11_

Page 1


บทอ่านที่ 1

ฟป 1:18ข-26

พี่น้อง พระคริสตเจ้าก็ทรงได้รับการประกาศแล้ว เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงมีความ ยินดี และจะยินดีตอ่ ไป ข้าพเจ้ารูว้ า่ สิง่ นีจ้ ะทำ�ให้ขา้ พเจ้ารอดพ้น ด้วยคำ�อธิษฐานภาวนา ของท่านทั้งหลายและด้วยความช่วยเหลือของพระจิตของพระเยซูคริสตเจ้า ตามที่ ข้าพเจ้ามุ่งมั่นรอคอยอย่างกระตือรือร้นและหวังว่า ข้าพเจ้าจะไม่อับอายเลย แต่จะพูด อย่างกล้าหาญว่า พระคริสตเจ้าจะทรงได้รบั เกียรติในร่างกายของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ เหมือน กับในอดีต ไม่วา่ ข้าพเจ้าจะเป็นหรือตายก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชวี ติ อยูก่ ค็ อื พระคริสต เจ้า และการตายก็เป็นกำ�ไร หากการมีชวี ติ อยูใ่ นโลกนีเ้ ป็นโอกาสให้ขา้ พเจ้าทำ�งานได้ผล แล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าจะเลือกสิ่งใดดี ข้าพเจ้ารู้สึกลังเล คือปรารถนาจะพ้นจากชีวิตนี้ไป เพือ่ อยูก่ บั พระคริสตเจ้า ซึง่ จะเป็นการดีกว่ามาก แต่การมีชวี ติ อยูใ่ นโลกนีต้ อ่ ไปก็จ�ำ เป็น อย่างยิ่งสำ�หรับท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามั่นใจเช่นนี้แล้วข้าพเจ้าก็รู้ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ต่อ ไปและอยู่เคียงข้างท่านทุกคน เพื่อช่วยให้ท่านก้าวหน้าและชื่นชมในความเชื่อ เพื่อท่าน ทัง้ หลายจะได้ภมู ใิ จพระคริสตเยซูยงิ่ ขึน้ เพราะข้าพเจ้าได้กลับมาอยูก่ บั ท่านอีกครัง้ หนึง่

พระวรสาร

ลก 14:1,7-11

วันสับบาโตวันหนึง่ พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารทีบ่ า้ นของหัวหน้าชาว ฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับ เขาว่า “เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคน สำ�คัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่ง ในทีส่ ดุ ท้ายเถิด เพือ่ เจ้าภาพทีเ่ ชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพือ่ นเอ๋ย จงไปนัง่ ในทีท่ ดี่ กี ว่า นีเ้ ถิด’ แล้วท่านจะได้รบั เกียรติตอ่ หน้าผูร้ ว่ มโต๊ะทัง้ หลาย เพราะทุกคนทีย่ กตนขึน้ จะถูก กดให้ตํ่าลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”

บุคคลทีส่ ภุ าพย่อมเป็นทีร่ กั ได้รบั เกียรติ และความเคารพยกย่องจากทุกคน นักบุญ เปาโลเคยเป็นคนที่หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นยิว มีสัญชาติโรมัน เป็น ฟาริสี เป็นผู้เบียดเบียนคริสตชน ฯลฯ แต่แล้วเมื่อพระเยซูเจ้าสัมผัสชีวิตของท่าน จาก ที่เคยหยิ่งในความเก่งกล้าสามารถของตน ก็กลับยอมให้พระคริสตเจ้าได้รับเกียรติผ่าน ทางชีวติ ของท่าน ท่านถึงกับกล่าวว่า หากข้าพเจ้าจะโอ้อวด สิง่ เดียวทีอ่ วดได้กค็ อื ความ อ่อนแอของตัวท่านเอง

สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา สดด 42:1,2,4

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


สมโภช นักบุญทั้งหลาย

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์

วว 7:2-4,9-14

เพลงสดุดี

สดด 24:1-2,3-4,5-6

ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ปรากฏขึน้ ทางทิศตะวันออก ถือตราของพระเจ้า ผู้ทรงชีวิต ทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ ทำ�ลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำ�ลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ ประทับตราไว้ที่หน้าผากของบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าของเรา” และข้าพเจ้าได้ยินว่าผู้ที่ได้ รับการประทับตรามีจำ�นวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มาจาก ทุกเผ่าของชาวอิสราเอล หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุกเผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำ�ลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ ทุกคนสวมเสือ้ ขาว ถือใบปาล์ม ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ความรอดพ้นเป็นของพระเจ้า ของเรา ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” ทูตสวรรค์ทั้งหลายที่ยืนอยู่ รอบพระบัลลังก์ รอบผู้อาวุโส และรอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน ต่างกราบลงหน้าพระบัลลังก์ ศีรษะจรดพื้น นมัสการพระเจ้าว่า “อาเมน คำ�ถวายพระพร พระสิริรุ่งโรจน์ พระปรีชาญาณ คำ�ขอบพระคุณ พระเกียรติยศ พระอานุภาพและพระพลานุภาพ เป็นของพระเจ้าของเราตลอดนิรันดร อาเมน” ผูอ้ าวุโสคนหนึง่ ถามข้าพเจ้าว่า “คนทีส่ วมเสือ้ ขาวเหล่านีเ้ ป็นใคร และมาจากไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่านก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่มา จากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของลูกแกะ” ก) แผ่นดินและสรรพสิ่งบนแผ่นดินเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า โลกและผู้คนที่อยู่ในโลกก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงวางรากฐานของโลกไว้เหนือทะเล ทรงตรึงยึดไว้มั่นคงบนกระแสนํ้าไหล ข) ใครจะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ใครจะยืนอยู่ในสถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้มีใจไม่ใฝ่หารูปเคารพ ผู้ไม่ออกปากสาบานเพียงเพื่อหลอกลวง ค) บุคคลเช่นนี้จะได้รับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้รับความเป็นธรรมจากพระเจ้าผู้ทรงช่วยเขาให้รอดพ้น นี่คือเชื้อสายที่แสวงหาพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้าแห่งยาโคบ


บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 3:1-3

พี่ น้ อ งที่ รัก ยิ่ ง จงดู เ ถิดว่า ความรัก ที่พระบิดา ประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำ�ให้เราได้ชื่อว่า เป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่ รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้า แล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัด แจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะ เป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่าง ทีพ่ ระองค์ทรงเป็น ทุกคนทีม่ คี วามหวังในพระองค์ ย่อม ชำ�ระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:1-12ก

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำ�นวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก”

นักบุญทั้งหลายเป็นแบบอย่างของศิษย์ผู้ติดตามองค์พระคริสตเจ้า เป็นรุ่นพี่ที่เดินทางจาริกจากโลก นีผ้ า่ นไปสู่ดนิ แดนในสวรรค์ พวกท่านมิใช่ผู้วเิ ศษ แต่เคยเป็นคนบาปเหมือนกับเรา พระศาสนจักรยกย่อง พวกท่านในความศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่เราว่า เมื่อเรารับเอาพระคริสตเจ้ามาสวมใส่ในชีวิต เฉกเช่นที่บรรดานักบุญได้เคยปฏิบัติแล้ว เราจะมีพละกำ�ลังเอาชนะความอ่อนแอของตัวเรา และเดินทาง มุ่งหน้าไปสู่พระราชัยของพระองค์


วันภาวนาอุทิศ แด่ผู้ล่วงลับ สดด 27:1-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1

โยบ 19:1,23-27

บทอ่านที่ 2

รม 5:5-11

โยบจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าอยากให้ถอ้ ยคำ�ของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยาก ให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่ว สลักไว้บนหินให้คงอยู่ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระ ผูป้ กป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึน้ ยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุน่ ดิน เมือ่ หนังของ ข้าพเจ้าถูกทำ�ลาย และไม่มรี า่ งกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์ อยูเ่ คียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารูส้ กึ มีความมั่นใจเช่นนี้”

พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้า สิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำ�หนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครัง้ อาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสจู น์วา่ ทรงรักเรา เพราะ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบ ธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้า ลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกับพระเจ้าเดชะการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรขณะที่เรายังเป็นศัตรูอยู่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อ กลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ดว้ ย มิใช่เพียงเท่านัน้ เรายังภูมใิ จในพระเจ้า เดชะ พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกับพระเจ้าแล้ว

พระวรสาร

ยน 6:37-40

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมา จากสวรรค์ มิใช่เพื่อทำ�ตามใจของเรา แต่เพื่อทำ�ตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา พระประสงค์ของผู้ทรง ส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระ ประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้ เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย”

ในแง่หนึ่ง งานเลี้ยงอาหารบ่งบอกฐานะของคนในสังคม ผู้คนมักเชิญเพื่อนในระดับเดียวกันไปร่วมงาน แต่นักบุญลูกาเสนอมุมมองของพระเยซูที่ให้ความสำ�คัญเป็นพิเศษกับบุคคลที่ไม่มีใครเหลียวแล ส่วนการทำ� ดีต่อผู้ที่ไม่อาจตอบแทนกลับคืนได้นั้น เป็นหนทางแห่งความสุขแท้จริง เพราะเมื่อเราไม่คาดหวังให้ผู้ใดต้อง ตอบแทนเรา การทำ�กิจการดีนั้นก็จะเป็นเสมือนทานลับ ที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทอดพระเนตรเห็น


บทอ่านที่ 1

ฟป 2:5-11

พี่น้อง จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด แม้ว่าพระองค์ ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์กม็ ไิ ด้ทรงถือว่าศักดิศ์ รีเสมอพระเจ้านัน้ เป็นสมบัตทิ จี่ ะ ต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความ ตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น เพื่อทุก คนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพ จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา

พระวรสาร

ลก 14:15-24

เวลานั้น ผู้ร่วมโต๊ะคนหนึ่งได้ยินเช่นนี้จึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “ผู้ที่กินอาหารในพระ อาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นสุข” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผูห้ นึง่ จัดงานเลีย้ งใหญ่ และเชิญคนเป็นจำ�นวนมาก เมื่อถึงเวลางาน เขาส่งผู้รับใช้ไปบอกผู้รับเชิญทั้งหลายว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ แต่ทุกคนต่างขอตัว คนแรกพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นา ไว้แปลงหนึ่ง จำ�เป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้า ซื้อโคไว้ห้าคู่ กำ�ลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิ่งแต่งงาน จึงมาไม่ได้’” ผูร้ บั ใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผูร้ บั ใช้วา่ “จง รีบออกไปตามลานสาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด” ผู้รับใช้กลับมาบอกนายว่า “นายขอรับ ข้าพเจ้ากระทำ�ตาม คำ�สัง่ ของท่านแล้ว แต่ยงั มีทวี่ า่ งอีก” นายจึงบอกผู้รบั ใช้วา่ “จงออกไปตามทางเดินและ ตามรั้วต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำ�ให้คนเต็มบ้านของเรา เราบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา” งานเลี้ยงใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของพระอาณาจักรของพระเจ้า ข้ออ้างของผู้รับเชิญ แต่ละคนนั้น ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ไม่มีใครซื้อที่นาโดยไม่เคยได้ไป ตรวจดูให้เรียบร้อยเสียก่อน สัตว์เลี้ยงก็คงไม่ต้องรีบเร่งทดลองใช้งาน จนไม่อาจไปร่วม งานเลีย้ งได้ หนุม่ ทีเ่ พิง่ แต่งงานอาจขอผ่อนผันไม่ไปสงครามได้ แต่ขอเลีย่ งไม่ไปงานเลีย้ ง เพราะเพิ่งแต่งงานก็ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างที่มีนํ้าหนักสักเท่าใด ประเด็นก็คอื นักบุญลูกาต้องการเน้นให้เห็นว่าผูร้ บั เชิญต่างไม่เห็นความสำ�คัญของ งานเลีย้ ง คือ พระอาณาจักรของพระเจ้า ซึง่ ทีส่ ดุ ก็ถกู มอบไปให้กบั คนทีเ่ ห็นความสำ�คัญ นั่นคือ บุคคลชายขอบของสังคมนั่นเอง

ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช สดด 22:25ข-26,27-31

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 27:1,4,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1

ฟป 2:12-18

พระวรสาร

ลก 14:25-33

ท่านที่รักยิ่งของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเคยเชื่อฟังตลอดมา มิใช่เฉพาะเมื่อข้าพเจ้า อยู่กับท่านเท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้น บัดนี้แม้เมื่อข้าพเจ้าอยู่ห่างไกล ท่านก็ยังเชื่อฟังด้วย ท่านจงออกแรงด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่นเพื่อให้รอดพ้นเถิด พระเจ้าทรงทำ�งานใน ท่านเพื่อให้ท่านมีท้ังความปรารถนาและความสามารถที่จะทำ�งานตามพระประสงค์ จง ทำ�ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง ท่านทั้งหลายจะได้ไม่ถูกตำ�หนิ ปราศจากเล่ห์ กล เป็นบุตรของพระเจ้า ไร้มลทินในหมูพ่ งศ์พนั ธุท์ คี่ ดโกงและชัว่ ร้าย ฉายแสงในหมูช่ น นีเ้ สมือนดวงประทีปอยูใ่ นโลก จงยึดพระวาจาแห่งชีวติ มัน่ ไว้ เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ภาคภูมใิ จ ในวันของพระคริสตเจ้าว่าข้าพเจ้ามิได้วิ่งและตรากตรำ�ทำ�งานโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่า ข้าพเจ้าจะต้องหลั่งโลหิตเป็นพลีบูชา พร้อมกับที่ท่านถวายความเชื่อเป็นพลีบูชาแด่ พระเจ้า ข้าพเจ้าก็ยนิ ดีและร่วมยินดีกบั ท่านทุกคน ขอให้ทา่ นทัง้ หลายยินดีและร่วมยินดี กับข้าพเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน เวลานั้น ประชาชนจำ�นวนมากกำ�ลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหันพระ พักตร์มาตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดติดตามเราโดยไม่รักเรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้ ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำ�นวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้ เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำ�เร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะ เยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำ�ให้สำ�เร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำ� สงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำ�นวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำ�ลังพลหนึ่งหมื่น คนจะเผชิญกับศัตรูที่มีกำ�ลังพลสองหมื่นคนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยัง อยู่ห่างไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนั้น ทุกท่านที่ไม่ยอมสละ ทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้”

