006 จังหวัดจัดการตนเอง_ศ.ดร.จรัส สุวรร

Page 1

จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province) จากความสาเร็จในอดีต กลายเป็นอุปสรรคในปัจจุบัน ประเทศไทยเราประสบผลสาเร็จในการรวมศูนย์อานาจทางการเมืองการปกครอง สามารถสร้างรัฐชาติและพลเมืองให้เป็นปึกแผ่น เข้มแข็ง และรอดพ้นจาการถูกยึด ครองโดยประเทศเจ้าลัทธิล่าอาณานิคมมาได้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ เมื่อกาลเวลาผ่านไป ระบบราชการและการเมืองไทยได้ยกระดับการรวมศูนย์ของรัฐ ไทยให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทางสังคมการเมืองในยุค ปัจจุบัน การกระจายอานาจคืนกลับไปสู่ท้องถิ่นและชุมชนในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้ก้าว รุดหน้าเร็วกว่ายุคหกสิบปีก่อนหน้านี้ แต่ยังนับว่าล่าช้ามากเมื่อเปรียบเทียบกับความ รุนแรงของปัญหาทางสังคมการเมืองที่เกิดจากการรวมศูนย์อานาจรัฐ ขีดจากัดของการกระจายอานาจวันนี้ ปัจจุบันเรามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจานวนมาก ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก มีขีด ความสามารถจากัด ทั้งในด้านบุคลากรและการเงินการคลัง จึงทาให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถรับการถ่ายโอนภารกิจขนาดใหญ่ๆ ที่เกินเขตพื้นที่ การปกครองได้ หรือแม้จะเป็นภารกิจขนาดเล็กๆ ถ้ามีเพียงไม่กี่เรื่องก็พอรับได้ แต่เมื่อ รับถ่ายโอนภารกิจจานวนมากขึ้น ก็อาจรับไว้ไม่หมดเช่นกัน ทุกวันนี้มีเสียงเรียกร้องให้เร่งกระจายอานาจ และขยายบริบทของการกระจายอานาจ ให้ท้องถิ่นและชุมชนให้กว้างขวางมากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง การกระจายอานาจ ภายใต้โครงสร้างเดิม ก็เข้าใกล้ขีดจากัดมากขึ้นทุกวัน ถ้ายังกระจายอานาจลงไปภายใต้ โครงสร้างเดิม อีกไม่นานก็จะถึงทางตัน เหมือนแก้วน้าใบเล็กๆ ที่เราเทน้าลงไป จน น้าเต็มปริ่มแก้ว จะเทน้าลงไปอีกก็ล้นแก้ว ไม่ได้ประโยชน์อันใด นักการเมือง ข้าราชการ และหน่วยงานของรัฐ ที่ไม่ต้องการถ่ายโอนภารกิจให้ท้องถิ่น ก็ใช้ข้อจากัดนี้เป็นเหตุผลในการระงับหรือชะลอการถ่ายโอน ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารท้องถิ่นและข้าราชการในท้องถิ่นก็ลังเลใจ ไม่มั่นใจ และปฏิเสธที่จะรับการ ถ่ายโอนภารกิจจากหน่วยราชการ ท้ายที่สุดแล้ว การกระจายอานาจสู่ท้องถิ่นภายใต้ โครงสร้างเช่นนี้จึงทาได้เฉพาะกิจกรรมขนาดเล็กๆ จานวนไม่กี่ประเภท ดังที่เป็นอยู่

