12_

Page 1


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 122:1-2, 3-4,8-9

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

บทอ่านที่ 1

อสย 2:1-5

พระวรสาร

มธ 8:5-11

นิมติ ทีป่ ระกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอสเห็นเกีย่ วกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ใน ยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จะถูกตัง้ ขึน้ เหนือยอดของภูเขาทัง้ หลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลัง่ ไหลมาทีภ่ เู ขานี้ ชนชาติมากมายจะ มาและกล่าวว่า “มาเถิด เราจงขึน้ ไปยังภูเขาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ไปยังพระวิหารพระเจ้า ของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคา ของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวาจาขององค์พระผู้เป็น เจ้าจะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรง วินิจฉัยชนชาติมากมาย เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติ ต่างๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด เราจงเดินตามองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรง เป็นแสงสว่างของเรา” เวลานั้น เมื่อพระองค์เสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม นายร้อยคนหนึ่งเข้ามาเฝ้า พระองค์ ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าเป็นอัมพาตนอนอยู่ที่บ้าน ต้องทรมานอย่างสาหัส” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” แต่ นายร้อยทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของ ข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าสั่งทหาร คนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าสั่งผู้รับใช้ว่า ‘ทำ�นี่’ เขาก็ ทำ�” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินเช่นนี้ ทรงประหลาดพระทัย จึงตรัสแก่บรรดาผู้ติดตาม ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ใน อิสราเอลเลย เราบอกท่านทัง้ หลายว่า คนจำ�นวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวัน ตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบในอาณาจักรสวรรค์”

“ขอพระองค์ตรัสเพียงคำ�เดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าจะหายจากโรค” เป็นคำ�พูดที่ออกมาจากนาย ร้อยซึง่ เป็นทหารโรมันคนหนึง่ ทีไ่ ม่ใช่ชาวยิว เพียงแต่มคี นแนะนำ�เขาให้เขารูจ้ กั พระเยซูเจ้า เขาก็มนั่ ใจอย่างเต็ม ร้อยว่า ถ้าขอสิง่ ใดจากพระองค์ดว้ ยความเชือ่ ความหวัง และความไว้ใจแล้ว สิง่ นัน้ ย่อมบังเกิดผลอย่างแน่นอน แม้ว่าเขารู้ตัวว่าเขาเองไม่เหมาะสมที่จะได้รับสิทธิ์นี้ก็ตาม นี่เป็นการยืนยันถึงผู้มีความเชื่อไว้ใจในพระเจ้าว่า พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของเรา เป็นความช่วยเหลือเดียวที่มนุษย์ทุกคนสามารถพึ่งพิงได้ในยามทุกข์ยาก ที่สุด และสิ่งสำ�คัญของการวิงวอนขอพระพรจากพระเจ้าอีกประการหนึ่งคือ นายร้อยผู้นี้ไม่ได้ขอความช่วย เหลือเพือ่ ตนเอง แต่เขาขอเพือ่ ผูร้ บั ใช้ของเขา คำ�วอนขอจึงไม่มเี พือ่ ตนเองเท่านัน้ แต่จะเป็นพลังสำ�หรับทุกคน


บทอ่านที่ 1

อสย 11:1-10

ในวันนั้น หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะพำ�นักอยูเ่ หนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรูแ้ ละความยำ�เกรงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เขา จะพอใจยำ�เกรงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จะไม่พพิ ากษาตามทีต่ าเห็น จะไม่ตดั สินตามทีห่ ไู ด้ยนิ แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเทีย่ งธรรมเพือ่ ผูถ้ กู ข่มเหง ในแผ่นดิน คำ�พูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวทีเ่ ฆีย่ นตีผคู้ นบนแผ่นดิน ลมปากของเขา จะประหารคนอธรรม ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็น เหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูก แพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยูด่ ว้ ยกัน เด็กคนหนึง่ ก็ยงั นำ�มันไปได้ แม่โคกับหมีจะ หากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยัง ไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ ใดทำ�ร้ายหรือทำ�ลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่างสมบูรณ์ ดั่งนํ้าปกคลุมทะเล วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำ�หรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็นที่ แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำ�นักอย่างรุ่งโรจน์

พระวรสาร

สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:1-2,7-8, 12-13,17

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1

ลก 10:21-24

ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่ บรรดาผู้ตํ่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มี ใครรูว้ า่ พระบุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มใี ครรูว้ า่ พระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตรและผูท้ พี่ ระบุตร ทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะ “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่มอง เห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่าน ได้เห็นแต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง” เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นโอกาสดีสำ�หรับเราที่ได้ทบทวนถึงชีวิตคริสตชน ความสัมพันธ์ กับพระเจ้า และเป็นการรอคอยด้วยความหวังในความรอดพ้นจากการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสต เจ้า จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการเดินทางไปพร้อมกับพระคริสตเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้นำ�อาณาจักรแห่งสันติและคำ�สัญญา ของพระเมสสิยาห์มายังเรามนุษย์ทุกคน ขอเพียงเราต้องดำ�รงชีวิตอยู่ในสายสัมพันธ์แห่งพระจิตเจ้า พระจิต เจ้าผูเ้ ปิดเผยและทำ�ให้เรายอมรับถึงความรักทีพ่ ระเป็นเจ้ามีตอ่ เรา เป็นพระจิตเจ้าทีป่ ระทานพระคุณและพระพร ต่างๆ ดังทีอ่ สิ ยาห์ได้กล่าวไว้ (พระคุณพระจิต 7 ประการ) และพระจิตเจ้านีเ้ องจะเป็นผูน้ �ำ อาณาจักรแห่งสันติ มาสู่เรา และโลกมนุษย์


บทอ่านที่ 1

1 คร 9:16-19,22-23

พระวรสาร

มก 16:15-20

ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำ�เป็นต้อง ประกาศอยู่แล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ เพราะถ้า ข้าพเจ้าสมัครใจทำ�เอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ�ก็ หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำ�งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใด เล่า รางวัลสำ�หรับข้าพเจ้าก็คอื ความภูมใิ จทีข่ า้ พเจ้าประกาศข่าวดีโดยไม่ใช้สทิ ธิต์ า่ งๆ จาก ฉลอง น.ฟรังซิส การประกาศข่าวดีนั้น เซเวียร์ พระสงฆ์ แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่นให้ องค์อุปถัมภ์ของมิสซัง มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำ�ตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็น สดด 96:1-2,3,7-8, ทุกอย่างสำ�หรับทุกคน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ใช้ทุกวิถีทางช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำ� 10-11 ทุกอย่างเพราะเห็นแก่ขา่ วดี เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้มสี ว่ นรับพระพรจากข่าวดีนรี้ ว่ มกับเขาเหล่า นั้นด้วย เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกทัง้ สิบเอ็ดคนว่า “ท่านทัง้ หลายจงออกไปทัว่ โลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทงั้ ปวง ผูท้ เี่ ชือ่ และรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผูท้ ไี่ ม่เชือ่ จะ ถูกตัดสินลงโทษ ผูท้ เี่ ชือ่ จะทำ�อัศจรรย์เหล่านีไ้ ด้ คือจะขับไล่ปศี าจในนามของเรา จะพูด ภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคน เจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงทำ�งานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำ�สัง่ สอนโดยอัศจรรย์ทตี่ ดิ ตาม มา

เราคริสตชนทุกคนมีหน้าที่หลัก 3 ประการจากศีลล้างบาปคือ การเป็นสงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ ดังนั้น จากคำ�สั่งสุดท้ายของพระเยซูเจ้าซึ่งตรัสกับอัครสาวก และตรัสกับเราแต่ละคนด้วยว่า “ท่านทัง้ หลายจงออกไปทัว่ โลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น...” เป็นประกาศิตสำ�หรับผู้ติดตามพระ คริสตเจ้าว่ามีหน้าที่จะต้องไปประกาศข่าวดีด้วยชีวิต นั่นคือด้วยการประพฤติปฏิบัติที่ดี ตามหลักคำ�สอนของพระเจ้าและพระศาสนจักร เป็นผู้รับใช้สำ�หรับทุกคน และดำ�เนิน ชีวติ ตามคุณค่าพระวรสารอย่างมัน่ คง โดยเริม่ จากตัวเราเองแต่ละคนและแผ่ขยายไปยัง บุคคลอื่นรอบข้าง


บทอ่านที่ 1

อสย 26:1-6

วันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำ�แพงและเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามา พระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้ อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอด ไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้อยู่บนที่สูง ให้ตาํ่ ลง พระองค์ทรงทำ�ลายเมืองบนทีส่ งู ให้ราบถึงพืน้ ดิน กลายเป็นฝุน่ ดิน เท้าทีเ่ หยียบ เมืองนั้นคือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คนยากจนจะเดินเหยียบยํ่าเมืองนั้น”

พระวรสาร

มธ 7:21,24-27

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักร สวรรค์ แต่ผทู้ ปี่ ฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผูส้ ถิตในสวรรค์นนั่ แหละจะ เข้าสู่สวรรค์ได้ ผู้ใดฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้าง บ้านไว้บนหิน ฝนจะตก นํ้าจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบ เสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก นํ้าไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้าน หลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก” การฟัง เป็นปัจจัยหนึง่ ของการเข้าถึงข้อเท็จจริงทีบ่ คุ คลอีกฝ่ายหนึง่ ต้องการเผยให้ ทราบ และโดยเฉพาะอย่างยิง่ การฟังถ้อยคำ�จากพระวาจาของพระเจ้าประจำ�วัน จะทำ�ให้ เราได้เข้าใจถึงพระประสงค์ของพระองค์ และพร้อมที่จะปฏิบัติตามด้วยความนอบน้อม ถ่อมตน เพราะใครที่ฟังพระวาจาแล้วนำ�ไปปฏิบัติตาม และนำ�พระวาจานั้นมาประยุกต์ ใช้ในการดำ�เนินชีวติ ก็เหมือนกับการสร้างบ้านทีม่ นั่ คง ไม่หวัน่ ไหว ไม่ลม้ ครืนลงมาอย่าง ง่ายดาย แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ในชีวิตมากมายสักเพียงใดก็ตาม และ นี่คือหนทางที่จะนำ�เราไปสู่ชีวิตนิรันดร ชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรของพระองค์

น.ยอห์น ชาวดามัสคัส พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 118:1,8-9, 19-21,25,27

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1


สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 27:1,4,13-14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ต้นเดือน วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ

