวร้าย ค) โปรดส�ำแดงให้ผู้รับใช้พระองค์เห็นพระราชกิจของพระองค์ ให้ลูกหลานของเขาได้เห็นความรุ่งเรืองของพระองค์ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดปรานข้าพเจ้า ขอพระองค์ประทานให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายท�ำส�ำเร็จไป ขอให้ผลงานที่ข้าพเจ้าทั้งหลายท�ำมีความมั่นคง บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:12-13 พี่น้อง พระวาจาของพระเจ้าเป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบ สองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและ ไขกระดูก วินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจได้ จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆ ซ่อนเร้นไว้เฉพาะ พระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซึ่งเราจะต้องทูล ถวายรายงาน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:17-30 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงพระดำ�เนินอยู่ ระหว่างทาง ชายคนหนึง่ รีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า “พระ อาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำ�อะไรเพื่อจะได้ชีวิต นิรันดร” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ทำ�ไมเรียกเราว่าผู้ทรง ความดี ไม่มใี ครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านัน้ ท่านรูจ้ กั บทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลัก ขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา” ชายผู้ นั้ น ทู ล ว่ า “พระอาจารย์ ข้ า พเจ้ า ได้ ป ฏิ บั ติ ต าม บทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว” พระเยซูเจ้า ทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า “ท่านยัง ขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรา มาเถิด” เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีทรัพย์สมบัติจำ�นวนมาก จึงจากไปด้วยความ ทุกข์ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระ อาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์แปลกใจกับพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า “ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอ ที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า” บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า “ดังนี้ ใครจะรอดพ้นได้” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดา ศิษย์แล้วตรัสว่า “สำ�หรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำ�หรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำ�ได้ ทุกสิ่ง” เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่งและติดตามพระองค์แล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ไม่มใี ครทีล่ ะทิง้ บ้านเรือน พีน่ อ้ งชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็น แก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับการตอบแทนร้อยเท่าในโลกนี้ เขาจะได้บ้านเรือน พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนและในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร” ในพระวรสารมีคำ�ถามที่สำ�คัญมากสำ�หรับพวกเราแต่ละคนที่จะต้องหาคำ�ตอบ “ต้องทำ�อะไรจึง จะได้ชวี ติ นิรนั ดร?” ในชีวติ ของเรา เราได้เรียนรูแ้ ละใช้ความพยายามอย่างมากมายในการทีจ่ ะได้มาในหลายสิง่ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ ความรู้ สถานะ ตำ�แหน่ง ความสัมพันธ์ สุขภาพร่างกาย แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้น เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็จะสูญสิ้นค่าและความหมายไป บางครั้งเราคิดว่า สิ่งทั้งหลายที่เราลงแรง ความพยายามและ เวลามากมายเพื่อที่จะได้มานั้น จะนำ�ความสุขมาสู่ชีวิตของเรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่เรามี นั้น ไม่ใช่เป้าหมายหรือที่มาของความสุขในตัวของมันเอง ซึ่งในที่จริงแล้ว เราควรใช้สิ่งต่างๆ ที่เราได้มาในชีวิต ของเรานั้น เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเป็นเจ้าและผู้อ่ืน การถือบัญญัติและการไม่ยึดติดกับสิ่งของฝ่ายโลก ทำ�ให้เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าและผู้อื่น
บทอ่านที่ 1 กท 4:22-24,26-27,31-5:1 พีน่ อ้ ง มีเขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ อับราฮัมมีบตุ รสองคน คนหนึง่ เกิดจากหญิงทาส อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงอิสระ เด็กที่เกิดจากหญิงทาสนั้นเกิดตามธรรมชาติ ส่วนเด็ก ที่เกิดจากหญิงอิสระนั้นเกิดตามพระสัญญา เรื่องนี้กล่าวไว้เป็นอุปมา หญิงสองคนนี้ หมายถึงพันธสัญญาทั้งสองฉบับ ฉบับหนึ่งจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ ซึ่งให้กำ�เนิด ระลึกถึง บุตรมาเป็นทาส แต่กรุงเยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนนั้นเป็นอิสระ และเป็นมารดาของเรา น.เทเรซา แห่งอาวีลา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ จงชืน่ ชมเถิด หญิงหมันผูไ้ ม่มบี ตุ ร จงเปล่งเสียงโห่รอ้ ง พรหมจารี เถิด ท่านที่ไม่เคยเจ็บครรภ์คลอดบุตร เพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้งมีมากกว่าบุตร และนักปราชญ์ ของหญิงที่ยังมีสามีอยู่ด้วย แห่งพระศาสนจักร ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เรามิใช่บุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงอิสระ สดด 113:1-3,4-6,7 พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และ อย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 พระวรสาร ลก 11:29-32 เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคน ชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ�หรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตร แห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำ�หรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่ง ทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลาย แผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซา โลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนี นะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำ�เทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์ อีก” พระเยซูเจ้าพูดถึงการแสวงหาเครือ่ งหมาย โดยยกความจริงที่วา่ เราทุกคน แสวงหาเครื่องหมาย ซึ่งเป็นความจริงว่า เรามองหาสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเชื่อ และสิ่งที่เรา ต้องการ ถ้าเรามีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เราก็จะแสวงหาเครื่องหมายที่นำ�พาให้เราหลงทาง ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ความสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า การรู้จักองค์พระคริสตเจ้า จึงเป็นสิ่ง สำ�คัญยิง่ ในการแสวงหาและติดตามพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เราอยูใ่ นยุคสมัยทีม่ เี สียง เครื่องหมาย และสัญลักษณ์มากมายที่อาจจะทำ�ให้เราหลงทางได้ แม้ด้วยเจตนาที่ดี หรือ ความตัง้ ใจดีอาจจะไม่เพียงพอ แต่ดว้ ยการภาวนาและการสนิทสัมพันธ์กบั องค์พระคริสต เจ้า จะช่วยให้เราดำ�รงอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ให้เราชิดสนิทกับองค์พระคริสตเจ้าด้วยการภาวนา และการดำ�เนินชีวิตอยู่ใน จิตตารมณ์แห่งความรักและความเมตตาของพระคริสตเจ้า ให้เครื่องหมายแห่งพระ ประสงค์ของพระเป็นเจ้านำ�ทางเราในการดำ�เนินชีวิต
