มาเฉลิมฉลอง วันคริสต์มาสกัน
2
วันคริสต์มาส ในช่วงแรกเริ่มของพระศาสนจักรนัน้ ไม่มใี ครทราบได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าพระเยซูเจ้าทรงประสูตเิ มื่อใด ดังนัน้ คริสตชนที่โรมจึงได้เลือก เฉลิมฉลองการบังเกิดของพระองค์ในวันที่ 25 ธันวาคม เพราะคนต่าง ศาสนาเขาก็ได้เลือกวันนัน้ ให้เป็นวันฉลองการบังเกิดของดวงอาทิตย์ ด้วย วิธีนี้เอง บรรดาคริสตชนจึงหวังลึกๆ ที่จะท�ำให้คนต่างศาสนาได้เข้ามา เป็นคาทอลิกด้วย ส�ำหรับเราหลายๆ คน วันคริสต์มาสคงจะเป็นวันที่มีความสุขที่สุด ในรอบปีเลยทีเดียว เป็นวันที่วิเศษสุดเมื่อเราเฉลิมฉลองการบังเกิดของ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเรา หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันฉลอง เราจะ ประดับประดาต้นคริสต์มาส เตรียมขนมทีเ่ อร็ดอร่อย เตรียมรายการของ ขวัญต่างๆ ทีเ่ ราปรารถนาจะได้ และเตรียมของขวัญส�ำหรับพ่อ แม่ และพี่ น้องทุกคน จากนัน้ เราก็เริม่ ต้นวันฉลองคริสต์มาสด้วยการไปร่วมพิธบี ชู า ขอบพระคุณ เมื่อจบพิธี เราก็กลับบ้านไปเปิดของขวัญคริสต์มาส และรับ ประทานเลี้ยงในโอกาสนี้กัน ส�ำหรับหลายๆ คนแล้ว วันฉลองคริสต์มาสเป็นวันที่ระลึกถึงความ รักอันยิง่ ใหญ่ของพระเจ้าต่อเรา เราขอบคุณพระเจ้าส�ำหรับความรักของ พระองค์รว่ มกับคนมากมายทัว่ โลกเลยทีเดียว เราขอบพระคุณพระองค์ที่ ได้ทรงส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาเกิดเป็นทารกน้อยทีเ่ บธเลเฮม แต่... ท�ำไมเราจึงท�ำบางสิ่งบางอย่างส�ำหรับฉลองวันคริสต์มาสกันล่ะ... ท�ำไมเราต้องตกแต่งต้นคริสต์มาสและส่งบัตรอวยพรกันด้วยนะ... แล้ว ถ�้ำกับรางหญ้าล่ะ เราเตรียมไว้เพื่ออะไร... ซานตาคลอสเป็นใครกันนะ... ท่านเข้ามาเกี่ยวข้องกับฉลองคริสต์มาสของเราได้ยังไงกันเอ่ย...
3
ต้นคริสต์มาส ประเพณีคริสต์มาสอย่างหนึง่ ทีค่ ริสตชนน�ำมาจากคนต่างศาสนาคือ ต้นคริสต์มาสนั่นเอง ประเพณีนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศเยอรมันตั้งแต่ ศตวรรษที่ 8 หลังการบังเกิดของพระคริสตเจ้า นักบุญโบนีฟาส พระสงฆ์จากประเทศอังกฤษ ได้เดินทางไปที่ ประเทศเยอรมันและได้แพร่ธรรมท�ำให้คนต่างศาสนาที่นั่นกลับใจ ท่าน ประสบความส�ำเร็จอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคหลายอย่าง เพราะ ชาวเยอรมันยังคงต้องการจะยึดถือพระดัง้ เดิมของพวกเขาอยู่ นักบุญโบนีฟาสคิดหาวิธีว่า ท่านจะท�ำอย่างไรเพื่อให้ชาวเยอรมัน ยอมรับว่าต้นโอ๊กที่พวกเขานมัสการอยู่นั้นไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้ ในที่สุด ท่านก็ได้ตัดสินใจเข้าไปในป่าเพื่อโค่นต้นโอ๊กศักดิ์สิทธิ์นั้นลงเสีย บรรดาคนต่างศาสนาต่างก็โกรธเป็นอย่างมากเมื่อได้ทราบถึงสิ่งที่ ท่านนักบุญได้ท�ำลงไป นักบุญโบนีฟาสกังวลว่าจะท�ำอย่างไรดีเพื่อท�ำให้ พวกเขาสงบลงได้ ในทีส่ ดุ ท่านได้ตดั