บทอ่านที่ 1

อสย 29:17-24

พระวรสาร

มธ 9:27-31

พระเจ้าตรัสดังนี้ “ในไม่ช้า เลบานอนจะเปลี่ยนเป็นสวนผลไม้ และสวนผลไม้จะ กลายเป็นป่ามิใช่หรือ วันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำ�ของหนังสือ ตาของคนตาบอด จะหายมืดมัวกลับมองเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียงิ่ ขึน้ อีกในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ผูย้ ากจน จะชื่นชมในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล เพราะจะไม่มีทรราชอีก คนชอบเยาะเย้ยจะ สูญหายไป คนทัง้ หลายทีห่ าโอกาสทำ�ความชัว่ จะถูกกำ�จัด คือผูพ้ ดู ใส่ความคนอืน่ ผูว้ าง บ่วงไว้ดักผู้พิพากษาที่ประตูเมือง และปั้นเรื่องขึ้นทำ�ลายผู้ชอบธรรม ดังนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัม ตรัสกับเชื้อสายของยาโคบดังนี้ “ตั้งแต่นี้ไป ยาโคบจะไม่ต้อง อับอายอีก ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของตน ซึ่ง เป็นผลงานจากมือของเรากลับมาอยูก่ บั เขาอีก เขาจะยอมรับว่านามของเราศักดิส์ ทิ ธิ์ เขา ทั้งหลายจะยอมรับว่าพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบทรงความศักดิ์สิทธิ์ และจะยำ�เกรง พระเจ้าแห่งอิสราเอล จิตใจที่หลงผิดจะได้รับความเข้าใจ และผู้ที่เคยบ่นจะยอมรับคำ� สั่งสอน” ขณะทีพ่ ระเยซูเจ้ากำ�ลังเสด็จออกจากทีน่ นั่ คนตาบอดสองคนตามพระองค์ไป ร้อง ตะโกนว่า “โอรสของกษัตริยด์ าวิด โปรดเมตตาเราเถิด” เมือ่ เสด็จมาถึงบ้าน คนตาบอด เข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อว่าเราทำ�เช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า” พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขา ตรัสว่า “จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อ เถิด” แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้าทรงกำ�ชับเขาอย่างเข้มงวดว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ประกาศเรื่องของพระองค์ ทั่วแคว้นนั้น

พระเมตตาของพระเจ้าในการเยียวยารักษาความผิดพลาด และความบาดเจ็บทั้ง ฝ่ายกายและจิตใจของมนุษย์แต่ละคน มีมากมายเกินกว่าที่มนุษย์เราจะคาดคิดและ พิสจู น์ได้ ด้วยสิง่ เหล่านีเ้ อง พระเจ้าได้ทรงคืนสิทธิของความเป็นมนุษย์กลับคืนให้กบั เรา เสมอถ้าเราพร้อมที่จะเปิดใจ และยอมรับพระองค์เข้ามาโอบอุ้ม และรักษาแผลใจที่ บอบชํ้าเพราะความผิดบกพร่องจากบาปของเรา พระองค์จะคืนความสว่างแห่งตาใจให้ กับเราอย่างแน่นอน เพียงแต่ขอให้เราดำ�รงอยู่ในความเชื่อ ความไว้ใจในพระองค์


บทอ่านที่ 1

อสย 30:19-21,23-26

พระวรสาร

มธ 9:35-10:1,6-8

พระเจ้าตรัสดังนี้ “ประชากรแห่งศิโยน ผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทั้งหลายจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย เมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์จะทรง พระเมตตาต่อท่าน เมื่อทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะ ประทานความยากลำ�บากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทานความทุกข์ใจให้เป็นเหมือน นํ้าดื่ม ถึงกระนั้นพระอาจารย์ของท่านจะไม่ซ่อนพระองค์อีก ตาของท่านจะเห็นพระ น.นิโคลัส อาจารย์ หูของท่านจะได้ยนิ ถ้อยคำ�นีจ้ ากเบือ้ งหลังว่า “นีเ่ ป็นหนทาง จงเดินในทางนีเ้ ถิด” พระสั งฆราช ไม่ว่าท่านจะหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย” แล้วพระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านได้หว่านลงในดิน ข้าวสาลีผลิตผล สดด 147:1-3,4-7 ของดินจะอุดมสมบูรณ์ วันนั้น สัตว์เลี้ยงของท่านจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โค ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 และลาที่ใช้ทำ�นาจะกินหญ้าหมักรสอร่อย ที่ใช้พลั่วและส้อมซัดตักมาให้ บนภูเขาและ เนินสูงทุกแห่งจะมีลำ�ธารและคูนํ้าไหล ในวันที่ศัตรูจำ�นวนมากจะถูกฆ่า เมื่อหอคอยจะ พังทลาย ในวันทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงพันบาดแผลให้ประชากรของพระองค์ และจะ ทรงรักษาบาดแผลซึง่ เขาถูกพระองค์ทรงโบยตี แสงของดวงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงของ ดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า จะเป็นเหมือนแสงสว่างของเจ็ดวัน เวลานัน้ พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมูบ่ า้ น ทรงสัง่ สอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรือ่ ง พระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมือ่ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชน ก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านัน้ เหน็ดเหนือ่ ยและท้อแท้ประดุจ ฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอน ขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบ ประทานอำ�นาจให้เขาขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความ เจ็บไข้ทุกชนิด พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนนี้ออกไป สั่งเขาว่า “จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วาน อิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทน ก็จงให้เขาโดยไม่ รับค่าตอบแทนด้วย” ทุกครั้งเมื่อเราได้มีโอกาสฟังหรืออ่านเรื่องราวของชนชาติอิสราเอลที่ร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แล้วพระองค์ทรงสดับฟังเสียงร้องนั้นด้วยความรักและพระเมตตาเสมอนั้น เปรียบเสมือนกับเรามนุษย์ที่เมื่อ ต้องประสบกับความทุกข์ยากลำ�บาก ความขาดแคลน ความเหน็ดเหนื่อย ความท้อแท้ และความต้องการที่ จำ�เป็น แล้วร้องขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ พระองค์พร้อมที่จะฟังเสียงของเรา พร้อมที่จะช่วยเหลือและ โอบกอดเราอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน เพียงแต่ขอให้เราดำ�รงอยู่ในความซื่อสัตย์ และความเชื่อมั่นคงที่มีต่อ พระเจ้าอย่างสุดใจ


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 40:1-5,9-11

สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันรณรงค์โรคเอดส์

พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของ เราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาส สิน้ สุดแล้ว ความผิดของเมืองนัน้ ได้รบั การอภัย เมืองนัน้ ได้รบั โทษจากพระหัตถ์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียม ทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าในถิน่ ทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุง่ เวิง้ ว้างสำ�หรับพระเจ้าของ เราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะ ราบเสมอกัน ทีส่ งู ๆ ตาํ่ ๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงสำ�แดงพระสิรริ งุ่ โรจน์ ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ ดังนี้” “ท่านผู้นำ�ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำ�ข่าวดีมาให้กรุง เยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่ เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จ มาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับ พระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของ พระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม”

เพลงสดุดี

สดด 85:8-10,11,12-13

ก) ข้าพเจ้ากำ�ลังฟังอยู่ว่าพระองค์จะตรัสอะไร องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประกาศสันติภาพ แก่ประชากรของพระองค์และแก่ผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ ขอเพียงอย่าให้เขาทำ�สิ่งโง่เขลาอีก ถูกแล้ว ความรอดพ้นอยู่ใกล้ผู้ที่ยำ�เกรงพระองค์ พระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์จะอยู่ในแผ่นดินของเรา ข) ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์จะพบกัน ความเที่ยงธรรมและสันติจะสวมกอดกัน ความซื่อสัตย์จะปรากฏขึ้นจากแผ่นดิน ความเที่ยงธรรมจะเยี่ยมหน้าจากสวรรค์ ค) ใช่แล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานฝนเป็นพระพร และแผ่นดินของเราก็จะให้ผลเก็บเกี่ยวมากมาย ความเที่ยงธรรมจะเดินนำ�หน้าพระองค์ เบิกทางให้ทรงพระดำ�เนิน


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง 2 ปต 3:8-14

ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืม คือสำ�หรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับ หนึง่ พันปี และหนึง่ พันปีกเ็ หมือนกับหนึง่ วัน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอทีจ่ ะปฏิบตั ติ ามพระสัญญาดัง ที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ ให้ทกุ คนกลับใจ เปลีย่ นวิถชี วี ติ วันขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รตู้ วั เหมือนขโมย วันนัน้ ท้องฟ้า จะอันตรธานสูญสิน้ ไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งทีอ่ ยู่ บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำ�เนินชีวิตให้ ศักดิ์สิทธิ์และมีความเลื่อมใสศรัทธา รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้น ท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำ�ลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำ�ลังรอคอย เหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำ�เนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำ�หนิ

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 1:1-8

การเริม่ ต้นข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศก อิสยาห์ว่า ดูซิ เราส่งผู้นำ�สารของเราไปข้างหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางสำ�หรับท่าน คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่น ทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำ�ทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำ�พิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดงการ กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ประชาชนจากทั่วแคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหลายไปพบเขา รับพิธลี า้ งจากเขาในแม่นาํ้ จอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาด สะเอว กินตั๊กแตนและนํ้าผึ้งป่า และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำ�ลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำ�นาจยิ่งกว่า ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ งให้ทา่ นทัง้ หลาย แต่เขาจะทำ�พิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า”

ให้เราเตรียมตัวเตรียมจิตใจในหนทางแห่งการติดตามพระคริสตเจ้าในแต่ละวันของเราอย่างดี เพื่อ เราจะได้พร้อมในการรับเสด็จพระคริสตเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จมาในชีวิตของเรา โดยการไตร่ตรองถึงชีวิต ในแต่ละวันว่าเราประพฤติตนอย่างไร ขอให้เราได้กลับใจ เปลี่ยนวิถีชีวิตที่จมอยู่ในความผิดบาป ดำ�เนิน ชีวิตให้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเลื่อมใสศรัทธา มีชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำ�หนิ และเช่นนี้ พระองค์จะทรงกอบกู้เราให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง เพราะพระองค์จะทรงดูแลเราเหมือนกับคนเลี้ยง แกะ ที่รวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม


บทอ่านที่ 1

สมโภช พระนางมารีย์ ผู้ปฏิสนธินิรมล สดด 98:1-3

ปฐก 3:9-15,20

องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ ตรัสถามว่า “ท่านอยู่ไหน” มนุษย์ทูล ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวน ก็กลัวเพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่ จึง ได้ซ่อนตัว” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครบอกท่านว่าท่านเปลือยกายอยู่ ท่านได้กินผลจาก ต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นหรือ” มนุษย์ทูลตอบว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับ ข้าพเจ้าได้ให้ผลจากต้นไม้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสกับ หญิงว่า “ท่านทำ�อะไรไปนี่” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเจ้าทำ�เช่นนี้... เราจะทำ�ให้เจ้าและ หญิงเป็นศัตรูกนั ให้ลกู หลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกนั ด้วย เขาจะเหยียบ หัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”...

