11 November 2019

Page 1


บทอ่านที่ 1 รม 9:1-5 พีน่ อ้ ง ข้าพเจ้าพูดความจริงในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าไม่มสุ า มโนธรรมของข้าพเจ้า และพระจิตเจ้าร่วมเป็นพยานได้วา่ ข้าพเจ้ามีความเศร้าโศกใหญ่หลวง และมีความทุกข์ ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้ายินดีถูกสาปแช่ง ถูกตัดขาดจากพระคริสตเจ้า ถ้าหากจะเป็น ประโยชน์ต่อพี่น้องของข้าพเจ้าซึ่งมีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน พี่น้องเหล่านี้คือชาว สัปดาห์ที่ 30 อิสราเอล ทีไ่ ด้เป็นบุตรบุญธรรม ได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ ได้รบั พันธสัญญา ธรรมบัญญัติ เทศกาลธรรมดา รวมทั้ ง ศาสนพิ ธีแ ละพระสั ญ ญาต่ า งๆ พวกเขามี บ รรพบุ รุ ษ เป็ นต้ นตระกู ล ของ สดด 147:12-13,14-15, พระคริสตเจ้าตามธรรมชาติมนุษย์ พระองค์ทรงอยูเ่ หนือสรรพสิง่ เป็นพระเจ้าและทรง 19-20 ได้รับการถวายสดุดีตลอดนิรันดร อาเมน ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ต้นเดือน

พระวรสาร ลก 14:1-6 วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้า ชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์ ขณะนั้นชายคนหนึ่งเป็นโรคบวม กำ�ลังอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามบรรดานักกฎหมายและชาวฟาริสีว่า “อนุญาตให้รักษาโรคในวันสับบาโตหรือไม่” แต่คนเหล่านั้นนิ่งเงียบ พระองค์จึงทรง พยุงผู้ป่วยขึ้น ทรงรักษาเขา แล้วให้กลับไป พระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นอีกว่า “ถ้าผู้ ใดมีบตุ รหรือมีโคตกลงไปในบ่อ จะไม่รบี ฉุดขึน้ มาทันทีแม้เป็นวันสับบาโตหรือ” แต่คน เหล่านั้นตอบคำ�ถามนี้ไม่ได้ การตรัสของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ถ้าผู้ใดมีบุตรหรือมีโค ตกลงไปในบ่อ จะไม่ รีบฉุดขึ้นมาทันทีหรือ” เป็นการกระตุ้นให้เราแต่ละคนมีความรักและความเมตตาในชีวิต ประจำ�วัน สิง่ ต่างๆ และเหตุการณ์ในชีวติ ประจำ�วันของเราแต่ละคน ล้วนเป็นสิง่ ทีม่ คี ณ ุ ค่า สำ�หรับเรา เหมือนดังโคซึง่ สามารถใช้ท�ำ งานในอดีต และบุตรของครอบครัว ซึง่ เป็นพระพร จากพระเป็นเจ้าที่ประทานให้แก่ครอบครัวหนึ่งๆ พระทรงรักและเมตตาต่อเราทุกคน ดังเช่นทีพ่ ระองค์ทรงพยุงผูป้ ว่ ยและทรงรักษาเขา คงเป็นสิ่งที่ดีถ้าหากเราได้ถ่ายทอดความรัก ความเมตตาของพระเจ้าไปสู่บุคคลรอบข้าง ตัวเราแต่ละคน

11.indd 354

21/12/2561 14:50:43


บทอ่านที่ 1 โยบ 19:1,23-27 โยบกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยากให้ถอ้ ยคำ�ของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยาก ให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่วสลักไว้บนหินให้คงอยู่ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระ ผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุ่นดิน เมื่อหนัง ของข้าพเจ้าถูกทำ�ลาย และไม่มีร่างกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็น พระองค์อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้

วันภาวนาอุทิศ แด่ผู้ล่วงลับ สดด 27:1-14

บทอ่านที่ 2 รม 5:5-11 พี่น้อง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของ พระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำ�หนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรง พิสจู น์วา่ ทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิน้ พระชนม์เพือ่ เราขณะทีเ่ รายังเป็นคนบาป บัดนี้ เมือ่ เราได้รบั ความ ชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูก พระเจ้าลงโทษ ถ้าเรากลับคืนดีกบั พระเจ้าเดชะการสิน้ พระชนม์ของพระบุตรขณะทีเ่ รายังเป็นศัตรูอยู่ ยิง่ กว่า นั้นเมื่อกลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดพ้นเดชะพระชนมชีพของพระองค์ด้วย มิใช่เพียงเท่านั้น เรายังภูมิใจใน พระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงทำ�ให้เราคืนดีกับ พระเจ้าแล้ว พระวรสาร ยน 6:37-40 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนที่ติดตามพระองค์ว่า “ทุกคนที่พระบิดาทรงมอบให้เรา จะมาหาเรา และผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ผลักไสไปเลย เพราะเราลงมา จากสวรรค์ มิใช่เพือ่ ทำ�ตามใจของเรา แต่เพือ่ ทำ�ตามพระประสงค์ของผูท้ รงส่งเรามา พระประสงค์ของผูท้ รง ส่งเรามาก็คือ เราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อในพระบุตร จะมีชีวิตนิรันดร และเรา จะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย” พระเยซูเจ้าตรัสว่า พระประสงค์ของพระบิดาของเรา คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตร แล้วเชื่อใน พระบุตร จะมีชีวิตนิรันดรและเขาจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย เราทุกคนได้เห็นพระบุตรด้วยความเชื่อและการรับศีลล้างบาปของเรา ดังนั้น เราสามารถปฏิบัติตัวของเรา อย่างดี ผ่านทางการระลึกถึงวิญญาณในไฟชำ�ระและถ้าหากไปเยีย่ มสุสานตัง้ แต่บา่ ยวันที่ 1 พฤศจิกายน สมโภช นักบุญทั้งหลายจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายนได้ วิญญาณในไฟชำ�ระจะได้รับพระคุณการุณย์ครบบริบูรณ์ ซึ่งการ ภาวนาอุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ เราสวดภาวนาบทข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า บทข้าแต่พระบิดา และบทวันทา มารีย์ 11.indd 355

21/12/2561 14:50:44


สมโภช นักบุญทั้งหลาย

บทอ่านจากหนังสือวิวรณ์ วว 7:2-4,9-14 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อกี องค์หนึง่ ปรากฏขึน้ ทางทิศตะวันออก ถือตราของพระเจ้า ผู้ทรงชีวิต ทูตสวรรค์องค์นั้นร้องเสียงดังบอกทูตสวรรค์ทั้งสี่องค์ ซึ่งได้รับมอบหมาย ให้ท�ำ ลายแผ่นดินและทะเลว่า “อย่าทำ�ลายแผ่นดินหรือทะเลหรือต้นไม้ จนกว่าเราจะ ได้ประทับตราไว้ทหี่ น้าผากของบรรดาผูร้ บั ใช้พระเจ้าของเรา” และข้าพเจ้าได้ยนิ ว่าผูท้ ี่ ได้รับการประทับตรามีจำ�นวนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน ผู้รับการประทับตราเหล่านี้มา จากทุกเผ่าของชาวอิสราเอล หลังจากนั้น ข้าพเจ้าเห็นนิมิต ประชาชนมากมายเหลือคณานับจากทุกชาติ ทุก เผ่า ทุกประเทศและทุกภาษา กำ�ลังยืนอยู่เฉพาะพระบัลลังก์และเฉพาะพระพักตร์ ลูกแกะ ทุกคนสวมเสื้อขาว ถือใบปาล์ม ร้องสรรเสริญเสียงดังว่า “ความรอดพ้นเป็น ของพระเจ้าของเรา ผู้ประทับอยู่บนพระบัลลังก์ และเป็นของลูกแกะ” ทูตสวรรค์ ทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบพระบัลลังก์ รอบผู้อาวุโส และรอบผู้มีชีวิตทั้งสี่ตน ต่างกราบลง หน้าพระบัลลังก์ ศีรษะจรดพื้น นมัสการพระเจ้าว่า อาเมน คำ�ถวายพระพร พระสิริรุ่งโรจน์ พระปรีชาญาณ คำ�ขอบพระคุณ พระเกียรติยศ พระอานุภาพและพระพลานุภาพ เป็นของพระเจ้าของเราตลอดนิรันดร อาเมน ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า “คนที่สวมเสื้อขาวเหล่านี้เป็นใคร และมาจาก ไหน” ข้าพเจ้าตอบว่า “นายขอรับ ท่านก็รู้อยู่แล้ว” เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า “คนเหล่านี้ คือผู้ที่มาจากการเบียดเบียนครั้งใหญ่ เขาซักเสื้อของเขาจนขาวในพระโลหิตของ ลูกแกะ เพลงสดุดี สดด 24:1-2,3-4,5-6 ก) แผ่นดินและสรรพสิ่งบนแผ่นดินเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า โลกและผู้อาศัยอยู่ในโลกก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงวางฐานของโลกไว้เหนือทะเล ทรงตรึงยึดไว้มั่นคงบนกระแสนํ้าไหล ข) ใครจะขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ใครจะยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ผู้มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้ไม่ใฝ่หารูปเคารพ ผู้ไม่สาบานเพียงเพื่อหลอกลวง ค) บุคคลเช่นนี้จะได้รับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้รับความเป็นธรรมจากพระเจ้าผู้ทรงช่วยเขาให้รอดพ้น นี่คือพงศ์พันธุ์ที่แสวงหาพระองค์ แสวงหาพระพักตร์พระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งยาโคบ

11.indd 356

21/12/2561 14:50:44


บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 3:1-3 พี่น้องที่รักยิ่ง จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทาน ให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำ�ให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของ พระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลก ไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของ พระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏ ชัดแจ้ง เราตระหนักดีวา่ เมือ่ พระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็น เหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างทีพ่ ระองค์ ทรงเป็น ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำ�ระใจของ ตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5:1-12ก เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำ�นวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา “ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำ�เหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก” เมือ่ เรามองในความเป็นจริง การขึน้ ไปยังทีส่ งู เช่น ทางทีช่ นั หรือว่าต้องมีการปีนป่ายขึน้ ไปนัน้ เรา มักจะมีความยากลำ�บากกว่าเดินทางเรียบและทางปกติสักหน่อย อาจจะเมื่อยบ้าง ปีนป่ายบ้าง เหนื่อยบ้าง หากเราเห็นถึงชีวติ ของพระเยซูเจ้าและนักบุญทัง้ หลายทีส่ มโภชในวันนี้ คงสามารถบอกได้วา่ “ผ่านกางเขน และความทุกข์ยากต่างๆ” เราก็จะได้พบกับแสงสว่าง ความชื่นชมยินดีและความสุขแท้จริงซึ่งพระจะประทาน ให้เรา ดังเช่นที่เราได้ฟังจากพระวาจาในวันนี้

11.indd 357

21/12/2561 14:50:44


ระลึกถึง น.ชาร์ลส์ โบโรเมโอ พระสังฆราช สดด 69 :29-30, 32-33,35-36 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 รม 11:29-36 พีน่ อ้ ง ทัง้ นี้ เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลีย่ นพระทัยเพิกถอนทัง้ ของประทานทีท่ รงให้ เปล่าและพระกระแสเรียกของพระองค์ ท่านทัง้ หลายเคยไม่เชือ่ ฟังพระเจ้า แต่บดั นีไ้ ด้ รับพระกรุณา เพราะชาวอิสราเอลมิได้เชือ่ ฟังฉันใด บัดนีช้ าวอิสราเอลไม่เชือ่ ฟังพระเจ้า แต่ในทีส่ ดุ พวกเขาก็จะได้รบั พระกรุณา ดังทีไ่ ด้ทรงแสดงพระกรุณาต่อท่านฉันนัน้ เพราะ พระเจ้าทรงปล่อยให้มนุษย์ทุกคนไม่เชื่อฟังพระองค์ เพื่อจะได้ทรงแสดงพระกรุณา พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกลํ้าเพียงใด คำ�ตัดสินของพระองค์สุดที่จะ หยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้ ใครเล่าจะล่วงรู้พระดำ�ริขององค์ พระผู้เป็นเจ้า ใครเล่าเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ ใครเล่าเคยถวายสิ่งใดแด่พระองค์ พระองค์จึงจะต้องประทานตอบแทนเขา เพราะทุกสิ่งล้วนมาจากพระองค์ โดยทาง พระองค์และเพื่อพระองค์ ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน พระวรสาร ลก 14:12-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลาง วันหรืออาหารคาํ่ อย่าเชิญมิตรสหาย พีน่ อ้ งหรือเพือ่ นบ้านทีม่ งั่ มี เพราะเขาจะเชิญท่าน และท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต” เวลาทีม่ งี านเฉลิมฉลองหรือว่างานเลีย้ งและสังสรรค์ ผูท้ เี่ ป็นคนจัดงานหรือ เตรียมสิ่งต่างๆ ไว้ ก็มักจะเตรียมอย่างดี โดยดูถึงวัตถุประสงค์และแขกผู้ที่จะมาร่วมใน งานนี้ด้วย เพื่อจะได้เตรียมสิ่งต่างๆ ไว้อย่างพอดีและเหมาะสมสำ�หรับกลุ่มคนเป้าหมาย ที่จะมาร่วมงาน กระนั้นก็ดี คงจะเป็นไปได้น้อยครั้งที่จะได้มีการจัดงาน สำ�หรับผู้ที่ยากลำ�บาก เรา แต่ละคนก็ไม่ควรลืมด้วยเช่นกันว่า ในชีวิตของเราเอง ไม่ได้สุขสบายไปตลอดเวลา ย่อมมี บ้างทีใ่ นเวลาทีแ่ ย่ในชีวติ แบบนัน้ เราต้องการให้มคี นเข้าใจและหวังทีจ่ ะมีผคู้ อยช่วยเหลือ เรา ความเข้าใจต่อผูอ้ นื่ และการช่วยเหลือผูท้ ลี่ �ำ บากจะเป็นสิง่ ทีด่ สี �ำ หรับเรา และเราจะได้ รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อเรากลับคืนชีพ

11.indd 358

21/12/2561 14:50:45


บทอ่านที่ 1 รม 12:5-16ก พีน่ อ้ ง เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่างๆ เหล่านีไ้ ม่มี หน้าทีเ่ ดียวกันฉันใด แม้เราจะมีจ�ำ นวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้า ฉันนัน้ โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกัน ตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้ พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ สัปดาห์ที่ 31 ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่ เทศกาลธรรมดา บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ� ก็จงทำ�หน้าที่ผู้นำ�ด้วย สดด 131:1,2,3 ความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 อืน่ ดีกว่าตน อย่าเฉือ่ ยชา จงมีจติ ใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จงชืน่ ชม ยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา จงเห็น อกเห็นใจช่วยเหลือบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี จงอวยพรผูท้ เี่ บียดเบียนท่าน จงอวยพรเขา อย่าสาปแช่ง จงร่วมยินดีกบั ผูท้ ยี่ นิ ดี จงร้องไห้กบั ผูท้ รี่ อ้ งไห้ จงเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง แต่จงยอมทำ�สิ่งตํ่าต้อยเถิด อย่าทะนงว่าตนฉลาด พระวรสาร ลก 14:15-24 เวลานัน้ ผูร้ ว่ มโต๊ะคนหนึง่ ได้ยนิ เช่นนีจ้ งึ ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ผูท้ กี่ นิ อาหารในพระอาณาจักรของพระเจ้า ย่อมเป็นสุข” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชายผู้หนึ่งจัดงานเลี้ยงใหญ่และเชิญคนเป็นจำ�นวนมาก เมื่อถึงเวลา งาน เขาส่งผูร้ บั ใช้ไปบอกผูร้ บั เชิญทัง้ หลายว่า ‘เชิญมาเถิด ทุกอย่างพร้อมแล้ว’ แต่ทกุ คนต่างขอตัว คนแรก พูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ซื้อที่นาไว้แปลงหนึ่ง จำ�เป็นต้องไปดู จึงขออภัยที่มางานเลี้ยงไม่ได้’ อีกคนหนึ่งพูดว่า ‘ข้าพเจ้าซือ้ โคไว้หา้ คู่ กำ�ลังจะไปทดลองใช้งาน จึงขออภัยทีม่ างานเลีย้ งไม่ได้’ อีกคนหนึง่ พูดว่า ‘ข้าพเจ้าเพิง่ แต่งงาน จึงมาไม่ได้’ ผู้รับใช้กลับมารายงานทุกอย่างแก่นายของตน นายโกรธมาก พูดกับผู้รับใช้ว่า ‘จงรีบออกไปตามลาน สาธารณะและตามถนนในเมือง จงพาคนยากจน คนพิการ คนตาบอดและคนง่อยเข้ามาที่นี่เถิด’ ผู้รับใช้ กลับมาบอกนายว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้าทำ�ตามคำ�สั่งของท่านแล้ว แต่ยังมีที่ว่างอีก’ นายจึงบอกผู้รับใช้ว่า ‘จงออกไปตามทางเดินและตามรั้วต้นไม้ เร่งเร้าผู้คนให้เข้ามาเพื่อทำ�ให้คนเต็มบ้านของเรา เราบอกท่าน ทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ที่ได้รับเชิญคนใดจะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’” ประสบการณ์จากตัวอย่างในสังคม ในกรณีที่มีงานและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งอาจจะมีหัวข้อหรือธีม สำ�หรับงานบ้างว่า ผู้ร่วมงานควรจะเตรียมตัวหรือต้องทำ�อะไร เช่น มีการแต่งกายสีใดหรือมีสัญลักษณ์และ เครื่องหมายใดพิเศษในการเข้าร่วมงาน เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ร่วมงานก็จะจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ตามที่ผู้เตรียมงานได้ กำ�หนดไว้ ในวันนีพ้ ระเจ้าทรงเป็นผูจ้ ดั และเตรียมสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ไว้ให้เรา ในพระอาณาจักรของพระองค์ หัวข้อและธีมต่างๆ พระองค์ไม่ได้เรียกร้องเราเลย ไม่ใช่บ้าน ที่ดินหรือทรัพย์สมบัติ เพียงแค่ให้เราเตรียมตัวเองอย่างดี ณ เวลา ปัจจุบัน ในฐานะที่เราแต่ละคนเป็นคริสตชนคนหนึ่ง ผ่านทางชีวิตประจำ�วันและจิตใจของเรา 11.indd 359

