สตรีผู้มีพันธะใจ by (Misty Chorus Faith Mission)

Page 1

สตรีผู้มพ ี ันธะใจ


สตรีผู้มีพันธะใจ วิศรุต จินดารัตน์ ประเพณีของชาวยิวมีข้อห้ามสาหรับสตรีไว้ค่อนข้างเข้มงวด เช่น การไม่อนุญาตให้ สอนธรรมบัญญัติแก่ผู้หญิง ถือเป็นความบาป หรือแม้ แต่ การเข้าไปในธรรมศาลาก็ต้องแยกที่นั่งโดยไม่ให้รวมอยู่กับผู้ชาย นอกจากนั้นสตรียังถูกตั้งข้อรังเกียจเพราะการมีรอบเดือนของเธอ พระธรรมเลวีนิติ 15:19-20 “เมื่อสตรีมีสิ่งไหลออกเป็นโลหิตประจาเดือนเธอจะต้อง เป็นมลทินไปเจ็ดวัน และผู้ใดแตะต้องเธอจะต้องเป็น มลทินจนถึงเวลาเย็น ขณะเมื่อเธอมีมลทินเธอไปนอนที่ใดที่นั้นก็มีมลทิน สิ่งใดที่เธอไปนั่งทับสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน” สตรีถูกมองว่าเป็นต้นเหตุแห่งความบาปอันเนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นเพื่อป้องกันการล่อลวงที่จะก่อให้เกิดความผิดทางเพศ ผู้ ชาย ชาวยิวจึงได้รับการสั่งสอนว่าห้ามพูดคุยกับสตรีในที่สาธารณะแม้กับภรรยาของตนเอง หรือห้ามถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง แต่องค์พ ระเยซูคริสต์กลับทาในสิ่ง ตรงข้าม พระองค์พูดคุยกับผู้หญิงอย่างเปิดเผย พระธรรมยอห์น 4:27 “ขณะนั้นสาวกของพระองค์ก็มาถึง เขาประหลาดใจที่พระองค์ทรงสนทนากับผู้หญิง แต่ไม่มีใครถามว่าพระองค์ทรง ประสงค์อะไร หรือ ทาไมพระองค์จึงทรงสนทนากับนาง” ไม่เพียงพระองค์ทรงพูดคุยกับสตรีในที่สาธารณะเท่านั้นแต่พระองค์ยังทรงจับมือเขาด้วย พระธรรมมาระโก 5:41 “พระองค์จึงจับมือเด็กหญิงนั้นตรัสว่า ทาลิธา คูมิ แปลว่า เด็กหญิงเอ๋ย เราว่าแก่เจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” พระองค์ทรงเชิญชวนสตรีที่มีความกระหายในพระวจนะของพระเจ้าติดตามพระองค์ไปยังที่ ต่างๆ ดังบันทึกของท่านลูกา 23:49 ที่พูดถึงพวก ผู้หญิงซึ่งได้ตามพระองค์มาจากกาลิลี สตรีเป็นจานวนมากที่มารับเชื่อพึ่งในองค์พระเยซูคริสตเจ้า และเขาเหล่านั้นก็ได้เดินทางติดตาม พระองค์และ บรรดาสาวกของพระองค์ไปยังที่ต่างๆ โดยเป็นผู้ช่วยเหลือด้านอาหารการกินในชีวิตประจาวัน พระธรรมลูกา 8:1-3 “ต่อมาพระองค์ก็เสด็จไปตามบ้านตามเมือง ทรงประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า สาวกสิบสองคนนั้นก็อยู่ กับพระองค์พร้อมกับหญิงบางคนที่มีผีร้ายออกจากนางและที่หายโรคต่างๆ คือมารีย์ที่เรียกว่าชาวมักดาลา ที่พระองค์ได้ทรงขับผีออกจากนางเจ็ดผี และ โยอันนาภรรยาของคูซา ต้นเรือนของเฮโรด และสูสันนาและผู้หญิงอื่นๆหลายคนที่เคยปรนนิบัติพระองค์และสาวกด้วยปัจจัยของเขา” ทั้งคาพูดและการกระทาขององค์พระเยซูคริสตเจ้าก็ได้เป็นประจักษ์พยานแก่คนทั่วไปแล้วว่า พระองค์ทรงปฏิบัติต่อสตรีเพศเสมอภาคเท่าเทีย ม กับบุรุษเพศ ด้วยน้าพระทัยที่เปิดกว้างเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ยังความประหลาดใจแก่เพศชายซึ่งถือว่าตัวเองสูงส่งและเหนือกว่าสตรีเพศ แต่สาหรับ


องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน ดังจะเห็นได้จากพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ได้บันทึกเรื่องราวความเชื่อของหญิงชาวคานาอันผู้หนึ่งที่มากราบ ทูลขอความช่วยเหลือให้พระองค์ขับผีออกจากลูกสาว แม้ชาวยิวจะตั้งข้อรังเกียจคนต่างชาติ พระธรรมมัทธิว 15:28 “แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด และลูกสาว ของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น” แม้ในยามคับขันอยู่ในภาวะวิกฤติครั้งที่เขาตรึงองค์พระเยซูคริสตเจ้าบนกางเขน ภายใต้บรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่น่ากลัวเป็นสถานการณ์ ของความตายที่กาลังจะเกิดขึ้น เราเห็นได้ว่าบรรดาสตรีเพศเหล่านั้นดูเหมือนจะมีความสัตย์ซื่อและจงรักภักดีต่อพระองค์มากยิ่งกว่าบรรดาสาวกซึ่งเป็น ชายอกสามศอกเสียอีก พระธรรมมาระโก 15:40-41 ”มีพวกผู้หญิงมองดูอยู่แต่ไกล ในพวกผู้หญิงนั้นมีมารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบน้อย และของโยเสส และนางสะโลเม ผู้หญิงเหล่านั้นได้ติดตามและปรนนิบัติพระองค์ เมื่อพระองค์ยังอยู่ในแคว้นกาลิลี และผู้หญิงอื่ นอีกหลายคนที่ได้ขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็ม กับพระองค์ได้อยู่ที่นั่น” ความเชื่อและวัฒนาธรรมประเพณีแบบดั้งเดิมที่ยึดถือในเรื่อง “ความไม่สะอาดหรือมลทิน ” ของสตรีไม่ได้เป็นอุปสรรคสาหรับเพศหญิงที่มุ่ง แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไปเพราะองค์พระเยซูคริสตเจ้าได้เปิ ดประตูสู่ความรอดเพื่อเพศชายหญิงอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทุกคนจึงได้รับคา เชื้อเชิญจากพระองค์ให้มีส่วนร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในพันธกิจของพระเจ้าด้วยกัน คริสตจักรในยุคเริ่มต้นจึงไม่มีความแตกต่างระหว่างเพศชาย เพศ หญิง ทุกคนมีสถานภาพเท่าทียมกันในฐานะผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสเจ้า พระธรรมกาลาเทีย 3:27-28 “เพราะว่าคนที่รับบัพติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้วก็จะสวมชีวิตพระคริสต์ จะไม่เป็นยิวหรือกรีก จะไม่เป็นทาส หรือไท จะไม่เป็นชายหรือหญิง เพราะว่าท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยพระเยซูคริสต์” ในองค์พระเยซูคริสต์ทุกคนจึงมีความเท่าเทียมกัน สถานภาพของสตรีเพศได้รับการยกฐานะและยอมรับ เพราะความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน ทุกคนจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงรื้อกาแพงประเพณีที่เคยขวางกั้นระหว่างชนชั้นและเพศลงแล้ว จึงไม่สมควร ที่ใครจะสร้าง ความเหลื่อมล้าและการกดขีท่ างเพศให้เกิดขึ้นอีก เมื่อสตรีมีความเท่าเทียมกับบุรุษดังได้กล่าวมาแล้ว เธอจึงควรมีบทบาทต่อพันธกิจที่พระเป็นเจ้าทรงมอบหมายในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้ ประการแรก : พันธกิจด้านการเป็นคู่อุปถัมภ์ของสามี องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาตามพระฉายาของพระองค์โดยให้เพศชายและหญิงมีความเสมอภาคกันและมีคุณค่าและความหมาย เท่าเทียมกันในสายพระเนตรของพระองค์


พระธรรมปฐมกาล 1:27 “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” มนุษย์จึงมีความเท่าเทียมกันโดยถอดแบบมาจากพระผู้สร้างองค์เดียวกัน แม้มีความแตกต่างกันทางเพศแต่ทั้งสองต่างเป็นส่วนประกอบของกัน และกัน เพื่อให้ชีวิตมีความสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้กาเนิดบุตรได้หากปราศจากเพศตรงข้าม ต่างจึงต้องพึ่งพาซึ่งกันและ กัน เป็นคู่ อุปถัมภ์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน พระธรรมปฐมกาล 2:18,23 “เพราะเจ้าตรัสว่าไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียว เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น... ชายจึงว่า นี่แหละกระดูก จากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย” พระเจ้าตรัสว่าไม่ควร หรือ ไม่ดี ที่ชายจะอยู่คนเดียวแสดงให้เห็นถึงการทรงสร้างของพระองค์ ใน พระธรรมปฐมกาล 1:31 “พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก” ทุกสิ่งที่ทรงสร้างจะต้องสมบูรณ์ ดีพร้อม ดังนั้นเพื่อให้มีความดีพร้อม เป็นเลิศ จึงทรงสร้างหญิงให้เป็นผู้ช่วย เป็นคู่คิด เป็นผู้ เติมเต็มในส่วนที่ ฝ่ายชายยังขาดอยู่ เพื่อการสืบเผ่าพันธุ์ เพื่อการดูแลโลกใบนี้ เพื่อการงานที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจะสาเร็จ เพศหญิ งจึงถูกสร้างมาเพื่อเป็นคู่ อุปถัมภ์ฝ่ายชายและต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน พระธรรม 1 โครินธ์ 11:11-12 “ถึงกระนั้นก็ดี ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ชายก็ต้องพึ่งผู้หญิง และผู้หญิงก็ต้องพึ่งผู้ชาย เพราะว่าผู้หญิงนั้นทรงสร้าง มาจากผู้ชายฉันใด ต่อมาผู้ชายก็เกิดมาจากผู้หญิงฉันนั้น” ประการที่สอง : พันธกิจด้านการอบรมเลี้ยงดู ฟูมฟักบุตรหญิงชาย ถึงแม้ว่าไม่ใช่สตรีทุกคนจะมีโอกาสได้แต่งงานหรือมีบุตร ถึงกระนั้นสตรีก็ยังมีพันธกิจ ที่ยิ่งใหญ่ให้รับผิดชอบ นั่นก็คือการเป็ นแม่ที่ต้องอบรม เลี้ยงดู ฟูมฟักลูกของตนให้เจริญเติ บโตขึ้นในทางของพระเป็นเจ้า เป็นพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ ความเป็นแม่ที่ต้องช่วยให้ลูกเจริญขึ้นทั้งด้านร่างกาย ด้าน สติปัญญา ด้านอารมณ์ ด้านสังคม เช่นเดียวกับมารีย์พระมารดาขององค์พระเยซูคริสตเจ้า ที่ได้เห็นลูกชายของเธอคลอดออกมา ได้อบรมเลี้ ยงดูฟูมฟัก