บทอ่านที่ 2

อฟ 1:3-6,11-12

พระวรสาร

ลก 1:26-38

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์... พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพร นานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่ ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพือ่ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ดว้ ยความรัก... เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้น กาลิลชี อื่ เมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึง่ ซึง่ หมัน้ อยูก่ บั ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผูท้ พี่ ระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก... แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์ และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขา เป็นบุตรของพระองค์... ” พระนางมารียจ์ งึ ทรงถามทูตสวรรค์วา่ “เหตุการณ์นจี้ ะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้า ตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้ สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า... เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็น เจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป

ด้วยความสุภาพถ่อมตน และความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างสูงสุดของแม่พระ ทำ�ให้ประวัติศาสตร์แห่ง ความรอดพ้นในพระบุตรของพระนางสำ�เร็จไป มนุษย์จึงได้รับการไถ่กู้ให้รอดพ้นจากบาปและความตาย ทำ�ให้ มนุษย์ได้รู้จักและติดตามพระคริสตเจ้าผู้ซึ่งเป็นความหวังแห่งชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ดังนั้น ถ้าเรา ปรารถนาทีจ่ ะปฏิบตั ติ ามตัวอย่างแห่งความเชือ่ และความกล้าหาญของพระแม่ เราจำ�เป็นต้องเปิดใจยอมรับถึง สิง่ ทีเ่ กินจากความคาดหวังทีอ่ าจเข้ามาในชีวติ ด้วยความสุภาพและเสียสละ มัน่ ใจว่าสิง่ เหล่านีเ้ ป็นพระประสงค์ ของพระเจ้า ซึ่งทำ�ให้ชีวิตของเราเป็นท่อธารแห่งพระพรและพระหรรษทานไปยังบุคคลอื่น


บทอ่านที่ 1

อสย 40:1-11

พระเจ้าของท่านทัง้ หลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนัน้ ว่า เวลาการเป็นทาสสิน้ สุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็น เจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทาง ตรงในทุง่ เวิง้ ว้างสำ�หรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและ เนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ตํ่าๆ จะราบเรียบ...” เสียงหนึง่ กล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร” เสียง นั้นกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือน ดอกไม้ในทุ่ง... หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ ตลอดไป” “ท่านผู้นำ�ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำ�ข่าวดีมาให้กรุง เยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่ เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จ มาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง... พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูง แกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบ พระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่างทะนุถนอม”

พระวรสาร

น.ฮวน ดิเอโก สดด 96:1-3,10-12,13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

มธ 18:12-14

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทัง้ หลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึง่ มีแกะอยูร่ อ้ ยตัว แล้วแกะตัวหนึง่ บังเอิญ หลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดี ในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คน ธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป” ในสายพระเนตรของพระเจ้า เรามนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม และเท่าเทียมกัน ถ้าเราได้สมั ผัสเรือ่ งนีอ้ ย่างลึกซึง้ แล้ว เราจะพบว่าพระเยซูเจ้าในฐานะนายชุมพาบาลทีด่ ี และ เราเป็นลูกแกะของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้เดินนำ�หน้าพวกเรา เพื่อนำ�เรา ไม่ใช่เดินตามหลัง พระองค์มี อุปกรณ์ในการเลีย้ งดูมใิ ช่เพือ่ ทำ�ร้ายเรา แต่เพือ่ ป้องกัน ดูแลเราให้ปลอดภัยด้วยความเอาใจใส่ ใช้เหตุผลและ ความรักในการดูแลและนำ�พวกเรา พระองค์ทรงตามหาเราแต่ละคนทีห่ ลงทาง ไม่ทอดทิง้ แม้จะต้องเสีย่ งและ อดทนในการเดินทางหาเราบางคนที่พลัดหายไป และที่สุดพระองค์ทรงเป็นผู้ดูแลไม่ใช่ด้วยการตี แต่ใช้ความ รักและเหตุผล เพื่อเราจะไม่พินาศ แต่ได้รับความรอดพ้นนิรันดร


สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 103:1-2,3-4,8-10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันรัฐธรรมนูญ

บทอ่านที่ 1

อสย 40:25-31

พระวรสาร

มธ 11:28-30

พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า “ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จงแหงน หน้าขึน้ ดูวา่ ผูใ้ ดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผทู้ รงอานุภาพและทรงพลังเข้มแข็ง ทรงนำ�ดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำ�นวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาดไปแม้แต่ ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงยํ้าว่า “ทางเดินของ ข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้ามองข้าม ไป” ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรันดร เป็นพระ ผูเ้ นรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด พระองค์มไิ ด้ทรงอ่อนเปลีย้ หรือเหน็ดเหนือ่ ย พระ ดำ�ริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำ�ลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย ทรงเพิ่ม เรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำ�ลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ชายฉกรรจ์จะ สะดุดและล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีก บินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่าน ได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อน โยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและ ภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” เมื่อใดก็ตามที่เรายอมเปิดชีวิตให้พระเยซูเจ้านำ�ทาง และช่วยเหลือเราแล้ว แอกที่ เป็นเหมือนอุปสรรคปัญหาต่างๆ หรือภาระสารพัดในชีวิตที่เคยหนักอึ้งจนยากที่จะทน แบกหรือยอมรับไหว ก็จะได้รับความบรรเทา และการปลอบประโลม เพราะพระองค์ไม่ เพียงแต่น�ำ ทางเราในยามทีเ่ รามีความทุกข์ และต้องเผชิญหน้ากับความยากลำ�บากเท่านัน้ แต่พระองค์ยังทรงช่วยเรา อยู่เคียงข้างเรา ประทานพละกำ�ลังแก่เรา ให้ความหวังและ พลังใหม่ เหมือนนกอินทรีที่บินไปอย่างสง่าท่ามกลางคลื่นลมพายุที่แรงกล้า เหมือนแม่ ไก่ที่คอยโอบลูกเล็กๆ ของมันไว้ใต้ปีกที่อบอุ่นและปลอดภัย


บทอ่านที่ 1

อสย 41:13-20

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอก ท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ยาโคบที่เป็นเหมือน หนอนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนดักแด้เอ๋ย เราจะช่วยท่าน เรา ผู้ไถ่กู้ ท่าน คือพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอล ดูซิ เราจะทำ�ให้ทา่ นเป็นเหมือนเลือ่ นนวดข้าวใหม่ และมีฟนั คม ท่านจะนวดและบดภูเขา จะทำ�ให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ ท่านจะฝัดภูเขา และเนินเขาเหล่านั้น และลมจะพัดไป ลมพายุจะทำ�ให้กระจัดกระจาย แต่ท่านจะชื่นชม ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะภูมิใจในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล คนยากจนและผู้ ขัดสนแสวงหานํ้า แต่ไม่มีนํ้า ลิ้นของเขาแห้งผากเพราะความกระหาย เราคือองค์พระผู้ เป็นเจ้าจะตอบสนองเขา เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งเขา เราจะบันดาลให้มี แม่นํ้าไหลบนภูเขาโล่งเตียน มีพุนํ้าไหลในหุบเขา เราจะทำ�ถิ่นทุรกันดารให้เป็นสระนํ้า ทำ�ให้พื้นดินแห้งกลายเป็นพุนํ้า เราจะปลูกต้นสนสีดาร์ในถิ่นทุรกันดาร ปลูกต้นกระถิน เทศ ต้นเสม็ด และมะกอกเทศ เราจะปลูกต้นสนไซเปรสไว้ในที่แห้งแล้ง ปลูกต้นยาง และต้นสนไว้ด้วยกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นและรู้ จะได้พิจารณาและเข้าใจพร้อมกันว่า พระหัตถ์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าได้ท�ำ เช่นนี้ พระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอลทรงสร้างสิง่ นี”้

พระวรสาร

น.ดามาซัส ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 145:1,8-9, 10-11,12-13

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

มธ 11:11-15

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่า ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง ถึงกระนั้น ผู้ตํ่าต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ตั้งแต่สมัยของยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างจนถึงวันนี้ อาณาจักรสวรรค์ต้องการความอดทนและ ความพยายาม ผู้ที่ใช้ความอดทนและความพยายามเท่านั้นจึงจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ได้ ประกาศกทัง้ หลายและธรรมบัญญัตติ า่ งประกาศพระวาจาถึงสมัยของยอห์น ถ้าท่าน ทั้งหลายยอมเชื่อ ยอห์นนี่เองคือประกาศกเอลียาห์ซึ่งจะต้องมา ใครมีหู ก็จงฟังเถิด”

กลุ่มคริสตชนแรกเริ่ม ต้องเผชิญหน้ากับการถูกเบียดเบียน ใส่ความ และเอาชีวิต มีความเข้าใจผิด และ เกิดการแตกแยกในหมู่คริสตชนด้วยกันที่เป็นเฮเรติก แต่กระนั้นก็ดี บรรดาผู้นำ�พระศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็น บรรดาพระสันตะปาปา พระสังฆราช พระสงฆ์ และสัตบุรษุ คริสตชนหลายต่อหลายท่านต้องต่อสูก้ บั สิง่ ทีท่ า้ ทาย เหล่านี้เพื่อทำ�ให้พระศาสนจักรยังคงดำ�รงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน รักสามัคคีกัน และอดทนรอคอยด้วย ความหวังว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะได้รบั การเผยแผ่ไปยังนานาชาติ นีเ่ ป็นจิตตารมณ์ และอุดมการณ์ในความ เชื่อที่พวกเขามีต่อพระเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เช่นเดียวกัน เสียงร้องเหล่านี้ยังคงต้องดำ�รงอยู่ต่อไป เพราะพระเจ้ายังคงทำ�งาน และให้กำ�ลังใจแก่เราในการดำ�เนินชีวิตเสมอ “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน”


พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งกวาดาลูเป สดด 1:1-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2

บทอ่านที่ 1

อสย 48:17-19

พระวรสาร

มธ 11:16-19

องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้กอบกู้ของท่าน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราสั่งสอนท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน นำ� ท่านไปในทางที่ท่านต้องเดิน ถ้าท่านตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรา ความเจริญรุ่งเรืองของ ท่านคงจะเป็นเหมือนแม่นํ้า ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็นเหมือนคลื่นทะเล ลูก หลานของท่านจะมีจ�ำ นวนมากเหมือนทราย เชือ้ สายของท่านจะเป็นเหมือนเม็ดทราย ชือ่ ของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ที่นั่งตามลานสาธารณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่า พวกเราเป่าขลุ่ย พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ� พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า พวกเจ้าก็ไม่รํ่าไห้ ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า ‘คนนี้มีปิศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่า ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระปรีชาญาณ ของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ” การที่พระเยซูเจ้าเปรียบพวกฟารีสี ธรรมาจารย์หรือแม้แต่ชาวยิวที่ได้ฟังพระวาจา และเห็นถึงการกระทำ�อัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์แล้ว แต่กลับไม่เข้าใจ ปฏิเสธที่จะ ยอมรับ และยังกีดกันคนอืน่ ไม่ให้เข้ามารูจ้ กั และเชือ่ ในพระองค์อกี ด้วย นีเ่ ป็นพฤติกรรม ที่พระเยซูเจ้าเปรียบเปรยบุคคลเหล่านี้เหมือนเด็กๆ (ไม่ใช่เด็กเล็กๆ) ไม่มีวุฒิภาวะทาง ความเชือ่ และความเข้าใจ มองหาแต่จดุ ทีจ่ ะขัดขวางและทำ�ลายคนทีเ่ ป็นฝ่ายตรงกันข้าม ฝ่ายที่ขัดแย้งต่อผลประโยชน์ของตนที่ควรจะได้รับ จึงเป็นสาเหตุทำ�ให้พระองค์ถูกใส่ ร้ายว่าคบหากับคนบาป เป็นพวกนักกิน นักดื่ม ไม่ระวังตัว ดังนั้น จงระวังและดำ�รงตน อยู่ในความเหมาะสม มีความสมดุลย์ในชีวิตอยู่เสมอ