ครอบครัว ญาติพี่น้องเป็นบุคคลสำ�คัญ ชีวิตของเราเองก็สำ�คัญ ทุกคนรักชีวิต แต่ เราต้องไม่ลมื ว่าต้นกำ�เนิดของเราอยูใ่ นพระเจ้า เมือ่ เราให้พระองค์เป็นทีห่ นึง่ ย่อมเท่ากับ เป็นการทำ�ให้ชีวิตของเรามีความหมายและคุณค่าสูงสุด ดังตัวอย่างของนักบุญเปาโล ที่ ท่านพร้อมหลั่งโลหิตเป็นพลีบูชา ทำ�ทุกสิ่งโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง เพื่อพระเจ้าและพระ วาจาของพระองค์


บทอ่านที่ 1

ฟป 3:3-8ก

พวกเราเท่านั้นเป็นผู้ที่เข้าสุหนัตโดยแท้จริง เป็นผู้ประกอบศาสนพิธีด้วยพระจิต ของพระเจ้า และภูมิใจในพระคริสตเยซู ไม่วางใจในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางกาย แม้ว่าข้าพเจ้ามีเหตุผลที่จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ได้ก็ตาม ถ้าผู้ใดคิดว่าตนมีเหตุผลที่ จะวางใจในการปฏิบัติเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็ยังมีเหตุผลมากกว่า ข้าพเจ้าได้รับพิธีสุหนัตเมื่อ เกิดมาได้แปดวัน เป็นเชื้อสายชนชาติอิสราเอลจากตระกูลเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูเกิด จากชาวฮีบรู ในด้านธรรมบัญญัตเิ ป็นชาวฟาริสี มีความกระตือรือร้นทีจ่ ะเบียดเบียนพระ ศาสนจักร ไม่มีข้อตำ�หนิใดได้ ในด้านความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ แต่สิ่งที่เคยเป็น ประโยชน์แก่ขา้ พเจ้านัน้ ข้าพเจ้าละทิง้ เพราะพระคริสตเจ้า นับแต่บดั นีข้ า้ พเจ้าเห็นว่าทุก สิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ลํ้าค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซู องค์พระผู้ เป็นเจ้าของข้าพเจ้า

พระวรสาร

ลก 15:1-10

เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสี และธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึง ตรัสเรื่องอุปมานี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งพลัดหลง จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่น ทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะทีพ่ ลัดหลงจนพบหรือ เมือ่ พบแล้ว เขาจะยกมันใส่บา่ ด้วย ความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่พลัดหลงนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่น นี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ ต้องการกลับใจใหม่ หญิงคนใดทีม่ เี งินสิบเหรียญแล้วทำ�หายไปหนึง่ เหรียญ จะไม่จดุ ตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้าน มาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลาย ว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ’”

พระสันตะปาปาฟรังซิสได้ให้ขอ้ คิดสรุปได้วา่ ในปัจจุบนั ดูเหมือนว่า แกะร้อยตัวฝูง นี้จะหายไป 99 ตัว และเหลือเพียงตัวเดียวอยู่กับเรา หน้าที่ของเราก็คือ ออกตามหา แกะ 99 ตัวนั้น มิใช่คอยแต่ประคบประหงม เอาแต่แปรงขนแกะตัวเดียวนั้น แต่กลับ ละเลยแกะจำ�นวนมากที่หายไป อย่าลืมว่า พระเยซูเจ้าสั่งให้เราเป็นผู้เลี้ยงแกะ มิใช่คน แปรงขนแกะ

สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 105:2-3,4-5,6-8

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 122:1-2,3-5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันศุกร์ต้นเดือน

พระวรสาร

ฟป 3:17-4:1

พี่น้องทั้งหลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเห็นว่า เรา เป็นแบบฉบับอย่างไร ก็จงดำ�เนินตามอย่างนั้นเถิด ข้าพเจ้าเคยบอกให้ท่านรู้หลายครั้ง แล้ว บัดนี้ก็ขอบอกซํ้าด้วยนํ้าตาอีกว่า หลายคนประพฤติตนเป็นศัตรูกับไม้กางเขนของ พระคริสตเจ้า ปลายทางของพวกเขาเหล่านี้คือความพินาศ พระเจ้าของเขาทั้งหลายคือ ท้อง เขาอ้างความน่าละอายมาโอ้อวด เขาสนใจสิ่งของของโลก แต่บ้านเมืองของเรานั้น อยูใ่ นสวรรค์ เราเฝ้าคอยพระผูไ้ ถ่จากแดนนี้ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ จะทรงเปลี่ยนรูปร่างอันตํ่าต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ ด้วย พระฤทธานุภาพที่ทำ�ให้พระองค์ทรงบังคับจักรวาลทั้งหมดให้อยู่ใต้อำ�นาจของพระองค์ ได้ พี่น้องที่รัก ผู้เป็นความปรารถนา เป็นความยินดีและเป็นประดุจมงกุฎของข้าพเจ้า จงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ท่านที่รักทั้งหลาย

ลก 16:1-8

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มา ฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างไร จงทำ�บัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป’ ผู้จัดการจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำ�ไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉัน รู้แล้วว่าจะทำ�อย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’ เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘เป็นหนี้นํ้ามันมะกอกหนึ่งร้อยถัง’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘นำ�ใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบ ถัง’ แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อย กระสอบ’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’ นายนึกชมผูจ้ ดั การทุจริตคนนัน้ ว่าเขาทำ�อย่างเฉลียวฉลาด ทัง้ นีก้ เ็ พราะบุตรของโลกนีม้ คี วามเฉลียวฉลาด ในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” อันที่จริง ผู้เขียนพันธสัญญาเดิมตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่า เหตุใดคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง แต่คนดีกลับ ต้องทนทุกข์ จากเรื่องเล่าในพระวรสาร ผู้จัดการคนนี้พยายามเอาตัวรอดด้วยการทุจริต และดูเหมือนว่าจะ สำ�เร็จเสียด้วย ประเด็นสำ�คัญของเรื่องนี้ก็คือ การเน้นให้ผู้อ่านเห็นความจริงอันเจ็บปวดว่า ความชั่วร้ายยังคง มีอยู่ในสังคม ไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม ตอนต่อไปของพระวรสาร จะทำ�ให้เราเข้าใจว่าเหตุใดตัวอย่างของผู้จัดการทุจริตผู้นี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมา กล่าวคือ “ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแล เล่า” จงมีความซื่อสัตย์เสมอ เพราะทรัพย์สมบัติแท้จริงที่พระเจ้าจะมอบให้เรานั้น มีค่ากว่าทรัพย์สินในโลกนี้ มากนัก


บทอ่านที่ 1

ฟป 4:10-19

พระวรสาร

ลก 16:9-15

พี่น้อง ข้าพเจ้าชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง ที่ในที่สุดท่านทั้งหลายแสดง ความห่วงใยต่อข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง ท่านมีความห่วงใยข้าพเจ้าอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส แสดงออก ข้าพเจ้ามิได้พดู เช่นนีเ้ พราะต้องการสิง่ ใด ข้าพเจ้าได้เรียนรูท้ จี่ ะพอใจในสภาพ ของตน รูจ้ กั มีชวี ติ อยูอ่ ย่างอดออม และรูจ้ กั มีชวี ติ อยูอ่ ย่างอุดมสมบูรณ์ ข้าพเจ้าได้เรียน รู้ที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกกรณี เผชิญกับความอิ่มท้องและความหิวโหย เผชิญกับความ มัง่ คัง่ และความขัดสน ข้าพเจ้าทำ�ทุกสิง่ ได้ในพระองค์ผปู้ ระทานพละกำ�ลังแก่ขา้ พเจ้า แต่ สัปดาห์ที่ 31 ท่านทำ�ดีแล้วที่มาร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า พี่น้องชาวฟีลิปปี ท่านทั้งหลายรู้ดีอยู่แล้วว่า เมื่อ เทสกาลธรรมดา ข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียแล้วเริ่มประกาศข่าวดีนั้น ไม่มีพระศาสนจักรใดมีส่วน ร่วมกับข้าพเจ้าด้านรายรับรายจ่าย มีเพียงท่านทั้งหลายเท่านั้น เมื่อข้าพเจ้าพำ�นักอยู่ที่ สดด 112:1-3,5-6,8-9 เมืองเธสะโลนิกา ท่านส่งปัจจัยที่จำ�เป็นไปให้ถึงสองครั้ง มิใช่ว่าข้าพเจ้าต้องการจะได้รับ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ของกำ�นัล แต่ข้าพเจ้าต้องการให้เกิดผลเพิ่มพูนยิ่งขึ้นแก่ท่าน ขณะนี้ข้าพเจ้ามีทุกสิ่งที่ ต้องการและมีเหลือใช้ เพราะได้รับสิ่งของมากมายที่ท่านทั้งหลายฝากเอปาโฟรดิทัสไป ให้ เป็นประดุจเครื่องหอม เป็นเครื่องสักการบูชาที่พระเจ้าทรงยินดีรับและพอพระทัย พระเจ้าของข้าพเจ้าจะ ทรงตอบแทน โดยประทานทุกสิ่งที่ท่านต้องการอย่างสมศักดิ์ศรีกับความมั่งคั่งของพระองค์ในพระคริสตเยซู เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนี้เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง เพื่อว่าเมื่อเงินทองนั้น หมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พำ�นักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ ด้วย ผู้ที่ไม่ซอื่ สัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรือ่ งใหญ่ด้วย เพราะฉะนัน้ ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรือ่ งเงิน ทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในการดูแลทรัพย์ สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ไม่มผี ใู้ ดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึง่ และจะรักนายอีกคนหนึง่ เขาจะจงรักภักดีตอ่ นายคนหนึง่ และจะดูหมิน่ นายอีกคนหนึง่ ท่านทัง้ หลายจะปรนนิบตั ริ บั ใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” ชาวฟาริสีที่รักเงินทองได้ยินถ้อยคำ�ทั้งหมดนี้ จึงหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้ง หลายคิดว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ แต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ใจของท่าน สิ่งที่มนุษย์ยกย่องเป็นสิ่งน่า รังเกียจเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า” “มีเงินเรียกว่าน้อง มีทองเรียกว่าพี่” ดูเหมือนว่าคำ�กล่าวนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงผู้คนในสังคมที่นับถือคน รํ่ารวย แต่เหยียดหยามคนจน พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเข้าใจชีวิต เงินทองไม่ใช่เรื่องสำ�คัญที่สุด และไม่อาจ เทียบได้กับความซื่อสัตย์ในชีวิต ปัญหาคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในสังคมไทย คงไม่อาจหมดไป หากไม่เริ่มต้นแก้ไข ที่ตัวเราแต่ละคน เราอาจโกหกหรือไม่ซื่อสัตย์กับมนุษย์ได้ แต่ไม่มีใครโกหกพระเจ้าได้ จงเรียนรู้ความซื่อสัตย์ และสอนลูกหลานให้สัตย์ซื่อเช่นกัน


บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 47:1-2,8-9,12

ฉลองวันครบรอบ การถวายพระวิหาร ลาเตรัน

เขานำ�ข้าพเจ้ากลับมาทีป่ ระตูพระวิหาร ข้าพเจ้าเห็นนํา้ ไหลออกมาจากใต้ธรณีประตู พระวิหารด้านตะวันออก เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก นํ้านี้ไหลลงมา จากใต้ดา้ นขวาของพระวิหาร ทางทิศใต้ของพระแท่นบูชา เขานำ�ข้าพเจ้าออกไปทางประตู ด้านเหนือ และพาข้าพเจ้าอ้อมภายนอกจนถึงประตูชั้นนอกซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวัน ออก ข้าพเจ้าเห็นว่านํ้านี้ไหลออกมาทางด้านขวา เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นาํ้ นีไ้ หลไปทางทิศตะวันออก ลงไปถึงลุม่ แม่นาํ้ จอร์แดน เข้าไป ในทะเล เมื่อไหลเข้าไปในทะเล ก็ทำ�ให้นํ้าทะเลจืด แม่นํ้านี้ไปถึงที่ใด สิ่งมีชีวิตที่ เคลื่อนไหวในนั้นก็จะมีชีวิต จะมีปลาจำ�นวนมาก เพราะนํ้านี้ไหลไปถึงที่ใด นํ้าทะเลก็จืด แม่นาํ้ ไหลไปถึงทีใ่ ด ทุกสิง่ ก็มชี วี ติ ตามฝัง่ ทัง้ สองฟากของแม่นาํ้ ต้นไม้ผลทุกชนิดจะเจริญ เติบโต ใบของมันจะไม่เหี่ยวแห้ง และผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะนํ้าที่หล่อเลี้ยงต้นไม้เหล่านี้ไหลมาจากสักการสถาน ผลของต้นไม้เหล่านี้ใช้เป็น อาหาร และใบก็ใช้เป็นยารักษาโรค”

เพลงสดุดี

สดด 46:2-3,5-6,8-9

ก) ดังนั้น เราจึงไม่มีความกลัว แม้แผ่นดินจะสั่นสะเทือน แม้ภูเขาจะหวั่นไหวอยู่ในทะเลลึก แม้นํ้าทะเลจะส่งเสียงกึกก้อง เดือดเป็นฟอง และคลื่นใหญ่ทำ�ให้ภูเขาสั่นไหว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลประทับอยู่กับเรา พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นปราการของเรา ข) พระเจ้าประทับอยู่ในนครแห่งนี้ ซึ่งจะไม่มีวันล้ม พระเจ้าเสด็จมาช่วยนครนี้ตั้งแต่รุ่งอรุณ นานาชาติตกอยู่ในความโกลาหล อาณาจักรถล่มทลาย เมื่อพระองค์ทรงแผดพระสุรเสียง แผ่นดินก็ละลาย ค) มาเถิด มาดูพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงกระทำ�ปาฏิหาริย์บนแผ่นดิน พระองค์ทรงยุติสงครามทั้งหลายจนถึงปลายแผ่นดิน ทรงหักคันธนู ทรงทำ�ลายหอก หลาว ทรงเผาโล่ด้วยไฟ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 3:9ค-11,16-17