บทอ่านที่ 1 กท 5:1-6 พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระ คริสตเจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้า สุหนัตว่า จำ�เป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรม อาศัยธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วน เรานั้น พระจิตเจ้าทรงนำ�เราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ เพราะในพระคริสตเยซูนนั้ การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนัน้ ไม่สำ�คัญ เรือ่ งทีส่ ำ�คัญก็ คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ�อาศัยความรัก พระวรสาร ลก 11:37-41 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวย พระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาด ใจเมือ่ เห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์ พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่าน เต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่ง ก็จะสะอาดสำ�หรับท่าน” ปัจจุบนั หลายคนไม่ถอื ศาสนา หรือถือศาสนาแต่ชอื่ บางคนในชีวติ เข้าวัด 3 ครั้งเท่านั้น คือ เมื่อเกิด เมื่อแต่งงาน และเมื่อตาย หรือบางคนพอใจกับการไปวัด วันอาทิตย์ แก้บาปรับศีลอย่างน้อยปีละครั้ง พอใจกับอย่างน้อย ชีวิตภายในวิญญาณจะ สะอาดบริสทุ ธิไ์ ด้อย่างไร พระเยซูเจ้าเตือนเราผ่านทางนักบุญมาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก ซึ่งพระองค์ปรากฏมาให้เห็นดวงพระทัยที่รักมนุษย์ถึงเพียงนั้น แต่ไม่ได้รับความรักตอบ จึงมีการถือวันศุกร์ตน้ เดือน 9 เดือน ด้วยการแก้บาป รับศีลฯทุกเดือน ปัจจุบนั มิใช่ 9 เดือน เท่านั้น แต่ให้รับศีลฯทุกครั้งที่ร่วมถวายบูชามิสซา
น.เฮดวิก นักบวช น.มาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก พรหมจารี สดด 119:41,43,44-45, 47-48 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ ชาวอันติโอค พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 กท 5:18-26 พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ� ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของ ธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อย ตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การ ทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การ แบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำ�มะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำ�นอง เดียวกันนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ ประพฤติตนเช่นนีจ้ ะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คอื ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย ผูท้ เี่ ป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กบั ไม้กางเขน แล้ว ถ้าเรามีชวี ติ เดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำ�เนินชีวติ ตามพระจิตเจ้าด้วย อย่าอวดดี ยั่วยุผู้อื่น หรืออิจฉาริษยากัน พระวรสาร ลก 11:42-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ น บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึง่ ในสิบของสะระแหน่ สมุนไพร และผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้ จำ�เป็นต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่นๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำ�นับตามลานสาธารณะ วิบัติจง เกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้” นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็ สบประมาทพวกเราด้วย” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านนักกฎหมายทัง้ หลาย วิบตั จิ งเกิด แก่ทา่ นด้วย ท่านให้ผอู้ นื่ แบกสัมภาระหนักเกินกำ�ลัง แต่ทา่ นไม่ยอมแม้แต่จะใช้นวิ้ แตะ ต้องสัมภาระนั้น” นักบุญเปาโลเตือนเราว่า ผู้ที่เป็นของพระคริสตเยซู ต้องตรึงธรรมชาติของ ตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขน และดำ�เนินชีวิตตามพระจิตเจ้า ซื่อสัตย์ อดทน รู้จักบังคับตนเอง พระเยซูเจ้าตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบก ไม้กางเขนของตนทุกวัน และติดตามเรา” และยังเตือนเราอีกว่า อย่าละเลยความยุตธิ รรม และความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 4:10-17 ลูกที่รักยิ่ง เดมาสได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วเพราะเขารักโลกนี้ และไปที่เมือง เธสะโลนิกา ส่วนเครสเซนซ์ไปยังแคว้นกาลาเทีย และทิตสั ไปยังแคว้นดาลมาเธีย เหลือ เพียงลูกาทีย่ งั อยูก่ บั ข้าพเจ้า จงพามาระโกไปกับท่านด้วย เพราะเขามีประโยชน์สำ�หรับ ข้าพเจ้าในการปฏิบัติศาสนบริการ ข้าพเจ้าส่งทีคิกัสไปยังเมืองเอเฟซัส เมื่อท่านจะไป ฉลอง น.ลูกา จงนำ�เสื้อคลุมที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสติดไปด้วย รวมทั้งม้วนหนังสือ โดยเฉพาะม้วนที่ทำ�ด้วยหนังสัตว์ อเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงทำ�ร้ายข้าพเจ้าไว้มาก ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 145:10-11, องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบแทนเขาตามการกระทำ�ของเขา จงระวังเขาด้วย เพราะ 12-13,16-19 เขาต่อต้านคำ�พูดของข้าพเจ้าอย่างมาก ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้ง ข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงยืนอยูเ่ คียง ข้างและประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปากสิงโตมา ได้ พระวรสาร ลก 10:1-9 ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขา ล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขา ว่า “ข้าวทีจ่ ะเกีย่ วมีมาก แต่คนงานมีนอ้ ย จงวอนขอเจ้าของนาให้สง่ คนงานมาเก็บเกีย่ ว ข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำ� ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสขุ จงมีแก่บา้ นนีเ้ ถิด’ ถ้ามีผสู้ มควรจะรับสันติสขุ อยูท่ นี่ นั่ สันติสขุ ของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัย ในบ้านนัน้ กินและดืม่ ของทีเ่ ขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของ ตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกิน ของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักร ของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’ วันนีเ้ ราฉลองนักบุญลูกาผูน้ พิ นธ์พระวรสารทีไ่ ม่เหมือนใคร เล่าเรือ่ งข่าวดีเกีย่ วกับการบังเกิดของ พระเยซูเจ้าและอายุเยาว์วัยของพระองค์ เรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี เรื่องพ่อใจดีต่อลูกสุรุ่ยสุร่าย เป็นพระวรสาร แห่งความยินดี เน้นพระจิตเจ้าและการภาวนา พระเยซูเจ้านอกจากเลือกอัครสาวก 12 องค์แล้ว ยังเลือกศิษย์อีก 72 คน มาร่วมงาน เพราะข้าวในนามี มาก คนงานมีน้อย คริสตชนทุกคนมีหน้าที่สืบทอดพันธกิจของพระเจ้า ประกาศข่าวดีเหมือนนักบุญลูกา นำ� สันติ ข่าวดี ความรอดพ้นแก่เพื่อนมนุษย์ เผยแผ่พระอาณาจักรของพระเจ้าไปยังมนุษย์อื่นๆ