บทอ่านที่ 1

บสร 48:1-4,9-11

ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผา ผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำ�ให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้น ของเขาทำ�ให้ประชากรลดจำ�นวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ทำ�ให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครัง้ ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชอื่ เสียงรุง่ เรืองเพราะการ อัศจรรย์ที่ได้กระทำ� ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่าเทียมกับท่าน ท่านถูกยกขึ้นไปในพายุหมุนที่เป็นไฟ บนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำ�หนดไว้ให้มา ตำ�หนิประชากรในอนาคต เพือ่ จะได้ระงับพระพิโรธก่อนทีจ่ ะลุกเป็นไฟ เพือ่ นำ�จิตใจของ บิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็นท่าน ย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทัง้ หลายจะได้มชี วี ติ อย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน

พระวรสาร

มธ 17:10-13

เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “เอลียาห์จะมาและจะจัดทุกสิ่งให้อยู่ใน สภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จักและกระทำ� ต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง

หลายคนในบรรดาบรรพบุรุษก่อนหน้ายอห์นผู้ทำ�พิธีล้างสอนว่า ก่อนที่พระเมสสิ ยาห์จะเสด็จมา เอลียาห์จะต้องกลับมาก่อน พระเยซูเจ้าอธิบายว่าเอลียาห์จะมาจริงและ ฟื้นฟูสรรพสิ่งให้กลับสภาพเดิม ที่สุดท่านมาแล้ว นั่นคือยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง แต่พันธกิจ ของเขากลับไม่มีใครสนใจ แทนที่พวกผู้นำ�ศาสนาจะยอมรับพันธกิจของยอห์น พวกเขา กลับปฏิเสธและยังไม่ยอมรับพระเยซูคริสตเจ้าอีกด้วย ถ้าประชาชนตอบสนองต่อความ เชือ่ ทีใ่ ห้ ความรอดและทุกอย่างทีจ่ �ำ เป็นต่อการนำ�อาณาจักรของพระเมสสิยาห์มาสูโ่ ลก ก็ได้ถูกสำ�แดงแล้ว ดังนั้น ให้เราได้เริ่มเปิดใจ ยอมรับ และประพฤติปฏิบัติในความเชื่อ ด้วยชีวิต

ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารี และมรณสักขี สดด 80:1-2ก,14-15, 17-18

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 61:1-2ก,10-11

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระจิตขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงอยูเ่ หนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเจิม ข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปปลอบโยนคนที่มีใจชอกชํ้า ประกาศอิสรภาพแก่เชลย ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ� ประกาศปีแห่งความ โปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า วิญญาณของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ประทานความ รอดพ้นแก่ข้าพเจ้าเป็นเสมือนอาภรณ์ที่ทรงสวมให้ ประทานความชอบธรรมให้ข้าพเจ้า เป็นเสมือนเสื้อคลุม ข้าพเจ้าเป็นเหมือนเจ้าบ่าวที่โพกศีรษะอย่างงดงาม เหมือนเจ้าสาว ประดับตนด้วยเพชรนิลจินดา เพราะแผ่นดินบังเกิดพืชผล และสวนทำ�ให้เมล็ดพืชงอก ขึน้ ฉันใด องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เกิดความชอบธรรมและการสรรเสริญต่อหน้า นานาชาติฉันนั้น

เพลงสดุดี

ลก 1:46-48,49-50,53-54

ก) วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข ข) พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิ่งใหญ่สำ�หรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ พระกรุณาต่อผู้ยำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย ค) พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 5:16-24

พีน่ อ้ ง จงร่าเริงยินดีเสมอ จงอธิษฐานภาวนาอย่างสมํา่ เสมอ จงขอบพระคุณพระเจ้า ในทุกกรณี เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้ท่านทำ�สิ่งเหล่านี้ในพระคริสตเยซู อย่าดับไฟของพระจิตเจ้า อย่าดูหมิ่นการประกาศพระวาจา จงทดสอบทุกสิ่งและ ยึดสิ่งที่ดีงามไว้ จงละเว้นความชั่วทุกรูปแบบ ขอองค์พระเจ้าผูป้ ระทานสันติ บันดาลให้ทา่ นทัง้ หลายเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิอ์ ย่างสมบูรณ์ ขอพระองค์ทรงคุม้ ครองท่านให้พน้ คำ�ตำ�หนิทงั้ ด้านจิตใจ วิญญาณและร่างกาย เมือ่ พระ เยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสด็จมา พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะทรงกระทำ�ให้สำ�เร็จ


บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 1:6-8,19-28

พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามา ในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสง สว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมือ่ ชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็ม ส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็น ใคร” เขามิได้ปดิ บังความจริง แต่ยนื ยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้า ไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีก ว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำ�คำ�ตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเอง อย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงทำ�ทางขององค์พระผู้ เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำ�ไมท่านจึงทำ�พิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระ คริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้นาํ้ ทำ�พิธลี า้ งให้ทา่ นทัง้ หลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะ แก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่นํ้าจอร์แดนซึ่งยอห์นกำ�ลังทำ�พิธีล้างอยู่ “ท่านได้ยนิ ข่าวดีไหม?” เป็นคำ�ถามทีน่ า่ คิดและติดตามอยูเ่ สมอในชีวติ คริสตชน เพราะเรามีโอกาส ได้ยนิ ข่าวดีเกีย่ วกับเรือ่ งของพระเจ้า และพระเยซูคริสตเจ้าในหลายต่อหลายครัง้ และหลากหลายรูปแบบ เรามีโอกาสรำ�พึง ไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้า และข่าวดีนี้จากพระธรรมคำ�สอนและจากพระคัมภีร์ วัน นี้ข่าวดีเหล่านี้มาถึงเราอีกครั้ง เป็นข่าวดีที่ประกาศแก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนที่ชอกชํ้าเพราะ การถูกเบียดเบียน คนทีเ่ ป็นเชลยจากบาปและความทุกข์ คนทีถ่ กู จองจำ�จากพันธนาการของการติดยึดตัว ตนเอง ประกาศกเอลียาห์ ท่านยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง จนถึงพระเยซูเจ้าได้มาก่อนหน้าเรา และเปิดเผยให้ เรารูถ้ งึ ข่าวดีเหล่านี้ เราจึงควร “ร่าเริงยินดีเสมอ อธิษฐานภาวนาอย่างสมํา่ เสมอ และขอบพระคุณพระเจ้า ในทุกกรณี เพราะพระองค์ปรารถนาให้ท่านทำ�สิ่งเหล่านี้ในพระคริสตเยซู”


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 25:4-6,7-9,10

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

กดว 24:2-7,15-17

ในครัง้ นัน้ บาลาอัมเงยหน้าขึน้ เห็นอิสราเอลตัง้ ค่ายอยูต่ ามเผ่าของตน พระจิตของ พระเจ้าเสด็จมาเหนือเขา เขาจึงกล่าวคำ�ทำ�นายเป็นบทประพันธ์ดังนี้ “คำ�ทำ�นายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำ�ทำ�นายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำ� ทำ�นายของผู้ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิตของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อ เขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ยาโคบเอ๋ย กระโจมของท่านช่างงามจริง อิสราเอล เอ๋ย ที่อาศัยของท่านช่างงดงาม เหมือนลำ�ธารที่แยกออกเป็นหลายสาย เหมือนสวนที่ อยู่ริมฝั่งแม่นํ้า เหมือนต้นหางจระเข้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูก เหมือนต้นสนสีดาร์ที่ อยูร่ มิ นาํ้ นาํ้ จะไหลออกจากถังของเขา และพืชพันธุข์ องเขาจะมีนาํ้ อุดมสมบูรณ์ กษัตริย์ ของเขาจะยิ่งใหญ่กว่าอากัก อาณาจักรของเขาจะเป็นที่ยกย่อง เขาจึงกล่าวคำ�ทำ�นายเป็นบทประพันธ์ดงั นี้ “คำ�ทำ�นายของบาลาอัม บุตรของเบโอร์ คำ�ทำ�นายของบุรุษผู้มีตาเห็นไกล คำ�ทำ�นายของผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ผู้เห็นนิมิต ของพระผู้ทรงสรรพานุภาพ เมื่อเขาเข้าฌาน ตาของเขาก็เปิดออก ข้าพเจ้าเห็นเขา แต่ ไม่ใช่บัดนี้ ข้าพเจ้ามองดูเขา แต่ไม่ใช่จากใกล้ๆ ดาวดวงหนึ่งกำ�ลังขึ้นมาจากยาโคบ คทา อันหนึ่งกำ�ลังขึ้นมาจากอิสราเอล จะทุบหน้าผากของโมอับ และทุบกะโหลกศีรษะบุตร ทุกคนของเสท”

มธ 21:23-27

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่ทรงสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น บรรดาหัวหน้าสมณะ และผู้อาวุโสของประชาชนเข้ามาพบพระองค์แล้วทูลถามว่า “ท่านมีอำ�นาจใดจึงทำ�เช่นนี้ ใครมอบอำ�นาจนี้ให้ ท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราขอถามท่านอย่างหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าท่านตอบ เราก็จะบอกท่านว่าเรา ทำ�เช่นนี้ด้วยอำ�นาจใด พิธีล้างของยอห์นมาจากไหน จากสวรรค์หรือจากมนุษย์” บรรดาสมณะและผู้อาวุโส ของประชาชนจึงปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่ามาจากสวรรค์ เขาก็จะถามว่า ‘แล้วทำ�ไมท่านจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’ ถ้าเราตอบว่ามาจากมนุษย์ เราก็เกรงกลัวประชาชน เพราะทุกคนคิดว่ายอห์นเป็นประกาศก” เขาจึงทูลตอบพระเยซูเจ้าว่า “เราไม่รู้” พระองค์จึงตรัสว่า “เราก็ไม่บอกท่านเช่นเดียวกันว่า เราทำ�การ เหล่านี้โดยอำ�นาจใด” คำ�ถามของบรรดาหัวหน้าสมณะและผูอ้ าวุโสทีถ่ ามพระเยซูเจ้า เป็นการชีช้ ดั ว่าพวกเขาไม่ยอมรับพระองค์ ในการเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้มีชัยชนะ การที่พระองค์ชำ�ระพระวิหารและการรักษาคนตาบอดและคนง่อย รวมทั้งการสั่งสอนของพระองค์ด้วย จึงเป็นที่มาของคำ�ถามว่า “ท่านมีอำ�นาจใดจึงทำ�เช่นนี้ ใครมอบอำ�นาจนี้ ให้ท่าน” พระองค์ได้รับสิทธิอำ�นาจนี้จากไหน? เป็นความชัดเจนที่ว่า เมื่อพวกมหาสมณะและผู้อาวุโสไม่เปิด ใจเชื่อ และยอมรับการกระทำ�และคำ�เทศน์สอนของพระองค์แล้ว ทุกอย่างก็ล้วนเป็นอุปสรรคไปทั้งสิ้น เช่น เดียวกัน ขอให้เราได้เปิดตา เปิดใจ เปิดสติปัญญาของเรา เพื่อเราจะได้เชื่อและไว้ใจในพระเจ้าอย่างที่พระองค์ ทรงเป็น


