การ์ตูนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน เรื่อง เย็นยอดกตัญญู

Page 1


การ์ตูนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน เรื่อง เย็นยอดกตัญญู

ผู้จัดพิมพ์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ปีที่พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวนพิมพ์ ๖๐,๐๐๐ เล่ม ISBN : 978-974-9536-34-6 ที่ปรึกษา ๑. นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา ๒. นายปกรณ์ ตันสกุล รองอธิบดีกรมการศาสนา ๓. นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ๔. นายพิสิฐ เจริญสุข ผู้อำนวยการกองศาสนูปถัมภ์ ๕. นางสาวภัคสุจิ์ภรณ์ จิปิภพ เลขานุการกรมการศาสนา ตรวจพิสูจน์อักษร ๑. นายเอนก ขำทอง ผู้อำนวยการกลุ่มสนับสนุนเครือข่ายการปฏิบัติศีลธรรม ๒. นางนลินรัตน์ เดชอุดม นักวิชาการศาสนา ๗ว ๓. นางสาวเต็มดวง ศิริรัตนเวคิน เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ๖ว ๔. นางสาวอมรา ไหมพิมพ์ นักวิชาการศาสนา ๖ว ลิขสิทธิ์เนื้อหา คุณสุมาลี โฆษิตนิธิกุล ลิขสิทธิ์รูปภาพ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๘๘๑๔ พิมพ์ที่ โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ๗๙ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสุวรรณ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา พ.ศ. ๒๕๕๑


คำนำ

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหน่วยงานที่สนองนโยบายของรัฐบาล ในการนำหลักธรรมทางศาสนาออกเผยแพร่สู่สาธารณชนหลากหลายรูปแบบ การจัดทำหนังสือ การ์ ตู นธรรมะก็ เป็ น อี ก รู ป แบบหนึ่ ง ที่ จ ะเป็ น สื่ อ ให้ เด็ ก และเยาวชนหั น มาสนใจในหลั ก คำสอน ทางศาสนา และนำไปเป็นตัวอย่างในการประพฤติ ปฏิบัติ ในวิถีชีวิตประจำวันได้อย่างดีอีกทางหนึ่ง ดังนั้น กรมการศาสนา จึงได้จัดพิมพ์หนังสือการ์ตูนธรรมะ เรื่อง “เย็นยอดกตัญญู” ซึ่งมีข้อคิดเห็นที่เป็นหลักธรรม คือ ความกตัญญูต่อบุพการี ความอดทนอดกลั้น และขยันหมั่นทำความดี อย่ า งไม่ ย่ อ ท้ อ ถึ ง แม้ ร่ า งกายไม่ ส มประกอบ แต่ ก็ มี ค วามพยายาม ไม่ ย อมแพ้ ต่ อ อุ ป สรรค จนประสบความสำเร็จ สามารถทำงานหาเลี้ยงบุพการีและครอบครัวได้สมตามความตั้งใจ โดยได้รับ อนุญาตจากคุณสุมาลี โฆษิตนิธิกุล เจ้าของลิขสิทธิ์ ให้นำเนื้อหามาวาดเป็นภาพการ์ตูนประกอบเรื่อง เพื่ อ ให้ เด็ ก และเยาวชนได้ รั บ ความบั น เทิ ง ในเชิ ง สร้ า งสรรค์ สนุ ก สนาน และได้ รั บ ความรู้ เรื่ อ ง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจากหนังสือการ์ตูน แล้วนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน กรมการศาสนา ขอขอบคุณ คุณสุมาลี โฆษิตนิธิกุล คณะกรรมการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทุ ก ท่ า น ที่ ได้ ร่ ว มกั นจั ด ทำหนั ง สื อ ให้ ส ำเร็ จ ลุ ล่ ว งด้ ว ยดี หวั ง ว่ า หนั ง สื อ การ์ ตู น เล่ ม นี้ คงจะเป็ น ประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนสมตามวัตถุประสงค์ (นายสด แดงเอียด) อธิบดีกรมการศาสนา


วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย...


เย็น ชายหนุ่มร่างพิการวัยกลางคน นั่งพิงต้นไม้ใหญ่ที่ริมทุ่งนาทอดสายตาเหม่อมอง ท้องทุ่งที่เขียวขจีผืนใหญ่สุดลูกหูลูกตา ภาพของชาวนาที่กำลังต้อนฝูงวัวควายกลับบ้าน ในขณะที่ดวงอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้า เสียงถอนหายใจของเขาบ่งบอกถึงความในใจที่แอบ เก็บซ่อนเอาไว้ ยิ่งยามที่เขานึกถึงกลอนดอกสร้อยเรื่อง “รำพึงในป่าช้า” ที่เคยเรียนมาแล้ว ทำให้จิตใจของเขาเพิ่มความเศร้าหลายเท่าทวีคูณ

