บทอ่านที่ 1 อสย 66:10-14 ท่านทัง้ หลายจงยินดีกบั กรุงเยรูซาเล็ม ท่านทัง้ หลายทีร่ กั กรุงเยรูซาเล็ม จงชืน่ ชม กับกรุงนีเ้ ถิด ท่านทัง้ หลายทีเ่ คยไว้ทกุ ข์ให้กรุงเยรูซาเล็ม จงร่วมยินดีกบั กรุงนีด้ ว้ ยความ ชืน่ บานเถิด ท่านจะได้รบั การปลอบโยนอย่างเต็มเปีย่ มจากกรุงเยรูซาเล็ม ทารกมีความ ยินดีเมื่อดูดนมจากทรวงอกของมารดาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะมีความยินดีจากความ อุดมสมบูรณ์ของกรุงนี้ฉันนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะบันดาลให้สันติสุขหลั่งไหลมาสู่ กรุงนีเ้ หมือนแม่นาํ้ จะนำ�ความมัง่ คัง่ ของนานาชาติมายังกรุงนีเ้ หมือนสายนํา้ ทีก่ ำ�ลังล้น ฝั่ง กรุงนี้จะอุ้มท่านทั้งหลายไว้ ให้ท่านดูดนม และหยอกล้อท่านบนตัก มารดา ปลอบโยนบุตรฉันใด เราก็จะปลอบโยนท่านทัง้ หลายฉันนัน้ ท่านจะได้รบั การปลอบโยน ในกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทัง้ หลายจะเห็น และใจของท่านจะโลดเต้นยินดี กระดูกของท่าน จะสดชื่นขึ้นเหมือนหญ้าอ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพแก่ผู้รับใช้ ของพระองค์ แต่จะทรงพระพิโรธต่อบรรดาศัตรู”
ฉลอง น.เทเรซา แห่งพระกุมารเยซู พรหมจารี และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 131:1,2-3
พระวรสาร มธ 18:1-5 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวก เขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา” เมื่อพูดถึงเด็ก คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงความน่ารัก ความร่าเริงแจ่มใส และ ความไร้เดียงสาของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ยังมีลกั ษณะพิเศษอีกอย่างหนึง่ ทีช่ ว่ ยให้ค�ำ พูด และการกระทำ�ของเด็กมีพลังมาก สิ่งนั้นคือ “ความเชื่อมั่น” ในความรักและความเอาใจ ใส่ของพ่อแม่ที่มีต่อพวกเขา ไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นใคร มาจากไหน ยากดีมีจนเพียงใด พวก เขาเป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรีสำ�หรับเด็กเสมอ ในความคิดของเด็กไม่มีสิ่งใดที่พ่อแม่จะทำ� เพือ่ พวกเขาไม่ได้ นีแ่ หละคือลักษณะของ “ผูท้ ยี่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในอาณาจักรสวรรค์” (มธ 18:1) ตามทรรศนะของพระเยซูเจ้า พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ใครก็ตามที่อยากเข้าอาณาจักรสวรรค์ เขาคนนัน้ ต้องมี “ความเชือ่ มัน่ ” ในความรักและพระเมตตาอันหาขอบเขตมิได้ของพระเจ้า อย่างไร้ข้อสงสัย แม้ว่าหลายครั้งเขาอาจมองไม่เห็นความจริงประการนี้ เพราะเหตุการณ์ เลวร้ายหรือมรสุมชีวิตกำ�ลังประดังเข้ามาหาเขาอย่างไม่ขาดสาย
10.indd 319
21/12/2561 14:50:33
บทอ่านที่ 1 อพย 23:20-23ก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เราจะส่งทูตสวรรค์ไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง และนำ�ท่านไปถึง สถานที่ที่เราจัดเตรียมไว้ จงเคารพทูตสวรรค์และเชื่อฟังถ้อยคำ�ของเขา อย่าต่อต้าน เพราะเขาทำ�ไปในนามของเรา และจะไม่ยอมอภัยความผิดของท่านเลย แต่ถา้ ท่านเชือ่ ระลึกถึง ฟังเขาและทำ�ตามที่เราสั่งทุกประการ เราจะเป็นศัตรูกับศัตรูของท่าน เป็นปฏิปักษ์กับ ทูตสวรรค์ผู้อารักขา ปฏิปักษ์ของท่าน ทูตสวรรค์ของเราจะเดินข้างหน้าและนำ�ท่าน” สดด 91:1-2,3-5, 6,9-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร มธ 18:1-5,10 ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดใน อาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็กๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวก เขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” “ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา จงระวังให้ดี อย่า ดูหมิ่นคนธรรมดาๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์” ในพระคัมภีร์มีการอ้างถึง “ทูตสวรรค์” ของพระเจ้ามากกว่าสามร้อยครั้ง และมีการบรรยายถึงภารกิจของพวกท่านไว้ในหลายรูปแบบ พวกท่านเป็นสิ่งสร้างที่มี จำ�นวนมหาศาลนับไม่ถว้ นซึง่ อยูร่ ะหว่างมนุษย์กบั พระเจ้า พระศาสนจักรสอนเราเกีย่ วกับ เรื่องนี้ว่า “ตั้งแต่เริ่มต้นจนจากโลกนี้ไป ชีวิตมนุษย์ได้รับการพิทักษ์รักษาและการเสนอ วิงวอนแทนจากเหล่าทูตสวรรค์ สัตบุรุษแต่ละคนมีทูตสวรรค์อยู่เคียงข้าง เป็นผู้พิทักษ์ และผู้อภิบาลเพื่อนำ�ตัวเขาไปสู่ชีวิต” (คำ�สอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ 336) เห็นได้ ว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้ามีบทบาทสำ�คัญมากในชีวติ เราแต่ละคนและในพระศาสนจักรโดย รวมด้วย ทูตสวรรค์ของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์ทรงส่งพวกท่านมาคอยปกป้อง คุ้มครองเราผู้เป็นลูกๆ ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราเป็นทุกข์เดือดร้อน และถูกประจญล่อลวง เหมือนทีร่ บั ใช้พระเจ้าบนสวรรค์ พวกท่านจะช่วยเหลือและปกป้อง คุ้มครองเราบนโลกนี้
10.indd 320
21/12/2561 14:50:33
บทอ่านที่ 1 นหม 8:1-4ก,5-6,7ข-12 ประชาชนทั้งปวงมาชุมนุมพร้อมกันที่ลานหน้าประตูนํ้า ขอให้เอสราธรรมาจารย์ นำ�หนังสือธรรมบัญญัตขิ องโมเสส ซึง่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าประทานแก่อสิ ราเอลมาด้วย... เอสราธรรมาจารย์ยืนอยู่บนยกพื้นไม้ที่ทำ�ขึ้นเพื่อการนี้ เอสรายืนอยู่สูงกว่า ประชากรทั้งปวง ทุกคนจึงเห็นเขาได้ เมื่อเขาเปิดหนังสือ ประชากรทุกคนก็ยืนขึ้น เอสราถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชากรทั้งปวงก็ชูมือขึ้น พูดว่า “อาเมน อาเมน” และก้มลงหน้าจรดพื้นนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า... ประชากรทุกคนทีฟ่ งั ถ้อยคำ�ของธรรมบัญญัตกิ ร็ อ้ งไห้ เนหะมียซ์ งึ่ เป็นผูว้ า่ ราชการ เอสราซึง่ เป็นสมณะและธรรมาจารย์ และชนเลวีผสู้ อนประชากรจึงพูดกับประชากรทัง้ ปวงว่า “วันนีเ้ ป็นวันศักดิส์ ทิ ธิถ์ วายแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน อย่าเป็นทุกข์ โศกเศร้าหรือรํ่าไห้เลย จงกลับไปบ้าน เลี้ยงอาหารเลิศรส ดื่มเหล้าองุ่นอย่างดี และ แบ่งปันอาหารให้คนที่ไม่มี เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของ เรา อย่าเศร้าใจเลย เพราะความยินดีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพละกำ�ลังของท่าน”...
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา สดด 19:7,8,9,10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 10:1-12 ต่อจากนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงแต่งตัง้ ศิษย์อกี เจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคูๆ่ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จง วอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะ ในฝูงสุนัขป่า อย่านำ�ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับ เขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำ�มา ให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนีอ้ อกบ้านโน้น เมือ่ ท่านเข้าไปในเมืองใดและ เขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักร ของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’ แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลาน สาธารณะ และกล่าวว่า ‘แม้แต่ฝนุ่ จากเมืองของท่านทีต่ ดิ เท้าของเรา เราจะสลัดทิง้ ไว้กล่าวโทษท่าน จงรูเ้ ถิด ว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสโดมจะรับ โทษเบากว่าชาวเมืองนั้น” ศิษย์ทแี่ ท้จริงของพระเยซูเจ้าต้องไม่ยดึ ติดหรือให้ความสำ�คัญกับสิง่ ของภายนอกมากเกินไป “อย่า นำ�ถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้าไปด้วย” (ลก 10:4) แต่ยึดมั่นในความรัก การดูแลเอาใจ และการปกป้องคุ้มครอง จากพระองค์แต่เพียงผู้เดียว เมื่อพระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศข่าวดี พวกเขาต้องมั่นใจในความดูแล เอาใจใส่ของพระองค์ ความสำ�เร็จของพันธกิจที่ได้รับมอบหมายไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ หรือสิ่งที่ พวกเขามีเป็นหลัก แต่ขนึ้ อยูก่ บั พระองค์ พวกเขาเป็นเพียงคนงานกลุม่ หนึง่ ทีพ่ ระองค์ทรงส่งไป พวกเขาต้องเชือ่ และไว้วางใจในความรักและพระอานุภาพของพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเจออุปสรรคและปัญหาเลวร้าย แค่ไหน บุคคลแรกที่พวกเขาจะต้องนึกถึงคือพระองค์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือในฐานะคนงานของพระองค์พวก เขาเป็นผู้นำ� “สันติสุข” ไปให้กับคนอื่น เป็นการทำ�ให้คนอื่นเป็นอิสระและมีความสุข วันนี้ขอให้บ้านทุกหลัง ได้ยินคำ�ทักทายของพระเยซูเจ้าที่ว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” (ลก 10:5) 10.indd 321
21/12/2561 14:50:34
ระลึกถึง น.ฟรังซิส แห่งอัสซีซี สดด 79:1-2,3-5,8,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 บรค 1:15-22 ท่านทั้งหลายต้องอธิษฐานภาวนาดังนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราทรง ความเที่ยงธรรม ส่วนเราต้องอับอายดังที่เห็นได้ในวันนี้ ชาวยูดาห์และชาวกรุง เยรูซาเล็มก็ตอ้ งอับอาย รวมทัง้ บรรดากษัตริย์ บรรดาผูป้ กครอง บรรดาสมณะ บรรดา ประกาศกและบรรพบุรุษของเราด้วย เพราะเราได้ทำ�บาปผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ เชื่อฟังพระองค์ ไม่ฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา และไม่เดิน ตามบทบัญญัติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เรา ตั้งแต่วันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำ� บรรพบุรุษของเราออกจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราไม่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา เราละเลยไม่ยอมฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เหตุรา้ ยและคำ�สาปแช่ง ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสำ�ทับไว้กับโมเสสผู้รับใช้พระองค์ เมื่อทรงนำ�บรรพบุรุษของ เราออกจากแผ่นดินอียิปต์เพื่อประทานแผ่นดินที่มีนํ้านมและนํ้าผึ้งไหลอย่างบริบูรณ์ ยังอยู่กับเราแม้ในวันนี้ เราทั้งหลายไม่ฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้า ของเรา ซึ่งตรัสไว้โดยทางประกาศกที่ทรงส่งมาพบเรา เราแต่ละคนกลับทำ�ตามความ คิดจากใจชั่วร้ายของเรา ไปนับถือเทพเจ้าอื่นๆ และทำ�ความชั่วเฉพาะพระพักตร์องค์ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา” พระวรสาร ลก 10:13-16 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ที่ ได้เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่ง กระสอบนั่งบนกองขี้เถ้ากลับใจเสียนานแล้ว ดังนั้น เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับ โทษเบากว่าเจ้าในวันพิพากษา ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้นถึงฟ้าเทียว หรือ เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย ผูใ้ ดฟังท่าน ผูน้ นั้ ฟังเรา ผูใ้ ดสบประมาทท่าน ผูน้ นั้ สบประมาทเรา ผูท้ สี่ บประมาท เรา ก็สบประมาทผู้ที่ทรงส่งเรามา”
เมื่อพูดถึงพระเยซูเจ้า เรามักจะนึกถึงบุรุษผู้มีใจเมตตาและอ่อนโยน เป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่คอยดูแล เอาใจใส่ฝูงแกะด้วยความรักและห่วงใย พร้อมที่จะปกป้องให้พ้นจากอันตรายด้วยชีวิต เนื่องด้วยหน้าที่ในการ ปกป้องเยีย่ งผูเ้ ลีย้ งทีด่ นี เี่ องทำ�ให้พระองค์เป็นเสมือนคุณหมอสำ�หรับเราด้วย ดังนัน้ จึงไม่ควรแปลกใจทีบ่ างครัง้ อาจได้ยนิ คำ�เตือนทีค่ อ่ นข้างแข็งกร้าวและเด็ดขาดจากพระองค์ เพราะโรคฝ่ายจิตบางอย่างจำ�เป็นต้องใช้ยาแรง สำ�หรับพระเยซูเจ้าชาวเมืองโคราซิน ชาวเมืองเบธไซดา และชาวเมืองคาเปอรนาอุม ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก กลับใจจึงจะได้รับความรอดพ้น พวกเขาต้องละทิ้งกิจการและพฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งหลาย แล้วกลับมาหาพระเจ้า และปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ โดยเฉพาะบทบัญญัตแิ ห่งความรัก แต่ตราบใดทีพ่ วกเขายังหยิง่ จองหอง และคิดว่าตนเองดีและชอบธรรมอยู่แล้ว ไม่ต้องการพระหรรษทานและความช่วยเหลือจากพระเจ้า พวกเขาจะ ต้องพบกับความวิบัติอย่างแน่นอน 10.indd 322
21/12/2561 14:50:34
บทอ่านที่ 1 บรค 4:5-12,27-29 ประชากรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงทำ�ใจดีๆ ไว้ ท่านทั้งหลายซึ่งทำ�ให้ทุกคนยังคงระลึก ถึงอิสราเอล พระเจ้าทรงขายท่านทั้งหลายให้แก่ชนต่างชาติ มิใช่เพื่อให้ท่านต้องพินาศ แต่พระองค์ทรงมอบท่านให้ศัตรู เพราะท่านทำ�ให้พระองค์กริ้ว... ท่านทำ�ให้กรุง เยรูซาเล็มทีเ่ ลีย้ งดูทา่ นต้องโศกเศร้า นครนีจ้ งึ เห็นพระพิโรธจากพระเจ้าลงมาเหนือท่าน และพูดว่า “บรรดาเมืองรอบๆ ศิโยนเอ๋ย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงส่งความทุกข์ยิ่งใหญ่ให้ ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระเจ้านิรันดร ทรงนำ�บุตรชายหญิงของข้าพเจ้าไปเป็น เชลย ข้าพเจ้าเคยเลี้ยงดูเขามาด้วยความยินดี แต่ต้องร้องไห้เป็นทุกข์เมื่อเขาต้องจาก ไป อย่าให้ผู้ใดยินดีเมื่อเห็นข้าพเจ้าต้องเป็นม่าย ถูกทุกคนทอดทิ้ง ข้าพเจ้าต้องอยู่โดด เดี่ยวเพราะบาปของบรรดาบุตร ที่หันหลังให้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า ลูกเอ๋ย จงทำ�ใจ ให้ดี จงร้องหาพระเจ้าเถิด เพราะพระองค์ผทู้ รงทดลองท่านจะทรงระลึกถึงท่าน ใจของ ท่านเคยออกห่างจากพระเจ้าฉันใด จงกลับมาแสวงหาพระองค์เป็นสิบเท่าฉันนัน้ เถิด...”