บทอ่านที่ 1

ศฟย 3:1-2,9-13

พระวรสาร

มธ 21:28-32

พระเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่เป็นกบฏและมีมลทิน เมืองที่กดขี่ข่มเหง เมืองนี้ไม่ยอมฟังเสียง ไม่ยอมรับคำ�สั่งสอน ไม่วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มาใกล้ พระเจ้าของตน ใช่แล้ว เวลานั้น เราจะชำ�ระปากของชนหลายชาติให้พ้นมลทิน เขาทุก คนจะได้เรียกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ เป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน จากฟากโน้นของแม่นํ้าเอธิโอเปีย ผู้นมัสการเราจะนำ�ของถวายมาให้เรา ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย เพราะกิจการที่เจ้าเคยกบฏต่อเรา เพราะเวลานั้น ระลึกถึงบุญราศีทั้งเจ็ด แห่งสองคอน เราจะทำ�ให้ผู้โอ้อวดและหยิ่งผยอง สูญหายไปจากเจ้า เจ้าจะไม่หยิ่งผยองอีกต่อไป บน สดด 34:1-2,5-7, ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและตํ่าต้อยไว้ในเจ้า 17-18,22 คนทีเ่ หลืออยูใ่ นอิสราเอลจะวางใจในพระนามขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ผูร้ อดชีวติ เหลืออยู่ ทำ � วั ต รสัปดาห์ที่ 3 ของอิสราเอลจะไม่ทำ�ผิด จะไม่กล่าวคำ�มุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะ วันครูคำ�สอนไทย เขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำ�ให้เขาต้องหวาดกลัว” เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับพวกมหาปุโรหิตและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูด ว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำ�งานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมา ก็เปลี่ยนใจและไปทำ�งาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สอง ตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำ�ตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คน แรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า คนเก็บภาษีและหญิง โสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชี้หนทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชื่อยอห์น ส่วน คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมา เชื่อยอห์น”

ภาพสะท้อนของการกระทำ�ทีส่ �ำ คัญกว่าคำ�พูดในพระวรสารวันนีเ้ ชือ้ เชิญให้เราใส่ใจ ในการเป็นนักปฏิบัติ พระเยซูเจ้ายกย่องคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีที่เชื่อในคำ�สั่งสอน ของพระองค์และได้กลับใจ แม้ว่าเขาจะเป็นคนบาปหยาบช้ามาก่อน บัดนี้เขาได้ เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปสู่หนทางแห่งความดี เขาเป็นนักปฏิบัติที่แท้จริง ดังนั้นการ เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าจึงไม่ใช่การเป็นศิษย์เพียงแค่ค�ำ พูดหรือในนามเท่านัน้ แต่หมาย ถึงการเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ด้วยความเชื่อและด้วยความรักเสมอ


สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:3-4,7,8,17

บทอ่านที่ 1

ปฐก 49:2,8-10

พระวรสาร

มธ 1:1-17

บุตรของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง จงฟังคำ�ของอิสราเอล บิดาของลูก ยูดาห์เอ๋ย บรรดาพีน่ อ้ งจะสรรเสริญลูก มือของลูกจะจับคอศัตรู บุตรของบิดาของ ลูกจะกราบไหว้ลูก ยูดาห์เป็นเหมือนลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ลูกฆ่าเหยื่อแล้วกลับมา ลูกเป็น เหมือนสิงโตตัวผู้ ที่ซุ่มหมอบ เหมือนสิงโตตัวเมียที่นอนอยู่ ใครเล่าจะกล้าทำ�ให้ลุกขึ้น คทาจะไม่ไปจากยูดาห์ และไม้เท้าของผู้ปกครองจะไม่ถูกยกไปจากระหว่างเท้าของเขา จนกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของจะมาและประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา

หนังสือลำ�ดับพระวงศ์ของพระเยซูคริสตเจ้า โอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงสืบ ตระกูลมาจากอับราฮัม วันคล้ายวันสมภพสมเด็จ อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์ พระสันตะปาปาฟรังซิส กับบรรดาพี่น้อง ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศและเศราห์ มารดาของคนทั้งสองคือนางทา มาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของ นาโซน นาโซนเป็นบิดาของสัลโมน สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส มารดาของโบอาสคือนางราหับ โบอาสเป็นบิดา ของโอเบด มารดาของโอเบดคือนางรูธ โอเบดเป็นบิดาของเจสซี เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด กษัตริย์ดา วิดเป็นบิดาของซาโลมอน มารดาของซาโลมอนเคยเป็นภรรยาของอูรียาห์ ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา อาสาเป็น บิดาของเยโฮซาฟัท เยโฮซาฟัทเป็นบิดาของโยรัม โยรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์ อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม โยธามเป็นบิดาของอาหัส อาหัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์ เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นบิดา ของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ โยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนียาห์และพีน่ อ้ ง ในสมัยถูกกวาดต้อนเป็น เชลยไปกรุงบาบิโลน หลังจากถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนียาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล เชอัลทิ เอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม เอลียาคิมเป็น บิดาของอาซอร์ อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด เอลีอูดเป็น บิดาของเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟ พระสวามีของพระนางมารีย์ พระเยซูเจ้า ที่ขานพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ประสูติจากพระนางมารีย์ผู้นี้... ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

ทุกชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปเสมอ พระวรสารวันนี้ได้บอกเล่าที่มาของพระเยซูเจ้าใน ธรรมชาติมนุษย์ ซึง่ เป็นเครือ่ งหมายทีแ่ สดงให้เราเห็นว่า พระเจ้านัน้ รักและให้เกียรติมนุษย์อย่างมาก พระองค์ เลือกที่จะส่งพระบุตรลงมาตามธรรมชาติในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เพื่อเราจะได้เรียนรู้ถึงความสัมพันธ์อัน ใกล้ชิดที่พระเจ้ามีต่อเรา นี่คือความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผ่านทางองค์พระบุตรผู้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันกับ เราในธรรมชาติมนุษย์ และนำ�ความรอดมาสู่เราผ่านทางธรรมชาติพระเจ้าของพระองค์


บทอ่านที่ 1

ยรม 23:5-8

“ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่ กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะทำ�ให้ความถูกต้องและ ความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอลจะ ดำ�เนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนามของพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็น เจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” “ดังนัน้ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส เมือ่ ใครๆ จะไม่กล่าวคำ�สาบานอีก ต่อไปว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำ�ชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ทรงพระชนม์ อยู่แน่ฉันใด...” แต่เขาจะสาบานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำ�พงศ์พันธุ์อิสราเอลจาก แผ่นดินทางทิศเหนือ และจากดินแดนทั้งหลายที่ทรงขับไล่ให้เขาไปอาศัยอยู่ และทรง นำ�เขากลับมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด...”

พระวรสาร

มธ 1:18-25

เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของ พระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้ง ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้องหย่า พระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่า กลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมา จากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วย ประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำ�รัสขององค์พระผู้ เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศก จะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ท�ำ ตามที่ทูตสวรรค์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย

บ่อยครั้งที่เสียงเรียกของพระในชีวิตของเรามนุษย์นั้นมีความยากลำ�บากและเต็ม ไปด้วยอุปสรรค พระวรสารวันนี้เล่าถึงโยเซฟผู้ซ่ึงกำ�ลังวิตกกังวลในการรับพระนาง มารีย์ที่ได้ตั้งครรภ์มาเป็นภรรยาก่อนที่จะแต่งงานกัน ความวิตกกังวลนี้ได้นำ�โยเซฟไปสู่ การตัดสินใจที่ยากลำ�บาก ที่สุดพระเจ้าก็ไม่ทอดทิ้งเขาในเวลาแห่งความยากลำ�บากนี้ พร้อมทั้งให้กำ�ลังใจเขาในการรับพันธกิจนี้ด้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะนี่คือ แผนการของพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:1-2,12-13, 18-19

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 71:2-3,4-6,16-18ก

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

พระวรสาร

วนฉ 13:2-7,24-25

มีชายคนหนึ่งชื่อมาโนอาห์ เป็นชาวเมืองโศราห์เป็นคนเผ่าดาน ภรรยาของเขาเป็น หมัน ไม่มีบุตร ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผู้นี้กล่าวว่า “ท่านเป็น หมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงระวังอย่าดื่มสุราเมรัยใดๆ อย่ารับประทานอาหารที่มีมลทิน...อย่าให้ใบมีดมาโกนศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะ เป็นนาศีรถ์ วายแด่พระเจ้าตัง้ แต่ยงั อยูใ่ นครรภ์ของมารดา เขาจะเริม่ ช่วยชาวอิสราเอลให้ พ้นจากอำ�นาจของชาวฟีลสิ เตีย” หญิงคนนัน้ ก็ไปบอกสามีวา่ “คนของพระเจ้ามาหาดิฉนั เขามีใบหน้าเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า... แต่เขาบอกดิฉันว่า ‘ท่านจะตั้งครรภ์และ คลอดบุตรชาย อย่าดื่มสุราเมรัยใด ๆ และอย่ารับประทานอาหารที่มีมลทิน เพราะเด็ก จะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงวันตาย’” หญิงคนนั้นคลอดบุตรชายและตั้งชื่อให้ว่าแซมสัน เด็กน้อยเจริญวัยขึ้น องค์พระ ผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรเขา...

ลก 1:5-25

ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรดผู้ปกครองแคว้นยูเดีย สมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ ประจำ�เวรในหมวดของ อาบียาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทั้งสองคนเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ... แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำ�ลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน... ทันใดนั้น ทูต สวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายกำ�ยาน เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็รู้สึก วุ่นวายใจและมีความกลัวอย่างมาก แต่ทตู สวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำ�อธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธ ภรรยาของท่านจะให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชืน่ ชมยินดีและคนจำ�นวน มากจะยินดีทเี่ ขาเกิดมา... ” เศคาริยาห์จงึ ถามทูตสวรรค์วา่ “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรือ่ งนีไ้ ด้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระ พักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านและนำ�ข่าวดีนี้มาแจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำ�ของ ข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำ�หนด ดังนั้น ท่านจะเป็นใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง”... เมื่อหมดวาระทำ�หน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธภรรยาของ เขาก็ตงั้ ครรภ์ นางเก็บตัวอยูใ่ นบ้านเป็นเวลาห้าเดือน นางกล่าวว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงทำ�เช่นนีเ้ พือ่ ข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์พอพระทัยช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอายที่ข้าพเจ้ามีต่อหน้าคนทั้งหลายแล้ว” การไม่มีบุตรของเศคาริยาห์และเอลีซาเบธเป็นสิ่งที่น่าอับอายในสังคมและวัฒนธรรมสมัยนั้น เป็นดัง เครื่องหมายที่บอกว่าพระเจ้าไม่อวยพรครอบครัวของพวกเขา นี่คือความขมขื่นอันยาวนานของชายหญิงทั้ง สองคนนี้จนล่วงถึงวัยชรา แต่สิ่งที่น่ายกย่องคือพวกเขานั้นยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเสมอแม้จะต้องเผชิญกับ อุปสรรคนี้ในชีวิตคู่ของพวกเขา และที่สุดพระเจ้าก็อวยพรเขา มอบความชื่นชมยินดีให้กับเขาทั้งสองคนใน บั้นปลายชีวิต พระพรของพระมีอยู่เสมอสำ�หรับเราทุกคน แต่บางครั้งเราต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและรอคอย ด้วยความหวัง


บทอ่านที่ 1

อสย 7:10-14

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาหัสอีกว่า “จงขอองค์พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด” แต่กษัตริย์อาหัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำ�ให้มนุษย์ เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำ�ไมท่านจึงทำ�ให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนัน้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะประทานเครือ่ งหมายให้ทา่ นด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผูห้ นึง่ จะตัง้ ครรภ์และให้ก�ำ เนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้า สถิตกับเรา”