เขาแอบชื่นชมผู้แต่งที่ท่านช่างเก็บเอาบรรยากาศความเงียบเหงาวังเวง เศร้าสร้อยไว้ได้ครบครัน และเขาก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเอง ภาพต่างๆ ในอดีตได้ผุดขึ้นในความทรงจำของเขาทันที เย็นถือกำเนิดจากครอบครัวชาวนาที่ยากจน เขาเป็นคนที่ ๓ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ๔ คน ขณะที่แม่ กำลังอุ้มท้องเขาอยู่นั้น หมู่บ้านเกิดภัยแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบ ต่ออาชีพเกษตรกรรมของครอบครัว

ผลิตผลในปีนั้นเก็บได้น้อยมาก ในขณะที่ดอกผลในการ กู้ยืมเถ้าแก่ที่ตลาดมันงอกเงยงดงามเกินกว่าที่คิด


มีบางตอนที่แม่เล่าให้ฟังว่า “ตอนอุ้มท้องแกนั้นครอบครัวลำบากมาก พี่แกสองคน ก็ยังเล็ก พ่อต้องไปทำงานชดใช้หนี้เถ้าแก่ที่ตลาด ทำงานสารพัดตามแต่เขาจะใช้ แม่ก็ ต้องไปรับจ้างขนดินลูกรังในหมู่บ้าน ครั้งแรกผู้รับเหมาสร้างถนนเขาจะไม่ยอมจ้าง เพราะเห็นแม่ท้องแก่กลัวทำงานไม่คุ้มกับค่าจ้าง แม่ต้องกราบแทบเท้าเขาและต่อรอง ราคาค่าจ้างในราคาที่ถูกกว่าคนอื่นเขาจึงยอมจ้าง ร่างกายแม่อ่อนแอมาก...คงเนื่องจาก ทำงานหนัก”

เมื่อถึงกำหนดคลอดเย็นออกมา ก็ยิ่ง เพิ่มความทุกข์ให้ครอบครัวมากขึ้น เพราะ เขาเกิดมาพร้อมกับความพิการ คือมือด้วน ทั้งสองข้าง ส่วนขานั้นก็พิการเช่นกัน เพียงแต่ด้วนตั้งแต่ใต้เข่าข้างขวาเพียง ข้างเดียวเท่านั้น สำหรับขาซ้ายปกติ

จากสภาพร่างกายที่พิการ เขาจึงเปรียบเสมือน เป็นตัวที่ตราบาปให้กับตระกูลที่นำความเลวร้าย เข้ามาสู่ครอบครัวตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ครั้นลืมตา ดูโลกในวันแรกก็นำความอัปยศอดสูมาสูค่ รอบครัว เสียงซุบซิบนินทาตั้งแต่เหนือบ้านยันท้ายบ้าน ต่างก็แห่มาดูเขาเหมือนสัตว์ประหลาด


แม่เคยเล่าให้ฟังว่า “พ่อกับแม่อายชาวบ้านมาก สายตาที่เขา มองแกนัน้ มันแสดงถึงความขยะแขยง อดสู เวทนา และท้ายทีส่ ดุ เขาก็พากันมองดูพ่อกับแม่ในสายตาที่ไม่แตกต่างจากแกมากนัก แม่น่ะทนได้ แต่พ่อแกสิเขารับไม่ได้เลย แกต้องเข้าใจนะ...! เย็น ยังไงเขาก็คือพ่อผู้ให้ กำเนิดแก ชั่วดีมีจนยังไง เขาก็คอื พ่อ...จำเอาไว้ นะลูก...”

ฉันเกลียดแก...! ไอ้ลูกอาภัพ เกิดมาทำให้ข้า อับอาย

เมื่อเย็นจำความได้ เขาก็ รับรู้ถึงความรู้สึกของพ่อได้ ชัดเจน ความเกลียดชังของพ่อ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ความสงบสุขในบ้าน ก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น กลิ่นเหล้าเคล้ากับ เสียงด่าทอ ท้ายที่สุดขวดเหล้าถูกโยน เข้าใส่ร่างของเย็น ซึ่งต้องคอยหลบจาก แรงปะทะ ถ้าโชคดีก็ปลอดภัย ถ้าโชค ร้ายก็ได้เลือด


รู้ว่าพ่อไม่ชอบ...! เวลาเขาขึ้นบนบ้าน แกก็หลบไปในป่า หลังบ้านสิ ข้ารำคาญแล้วนะ...!

เสียงพี่ชายสองคนไล่เย็น เสียงดังลั่น แต่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้เย็นน้ำตาไหลพราก ด้วยความคับแค้นใจก็คือ

แม่...! ทำไมผมจึงเกิดมาพิการ ไม่เหมือนพี่เหมือนน้องเลย มันเป็น ความผิดของผมหรือแม่...!

เมื่อไหร่? แกจะตายเสียที ฮึ! ไอ้เย็น...! พ่อกับแม่เขาจะได้พ้น กรรม แกเคยนำความชื่นชมอะไร? มาให้พ่อแม่บ้าง...ไอ้ทุเรศ...