ระลึกถึง น.โฟสตีนา แห่งโควัลสกา พรหมจารี สดด 69:32-34,35-36 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 10:17-24 เวลานั้น ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยัง อ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จง ฟังเถิด เราให้อำ�นาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำ�นาจเหนือกำ�ลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะ ทำ�ร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ใน สวรรค์แล้ว” ในเวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลืม้ พระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่ บรรดาผูต้ าํ่ ต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนัน้ พระบิดาทรงมอบทุกสิง่ แก่ขา้ พเจ้า ไม่มี ใครรูว้ า่ พระบุตรทรงเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มใี ครรูว้ า่ พระบิดาทรงเป็นใครนอกจากพระบุตรและผู้ ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะว่า “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่ มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่ง ที่ท่านได้เห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ฟัง” ถ้อยคำ�ของประกาศกบารุคสะท้อนให้เห็นถึงความซาบซึง้ ในความกระหายทีจ่ ะให้อภัยของพระเจ้า ชาวอิสราเอลได้ทำ�ผิดโดยการละทิ้งพระองค์ ประกาศกบอกพวกเขาว่า “ลูกเอ๋ย จงทำ�ใจให้ดี จงร้องหาพระเจ้า เถิด” (บรค 4:27) การเชื้อเชิญชาวอิสราเอลให้กลับใจที่ท่านทำ� ไม่ได้ออกมาจากความหวาดกลัวพระเจ้า แต่ ออกมาจากความเชือ่ ทีล่ กึ ซึง้ ในความดีอนั หาทีส่ นิ้ สุดมิได้ของพระองค์ “ใจของท่านเคยออกห่างจากพระเจ้าฉันใด จงกลับมาแสวงหาพระองค์เป็นสิบเท่าฉันนั้นเถิด” (บรค 4:28) พระเจ้าแห่งการให้อภัยสมควรได้รับการ ขอบพระคุณและสรรเสริญ จึงเป็นการเหมาะสมและถูกต้องที่เราจะยกจิตใจขึ้นหาพระองค์ด้วยความสำ�นึกว่า ในการให้อภัยของพระองค์ เราสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของพระเจ้า พระเจ้าทรงให้อภัยแก่เรา เพราะพระองค์ทรง เป็นพระเจ้า ผู้ซึ่งการให้อภัยเป็นพระธรรมชาติอย่างหนึ่งของพระองค์ 10.indd 323
21/12/2561 14:50:34
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านจากหนังสือประกาศกฮาบากุก ฮบก 1:2-3 และ 2:2-4 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือนานสักเท่าใด พระองค์จงึ จะทรงฟัง ข้าพเจ้าจะร้องเสียงดังทูลพระองค์วา่ “ทารุณ” พระองค์กไ็ ม่ทรง ช่วยให้รอดพ้น ทำ�ไมพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นการทำ�ผิด และทรงนิ่งมองดูการกดขี่ ข่มเหง ทั้งการปล้นและการใช้ความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า การทะเลาะวิวาทและ แตกสามัคคีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิต และสลักไว้ให้ชัดเจนบน แผ่นกระดาน เพื่อให้อ่านได้ง่าย ยังไม่ถึงเวลาที่นิมิตนี้จะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ ช้าตามที่กำ�หนดไว้อย่างแน่นอน แม้นิมิตนี้จะล่าช้าไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิต นีจ้ ะเกิดขึน้ อย่างแน่นอนโดยไม่ชกั ช้า ดูซิ ผูม้ จี ติ ใจไม่ซอื่ ตรงก็จะล้มลง แต่ผชู้ อบธรรม จะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์” เพลงสดุดี สดด 95:1-11 ก) มาเถิด เราจงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี เราจงโห่ร้องสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงเป็นหลักศิลาที่ช่วยเราให้รอดพ้น เราจงเข้ามาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์เพื่อขอบพระคุณ เราจงโห่ร้องเพลงสดุดีถวายพรพระองค์ด้วยความยินดี เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าใดๆ ข) ส่วนลึกสุดของแผ่นดินอยู่ในพระหัตถ์พระองค์ ยอดภูเขาสูงสุดก็เป็นของพระองค์ ทะเลเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้าง พระหัตถ์พระองค์ปั้นแผ่นดินแห้ง มาเถิด เราจงกราบนมัสการพระองค์ เราจงคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา และเราเป็นประชากรที่ทรงเลี้ยงดูดุจฝูงแกะที่ทรงนำ�ไปยังทุ่งหญ้า ค) ท่านทั้งหลายจงฟังพระสุรเสียงของพระองค์ในวันนี้เถิด “ท่านอย่าทำ�ใจให้แข็งกระด้างเหมือนกับที่เกิดขึ้นที่เมรีบาห์ เหมือนในวันนั้นที่มัสสาห์ในถิ่นทุรกันดาร เมื่อบรรพบุรุษของท่านทดลองเรา เขาทดสอบเรา แม้ได้เห็นการกระทำ�ของเราแล้ว” เราเอือมระอาคนรุ่นนั้นเป็นเวลานานสี่สิบปี และพูดว่า “เขาทั้งหลายเป็นประชาชนที่มีใจไม่เที่ยงตรง
10.indd 324
21/12/2561 14:50:35
เขาไม่ยอมรู้จักทางของเรา ดังนั้น เราจึงปฏิญาณด้วยความโกรธ ว่าเขาทั้งหลายจะไม่มีวันได้เข้าในที่พักผ่อนของเรา เลย”
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 1:6-8,13-14 ลูกที่รักยิ่ง ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำ�ของท่านเพื่อให้ พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับ พระพรนีโ้ ดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิต ที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความ เข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่าน อย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำ�เพราะพระองค์ แต่จง เข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า จงยึดถือคำ�สอนที่ถูกต้องซึ่งท่านได้ยินมาจากข้าพเจ้าไว้เป็นแบบอย่างด้วยความเชื่อและความรักใน พระคริสตเยซู เดชะพระจิตเจ้าผู้สถิตในเรา จงรักษาของมีค่าที่ได้รับมอบไว้ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 17:5-10 เวลานัน้ บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า “โปรดเพิม่ ความเชือ่ ให้พวกเราเถิด” องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” “ท่านผู้ใดที่มีผู้รับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อผู้รับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับผู้รับใช้ หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอย รับใช้ฉนั ขณะทีฉ่ นั กินและดืม่ หลังจากนัน้ เจ้าจึงกินและดืม่ ’ นายย่อมไม่ขอบใจผูร้ บั ใช้ทปี่ ฏิบตั ติ ามคำ�สัง่ มิใช่ หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำ�ตามคำ�สั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำ�ตามหน้าที่ที่ต้องทำ�เท่านั้น’” ในฐานะผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ของพระเจ้า เราต้องพยายามทำ�ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสามารถทำ�ได้ เพื่อเห็นแก่พระองค์ ความรักและการรับใช้ของเราต้องเป็นแบบที่ไร้เงื่อนไข เราต้องไม่ทำ�อะไรเพื่อหวังผล ตอบแทนจากพระองค์ เราควรตระหนักอยู่เสมอว่าสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่เรานั้นมากมายและมีค่าเกินกว่าที่ เราจะสามารถตอบแทนพระองค์ได้ไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกหน้า แม้ว่าเราจะทำ�งานหนักตลอดชีวิตเพื่อทดแทน พระคุณของพระองค์ เราก็ไม่สามารถตอบแทนได้ทั้งหมด ชีวิตของเราที่พระองค์ประทานให้ด้วยความรักและ ชีวิตของพระบุตรของพระองค์ ที่เสด็จมาเพื่อไถ่บาปเรานั้นยิ่งใหญ่และลํ้าค่าเกินกว่าที่เรามนุษย์จะหาสิ่งใดมา ตอบแทนได้ ดังนัน้ เหมือนทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงบอกเราในพระวรสารวันนีว้ า่ “เมือ่ ท่านได้ท�ำ ตามคำ�สัง่ ทุกประการ แล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำ�ตามหน้าที่ที่ต้องทำ�เท่านั้น’” (ลก 17:10) 10.indd 325
21/12/2561 14:50:35
บทอ่านที่ 1 ยนา 1:1-2:2,11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์ บุตรของอามิททัยว่า “จงลุกขึ้น ไปยังกรุง นีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศแก่เมืองนั้นว่าความชั่วของเขาขึ้นมาถึงเรา” แต่โยนาห์ ลุกขึ้นหนีจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าไปยังเมืองทารชิช เขาลงไปถึงเมืองยัฟฟา และพบเรือลำ�หนึง่ กำ�ลังไปเมืองทารชิช เขาจึงชำ�ระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางพร้อม กับคนอื่นไปยังเมืองทารชิชให้พ้นจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า ระลึกถึง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งลมแรงเหนือทะเลทำ�ให้เกิดพายุใหญ่ในทะเล จนน่า แม่พระแห่งลูกประคำ� กลัวว่าเรือจะอับปาง บรรดาลูกเรือมีความกลัว ต่างร้องหาเทพเจ้าของตน และโยนข้าว ของในเรือลงทะเล เพื่อให้เรือเบาลง ส่วนโยนาห์ลงไปใต้ท้องเรือ นอนลงและหลับ ยนา 2:3,4,5,8 สนิท นายเรือมาหาเขา พูดว่า “อะไรกัน ท่านยังนอนหลับได้หรือ จงลุกขึน้ เรียกพระเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ของท่าน บางทีพระองค์จะทรงคิดถึงพวกเราบ้าง เราจะได้ไม่ต้องพินาศ” แล้วทุกคน พูดกันว่า “มาเถอะ เราจงจับสลากกัน เพื่อจะรู้ว่าใครเป็นเหตุทำ�ให้ภัยนี้เกิดแก่เรา” เขาจึงจับสลาก สลากก็ตกแก่โยนาห์... พระวรสาร ลก 10:25-37 ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้อง ทำ�สิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่า อย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำ�ลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบ ถูกแล้ว จงทำ�เช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต” ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของ ข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำ�ลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูก โจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดิน ผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขา และเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึง่ เช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผูห้ นึง่ เดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขาก็รสู้ กึ สงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทนํา้ มันและเหล้าองุน่ ลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำ�เขาขึน้ หลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรม แห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำ�เงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้ กล่าวว่า ‘ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา’ ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใคร เป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัส กับเขาว่า “ท่านจงไปและทำ�เช่นเดียวกันเถิด” นักพระคัมภีรบ์ างคนคิดว่าชาวสะมาเรียผูใ้ จดีในอุปมาคือ พระเยซูเจ้า มนุษยชาติถกู ทิง้ ไว้ขา้ งทาง โดยบาป บาปปล้นเรา เอาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และพระหรรษทานของพระเจ้าไปจากเรา พระเยซูเจ้าเสด็จ มาหาเรา ช่วยเหลือเรา แบกเราไว้บนบ่า และนำ�เราเข้าไปในพระศาสนจักรเพื่อเราจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จน กระทั่งพระองค์จะเสด็จกลับมาในวาระสุดท้าย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทรงนำ�เราเข้ามาในพระศาสนจักรแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงปล่อยเราไว้เพือ่ ไปตามทางของพระองค์ แต่ประทับอยูก่ บั เราตลอดเวลาโดยทางศาสนบริการ ต่างๆ ของพระศาสนจักร พระองค์ยังทรงหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิตของเราด้วยพระวาจาและศีลมหาสนิทซึ่งเป็น พระกายและพระโลหิตของพระองค์ 10.indd 326
21/12/2561 14:50:35