21/12/2561 14:50:45


สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 112:1-2,4-5,9 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

บทอ่านที่ 1 รม 13:8-10 พีน่ อ้ ง อย่าเป็นหนีผ้ ใู้ ด นอกจากเป็นหนีค้ วามรักซึง่ กันและกัน ผูท้ รี่ กั เพือ่ นมนุษย์ ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่า อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่า คน อย่าลักขโมย อย่าโลภ และถ้ามีบทบัญญัติอื่นอีกก็สรุปได้ในข้อความนี้ว่า จงรัก เพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ความรักไม่ทำ�ความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรัก เป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน พระวรสาร ลก 14:25-33 เวลานั้น ประชาชนจำ�นวนมากกำ�ลังเดินไปกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหัน พระพักตร์มาตรัสกับเขาทัง้ หลายว่า “ถ้าผูใ้ ดติดตามเราโดยไม่รกั เรามากกว่าบิดามารดา ภรรยา บุตร พี่น้องชายหญิง และแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ ได้ ผู้ใดไม่แบกกางเขนของตนและติดตามเรา ผู้นั้นเป็นศิษย์ของเราไม่ได้” “ท่านที่ต้องการสร้างหอคอย จะไม่คำ�นวณค่าใช้จ่ายก่อนหรือว่ามีเงินพอสร้างให้ เสร็จหรือไม่ มิฉะนั้นเมื่อวางรากฐานไปแล้ว แต่สร้างไม่สำ�เร็จ ทุกคนที่เห็นจะหัวเราะ เยาะเขา พูดว่า ‘คนนี้เริ่มก่อสร้าง แต่ทำ�ให้สำ�เร็จไม่ได้’ หรือกษัตริย์ที่ทรงยกทัพไปทำ� สงครามกับกษัตริย์อีกองค์หนึ่ง จะไม่ทรงคำ�นวณก่อนหรือว่า ถ้าใช้กำ�ลังพลหนึ่งหมื่น คน จะเผชิญกับศัตรูทมี่ กี �ำ ลังพลสองหมืน่ คนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ขณะทีอ่ กี ฝ่ายหนึง่ ยัง อยูห่ า่ งไกล พระองค์จะได้ทรงส่งทูตไปเจรจาขอสันติภาพ ดังนัน้ ทุกท่านทีไ่ ม่ยอมสละ ทุกสิ่งที่ตนมีอยู่ ก็เป็นศิษย์ของเราไม่ได้” เราทราบว่า ทุกความเชื่อหรือทุกศาสนาล้วนสอนให้คนทำ�ดีและเป็นคนดี ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่เราจะปฏิบัติตามคำ�สอนหรือความเชื่อต่อสิ่งที่เรา มี คริสตชนอย่างเรา มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสตเจ้า และปรารถนาจะ ติดตามพระองค์ด้วยชีวิตของเรา ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยบ้าง ลำ�บากบ้างหรือว่าไม่อยากที่จะ ทำ�บ้าง แต่ถา้ หากว่าได้ค�ำ นวณเหมือนกษัตริยท์ ไี่ ด้ยกทัพไปทำ�สงคราม เราจะมีความมัน่ ใจ และเชือ่ ใจได้เลยว่า คงไม่มสี งิ่ ใดทีจ่ ะสามารถต้านกำ�ลังของเราได้ เพราะว่าองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทรงอยู่ข้างเรา ปัญหา ความยากลำ�บากต่างๆ พระองค์จะทรงช่วยเหลือเรา ในฐานะ ที่เราเป็นศิษย์ของพระองค์

11.indd 360

21/12/2561 14:50:46


บทอ่านที่ 1 รม 14:7-12 พีน่ อ้ ง เพราะไม่มพี วกเราคนใดทีม่ ชี วี ติ อยูเ่ พือ่ ตนเอง และไม่มผี ใู้ ดตายเพือ่ ตนเอง เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีชวี ติ อยู่ ก็มชี วี ติ อยูเ่ พือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ถ้าเราตาย เราก็ตายเพือ่ องค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุนเี้ อง พระคริสตเจ้าจึงสิน้ พระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เพือ่ จะเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของผู้ตายและของผู้เป็น แล้วท่านทำ�ไมจึงตัดสินพี่น้องของท่าน และท่าน ทำ�ไมจึงดูหมิ่นพี่น้อง ในเมื่อเราทุกคนจะต้องไปยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์ พิพากษาของพระเจ้า เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่ แน่นอนฉันใด ก็เป็นทีแ่ น่นอนฉันนัน้ ว่า ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเรา และทุกคนจะกล่าว สรรเสริญพระเจ้า” ดังนัน้ เราแต่ละคนต่างจะต้องทูลรายงานเกีย่ วกับตนเองต่อพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา สดด 27:1,4,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร ลก 15:1-10 เวลานั้น บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสี และธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์ จึงตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่น ทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วย ความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้ เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ ต้องการกลับใจ” “หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำ�หายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาด บ้าน ค้นหาอย่างถีถ่ ว้ นจนกว่าจะพบหรือ เมือ่ พบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพือ่ น บ้านมาพูดว่า ‘จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว’ เราบอกท่าน ทัง้ หลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมือ่ คนบาปคนหนึง่ กลับ ใจ” ทุกคนจะคุกเข่าลงกราบเราและทุกคนจะกล่าวสรรเสริญพระเจ้า ดังนั้น เราแต่ละคนจะต้องทูล รายงานเกี่ยวกับตนเองต่อพระเจ้า สมัยที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่ร่วมกับเรา กลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี เช่น คน เก็บภาษี ฟาริสีและบรรดาธรรมาจารย์ทั้งหลาย ได้หาเรื่องราวและคำ�ถามต่างๆ มาจับผิดพระเยซูเจ้า มีการบ่น ว่าพระองค์บ้างเหมือนดังพระวาจาของพระเจ้าที่เราได้ทราบในวันนี้ เป็นการดีเมือ่ ได้พบเจอบางสิง่ บางอย่างทีก่ �ำ ลังหาอยูเ่ หมือนดังเหรียญและแกะ และคงเป็นสิง่ ทีด่ มี ากๆ เช่น กันเมื่อความไม่ดี ความบาปผิดบกพร่องต่างๆ ของคนแต่ละคนได้ถูกแก้ไข ปรับปรุงตัว กลับใจ เราวอนขอให้ พระเป็นเจ้าทรงอวยพรต่อตัวเราด้วยเช่นกัน ในการพยายามปฏิบัติตัวและแก้ไขตนเองอย่างดี จากสิ่งที่เรา บกพร่อง 11.indd 361

21/12/2561 14:50:46


บทอ่านที่ 1 รม 15:14-21 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าแน่ใจว่า ท่านมีความดีและมีความรู้อย่างเต็มเปี่ยม สั่งสอนตักเตือนกันได้ แต่บางตอนของจดหมายนี้ข้าพเจ้าใช้ถ้อยคำ�รุนแรงไปบ้างเพื่อ เตือนความจำ�ของท่านอีกครั้งหนึ่ง เพราะพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเยซูไปยังคนต่างศาสนา โดยทำ�หน้าที่สมณะ ในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า เพื่อให้คนต่างศาสนาได้เป็นเสมือนเครื่องบูชาที่พอ สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา พระทัยซึ่งพระจิตเจ้าทรงบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้ ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจในงานที่ข้าพเจ้าทำ�ในพระคริสตเยซูเพื่อพระเจ้า เพราะ สดด 98:1,2-3ก,3ข-4 ข้าพเจ้าไม่กล้ากล่าวถึงสิง่ ใดนอกจากสิง่ ทีพ่ ระคริสตเจ้าทรงกระทำ�โดยผ่านข้าพเจ้า เพือ่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 ให้คนต่างศาสนาเชือ่ ฟังพระเจ้า ข้าพเจ้าทำ�เช่นนีโ้ ดยอาศัยคำ�พูดและกิจการ อาศัยฤทธิ์ อำ�นาจของเครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า... ข้าพเจ้า ตัง้ เป็นกฎไว้วา่ จะประกาศข่าวดีในทีท่ ยี่ งั ไม่มผี รู้ จู้ กั พระนามพระคริสตเจ้ามาก่อน เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ไม่กอ่ สร้าง บนรากฐานทีค่ นอืน่ วางไว้แล้ว ดังทีม่ เี ขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ ผูท้ ไี่ ม่เคยฟังคำ�ประกาศเรือ่ งพระองค์จะแลเห็น และผู้ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องพระองค์จะเข้าใจ พระวรสาร ลก 16:1-8 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผหู้ นึง่ มีผจู้ ดั การดูแลผลประโยชน์คนหนึง่ มีผมู้ าฟ้องว่าผูจ้ ดั การคนนีผ้ ลาญทรัพย์สนิ ของนาย เศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำ�บัญชีรายงานการจัดการของ เจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผูจ้ ดั การอีกต่อไป’ ผูจ้ ดั การจึงคิดว่า ‘ฉันจะทำ�อย่างไร นายจะไล่ฉนั ออกจากหน้าที่ ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำ�ไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำ�อย่างไร เพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา’ เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘เป็นหนีน้ าํ้ มันมะกอกเทศหนึง่ ร้อยถัง’ ผูจ้ ดั การจึงบอกว่า ‘นำ�ใบสัญญาของท่านมา นัง่ ลงเร็วๆ เขียนแก้เป็น ห้าสิบถัง’ แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า ‘แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร’ เขาตอบว่า ‘เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่ง ร้อยกระสอบ’ ผู้จัดการจึงบอกว่า ‘เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ’ นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่า เขาทำ�อย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียว ฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” พระสันตะปาปาพระองค์หนึ่งเคยตรัสและกล่าวว่า “พระวรสารตอนนี้ที่เราได้ฟัง ถ้าจะเปรียบได้ กับพ่อ-แม่ที่เลี้ยงดูลูกของตนด้วย “ขนมปังสกปรก” ก็ว่าได้ เนื่องจากการติดสินบนและคดโกง ซึ่งสิ่งนี้ทำ�ให้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของลูกๆ ต้องตํ่าต้อยลงไปเรื่อยๆ เด็กๆ และเราทุกคน ได้เติบโตมาบริสทุ ธิด์ งั ผ้าขาวทีค่ อ่ ยๆ โดนแต่งแต้มโดยสิง่ แวดล้อมรอบๆ ตัว ครอบครัว โรงเรียนและสังคมปัจจุบัน ชีวิตมนุษย์มิได้เป็นส่วนหนึ่งที่ดีในสังคมได้ เพียงมีแต่ “วิชาการ” หากปราศจาก “คุณธรรม” เราต้องหมั่นปลูกฝังอย่างสมํ่าเสมอให้เติบโตขึ้น การเรียนรู้ให้ถึง “คุณธรรม หรือ พฤติกรรมที่ดีอัน ควรกระทำ�” 11.indd 362

21/12/2561 14:50:47


บทอ่านที่ 1 อสค 47:1-2,8-9,12 เขานำ�ข้าพเจ้ากลับมาที่ประตูพระวิหาร ข้าพเจ้าเห็นนํ้าไหลออกมาจากใต้ธรณี ประตูพระวิหารด้านตะวันออก เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางทิศตะวันออก นํ้านี้ไหล ลงมาจากใต้ด้านขวาของพระวิหาร ทางทิศใต้ของพระแท่นบูชา เขานำ�ข้าพเจ้าออกไป ทางประตูดา้ นเหนือ และพาข้าพเจ้าอ้อมภายนอกจนถึงประตูชนั้ นอกซึง่ หันหน้าไปทาง ทิศตะวันออก ข้าพเจ้าเห็นว่านํ้านี้ไหลออกมาทางด้านขวา เขาบอกข้าพเจ้าว่า “นํ้านี้ ฉลองวันครบรอบ ไหลไปทางทิศตะวันออก ลงไปถึงลุ่มแม่นํ้าจอร์แดน เข้าไปในทะเล เมื่อไหลเข้าไปใน การถวายพระวิหาร ทะเล ก็ทำ�ให้นํ้าทะเลจืด แม่นํ้านี้ไปถึงที่ใด สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวในนั้นก็จะมีชีวิต จะ ลาเตรัน มีปลาจำ�นวนมาก เพราะนํ้านี้ไหลไปถึงที่ใด นํ้าทะเลก็จืด แม่นํ้าไหลไปถึงที่ใด ทุกสิ่งก็ สดด 46:2-3,5-6,8-9 มีชีวิต ตามฝั่งทั้งสองฟากของแม่นํ้าต้นไม้ผลทุกชนิดจะเจริญเติบโต ใบของมันจะไม่ เหี่ยวแห้ง และผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะนํ้าที่หล่อเลี้ยง ต้นไม้เหล่านี้ไหลมาจากสักการสถาน ผลของต้นไม้เหล่านี้ใช้เป็นอาหาร และใบก็ใช้ เป็นยารักษาโรค” พระวรสาร ยน 2:13-22 เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรง ใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทกุ คนรวมทัง้ แกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลือ่ นกลาด และ ทรงควํ่าโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำ�ของเหล่านี้ออกไป อย่าทำ�บ้านของ พระบิดาของเราให้เป็นตลาด” บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำ�ที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรักที่ข้าพเจ้ามี ต่อบ้านของพระองค์เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมี เครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำ�นาจทำ�ดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำ�ลายพระวิหารนี้ แล้ว เราจะสร้างขึน้ ใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “พระวิหารหลังนีต้ อ้ งใช้เวลาสร้างถึงสีส่ บิ หกปี แล้วท่านจะ สร้างขึน้ ใหม่ในสามวันหรือ” แต่พระองค์ก�ำ ลังตรัสถึงพระวิหารซึง่ หมายถึงพระกายของพระองค์ ดังนัน้ เมือ่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึง เชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ตรัสไว้ เราแต่ละคนเป็นดังพระวิหารของพระเจ้า ที่จะต้องดูแลอย่างสมํ่าเสมอ ไม่ทำ�ให้วุ่นวายดังเช่น พระวาจาทีเ่ ราได้รบั ทราบ ซึง่ จะมีการสาละวน จำ�หน่าย แลกเปลีย่ นและสนใจแต่ในเรือ่ งทีต่ นเองกำ�ลังทำ�อยูใ่ น ปัจจุบัน จนไม่ได้คิดว่าตัวเราเองเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำ�นักอยู่ในเราเช่นกัน เราทราบว่าพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้น เราจึงควรดูแลตนเองและจิตใจของเราเช่นกันซึ่งเป็น พระวิหารของพระองค์ โดยดูแลอย่างดียอดเยีย่ ม การดูแลพระวิหารของพระเจ้าทีเ่ ราสามารถทำ�ได้กค็ อื มีความ กระตือรือร้นในการแสดงความรักต่อตนเองและจิตวิญญาณทางความเชื่อของเรา 11.indd 363