สินใจจะให้ตน้ ไม้ทมี่ ใี บเขียวสดตลอดปีแก่พวกเขา เป็นเครือ่ งหมายถึงสิง่ ทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงประทานให้แก่พวกเขา ต่างกับต้น โอ๊กที่สลัดใบของมันทุกปี ต้นไม้สเี ขียวนีจ้ ะไม่ผลัดใบของมันเลย นี่ควรจะ เป็นเครื่องหมายแห่งชีวิตที่พระเยซูเจ้าทรงประทานให้ เป็นชีวิตที่ไม่มีวัน สิ้นสุดเลย ส�ำหรับชาวเยอรมันและส�ำหรับเราทุกคน ต้นคริสต์มาสนี้เป็น เครื่องเตือนใจที่ส�ำคัญถึงของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานแก่เราผ่านทาง พระบุตรของพระองค์ ซึ่งก็คือ ชีวิตนิรันดร
4
5
6
ต้นไม้คริสต์มาส ยังมีต้นไม้อื่นๆ อีกบางชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับฉลองคริสต์มาส ด้วย ในจ�ำนวนนัน้ มี 3 ชนิดที่มาจากประเทศอังกฤษ คือ ต้น Holly เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วที่เขาใช้ต้นไม้ชนิดนี้ท�ำ พวงหรีด เพื่อใช้ส�ำหรับแขวนที่ประตูของบ้านหรือของวัด มีบางชนชาติ เชื่อว่าต้น Holly นี้มพี ลังแห่งมนตราอยู่ กล่าวกันว่ามันสามารถขับไล่พวก แม่มดได้ แต่มีความจริงที่ส�ำคัญกว่านัน้ แฝงอยู่คอื เป็นเครื่องหมายเตือน ให้ระลึกถึงมงกุฎหนามที่พระเยซูเจ้าทรงสวมเมื่อทรงถูกตรึงกางเขน ยัง มีความเชื่อกันอีกว่าลูกเบอร์รี่แดงเล็กๆ นั้นท�ำให้คิดถึงหยดพระโลหิตที่ ตกลงมาจากพระเศียรของพระเยซูเจ้า ต้น Ivy ให้ความหมายทัง้ ในด้านดีและด้านลบด้วย ส�ำหรับบางคน เป็นเครื่องหมายถึงศาสนาอื่นๆ (เพราะบ่อยครั้งเขามักจะใช้ไม้ชนิดนี้ท�ำ มงกุฎประดับรูปปั้นส�ำหรับพระของเขา) ต้น Holly และต้น Ivy นั้นมีความ หมายตรงกันข้าม (ศาสนาคริสต์และศาสนาอืน่ ) และต้น Holly เป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ยังมีบางคนที่กล่าวถึงเม็ดเบอรรี่ขาวของต้น Ivy ว่า เป็นสัญลักษณ์ ของความบริสุทธิ์และความไร้เดียงสาด้วย ต้นไม้ชนิดทีส่ ามมีชอื่ ว่า Mistletoe ซึง่ ตามปกติบรรดาสงฆ์ตา่ งศาสนา จะน�ำมาใช้ในพิธกี รรมของพวกเขาตัง้ แต่ก่อนยุคสมัยของพระเยซูเจ้าเลย ทีเดียวเพราะพวกเขาถือว่าศักดิส์ ทิ ธิ์ ดังนัน้ จึงมีการห้ามน�ำมาใช้ในโบสถ์ คริสต์ แต่สามารถน�ำมาใช้ประดับในบ้านได้ มีความสวยงามและเหมาะ อย่างยิง่ ส�ำหรับใช้ในงานแต่งงาน นอกนัน้ ประเพณีในปัจจุบนั ก็ยงั อนุญาต ให้ผู้หนึ่งสามารถจุมพิตอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้ต้น Mistletoe ได้ด้วย
7
ท่อนไม้คริสต์มาส ประเพณีเกี่ยวกับฉลองคริสต์มาสอีกหลายอย่างยังได้เกิดขึ้นในยุค กลางด้วย บางอย่างยังคงมีการปฏิบัติต่อมาจนถึงทุกวันนี้ อีกบางอย่าง ก็ได้วิวัฒนาการไปสู่รูปแบบที่ใหม่กว่าของการเฉลิมฉลองคริสต์มาส ท่อนไม้คริสต์มาสเป็นหนึ่งในประเพณีนี้ หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว คน งานของที่ดินกว้างใหญ่จะเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาต้นไม้ที่มีล�ำต้นค่อนข้าง