1


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

ทุกวันนี้ ถ้าจะเดินหน้าต่อไปให้กว้างขวางกว่านี้ได้ ก็ต้องก้าวข้ามข้อจากัดนี้ไปให้ได้ เสียก่อน หนึ่งจังหวัด สองระบบ: อบจ.และราชการส่วนภูมิภาค อันที่จริงวันนี้เราก็มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ “อบจ” เป็นองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นระดับจังหวัด มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นทั้งจังวัดอยู่แล้ว น่าจะรับการกระจาย อานาจจากหน่วยราชการส่วนภูมิภาค (หรือส่วนราชการประจาจังหวัด) ได้ทั้งหมด ไม่ น่าจะมีข้อจากัดในเชิงโครงสร้างใดๆ เรื่องนี้เป็นความจริงที่ว่า อบจ. มีเขตพื้นที่การปกครองขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้ง จังหวัด แต่ อบจ. ก็ใหญ่แต่เปลือกนอก ทว่ามีขีดความสามารถขององค์กร บุคลากร งบประมาณ และการบริหารจัดการที่จากัดเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งรัฐบาลในอดีตก็ได้จากัด อานาจหน้าที่ของ อบจ. เอาไว้ เพื่อไม่ให้ซ้าซ้อนกับหน่วยงานส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ประเภทอื่นๆ ในขณะเดียวกัน จังหวัดหนึ่งๆ ยังมีหน่วยราชการบริหารส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง ปฏิบัติหน้าที่ในนามของรัฐบาลระดับชาติ มีผู้ว่าราชการจังหวัด ถืองบประมาณจังหวัด ไว้ในมือจานวนหนึ่ง อีกทั้งมีหน่วยราชการส่วนภูมิภาคประจาจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแทน ของกรมในส่วนกลาง ถืองบประมาณของกรมต่างๆ มาใช้จ่ายในจังหวัดนั้นๆ เช่น ศึกษาธิการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น และยังมีหน่วยราชการส่วนกลาง รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ศาล อัยการ หน่วยจัดเก็บภาษี สถานีวิจัย สถาบันอุดมการณ์ ศึกษา มาตั้งสานักงานปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดอีกเป็นจานวนมาก หน่วยงานส่วนภูมิภาคและส่วนกลางในจังหวัดหนึ่งๆ เมื่อรวมกันแล้ว มีอานาจหน้าที่ ตามกฎหมาย มีงบประมาณ มีบุคลากรที่มีความรู้มากกว่า อบจ. ประมาณกว่าสิบเท่าตัว (คาดว่าน่าจะมีงบประมาณรายจ่ายไม่น้อยกว่าจังหวัดละหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี) หน่วยงานเหล่านี้แม้จะมีอานาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของ ประชาชนในจังหวัดนั้นๆ มีกฎหมายและทรัพยากรการบริหารอยู่ในมือเป็นจานวน มาก แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาของประชาชนในพื้นที่ได้ เพราะหน่วยงาน เหล่านี้ ไม่ได้มีอานาจกาหนดนโยบายหรือดาเนินการใดๆ ได้โดยตรง หากแต่จะต้อง ปฏิบัติตามแผนงาน โครงการของกระทรวงและกรมในส่วนกลาง ต้องรอคาสั่ง ขอ อนุมัติ ขอความเห็นชอบจากกรมในส่วนกลางเป็นหลัก นับเป็นข้อจากัดเชิงโครงสร้าง ที่เกิดจากการรวมศูนย์ในระบบราชการ

2


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

ดังนั้น เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว จังหวัดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถจัดการพื้นที่ ของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็น อบจ. ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นผู้ว่า ราชการจังหวัด และหน่วยราชการส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง เพราะต่างก็มีข้อจากัด และไม่สามารถผนึกกาลังรวมกันเป็นหนึ่งได้ จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province) ดีกว่าจังหวัดในปัจจุบันอย่างไร? ถ้าเราให้ความสาคัญกับการจัดการปัญหาในเชิงพื้นที่ ต้องการให้ปัญหาที่เกิดขึ้นใน ท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ที่ใช้เวลาและทรัพยากรจานวนมาก ซึ่งเกินขีด ความสามารถขององค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดเล็ก ให้ ได้รับการแก้ไขให้เบ็ดเสร็จได้ ในท้องถิ่น โดยคนในท้องถิ่น หรือโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ความรู้ ความสามารถ ความคิด และทรัพยากรของท้องถิ่นเองเป็นหลัก ไม่ต้องพึ่งพารัฐบาล ระดับชาติ ให้ลงไปแก้ไขให้เสียทุกเรื่อง ก็ต้องมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาด ใหญ่ระดับจังหวัด ที่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะรับการกระจายอานาจจากส่วน ราชการได้ “จังหวัดจัดการตัวเอง” ในที่นี้หมายถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัด ที่เกิด จากการรวม (Merging) องค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ “อบจ.” และหน่วยบริหาร ราชการส่วนภูมิภาค เข้ามาเป็นองค์เดียวกัน มีอานาจหน้าที่และขีดความสามารถใน การจัดการพื้นที่ของตนเองได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีโครงสร้างทางการเมืองการบริหารใหม่ ระบบบริหารงานบุคคลใหม่ และระบบการเงินการคลังและงบประมาณใหม่ ตาม แนวคิดการปกครองตนเองของท้องถิ่นระดับจังหวัด ซึ่งจะได้นาเสนอโดยสังเขปดังนี้ อานาจหน้าที่ จังหวัดจัดการตัวเองควรมีอานาจหน้าที่ในการจัดการพื้นที่ของจังหวัดได้อย่าง กว้างขวางและเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาเมืองและ โครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการสังคม ความปลอดภัย และการจัดทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงและกรมในส่วนกลาง ซึ่งเป็นผู้ใช้อานาจ หรือมีหน้าที่ดาเนินการตาม กฎหมายในเรื่องเหล่านี้อยู่ในปัจจุบัน จะต้องถ่ายโอนหรือมอบอานาจการจัดการใน เรื่องเหล่านี้ไปให้จังหวัดเป็นผู้ดาเนินการต่อไป