21/12/2561 14:50:47


สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่สอง 2 มคบ 7:1-2,9-14 เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มารดาและบุตรเจ็ดคนถูกจับกุม กษัตริย์ทรง พยายามบังคับเขาให้กินเนื้อหมูซึ่งธรรมบัญญัติห้ามกิน โดยใช้แส้เฆี่ยนตีทรมาน บุตร คนหนึง่ พูดแทนพีน่ อ้ งว่า “พระองค์ทรงซักถามพวกเรานีห้ วังจะทราบอะไรเล่า เราพร้อม จะตายดีกว่าจะละเมิดธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษ” เมือ่ ใกล้จะตาย เขาพูดว่า “พระองค์ทรงโหดร้าย ทรงทำ�ลายชีวติ ปัจจุบนั ของพวก เราได้ แต่พระเจ้า กษัตริย์จอมจักรวาลจะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพมีชีวิตตลอดไป เพราะเราได้ตายเพื่อธรรมบัญญัติของพระองค์” ต่อจากนัน้ คนทีส่ ามก็ถกู ทรมาน เมือ่ ถูกสัง่ เขาก็แลบลิน้ และยืน่ มือออกมาอย่าง กล้าหาญ แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พระเจ้าประทานอวัยวะเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้าพร้อมจะสละอวัยวะเหล่านีเ้ พราะเห็นแก่ธรรมบัญญัตขิ องพระองค์ ข้าพเจ้าหวัง ว่าจะได้รับอวัยวะเหล่านี้คืนมาอีกครั้งหนึ่ง” กษัตริย์ทรงประหลาดพระทัยเช่นเดียวกับข้าราชบริพารที่หนุ่มคนนี้มีความกล้า หาญ จนไม่หวั่นไหวต่อการทรมานใดๆ เมื่อเขาตายแล้ว น้องชายคนที่สี่ก็ถูกทรมาน เช่นเดียวกัน เมื่อใกล้จะตาย เขาพูดว่า “ตายด้วยนํ้ามือมนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม เมื่อมี ความหวังว่าพระเจ้าจะประทานชีวติ ให้อกี แต่พระองค์ ข้าแต่พระราชา พระองค์จะไม่มี วันได้กลับคืนพระชนมชีพมารับชีวิตอีกเลย” เพลงสดุดี สดด 17:1-2,5-6,8-9 และ 15 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคดีของผู้ชอบธรรม โปรดตั้งพระทัยฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า โปรดเงี่ยพระโสตสดับคำ�อธิษฐานภาวนาของข้าพเจ้า ริมฝีปากของข้าพเจ้าไม่มีความหลอกลวง ขอพระองค์ทรงพิพากษาให้ข้าพเจ้าชนะคดี ขอพระองค์ทอดพระเนตรเห็นความเที่ยงธรรม ข) ก้าวเดินของข้าพเจ้ายึดมั่นในทางของพระองค์ เท้าของข้าพเจ้าจึงไม่พลาดพลั้ง ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ พระองค์จะทรงตอบข้าพเจ้า โปรดเอียงพระกรรณฟังคำ�ของข้าพเจ้าเถิด ค) โปรดทรงรักษาข้าพเจ้าไว้ดุจแก้วตา โปรดทรงปกป้องข้าพเจ้าไว้ใต้ร่มปีกของพระองค์ ให้พ้นจากคนชั่วร้ายที่ข่มเหงข้าพเจ้า ศัตรูกำ�ลังห้อมล้อมหมายจะเอาชีวิตข้าพเจ้า

11.indd 364

21/12/2561 14:50:47


แต่ข้าพเจ้าจะชมพระพักตร์เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าก็จะอิ่มเอิบใจที่เห็นพระองค์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่สอง 2 ธส 2:16-3:5 ขอพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเรา ประทานกำ�ลังใจนิรันดร และความหวังที่ดีให้เราเดชะพระหรรษทาน โปรดประทานกำ�ลังใจให้ท่านและบันดาลให้ท่านยืนหยัดมั่นคง ในกิจการและวาจาที่ดีทุกประการเทอญ พี่น้องทั้งหลาย สุดท้ายนี้ จงอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา ขอให้พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเผยแผ่ไป อย่างรวดเร็วและได้รับการยกย่องดังที่เป็นไปในหมู่ท่านแล้ว และให้เราพ้นจากคนชั่วร้าย เพราะมิใช่ทุกคน มีความเชื่อ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเสริมกำ�ลังให้ท่านมั่นคง และทรงคุ้มครองท่าน จากมารร้าย เรามัน่ ใจในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่าท่านกำ�ลังทำ�สิง่ ทีเ่ รากำ�ชับนัน้ และจะทำ�ต่อไป ขอองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทรงนำ�ใจท่านสู่ความรักของพระเจ้า และสู่ความอดทนมั่นคงของพระคริสตเจ้าเถิด บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 20:27-38 เวลานัน้ ชาวสะดูสบี างคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านีส้ อนว่าไม่มกี ารกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้น มาเป็นภรรยาเพือ่ จะได้สบื สกุลของพีช่ าย มีพนี่ อ้ งเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มบี ตุ ร คนทีส่ อง คนที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและ จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะ เป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผูต้ ายจะกลับ คืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มใิ ช่พระเจ้าของผูต้ าย แต่เป็นพระเจ้าของผูเ้ ป็น เพราะทุกคนมีชวี ติ อยูเ่ พือ่ พระองค์” ความตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เราต้องประสบพบกันทุกคน ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้ที่เชื่อในเรื่อง การกลับคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง เหมือนดังชาวสะดูสีที่มาพบพระเยซูเจ้าในวันนี้ เราทราบดังที่พระองค์ทรงตรัสแล้ว ว่า พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เราควรทำ�กิจการและปฏิบตั ติ วั ดังเช่นผูท้ มี่ ชี วี ติ อยู่ จากบทอ่าน นักบุญเปาโลได้เขียนจดหมายและเชิญชวน ให้คนได้ภาวนาเพื่อท่าน เช่นเดียวกัน การที่เราได้ภาวนาให้ผู้อื่น ก็เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติด้วยเช่นกัน เป็นการมอบ ความรักและความเมตตาของพระเจ้าไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งยังมีชีวิตอยู่เฉกเช่นเดียวกับเรา

11.indd 365

21/12/2561 14:50:47


ระลึกถึง น.มาร์ติน แห่งตูร์ พระสังฆราช สดด 139:1-3,4-6, 7-8,9-10

บทอ่านที่ 1 ปชญ 1:1-7 จงรักความชอบธรรมเถิด ท่านทัง้ หลายผูป้ กครองแผ่นดิน จงคิดถึงองค์พระผูเ้ ป็น เจ้าอย่างเป็นธรรม จงแสวงหาพระองค์ดว้ ยใจจริง เพราะผูท้ ไี่ ม่ลองดีกบั พระองค์ ก็พบ พระองค์ได้ พระองค์ทรงสำ�แดงองค์แก่บรรดาผู้วางใจในพระองค์ ความคิดคดแยก มนุษย์ออกจากพระเจ้า ถ้าผู้ใดลองดีกับพระอานุภาพ พระองค์จะทรงพิสูจน์ว่าเขาโง่ เขลา ปรีชาญาณไม่ซึมเข้าไปในจิตใจที่มุ่งทำ�ความชั่วร้าย และไม่อยู่ในร่างกายที่เป็น ทาสของบาป พระจิตเจ้าทรงอบรมสัง่ สอนมนุษย์ ทรงหลีกหนีความหลอกลวง ทรงอยู่ ห่างจากผู้ที่คิดโง่เขลา จะเสด็จจากไป เมื่อความอธรรมเข้ามา ปรีชาญาณเป็นจิตที่ เป็นมิตรกับมนุษย์ แต่ไม่ปล่อยให้ผู้ที่กล่าวดูหมิ่นตนพ้นโทษไปได้ เพราะพระเจ้าทรง ทราบความรู้สึกในใจของเขา ทรงสำ�รวจความคิดตามความจริง ทรงฟังคำ�พูดของเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ทั่วพิภพ ทรงยึดสรรพสิ่งไว้ด้วยกัน มนุษย์พูด สิ่งใด พระองค์ก็ทรงทราบ

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 ฉลองวันครบรอบ การถวายอาสนวิหาร พระมารดานิจจานุเคราะห์ พระวรสาร ลก 17:1-6 สังฆมณฑลอุดรานี เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เหตุที่ชักนำ�ให้ทำ�บาปจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่เป็น เหตุให้บาปเกิดขึ้น ถ้าจะเอาหินโม่แขวนคอเขาและโยนเขาลงทะเล จะเป็นการดีกว่า ปล่อยให้เขาเป็นเหตุชกั นำ�คนธรรมดาๆ เหล่านีแ้ ม้เพียงคนเดียวให้ท�ำ บาป ท่านทัง้ หลาย จงระวังตนให้ดีเถิด” “ถ้าพี่น้องของท่านทำ�ผิด จงตักเตือนเขา ถ้าเขากลับใจ จงให้อภัยแก่เขา ถ้าเขา ทำ�ผิดต่อท่านวันละเจ็ดครั้ง และกลับมาหาท่านทั้งเจ็ดครั้ง พูดว่า ‘ฉันเสียใจ’ ท่านจง ให้อภัยเขาเถิด” บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจึงตรัสว่า “ถ้าท่านมีความเชือ่ เท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อน ต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” หากได้ทำ�ธุรกิจหรือการค้า คงเป็นสิ่งที่ดีและน่าดีใจแน่ๆ ถ้าหากผลกำ�ไร หรือรายได้ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เป็นสิ่งแน่นอนทีเดียว ที่จะมีใครก็ตาม อยากจะให้ธุรกิจนั้น เป็นการเสียผลประโยชน์หรือเป็นการขาดทุน ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณก็เช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า หรือเป็น เงินทอง แต่วา่ เราสามารถได้รบั เกียรติและร่วมเป็นสุขอยูก่ บั พระองค์ในชีวติ นิรนั ดรได้ ถ้า หากเรายิ่งปฏิบัติตัวอย่างดีในชีวิตประจำ�วันของเรา โดยไม่ชักนำ�ผู้อื่นในการปฏิบัติตัวที่ ไม่ดี ขณะเดียวกัน เมื่อผู้อื่นได้มาปฏิบัติความผิดพลาดต่อเรา เราก็มีการให้อภัยเขา ซึ่งจะ ถือว่าเป็นการปฏิบัติตัวในฐานะที่เป็นคริสตชนอย่างดีด้วย 11.indd 366

21/12/2561 14:50:48


บทอ่านที่ 1 ปชญ 2:23-3:9 โดยแท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงสร้างเขาตาม ภาพลักษณ์แห่งพระธรรมชาติของพระองค์ แต่เพราะความอิจฉาของปีศาจ ความตาย จึงเข้ามาในโลก ผู้ที่อยู่ฝ่ายปีศาจก็จะประสบความตาย วิญญาณผู้ชอบธรรมอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า ความทุกข์ทรมานใดๆ จะทำ�ร้ายเขา ไม่ได้ ในสายตาของคนโฉดเขลา ความตายของผูช้ อบธรรมดูเหมือนเป็นการสิน้ สุด การ จากโลกนี้ไปถูกคิดว่าเป็นหายนะ การที่เขาพรากจากเราไปดูเหมือนเป็นการสูญสิ้น แต่ แท้จริงแล้ว เขาอยูใ่ นสันติสขุ แม้ในสายตาของมนุษย์ เขาดูเหมือนว่าถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เขาก็มีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ชีวิตอมตะ เขาต้องทนทุกข์เพียงเล็กน้อย แต่จะ ได้รับบำ�เหน็จใหญ่หลวง เพราะพระเจ้าทรงทดลองเขา และทรงพบว่าเขาเหมาะสมกับ พระองค์ พระองค์ทรงทดลองเขาเหมือนทรงหลอมทองในเบ้า พอพระทัยรับเขาเป็น เสมือนเครื่องเผาบูชา ในวาระที่พระองค์เสด็จมาเขาจะส่องแสงรุ่งโรจน์ เขาจะเป็น เหมือนประกายไฟที่ไหม้ไปทั่วกองฟาง เขาจะตัดสินนานาชาติ และมีอำ�นาจปกครอง ประชาชาติ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครองราชย์เหนือเขาตลอดไป บรรดาผู้ที่วางใจใน พระองค์จะเข้าใจความจริง บรรดาผูซ้ อื่ สัตย์ตอ่ พระองค์จะมีชวี ติ อยูก่ บั พระองค์ในความ รัก เพราะพระเจ้าทรงความรักมั่นคงและทรงพระเมตตาต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของ พระองค์ และเสด็จมาช่วยเหลือผู้ที่ทรงเลือกสรร

ระลึกถึง น.โยซาฟัต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 34:1-2,15-16, 17-18 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 17:7-10 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “ท่านผู้ใดที่มีผู้รับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อผู้รับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้ นั้นจะพูดกับผู้รับใช้หรือว่า ‘เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด’ แต่จะพูดมิใช่หรือว่า ‘จงเตรียม อาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้า จึงกินและดืม่ ’ นายย่อมไม่ขอบใจผูร้ บั ใช้ทปี่ ฏิบตั ติ ามคำ�สัง่ มิใช่หรือ ท่านทัง้ หลายก็เช่น เดียวกัน เมือ่ ท่านได้ท�ำ ตามคำ�สัง่ ทุกประการแล้ว จงพูดว่า ‘ฉันเป็นผูร้ บั ใช้ทไี่ ร้ประโยชน์ เพราะฉันทำ�ตามหน้าที่ที่ต้องทำ�เท่านั้น’” ในปัจจุบันทุกอย่างในชีวิตและการทำ�งานของเรา ถ้าหากว่าเราได้กระทำ�สิ่งใดก็ตามให้กับผู้อื่น เป็นเรื่องปกติที่มักมีการคาดหวังว่า เราจะได้รับบางสิ่งบางอย่างเป็นการตอบแทนหรือเป็นค่าจ้าง หากเรามอง ไปถึงคำ�ศัพท์ภาษากรีกของคำ�ว่า “ผู้รับใช้” ที่ปรากฏในพระคัมภีร์ นั่นหมายถึง เขาเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของนาย แม้แต่ทกุ ลมหายใจเขาก็จะเป็นของนายเท่านัน้ หน้าทีแ่ ละสิง่ ต่างๆ ทีพ่ งึ ปฏิบตั กิ เ็ พือ่ นายโดยไม่มขี อ้ แลกเปลีย่ น ผ่านทางชีวติ และศีลล้างบาป เราเป็นของพระเจ้าและพระองค์ทรงเป็นนายของเราโดยสิน้ เชิง ขอให้ทบทวน และปฏิบัติอย่างดีว่า มีไหมที่ฉันทำ�สิ่งต่างๆ สำ�หรับพระองค์ โดยไม่หวังที่จะมีสิ่งใดตอบแทน หรือปฏิบัติด้วย ความถ่อมตัวและบริสุทธิ์ใจจริงๆ 11.indd 367

21/12/2561 14:50:48


สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา สดด 82:3-4,6-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

บทอ่านที่ 1 ปชญ 6:1-11 กษัตริย์ทั้งหลาย จงฟังให้เข้าใจเถิด บรรดาผู้ปกครองทั่วแผ่นดิน จงเรียนรู้เถิด ท่านทัง้ หลายผูท้ รงอำ�นาจเหนือประชาชนมากหลาย และภูมใิ จทีป่ กครองชนชาติจ�ำ นวน มาก จงเงี่ยหูฟังเถิด อำ�นาจปกครองของท่านมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า อานุภาพของ ท่านมาจากพระเจ้าสูงสุด พระองค์จะทรงทดสอบการกระทำ�ของท่าน และจะทรง พิจารณาเจตจำ�นงของท่าน แม้ท่านเป็นผู้บริหารพระอาณาจักรของพระองค์ แต่ถ้าท่าน มิได้ปกครองอย่างถูกต้อง มิได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และมิได้ปฏิบัติตามพระประสงค์ ของพระเจ้า พระองค์กจ็ ะเสด็จมาเผชิญหน้าท่านอย่างน่ากลัวโดยรวดเร็ว เพราะผูท้ รง อำ�นาจเหนือผู้อื่นจะถูกพระองค์ทรงพิพากษาอย่างเคร่งครัด ผู้ตํ่าต้อยสมควรได้รับ พระเมตตา แต่ผู้ทรงอำ�นาจจะถูกพิจารณาคดีอย่างเคร่งครัด พระองค์ผู้ทรงอำ�นาจ ปกครองมวลมนุษย์จะไม่ทรงยำ�เกรงผู้ใด จะไม่ทรงคำ�นึงถึงความยิ่งใหญ่ใดๆ เพราะ พระองค์ทรงสร้างทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย และทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ทรงสอบสวนตรวจตราผูท้ รงอำ�นาจอย่างเคร่งครัด ผูท้ รงอำ�นาจทัง้ หลาย ข้าพเจ้าจึง พูดกับท่าน เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ปรีชาญาณและไม่หลงผิด ผู้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ ศักดิส์ ทิ ธิอ์ ย่างเลือ่ มใสศรัทธาก็จะได้รบั ความศักดิส์ ทิ ธิ์ และผูท้ เี่ รียนรูธ้ รรมบัญญัตจิ ะ ได้รบั การปกป้องจากข้อกล่าวหา ดังนัน้ ท่านจงกระตือรือร้นและตัง้ ใจฟังคำ�ของข้าพเจ้า จงแสวงหา แล้วท่านจะได้รับความรู้

พระวรสาร ลก 17:11-19 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดง ตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะทีเ่ ขากำ�ลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึง่ ในสิบคนนี้ เมือ่ พบว่าตนหายจากโรค แล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้ เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับมา ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำ�ให้ท่านรอดพ้นแล้ว” ในสมัยพระเยซูเจ้า คนโรคเรื้อนถูกห้ามเข้าทุกเมืองที่มีกำ�แพงล้อมรอบซึ่งรวมถึงกรุงเยรูซาเล็ม ด้วย ดังนัน้ พวกเขาจึงต้องดักพบพระองค์ เมือ่ ได้พบ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย และมีผทู้ มี่ าถวายพระเกียรติ แด่พระองค์ด้วย ชีวติ ของเราก็เช่นกัน มีคนต่างๆ มากมาย เราควรทีจ่ ะให้เกียรติและเคารพในศักดิศ์ รี คุณค่าความเป็นมนุษย์ ของเขาด้วย ไม่ใช่คอยรังเกียจเดียดฉันท์และกีดกันผูอ้ นื่ ออกจากตัวเรา สังคมของเรา ขณะเดียวกัน เราก็มคี วาม สำ�นึกในความเมตตากรุณาของพระองค์ในชีวิตประจำ�วันของตัวเอง จนไม่ลืมที่จะขอบพระคุณและถวายพระ เกียรติแด่พระองค์จากใจของเรา 11.indd 368