ใหญ่และหนา พวกเขาโค่นมันลงมา และตัดเอาท่อนกลางล�ำต้นกลับบ้าน เมื่อพวกเขาไปถึงบ้านของขุนนาง ก็จะเอาท่อนไม้นนั้ แช่ลงในน�ำ้ ท�ำให้มัน เปียกชุ่มมากที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ เมื่อถึงวันก่อนฉลองคริสต์มาส พวกเขาจะน�ำท่อนไม้นนั้ เข้าในบ้าน ของขุนนาง ใส่มนั ในเตาผิง แล้วจุดกองไฟเล็กๆ ไว้ใต้ทอ่ นไม้ ดังนีจ้ ะท�ำให้มี ไฟทีใ่ ห้ความอบอุน่ ได้ตลอดเวลา เพราะเหตุวา่ ท่อนไม้นนั้ มีขนาดใหญ่และ เปียกมาก จึงต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่ท่อนไม้นนั้ จะติดไฟ ตราบใด ที่ท่อนไม้นนั้ ยังไม่ได้เผาไหม้ไป พวกคนงานก็จะยังไม่กลับไปท�ำงาน กว่า ที่พวกเขาจะได้กลับไปก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ อีกประเพณีหนึ่งของยุคกลางก็คือ การแข่งขันคริสต์มาส บรรดา อัศวินของละแวกใกล้เคียงจะรวมตัวกันและฝึกซ้อมทักษะการต่อสู้กัน นี่ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองคริสต์มาสด้วย แต่ที่สุด เนื่องจากว่าคริสต์มาสเป็นฉลองที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการห้าม การละเล่นต่อสู้ในเทศกาลนี้ เพราะพระคริสตเจ้าทรงเป็นเจ้าชายแห่ง สันตินั่นเอง
8
9
10
รางหญ้าคริสต์มาส นักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี เป็นอีกผูห้ นึง่ ทีไ่ ด้มอบประเพณีคริสต์มาส ที่วเิ ศษสุดแก่เรา ในเดือนธันวาคมของปีหนึ่ง นักบุญฟรังซิสได้พักอยู่ที่ถำ�้ บนเชิงเขานอกเมืองเล็กๆ ทีช่ อื่ ว่าเกรกโช ท่านเป็นผูท้ มี่ คี วามรักอันยิง่ ใหญ่ ต่อวันคริสต์มาส และในปีนนั้ ท่านปรารถนาจะช่วยชาวเมืองให้เฉลิมฉลอง วันคริสต์มาสในแบบพิเศษ ท่านจึงได้ขออนุญาตจากสันตะส�ำนักที่จะท�ำละครคริสต์มาส ท่าน ได้บอกให้ชาวเมืองน�ำสัตว์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นลา แกะ หรือวัว ไป ยังถ�้ำซึ่งท่านพักอยู่ ท่านได้ท�ำรางหญ้าลักษณะคล้ายๆ กับที่เบธเลเฮม ด้วย แล้วบรรดาชาวเมืองก็เฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณตอนเที่ยงคืน เป็นการต้อนรับวันคริสต์มาสด้วยความยินดี ในระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณ นักบุญฟรังซิส ซึ่งขณะนั้นเป็น สังฆานุกร ได้อ่านพระวรสาร ท่านเปี่ยมด้วยความรักจนผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ได้เห็นนิมิตของนักบุญฟรังซิสที่ก้มลงอุ้มพระเยซูกุมาร พวกเขาได้เห็น ราวกับว่าพระองค์ทรงมีชวี ติ อยูจ่ ริงๆ ทุกๆคนเปีย่ มล้นด้วยความยินดีและ ความรักต่อหน้าเหตุการณ์ยิ่งใหญ่นี้ และกล่าวกันว่าพวกเขาไม่ต้องการ แม้กระทั่งไฟฉายเพื่อส่องทางกลับบ้านในคืนนั้น เพราะพวกเขาเรืองแสง กันหมดแล้ว บรรดาพระสงฆ์ผตู้ ดิ ตามนักบุญฟรังซิสได้เผยแพร่ประเพณีการจัด ฉากละครคริสต์มาสนี้ไปทั่วทุกมุมโลก
11
