บทอ่านที่ 1 วว 22:1-7 ทูตสวรรค์ชใี้ ห้ขา้ พเจ้าดูแม่นาํ้ แห่งชีวติ นํา้ ใสเหมือนแก้วผลึกไหลจากพระบัลลังก์ ของพระเจ้าและของลูกแกะ ต้นไม้แห่งชีวติ ขึน้ อยูก่ ลางลานของนครนัน้ และบนสองฝัง่ แม่นํ้า ต้นไม้เหล่านั้นออกผลสิบสองครั้งคือให้ผลเดือนละครั้ง ใบใช้เป็นยารักษาโรค ของนานาชาติ จะไม่มคี ำ�สาปแช่งอีกต่อไป พระบัลลังก์ของพระเจ้าและของลูกแกะจะอยูใ่ นนคร นัน้ บรรดาผูร้ บั ใช้ของพระองค์จะกราบนมัสการพระองค์ เขาจะเห็นพระพักตร์พระองค์ และจะมีพระนามพระองค์บนหน้าผาก จะไม่มกี ลางคืนอีกต่อไป เขาเหล่านัน้ ไม่ตอ้ งการ แสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์อกี เพราะพระเจ้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือ เขาทั้งหลาย เขาจะครองราชย์อยู่ตลอดนิรันดร ทูตสวรรค์กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำ�เหล่านี้เป็นจริงเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็น เจ้าพระเจ้าผูท้ รงดลใจบรรดาประกาศก ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาแจ้งให้บรรดา ผู้รับใช้ของพระองค์รู้ถึงสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะมาใน เร็วๆ นี้” ผู้ที่ปฏิบัติตามถ้อยคำ�ของการประกาศพระวาจาในม้วนหนังสือนี้ย่อมเป็นสุข พระวรสาร ลก 21:34-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความกังวลถึงชีวติ นี้ มิฉะนัน้ วันนัน้ จะมาถึงท่านอย่างฉับพลัน เหมือน บ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่น เฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำ�ลังหนีพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะ เกิดขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้” การดำ�เนินชีวติ คริสตชนทีด่ นี น้ั ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมอยูเ่ สมอทุกเวลา และในการเตรียมตัวนัน้ เราควรพยายามทำ�ดีตอ่ เพือ่ นมนุษย์ รักและรูจ้ กั ให้อภัยและเข้าใจ ผู้อื่นในสิ่งที่เขาเป็น การอธิษฐานภาวนาเป็นประจำ�สมํ่าเสมอตลอดเวลาก็ถือว่าเป็นการ เตรียมตัวอย่างหนึ่ง เพื่อเราจะได้มีความใกล้ชิดสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้ามากขึ้น เมื่อเรา คริสตชนเตรียมตัวอย่างดีในทุกๆ วันและมีความเชือ่ ศรัทธาในพระองค์อย่างมัน่ คงแล้ว เรา ก็ไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกต่อไปเพราะเรามีพระเจ้าเป็นผู้ช่วยเหลือในทุกเวลาของชีวิต
สัปดาห์ที่ 34 เทศกาลธรรมดา สดด 95:1-7 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
วันรณรงค์ โรคเอดส์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
เริ่มปีพิธีกรรม ปี c
บทอ่านที่ 1 ยรม 33:14-16 “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะทำ�ให้คำ�สัญญาจะ บันดาลความสุขที่เราทำ�ไว้ต่อชาวอิสราเอลและชาวยูดาห์สำ�เร็จเป็นจริง ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น เราจะให้หน่อชอบธรรมงอกขึ้นมาแก่ดาวิด เขาจะ ปฏิบตั คิ วามถูกต้องและความชอบธรรมในแผ่นดิน ในวันเหล่านัน้ ยูดาห์จะได้รบั ความ รอดพ้น และกรุงเยรูซาเล็มจะอยูอ่ ย่างปลอดภัย และนีเ่ ป็นชือ่ ทีเ่ ขาจะเรียกเมืองนี้ คือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” เพลงสดุดี สดด 25:4-5,8-9,10 และ 14 ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ารู้จักทางของพระองค์ โปรดทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่ข้าพเจ้า โปรดทรงน�ำข้าพเจ้าด้วยความจริงของพระองค์และทรงสอนข้าพเจ้า เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ข้าพเจ้าหวังในพระองค์ตลอดทั้งวัน ข) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าเพราะพระทัยดี ของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงความดีและทรงเที่ยงธรรม พระองค์จึงทรงสอนทางให้คนบาป ทรงน�ำผู้ถ่อมตนให้เดินตามทางแห่งความยุติธรรม ทรงสอนคนยากจนให้รู้ทางของพระองค์ ค) มรรคาทุกสายขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือความรักมั่นคงและความสัตย์จริง ส�ำหรับผู้ที่ปฏิบัติตามพันธสัญญาและกฤษฎีกาของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานค�ำแนะน�ำแก่ผู้ย�ำเกรงพระองค์ ทรงสอนเขาให้รู้จักพันธสัญญาของพระองค์ บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่หนึ่ง 1 ธส 3:12-4:2 พีน่ อ้ ง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าโปรดให้ความรักทีท่ า่ นมีตอ่ กันและต่อทุกคนเพิม่ พูนขึน้ อย่างล้นเหลือดังที่เรารักท่าน ขอพระองค์โปรดให้ดวงใจของท่านมั่นคงอยู่ในความ ศักดิส์ ิทธิเ์ ฉพาะพระพักตร์พระเจ้าพระบิดาของเรา เมือ่ พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของ เราเสด็จมาพร้อมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พีน่ อ้ งทัง้ หลาย ในทีส่ ดุ เราวอนขอและเตือนสติทา่ นในพระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ท่านเรียนรู้จากเราว่า จะต้องดำ�เนินชีวิตอย่างไรเพื่อเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ท่านก็
ดำ�เนินชีวติ เช่นนีอ้ ยูแ่ ล้ว แต่ขอให้ทา่ นมีความก้าวหน้ายิง่ ขึน้ อีก ท่านทัง้ หลายรูอ้ ยูแ่ ล้วถึงคำ�สัง่ สอนทีเ่ ราให้ทา่ นเดชะพระ เยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 21:25-28,34-36 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จะมี เครื่ อ งหมายในดวงอาทิ ต ย์ ดวงจั นทร์ แ ละ ดวงดาวต่างๆ ชนชาติต่างๆ บนแผ่นดินจะทนทุกข์ทรมาน ฉงนสนเท่ห์ต่อเสียงกึกก้องของทะเลที่ปั่นป่วน มนุษย์จะ สลบไปเพราะความกลัว และหวั่นใจถึงเหตุการณ์ที่จะเกิด ขึน้ ในโลก เพราะสิง่ ต่างๆ ในท้องฟ้าจะสัน่ สะเทือน หลังจาก นัน้ ประชาชนทัง้ หลายจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาในก้อนเมฆ ทรงพระอานุภาพและพระสิรริ งุ่ โรจน์ยงิ่ ใหญ่ เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มเกิดขึ้น ท่านทั้งหลายจงยืนตรง เงยหน้าขึ้นเถิด เพราะในไม่ช้าท่านจะได้รับการ ปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว” “จงระวังไว้ให้ดี อย่าปล่อยใจของท่านให้หมกมุ่นอยู่ในความสนุกสนานรื่นเริง ความเมามายและความ กังวลถึงชีวิตนี้ มิฉะนั้น วันนั้นจะมาถึงท่านอย่างฉับพลันเหมือนบ่วงแร้ว เพราะวันนั้นจะลงมาเหนือทุกคน ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าอธิษฐานภาวนาอยู่ตลอดเวลาเถิด เพื่อท่านจะมีกำ�ลังหนีพ้น เหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นนี้ไปยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์บุตรแห่งมนุษย์ได้” พระเยซูเจ้าสั่งสอนบรรดาศิษย์เพื่อให้พวกเขาดำ�เนินชีวิตอย่างดี ให้มั่นคงในความเชื่อในพระเจ้า ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นในชีวิตและในโลก พวกเขาควรตั้งใจและพากเพียรในการอธิษฐานภาวนา อยู่เสมอ สิ่งสำ�คัญสำ�หรับเราคริสตชนก็คือการยึดมั่นในความเชื่ออย่างมั่นคงเวลาที่เจอปัญหาและอุปสรรคใน ชีวิต การสวดภาวนาส่วนตัวและสวดร่วมกันเป็นหมู่คณะต่อพระเจ้าด้วยความเชื่อ จะสามารถช่วยให้เราทุกคน ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าได้ ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอสำ�หรับผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า
ฉลอง น.ฟรังซิส เซเวียร์ พระสงฆ์ องค์อุปถัมภ์ ของมิสซัง สดด 96:1-2,3,7-8, 10-11
บทอ่านที่ 1 1 คร 9:16-19,22-23 พี่น้อง ในการประกาศข่าวดีข้าพเจ้าไม่รู้สึกภูมิใจแม้แต่น้อย เพราะข้าพเจ้าจำ�เป็น ต้องประกาศอยูแ่ ล้ว หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รบั ความวิบตั ิ เพราะ ถ้าข้าพเจ้าสมัครใจทำ�เอง ข้าพเจ้าก็จะได้รับค่าจ้าง แต่ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้สมัครใจทำ�ก็ หมายความว่า ข้าพเจ้าเพียงแต่ทำ�งานที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ข้าพเจ้าจะได้รางวัลใด เล่า รางวัลสำ�หรับข้าพเจ้าก็คือความภูมิใจที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวดีให้ โดยไม่ใช้สิทธิ ต่างๆ จากการประกาศข่าวดีนั้น แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระ ข้าพเจ้าก็ยอมเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อเอาชนะใจผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ข้าพเจ้าทำ�ตนเป็นผู้อ่อนแอเพื่อชนะใจผู้อ่อนแอ ข้าพเจ้าเป็นทุกอย่างสำ�หรับทุก คน เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้ใช้ทกุ วิถที างช่วยบางคนให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทำ�ทุกอย่างเพราะเห็น แก่ข่าวดี เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรจากข่าวดีนี้ร่วมกับเขาเหล่านั้นด้วย พระวรสาร มก 16:15-20 เวลานัน้ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านทัง้ หลายจงออกไปทัว่ โลก ประกาศข่าวดี ให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำ�อัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดืม่ ยาพิษก็จะไม่ได้รบั อันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่า นั้นก็จะหายจากโรคภัย” เมื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงทำ�งานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำ�สัง่ สอนโดยอัศจรรย์ทตี่ ดิ ตาม มา พระเยซูเจ้าได้มอบหมายให้บรรดาศิษย์ออกไปเทศนาสั่งสอนและประกาศ ข่าวดีของพระเจ้าทั่วโลก เพื่อผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปจะได้รับความรอดพ้น นอกจากนี้ พระองค์ยังได้มอบอำ�นาจให้พวกเขาทำ�อัศจรรย์ต่างๆ ได้ในพระนามของพระองค์ เรา คริสตชนทุกคนก็มหี น้าทีใ่ นการประกาศข่าวดีและแบ่งปันความรักความเมตตาไปสูบ่ คุ คล อื่น และเราสามารถแพร่ธรรมได้ดั่งเช่นนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ที่อุทิศตนในการแพร่ธรรม ช่วยเหลือรักษาคนเจ็บไข้ได้ปว่ ย และได้เทศนาสัง่ สอนทำ�ให้หลายๆ คนได้มารูจ้ กั กับความ รักของพระเจ้า