บทอ่านที่ 1 ยนา 3:1-10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นคร ใหญ่ และประกาศเรือ่ งทีเ่ ราจะบอกท่านแก่เมืองนัน้ ” โยนาห์กล็ กุ ขึน้ ไปยังกรุงนีนะเวห์ ตามพระวาจาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมือง ก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศ ว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำ�ลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และ ประกาศให้อดอาหาร สวมผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงคนตํ่าต้อย ทีส่ ดุ ข่าวนีล้ อื ไปถึงกษัตริยก์ รุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึน้ จากพระบัลลังก์ ทรงเปลือ้ ง ฉลองพระองค์ออก ทรงสวมผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า กษัตริย์ทรง ประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชัน้ สูงว่า “ทัง้ คนและสัตว์ไม่วา่ ใหญ่ ห รื อ เล็ ก อย่ า กิ น สิ่ ง ใด อย่ า กิ น หญ้ า หรื อ ดื่ ม นํ้ า เลย ทั้ ง คนและสั ต ว์ จ งสวม ผ้ากระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำ�ลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชั่วและ เลิกใช้การกระทำ�ที่รุนแรง ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และคลายพระพิโรธทีร่ นุ แรง เพือ่ เราจะไม่ตอ้ งพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความ พยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษ ตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 130:1-2,3-4,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 10:38-42 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่ง หนึง่ สตรีผหู้ นึง่ ชือ่ มารธารับเสด็จพระองค์ทบี่ า้ น นางมีนอ้ งสาวชือ่ มารียซ์ งึ่ นัง่ อยูแ่ ทบพระบาทขององค์พระ ผู้เป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำ�ลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วย ดิฉนั บ้าง” แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุน่ วายหลายสิง่ นัก สิง่ ทีจ่ ำ�เป็น มีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้” สำ�หรับพระเยซูเจ้า พระวาจาของพระเจ้าซึ่งเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายจิต มีความสำ�คัญ มากกว่าอาหารที่หล่อเลี้ยงชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง ประเด็นสำ�คัญของพระวรสารวันนี้คือ มารธาและมารีย์รวมกันก่อ ให้เกิดศิษย์ในอุดมคติของพระเยซูเจ้า ศิษย์ตอ้ งฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำ�พระวาจานัน้ ไปปฏิบตั ิ เจริญชีวติ ให้สอดคล้องกับพระวาจานั้น เป็นไปได้ที่ในสมัยพระเยซูเจ้าประชาชนยุ่งอยู่กับงานต่างๆ ของตนและให้เวลา น้อยกับการอธิษฐานภาวนาติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า พระองค์จึงเน้นการกระทำ�ของมารีย์ให้เป็นตัวอย่างของ การอธิษฐานภาวนาและรับฟังพระวาจาของพระเจ้า ทัง้ นีไ้ ม่ได้หมายความว่างานเมตตากิจ ช่วยเหลือคนอืน่ เป็น สิ่งไม่จำ�เป็น ตรงข้ามเราต้องทำ�ทั้งสองอย่างควบคู่กันไป และเพื่อกิจการที่เราทำ�นั้นจะมีประสิทธิผลตามพระ ประสงค์ของพระเจ้า ก่อนอื่นหมด ชีวิตของเราต้องชิดสนิทกับพระเจ้าด้วยการฟังพระวาจาของพระองค์และ อธิษฐานภาวนา 10.indd 327
21/12/2561 14:50:36
บทอ่านที่ 1 ยนา 4:1-11 โยนาห์ไม่พอใจอย่างมากและมีความโกรธเคือง เขาอธิษฐานภาวนาต่อองค์พระผู้ เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในแผ่นดินของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า คิดแล้วมิใช่หรือว่าจะเป็นไปเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงรีบหนีไปยังเมืองทารชิช เพราะข้าพเจ้ารู้ ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เมตตาและกรุณา ไม่โกรธง่าย เปี่ยมด้วยความรักมั่นคง และกลับพระทัยไม่ลงโทษ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงเอาชีวิตของ น.ดิโอนีซิโอ ข้าพเจ้าไปเถิด เพราะข้าพเจ้าตายเสียยังดีกว่ามีชวี ติ อยู”่ แต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสตอบ พระสังฆราช านต้องโกรธขนาดนี้เทียวหรือ” และเพื่อนมรณสักขี ว่า “ท่โยนาห์ จึงออกจากเมืองไปนั่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง เขาสร้างเพิงแล้วไป น.ยอห์น เลโอนาร์ดี นั่งในร่มที่นั่น คอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงจัดให้ พระสงฆ์ ต้นละหุง่ ต้นหนึง่ งอกขึน้ มาเหนือโยนาห์เพือ่ ให้รม่ บังศีรษะของเขา ทำ�ให้เขาคลายความ สดด 86:3-4,5-6, กลัดกลุ้ม โยนาห์จึงยินดียิ่งนักเพราะต้นละหุ่งต้นนี้ แต่วันต่อมาเมื่อตะวันขึ้น พระเจ้า 9-10 ทรงจัดให้หนอนตัวหนึง่ มากัดกินต้นละหุง่ ต้นนัน้ จนเหีย่ วไป เมือ่ ตะวันขึน้ แล้ว พระเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ทรงจัดให้ลมตะวันออกทีร่ อ้ นจัดพัดมา แสงแดดก็แผดเผาศีรษะของโยนาห์จนเป็นลม เขาจึงทูลขอให้ตาย พูดว่า “ข้าพเจ้าตายเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึง ตรัสกับโยนาห์วา่ “ท่านต้องโกรธขนาดนีเ้ พราะต้นละหุง่ ต้นนัน้ เทียวหรือ” โยนาห์ทลู ตอบว่า “ใช่แล้ว พระเจ้า ข้า ข้าพเจ้าโกรธมากจนอยากตาย” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านสงสารต้นละหุ่งต้นนั้นที่ท่านไม่ได้ ลงแรงปลูกหรือทำ�ให้มันงอกขึ้น มันโตขึ้นในคืนเดียว แล้วก็ตายไปในคืนเดียว แล้วเราจะไม่ต้องสงสารกรุง นีนะเวห์นครยิง่ ใหญ่นนั้ ซึง่ มีประชาชนมากกว่าหนึง่ แสนสองหมืน่ คนทีแ่ ยกไม่ออกว่าข้างไหนมือขวาข้างไหน มือซ้าย และมีสัตว์เลี้ยงจำ�นวนมากด้วยละหรือ” พระวรสาร ลก 11:1-4 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่ง ทูลพระองค์วา่ “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับทีย่ อห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์ จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า ‘ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหารประจำ� วันแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย เหมือนข้าพเจ้าทัง้ หลายให้อภัยแก่ผอู้ นื่ โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ’” โยนาห์รสู้ กึ ผิดหวังและขัดเคืองใจทีพ่ ระเจ้าทรงกลับพระทัยไม่ลงโทษชาวเมืองนีนะเวห์ ท่านอิจฉา ชาวเมืองนี้ที่ได้รับความรักและเมตตาจากพระองค์ ในสายตาของท่านพวกเขาชั่วร้ายเกินกว่าที่จะได้รับการให้ อภัย ท่านไม่เข้าใจธรรมชาติทไี่ ร้ขอบเขตของความรักพระเจ้า ความรักของพระองค์ทมี่ ตี อ่ ชาวเมืองนีนะเวห์เป็น แบบให้เปล่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีหรือความชั่วของพวกเขา พระองค์ทรงรักพวกเขาเหมือนคนอื่นเพราะพวก เขาเป็นสิ่งสร้างของพระองค์ ในทำ�นองเดียวกันพระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงรักเราเพียงเพราะเราเป็นบุตรชายหญิง ของพระองค์ เหมือนบิดาที่ดีที่รักลูกของตน ไม่ว่าลูกคนนั้นจะดีหรือเลวแค่ไหน เขายังคงรักอย่างไม่มีวันเสื่อม คลาย เราควรขอบพระคุณพระเจ้าสำ�หรับความรักยิ่งใหญ่ ไร้ขอบเขต และไร้เงื่อนไขของพระองค์ และพยายาม ประพฤติตนให้สมกับความรักที่พระองค์ทรงทุ่มเทให้เรา 10.indd 328
21/12/2561 14:50:36
บทอ่านที่ 1 มลค 3:13-20ข “ท่านทั้งหลายได้พูดใส่ร้ายเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส “แล้วยังมาพูดว่า ‘พวก เราได้พูดใส่ร้ายพระองค์อย่างไร’ ท่านพูดว่า ‘รับใช้พระเจ้าก็เปล่าประโยชน์ ปฏิบัติ ตามพระบัญชาของพระองค์หรือเดินไว้ทุกข์เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าจอม จักรวาลมีประโยชน์อะไร...’” เวลานั้น ผู้ที่ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าพูดกันถึงเรื่องนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเงี่ย พระกรรณและทรงฟัง มีผู้เขียนหนังสือบันทึกความจำ�เฉพาะพระพักตร์ บันทึกชื่อของ ผู้ยำ�เกรงพระองค์และเคารพพระนามพระองค์ ในวันนั้น เมื่อเราจะทำ� องค์พระผู้เป็น เจ้าจอมจักรวาลตรัส เขาทั้งหลายจะเป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของเรา และเราจะไม่ลงโทษ เขาเหมือนคนหนึ่งไม่ลงโทษบุตรที่รับใช้ตน แล้วท่านจะเห็นอีกว่าผู้ชอบธรรมแตกต่าง จากคนอธรรมอย่างไร ผู้รับใช้พระเจ้าแตกต่างจากผู้ไม่รับใช้พระองค์อย่างไร “ดูซิ วันนั้นกำ�ลังมาถึง คือวันที่จะลุกไหม้เหมือนเตาอบ แล้วคนอวดดีทั้งหลาย และคนทำ�ความชั่วร้ายทุกคนจะเป็นเหมือนซังข้าว วันที่จะมานั้นจะไหม้เขาทั้งหลาย องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส จนไม่มรี ากหรือกิง่ ก้านเหลืออยูเ่ ลย แต่สำ�หรับท่าน ทั้งหลายที่ยำ�เกรงนามของเรา ความเที่ยงธรรมของเราจะขึ้นมาเหมือนดวงอาทิตย์ซึ่ง ส่องรัศมีรักษาโรคให้หายได้
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา สดด 1:1-2,3,4 และ 6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 11:5-13 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและไปพบเพื่อนนั้นตอน เที่ยงคืนกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้าน ของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน’ สมมติว่าเพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า ‘อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิด แล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้านอนแล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ ลุกขึ้นให้ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะถูกรบเร้า” “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตู เถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้ เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่าน ทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” พระเยซูเจ้าทรงบอกเราให้อธิษฐานภาวนาวอนขอต่อพระเจ้าสำ�หรับสิ่งที่เราจำ�เป็นต้องมี ซึ่งเป็น สิ่งที่เราควรทำ�อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าวิสัยทัศน์ของพระเจ้ากว้างและลึกซึ้งมากกว่าของเรา พระองค์ทรงสดับฟังและตอบสนองต่อคำ�อธิษฐานภาวนาด้วยการประทานสิ่งที่จำ�เป็นสำ�หรับชีวิตของเรา ซึ่ง อาจไม่ใช่สงิ่ ทีเ่ ราวอนขอก็ได้ พระองค์ทรงเป็นเหมือนบิดาทีด่ ที ฟี่ งั คำ�ร้องขอของลูกๆ แต่พระองค์ทรงเป็นเหมือน บิดาที่ฉลาดที่พร้อมจะให้เฉพาะสิ่งที่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำ�หรับลูกๆ ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราอธิษฐาน ภาวนาวอนขออะไรจากพระเจ้า เราต้องเชือ่ มัน่ ในความรักและพระปรีชาญาณของพระองค์ทเี่ กินกว่าสติปญ ั ญา ของมนุษย์จะหยั่งถึงและเข้าใจได้ ที่สำ�คัญการอธิษฐานภาวนาของเราต้องเป็นกิจการที่ออกมาจากความเชื่อใน พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ 10.indd 329
21/12/2561 14:50:36
น.ยอห์น ที่ 23 พระสันตะปาปา สดด 9:1-2,5 และ 15,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 ยอล 1:13-15,2:1-2 บรรดาสมณะเอ๋ย จงใช้ผ้ากระสอบคาดสะเอว และร้องโอดครวญเถิด ท่าน ทัง้ หลายผูร้ บั ใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีพ่ ระแท่นบูชา จงร้องครํา่ ครวญ ท่านผูร้ บั ใช้พระเจ้า ของข้าพเจ้า จงมาเถิด จงสวมผ้ากระสอบตื่นเฝ้าทั้งคืน เพราะธัญบูชาและการเทเหล้า องุน่ ถวายหายไปจากพระวิหารของพระเจ้าของท่าน จงประกาศให้มกี ารจำ�ศีลอดอาหาร จงเรียกประชาชนมาชุมนุมกัน จงรวบรวมบรรดาผูอ้ าวุโสและผูอ้ าศัยทุกคนในแผ่นดิน ให้มายังพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และจงร้องขอความช่วยเหลือ จากองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “อนิจจาเอ๋ย วันนั้น วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้แล้ว วัน นั้นจะมาถึง เป็นการทำ�ลายจากพระผู้ทรงสรรพานุภาพ จงเป่าแตรเขาสัตว์ในศิโยน จง ส่งสัญญาณเตือนบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา ให้ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินตัวสั่น เพราะ วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำ�ลังจะมา วันนั้นอยู่ใกล้แล้ว...