พี่น้อง ท่านทั้งหลายเป็นอาคารของพระเจ้า พระเจ้าประทานพระหรรษทานแก่ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้วางรากฐานไว้ประหนึ่งเป็นสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ และผู้อื่นก็สร้าง ขึน้ บนรากฐานนัน้ แต่ละคนจะต้องระมัดระวังว่าเขาก่อสร้างอย่างไร รากฐานทีว่ างไว้แล้ว


นีค้ อื พระเยซูคริสตเจ้าและไม่มใี ครวางรากฐานอืน่ ได้อกี ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของ พระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำ�นักอยูใ่ นท่าน ถ้า ใครทำ�ลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำ�ลาย เขา เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่าน ก็คือพระวิหารนั้น

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 2:13-22

เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้า เสด็ จ ขึ้ น ไปยั ง กรุ ง เยรู ซ าเล็ ม ในบริ เวณพระวิ ห าร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทกุ คนรวมทัง้ แกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลือ่ นกลาด และทรงควํ่าโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำ�ของเหล่านี้ออกไป อย่าทำ�บ้านของ พระบิดาของเราให้เป็นตลาด” บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำ�ที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์เป็น เสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ ว่าท่านมีอำ�นาจทำ�ดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำ�ลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “วิหารหลังนีต้ อ้ งใช้เวลาสร้างถึงสีส่ บิ หกปี แล้วท่านจะสร้างขึน้ ใหม่ในสามวันหรือ” แต่พระองค์ก�ำ ลังตรัส ถึงพระวิหารซึ่งหมายถึงพระกายของพระองค์ ดังนั้นเมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ ตายแล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึงเชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ ตรัสไว้

ชีวิตของเราคือวิหารของพระเจ้า เป็นบ้านของพระบิดา พระเยซูเจ้ากำ�ชับว่า “อย่าทำ�บ้านของพระ บิดาให้เป็นตลาด” จึงมีความหมายว่า เราจะต้องเอาใจใส่ ดูแลชีวิตของเราให้เหมาะสมสำ�หรับพระเจ้า เสมอ ดูแลสุขภาพร่างกายเพื่อจะได้ทำ�งานสรรเสริญพระเจ้าและรับใช้เพื่อนมนุษย์ อย่าทำ�ให้ชีวิตของเรา แปดเปือ้ นด้วยความชัว่ ร้ายใดๆ จงดูแลจิตวิญญาณของเรา ให้เหมาะสมสำ�หรับเป็นทีป่ ระทับของพระองค์ เสมอ


บทอ่านที่ 1

ระลึกถึง น.เลโอ ผู้ยิ่งใหญ่ พระสันตะปาปา และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 24:1-2,3-4, 5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร

ทต 1:1-9

จากเปาโล ผู้รับใช้ของพระเจ้า และเป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ ผู้รับมอบ หมายให้นำ�ความเชื่อมาสู่ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร เพื่อให้รู้ความจริงซึ่งเป็นพื้นฐานของ ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า เพื่อให้เขามีความหวังว่าจะได้รับชีวิตนิรันดร... ถึงทิตัสผู้เป็นบุตรแท้จริงของข้าพเจ้าในความเชื่อที่เรามีร่วมกัน ขอพระหรรษทานและสันติจากพระเจ้า พระบิดา และจากพระคริสตเยซู พระผู้ไถ่ ของเรา สถิตกับท่านเถิด ข้าพเจ้าทิง้ ท่านไว้ทเี่ กาะครีต เพือ่ ท่านจะได้จดั การเรือ่ งทีย่ งั ค้างอยูใ่ ห้เรียบร้อย และ เพื่อแต่งตั้งกลุ่มผู้อาวุโสทุกเมืองตามวิธีการที่ข้าพเจ้าบอกไว้ ผู้อาวุโสแต่ละคนจะต้อง ประพฤติดีไม่มีที่ตำ�หนิ ต้องแต่งงานเพียงครั้งเดียว และบุตรของเขาก็ต้องมีความเชื่อ ไม่ถกู ครหาว่าประพฤติเสเพลและดือ้ รัน้ ส่วนผูป้ กครองดูแลต้องประพฤติดไี ม่มที ตี่ �ำ หนิ เพราะเขาเป็นผู้ดูแลบ้านของพระเจ้า ต้องไม่หยิ่งยโส ไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่เป็นนัก ดื่ม ไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่โลภ แต่ต้องมีอัธยาศัยไมตรี รักคุณงามความดี มีเหตุผล เทีย่ งตรง ศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละรูจ้ กั บังคับตนเอง เขายังต้องยึดมัน่ ในหลักคำ�สอนทีถ่ กู ต้องตาม ที่ได้รับสืบทอดต่อกันมา เพื่อเขาจะตักเตือนผู้อื่นได้ ทั้งให้คำ�แนะนำ�ด้วยคำ�สอนที่ถูก ต้อง ตอบโต้ผู้ที่คัดค้านคำ�สอนนั้นได้

ลก 17:1-6

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เหตุที่ชักนำ�ให้ทำ�บาปจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่เป็นเหตุให้บาปเกิดขึ้น ถ้าจะ เอาหินโม่แขวนคอเขาและโยนเขาลงทะเล จะเป็นการดีกว่าปล่อยให้เขาเป็นเหตุชกั นำ�คนธรรมดาๆ เหล่านีแ้ ม้ เพียงคนเดียวให้ทำ�บาป ท่านทั้งหลายจงระวังตนให้ดีเถิด ถ้าพีน่ อ้ งของท่านทำ�ผิด จงตักเตือนเขา ถ้าเขากลับใจ จงให้อภัยแก่เขา ถ้าเขาทำ�ผิดต่อท่านวันละเจ็ดครัง้ และกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดครั้ง พูดว่า ‘ฉันเสียใจ’ ท่านจงให้อภัยเขาเถิด” บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัส ว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นมะเดื่อต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นมะเดื่อต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” มีหลายครั้งในชีวิตที่เราอาจรู้สึกว่าจะต้องใช้ความเชื่อมากจริงๆ เพื่อจะให้อภัยกับคนที่ทำ�ร้ายเราได้ แต่ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า อันที่จริง การจะให้อภัยนั้น ความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด (ที่เล็กมาก) ก็เพียงพอแล้ว พูดง่ายๆ ก็คอื หากเราอยากมีความสุขในชีวติ จริงๆ ก็ไม่เห็นต้องใช้ความเชือ่ มากมายอะไร ขอเพียงแค่เรารูจ้ กั ปล่อยเรือ่ งราวร้ายๆ ในชีวติ ให้ผา่ นไป เพราะหากมัวใส่ใจหรือยึดติดกับความทุกข์ ต่อให้ใช้ความเชือ่ มากเท่าใด ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คำ�ถามสำ�คัญก็คือ คุณอยากมีความสุขในชีวิตจริงๆ หรือไม่


บทอ่านที่ 1

ทต 2:1-8,11-14

พี่น้อง ท่านจงเทศน์สอนสิ่งที่สอดคล้องกับหลักคำ�สอนที่ถูกต้อง จงสอนชายสูง อายุให้มธั ยัสถ์ในการกินการดืม่ ทำ�ตนเป็นทีค่ วรเคารพนับถือ มีเหตุผล มีความมัน่ คงใน ความเชือ่ ความรัก และความอดทน ทำ�นองเดียวกัน จงสอนสตรีสงู อายุให้ประพฤติตน เหมาะสมกับการเป็นผู้มีความเชื่อ ไม่ใส่ความ ไม่นินทาและไม่ติดสุรา พวกเขาเหล่านั้น จะเป็นผู้อบรมสั่งสอนหญิงที่เยาว์วัยกว่าให้รู้ว่าจะต้องรักสามีและบุตรของตนอย่างไร จะต้องมีเหตุผลและทำ�ตนให้บริสทุ ธิอ์ ย่างไร จะต้องทำ�งานบ้าน ต้องสุภาพอ่อนโยนและ นอบน้อมต่อสามีอย่างไร เพื่อจะไม่ทำ�ให้พระวาจาของพระเจ้าถูกกล่าวร้าย จงตักเตือน ชายหนุ่มให้รู้จักมีเหตุผลในทุกสิ่ง โดยท่านจะต้องเป็นแบบอย่างในกิจการที่ดี เมื่อสอน ก็จงสอนด้วยความจริงใจและจริงจัง โดยสอนคำ�สอนทีถ่ กู ต้องไม่มผี ใู้ ดตำ�หนิได้ เพือ่ ฝ่าย ปฏิปักษ์จะรู้สึกอายและไม่มีสิ่งใดตำ�หนิเราได้ พระหรรษทานของพระเจ้าปรากฏขึ้นเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น สอนเราให้ ละทิง้ อธรรมและโลกียตัณหา เพือ่ ดำ�เนินชีวติ อย่างมีสติสมั ปชัญญะด้วยความชอบธรรม และด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้าในโลกนี้ ขณะที่เรากำ�ลังรอคอยคือความหวังที่ให้ ความสุข การสำ�แดงพระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระคริสตเยซู พระเจ้าผูย้ งิ่ ใหญ่และ พระผู้ไถ่ของเรา พระองค์ทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เพื่อไถ่กู้เราจากอธรรมทั้งหลาย ชำ�ระประชากรให้บริสทุ ธิเ์ พือ่ จะเป็นประชากรของพระองค์ และเป็นผูป้ รารถนาจะทำ�แต่ ความดี

พระวรสาร

ระลึกถึง น.มาร์ติน แห่งตูร์ พระสังฆราช สดด 37:3-4,18-19, 23,27,29

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

ลก 17:7-10

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้ หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม’ นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำ�สั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำ�ตามคำ�สั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำ�ตามหน้าที่ที่ต้องทำ�เท่านั้น’”

หากเรายังติดยึดกับความสำ�เร็จในอดีตมากไป จนทำ�ให้ไม่กล้าทำ�สิง่ ใหม่ในปัจจุบนั เพียงเพราะกลัวว่าจะ ทำ�ได้ไม่ดเี ท่ากับทีผ่ า่ นมา หรือเอาแต่นงั่ อมทุกข์กบั ความล้มเหลวในอดีต และไม่กล้าพอทีจ่ ะลุกขึน้ ทำ�อะไรอีก ต่อไป เพราะไม่มั่นใจในตัวเอง เราจะทำ�หน้าที่ของเราอย่างมีความสุขได้อย่างไร เคล็ดลับแห่งความสุขของชีวติ ก็คอื สำ�นึกว่าตนเป็นดัง่ คนใช้ทไ่ี ด้ท�ำ หน้าทีอ่ ย่างดีทสี่ ดุ แล้ว และไม่วา่ ผล จะออกมาเป็นอย่างไร จงยอมรับความเป็นจริง เพราะเราไม่ได้ท�ำ กิจการดีนนั้ เพือ่ ตัวเราเอง แต่เราทำ�เพือ่ พระเจ้า และเพื่อนมนุษย์


ระลึกถึง น.โยซาฟัต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 23:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1

ทต 3:1-7

พระวรสาร

ลก 17:11-19

พีน่ อ้ ง จงตักเตือนเขาเหล่านัน้ ให้อยูใ่ ต้อ�ำ นาจและเชือ่ ฟังเจ้าหน้าทีผ่ มู้ อี �ำ นาจ พร้อม ที่จะทำ�ความดีทุกประการ ไม่กล่าวร้ายผู้ใด หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท มีความอดกลั้น และสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน ในอดีต เราเคยเป็นคนโง่ ไม่เชื่อฟัง และหลงผิด เป็นทาส ของกิเลสตัณหาและความหลงระเริงต่างๆ ขณะนั้นเราดำ�เนินชีวิตอย่างชั่วร้าย มีความ อิจฉาริษยา น่ารังเกียจและเกลียดชังกัน แต่เมือ่ พระเจ้าพระผูไ้ ถ่ของเราทรงแสดงพระทัยดีและความรักต่อมนุษย์ พระองค์ ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใดๆ ที่เรากระทำ� แต่เพราะความรัก มั่นคงของพระองค์ ทรงใช้นํ้าชำ�ระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดย พระจิตเจ้า พระองค์ทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงเหนือเราอย่างอุดมโดยทางพระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา เพื่อพระหรรษทานของพระองค์จะบันดาลให้เรากลับเป็นผู้ชอบธรรม และเป็นทายาทในความหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย และกาลิลี เมือ่ เสด็จเข้าไปในหมูบ่ า้ นแห่งหนึง่ คนโรคเรือ้ นสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืน อยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอด พระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำ�ลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรค แล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณ พระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใดเล่า ไม่มี ใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนีห้ รือ” แล้วพระองค์ตรัส กับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำ�ให้ท่านรอดพ้นแล้ว” ชาวสะมาเรียถูกเหยียดหยามจากชาวยิว แต่นักบุญลูกากลับเชิดชูให้เป็นตัวอย่าง ของบุคคลที่มีความกตัญญู เขาเป็นคนเดียวที่กลับมาขอบคุณพระเจ้าเมื่อพบว่าตนเอง หายจากโรคเรื้อน ในชีวิตเราได้รับสิ่งดีๆ มากมาย จงอย่าลืมที่จะขอบคุณพระเจ้าทุกวัน เหตุว่าสิ่งดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา มิใช่เป็นเพราะคุณงามความดีของตัวเราเองเลย หากแต่เป็นเพราะความรักของพระเจ้า ที่ทรงเอาพระทัยใส่เราต่างหาก