บทอ่านที่ 1 อสย 11:1-10 หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิต ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะพำ�นักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิต แห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำ�เกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า เขา จะพอใจยำ�เกรงองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จะไม่พพิ ากษาตามทีต่ าเห็น จะไม่ตดั สินตามทีห่ ไู ด้ยนิ แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเทีย่ งธรรมเพือ่ ผูถ้ กู ข่มเหง น.ยอห์น ในแผ่นดิน คำ�พูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปากของ ชาวดามัสคัส เขาจะประหารชีวิตคนอธรรม พระสงฆ์ และนักปราชญ์ ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาด บั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูก แห่งพระศาสนจักร สดด 72:1-2,7-8, สิงโตจะหากินอยูด่ ว้ ยกัน เด็กคนหนึง่ ก็ยงั นำ�มันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูก 12-13,17 ของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่น ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 อยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำ�ร้ายหรือ ทำ�ลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดั่งนํ้าปกคลุมทะเล วันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำ�หรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็น ที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำ�นักอย่างรุ่งโรจน์ พระวรสาร ลก 10:21-24 ในเวลานัน้ พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลืม้ พระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระ บิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ทีพ่ ระองค์ทรงปิดบังเรือ่ งเหล่านีจ้ าก บรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ตํ่าต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนัน้ พระบิดาทรงมอบทุกสิง่ แก่ขา้ พเจ้า ไม่มใี ครรูว้ า่ พระบุตรทรงเป็นใครนอกจากพระ บิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาทรงเป็นใครนอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้” แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ ตรัสกับเขาโดยเฉพาะว่า “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่ มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำ�นวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่ง ที่ท่านได้เห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ฟัง” พระเป็นเจ้าเปิดเผยความรักและความเมตตาของพระองค์ผ่านทางชีวิตของพระเยซูเจ้า และ พระเยซูเจ้าก็ทรงถ่ายทอดคำ�สั่งสอน ความรักและความเมตตานี้ไปยังบรรดาศิษย์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นพยาน ในการนำ�เอาข่าวดีนไี้ ปเผยแพร่สมู่ วลมนุษย์ทงั้ หลาย เราคริสตชนก็ได้รบั ฟังข่าวดีนเี้ วลาอ่านพระคัมภีรแ์ ละร่วม ในพิธมี สิ ซาบูชาขอบพระคุณ ฟังพระวาจาของพระเจ้าและรับพระกายของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท เมือ่ เรา ได้รับข่าวดีของพระเจ้านี้แล้ว เราทุกคนก็มีหน้าที่ในการเผยแพร่ด้วยชีวิตของเราในแต่ละวัน ด้วยการแบ่งปัน ความรักและความเมตตาไปสู่เพื่อนมนุษย์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 23:1-6
ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
วันคล้าย วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จ พระปรมิทรมหาภูมิพล อดุลยเดช วันพ่อแห่งชาติ
บทอ่านที่ 1 อสย 25:6-10ก เวลานั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลทรงจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองสำ�หรับ ประชากรทุกชาติบนภูเขานี้ เป็นงานเลี้ยงที่มีอาหารนานาชนิด เป็นงานเลี้ยงที่มีเหล้า องุ่นชั้นดี มีอาหารเลิศรสและเหล้าองุ่นที่เลือกสรรแล้ว บนภูเขานี้ พระองค์จะทรง ทำ�ลายผ้าคลุม ที่คลุมหน้าประชากรทั้งหลาย และจะทรงทำ�ลายม่านซึ่งกางอยู่เหนือ นานาชาติ พระองค์จะทรงทำ�ลายความตายตลอดไป องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเช็ด นํ้าตาจากใบหน้าของทุกคน จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากการถูกลบหลู่ ทั่วแผ่นดิน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแล้ว วันนั้น เขาจะพูดกันว่า “นี่คือพระเจ้าของเรา เราเคยหวังว่าพระองค์จะทรงช่วย เราให้รอดพ้น นี่คือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราเคยมีความหวังในพระองค์ เราจงชื่นชมยินดี ที่พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นเถิด” เพราะพระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพักอยู่บน ภูเขานี้ พระวรสาร มธ 15:29-37 เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นบนภูเขา ประทับที่นั่น ประชาชนจำ�นวนมากเข้ามาเฝ้าพระองค์ นำ�คนง่อย คนแขนขาพิการ คน ตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆ จำ�นวนมากมาไว้แทบพระบาท พระองค์ทรงรักษาเขา ให้หายจากโรค เมือ่ ประชาชนเห็นคนใบ้พดู ได้ คนขาพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอด มองเห็นได้ ต่างประหลาดใจและสรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเยซูเจ้าทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามา ตรัสว่า “เราสงสารประชาชน เพราะเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และเวลานี้ไม่มีอะไรกิน เราไม่อยากให้เขากลับบ้านโดยไม่ได้กนิ อะไร เขาจะหมดแรงขณะเดินทาง” บรรดาศิษย์ จึงทูลถามว่า “ในทีเ่ ปลีย่ วเช่นนี้ เราจะหาอาหาร จากทีไ่ หนให้ประชาชนจำ�นวนมากเช่น นี้กินจนอิ่มได้” พระเยซูเจ้าตรัสถามว่า “ท่านมีขนมปังกี่ก้อน” เขาทูลว่า “เจ็ดก้อนกับ ปลาเล็กๆ อีกสองสามตัว” พระองค์ทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงที่พื้นดิน ทรงหยิบปลา และขนมปังเจ็ดก้อนนั้น ตรัสขอบพระคุณพระเจ้า ทุกคนกินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่ เหลือได้อีกเจ็ดตะกร้า
ประชาชนสรรเสริญพระเยซูเจ้าเพราะพระองค์ทรงรักษาคนใบ้ คนแขนขาพิการ คนง่อย คนตาบอด และคนเจ็บอืน่ ๆ จำ�นวนมากให้หายจากโรค นอกจากนีพ้ ระองค์ยงั ทรงเลีย้ งอาหารประชาชนเพราะความสงสาร ที่พวกเขาทั้งหลายติดตามมาฟังข่าวดีของพระเจ้า การกระทำ�ของพระเยซูเจ้าเป็นความรักเอาใจใส่และเมตตา สงสารที่พระเจ้ามีต่อเรามนุษย์ทุกคน ให้เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงรู้ เข้าใจ และเห็นความทุกข์ยากลำ�บากของ เราแต่ละคน และที่สำ�คัญให้เราอย่ากลัวที่จะเข้ามาหาพระเจ้า มาสวดอ้อนวอนให้พระองค์ทรงช่วยเรา
บทอ่านที่ 1 อสย 26:1-6 วันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้ “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำ�แพงและเชิงเทินไว้เพื่อ ปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติทชี่ อบธรรมซึง่ รักษาความซือ่ สัตย์ไว้จะได้เข้า มา พระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจใน พระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็น ศิลานิรนั ดร เพราะพระองค์ทรงกดผูอ้ ยูบ่ นทีส่ งู ให้ตาํ่ ลง ทรงทำ�ลายเมืองบนทีส่ งู ให้ราบ ถึงพืน้ ดิน กลายเป็นฝุน่ ดิน เท้าทีเ่ หยียบเมืองนัน้ คือเท้าของผูถ้ กู กดขี่ คนยากจนจะเดิน เหยียบยํ่าเมืองนั้น” พระวรสาร มธ 7:21,24-27 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” “ผูใ้ ดฟังถ้อยคำ�เหล่านีข้ องเราและปฏิบตั ติ าม ก็เปรียบเสมือนคนมีปญ ั ญาทีส่ ร้าง บ้านไว้บนหิน ฝนจะตก นํ้าจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำ�เหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบ เสมือนคนโง่เขลาทีส่ ร้างบ้านไว้บนทราย เมือ่ ฝนตก นํา้ ไหลเชีย่ ว ลมพัดโหมเข้าใส่บา้ น หลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก” ทุกคนที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและนำ�ไปปฏิบัติในชีวิตประจำ�วันก็ถือว่า เป็นผูท้ มี่ คี วามเชือ่ มัน่ คงและยึดมัน่ ในพระเจ้าอย่างแท้จริง เหมือนคนทีม่ ปี ญ ั ญาสร้างบ้าน ไว้บนหิน ฝนจะตก นาํ้ จะไหลเชีย่ ว ลมจะพัด บ้านก็ไม่พงั เพราะมีรากฐานอยูบ่ นหิน ความ เชือ่ และความศรัทธาในพระเจ้าของเราคริสตชนต้องมัน่ คงอยูเ่ สมอ เพือ่ ว่าเราจะได้ยดึ มัน่ และกล้าทีจ่ ะพยายามทำ�ความดีตอ่ ไป และเพิม่ พูนแบ่งปันความรักของพระเจ้าแก่กนั และ กันอยู่เสมอ
น.นิโคลัส พระสังฆราช สดด 118:1,8-9, 19-21,25,27 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1
ระลึกถึง น.อัมโบรส พระสังฆราช และนักปราชญ์ สดด 27:1,4,13-14 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 1 วันศุกร์ต้นเดือน
บทอ่านที่ 1 อสย 29:17-24 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสดังนี้ ในไม่ชา้ เลบานอนจะเปลีย่ นเป็นสวนผลไม้ และสวน ผลไม้จะกลายเป็นป่ามิใช่หรือ วันนั้น คนหูหนวกจะได้ยินถ้อยคำ�ของหนังสือ ตาของ คนตาบอดจะหายมืดมัวกลับมองเห็นได้ คนถ่อมตนจะยินดียงิ่ ขึน้ อีกในองค์พระผูเ้ ป็น เจ้า ผูย้ ากจนจะชืน่ ชมในพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอล เพราะจะไม่มที รราชอีก คนชอบ เยาะเย้ยจะสูญหายไป คนทัง้ หลายทีห่ าโอกาสทำ�ความชัว่ จะถูกกำ�จัด คือผูพ้ ดู ใส่ความ คนอื่น ผู้วางบ่วงไว้ดักผู้พิพากษาที่ประตูเมือง และปั้นเรื่องขึ้นทำ�ลายผู้ชอบธรรม ดัง นั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไถ่อับราฮัมตรัสกับเชื้อสายของยาโคบดังนี้ “ตัง้ แต่นไี้ ป ยาโคบจะไม่ตอ้ งอับอายอีก ใบหน้าของเขาจะไม่ซดี ลงอีกต่อไป เพราะ เมื่อเขาเห็นลูกหลานของตน ซึ่งเป็นผลงานจากมือของเรากลับมาอยู่กับเขาอีก เขาจะ ยอมรับว่านามของเราศักดิ์สิทธิ์ เขาทั้งหลายจะยอมรับว่าพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของยาโคบ ทรงความศักดิ์สิทธิ์ และจะยำ�เกรงพระเจ้าแห่งอิสราเอล จิตใจที่หลงผิดจะได้รับความ เข้าใจ และผู้ที่เคยบ่นจะยอมรับคำ�สั่งสอน” พระวรสาร มธ 9:27-31 ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังเสด็จออกจากที่นั่น คนตาบอดสองคนตามพระองค์ไป ร้องตะโกนว่า “โอรสของกษัตริย์ดาวิด โปรดเมตตาเราเถิด” เมื่อเสด็จมาถึงบ้าน คน ตาบอดเข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสถามว่า “ท่านเชือ่ ว่าเราทำ�เช่นนัน้ ได้หรือ” เขาทั้งสองคนตอบว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า” พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขา ตรัสว่า “จง เป็นไปตามที่ท่านเชื่อเถิด” แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น พระเยซูเจ้าทรง กำ�ชับเขาอย่างเข้มงวดว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้” แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ ประกาศเรื่องของพระองค์ทั่วแคว้นนั้น พระเยซูเจ้ารักษาคนตาบอดสองคนนีเ้ พราะความสงสารและเห็นว่าพวกเขา มีความเชื่อในพระองค์แท้จริง ทั้งสองคนนี้เป็นแบบอย่างความเชื่อในพระเจ้าที่กล้า ร้องเรียกให้พระเยซูเจ้าทรงช่วยเหลือ เราคริสตชนควรกล้าที่จะเข้ามาขอความช่วยเหลือ จากพระเจ้าอยูเ่ สมอให้พระองค์รกั ษาความเจ็บป่วยทัง้ ด้านร่างกายและจิตใจของเรา และ ยิง่ เวลาทีเ่ รามีความกังวลใจหรือมีปญ ั หาและอุปสรรคในชีวติ ให้เราเข้ามาหาพระองค์ดว้ ย ความเชื่อและวางใจในพระเจ้าเสมอ
บทอ่านที่ 1 ปฐก 3:9-15,20 หลังจากทีอ่ าดัมได้กนิ ผลไม้จากต้นไม้นนั้ แล้ว... องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัส กับงูว่า “เพราะเจ้าทำ�เช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง... เราจะทำ�ให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลกู หลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกนั ด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และ เจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา” มนุษย์เรียกภรรยาของตนว่า “เอวา” เพราะนางเป็นมารดา ของผู้มีชีวิตทั้งหลาย บทอ่านที่ 2 อฟ 1:3-6,11-12 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์ เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตัง้ แต่กอ่ นการเนรมิต สร้างโลก เพือ่ ให้เราศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ดว้ ยความ รัก...