พระวรสาร ลก 11:15-26 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงขับไล่ปีศาจออกไปแล้ว ประชาชนต่างประหลาดใจ แต่บางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” บางคนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้ พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใด แตกแยกภายใน อาณาจักรนัน้ ย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพังทลายทับกัน ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักร ของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ปีศาจด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจ ด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มนั ด้วยอำ�นาจของใคร พวกพ้องของท่านจะเป็นผูต้ ดั สิน ลงโทษท่าน แต่ถา้ เราขับไล่ปศี าจด้วยอำ�นาจของพระเจ้า ก็หมายความว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่าน แล้ว เมื่อคนแข็งแรงมีอาวุธครบมือเฝ้าบ้านของตน ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย แต่ถ้าผู้ใดแข็งแรงกว่า เข้ามาโจมตีและเอาชนะเขาได้ ก็ย่อมริบอาวุธที่เขามั่นใจนั้น และแบ่งปันข้าวของที่ปล้นได้” “ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้กับเรา ย่อมทำ�ให้สิ่งเหล่านั้น กระจัดกระจายไป” “เมื่อปีศาจออกไปจากมนุษย์แล้ว มันท่องเที่ยวไปในที่แห้งแล้งเพื่อหาที่พัก เมื่อไม่พบ มันจึงคิดว่า ‘ข้า จะกลับไปยังบ้านทีข่ า้ จากมา’ เมือ่ กลับมาถึง มันพบว่าบ้านนัน้ ปัดกวาดตกแต่งไว้เรียบร้อย มันจึงไปพาปีศาจ อีกเจ็ดตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่ามันเข้ามาอาศัยที่นั่น สภาพสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นจึงเลวร้ายกว่าเดิม” ภูมหิ ลังของบทอ่านแรกคือฝูงตัก๊ แตนจำ�นวนมหึมาได้ท�ำ ลายพืชพันธุธ์ ญ ั ญาหารของชาวอิสราเอล ประชาชนต้องอดอยากหิวโหย ไม่มีอาหารเพียงพอ ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น บรรดาฝูงสัตว์ต้องล้มตายเพราะ ขาดอาหารเช่นกัน ประกาศกโยเอลมองภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการลงโทษเพราะบาปที่ประชาชนได้กระทำ� ผิดต่อพระเจ้า แต่เป็นการเตือนว่าสักวันหนึง่ พระเจ้าจะเสด็จมาพิพากษา ในวันนัน้ สิง่ ชัว่ ช้าทัง้ หลายจะถูกทำ�ลาย จนหมดสิ้น ในท่ามกลางความอดอยากหิวโหย ประกาศกเตือนชาวอิสราเอลให้มีมุมมองที่กว้างมากขึ้นเกี่ยวกับ สิง่ ทีก่ �ำ ลังเผชิญ ท่านพยายามทำ�ให้พวกเขาเข้าใจว่าความอดอยากหิวโหยไม่ใช่ความชัว่ ร้ายทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ ยังมีความ ชัว่ ร้ายทีใ่ หญ่กว่านี้ คือการต่อต้านและเป็นปรปักษ์กบั พระเจ้าด้วยการกระทำ�ผิดต่อพระองค์ นีค่ อื เหตุผลทีท่ า่ น เรียกร้องพวกเขาให้กลับใจ หันกลับมาหาพระองค์และเป็นประชากรที่ซื่อสัตย์ของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง 10.indd 330
21/12/2561 14:50:36
บทอ่านที่ 1 ยอล 4:12-21 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “นานาชาติจงรีบขึ้นมายังหุบเขาเยโฮชาฟัทเถิด เพราะที่นั่นเราจะนั่งพิพากษานานาชาติที่อยู่โดยรอบ จงใช้เคียวเกี่ยวเถิด เพราะข้าวที่ จะต้องเกี่ยวสุกแล้ว จงมาเถิด จงเหยียบยํ่า เพราะบ่อยํ่าองุ่นเต็มแล้ว ถังเก็บนํ้าองุ่น ล้นแล้ว เพราะความชั่วของเขาทั้งหลายมีมาก ชนจำ�นวนมาก ชนจำ�นวนมาก อยู่ใน สัปดาห์ที่ 27 หุบเขาการตัดสิน เพราะวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว ในหุบเขาการตัดสิน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดไป ดวงดาวก็อับแสง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปล่ง เทศกาลธรรมดา พระสุรเสียงจากศิโยน ทรงร้องตะโกนจากกรุงเยรูซาเล็ม ท้องฟ้าและแผ่นดินสั่น สดด 97:1-2,5-6,11-12 สะเทือน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยสำ�หรับประชากรของพระองค์ ทรงเป็นที่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 กำ�บังเข้มแข็งสำ�หรับชาวอิสราเอล แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราพำ�นักอยู่ในศิโยน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา กรุงเยรูซาเล็มจะเป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีคนต่างด้าวยึดครองเมืองนี้อีกเลย เมื่อวันนั้นมาถึง ภูเขาจะหลั่งเหล้าองุ่นใหม่ นํ้านมจะไหลตามเนินเขา ห้วยต่างๆ ของยูดาห์จะมีนาํ้ ไหล นํา้ จะไหลออกมาจากพุนาํ้ ในพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และ จะรดหุบเขาชิทธีม อียิปต์จะกลายเป็นที่รกร้าง เอโดมจะกลายเป็นถิ่นทุรกันดารแห้ง แล้ง เพราะความทารุณที่เขาทั้งหลายเคยทำ�แก่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ เขาได้หลั่งโลหิตของผู้ บริสทุ ธิใ์ นแผ่นดินของตน แต่ยดู าห์จะมีผอู้ าศัยอยูต่ ลอดไป กรุงเยรูซาเล็มจะมีผอู้ าศัย อยู่ทุกชั่วอายุคน เราจะแก้แค้นแทนโลหิตของเขา จะไม่ปล่อยผู้ทำ�ผิดให้พ้นโทษ และ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพำ�นักในศิโยน” พระวรสาร ลก 11:27-28 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ ให้กำ�เนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้งหลายที่ ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก” ในตัวพระนางมารียม์ บี างสิง่ ทีส่ �ำ คัญมากกว่าการเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า อันที่จริง พระนางทรงเป็นมากกว่ามารดาของพระองค์ พระนางทรงเป็นศิษย์ที่สมบูรณ์ แบบที่สุดของพระองค์เท่าที่โลกเคยมีและแบบอย่างที่คริสตชนทั้งหลายควรเป็น ถ้าเรา ต้องการรู้ว่าอะไรคือความหมายที่แท้จริงของการเป็นศิษย์พระเยซูเจ้า เราควรมองไปที่ พระนางมารีย์ ความเชื่อและความไว้วางใจในพระเยซูเจ้า ความรักยิ่งใหญ่ของพระนางที่ มีต่อพระองค์ ความสุภาพถ่อมตนและความกระหายของพระนางที่จะรับใช้พระองค์และ เพื่อนมนุษย์ เหนือสิ่งอื่นใดพระเยซูเจ้าทรงเป็นที่หนึ่งและศูนย์กลางชีวิตของพระนาง สิ่ง เหล่านี้เป็นคุณธรรมที่เราต้องเลียนแบบเพื่อเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า 10.indd 331
21/12/2561 14:50:37
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช
บทอ่านจากหนังสือพงษ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง 2 พกษ 5:14-17 นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวในแม่นํ้าจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้ว เนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็กๆ นาอามานกับผูต้ ดิ ตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอล เท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำ�นัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “องค์ พระผู้เป็นเจ้าซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่าน ฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้อง ว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำ�ล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่ กลับบ้าน เพราะผูร้ บั ใช้ของท่านจะไม่ถวายเครือ่ งเผาบูชาหรือเครือ่ งบูชาใดๆ แด่พระเจ้า อื่น นอกจากแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น เพลงสดุดี สดด 68:1,2-3,4-6 ก) พระเจ้าทรงลุกขึ้น ศัตรูของพระองค์ก็กระจัดกระจาย ผู้ที่เกลียดชังพระองค์หลบหนีไปจากพระพักตร์พระองค์ ข) พระองค์ทรงไล่เขากระจัดกระจายเหมือนควันที่จางหายไป ขี้ผึ้งย่อมละลายยามต้องไฟฉันใด คนชั่วย่อมพินาศไปเมื่อพระเจ้าเสด็จมาฉันนั้น ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา ค) จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์ จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ พระนามพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีความสุขเฉพาะพระพักตร์เถิด พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นบิดาของลูกกำ�พร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพำ�นักอยู่ ทรงนำ�ผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง แต่ทรงทิ้งคนกบฏให้อยู่ในที่แห้งแล้ง บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 2:8-13 ลูกที่รักยิ่ง จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดา ผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดี
10.indd 332
21/12/2561 14:50:37
นี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำ�เหมือนเป็น อาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำ�ไม่ได้ ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวก เขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับ ชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย ต่อไปนี้คือถ้อยคำ�ที่เชื่อถือได้ ถ้ า เราตายพร้ อ มกั บ พระองค์ เราจะมี ชี วิ ต อยู่ กั บ พระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับ พระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 17:11-19 ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนัน้ พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมือ่ เสด็จ เข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดา สมณะเถิด” ขณะที่เขากำ�ลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับ มา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาว สะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ท่ีใด ไม่มีใครกลับมาถวาย พระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความ เชื่อของท่านทำ�ให้ท่านรอดพ้นแล้ว” การกระทำ�ของพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ดูเหมือนว่าเป็นการไม่เคารพบทบัญญัติของชาวยิว ที่ห้ามไม่ให้ติดต่อสัมพันธ์กับคนโรคเรื้อน เพราะจะทำ�ให้มีมลทิน เราต้องเข้าใจว่าพระเยซูเจ้าไม่ใช่คนประเภท ต่อต้านกฎเกณฑ์ของสังคมหรือพวกเสรีนิยมแบบสุดโต่ง แต่ที่ทรงกระทำ�เช่นนั้นเพราะพระองค์ทรงต้องการชี้ ให้เราเห็นว่ากฎแห่งความรักมีความสำ�คัญและมีคุณค่าสูงส่งกว่ากฎเกณฑ์ทางสังคมหรือทางพิธีกรรมใดๆ ทัง้ สิน้ ชีวติ และความรอดพ้นของมนุษย์ตอ้ งมาก่อนกฎเกณฑ์ทสี่ งั คมเป็นคนกำ�หนดขึน้ ยิง่ กว่านัน้ พระองค์ทรง ต้องการเปลีย่ นท่าทีของเราต่อคนทีส่ งั คมรังเกียจ เราต้องยอมรับการท้าทายนีจ้ ากพระองค์ ไม่ใช่ในเรือ่ งของคน โรคเรื้อนที่เราหลายคนไม่เคยเห็นด้วยซํ้าเท่านั้น แต่ในเรื่องของผู้คนมากมายที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามและ ถูกทอดทิ้งจากเพื่อนร่วมสมัยของเรา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเอดส์ และแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำ�งานอย่างผิด กฎหมาย 10.indd 333
21/12/2561 14:50:37
น.กัลลิสตัส ที่ 1 พระสันตะปาปา และมรณสักขี
สดด 98:1,2-3กข, 3คง-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 รม 1:1-7 จากเปาโล ผู้รับใช้ของพระคริสตเยซู ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก และ ทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดีซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้ทางประกาศกในพระคัมภีร์ ข่าวดีนเี้ ป็นเรือ่ งเกีย่ วกับพระบุตรของพระองค์ ซึง่ โดยธรรมชาติมนุษย์ ทรงบังเกิด ในราชวงศ์กษัตริยด์ าวิด และโดยทางพระจิตเจ้าผูบ้ นั ดาลความศักดิส์ ทิ ธิ์ ทรงได้รบั การ สถาปนาขึ้นเป็นพระบุตรผู้ทรงอำ�นาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจาก บรรดาผู้ตาย พระองค์คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยเดชะพระเยซู คริสตเจ้านี้ เราได้รับพระหรรษทาน และภารกิจการเป็นอัครสาวกเพื่อนำ�ประชาชาติ ทัง้ หลายให้มาปฏิบตั ติ ามความเชือ่ ทัง้ นีเ้ พือ่ ถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์ และ ท่านทั้งหลายก็อยู่ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ ท่านเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้วเพราะ พระองค์ทรงเรียก ถึงทุกท่านในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้าทรงรักและทรงเรียกให้เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ ของพระองค์ ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตกับท่านทั้งหลายเถิด พระวรสาร ลก 11:29-32 เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคน ชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมาย ของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำ�หรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตร แห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำ�หรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่ง ทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลาย แผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาว นีนะเวห์ได้กลับใจเมือ่ ได้ฟงั คำ�เทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ทนี่ มี่ ผี ยู้ งิ่ ใหญ่กว่าโยนาห์ อีก”
พระเยซูเจ้าทรงยิง่ ใหญ่กว่าบรรดาประกาศกหรือผูม้ ชี อื่ เสียงทุกคนในพันธสัญญาเดิม ไม่วา่ จะเป็น ประกาศกโยนาห์หรือกษัตริย์ซาโลมอน พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความรอดพ้น ซึ่งเป็นของประทานลํ้าค่าที่ สุดเท่าที่มนุษย์จะมีได้ ของประทานนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกิจการดีที่เราทำ� เราไม่ได้รับการช่วยให้รอดพ้นโดยการถือ ตามบทบัญญัติหรือข้อบังคับทุกอย่างของพระศาสนจักร พระเยซูเจ้าประทานความรอดพ้นหรือชีวิตนิรันดรแก่ เราแบบให้เปล่า เราไม่สามารถซื้อความรอดพ้น เพราะไม่มีสิ่งใดหรือกิจการดีใดที่มีค่าคู่ควรกับของประทานยิ่ง ใหญ่นี้ เมือ่ ได้รบั แบบให้เปล่า เราควรตระหนักว่าของประทานลํา้ ค่านีเ้ ป็นเครือ่ งหมายแห่งความยิง่ ใหญ่ของพระ เยซูเจ้าและความรักไร้ขอบเขตที่พระองค์ทรงมีต่อเรา ความรักควรตอบแทนด้วยความรัก ให้เราพยายามรัก พระองค์ดว้ ยสิน้ สุดจิตใจและสติปญ ั ญา และให้ชวี ติ ทีเ่ หลืออยูข่ องเราเป็นการสรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์ 10.indd 334