พระวรสาร

ลก 1:26-38

สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 24:1-3,4-6

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3

เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายัง เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับ ชายชือ่ โยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนาง ว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้ หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตัง้ ครรภ์และให้ก�ำ เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุด จะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้ แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงา ปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือน แล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของ ท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป พระนางมารียค์ งเต็มไปความสับสนและความสงสัยในสิง่ ทีท่ ตู สวรรค์ได้บอกแก่เธอ เพราะนีค่ อื สิง่ ทีพ่ เิ ศษ กว่าวิถีทางธรรมชาติของมนุษย์ และยังมีพันธกิจที่สำ�คัญในการทำ�หน้าที่แม่ขององค์พระผู้ไถ่ ท่ามกลางความ สับสนและความสงสัยทั้งหลายนี้ พระนางได้ตอบรับด้วยความเชื่อและความสุภาพต่อแผนการของพระเจ้า ความเชื่ออันเด็ดเดี่ยวและความสุภาพในการตอบรับเสียงของพระนั้นเป็นดังเครื่องมือที่ช่วยขจัดความสับสน และความสงสัยที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา


บทอ่านจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง 2 ซมอ 7:1-5,8-11,16

เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริยต์ รัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยูใ่ นวังสร้างด้วย ไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรงคิด จะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า สัปดาห์ที่ 4 ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่ บัดนี้ ท่านจงไปบอก เทศกาลเตรียมรับเสด็จ ดาวิดผูร้ บั ใช้ของเราว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จอมจักรวาลตรัสดังนี้ เราให้ทา่ นเลิกเลีย้ งแกะ พระคริสตเจ้า ในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำ�อิสราเอล ประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไปที่ใด เรา ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4 กำ�จัดศัตรูทั้งปวงที่ท่านเผชิญหน้า เราจะทำ�ให้ท่านมีชื่อเสียงเหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในแผ่นดิน เราจะเลือกที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเราตั้งหลักแหล่ง เขาจะอยู่ ที่นั่นโดยไม่มีใครรบกวน จะไม่มีคนชั่วคอยกดขี่ข่มเหงเขาเหมือนในอดีต เมื่อเราเคย แต่งตั้งผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอลประชากรของเรา เราจะให้ท่านได้พักจากศัตรู ทั้งหลายของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมัน่ คงอยูต่ อ่ หน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครองของท่าน จะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”’

เพลงสดุดี

สดด 89:1-2,3-4,26,28

ก) ข้าพเจ้าจะขับร้องสรรเสริญความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป ปากข้าพเจ้าจะประกาศความซื่อสัตย์ของพระองค์ทุกยุคทุกสมัย ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ความรักมั่นคงของพระองค์ดำ�รงอยู่เป็นนิตย์ พระองค์ทรงสถาปนาความซื่อสัตย์ของพระองค์ไว้อย่างมั่นคงในสวรรค์” ข) พระเจ้าตรัสว่า เราทำ�พันธสัญญากับผู้ที่เราเลือกสรรไว้ สาบานกับดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า “เราจะให้เชื้อสายของท่านมั่นคงอยู่เป็นนิตย์ จะสร้างบัลลังก์ของท่านให้มั่นคงอยู่ทุกยุคทุกสมัย” ค) เขาจะเรียกเราว่า “พระองค์คือพระบิดาของข้าพเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้าและทรงเป็นศิลาที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น” เราจะรักษาความรักมั่นคงของเราไว้สำ�หรับเขาเสมอ พันธสัญญาของเรากับเขาจะตั้งมั่นตลอดไป

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 16:25-27

ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระผู้โปรดให้ท่านทั้งหลายมั่นคงตามข่าวดีของข้าพเจ้า และตามการประกาศสอนเรือ่ งพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการเปิดเผยธรรมลํา้ ลึก ทีเ่ ก็บเป็น ความลับตลอดเวลานานมาแล้ว แต่บดั นีเ้ ปิดเผยให้ปรากฏแล้ว ตามข้อเขียนของบรรดา


ประกาศก ตามพระบัญชาของพระเจ้าผู้ทรงดำ�รงอยู่ ตลอดนิรันดร ให้นานาชาติได้รู้ เพื่อจะได้นำ�พวกเขามา ยอมรับความเชือ่ ขอพระสิรริ งุ่ โรจน์จงมีแด่พระเจ้าผูท้ รง พระปรีชาญาณแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทางพระเยซู คริสตเจ้า ขอพระองค์ทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ตลอด นิรันดร อาเมน

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:26-38

เมื่ อ นางเอลี ซ าเบธตั้ ง ครรภ์ ไ ด้ ห กเดื อ นแล้ ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งใน แคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของ กษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมากทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้ หมายความว่ากระไร แต่ทตู สวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้ สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรษุ ให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สนิ้ สุด เลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะ แผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้ง ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารียจ์ งึ ตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผูร้ บั ใช้ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจา ของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อเราคือ “อิสรภาพ” พระองค์ให้อิสรภาพใน การดำ�เนินชีวิตแก่เราทุกคน เหตุการณ์ในพระวรสารวันนี้ พระนางมารีย์สามารถที่จะตั้งคำ�ถามในความ สงสัยต่างๆ ตลอดจนปฏิเสธการเชื้อเชิญของพระเจ้าก็ได้ แต่พระนางก็เลือกที่จะใช้อิสรภาพตอบรับ แผนการของพระเจ้า เพราะพระนางเชื่อว่านี่คือสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นผลดีต่อมนุษยชาติ เราเองจึงต้องใช้ อิสรภาพเพื่อคุณค่าและความดีส่วนรวมอย่างสุดความสามารถเช่นเดียวกัน


บทอ่านที่ 1

1 ซมอ 1:24-28

พระวรสาร

ลก 1:46-56

ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ เมืองชิโลห์ นำ�โคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง ไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นางฮัน นาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำ�ดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูลองค์ พระผู้เป็นเจ้าที่นี่ต่อหน้าท่าน ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ประทานให้ สัปดาห์ที่ 4 ดิฉันตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์พระ เทศกาลเตรียมรับเสด็จ ผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต” แล้วบิดามารดาก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น พระคริสตเจ้า 1 ซมอ 2:1,4-5, 6-7,8 กขค

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรงสรรพา นุภาพทรงกระทำ�กิจการยิง่ ใหญ่ส�ำ หรับข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระกรุณา ต่อผู้ยำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระ อานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจจาก บัลลังก์ และทรงยกย่องผูต้ าํ่ ต้อยให้สงู ขึน้ พระองค์ประทานสิง่ ดีทงั้ หลายแก่ผอู้ ดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์ โดย ทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่อับราฮัมและบุตร หลานตลอดไป” พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ มนุษย์เรามีวิธีเล่าเรื่องราวชีวิตในหลากหลายรูปแบบ แม้แต่ในบทกลอนหรือ บทเพลงก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตได้เช่นกัน บทมักญีฟีกัตในพระวรสารวันนี้เป็น ดังเพลงชีวิตของพระนางมารีย์ ที่บอกเล่าเรื่องราวและความรู้สึกของพระนางในการทำ� หน้าที่แม่ขององค์พระผู้ไถ่ เป็นบทเพลงชีวิตของพระนางที่ขับขานสรรเสริญพระเจ้า สิ่ง นีช้ วนให้เราพิจารณาถึงบทเพลงชีวติ ของเราแต่ละคนเช่นกันว่าวันนีบ้ ทเพลงชีวติ ของเรา เป็นอย่างไรและได้ขับขานสรรเสริญพระเจ้าอย่างดีเพียงใด


บทอ่านที่ 1

มลค 3:1-4,23-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เราจะส่งผู้ถือสารของเราเพื่อเตรียมทางไว้ต่อหน้าเรา ทันใดนั้น องค์พระผู้ เป็นเจ้าทีท่ า่ นแสวงหาจะเสด็จเข้ามาในพระวิหารของพระองค์ ทูตแห่งพันธสัญญาซึง่ ท่าน ปรารถนา ดูซิ กำ�ลังมาแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลตรัส ใครจะทนวันที่เขามาได้ และใครจะยืนหยัดอยู่ได้เมื่อเขาปรากฏ เพราะเขาจะเป็นเหมือนไฟของช่างถลุงโลหะ และเหมือนสบู่ของคนซักฟอก เขาจะนั่งลงเหมือนช่างหลอมและช่างถลุงเงิน เขาจะ ชำ�ระบุตรหลานของเลวีให้บริสทุ ธิ์ จะถลุงเขาเหมือนถลุงทองคำ�และถลุงเงิน เพือ่ เขาจะ ถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความชอบธรรม เครื่องบูชาของยูดาห์และ เยรูซาเล็มจะเป็นทีพ่ อพระทัยองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเหมือนในสมัยโบราณ เหมือนในปีกอ่ นๆ โน้น ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่าน ก่อนทีว่ นั ยิง่ ใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึง เขาจะทำ�ให้ใจของพ่อกลับมาหาลูก และใจของลูกกลับไปหา พ่อ เพื่อเราจะไม่ต้องมาทำ�ลายล้างแผ่นดิน”

พระวรสาร

ลก 1:57-66

เมื่อครบกำ�หนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและ บรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับ นาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำ�พิธีสุหนัตให้ เขาต้องการ เรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชือ่ บิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชือ่ ยอห์น” คนเหล่านัน้ จึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มญ ี าติคนใดมีชอื่ นี”้ เขาเหล่านัน้ จึงส่งสัญญาณถาม บิดาของเด็กว่าต้องการให้บตุ รชือ่ อะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึง่ แล้วเขียนว่า “เขา ชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าว ถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไป ทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้ว เด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา เหตุการณ์ในพระวรสารวันนี้ทำ�ให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์ อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง เอลีซาเบธตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรในยามชรา เศคาริยาห์ เป็นใบ้เพราะไม่เชื่อในแผนการของพระเจ้าแล้วกลับมาพูดได้อีกครั้ง รวมถึงการตั้งชื่อ บุตรต่างไปจากธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเครื่องหมายที่บอกว่า พระเจ้านัน้ สามารถทำ�ได้ทกุ สิง่ พระองค์อยูเ่ หนือกฎเกณฑ์และธรรมชาติมนุษย์ พระองค์ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

น.ยอห์น แห่งเกตี้ พระสงฆ์ สดด 25:4-6, 8-10,14

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4


บทอ่านที่ 1

สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 89:1-2,3-4, 26,28

ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4

พระวรสาร

2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16

เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริยต์ รัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยูใ่ นวังสร้างด้วย ไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ทรงคิด จะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ...เราให้ทา่ นเลิกเลีย้ งแกะในทุง่ หญ้ามาเป็นผูน้ �ำ อิสราเอลประชากรของเรา เราอยูก่ บั ท่าน ไม่วา่ ท่านไปทีใ่ ด เรากำ�จัดศัตรูทงั้ ปวงทีท่ า่ นเผชิญหน้า เราจะทำ�ให้ทา่ นมีชอื่ เสียงเหมือน กับผูย้ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในแผ่นดิน เราจะเลือกทีแ่ ห่งหนึง่ ให้อสิ ราเอลประชากรของเราตัง้ หลัก แหล่ง เขาจะอยูท่ นี่ นั่ โดยไม่มใี ครรบกวน... เราจะให้ทา่ นได้พกั จากศัตรูทงั้ หลายของท่าน เรา องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่ท่านว่า เราจะสร้างราชวงศ์ให้ท่าน เมื่อท่านสิ้นชีวิตใน วัยชรา และถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษแล้ว เราจะตั้งเชื้อสายคนหนึ่งของท่าน ซึ่งเป็นบุตร ของท่าน ให้เป็นกษัตริย์ต่อจากท่าน เราจะพิทักษ์รักษาอาณาจักรของเขาให้มั่นคง เราจะ เป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมั่นคงอยู่ ต่อหน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครองของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป”