สมโภช พระนางมารีย์ ผู้ปฏิสนธินิรมล สดด 98:1-3
พระวรสาร ลก 1:26-38 เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึง่ ในแคว้น กาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้า โปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัว เลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทาน พระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระ อาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตัง้ ใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพ ของพระผูส้ งู สุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนัน้ บุตรทีเ่ กิดมาจะเป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละจะรับนามว่าบุตรของ พระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่ นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจา ของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป พระนางมารียไ์ ด้รบั การเลือกสรรจากพระเจ้าให้เป็นมารดาของพระเยซูเจ้าโดยทีพ่ ระนางตัง้ ครรภ์ อาศัยพระจิตเจ้า เหตุการณ์นเี้ ป็นไปตามแผนการของพระเจ้า เพราะพระนางได้ยอมรับและน้อมรับไว้ดว้ ยความ สุภาพต่อทูตสวรรค์กาเบรียล “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของ ท่านเถิด” ในโอกาสที่เราฉลองสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมลในวันนี้ ขอให้เราดำ�เนินชีวิตตามแบบอย่าง ความสุภาพถ่อมตนของพระนางในการที่จะกล้ายอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี ให้เราเปิดใจ ถวายชีวิตทั้งกายและใจให้พระเจ้าทรงนำ�ทางและชี้ทางสว่างแก่เราอยู่เสมอ
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านจากหนังสือประกาศกบารุค บรค 5:1-9 กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงถอดเสื้อไว้ทุกข์ที่นำ�ความเศร้าโศกออกเถิด จงสวมสิริ รุ่งโรจน์เป็นอาภรณ์งดงามที่มาจากพระเจ้าไว้ตลอดไป จงสวมความชอบธรรมจาก พระเจ้าเป็นเสื้อคลุม จงสวมสิริรุ่งโรจน์จากพระเจ้านิรันดรเป็นมงกุฎบนศีรษะ เพราะ พระเจ้าจะทรงสำ�แดงความรุง่ โรจน์ของเจ้าแก่ทกุ คนภายใต้ทอ้ งฟ้า พระเจ้าจะทรงเรียก นามของเจ้าตลอดไปว่า “สันติจากความชอบธรรม” และ “สิรริ งุ่ โรจน์จากความยำ�เกรง พระเจ้า” กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด จงยืนบนที่สูง จงมองไปทางทิศตะวันออกเถิด จงเห็นบรรดาบุตรของเจ้ามาชุมนุมกัน จากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกตามพระดำ�รัส ของพระผู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาโห่ร้องยินดีเพราะพระเจ้าทรงระลึกถึงเขา เขาต้องเดินออกไป จากเจ้า เพราะศัตรูกวาดต้อนเขาไป บัดนี้ พระเจ้าทรงนำ�เขากลับมาหาเจ้า ได้รับการ ยกย่องรุ่งเรืองดุจกษัตริย์ทรงชัยบนพระบัลลังก์ พระเจ้าทรงบัญชาให้ภูเขาสูงและหิน ผาถาวรถูกปรับให้ตาํ่ ลง ทรงบัญชาหุบเขาให้ถกู ถมจนเต็มเป็นพืน้ ดินราบ เพือ่ อิสราเอล จะได้เดินอย่างปลอดภัยในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระเจ้าทรงบัญชาให้ป่าและ ต้นไม้หอมทุกชนิดแผ่ร่มเงาปกคลุมอิสราเอล พระเจ้าจะทรงส่องแสงแห่งพระสิริ รุ่งโรจน์นำ�อิสราเอลด้วยความยินดี พระองค์จะประทานความรักมั่นคงและความชอบ ธรรมแก่เขาด้วย เพลงสดุดี สดด 126:1-2ก,2ข-3,4-5,6 ก) เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงน�ำบรรดาเชลยกลับมาสู่ศิโยน ดูเหมือนว่าเราก�ำลังฝันอยู่ ขณะนั้น ปากของเราก�ำลังหัวเราะ ลิ้นของเรามีแต่เสียงโห่ร้องยินดี ข) ขณะนั้น นานาชาติก็พูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเขาทั้งหลาย” ถูกต้องแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระท�ำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา และเราก็มีความยินดี ค) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงเปลี่ยนสภาพของข้าพเจ้าทั้งหลาย ให้กลับดีเช่นเดิม เหมือนธารน�้ำบริเวณเนเกบ ผู้ที่หว่านด้วยน�้ำตา ย่อมโห่ร้องยินดีเมื่อเก็บเกี่ยว ง) เขาเดินพลาง ร้องไห้พลาง หอบเมล็ดพืชไปหว่าน
ยามกลับมา เขาโห่ร้องด้วยความยินดี น�ำฟ่อนข้าวกลับมาด้วย
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวฟีลิปปี ฟป 1:4-6,8-11 พี่น้อง ในการอธิษฐานภาวนาทุกครั้ง ข้าพเจ้าวอนขอ พระพรเพื่อทุกท่านอยู่เสมอด้วยความชื่นชม เพราะท่าน ทั้งหลายร่วมมือประกาศข่าวดีตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งบัดนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าพระเจ้าผู้ทรงเริ่มกิจการดีนี้ในท่านแล้ว จะ ทรงกระทำ�ต่อไปให้สำ�เร็จบริบรู ณ์จนถึงวันของพระคริสตเยซู พระเจ้าทรงเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้ารักและเอ็นดู ท่านเพียงใดในความรักของพระคริสตเยซู ข้าพเจ้าอธิษฐาน ภาวนาขอให้ความรักของท่านทวียิ่งขึ้น ทำ�ให้เกิดความรู้และวิจารณญาณทุกเรื่อง ท่านจะแยกได้ว่าสิ่งใดดี เยี่ยม จะได้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากคำ�ตำ�หนิจนถึงวันของพระคริสตเจ้า จะได้บริบูรณ์ด้วยผลแห่งความชอบ ธรรมซึ่งจะเกิดขึ้นโดยทางพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์และการสรรเสริญพระเจ้า บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 3:1-6 ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลพระจักรพรรดิทิเบรีอัส ปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย กษัตริย์ เฮโรดทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปพระอนุชาทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนียเป็นเจ้าปกครองแคว้นอาบีเลน อันนาสและคายาฟาสเป็นหัวหน้าสมณะ พระวาจาของพระเจ้ามาถึง ยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ในถิน่ ทุรกันดาร เขาจึงไปทัว่ บริเวณแม่นาํ้ จอร์แดน เทศน์สอนเรือ่ งพิธลี า้ งซึง่ แสดง การเป็นทุกข์กลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือบันทึกของประกาศกอิสยาห์ว่า “คนคนหนึง่ ร้องตะโกนในถิน่ ทุรกันดารว่า จงเตรียมทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า จงทำ�ทางเดินของพระองค์ ให้ตรงเถิด หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม ภูเขาและเนินทุกแห่งจะถูกปรับให้ตาํ่ ลง ทางคดเคีย้ วจะกลายเป็น ทางตรง ทางขรุขระจะถูกทำ�ให้ราบเรียบ แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นความรอดพ้นจากพระเจ้า”
ช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯนี้ เป็นเวลาที่เราคริสตชนจะได้เตรียมชีวิตและจิตใจของเราเองใน การเสด็จมาของพระเยซูเจ้า ในช่วงเวลานี้เราควรที่จะหันมาไตร่ตรองดูชีวิตของเราว่า ได้พยายามเปลี่ยนแปลง ตัวเองมากน้อยเพียงใดในการดำ�เนินชีวติ ใกล้ชดิ สนิทกับพระเจ้า หรือเราได้ส�ำ นึกในความผิดเป็นทุกข์กลับใจมา หาพระอย่างแท้จริงหรือยัง การแก้บาปรับศีล การสวดอธิษฐานภาวนาอย่างสมํ่าเสมอ การทำ�บุญช่วยเหลือ เพื่อนพี่น้องคนยากจน การช่วยคนด้อยโอกาสในสังคม สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเราให้เป็นคนดีและเหมาะสมใน การเป็นลูกที่ดีของพระเจ้า
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 85:8-9,10-11, 12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 วันรัฐธรรมนูญ
บทอ่านที่ 1 อสย 35:1-10 ถิน่ ทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุง่ เวิง้ ว้างจงเปรมปรีดแิ์ ละผลิดอก เหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความ ยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและ ที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าของเรา จงทำ�ให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำ�ให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความ มั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่าน ทัง้ หลายจะเสด็จมาเพือ่ ช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดด ได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะนํ้าจะพุ่งขึ้นมาในถิ่น ทุรกันดาร และลำ�ธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระนํ้า และดิน ที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุนํ้า รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ทีน่ นั่ จะมีทางหลวงซึง่ จะเรียกว่า “มรรคาศักดิส์ ทิ ธิ”์ ผูม้ มี ลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และ คนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น...
พระวรสาร ลก 5:17-26 วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำ�ลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านใน แคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้า ทรงรักษาโรคได้ ขณะนัน้ มีผหู้ ามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำ�คนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะ พระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำ�คนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคน อัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดา ธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจาก พระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำ�ไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อ ให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำ�นาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จง ลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไป บ้านพลางสรรเสริญพระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูด กันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง” การที่เรามีความเชื่อและศรัทธามั่นคงในพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำ�คัญและมีความหมายอย่างยิ่งในชีวิต เพราะพลังแห่งความเชื่อนี้สามารถรักษาชีวิตเราแต่ละคนได้ ดังที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนอัมพาตที่ถูกหามบน แคร่ พระองค์ทรงเห็นความเชื่อของพวกเขา ฉะนั้นให้ความเชื่อ ความหวัง ความวางใจที่เรามีในพระเจ้าเป็นสิ่ง ที่ดึงเราเข้าไปใกล้พระเจ้าอยู่เสมอ เพื่อว่าความเชื่อจะสามารถรักษาชีวิตเราทั้งภายนอกและภายในจิตใจได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้เสมอสำ�หรับผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้าอย่างแท้จริง
บทอ่านที่ 1 อสย 40:1-11 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเรา เถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาส สิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ของ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้ว เพราะบาปทั้งหมดของตน” เสียงหนึง่ ร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าในถิน่ ทุรกันดาร จงเปิดทาง น.ดามาซัส ที่ 1 ตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำ�หรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขา พระสันตะปาปา และเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ทีข่ รุขระจะราบเสมอกัน ทีส่ งู ๆ ตํา่ ๆ จะราบเรียบ แล้วองค์ สดด 96:1-3,10-12,13 พระผูเ้ ป็นเจ้าจะทรงสำ�แดงพระสิรริ งุ่ โรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทกุ คนจะได้เห็นทัว่ กัน เพราะ ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2 พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้” เสียงหนึง่ กล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร” เสียงนัน้ กล่าวว่า “มนุษย์ ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง บันดาลให้ลมพัดผ่าน หญ้าก็จะเหีย่ วแห้ง ดอกไม้กจ็ ะร่วงโรย แน่ทเี ดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า หญ้า เหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป” “ท่านผู้นำ�ข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำ�ข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้อง ตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้า ของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำ�นาจปกครอง ดูซิ รางวัล ชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำ�หน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำ�แม่แกะอย่าง ทะนุถนอม” พระวรสาร มธ 18:12-14 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ” “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่า ยินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง” “พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้ เดียวต้องพินาศไป” เราทุกคนเคยผิดพลาด ทำ�ความผิด หรือทำ�บาปต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง อาจจะตั้งใจหรือไม่ ได้ตั้งใจ แต่พระเจ้าของเราก็ยังทรงรักเราและให้อภัยเราอยู่เสมอ เพราะเราแต่ละคนเป็นลูกของพระ พระเจ้า ทรงเป็นห่วงและเอาใจใส่เรามนุษย์ อยากให้เราเข้ามาอยูใ่ กล้ๆ ในความรักของพระองค์ บางครัง้ ในชีวติ เราก็เป็น แกะดี บางครัง้ เราก็เป็นแกะทีห่ ลงทาง สิง่ พระเยซูเจ้ากำ�ลังบอกเราคือพระเจ้าจะทรงเฝ้าดูและติดตามเราไม่หา่ ง เพราะพระองค์มีความรักและมีเมตตาต่อเรามนุษย์ทุกคนอย่างมากมายเสมอ