21/12/2561 14:50:38
บทอ่านที่ 1 รม 1:16-25 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มเี หตุผลใดทีจ่ ะต้องละอายต่อข่าวดี เพราะนีค่ อื อานุภาพ ของพระเจ้าซึ่งนำ�ความรอดพ้นให้แก่ทุกคนที่มีความเชื่อ ให้แก่ชาวยิวก่อน และให้แก่ คนต่างชาติดว้ ยเช่นเดียวกัน เพราะความเทีย่ งธรรมทีพ่ ระเจ้าช่วยให้รอดพ้นถูกเปิดเผย ในข่าวดีนี้ ความเทีย่ งธรรมดังกล่าวขึน้ อยูก่ บั ความเชือ่ และนำ�ไปสูค่ วามเชือ่ ดังทีม่ เี ขียน ระลึกถึง ไว้ในพระคัมภีร์ว่า ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตโดยอาศัยความเชื่อ พระเจ้าจากสวรรค์ทรงแสดงให้มนุษย์เห็นการลงโทษ ความไม่เคารพนับถือพระเจ้า น.เทเรซา แห่งอาวีลา และความอธรรมทุกชนิดของพวกเขาที่ปิดบังความจริงในความอธรรมของตน ทั้งๆ ที่ พรหมจารี พระเจ้าทรงทำ�ให้สิ่งที่รู้ได้เกี่ยวกับพระองค์ปรากฏชัดอยู่แล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่เมื่อทรง และนักปราชญ์ สร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือพระอานุภาพนิรันดรและ แห่งพระศาสนจักร เทวภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่ทรงสร้าง ดังนั้น คน สดด 19:1-2,3-4 เหล่านีจ้ งึ ไม่มขี อ้ แก้ตวั ใดๆ พวกเขารูจ้ กั พระเจ้า แต่ไม่ได้เคารพบูชาพระองค์เป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์ ความคิดหาเหตุผลของเขากลับใช้การไม่ได้ และจิตใจที่ไม่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ยอมเข้าใจกลับมืดบอดลง เขาคิดว่าตนเป็นคนฉลาด แต่ในความเป็นจริง เขากลับโง่จนถึงกับ นำ�พระสิริ รุ่งโรจน์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นอมตะมาแลกกับภาพเลียนแบบ คือภาพมนุษย์ที่ไม่เป็นอมตะ ภาพสัตว์ปีก ภาพสัตว์สี่เท้า หรือภาพสัตว์เลื้อยคลาน ดังนั้น พระเจ้าจึงทรงทอดทิ้งเขาให้ตกอยู่ในความปรารถนาฝ่ายตํ่าของจิตใจที่จะประพฤติชั่ว ล่วงเกิน ร่างกายของกันและกัน เนือ่ งจากเขาแลกความจริงของพระเจ้ากับความเท็จ หันไปนมัสการสิง่ สร้างแทนพระ ผู้สร้างผู้สมควรได้รับการถวายพระพรตลอดนิรันดร อาเมน พระวรสาร ลก 11:37-41 เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงล้างพระหัตถ์ ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชาม ด้านนอก แต่ใจของท่านเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดแี ล้ว จงให้สงิ่ ทีอ่ ยูภ่ ายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิง่ ก็จะสะอาดสำ�หรับ ท่าน”
เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งจากผลงานของเขา ความจริงนี้สามารถ ประยุกต์ใช้กบั ศิลปิน จิตรกร พ่อครัว หรือช่างฝีมอื ทัง้ หลาย รวมทัง้ พระเจ้าด้วย นักบุญเปาโลบอกว่าเราสามารถ รูจ้ กั พระเจ้าได้จากสิง่ สร้างของพระองค์ “พระอานุภาพนิรนั ดรและเทวภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ ปัญญามนุษย์ในสิง่ ทีท่ รงสร้าง” (รม 1:20) ทุกสิง่ ในจักรวาลล้วนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์ ทรงสรรค์สร้างสรรพสิง่ ต่างๆ เพือ่ เรามนุษย์ ทุกสิง่ ทีเ่ รามีบนโลกนีจ้ งึ เป็นของประทานจากพระองค์ ให้เราพยายาม เรียนรูค้ วามดี ความยิง่ ใหญ่ พระอานุภาพ และปรีชาญาณของพระเจ้าจากธรรมชาติทอี่ ยูร่ อบข้างเรา และให้เรา ตอบสนองต่อของประทานเหล่านี้ด้วยการถวายพระพร สรรเสริญ และขอบพระคุณพระองค์
10.indd 335
21/12/2561 14:50:38
บทอ่านที่ 1 รม 2:1-11 พี่น้อง ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตามที่กล่าวคำ�พิพากษาผู้อื่น ท่านไม่มีข้อแก้ ตัวใดๆ เช่นเดียวกัน ท่านเองนั่นแหละที่กล่าวโทษตนเองเมื่อตัดสินผู้อื่น เพราะท่าน เองทีพ่ พิ ากษาก็ประพฤติตนในทำ�นองเดียวกัน เราตระหนักดีวา่ คนทีป่ ระพฤติตนเช่น นีจ้ ะถูกพิพากษาลงโทษจากพระเจ้าตามความเป็นจริง แต่เมือ่ ท่านตัดสินคนทีป่ ระพฤติ น.เฮดวิก ผิดขณะที่ตนก็ทำ�เช่นเดียวกัน ท่านคิดหรือว่าจะรอดพ้นจากการพิพากษาลงโทษของ นักบวช พระเจ้าไปได้ หรือว่าท่านดูหมิน่ ความดี ความอดกลัน้ และความพากเพียรล้นเหลือของ พระเจ้า ไม่ยอมรับรู้พระทัยดีของพระเจ้าว่ามีอยู่เพื่อนำ�ท่านให้สำ�นึกผิดและกลับใจ น.มาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก ความดื้อดึงไม่ยอมกลับใจของท่านมีแต่จะสะสมโทษสำ�หรับตนในวันพิพากษาลงโทษ เมื่อพระเจ้าทรงประกาศคำ�ตัดสินเที่ยงธรรมของพระองค์ พระองค์จะทรงตอบสนอง พรหมจารี ทุกคนตามสมควรแก่การกระทำ�ของเขา ผู้ที่มุ่งหาสิริรุ่งโรจน์ เกียรติยศ และความเป็น สดด 62:1-2,5-6,8 อมตะ โดยยืนหยัดกระทำ�ความดี จะได้รับชีวิตนิรันดร ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ส่วนผูท้ เี่ ห็นแก่ตวั ไม่ปฏิบตั ติ ามความจริง แต่กลับปฏิบตั ติ ามความอธรรม จะต้อง ถูกลงโทษอย่างหนัก ความทุกข์โศกจะมาถึงมนุษย์ทุกคนที่ทำ�ความชั่ว ถึงชาวยิวเป็นอันดับแรก แล้วจึงถึงคนต่างชาติด้วย ส่วนความรุง่ โรจน์ เกียรติยศและสันติ จะมาถึงทุกคนทีท่ ำ�ความดี ถึงชาวยิวเป็นอันดับแรก แล้วจึงถึงคนต่าง ชาติด้วย พระเจ้าไม่ทรงลำ�เอียงแต่ประการใด พระวรสาร ลก 11:42-46 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุตธิ รรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัตเิ หล่านีจ้ ำ�เป็นต้องปฏิบตั โิ ดยไม่ละเว้นบทบัญญัติ อื่นๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำ�นับตาม ลานสาธารณะ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้” นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบประมาทพวกเราด้วย” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านนักกฎหมายทัง้ หลาย วิบตั จิ งเกิดแก่ทา่ นด้วย ท่านให้ผอู้ นื่ แบกสัมภาระหนักเกิน กำ�ลัง แต่ท่านไม่ยอมแม้แต่จะใช้นิ้วแตะต้องสัมภาระนั้น” กฎระเบียบดูยิ่งใหญ่ทรงพลัง บางกลุ่มชนจึงเฝ้าเคารพบูชา และหยิบยกขึ้นมา ...ใช้เป็นอาวุธ ประหัตประหารผู้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ความยุติธรรม...และความรัก ถูกเนรเทศออกสู่ดินแดนห่างไกล ผืนแผ่น ดินจึงแห้งแล้ง รอวันตายอย่างทุกข์ทรมาน ในวันนั้น ที่กฎเกณฑ์สิ้นกลิ่นอายความรักและความยุติธรรม กฎเกณฑ์สิ้นลมหายใจ และสูญสิ้นแก่นสาร แห่งกฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ถือกำ�เนิดขึ้นจากหัวใจที่รักห่วงใย ...ก้าวเดินไปสู่ความรักห่วงใย...และมุ่งสู่ปลายทางที่ เป็นความรักห่วงใย ในวันนั้นที่ความรักห่วงใยตายจาก กฎเกณฑ์จึงไม่อาจก้าวเดินอย่างอาจหาญ แต่จะสูญสิ้น ตัวตน และคงเหลือไว้เพียงแค่ภาระหนักอึ้งบนบ่าของผู้คน 10.indd 336
21/12/2561 14:50:39
บทอ่านที่ 1 รม 3:21-30ก พี่น้อง แต่บัดนี้ ความเที่ยงธรรมที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดพ้นตามที่หนังสือธรรม บัญญัตแิ ละประกาศกเป็นพยานถึงนัน้ ปรากฏให้เห็นแล้วนอกเหนือธรรมบัญญัติ ความ เที่ยงธรรมที่พระเจ้าทรงช่วยให้รอดพ้นซึ่งพระองค์ประทานให้ทุกคนที่มีความเชื่อใน พระเยซูคริสตเจ้า ไม่มคี วามแตกต่างใดๆ อีก ทุกคนทำ�บาปและขาดพระสิรริ งุ่ โรจน์ของ พระเจ้า แล้วทุกคนก็ได้รบั ความชอบธรรมเป็นของประทานโดยทางพระหรรษทานอาศัย การไถ่กู้เราให้เป็นอิสระในพระคริสตเยซู พระเจ้าทรงสถาปนาพระเยซูเจ้าเป็นเครื่อง บูชาชดเชยบาปโดยอาศัยความเชือ่ และโดยอาศัยการหลัง่ โลหิต เพือ่ จะได้แสดงความ เที่ยงธรรมของพระองค์ โดยทรงอดกลั้น ไม่ทรงลงโทษบาปในอดีต ในเวลาแห่งความ พากเพียรของพระองค์ พระองค์ทรงแสดงความเที่ยงธรรมในปัจจุบัน เพื่อทรงเป็นผู้ที่ เที่ยงธรรมและเพื่อทรงบันดาลให้ผู้มีความเชื่อในพระเยซูเจ้ากลับเป็นผู้ชอบธรรม ดังนั้น คำ�โอ้อวดของเราอยู่ที่ไหน ไม่มีที่สำ�หรับจะโอ้อวดอะไรอีกแล้ว ด้วย กฎเกณฑ์อะไรหรือ ด้วยกฎเกณฑ์ของการกระทำ�หรือ ไม่ใช่ แต่ดว้ ยกฎเกณฑ์ของความ เชื่อ เนื่องจากเราถือว่ามนุษย์ได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยปฏิบัติตาม สิ่งที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้...
ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ ชาวอันติโอค พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 130:1-2,3-4, 5-6กข ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
พระวรสาร ลก 11:47-54 เวลานั้น พระคริสตเจ้าตรัสว่า “วิบัติจงเกิดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านสร้างหลุมฝังศพของบรรดาประกาศกที่บรรพบุรุษของท่านฆ่า จึง แสดงว่าท่านเห็นด้วยกับการกระทำ�ของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของท่านฆ่าบรรดาประกาศกและท่านก็สร้าง หลุมฝังศพให้” “พระปรีชาญาณของพระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะส่งประกาศกและทูตไปพบเขา เขาจะฆ่าประกาศกและทูต บางคนและเบียดเบียนบางคน คนรุ่นนี้ต้องรับผิดชอบต่อโลหิตของบรรดาประกาศกทุกคน โลหิตที่ได้หลั่ง ตั้งแต่สร้างโลกเป็นต้นมา นับตั้งแต่โลหิตของอาแบลจนถึงโลหิตของเศคาริยาห์ซึ่งถูกประหารชีวิตระหว่าง แท่นบูชากับพระวิหาร’ ถูกแล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่าคนรุ่นนี้จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ�นี้ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดานักกฎหมาย ท่านนำ�กุญแจไขความรู้ไป ท่านไม่เข้าไปแล้วยังขัดขวางคนที่ ต้องการจะเข้าไปด้วย” ขณะที่พระองค์กำ�ลังเสด็จออกจากที่นั่น บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีเริ่มแสดงตนเป็นศัตรู ซักถามพระองค์ถึงเรื่องต่างๆ วางกับดักพระองค์เพื่อจับผิดพระวาจา ประกาศกผู้ประกาศความจริงหลั่งเลือดบริสุทธิ์รดผืนดิน ที่บูชาความเท็จ ประกาศกต้องจากไป คนแล้วคนเล่า เพราะโลกรักความเท็จมากกว่าความจริง ในวันที่โลกหลงทาง มุ่งเดินสู่วิบัติของตนเอง และ ระหว่างทาง ได้เข่นฆ่าประกาศก ...ที่เฝ้าประกาศความจริง วันนี้... หัวใจชั่วร้ายของผู้ไม่ยอมก้มหัวให้กับความจริงกำ�ลังเผยแสดงตน ธรรมาจารย์และฟาริสีเริ่มแสดง ตนเป็นศัตรู ...วางกับดัก ...เพื่อจับผิดพระวาจา ความชั่วร้ายนี้ได้ก่อตัวขึ้น...เติบโต ...และประกาศความชั่วร้าย ของตนอีกครั้ง ด้วยการตรึงกางเขนประกาศกองค์สุดท้ายที่ชื่อเยซู 10.indd 337
21/12/2561 14:50:39
บทอ่านที่ 1 2 ทธ 4:10-17 ลูกที่รักยิ่ง เดมาสได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วเพราะเขารักโลกนี้ และไปที่เมือง เธสะโลนิกา ส่วนเครสเซนซ์ไปยังแคว้นกาลาเทีย และทิตสั ไปยังแคว้นดาลมาเธีย เหลือ เพียงลูกาทีย่ งั อยูก่ บั ข้าพเจ้า จงพามาระโกไปกับท่านด้วย เพราะเขามีประโยชน์สำ�หรับ ข้าพเจ้าในการปฏิบัติศาสนบริการ ข้าพเจ้าส่งทีคิกัสไปยังเมืองเอเฟซัส เมื่อท่านจะไป ฉลอง จงนำ�เสื้อคลุมที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสติดไปด้วย รวมทั้งม้วนหนังสือ น.ลูกา โดยเฉพาะม้วนที่ทำ�ด้วยหนังสัตว์ อเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงทำ�ร้ายข้าพเจ้าไว้มาก ผู้นิพนธ์พระวรสาร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบแทนเขาตามการกระทำ�ของเขา จงระวังเขาด้วย เพราะ เขาต่อต้านคำ�พูดของข้าพเจ้าอย่างมาก สดด 145:10-11, 12-13,16-19 ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้ง ข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงยืนอยูเ่ คียง ข้างและประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทง้ั หลายจะได้ฟงั ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโตมาได้ พระวรสาร ลก 10:1-9 ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขา ล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ๆ ไปทุกตำ�บลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขา ว่า “ข้าวทีจ่ ะเกีย่ วมีมาก แต่คนงานมีนอ้ ย จงวอนขอเจ้าของนาให้สง่ คนงานมาเก็บเกีย่ ว ข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำ� ถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสขุ จงมีแก่บา้ นนีเ้ ถิด’ ถ้ามีผสู้ มควรจะรับสันติสขุ อยูท่ นี่ นั่ สันติสขุ ของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัย ในบ้านนัน้ กินและดืม่ ของทีเ่ ขาจะนำ�มาให้ เพราะว่าคนงานสมควรทีจ่ ะได้รบั ค่าจ้างของ ตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกิน ของที่เขาจะนำ�มาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักร ของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’ ศิษย์เจ็ดสิบสองคนถูกส่งออกไปล่วงหน้าพระองค์...รักษาผูเ้ จ็บป่วย พร้อมกับประกาศสารทีช่ ดั เจน พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว ...ความหวังใหม่ถูกมอบให้แก่ผู้คนที่หมดหวัง และยืนยัน ความจริงที่ไม่เคยมีสิ่งใดลบเลือนที่ว่า พระเจ้าไม่เคยลืมประชากร...ไม่เคยลืมพระสัญญาที่จะเสด็จมาเยี่ยม ประชากรของพระองค์ ศิษย์ของพระเยซูมีบทบาทหน้าที่เพียงประการเดียว ...คือนำ�ความสุขและมิใช่คำ�สอน ...นำ�ความหวังและ มิใช่ธรรมบัญญัติ ...นำ�อิสรภาพและมิใช่การกดขี่ ประชากรของพระองค์หิวกระหายพระเจ้าแห่งความเมตตา และมิใช่พระเจ้าแห่งธรรมบัญญัติ ที่ฟาริสีและธรรมจารย์กราบไหว้บูชา 10.indd 338
21/12/2561 14:50:39
