อาหารแห่งชีวิต by (Misty Chorus Faith Mission)

Page 1

อาหารแห่งชีวิต (The Bread of Life)


อาหารแห่งชีวิต (The Bread of Life) วิศรุต จินดารัตน์ พระธรรมยอห์น 6:35 “พระเยซูตรัสกับเขาว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย” องค์พระเยซูคริสต์ทรงตรัสคาเปรียบเทียบให้คนอิสราเอลเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าพระองค์ ทรงเป็นเหมือน “อาหาร” ที่มนุษย์ต้องกินเป็นประจา เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ เพื่อขจัดความหิว อาหารที่คุ้นเคยและรู้จักกันดีนั้นก็คือ “ขนมปัง” (bread) สิ่งจาเป็นในชีวิตประจาวัน ขาดไม่ได้ นอกจากนั้นขนมปังยังเป็นสิ่งสาคัญที่นามาใช้เป็น เครื่องบูชาถวายแด่พระเป็นเจ้าในเทศกาลเก็บเกี่ยวด้วย พระธรรมเลวีนิติ 23:17 “จงนาขนมปังสองก้อนทาด้วยแป้งสองในสิบเอฟาห์จากที่อาศัยของเจ้ามาทาพิธียื่นถวาย ให้ทาด้วยยอดแป้งใส่เชื้อปิ้งเป็นผลรุ่น แรกแด่พระเจ้า” พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้บันทึกเรื่องราวของชนชาติอิสราเอลที่ต้องเดินทางอพยพออกจากแดนอียิปต์รอนแรมในทะเลทราย พวกเขาได้รับ การเลี้ยงดูจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ประทานมานาให้ตกลงมาจากฟ้าเพื่อเป็นอาหารแก่พวกเขา พระธรรมอพยพ 16:14-15 “เมื่อน้าค้างระเหยไปแล้ว ก็เห็นสิ่งหนึ่งเหมือนเกล็ดเล็กๆเท่าเม็ดน้าค้างแข็ง อยู่ที่พื้นดินในถิ่ นทุรกันดารนั้น เมื่อชนชาติ อิสราเอลเห็นจึงพูดกันว่า “นี่อะไรหนอ” เพราะเขาไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า “นี่แหละเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้พวกท่านรับประทาน”” มานา (manna) เป็นเม็ดขาวเหมือนเมล็ดผักชี มีรสเหมือนขนมแผ่นผสมน้าผึ้ง หรือเหมือนขนมคลุกน้ามัน ในเวลากลางคืนเมื่อน้าค้างตกมานาก็ตกลงมา ด้วย ชนชาติอิสราเอลเก็บกินมานาเป็นอาหารแทนขนมปัง ดังปรากฏในพระธรรมอพยพ 16:14,31 พระธรรมกันดารวิถี 11:7-8 สมัยพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ประชาชนได้ทูลขอองค์พระเยซูคริสต์แสดงหมายสาคัญเพื่อพวกเขาจะได้เห็นและวางใจในพระองค์ โดยพวก เขากล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตครั้งบรรพชนของเขายังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พระธรรมยอห์น 6:30-31 “เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจะกระทาหมายสาคัญอะไร เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายจะเห็นและวางใจในท่าน ท่านจะ กระทาอะไรบ้าง บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายได้กินมานาในถิ่นทุรกันดาร ตามที่มีคาเขียนไว้ว่า ท่านได้ให้เขากินอาหารจากสวรรค์” ชาวยิวเรียกร้องให้พระเยซูคริสต์สาแดงหมายสาคัญเพื่อพวกเขาจะเชื่อและวางใจในพระองค์ได้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเมสิยาห์ของพวกเขา คาถามและข้อ เรียกร้องของพวกเขาแสดงถึง ความคิดที่ คับแคบ ความมืดบอดแห่งจิตใจ (the shallowness of their thought and the spiritual blindness) พวกเขาคิดเปรียบเทียบ การเลี้ยงอาหารห้าพันคนที่พระองค์ได้ทรงกระทา (พระธรรมยอห์น 6:1-14) กับเหตุการณ์ที่พระเจ้าประทานมานาเลี้ยงดูบรรพบุรุษ ของพวกเขาครั้งยังรอนแรมใน