บัตรอวยพรคริสต์มาส บัตรอวยพรคริสต์มาสก็เป็นประเพณีคริสต์มาสอีกอย่างหนึ่งที่เรา คุ้นเคยกันเป็นอย่างมาก การส่งและการรับค�ำอวยพรเหล่านี้จากผู้ท่ีเรา รักแต่อาจไม่ได้พบกันเป็นเวลานานแล้วนัน้ น�ำความยินดีอันยิ่งใหญ่จริงๆ การอวยพรคริสต์มาสครั้งแรกเริ่มนั้นมีประวัติมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นแผ่นกระดาษทีพ่ มิ พ์เรือ่ งราวของวันคริสต์มาส ดังนัน้ จึงมีลกั ษณะ ต่างจากบัตรอวยพรที่เราใช้กันทุกวันนี้อย่างมากเลยทีเดียว บัตรอวยพรคริสต์มาสแผ่นแรกจริงๆ นั้นได้ถูกพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1843 ที่ประเทศอังกฤษ โดย Henry Cole เขาออกแบบโดยให้มีภาพฉลอง คริสต์มาสอยูต่ รงกลางและใส่อกี สองฉากทีพ่ มิ พ์ทงั้ ด้านหน้าและด้านหลัง ซึง่ แสดงถึงการฉลองคริสต์มาสด้วยการท�ำกิจเมตตาแห่งความรัก บัตรนี้ ส่งค�ำอวยพรว่า “A Merry Christmas and A Happy New Year to you” แต่บัตรแรกแบบนี้ก็ไม่ได้ประสบความส�ำเร็จเท่าใดนัก ในสหรัฐอเมริกา บัตรอวยพรคริสต์มาสใบแรกถูกผลิตโดย Louis Prang ในปี ค.ศ. 1875 ที่รัฐบอสตัน กลับเป็นบัตรอวยพรที่มีผู้คนนิยมกัน อย่างมากมายในทันทีทันใด ปัจจุบนั มีการส่งบัตรอวยพรคริสต์มาสกันเป็นหลายร้อยล้านใบใน แต่ละปี บ้างก็มรี ปู รางหญ้าของเบธเลเฮม หรือไม่กร็ ปู พระแม่มารียอ์ มุ้ พระ กุมารเยซู นอกนั้น ก็ยังมีรูปต้นคริสต์มาสบ้าง ภาพวิวทิวทัศน์ในฤดูหนาว บ้าง แต่ล้วนมีจุดหมายเพื่ออวยพรผู้รับให้มคี วามยินดีของวันคริสต์มาส
12
13
14
เพลงคริสต์มาส นอกจากบัตรอวยพรคริสต์มาสแล้ว เพลงคริสต์มาสก็ยังเป็นอีก ความทรงจ�ำหนึ่งที่อบอุ่นส�ำหรับเราทุกคน ในเทศกาลคริสต์มาส ใน หลายๆ เมืองใหญ่นนั้ ผู้คนจะเดินกันไปยังทุกบ้านร้องบทเพลงอันไพเราะ นี้ซึ่งมาจากยุโรปและอเมริกา เรามักจะได้ยินดนตรีนี้ขณะเดินซื้อสิ่งของ ต่างๆ ในเดือนธันวาคม รายการทีวีในเทศกาลคริสต์มาสก็มักจะให้เรา ได้ยินได้ฟังบทเพลงคริสต์มาสไม่ว่าจากนักร้องเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มก็ตาม และเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะได้ยนิ เพลงเหล่านี้เมื่อเราอยู่รวมกันที่วัด เพื่อ ร่วมพิธบี ูชาขอบพระคุณในวันคริสต์มาสและในวันหลังจากนั้นด้วย บทเพลงหนึ่งที่มีความไพเราะเป็นพิเศษก็คือ เพลง “Silent Night, Holy Night” ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นมาอย่างบังเอิญในปี ค.ศ. 1818 เหตุเกิด ที่โบสถ์แห่งหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ ของประเทศออสเตรีย ขณะที่บาทหลวง Joseph Mohr ก�ำลังตระเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนพิธีบูชา ขอบพระคุณตอนเที่ยงคืน ท่านพบว่าเครื่องออร์แกนช�ำรุด ไม่สามารถใช้ ดีดเพลงได้ เพราะเจ้าหนูตัวร้ายได้เข้าไปแทะบางชิ้นส่วนจนขาดไป ท�ำให้ ไม่สามารถใช้เครื่องออร์แกนได้อกี ต่อไป บาทหลวง Mohr จึงมีความกังวลเป็นอย่างมากว่าจะไม่สามารถร้อง