เย็นต้องคอยหลบเท้าพี่ชาย ทั้งสอง จนบางครั้งเป็นโรคผวา เห็นอะไรเคลื่อนไหวใกล้ตัวต้อง สะดุ้งโหยงทุกที บางครั้งความคับข้องใจของ เขาก็ถูกระบายมาที่แม่ สายตา ที่แม่มองเขานั้นมีความเวทนา แฝงอยู่ แต่ความรักและความ เอื้ออาทรนั้นมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับพี่ชายทั้งสอง และน้องสาวคนเล็ก คงเป็นเพราะเวรกรรม นั่นแหละลูก...! ไม่ใช่กรรมของแก คนเดียวหรอก มันเป็นกรรมของ ครอบครัวเราทั้งหมดด้วย


มีอยู่วันหนึ่งเย็นเกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง จนไม่มีแรงที่จะพยุงตัว เองได้ ตอนเช้ามืดเขาได้ยินเสียงพ่อกระซิบกับแม่ว่า... ไป...รีบไปปลุก... พวกสามคนไปนากัน ปล่อยให้ มันตายอยู่ที่บ้านคนเดียว ข้าคิดว่า ถ้ามันท้องร่วงอย่างนี้ ข้าให้เวลามัน อีกหนึ่งคืน รับรองไม่รอดแน่...! กลับมาแล้วค่อยเก็บศพมัน...

เย็นได้ยินเสียงเก็บของ เสียงปลุกพี่ๆ และน้อง ตลอดทั้งเสียงเดินลงจาก บ้านของพวกเขา น้ำตาเด็กน้อยไหลอาบแก้ม พลางรำพึงเสียงแผ่วเบาว่า... มันเป็นความผิดของผมหรือ...? ที่เกิดมาพิการ ผมรักแม่มาก...! ได้โปรดเถิด อย่าทิ้งผมไป ผมกลัว...ผมกลัว...!!!


ลมหายใจของเย็นค่อยๆ แผ่วเบาลงทีละนิด ตัวของเขารู้สึกเบาหวิวประดุจปุยนุ่นที่ลอย เคว้งคว้างในอากาศ

ก่อนที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาจะสิ้น สุดลงนั้น เขามองเห็นดวงไฟสว่างจ้าข้างหน้า เสียงหลวงพ่อที่วัดดังชัดเจนในมโนภาพ

เย็น...เจ้าต้องไม่ตายนะ หลวงพ่อมาช่วยแล้ว ตื่นสิเย็น... ตื่น! เจ้าจะต้องอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณ พ่อแม่นะจำไว้ลูก...จำไว้

เย็นลืมตาขึ้นมา ภาพพร่ามัวค่อยๆ แจ่ม ชัดขึ้น เขาขยับริมฝีปากที่แห้งผาก มองหา ขันน้ำข้างที่นอน ใช้ปากจุ่มไปที่กลางขัน ดื่มน้ำจนเกือบหมด

จากนั้นค่อยๆ คลานออกไปนอกชาน รวบรวมเสียงตะโกน...! เรียกยายข้างบ้าน


หญิงชราวัย ๘๐ ปี กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บพริกออก จากกระด้งชะงักเมื่อได้ยินเสียงเย็นเรียก

ยาย...ยาย...! ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย

ยาย... ช่วยถากเปลือกต้นแค ข้างบ้านต้มให้ผมดื่มด้วย... ผมท้องร่วงครับ ยาย... ช่วยผมด้วย...!!!

พ่อแม่แกไปไหน ทำไมทิ้งแกอย่างนี้...?

นางรีบพยุงสังขารทีม่ แี ต่หนังหุม้ กระดูก เดินกะโผลกกะเผลกออกมาดูตามเสียงเรียก

อ๋อ...! ไอ้เย็นนั่นเอง แกเป็นอะไรหรือเย็น ทำไม...? หน้าตาแกเป็นอย่างนั้น

เย็นล้มตัวลงนอนที่บันได

เขาจำเป็นต้องโกหกยาย เพราะอย่างน้อย ชาวบ้านก็จะได้ไม่เอาเรื่องของพ่อแม่ไปนินทา เขาทนไม่ได้ที่พ่อแม่ต้องถูกประณามจากสังคม

เขาไปนากันหมด เขาไม่รู้ว่าผมไม่สบาย...!


เอ้า...! ดื่มซะจะได้หาย นี่ถ้าพ่อแม่แก เขารู้ เขาคงไม่ทิ้งแกไปหรอกนะ...?

จากยาถ้วยนัน้ ทำให้เย็นมีชวี ติ ยืนยาว ต่อไปอีก เมื่อพ่อกลับมาบ้านและเห็น เขามีชีวิตอยู่ ถ้วยชามข้าวของก็คงแตก กระจายอีกแน่นอน เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ ที่จะเลวร้าย เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลงจาก บ้าน ที่ซุกของเขาก็คือป่าหลังบ้าน

ขอบคุณมากครับ ยาย...!