บทอ่านที่ 1 อฟ 1:11-14 พี่ น้ อ ง ในองค์ พ ระคริ ส ตเจ้ า นี้ เราได้ รั บ เลื อ กเป็ น พิ เศษไว้ ล่ ว งหน้ า ตาม พระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำ�ทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น เพือ่ เราจะได้สรรเสริญพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกทีม่ คี วาม หวังในพระคริสตเจ้า น.เปาโล ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง แห่งไม้กางเขน คือข่าวดีอันนำ�ความรอดพ้นมาให้ พระสงฆ์ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้า น.ยอห์น แห่งเบรเบิฟ ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ น.อิสอัค โยเกอ และเป็นประกันของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ พระสงฆ์ พระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
และเพื่อนมรณสักขี สดด 33:1-3,4-5, 13-15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
พระวรสาร ลก 12:1-7 เวลานั้น ขณะที่ประชาชนนับพันๆ คนพากันเบียดเสียดจนเกือบจะเหยียบกัน พระเยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสกับบรรดาศิษย์ก่อนว่า “จงระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาว ฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคดของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ ซ่อนเร้นจะไม่มใี ครรู้ เพราะฉะนัน้ สิง่ ทีท่ า่ นกล่าวในทีม่ ดื จะมีผไู้ ด้ยนิ ในทีแ่ จ้ง สิง่ ทีท่ า่ น กระซิบที่หูภายในห้องจะถูกประกาศบนดาดฟ้าของบ้าน” “เรากล่าวแก่ทา่ นทีเ่ ป็นมิตรของเราว่า อย่าเกรงกลัวผูท้ ฆี่ า่ ได้แต่กายและหลังจาก นั้นก็ไม่อาจทำ�อะไรได้อีก เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่าท่านต้องเกรงกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวผู้ที่ ฆ่าแล้วยังมีอำ�นาจโยนท่านลงไปในนรกด้วย ใช่แล้ว เราบอกท่านทัง้ หลาย จงเกรงกลัว ผู้นี้เถิด นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่ พระเจ้าทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่าน มีค่ามากกว่านกกระจอกจำ�นวนมาก” พระเยซูเจ้าทรงเตือนบรรดาศิษย์และพวกเราว่า “จงระวังเชื้อของบรรดา ฟาริสี คือความหน้าซือ่ ใจคด การแสร้งทำ� ไม่จริงใจ มนุษย์หลอกมนุษย์ได้ แต่หลอกพระเจ้า ไม่ได้ เพราะพระเจ้ามองทะลุจติ ใจ ให้เราจริงใจต่อตัวเอง ต่อผูอ้ นื่ และต่อพระเจ้า จงเกรง กลัวพระเจ้าที่ฆ่าร่างกายแล้ว มีอำ�นาจโยนท่านลงไปในนรก
บทอ่านที่ 1 อฟ 1:15-23 พี่น้อง เมื่อข้าพเจ้ารู้ถึงความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และรู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้า เพื่อท่าน และระลึกถึงท่านทั้งหลายในคำ�อธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระเจ้าแห่งพระ เยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่ง ปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ ยิ่งๆ ขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียก ท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดก นั้นบริบูรณ์เพียงใด อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความ เชื่อนั้นลํ้าเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำ�ลังนี้ พระองค์ทรงแสดงในองค์ พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ ตาย และให้ประทับเบือ้ งขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำ�นาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวง ที่อาจเรียกขานได้ทั้งในยุคนี้และใน ยุคหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระ คริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของ พระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำ�ให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ พระวรสาร ลก 12:8-12 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะ ยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน” “ทุกคนทีก่ ล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รบั การอภัย แต่ผทู้ กี่ ล่าวร้ายต่อพระจิต เจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย” “เมื่อเขาจะนำ�ท่านไปยังศาลาธรรมต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำ�นาจ ท่าน ทั้งหลายอย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะพระ จิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร” เปโตรปฏิเสธบุตรแห่งมนุษย์ ยืนยันว่าไม่รู้จักพระองค์ถึง 3 ครั้ง สำ�นึกผิด กลับใจ และขอโทษ พระองค์ก็ให้อภัย แต่ผู้ที่กล่าวร้ายต่อพระจิตเจ้า คือผู้ที่ไม่ยอมรับ ความจริง ทำ�บาปแล้วไม่ยอมกลับใจ ไม่ยอมรับผิด ดือ้ ดึงในบาป เช่น พวกยิวเห็นพระเยซู เจ้าขับไล่ปีศาจ ก็หาว่าพระองค์เป็นหัวหน้าปีศาจ แทนที่จะยอมรับพระองค์เป็นพระเจ้า ไม่มีความสำ�นึกในบาปผิดต่อความจริง บาปของเขาไม่ได้รับการอภัย ไม่ใช่จากพระเจ้า แต่จากตัวเขาเอง ที่ไม่ยอมรับว่าตัวทำ�บาป ฉะนั้น เมื่อเราทำ�บาป ให้เรายอมรับความจริง ว่าเราทำ�บาป สำ�นึกผิด ขอโทษพระจิตเจ้า พระจิตเจ้าก็อภัยให้เรา อยู่ฝ่ายเรา
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา สดด 8:1-2ก,3-4ก,4ข-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันแพร่ธรรมสากล