21/12/2561 14:50:48


บทอ่านที่ 1 ปชญ 7:22-8:1 ปรีชาญาณเป็นจิตรอบรู้ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งไม่เหมือนใคร หลากหลาย บางเบา ว่องไว แทรกซึมทุกอย่าง ไร้ราคี สดใส ไม่เป็นพิษเป็นภัย รักความดี แหลมคม ขัดขืน มิได้ เอือ้ อารี รักมนุษย์ ยืนยง มัน่ คง ไร้กงั วล ทำ�สิง่ ใดก็ได้ แลเห็นทุกสิง่ และแทรกซึม เข้าในจิตทัง้ หลายทีร่ อบรู้ บริสทุ ธิ์ และบางเบา ปรีชาญาณเคลือ่ นไหวว่องไวยิง่ กว่าการ เคลื่อนไหวใดๆ ผ่านทะลุและแทรกซึมเข้าในทุกสิ่ง เพราะเป็นจิตบริสุทธิ์ ปรีชาญาณ เป็นสิ่งที่ไหลล้นจากพระอานุภาพของพระเจ้า เป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์บริสุทธิ์ของ พระผู้ทรงสรรพานุภาพ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่เป็นมลทินเข้าไปในปรีชาญาณ ปรีชาญาณ เป็นแสงสะท้อนความสว่างนิรันดร เป็นกระจกเงาไร้ราคีส่องการกระทำ�ของพระเจ้า เป็นภาพลักษณ์แห่งความดีลํ้าเลิศของพระองค์ ปรีชาญาณทำ�ได้ทุกอย่างด้วยตนเอง ปรีชาญาณไม่เปลีย่ นแปลง แต่ฟนื้ ฟูทกุ สิง่ ได้ ปรีชาญาณเข้าไปในจิตวิญญาณผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ ตลอดมาทุกสมัย บันดาลให้เป็นมิตรของพระเจ้า และให้เป็นประกาศก เพราะพระเจ้า ทรงรักเฉพาะผูด้ �ำ เนินชีวติ ด้วยปรีชาญาณ ปรีชาญาณงดงามกว่าดวงอาทิตย์ สุกใสกว่า กลุ่มดาวใดๆ เมื่อเทียบกับแสงสว่าง ปรีชาญาณก็ยังได้เปรียบ เพราะแสงสว่างยังต้อง ยอมให้กลางคืนเข้ามาแทนที่ แต่ความชั่วร้ายจะชนะปรีชาญาณไม่ได้เลย ปรีชาญาณ แผ่พลังไปทั่วทุกมุมโลก ปกครองทุกสิ่งอย่างดีเลิศ

สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา สดด 119:89,90,91, 130,135,175 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 17:20-25 เวลานั้น เมื่อชาวฟาริสีทูลถามว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้ามิได้มาอย่างที่จะสังเกตเห็นได้ จะไม่มีใครพูดว่า ‘พระอาณาจักรอยู่ที่นี่ หรืออยู่ ที่นั่น’ เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เวลานั้นจะมาถึงเมื่อท่านปรารถนาเห็นวันของบุตรแห่งมนุษย์แม้ เพียงวันเดียว แต่จะไม่ได้เห็น จะมีหลายคนกล่าวกับท่านว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์อยูท่ นี่ นั่ ’ หรือ ‘บุตรแห่งมนุษย์ อยู่ที่นี่’ ท่านอย่าออกไป อย่าตามไป เพราะเมื่อสายฟ้าแลบ ย่อมส่องสว่างจากขอบฟ้าหนึ่งไปถึงอีกขอบฟ้า หนึ่งฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จมาในวันของพระองค์ฉันนั้น แต่ก่อนจะถึงวันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จำ�เป็น ต้องรับการทรมานอย่างมาก และจำ�เป็นที่คนยุคนี้ไม่ยอมรับพระองค์” ชาวฟาริสีทูลถามพระเยซูเจ้าเกี่ยวกับวันเวลาที่พระอาณาจักรจะมาถึง พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า พระอาณาจักรอยู่ในหมู่ท่านทั้งหลายแล้ว หากว่าเราได้สวดภาวนาบทข้าแต่พระบิดา จะพบว่าในชีวิตของเรา คริสตชน ก็ได้สวดภาวนาวอนขอให้พระอาณาจักรของพระองค์ได้มาถึงเราด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราได้ ภาวนาและยอมให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้เป็นไปตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงสถิตและครองราชย์อยู่ในหัวใจของบุคคลที่มีพระหรรษทาน ซึ่งเป็นพระพรที่พระเป็นเจ้าทรง ประทานให้กบั มนุษย์เปล่าๆ ด้วยนํา้ พระทัยดีของพระองค์ ทำ�ให้มนุษย์มคี วามสุข เราจึงเข้าใจได้วา่ ในท่ามกลาง ชีวิตของเรา พระองค์ทรงอยู่กับเราแล้ว 11.indd 369

21/12/2561 14:50:49


บทอ่านที่ 1 ปชญ 13:1-9 ทุกคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าย่อมเป็นคนโง่เขลาโดยธรรมชาติ จากสิ่งดีที่เห็นได้ เขาไม่ อาจค้นพบพระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ แม้จะพิจารณาผลงานของพระองค์ เขาก็ยังไม่รู้จัก พระผู้ทรงสร้าง เขาคิดว่าไฟ ลม อากาศบางเบา กลุ่มดวงดาวต่างๆ คลื่นรุนแรง ดวง ประทีปในท้องฟ้า เป็นเทพเจ้าผู้ปกครองโลก ถ้าเขาพิศวงในความงดงามของสิ่งเหล่า น.อัลเบิร์ต ผู้ยิ่งใหญ่ นีจ้ นคิดว่าเป็นเทพเจ้า เขาก็นา่ จะรูว้ า่ พระผูท้ รงเป็นเจ้านายของสิง่ เหล่านีท้ รงสูงส่งกว่า พระสังฆราช สักเพียงใด เพราะพระองค์ผทู้ รงสร้างสิง่ เหล่านีท้ รงเป็นบ่อเกิดของความงดงาม ถ้าเขา และนักปราชญ์ พิศวงในอำ�นาจและพลังของสิ่งเหล่านี้ เขาน่าจะรู้ว่าพระผู้ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ทรงพระ แห่งพระศาสนจักร อานุภาพมากกว่าสักเพียงใด เพราะจากความยิ่งใหญ่และความงดงามของสิ่งสร้างที่ คล้ายกับพระผูส้ ร้าง มนุษย์เราก็นา่ จะรูจ้ กั พระองค์ได้ คนเหล่านีค้ วรได้รบั คำ�ตำ�หนิบา้ ง สดด 19:1-2,3-4 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 เพราะแม้เขาพยายามแสวงหาพระเจ้าและต้องการพบพระองค์ แต่เขาอาจหลงทางไป เท่านั้น เขาหมกมุ่นค้นคว้าผลงานของพระองค์ แต่กลับสะดุดอยู่กับความงดงามที่ ปรากฏ เพราะสิง่ ทีเ่ ขาเห็นนัน้ งดงามน่าชม ถึงกระนัน้ คนเหล่านีก้ ไ็ ม่พน้ ความผิดทัง้ หมด ถ้าเขารู้จักค้นคว้าหาความรู้เรื่องจักรวาลได้ เหตุไฉนก่อนหน้านั้นเขาจึงค้นพบองค์พระ ผู้เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ พระวรสาร ลก 17:26-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในสมัยของโนอาห์ฉันใด ก็จะเกิดขึ้น ในสมัยของบุตรแห่งมนุษย์ฉันนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานเป็นสามีภรรยากันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ นํ้า วินาศก็ได้ท่วมเขาเหล่านั้นจนตายสิ้น ในสมัยของโลทก็เช่นเดียวกัน ผู้คนกิน ดื่ม ซื้อขาย ปลูกพืช สร้าง บ้าน แต่ในวันที่โลทออกจากเมืองโสโดม ไฟและกำ�มะถันได้ตกจากท้องฟ้ามาเผาผลาญเขาเหล่านั้นจนตาย สิ้น ในวันที่บุตรแห่งมนุษย์จะทรงสำ�แดงองค์ ก็จะเป็นเช่นเดียวกันด้วย ในวันนั้น คนที่อยู่บนดาดฟ้าและมีข้าวของอยู่ในบ้าน จงอย่าลงมาเอาของเหล่านั้นเลย คนที่อยู่ในทุ่ง นาก็เช่นเดียวกัน จงอย่าหวนกลับมาอีก ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงเรื่องภรรยาของโลทไว้เถิด ผู้ใดที่พยายาม รักษาชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น และผู้ใดที่เสียชีวิตของตน ก็จะรักษาชีวิตนั้นไว้ได้ เราบอกท่าน ทั้งหลายว่า ในคืนนั้น สองคนที่นอนเตียงเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคน ที่กำ�ลังโม่แป้งอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” บรรดาศิษย์จึงทูลถามว่า “เหตุการณ์ นี้จะเกิดขึ้นที่ใด พระเจ้าข้า” พระองค์ทรงตอบว่า “ที่ใดมีซากศพ ที่นั่นบรรดาแร้งจะมาชุมนุมกัน” ชีวิตเรามีเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดความล้มเหลวหรือความผิดพลาดในชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นได้เหมือน ดังที่เคยเกิดขึ้นกับโนอาห์ ครั้งที่มีเหตุการณ์นํ้ามหาวินาศและโลทซึ่งมีไฟกำ�มะถันตกมาจากฟากฟ้า เรื่องเหล่า นี้ เป็นดังภาพสะท้อนทำ�ให้เราเห็นถึงผูค้ นทีส่ นใจแต่เรือ่ งฝ่ายโลก มีการใช้ชวี ติ ไม่ระมัดระวังและไม่สนใจต่อเสียง เตือนใดๆ จนท้ายที่สุดก็ได้พบกับความหายนะ เราเองควรที่จะฟังเสียงเตือนทั้งจากภายนอกและภายในใจของตัวเองเสมอ เพื่อจะได้รักษาชีวิตวิญญาณ ของเราให้ปลอดภัย มัน่ ใจในความดีแห่งชีวติ ประจำ�วันของเรา เชือ่ มัน่ ในพระผูส้ ร้าง องค์บอ่ เกิดแห่งความดีงาม 11.indd 370

21/12/2561 14:50:49


บทอ่านที่ 1 ปชญ 18:14-16 และ 19:6-9 เมื่อความสงบเงียบปกคลุมทุกสิ่ง ราตรีกาลวิ่งผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว พระวาจา ทรงอานุภาพของพระองค์กระโจนลงมาจากพระบัลลังก์บนสวรรค์ ดุจนักรบห้าวหาญ กระโจนลงสูก่ ลางแผ่นดินทีจ่ ะต้องพินาศ ถือพระบัญชาเด็ดขาดของพระองค์ไว้เสมือน ดาบคม ไปที่ใดก็มีคนตายมากมายที่นั่น เท้าเหยียบแผ่นดิน ศีรษะจรดท้องฟ้า สิ่งสร้างทั้งมวลได้รับรูปแบบใหม่ตามธรรมชาติของตน เชื่อฟังพระบัญชาเพื่อ ปกป้องบรรดาบุตรของพระองค์ให้พ้นภัย ทุกคนเห็นเมฆก้อนหนึ่งมาปกคลุมค่าย ใน ที่ที่เคยเป็นนํ้า แผ่นดินแห้งก็ปรากฏขึ้น ทางเดินอย่างอิสระเปิดขึ้นในทะเลแดง และที่ ที่มีคลื่นใหญ่ก็กลับเป็นทุ่งราบเขียวชอุ่ม ประชากรทั้งหมดเดินผ่านทางนั้นโดยมี พระหัตถ์พระองค์ปกป้องไว้ เขาเห็นอัศจรรย์น่าพิศวง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขา ทัง้ หลายขับร้องสรรเสริญพระองค์ผทู้ รงช่วยเขาให้รอดพ้น ร่าเริงประหนึง่ ม้าทีว่ งิ่ ไปมา ในทุ่งหญ้า ประหนึ่งลูกแกะที่กระโดดโลดเต้น

น.มาร์กาเร็ต แห่งสก็อตแลนด์ น.เยอร์ทรู๊ด พรหมจารี

สดด 105:2-3,36-37, 42-43 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร ลก 18:1-8 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเรือ่ งหนึง่ แก่บรรดาศิษย์เพือ่ สอนว่าจำ�เป็นต้อง อธิษฐานภาวนาอยูเ่ สมอโดยไม่ทอ้ ถอย พระองค์ตรัสว่า “ผูพ้ พิ ากษาคนหนึง่ อยูใ่ นเมือง หนึ่ง เขาไม่ยำ�เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้น ด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า ‘กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความ เถิด’ ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำ�ตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า ‘แม้วา่ ฉันไม่ย�ำ เกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผใู้ ด แต่เพราะหญิงม่ายผูน้ มี้ าทำ�ให้ฉนั รำ�คาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา’” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงฟังคำ�ที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้า จะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทัง้ หลายว่า พระองค์จะประทานความ ยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้ หรือ” การสวดภาวนาเป็นเครื่องยนต์ส่งกำ�ลังให้ชีวิตมุ่งไปข้างหน้า ถ้าเราไม่สวด ภาวนา ชีวิตวิญญาณจะค่อยๆ ชะลอตัวช้าลงจอดนิ่งอยู่เฉยๆ ความเชื่อเป็นดั่งนํ้ามัน เชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อจิตใจให้เรายังคงสวดภาวนา แต่ความเชื่อนี้เราสร้างเองไม่ได้ เราต้อง วอนขอจากพระเจ้าให้เรามีความเชื่อ เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จกลับมาครั้งที่สองจะพบ ความเชื่อในโลกนี้หรือ จึงเป็นคล้ายว่าพระเยซูเจ้าทรงบอกเคล็ดลับของการจะได้รับตาม ทีว่ อนขอ ลูกต้องมีความเชือ่ และยืนหยัดไม่หยุดหย่อนในการสวดภาวนา อย่าทิง้ สวดแม้แต่ วันเดียว 11.indd 371

21/12/2561 14:50:50


สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านจากหนังสือประกาศกมาลาคี มลค 3:19-20ก พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า “ดูซิ วันนั้นกำ�ลังมาถึง คือวันที่จะลุกไหม้เหมือนเตาอบ แล้วคนอวดดีทั้งหลาย และคนทำ�ความชั่วร้ายทุกคนจะเป็นเหมือนซังข้าว วันที่จะมานั้นจะไหม้เขาทั้งหลาย องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส จนไม่มรี ากหรือกิง่ ก้านเหลืออยูเ่ ลย แต่ส�ำ หรับท่าน ทั้งหลายที่ยำ�เกรงนามของเรา ความเที่ยงธรรมของเราจะขึ้นมาเหมือนดวงอาทิตย์ซึ่ง ส่องรัศมีรักษาโรคให้หายได้” เพลงสดุดี สดด 98:5-6,7-8,9 ก) จงบรรเลงเพลงพิณถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยพิณใหญ่คลอเสียงพิณเล็ก ทั้งเสียงแตรและเสียงเป่าเขาสัตว์ จงโห่ร้องสรรเสริญเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นกษัตริย์ ข) ทะเลและทุกสิ่งที่อยู่ในทะเล จงส่งเสียงกึกก้อง แผ่นดินและผู้อาศัยบนแผ่นดินจงทำ�เช่นเดียวกัน สายนํ้าทั้งหลายจงปรบมือ ภูเขาทั้งหลายจงโห่ร้องด้วยความยินดีร่วมกัน ค) เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์กำ�ลังเสด็จมาเพื่อทรงพิพากษาแผ่นดิน พระองค์จะทรงพิพากษาโลกด้วยความเที่ยงธรรม และจะทรงพิพากษาประชาชาติด้วยความยุติธรรม บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่สอง 2 ธส 3:7-12 พี่น้อง ท่านรู้อยู่แล้วว่า ท่านต้องยึดถือเราเป็นแบบฉบับอย่างไร เพราะเมื่อเราอยู่ กับท่าน เรามิได้อยู่นิ่งเฉย เรามิได้กินอาหารของผู้ใดโดยไม่ทำ�งานตอบแทน แต่เรา ตรากตรำ�ทำ�งานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเราจะได้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด ทั้งนี้มิใช่ เพราะเราไม่มีสิทธิ์ แต่เพื่อทำ�ตนเป็นแบบฉบับแก่ท่าน เมือ่ เราอยูก่ บั ท่าน เรายังกำ�ชับท่านว่า ถ้าผูใ้ ดไม่อยากทำ�งานก็อย่ากิน แต่เราได้ยนิ ว่า บางท่านดำ�เนินชีวิตอย่างเกียจคร้านไม่ทำ�งานเลย แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับธุระของผู้ อืน่ เรากำ�ชับและเตือนคนเช่นนีใ้ นพระเยซูคริสต์องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ให้ท�ำ งานอย่างสงบ และหาเลี้ยงชีพด้วยนํ้าพักนํ้าแรงของตนเอง