พระนางมารีย์ พรหมจารี แห่งกวาดาลูเป สดด 103:1-2,3-4,8-10 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อสย 40:25-31 พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า “ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จงแหงน หน้าขึ้นดูว่าผู้ใดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงอานุภาพและทรงพลัง เข้มแข็ง ทรงนำ�ดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำ�นวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาด ไปแม้แต่ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำ�ไมท่านจึงยํา้ ว่า “ทาง เดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้า มองข้ามไป” ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรันดร เป็ น พระผู้ เนรมิ ต สร้ า งแผ่ นดิ นจนถึ ง ปลายสุ ด พระองค์ มิ ได้ ท รงอ่ อ นเปลี้ ย หรื อ เหน็ดเหนือ่ ย พระดำ�ริของพระองค์เหลือทีจ่ ะหยัง่ รูไ้ ด้ พระองค์ประทานกำ�ลังแก่ผอู้ อ่ น เปลี้ย ทรงเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำ�ลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ ชายฉกรรจ์จะสะดุดและล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่ อ่อนเปลี้ย พระวรสาร มธ 11:28-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่าน ได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รบั การพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุม่ และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” ทุกครัง้ เวลาทีเ่ รามีปญ ั หาและเจออุปสรรคต่างๆ เข้ามาในชีวติ มันอาจทำ�ให้ เราเหน็ดเหนือ่ ย อาจจะทำ�ให้เราท้อแท้ สิน้ หวังหรืออาจหมดกำ�ลังใจในการดำ�เนินชีวติ ได้ ให้เราจำ�ไว้เสมอว่า เรายังมีพระเจ้าผู้ทรงรักและเป็นห่วงเรา อยู่เคียงข้างและหนุนหลังให้ กำ�ลังใจเราเสมอ ให้เราพยายามเปิดใจและเรียนรู้ที่จะยอมรับแบกแอกที่เบาและอ่อนนุ่ม ด้วยความสุภาพถ่อมตน พระเจ้าจะทรงคอยช่วยเหลือและบรรเทาใจเราด้วยความรักและ ความห่วงใย เมื่อเราพบปัญหาต่างๆ มากมายในชีวิต
บทอ่านที่ 1 อสย 41:13-20 เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอก ท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัสว่า “ยาโคบทีเ่ ป็นเหมือน หนอนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนดักแด้เอ๋ย เราจะช่วยท่าน เรา ผู้ไถ่กู้ ท่าน คือพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ดูซิ เราจะทำ�ให้ท่านเป็นเหมือนเลื่อนนวดข้าว ใหม่และมีฟันคม ท่านจะนวดและบดภูเขา จะทำ�ให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ ท่านจะ ฝัดภูเขาและเนินเขาเหล่านัน้ และลมจะพัดไป ลมพายุจะทำ�ให้กระจัดกระจาย แต่ทา่ น จะชืน่ ชมในองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า ท่านจะภูมใิ จในพระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ห่งอิสราเอล คนยากจน และผูข้ ดั สนแสวงหานํา้ แต่ไม่มนี าํ้ ลิน้ ของเขาแห้งผากเพราะความกระหาย เราคือองค์ พระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเขา เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งเขา เราจะ บันดาลให้มีแม่นํ้าไหลบนภูเขาโล่งเตียน มีพุนํ้าไหลในหุบเขา เราจะทำ�ถิ่นทุรกันดารให้ เป็นสระนํา้ ทำ�ให้พนื้ ดินแห้งกลายเป็นพุนาํ้ เราจะปลูกต้นสนสีดาร์ในถิน่ ทุรกันดาร ปลูก ต้นกระถินเทศ ต้นเสม็ด และมะกอกเทศ เราจะปลูกต้นสนไซเปรสไว้ในที่แห้งแล้ง ปลูกต้นยางและต้นสนไว้ด้วยกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นและรู้ จะได้พิจารณาและเข้าใจ พร้อมกันว่า พระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำ�เช่นนี้ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลทรง สร้างสิ่งนี้” พระวรสาร มธ 11:11-15 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ทา่ นทัง้ หลายว่า ในหมูผ่ ทู้ เี่ กิดจากหญิง ไม่มใี ครยิง่ ใหญ่กว่า ยอห์นผูท้ ำ�พิธลี า้ ง ถึงกระนัน้ ผูต้ าํ่ ต้อยทีส่ ดุ ในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยงั ยิง่ ใหญ่กว่ายอห์น ตัง้ แต่สมัยของยอห์นผูท้ ำ�พิธลี า้ งจนถึงวันนี้ อาณาจักรสวรรค์ตอ้ งการความอดทนและ ความพยายาม ผูท้ ใี่ ช้ความอดทนและความพยายามเท่านัน้ จึงจะเข้าสูอ่ าณาจักรสวรรค์ ได้ ประกาศกทั้งหลายและธรรมบัญญัติต่างประกาศพระวาจาถึงสมัยของยอห์น ถ้า ท่านทั้งหลายยอมเชื่อ ยอห์นนี่เองคือประกาศกเอลียาห์ซึ่งจะต้องมา ใครมีหู ก็จงฟัง เถิด” “ผู้ที่ใช้ความอดทนและความพยายามเท่านั้นจึงจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ ได้” พระเยซูเจ้าได้ตรัสสอนเราทัง้ หลายให้มคี วามอดทนและความพยายามในการดำ�เนิน ชีวิตในอาณาจักรสวรรค์ ยอห์นผู้ทำ�พิธีล้างก็เป็นผู้ที่มีความอดทนและความพยายามใน การเตรียมทางและเทศน์สอนให้คนกลับใจก่อนการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ การ ทีย่ อห์นออกไปเทศน์สอนและไปเตรียมจิตใจคนในสมัยนัน้ ให้กลับใจ ก็คงเจออุปสรรคและ ปัญหาหลายรูปแบบ แต่เขาก็มีความตั้งใจอดทนและพยายามที่จะทำ�ให้คนกลับใจมาเชื่อ ในพระเจ้า
ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารี และมรณสักขี สดด 145:1,8-9, 10-11,12-13 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
ระลึกถึง น.ยอห์น แห่งไม้กางเขน นักปราชญ์แห่ง พระศาสนจักร สดด 1:1-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
บทอ่านที่ 1 อสย 48:17-19 องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระผูก้ อบกูข้ องท่าน พระผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิข์ องอิสราเอลตรัสดังนีว้ า่ “เราคือองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เราสัง่ สอนท่านเพือ่ ประโยชน์ของท่าน นำ�ท่านไปในทางที่ท่านต้องเดิน ถ้าท่านตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรา ความเจริญรุ่งเรือง ของท่านคงจะเป็นเหมือนแม่น้ํา ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็นเหมือนคลื่นทะเล ลูกหลานของท่านจะมีจำ�นวนมากเหมือนทราย เชือ้ สายของท่านจะเป็นเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย” พระวรสาร มธ 11:16-19 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนีก้ บั สิง่ ใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ทีน่ งั่ ตามลานสาธารณะ ร้อง บอกเพื่อนๆ ว่า พวกเราเป่าขลุ่ย พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ� พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า พวกเจ้าก็ไม่รํ่าไห้ ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่า ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระปรีชาญาณ ของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ” สิง่ ทีน่ า่ กลัวในการดำ�เนินชีวติ คือการมีจติ ใจเมินเฉย ไม่กระตือรือร้นในชีวติ หรือการดำ�เนินชีวิตไปแต่ละวันโดยไม่ได้ทำ�ประโยชน์เพื่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์เลย พระเยซูเจ้ากำ�ลังเตือนใจเราให้เป็นคนทีร่ จู้ กั คุณค่าของชีวติ ในการหมัน่ ทำ�ความดี แบ่งปัน ความรัก มีนํ้าใจ เอาใจใส่ต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน และให้อภัยซึ่งกันและกันเสมอ ให้เรา พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลาและพยายามดำ�เนินชีวิตอย่างดี ให้เรา ทำ�ดีทำ�ประโยชน์เพื่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายต่อไปในแต่ละวัน
บทอ่านที่ 1 บสร 48:1-4,9-11 ต่อจากนั้นก็มีเรื่องราวของประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นเหมือนไฟ วาจาของเขาเผา ผลาญเหมือนคบไฟ เขาทำ�ให้เกิดขาดแคลนอาหารในหมู่ประชากร ความกระตือรือร้น ของเขาทำ�ให้ประชากรลดจำ�นวนลง เขาปิดท้องฟ้าตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็น เจ้า ทำ�ให้ไฟลงมาจากท้องฟ้าถึงสามครัง้ ข้าแต่เอลียาห์ ท่านช่างมีชอื่ เสียงรุง่ เรืองเพราะ การอัศจรรย์ที่ได้ทำ� ใครบ้างจะอวดตัวได้ว่าตนเท่าเทียมกับท่าน ท่านถูกยกขึ้นไปในพายุหมุนที่เป็นไฟบนรถเทียมม้าเพลิง ท่านถูกกำ�หนดไว้ให้มา ตำ�หนิประชากรในอนาคต เพื่อจะได้ระงับพระพิโรธก่อนที่จะลุกเป็นไฟ เพื่อนำ�จิตใจ ของบิดามาคืนดีกับบุตร และแต่งตั้งบรรดาเผ่าของยาโคบขึ้นใหม่ บรรดาผู้ที่เคยเห็น ท่านย่อมเป็นสุข เขาตายในความรัก เพราะเราทั้งหลายจะได้มีชีวิตอย่างแน่นอนเช่น เดียวกัน พระวรสาร มธ 17:10-13 เวลานั้น บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “เหตุใดบรรดาธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์ต้องมาก่อน” พระองค์ตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เอลียาห์จะมาและจะจัดทุกสิ่งให้ อยู่ในสภาพเดิม เราบอกท่านทั้งหลายว่า เอลียาห์ได้มาแล้ว แต่ประชาชนไม่รู้จักและ ทำ�ต่อเขาตามใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับการทรมานจากประชาชนเช่นเดียวกัน” บรรดาศิษย์จึงเข้าใจว่า พระองค์ตรัสถึงยอห์นผู้ทำ�พิธีล้าง พระเยซูเจ้ายอมรับการทรมาน ยอมตายบนไม้กางเขนและกลับฟื้นคืนชีพ ในวันทีส่ าม สิง่ เหล่านีเ้ ป็นธรรมลํา้ ลึกและเตือนใจเราว่าพระองค์เป็นพระผูไ้ ถ่บาปเรามนุษย์ ทุกคน และช่วยเราให้รอดพ้นจากความบาปทั้งมวล ในช่วงเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระ คริสตเจ้านี้ ขอให้เราตั้งใจพยายามที่จะกลับใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นในทุกด้าน ให้ เราเปิดหัวใจเพือ่ พระเจ้าจะได้เสด็จมาในชีวติ และจิตใจของเรา ให้พระองค์น�ำ ทางชีวติ นำ� ความสว่างมายังพวกเราแต่ละคน เพื่อเราจะได้ดำ�เนินชีวิตเป็นคริสตชนที่ดีอยู่เสมอ
สัปดาห์ที่ 2 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 80:1-2ก,14-15, 17-18 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 2
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันครูคำ�สอนไทย
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเศฟันยาห์ ศฟย 3:14-18ก ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงเปล่งเสียงยินดีเถิด อิสราเอลเอ๋ย จงโห่ร้องแสดงความ ชืน่ ชม ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงเปรมปรีดแิ์ ละโห่รอ้ งยินดีสดุ จิตสุดใจ องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทรงยกเลิกการพิพากษาลงโทษเจ้าแล้ว ทรงขับไล่ศัตรูของเจ้าออกไป กษัตริย์แห่ง อิสราเอลคือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ในเจ้า จะไม่มีเหตุร้ายที่เจ้าจะต้องกลัวอีกต่อไป วันนั้น ทุกคนจะพูดกับกรุงเยรูซาเล็มว่า “ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อย่าท้อแท้ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้าทรงอยูใ่ นเจ้า ทรงพระอานุภาพและทรงช่วยให้รอดพ้น พระองค์จะทรงยินดีเพราะเจ้า จะทรงฟื้นฟูเจ้าด้วยความรัก จะทรงโห่ร้องด้วยความ ยินดีเพราะเจ้า เหมือนในวันเลี้ยงฉลอง” เพลงสดุดี อสย 12:2-3,4ขคง,5-6 ก) ดูซิ พระเจ้าทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่กลัว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพละก�ำลังและทรงเป็นบทเพลงของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้าแล้ว” ท่านทั้งหลายจะยินดีตักน�้ำจากพุน�้ำที่น�ำความรอดพ้น ข) “จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเรียกขานพระนามพระองค์ จงประกาศพระราชกิจยิ่งใหญ่ของพระองค์ในหมู่ชนชาติทั้งหลาย จงประกาศว่าพระนามพระองค์สูงส่ง ค) จงร้องเพลงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงท�ำกิจการยิ่งใหญ่ ให้เป็นที่รู้จักทั่วไปในแผ่นดิน ชาวศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร้องเพลงด้วยความชื่นบาน เพราะพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลนั้นทรงความยิ่งใหญ่ในหมู่ท่านทั้งหลาย” บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี ฟป 4:4-7 พี่น้อง จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด ข้าพเจ้าขอยํ้าอีกว่า จงชื่นชม เถิด จงให้ความอ่อนโยนของท่านทัง้ หลายปรากฏแก่คนทัง้ ปวง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเสด็จ มาใกล้แล้ว อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความ ปรารถนาทุกอย่างของท่านโดยคำ�อธิษฐาน การวอนขอพร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้ว สันติสขุ ของพระเจ้าซึง่ เกินสติปญ ั ญาจะเข้าใจได้นนั้ จะคุม้ ครองดวงใจและความคิดของ ท่านไว้ในพระคริสตเยซู
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 3:10-18 เวลานั้น เมื่อประชาชนถามยอห์นว่า “เราจะต้องทำ� อะไร” เขาก็ตอบว่า “ใครมีเสื้อสองตัว จงแบ่งตัวหนึ่งให้กับ คนทีไ่ ม่มี คนทีม่ อี าหาร ก็จงทำ�เช่นเดียวกัน” คนเก็บภาษีมา หายอห์นเพื่อรับพิธีล้างด้วย และถามเขาว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราจะต้องทำ�สิ่งใด” ยอห์นตอบว่า “ท่านอย่าเรียกเก็บ ภาษีเกินพิกัด” พวกทหารถามเขาด้วยว่า “แล้วพวกเราล่ะ เราจะต้องทำ�สิ่งใด” เขาตอบว่า “อย่าขู่กรรโชก อย่ากล่าว หาเป็นความเท็จเพื่อเอาเงิน จงพอใจกับค่าจ้างของตน” ขณะนั้น ประชาชนกำ�ลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคน ว่า “ข้าพเจ้าใช้นํ้าทำ�พิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรง อำ�นาจยิง่ กว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำ�พิธลี า้ งให้ทา่ น เดชะพระจิตและด้วยไฟ เขากำ�ลังถือพลัว่ อยูแ่ ล้ว จะชำ�ระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยงุ้ ส่วน ฟางนั้นจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ” ยอห์นยังใช้ถ้อยคำ�อื่นอีกมากตักเตือนและประกาศข่าวดีแก่ประชาชน สังคมมนุษย์ผู้มีปัญญาย่อมเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่ง สอดคล้องกับพระธรรมคำ�สอนของพระเยซูเจ้าทีต่ รัสสอนให้รกั กันและกัน ซึง่ สะท้อนให้เห็นภาพขององค์พระผู้ เป็นเจ้า ในฐานะพระบิดาเจ้า ผูท้ รงสร้างฟ้าและดินสำ�หรับทุกคน หลังจากมนุษย์ท�ำ ลายศักดิศ์ รีดว้ ยการทำ�บาป พระบุตรก็เสด็จมาไถ่กู้คืนศักดิ์ศรีให้ทุกคนด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงส่งพระจิตเจ้า องค์ความ รักของพระบิดาเจ้า และพระบุตรมาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีให้คงอยู่ตลอดไป ในการนี้ นักบุญยอห์นบัปติสต์เป็นผู้ อธิบายให้ทุกคนเตรียมรับความรักนี้ในภาคปฏิบัติด้วยกิจกรรมการแบ่งปันนั่นเอง
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า
บทอ่านที่ 1 ปฐก 49:2,8-10 ในครั้งนั้น ยาโคบเรียกบรรดาบุตรมา แล้วพูดว่า “บุตรของยาโคบเอ๋ย จงมารวมกันฟัง จงฟังคำ�ของอิสราเอลบิดาของลูก ยูดาห์ เอ๋ย บรรดาพี่น้องจะสรรเสริญลูก มือของลูกจะจับคอศัตรู บุตรของบิดาของลูกจะ กราบไหว้ลกู ยูดาห์เป็นเหมือนลูกสิงโต ลูกเอ๋ย ลูกฆ่าเหยือ่ แล้วกลับมา ลูกเป็นเหมือน สิงโตตัวผู้ที่ซุ่มหมอบ เหมือนสิงโตตัวเมียที่นอนอยู่ ใครเล่าจะกล้าทำ�ให้ลุกขึ้น คทา จะไม่ไปจากยูดาห์ และไม้เท้าของผู้ปกครองจะไม่ถูกยกไปจากระหว่างเท้าของเขา จนกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของจะมา และประชาชาติจะนอบน้อมต่อเขา”