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 53:10-11 ถึงกระนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยให้เขาถูกขยี้ด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อ เขามอบตนเพือ่ ชดเชยบาป เขาจะได้เห็นลูกหลาน จะมีอายุยนื เขาจะทำ�ให้พระประสงค์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำ�เร็จไป องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า “หลังจากที่เขาประสบความทรมานแล้ว เขาจะ ได้เห็นแสงสว่างและจะพอใจ ความรู้ของผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของเรา จะนำ�ความชอบ ธรรมมาให้คนจำ�นวนมาก เขาจะรับความผิดของคนทั้งหลายไว้เอง” เพลงสดุดี สดด 33:4-5,18-19,20-22 ก) พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเที่ยงตรง พระราชกิจของพระองค์น่าเชื่อถือ พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม ความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเปี่ยมล้นทั่วแผ่นดิน ข) แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าพิทักษ์ผู้ที่ย�ำเกรงพระองค์ ผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อจะช่วยชีวิตของเขาให้พ้นจากความตาย และรักษาเขาไว้ในยามขาดแคลนอาหาร ค) จิตใจของเราทั้งหลายก�ำลังรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นความช่วยเหลือและทรงเป็นโล่ป้องกันภัยของเรา ใช่แล้ว จิตใจของเราชื่นชมในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอความรักมั่นคงของพระองค์ สถิตกับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายมีความหวังในพระองค์ บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:14-16 พี่น้อง ในเมื่อเรามีมหาสมณะยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งผ่านเข้าสู่สวรรค์แล้ว คือพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า เราจงยึดมั่นอยู่ในการแสดงความเชื่อของเราเถิด เพราะเหตุว่า เราไม่มีมหาสมณะที่ร่วมทุกข์กับเราผู้อ่อนแอไม่ได้ แต่เรามีมหาสมณะผู้ทรงผ่านการ ผจญทุกอย่างเหมือนกับเรา ยกเว้นบาป ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระ หรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เรา ต้องการ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:35-45 เวลานั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี เข้ามาทูล พระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้ พระองค์ทรงกระทำ�ตามทีข่ า้ พเจ้าจะขอนี”้ พระองค์ตรัสถาม ว่า “ท่านปรารถนาให้เราทำ�สิง่ ใด” ทัง้ สองคนทูลตอบว่า “ขอ โปรดให้ขา้ พเจ้าคนหนึง่ นัง่ ข้างขวา อีกคนหนึง่ นัง่ ข้างซ้ายของ พระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่าน ไม่รวู้ า่ กำ�ลังขออะไร ท่านดืม่ ถ้วยซึง่ เราจะดืม่ ได้ไหม หรือรับ การล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” ทั้งสองคนทูลว่า “ได้ พระเจ้า ข้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะ ได้ดมื่ และการล้างทีเ่ ราจะรับนัน้ ท่านก็จะได้รบั แต่การทีจ่ ะ นัง่ ข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานัน้ ไม่ใช่หน้าทีข่ องเราทีจ่ ะให้ แต่สงวนไว้สำ�หรับผูท้ พี่ ระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้” เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมด มาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ เป็นใหญ่ย่อมใช้อำ�นาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำ�ตน เป็นผูร้ บั ใช้ผอู้ นื่ และผูใ้ ดทีป่ รารถนาจะเป็นคนทีห่ นึง่ ในหมูท่ า่ น ก็จะต้องทำ�ตนเป็นผูร้ บั ใช้ทกุ คน เพราะบุตร แห่งมนุษย์มไิ ด้มาเพือ่ ให้ผอู้ นื่ รับใช้ แต่มาเพือ่ รับใช้ผอู้ นื่ และมอบชีวติ ของตนเป็นสินไถ่เพือ่ มนุษย์ทงั้ หลาย” บ่อยๆ ครั้งเราก็เป็นเหมือนยากอบและยอห์น ปรารถนาจะให้บุตรแห่งมนุษย์โปรดให้เราคนหนึ่ง นัง่ ข้างขวา อีกคนหนึง่ นัง่ ข้างซ้ายในพระสิรริ งุ่ โรจน์ โดยไม่ตอ้ งลงทุนลงแรง อยากได้ต�ำ แหน่ง เกียรติยศ ชือ่ เสียง โดยไม่ต้องลำ�บากลงทุนอะไรก่อน แต่พระเยซูเจ้าเตือนเราว่า ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำ�ตนเป็นผู้รับใช้ ผู้อื่น พระองค์เป็นถึงพระอาจารย์ แต่ล้างเท้าบรรดาศิษย์ สมเด็จพระสันตะปาปาได้รับสมญานามว่า “ผู้รับใช้ แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย” ก่อนที่พระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพ และเสด็จสู่สวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ ประทับเบื้องขวาพระ บิดา พระองค์ต้องทนทุกข์ทรมาน ถูกตรึงตายบนไม้กางเขน... เราก็เช่นกัน ศิษย์ไม่เหนืออาจารย์ ก็จะต้องทน ทุกข์ทรมาน ตาย แล้วจึงกลับคืนชีพไปสวรรค์อย่างรุ่งโรจน์ ได้รับเกียรติจากพระบิดา
บทอ่านที่ 1 อฟ 2:1-10 พี่น้อง ท่านทั้งหลายตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและเพราะบาป ครั้งหนึ่งท่าน เคยดำ�เนินชีวิตตามโลกียวิสัย อยู่ใต้อำ�นาจเทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือ จิตที่ทำ�งานอยู่ในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง เราทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อย ตนตามราคตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายตํ่า เรา น.ยอห์นปอล ที่ 2 จึงน่าจะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอืน่ แต่พระเจ้าทรงเปีย่ มด้วยพระเมตตา ทรง พระสันตะปาปา สำ�แดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา เมื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรง บันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า ท่านได้รับความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษ สดด 100:1-5 ทาน พระเจ้าโปรดให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเยซู โปรดให้เรามีทนี่ งั่ ในสวรรค์ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 พร้อมกับพระคริสตเจ้า เพื่อจะทรงแสดงพระหรรษทานอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่ มนุษย์ทกุ ยุคสมัยในอนาคต โดยทรงพระกรุณาต่อเราในพระคริสตเยซู ท่านได้รบั ความ รอดพ้นเพราะพระหรรษทานอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็น ของประทานจากพระเจ้า มิได้มาจากการกระทำ�ใดๆ ของท่าน เพือ่ มิให้ใครโอ้อวดตนได้ เราเป็นผลงานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่ง พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ พระวรสาร ลก 12:13-21 เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคน เราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยงั ตรัสอุปมาเรือ่ งหนึง่ ให้เขาทัง้ หลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึง่ มีทดี่ นิ ทีเ่ กิดผลดีอย่างมาก เขา จึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉาง เก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับเขา ว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์ สมบัติไว้สำ�หรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้’” วันนี้นักบุญเปาโลบอกเราว่า ครั้งหนึ่งเราได้ทำ�บาป ดำ�เนินชีวิตตามโลกียวิสัย ปล่อยตนตาม ราคตัณหา ตามความต้องการของธรรมชาติฝา่ ยตํา่ แต่พระเจ้าทรงเปีย่ มด้วยพระเมตตา โปรดให้เรากลับคืนชีพ พร้อมกับพระเยซูเจ้า มีที่นั่งในสวรรค์ อาศัยความเชื่อ... ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าสำ�หรับของประทานนี้ ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าเตือนเราให้ระวังตัวจากความโลภทุกชนิด จากการมีทรัพย์สมบัตมิ ากมาย ภาษิต โรมันเปรียบเงินเหมือนนํ้าทะเล ยิ่งดื่มยิ่งกระหาย คนที่รวยแล้วก็อยากรวยมากขึ้น ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ... ให้ เราเป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้า คือ เจริญชีวิตตามพระประสงค์ของพระ ปฏิบัติคุณธรรมต่างๆ ทรัพย์สมบัติของ ท่านอยู่ในสวรรค์ จิตใจของท่านก็ต้องอยู่ในสวรรค์ด้วย