11.indd 372

21/12/2561 14:50:50


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 21:5-19 ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของ ถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึง่ ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิด ขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำ�ลังจะ เกิดขึ้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวง ท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉันเป็นพระ คริสต์’ และ ‘เวลากำ�หนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อ ท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงครามและการปฏิวัติ จง อย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านี้จำ�เป็นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ยังไม่ถึงวาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่ หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมาย ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำ�ท่านไปไต่สวนใน ศาลาธรรม และจะจองจำ�ท่านในคุก เขาจะนำ�ท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำ�แก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำ�พูดและ ปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะ ทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวติ ด้วย ท่านทัง้ หลายจะเป็นทีเ่ กลียดชังของทุกคนเพราะนามของ เรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของ ท่านไว้ได้” นักบุญเปาโลอยากจะบอกคริสตชนว่า ถ้าเราทำ�ดีอะไรไม่ได้มาก อย่างน้อยก็อย่าเป็นภาระแก่ใคร เราอย่าเอาเปรียบคนในบ้านด้วยการอ้างว่าเราเรียนน้อยเลยไม่ทำ�อะไรอยู่บ้านไปวันๆ หรือพอเรียนสูงแล้วให้ คนอื่นในบ้านทำ�งานส่งเราเรียนเพียงอย่างเดียวโดยไม่ช่วยเหลือพี่น้องคนอื่น วันเวลานั้นแสนสั้นและทุกสิ่งจะ จบลงแน่ นี่เป็นโอกาสที่เราจะเป็นพยานถึงพระเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงยืนยันว่าเราเป็นลูกของพระองค์ในเมือง สวรรค์ ชีวิตที่ไม่ยาวนานนี้จงตั้งเป้าหมายให้ดีเสียแต่วันนี้ อย่าเอาเปรียบใครแต่จงทำ�ทุกวันเหมือนเราได้ชดใช้ สิ่งที่เราได้รับมาจากพระเจ้าและครอบครัว

11.indd 373

21/12/2561 14:50:50


วันครบรอบ การถวายพระวิหาร น.เปโตรและ น.เปาโล อัครสาวก สดด 98:1,2-3,4-5

บทอ่านที่ 1 กจ 28:11-16, 30-31 สามเดือนต่อมา เราโดยสารเรือลำ�หนึ่งซึ่งมาจากเมืองอเล็กซานเดรียมาจอดพัก ในฤดูหนาวที่เกาะ หัวเรือเป็นรูปเทพเจ้าคัสเตอร์และโพลักซ์ เรามาถึงเมืองซีราคิวส์ และพักอยู่ที่นั่นสามวัน จากนั้นเราแล่นเรือเลียบฝั่งมาถึงเมืองเรยีอุม วันรุ่งขึ้นลมใต้ พัดมา เราจึงมาถึงเมืองปูเตโอลีภายในสองวัน ที่นั่นเราพบพี่น้องบางคนซึ่งเชิญเราให้ ไปพักอยู่กับเขาหนึ่งสัปดาห์ แล้วเราจึงออกเดินทางไปกรุงโรม บรรดาพี่น้องที่กรุงโรม รู้ว่าเรากำ�ลังเดินทางไป จึงมาพบเราที่เมืองฟอรุมอัปปีและหมู่บ้านสามโรงแรม เมื่อ เปาโลเห็นเขา ก็ขอบคุณพระเจ้าและมีกำ�ลังใจดีขึ้น เรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับ อนุญาตให้อยู่ตามลำ�พังโดยมีทหารคนหนึ่งเป็นผู้ควบคุม เปาโลพักอยูใ่ นบ้านเช่าเป็นเวลาสองปีเต็ม และต้อนรับทุกคนทีม่ าเยีย่ ม ประกาศ พระอาณาจักรของพระเจ้า และสอนความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า อย่างกล้าหาญโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

พระวรสาร มธ 14:22-33 ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามทะเลสาบล่วงหน้าพระองค์ไปในขณะที่ พระองค์ทรงจัดให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงลาประชาชนแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐาน ภาวนาตามลำ�พัง ครั้นเวลาคํ่า พระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพียงพระองค์เดียว ส่วนเรืออยู่ห่างจากฝั่งหลายร้อย เมตร กำ�ลังแล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เมื่อถึงยามที่สี่ พระองค์ทรงดำ�เนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ทรงดำ�เนิน อยู่บนทะเลดังนั้น ต่างตกใจมากกล่าวว่า “ผีมา” และส่งเสียงอื้ออึงด้วยความกลัว ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า “ทำ�ใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนนํ้าไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือ เดินบนนํ้าไปหาพระเยซูเจ้า แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เขาก็ กลัวและเริ่มจมลง แล้วร้องว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” ทันใดนั้น พระเยซูเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์จับเขา ตรัสว่า “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง สงสัยทำ�ไมเล่า” เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นมาประทับในเรือพร้อมกับเปโตรแล้ว ลมก็สงบ คนที่อยู่ในเรือจึงเข้ามากราบ นมัสการพระองค์ ทูลว่า “พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง” ตอนจบของหนังสือกิจการอัครสาวกเหมือนนักบุญลูกาผู้เขียนจะบอกเราว่า นักบุญเปาโล แพร่ธรรมไปทั่วรอบทะเลเมดิเตอเรเนียนอย่างยากลำ�บาก สุดท้ายเหมือนท่านมีออฟฟิศสอนคำ�สอนที่กรุงโรม ในที่สุด มีคนมาเรียนรู้เรื่องพระคริสตเจ้าเยี่ยมเยียนท่านทุกวันในบ้านหลังนั้น ทหารก็ไม่ได้ใส่ตรวนแต่ท่านเดิน เหินไปมาอิสระในบ้าน นี่เป็นชัยชนะที่พระคริสตเจ้าเตรียมที่ไว้ให้ท่าน ณ ศูนย์กลางของโลกในเวลานั้น เราไม่รู้ ว่าพระเจ้าจะทรงพาเราไปไหน เรามีแต่จะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ทุกวันในการทำ�หน้าที่ของเราอย่างดี สองปีเต็ม ของนักบุญเปาโลนานพอที่ท่านจะรำ�พึง ชื่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อท่านก่อนจากโลกนี้ เพราะบางคน บั้นปลายชีวิตไม่มีช่วงเวลาจะชื่นใจในวันเวลาที่ผ่านมาสักหน่อยหนึ่งเลย 11.indd 374

21/12/2561 14:50:50


บทอ่านที่ 1 2 มคบ 6:18-31 ในครั้งนั้น เอเลอาซาร์ธรรมาจารย์สำ�คัญคนหนึ่ง มีอายุมากแล้ว แต่ยังสง่างาม ถูกบังคับให้อ้าปากกินเนื้อหมู แต่เขายอมตายอย่างมีเกียรติดีกว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างน่า อับอาย จึงเต็มใจเดินไปยังสถานที่ทรมาน เขาถ่มเนื้อหมูทิ้ง ประพฤติตนเหมาะสมกับ ผู้ที่ไม่ยอมกินอาหารที่ธรรมบัญญัติห้าม แม้จะต้องเสียชีวิต ผู้มีหน้าที่ดูแลการเลี้ยงที่ ผิดบทบัญญัตินั้นแยกเขาออกไปเพราะความคุ้นเคยที่มีมานานแล้ว และขอร้องให้นำ� สัปดาห์ที่ 33 เนื้อที่ธรรมบัญญัติอนุญาตให้กินได้มากิน แสร้งทำ�เป็นกินเนื้อที่ถวายบูชาแล้วตามที่ เทศกาลธรรมดา กษัตริยท์ รงบัญชา ถ้าเขาทำ�เช่นนี้ เขาจะรอดตาย เขาได้รบั ความกรุณานีเ้ พราะมิตรภาพ ทีย่ าวนาน แต่เอเลอาซาร์ตดั สินใจอย่างน่าชืน่ ชมเหมาะสมกับอายุและเกียรติของความ สดด 3:1-2,3-4,5-6 เป็นผู้อาวุโสน่าเคารพ... จึงบอกทันทีให้นำ�ตนไปประหารชีวิต “คนอายุอย่างเรานี้ไม่ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ควรจะเสแสร้งทำ� เยาวชนหลายคนอาจจะคิดว่าเอเลอาซาร์อายุเก้าสิบปีแล้วยังเปลีย่ น ใจไปดำ�เนินชีวิตอย่างคนต่างศาสนา ถ้าข้าพเจ้าจะเสแสร้งทำ�เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ จะเป็นเหตุให้เขาหลงผิด แล้วข้าพเจ้าจะมีมลทินได้รบั ความอับอายในวัยชรา บัดนี้ ข้าพเจ้าอาจพ้นโทษทัณฑ์ ของมนุษย์ได้ แต่จะหนีไม่พ้นพระหัตถ์ของพระผู้ทรงสรรพานุภาพได้เลย ไม่ว่าข้าพเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือ ตายแล้ว ดังนัน้ ข้าพเจ้าจึงสละชีวติ อย่างกล้าหาญ ณ บัดนี้ เพือ่ แสดงว่าข้าพเจ้าสมควรกับวัยชรา จะได้เป็น ตัวอย่างที่มีเกียรติให้เยาวชนเห็นว่าควรเต็มใจตายอย่างกล้าหาญเพื่อธรรมบัญญัติศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพ” พูดเช่นนีแ้ ล้ว เขาก็เดินไปยังสถานทีท่ รมานทันที... ขณะทีเ่ อเลอาซาร์ถกู เฆีย่ นตีใกล้จะตาย เขาครํา่ ครวญ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง ทรงทราบว่าข้าพเจ้าอาจรอดพ้นความตายได้ ข้าพเจ้าถูกเฆี่ยนตี ร่างกายถูกทรมานอย่างสาหัส แต่จิตใจอดทนรับการทรมานด้วยความยินดีและเคารพยำ�เกรงพระองค์”... พระวรสาร ลก 19:1-10 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำ�ลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็น หัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมาก และเพราะเขาเป็นคนร่างเตีย้ เขาจึงวิง่ นำ�หน้าไป ปีนขึน้ ต้นมะเดือ่ เทศ เพือ่ ให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ กำ�ลังจะเสด็จผ่านไปทางนัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงทีน่ นั่ ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ ทอดพระเนตรตรัสกับเขา ว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้” เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป” ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะ ยกทรัพย์สมบัตคิ รึง่ หนึง่ ให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิง่ ใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสีเ่ ท่า” พระเยซู เจ้าตรัสว่า “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อ แสวงหาและช่วยคนเลวทรามให้รอดพ้น” หนังสือมัคคาบีเป็นวรรณกรรมทีอ่ า่ นง่ายเห็นสัจธรรมในชีวติ ชัดเจน แต่นา่ เห็นใจทีพ่ วกเขายังไม่รู้ ความจริงทีส่ �ำ คัญทีส่ ดุ นัน่ คือมีชวี ติ หน้า มีการกลับคืนชีพ เพราะพวกเขามีชวี ติ อยูก่ อ่ นทีพ่ ระเยซูเจ้าจะเสด็จมา ราว 300 ปี ถ้าเขารู้เห็นการสิ้นพระชนม์และรู้เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เขาคงจะดีใจยิ่งนัก เราจึงยกย่องจิตใจของเอเลอาซาร์ที่แม้ไม่รู้เรื่องชีวิตหน้ายังอุตส่าห์รักษาความเชื่อในพระเจ้าไว้จนยอมตาย ศักเคียสได้พบพระเยซูเจ้า อะไรๆ ดูงา่ ยไปหมดเลย เขาได้พบความรักจากพระเจ้า เขาไม่ปล่อยให้โอกาสนัน้ หลุด ลอย เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว เขาทำ�สำ�เร็จในเรื่องซึ่งยากมาก.... เขากลับใจ!!! 11.indd 375

21/12/2561 14:50:51


สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา สดด 17:1,5-6, 8 และ 15 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1 2 มคบ 7:1,20-31 เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มารดาและบุตรเจ็ดคนถูกจับกุม กษัตริย์ทรง พยายามบังคับเขาให้กนิ เนือ้ หมูซงึ่ ธรรมบัญญัตหิ า้ มกิน โดยใช้แส้เฆีย่ นตีทรมาน มารดา ผูน้ นี้ า่ ชมเชยและน่าจดจำ�ตลอดไป นางเห็นบุตรทัง้ เจ็ดคนตายในวันเดียวกัน ยังอดทน ด้วยใจกล้าหาญเพราะมีความหวังในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า... นางเตือนใจบุตรแต่ละคนเป็น ภาษาของบรรพบุรุษ... กษัตริย์อันทิโอคัสทรงคิดว่านางดูถูกพระองค์ ทรงสงสัยว่า นาํ้ เสียงของนางแสดงการเยาะเย้ย เมือ่ น้องชายคนเล็กยังไม่ตาย... จึงทรงเรียกมารดา ตักเตือนนางให้แนะนำ�บุตรเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ กษัตริย์ทรงรบเร้านางอยู่นาน นาง จึงรับปากว่าจะชักชวนบุตร นางก้มลงที่ตัวบุตร ดูถูกกษัตริย์ผู้โหดร้าย พูดเป็นภาษา ของบรรพบุรุษ...นางพูดยังไม่จบ ชายหนุ่มก็ร้องว่า “...ข้าพเจ้าไม่ฟังพระบัญชาของ กษัตริย์ ข้าพเจ้าฟังแต่คำ�สั่งของธรรมบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่บรรพบุรุษผ่านทาง โมเสส แต่พระองค์ผู้ทรงก่อให้เกิดเหตุร้ายทั้งหมดนี้แก่ชาวฮีบรู จะไม่ทรงพ้นจาก พระหัตถ์พระเจ้าได้เลย”

พระวรสาร ลก 19:11-28 เวลานั้น... พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า “บุรุษตระกูลสูงผู้หนึ่งออกเดิน ทางไปแดนไกลเพื่อรับตำ�แหน่งกษัตริย์ แล้วจะกลับมา เขาเรียกผู้รับใช้สิบคนเข้ามา แล้วมอบเงินจำ�นวน หนึ่งให้แต่ละคน สั่งว่า ‘จงเอาเงินนี้ไปทำ�ธุรกิจจนกว่าเราจะกลับ’ แต่ชาวเมืองเกลียดชังเขา จึงส่งทูตคณะ หนึ่งตามไปแจ้งว่า ‘พวกเราไม่ต้องการให้บุรุษผู้นี้เป็นกษัตริย์ปกครองเรา’ แต่เขาก็ยังได้รับตำ�แหน่งกษัตริย์แล้วกลับมา จึงสั่งให้ไปเรียกผู้รับใช้ที่เขามอบเงินให้ไว้มาพบ เพื่อจะรู้ ว่าแต่ละคนได้ทำ�ธุรกิจอย่างไร คนแรกเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินที่ท่านให้ไว้ ทำ�กำ�ไรได้สิบเท่า’ นาย จึงบอกเขาว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ดี เพราะเจ้าซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เจ้าจงมีอำ�นาจปกครองเมืองสิบ เมืองเถิด’ คนที่สองเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินที่ท่านให้ไว้ ทำ�กำ�ไรได้ห้าเท่า’ นายบอกเขาว่า ‘เจ้าจงไป ปกครองเมืองห้าเมืองเถิด’ อีกคนหนึ่งเข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับเงินที่ท่านให้ไว้อยู่น่ี ข้าพเจ้าเอาผ้าห่อ เก็บไว้ ข้าพเจ้ากลัวท่าน เพราะท่านเป็นคนเข้มงวด ท่านเอาสิ่งที่ท่านไม่ได้ฝาก ท่านเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้ หว่าน’ นายจึงพูดกับเขาว่า ‘เจ้าขี้ข้าชั่วช้า ข้าจะตัดสินเจ้าจากคำ�พูดของเจ้า เจ้ารู้แล้วว่า ข้าเป็นคนเข้มงวด เอาสิง่ ทีข่ า้ ไม่ได้ฝากไว้ เก็บเกีย่ วสิง่ ทีข่ า้ ไม่ได้หว่าน ทำ�ไมเจ้าจึงไม่เอาเงินของข้าไปฝากธนาคารไว้เล่า เมือ่ ข้า กลับมา ข้าจะได้เงินคืนพร้อมกับดอกเบี้ยด้วย’ นายยังกล่าวกับคนที่อยู่ที่นั่นว่า ‘จงเอาเงินจากเขามาให้กับ ผู้ที่ทำ�กำ�ไรสิบเท่าเถิด’ คนเหล่านั้นพูดว่า ‘นายขอรับ เขามีเงินมากอยู่แล้ว’ นายจึงตอบว่า ‘ข้าบอกเจ้า ทั้งหลายว่า ผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีอยู่จะถูกริบไปด้วย ส่วนพวกศัตรู ของข้าที่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นกษัตริย์ จงพามาที่นี่ และประหารชีวิตต่อหน้าข้า’”... แม้ค�ำ พูดของแม่ทบี่ อกลูกว่าพระเจ้าจะประทานชีวติ และลมหายใจคืนให้ลกู หนังสือมัคคาบีกเ็ ป็น เพียงจุดเริ่มต้นที่เริม่ มีความหวังถึงชีวิตหน้าซึ่งก็ไม่ชัดเจน แต่ก็ทะลุปล้องขึ้นมาในวัฒนธรรมชาวยิวอันยาวนาน ตัง้ แต่อบั ราฮัมเป็นต้นมาทีพ่ วกเขาไม่รจู้ กั ชีวติ หน้าและเมือ่ ตายไปก็ตอ้ งไปอยูใ่ นแดนผูต้ ายแบบไร้ความหวังใดๆ ทั้งสิ้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาทรงกลับคืนพระชนมชีพจากความตาย จึงทำ�ให้เรื่องชีวิตหน้าชัดเจนเป็นจริงสำ�หรับ ทุกคนที่เชื่อในพระองค์ พระองค์ทรงเปิดประตูสวรรค์ ทรงประทานความรอดพ้นอันสมบูรณ์แก่เราแล้ว แต่ถ้า เราไม่ก้าวเข้ามาในหนทางนี้ เราก็หลุดลอยออกไปจากความรอดพ้นอันสมบูรณ์แล้วนี้ เราต้องออกแรงก้าวเข้า มา ใช้พระพรที่พระประทานมาให้เกิดผลส่งชีวิตเราให้เข้ามาในทางความรอดพ้นนี้ด้วย 11.indd 376