บทอ่านที่ 1

ฟม 1:7-20

พระวรสาร

ลก 17:20-25

ท่านที่รักยิ่ง ความรักของท่านทำ�ให้ข้าพเจ้ายินดีและได้รับกำ�ลังใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านนำ�ความสงบสุขมาสู่ดวงใจของประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เดชะพระคริสตเจ้า แม้ว่าข้าพเจ้ามีอำ�นาจจะสั่งท่านให้ทำ�สิ่งใดก็ได้ แต่ข้าพเจ้าก็ เลือกที่จะขอร้องให้ท่านทำ�ด้วยความรักมากกว่า ผู้ที่ขอร้องนี้คือข้าพเจ้า เปาโล ซึ่งเป็น คนชราและขณะนี้เป็นนักโทษเนื่องจากพระคริสตเยซูด้วย ข้าพเจ้าขอร้องท่านเพื่อบุตร สัปดาห์ที่ 32 คนหนึง่ ของข้าพเจ้า ซึง่ ข้าพเจ้าได้ให้ก�ำ เนิดขณะทีถ่ กู จองจำ�คือโอเนสิมสั ในอดีตเขาไม่มี เทศกาลธรรมดา ประโยชน์ใดต่อท่าน แต่ขณะนีเ้ ขามีประโยชน์ทงั้ ต่อท่านและต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากำ�ลังส่ง สดด 146:7,8-9ก เขากลับมาหาท่าน นั่นคือข้าพเจ้าส่งดวงใจของข้าพเจ้ามาด้วย อันที่จริงแล้ว ข้าพเจ้า 9ข-10 ต้องการให้เขาอยู่กับข้าพเจ้าที่นี่ เขาจะได้รับใช้ข้าพเจ้าแทนท่านขณะที่ข้าพเจ้าถูกจองจำ� เพราะข่าวดี แต่ข้าพเจ้าไม่ต้องการทำ�สิ่งใดโดยท่านไม่เห็นชอบ เพื่อมิให้ท่านทำ�ความดี ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เพราะถูกบังคับ แต่ทำ�ด้วยความสมัครใจ... ถ้าท่านยังยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็นมิตรกับท่าน ก็จงต้อนรับเขาเช่นเดียวกับที่ท่านจะต้อนรับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำ�ผิดต่อท่านเรื่องใด หรือ เป็นหนี้ท่านเท่าใด ก็จงจดลงในบัญชีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้า เปาโล จะชดใช้ ให้ทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่พูดถึงหนี้สินอื่นที่ท่านเป็นหนี้ข้าพเจ้า ดีแล้ว น้องรัก หวังว่าท่านจะทำ�ตามที่ข้าพเจ้า ขอร้อง เพราะท่านศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทำ�ให้ดวงใจของข้าพเจ้าเป็นสุขสงบในพระคริสตเจ้าเถิด

เวลานั้น เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ที่ นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์วา่ “เวลานัน้ จะมาถึงเมือ่ ท่านปรารถนาเห็นวันของบุตรแห่งมนุษย์แม้เพียง วันเดียว แต่จะไม่ได้เห็น จะมีหลายคนกล่าวกับท่านว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นั่น’ หรือ ‘บุตรแห่งมนุษย์อยู่ที่นี่’ ท่านอย่าออกไป อย่าตามไป เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้าหนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จำ�เป็นต้องรับการ ทรมานอย่างมาก และจำ�เป็นที่คนยุคนี้ไม่ยอมรับพระองค์”

พระอาณาจักรของพระเจ้ามิใช่เรื่องของสถานที่ แต่เป็นเรื่องของความรัก ความสัมพันธ์ในหมู่คณะ คริสตชนไม่อาจเรียกตนเองด้วยนามชื่อนี้ ถ้าหากยังมีความเกลียดชัง เบียดเบียนข่มเหง ดูถูกดูแคลน หรือ ทอดทิ้งผู้ทุกข์ยากอยู่ นักบุญเปาโลสอนให้ฟีเลโมนเข้าใจว่าเราจะเป็นคริสตชนที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติ ต่อผู้อื่นด้วยความรักอย่างจริงใจ ท่านจึงเรียกร้องให้ฟีเลโมนอภัยให้กับโอเนสิมัส ทาสที่หลบหนีจากเขาไป ขอให้เราคริสตชนตระหนักเสมอที่จะแสดงความรักอย่างเป็นรูปธรรมกับบุคคลรอบข้างในชีวิตของเรา


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา สดด 119:1-2, 10-11,17-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร

2 ยน 4-9

ข้าพเจ้ามีความปีติมากที่รู้ว่า บุตรบางคนของท่านดำ�เนินชีวิตตามความจริงตลอด มา โดยปฏิบัติตามที่เราได้รับพระบัญชาจากพระบิดา เวลานี้ ข้าพเจ้าเขียนมาขอให้ท่าน ทัง้ หลายทีเ่ ป็นพระศาสนจักรทำ�สิง่ หนึง่ สิง่ นีไ้ ม่ใช่บทบัญญัตใิ หม่ แต่เป็นบทบัญญัตทิ เี่ รา มีมาตั้งแต่แรกเริ่ม นั่นคือ เราจงรักกันเถิด ความรักคือการดำ�เนินชีวิตตามพระบัญญัติ บทบัญญัตินี้ท่านเรียนรู้มาแล้วตั้งแต่ แรกเริ่ม คือให้ดำ�เนินชีวิตในความรัก คนหลอกลวงจำ�นวนมากออกไปทัว่ โลก พวกนีไ้ ม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จ มาเป็นมนุษย์ คนเหล่านีค้ อื คนหลอกลวงและเป็นปฏิปกั ษ์ตอ่ พระคริสตเจ้า ท่านจงระวัง ไว้ มิฉะนัน้ งานทุกอย่างของเราจะสูญเปล่า และท่านจะไม่ได้รบั ค่าตอบแทนอย่างสมบูรณ์ ผู้ใดไม่ดำ�รงอยู่ในคำ�สอนของพระคริสตเจ้าและออกไปจากคำ�สอนนั้น เขาไม่มีพระเจ้า อยู่กับตน แต่ผู้ที่ดำ�รงอยู่ในสิ่งที่ทรงสอนเท่านั้นมีพระบิดาและพระบุตรอยู่ด้วย

ลก 17:26-37

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาสาวกว่า “เหตุการณ์ได้เกิดขึน้ ในสมัยของโนอาห์ฉนั ใด ก็จะเกิดขึน้ ในสมัยของบุตรแห่งมนุษย์ฉนั นัน้ ผูค้ นกิน ดืม่ แต่งงานเป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ นํ้าวินาศก็ได้ท่วมเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ในสมัยของ โลทก็เช่นเดียวกัน ผูค้ นกิน ดืม่ ซือ้ ขาย ปลูกพืช สร้างบ้าน แต่ในวันทีโ่ ลทออกจากเมืองโสดม ไฟและกำ�มะถัน ได้ตกจากท้องฟ้ามาเผาผลาญเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ในวันที่บุตรแห่งมนุษย์จะทรงสำ�แดงองค์ ก็จะเป็นเช่น เดียวกันด้วย ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าและมีข้าวของอยู่ในบ้าน จงอย่าลงมาเอาของเหล่านั้นเลย คนที่อยู่ในทุ่งนา ก็เช่นเดียวกัน จงอย่าหวนกลับมาอีก ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงเรื่องภรรยาของโลทไว้เถิด ผู้ใดที่พยายามรักษา ชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น และผู้ใดที่เสียชีวิตของตน ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้ได้ เราบอกท่านทั้งหลาย ว่า ในคืนนั้น สองคนที่นอนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำ�ลังโม่ แป้งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่ใด พระเจ้าข้า” พระองค์ทรงตอบว่า “ที่ใดมีซากศพ ที่ นั่นบรรดาแร้งจะมาชุมนุมกัน”

วันเวลาในชีวติ เราเอาแน่ไม่ได้ อยูท่ วี่ า่ เราจะเตรียมพร้อมสำ�หรับสถานการณ์ตา่ งๆ ทีอ่ าจเกิดขึน้ กับตัวเรา มากน้อยแค่ไหน พระวาจาได้ให้ข้อคิดที่ดีว่า เราจะเตรียมตัวได้ดีก็ต่อเมื่อเราดำ�เนินชีวิตด้วยความรัก “ผู้ใด พยายามรักษาชีวิต...” ก็ไม่ต่างจากความเห็นแก่ตัว ซึ่งจะนำ�มาซึ่งปลายทางแห่งความสูญเสีย แต่ “ผู้ใดเสีย ชีวิตของตน...” ด้วยความเสียสละ ก็จะรักษาชีวิต (นิรันดร) ไว้ได้


บทอ่านที่ 1

3 ยน 5-8

เพื่อนรัก ท่านทำ�งานอย่างซื่อสัตย์โดยช่วยเหลือพี่น้องแปลกหน้าเหล่านี้ เขาเป็น พยานยืนยันต่อพระศาสนจักรถึงความรักของท่าน เป็นการดีทที่ า่ นจะช่วยเขาให้เดินทาง ต่อไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เขาเดินทางไปเพราะเห็นแก่พระนามของพระคริสต เจ้าเท่านัน้ และไม่ได้รบั สิง่ ใดจากคนต่างศาสนา เป็นหน้าทีข่ องเราทีจ่ ะต้อนรับ และร่วม งานกับบุคคลเหล่านี้ในงานเผยแผ่ความจริง

พระวรสาร

ลก 18:1-8

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำ�เป็น ต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า “ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ใน เมืองหนึ่ง เขาไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมือง นัน้ ด้วย นางมาพบเขาครัง้ แล้วครัง้ เล่าพูดว่า ‘กรุณาให้ความยุตธิ รรมแก่ดฉิ นั สูก้ บั คูค่ วาม เถิด’ ผูพ้ พิ ากษาผูน้ นั้ ไม่ยอมทำ�ตามทีน่ างขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึง่ จึงคิดว่า ‘แม้วา่ ฉันไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำ�ให้ฉันรำ�คาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังคำ�ที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะ ไม่ประทานความยุตธิ รรมแก่ผเู้ ลือกสรรทีร่ อ้ งหาพระองค์ทงั้ วันทัง้ คืนดอกหรือ พระองค์ จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทัง้ หลายว่าพระองค์จะประทานความยุตธิ รรมแก่ เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ” พระวรสารของลูกาให้ความสำ�คัญกับการภาวนามาก และเน้นให้อธิษฐานภาวนา เสมอด้วยความเชือ่ อย่าได้ทอ้ ถอย นักบุญลูกาเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าแม้มนุษย์ทชี่ วั่ ร้ายที่สุด (ผู้พิพากษาที่ไม่ยำ�เกรงพระเจ้า ไม่เกรงใจมนุษย์) ก็ยังไม่อาจต้านทานความ เพียรอดทนของคนๆ หนึ่งได้ จนต้องให้ความช่วยเหลือ แล้วพระเจ้าผู้เอาพระทัยใส่ มนุษย์เสมอ จะรีรอทีจ่ ะช่วยมนุษย์หรือ ขอให้เรามัน่ ใจในความรักของพระเจ้า และเพียร อดทนในการภาวนา เพราะไม่วา่ จะเกิดอะไรขึน้ พระองค์ไม่มวี นั ทอดทิง้ เราอย่างแน่นอน

น.อัลเบิร์ต ผู้ยิ่งใหญ่ พระสังฆราช และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 112:1-3, 4,5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันสิทธิมนุษยชน

บทอ่านจากหนังสือสุภาษิต

สภษ 31:10-13,19-20,30-31

เพลงสดุดี

สดด 128:1-2,3,4-6

ใครจะพบภรรยาทีม่ คี ณ ุ ธรรมได้ เธอประเสริฐกว่าไข่มกุ ยิง่ นัก จิตใจของสามีกว็ างใจ เธอ เขาจะไม่ขาดกำ�ไร เธอทำ�ให้เขามีความสุข ไม่กอ่ ความทุกข์ให้เขาเลยตลอดชีวติ ของ เธอ เธอไปหาขนแกะและป่านมาทอเป็นผืนผ้าด้วยมืออย่างเต็มใจ เธอยืน่ มือจับไนปัน่ ด้าย นิว้ มือของเธอหมุนเครือ่ งกรอด้าย เธอเหยียดมือช่วยเหลือ คนยากจน ยื่นมือช่วยเหลือคนขัดสน เสน่ห์เป็นสิ่งหลอกลวง ความสวยงามก็ไม่จีรังยั่งยืน แต่สตรีที่ยำ�เกรงพระเจ้า สมควรได้รบั คำ�สรรเสริญ จงให้เธอได้รบั ผลจากมือของเธอ การงานของเธอจงสรรเสริญ เธอที่ประตูเมือง ก) ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านทำ� ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร ค) บุรุษผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพระพรเช่นนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระพรแก่ท่านจากศิโยน ขอให้ท่านเห็นความรุ่งเรืองของกรุงเยรูซาเล็ม ทุกวันตลอดชีวิตของท่าน ขอให้ท่านมีชีวิตยืนนานจนเห็นหลานเห็นเหลน สันติสุขจงมีแก่อิสราเอล

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 5:1-6

พี่น้องทั้งหลาย ไม่จำ�เป็นที่จะเขียนบอกท่านเรื่องวันเวลาที่กำ�หนด ท่านรู้อยู่แล้ว ว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเหมือนขโมยที่มาตอนกลางคืน เมื่อใดที่กล่าวกันว่า “มีสันติและความปลอดภัยแล้ว” เมื่อนั้นความพินาศจะอุบัติแก่เขาโดยฉับพลันเหมือน ความเจ็บปวดของหญิงมีครรภ์ แล้วเขาจะหนีไม่พ้น ส่วนท่าน พี่น้องทั้งหลาย อย่าดำ�รงชีวิตในความมืด เพราะวันนั้นจะมาถึงโดยไม่รู้ ตัวเหมือนขโมย ทุกท่านเป็นบุตรแห่งความสว่างและบุตรแห่งทิวากาล เรามิได้อยู่ฝ่าย ราตรีกาลหรือความมืด ดังนัน้ เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอืน่ จงตืน่ อยูเ่ สมอและจงรูจ้ กั ประมาณตน