บทอ่านที่ 1 อฟ 2:12-22 พี่น้อง จงระลึกเถิดว่า เวลานั้น ท่านอยู่ห่างจากพระคริสตเจ้า ถูกกีดกันมิให้เป็น ประชากรอิสราเอล เป็นคนต่างด้าว ไม่มีส่วนในพันธสัญญาที่ทรงสัญญาไว้ อยู่ในโลก นี้โดยไม่มีความหวัง และไม่มีพระเจ้า แต่บัดนี้ในองค์พระคริสตเยซู ท่านทั้งหลายซึ่ง ในอดีตเคยอยู่ห่างไกลได้เข้ามาอยู่ใกล้ เดชะพระโลหิตของพระคริสตเจ้า พระองค์คือ สันติของเรา ทรงกระทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายเป็นหนึง่ เดียว โดยทรงรับสภาพมนุษย์ ทรงทำ�ลาย การเป็นศัตรูกันซึ่งเป็นเหมือนกำ�แพงที่แบ่งแยก ทรงล้มเลิกธรรมบัญญัติพร้อมกับข้อ บังคับและข้อห้ามต่างๆ เพือ่ สร้างสันติ ทำ�ให้ทงั้ สองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์คนใหม่คนเดียว ในพระองค์ โดยทางไม้กางเขนทรงทำ�ให้ทั้งสองฝ่ายกลับคืนดีกับพระเจ้า รวมเป็นกาย เดียว และทรงขจัดการเป็นศัตรูกันเดชะพระองค์ พระองค์เสด็จมาประกาศสันติเป็น ข่าวดีสำ�หรับท่านทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำ�หรับผู้ที่อยู่ใกล้ เดชะพระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงเข้าไปเฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้มาขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับ บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมี บรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระ คริสตเจ้าทรงทำ�ให้อาคารทุกส่วน ต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์ พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำ�ลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้น เป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า พระวรสาร ลก 12:35-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอว และจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้ รับใช้ที่กำ�ลังคอยนาย กลับจากงานมงคลสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิด รับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังตื่นเฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ ท่านทัง้ หลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผูร้ บั ใช้เหล่านัน้ ไปนัง่ โต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำ�ลังทำ�เช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็ เป็นสุข” นักบุญเปาโลเตือนเราให้ระลึกว่า “ครั้งหนึ่ง เราอยู่ห่างจากพระคริสตเจ้า เป็นคนต่างด้าว ไม่มีส่วนในพันธสัญญา ไม่มีความหวัง แต่บัดนี้ พระคริสตเจ้ามารับสภาพ มนุษย์ ทำ�ให้เราคืนดีกบั พระเจ้า ไม่เป็นศัตรูกบั พระองค์ มีศกั ดิศ์ รีเป็นสมาชิกในครอบครัว ของพระเจ้า เกิดใหม่เป็นลูกพระ เป็นพี่น้องของทุกคน ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงเตรียมพร้อม ตื่นเฝ้าอยู่เสมอ เหมือนคนใช้รอ นายกลับมาทุกขณะ...” ก่อนนอนให้เราถามตนเองว่า เราพร้อมทีจ่ ะไปอยูก่ บั พระไหม ถ้า เราต้องตายคืนนี้ เรายินดีตายไหม หรือเรายังติดใจหลงใหลโลกนี้ ซึง่ เป็นสวรรค์จอมปลอม
น.ยอห์น แห่งกาปิสตราโน พระสงฆ์ สดด 85:8-9,10-11, 12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันปิยมหาราช
น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช อสย 12:2-3,4-5,6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อฟ 3:2-12 พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบ พันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมลํ้าลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังที่ ข้าพเจ้าเขียนไว้กอ่ นหน้านีโ้ ดยสังเขป... ธรรมลํา้ ลึกนีพ้ ระองค์มไิ ด้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและ ประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็น กายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี ข้าพเจ้ามาเป็น ผู้รับใช้ข่าวดีนี้เดชะพระหรรษทานที่พระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพื่อสำ�แดงพระ อานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าผู้ตํ่าต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบพระ หรรษทานนี้ เพือ่ ประกาศให้คนต่างชาติรถู้ งึ ความไพบูลย์สดุ ทีจ่ ะหยัง่ รูไ้ ด้ของพระคริสต เจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการลํา้ ลึก ซึง่ ซ่อนเร้นอยูเ่ ป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้า พระผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง... ตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระทำ�ให้สำ�เร็จไปในพระ คริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ
พระวรสาร ลก 12:39-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่าน ทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำ�หรับพวกเราหรือสำ�หรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า “ใครเป็นผูจ้ ดั การทีซ่ อื่ สัตย์และรอบคอบซึง่ นายจะแต่งตัง้ ให้ดแู ลผูร้ บั ใช้อนื่ ๆ เพือ่ ปันส่วนอาหารให้ ตามเวลาที่กำ�หนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังทำ�ดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่าน ทัง้ หลายว่า นายจะแต่งตัง้ เขาให้ดแู ลทรัพย์สนิ ทัง้ หมดของตน แต่ถา้ ผูร้ บั ใช้คนนัน้ คิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และ เริม่ ตบตีผรู้ บั ใช้ทงั้ ชายและหญิง กินดืม่ จนเมามาย นายของผูร้ บั ใช้คนนัน้ จะกลับมาในวันทีเ่ ขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำ�ตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ ใจนาย แม้ทำ�สิง่ ทีค่ วรจะถูกเฆีย่ น ก็จะถูกเฆีย่ นน้อย ผูใ้ ดได้รบั ฝากไว้มาก ผูน้ นั้ ก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย” นักบุญเปาโลบอกข่าวดีกบั เราว่า “พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เราทราบว่า คนต่างชาติตา่ งศาสนามีบญ ุ เข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ท่านนักบุญเองก็ได้รับเลือกมาเป็นผู้รับใช้ เพื่อประกาศข่าวดีนี้ให้แก่ คนต่างชาติต่างศาสนา” เราแต่ละคนเป็นคนต่างชาติต่างศาสนา มีบุญได้เกิดใหม่เป็นลูกพระ มารู้จักพระเจ้า เที่ยงแท้ มีสิทธิ์ไปอยู่กับพระในสวรรค์ เรานำ�คนต่างศาสนามารู้จักพระเจ้ามากน้อยเพียงใด พระเยซูเจ้าเตือนเราว่า บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาทีท่ า่ นไม่คาดหมาย... จงเตรียมตัวตายไปสวรรค์ ทุกๆ ขณะ แต่ละวัน พระเจ้ามาหาเราในตัวพี่น้องมนุษย์ที่หิว ป่วยไข้ อยู่ในคุก แต่เราจำ�พระองค์ไม่ได้ ให้เรา ปฏิบัติต่อมนุษย์เหล่านี้เหมือนปฏิบัติต่อพระองค์เอง