21/12/2561 14:50:51


บทอ่านที่ 1 1 มคบ 2:15-29 ในครัง้ นัน้ เจ้าหน้าทีท่ กี่ ษัตริยท์ รงส่งมาบังคับประชาชนให้ละทิง้ ศาสนาและถวาย บูชาแด่รูปเคารพมาถึงเมืองโมดีน ชาวอิสราเอลจำ�นวนมากเข้าร่วมด้วย แต่มัทธาธีอัส กั บ บรรดาบุ ต รอยู่ ร วมกั น อี ก กลุ่ ม หนึ่ ง เจ้ า หน้ า ที่ ที่ ก ษั ต ริ ย์ ท รงส่ ง มาจึ ง กล่ า วแก่ มัทธาธีอัสว่า “ท่านเป็นคนสำ�คัญ มีเกียรติ และยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ ได้รับการสนับสนุน จากบรรดาบุตรและญาติพี่น้อง ท่านจงออกมาเป็นคนแรก ปฏิบัติตามพระบัญชาของ ระลึกถึงพระนาง กษัตริย์เถิด ดังที่ชนชาติต่างๆ ชาวยูดาห์และผู้คนที่เหลืออยู่ในกรุงเยรูซาเล็มทำ�กัน มารีย์พรหมจารี แล้วท่านกับบรรดาบุตรจะได้ชื่อว่าเป็นพระสหายของกษัตริย์ ท่านกับบรรดาบุตรจะมี ถวายองค์ในพระวิหาร เกียรติ ได้รับเงินทองและของประทานมากมาย” สดด 50:1-2,5-6, แต่มทั ธาธีอสั ร้องตอบเสียงดังว่า “แม้ชนชาติทงั้ หมดในราชอาณาจักรของกษัตริย์ 14-15 จะปฏิบัติตามพระบัญชา ละทิ้งศาสนาของบรรพบุรุษ ยอมปฏิบัติตามพระบัญชาของ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 กษัตริย์ ข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรและญาติพี่น้องจะดำ�เนินชีวิตตามพันธสัญญาของ บรรพบุรุษ ขอพระเจ้าทรงพระกรุณาอย่าให้เราละทิ้งธรรมบัญญัติและขนบประเพณีเลย เราจะไม่เชื่อฟัง พระบัญชาของกษัตริย์ จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากศาสนาของเราแต่ประการใด” เมื่อเขาพูดจบ ชาวยิวคนหนึ่งออกมาต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อถวายเครื่องบูชาบนแท่นที่เมือง โมดีนตามพระบัญชาของกษัตริย์ มัทธาธีอัสเห็นเข้าก็โกรธ โทสะพลุ่งขึ้นเพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ วิ่ง ไปฆ่าชายคนนั้นคาแท่นบูชา เขาฆ่าเจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาบังคับให้ถวายเครื่องบูชา และเขายังทำ�ลาย แท่นบูชาด้วย เขาทำ�เช่นนี้เพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ... มัทธาธีอสั ไปประกาศเสียงดังทัว่ เมืองว่า “ผูท้ เี่ ลือ่ มใสศรัทธาต่อธรรมบัญญัติ และยึดมัน่ ในพันธสัญญา จงตามข้าพเจ้ามาเถิด”... ชาวยิวจำ�นวนมากที่ปรารถนาจะดำ�เนินชีวิตอย่างชอบธรรม และปฏิบัติตาม ขนบประเพณีทางศาสนา ไปตั้งหลักฐานในถิ่นทุรกันดาร พระวรสาร ลก 19:41-44 เวลานัน้ ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนัน้ แล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำ�ไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้า เสียแล้ว วันนัน้ จะมาถึงเจ้า เมือ่ ข้าศึกสร้างทีม่ นั่ ล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำ�ลาย เจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า” มัทธาธีอัสเป็นพ่อของลูกๆ ครอบครัวมัคคาบี ลูกชายคนที่เด่นที่สุดของเขาชื่อยูดาสมัคคาบี ทั้ง ตระกูลต้องต่อสูก้ บั กษัตริยช์ าวกรีกทีม่ ายึดอาณาจักรยูดาห์และบังคับให้เปลีย่ นศาสนาโดยสัง่ ให้กราบไหว้เทพเจ้า ของชาวกรีก ความร้อนรนร้อนใจในพระเจ้าของคนโบราณเดือดดาลถึงขัน้ ประหารชีวติ แต่พระเยซูเจ้าเสด็จมา สอนเราให้รู้จักรักและเมื่อรักก็อาจจำ�เป็นต้องรู้จักยอมแพ้ เราจึงเห็นรูปพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน บนพระแท่น พระองค์ทรงยอมเพราะรักเรามนุษย์ ถ้าเราคิดแต่จะต้องชนะเพียงอย่างเดียว เราก็ตอ้ งไปแสวงหา อำ�นาจมาบีบบังคับคนอื่น พอเราแสวงหาอำ�นาจเราก็เข้าไปในวังวนของการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ขอให้เราหัน ไปมองดูไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าทรงถูกแขวนตรึงอยู่เพื่อมองดูให้เห็นความรักของพระองค์ที่มีต่อเราและให้เรา มีความรักต่อผู้อื่น 11.indd 377

21/12/2561 14:50:51


บทอ่านที่ 1 1 มคบ 4:36-37,52-59 ในครั้งนั้น ยูดาสกับญาติพี่น้องปรึกษากันว่า “ศัตรูของเราถูกบดขยี้แล้ว เราจงไป ชำ�ระพระวิหารให้หมดมลทินเถิด จะได้ถวายแด่พระเจ้าอีก” คนทั้งกองทัพมาชุมนุม กัน แล้วขึ้นไปที่เนินเขาศิโยน ชาวอิสราเอลลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ยี่สิบห้า เดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ ปี ระลึกถึง หนึง่ ร้อยสีส่ บิ แปดของศักราชกรีก เขาทัง้ หลายมาถวายเครือ่ งบูชาตามธรรมบัญญัตบิ น น.เซซีลีอา พระแท่นเครือ่ งเผาบูชาทีเ่ พิง่ สร้างใหม่ ในวันครบรอบปีทชี่ นต่างชาติท�ำ ให้พระแท่นเป็น มลทิน เขาถวายพระแท่นบูชาใหม่แด่พระเจ้าด้วยการขับร้อง ดีดพิณ เป่าขลุ่ยและตี พรหมจารี ฉาบ ประชากรทุกคนกราบลงหน้าจรดพื้น นมัสการสรรเสริญพระเจ้าผู้ประทานความ และมรณสักขี 1 พศด 29:10ขคง,11กขค, สำ�เร็จ 11ง-12ก,12ขคง เขาฉลองการถวายพระแท่นบูชาเป็นเวลาแปดวัน ถวายเครื่องเผาบูชาด้วยความ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 ชื่นชม ทั้งยังถวายบูชาขอบพระคุณและสรรเสริญ เขาตกแต่งด้านหน้าพระวิหารด้วย มงกุฎทองคำ�และโล่เล็กๆ ซ่อมแซมประตูและห้องสมณะ ติดบานประตูใหม่ ประชากร ทุกคนมีความยินดียิ่งเพราะความอับอายที่ชนต่างชาตินำ�มาให้นั้นถูกลบล้างไปแล้ว ยูดาสกับญาติพี่น้องและชาวอิสราเอลที่มาชุมนุมกัน กำ�หนดให้ทุกคนเฉลิมฉลองการ ถวายพระวิหารด้วยความยินดีตลอดเวลาแปดวันเป็นประจำ�ทุกปี เริ่มตั้งแต่วันที่ยี่สิบ ห้า เดือนคิสเลฟ พระวรสาร ลก 19:45-48 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ทรงเริ่มขับไล่บรรดาพ่อค้า ตรัสกับ เขาว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า บ้านของเราจะเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ ท่านทั้งหลายกลับมาทำ�ให้เป็นซ่องโจร” พระองค์ทรงสั่งสอนในพระวิหารทุกวัน บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และ หัวหน้าประชาชนหาวิธีกำ�จัดพระองค์ แต่หาวิธีไม่ได้ว่าจะทำ�อย่างไร เพราะประชาชน ทุกคนกำ�ลังตั้งใจฟังพระองค์ วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของสังคมเหมือนพระวิหารเป็นศูนย์รวมจิตใจคนทั้ง ชาติอิสราเอลเพราะแปลว่าพระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นี่ เมื่อมีวัดผู้คนก็มีที่ทางจะไปในวัน ทีเ่ ขาอับจนหนทาง เขาเข้าไปนัง่ ตรงไหนก็ได้ ไม่อาจมีใครมาขับไล่เขาออกไปจากวัดได้แม้ เขาจะจนทีส่ ดุ ตาํ่ ต้อยทีส่ ดุ เมือ่ แม่พระประจักษ์มาให้แก่ใครได้เห็นก็มกั จะบอกให้ผนู้ นั้ ไป บอกพระสังฆราชให้สร้างวัดขึ้นที่นั่น มิใช่เพื่อพระนาง แต่เพื่อผู้คนจะมีที่ไป เข้ามาสวด ร่วมกับพระนางและพักผ่อนจิตใจหายเหนือ่ ย เราอย่าทำ�วัดของเราให้คนเข้าไม่ได้ เข้ายาก มาแล้วรู้สึกอับอายแปลกหน้า อย่าทำ�วัดให้เป็นที่จัดงานอีเวนท์เพื่อสร้างบรรยากาศทาง โลกเอาคะแนนเสียงจากสังคม วัดเป็นบ้านของพระเจ้าสำ�หรับมนุษย์ทุกคน 11.indd 378

21/12/2561 14:50:52


บทอ่านที่ 1 1 มคบ 6:1-13 ในครั้งนั้น ขณะที่กษัตริย์อันทิโอคัสทรงผ่านดินแดนทางเหนือ ทรงทราบว่าใน เปอร์เซียมีเมืองชื่อเอลีมาอิส เป็นเมืองมั่งคั่ง มีเงินทองมาก วิหารในเมืองนั้นก็รํ่ารวย มาก มีหมวกเกราะทองคำ� เกราะอก และเครื่องอาวุธที่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทิ้ง ไว้... จึงเสด็จไปที่นั่นเพื่อยึดและปล้นเมือง แต่ทรงทำ�ไม่สำ�เร็จ... ขณะที่กษัตริย์อันทิโอคัสยังประทับอยู่ที่เปอร์เซีย มีผู้นำ�ข่าวมาทูลพระองค์ว่า น.เคลเมนต์ที่ 1 กองทัพทีท่ รงส่งไปบุกแคว้นยูดาห์ถกู โจมตียบั เยิน กองทัพเข้มแข็งทีล่ เี ซียสยกไปก็ถกู พระสันตะปาปา ชาวอิสราเอลตีกลับ ชาวอิสราเอลเข้มแข็งมากขึ้นเพราะอาวุธ ผู้คนและข้าวของ และมรณสักขี มากมายที่เป็นของเชลยจากค่ายต่างๆ ที่ได้ทำ�ลาย ชาวอิสราเอลทำ�ลายรูปเคารพน่า น.โคลัมบัน สะอิดสะเอียนที่พระองค์ทรงสร้างไว้บนพระแท่นบูชาที่กรุงเยรูซาเล็ม เขายังสร้าง เจ้าอธิการ กำ�แพงสูงล้อมพระวิหารไว้ให้เหมือนเดิม และสร้างกำ�แพงล้อมเมืองเบธซูร์ เมืองหนึ่ง สดด 9:1-2,3 และ 5, ของพระองค์ด้วย 15 และ 18 เมือ่ กษัตริยท์ รงทราบข่าวนี้ ก็ตกพระทัยกลัวจนพระกายสัน่ เทา ทรงล้มลงบนพระ ทีแ่ ละประชวร...จึงทรงเรียกพระสหายทัง้ หลายมา ตรัสว่า “เรานอนไม่หลับเลยเพราะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 จิตใจเป็นกังวลมาก... บัดนี้ เราระลึกได้ถึงความชั่วร้ายที่เราได้ทำ�ที่กรุงเยรูซาเล็ม เรา ขนภาชนะเงินทองทั้งหมดในเมืองนั้น เราส่งคนไปฆ่าชาวยูดาห์อย่างไร้เหตุผล เรายอมรับว่าสิ่งร้ายๆ เหล่า นี้เกิดขึ้นแก่เราก็เพราะเหตุนี้ บัดนี้เรากำ�ลังจะตายอยู่ในต่างแดน เพราะความทุกข์ใจยิ่งใหญ่” พระวรสาร ลก 20:27-40 เวลานัน้ ชาวสะดูสบี างคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านีส้ อนว่าไม่มกี ารกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์ ว่า “พระอาจารย์ โมเสสเขียนสั่งไว้ว่า ถ้าพี่ชายตาย มีภรรยาแต่ไม่มีบุตร ก็ให้น้องชายของเขารับหญิงนั้น มาเป็นภรรยาเพือ่ จะได้สบื สกุลของพีช่ าย มีพนี่ อ้ งเจ็ดคน คนแรกมีภรรยา แล้วก็ตายโดยไม่มบี ตุ ร คนทีส่ อง คนที่สามรับนางเป็นภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร เป็นเช่นนี้ทั้งเจ็ดคน ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายด้วย ดังนี้ เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของใคร เพราะทั้งเจ็ดคนต่างได้นางเป็นภรรยา” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนของโลกนี้แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและ จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะ เป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผูต้ ายจะกลับ คืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มใิ ช่พระเจ้าของผูต้ าย แต่เป็นพระเจ้าของผูเ้ ป็น เพราะทุกคนมีชวี ติ อยูเ่ พือ่ พระองค์” ธรรมาจารย์บางคนพูดว่า “พระอาจารย์ ท่านพูดดีแล้ว” เขาไม่กล้าทูลถามพระองค์อีกต่อไป การล่วงเกินต่อพระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มส่งผลร้ายต่อกษัตริย์อันทิโอคัส ทั้งการรบ และสุขภาพ ร่างกายของเราคือพระวิหารของพระเจ้า เราจึงไม่อาจล่วงเกินชีวติ ใครได้ ศีลแต่งงานทำ�ให้ชายหญิง เป็นเนื้อเดียวใจเดียวกัน สามีภรรยาจึงไม่อาจล่วงเกินคือทำ�ผิดต่อกันและกันได้ มีแต่จะรักและยกย่องให้เกียรติ กันและกันจนตลอดชีวิต สิ่งที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้าจึงอาจไม่สำ�คัญเท่ากับว่าในเวลานี้ เราได้รักและเสียสละ เพื่อครอบครัวอย่างไร เราเป็นกายเดียวใจเดียวกันแค่ไหน สิ่งนั้นก็จะส่งผลดีสืบเนื่องไปแน่นอน 11.indd 379

21/12/2561 14:50:52


สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากล จักรวาล

บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 5:1-3 ชาวอิสราเอลทุกเผ่ามาเฝ้ากษัตริย์ดาวิดที่เมืองเฮโบรน ทูลว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นสายเลือดเดียวกันกับพระองค์ ในอดีตเมือ่ กษัตริยซ์ าอูลทรงปกครอง พระองค์ทรง นำ�ชาวอิสราเอลออกรบ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสแก่พระองค์วา่ ‘ท่านจะเลีย้ งดูอสิ ราเอล ประชากรของเรา ท่านจะเป็นเจ้านายเหนืออิสราเอล’” บรรดาผูอ้ าวุโสชาวอิสราเอลจึง มาเฝ้ากษัตริย์ที่เมืองเฮโบรน และกษัตริย์ดาวิดทรงทำ�พันธสัญญากับเขาเฉพาะ พระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองเฮโบรน เขาจึงเจิมดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครอง อิสราเอล เพลงสดุดี

ก) ข้าพเจ้ายินดีเมื่อมีผู้บอกข้าพเจ้าว่า “เราจงไปยังบ้านขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยกันเถิด” บัดนี้ เยรูซาเล็มเอ๋ย เท้าของเรามายืนที่ประตูของเจ้าแล้ว ข) เยรูซาเล็มสร้างขึ้นเป็นนคร มีกำ�แพงล้อมรอบอย่างมั่นคง เผ่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นไปที่นั่น เผ่าพันธุ์ทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่ทรงกำ�หนดให้อิสราเอล สรรเสริญพระนามพระองค์ ที่นั่นเป็นที่ตั้งบัลลังก์พิพากษา บัลลังก์แห่งราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด