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:14-30

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกเป็น เรื่องอุปมาว่าดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์ยังจะเปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่ง กำ�ลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คน ทีส่ ามหนึง่ ตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้ว จึงออกเดินทางไป คนทีร่ บั ห้าตะลันต์รบี นำ�เงินนัน้ ไปลงทุน ได้ก�ำ ไรมา อีกห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็ได้กำ�ไรมาอีกสอง ตะลันต์เช่นเดียวกัน แต่คนที่รับหนึ่งตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้ หลังจากนั้นอีกนาน นายของผู้รับใช้พวกนี้ก็กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนที่รับห้าตะลันต์ เข้ามา นำ�กำ�ไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้า ตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะ ให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นาย ขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าสองตะลันต์ นี่คือเงินอีกสองตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำ�กำ�ไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ ทีด่ แี ละซือ่ สัตย์ เจ้าซือ่ สัตย์ในสิง่ เล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรือ่ งใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกบั นายของเจ้า เถิด’ คนทีร่ บั หนึง่ ตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารูว้ า่ ท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกีย่ วในทีท่ ที่ า่ น ไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำ�เงินของท่านไปฝังดินซ่อนไว้ นี่คือ เงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผูร้ บั ใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารูว้ า่ ข้าเก็บเกีย่ วในทีท่ ขี่ า้ มิได้หว่าน เก็บรวบรวม ในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำ�เงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ถอนเงินของข้าพร้อมกับ ดอกเบี้ย จงนำ�เงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น และเขา จะมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย ส่วนผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำ�ไปทิ้ง ในที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การรํ่าไห้ครํ่าครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง’”

นักบุญเปาโลเขียนจดหมายเตือนใจเราว่า พี่น้องทั้งหลาย “อย่าดำ�รงชีวิตอยู่ในความมืด” เราทุกคน ได้รับการไถ่กู้จากองค์พระเยซูเจ้า และกลับกลายเป็นบุตรแห่งความสว่างแล้ว เราจะต้องประพฤติตน เป็นผูร้ บั ใช้ทดี่ แี ละสัตย์ซอื่ ต้องทำ�หน้าทีข่ องเราเอง... ทำ�อย่างดีและสุดความสามารถทีพ่ ระเจ้าประทาน ให้แก่เรา หลายครั้งที่เราถูกประจญล่อลวงให้เกียจคร้าน เห็นแก่ตัว ใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่า จงเป็นดังหญิง ที่ขยันขันแข็ง ดังหนังสือสุภาษิตได้กล่าวสรรเสริญไว้ จงกระทำ�ตนโดยรู้ตัว สัตย์ซื่อในทุกสิ่งเสมอ


บทอ่านที่ 1

ระลึกถึง น.เอลีซาเบ็ธ แห่งฮังการี นักบวช สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร

วว 1:1-4,2:1-5ก

ต่อไปนี้เป็นการเปิดเผยเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเปิดเผยแก่พระเยซูคริสตเจ้า เพื่อจะได้แจ้งแก่บรรดาผู้รับใช้ของ พระองค์ถงึ สิง่ ทีจ่ ะต้องเกิดขึน้ ในเร็วๆ นี้ พระเยซูคริสตเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาพบยอห์น ผู้รับใช้ของพระองค์เพื่ออธิบายความหมาย ยอห์นเป็นพยานถึงพระวาจาของพระเจ้า และเป็นพยานถึงคำ�ยืนยันของพระเยซูคริสตเจ้าตามทีเ่ ขาเห็น ความสุขจงมีแก่บรรดาผู้ อ่านและผูฟ้ งั ถ้อยคำ�ของการประกาศพระวาจานีแ้ ละปฏิบตั ติ ามข้อความทีเ่ ขียนไว้ เพราะ เหตุการณ์นั้นใกล้เข้ามาแล้ว จากยอห์น ถึงพระศาสนจักรทั้งเจ็ดแห่งในแคว้นอาเซีย ขอพระหรรษทานและ สันติสุขสถิตกับท่านทั้งหลาย จากพระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ในปัจจุบัน ผู้ทรงดำ�รงอยู่ใน อดีตและผู้เสด็จมา จากจิตทั้งเจ็ดซึ่งอยู่เบื้องหน้าพระบัลลังก์ของพระองค์ จงเขียนถึงทูตสวรรค์ของพระศาสนจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า “พระองค์ผู้ทรงถือดาว ทัง้ เจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์ขวา และทรงดำ�เนินอยูใ่ นหมูเ่ ชิงตะเกียงทองคำ�ทัง้ เจ็ดเชิง ตรัส ดังนี้ เรารู้จักกิจการ ความเหน็ดเหนื่อยและความเพียรทนของท่าน และรู้ว่าท่านทนคน ชั่วช้าไม่ได้ ท่านทดสอบผู้ที่อ้างว่าเป็นอัครสาวก แต่ไม่เป็น และพบว่าเขาเหล่านั้นเป็น คนพูดคำ�เท็จ ท่านมีความเพียรทนและทนทุกข์เพราะนามของเราโดยไม่ท้อถอย ถึง กระนั้น เรามีเรื่องตำ�หนิท่านด้วย คือท่านละทิ้งความรักที่เคยมีแต่ก่อน ดังนั้น จงระลึก ว่าท่านเคยเป็นอย่างไร จงกลับใจและทำ�กิจการอย่างเดิม”

ลก 18:35-43

ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินมาใกล้เมืองเยรีโค ชายตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมทาง เมื่อได้ยิน เสียงผูค้ นผ่านมา เขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึน้ มีคนบอกเขาว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำ�ลังเสด็จผ่านมา คนตาบอด จึงร้องขึ้นว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” ผู้คนที่เดินข้างหน้า ได้ดุ ว่าเขา บอกให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิง่ กว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริยด์ าวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า เถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสสั่งให้นำ�คนนั้นเข้ามา เมื่อเขาเข้ามาใกล้ พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านอยากให้ เราทำ�อะไรให้” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า ให้ข้าพเจ้ามองเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงมองเห็นเถิด ความเชือ่ ของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนัน้ เขาก็มองเห็นได้อกี และเดินตามพระองค์ไป พลางถวาย พระเกียรติแด่พระเจ้า ประชาชนทั้งปวงเห็นเช่นนั้น ต่างร้องสรรเสริญพระเจ้า หนังสือวิวรณ์ กล่าวถึงยอห์นว่าท่านเป็นพยานถึงพระวาจาของพระเจ้าด้วยชีวิตของท่าน ความสุขจะมี แก่ผู้ที่อ่าน ฟัง และปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า ชายตาบอดเมื่อได้ยินกิตติศัพท์ของพระเยซูเจ้า เขาไม่ ลังเล เขาร้องขอด้วยเสียงอันดัง แม้จะถูกผู้คนดุบอกให้เงียบ แต่เขากลับยิ่งมีความเชื่อ ตะโกนเรียกหาพระ เยซูเจ้าให้ดังขึ้นอีก และที่สุด เขาได้เห็น ได้เชื่อ และติดตามพระองค์ เขาได้รับในสิ่งที่เขาเชื่อ เราจะได้เช่น กันถ้าเราเชื่อ... และออกแรงวิ่งไปหาพระเจ้า


บทอ่านที่ 1

กจ 28:11-16,30-31

สามเดือนต่อมา เราโดยสารเรือลำ�หนึง่ ซึง่ มาจากเมืองอเล็กซานเดรียมาจอดพักใน ฤดูหนาวที่เกาะ หัวเรือเป็นรูปเทพเจ้าคัสเตอร์และโพลักซ์ เรามาถึงเมืองซีราคิวส์และ พักอยู่ที่นั่นสามวัน จากนั้นเราแล่นเรือเลียบฝั่งมาถึงเมืองเรยีอุม วันรุ่งขึ้นลมใต้พัดมา เราจึงมาถึงเมืองปูเตโอลีภายในสองวัน ที่นั่นเราพบพี่น้องบางคนซึ่งเชิญเราให้ไปพักอยู่ กับเขาหนึง่ สัปดาห์ แล้วเราจึงออกเดินทางไปกรุงโรม บรรดาพีน่ อ้ งทีก่ รุงโรมรูว้ า่ เรากำ�ลัง เดินทางไป จึงมาพบเราที่เมืองฟอรุมอัปปีและหมู่บ้านสามโรงแรม เมื่อเปาโลเห็นเขา ก็ ขอบคุณพระเจ้าและมีก�ำ ลังใจดีขนึ้ เรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รบั อนุญาตให้อยูต่ ามลำ�พัง โดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุม เปาโลพักอยู่ในบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็มและต้อนรับทุกคนที่มาเยี่ยม ประกาศ พระอาณาจักรของพระเจ้าและสอนความจริงเรือ่ งพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าอย่าง กล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

พระวรสาร

วันครบรอบการ ถวายพระวิหาร น.เปโตรและเปาโล อัครสาวก สดด 98:1,2-3,4-5

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

มธ 14:22-33

ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้า พระองค์ไปในขณะทีพ่ ระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมือ่ ทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำ�พัง ครั้นเวลาคํ่า พระองค์ทรงอยู่ที่ นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อยเมตร กำ�ลังแล่นโต้คลื่นอย่าง หนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำ�เนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำ�เนินอยู่ บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้า เป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนนํ้าไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนนํ้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็ กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้นพระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำ�ไมเล่า” เมื่อ พระองค์เสด็จขึน้ มาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนทีอ่ ยูใ่ นเรือจึงเข้ามากราบนมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง”

พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกเพือ่ กระทำ�ภารกิจของพระบิดาเจ้า ประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ชีห้ นทาง แห่งความสุขเทีย่ งแท้ พระเยซูเจ้าเลือกสาวก อยูก่ บั เขา สอนเขา อบรมเขา ให้พวกเขาเชือ่ และมัน่ ใจในพระองค์ หลายครั้งที่สาวกเข้าใจผิด คิดว่าพระองค์เป็นผี เป็นในสิ่งที่มนุษย์อยากให้เป็น คิดว่าเป็น แต่พระเยซูเจ้า ต้องการให้สาวก และพวกเรามัน่ ใจว่า พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าแท้จริง และเรามีหน้าทีท่ จี่ ะต้องประกาศ พระองค์ดังเช่นนักบุญเปาโล อัครสาวก อาณาจักรของพระองค์ไม่ได้อยู่ในโลกนี้


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา สดด 150:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

พระวรสาร

วว 4:1-11

หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประตูสวรรค์บานหนึ่งเปิด และข้าพเจ้าได้ยินเสียงที่ เคยได้ยินก่อนนั้นดังดุจเสียงแตร พูดกับข้าพเจ้าว่า “จงขึ้นมาข้างบนนี้เถิด ฉันจะชี้ให้ ท่านเห็นเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นหลังจากนี้” ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็ตกอยู่ในภวังค์และ เห็นพระบัลลังก์องค์หนึ่งตั้งอยู่ในสวรรค์ ผู้หนึ่งประทับอยู่บนพระบัลลังก์นั้น พระผู้ ประทับอยูบ่ นพระบัลลังก์ทรงมีลกั ษณะเหมือนเพชรและทับทิมแดง มีรงุ้ ลักษณะเหมือน มรกตล้อมรอบพระบัลลังก์ มีบัลลังก์อีกยี่สิบสี่องค์ล้อมพระบัลลังก์ ผู้อาวุโสยี่สิบสี่คน นั่งอยู่บนบัลลังก์เหล่านั้น... พระบัลลังก์มีผู้มีชีวิตสี่ตนซึ่งมีตาเต็มตัวทั้งด้านหน้าและ ด้านหลังอยูต่ รงกลางและรอบๆ พระบัลลังก์... ต่างร้องสรรเสริญตลอดวันตลอดคืนโดย ไม่หยุดเลยว่า “ศักดิส์ ทิ ธิ์ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ศักดิส์ ทิ ธิ์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าผูท้ รงสรรพานุภาพ ผูท้ รง ดำ�รงอยู่ในอดีต ผู้ทรงดำ�รงอยู่ในปัจจุบันและผู้เสด็จมา”...