3


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

BOX 1: อานาจหน้าที่ของจังหวัดจัดการตัวเอง 1. ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการจ้างงาน 2. บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (ที่ดิน น้า ป่า พื้นที่การเกษตร แหล่ง วัฒนธรรม) 3. พัฒนาเมือง (ผังเมืองรวมจังหวัด ผังเฉพาะ ระบบการคมนาคมขนส่งและสื่อสาร) 4. จัดสวัสดิการสังคมในระดับจังหวัด จัดกองทุนสวัสดิการ จัดสถานที่พักผู้สูงอายุ 5. จัดระบบสาธารณสุข ส่งเสริมสุขภาวะ เฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อ รักษาพยาบาล อนามัยชุมชน อนามัยแม่และเด็ก 6. จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา อาชีวิศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษา ต่อเนื่อง และการศึกษาก่อนวันเรียน 7. จัดระบบการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย (กิจการตารวจจังหวัด) การยุติธรรมชุมชน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 8. จัดระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ระบายน้า บาบัดน้าเสีย

การจัดโครงสร้างองค์กรทางการเมืองการปกครอง โครงสร้างองค์กรของจังหวัดจัดการตัวเองประกอบด้วยสภาจังหวัด ผู้ว่าการจังหวัด ปลัดจังหวัด ส่วนราชการประจาจังหวัด ข้าราชการจังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้านต่างๆ องค์กรแต่ละส่วนมีลักษณะ องค์ประกอบ และที่มาดังนี้ 1. สภาจังหวัด ประกอบด้วย สมาชิกจานวนไม่เกิน 50 คนโดยประมาณ เป็น ตัวแทนของ อปท. จานวน 2 ใน 3 และเป็นตัวแทนขององค์กรภาคประชา สังคม /องค์กรชุมชนจานวน 1 ใน 3 ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้มีสภาจังหวัด ประกอบด้วย สภา อบจ. และตัวแทน อปท. อื่นๆ

4


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

2. ผู้ว่าการจังหวัด มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ให้นายก อบจ. เป็นผู้ว่าการจังหวัด 3. ปลัดจังหวัด ให้สรรหาจากข้าราชการของจังหวัด ที่มีความรู้ฯ ในช่วงเปลี่ยน ผ่าน ให้ ปลัด อบจ. หรือปลัดจังหวัด(ตาแหน่งในสังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย) ทาหน้าที่เป็นปลัดจังหวัด 4. หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด ให้สรรหาจากหัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัด หัวหน้าส่วนงานของ อบจ. ในสายงานที่เกี่ยวข้อง หรือจากภายนอก ในช่วง เปลี่ยนผ่าน ให้หัวหน้าส่วนราชการประจาจังหวัด ทาหน้าที่เป็นหัวหน้าส่วน ราชการจังหวัด 5. ข้าราชการจังหวัด ให้โอนข้าราชการส่วนส่วนภูมิภาคและข้าราชการ อบจ. ไปเป็นข้าราชการจังหวัด 6. ทรัพย์สินถาวร (ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ ยานพาหนะ ฯลฯ) ของ จังหวัด ให้โอนอานาจการครอบครองและใช้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินถาวรทั้ง ปวงของหน่วยราชการส่วนภูมิภาคและ อบจ. ไปเป็นทรัพย์สินถาวรในความ ครอบครองและใช้ประโยชน์ของจังหวัด โดยกรมธนารักษ์ยังคงเป็นเจ้าของ ทรัพย์สินถาวรประเภทที่ดินสิ่งก่อสร้าง เช่นเดิม 7. ส่วนราชการจังหวัด ประกอบด้วยหน่วยปฏิบัติงานประจา ตามอานาจหน้าที่ เฉพาะด้านของจังหวัด เช่น หน่วยงานด้านการเกษตร อุตสาหกรรม ศึกษา สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติ (น้า ดิน ป่าไม้ เกาะ ทรัพยากรชายฝั่ง แหล่ง ท่องเที่ยว แหล่งวัฒนธรรม โบราณวัตถุ) การผังเมือง โยธาธิการ ที่อยู่อาศัย และสาธารณูปโภค อุตสาหกรรม การค้า และการท่องเที่ยว ตารวจ สวัสดิการ สังคมและการพัฒนาชุมชน การคลังและงบประมาณ บริหารงานบุคคล ฯลฯ เป็นต้น องค์กรอื่นๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัด 1. หน่วยงานส่วนกลางในจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดและ สานักงานผู้ว่าราชการจังหวัด(ซึ่งปรับบทบาทไปเป็นตัวแทนของรัฐบาลใน การประสานนโยบายกับจังหวัดและ อปท.) หน่วยงานตัวแทนของกระทรวง บวงกรมในส่วนกลางในพื้นที่ เช่น สรรพากร สรรพสามิต ศาล อัยการ เรือนจา องค์กรตามรัฐธรรมนูญ (เช่น ปปช. จังหวัด กกต. จังหวัด เป็นต้น องค์กรในกากับของหน่วยราชการส่วนกลางรัฐวิสาหกิจประเภท

5


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

2. 3. 4. 5. 6.

สาธารณูปโภค การเงินการธนาคาร หน่วยทหาร หน่วยงานทางวิชาการเขต พื้นที่ สถาบันอุดมศึกษา ฯลฯ เป็นต้น รัฐวิสาหกิจ ของรัฐบาลระดับชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเขตพื้นที่ (เทศบาล อบต.) กองทุนสาธารณะระดับจังหวัด เช่น กองทุนสวัสดิการ กองทุนชุมชน มี สถานะเป็นองค์กรอิสระ สหกรณ์ กองทุนชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรภาคประชาสังคม เช่น หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภา องค์กรชุมชนจังหวัด สภาองค์กรเกษตรกรจังหวัด เป็นต้น

การบริหารงานบุคคล จังหวัดมีระบบบุคลากรที่เป็นอิสระของตนเอง ภายใต้กฎหมายของจังหวัดจัดการ ตัวเอง ในระบบบริหารงานบุคคลใหม่นี้จังหวัดสามารถจัดให้มีระบบบุคลากรกลาง (Pool-down) ที่เอื้ออานวยให้จังหวัดและ อปท. เขตพื้นที่ สามารถใช้ประโยชน์ บุคลากรที่ขาดแคลนร่วมกันได้ บุคลากรของจังหวัดมีที่มาจากข้าราชการของ อบจ. และข้าราชการส่วนภูมิภาค ที่รับ โอนมาปฏิบัติหน้าที่ หลังจากยุบรวมหน่วยงานเดิมเข้าด้วยกันแล้ว การเงินการคลังและงบประมาณ จังหวัดมีระบบการคลังและงบประมาณที่เป็นอิสระของตนเอง ใช้ระบบบัญชีตาม มาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกาหนด จังหวัดหนึ่งๆ ควรมีขนาดวงเงินรายได้ประมาณปีละ 13,000 ล้านบาท/จังหวัด/ปี ซึ่ง ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของวงเงินรายจ่ายรวมของทุกส่วนราชการและ อบจ. ในจังหวัด หนึ่งๆ ในปัจจุบัน แหล่งรายได้หลักของจังหวัดมาจาก 3 แหล่งดังนี้ 1. รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากผู้เสียภาษีเงินได้อัตรา 10% ใน จังหวัด1 ภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 5 ที่จัดเก็บได้ในจังหวัด และภาษีรถยนต์ ทั้งหมด 2. เงินปันผลจากการร่วมทุนกับรัฐวิสาหกิจและหน่วยธุรกิจเอกชน