เขาล้มตัวลงนอนบนกอหญ้าด้วยความอ่อนเพลีย เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อมี มือมาเขย่าร่างของเขา เสียงน้องสาวคนเล็กพร้อม กับแรงเขย่าทำให้เขารีบลุกงัวเงียขึ้นมา พี่เย็น...! พี่เย็น...! แม่ให้เอาข้าวมาให้ กิน รีบกินซะ พ่อกำลังหลับอยู่... ท้องร้องเตือนบ่งบอกถึงความหิว รีบคว้า ชามข้าวกินแทบจะไม่ได้หายใจ

นอกจากแม่ที่เวทนาเขาแล้ว ก็ยังมีน้องสาว ที่ชื่อจำปีอีกคนที่คอยดูแล

พี่ได้เคี้ยวข้าวหรือเปล่า ฉันกลัวข้าวจะติดคอพี่ตาย... เอ้า! ดื่มน้ำซะ...


หลวงพ่อครับ...! คนเราเกิดมาแล้วชาตินี้ ถ้าฆ่าตัวตายจะมีผลต่อ ชาติหน้าไหมครับ...?

อย่า! เชียวนะ ไอ้เย็น มันเป็นบาปมหันต์เลย รู้ไหม คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องสู้ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงคนทั่วไปจะมองว่าแกพิการ แต่จิตใจแก... หลวงพ่อ เชื่อว่า...จิตใจแกไม่พิการแน่ จริงไหมเย็น...?

มือหลวงพ่อที่จับศีรษะเย็นด้วยความรักและเอ็นดู ทำให้เย็นมีกำลังใจ ที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป ครับ...! หลวงพ่อ ผมจะทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด ผมจะชดใช้กรรมให้หมดสิ้นในชาตินี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมจะได้เป็นคนที่ สมบูรณ์ พ่อ แม่ และพี่เขา จะได้รักผม...

10


เฮ้ย...!

ไอ้เย็นด้วนมาแล้ว...

เมื่อมีเวลาจะใช้แขนด้วนทั้งสองข้างหนีบ ดินสอเขียนหนังสือและทำการบ้าน ลายมือ ของเขาสวยกว่าคนปกติ การเรียนก็อยู่ใน เกณฑ์ดี

เมื่ออยู่ที่โรงเรียน เขาถูกเพื่อนๆ ล้อเลียนและกลั่นแกล้งอยู่ ตลอดเวลา เสียงฮาจากเพื่อน รุ่นราวคราวเดียวกันมีประจำ มันเป็นเสียงที่ชินชาเสียแล้ว เขาไม่เคยนึกโกรธเพื่อนๆ ตรงกันข้าม เขากลับทำตัว ร่าเริงไม่เคยสร้างปัญหา ให้กับใคร

พ่อครับ...! ผมทำคะแนน ได้เป็นที่ ๑ ของห้องครับ...!

มือที่ด้วนหนีบสมุด รายงานผลการเรียน ยื่นอวดพ่อ ไอ้ด้วนเอ๊ย...! ครูเขาหลับหูหลับตา ให้คะแนนมึงมากกว่า เพราะครูคนนี้แกขี้สงสารคน ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น...

11


พ่อ...ไม่จริงหรอก...! เพราะ เวลาครูเฉลยข้อสอบบนกระดาน ผมก็ทำถูกจริงๆ

เย็นชี้แจงเหตุผล แต่ก็เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย เมื่อได้ยินคำตอบจากพ่อ

เสียงเตะเก้าอีด้ งั โครม...! ก่อนทีพ่ อ่ จะกระทืบเท้า ลงจากบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว มันเป็นสิ่ง ที่ชินชาแล้วสำหรับเย็น เพราะในชีวิตของเขาไม่เคย ได้รับคำชมเชยจากคนในครอบครัว เขาได้แต่คิดว่า สักวันหนึ่ง เขาจะต้องทำให้ทุกคนเห็นความสามารถของเขาให้ได้...

12

เออ! มึงเก่ง...! เก่งที่สุดในหมู่บ้าน แล้วมึงลองบอกกูซิว่า อนาคตมึงจะเป็นอะไร จะหาเงินมาเลี้ยงกู ได้ไหม...ฮึ...! ไอ้เย็น...!

โครม...!


เมือ่ เย็นอายุได้ ๑๕ ปี พีท่ งั้ สองจะเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ พ่อและแม่รสู้ กึ ไม่คอ่ ยสบายใจนัก พี่คนโตยืนชี้หน้าและพูดจาตอกย้ำปมด้อยของเขา พี่คนรองได้โอกาสก็พูดเสริมต่อว่า ไอ้เย็น...! วันๆ แกจะ ให้แต่พ่อหาให้กิน ไม่รู้จัก ละอายบ้างหรือไง...?