ลก 19:11-28

ขณะทีป่ ระชาชนกำ�ลังฟังเรือ่ งเหล่านีอ้ ยู่ พระเยซูเจ้าทรงอยูใ่ กล้กรุงเยรูซาเล็มแล้ว... พระองค์จงึ ทรงเล่า เป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “บุรุษตระกูลสูงผู้หนึ่งออกเดินทางไปแดนไกลเพื่อรับตำ�แหน่งกษัตริย์ แล้วจะกลับ มา เขาเรียกผู้รับใช้สิบคนเข้ามา แล้วมอบเงินจำ�นวนหนึ่งให้แต่ละคน สั่งว่า ‘จงเอาเงินนี้ไปทำ�ธุรกิจจนกว่าเรา จะกลับ’ แต่ชาวเมืองเกลียดชังเขา จึงส่งทูตไปแจ้งว่า ‘พวกเราไม่ต้องการให้บุรุษผู้นี้เป็นกษัตริย์ปกครองเขา’ แต่เขาก็ยงั ได้รบั ตำ�แหน่งกษัตริยแ์ ล้วกลับมา จึงสัง่ ให้ไปเรียกผูร้ บั ใช้ทเี่ ขามอบเงินให้ไว้มาพบ เพือ่ จะรูว้ า่ แต่ละคนได้ท�ำ ธุรกิจอย่างไร คนแรกเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินทีท่ า่ นให้ไว้ ทำ�กำ�ไรได้สบิ เท่า’ นายจึงบอก เขาว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ดี เพราะเจ้าซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เจ้าจงมีอำ�นาจปกครองเมืองสิบเมืองเถิด’ คนทีส่ องเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินทีท่ า่ นให้ไว้ ทำ�กำ�ไรได้หา้ เท่า’ นายบอกเขาว่า ‘เจ้าจงไปปกครองเมือง ห้าเมืองเถิด’ อีกคนหนึ่งเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินที่ท่านให้ไว้อยู่นี่ ข้าพเจ้าเอาผ้าห่อเก็บไว้ ข้าพเจ้ากลัว ท่าน เพราะท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเอาสิ่งที่ท่านไม่ได้ฝาก ท่านเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้หว่าน’ นายจึงพูดกับ เขาว่า ‘เจ้าขี้ข้าชั่วช้า ข้าจะตัดสินเจ้าจากคำ�พูดของเจ้า เจ้ารู้แล้วว่า ข้าเป็นคนเข้มงวด... ทำ�ไมเจ้าจึงไม่เอาเงิน ของข้าไปฝากธนาคารไว้เล่า เมื่อข้ากลับมา ข้าจะได้เงินคืนพร้อมกับดอกเบี้ยด้วย’ นายยังกล่าวกับคนที่อยู่ที่ นั่นว่า ‘จงเอาเงินจากเขามาให้กับผู้ที่ทำ�กำ�ไรสิบเท่าเถิด’ คนเหล่านั้นพูดว่า ‘นายขอรับ เขามีเงินมากอยู่แล้ว’ นายจึงตอบว่า ‘ข้าบอกเจ้าทั้งหลายว่า ผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีอยู่จะถูก ริบไปด้วย ส่วนพวกศัตรูของข้าที่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นกษัตริย์ จงพามาที่นี่ และประหารชีวิตต่อหน้าข้า’”... มนุษย์เราทุกวันนี้แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ เป็นสัตว์ประเสริฐที่มีสติปัญญาเหนือสิ่งสร้างใดๆ จนหลายครั้งที่มนุษย์หลงกับตัวเอง มนุษย์จำ�ต้องถวายเกียรติ สรรเสริญนมัสการองค์พระเจ้า พระผู้สร้าง พระผู้ทรงสรรพานุภาพ เรามนุษย์ควรจะเข้าใจตัวตนของตนให้ถ่องแท้ และกระทำ�หน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ยิ่ง มีความสามารถมาก ยิ่งมีสติปัญญามาก ยิ่งมีกำ�ลังมาก ยิ่งได้รับพระพรมากก็จะต้องใช้พระพร ใช้กำ�ลัง สติ ปัญญา ความสามารถให้มาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด มิใช่เกียจคร้าน ไม่ทำ�อะไร


บทอ่านที่ 1

วว 5:1-10

ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนหนึ่งในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระ บัลลังก์ หนังสือม้วนนัน้ มีขอ้ ความเขียนไว้ทงั้ ด้านในและด้านนอก มีตราเจ็ดดวงผนึกอยู่ ข้าพเจ้ายังเห็นทูตสวรรค์ทรงพลังองค์หนึ่งร้องประกาศเสียงดังว่า “ใครเป็นผู้สมควรจะ คลี่ม้วนหนังสือ และเปิดตราที่ผนึกไว้” แต่ไม่มีใครทั้งในสวรรค์หรือบนแผ่นดินหรือใต้ พิภพ คลี่ม้วนหนังสือนั้นออกอ่านได้ ข้าพเจ้าจึงร้องไห้ฟูมฟายเพราะไม่มีผู้ใดสมควรจะ คลี่ม้วนหนังสือนั้นออกอ่านได้เลย ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย ดูเถิด สิงโตจากตระกูลยูดาห์ หน่อเนื้อเชื้อไขของกษัตริย์ดาวิดทรงได้รับชัยชนะแล้ว พระองค์จะทรงคลี่ม้วนหนังสือและเปิดตราที่ผนึกทั้งเจ็ดดวงออกได้” แล้วข้าพเจ้าเห็นลูกแกะของพระเจ้าตรงกลางพระบัลลังก์ในหมูผ่ มู้ ชี วี ติ ทัง้ สีต่ นและ บรรดาผู้อาวุโส ลูกแกะนั้นที่ยืนอยู่ทั้งๆ ที่ถูกประหารแล้ว มีเจ็ดเขา เจ็ดตา หมายถึงจิต ทั้งเจ็ดที่พระเจ้าทรงส่งไปทั่วแผ่นดิน ลูกแกะนั้นทรงเข้ามารับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ ขวาของพระผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ เมื่อทรงรับม้วนหนังสือแล้ว ผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน และผูอ้ าวุโสทัง้ ยีส่ บิ สีค่ นก็กราบลงเฉพาะพระพักตร์ลกู แกะ ต่างถือพิณและผอบทองคำ� มีกำ�ยานใส่เต็ม ซึ่งหมายถึงคำ�อธิษฐานภาวนาของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ขับร้องเพลงบท ใหม่ว่า “พระองค์ทรงเหมาะสมที่จะรับม้วนหนังสือ และเปิดดวงตราที่ผนึกอยู่นั้น เพราะ พระองค์ทรงถูกประหาร ทรงหลั่งพระโลหิตไถ่กู้มนุษย์สำ�หรับพระเจ้า จากทุกเผ่า ทุก ภาษา ทุกประเทศ ทุกชาติ ทรงทำ�ให้เขาเหล่านัน้ เป็นสมณราชตระกูลสำ�หรับพระเจ้าของ เรา เขาจะครองราชย์เหนือแผ่นดิน”

พระวรสาร

ลก 19:41-44

ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนัน้ แล้ว ทรงพระกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำ�ไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ ทางนัน้ ถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนัน้ จะมาถึงเจ้า เมือ่ ข้าศึกสร้างทีม่ นั่ ล้อม เจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำ�ลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ใน เจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มกี อ้ นหินซ้อนกันอยูใ่ นเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้ จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า” ดูภายนอกเหมือนว่า ดี – เลิศ แต่แท้จริง หลายครั้งเราตาบอดตาใส เราหูหนวก เราเป็นใบ้ เพราะเรามองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ปากพูดไม่ได้ เราเป็นบุคคลที่น่าสงสาร เรา ไม่มีความเชื่อ เราไม่มีความเข้าใจในเรื่องของพระเจ้า หรือมีน้อยมาก จนทำ�ให้เราบอด มืด พระเจ้าเตือนใจให้เราเปิดหู เปิดตา เปิดใจสูพ่ ระเจ้า สูค่ วามจริงเทีย่ งแท้ ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าทั้งหลายเทอญ

สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา สดด 149:1-2,3-4, 5-7,9ข

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


ระลึกถึงพระนางมารีย์ พรหมจารี ถวายองค์ในพระวิหาร สดด 119:13-14,24,72, 102-103,111-112, 131-132

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

วว 10:8-11

พระวรสาร

ลก 19:45-48

ข้าพเจ้า ยอห์น เสียงทีข่ า้ พเจ้าได้ยนิ จากสวรรค์กล่าวแก่ขา้ พเจ้าอีกครัง้ หนึง่ ว่า “จง ไปเอาม้วนหนังสือทีค่ ลีอ่ ยูใ่ นมือของทูตสวรรค์ซงึ่ ยืนอยูใ่ นทะเลและบนแผ่นดิน” ข้าพเจ้า จึงไปหาทูตสวรรค์และขอม้วนหนังสือเล็กๆ นั้น ทูตสวรรค์บอกข้าพเจ้าว่า “จงเอาไป และกินเถิด มันจะทำ�ให้ท้องของท่านขม แต่เมื่ออยู่ในปาก มันจะหวานเหมือนนํ้าผึ้ง” ข้าพเจ้าจึงนำ�ม้วนหนังสือเล็กๆ นัน้ จากมือของทูตสวรรค์แล้วกิน เมือ่ อยูใ่ นปากมันหวาน เหมือนนํ้าผึ้ง แต่เมื่อข้าพเจ้ากลืนลงไป ก็รู้สึกขมในท้อง มีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “ท่านต้อง ประกาศพระวาจาอีกเกี่ยวกับประเทศ ชาติ ภาษา และกษัตริย์จำ�นวนมาก” เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงเริ่มขับไล่บรรดาพ่อค้า ตรัสกับ เขาว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ ท่านทั้งหลายกลับมาทำ�ให้เป็นซ่องโจร” พระองค์ทรงสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และ หัวหน้าประชาชนหาวิธกี �ำ จัดพระองค์ แต่หาวิธไี ม่ได้วา่ จะทำ�อย่างไร เพราะประชาชนทุก คนกำ�ลังตั้งใจฟังพระองค์ มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา” เรามี ความเชื่อ เรามีความมั่นใจเสมอมาว่า วัดเป็นที่ประทับของพระเจ้า เป็นที่ที่เราจะมาพบ มาสนทนากับพระองค์ มาพักผ่อนในพระองค์ วัดหรือบ้านของพระเจ้าจึงไม่ใช่ตลาดขาย สินค้า - ไม่ใช่แหล่งมั่วสุม ไม่ใช่... ไม่ใช่... แต่เป็นที่ที่เราจะพบกับพระเจ้าได้ และทำ�ให้ เราพบความสุขแท้จริงด้วย


บทอ่านที่ 1

วว 11:4-12

มีผู้กล่าวแก่ข้าพเจ้า ยอห์นว่า พยานนี้คือต้นมะกอกเทศสองต้นและเชิงประทีป สองเชิงที่ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดิน ผู้ใดต้องการทำ�ร้าย พยานนี้ ไฟจะพลุ่งออกจากปากของพยานมาเผาผลาญบรรดาศัตรู ผู้ใดต้องการทำ�ร้าย พยาน ผู้นั้นจะต้องถูกฆ่าเช่นนี้ พยานนี้มีอำ�นาจปิดท้องฟ้ามิให้ฝนตกตลอดเวลาที่เขา ประกาศพระวาจา เขามีอำ�นาจเปลี่ยนนํ้าให้กลายเป็นเลือด และมีอำ�นาจทำ�ให้แผ่นดิน ประสบภัยพิบัติต่างๆ ทุกครั้งที่เขาต้องการ เมื่อเสร็จสิ้นการเป็นพยานแล้ว สัตว์ร้ายที่ ขึน้ มาจากบาดาลจะสูร้ บกับพยานนี้ จะมีชยั ชนะและฆ่าพยาน ศพของพยานจะอยูท่ ลี่ าน ของนครใหญ่ซึ่งเรียกเป็นสัญลักษณ์ว่าโสดมและอียิปต์ ณ ที่นั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าของ เขาถูกตรึงกางเขน ประชาชนหลายประเทศ หลายเผ่า หลายภาษา หลายชาติจะมองดู ศพของพยานอยู่สามวันครึ่ง และไม่ยอมให้นำ�ศพไปฝังไว้ในคูหา ผู้อาศัยบนแผ่นดินจะ ยินดีทเี่ ขาตาย จะฉลองและแลกเปลีย่ นของขวัญกัน เพราะประกาศกทัง้ สองคนนีท้ รมาน บรรดาผู้อาศัยอยู่บนแผ่นดินด้วย” สามวันครึง่ หลังจากนัน้ พระเจ้าจะทรงเป่าลมปราณแห่งชีวติ เข้าไปในพยานทัง้ สอง คน เขาจะลุกขึ้นยืน ทุกคนที่แลเห็นจะหวาดกลัวอย่างมาก...

พระวรสาร

ระลึกถึง น.เซซีลีอา พรหมจารี และมรณสักขี สดด 144:1,2,9-11 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

ลก 20:27-40

เวลานั้น ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้นมา เป็นภรรยาเพื่อจะได้สืบสกุลของพี่ชาย มีพี่น้องเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มีบุตร คนที่สอง คน ที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อ มนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและจะ กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะเป็น เหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผูต้ ายจะกลับคืนชีพ ในข้อความเรือ่ งพุม่ ไม้ เมือ่ พูดถึงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้า ของยาโคบ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เพราะทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์” ธรรมาจารย์บางคนพูดว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เขาไม่กล้าทูลถามพระองค์อีกต่อไป พระเยซูเจ้าคือพยานของพระบิดาเจ้า พระองค์เสด็จมาในโลกเพือ่ เป็นประจักษ์พยานของพระเจ้า พระองค์ สอนและปฏิบตั ติ ามประสงค์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์ชใี้ ห้มนุษย์เข้าใจความจริงเทีย่ งแท้ ความจริงตาม ประสาโลก ก็เป็นความจริงตามประสาโลก ที่มนุษย์เข้าใจตามสติปัญญาอันมีขอบเขตของมนุษย์ ซึ่งเทียบไม่ ได้เลยกับความยิง่ ใหญ่ของพระเจ้า พระเยซูเจ้าจึงพยายามอธิบายให้เรามนุษย์เข้าใจ เชือ่ ในพระองค์ผทู้ รงเป็น พยานถึงความจริง และในพระเจ้าเที่ยงแท้ เข้าใจชีวิตบนโลกนี้ และเข้าใจชีวิตหลังความตายแล้ว


บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 34:11-12,15-17

สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากล จักรวาล วันกระแสเรียก

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “‘ดูซิ เราจะตามหาและจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง ผูเ้ ลีย้ งแกะอยูก่ บั ฝูงแกะและรวบรวมแกะทีก่ ระจัดกระจายไปฉันใด เราก็จะรวบรวมแกะ ของเราฉันนั้น เราจะช่วยแกะให้พ้นจากสถานที่ที่แกะได้กระจัดกระจายไปอยู่ในวันที่มี เมฆและมีความมืดทึบ เราเองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของเรา เราจะให้เขานอนพัก องค์พระ ผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะตามหาแกะที่สูญหายไป เราจะนำ�แกะที่หลงทางกลับมา เราจะพัน แผลของแกะทีบ่ าดเจ็บ เราจะเสริมกำ�ลังแกะทีอ่ อ่ นเพลีย เราจะดูแลแกะทีอ่ ว้ นและแข็ง แรง เราจะเลี้ยงเขาอย่างยุติธรรม” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นฝูงแพะแกะของเราเอ๋ย ดูซิ เรา จะพิพากษาระหว่างแกะกับแกะ ระหว่างแกะเพศผู้กับแพะเพศผู้”

เพลงสดุดี

สดด 23:1-6

ก) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ทรงนำ�ข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า ทรงชี้ทางให้ข้าพเจ้าเดินไปบนมรรคาแห่งความชอบธรรม เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ข) แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 15:20-26,28