เพลงคริสต์มาสได้ ท่านจึงได้ขอให้ครู Franz Gruber เขียนบทกวีคริสต์มาส เพือ่ ท่านจะได้นำ� มาใส่ดนตรี ครู Gruber จึงได้ใช้เวลาทีเ่ หลืออยู่ของวันนัน้ แต่งเพลงจนส�ำเร็จ และในคืนนั้นทุกคนก็ได้ร้องเพลง “Silent Night” โดย ครู Gruber ได้ดีดกีตาร์ตัวใหม่ของบาทหลวง Mohr ในคืนนัน้ ภรรยาของ ครู Gruber ได้บอกเขาว่า “ฉันภูมิใจในตัวคุณจริงๆ ค่ะ จะมีคนมากมาย ร้องเพลงคริสต์มาสของคุณ หลังจากที่เราทั้งสองจากโลกนี้ไปแล้ว”
15
ยอดกษัตริย์วินเชสเลาส์ เพลงคริสต์มาสทีเ่ ราร้องกันนัน้ บางเพลงยังมีกำ� เนิดมาจากเรือ่ งราว ของคริสต์มาสเอง เช่น “เพลงกษัตริย์วินเชสเลาส์ที่ดี” ผู้ซึ่งได้ปกครอง ประเทศโบเฮเมียในอดีตกาลนานมาแล้ว ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ สาธารณรัฐเช็ก กษัตริยว์ นิ เชสเลาส์ประสูตใิ นช่วงเวลาทีค่ วามเชือ่ คาทอลิกได้เข้าไป ในประเทศโบเฮเมียแล้ว บรรพบุรุษของพระองค์ล้วนนับถือศาสนาคริสต์ เว้นแต่พระมารดาที่แม้จะได้รับศีลล้างบาปแต่ก็ไปรับเอาความเชื่อของ คนต่างศาสนา เมื่อพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์นั้น พระองค์ทรงมี พระชนมายุเพียง 12 พรรษา ยังทรงพระเยาว์เกินไปที่จะเป็นกษัตริย์ พระ อัยยิกาจึงทรงดูแลราชการแทนพระองค์ในระยะเวลาหนึ่ง แต่พระมารดา ได้จัดการปลงพระชนม์พระอัยยิกาและพยายามท�ำให้พระราชาองค์น้อย กลายเป็นคนต่างศาสนาไปด้วย แต่พระองค์ก็ยังคงอ่านพระคัมภีร์อย่าง ลับๆ และแอบให้พระสงฆ์เข้ามาในพระราชวังเพื่อถวายการเรียนค�ำสอน แด่พระองค์ เมื่อทรงมีพระชนมายุครบ 18 พรรษา ทรงรับพิธีราชาภิเษก ทรง ปกครองด้วยพระปรีชาญาณและความยุตธิ รรม พระองค์ทรงโดดเด่นใน เรื่องการเอาใจใส่ดูแลช่วยเหลือบรรดาสามัญชนด้วยความเคารพ บ่อย ครัง้ พระองค์ได้ทรงจ่ายหนีแ้ ทนคนยากจนทีเ่ ป็นหนีแ้ ละไม่สามารถใช้คนื ได้จนกระทั่งต้องยอมไปเป็นทาสทัง้ ครอบครัว หลังจากที่กษัตริย์วินเชสเลาส์ทรงครองราชย์ได้เพียง 2 ปี บรรดา ขุ น นางต่ า งศาสนาและพระเชษฐาของพระองค์ ไ ด้ ร ่ ว มกั น วางแผน ฆาตกรรมพระองค์ แต่ประชาชนรักพระราชาเป็นอย่างมากจนไม่สามารถ จะลืมพระองค์ได้ พวกเขาจึงได้แต่งเพลงถวายพระองค์ ดังนั้น ในวัน คริสต์มาสพวกเขาจึงร้องเพลงแด่กษัตริย์วินเชสเลาส์ที่รักของพวกเขา
16
17
คริสต์มาสทุกๆวัน หลังจากที่ได้รู้จักประเพณีคริสต์มาสจากทั่วโลกมาแล้ว เราคงพบ ว่ามีมากมายหลายแบบทีจ่ ะเฉลิมฉลองคริสต์มาส แต่ไม่ว่าเราจะท�ำแบบ ไหนก็ตาม ล้วนเป็นการเตือนใจเราว่า พระเยซูเจ้าทรงใส่ใจในเราเป็นอย่าง มาก จนกระทั่งทรงยอมมาบังเกิดในรางหญ้าด้วยความรักต่อเรา เช่นเดียวกับนักบุญฟรังซิส เราต้องเปี่ยมล้นไปด้วยไฟแห่งความรัก ต่อพระเจ้า จนท�ำให้ทุกคนเห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลมีชีวิตอยู่จริง ในใจของเรา เราต้องท�ำให้ทุกๆวันในชีวิตเป็นวันคริสต์มาสเสมอ
32