บทอ่านที่ 1 รม 4:13,16-18 พี่น้อง พระสัญญาที่ประทานให้อับราฮัมและลูกหลานที่ว่าเขาจะได้รับโลกเป็น มรดกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมบัญญัติ แต่เกิดขึ้นโดยความชอบธรรมอันเนื่องมาจาก ความเชื่อ เพราะเหตุนี้ การรับมรดกโดยอาศัยพระสัญญาจึงมาจากความเชื่อ เพื่อให้ น.เปาโล พระสัญญาเป็นของประทานที่ให้เปล่า และประทานให้เชื้อสายทั้งหมดของอับราฮัม แห่งไม้กางเขน มิใช่เพียงให้ผทู้ ปี่ ฏิบตั ติ ามบทบัญญัตเิ ท่านัน้ แต่รวมถึงเชือ้ สายทุกคนทีม่ คี วามเชือ่ เช่น เดียวกับอับราฮัมซึง่ เป็นบิดาของเราทุกคนด้วย ดังทีพ่ ระคัมภีรบ์ นั ทึกไว้วา่ เราได้ตงั้ เจ้า พระสงฆ์ ให้เป็นบิดาของประชาชาติจ�ำ นวนมาก อับราฮัมเป็นบิดาของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า น.ยอห์น แห่งเบรเบิฟ ผู้เป็นพระเจ้าที่อับราฮัมเชื่อ และทรงเป็นผู้นำ�คนตายให้คืนชีพ และทรงทำ�ให้สิ่งที่ยัง น.อิสอัค โยเกอ ไม่มีภาวะความเป็นอยู่ได้มีภาวะความเป็นอยู่ พระสงฆ์ แม้ดูเหมือนจะไม่มีความหวัง แต่อับราฮัมก็หวังและเชื่อว่า เขาจะเป็นบิดาของ และเพื่อนมรณสักขี ประชาชาติจ�ำ นวนมากสมจริงตามพระสัญญาทีว่ า่ ลูกหลานของเจ้าจะมีจ�ำ นวนมากเช่น สดด 105:6-7,8-9, 42-43 นั้น พระวรสาร ลก 12:8-12 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะ ยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน” “ทุกคนทีก่ ล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รบั การอภัย แต่ผทู้ กี่ ล่าวร้ายต่อพระจิต เจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย” “เมื่อเขาจะนำ�ท่านไปยังศาลาธรรมต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำ�นาจ ท่าน ทั้งหลายอย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะ พระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร”
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บนเส้นทางที่พระองค์ก้าวเดิน...หว่านโปรยพระเมตตาล้นเหลือของพระเจ้า พระองค์พบเจอ ขวากหนามแห่งการถูกปฏิเสธที่ทำ�ร้ายหัวใจยิ่งใหญ่ของพระองค์...จนบอบชํ้า ชนชั้นผู้นำ�อย่างฟาริสีและ ธรรมาจารย์กล่าวหาพระองค์ด้วยข้อหาหนัก... ขับไล่ผี ด้วยอำ�นาจของเบเอลเซบูล... หัวหน้าผี ...คนมีมลทิน... ไม่ล้างมือก่อนทานอาหาร...ละเลยธรรมบัญญัติ หัวใจของพระเยซูต้องบาดเจ็บเพราะเชื้อแป้งยาพิษของฟาริสีและธรรมาจารย์ ที่จ้องจับผิดและวางกับดัก บาปนีไ้ ม่เพียงทำ�ร้ายผูค้ น แต่ท�ำ ร้ายพระเจ้า ...เขามองพระองค์เป็นผีรา้ ย ...เขาเห็นแสงสว่างเป็นความมืด ...เขา เลือกสร้างหุบเหวใหญ่ขวางกั้นระหว่างตนเองกับพระเจ้า และในภาวะการณ์ที่ไร้สะพานเชื่อมโยงเช่นนี้ ...การ ให้อภัยใดๆ จึงมิอาจเกิดขึ้น 10.indd 339
21/12/2561 14:50:40
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันแพร่ธรรมสากล
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 17:8-13 ในครัง้ นัน้ ชาวอามาเลขโจมตีชาวอิสราเอลทีเ่ รฟีดมิ โมเสสสัง่ โยชูวาว่า “จงเลือก ชายบางคนและออกไปสู้รบกับชาวอามาเลขในวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะยืนอยู่บนยอดเนิน ถือไม้เท้าของพระเจ้า” โยชูวาทำ�ตามที่โมเสสสั่ง ออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข ขณะที่ โมเสส อาโรนและเฮอร์ขึ้นไปบนยอดเนิน เมื่อใดที่โมเสสยกมือขึ้น ชาวอิสราเอลก็ได้ เปรียบ แต่เมื่อเขาลดมือลง ชาวอามาเลขก็กลับได้เปรียบ เมื่อมือของโมเสสเมื่อยล้า อาโรนกับเฮอร์ก็เอาก้อนหินมารองให้โมเสสนั่ง แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันประคองมือ ของโมเสสไว้คนละข้าง ดังนัน้ มือของโมเสสก็ชมู นั่ อยูจ่ นตะวันตกดิน โยชูวามีชยั ชนะเหนือชาวอามาเลข และฆ่าชาวอามาเลขทุกคนด้วยดาบ เพลงสดุดี สดด 121:1-2,3-4,5-6,7-8 ก) ข้าพเจ้าเงยหน้ามองภูเขา ข้าพเจ้าจะได้รับความช่วยเหลือจากที่ใด ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าย่อมมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดิน ข) พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้เท้าของท่านสะดุด ผู้พิทักษ์ท่านจะไม่หลับ ถูกต้องแล้ว พระองค์ผู้ทรงพิทักษ์อิสราเอล ไม่เสด็จเข้าสู่นิทราและไม่บรรทมหลับ ค) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิทักษ์ท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นร่มเงาปกป้องท่าน ประทับอยู่เบื้องขวาของท่าน ดวงอาทิตย์จะไม่ทำ�ร้ายท่านในเวลากลางวัน ดวงจันทร์จะไม่ทำ�ร้ายท่านในเวลากลางคืน ง) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพิทักษ์ท่านไว้ให้พ้นจากภยันตรายทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักษาชีวิตของท่าน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิทักษ์ท่านทั้งเมื่อออกไปและเข้ามาบัดนี้และตลอดไป บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 3:14-4:2 ลูกที่รักยิ่ง จงมั่นคงในคำ�สอนที่ท่านได้เรียนและมีความเชื่อมั่น ท่านก็รู้ว่าท่าน เรียนรู้จากผู้ใด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กท่านรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยท่านให้มีความ เฉลียวฉลาดเพื่อรับความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู ทุกถ้อยคำ�ใน
10.indd 340
21/12/2561 14:50:40
พระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อ สั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ ดำ�เนินชีวติ อย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อม และพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง ข้าพเจ้าขอกำ�ชับท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และ เฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซูผู้จะทรงพิพากษาทั้งผู้เป็น และผูต้ าย โดยอ้างถึงการสำ�แดงพระองค์และพระอาณาจักร ของพระองค์ จงประกาศพระวาจา จงพร้อมสรรพทั้งเมื่อมี โอกาสและเมื่อไม่มีโอกาส จงว่ากล่าว จงตักเตือน จงให้ กำ�ลังใจ โดยพรํ่าสอนด้วยความพากเพียรอย่างเต็มที่
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 18:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำ�เป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่ เสมอโดยไม่ทอ้ ถอย พระองค์ตรัสว่า “ผูพ้ พิ ากษาคนหนึง่ อยูใ่ นเมืองหนึง่ เขาไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจ มนุษย์ผใู้ ด หญิงม่ายคนหนึง่ อยูใ่ นเมืองนัน้ ด้วย นางมาพบเขาครัง้ แล้วครัง้ เล่าพูดว่า ‘กรุณาให้ความยุตธิ รรม แก่ดฉิ นั สูก้ บั คูค่ วามเถิด’ ผูพ้ พิ ากษาผูน้ นั้ ไม่ยอมทำ�ตามทีน่ างขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึง่ จึงคิดว่า ‘แม้วา่ ฉันไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำ�ให้ฉันรำ�คาญ ฉันจึงจะให้นางได้ รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังคำ�ที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความ ยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอก ท่านทั้งหลายว่า พระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบ ความเชื่อในโลกนี้หรือ” สองมือที่ยกชูขึ้นหาพระเจ้า ไม่เคยจบลงในความพ่ายแพ้หมดหวัง ดวงตะวันจะตกดินพร้อมกับ เสียงเพลงแห่งชัยชนะ เพราะพระองค์ทรงมีพระนามว่า เมตตา ทรงทำ�สิ่งอื่นใดไม่ได้นอกจาก เมตตา...เมตตา... และเมตตา ในครั้งกระโน้น พระองค์ทรงกระทำ�พระสัญญา เจ้าจะเป็นประชากรของเรา... เราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า แม้้วันเวลาจะล่วงเลย พระสัญญาของพระองค์ไม่เคยล่วงเลย ...ทรงจดจำ� และรักษาพระสัญญาในทุกกาลเวลา แต่...ในวันนั้นที่ทุกอย่างจะจบสิ้น...จะมีสองมือที่ยกชูขึ้นหาพระองค์หลงเหลืออยู่หรือไม่? ...จะมีหัวใจที่บรรจุ ความหวังไว้ใจในพระองค์หลงเหลืออยู่บ้างไหม?
10.indd 341
21/12/2561 14:50:40
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ลก 1:69-70,71-72, 73-75 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 รม 4:20-25 พี่น้อง อับราฮัมไม่สงสัยเพราะความไม่เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า แต่กลับได้ รับพละกำ�ลังจากความเชื่อ และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ โดยเชื่อมั่นอย่างเต็ม เปี่ยมว่า สิ่งใดที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ย่อมมีพระอำ�นาจที่จะทำ�สิ่งนั้นให้เป็น จริงตามพระสัญญาได้ นีค่ อื ความเชือ่ ซึง่ นับได้วา่ เป็นความชอบธรรมสำ�หรับเขา ประโยค นีม้ ไิ ด้เขียนขึน้ โดยหมายถึงอับราฮัมเท่านัน้ แต่หมายถึงเราทุกคนด้วย ความเชือ่ จะนับ ได้ว่าเป็นความชอบธรรมสำ�หรับเราเช่นกัน เพราะเราเชื่อในพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้ พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูคริสตเจ้าทรงยอมสละพระชนมชีพเพราะบาปของเรา และทรงกลับคืน พระชนมชีพเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม พระวรสาร ลก 12:13-21 เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชาย ข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเรา เป็นผูพ้ พิ ากษาหรือเป็นผูแ้ บ่งมรดกของท่าน” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านัน้ ว่า “จง ระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์ สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม” พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่ เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน’ เขาคิดอีกว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้ เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติ มากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดืม่ และสนุกสนานเถิด’ แต่พระเจ้าตรัสกับ เขาว่า ‘คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของ ใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำ�หรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำ�หรับพระเจ้า ก็ จะเป็นเช่นนี้’”
หัวใจมนุษย์ที่เปราะบางและขลาดกลัว...เกาะยึดกับบางสิ่งที่ก่อเกิดเป็นความมั่นคงปลอดภัย ใน ความมืดบอด มีเสียงกระซิบให้...รื้อยุ้งฉางเก่า และสร้างใหม่ใหญ่ขึ้น เพื่อเก็บสมบัติให้คงอยู่... เพื่อพักผ่อน กิน ดื่ม และสนุกสนาน เขาไขว่คว้าหาทรัพย์สมบัติ หวังใช้เป็นสรณะพึ่งพิง เขามองหาพระเจ้า ...แต่ไม่เคยมองเห็นพระองค์ เขาเห็นเพียงแค่ผพู้ พิ ากษาแบ่งมรดก ดวงตาเขาจะมืดบอด อย่างไร ดวงใจของพระเจ้ายังคงฉายส่องแสงแห่งความรักห่วงใยของพระองค์อย่างไม่จบสิน้ เสีย้ วแห่งความสว่าง ของพระองค์ เฝ้าบอกเขาให้ออกห่างจากความโลภ และลุม่ หลง ...กลับคืนสูพ่ ระองค์ผทู้ รงเป็นต้นธารความมัน่ คง ปลอดภัย เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องดิ้นรน ...ไม่ต้องต่อสู้ ...ไม่ต้องบาดเจ็บ แต่จะอยู่บ้านที่ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับเขา ตั้งแต่นิรันดร์กาล 10.indd 342
21/12/2561 14:50:41
บทอ่านที่ 1 รม 5:12,15ข,17-19,20ข-21 พี่น้อง บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาป ฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำ�บาปฉันนั้น ถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทาน ของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซู คริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำ�หรับมวลมนุษย์ ถ้ามนุษย์คนเดียวล่วงละเมิด ทำ�ให้ความ น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ตายมีอำ�นาจปกครองเหนือมนุษยชาติเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวนัน้ เดชะ พระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความ สดด 40:6-7ก,7ข-8, ชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำ�นาจปกครองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ การ 9,16 ล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทกุ คนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรม ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ของมนุษย์คนเดียวก็นำ�ความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตมาให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น มวล มนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชือ่ ฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์กจ็ ะ เป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีขึ้นมากกว่า ดังนี้ บาปเข้ามามีอำ�นาจ ปกครองนำ�ความตายมาให้ฉันใด พระหรรษทานก็จะมีอำ�นาจปกครองโดยอาศัยความ ชอบธรรมนำ�ไปสู่ชีวิตนิรันดร เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น พระวรสาร ลก 12:35-38 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอว และจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือน ผู้รับใช้ที่กำ�ลังคอยนายกลับจากงานมงคลสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิด รับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังตื่นเฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ ท่านทัง้ หลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผูร้ บั ใช้เหล่านัน้ ไปนัง่ โต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำ�ลังทำ�เช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็ เป็นสุข” พระสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เจ้าจะเป็นประชากรของเรา และเรา จะเป็นพระเจ้าของเจ้า ยังคงเป็นอยู่และจะเป็นอยู่ไปถึงนิรันดร์กาล แม้กระทั่งวันนั้นที่ มนุษย์จะลืมพระองค์...ไม่สัตย์ซื่อ...หรือแม้ทรยศ พระเจ้ายังคงรัก ห่วงใย และสัตย์ซื่อต่อ พระสัญญาของพระองค์...ทรงรอคอยวันเวลาทีจ่ ะเสด็จมา ...ทรงเป็นอิมมานูเอล...พระเจ้า อยู่กับเรา การรอคอยเป็นสัญญาณแห่งความรัก สัตย์ซื่อ และภักดี ท่านทั้งหลายที่คาดสะเอว... จุดตะเกียงพร้อมไว้...ตื่นเฝ้า รอนายกลับ จึงเป็นเขาคนนั้นที่รัก สัตย์ซื่อ...และภักดี 10.indd 343
21/12/2561 14:50:41
น.ยอห์น แห่งกาปิสตราโน พระสงฆ์ สดด 124:1-3,4-6,7-8 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันปิยมหาราช
บทอ่านที่ 1 รม 6:12-18 พี่น้อง อย่าให้บาปครอบงำ�ร่างกายที่ตายได้ของท่าน จนท่านต้องยอมตาม ราคตัณหาของร่างกาย อย่ามอบร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดให้แก่บาปเพื่อใช้เป็นเครื่อง มือในการทำ�ความชัว่ แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้าดุจดังคนทีก่ ลับคืนชีพจากความ ตายมามีชวี ติ ใหม่ จงถวายทุกส่วนของร่างกายแด่พระเจ้าเป็นเครือ่ งมือในการประกอบ ความชอบธรรม บาปจะไม่เป็นนายเหนือท่านอีก เพราะท่านไม่อยูใ่ ต้อำ�นาจธรรมบัญญัติ อีกแล้ว แต่อยู่ใต้อำ�นาจพระหรรษทาน จะเป็นอย่างไรต่อไป เราจะทำ�บาปได้เพราะเราไม่อยู่ใต้อำ�นาจบทบัญญัติ แต่อยู่ ใต้อำ�นาจพระหรรษทานกระนั้นหรือ หามิได้ ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เมื่อท่านมอบตัว เป็นทาสเชื่อฟังนายคนหนึ่ง ท่านก็เป็นทาสของนายคนที่ท่านเชื่อฟังนั้น ไม่ว่านายคน นั้นจะเป็นบาปซึ่งนำ�ไปสู่ความตาย หรือจะเป็นความเชื่อฟังซึ่งนำ�ไปสู่ความชอบธรรม ก็ตาม ขอบพระคุณพระเจ้าที่ท่านเคยเป็นทาสของบาป แต่ท่านเต็มใจเชื่อฟังพระธรรม คำ�สอนที่ท่านได้รับมา และเมื่อเป็นอิสระจากบาปแล้ว ท่านก็มาเป็นทาสรับใช้ความ ชอบธรรม
พระวรสาร ลก 12:39-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่าน ทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย” เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำ�หรับพวกเราหรือสำ�หรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า “ใครเป็นผูจ้ ดั การทีซ่ อื่ สัตย์และรอบคอบซึง่ นายจะแต่งตัง้ ให้ดแู ลผูร้ บั ใช้อนื่ ๆ เพือ่ ปันส่วนอาหารให้ ตามเวลาที่กำ�หนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำ�ลังทำ�ดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่าน ทัง้ หลายว่า นายจะแต่งตัง้ เขาให้ดแู ลทรัพย์สนิ ทัง้ หมดของตน แต่ถา้ ผูร้ บั ใช้คนนัน้ คิดว่า ‘นายจะมาช้า’ และ เริม่ ตบตีผรู้ บั ใช้ทงั้ ชายและหญิง กินดืม่ จนเมามาย นายของผูร้ บั ใช้คนนัน้ จะกลับมาในวันทีเ่ ขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำ�ตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ ใจนาย แม้ทำ�สิง่ ทีค่ วรจะถูกเฆีย่ น ก็จะถูกเฆีย่ นน้อย ผูใ้ ดได้รบั ฝากไว้มาก ผูน้ นั้ ก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย” การตื่นเฝ้าแห่งความรัก สัตย์ซื่อ และภักดี มิเคยเป็นวันเวลาแห่งการรอคอยที่ว่างเปล่า... ไร้แก่น สาร แต่อุดมด้วยการรักรับใช้และแบ่งปัน เขาผู้มีความรักในหัวใจมิอาจนั่งนิ่งเฉย ความรักและภักดีผลักดันให้ เขายื่นมือออก... เลี้ยงดูผู้หิวโหย...เยียวยาผู้ป่วยไข้...รับใช้ผู้คนที่พบเจอ คริสตชน...คนของพระคริสตเจ้าก้าวเดินไป มิใช่ด้วยคำ�พูดว่า รัก แต่... ด้วยกิจการแห่งความรัก อันเป็น ดรรชนีบ่งชี้ว่า เขาเป็นผู้รับใช้ที่รู้ใจนาย...รัก สัตย์ซื่อและภักดี 10.indd 344
21/12/2561 14:50:41
บทอ่านที่ 1 รม 6:19-23 พี่น้อง ข้าพเจ้าขอพูดตามวิสัยมนุษย์เพราะท่านยังเป็นคนอ่อนแอ แต่เมื่อก่อนนี้ ท่านได้มอบร่างกายเป็นทาสของความโสมมและความอธรรมซํ้าแล้วซํ้าอีกฉันใด บัดนี้ ท่านจงมอบร่างกายให้เป็นทาสของความชอบธรรม เพือ่ จะได้เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิฉ์ นั นัน้ เถิด เมื่อท่านยังเป็นทาสของบาปอยู่ ท่านมิได้อยู่ในอำ�นาจของความชอบธรรมเลย และเวลานั้น ท่านได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการทำ�ความชั่วเช่นนั้น ซึ่งบัดนี้ทำ�ให้ท่าน ต้องอับอาย จุดจบของกิจการเหล่านั้นคือความตาย แต่บัดนี้ท่านได้รับอิสระจากบาป มาเป็นทาสรับใช้พระเจ้าแล้ว ท่านได้รบั ประโยชน์อนั นำ�ไปสูค่ วามศักดิส์ ทิ ธิ์ ผลสุดท้าย ก็คือชีวิตนิรันดร เพราะค่าตอบแทนที่ได้จากบาปคือความตาย ส่วนของประทานที่ พระเจ้าประทานให้เปล่า คือชีวิตนิรันดรในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช สดด 1:1-2,3,4 และ 6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
พระวรสาร ลก 12:49-53 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพือ่ จุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิง่ ทีจ่ ะให้โลกนีล้ กุ เป็นไฟ เรามีการล้าง ที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำ�เร็จ” “ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำ�สันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรา นำ�ความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสาม คนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะ แตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตร สะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี” บนเส้นทางสู่กัลวารีโอ...ความทุกข์กังวลคืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ ความตาย...อันเป็นการล้างที่จะต้องรับ มิเป็นเพียงความบาดเจ็บฝ่ายกาย แต่ ยังเป็นการพลัดพรากฝ่ายจิตที่พระองค์จะต้องเผชิญ วันเวลาที่น่าสะพรึงกลัวสำ�หรับ พระองค์ เป็นวันเวลาแห่งการพลัดพรากจากพระบิดา อันเป็นผลของบาปของมนุษยชาติ ที่พระองค์ทรงรับแบกไว้ เส้นทางสายนี้ ร้องหาการตัดสินใจที่หาญกล้าเด็ดเดี่ยว มิใช่เฉพาะสำ�หรับพระองค์ เท่านัน้ ... แต่ส�ำ หรับทุกคนทีเ่ ป็นศิษย์ของพระองค์ดว้ ย ในอันทีเ่ ขาจะเผชิญการพลัดพราก แห่งกางเขนและความตาย...ก้าวข้ามไปสู่สัมพันธภาพนิรันดร์กาลในการกลับคืนชีพของ พระองค์
10.indd 345
21/12/2561 14:50:42
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา สดด 119:66,68, 76,77,93,94
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
บทอ่านที่ 1 รม 7:18-25ข พี่น้อง เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะทำ� เพราะข้าพเจ้าไม่ทำ�ความดีที่ ปรารถนา กลับทำ�ความชัว่ ทีไ่ ม่ปรารถนาจะทำ� ถ้าข้าพเจ้าทำ�สิง่ ทีไ่ ม่ปรารถนาจะทำ� การ กระทำ�นั้นก็มิใช่การกระทำ�ที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำ�ของบาปซึ่งแฝงอยู่ ในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงพบกฎนีว้ า่ เมือ่ ใดทีอ่ ยากทำ�ดี เมือ่ นัน้ ความชัว่ ก็มาอยูใ่ กล้ขา้ พเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจ และล่ามข้าพเจ้าไว้กับ กฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริงๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พน้ จากร่างกาย ที่จะต้องตายนี้ได้ ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของ เรา พระวรสาร ลก 12:54-59 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และ ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คน หน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำ�ไมจึงไม่วินิจฉัยเวลา ปัจจุบันนี้เล่า” “ทำ�ไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้อง ขณะที่ท่านกำ�ลังไปศาลกับคู่ ความของท่าน จงพยายามตกลงกันระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไป ต่อหน้าผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำ�ระหนีจ้ นถึงเศษสตางค์สดุ ท้าย” ปัญญามนุษย์ทรงพลังเพียงพอ ทีจ่ ะอ่านดินฟ้าอากาศ เขารอบรูใ้ นโลกรอบ ด้าน แต่... อนิจจา ...จะมีสกั กีด่ วงปัญญาทีล่ ะเอียดเพียงพอทีจ่ ะอ่านเครือ่ งหมายแห่งกาล เวลา และพบเจอการเสด็จมาของพระเจ้า ...จะมีสกั กีด่ วงตาทีม่ องเห็นความรักเมตตาของ พระเจ้า ที่เสด็จมาเยี่ยมประชากรของพระองค์ ...และจะมีสักกี่ดวงใจ ที่ได้เปิดรับและ ลิม้ รสความสุขทีพ่ ระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ตงั้ แต่นริ นั ดร์กาล ...สำ�หรับผูท้ เี่ ป็นของพระองค์
10.indd 346
21/12/2561 14:50:43
บทอ่านที่ 1 รม 8:1-11 พี่น้อง ไม่มีการตัดสินลงโทษผู้ที่อยู่ในพระคริสตเยซูอีกต่อไป กฎของพระจิตเจ้า ซึ่งประทานชีวิตในพระคริสตเยซูนั้นช่วยท่านให้พ้นจากกฎของบาปและกฎของความ ตาย เนื่องจากสิ่งที่ธรรมบัญญัติทำ�ไม่ได้เพราะธรรมชาติมนุษย์เป็นเหตุให้อ่อนกำ�ลังไป นั้น พระเจ้าทรงกระทำ�แล้วโดยทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาให้มีธรรมชาติเหมือน กับธรรมชาติมนุษย์ที่มีบาป เพื่อขจัดบาป พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษบาปในธรรมชาติ สัปดาห์ที่ 29 มนุษย์ เพื่อให้ข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของธรรมบัญญัติสำ�เร็จไปในตัวเรา ซึ่งดำ�เนิน เทศกาลธรรมดา ชีวิตที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่บกพร่องอีกแล้ว แต่ดำ�เนินชีวิตตามพระจิตเจ้า ผู้ที่ยัง สดด 24:1-2,3-4,5-6 ดำ�เนินชีวิตตามธรรมชาติ ย่อมสนใจสิ่งที่เป็นของธรรมชาติ ส่วนผู้ที่ดำ�เนินชีวิตตาม พระจิตเจ้า ก็สนใจสิ่งที่เป็นของพระจิตเจ้า ความต้องการตามธรรมชาติมนุษย์นำ�ไปสู่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ความตาย แต่ความปรารถนาของพระจิตเจ้านำ�ไปสู่ชีวิตและสันติ ความต้องการตาม ธรรมชาติมนุษย์นำ�ไปสูก่ ารเป็นศัตรูกบั พระเจ้า... ผูท้ ดี่ ำ�เนินชีวติ ตามธรรมชาติไม่อาจเป็นทีพ่ อพระทัยพระเจ้า ได้ ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำ�เนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำ�เนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของ พระเจ้าสถิตในตัวท่าน ถ้าผูใ้ ดไม่มพี ระจิตของพระคริสตเจ้าผูน้ นั้ ก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิต ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิต ของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรง บันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของ ท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ซึ่งสถิตในท่านด้วย พระวรสาร ลก 13:1-9 ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขา กำ�ลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาว กาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะ พินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิด มากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยน ชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน” พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามา มองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดกับคนสวนว่า ‘ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่ พบ จงโค่นมันเถิด เสียที่เปล่าๆ’ แต่คนสวนตอบว่า ‘นายครับ ปล่อยมันไว้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดิน รอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้’” ดวงตามนุษย์เฝ้ามองดูเหตุการณ์ และผู้คนในชะตากรรมที่โหดร้าย พร้อมรอยตำ�หนิเล็กๆ... รอย ตำ�หนิถูกห่อหุ้มด้วยถุงกระดาษสีทองสูงส่ง...พระเจ้าลงโทษ! การตัดสินปรับโทษมีที่อยู่มากมายในสังคมผู้ชอบ ธรรม ...ที่ประกาศตนเป็นคนเชื่อในพระเจ้า การเข่นฆ่ามากมายเกิดขึ้นในหัวใจของผู้คนที่มีชื่อว่าคริสตชน แต่... จะมีดวงตาคู่ใดเล่า ที่กล้าพอที่จะก้มลงสำ�รวจดูชีวิตของตน...ในวันเวลาที่ยังหลงเหลืออยู่...ที่ได้รับ จากพระเมตตาของพระองค์ จะมีต้นมะเดื่อสักกี่ต้น ที่หันมองดูตนเอง และเร่งเกิดดอกออกผล ในวันเวลาแห่ง พระเมตตา 10.indd 347
21/12/2561 14:50:43
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา บสร 35:12-14,16-18 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง พระองค์ไม่ทรงลำ�เอียงทำ�ให้ผยู้ ากจนต้องได้รบั ความเสียหาย แต่ทรงฟังคำ�วอนขอของ ผู้ถูกข่มเหง พระองค์ไม่ทรงเมินเฉยต่อคำ�วอนขอของลูกกำ�พร้า และไม่ทรงเมินเฉย เมื่อหญิงม่ายระบายความทุกข์แด่พระองค์ ผู้ใดเต็มใจรับใช้พระเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับของพระองค์ คำ�วอนขอของเขาจะขึ้น ไปถึงเมฆ คำ�อธิษฐานของผู้ตํ่าต้อยทะลุเมฆขึ้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับ ความบรรเทา จะไม่หยุดจนกว่าพระผูส้ งู สุดจะเสด็จมาเยีย่ ม และตัดสินประกาศความ บริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม เพลงสดุดี สดด 34:1-2,16-18,19-20,22 ก) ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดกาล คำ�สรรเสริญพระองค์จะติดอยู่กับริมฝีปากของข้าพเจ้าเสมอ จิตใจข้าพเจ้าจะภูมิใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า บรรดาผู้ตํ่าต้อยจงฟังและชื่นชมเถิด ข) พระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอริกับผู้ทำ�ความชั่ว มิให้ใครในแผ่นดินระลึกถึงเขาอีกต่อไป บรรดาผู้ชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่มีใจเป็นทุกข์ ทรงกอบกู้ผู้ที่มีจิตใจสำ�นึกผิด ค) แม้ผู้ชอบธรรมจะประสบความทุกข์ร้อนมากมาย องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงช่วยเขาให้พ้นจนหมด พระองค์ทรงดูแลกระดูกของเขาทุกชิ้น มิให้แตกหักแม้เพียงชิ้นเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่กู้ชีวิตของผู้รับใช้พระองค์ ผู้ลี้ภัยมาพึ่งพระองค์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:6-8,16-18 ลูกที่รักยิ่ง ชีวิตของข้าพเจ้ากำ�ลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดี วิ่งมาถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อไว้ แล้ว ยังเหลืออยูก่ เ็ พียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึง่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าผูท้ รงพิพากษา อย่างเทีย่ งธรรมจะประทานให้ขา้ พเจ้าในวันนัน้ และไม่ใช่เพียงให้ขา้ พเจ้าเท่านัน้ แต่จะ
10.indd 348
21/12/2561 14:50:44