พี่น้อง ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผล แรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพ ของบรรดาผูต้ ายก็มาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันนัน้ มนุษย์ทกุ คนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น แต่จะเป็นไปตามลำ�ดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คอื ผูท้ เี่ ป็นของพระคริสตเจ้า เมือ่ พระองค์จะเสด็จ มา แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานัน้ พระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระ บิดา หลังจากทรงทำ�ลายการปกครอง อำ�นาจและอานุภาพทั้งหลาย เพราะพระคริสต เจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของ พระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำ�ลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ ใต้พระบาทของพระองค์ เมือ่ ทุกสิง่ ถูกปราบอยูใ่ ต้อ�ำ นาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยูใ่ ต้อ�ำ นาจ


ของพระเจ้า ผูท้ รงปราบทุกสิง่ ให้อยูใ่ ต้อ�ำ นาจของพระองค์ เพือ่ พระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิง่ ในทุกคน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 25:31-46

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาอัครสาวกว่า “เมือ่ บุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิรริ งุ่ โรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือ พระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออก เป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้วพระ มหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกทีเ่ ตรียมไว้ให้ทา่ นแล้วตัง้ แต่สร้างโลก เพราะว่าเมือ่ เราหิว ท่านให้เรากิน เรา กระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เรา เจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’ บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้ว ถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรง เป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มเี สือ้ ผ้า แล้วถวายให้ เมือ่ ใดเล่าข้าพเจ้าทัง้ หลายเห็นพระองค์ ประชวรหรือทรงอยูใ่ นคุกแล้วไปเยีย่ ม’ พระมหากษัตริยจ์ ะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลาย ว่า ท่านทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ตํ่าต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟ นิรนั ดรทีไ่ ด้เตรียมไว้ให้ปศี าจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมือ่ เราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บ ป่วยและอยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็น พระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำ�สิ่งใดต่อผู้ตํ่าต้อย ของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิต นิรันดร”

เราคริสตชนเข้าใจ และเชื่อมั่นว่า พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ เพื่อมาไขแสดงองค์พระเจ้า มาบอก ความจริงเรื่ององค์พระเจ้า มาเป็นพยานถึงองค์พระเจ้า มาสอนและชี้หนทางแห่งความสุขเที่ยงแท้ และ ความรอดพ้น พระองค์เสด็จมาเพื่อแสวงหาลูกแกะ และโดยเฉพาะแสวงหาลูกแกะที่หลงฝูง ที่ กระจัดกระจายไป พระองค์ปรารถนาจะนำ�แกะทุกตัวกลับคืนสูค่ วามรอด พระองค์จงึ สอนวิถที างแห่งการ ดำ�เนินชีวิตสู่ความรอดว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร และสิ่งนั้นก็คือ การมีความรัก เมตตา และช่วย เหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เหมือนดังที่พระเจ้าทรงรัก เมตตา และช่วยเหลือเราทุกคนให้ไปสู่ความรอด และความสุขแท้จริงในสวรรค์


ระลึกถึง น.อันดรูว์ ดุง-ลัก พระสงฆ์ และเพื่อนมรณสักขี ชาวเวียดนาม สดด 24:1-2,3-4, 5-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

วว 14:1-3,4ข-5

พระวรสาร

ลก 21:1-4

ข้าพเจ้าเห็นภาพนิมิต ลูกแกะทรงยืนอยู่บนภูเขาศิโยน ประชาชนจำ�นวนหนึ่งแสน สีห่ มืน่ สีพ่ นั คนอยูก่ บั พระองค์ แต่ละคนมีพระนามของลูกแกะและพระนามของพระบิดา ของพระองค์เขียนไว้ที่หน้าผาก ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหนึ่งดังจากสวรรค์ เหมือนเสียงนํ้า ไหลเชี่ยว และเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้อง เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินเหมือนเสียงพิณจำ�นวน มากที่นักเล่นพิณกำ�ลังดีด เขาเหล่านั้นร้องเพลงบทใหม่ หน้าพระบัลลังก์ ต่อหน้าผู้มี ชีวติ ทัง้ สีต่ นและต่อหน้าบรรดาผูอ้ าวุโส ไม่มใี ครเรียนรูบ้ ทเพลงนีไ้ ด้ นอกจากคนบนแผ่น ดินจำ�นวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคนผู้ได้รับการไถ่กู้ คนเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับการไถ่กู้ เป็นเหมือนผลแรกถวายแด่พระเจ้าและลูกแกะ ปากของเขาไม่เคยกล่าวคำ�เท็จ เขาไม่มีมลทิน เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำ�ลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรง เห็นหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตู้ทานด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า หญิงม่ายยากจนคนนีท้ �ำ ทานมากกว่าทุกคน เพราะ ทุกคนนำ�เงินที่เหลือใช้มาทำ�ทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำ�เงินทั้งหมดสำ�หรับ เลี้ยงชีพมาทำ�ทาน” มนุษย์เราทุกวันนีด้ นิ้ รน และแสวงหาอะไร? อะไรคือจุดหมายปลายทางแท้จริงของ มนุษย์? คงไม่มีใครปฏิเสธว่า...มนุษย์ดิ้นรนทุกสิ่งและแสวงหาความสุข แต่... แต่... มนุษย์ก็หาพบความสุขเที่ยงแท้ไม่ พระเยซูเจ้าสอนเราว่า “ความสุขเที่ยงแท้ คือการ มอบถวายตัวตน และทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า ให้พระเจ้าจัดการ ให้ พระเจ้าเป็นทุกสิ่ง แม้แต่ทรัพย์สินเพียงนิดเหมือนหญิงม่ายยากจนผู้นั้น เธอมอบคืน พระเจ้า แต่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูและตอบแทนนาง


บทอ่านที่ 1

วว 14:14-19

ข้าพเจ้าเห็นนิมิต มีเมฆขาวก้อนหนึ่ง บนเมฆนั้นมีผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่งมนุษย์นั่ง อยู่ ศีรษะสวมมงกุฎทองคำ� มือถือเคียวคม ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกจากพระวิหาร ร้องเสียงดังบอกผูท้ นี่ งั่ อยูบ่ นก้อนเมฆว่า “จงใช้เคียวของท่านเกีย่ วเถิด เพราะเวลาเก็บ เกีย่ วมาถึงแล้ว และพืชผลของแผ่นดินพร้อมทีจ่ ะเก็บเกีย่ วได้แล้ว” ผูท้ นี่ งั่ บนเมฆจึงใช้ เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน และพืชผลของแผ่นดินก็ถูกเก็บเกี่ยว ทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งออกจากพระวิหารในสวรรค์ ถือเคียวคมมาด้วย ทูตสวรรค์ อีกองค์หนึ่งมีอำ�นาจเหนือไฟออกมาทางพระแท่นบูชาร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ผู้ถือ เคียวคมว่า “จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุน่ จากสวนองุน่ ของแผ่นดิน เพราะผลองุน่ สุกแล้ว” ทูตสวรรค์นั้นจึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน เก็บเกี่ยวสวนองุ่นของแผ่นดิน แล้วโยนผลองุ่นลงไปในบ่อยํ่าองุ่นบ่อใหญ่ซึ่งหมายถึงการลงโทษจากพระเจ้า

พระวรสาร

ลก 21:5-11

ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกัน อยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมี เครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำ�ลังจะเกิดขึ้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนาม ของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำ�หนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อ ท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้ จำ�เป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่ง จะลุกขึน้ ต่อสูก้ บั อีกชาติหนึง่ อาณาจักรหนึง่ จะลุกขึน้ ต่อสูก้ บั อีกอาณาจักรหนึง่ แผ่นดิน ไหว โรคระบาดและความอดอยากอย่างใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์ น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า”

ลำ�พังสติปัญญาของมนุษย์ เทียบไม่ได้เลยกับพระอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และคงต้องยอมรับว่ามนุษย์มีขอบเขต มนุษย์มีผิดหลงและผิดพลาด ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นเกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน สิ่งที่ปรากฏ ล้วน เป็นความเข้าใจของมนุษย์ มีสงิ่ เดียวทีส่ �ำ คัญ - มนุษย์จะต้องถ่อมตนมอบทุกอย่างไว้กบั พระเจ้า กระทำ�หน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด และอดทนจนถึงที่สุด ผู้นั้นจะได้รับความ รอดพ้น

น.กาทารีนา แห่งอเล็กซานเดรีย พรหมจารีและ มรณสักขี สดด 96:10-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา สดด 98:1,2-3, 7-8,9

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

วว 15:1-4 ข้าพเจ้าเห็นเครื่องหมายยิ่งใหญ่และน่าพิศวงอีกประการหนึ่งในสวรรค์ ทูตสวรรค์ เจ็ดองค์ถือภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้าย เพราะภัยพิบัติทั้งเจ็ดนี้จะทำ�ให้ การลงโทษจาก พระเจ้าสิ้นสุดลง ข้าพเจ้าเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ เห็นบรรดาผู้มีชัยชนะต่อ สัตว์ร้าย ต่อรูปปั้นของมัน และต่อเลขชื่อของมันกำ�ลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น ถือพิณ ของพระเจ้า และขับร้องบทเพลงของโมเสส ผูร้ บั ใช้ของพระเจ้าและบทเพลงของลูกแกะ ว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ พระราชกิจของพระองค์ยิ่งใหญ่และน่าพิศวงยิ่งนัก ข้าแต่พระราชาแห่งนานาชาติ วิถีทางของพระองค์นั้นเที่ยงธรรมและสัตย์จริง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าจะไม่ยำ�เกรงพระองค์และจะไม่ถวายพระเกียรติแด่พระนามของพระองค์ เพราะพระองค์ผู้เดียวทรงศักดิ์สิทธิ์ ประชาชาติทั้งหลายจะมาและกราบนมัสการพระองค์ เพราะการพิพากษาเที่ยงธรรมของพระองค์ปรากฏชัดแจ้งแล้ว”

พระวรสาร

ลก 21:12-19

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะ นำ�ท่านไปไต่สวนในศาลาธรรม และจะจองจำ�ท่านในคุก เขาจะนำ�ท่านไปยืนต่อหน้า กษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำ�แก้ตวั ไว้กอ่ น เราจะให้ค�ำ พูดและปรีชาญาณแก่ทา่ น ซึง่ ศัตรู ของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พีน่ อ้ ง ญาติและมิตรสหายจะทรยศต่อ ท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วย ท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคน เพราะนามของเรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืน หยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”

เป็นพระวาจาอีกตอนหนึง่ เป็นนักบุญยอห์น อัครสาวก ผูไ้ ด้เห็นนิมติ ถึงเครือ่ งหมาย ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวแห่งวันสิ้นโลกซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ เป็นความน่า สะพรึงกลัว เฉพาะพระบัลลังก์ของพระเจ้า สำ�หรับผูไ้ ม่มคี วามเชือ่ และคนชัว่ แต่ส�ำ หรับ ผู้มีความเชื่อและไว้ใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม เขาจะได้รับความบรรเทา ฉะนั้นจะต้อง ยืนหยัดมั่นคง ไม่หลงไปกับความโกลาหลวุ่นวาย แล้วท่านก็จะรอดได้


บทอ่านที่ 1

วว 18:1-2,21-23,19:1-3,9ก

พระวรสาร

ลก 21:20-28

หลังจากนัน้ ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ลงจากสวรรค์ มีอ�ำ นาจยิง่ ใหญ่ ทำ�ให้ แผ่นดินสว่างจ้าด้วยความรุ่งโรจน์ของเขา เขาร้องตะโกนเสียงดังว่า “บาบิโลนล่มแล้ว บาบิโลนนครใหญ่ล่มแล้ว กลายเป็นที่อาศัยของบรรดาปีศาจ เป็นที่ขังบรรดาจิตโสโครก เป็นที่ขังบรรดานกโสโครก และเป็นที่ขังสัตว์ร้ายโสโครกและน่ารังเกียจทั้งหลาย” ทูตสวรรค์ทรงพลังองค์หนึ่งยกหินก้อนหนึ่งใหญ่เท่าหินโม่ทุ่มลงทะเล กล่าวว่า สัปดาห์ที่ 34 “บาบิโลนนครใหญ่จะถูกทุ่มลงอย่างรุนแรงเช่นนี้ จะไม่มีใครพบเห็นนครนี้อีกเลย” จะ เทศกาลธรรมดา ไม่มใี ครได้ยนิ เสียงคนดีดพิณ คนเล่นดนตรี คนเป่าขลุย่ คนเป่าแตรในเจ้าอีกต่อไป... จะ ไม่มีใครได้ยินเสียงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในเจ้าอีกต่อไป เพราะบรรดาพ่อค้าของเจ้าล้วน สดด 100:1-3,4-5 เคยเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และเวทมนตร์ของเจ้าล่อลวงนานาชาติให้ลุ่มหลง” ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์เหมือนเสียงของประชาชนจำ�นวนมากร้องว่า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 “อัลเลลูยา ความรอดพ้น พระสิริรุ่งโรจน์ พระอานุภาพเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะ พระองค์ทรงพิพากษาอย่างสัตย์จริงและยุติธรรม พระองค์ทรงพิพากษาลงโทษหญิงแพศยาผู้เลวร้าย ซึ่งล่วง ประเวณี ทำ�ให้แผ่นดินเสื่อมทราม พระองค์ทรงลงโทษแทนโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ซึ่งนางได้ ประหาร” เสียงนั้นยังร้องอีกว่า “อัลเลลูยา ควันไฟจากนครนั้นจะพลุ่งขึ้นตลอดนิรันดร”...