พระวรสาร มธ 1:1-17 สดด 72:3-4,7,8,17 หนังสือลำ�ดับพระวงศ์ของพระเยซูคริสตเจ้า พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรง ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3 วันคล้ายวันสมภพสมเด็จ สืบตระกูลมาจากอับราฮัม อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของ พระสันตะปาปาฟรังซิส ยูดาห์กับบรรดาพี่น้อง ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศและเศราห์ มารดาของคนทั้งสองคือ นางทามาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็น บิดาของนาโซน นาโซนเป็นบิดาของสัลโมน สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส มารดาของโบอาสคือนางราหับ โบอาสเป็นบิดาของโอเบด มารดาของโอเบดคือนางรูธ โอเบดเป็นบิดาของเจสซี เจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ ดาวิด กษัตริย์ดาวิดเป็นบิดาของซาโลมอน มารดาของซาโลมอนเคยเป็นภรรยาของอุรียาห์ ซาโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา อาสา เป็นบิดาของเยโฮซาฟัท... มนัสเสห์เป็นบิดาของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ โยสิยาห์เป็นบิดาของ เยโคนียาห์และพี่น้อง ในสมัยถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลน หลังจากถูกกวาดต้อนไปกรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนียาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลเป็นบิดาของ เศรุบบาเบล เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์ อาซอร์เป็นบิดาของศาโดก ศาโดกเป็นบิดาของอาคิม อาคิมเป็นบิดาของเอลีอูด เอลีอูดเป็นบิดาของ เอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์เป็นบิดาของมัทธาน มัทธานเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของโยเซฟ พระ สวามีของพระนางมารีย์ พระเยซูเจ้าที่ขานพระนามว่า “พระคริสตเจ้า” ประสูติจากพระนางมารีย์ผู้นี้ ดังนั้น ลำ�ดับพระวงศ์ของพระเยซูเจ้าจากอับราฮัมถึงกษัตริย์ดาวิดมีสิบสี่ชั่วคน นับจากกษัตริย์ ดาวิดถึงสมัยที่ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลนมีอีกสิบสี่ชั่วคน และนับจากสมัยที่ถูกกวาดต้อนเป็น เชลยไปกรุงบาบิโลนถึงพระเยซูเจ้ามีอีกสิบสี่ชั่วคน คำ�อวยพรของยาโคบทีใ่ ห้กบั บรรดาบุตรก่อนจะจากชีวติ นีไ้ ป เป็นคำ�อวยพรทีเ่ น้นการมอบหมาย ให้ยูดาห์ ลูกคนหนึ่งที่รับพรพิเศษโดยยาโคบ ยืนยันว่าจะเป็นชนเผ่าพิเศษกว่าพี่น้อง เขาจะมีพลานุภาพของ สิงโต และจะเป็นผู้ปกครองที่จะมีลูกหลานสืบเชื้อสายตั้งแต่ดาวิดถึงพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่โลก ซึ่ง พระวรสารประจำ�วันนีน้ กั บุญมัทธิวได้ล�ำ ดับพระวงศ์ของพระเยซูเจ้า ซึง่ บรรพชนหลายคนก็รบั สิทธิยกเว้นความ ประพฤติผิด และเข้าสู่ความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงจัดการทุกสิ่งให้มนุษย์
บทอ่านที่ 1 ยรม 23:5-8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เมื่อเราจะ ตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะ ทำ�ให้ความถูกต้องและความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอลจะดำ�เนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนาม พระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’” ดังนัน้ วันเวลาจะมาถึง องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าตรัส เมือ่ ใครๆ จะไม่กล่าวคำ�สาบานอีก ต่อไปว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าผูท้ รงนำ�ชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียปิ ต์ทรงพระชนม์ อยูแ่ น่ฉนั ใด...” แต่เขาจะสาบานว่า “องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าผูท้ รงนำ�พงศ์พนั ธุอ์ สิ ราเอลจาก แผ่นดินทางทิศเหนือ และจากดินแดนทั้งหลายที่ทรงขับไล่ให้เขาไปอาศัยอยู่ และทรง นำ�เขากลับมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด...” พระวรสาร มธ 1:18-24 เรือ่ งราวการประสูตขิ องพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของ พระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนาง ตัง้ ครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคูห่ มัน้ ของพระนางเป็นผูช้ อบธรรมไม่ตอ้ งการฟ้อง หย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ขณะที่โยเซฟกำ�ลังคิดถึงเรื่อง นี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟโอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนาง มาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำ�เนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะ ช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำ�รัสขององค์ พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศกจะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำ�ตามที่ทูตสวรรค์ขององค์ พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย ประกาศกเยเรมีย์ยํ้าความรักและพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อ ดาวิด ที่แม้เคยทำ�บาปผิดแต่พระองค์ก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองพงศ์พันธ์ุ อิสราเอล เพราะพระนามของพระผู้ไถ่คือ “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับเสด็จพระผู้ไถ่เฉกเช่นพระแม่มารีย์และท่านนักบุญโยเซฟ เชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด เพราะพระผู้ไถ่จะมอบสิทธิ์นี้แก่ทุกคนที่เชื่อในพระองค์เช่น เดียวกัน
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 72:1-2,12-13, 18-19 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 71:2-3,4-6,16-18ก ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 วนฉ 13:2-7,24-25 ในครัง้ นัน้ มีชายคนหนึง่ ชือ่ มาโนอาห์ เป็นคนเผ่าดานชาวเมืองโศราห์ ภรรยาของ เขาเป็นหมัน ไม่มีบุตร ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่หญิงผู้นี้กล่าวว่า “ท่านเป็นหมันไม่มีบุตร แต่บัดนี้ท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงระวังอย่าดื่ม สุราเมรัยใดๆ อย่ากินอาหารที่มีมลทิน เพราะท่านจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย อย่า ให้ใบมีดมาโกนศีรษะของเขา เพราะเด็กคนนี้จะเป็นนาศีร์ถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่ยังอยู่ ในครรภ์ของมารดา เขาจะเริ่มช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย” หญิงคนนั้นก็ไปบอกสามี... หญิ ง คนนั้ นคลอดบุ ต รชายและตั้ ง ชื่ อ ให้ ว่ า แซมสั น เด็ ก น้ อ ยเจริ ญ วั ย ขึ้ น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพระพรเขา พระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเริ่มดลใจเขาที่ มาหะเนดานซึ่งอยู่ระหว่างเมืองโศราห์กับเมืองเอชทาโอล
พระวรสาร ลก 1:5-25 ในรัชสมัยของกษัตริยเ์ ฮโรดผูป้ กครองแคว้นยูเดีย สมณะผูห้ นึง่ ชือ่ เศคาริยาห์ ประจำ�เวรในหมวดของ อาบียาห์ มีภรรยาชือ่ เอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทัง้ สองคนเป็นผูช้ อบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำ�หนดทุกข้อขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่มีข้อตำ�หนิ แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มี บุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำ�ลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตนตามธรรมเนียม ของสมณะ... ทันใดนัน้ ทูตสวรรค์องค์หนึง่ ของพระเจ้าปรากฏองค์ยนื อยูเ่ บือ้ งขวาของพระแท่นถวายกำ�ยาน... กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำ�อธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่าน จะให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่ายอห์น ท่านจะมีความชืน่ ชมยินดีและคนจำ�นวนมากจะยินดี ที่เขาเกิดมา เพราะว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า... เศคาริยาห์จึงถามทูตสวรรค์ ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรือ่ งนีไ้ ด้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์ จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่าน และนำ�ข่าวดีนมี้ าแจ้งให้ทา่ นทราบ แต่ทา่ นไม่เชือ่ คำ�ของข้าพเจ้า ซึง่ จะเป็นจริงเมือ่ ถึงเวลากำ�หนด ดังนัน้ ท่าน จะเป็นใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง” ขณะนั้น ประชาชนกำ�ลังคอยเศคาริยาห์อยู่ รู้สึกประหลาดใจที่ เขาอยูใ่ นพระวิหารนาน เมือ่ เขาออกมาและพูดไม่ได้ ประชาชนจึงเข้าใจว่าเขาเห็นนิมติ ในพระวิหาร เขาทำ�ได้ เพียงแสดงท่าทาง แต่พูดไม่ได้ เมื่อหมดวาระทำ�หน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธภรรยา ของเขาก็ตั้งครรภ์... นางกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำ�เช่นนี้เพื่อข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์พอพระทัย ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอายที่ข้าพเจ้ามีต่อหน้าคนทั้งหลายแล้ว”
ความรอดพ้นจากการครอบงำ�ของบาปหรือความมืดของชีวิต ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงจัดการ มนุษย์จะไม่สามารถทำ�ให้รอดพ้นได้ตามลำ�พัง เว้นแต่จะร่วมมือร่วมใจให้พระองค์เข้ามาในชีวิต ความคล้ายกันของแซมสันและยอห์นบัปติสต์ ซึง่ เป็นผูน้ �ำ หน้าพระผูไ้ ถ่ นัน่ เป็นเหตุการณ์แผนการแห่งความ รอดพ้น ทีอ่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงจัดตรียมให้ มนุษย์ได้รบั เชิญให้เข้าร่วมแผนการ ขอให้ผนู้ นั้ ตอบรับและถือซือ่ สัตย์ ตลอดชีวิต
บทอ่านที่ 1 อสย 7:10-14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าพระเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครือ่ งหมายจากทีล่ กึ ของ แดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด” แต่กษัตริยอ์ าคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทลู ขอ เราจะไม่ทดลององค์พระผูเ้ ป็นเจ้า” ประกาศกอิสยาห์จงึ ทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริยด์ าวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำ�ให้มนุษย์ เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำ�ไมท่านจึงทำ�ให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้ หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา”
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 24:1-3,4-6 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
พระวรสาร ลก 1:26-38 เมือ่ นางเอลีซาเบธตัง้ ครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึง่ ในแคว้น กาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้า โปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำ�นี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำ�ทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัว เลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตัง้ ครรภ์และให้กำ�เนิดบุตรชายคนหนึง่ ท่านจะตัง้ ชือ่ เขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยงิ่ ใหญ่และพระเจ้า ผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุด เลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็น พรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่ เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำ�ไม่ได้” พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป
การไถ่กคู้ บื คลานใกล้เข้าสูส่ งั คมมนุษยชาติทกุ ขณะ เมือ่ คำ�ทำ�นายของประกาศกอิสยาห์ยาํ้ ว่า องค์ พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานเครื่องหมายให้ทั้งกษัตริย์และประชาชนอิสราเอลรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรัก พวกเขา แม้จะประพฤติตนไม่น่ารัก พระแม่มารียไ์ ด้รบั เชิญให้รว่ มมือในการไถ่กู้ แม้ทรงตัง้ พระทัยจะเป็นพรหมจารี แต่เมือ่ ทูตสวรรค์คาเบรียล ทรงแจ้งว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผูส้ งู สุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน...” พระ จิตเจ้าจะทรงงานเมื่อผู้ที่ทรงเลือกให้ความร่วมมือ งานนั้นๆ จะสำ�เร็จอย่างแน่นอน!!
น.เปโตร คานีซีอัส พระสงฆ์ และนักปราชญ์ แห่งพระศาสนจักร สดด 33:2-3,11-12, 20-22 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
บทอ่านที่ 1 พซม 2:8-14 ฟังซิ เสียงที่รักของดิฉัน เขากำ�ลังมา กำ�ลังกระโดดอยู่บนภูเขา กำ�ลังกระโดด ข้ามเนินเขา ที่รักของดิฉันเป็นเหมือนละมั่งหรือเหมือนลูกกวาง ดูซิ เขากำ�ลังยืนอยู่ หลังกำ�แพงของเรา มองเข้ามาทางหน้าต่าง ลอบมองผ่านลูกกรงเข้ามา ที่รักของดิฉัน เริ่มพูดกับดิฉันว่า “ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถอะ คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด ดูซิ ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว ฝนก็วายและจบสิ้นไปแล้ว ดอกไม้ต่างๆ ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดิน เวลาสำ�หรับร้องเพลงมาถึงแล้ว เสียงคู ของนกเขาก็ได้ยินในแผ่นดินของเรา ต้นมะเดื่อเทศกำ�ลังผลิผล เถาองุ่นผลิดอกบาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ที่รักของฉันเอ๋ย จงลุกขึ้นเถิด คนสวยของฉันเอ๋ย จงมาเถิด นกพิราบ ของฉันเอ๋ย เธอซ่อนตัวอยู่ในซอกผา ในซอกลึกของหน้าผา ขอให้ฉันได้ยินเสียงของ เธอสักหน่อยเถิด เพราะเสียงของเธอนั้นไพเราะ และใบหน้าของเธอก็งดงาม” พระวรสาร ลก 1:39-45 หลังจากนัน้ ไม่นาน พระนางมารียท์ รงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึง่ ในแถบภูเขา แคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมือ่ นางเอลีซาเบธได้ยนิ คำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์กด็ นิ้ นางเอลีซาเบธ ได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูก ของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยม ข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอ เป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” เพลงซาโลมอนบรรยายความเป็นมนุษย์ทอี่ งค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเอาพระทัย ใส่ และทรงคุม้ ครองสิง่ ดีงามทีท่ รงสร้างมาให้มนุษย์ได้ใช้เพือ่ สรรเสริญพระองค์ตลอดเวลา พระแม่มารีย์ทรงรับพระประสงค์การเป็นมารดาของพระผู้ไถ่แล้ว พระแม่เจ้าได้ทำ� หน้าทีร่ ว่ มการไถ่ทนั ที ด้วยการเสด็จเยีย่ มนางเอเลีซาเบธ และอยูช่ ว่ ยญาติสงู วัยจนถึงวัน ทีน่ างเอลีซาเบธให้ก�ำ เนิดยอห์นบัปติสต์ดว้ ยเต็มพระทัย นีเ่ ป็นการแสดงว่า องค์พระผูเ้ ป็น เจ้าทรงทำ�งานในบุคคลที่ร่วมงาน และมอบพรให้ผู้คนรอบข้างตนด้วย
