มีวาระสำหรับทุกสิ่ง by (Misty Chorus Faith Mission)

Page 1

มีวาระสาหรับทุกสิ่ง (A time for everything)


มีวาระสาหรับทุกสิ่ง (A time for everything) วิศรุต จินดารัตน์ มีฤดูกาลสาหรับทุกสิ่งและมี วาระสาหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างมีจุดมุ่งหมายและเป็นไปตามวาระของมัน เช่นเดียวกั บการ ประชุมที่ต้องเป็นไปตามวาระ (agenda) ที่ได้กาหนดไว้ล่วงหน้า แต่ละวาระมีวัตถุประสงค์ในตัวเอง แต่ละเวลามีจุดมุ่งหมายต่างกันและจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่ หยุดอยู่กับที่ บางคนราพึงราพันอยากหยุดเวลาแห่งความสุข ความทรงจาที่แสนหวานเอาไว้นานๆ แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะวันเวลาจะต้องผ่านไป เสมอ ชีวิตมนุษย์ไม่อาจแยกออกจากเวลาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างอย่างเป็นระบบระเบียบของพระเจ้าได้ พระธรรมปฐมกาล 1:14 “พระเจ้าตรัสว่า จงมีดวงสว่างบนฟ้าเพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นเครื่องหมายกาหนดฤดู วัน ปี” แต่เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นตามเวลานั้นๆก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ ทุกสิ่งล้วนเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วทั้งสิ้น พระธรรมปัญญาจารย์ 1:9 “สิ่งที่เป็นขึ้นแล้วคือสิ่งที่จะเป็นขึ้นอีก สิ่งที่ทากันแล้วคือสิ่งที่จะต้องทากันอีก และไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ” (What has been done will be done again, there is nothing new under the sun.) สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ย่อมจะต้องเกิดขึ้นอีก ที่เป็นอยู่แล้วก็จะเป็นอยู่อีก หมุนเวียนเปลี่ยนไป มีกลางวัน กลางคืน เดือน ปี แม้ภัย พิบัติที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ของ ประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งดูเหมือนเป็นความหายนะที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตก็ล้วนเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วในอดีต พระธรรม 2 ซามูเอล 22:5-6 “เพราะคลื่นมัจจุราชล้อมข้าพเจ้า (The waves of death surrounded me) กระแสแห่งความหายนะท่วมท้นข้าพเจ้า กระทาให้กลัว สายใยของแดนคนตายพันตัวข้าพเจ้า บ่วงมัจจุราชปะทะข้าพเจ้า” มีเวลา มีวาระสาหรับทุกสิ่ง เหตุการณ์ต่างๆล้วนเกิดขึ้นตามวันเวลาที่พระเป็นเจ้าได้ทรงมีกาหนดไว้อย่างถูกต้อง ทุกสิ่งจึงต้องเกิดขึ้นตามวาระที่ทรงพระ ประงสงค์ พระธรรมปัญญาจารย์ 3:17 “…มีเวลากาหนดไว้สาหรับทุกเรื่อง และสาหรับการงานทุกอย่าง” (A time for every activity, a time for every deed) มนุษย์ต่างหากที่มีข้อจากัดในการรับรู้ เขาไม่อาจล่วงรู้วาระต่างๆได้