สดด 122:1-2,3-5

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 1:12-20 พี่น้อง ขอบพระคุณพระบิดาเจ้าด้วยความยินดี พระองค์โปรดให้ท่านเป็นบุคคล ที่เหมาะสมจะเข้าอยู่ในแสงสว่าง มีส่วนได้รับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของ พระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำ�นาจความมืดมนและทรงนำ�เราเข้าไปสู่พระ อาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ เดชะพระบุตรนี้ เราได้รับการไถ่กู้และได้ รับการอภัยบาป พระองค์ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าที่เรามองไม่เห็น ทรงเป็นบุตรคนแรกใน บรรดาสิ่งสร้างทั้งปวง เพราะสรรพสิ่งทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน ทั้งที่แลเห็นได้และ ไม่อาจแลเห็นได้ เทพนิกรบัลลังก์ เทพนิกรนาย เทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำ�นาจ ล้วน ถูกสร้างโดยพระองค์ทงั้ สิน้ ทุกสิง่ ถูกเนรมิตขึน้ โดยพระองค์ และเพือ่ พระองค์ พระองค์ ทรงดำ�รงอยู่ก่อนสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งดำ�รงอยู่เป็นระเบียบในพระองค์ พระองค์ทรง

11.indd 380

21/12/2561 14:50:52


เป็นศีรษะของร่างกาย คือพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็น ปฐมเหตุ ทรงเป็นบุคคลแรกในบรรดาผู้ตายที่กลับคืนชีพ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง เพราะพระเจ้า พอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งปวงอยู่ในพระคริสตเจ้า และ ให้สรรพสิ่งคืนดีกับพระองค์โดยทางพระคริสตเจ้า ผู้โปรด ให้ทุกสิ่งมีสันติ ด้วยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของ พระองค์ ทั้งสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในสวรรค์

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 23:35-43 เวลานั้ น ประชาชนยื นดู อ ยู่ ที่ น่ัน ส่ ว นบรรดาผู้ นำ � เยาะเย้ยพระเยซูเจ้าว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้ เขาช่ ว ยตนเองซิ ถ้ า เขาเป็ น พระคริ ส ต์ ผู้ ที่ พ ระเจ้ า ทรง เลือกสรร” แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำ�เหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ” มีคำ�เขียนไว้เหนือพระองค์ว่า “ผู้นี้คือกษัตริย์ ของชาวยิว” ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ จงช่วยตนเอง และช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ” แต่อกี คนหนึง่ ดุเขา กล่าวว่า “แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือทีม่ ารับโทษเดียวกัน กับท่านผู้นี้ สำ�หรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำ�ของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำ�ผิด เลย” แล้วเขาทูลว่า “ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเมือ่ พระองค์จะเสด็จสูพ่ ระอาณาจักรของ พระองค์” พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์” เมื่อโลกนี้จบลงหรือชีวิตเราจบลง ถนนชีวิตของเราและของโลกจะไปจบลงตรงที่ปลายทางซึ่งเรา ไปต่อไม่ได้ ตรงนัน้ เราแหงนหน้าขึน้ มองจะพบพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริยแ์ ห่งสากลจักรวาลประทับบนบัลลังก์ และพิพากษาเรา พระองค์จะไม่ถามว่าตอนเราตายเราได้เงินเดือนเท่าไหร่ เราได้ปริญญาอะไร หรือเราอยู่ใน ตำ�แหน่งยศฐาใด คำ�ถามเดียวทีพ่ ระองค์จะทรงถามเราก็คอื “ไหน แก้วนาํ้ เย็นทีต่ ลอดสองข้างทางชีวติ ทีล่ กู ผ่าน มาแล้วลูกหยิบยืน่ ให้แก่ผลู้ �ำ บากทีข่ อจากลูก มีกแี่ ก้ว”... สรรพสิง่ ทัว่ จักรวาลจะต้องกลับไปหาพระเยซูเจ้าผูท้ รง เป็นพระมหากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลเพื่อรับรางวัลเข้าอยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระองค์ตลอดนิรันดร

11.indd 381

21/12/2561 14:50:53


บทอ่านที่ 1 ดนล 1:1-6,8-20 ปีที่สามในรัชกาลกษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่ง บาบิโลนทรงยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม... กษัตริย์ทรงบัญชาอัชเปนัส หัวหน้ามหาดเล็ก ให้นำ�ชาวอิสราเอลบางคนที่เป็น เชื้อพระวงศ์หรือมาจากตระกูลขุนนาง เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์ รูปร่างงาม น.กาทารีนา เฉลียวฉลาด มีปรีชา เรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้รวดเร็ว และรอบคอบในการตัดสิน ให้มา แห่งอเล็กซานเดรีย อยูใ่ นราชสำ�นัก เพือ่ เรียนเขียนและพูดภาษาของชาวเคลเดีย... ในบรรดาชายหนุม่ เหล่า นี้มีชาวยูดาห์ คือดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ แต่หัวหน้ามหาดเล็ก พรหมจารี ตั้งชื่อให้ใหม่ ดาเนียลได้ชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ได้ชื่อว่าชัดรัค มิชาเอลได้ชื่อ และมรณสักขี ว่าเมชาค และอาซาริยาห์ได้ชื่อว่าอาเบดเนโก ดนล 3:52,53,54, 55,56 ดาเนียลตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำ�ตนเป็นมลทิน โดยกินอาหารหรือดื่มเหล้าองุ่นจากโต๊ะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เสวยของกษัตริย์ เขาจึงขอหัวหน้ามหาดเล็กอย่าได้บงั คับตนให้เป็นมลทิน พระเจ้าทรง บันดาลให้หวั หน้ามหาดเล็กพอใจและเห็นชอบกับดาเนียล... ดาเนียลจึงบอกผูท้ หี่ วั หน้า มหาดเล็กกำ�หนดให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ว่า “จงทดลองผู้รับใช้ของท่านเป็น เวลาสิบวัน ท่านจงให้พวกเรากินแต่ผกั และดืม่ นํา้ เปล่า แล้วท่านจงเปรียบเทียบใบหน้าของพวกเรากับใบหน้า ของบรรดาชายหนุ่มที่กินเครื่องเสวยของกษัตริย์ และจงทำ�กับผู้รับใช้ของท่านตามที่ท่านเห็นควรเถิด” เขา ก็ยอมทำ�ตามข้อเสนอนี้และทดลองเป็นเวลาสิบวัน... เมือ่ ครบกำ�หนดทีก่ ษัตริยท์ รงบัญชาให้น�ำ ชายหนุม่ ทุกคนเข้าเฝ้า หัวหน้ามหาดเล็กนำ�เขาเข้าเฝ้ากษัตริย์ เนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ทรงสนทนากับเขาทุกคน และทรงเห็นว่าไม่มีใครเฉลียวฉลาดเหมือนดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ เขาทั้งสี่คนจึงได้เข้ารับราชการ...

พระวรสาร ลก 21:1-4 เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนมั่งมีกำ�ลังใส่เงินถวายลงในตู้ทาน ทรงเห็นหญิงม่ายยากจน คนหนึง่ ใส่เหรียญทองแดงสองเหรียญลงในตูท้ านด้วย จึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า หญิง ม่ายยากจนคนนี้ทำ�ทานมากกว่าทุกคน เพราะทุกคนนำ�เงินที่เหลือใช้มาทำ�ทาน แต่หญิงคนนี้ขัดสนอยู่แล้ว ยังนำ�เงินทั้งหมดสำ�หรับเลี้ยงชีพมาทำ�ทาน” อาณาจักรบาบิโลนมาตีอาณาจักรยูดาห์แตกในปี 586 ก.ค.ศ. เป็นเหมือนการสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน อิสราเอล เพราะพระวิหารที่ประทับของพระเจ้าอันเป็นศูนย์รวมจิตใจคนทั้งชาติถูกเผาและฉกฉวยปล้นเอา ภาชนะศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วย หนังสือดาเนียลจึงเล่าว่าพวกศัตรูเอาแม้กระทั่งผู้คนเก่งๆ รูปร่างหน้าตาดีแข็งแรง ไปเป็นเชลยด้วย แต่พระเจ้าประทับอยู่กับชายหนุ่มทั้ง 4 คนนั้น ณ ที่บาบิโลน ประกาศกให้ความหวังแก่ทุกคน ว่า จะได้กลับบ้าน อย่าปล่อยตัวและละทิ้งพระเป็นเจ้า ตลอดหนังสือดาเนียลจึงเล่าเรื่องของชัดรัค เมชาค อาเบดเนโก และดาเนียลว่าพวกเขายืนหยัดซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า และพระเจ้าทรงช่วยเขาให้เป็นประจักษ์ พยานถึงพระเจ้าต่อหน้าคนเคลเดียได้สำ�เร็จ ชีวิตเรามีน้อยแต่เราให้พระเจ้าทั้งหมด สิ่งที่ให้จึงเป็นของถวายที่ พระเจ้าพอพระทัยรับชีวิตเราไว้ให้รอดพ้น 11.indd 382

21/12/2561 14:50:53


บทอ่านที่ 1 ดนล 2:31-45 ในครัง้ นัน้ ดาเนียลทูลกษัตริยเ์ นบูคดั เนสซาร์วา่ “ข้าแต่พระราชา ในนิมติ พระองค์ ทอดพระเนตรเห็นรูปปัน้ ขนาดใหญ่มากตัง้ อยูเ่ ฉพาะพระพักตร์ รูปนัน้ ส่องแสงแรงกล้า ดูน่ากลัว เศียรของรูปทำ�ด้วยทองคำ�บริสุทธิ์ อกและแขนทำ�ด้วยเงิน ท้องและโคนขา ทำ�ด้วยทองสัมฤทธิ์ ขาทำ�ด้วยเหล็ก ส่วนเท้าทำ�ด้วยเหล็กปนดินเผา ขณะที่กำ�ลังทอด พระเนตรอยู่นั้น หินก้อนหนึ่งหลุดจากภูเขา มิใช่ด้วยมือของมนุษย์ มาปะทะรูปปั้นนั้น สัปดาห์ที่ 34 ที่เท้าซึ่งทำ�ด้วยเหล็กปนดินเผา ทำ�ให้เท้านั้นแตกเป็นชิ้นๆ แล้วทั้งเหล็กปนกับดินเผา เทศกาลธรรมดา ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ� ต่างก็แหลกละเอียดเหมือนแกลบบนลานนวดข้าวในฤดู ดนล 3:57,58,59, ร้อน ลมก็พัดมันไป ไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ส่วนหินก้อนที่ปะทะรูปนั้นก็กลายเป็นภูเขา 60,61 ใหญ่ ขยายไปทั่วแผ่นดิน นี่คือพระสุบิน บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายจะทำ�นายพระสุบินให้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระราชาทรงทราบ” “ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงเป็นจอมกษัตริย์ พระเจ้าแห่งสวรรค์ประทานราชอาณาจักร อานุภาพ พลังและพระเกียรติยศแด่พระองค์ และทรงมอบมนุษย์ สัตว์ในทุ่งนาและนกในอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไว้ ในพระหัตถ์ของพระราชา ให้ทรงปกครองทุกสิ่ง...ในรัชสมัยของกษัตริย์เหล่านี้ พระเจ้าแห่งสวรรค์จะทรง ตั้งราชอาณาจักรหนึ่งขึ้น ซึ่งจะไม่มีวันถูกทำ�ลาย และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนี้จะ ทำ�ลายราชอาณาจักรอื่นๆ ทั้งหมดให้แหลกละเอียดจนสิ้นเชิง และจะคงอยู่ตลอดไป นี่คือความหมายของ หินที่พระองค์ทรงเห็นหลุดออกมาจากภูเขามิใช่ด้วยมือมนุษย์ ซึ่งทำ�ให้เหล็ก ทองสัมฤทธิ์ ดินเผา เงิน และ ทองคำ�แตกเป็นชิน้ ๆ พระเจ้าผูย้ งิ่ ใหญ่ทรงเปิดเผยให้พระราชาทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึน้ ตัง้ แต่บดั นีเ้ ป็นต้น ไป พระสุบินนี้เป็นความจริง...” พระวรสาร ลก 21:5-11 ขณะนั้น บางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย” เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า “พระ อาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำ�ลังจะเกิดขึ้น” พระองค์ตรัสตอบว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดหลอกลวงท่านได้ หลายคนจะอ้างนามของเรา พูดว่า ‘ฉัน เป็นพระคริสต์’ และ ‘เวลากำ�หนดมาถึงแล้ว’ อย่าตามเขาไป เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวลือเรื่องสงคราม และการปฏิวตั ิ จงอย่าตกใจ เหตุการณ์เหล่านีจ้ �ำ เป็นต้องเกิดขึน้ ก่อน แต่ยงั ไม่ถงึ วาระสุดท้าย” แล้วพระองค์ ตรัสกับเขาว่า “ชาติหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกชาติหนึ่ง อาณาจักรหนึ่งจะลุกขึ้นต่อสู้กับอีกอาณาจักรหนึ่ง แผ่นดินไหวใหญ่หลวง ความอดอยาก และโรคระบาดจะเกิดขึ้นหลายแห่ง จะมีเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัว และเครื่องหมายยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในท้องฟ้า” ดาเนียลได้รับพระพรจากพระเจ้าให้ก้าวหน้าในหน้าที่ ณ กรุงบาบิโลน จนสามารถให้คำ�ปรึกษา แนะนำ�ความฝันแก่กษัตริย์ได้ ชะตากรรมที่ถูกจับมาเป็นเชลยดูเหมือนไม่ดีแต่กลับเป็นโอกาสให้เขาได้ประกาศ พระนามพระเจ้า คริสตชนมองความทุกข์ยากลำ�บากด้วยทัศนะเดียวกันกับที่พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานบนไม้ กางเขนและกลับคืนพระชนมชีพ เราไม่ดา่ ว่าตัดสินพระเจ้าในความทุกข์นนั้ แต่เราไว้วางใจและยังเรียกพระองค์ ว่าทรงเป็นพระผู้ไถ่กู้ของเราเสมอ 11.indd 383

21/12/2561 14:50:53


บทอ่านที่ 1 ดนล 5:1-6,13-14,16-17,23-28 ในครั้งนั้น กษัตริย์เบลชัสซาร์ทรงจัดงานเลี้ยงฉลองแก่เจ้านายหนึ่งพันคน และ เสวยนํ้าจัณฑ์พร้อมกับเจ้านายเหล่านั้น เมื่อกษัตริย์เบลชัสซาร์เสวยนํ้าจัณฑ์มากแล้ว มีพระบัญชาให้นำ�ภาชนะทองคำ�และเงิน ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พระบิดาทรงนำ�มา จากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มออกมา เพื่อพระองค์จะทรงใช้เสวย...ทันใดนั้น นิ้วมือ มนุษย์ปรากฏขึน้ และเขียนบนผนังของท้องพระโรงตรงหน้าเชิงประทีป เมือ่ กษัตริยท์ รง สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา เห็นนิ้วมือที่กำ�ลังเขียนอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดเผือด พระดำ�ริท�ำ ให้พระองค์ ตกพระทัย พระวรกายก็ออ่ นเปลีย้ พระชานุกก็ ระทบกัน ดนล 3:62,63,64, มีผู้นำ�ดาเนียลเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ พระองค์ตรัสถามว่า “ท่านคือดาเนียล ชาวยิว 65,66,67 คนหนึ่งในบรรดาผู้ที่พระบิดาของเราทรงจับเป็นเชลยจากแคว้นยูดาห์มาอยู่ที่น่ีใช่ไหม ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 เราได้ยินว่า...ท่านอธิบายและแก้ปริศนาได้ ถ้าท่านอ่านข้อเขียนนี้และอธิบายความ หมายให้เราได้ เราจะให้ท่านสวมเสื้อสีม่วงแดง สวมสร้อยคอทองคำ� และจะแต่งตั้ง ท่านให้มีอำ�นาจปกครองเป็นลำ�ดับที่สามในราชอาณาจักร” ดาเนียลทูลตอบว่า “ขอพระองค์ทรงเก็บของพระราชทานไว้กับพระองค์ และประทานเป็นรางวัลแก่ผู้ อื่นเถิด ข้าพเจ้าจะอ่านข้อเขียนนี้ถวาย และจะอธิบายความหมายให้ทรงทราบ... พระเจ้าจึงทรงส่งมือมา เขียนข้อความนี้ไว้ ซึ่งอ่านได้ว่า ‘เมเน เทเคล เปเรส’ นี่คือความหมายของข้อเขียน ‘เมเน’ มีความหมายว่า ‘นับแล้ว’ พระเจ้าทรงนับวันพระอาณาจักรของพระองค์แล้ว และทรงนำ�พระอาณาจักรมาถึงจุดจบ ‘เทเคล’ มีความหมายว่า ‘ชั่งแล้ว’ พระองค์ทรงถูกชั่งบนตราชูและปรากฏว่าทรงมีนํ้าหนักไม่พอ ‘เปเรส’ มีความ หมายว่า ‘แบ่งแล้ว’ พระอาณาจักรของพระองค์ถูกแบ่งแล้วและถูกมอบแก่ชาวมีเดียและชาวเปอร์เซีย” พระวรสาร ลก 21:12-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “แต่ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เขาจะจับกุมท่าน จะเบียดเบียนท่าน จะนำ�ท่านไปไต่สวนใน ศาลาธรรม และจะจองจำ�ท่านในคุก เขาจะนำ�ท่านไปยืนต่อหน้ากษัตริย์และผู้ว่าราชการเพราะนามของเรา และนี่จะเป็นโอกาสให้ท่านเป็นพยานถึงเรา จงตัดสินใจว่าท่านจะไม่หาคำ�แก้ตัวไว้ก่อน เราจะให้คำ�พูดและ ปรีชาญาณแก่ท่าน ซึ่งศัตรูของท่านจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้ บิดามารดา พี่น้อง ญาติและมิตรสหายจะ ทรยศต่อท่าน บางท่านจะต้องถูกประหารชีวติ ด้วย ท่านทัง้ หลายจะเป็นทีเ่ กลียดชังของทุกคนเพราะนามของ เรา แต่เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของ ท่านไว้ได้” การนำ�ภาชนะศักดิส์ ทิ ธิใ์ นพระวิหารมากินดืม่ อวดบารมี ก็เป็นการลบหลูแ่ ละไม่เชือ่ ในองค์พระเจ้า ซึ่งในปัจจุบันอาจหมายถึงการไม่แสดงความเคารพต่อพระเจ้าหรือศีลมหาสนิทในตู้ศีลฯ คนที่จะลบหลู่พระเจ้า ก็คือคนที่ประสบความสำ�เร็จมีคนมายกย่องจนลืมตัวคิดว่าสามารถอยู่ได้ด้วยตัวตนเอง การเคารพพระเจ้า แสดงออกได้ดว้ ยการรักและเมตตาคนยากจนเหมือนเห็นพระเจ้าในชีวติ เพือ่ นมนุษย์ดว้ ยกันซึง่ เป็นหนทางให้เรา ไม่หลง เวลาได้ดีหรือมีคนมาชื่นชม ให้เราจำ�อยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงอุปถัมภ์คํ้าจุนเราและทรงประทับอยู่ในชีวิต คนอื่นเหมือนที่ทรงประทับในเราและทรงอุปถัมภ์เราตลอดเวลา 11.indd 384