1

ให้ อปท. เขตพื้นที่ (เทศบาลและ อบต.) มีรายได้จากภาษีเงินได้อัตรา 5%

6


จรัส สุวรรณมาลา

จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

3. รายได้จากเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ให้รัฐบาล (สานักงบประมาณ) จัดสรรเงิน งบประมาณของหน่วยราชการส่วนภูมิภาคเดิม ให้แก่จังหวัดโดยตรง (ไม่ผ่าน กรม) โดยกาหนดให้มีระบบการจัดสรรให้จังหวัด ตามที่กฎหมายกาหนด และให้คานึงถึงการจัดสรรเงินอุดหนุนจังหวัดเพื่อลดความแตกต่างทางการ คลังเป็นสาคัญ สาหรับ การบริหารรายจ่ายนั้น ให้จังหวัดมีระบบงบประมาณจังหวัดของตนเอง ใน ลักษณะเดียวกับ อบจ. เดิม แต่ให้ยกเลิกระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการจัดทางบประมาณ และการใช้จ่ายเงินที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกาหนดไว้ และให้มี ระบบปฏิบัติการด้านการบริหารงบประมาณในลักษณะเดียวกับระบบ GFMIS ของ กระทรวงการคลัง นอกจากนั้น ให้จังหวัดสามารถลงทุนหรือดาเนินกิจการร่วมกับหน่วยงานส่วนกลาง รัฐวิสาหกิจ และอปท. เขตพื้นที่ (เทศบาลและอบต.) และลงทุนร่วมกันจังหวัดอื่นๆ อีกทั้งให้มีระบบเงินอุดหนุน อปท. เขตพื้นที่ (เทศบาล อบต.) กองทุนสาธารณะ สหกรณ์ และองค์กรภาคประชาสังคม และองค์กรชุมชนต่างๆ ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวัด กับรัฐบาล หน่วยงานส่วนกลาง องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และองค์กรภาคประชาสังคม จังหวัดเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วย “จังหวัดจัดการ ตัวเอง” อยู่ภายใต้การกากับดูแลของรัฐบาล มีหน้าที่ตามกฎหมาย และดาเนินกิจกรรม อื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาล มีระบบปฏิบัติการตามที่กฎหมายกาหนด เป็นหน่วยงาน ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยศาลปกครอง และ กฎหมายอื่นๆ ของรัฐ จังหวัดสามารถร่วมทุนกับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรภาคประชาสังคม จังหวัดสามารถจัดให้มีระบบบริหารจัดการกลาง ทั้งในด้านการเงินการคลัง บุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ และระบบปฏิบัติการเฉพาะกิจ ซึ่งเอื้ออานวยให้หน่วยงานของ รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ สามารถ Pool-down ระบบการวา แผน การจัดการ และใช้บุคลากรที่ขาดแคลนร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอื่นๆ ทั้ง ในยามวิกฤติและในเวลาปกติ

7


จรัส สุวรรณมาลา จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

8

ความสัมพันธ์ระหว่าง “จังหวัด” กับองค์กรปกครองท้องถิ่นเขตพื้นที่ (เทศบาล และ อบต.) และหน่วยงานของรัฐบาล องค์กร จังหวัด

โครงสร้าง สภาจังหวัดมีสมาชิกมาจากตัวแทน อปท. จานวน 2/3 และสมาชิกตัวแทน องค์กรภาคประชาชน หอการค้า สภา อุตสาหกรรม 1/3 ผู้ว่าการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง โดยตรง

หน้าที่ จัดบริการสาธารณะที่มี spillover effect ในระดับจังหวัด ส่งเสริมความร่วมมือ และการลงทุน ร่วมกัน ระหว่าง จังหวัด รัฐวิสาหกิจ และ อปท. เขตพื้นที่ ในการจัดบริการ สาธารณะข้ามเขตพื้นที่ ภายในจังหวัด และระหว่างจังหวัด

การบริหารงานบุคคล มีระบบบุคลากรที่เป็นอิสระ ของตนเอง มีระบบบุคลากรกลาง ( Pooldown) ที่เอื้ออานวยให้ จังหวัด และ อปท. เขตพื้นที่ สามารถใช้ ประโยชน์บุคลากรที่ขาดแคลน ร่วมกัน

เทศบาลอบต.