บทอ่านที่ 1 อฟ 3:14-21 พี่น้อง ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์พระบิดา ผู้ทรงเป็นที่มาของครอบครัว ทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละกำ�ลังแก่ท่านเดชะ พระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่าน เข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำ�นักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ เมื่อท่าน ฝังรากและตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจ ถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะ หยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็ม เปี่ยม ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผูท้ รงกระทำ�ทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพทีแ่ สดง พลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด ขอพระสิรริ ุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ใน พระศาสนจักร และในพระคริสตเยซูทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน พระวรสาร ลก 12:49-53 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพือ่ จุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิง่ ทีจ่ ะให้โลกนีล้ กุ เป็นไฟ เรามีการล้าง ที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำ�เร็จ” “ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำ�สันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรา นำ�ความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสาม คนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะ แตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตร สะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี” พระเยซูเจ้าตรัสว่า พระองค์มาเพือ่ จุดไฟในโลก ไฟแห่งความรักต่อพระเจ้า และเพื่อนมนุษย์ พระองค์ยังตรัสอีกว่า พระองค์มิได้มาเพื่อนำ�สันติภาพมาสู่โลก แต่นำ� ความแตกแยก... ความแตกแยกในทีน่ ี้ พระองค์หมายถึงความเสียสละตัดใจ ความรักของ พ่อแม่ต่อลูก หรือความรักของลูกต่อพ่อแม่ หรือความรักของสามีภรรยา หรือความรักต่อ ญาติมติ ร ต้องเสียสละตัดใจ เพราะเห็นแก่ความรักต่อพระคริสตเจ้า ความรักต่อพระเจ้า ประเสริฐลํ้าเลิศมากกว่าความรักอื่นใด ความรักอื่นๆ เป็นรอง ต้องมาทีหลัง
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 33:1-2,4-5, 11-12,18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 24:1-2,3-4,5-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 อฟ 4:1-6 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าผูถ้ กู จองจำ�เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า วอนขอท่านทัง้ หลายให้ดำ�เนิน ชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียร อดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่ง สันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังทีพ่ ระเจ้าทรงเรียกท่านให้มคี วามหวังประการเดียว มี องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่ง เดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำ�การผ่าน ทุกคน และสถิตในทุกคน พระวรสาร ลก 12:54-59 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และ ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คน หน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำ�ไมจึงไม่วินิจฉัยเวลา ปัจจุบันนี้เล่า” “ทำ�ไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำ�ลังไปศาลกับคู่ ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไป ต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำ�ระหนีจ้ นถึงเศษสตางค์สดุ ท้าย” นักบุญเปาโลถูกจองจำ� วอนขอเราให้ด�ำ เนินชีวติ สมศักดิศ์ รีกบั ทีไ่ ด้รบั เรียก มาเป็นลูกพระบิดาเดียวกัน เป็นพี่น้องของมนุษย์ทุกคน เราต้องมีความรักต่อพี่น้อง คริสตชนและที่มิใช่คริสตชน ต่อมนุษย์ทุกคน ไม่มีศัตรู พระเยซูเจ้าเตือนเราให้รีบจัดการชีวิตของเราให้เรียบร้อย ด้วยการคืนดีกับพระและ กับมนุษย์ทกุ คนขณะทีย่ งั มีเวลา อย่ารอจนวาระสุดท้าย เพราะเราไม่รวู้ า่ เราจะตายเมือ่ ไร อย่างไร หลายคนตายในอุบัติเหตุ เส้นโลหิตแตก บางคนเข้านอนแล้วไม่ตื่น ให้เราวอนขอ พระ อย่าให้เราตายในอุบัติเหตุหรือตายโดยปัจจุบัน ฯลฯ จะได้มีเวลาเตรียมตัวดีๆ
บทอ่านที่ 1 อฟ 4:7-16 พีน่ อ้ ง เราแต่ละคนได้รบั พระหรรษทานตามสัดส่วนทีพ่ ระคริสตเจ้าประทานให้ ดัง นั้น จึงมีคำ�กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำ�บรรดาเชลยไปด้วย และทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์”... สัปดาห์ที่ 29 พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผูอ้ ภิบาลและอาจารย์ เพือ่ เตรียมบรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิไ์ ว้สำ�หรับ เทศกาลธรรมดา สดด 122:1-2,3-5 งานรับใช้ เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็น หนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ตาม ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 มาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัด โคลงเคลงล่องลอยไปตามกระแสคำ�สั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วย อุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป แต่ให้เราดำ�เนินชีวิตในความจริง ด้วยความรัก เจริญเติบโตขึน้ จนบรรลุถงึ ความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผูท้ รงเป็นพระเศียร พระองค์ทรงทำ�ให้ ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำ�ลังให้แต่ละส่วนทำ� หน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก พระวรสาร ลก 13:1-9 ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขา กำ�ลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาว กาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะ พินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิด มากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยน ชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามา มองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่ พบ จงโค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดิน รอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’” นักบุญเปาโลบอกเราว่า พระเจ้าประทานบางคนให้เป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคน เป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ ฉะนั้น ให้เราแต่ละคนเจริญชีวิตตามกระแสเรียกเพื่อ ประโยชน์สว่ นรวม เป็นผูใ้ หญ่ ไม่เหมือนเด็กทีถ่ กู คลืน่ ซัดโคลงเคลงไปตามกระแสคำ�สัง่ สอนของมนุษย์ทมี่ อี บุ าย หลอกลวงให้หลงผิด ดำ�เนินชีวิตด้วยความจริงและความรัก เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า ให้เจริญ เติบโตจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าซึ่งเป็นศีรษะ พระเยซูเจ้าเตือนเราว่า ถ้าไม่กลับใจ ทุกคนจะพินาศ ทรงยกคำ�อุปมาเรื่องต้นมะเดื่อเทศซึ่งปลูกไว้สามปี แล้ว ไม่มีผล น่าโค่นทิ้ง เราเป็นเหมือนต้นมะเดื่อเทศ ปลูกมาหลายปีแล้ว มีผลมากน้อยเพียงใด หรือไม่มีเลย พระให้เวลาเรา รีบกลับใจเปลี่ยนชีวิต อย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะอาจเป็นปีสุดท้ายสำ�หรับเรา
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 31:7-9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำ�หรับยาโคบ และโห่รอ้ งต้อนรับผูน้ ำ�ของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้ รอดพ้น คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’ ดูซิ เราจะนำ�เขาทั้งหลายกลับมาจากแผ่นดิน ทางทิศเหนือ และจะรวบรวมเขาทั้งหลายมาจากปลายแผ่นดิน ในหมู่เขาจะมีทั้งคน ตาบอด คนขาพิการ หญิงมีครรภ์ และหญิงที่กำ�ลังคลอดบุตร เขาทั้งหลายจะกลับมา ที่นี่พร้อมกันเป็นหมู่ใหญ่ เขาทั้งหลายกลับมาด้วยนํ้าตานองหน้า เราจะนำ�เขากลับมา ด้วยความเมตตาสงสาร เราจะนำ�เขาให้เดินไปยังธารนํ้า ให้เดินในทางตรงที่เขาจะไม่ สะดุด เพราะเราเป็นบิดาสำ�หรับอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรคนแรกของเรา” เพลงสดุดี สดด 126:1-2,3-4,5-6 ก) เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงน�ำบรรดาเชลยกลับมาสู่ศิโยน ดูเหมือนว่าเราก�ำลังฝันอยู่ ขณะนั้น ปากของเราก�ำลังหัวเราะ ลิ้นของเรามีแต่เสียงโห่ร้องยินดี ขณะนั้น นานาชาติก็พูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเขาทั้งหลาย” ข) ถูกต้องแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา และเราก็มีความยินดี ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้าทั้งหลาย ให้กลับดีเช่นเดิม เหมือนธารน�้ำบริเวณเนเกบ ค) ผู้ที่หว่านด้วยน�้ำตา ย่อมโห่ร้องยินดีเมื่อเก็บเกี่ยว เขาเดินพลาง ร้องไห้พลาง หอบเมล็ดพืชไปหว่าน ยามกลับมา เขาโห่ร้องด้วยความยินดี น�ำฟ่อนข้าวกลับมาด้วย บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 5:1-6 มหาสมณะทุกองค์ย่อมได้รับการคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ แทนมนุษย์ในความสัมพันธ์ติดต่อกับพระเจ้า เพื่อถวายทั้งบรรณาการและเครื่องบูชา
ชดเชยบาป เขาเห็นใจผู้ที่ไม่รู้และหลงผิด เพราะเขาก็ถูก ความอ่อนแอครอบงำ�อยูเ่ ช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้อง ถวายบูชาชดเชยบาปสำ�หรับตนเองเช่นเดียวกับชดเชยบาป สำ�หรับประชากรด้วย ไม่มีใครอ้างเกียรตินี้เป็นของตนได้ นอกจากผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกเช่นเดียวกับอาโรน ในทำ�นอง เดียวกันพระคริสตเจ้ามิได้ทรงยกย่องพระองค์ขึ้นเป็นมหา สมณะ แต่ผทู้ ที่ รงยกย่องพระคริสตเจ้าคือพระเจ้า ผูต้ รัสกับ พระองค์ว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำ�เนิดท่าน” เช่นเดียวกับที่ตรัสไว้อีกแห่งหนึ่งว่า “ท่านเป็นสมณะตลอด นิรันดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:46-52 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมือง เยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำ�นวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำ�ลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่า เดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียก เขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำ�ใจดีๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำ�ลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอด สลัดเสือ้ คลุมทิง้ กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำ�อะไรให้” คนตาบอด ทูลว่า “รับโบนี ให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้ รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป พระเจ้าตรัสทางประกาศกว่า จงโห่รอ้ งต้อนรับผูน้ �ำ ของนานาชาติ พระองค์ทรงช่วยประชากรของ พระองค์ให้รอดพ้น เมื่อพระเยซูคริสตเจ้าบุตรพระเจ้าเสด็จมาเป็นพระผู้ไถ่กู้โลก ช่วยมนุษย์ที่เจ็บป่วย พิการ มี บาปให้รอดทั้งกายและวิญญาณ ให้เราเข้าไปหาพระองค์ด้วยความเชื่อที่มีชีวิตชีวา ให้พระองค์รักษาเราทั้งกาย และวิญญาณ ให้เราต้อนรับพระองค์แทนคนอีกมากมายที่ยังไม่เชื่อและไม่ต้อนรับพระองค์
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อฟ 4:32-5:8 พีน่ อ้ ง จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังทีพ่ ระเจ้าทรงให้อภัยท่าน ในองค์พระคริสตเจ้าเถิด ท่านทัง้ หลายจงทำ�ตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดทีร่ กั ของพระองค์ จง ดำ�เนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็น เครื่องบูชาที่มีกลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่างๆ หรือความ โลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้มีทั้งการ พูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่จงขอบพระคุณ จะดีกว่า ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็น เสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของ พระเจ้าเลย อย่าให้ใครใช้คำ�พูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำ�ความ ผิดเหล่านีส้ มควรจะได้รบั โทษจากพระเจ้า จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านีเ้ ลย ในอดีตท่าน เคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำ�เนินชีวิตเช่น บุตรแห่งความสว่างเถิด
พระวรสาร ลก 13:10-17 ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บ ป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้า มาและตรัสว่า “นางเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนัน้ นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “วันที่ทำ�งานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” องค์พระผู้ เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินนํ้าในวัน สับบาโตดอกหรือ หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่ จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์ รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่ทรงกระทำ� นักบุญเปาโลเตือนเราให้เจริญชีวติ สมศักดิศ์ รี ประดุจบุตรทีร่ กั ของพระเจ้า เช่นบุตรแห่งความสว่าง หลีกหนีบาปผิดประเวณี บาปลามกโสมมต่างๆ เป็นต้น เพราะจะทำ�ให้ไม่ได้รับมรดกในพระอาณาจักรของ พระเจ้า... หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาหญิงหลังค่อมในวันสับบาโต พระองค์ตอบเขาว่า “พวกท่านมิได้แก้โคหรือลา พาไปกินนํ้าในวันสับบาโตดอกหรือ” ฉะนั้น ในวันสับบาโตไม่ห้ามทำ�ความดี ช่วยเหลือผู้อื่น