บทอ่านที่ 1 1 ซมอ 1:24-28 ในครั้งนั้น เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ เมืองชิโลห์ นำ�โคหนุม่ อายุสามปีตวั หนึง่ แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุน่ หนึง่ ถุงหนัง ไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นาง ฮันนาห์กล่าวแก่เอลีว่า “นายเจ้าขา จำ�ดิฉันได้ไหม ดิฉันเป็นหญิงที่เคยยืนอธิษฐานทูล องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทีน่ ตี่ อ่ หน้าท่าน ดิฉนั ทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ประทาน ให้ดิฉันตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์ พระผู้เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต” แล้วบิดามารดาก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น พระวรสาร ลก 1:46-56 เวลานั้น พระนางมารีย์ตรัสว่า “วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจของข้าพเจ้า ชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้ทรงกอบกู้ข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ ตํ่าต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข พระผู้ทรง สรรพานุภาพทรงกระทำ�กิจการยิง่ ใหญ่สำ�หรับข้าพเจ้า พระนามพระองค์ศกั ดิส์ ทิ ธิ์ พระ กรุณาต่อผู้ยำ�เกรงพระองค์แผ่ไปตลอดทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงยกพระกรแสดง พระอานุภาพ ทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป ทรงควํ่าผู้ทรงอำ�นาจ จากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ตํ่าต้อยให้สูงขึ้น พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้ อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยเหลืออิสราเอลผู้รับใช้ พระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเรา แก่ อับราฮัมและบุตรหลานตลอดไป พระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงเสด็จกลับ ซามูเอลเป็นอีกท่านหนึ่งในพันธสัญญาเดิมเช่นเดียวกับแซมสัน องค์พระผู้ เป็นเจ้าทรงเป็นเจ้าชีวิต แต่วิถีชีวิตเมื่อเติบโตอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงมอบอิสรภาพ และอำ�เภอใจให้อย่างเต็มเปี่ยม ภาวนาให้คุณพ่อคุณแม่ของทุก ครอบครัวได้อบรมชีวิตของบุตรธิดาให้อยู่ในแนวตรง เช่น นางฮันนาห์... “ดิฉันขอถวาย เขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า” เชิญชวนบรรดาผู้ปกครองมอบคืนบุตรธิดาให้องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อสัมผัสกระแส เรียกการเป็นนักบวชชายหญิง และพระสงฆ์ ตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า 1 ซมอ 2:1,4-5, 6-7,8 กขค ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 3
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ มคา 5:1-4ก องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย เจ้าเป็นเมือง เล็กๆ ในบรรดาหัวเมืองของยูดาห์ จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้าสำ�หรับเรา เป็นผู้ที่จะ ปกครองอิสราเอล ต้นกำ�เนิดของเขามาจากอดีต จากสมัยโบราณ ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงละทิ้งเขาทั้งหลายไว้จนถึงเวลาที่หญิงผู้เจ็บครรภ์ จะคลอดบุตร แล้วบรรดาพี่น้องที่เหลืออยู่จะกลับมารวมกับชาวอิสราเอล ผู้นั้นจะยืน ขึ้น และจะเลี้ยงดูฝูงแกะด้วยพละกำ�ลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยราศีแห่งพระนาม องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเขา เขาทั้งหลายจะอาศัยอยู่อย่างสงบสุข เพราะบัดนี้ ผู้ นั้นจะเป็นใหญ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน เขาผู้น้ีจะเป็นสันติสุข ถ้าอัสซีเรียจะเข้ามาใน แผ่นดินของพวกเราและเหยียบยํ่าพื้นดินของเรา” เพลงสดุดี สดด 80:1-2,14-15,17-18 ก) ข้าแต่ผู้เลี้ยงแห่งอิสราเอล โปรดทรงฟังเถิด พระองค์ทรงน�ำโยเซฟไปประดุจฝูงแกะ พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์เหนือเหล่าเครูบ โปรดทรงทอรัศมี ลงมาเหนือเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์ โปรดทรงปลุกพระอานุภาพ เสด็จมาช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น ข) ข้าแต่พระเจ้าจอมจักรวาล โปรดเสด็จกลับมา โปรดทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์และทรงพิจารณาเถิด โปรดเสด็จมาเยี่ยมองุ่นเถานี้ โปรดทรงคุ้มครองเถาองุ่นที่พระหัตถ์ขวาปลูกไว้ โปรดทรงพิทักษ์บุตรที่ทรงท�ำนุบ�ำรุงให้เข้มแข็งส�ำหรับพระองค์ ค) ขอพระหัตถ์ปกป้องบุรุษซึ่งอยู่เบื้องขวาของพระองค์ โปรดทรงพิทักษ์บุตรแห่งมนุษย์ที่ทรงท�ำนุบ�ำรุงให้เข้มแข็งส�ำหรับพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันละทิ้งพระองค์อีก โปรดประทานชีวิตแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย และข้าพเจ้าทั้งหลายจะเรียกขานพระนามพระองค์ บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 10:5-10 พี่น้อง เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จมาในโลก จึงตรัสว่า “พระองค์ไม่มีพระประสงค์ เครือ่ งบูชาและของถวายอืน่ ใด พระองค์จงึ ทรงเตรียมร่างกายไว้ให้ขา้ พเจ้า พระองค์ไม่ พอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ในม้วนหนังสือมีข้อความเขียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าไว้ว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อ
ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์” พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่าพระเจ้าไม่มีพระ ประสงค์และไม่พอพระทัยในเครื่องบูชา ของถวาย เครื่อง เผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป ทั้งๆ ที่มีกำ�หนดไว้ใน ธรรมบัญญัติ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามา เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ พระคริสตเจ้าจึง ทรงยกเลิกการถวายบูชาแบบเดิมและทรงตั้งการถวายบูชา แบบใหม่ขึ้นแทน โดยพระประสงค์นี้เองเราทั้งหลายได้รับ ความศักดิ์สิทธิ์ เดชะการถวายพระวรกายของพระองค์ เป็นการบูชาทีพ่ ระเยซูคริสตเจ้าทรงกระทำ�แต่เพียงครัง้ เดียว โดยมีผลตลอดไป
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 1:39-45 หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนาง เสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำ�ทักทายของ พระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพร ยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำ�ไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยม ข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำ�ทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระ วาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” สังคมไทย-จีนหรือวัฒนธรรมดีงาม เมื่อจะเดินทางไปเยี่ยมใคร บุคคลที่ไปเยี่ยมจะมีสิ่งของทั้งกิน ได้หรือของที่ระลึกถือติดไม้ติดมือไปด้วย ซึ่งจะนำ�ความสุขความยินดีให้ผู้รับการเยี่ยม พระแม่มารีย์ทรงนำ�ความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์พระผู้ไถ่ในพระครรภ์ไปมอบให้นางเอลีซาเบธ ซึ่ง กล่าวว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอจะรับด้วย” หมู่บัณฑิตซึ่งเดินทางมาถวายของมีคุณค่า “ทองคำ� กำ�ยาน และมดยอบ” ทำ�ให้เห็นภาพจิตใจงามของ พวกท่าน เราแต่ละคนจะมอบอะไรเมื่อมาเยี่ยมพระองค์ในวัด?
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาล เตรียมรับเสด็จ พระคริสตเจ้า สดด 89:1-2,3-4, 26,28 ทำ�วัตรสัปดาห์ที่ 4
บทอ่านที่ 1 2 ซมอ 7:1-5,8-12,14ก,16 เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงเข้าไปประทับในพระราชวังและองค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน ความสงบจากศัตรูโดยรอบ กษัตริย์ตรัสกับประกาศกนาธันว่า “ดูซิ เราอยู่ในวังสร้าง ด้วยไม้สนสีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” นาธันทูลตอบว่า “พระองค์ ทรงคิดจะทำ�อะไร ก็โปรดทำ�เถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพระองค์” แต่ในคืนนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่นาธันว่า “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเรา ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ท่านจะไม่เป็นผู้สร้างวิหารให้เราอยู่... เราให้ท่านเลิก เลี้ยงแกะในทุ่งหญ้ามาเป็นผู้นำ�อิสราเอลประชากรของเรา เราอยู่กับท่านไม่ว่าท่านไป ทีใ่ ด... เราจะตัง้ เชือ้ สายคนหนึง่ ของท่าน ซึง่ เป็นบุตรของท่านให้เป็นกษัตริยต์ อ่ จากท่าน เราจะพิทกั ษ์รกั ษาอาณาจักรของเขาให้มนั่ คง เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตร ของเรา ราชวงศ์และอาณาจักรของท่านจะมัน่ คงอยูต่ อ่ หน้าเราตลอดไป อำ�นาจปกครอง ของท่านจะตั้งมั่นอยู่ตลอดไป’”
พระวรสาร ลก 1:67-79 เวลานั้น เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงกล่าวพยากรณ์ดังนี้ ขอถวายพระพรแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล เพราะพระองค์เสด็จ เยี่ยมและทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงบันดาลให้พระผู้ทรงอำ�นาจ เกิดจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดผู้รับใช้พระองค์ ตามที่ทรงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดา ประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาลว่า จะให้เรารอดพ้นจากศัตรู จาก เงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของ เรา ทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และคำ�ปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่ อับราฮัมบรรพบุรุษของเราว่า จะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้ พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมเฉพาะ พระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิตของเรา ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศก ของพระผูส้ งู สุด เจ้าจะนำ�หน้าองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า เพือ่ เตรียมทางสำ�หรับพระองค์ เพือ่ ให้ประชากรของพระองค์ รู้ว่า เขาจะรอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัย เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะ เสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน ดังแสงอรุโณทัย ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความ ตาย เพื่อจะนำ�เท้าของเราให้ดำ�เนินไปตามทางแห่งสันติสุข เศคาริยาห์ยอมรับแล้วว่า ความเชือ่ และความวางใจของท่านเป็นการพิสจู น์วา่ น้อยไป แต่เมือ่ องค์ พระผูเ้ ป็นเจ้าโปรดให้ทา่ นเป็นใบ้ระยะเวลาหนึง่ บัดนีท้ า่ นประกาศแล้วว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเป็นดังแสงอรุโณทัย ส่องสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและเงาแห่งความตาย ท่านเองได้สัมผัสแสงนี้แล้ว และปรารถนาจะเดินทาง สันติสุขของพระองค์ คริสตสมภพได้ส่องสว่างชีวิตของเราแค่ไหน เราเดินทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการเตรียมแก้บาป รับศีลอย่างดี เพื่อเดินทางกับพระองค์ตลอดไปเช่นพระแม่มารีย์และท่านนักบุญโยเซฟหรือยัง?
บทอ่านที่ 1 อสย 52:7-10 เท้าของผูน้ ำ�ข่าวดีมาประกาศบนภูเขาช่างงามยิง่ นัก เขาประกาศสันติภาพ นำ�ข่าวดี ประกาศความรอดพ้น กล่าวแก่ศิโยนว่า “พระเจ้าของท่านทรงเป็นกษัตริย์ปกครอง” บรรดาทหารยามของท่านร้องเสียงดัง ร้องตะโกนพร้อมกันด้วยความยินดี เพราะเขา ได้เห็นกับตาว่า องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเสด็จกลับสูศ่ โิ ยน ซากปรักหักพังแห่งกรุงเยรูซาเล็ม เอ๋ย จงร้องเพลงยินดีพร้อมกันเถิด... พระเจ้าของเราประทานความรอดพ้นให้แก่เรา
สมโภช พระคริสตสมภพ
บทอ่านที่ 2 ฮบ 1:1-6 สดด 89:1,2-3กข, ในอดีต พระเจ้าตรัสกับบรรพบุรษุ ของเราโดยทางประกาศกหลายวาระและหลาย 3ค-4,5-6 วิธี ครั้นสมัยนี้เป็นวาระสุดท้าย พระองค์ตรัสกับเราโดยทางพระบุตร พระเจ้าทรง สถาปนาพระบุตรให้เป็นทายาทครอบครองทุกสิ่ง พระองค์ทรงสร้างจักรวาลเดชะพระ บุตรนี้ พระบุตรทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์ บัดนี้ พระบุตรทรงลบล้างมลทินแห่งบาปเสร็จสิ้นแล้ว จึงเสด็จสู่สวรรค์ ประทับ ณ เบื้องขวาแห่งพระมหิทธานุภาพ ดังนั้น พระบุตรทรงอยู่เหนือบรรดาทูตสวรรค์ เช่นเดียวกับพระนามที่ทรงได้รับนั้นประเสริฐกว่านามของบรรดาทูตสวรรค์ พระเจ้าเคยตรัสแก่ทูตสวรรค์องค์ใดบ้างว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา เราให้กำ�เนิดท่านในวันนี้” หรือว่า “เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา”... พระวรสาร ยน 1:1-5,9-14 เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์ เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าแล้วตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิง่ อาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มี สักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำ�หรับ มนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้ แสงสว่างแท้จริงซึ่งส่องสว่างแก่มนุษย์ทุกคน กำ�ลังจะมาสู่โลก พระวจนาตถ์ประทับอยู่ในโลก และ โลกถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รจู้ กั พระองค์ พระองค์เสด็จมาสูบ่ า้ นเมืองของพระองค์ แต่ประชากร ของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทาน อำ�นาจให้ผนู้ นั้ กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เขามิได้เกิดจากสายเลือด มิได้เกิดจากความปรารถนาตามธรรมชาติ มิได้เกิดจากความต้องการของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมา ประทับอยูใ่ นหมูเ่ รา เราได้เห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ทที่ รงรับจากพระบิดา ในฐานะ พระบุตรเพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง การฉลองวันเกิดเป็นการฉลองชีวิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชีวิต พระองค์ทรงเป็นแสงสว่าง แท้จริงตามทีพ่ ระวรสารวันนีแ้ จ้งไว้ เมือ่ องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งชีวติ ทรงสรรพานุภาพ จึงทรงประทาน สิ่งที่มีคุณค่าเกินกว่าที่มนุษย์จะนึกได้ นั่นคือ ทรงประทานพระเอกบุตรแต่พระองค์เดียวให้มนุษยชาติ ทรงอยู่ ท่ามกลางเรา พระองค์ทรงขจัดความมืดทำ�ให้การเดินทางชีวติ อยูใ่ นความคุม้ ครองด้วยพระหรรษทาน ผ่านทาง พระบุตรซึ่งไถ่กู้เราให้มีชีวิตนิรันดรและเจริญชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ผ่านพระวจนาตถ์ผู้ทรงสร้าง สรรพสิ่งนั่นเอง