ทะเลทราย (พระธรรมอพยพ 16) ในความคิดความเข้าใจของพวกเขานั้นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงกระทานั้นดูเหมือนว่าเล็กน้อย เป็นการอัศจรรย์ที่ไม่ยิ่งใหญ่เมื่อ เปรียบเทียบกับสิ่งที่โมเสสได้กระทาอันเป็นเป็นการเลี้ยงดูคนทั้งประเทศด้วยอาหารที่มีปริมาณมากกว่า หากพระองค์เป็นพระเจ้าก็น่าจะสาแดงการอัศจรรย์ได้ ยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาจึงจะเชื่อได้ พระองค์ต้องกระทาหมายสาคัญที่เหนือกว่าจึงจะเป็นที่ประทับใจพวกเขา องค์พระเยซูคริสต์จึงตอบพวกเขาด้วยความจริงที่ว่า โมเสส ไม่ใช่ผู้ที่ประทาน “อาหารจากสวรรค์” (heavenly bread) แก่พวกเขา ขณะเดียวกันก็เปิดเผยให้พวกเขารู้ว่าพระองค์คือ “อาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์” (the real bread from heaven) พระธรรมยอห์น 6:32 “พระเยซูตรัสกับเขาว่า เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มิ ใช่โมเสสที่ให้อาหารจากสวรรค์นั้นแก่ท่าน แต่พระบิดาของเรา ประทานอาหารแท้ซึ่งมาจากสวรรค์ให้แก่ท่านทั้งหลาย” พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วจะเห็นได้ว่า มานาที่ประทานให้ชนชาติอิสราเอลรับประทานนั้นเป็นอาหารที่ตกลงมาเป็นครั้งคราว มีวันหมดอายุ บู ดเน่าหรือเสีย ได้ อีกทั้งจากัดอยู่เพียงเพื่อเลี้ยงดูพวกเขาเท่านั้น แต่องค์พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นอาหารแห่งชีวิต (the bread of life) นั้นไม่ได้ถูกจากัดโดยวันเวลา บุคคล และสถานที่ ทรงเป็นอาหารที่เลี้ยงดูคนทั้งโลก พระธรรมยอห์น 6:33,48 “เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก... เราเป็นอาหารแห่งชีวิต” องค์พระเยซูคริสต์จึงทรงเป็น “อาหารดารงชีวิต” (the living bread) บรรดาผู้ที่ได้กินจะมีชีวิตนิรันดร์ เป็นอาหารที่มีคุณค่ามากยิ่งกว่ามานาที่บรรพ บุรุษของพวกเขาได้รับประทาน พระธรรมยอห์น 6:49-51 “บรรพบุรุษของพวกท่านได้กินมานาในถิ่นทุรกันดารแล้วก็ยังเสียชีวิต แต่นี่เป็นอาหารที่ ลงมาจากสวรรค์เพื่อให้คนที่ได้กินแล้วไม่ ตาย เราเป็นอาหารดารงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกนั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา” พระเยซูคริสต์ทรงเลี้ยงดูประชากรห้าพันคนด้วยอาหารฝ่ายร่างกายในอดีตมาแล้ วฉันใด วันนี้พระองค์ยังทรงพร้อมเลี้ยงดูเราทุกคนด้วยอาหารฝ่ายจิต วิญญาณด้วยถ้อยคาแห่งชีวิตนิรันดร์ฉันนั้น บรรดาผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์จึงกล่าวได้อย่างเต็มปากเช่นเดียวกับสาวกของพระองค์ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาใครได้ พระองค์ทรงมีถ้ อยคาแห่งชีวิตนิรันดร์ และพวกข้าพระองค์ก็เชื่อและทราบแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ของพระ เจ้า” (พระธรรมยอห์น 6:68-69)


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.