บทอ่านที่ 1 อฟ 5:21-33 พี่น้อง จงยอมอยู่ใต้อำ�นาจของกันและกันด้วยความเคารพยำ�เกรงพระคริสตเจ้า ภรรยาจงยอมอยู่ใต้อำ�นาจของสามีเหมือนยอมอยู่ใต้อำ�นาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผูช้ ว่ ยพระศาสนจักรซึง่ เป็นพระกายให้รอดพ้น พระศาสนจักรยอมอยู่ ใต้อำ�นาจของพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ตอ้ งยอมอยูใ่ ต้อำ�นาจของสามีทกุ เรือ่ งฉันนัน้ สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์ เพือ่ พระศาสนจักร ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิส์ ทิ ธิ์ ทรงใช้นาํ้ และพระวาจาชำ�ระ พระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากตำ�หนิริ้วรอยหรือสิ่งใดๆ ในลักษณะดังกล่าว เช่นเดียวกัน สามีตอ้ งรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผูท้ รี่ กั ภรรยาก็รกั ตนเอง เพราะไม่มใี ครเกลียด ชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระทำ� เช่นเดียวกันกับพระศาสนจักร เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์ พระคัมภีร์ กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็น เนื้อเดียวกัน” ธรรมลํ้าลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับพระ ศาสนจักร ดังนัน้ แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงเคารพ ยำ�เกรงสามี
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 128:1-2,3,4-5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 13:18-21 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งใด เราจะเปรียบพระ อาณาจักรกับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งชายคนหนึ่งทิ้งไว้ในสวนของตน มันเติบโต ขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งบรรดานกในอากาศมาทำ�รังอาศัยบนกิ่งได้” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับ เชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำ�มาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งฟูขึ้นทั้งหมด” ทุกวันนี้ การหย่าร้างมีมากขึ้น เป็นสิ่งน่าเศร้า เจ็บปวด มีผลร้ายต่อสังคม การแต่งงานไม่เป็น ศีลศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว ไม่เป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักของพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร พระ คริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร ยอมตายเพื่อพระศาสนจักร ส่วนพระศาสนจักรก็รัก เคารพพระคริสตเจ้าด้วย ความซื่อสัตย์ หนังสือปฐมกาลเล่าว่า พระเจ้าเอาซี่โครงใกล้ๆ หัวใจของอาดัมสร้างเอวา เพื่อให้สามีรักภรรยา ซึง่ เป็นส่วนหนึง่ ของตน ส่วนภรรยาก็เคารพสามี และทัง้ สองจะเป็นเนือ้ เดียวกัน สิง่ ทีพ่ ระเจ้าได้ผกู ไว้ มนุษย์อย่า ได้แยกออกจากกัน พระเยซูเจ้าทรงตั้งพระศาสนจักรเพื่อแผ่ขยายพระอาณาจักรให้เติบโต เราสนใจพระอาณาจักรหรือสนใจ แต่พระศาสนจักร ทำ�อย่างไรให้พนี่ อ้ งต่างศาสนาทีย่ งั ไม่ได้ลา้ งบาปเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร ได้เป็นสมาชิก ของพระอาณาจักรไปสวรรค์ได้
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 145:10-11,12-13กข, 13ค-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อฟ 6:1-9 บุตรทั้งหลาย จงเชื่อฟังบิดามารดา ในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะการทำ�เช่นนี้ถูก ต้อง “พระบัญญัติที่ว่า จงให้เกียรติบิดามารดา” เป็นพระบัญญัติแรกซึ่งมีพระสัญญา ควบคู่อยู่ด้วยว่า “แล้วท่านจะอยู่บนแผ่นดินอย่างเป็นสุข และมีอายุยืน” บิดา อย่ายํ้าสอนจนบุตรขุ่นเคือง แต่จงอบรมสั่งสอนและตักเตือนเขาตามหลัก ธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทาส จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายในโลกนี้ด้วยความเคารพยำ�เกรงจากใจจริง ประหนึ่ง เชื่อฟังองค์พระคริสตเจ้า อย่าทำ�ดีรับใช้ต่อหน้าเหมือนจะให้มนุษย์พอใจเท่านั้น แต่จง เป็นเสมือนทาสรับใช้พระคริสตเจ้า ทำ�ตามพระประสงค์ของพระเจ้าจากใจจริง จง รับใช้ดว้ ยความเต็มใจเหมือนกับรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า มิใช่รบั ใช้มนุษย์ ท่านรูอ้ ยูแ่ ล้ว ว่าถ้าแต่ละคนทำ�ดีไว้อย่างไร ก็จะได้รับค่าตอบแทนจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าเขาจะ เป็นทาสหรือเป็นอิสระก็ตาม เจ้านาย จงปฏิบัติต่อทาสเช่นเดียวกัน จงละเว้นการข่มขู่ต่างๆ ท่านย่อมรู้อยู่ว่า พระองค์ผู้ทรงเป็นนายทั้งของท่านและของเขานั้นสถิตในสวรรค์และไม่ทรงลำ�เอียง
พระวรสาร ลก 13:22-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุง เยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับเขา ทั้งหลายว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะ เข้าไม่ได้ เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า ‘นายเจ้าข้า เปิดประตู ให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รวู้ า่ พวกเจ้ามาจากทีใ่ ด’ แล้วท่านก็จะพูดว่า ‘พวกเราได้กนิ ได้ดมื่ อยู่ กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไปให้ พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่ทำ�การอยุติธรรม’ เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะรํ่าไห้ครํ่าครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและ ยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ทา่ นทัง้ หลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็นกลุ่มสุดท้าย” นักบุญเปาโลเตือนลูกๆ ให้เชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่ก็อย่าทำ�ให้ลูกขุ่นเคือง จงอบรมสั่งสอนลูกตาม หลักธรรม ถือว่าลูกเป็นของขวัญ เป็นลูกของพระ พระฝากให้อบรมเลี้ยงดูเพื่อเป็นพลเมืองสวรรค์สักวันหนึ่ง พ่อแม่กจ็ ะได้รบั รางวัลจากพระ ทาสจงเคารพเชือ่ ฟังรับใช้นายเสมือนรับใช้พระคริสตเจ้า ผูเ้ ป็นนายจงปฏิบตั ติ อ่ ทาสอย่างดี ละเว้นการข่มขู่ดุจพระเจ้า ซึ่งเป็นทั้งนายของท่านและของเขา พระเยซูเจ้าตอบกับคนทีถ่ ามว่า น้อยคนใช่ไหมทีจ่ ะรอด พระองค์ทรงตอบว่า จงเข้าทางประตูแคบ คือ ทาง พลีกรรม เสียสละอุทิศตน เพราะประตูกว้างนำ�ไปสู่หายนะ โดยการทำ�ตามใจ ปล่อยตัวทำ�บาป พี่น้องต่างชาติ ต่างศาสนาที่พยายามเข้าทางประตูแคบ ก็สามารถนั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า