21/12/2561 14:50:53


บทอ่านที่ 1 ดนล 6:11-27 ในครั้งนั้น เมื่อดาเนียลรู้ว่ากษัตริย์ทรงลงพระนามประกาศพระราชกฤษฎีกา เขา ก็เข้าไปในบ้านซึง่ มีหน้าต่างห้องชัน้ บนเปิดตรงไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เขาคุกเข่าวันละสาม ครัง้ เพือ่ อธิษฐานภาวนาและสรรเสริญพระเจ้าของตน ดังทีเ่ ขาเคยทำ�มาก่อน ผูต้ อ้ งการ กล่าวหาดาเนียลจึงวิง่ เข้าไปในบ้าน พบดาเนียลกำ�ลังอธิษฐานภาวนาทูลขอพระเจ้าของ ตน เขาทัง้ หลายจึงรีบเข้าเฝ้ากษัตริย.์ .. กษัตริยจ์ งึ ทรงบัญชาให้ไปจับดาเนียล นำ�มาโยน สัปดาห์ที่ 34 ลงในถาํ้ สิงโต กษัตริยต์ รัสแก่ดาเนียลว่า “ขอพระเจ้าของท่านทีท่ า่ นรับใช้อย่างซือ่ สัตย์ เทศกาลธรรมดา ตลอดมา ทรงช่วยท่านให้รอดพ้นเถิด”... ดนล 3:68,69,70,71, วันรุ่งขึ้น กษัตริย์ทรงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ รีบเสด็จไปยังถํ้าสิงโต เมื่อเสด็จมาใกล้ถํ้าที่ 72,73,74 ดาเนียลอยู่ พระองค์ทรงเรียกดาเนียลด้วยพระสุรเสียงโทมนัสว่า “ดาเนียล ผู้รับใช้ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ของพระเจ้าผูท้ รงพระชนม์เอ๋ย พระเจ้าของท่านทีท่ า่ นรับใช้อย่างซือ่ สัตย์ตลอดมาทรง ช่วยท่านให้รอดพ้นจากสิงโตได้หรือไม่” ดาเนียลทูลตอบว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรง พระเจริญเทอญ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาปิดปากสิงโตไว้ ไม่ให้มนั ทำ�อันตรายข้าพเจ้าได้ เพราะ ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าไม่มีความผิดเฉพาะพระพักตร์ ข้าแต่พระราชา ข้าพเจ้ามิได้ทำ�ผิดประการใดต่อพระองค์ อีกด้วย” กษัตริย์ทรงยินดีอย่างยิ่ง ทรงบัญชาให้นำ�ดาเนียลออกมาจากถํ้า... กษัตริย์จึงทรงบัญชาให้นำ�คน เหล่านัน้ ทีก่ ล่าวหาดาเนียลมาโยนลงในถํา้ สิงโตพร้อมกับบุตรภรรยา และก่อนทีเ่ ขาเหล่านีไ้ ปถึงก้นถาํ้ สิงโต ก็กระโจนใส่เขาและขยํ้าเขาจนกระดูกแหลกละเอียดทั้งหมด... พระวรสาร ลก 21:20-28 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เมือ่ ท่านทัง้ หลายเห็นกองทัพต่างๆ ล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ก็จงรูไ้ ว้เถิดว่าความพินาศของนครนัน้ ใกล้เข้า มาแล้ว เวลานั้นผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียจงหนีไปยังภูเขา ผู้ที่อยู่ในกรุงจงรีบออกไปเสีย ผู้ที่อยู่ในชนบทก็จง อย่าเข้ามาในกรุง เพราะวันเหล่านั้นจะเป็นวันพิพากษาลงโทษ ข้อความที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์จะเป็นจริงทุก ประการ น่าสงสารหญิงมีครรภ์และหญิงแม่ลกู อ่อนในวันนัน้ ทุกขเวทนาใหญ่หลวงจะครอบคลุมทัว่ แผ่นดิน และพระพิโรธจะลงมาเหนือชนชาตินี้ บางคนจะตายด้วยคมดาบ บางคนจะถูกจับเป็นเชลยไปอยูใ่ นประเทศ ต่างๆ กรุงเยรูซาเล็มจะถูกคนต่างศาสนาเหยียบยํ่าจนกว่าจะครบเวลาที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้” “จะมีเครื่องหมายในดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆ ชนชาติต่างๆ บนแผ่นดินจะทนทุกข์ ทรมาน ฉงนสนเท่ห์ต่อเสียงกึกก้องของทะเลที่ปั่นป่วน มนุษย์จะสลบไปเพราะความกลัว และหวั่นใจถึง เหตุการณ์ทจี่ ะเกิดขึน้ ในโลก เพราะสิง่ ต่างๆ ในท้องฟ้าจะสัน่ สะเทือน หลังจากนัน้ ประชาชนทัง้ หลายจะเห็น บุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิรริ งุ่ โรจน์ยงิ่ ใหญ่ เมือ่ เหตุการณ์ทงั้ ปวงนีเ้ ริม่ เกิดขึ้น ท่านทั้งหลายจงยืนตรง เงยหน้าขึ้นเถิด เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” ดาเนียลเปิดหน้าต่าง หันหน้าไปยังทิศที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็มตั้งอยู่คุกเข่าลงภาวนาวันละสาม เวลา พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงขอให้คริสตชนได้ใช้เวลาวันละ 2 นาที สวดภาวนาและยกจิตใจขึ้นหาพระเจ้า นับเป็นเวลาที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการทำ�กิจกรรมอื่นในชีวิตประจำ�วัน พวกเราลืมวิธีบำ�รุงเลี้ยงจิตใจ ลืมวิธีที่ จะพ้นเภทภัย ไม่ใส่ใจเชื่อมต่อคลื่นชีวิตกับพระเจ้า เอาแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์และอ่านข่าวสารขยะ เราเหมือน ถูกกักขังอยู่ในโลกโซเชียล เราไม่สามารถยืนตรง เงยหน้าและเป็นอิสระที่พระเจ้าประทานให้ได้ 11.indd 385

21/12/2561 14:50:54


บทอ่านที่ 1 ดนล 7:2-14 ในครัง้ นัน้ ดาเนียลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นในนิมติ เวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็นลมทัง้ สี่จากท้องฟ้าลงมาทำ�ให้ทะเลใหญ่ปั่นป่วน สัตว์ร้ายมหึมาสี่ตัวมีลักษณะต่างกันขึ้นมา จากทะเล ตัวแรกเหมือนสิงโตมีปกี นกอินทรี ขณะทีข่ า้ พเจ้ามองดูอยูน่ นั้ ขนปีกของมัน ถูกถอนออกไป มันถูกยกขึ้นจากแผ่นดินให้ยืนบนสองเท้าเหมือนมนุษย์ และได้รับ จิตใจของมนุษย์ ข้าพเจ้าเห็นสัตว์รา้ ยตัวทีส่ องเหมือนหมี มันยืนเอียงตัวไปข้างหนึง่ ใช้ สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา ฟันคาบกระดูกซีโ่ ครงสามซีอ่ ยูใ่ นปาก มีเสียงสัง่ มันว่า “จงลุกขึน้ กินเนือ้ ให้มากๆ” ขณะ ดนล 3:75,76,77,78, ที่ข้าพเจ้ากำ�ลังมองดูนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นสัตว์ร้ายอีกตัวหนึ่ง เหมือนเสือดาว มีปีกนกสี่ ปีกบนหลัง สัตว์ร้ายตัวนี้มีสี่หัว และได้รับอำ�นาจปกครอง ต่อจากนั้น ขณะที่ข้าพเจ้า 79,80,81 ยังเห็นนิมิตในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายตัวที่สี่ ร้ายกาจ น่ากลัวและแข็งแรง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 ยิ่งนัก มีฟันเหล็กมหึมาเพื่อกินและบดขยี้เหยื่อ และใช้เท้าเหยียบสิ่งที่เหลือกินนั้นไว้ สัตว์รา้ ยตัวนีม้ สี บิ เขาต่างจากสัตว์รา้ ยอืน่ ๆ ทัง้ หมดทีม่ าก่อน เมือ่ ข้าพเจ้ากำ�ลังมองดูเขาสัตว์เหล่านี้ ข้าพเจ้า ก็เห็นเขาสัตว์เล็กๆ อีกเขาหนึ่งงอกขึ้นมาในหมู่เขาสัตว์เหล่านั้น ทำ�ให้เขาสัตว์ชุดแรกสามเขาถูกถอนออก ไปเพื่อให้เขาเล็กๆ นั้นขึ้นมาแทน ข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเล็กๆ นั้นมีตาเหมือนตามนุษย์ มีปากพูดจาโอหัง ขณะที่ข้าพเจ้ากำ�ลังมองดูอยู่นั้น ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายองค์ถูกนำ�มาตั้งไว้ และผู้สูงด้วยวัยวุฒิท่าน หนึ่งมานั่งบนบัลลังก์ สวมอาภรณ์ขาวอย่างหิมะ ผมบนศีรษะขาวเหมือนขนแกะ บัลลังก์ของเขาเหมือน เปลวเพลิง มีล้อเหมือนไฟลุกโพลง เบื้องหน้าเขามีธารไฟไหลออกมา ผู้รับใช้จำ�นวนมาก นับล้านนับโกฎิ อสงไขย คอยเฝ้ารับใช้เขา การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น และบรรดาหนังสือก็เปิดออก... ข้าพเจ้ายังเห็นนิมิตเวลากลางคืนต่อไป ข้าพเจ้าเห็นท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรแห่งมนุษย์ มาพร้อมกับหมู่ ก้อนเมฆในท้องฟ้า เขามาพบผู้สูงด้วยวัยวุฒิ และมีผู้แนะนำ�เขาแก่ท่านผู้นั้น เขาได้รับมอบอำ�นาจปกครอง สิริรุ่งโรจน์ และอาณาจักร ประชาชนทุกชาติทุกภาษารับใช้เขา อำ�นาจปกครองของเขาเป็นอำ�นาจที่คงอยู่ ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันถูกทำ�ลายเลย พระวรสาร ลก 21:29-33 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสคำ�อุปมาให้บรรดาศิษย์ฟังว่า “จงมองดูต้นมะเดื่อเทศและต้นไม้ทั้งหลายเถิด เมื่อมันแตกใบอ่อน ท่านย่อมรู้ว่าฤดูร้อนใกล้เข้ามา แล้ว เช่นเดียวกันเมื่อท่านเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว เรา บอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าคนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ฟ้าดิน จะสูญสิ้นไป แต่วาจาของเราจะไม่สูญสิ้นไปเลย” ภาษาสัญลักษณ์ในหนังสือดาเนียลเป็นรูปแบบการเขียนที่เราเรียกว่าวิวรณ์ บางทีเราคนธรรมดา ก็ไม่อาจเข้าใจว่าสัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้คนโบราณเขาหมายถึงอะไร ยกเว้นเราจะศึกษาพระคัมภีร์และ ประวัติศาสตร์สมัยดาเนียลอย่างลึกซึ้ง คุณค่าของบทอ่านในวันนี้จึงน่าจะอยู่ที่ว่า ไม่ว่าโลกจะมีประเทศ มหาอำ�นาจผลัดเปลีย่ นหมุนเวียนกันครอบครองโลก เศรษฐกิจ แผ่กระจายวัฒนธรรมของตนดุจสัตว์รา้ ยทีค่ รอบ ครองพืน้ ทีป่ า่ ไปยังประเทศทีด่ อ้ ยกว่าด้วยพลังอำ�นาจมากมายเพียงใด อาณาจักรทัง้ หลายก็ดบั สูญสิน้ กันไปหมด แล้ว แต่พระวาจาของพระเจ้าจะไม่สญ ู สิน้ เลย พระวาจาแห่งความจริง ขอเราอย่าหยุดศึกษาพระคัมภีรแ์ ละสวด ภาวนา 11.indd 386

21/12/2561 14:50:54


บทอ่านที่ 1 รม 10:9-18 พีน่ อ้ ง ถ้าท่านประกาศด้วยปากว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และมีความ เชือ่ ในใจว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย ท่านก็จะรอดพ้น การเชื่อด้วยใจจะบันดาลความชอบธรรม การประกาศด้วยปากจะ บันดาลความรอดพ้น เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะไม่ ได้รับความอับอาย” เพราะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างชาวยิวกับผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิว พระองค์เท่านัน้ ทรงเป็นองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าสำ�หรับมนุษย์ทกุ คน ประทานพระพรมากมาย ให้ทุกคนที่เรียกขานพระองค์ เพราะทุกคนที่เรียกขานพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะ รอดพ้น ฉะนั้น ชาวอิสราเอลจะเรียกขานพระองค์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาไม่เชื่อ จะเชื่อได้ อย่างไรถ้าไม่เคยได้ยนิ จะได้ยนิ ได้อย่างไรถ้าไม่มใี ครประกาศสอน จะมีผปู้ ระกาศสอน ได้อย่างไรถ้าไม่มีใครส่งไป ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เท้าของผู้ประกาศข่าวดี ช่างงดงามจริงหนอ” บางคนเท่านั้นได้เชื่อฟังข่าวดี ดังที่ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า ใคร เล่าได้เชือ่ คำ�ประกาศของเรา” ดังนัน้ ความเชือ่ จึงมาจากการฟัง สิง่ ทีไ่ ด้ฟงั ก็มาจากพระ วาจาของพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าขอถามว่า เป็นไปได้หรือที่เขาไม่ได้ยิน เขาได้ยินแน่นอน เพราะเสียงของ ผู้ประกาศข่าวดีกระจายไปทั่วแผ่นดิน และวาจาของเขาแพร่ไปจนสุดปลายพิภพ

ฉลอง น.อันดรูว์ อัครสาวก สดด 19:1-2,3-4

พระวรสาร มธ 4:18-22 เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำ�เนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคน คือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำ�ลัง ทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำ�ให้ท่านเป็น ชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองคนก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที เมื่อทรงดำ�เนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำ�ลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองคนก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป บทอ่านที่หนึ่งในวันนี้เป็นตอนที่ไพเราะมาก หากเราหยิบเอาประโยคเด่นๆ ออกมา เราจะพบ ขุมทรัพย์อันมหาศาลในพระคัมภีร์ตอนนี้หลายประโยค ที่เด่นมากสำ�หรับผมก็คือ“ความเชื่อมาจากการฟัง สิ่ง ที่ฟังก็มาจากพระวาจาของพระคริสตเจ้า” เปโตรฟังและตอบรับ เขาตามพระองค์ไปทันที ผลดีจึงบังเกิดแก่ ชีวิตจากชาวประมงที่ไม่มีอนาคต กลายเป็นหัวหน้าอัครสาวกที่โลกจดจำ� เป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรก .... เราได้ยนิ แน่นอน...แต่บางทีเราก็ปดิ หูและไม่ใส่ใจ บางทีเราก็เชือ่ ในใจแต่ไม่ยอมพูดออกมาด้วยปาก เราจึงไม่พบ ความรอดพ้น 11.indd 387

21/12/2561 14:50:55



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.