ลก 1:67-79

เวลานั้น เศคาริยาห์ ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ “ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จเยี่ยมและทรงกอบกู้ ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอำ�นาจ เกิดจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้ พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาล ว่าจะให้ เรารอดพ้นจากศัตรู จากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของ เรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และคำ�ปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ ให้เราเป็นผู้ ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรม เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุด เจ้าจะนำ�หน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อ เตรียมทางสำ�หรับพระองค์ เพื่อให้ประชากรของพระองค์รู้ว่า เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยีย่ มเราจากเบือ้ งบนดังแสงอรุโณทัย ส่องแสง สว่างให้ทกุ คนทีอ่ ยูใ่ นความมืดและในเงาแห่งความตาย เพือ่ จะนำ�เท้าของเราให้ด�ำ เนินไปตามทางแห่งสันติสขุ ” คำ�พยากรณ์ของเศคาริยาห์ในพระวรสารวันนีค้ อื ความบรรเทาใจอันยิง่ ใหญ่ของชนชาติอสิ ราเอล เมือ่ มอง ย้อนไปในประวัตศิ าสตร์ของพวกเขา เราพบว่าพวกเขาดำ�เนินชีวติ ท่ามกลางความทุกข์ยากมาอย่างยาวนาน ทัง้ ชีวิตของการเป็นทาสและชีวิตที่เสี่ยงจากภัยสงคราม รวมถึงชีวิตในความบาปต่างๆ ของพวกเขา จาก ประสบการณ์อันขมขื่นนี้เอง พวกเขาได้รับการบรรเทาจากการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ ผู้ซึ่งนำ�ความรอดพ้น มาสู่ชีวิตพวกเขา นี่คือเวลาแห่งความชื่นชมยินดี นี่คือเวลาแห่งอิสรภาพ


บทอ่านที่ 1

อสย 52:7-10

บทอ่านที่ 2

ฮบ 1:1-6

เท้าของผูน้ �ำ ข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิง่ นัก เขาประกาศสันติภาพ นำ�ข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” ... องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำ�แดงพระอานุภาพต่อหน้าประชาชาติทั้งปวง ชนชาติทั้งหลาย จากสุดปลายแผ่นดินจะได้เห็นว่า พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลาย วิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร... บัดนี้ พระบุตร ทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิน้ แล้ว จึงเสด็จขึน้ สวรรค์ ประทับ ณ เบือ้ งขวาแห่งพระ มหิทธานุภาพ ดังนัน้ พระบุตรทรงอยูเ่ หนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามทีท่ รง ได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์ พระเจ้าเคยตรัสแก่ทตู สวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้ก�ำ เนิดท่าน ในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา”...

พระวรสาร

สมโภช พระคริสตสมภพ สดด 89:1,2-3กข, 3ค-4,5-6

ยน 1:1-5,9-14

เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้าและพระวจนาตถ์เป็น พระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มีสัก สิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้างโดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืดและความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้ แสงสว่างแท้จริงซึง่ ส่องสว่างแก่มนุษย์ทกุ คนกำ�ลังจะมาสูโ่ ลก พระวจนาตถ์ประทับอยูใ่ นโลกและโลกถูก สร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของ พระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผูใ้ ดทีย่ อมรับพระองค์คอื ผูท้ เ่ี ชือ่ ในพระนามของพระองค์ พระองค์ประทานอำ�นาจ ให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้ เกิดจากความต้องการของมนุษย์แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยูใ่ นหมูเ่ รา เราได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียวเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและ ความจริง

แสงสว่างไม่ว่าจะเล็กน้อยสักเพียงใด แต่มันมีคุณค่ายิ่งใหญ่เสมอในความมืดมิด การบังเกิดมาของพระ เยซูคริสตเจ้ามีเป้าหมายอยูท่ คี่ วามรอดของมนุษยชาติ บาปทำ�ให้โลกของเรามืดมน ทำ�ให้การเดินทางของชีวติ เรานัน้ ยากลำ�บาก เราต้องการความสว่างทีจ่ ะทำ�ให้เราเห็นโลกได้ชดั เจนมากขึน้ และช่วยให้เราเดินไปในหนทาง ที่ถูกต้อง ไม่หลงทาง วันนี้แสงสว่างนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว พระเยซูคริสตเจ้าคือแสงแห่งชีวิตที่นำ�เราให้พ้นจาก ความมืดมน ขอให้เราเดินตามแสงสว่างนี้ด้วยความซื่อสัตย์เสมอไป


ฉลอง น.สเทเฟน ปฐมมรณสักขี สดด 31:3-4,5-6, 16-18

บทอ่านที่ 1

กจ 6:8-10; 7:54-60

พระวรสาร

มธ 10:17-22

สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำ�ปาฏิหาริย์และเครื่องหมาย อัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่าศาลาธรรมของเสรี ชนทีเ่ คยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้นซีลเี ซียและเอเชีย เริม่ โต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านัน้ เอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชา ญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำ�รามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้า เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอามืออุดหู วิง่ กรูกนั เข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมืองแล้วเริม่ เอาหินขว้าง เขา บรรดาพยานนำ�เสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะทีค่ นทัง้ หลายกำ�ลังเอาหินขว้างสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลงและร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนี้เลย” เมื่อกล่าวดังนี้ แล้ว เขาก็สิ้นใจ เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านทีศ่ าลและเฆีย่ นท่านในศาลาธรรมของ เขา ท่านจะถูกนำ�ตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็น เหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบ ท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับ การดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของ ท่านจะตรัสในท่าน พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าว โทษพ่อแม่ให้ถงึ ตาย คนทัง้ ปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผทู้ ยี่ นื หยัดจนถึง วาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น”

โดยปกติแล้วการทีค่ นเราจะยอมตายเพือ่ บางสิง่ บางอย่างได้ สิง่ นัน้ ต้องมีคณ ุ ค่าต่อเขาเป็นอย่างมาก มรณ สักขีในพระศาสนจักรคือภาพสะท้อนของการให้คุณค่าต่อความเชื่อในพระเจ้าอย่างสุดชีวิต แม้จะถูกขัดขวาง และข่มเหงด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม เขาก็ไม่หวั่นเกรงที่จะยืนหยัดในความรักที่เขามีต่อพระเจ้า นักบุญสเทเฟน ได้หลัง่ เลือดเป็นพยานถึงคุณค่านีเ้ พือ่ เป็นแบบอย่างแก่เราทัง้ หลายแล้ว ขอให้เราเข้มแข็งทีจ่ ะยืดหยัดในความ เชื่อของเราไปจนตลอดชีวิตเช่นกัน


บทอ่านที่ 1

1 ยน 1:1-4

พี่น้องที่รักยิ่ง เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้สัมผัสด้วย มือของเรา ชีวิตนั้นได้ปรากฏ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศให้ท่านทั้งหลายรู้ ถึงชีวิตนิรันดร ซึ่งอยู่กับพระบิดา และปรากฏให้เราเห็น สิ่งที่เราได้เห็นและได้ฟังนี้ เรา ประกาศให้ทา่ นทัง้ หลายรูด้ ว้ ย เพือ่ ท่านจะได้สนิทสัมพันธ์กบั เรา ความสนิทสัมพันธ์นคี้ อื ความสนิทสัมพันธ์กับพระบิดา และกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า เรา เขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปีติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์

พระวรสาร

ยน 20:2-8

เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหิน ถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระ เยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำ�องค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขา นำ�พระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์ คนนัน้ วิง่ เร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยูบ่ น พื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็น ผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่ พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมี ความเชื่อ ความรักเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ดังคำ�กล่าวของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ว่า “ที่ใด ไม่มรี กั ทีน่ นั่ ก็ไม่มชี วี ติ ” พระวรสารวันนีช้ ว่ ยให้เราสัมผัสถึงบรรยากาศแห่งความรักและ ความผูกพันระหว่างพระเยซูเจ้าและบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ แม้ว่าพระองค์จะ สิน้ พระชนม์ไปแล้ว แต่บรรดาศิษย์เหล่านัน้ ยังคงห่วงใยในร่างอันไร้วญ ิ ญาณของพระองค์ นักบุญยอห์นคือหนึง่ ในนัน้ ทีย่ งั ติดตามพระเยซูเจ้าอย่างซือ่ สัตย์เสมอ พลังแห่งความรัก นี้เองคือแรงขับเคลื่อนในชีวิตของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้

ฉลอง น.ยอห์น อัครสาวกและ ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 97:1-2,5-6, 11-12


ฉลองครอบครัว ศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา

บสร 3:3-7,14-17ก

เพลงสดุดี

สดด 128:1-2,3,4-5

บุตรที่ยำ�เกรงบิดาก็ชดเชยบาปของตน บุตรที่ให้เกียรติมารดาก็เหมือนกับสะสม ทรัพย์สมบัติไว้ ผู้ที่ยำ�เกรงบิดาก็มีความสุขจากบุตรของตน เมื่อเขาอธิษฐานภาวนา พระเจ้าก็จะทรงฟังเขา บุตรที่ให้เกียรติบิดาจะมีอายุยืน บุตรที่เชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทำ�ให้มารดาชื่นใจ ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมให้เกียรติแก่บิดา เขารับใช้บิดา มารดาเหมือนรับใช้เจ้านาย เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงลืมความเมตตาของท่านต่อบิดา พระองค์จะทรงนับว่าความ เมตตานั้นเป็นการใช้โทษบาปของท่าน เมื่อท่านตกทุกข์ได้ยาก พระเจ้าจะทรงระลึกถึง ท่าน บาปของท่านจะสลายไปดุจนาํ้ แข็งละลายเมือ่ ถูกแสงแดด บุตรทีล่ ะทิง้ บิดาก็เหมือน ผู้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า บุตรที่ทำ�ให้มารดาเสียใจ จะถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าสาปแช่ง ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำ�สิ่งใด จงทำ�ด้วยความถ่อมตนเถิด แล้วท่านจะเป็นที่รัก มากกว่าคนให้ของกำ�นัล ก) ผู้ยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านทำ� ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี คส 3:12-21

พีน่ อ้ ง ท่านเป็นผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นทีร่ กั ของพระองค์ จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็น เสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์ พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ขอให้สันติสุข ของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียกท่านทั้งหลายให้รวมเป็น กายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึงพระคุณนี้เถิด ขอพระวาจาของพระคริสตเจ้าสถิตอยูใ่ นท่านอย่างเต็มเปี่ยม จงสอนและตักเตือน กันด้วยปรีชาญาณ จงขอบพระคุณพระเจ้าโดยการขับร้องบทเพลงสดุดี เพลงสรรเสริญ และบทเพลงศักดิส์ ทิ ธิต์ า่ งๆ จากใจจริง ท่านจะพูดเรือ่ งใดหรือทำ�กิจการใด ก็จงพูดจงทำ� ในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาโดย ทางพระองค์เถิด ภรรยา จงอยู่ใต้อำ�นาจของสามีตามสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า สามี จงรักภรรยา และอย่าทำ�ให้นางรู้สึกขมขื่น บุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาในทุกสิ่ง เพราะการกระทำ�เช่น