จนสุดท้ายได้เห็นลูกชายถูกตรึง ที่กางเขน และที่สาคัญไม่น้อยไปกว่าด้านกายภาพก็คือด้านจิตวิญญาณ เห็นได้ชัดเจนจากชีวิตของมารีย์มารดา ของพระกุมารเยซูที่ได้ถวายบุตรของตนในพระวิหาร พระธรรมลูกา 2:21-22 “ครั้นครบแปดวัน เป็นวันให้พระกุมารนั้นเข้าสุหนัต เขาจึงให้นามว่าเยซู ตามซึ่งทูตสวรรค์ได้กล่าวไว้ก่อน เมื่อยังมิได้ ปฏิสนธิ์ในครรภ์ เมื่อถึงเวลาทาพิธีชาระตัวตามธรรมบัญญัติของโมเสส เขาจึงนาพระกุมารไปยังกรุงเยรูซาเล็มจะถวายพระเป็นเจ้า”


ครอบครัวชนชาติอิสราเอลที่ผู้เป็นบิดามารดานั้นตระหนักเสมอว่าบุตรที่เกิดมานั้น พระเป็นเจ้ าคือผู้ประทานให้มา เพราะพระองค์คือผู้ ประทานชีวิต ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องนาบุตร มาถวายแด่พระเจ้า ธรรมเนียมของชาวยิวนั้น ผู้ที่เป็นแม่จะต้องพาบุตรของตนไปหาผู้นาทางศาสนาคือพวกปุโรหิตให้วางมือขอพรจากพระเจ้า เช่นเดียวกับบรรดา คุณแม่ที่มักติดตามองค์พระเยซูคริสตเจ้าไปยังที่ต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อขอพระองค์วางพระหัตถ์อวยพรลูกของตน พระธรรมลูกา 18:15 “แล้วเขาอุ้มทารกมาหาพระองค์เพื่อจะให้พระองค์ทรงถูกต้องทารกนั้น” บทบาทของสตรีที่นอกจากจะเลี้ยงดูบุตรให้เจริญเติบโตขึ้นในทุกมิติแล้ว เธอยังเป็นแม่ที่เฝ้าอบรม เลี้ยงดู ฟูมฟั ก กล่อมเกลา เสริมสร้างให้เขา เติบโตเป็นประชากรของพระเจ้าด้วย นับเป็นพันธกิจที่ต้องรับผิดชอบอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ประการสุดท้าย : พันธกิจด้านการอภิบาลรับใช้คริสตจักร พันธกิจในด้านการเป็นคู่ชีวิต คู่คิดของสามี อีกทั้งพันธกิจที่มีต่อการอบรม ฟูมฟัก เลี้ยงดู กล่อมเกลาบุตรให้จาเริญขึ้นในทางของพระเจ้านั้นก็ นับว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แล้ว ขณะเดียวกันเมื่อเราศึกษาดูประวัติศาสตร์ของคริสตจักรในยุคเริ่มแรกก็จะพบว่าสตรีมีบทบาทในการดูแลผู้ ที่รับเชื่อใหม่ คน ยากจน คนแปลกหน้า และผู้ที่ถูกจองจา นับเป็นพันธกิจด้านการอภิบาลรั บใช้คริสตจักรในตาแหน่งของมัคนายก ผู้ที่มีความเชื่อและความประพฤติดีน่า นับถือ ดังปรากฏใน พระธรรม 1 ทิโมธี 3:11 “ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นมัคนายิกาต้องเป็นคนที่น่านับถือ ไม่ใส่ร้ายผู้อื่น เป็นคนรู้จักประมาณตน เป็นคนสัตย์ซื่อในการทั้ง ปวง” บทบาทของสตรีต่อพันธกิจการอภิบาลคริสตจักรนับได้ว่าเท่าเทียมกับบุรุษเพศ เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยกว่าฝ่ายชายซึ่งต้องเป็น แบบอย่างที่ดีของสมาชิก ท่านอัครทูตเปาโล ได้มีจดหมายไปถึงธรรมิกชนในกรุงโรมบรรยายความรักความสนิทสนมในพระคริสต์ซึ่งท่านมีต่อเพื่ อนร่วม พันธกิจรับใช้ด้วยกัน ทาให้เราเราพอจะเห็นภาพของสตรีในยุคคริสตจักรแรกเริ่มที่ทางานเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุรุษ ดังปรากฏใน พระธรรมโรม 16:1-2 “ข้าพเจ้าขอฝากน้องสาวของเราไว้กับท่าน คือ เฟบีผู้เป็น มัคนายิกาในคริสตจักรที่อยู่ในเมืองเคนเดรีย ของท่านรับ นางไว้ในพระนามขององค์พระผู้ เป็นเจ้าตามควรแก่ธรรมิกชน และขอให้ท่านช่วยนางในทุกสิ่งที่นางต้องการ เพราะนางได้ช่วยสงเคราะห์คนหลายคน รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย”