ฉลอง น.สเทเฟน ปฐมมรณสักขี สดด 31:2,5 และ 7ก, 15ข-16
บทอ่านที่ 1 กจ 6:8-10; 7:54-60 ในสมัยนัน้ สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระหรรษทานและพระอานุภาพ ทำ�ปาฏิหาริยแ์ ละ เครื่องหมายอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชน บางคนจากศาลาธรรมที่เรียกกันว่าศาลา ธรรมของเสรีชนที่เคยเป็นทาส คือชาวยิวจากเมืองไซรีน เมืองอเล็กซานเดรีย แคว้น ซีลีเซียและอาเซีย เริ่มโต้เถียงกับสเทเฟน แต่เขาเหล่านั้นเอาชนะสเทเฟนไม่ได้ เพราะสเทเฟนพูดด้วยปรีชาญาณซึ่งมาจากพระจิตเจ้า เมื่อได้ฟังดังนั้น ทุกคนรู้สึกขุ่นเคืองเจ็บใจ ขบฟันคำ�รามเข้าใส่สเทเฟน สเทเฟนเปีย่ มด้วยพระจิตเจ้า เพ่งมองท้องฟ้า มองเห็นพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระเจ้า และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยูเ่ บือ้ งขวาของพระเจ้า จึงพูดว่า “ดูซิ ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้า เปิดออก และเห็นบุตรแห่งมนุษย์ทรงยืนอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า” ทุกคนจึงร้องเสียง ดัง เอามืออุดหู วิ่งกรูกันเข้าใส่สเทเฟน ฉุดลากเขาออกไปนอกเมืองแล้วเริ่มเอาหิน ขว้างเขา บรรดาพยานนำ�เสื้อคลุมของตนมาวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “เซาโล” ขณะที่คนทั้งหลายกำ�ลังเอาหินขว้างสเทเฟน สเทเฟนอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดรับวิญญาณของข้าพเจ้าด้วย” เขาคุกเข่าลงและ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า โปรดอย่าทรงลงโทษพวกเขาเพราะบาปนีเ้ ลย” เมื่อกล่าวดังนี้แล้ว เขาก็สิ้นใจ พระวรสาร มธ 10:17-22 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรม ของเขา ท่านจะถูกนำ�ตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเรา เป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะ มอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะ ได้รบั การดลใจในเวลานัน้ เอง เพราะท่านจะมิได้พดู ด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดา ของท่านจะตรัสในท่าน” “พีจ่ ะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพีใ่ ห้ตอ้ งโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึน้ กล่าว โทษพ่อแม่ให้ถึงตาย” “คนทัง้ ปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผทู้ ยี่ นื หยัดจนถึงวาระสุดท้าย ก็จะรอดพ้น
การเจริญชีวิตตามทำ�นองคลองธรรม หลายย่างก้าวต้องถูกทดสอบว่า เราเชื่อมั่นแค่ไหน นักบุญ สเทเฟนซึง่ ในภาษากรีกหมายถึง “มงกุฎชัยชนะ” เป็นมรณสักขีสงั ฆานุกรองค์แรกทีพ่ สิ จู น์ความเชือ่ อย่างมัน่ คง และแน่วแน่ว่าชีวิตที่หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับพระธรรมนั้น จะส่งผลให้ชีวิตแท้จริงเป็นเครื่องหมายที่สัมผัสได้ สอดคล้องกับพระวาจาที่ทรงสัญญา... “อย่าวิตกกังวลเมื่อถูกเบียดเบียนว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร พระจิต เจ้าจะตรัสในท่าน” ขอให้ชีวิตของเราพิสูจน์ความเชื่อเช่นนักบุญสเทเฟนด้วย
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:1-4 พี่น้องที่รักยิ่ง เราประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระวจนาตถ์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา เราได้เฝ้ามอง และเราได้สัมผัสด้วย มือของเรา ชีวิตนั้นได้ปรากฏ เราได้เห็นและได้เป็นพยาน เราประกาศให้ท่านทั้งหลาย รู้ถึงชีวิตนิรันดร ซึ่งอยู่กับพระบิดา และปรากฏให้เราเห็น สิ่งที่เราได้เห็นและได้ฟังนี้ เราประกาศให้ทา่ นทัง้ หลายรูด้ ว้ ย เพือ่ ท่านจะได้สนิทสัมพันธ์กบั เรา ความสนิทสัมพันธ์ นีค้ อื ความสนิทสัมพันธ์กบั พระบิดาและกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสตเจ้า เราเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อความปีติยินดีของเราจะได้สมบูรณ์ พระวรสาร ยน 20:1ก,2-8 เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลาวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่ พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำ�องค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ ว่าเขานำ�พระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนัน้ จึงออกไป มุง่ ไปยังพระคูหา ทัง้ สองคนวิง่ ไปด้วยกัน แต่ศษิ ย์ คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและ เห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พบั แยกวางไว้อกี ทีห่ นึง่ ศิษย์คนทีม่ าถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและ มีความเชื่อ ท่านนักบุญยอห์นเป็นผู้นิพนธ์พระวรสารเล่มสุดท้าย ซึ่งท่านยํ้าในบท สุดท้ายของพระวรสารว่า... “หากจะเขียนเรือ่ งราวของพระเยซูเจ้า โลกทัง้ โลกก็ไม่สามารถ บรรจุได้หมด” ผู้ที่มีความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติตามพระวาจา จะมีชีวิตชีวา ตลอด เพราะเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่ชีวิตผู้ใดแล้วจะทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้นั้น และความปีตยิ นิ ดีของเราจะเกิดความสมบูรณ์ (จากจดหมายของนักบุญยอห์นในบทอ่าน ประจำ�วันนี้) การแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว ย่อม เชิญชวนให้ทุกคนที่เชื่อ หมั่นทำ�หน้าที่ผู้ประกาศข่าวดีตามฐานะหญิงชาย พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ให้แต่ละครอบครัวจนถึงฐานานุกรมของพระศาสนจักร
ฉลอง น.ยอห์น อัครสาวกและ ผู้นิพนธ์พระวรสาร สดด 97:1-2,5-6, 11-12
ฉลองนักบุญ ทารกผู้วิมล สดด 124:2-5,7ข-8
บทอ่านที่ 1 1 ยน 1:5-2:2 พี่น้องที่รักยิ่ง นี่คือข่าวที่เราได้ฟังจากพระองค์ และเรากำ�ลังประกาศให้ท่าน ทั้งหลายรู้ คือ พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และไม่มีความมืดใดๆ อยู่ในพระองค์เลย ถ้าเราพูดว่า เราสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ แต่ยังดำ�เนินชีวิตอยู่ในความมืด เราก็กำ�ลัง พูดเท็จ เพราะเราไม่ดำ�เนินชีวิตอยู่ในความจริง แต่ถ้าเราดำ�เนินชีวิตในความสว่าง ดัง ที่พระองค์ทรงดำ�รงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วย และพระ โลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ก็ชำ�ระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่มีบาป” เรากำ�ลังหลอกตนเอง และ “ความจริง” ไม่อยู่ในเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาป ของเรา และจะทรงชำ�ระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง ถ้าเราพูดว่า “เราไม่เคย ทำ�บาป” เราก็ทำ�ให้พระองค์ตรัสคำ�เท็จ และพระวาจาของพระองค์ไม่อยู่ในเรา ลูกที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่าน เพื่อท่านจะได้ไม่ทำ�บาป แต่ถ้าใคร ทำ�บาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า ผูท้ รงเทีย่ งธรรม พระองค์ทรงเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปของเรา และไม่เพียงแต่ชดเชย เฉพาะบาปของเราเท่านั้น แต่ชดเชยบาปของมนุษย์ทั้งโลกด้วย
พระวรสาร มธ 2:13-18 เมือ่ บรรดาโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตสวรรค์ขององค์พระผูเ้ ป็นเจ้ามาเข้าฝันโยเซฟ กล่าวว่า “จงลุกขึน้ พาพระกุมารและพระมารดาหนีไปอียิปต์ และจงอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกท่าน เพราะกษัตริย์เฮโรดกำ�ลัง สืบหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิต” โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ใน คืนนั้น และอยู่ที่นั่น จนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทั้งนี้เพื่อให้พระดำ�รัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัส ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราเรียกบุตรของเรามาจากอียิปต์ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงเห็นว่าพระองค์ถูกบรรดาโหราจารย์หลอกลวง ก็กริ้วยิ่งนัก จึงทรงสั่งให้ประหาร ชีวิตเด็กชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมาในเมืองเบธเลเฮมและบริเวณใกล้เคียงตามเวลาที่ทรงทราบ มาจากบรรดาโหราจารย์ ดังนี้ พระดำ�รัสที่ตรัสไว้โดยประกาศกเยเรมีย์ก็เป็นความจริงว่า มีผู้ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงร้องไห้และครํ่าครวญอย่างขมขื่น นางราเคลร้องไห้อาลัยถึง บรรดาบุตร นางไม่ยอมรับคำ�ปลอบโยนใดๆ เพราะบุตรเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว การประกาศข่าวดีมรี ปู แบบของคำ�พูด และการประพฤติปฏิบตั ใิ นชีวติ ของคริสตชน บรรดาทารก ผูว้ มิ ลยังพูดไม่ได้ แต่การกระทำ�ของผูเ้ บียดเบียนทำ�ให้เหตุการณ์ทบี่ นั ทึกไว้ในพระวรสารเป็นข่าวดีและเป็นส่วน หนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งความรอดของผู้เชื่อในพระเยซูเจ้า ที่ทรงประกาศว่า “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าท่านได้แต่ฝ่าย กาย แต่ไม่สามารถฆ่าวิญญาณได้” ขอบรรดานักบุญทารกผู้วิมลซึ่งเป็นมรณสักขีที่พระศาสนจักรภูมิใจที่มีดาว ประดับให้พระศาสนจักรสว่างสุกใส เป็นพลังใจที่จะทำ�ให้ทุกคนรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันทุกมุมโลก
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:3-11 ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เรามั่นใจว่าเรารู้จัก พระองค์ ผู้ที่พูดว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ เขาเป็นคนพูดคำ�เท็จ และ “ความจริง” ไม่อยู่ในตัวเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาของ พระองค์ ความรักของพระเจ้าในผูน้ นั้ ย่อมสมบูรณ์ โดยวิธนี เี้ ราจึงรูว้ า่ เราอยูใ่ นพระเจ้า ผู้ที่พูดว่าเขาอยู่ในพระองค์ ก็ต้องดำ�เนินชีวิตเหมือนกับที่พระองค์ทรงดำ�เนินชีวิต ท่านทีร่ กั ทัง้ หลาย สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าเขียนถึงท่าน มิใช่บทบัญญัตใิ หม่ แต่เป็นบทบัญญัติ เก่าที่ท่านมีอยู่ตั้งแต่แรกเริ่ม... ผู้ที่อ้างว่าตนอยู่ในความสว่าง แต่เกลียดชังพี่น้องของ ตน ผู้นั้นยังจมอยู่ในความมืด ส่วนผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำ�รงอยู่ในความสว่าง และ ไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำ�ให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำ�ลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืด ทำ�ให้ตาของเขาบอด
น.โทมัส เบ็กเก็ต พระสังฆราช และมรณสักขี สดด 96:1-3,4-6
พระวรสาร ลก 2:22-35 เมื่อครบกำ�หนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำ�พิธีชำ�ระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟ พร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีเขียนไว้ในธรรม บัญญัตขิ ององค์พระผูเ้ ป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผูเ้ ป็นเจ้า และถวายเครือ่ งบูชาคือ นกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวตามที่มีกำ�หนดไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า เวลานั้น ที่กรุง เยรูซาเล็ม ชายผูห้ นึง่ ชือ่ สิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำ�เกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารูว้ า่ เขาจะไม่ตายก่อนทีจ่ ะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผูเ้ ป็น เจ้า พระจิตเจ้าทรงนำ�สิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำ�พระกุมารเข้ามา ปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำ�หนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำ�รัสของ พระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำ�หรับ นานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำ�หรับอิสราเอล ประชากรของพระองค์ โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำ�ทีก่ ล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารียก์ ท็ รงรูส้ กึ เช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพร ท่านทัง้ สองคนและกล่าวแก่พระนางมารีย์ พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำ�หนดให้กมุ ารนีเ้ ป็นเหตุให้คนจำ�นวน มากในอิสราเอลต้องล้มลง หรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้าน เพื่อความในใจของคนจำ�นวน มากจะถูกเปิดเผย ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน” นักบุญยอห์นอัครสาวกยํ้าให้คริสตชนรู้ว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามพระวาจาอย่างซื่อสัตย์ ผู้นั้นจะเข้มแข็ง ในความรักของพระเจ้า และดำ�เนินชีวิตเหมือนพระองค์ พื้นฐานของความรักในองค์พระผู้เป็นเจ้าคือ ความรัก ที่แต่ละคนพึงประพฤติปฏิบัติตามบัญญัติอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าต้องพิสูจน์ด้วยการรักผู้ที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ก็กล้า พิสูจน์เช่นเดียวกับพระอาจารย์เจ้า และหลายครั้งต้องพิสูจน์ด้วยการรอคอยเป็นเวลานาน ดังเช่นผู้เฒ่าซีเมโอน และนางอันนาที่เมื่อการรอคอยสิ้นสุด ก็พร้อมจะบอกกับทุกคนว่า “คุ้มค่าชีวิตจริงๆ!!!”
