ถ้าท่านเชื่อ... ก็ให้ลงมือทา (Faith in Action)
ถ้าท่านเชื่อ... ก็ให้ลงมือทา (Faith in Action) วิศรุต จินดารัตน์ “พูดอย่างไรก็ให้ทาตามที่ได้พูดไว้นั้น ” (walk the talk) เป็นสานวนที่เหมือนกับ “จงปฏิบัติอย่างที่ท่านได้เทศนาสั่งสอนไว้ ” (practice what you preach) เมื่อพูดหรือ บอกให้ผู้อื่นทาอย่างไรตนเองก็ลงมือทาตามที่ได้พูดไว้ เป็นแบบอย่างแก่ผู้ฟัง ผู้พบเห็น ปราศจากการกระทาคาพูดก็ไร้ผล เชื่ออย่างไรก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไรก็ทาตามคาพูด นัน้ พระธรรมกิจการของอัครทูต 7:54-60 “เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกบาดใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่สเทเฟน ฝ่ายสเทเฟนประกอบด้วยพระวิญญาณ บริสุทธิ์ ได้เขม้นดูสวรรค์เห็นพระสิริของพระเจ้า และพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วท่านได้กล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าแหวกเป็นช่องและบุตร มนุษย์ยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า ” แต่เขาทั้งหลายร้องเสียงดังและอุดหู วิ่งกรูกันเข้าไปยังสเทเฟน แล้วขับไล่ท่านออกจากกรุงและเอาหินขว้าง ฝ่ายคนที่เป็นพยาน ปรักปราสเทเฟน ได้ฝากเสื้อผ้าของตนวางไว้ที่เท้าของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อเซาโล เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟน เมื่อกาลังอ้อนวอนองค์พระผู้ เป็นเจ้าอยู่ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอ ทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย” สเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้ ” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วง หลับไป” ทุกวันนี้มีหลายคนพยายามนาเสนอตัวเองให้เป็นข่าวอยู่เสมอ ปรากฏภาพของตนเองและให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีช่องต่ างๆ พูดจาโผงผางคุยโตโอ้อวดว่าตนเองรู้ ตนเอง มีอานาจ มีความรับผิดชอบ ลอยหน้าลอยตาตามสื่อต่างๆจนคนทั่วไปเอือมระอากับกิริยาท่าทางที่ยโสโอหัง ไม่เคยทาอะไรสาเร็จอย่างที่เคยเป็ นข่าวเลย คือดีแต่พูดแต่ไม่เคย ลงมือทา สเทเฟนเป็นนักเทศน์ที่มีความกล้าหาญ ท่านเชื่ออย่างไรก็ทาอย่างนั้น ดังนั้นความเชื่อจึงทาให้คาพูด คาสอน คาเทศนาของท่านมีน้าหนัก มีพลังในการเปลี่ยนแปลง ชีวิตจิตใจของผู้ฟัง ความเชื่อของท่านสาแดงออกโดยการกระทาและคาพูดที่หนักแน่นมั่นคง ดังคาเทศนาที่ทิ่มแทงใจดาของบรรดาปุโรหิตและคนจากธรรมศาลา ชาวไซรีน ชา วอเลกซานเดรีย และบางคนจากซิลีเซีย และเอเชีย จนคนเหล่านี้เดือดดาลแล้วพากันเอาก้อนหินข้างใส่ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจตายได้อธิษฐานขอพระเป็นเจ้ ายกโทษต่อผู้ที่กาลัง ทาร้าย
พระธรรมกิจการของอัครทูต 7:60 “สเทเฟนก็คุกเข่าลงร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดอย่าทรงถือโทษเขาเพราะบาปนี้ ” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วก็ล่วง หลับไป” คาอธิษฐานของสเทเฟนเพื่อคนเหล่านั้นที่รุมทาร้ายเขาจนถึงชีวิตเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของบรรดาผู้ที่ปรักปราเขาให้สานึกในความผิดบาป ของตน จิตใจของสเทเฟนทาด้วยอะไร ทาไมเขาจึงมีความกล้าหาญในการเทศนาให้ผู้ที่มีอานาจพร้อมประหารเขาให้ตายได้รับฟัง อีกทั้งยังมีจิตใจเมตตาอธิษฐาน เผื่อแม้ผู้ที่ กาลังฆ่าเขาให้ตาย สิ่งที่ทาให้สเทเฟนทาได้เช่นนี้ก็คือ “ความเชื่อ” ความเชื่อนาสู่การปฏิบัติ ปราศจากความเชื่อแล้วสเทเฟนไม่อาจทาสิ่งนี้ได้เลย ความเชื่อนั้นปิดบังไว้ไม่ได้จะเก็บซ่อนไว้ อย่างไรก็ไม่มิดชิด เพราะความเชื่อก่อให้เกิดการกระทา ปราศจากการกระทาก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว พระธรรมยากอบ 2:26 “...ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้ว” ความเชื่อจะเป็นแรงให้เกิดการกระทา หลายคนมีความเชื่อเต็มร้อย หรือบางคนอาจบอกว่าเกินร้อย แต่ไม่มีการกระทาเกิดขึ้น ไม่มีการประพฤติปฏิบัติอันแสดงว่ามี ความเชื่อ มันก็คือความเชื่อที่ตายแล้วนั่นเอง มีคาพูดว่า “ถ้ามันพูดได้อย่างเป็ด และเดินได้อย่างเป็ด มันก็น่าจะเป็นเป็ด ” แต่สาหรับคนที่พูดอย่างกับว่าตนมีความเชื่อ แต่การกระทาราวกับคนไม่มีความเชื่อ เรา จะเรียกเขาว่าเป็นคนมีความเชื่อได้ไหม เพราะถ้าเราเชื่ออย่างไรย่อมส่งผลออกมาที่การกระทาของเราอย่างนั้นเสมอ สเทเฟนเชื่อในสิ่งที่เขาเทศนาสั่งสอน เขาจึงพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อพระวจนะนั้น เขาเชื่อว่าพระองค์จ ะทรงดูแลจิตวิญญาณของเขาแม้ในยามที่ชีวิตของเขากาลังจะ จากโลกนี้ไป เขาเชื่อในคาสอนขององค์พระเยซูคริสต์ที่ว่าด้วย “การให้อภัย” เขาจึงวิงวอนขอการยกโทษต่อผู้ที่กาลังเอาก้อนหินขว้างเขาให้ตาย ทาไมเขาทาได้อย่างนี้ คาตอบ คือ ความเชื่อทาให้เขาปฏิบัติตามที่เขาเชื่อได้ (Faith leads to action) การกระทาของเราบ่งบอกถึงความเชื่อที่เรายึดถือ หากปราศจากความเชื่อแม้มีการกระทาก็ไร้ผล ยิ่งเป็นการกระทาเพื่อให้ตนเองมีผลงานเข้า ตาผู้อื่นการกระทานั้นๆก็ ว่างเปล่าไม่เป็นที่ถวายพระเกียรติยศแด่พระเจ้า หากชีวิตของเราไม่มีผลงานใดๆปรากฏก็ให้ หันมาดูว่าความเชื่อของเราเป็นอย่างไร ต้องพัฒนาความเชื่อที่ถูกต้อง ที่แท้จริง แน่นอนผลงานย่อมตามมา “ถ้าท่านเชื่อ... ให้ลงมือปฏิบัติตามที่เชื่อ”