คาว่า “เฟบี” มาจากภาษากรีกมีความหมายว่าฉลาด ร่าเริง แจ่มใส ซึ่งเป็นคุณลักษณะของคริสตชนที่ดี เป็นมัคนายิกาที่ช่วยเหลือท่านอัครทูต เปาโลในการทาพันธกิจของพระเจ้า เพราะมีหลักฐานเชื่อได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีฐานะดีคนหนึ่ง เป็นผู้ที่สมาชิกให้ความเคารพนับถือ เธอเองอาจเป็นผู้ถือ จดหมายฉบับนี้จากเมืองโครินธ์ไปถึงคริสตจักรในกรุงโรม จากพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ทาให้เห็นถึงบทบาทของสตรีที่มีส่วนร่วมในก ารอภิบาล คริสตจักรยุคเริ่มต้น โดยเป็นผู้ดูแลคนเจ็บป่วย คนยากจน คนจรจัดพลัดถิ่น และผู้ที่ถูกจองจา มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้าสร้างขึ้นตามรูปเหมือน และทรงสร้างให้มีความเท่าเทียมกันทั้งสองเพศคือชายและหญิง (พระธรรม ปฐมกาล 1:27) สังคมจึงไม่ควรตั้งข้อรังเกียจเหยียดเพศว่าใครเหนือกว่าใครทุกคนเท่าเทียมกันในสายพระเนตรพระเจ้า แม้ว่าพระเจ้าทรงสร้างผู้หญิง จากผู้ชาย พระธรรมปฐมกาล 2:22 “ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าทรงชักออกมาจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง…” แต่ถึงกระนั้นผู้ชายก็ต้องออกมาจากผู้หญิงด้วยเช่นกัน พระธรรมเยเรมีย์ 30:6 “จงถามเถิดและดูว่าผู้ชายจะคลอดบุตรได้หรือ…” เราทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างเกิดมาจากแม่ ขอบพระคุณพระเจ้าสาหรับชีวิตของแม่ที่เป็นแบบอย่างแก่เรา เป็นสตรีผู้มีพันธะใจทั้งสามด้ าน ดังกล่าวมาแล้ว วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบรมราชินีนาถผู้เป็นแม่ของปวงชนชาวไทย ทรงเป็นสตรีผู้มีพันธะใจ ทรงตรากตราพระวรกายทางานหนักเพื่อ ประชากรหญิงชายของท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเวลาที่ทุกคนทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือกัน หันหน้าเข้าหากัน แสวงหาแนวทางการอยู่ร่ว มกันอย่าง สันติ ประสานรอยร้าว ร่วมกันแก้วิกฤติที่คนไทยทาร้ายทาลายกันเอง เป็นบาดแผลทางสังคม และเจ็บปวดไปทั้งประเทศ ขอพระเจ้าทรงประทานพระพร แห่งสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ของเรา ขอประทานพระพรอันอุดมแด่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถสตรีผู้ทรงมีพันธะใจในการดูแ ลเอาใจใส่ พสกนิกรไทยทุกคน อาเมน


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.