บทอ่านจากหนังสือซามูเอลฉบับที่หนึ่ง 1 ซมอ 1:20-22,24-28 นางฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์และเมื่อถึงเวลากำ�หนดก็ให้กำ�เนิดบุตรชาย นางตั้งชื่อเขา ว่าซามูเอล “เพราะนางเคยทูลขอบุตรนีจ้ ากองค์พระผูเ้ ป็นเจ้า” เมือ่ เอลคานาห์สามีกบั ครอบครัวขึ้นไปถวายเครื่องบูชาประจำ�ปีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและแก้บน นางฮันนาห์ ไม่ได้ขึ้นไปด้วย นางบอกสามีว่า “พอเด็กหย่านมแล้ว ดิฉันจะพาเขาไปอยู่เฉพาะพระ พักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” ฉลอง เมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เมืองชิโลห์ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ของพระเยซูเจ้า นำ�โคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองถังและเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนังไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นางฮันนาห์ กล่าวแก่เอลีวา่ “นายเจ้าขา จำ�ดิฉนั ได้ไหม ดิฉนั เป็นหญิงทีเ่ คยยืนอธิษฐานทูลองค์พระ ผูเ้ ป็นเจ้าทีน่ ตี่ อ่ หน้าท่าน ดิฉนั ทูลขอเด็กคนนี้ และองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าก็ประทานให้ดฉิ นั ตามคำ�ทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะรับใช้องค์พระผู้ เป็นเจ้าตราบเท่าที่เขามีชีวิต” แล้วบิดามารดาก็นมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น เพลงสดุดี สดด 128:1-2,3,4-5 ก) ผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าย่อมเป็นสุข เขาเดินอยู่ในมรรคาของพระองค์ ท่านจะมีอาหารกินจากงานที่ท่านท�ำ ท่านจะเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ข) ภรรยาของท่านจะเป็นดั่งเถาองุ่นที่มีผลดกภายในบ้านของท่าน บุตรของท่านจะเป็นเหมือนหน่อต้นมะกอกเทศนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหาร ค) บุรุษผู้ย�ำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพระพรเช่นนี้ ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระพรแก่ท่านจากศิโยน ขอให้ท่านเห็นความรุ่งเรืองของกรุงเยรูซาเล็ม ทุกวันตลอดชีวิตของท่าน บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นฉบับที่หนึ่ง 1 ยน 3:1-2,21-24 จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำ�ให้เราได้ ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จัก พระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรใน อนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็น เหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเราไม่กล่าวโทษเรา เราย่อมมั่นใจได้เมื่ออยู่เฉพาะ
พระพักตร์พระเจ้า และถ้าเราวอนขอสิ่งใด เราย่อมจะได้รับ สิ่งนั้นจากพระองค์ เพราะเราปฏิบัติตามบทบัญญัติ และทำ� สิ่งที่พระองค์พอพระทัย นี่เป็นบทบัญญัติของพระองค์ คือ ให้เราเชือ่ ในพระนามพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ และให้เรารักกัน ดังที่พระองค์ทรงบัญญัติให้เรา ผู้ที่ปฏิบัติ ตามบทบัญญัติ ย่อมดำ�รงอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรง ดำ�รงอยู่ในผู้นั้น เรารู้ว่าพระองค์ทรงดำ�รงอยู่ในเราจากพระ จิตเจ้า ซึ่งพระองค์ประทานให้เรา
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 2:41-52 โยเซฟพร้อมกับพระมารดาของพระเยซูเจ้าเคยขึ้นไป ยังกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกาทุกปี เมื่อพระองค์มีพระ ชนมายุสบิ สองพรรษา โยเซฟพร้อมกับพระมารดาก็ขนึ้ ไปกรุงเยรูซาเล็มตามธรรมเนียมของเทศกาลนัน้ เมือ่ วันฉลองสิ้นสุดลง ทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มโดยที่บิดามารดาไม่รู้ เพราะคิดว่า พระองค์ทรงอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเดินทาง เมื่อเดินทางไปได้หนึ่งวันแล้ว โยเซฟพร้อมกับพระนางมา รีย์ตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและคนรู้จัก เมื่อไม่พบจึงกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหาพระองค์ที่นั่น ในวันทีส่ าม โยเซฟพร้อมกับพระนางมารียพ์ บพระองค์ในพระวิหารประทับนัง่ อยูใ่ นหมูอ่ าจารย์ ทรงฟัง และทรงไต่ถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในพระปรีชาที่ทรงแสดงในการตอบคำ�ถาม เมื่อโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์เห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงตรัสถามพระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำ�ไมจึงทำ�กับเราเช่นนี้ ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก” พระองค์ตรัสตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูก ทำ�ไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่ พระองค์ตรัส พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสองคน พระมารดาทรงเก็บ เรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย พระเยซูเจ้าทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ พระชนมายุ และพระ หรรษทานเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์ วันนีเ้ ป็นวันอาทิตย์สดุ ท้ายของปีปฏิทนิ สากล พระศาสนจักรกำ�หนดให้ทกุ คนร่วมส่วนในชีวติ ของ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลางโดยมีพระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟร่วมบทบาทให้แบบฉบับ แก่ครอบครัวต่างๆ องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องเป็นศูนย์กลางของชีวิตครอบครัว... จะทุกข์หรือสุข จะยากดีมีจน จะมีสุขภาพ แข็งแรงหรือยามเจ็บไข้ได้ป่วย ยามตกอับหรือรํ่ารวย... การมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลาง ย่อมบรรเทาใจ ตลอดเวลา... จะขอบคุณ จะขอโทษ จะขอพระพรให้สงิ่ ดีเกิดขึน้ หรือสิง่ เลวร้ายคลายหายไป ชีวติ ยังคงต้องผูกพัน กับพระเสมอ ขอทุกครอบครัวมีสันติสุขเสมอ
บทอ่านที่ 1 1 ยน 2:18-21 ลูกที่รักทั้งหลาย นี่เป็นวาระสุดท้าย ท่านได้ฟังแล้วว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า กำ�ลังมา และเวลานี้ ปฏิปักษ์จำ�นวนมากของพระคริสตเจ้าก็มาถึงแล้ว เพราะเหตุนี้เรา จึงรู้ว่า เป็นวาระสุดท้าย เขาทั้งหลายออกไปจากเรา แต่เขาไม่ได้เป็นพวกของเราอย่าง แท้จริง เพราะถ้าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเราจริง เขาคงจะอยูก่ บั เรา แต่ทเี่ ป็นดังนีก้ เ็ พือ่ น.ซิลเวสเตอร์ ที่ 1 แสดงว่า เขาเหล่านัน้ ทุกคนไม่เป็นพวกเดียวกับเรา ท่านทัง้ หลายได้รบั การเจิมจากพระ พระสันตะปาปา ผู้ศักดิ์สิทธิ์ และทุกคนต่างได้รับความรู้ การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายนั้น มิใช่ สดด 96:1-3,10-12ก, เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เขียนเพราะท่านรู้ดีอยู่แล้ว และเพราะไม่มีความเท็จใดมา 12ข-13 จากความจริงได้ วันสิ้นปี
พระวรสาร ยน 1:1-18 เมื่อแรกเริ่มนั้น พระวจนาตถ์ทรงดำ�รงอยู่แล้ว พระวจนาตถ์ประทับอยู่กับพระเจ้า และพระวจนาตถ์ เป็นพระเจ้า พระองค์ประทับอยูก่ บั พระเจ้าแล้วตัง้ แต่แรกเริม่ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิง่ อาศัยพระวจนาตถ์ ไม่มี สักสิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ทรงสร้าง โดยทางพระวจนาตถ์ ชีวิตอยู่ในพระองค์ และชีวิตเป็นแสงสว่างสำ�หรับ มนุษย์ แสงสว่างส่องในความมืด และความมืดชนะแสงสว่างนั้นไม่ได้ พระเจ้าทรงส่งชายผู้หนึ่งมา เขาชื่อยอห์น เขามาในฐานะพยาน เพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง ให้ทุกคน มีความเชื่ออาศัยเขา เขาไม่ใช่แสงสว่าง แต่เป็นพยานถึงแสงสว่าง แสงสว่างแท้จริงซึง่ ส่องสว่างแก่มนุษย์ทกุ คนกำ�ลังจะมาสูโ่ ลก พระวจนาตถ์ประทับอยูใ่ นโลก และโลก ถูกสร้างโดยอาศัยพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์ พระองค์เสด็จมาสู่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ประชากร ของพระองค์ไม่ยอมรับพระองค์ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์ คือผู้ที่เชื่อในพระนามพระองค์ พระองค์ประทาน อำ�นาจให้ผู้นั้นกลายเป็นบุตรของพระเจ้า... พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ใน หมู่เรา เราได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เป็นพระสิริรุ่งโรจน์ที่ทรงรับจากพระบิดา ในฐานะพระบุตร เพียงพระองค์เดียว เปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง ยอห์นเป็นพยานถึงพระองค์ และประกาศว่า “ผูท้ มี่ าภายหลังข้าพเจ้า ได้นำ�หน้าข้าพเจ้า เพราะพระองค์ ทรงดำ�รงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” จากความไพบูลย์ของพระองค์ เราทุกคนได้รับพระหรรษทานต่อเนื่องกัน เพราะ พระเจ้าได้ประทานธรรมบัญญัตผิ า่ นทางโมเสส แต่พระหรรษทานและความจริงมาทางพระเยซูคริสตเจ้า ไม่มี ใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียวผู้สถิตในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผย ให้เรารู้ วันสุดท้ายของปีปฏิทิน เชิญชวนให้ทุกคนตรวจสอบชีวิตด้วยมาตรฐานขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระพร พระหรรษทาน ที่พระโปรดประทานให้เหมือนแสงตะวันที่ทรงโปรดให้มนุษยชาติตามเจตนาของการ สร้างโลกในแต่ละวัน หนังสือปฐมกาลยาํ้ ว่า การสร้างแต่ละวันพระองค์จดั สิง่ ดีให้มนุษย์... เมือ่ มนุษย์คแู่ รกทำ�ลาย พระพร พระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะซ่อมแซมด้วยการจัดส่งพระบุตรเจ้า พระวจนาตถ์ทรงรับเอากายมาช่วย... เป็นโอกาสที่เราแต่ละคนจะทบทวนบทบาทหน้าที่ของเรา... อะไรที่ดีให้รู้จักขอบคุณ อะไรที่บกพร่องให้รู้จัก ขอโทษ และสัญญาจะร่วมมือกับพระองค์ทุกย่างก้าวของชีวิต เพื่อพระองค์จะรับเกียรติตลอดไป
ภาคพันธสัญญาเดิม
ภาคพันธสัญญาใหม่
1. ปฐมกาล............................ปฐก 26. เพลงซาโลมอน........พซม
1. มัทธิว.................................มธ
2. อพยพ.................................อพย. 27. ปรีชาญาณ.............ปชญ
2. มาระโก..............................มก
3. เลวีนิติ................................ลนต. 28. บุตรสิรา...................บสร
3. ลูกา.....................................ลก
4. กันดารวิถี..........................กดว. 29. อิสยาห์......................อสย
4. ยอห์น.................................ยน
5. เฉลยธรรมบัญญัติ.........ฉธบ. 30. เยเรมีย์......................ยรม
5. กิจการอัครสาวก...........กจ
6. โยชูวา..................................ยชว. 31. เพลงครํ่าครวญ.... พคค
6. โรม......................................รม
7. ผู้วินิจฉัย.............................วนฉ. 32. บารุค.........................บรค
7-8 โครินธ์.....................1-2 คร
8. นางรูธ.................................นรธ. 33. เอเสเคียล................อสค
9. กาลาเทีย..........................กท
9-10 ซามูเอล.................1-2 ..ซมอ 34. ดาเนียล....................ดนล
10. เอเฟซัส.............................อฟ
11-12 พงศ์กษัตริย์.......1-2 .พกษ 35. โฮเชยา......................ฮชย
11. ฟีลิปปี............................... ฟป
13-14 พงศาวดาร.........1-2 พ. ศด 36. โยเอล........................ยอล
12. โคโลสี................................คส
15. เอสรา..................................อสร 37. อาโมส.......................อมส
13-14 เธสะโลนิกา.....1-2 ธส
16. เนหะมีย์..............................นหม 38. โอบาดีย์....................อบด
15-16 ทิโมธี...................1-2 ทธ
17. โทบิต....................................ทบต 39. โยนาห์........................ยนา
17. ทิตัส....................................ทต
18. ยูดิธ......................................ยดธ 40. มีคาห์......................... มคา
18. ฟีเลโมน............................ ฟม
19. เอสเธอร์.............................อสธ 41. นาฮูม.........................นฮม
19. ฮีบรู....................................ฮบ
20-21 มัคคาบี................ 1-2 มคบ 42. ฮาบากุก...................ฮบก
20. ยากอบ..............................ยก
22. โยบ........................................โยบ 43. เศฟันยาห์.................ศฟย
21-22 เปโตร.................1-2 ปต
23. เพลงสดุดี.......................... สดด 44. ฮักกัย.........................ฮกก
23-25 ยอห์น.................1-2 ยน
24. สุภาษิต............................... สภษ 45. เศคาริยาห์...............ศคย
26. ยูดา....................................ยด
25. ปัญญาจารย์.....................ปญจ 46. มาลาคี........................มลค
27. วิวรณ์..................................วว
ที่ปรึกษา : พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ พระสังฆราช ลือชัย ธาตุวิสัย พระสังฆราช ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประธาน : เสถียร
เจนศักดิศ์ รีสกุล
รองประธาน : เพ็ญแข มาตระกูล เหรัญญิก : อนุรักษ์ ตั้งกุลเกียรติ เลขานุการ : วีรวรรณ บุญสู คณะกรรมการ : ปริญดา สุนีย์ รัชฎา นุชฎา วิยะนุช วีรวรรณ สมทรง จันทิมา ลูซี่ สนธิ บุญเลิศ วรรณี
อมรสิริสมบูรณ์ คีรีกาญจนะรงค์ เล้ากอบกุล ดาษดาโดม ดาษดาโดม ผาสุขกิจวัฒนา ธุระวณิชย์ เอี่ยมมโน คีรีกาญจนะรงค์ สารธรรม หลักคำ� หลักคำ�
บรรณาธิการ : ซิสเตอร์พรรณี ภู่เรือนหงษ์
ผู้เขียนข้อคิด : พระสังฆราช เทียนชัย สมานจิต พระสังฆราช ประธาน ศรีดารุณศีล พระสังฆราช วีระ อาภรณ์รัตน์ พระสังฆราช พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย พระสังฆราช บรรจง ไชยรา พระอัครสังฆราช จำ�เนียร สันติสุขนิรันดร์ พระสังฆราช ลือชัย ธาตุวิสัย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์ คุณพ่อนิเวศน์ อินธิเสน คุณพ่อชีวิน สุวดินทร์กูร คุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม คุณพ่อสมชัย พิทยาพงศ์พร คุณพ่อเอนก นามวงษ์ คุณพ่อบรรจง สันติสุขนิรันดร์ คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ คุณพ่อเทพรัตน์ ปิติสันต์ คุณพ่อไพรัช ศรีประเสริฐ คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร คุณพ่อสุเทพ พงษ์วิรัชไชย คุณพ่อวิรัช อมรพัฒนา คุณพ่อสุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล คุณพ่อวิชชุกรณ์ เกตุภาพ คุณพ่อวันรบ บุญทอด
ติดต่อสอบถามได้ที่ : ซิสเตอร์พรรณี ภู่เรือนหงษ์ หรือ คุณวีรวรรณ บุญสู สำ�นักงานไบเบิล ไดอารี่ (อารามพระหฤทัยฯ) 94 ถนนสุนทรโกษา คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร. 02-6711853, 094-3693698