นี้เป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า บิดาก็จงอย่าขัดใจบุตรเกินไป จนเขาท้อแท้หมดกำ�ลังใจ

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:22-40

เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟ พร้อมกับพระนางมารียน์ �ำ พระกุมารไปทีก่ รุงเยรูซาเล็มเพือ่ ถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัตขิ อง พระเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่พระเจ้า และถวายเครือ่ งบูชาคือนกเขาหนึง่ คูห่ รือนกพิราบสอง ตัวตามที่มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอย ความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตอยู่กับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะ ได้เห็นพระคริสต์ของพระเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะทีโ่ ยเซฟพร้อมกับพระนาง มารียน์ �ำ พระกุมารเข้ามาปฏิบตั ติ ามทีธ่ รรมบัญญัตกิ �ำ หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุม้ ไว้ และกล่าวถวาย พระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับนานา ประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรจู้ กั พระองค์ และเป็นสิรริ งุ่ โรจน์ส�ำ หรับอิสราเอลประชากร ของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอน อวยพรท่านทัง้ สองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กมุ ารนีเ้ ป็นเหตุให้คน จำ�นวนมากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของ คนจำ�นวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน ประกาศกหญิงคนหนึง่ ชือ่ อันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงาน ตั้งแต่ยังสาว อยู่กับสามีเจ็ดปี หลังจากนั้นก็เป็นม่าย เวลานี้อายุแปดสิบสี่ปี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนโดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาในเวลานั้นพอดี ขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำ�ลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟัง เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติของพระเจ้ากำ�หนดไว้สำ�เร็จทุกประการ แล้ว ก็กลับไปที่นาซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชา ญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตกับพระองค์

ครอบครัวของพระเยซูเจ้าที่เราได้รับรู้นั้นไม่ได้ราบรื่นเหมือนครอบครัวปกติทั่วไป ในช่วงเริ่มต้นของ ชีวิตครอบครัวนั้น พวกท่านก็เจอปัญหาและอุปสรรคมากมาย ภาพของนักบุญโยเซฟที่ต้องพาพระนาง มารีย์และพระกุมารหนีไปยังอียิปต์ในเวลากลางคืน แสดงให้เราเห็นถึงความห่วงใยและความรับผิดชอบ ของหัวหน้าครอบครัวได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัว สมาชิกแต่ละคนจำ�เป็นต้องรับ ผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างดี เพื่อความสุขและความดีงามของชีวิตครอบครัว


บทอ่านที่ 1

น.โทมัส เบ็กเก็ต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 96:1-3,4-6

พระวรสาร

1 ยน 2:3-11

ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จัก พระองค์ ผูท้ พี่ ดู ว่า “ข้าพเจ้ารูจ้ กั พระองค์” แต่ไม่ปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องพระองค์ เขา เป็นคนพูดคำ�เท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของ พระองค์ ความรักของพระเจ้าในผู้นั้นย่อมสมบูรณ์... ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัติใหม่ แต่เป็นบทบัญญัติ เก่า ที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม บทบัญญัติเก่านี้คือถ้อยคำ�ที่ท่านได้ฟังมา บทบัญญัติที่ ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านนัน้ ก็ยงั นับว่าใหม่ ใหม่จริงทัง้ สำ�หรับพระองค์และสำ�หรับท่าน เพราะ ความมืดกำ�ลังผ่านพ้นไป ความสว่างแท้จริงกำ�ลังทอแสงขึ้นมาแล้ว ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ใน ความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของ ตน ก็ดำ�รงอยู่ในความสว่าง...

ลก 2:22-35

เมือ่ ครบกำ�หนดเวลาทีม่ ารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธชี �ำ ระมลทินตามธรรมบัญญัตขิ องโมเสส โยเซฟพร้อม กับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้ เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และถวายเครือ่ งบูชาคือนกเขาหนึง่ คูห่ รือนกพิราบ สองตัวตามที่มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคน ชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตอยู่กับเขา และทรงเปิด เผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไป ในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้ สิเม โอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำ�รัสของ พระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับนานา ประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอลประชากร ของพระองค์” โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพร ท่านทัง้ สองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กมุ ารนีเ้ ป็นเหตุให้คนจำ�นวนมาก ในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำ�นวนมากจะ ถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน สิเมโอนชืน่ ชมยินดีและสรรเสริญพระเจ้าเพราะวันนีเ้ ขาได้เห็นองค์พระผูไ้ ถ่ทเี่ ขารอคอยมาแสนนาน พระ เยซูเจ้าคือผูน้ �ำ ความรอดมาสูช่ นชาติอสิ ราเอลและมนุษยชาติทวั่ โลก เป็นโอกาสอันดีทเี่ ราจะได้ระลึกถึงความ ชืน่ ชมยินดีนท้ี เี่ ราได้พบและรูจ้ กั กับพระเยซูเจ้า พระผูไ้ ถ่ของเรา การพบกับพระเยซูเจ้าคือการได้พบกับอิสรภาพ ที่ปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของบาปและจิตชั่วร้ายทั้งหลาย


บทอ่านที่ 1

1 ยน 2:12-17

ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะบาปของท่านได้รับการอภัยแล้วเดชะ พระนามของพระองค์ ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จัก พระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่าน ชนะมารร้ายแล้ว เด็กที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงเธอ เพราะเธอได้มารู้จักพระบิดา ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านมารู้จักพระองค์ผู้ทรงดำ�รงอยู่ ตั้งแต่แรกเริ่ม เยาวชนทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนถึงท่าน เพราะท่านเป็นคนแข็งแรง และ พระวาจาของพระเจ้าก็สถิตในท่าน และท่านชนะมารร้ายแล้ว จงอย่ารักโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่อยู่ ในตัวเขา เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในโลก ได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ทุกสิ่ง และความหยิ่งทะนงโอ้อวดในทรัพย์สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกทั้ง สิ้น และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น กำ�ลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำ�ตาม พระประสงค์ของพระเจ้าจะดำ�รงอยู่ตลอดนิรันดร

พระวรสาร

ลก 2:36-40

เวลานั้น ประกาศกหญิงคนหนึ่ง ชื่ออันนา เป็นบุตรหญิงของฟานูเอลจากเผ่า อาเชอร์ นางชรามากแล้ว แต่งงานตั้งแต่ยังสาว อยู่กับสามีเจ็ดปี หลังจากนั้นก็เป็นม่าย เวลานีอ้ ายุแปดสิบสีป่ ี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยูร่ บั ใช้พระเจ้าทัง้ กลางวันกลางคืน โดยจำ�ศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาในเวลานัน้ พอดี ขอบพระคุณพระเจ้า และกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำ�ลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟัง เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า กำ�หนดไว้สำ�เร็จทุกประการแล้ว ก็กลับไปที่นาซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระ กุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของ พระเจ้าสถิตกับพระองค์

การรอคอยพระผูไ้ ถ่คอื เหตุการณ์ทสี่ �ำ คัญมากในประวัตศิ าสตร์ของชนชาติอสิ ราเอล เพราะนีค่ อื ความหวังอันยิง่ ใหญ่ทจี่ ะทำ�ให้พวกเขาดำ�เนินชีวติ อย่างมีศกั ดิศ์ รีและเปีย่ มไป ด้วยอิสรภาพ การรอคอยอย่างมีความหวังช่วยสร้างพลังใจให้กับการดำ�เนินชีวิตได้เป็น อย่างมาก ขอให้เราเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังในพระเยซูเจ้าเสมอ เพื่อเราจะได้มีพลัง ในการต่อสู้กับความชั่วร้ายและเดินทางมุ่งหน้าไปสู่อาณาจักรของพระองค์ด้วยความ มั่นคง

วันในอัฐมวาร พระคริสตสมภพ สดด 96:7-9,10-12ก


น.ซิลเวสเตอร์ ที่ 1 พระสันตะปาปา สดด 96:1-3,10-12ก, 12ข-13

บทอ่านที่ 1

1 ยน 2:18-21

พระวรสาร

ยน 1:1-18

ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า กำ�ลังมา และเวลานี้ ปฏิปักษ์จำ�นวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนี้เรา จึงรู้ว่า เป็นวาระสุดท้าย เขาทั้งหลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่าง แท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยู่กับเรา แต่ที่เป็นดังนี้ก็เพื่อ แสดงว่า เขาเหล่านั้นทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา ท่านทั้งหลายได้รับการเจิมจากองค์ ผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิ์ และทุกคนต่างได้รบั ความรู้ การทีข่ า้ พเจ้าเขียนถึงท่านทัง้ หลายนัน้ มิใช่เพราะ ท่านไม่รคู้ วามจริง แต่เขียนเพราะท่านรูด้ อี ยูแ่ ล้ว และเพราะไม่มคี วามเท็จใดมาจากความ จริงได้

เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยู่กับพระเจ้าแล้วตั้งแต่แรกเริ่ม พระเจ้า ทรงสร้างทุกสิ่งอาศัยพระวจนาตถ์ไม่มีสักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระ วจนาตถ์ ชีวติ อยูใ่ นพระองค์ และชีวติ เป็นแสงสว่างสำ�หรับมนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดกลืนแสงสว่างนั้นไม่ได้ พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง เขาไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่าง แท้จริงซึง่ ส่องสว่างแก่มนุษย์ทกุ คนกำ�ลังจะมาสูโ่ ลก พระวจนาตถ์ประทับอยูใ่ นโลกและโลกถูกสร้างโดยอาศัย พระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากรของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับ พระองค์คือผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ประทานอำ�นาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขา มิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิด จากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และเสด็จมาประทับอยูใ่ นหมูเ่ รา เราได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดาในฐานะพระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและ ความจริง ยอห์นเป็นพยานถึงพระองค์ และประกาศว่าผูท้ มี่ าภายหลังข้าพเจ้าได้น�ำ หน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรง ดำ�รงอยู่ก่อนข้าพเจ้า จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน เพราะพระเจ้า ได้ประทานธรรมบัญญัติผ่านทางโมเสส แต่พระหรรษทานและความจริงมาทางพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มีใครเคย เห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้

วันเริ่มเทศกาลปีใหม่

ความพิเศษของพระเจ้าในศาสนาคริสต์นั้นอยู่ที่ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับมนุษย์ แม้พระเจ้าจะยิ่งใหญ่ เพียงใด แต่พระองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากมนุษย์เลย พระองค์เต็มใจที่จะอยู่กับสิ่งสร้างที่พระองค์รัก การรับ ธรรมชาติมนุษย์ของพระเจ้าคือเครื่องหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นความรักที่แน่นแฟ้นและบริสุทธิ์ เรา จึงต้องคอยระมัดระวังอย่าให้มีสิ่งใดมาทำ�ลายความสัมพันธ์อันนี้ได้




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.