เย็นค่อยๆ พยุงร่างลงบันไดและหลบเข้าไปอยู่ ในป่าหลังบ้าน เพราะรู้ดีว่าขืนอยู่ฟังต่อไป พ่อคง ต้องเปิดฉากกับเขาอีก ดีไม่ดอี าจต้องเจ็บตัวเหมือน ทุกครั้ง จนถึงเวลาพลบค่ำ เสียงแหวกพงหญ้า ค่อยๆ ดังใกล้ที่ซ่อนของเย็นพร้อมเสียง ตะโกนเรียก

จะเอาอะไรกับมัน พวกเราต้องไปทำงานหาเงิน เพื่อส่งมาให้มันนั่งกินนอนกิน ไม่รู้เวรกรรมอะไร...? ที่มี น้องพิการอย่างแก...!

พี่เย็น นี่ฉันจำปีนะ...! อยู่ไหน ส่งเสียงตอบฉันด้วย ฉันเอาข้าวมาให้พี่กินนะ...

เสียงน้องสาว คนเล็กซึ่งดูเหมือน จะมีคนเดียวในบ้าน ที่คอยเป็นห่วง เป็นใยเขา

13


พี่เย็น...! ฉันสงสารพี่มากนะ หรือว่าฉันจะลาออกจากโรงเรียน จะได้ลดค่าใช้จ่ายทางบ้านลง พ่อเขาจะได้ไม่อารมณ์เสีย กับพี่อีก...

จำปีพูดขึ้นหลังจากนั่งดูพี่ชาย ใช้มือด้วนทั้งสองข้างหนีบช้อน ตักข้าวใส่ปาก

อย่านะจำปี...! ชีวิตน้องมีค่า มีอนาคต ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ขอรับรองว่า พี่จะต้องทำได้...ต้องทำได้...!

เย็นพูดจาด้วย เสียงหนักแน่น ค่อยๆ พยุงตัวลุก ขึ้นและเดินจากไป ทิ้งให้จำปีมองตาม หลังพีช่ ายด้วย สายตาฉงน พร้อม กับเสียงพึมพำว่า

14

คำพูดของน้องสาว ทำให้เขานิ่งอึ้ง ละสายตาจากจานข้าว ทันที มองดูน้องด้วย ความรักและสงสาร รีบพูดขึ้นว่า... เขาจะ ทำอะไร...? ของเขานะ...!


สองเดือนผ่านไป...

ลุง...ลุง...! มารับธนาณัติด้วย...

เสียงบุรุษไปรษณีย์ตะโกนหน้าบ้าน เย็นนั่งมองดูพ่อวิ่งกระหืดกระหอบ ไปรับจดหมาย

ไอ้เย็น...! แกเห็นไหม พี่ๆ เขาส่งเงินมาให้ฉันแล้ว มีแต่แก นั่นแหละที่เป็นคนไม่มีประโยชน์...

พ่อชูซองจดหมายขึ้นอวด เย็นมองดูสายตา ของพ่อช่างเปี่ยมไปด้วยความสุข และภาคภูมิใจ ในลูกชายทั้งสองคนเหลือเกิน เย็นได้แต่คิดว่า เมื่อไหร่หนอที่เขาจะได้รับสายตาเช่นนี้ จากพ่อบ้าง...

15


วันหนึ่ง เย็นนั่งพิจารณาขาขวาที่ด้วน ตั้งแต่ใต้เข่าลงไปแต่มีเนื้อใต้ขาเรียวเล็กพอที่ จะหาอะไรมาสวมใส่เพื่อที่จะเดินเองได้

หลังจากน้องสาวตัดกระบอกไม้ไผ่มา ให้แล้ว เขาใช้เศษผ้าพันรอบขาที่ด้วนแล้ว ใช้เชือกรัดผ้าไม่ให้หลุด เอากระบอกไม้ไผ่ ที่น้องตัดให้สั้นเท่าความยาวของขาซ้าย สวมที่ขา

จำปี...! ช่วยตัดกระบอก ไม้ไผ่หลังบ้านให้พี่ด้วย...!

เขาลองหัดยืนโดยไม่ต้องใช้ไม้พยุง และ ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ แต่เวลาขาที่ด้วนกดลง บนกระบอกไม้ไผ่ในขณะทิ้งน้ำหนัก ลงที่ขาขวานั้น จะทำให้เขา รู้สึกเจ็บ

ึต่ก...! 16

แต่เขาก็อดทนและคิดในใจว่า เมื่อเนื้อที่ เสียดสีกับกระบอกไม้ไผ่นานวันเข้าก็คงจะ เกิดความด้านชาและตามมาด้วยความเคยชิน ในสภาพเช่นนี้


เย็นหัดเดินรอบบ้านวันละหลายๆ รอบโดยไม่รู้สึก เหนื่อย เขาดีใจมากเพราะในชีวิตที่ผ่านมาเคยใช้แต่ไม้เท้า พยุง หรือบางทีก็ใช้ขาซ้ายกระโดดขาเดียวไปเรื่อยๆ แต่ ครั้งนี้พอใส่กางเกงขายาวแล้วก็จะปิดบังกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็จะเห็นเหมือนกับขาปกติ