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ก็จงรู้ไว้เถิดว่าความพินาศของนครนั้นใกล้เข้า มาแล้ว เวลานั้นผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียจงหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่ในกรุงจงรีบออกไปเสีย ผู้ที่อยู่ในชนบทก็จงอย่า เข้ามาในกรุง เพราะวันเหล่านัน้ จะเป็นวันพิพากษาลงโทษ ข้อความทีเ่ ขียนไว้ในพระคัมภีรจ์ ะเป็นจริงทุกประการ น่าสงสารหญิงมีครรภ์และหญิงแม่ลูกอ่อน ในวันนั้นทุกขเวทนาใหญ่หลวงจะครอบคลุมทั่วแผ่นดินและ พระพิโรธจะลงมาเหนือชนชาตินี้ บางคนจะตายด้วยคมดาบ บางคนจะถูกจับเป็นเชลยไปอยู่ในประเทศต่างๆ กรุงเยรูซาเล็มจะถูกคนต่างศาสนาเหยียบยํ่าจนกว่าจะครบเวลาที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ จะมีเครื่องหมายในดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ ชนชาติต่างๆ บนแผ่นดินจะทนทุกข์ทรมาน ฉงนสนเท่ห์ต่อเสียงกึกก้องของทะเลที่ปั่นป่วน มนุษย์จะสลบไปเพราะความกลัว และหวั่นใจถึงเหตุการณ์ที่ จะเกิดขึน้ ในโลก เพราะสิง่ ต่างๆ ในท้องฟ้าจะสัน่ สะเทือน หลังจากนัน้ ประชาชนทัง้ หลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์ เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิริรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มเกิดขึ้น ท่านทั้ง หลายจงยืนตรง เงยหน้าขึ้นเถิด เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” นักบุญยอห์น พยายามบรรยายภาพนิมิตต่างๆ เพื่อให้เราเข้าใจมากที่สุด เพื่อเตือนใจเรา สอนใจเรา ให้ เราตระหนักและประพฤติปฏิบัติชีวิตของเราโดยไม่หลง ยามที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่าเป็นเหมือนผู้ประพฤติชั่วและ เลวร้าย เพราะเขาจะตกในความน่าสะพรึงกลัว และดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ แต่เขาจะพบความตายและความสิ้น หวัง


บทอ่านที่ 1

วว 20:1-4,11-21:2

ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจแห่งบาดาลและโซ่ใหญ่ เส้นหนึ่ง เขาจับมังกร หรืองูดึกดำ�บรรพ์คือปีศาจและซาตาน แล้วล่ามมันไว้เป็นเวลา หนึ่งพันปี โยนมันลงไปในบาดาล ปิดกุญแจทางเข้าและประทับตราไว้ข้างบน เพื่อมิให้ มันหลอกลวงนานาชาติให้หลงผิดได้อกี จนกว่าจะครบกำ�หนดหนึง่ พันปี หลังจากนัน้ มัน จะต้องถูกปล่อยออกมาชั่วระยะเวลาสั้นๆ สัปดาห์ที่ 34 ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ และบรรดาผูท้ นี่ งั่ อยูบ่ นบัลลังก์นนั้ ได้รบั อำ�นาจทีจ่ ะ เทศกาลธรรมดา พิพากษา ข้าพเจ้าเห็นวิญญาณของผู้ที่ถูกตัดศีรษะเพราะคำ�พยานถึงพระเยซูเจ้าและ สดด 84:1-2,3-4,5 เพราะพระวาจาของพระเจ้า ข้าพเจ้ายังเห็นผูท้ ไี่ ม่ได้กราบนมัสการสัตว์รา้ ยและรูปปัน้ ของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 มัน และไม่ยอมประทับตราไว้บนหน้าผากหรือทีม่ อื เขาเหล่านัน้ กลับมีชวี ติ และเข้าครอง ราชย์พร้อมกับพระคริสตเจ้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ใหญ่สขี าวและเห็นพระองค์ผปู้ ระทับอยูบ่ นบัลลังก์ ท้องฟ้าและ แผ่นดินสูญหายไปเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ แล้วข้าพเจ้าเห็นบรรดาผูต้ ายทัง้ ผูใ้ หญ่ และผูน้ อ้ ยยืนอยูห่ น้าพระบัลลังก์ หนังสือหลายม้วนถูกคลีอ่ อก หนังสืออีกม้วนหนึง่ คือ ม้วนหนังสือแห่งชีวติ ก็ถกู คลีอ่ อกด้วย บรรดาผูต้ ายถูกพิพากษาตามข้อความทีบ่ นั ทึกไว้ ในหนังสือเหล่านั้น ตามกิจการของเขา ทะเลคืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนผู้ตายก็คืนบรรดาผู้ตายที่อยู่ในแดนผู้ตาย ทุกคน ถูกพิพากษาตามกิจการของตน ความตายและแดนผู้ตายถูกโยนลงไปในทะเลไฟ ทะเลไฟนี้คือความตายครั้ง ที่สอง ผู้ใดไม่มีชื่อบันทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตก็ถูกโยนลงในทะเลไฟ แล้วข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เพราะฟ้าและแผ่นดินเดิมสูญหายไป ไม่มที ะเลอีกต่อไป ข้าพเจ้า เห็นนครศักดิ์สิทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลงมาจากสวรรค์ ลงมาจากพระเจ้า เตรียมพร้อมเหมือนกับเจ้าสาวที่ แต่งตัวรอเจ้าบ่าว

พระวรสาร

ลก 21:29-33

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสคำ�อุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อเทศและต้นไม้ทั้งหลายเถิด เมื่อมันแตกใบอ่อน ท่านย่อมรู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามาแล้ว เช่นเดียวกันเมือ่ ท่านเห็นสิง่ เหล่านีเ้ กิดขึน้ ก็จงรูเ้ ถิดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว เราบอกความ จริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ฟ้าดินจะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย” นักบุญยอห์น มิได้บรรยายนิมิตให้เราเกิดความสะพรึงกลัวเหมือนคนที่ชั่วร้ายและขาดความเชื่อเท่านั้น แต่ทา่ นบรรยายนิมติ ทีไ่ ด้เห็น ในแง่แห่งความรุง่ เรืองให้เห็นฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ ทีส่ กุ ใสรุง่ เรืองสำ�หรับผูม้ คี วาม เชื่อ และประพฤติตนสุจริตเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเสมอด้วย ผู้ประพฤติตนดี ซื่อสัตย์สุจริต จะเป็นดังเจ้า สาวของพระผู้เป็นเจ้า


บทอ่านที่ 1

วว 22:1-7

ทูตสวรรค์ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่นํ้าแห่งชีวิต นํ้าใสเหมือนแก้วผลึกไหลจากพระบัลลังก์ ของพระเจ้าและของลูกแกะ ต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นอยู่กลางลานของนครนั้นและบนสองฝั่ง แม่นํ้า ต้นไม้เหล่านั้นออกผลสิบสองครั้งคือให้ผลเดือนละครั้ง ใบใช้เป็นยารักษาโรค ของนานาชาติ จะไม่มีคำ�สาปแช่งอีกต่อไป พระบัลลังก์ของพระเจ้าและของลูกแกะจะอยู่ในนคร นั้น บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะกราบนมัสการพระองค์ เขาจะเห็นพระพักตร์ของ พระองค์ และจะมีพระนามของพระองค์บนหน้าผาก จะไม่มีกลางคืนอีกต่อไป เขาเหล่า นั้นไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์อีก เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรง ส่องสว่างเหนือเขาทั้งหลาย เขาจะครองราชย์อยู่ตลอดนิรันดร ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำ�เหล่านี้เป็นจริงเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงดลใจบรรดาประกาศกทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาแจ้งให้บรรดาผู้รับ ใช้ของพระองค์รู้ถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะมาทันที” ผู้ ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำ�ของการประกาศพระวาจาในม้วนหนังสือนี้ย่อมเป็นสุข

พระวรสาร

ลก 21:34-36

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุน่ อยูใ่ นความสนุกสนานรืน่ เริง ความ เมามายและความกังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลัน เหมือนบ่วง แร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้า อธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำ�ลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิด ขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้” ผูใ้ ดประพฤติชอบ ผูใ้ ดซือ่ สัตย์สจุ ริต ผูใ้ ดเต็มไปด้วยความเชือ่ และมอบตนแด่องค์ พระผู้เป็นเจ้าอย่างครบครัน เขาจะเป็นดังเจ้าสาวขององค์พระผู้เป็นเจ้า แน่ละ ขณะที่ เขากำ�ลังเฝ้าคอยเจ้าบ่าว เขาจะต้องไม่ปล่อยตัว ปล่อยใจในความสนุกสนานรืน่ เริง ความ เมามายและความกังวล พูดง่ายๆ ก็คือไม่เผลอใจ ไม่ปล่อยใจให้หลง แต่จะต้องตื่นเฝ้า อธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา สดด 95:1-7

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 63:16-17,64:2-7

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะ อับราฮัมไม่รจู้ กั ข้าพเจ้าทัง้ หลายอีกแล้ว และอิสราเอลก็จ�ำ ไม่ได้ แต่พระองค์ทรงเป็นพระ บิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะพระนามของพระองค์ตลอดมาคือ “พระผู้ไถ่กู้ของเรา” ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ขา้ พเจ้าทัง้ หลาย หลงไปจากวิถที างของ พระองค์เล่า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีใจดื้อด้านจนไม่ยำ�เกรงพระองค์ สัปดาห์ที่ 1 โปรดทรงกลับมาเพราะเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และเห็นแก่ตระกูลที่เป็นมรดกของ เทศกาลเตรียมรับเสด็จ พระองค์เถิด พระคริสตเจ้า เมือ่ พระองค์ทรงทำ�สิง่ น่าสะพรึงกลัวทีข่ า้ พเจ้าทัง้ หลายคาดไม่ถงึ พระองค์เสด็จลง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 มา ภูเขาทั้งหมดก็จะสั่นสะเทือนเฉพาะพระพักตร์ ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินเช่นนี้มาก่อนเลย หูไม่เคยได้ยิน ดวงตาไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เคยทำ�เช่นนี้สำ�หรับ ผู้ที่วางใจในพระองค์ พระองค์เสด็จมาพบผู้ที่ยินดีปฏิบัติความยุติธรรม และระลึกถึง พระองค์โดยเดินตามหนทางของพระองค์ แต่บัดนี้พระองค์กริ้ว เพราะข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ทำ�บาป ข้าพเจ้าทั้งหลายจะรอดพ้นโดยเดินตามหนทางที่เคยเดินนานมาแล้ว ข้าพเจ้า ทุกคนเป็นเหมือนผู้มีมลทิน แม้แต่การกระทำ�ที่ชอบธรรมของข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็น เหมือนผ้าสกปรกทีเ่ ปือ้ นเลือด ข้าพเจ้าทุกคนเหีย่ วแห้งไป เหมือนใบไม้ ความผิดพัดพา ข้าพเจ้าทั้งหลายไปเหมือนลม ไม่มีผู้ใดเรียกขานพระนามของพระองค์ ไม่มีผู้ใด กระตือรือร้นขอให้พระองค์ทรงช่วย เพราะทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพเจ้าทัง้ หลาย ทรง ปล่อยให้ความผิดมีอ�ำ นาจเหนือข้าพเจ้าทัง้ หลาย บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระองค์ ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นเหมือนดินเหนียว พระองค์ทรงเป็นผู้ ปั้น ข้าพเจ้าทุกคนเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์

เพลงสดุดี

สดด 80:1-2ก,14-15,17-18

ก) ข้าแต่ผู้เลี้ยงแห่งอิสราเอล โปรดทรงฟังเถิด พระองค์ทรงนำ�โยเซฟไปประดุจฝูงแกะ พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์เหนือเหล่าเครูบ โปรดทรงทอรัศมีลงมาเหนือเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์ ข) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์ ค) ขอพระหัตถ์ปกป้องบุรุษซึ่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์ โปรดทรงพิทักษ์บุตรแห่งมนุษย์ที่ทรงทำ�นุบำ�รุงให้เข้มแข็งสำ�หรับพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันละทิ้งพระองค์อีก


โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเรียกขานพระนาม ของพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึง ชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 1:3-9

ขอพระหรรษทานและสันติสขุ จากพระเจ้าพระบิดา ของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิต กับท่านทั้งหลายเถิด ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอเพื่อท่านทั้ง หลาย เพราะพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่าน เดชะพระคริสตเยซู ท่านได้รบั พระพรทุกด้านและทุกประการเดชะพระองค์ คือการประกาศพระวาจาและ ความรู้ทุกอย่าง ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าอย่างเข้มแข็งจนถึงที่สุด จนกระทั่งท่านไม่ขาด พระคุณใดในขณะทีร่ อคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเรา พระองค์จะทรงคํา้ จุน ท่านให้มนั่ คงจนถึงวาระสุดท้าย ไม่มที ตี่ ใิ นวันทีพ่ ระเยซูคริสต์ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา พระเจ้า ทรงเรียกท่านให้สนิทสัมพันธ์กับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว พระองค์ทรงมั่นคงในการรักษาคำ�สัญญา

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 13:33-37

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าวันเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไร เหมือนกับชายคนหนึ่ง ทีก่ อ่ นจะเดินทางออกจากบ้านได้มอบอำ�นาจให้กบั ผูร้ บั ใช้ ให้แต่ละคนมีงานของตนและยังสัง่ คนเฝ้าประตู ให้คอยตื่นเฝ้าไว้ ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร อาจจะมา เวลาคํ่า เวลาเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือเวลารุ่งเช้า ถ้าเขากลับมาโดยไม่คาดคิด อย่าให้เขาพบท่านกำ�ลัง หลับอยู่ สิ่งที่เราบอกท่าน เราก็บอกทุกคนด้วยว่า จงตื่นเฝ้าเถิด”

ในที่สุดพระวาจาของพระเจ้าซึ่งคัดมาจากพระคัมภีร์เพื่อใช้อ่าน ใช้เตือนใจ สอน ในสัปดาห์และวัน สุดท้ายของสัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา เพื่อจะเริ่มสัปดาห์ที่ 1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ก็เน้นยํ้าเตือนเราทุกคนเสมอว่า “จงระวัง จงตื่นเฝ้าเสมอเถิด” อย่าเผลอใจ อย่านอนใจ เหมือนเรื่อง กระต่ายกับเต่า มิฉะนั้นมันจะสายเกินไป เราจะพบกับความพ่ายแพ้ เป็นความหายนะด้วยซํ้า เพราะเรา จะเสียชีวิตนิรันดร ฉะนั้น จงมีสติ และตื่นเฝ้าเสมอเถิด!




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.