ตามรอยพุทธบาทพระศาสดา (๔) รศ.ชูชีพ อ่อนโคกสูง เช้ าตรู่วนั ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เดินทางถึงสวน ลุมพินีเข้ าสักการะ ชาตสถาน สถานที่ประสูติของ พระพุทธเจ้ า ซึง่ เป็ นสังเวชนียสถานแห่งที่ ๑ บริ เวณที่เชื่อ ว่าเป็ นสถานที่ประสูติของสิทธัตถราชกุมารคือจุดที่ตงเสา ั้ ศิลาของพระเจ้ าอโศกมหาราช สูง ๒๒ ฟุต ๔ นิ ้ว อายุกว่า ๒,๓๐๐ ปี ซึง่ มีจารึกภาษาพราหมีความว่า เป็ นสถานที่ ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระเจ้ าอโศก มหาราชเสด็จมาบูชาในปี ที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์ พระอาจารย์นาสวดมนต์บชู าสถานที่ประสูติและ ประทักษิณรอบเสาอโศก ๗ รอบ หลังเสาอโศกคือ มหามายาเทวีวหิ าร ภายในมีภาพศิลาสลักภาพพุทธ ประวัติปางประสูติ เป็ นรูปพระพุทธมารดาประทับยืน พระหัตถ์ขวาเหนี่ยวกิ่งสาละ เจ้ าชายสิทธัตถะออกมา ทางปั สสะขวาของพระมารดา มีรอยพระพุทธบาทที่ประทับ บนพื ้นโลกเป็ นรอยแรกด้ านหน้ ามหามายาเทวีวหิ าร มีสระ โบกขรณี ซึง่ เป็ นที่สรงสนานของพระนางสิริมหาเทวีก่อน และหลังพระประสูติกาล
ได้ เวลาพอสมควรเดินทางออกจากลุมพินีประเทศเนปาลกลับเข้ าอินเดียตาม เส้ นทางเดิม จุดหมายที่กสุ นิ าราหรื อกาเซียในปั จจุบนั เมืองนี ้เป็ นสถานที่พระพุทธเจ้ าเสด็จ ปรินิพพาน ได้ ปัจฉิมสาวก ประทานปั จฉิมโอวาท เป็ นที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรี ระและแจก พระบรมสารี ริกธาตุ เดินทางถึงกุสนิ าราตอนบ่ายแก่ ๆ เข้ าไปกราบสักการะ ปรินิพพานสถาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน อันเป็ นสังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ ณ สาลวโนทยาน มีสถูปเป็ น จุดที่หมายของต้ นสาละซึง่ เป็ นสถานที่ปรินิพพาน และมีวหิ ารปรินิพพานภายในประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางอนุฏฐิ ตสีหไสยาสน์คือปางเสด็จบรรทมครัง้ สุดท้ ายไม่ตื่นอีก พวกเราร่ วมกันแห่ ผ้ าห่มผ้ าห่มองค์พระก่อนเข้ าไปถวายในวิหาร หลังถวาย ฯ พระอาจารย์นาสวดมนต์ ทาสมาธิ เป็ นการปฏิบตั ิบชู ารอบองค์พระ ผมและภรรยาได้ ที่นงั่ หน้ าพระพักตร์ ขององค์พระพอดี จึง มองเห็นพระพักตร์ อยู่ตลอดเวลา บางครัง้ เห็นเป็ นเศร้ าสลด บางครัง้ เห็นเป็ นปี ติสขุ แย้ มพระ สรวลน้ อย ๆ ผมรู้สกึ เต็มตื ้นทังเศร้ ้ าสลดที่พระองค์จากไปและปี ติที่พระองค์เสด็จดับขันธปริ นิพพาน จนน ้าตาซึมออกมาโดยไม่ร้ ูตวั รู้สึกเป็ นบุญอย่างหาที่เปรี ยบมิได้ ที่มีโอกาสได้ มากราบ
ถวายการสักการะจนถึงสังเวชนียสถานแห่งนี ้ เกิดชาติหน้ าแสนใดขอให้ ได้ พบพระพุทธศาสนา ทุกภพทุกชาติไปด้ วยเถิดเจ้ าประคุณ
จากปรินิพพานสถานเดินทางต่อประมาณ ๑ กิโลเมตรถึงมกุฏพันธนเจดีย์ สถานที่ถวาย พระเพลิงพระพุทธสรี ระหลังจากปรินิพพาน ๗ วัน มีซากเจดีย์ทรงกลมครอบอยู่ ชาวบ้ าน เรี ยกว่า รามภาร์ พระอาจารย์นากล่าวคา บูชาสถานที่ถวายพระเพลิง ทาสมาธิเป็ น พุทธบูชาแล้ วเดินทางเข้ าพักที่ วัดไทยกุ สินาราเฉลิมราชย์ ซึง่ เป็ นวัดที่สร้ าง ขึ ้นเพื่อเป็ นพุทธบูชา และ เฉลิมพระ เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั ภูมิ พลอดุลยเดชมหาราช ในวาระครองสิริ ราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และ เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗๒ พรรษา เช้ ามืดวันเสาร์ ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ออกเดินทางกลับพุทธยาผ่านเมืองไวสาลี และเมืองปั ตนะโดยมิได้ แวะเยี่ยมชมและสักการะพุทธสถานแห่งใดที่มีในโปรแกรมอีกเลย เข้ าใจคงเป็ นเพราะต้ องเปลี่ยนโปรแกรมการเดินทางโดยรถไฟจาก ปั ตนะ-โกลกัตต้ า ไปเป็ น เดินทางโดยรถยนต์จาก พุทธคยา-โกลกัตต้ า แทน เนื่องจากกลัวว่ารถไฟจะเสียเวลามาก จะไป ไม่ทนั เครื่ อง ฯ บินกลับเมืองไทยตอนเก้ าโมงเช้ าวันรุ่งขึ ้น ระหว่างทางจากปั ตนะถึงพุทธคยา
ท่านพระอาจารย์มหาณัฐภูมิ พระธรรมะวิทยากร ให้ คณะ ฯ แสดงความคิดความรู้สึกที่ได้ มา แสวงบุญในครัง้ นี ้ หลังจากนันท่ ้ านสรุปว่า ท่านหวังว่าทุกคนจะได้ อย่างน้ อย ๒ อย่าง คือ ศรั ทธา และ ปั ญญา เพิ่มขึ ้น ผมฟั งท่านสรุปไปพิเคราะห์ไปได้ ข้อสรุปว่า ในส่วนตัวผมเองนัน้ ได้ เพิ่มมากเกินกว่าที่ท่านหวังไว้ อีกหนึ่ง นัน่ คือ ผมเกิดความรู้สกึ ซาบซึ ้งและอัศจรรย์ใจในความ วิริยะอุตสาหะและความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้ าต่อสรรพสัตว์ เทวดา และ สัตว์นรกทัง้ ปวง ผมจึงตังใจไว้ ้ วา่ จะปฏิบตั ิบชู าโดยงดดื่มทุกวันพระและทุกพรรษา ตังแต่ ้ บดั นี ้เป็ นต้ นไป กลับถึงพุทธคยา ๑๗ นาฬิกา พักผ่อนอาบน ้ารับประทานอาหารเย็นก่อนออก เดินทางต่อไปโกลกัตต้ า ก่อนออกเดินทางร่วมกันกราบขอบพระคุณ กราบลา และถวาย จตุปัจจัยแด่ท่านพระอาจารย์มหาณัฐภูมิ พระธรรมะวิทยากร ที่กรุณานาคณะ ฯ และบรรยาย ให้ เกิดความรู้ความเข้ าใจในสิง่ ต่าง ๆ ได้ อย่างสนุกสนานมีชีวติ ชีวาเป็ นอย่างยิ่ง หวังว่าเมื่อท่าน สาเร็จการศึกษาเป็ นดอกเตอร์ แล้ ว คงรี บกลับมาเป็ นกาลังสาคัญในการจรรยงค์พทุ ธศาสนาให้ เจริญรุ่งเรื องต่อไปอีกนานแสนนานนะครับ ออกเดินทางต่อจากพุทธคยาเวลา ๑๙ นาฬิกา ถึง โกลกัตต้ าเกือบตีห้า ๑๗ กุมภา ฯ ๒๕๕๖ หลังผ่านตรวจคนเข้ าเมืองเรี ยบร้ อยแล้ ว ไปรอขึ ้น เครื่ อง ฯ ไม่นานก็ออกเดินทาง ถึงกรุงเทพ ฯ บ่ายโมงกว่า ๆ โดยสวัสดิภาพ สัพเพ สัตตา, สัตว์ทงหลายที ั้ ่เป็ นเพื่อนทุกข์, เกิด แก่ เจ็บ ตาย, ด้ วยกันทังหมด ้ ทังสิ ้ ้น, อะเวรา โหนตุ, จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด, อย่าได้ มีเวรซึง่ กันและกันเลย, อัพยาปั ชฌา โหนตุ, จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด, อย่าได้ พยาบาทเบียดเบียนซึง่ กันและกันเลย,อะนีฆา โหนตุ, จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด, อย่าได้ มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย, สุขี อัตตานัง ปะริ หะรั นตุ,จงมี ความสุขกายสุขใจ,รักษาตนให้ พ้นจากทุกข์ภยั ทังสิ ้ ้นเถิด ผมตังใจเล่ ้ าเรื่ องนี ้เพื่อเป็ นพุทธบูชา จึงไม่เล่าเรื่ องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับพุทธประวัติ สิง่ ที่พบเห็นโดยทัว่ ไปผมถือว่า มันเป็ นเช่ นนัน้ เอง ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ธรรมะ วิทยากร หนังสือทาวัตรฉบับวัดปั ญญานันทาราม และขอบคุณเอกสารของธันนิชาแทรเวล สาหรับข้ อมูลในการเล่า เรื่ องอื่นโปรดติดตามใน เก็บตกอินเดีย ครับ.