! . . . บ ั ว ค

สำหรับแขนทั้งสองข้างนั้น เขาก็นำกระบอก ไม้ไผ่มาสวมใส่เช่นกัน จากนั้นเขานำยางในของ รถจักรยานทีช่ าวบ้านถอดทิง้ มาให้จำปีผกู กับด้าม มีดอีโต้ให้แน่น แล้วใช้ปลายยางอีกข้างหนึ่งพัน รัดทีแ่ ขนขวาทีส่ วมกระบอกไม้ไผ่ จากนัน้ เขาลอง ใช้แขนแกว่งมีดไปในพงหญ้า แรงของมีดทีเ่ หวีย่ ง ไปมาทำให้หญ้าถูกตัดกระเด็นปลิวว่อนไปหมด

แม่...แม่...! ผมทำได้แล้ว จำปี...พี่ทำได้แล้ว... เสียงร้องขึ้นด้วยความดีใจ เขารีบเดินกะโผลกกะเผลกเข้าไป กอดแม่ด้วยน้ำตานองหน้า

17


จะทำไหวหรือเย็น...?

ผมต้องทำได้แน่...! พรุ่งนี้จะลองไปสมัคร เป็นคนงานสวนป่าดู...

แม่ถามด้วยความ ห่วงใย สายตาของเขาบ่งบอกถึงความหวังเต็มเปี่ยม

จะไหวหรือครับหัวหน้า...? คนพิการนะครับ...!

เสียงหัวหน้าคนงานพูดหลังจากหัวหน้าสวนป่า พิจารณามองดูมือและเท้าของเย็น ผมอยากมีรายได้ครับหัวหน้า โปรดให้โอกาสคนพิการบ้างครับ...!

เอาละนะ...! ฉันตกลงรับเธอ...

18

เสียงในตอนท้ายเริ่มสั่นเครือ...


ด้วยความสงสารของหัวหน้าสวนป่า ที่ออกมาปลูกสร้างสวนป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ถูกทำลายไปแล้ว ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณหมู่บ้าน เย็นได้แสดงความสามารถจนเป็นที่ยอมรับ ของทุกคน ประกอบกับนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน จึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป

งานที่เย็นได้ทำก็มี ตัดแต่งเหง้าสักสำหรับนำไป ปลูกป่า ผ่าไม้ไผ่เพื่อทำหลักหมายแนวปลูก บางครั้งก็ถางหญ้ารอบๆ บริเวณสำนักงาน สำหรับ รายได้ที่ได้รับนั้น หัวหน้าสวนป่าจ่ายให้เท่ากับ คนปกติทั่วไป และมีบางครั้งที่ได้รับรายได้ พิเศษจากหัวหน้าสวนป่าและเจ้าหน้าที่ คนอื่นๆ อันเนื่องมาจากความสงสาร

19


พ่อครับ...! นี่คือเงินเดือนของผม...

เย็นยื่นเงินเดือนทั้งหมด ให้พ่อ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า เงินที่พี่ๆ ส่งมาให้

พ่อรับเงินและมองเย็นด้วยสายตาที่สงสัย

โอ...! เขาจ้างแกจริงๆ หรือเย็น...

ค่าจ้างผมได้เท่า คนปกติด้วยนะพ่อ หัวหน้าเขาชมผม เสมอว่า ผมขยัน...

เป็นครั้งแรกในชีวิตของเย็นที่กล้ามองหน้าพ่อเต็มตา เขาเห็น ริ้วรอยแห่งความชราบนใบหน้าพ่อ ระยะสองเดือนมานี้ดูพ่อ เงียบขรึมและเหม่อลอย และมีหลายครั้งที่จำปีมาเล่าให้ฟังว่า พ่อกับแม่แอบร้องไห้อยู่เสมอ

20


พวกพี่ๆ เขาส่งเงินมาให้พ่อ บ้างไหมครับ...!

พี่แกสองคน ตั้งแต่มันมีเมียแล้ว มันก็เงียบหายไป

เย็นถามเบาๆ

พ่อพูดขึ้น...

ไม่...!

พ่อตอบแล้วรีบล้มตัวลงนอน เย็นจึงไม่กล้าถามต่อ

21


สาเหตุจากการเงียบหายของพี่ชายทั้งสองทำให้พ่อเสียใจมากจนล้มป่วยเป็นอัมพาต แม่ต้อง หยุดทำงานเพื่อดูแลพ่อ ส่วนจำปีก็กำลังเรียนวิทยาลัยครูปีแรก ดังนั้นภาระทุกอย่างจึงตกอยู่ที่ เย็น ซึ่งเขาไม่เคยกลัวการทำงาน แต่มีความภูมิใจว่า นับแต่นี้เขาเป็นคนที่มีความหมายต่อ ครอบครัวแล้ว

พี่เย็น...! ฉันจะไม่เรียน แล้วนะ...!

ไม่ได้หรอกจำปี น้องคือตัวแทน ของความภูมิใจของพี่...!