มีตัวแทนในสภาจังหวัด จานวน 2/3

มีหน้าที่จัดบริการฯ ในเขตพื้นที่ มีระบบบุคลากรของตนเอง เหมือนเดิม) มีระบบบุคลากรกลาง ร่วมมือ ร่วมทุน ดาเนินกิจกรรมข้ามเขต (pool-down) ร่วมกับ กับจังหวัด อปท. อื่นๆ และรัฐวิสาหกิจ จังหวัดและ อปท. ของรัฐบาล อื่นๆ

รัฐบาล

มีสมาชิกรัฐสภา ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง มีหน่วยงานส่วนกลางจัดบริการ มีระบบบริหารงานบุคคล จากเขตพื้นที่ระดับจังหวัด (สว.) และ สาธารณะ และดาเนินกิจกรรมตาม ระดับชาติ (เหมือนเดิม) จากเขตเลือกตั้ง (ส.ส.) อานาจหน้าที่ของรัฐบาลในพื้นที่จังหวัด มีระบบบริหารงานบุคคลกลาง

การเงินการคลัง มีระบบการคลังและงบประมาณที่ เป็นอิสระของตนเอง มีระบบการจัดเก็บรายได้ร่วมกัน มีระบบการลงทุนร่วมกันระหว่าง จังหวัด หน่วยงานส่วนกลาง รัฐวิสาหกิจของรัฐบาล และอปท. เขตพื้นที่ มีระบบเงินอุดหนุนสู่ อปท. เขต พื้นที่ กองทุน และองค์กรชุมชน ต่างๆ มีระบบการคลังและงบประมาณ ของตนเอง ประยุกต์ใช้หลักการ บัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลัง กาหนด มีความร่วมมือกับจังหวัด หน่วยงาน ส่วนกลาง รัฐวิสาหกิจ และ อปท. อื่นๆ ในการจัดเก็บรายได้ การ ลงทุน และการเงินการคลัง มีระบบการคลังและงบประมาณ ของรัฐบาล มีระบบเงินโอนและเงิน


จรัส สุวรรณมาลา จังหวัดจัดการตัวเอง (Self-governing province)

องค์กร

โครงสร้าง มี “กระทรวงการปกครองส่วน ท้องถิ่น” ทาหน้าที่กาหนดนโยบาย ส่งเสริม และกากับดูแลกิจการด้าน การปกครองส่วนท้องถิ่น มีระบบเงินโอนและเงินอุดหนุน ท้องถิ่น มี “ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ สานักงานผู้ว่าราชการจังหวัด ทา หน้าที่เป็นตัวแทนของหน่วยงาน ส่วนกลาง ในการกากับดูแล อปท. และประสานนโยบายกับ อปท. ใน จังหวัด

หน้าที่ การบริหารงานบุคคล เช่น หน่วยจัดเก็บภาษี หน่วยทหาร และ (pool-down ร่วมกับองค์กร ตชด. ศาล อัยการ เรือนจา รัฐวิสาหกิจ ปกครองส่วนท้องถิ่น) หน่วยบริการ Passport ฯลฯ เป็นต้น

การเงินการคลัง อุดหนุนท้องถิ่น

9


เอกสารเกี่ยวข้อง (ผลการศึกษาวิจัยที่ผ่านมา) จรัส สุวรรณมาลา . 2544. รัฐบาล-ท้องถิ่น : ใครควรจัดบริการสาธารณะ? กองทุน สนับสนุนการวิจัย (สกว.) จรัส สุวรรณมาลา . 2538. ปฏิรูปการคลังไทย กระจายอานาจสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น บริษัทเคล็ดไทย จากัด.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.