ประทานให้ทกุ คนทีม่ คี วามรักเฝ้ารอคอยการสำ�แดงพระองค์ ด้วยเช่นเดียวกัน ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขา ถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้าง และประทานกำ�ลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้ สำ�เร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟัง ข่าวดี ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พน้ จากปากสิงโตมาได้ องค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้าย ทั้งสิ้น และจะทรงนำ�ข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของ พระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 18:9-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสเล่าอุปมาเรื่องนี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า “มีชายสองคนขึน้ ไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึง่ เป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึง่ เป็นคนเก็บภาษี ชาว ฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์ คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำ�ศีลอดอาหารสัปดาห์ละ สองวัน และถวายหนึง่ ในสิบของรายได้ทงั้ หมดของข้าพเจ้า’ ส่วนคนเก็บภาษียนื อยูห่ า่ งออกไป ไม่กล้าแม้แต่ จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อน-อก พูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วย เถิด’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่า ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ตํ่าลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” ในพระวิหาร อันเป็นสถานที่นัดพบระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ฟาริสียืนภาวนาในความทรนง ...ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนคนอื่น...ที่ขโมย..อยุติธรรม...ล่วงประเวณี...เหมือนคนเก็บภาษี...ข้าพเจ้าจำ�ศีล อดอาหาร...ถวายหนึ่งในสิบ ณ ที่นี้...เขามิอาจพบพระเจ้าผู้ชอบธรรม แต่...พบเพียงตนเองผู้สวมหน้ากากความ ชอบธรรม...ลัทธิบูชาตนเองจึงเกิดขึ้นในพระวิหารของพระเจ้า คนเก็บภาษียืนห่างออกไป...ไม่กล้าเงยหน้า...ข้อน-อก... ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้า คนบาปด้วยเถิด เขาพบเจอพระเจ้าผู้เมตตา...ได้ลิ้มรสพระกรุณาในพระวิหารของพระองค์….ณ ที่แห่งเดียวกัน นี้...ศาสนาแท้จริงแห่งการบูชาพระเจ้า จึงได้เกิดขึ้น...อันทำ�ให้คนบาปได้กลับเป็นคนชอบธรรม
10.indd 349
21/12/2561 14:50:44
ฉลอง น.ซีโมน และ น.ยูดา อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4
บทอ่านที่ 1 อฟ 2:19-22 พีน่ อ้ ง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผูม้ าขออาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพือ่ นร่วมชาติ กับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดย มีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำ�ให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกันกำ�ลังถูกก่อสร้างร่วม กันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า พระวรสาร ลก 6:12-19 ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนา ต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรง คัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตร อัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบ แห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจำ�นวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุง เยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับ การรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ที่ถูกปีศาจรบกวนได้รับการรักษา ด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย ชีวติ พระเยซูวนเวียนอยูก่ บั สองสถานที.่ ..ภูเขาและพืน้ ราบ บนภูเขาพระองค์ ทรงอธิษฐานภาวนา...ติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า บนพื้นราบ...ทรงติดต่อสัมพันธ์กับ มนุษย์....เทศน์สอน...รักษาเยียวยา...ขับไล่ผีร้าย ศิษย์ของพระเยซูไม่อาจเตร็ดเตร่ไปทีอ่ นื่ ใด แต่....วนเวียนอยู่บนภูเขาและบนพื้นราบ พันธกิจใดๆ...การรับใช้ใดๆ...ล้วนเป็นของพระเจ้า เป็นพระองค์ที่ส่งเขาไป เขาจึงไม่อาจ เร่ร่อนไปที่อื่นใดนอกจากบนภูเขาที่เขาสามารถได้ยินเสียงของพระองค์ พันธกิจใดๆ การรับใช้ใดๆ ...มีเป้าหมายอยู่ที่พี่น้องที่เขาพบเจอบนพื้นราบแห่งชีวิต เขาจึงถูกส่งลงสูพ่ นื้ ราบ เพือ่ ส่งมอบความรักเมตตาของพระองค์ให้ผยู้ ากจน...ผูบ้ าดเจ็บ... และผู้ทนทุกข์
10.indd 350
21/12/2561 14:50:45
บทอ่านที่ 1 รม 8:18-25 พี่น้อง ข้าพเจ้าคิดว่า ความทุกข์ทรมานในปัจจุบันเปรียบไม่ได้เลยกับพระสิริ รุ่ ง โรจน์ ที่ จ ะทรงบั นดาลให้ ป รากฏแก่ เรา เพราะสรรพสิ่ ง ต่ า งกำ�ลั ง รอคอยอย่ า ง กระวนกระวาย เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงบันดาลให้บรรดาบุตรของพระองค์ปรากฏใน พระสิรริ งุ่ โรจน์ สรรพสิง่ ต้องอยูใ่ ต้อำ�นาจของความไม่เทีย่ งแท้มใิ ช่โดยสมัครใจ แต่ตาม สัปดาห์ที่ 30 ความประสงค์ของผู้ที่บังคับให้สรรพสิ่งต้องอยู่ในสภาพดังกล่าว ถึงกระนั้น สรรพสิ่ง ยังมีความหวังว่า จะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลายเพื่อไป เทศกาลธรรมดา รับอิสรภาพอันรุง่ เรืองของบรรดาบุตรของพระเจ้า เรารูด้ วี า่ จนถึงเวลานี้ สรรพสิง่ กำ�ลัง สดด 126:1-2กข,2คง-3, 4-5,6 ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร มิใช่เพียงแต่สรรพสิ่งเท่านั้น แม้แต่เราเองซึ่งได้รับผลิตผลครั้งแรกของพระจิตเจ้าแล้ว ก็ยังครํ่าครวญอยู่ภายใน ใน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เมื่อเรามีความกระตือรือร้นรอคอยให้พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรบุญธรรม ให้ร่างกาย ของเราได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ เพราะเราได้รอดพ้นเพียงในความหวัง แต่ความ หวังที่มองเห็นได้ก็ไม่ใช่ความหวัง เพราะสิ่งที่มองเห็นแล้ว เขาจะหวังอีกทำ�ไม แต่ถ้า เราหวังสิ่งที่เรามองไม่เห็น เราก็ย่อมมีความมานะพากเพียรรอคอยสิ่งนั้น พระวรสาร ลก 13:18-21 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับสิง่ ใด เรา จะเปรียบพระอาณาจักรกับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งชายคน หนึ่งทิ้งไว้ในสวนของตน มันเติบโตขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งบรรดานกใน อากาศมาทำ�รังอาศัยบนกิ่งได้” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด พระ อาณาจักรก็เหมือนกับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำ�มาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งฟู ขึ้นทั้งหมด” พระอาณาจักรพระเจ้ามิได้เป็นสิง่ สร้าง แต่เป็นชีวติ ทีเ่ ติบโต ถือกำ�เนิดอย่าง สงบนิง่ ในทีเ่ ร้นลับ....เติบโตอย่างสงบเงียบ ไร้ความสนใจของผูค้ น จนกระทัง่ วันนัน้ ทีต่ น้ ไม้ ใหญ่ปรากฏแก่สายตา และนกในอากาศมาพักพึ่งพิง คนแห่งพระอาณาจักรจึงมิอาจเป็นสิง่ อืน่ แต่...ชีวติ ทีถ่ อื กำ�เนิดในความสงบนิง่ เติบโต ในความสงบเงียบ...กลับกลายเป็นต้นไม้ใหญ่...จนนกในอากาศมาพักพึ่งพิง เขาไม่ร้อง ตะโกน...ดึงดูดความสนใจ เขาไม่บีบบังคับ...แต่เคารพในอิสรภาพ เขาไม่รุกร้อนเร่งรีบ... แต่เคารพในฤดูกาล....จังหวะเวลาแห่งการเติบโต
10.indd 351
21/12/2561 14:50:45
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 13:3-4,5 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 รม 8:26-30 พี่น้อง ในทำ�นองเดียวกัน พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเรา ไม่รวู้ า่ จะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิง่ ใดทีเ่ หมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอน ขอแทนเราด้วยคำ�ทีไ่ ม่อาจบรรยาย และพระผูท้ รงสำ�รวจจิตใจ ทรงทราบความปรารถนา ของพระจิตเจ้า เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพือ่ บรรดาผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิต์ ามพระประสงค์ ของพระเจ้า เรารูว้ า่ พระเจ้าทรงบันดาลให้ทกุ สิง่ กลับเป็นประโยชน์แก่ผทู้ รี่ กั พระองค์ ผูท้ ที่ รง เรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำ�หนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ดว้ ย เพือ่ พระบุตร จะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพีน่ อ้ งจำ�นวนมาก ผูท้ ที่ รงกำ�หนดไว้แล้วนัน้ พระองค์ทรง เรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบ ธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย
พระวรสาร ลก 13:22-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านเมืองและหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนประชาชนและทรงเดินทางมุ่งไปกรุง เยรูซาเล็ม คนคนหนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า มีน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” พระองค์ตรัสกับเขา ทั้งหลายว่า “จงพยายามเข้าทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่าหลายคนพยายามจะเข้าไป แต่จะ เข้าไม่ได้ เมื่อเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นเพื่อปิดประตู ท่านจะยืนอยู่ข้างนอก เคาะประตูพูดว่า ‘นายเจ้าข้า เปิดประตู ให้พวกเราด้วย’ แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รวู้ า่ พวกเจ้ามาจากทีใ่ ด’ แล้วท่านก็จะพูดว่า ‘พวกเราได้กนิ ได้ดมื่ อยู่ กับท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา’ แต่เจ้าของบ้านจะตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากที่ใด ไปให้ พ้นจากเราเถิด เจ้าทั้งหลายที่ทำ�การอยุติธรรม’ เวลานั้น ท่านทั้งหลายจะรํ่าไห้ครํ่าครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคืองเมื่อแลเห็นอับราฮัม อิสอัคและ ยาโคบกับบรรดาประกาศกในพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่ทา่ นทัง้ หลายกลับถูกไล่ออกไปข้างนอก จะมีคน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ทิศเหนือและทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น พวกที่เป็นกลุ่มสุดท้ายจะกลับกลายเป็นกลุ่มแรก และพวกที่เป็นกลุ่มแรกจะกลับกลายเป็น กลุ่มสุดท้าย” แม้บนเส้นทางสู่เยรูซาเล็ม...เส้นทางแห่งกางเขนและความตาย หัวใจเพื่อพันธกิจแห่งการเทศน์ สอน...รัก...รับใช้ ยังคงปรากฏเด่นชัดและเข้มข้น ในวันเวลาที่ผู้คนเหนื่อยล้า และหวาดกลัว พระเจ้าข้า มีน้อย คนใช่ไหมที่รอดพ้นได้ พระองค์ทรงนำ�พาเขาให้เข้าประตูแคบที่ผู้คนมองข้าม ทรงเปิดเผยความจริงของหนทาง แห่งความรอดพ้น...มิใช่หนทางแห่งอภิสิทธิช์ น เพราะ...กลุม่ สุดท้ายจะกลายเป็นกลุม่ แรก และกลุม่ แรกจะกลับ เป็นกลุม่ สุดท้าย ....มิใช่หนทางของผูค้ นทีค่ นุ้ เคย….เราได้กนิ ดืม่ อยูก่ บั ท่าน ท่านได้สอนในลานสาธารณะของเรา แต่เป็นหนทางสากลที่เปิดกว้างสำ�หรับทุกผู้คน ที่ผันตนเองออกจากบาป และหันหน้าเข้าหาพระเจ้า...วางไว้ใจ ในความรักเมตตาของพระองค์ 10.indd 352
21/12/2561 14:50:46
บทอ่านที่ 1 รม 8:31ข-39 พีน่ อ้ ง ถ้าพระเจ้าทรงอยูข่ า้ งเรา ใครจะสูเ้ ราได้ พระองค์มไิ ด้ทรงหวงแหนพระบุตร ของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้ เราพร้อมกับพระบุตรหรือ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้ พระเจ้าประทาน ความชอบธรรม ใครจะตัดสินลงโทษ พระคริสตเยซูสิ้นพระชนม์ ทั้งยังทรงกลับคืน พระชนมชีพ ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า ทรงวอนขอแทนเราอีกด้วย ใครจะพราก เราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้ ความทุกข์ลำ�เค็ญหรือ ความคับแค้นใจหรือ การ เบียดเบียนข่มเหงหรือ การขาดอาหารและเครือ่ งนุง่ ห่มหรือ ภยันตรายและคมดาบหรือ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เพราะพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงถูกประหารชีวิตตลอดวัน เขาจัดว่าข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนแกะสำ�หรับนำ�ไปฆ่า” แต่ในการทดลองทั้งหมดนี้ เราชนะได้ง่ายอาศัยพระผู้ทรงรักเรา เพราะข้าพเจ้า เชือ่ มัน่ ว่า ไม่วา่ ความตายหรือชีวติ ไม่วา่ ทูตสวรรค์หรือผูม้ อี ำ�นาจปกครอง ไม่วา่ ปัจจุบนั หรืออนาคต ไม่ว่าฤทธิ์อำ�นาจใดหรือความสูง ความลึก ไม่มีสรรพสิ่งใดๆ จะพรากเรา ได้จากความรักของพระเจ้า ซึ่งปรากฏในพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 109:21-22, 26-27,30-31 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
พระวรสาร ลก 13:31-35 เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าว่า “ท่านจงเดินทางออกไปจากที่นี่เถิด เพราะกษัตริย์ เฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงไปบอกเจ้าสุนขั จิง้ จอกตัวนัน้ ว่าเราขับไล่ปศี าจและรักษา โรค วันที่สาม เราจะบรรลุถึงเป้าหมาย แต่วันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เราจะต้องเดินทางต่อไป เพราะ ประกาศกจะตายนอกกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้” “เยรูซาเล็มเอ๋ย เยรูซาเล็ม เจ้าฆ่าประกาศก เอาหินทุ่มผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาหาเจ้า กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ เราต้องการรวบรวมบุตรของเจ้าเหมือนดังแม่ไก่รวบรวมลูกไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ต้องการ บัดนี้ บ้านของท่าน ทั้งหลายจะต้องถูกทิ้งร้าง เราบอกท่านทั้งหลายว่า ท่านจะไม่เห็นเราอีกจนถึงเวลาที่ท่านจะกล่าวว่า ‘ขอถวายพระพรแด่ผู้ที่มาในพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า’” ฟาริสีสวมใส่หน้ากากแห่งความห่วงใย ท่านจงออกไปจากที่นี่เถิด...เฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน คน หน้าซื่อใจคดต้องการเพียงให้พระองค์ไปให้พ้นจากเยรูซาเล็ม...อันเป็นศูนย์กลางแห่งชนชาติ แต่...ชีวิตและ พันธกิจทั้งหมดของพระเยซูมีปลายทางอยู่ ณ เยรูซาเล็ม ที่ๆ พระองค์จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา ด้วยความรักและภักดีที่ยิ่งใหญ่...ในอันที่จะไถ่กู้มนุษยชาติด้วยการพลีพระชนม์ของพระองค์ ชีวิตและพันธกิจของพระองค์เป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาแต่เพียงผู้เดียว ความต้องการใดๆ ของ ฟาริสีและของเฮโรด ไม่อาจเอื้อมกำ�หนดชีวิตที่ทรงคุณค่าของพระองค์ ...ความกลัวและความตายไม่เคยมี อานุภาพเหนือการตัดสินใจใดๆ ของพระองค์ ชีวิตและการตัดสินใจของฉันถูกกำ�หนดโดยใคร และสิ่งใด?...ยังคงเป็นคำ�ถามที่รอคำ�ตอบอยู่เบื้องหน้าฉัน ขณะนี้! 10.indd 353
21/12/2561 14:50:46