จำปีเอ่ยขึ้นในคืนวันหนึ่ง

สายตาของ พี่ชายที่มองดูนั้น ทำให้จำปีก้มหน้า นิ่ง ไม่กล้าโต้แย้ง อีกต่อไป

22


หลังจากสิ้นปีงบประมาณทางสวนป่าก็หยุดจ้างคนงานชั่วคราว เย็นก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่มีงานทำ แต่อีกสามชีวิตยังรอความหวังจากเขาคนเดียวเท่านั้น เขาออกรับจ้างทั่วไปทั้งในหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น รับถางหญ้า ตัดถั่วเหลืองในไร่ ดำนา และอื่นๆ แล้วแต่ใครจะจ้าง ยกเว้นแต่การรับจ้าง เกี่ยวข้าวที่เขาทำไม่ได้ เพราะไม่มีนิ้วมือที่จะรวบรวงข้าวมาเกี่ยว เย็นชอบงานรับเหมาเพราะ รายได้ดีกว่า รายวัน เขาต้องตื่นนอน แต่เช้ามืดออกไป ทำงานและ จะกลับถึงบ้านอีกครั้ง ก็ตะวันตกดิน

พอถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพด เย็นรับเหมาเก็บข้าวโพดในไร่ ขั้นตอนที่ทำให้เขา ลำบากที่สุด คือ การปอกเปลือกข้าวโพด เขาต้องใช้ แขนด้วนทัง้ สองข้างหนีบฝักข้าวโพดและใช้ฟนั กัดเปลือก ข้าวโพดออก กว่าจะเสร็จงานปากของเขาที่เสียดสีกับ เปลือกข้าวโพดต้องบวมเป่งและระบมจนกินข้าวไม่ได้ หลายวัน ซึ่งเป็นที่น่าเวทนาแก่คนที่พบ เห็น สำหรับเงินค่าจ้างของเขา พอที่จะรักษาพ่อและเลี้ยงแม่ ตลอดทั้งส่งเสียน้อง เรียนครูได้ ซึ่ง เป็นสิ่งที่เขาภูมิใจ มากที่สุด จนลืม ความยากลำบาก

23


พ่อพูดเหมือนขออภัยต่อเย็น ในคืนที่พ่อจากโลกนี้ไป ยกโทษ...! ให้พ่อด้วยนะเย็น

ผมรักพ่อมากที่สุด...! ผมไม่เคยโกรธพ่อ... เป็นครั้งแรกที่เย็นได้รับ รอยสัมผัสจากมือของพ่อที่ลูบ บนศีรษะของเขา

เข้ามาใกล้ๆ พ่อซิเย็น...!

24

เย็นโน้มตัวลงไปหาพ่อด้วยอาการเกร็งไปทั้งตัว พ่อใช้มือลูบที่ศีรษะ มันเป็นสัมผัสแรกของพ่อที่แผ่วเบา แฝงด้วยความเมตตา เพราะทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสจากพ่อ นั้น มันคือฝ่ามือ และฝ่าเท้าที่มีผล ทำให้เขาระบมไป หลายวัน


อภัยให้พ่อ...! ด้วยนะ ลูก...!

คำว่าลูกคำเดียวมันทำให้เขาขนลุกซู่ไปทั้งตัว พ่อเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เรียกพ่อซิลูก...! เรียกซิ...!

พ่อ...พ่อ...ผมรักพ่อมากที่สุด...!

ฝากแม่และน้องด้วยนะ...นะ...ลูก พ่อรักลูกมากที่...สุด...!

เย็นก้มลง ซบอกพ่อ น้ำตา ไหลพราก

เสียงของพ่อเบาหวิว ประโยคที่ว่า พ่อรักลูก เป็นประโยคแรกและสุดท้ายของพ่อ เย็นปล่อยโฮออกมาอย่างสุดเสียง สองแขน กอดร่างที่แน่นิ่งของพ่อไว้แนบแน่น เหมือนกับจะเก็บรอยจารึกที่อบอุ่นนี้ไว้ ในความทรงจำตลอดไป

25


๓๘ ปีผ่านไป มันช่างรวดเร็วเหลือเกินสำหรับ ชีวิตการต่อสู้ของเย็น จำปีได้เป็นครูและมีความสุข กับครอบครัวของหล่อนไปแล้ว

ยังเหลือแม่วัยเจ็ดสิบปีที่เขาต้องดูแลท่าน

เย็นได้กลายเป็นแบบอย่างที่ดีของคนในหมู่บ้านนั้น ถึงแม้ว่าร่างกายจะพิการ แต่เขาก็สามารถตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ และเลี้ยงดูท่านในยามชราได้ สิ่งนี้เองที่ทำให้เย็นภูมิใจมากที่สุดในชีวิต รอยยิ้มปรากฏขึ้น บนใบหน้าของเขา เมื่อได้ยินเสียงเด็กๆ ซึ่งวิ่งเล่นที่ชายทุ่ง ตะโกนว่า...

พี่เย็น...! ยอดกตัญญู...!