พระธรรมปัญญาจารย์ 3:11 “พระองค์ทรงกระทาให้สรรพสิ่งงดงามตามฤดูกาลของมัน พระองค์ทรงบรรจุนิรันดรกาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ยัง มองไม่เห็นว่าพระเจ้าทรงกระทาอะไรไว้ตั้งแต่ปฐมกาลจนสุดท้าย” องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบวัน เวลา วาระที่ได้กาหนดไว้แล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สิ่งเหล่านี้ได้ เพราะมนุษย์มีข้อจากัด เข าจึงต้องถ่อมใจลงสยบยอมต่อ พระองค์ พระธรรมปัญญาจารย์ 3:14 “ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า สารพัดที่พระเจ้าทรงกระทาก็ดารงอยู่เป็นนิตย์ จะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปอีกก็ไม่ได้ หรือจะชักออกเสียก็ไม่ได้ พระเจ้าทรงกระทาเช่นนั้นเพื่อให้คนทั้งหลายมีความยาเกรงต่อพระพักตร์พระองค์” พระประสงค์ของพระเจ้าก็คือ ให้มนุษย์มีความเคารพยาเกรงพระองค์ เขาจะต้องแสวงหาน้าพระทัยของพระเจ้าและเรียนรู้จากวาระต่างๆที่เกิดขึ้น จากวาระเริ่มต้นจนถึงวาระสิ้นสุด เหมือนบทเพลงที่มีบทนา (introduction) และบรรเลงจนถึงท่อนสุดท้าย จึงจะได้สัมผัสกับความไพเราะอย่างแท้จริง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานฤดูกาลสาหรับทุกสิ่งและวาระสาหรับเรื่องราวทุกอย่างแก่เรา เราจะใช้เวลาวันคืนของชีวิตสนองตอบต่อพระประสงค์ของ พระองค์อย่างไร ประการแรก : ใช้เวลา (วันคืนของชีวิต) ด้วยความยาเกรงพระเจ้า การดาเนินชีวิตขณะยังมีชีวิตอยู่จะต้องตระหนักเสมอว่ า ทุกเวลานาทีมีค่า จะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า อยู่ไปวันๆ ไม่ทาประโยชน์อะไร (หายใจทิ้ง ไปวันๆ) แต่จะใช้วันเวลาอย่างมีคุณค่า ใช้ด้วยความรับผิดชอบ ดาเนินชีวิตในทางของพระเจ้า ถ่อมใจไปกับพระองค์ และมีความยาเกรงพระเจ้าเสมอ พระธรรม 1 เปโตร 1:17 “…จงประพฤติตนด้วยความยาเกรงพระเจ้าตลอดเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกนี้” ทุกเวลาวันคืนของชีวิตอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้า ได้รับการดูแลเอาใจใส่เสมอมา พระธรรมสดุดี 31:15 วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์พระองค์ เหมือน นักเรียนที่มีชั่วโมงเรียนกับครูจะต้องใช้เวลาในชั่วโมงนั้นด้วยความรับผิดชอบ ทุกนาทีจะต้องแสดงออกซึ่งการให้เกียรติและเคารพต่อครูผู้สอน ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เราจึงต้องใช้วันเวลาด้วยความยาเกรงต่อพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตเรา ยอมรับและทาตามพระประสงค์ของพระองค์ ดังเพลงไทย นมัสการบทที่ 19 “แสงแห่งจิตข้าฯ โอพระผู้ไถ่” ข้อ 4 ชีวิตของข้าฯอยู่ในพระองค์ ควรเดินตามทางที่ทรงจานง เมื่อถึงเวลาข้าฯวางวายชนม์ ขอรับข้าฯไปสวรรค์เบื้องบน


ประการที่สอง : ใช้เวลา (วันคืนของชีวิต) ด้วยปัญญาจากพระเจ้า ดาเนินชีวิตอย่างคนมีปัญญา เพราะวันคืนในชีวิตของมนุษย์ทุกคนมีไม่มากนัก คนมีปัญญาก็จะเข้าใจได้ว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไรจึงจะเป็นที่พอ พระทัยพระเจ้า พระธรรมสดุดี 90:12 เป็นคาอธิษฐานของโมเสสที่พูดถึงความเป็นอมตะของพระเจ้าและความเป็นอนิจจังของมนุษย์ เพราะตระหนักว่าวันเวลาในชีวิตของคน ไม่ยืนยาวนักจึงขอให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคนที่มีปัญญา “ขอพระเจ้าโปรดสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันคืนแห่งชีวิตที่เหลืออยู่อย่างถูกต้อง เพื่อ ข้าพระองค์ ทั้งหลายจะเกิดปัญญา สามารถรับรู้น้าพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์” คนที่รู้ว่าใช้เวลาอย่างไรจึงเป็นที่พอพระทัย เขาคนนั้นคือคนที่ทาตามพระประสงค์ของพระองค์ พระธรรมปัญญาจารย์ 8:5 “ผู้ที่กระทาตามพระบัญชาจะไม่ประสบอันตราย และจิตใจของคนมีปัญญาก็เข้าใจวาระและวิธีการ” คนที่ใช้เวลาวันคืนของชีวิตด้วยปัญญาก็จะพบความปลอดภัย วันเวลาในชีวิตจึงไม่ได้เป็นเพียงนาที ชั่วโมงที่ผ่านไปตามเข็มนาฬิกา แต่คือโอกาสที่เปิดแก่เราทุกคนให้ใช้เวลาทาในสิ่งที่ดี ทาในสิ่งที่เกิดปัญญา เป็นคน ที่รู้จักใช้ประโยชน์จากเวลาที่พระเจ้าประทานให้ พระธรรมเอเฟซัส 5:15 “เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดาเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา” ใช้เวลาด้วยปัญญา ประการสุดท้าย : ใช้เวลา (วันคืนของชีวิต) ด้วยสานึกในพระคุณของพระเจ้า ดาเนินชีวิตด้วยใจโมทนาขอบพระคุณในสารพัดสิ่งที่ทรงประทานแก่เรา สรรเสริญพระเจ้าเพราะบรรดาพระราชกิจอันมีพระคุณที่ทรงมีต่อเรา ทุก วันเวลาใน ชีวิตจึงต้องใช้ด้วยสานึกในพระคุณ พระธรรมสดุดี 103:1-2 “จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้าและทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้าจงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ จิตใจของ ข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์” นี่คือการเตือนเราให้ระลึกเสมอว่าต้องใช้วันเวลาของชีวิตนี้อย่างคนที่มีสานึกในพระคุณของพระเจ้า


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.