26


ชื่อ......................................... นามสกุล...................................................... อายุ.................. ที่อยู่....................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................

27


28

ชื่อ......................................... นามสกุล...................................................... อายุ.................. ที่อยู่....................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................


ชื่อ......................................... นามสกุล...................................................... อายุ.................. ที่อยู่....................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................

29



คำสั่งกรมการศาสนา ที่ ๓๘๙/๒๕๕๐ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะ (Moral Books) ....................................... ในการจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะ สำหรับเด็กและเยาวชน โดยมีเนื้อหาด้านคุณธรรม จริยธรรมและ สอดแทรกหลั ก ปรั ช ญาเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง และเป็ น หนั ง สื อ การ์ ตู นที่ ให้ ค วามบั น เทิ ง สนุ ก สนาน พร้ อ มทั้ ง

ได้รับความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีก ทั้งยังสามารถ นำไปประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้ จึงแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะ ประกอบด้วย ๑. อธิบดีกรมการศาสนา ประธานกรรมการ ๒. รองอธิบดีกรมการศาสนา รองประธานกรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม กรรมการ ๔. นายลิขิต ลีลาชุติพงศ์ กรรมการ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ๕. นายสุจริต บัวพิมพ์ กรรมการ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๖. นายดินหิน รักพงษ์อโศก กรรมการ อาจารย์ประจำศูนย์ธนาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ๗. นายเอนก ขำทอง กรรมการ ๘. นายปัญญา สละทองตรง กรรมการ ๙. นางนลินรัตน์ เดชอุดม เลขานุการและกรรมการ ๑๐. นางสาววันทนา บุญณะโพล้ง ผู้ช่วยเลขานุการและกรรมการ ๑๑. นางสาวทิพย์รชยา ภู่พานิช ผู้ช่วยเลขานุการและกรรมการ

31


ให้คณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ดังนี้ ๑. กำหนดหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่จะสอดแทรกในหนังสือการ์ตูน ๒. รูปแบบ ลักษณะของการ์ตูน ที่จะใช้ประกอบในเนื้อเรื่องของหนังสือ ๓. จัดหาเนื้อหาหรือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาการคัดเลือกลงในหนังสือการ์ตูน ๔. กำหนดเนื้อเรื่องที่ควรจะต้องพัฒนาในเรื่องต่อ ๆ ไป ๕. อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ (นายสด แดงเอียด) อธิบดีกรมการศาสนา

32


คำสั่งกรมการศาสนา ที่ ๔๖/๒๕๕๑ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะ (Moral Books) ....................................... ตามคำสั่งกรมการศาสนาที่ ๓๘๙/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำ หนังสือการ์ตูนธรรมะ (Moral Books) นั้น เพื่อให้การจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะสำหรับเด็กและเยาวชน โดยมีเนื้อหาด้านคุณธรรม จริยธรรม และสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นหนังสือการ์ตูนที่ให้ความบันเทิง สนุกสนาน พร้อมทั้ง

ได้รับความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีก ทั้งยังสามารถ นำไปประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงยกเลิกคำสั่งดังกล่าวข้างต้น และแต่งตั้ง คณะกรรมการจัดทำหนังสือการ์ตูนธรรมะ ประกอบด้วย ๑. อธิบดีกรมการศาสนา ประธานกรรมการ ๒. รองอธิบดีกรมการศาสนา รองประธานกรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม กรรมการ ๔. นายลิขิต ลีลาชุติพงศ์ กรรมการ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ๕. นายสุจริต บัวพิมพ์ กรรมการ ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ๖. นายดินหิน รักพงษ์อโศก กรรมการ อาจารย์ประจำศูนย์ธนาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ๗. นายเอนก ขำทอง กรรมการ ๘. นายปัญญา สละทองตรง กรรมการ ๙. นางสาวพิไล จิรไกรศิริ กรรมการ ๑๐. นางนลินรัตน์ เดชอุดม กรรมการและเลขานุการ ๑๑. นางสาวเต็มดวง ศิริรัตนเวคิน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑๒. นางสาวอนงค์ลักษณ์ คะเนแน่น กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

33


ให้คณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ดังนี้ ๑. กำหนดหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่จะสอดแทรกในหนังสือการ์ตูน ๒. รูปแบบ ลักษณะของการ์ตูน ที่จะใช้ประกอบในเนื้อเรื่องของหนังสือ ๓. จัดหาเนื้อหาหรือรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาการคัดเลือกลงในหนังสือการ์ตูน ๔. กำหนดเนื้อเรื่องที่ควรจะต้องพัฒนาในเรื่องต่อ ๆ ไป ๕. อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ (นายสด แดงเอียด) อธิบดีกรมการศาสนา

34


สรุปเรื่องย่อการ์ตูนส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชน เรื่อง น้ำใจไอ้ทอง ข้อคิดที่ได้ - ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ - ความเมตตากรุณาต่อผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก - ความมีน้ำใจต่อผู้อื่น


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.