@Mumbai volume 5, (August 2014)

ॐ श्री गणेशाय नम

“โอม ศรี คเณ ศา ยะ นะ มะ หะ”

Volume 5, August 2014

@Mumbai www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 2

@ Mumbai

Namaste India ณ เมืองดอกบัว ถิน่ นกยูงและนครต้นไทร “โอม ศรี คเณ ศา ยะ นะ มะ หะ” ขอบารมีองค์พระพิฆเนศประธานพรแก่ทุกท่านนะคะ เปิดเรื่องด้วย บทสวด คาพรดีๆ เข้ากับเทศกาลบูชาพระพิฆเนศหรือเรียกว่าวันคเณศจตุรถี ซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่าเดือน 10 ในปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2557 Namaste India ฉบับนี้จะเป็นเนื้อหาต่อเนื่องจากฉบับก่อน หน้านี้ที่เราได้เล่าถึงประชากรในมุมต่างๆ ของอินเดีย เพื่อให้มองภาพชัดเจนมากขึ้นฉบับนี้จะเล่าถึง ภูมิประเทศ อาณาเขตและเมืองต่างๆ กัน อินเดียเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนมาถึงปัจจุบัน เปลี่ยนผ่านมือผู้ปกครอง มามากมาย เป็นดินแดนแห่งจิตวิญญาณและแหล่งกาเนิดศาสนา ตั้งอยู่บนทวีปเอเชียใต้ อาณาเขตทางทิศเหนือติดจีน เนปาล และภูฏาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดปากีสถาน ทางตะวันออกติดพม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดศรีลังกา มีบังกลาเทศล้อมรอบทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ในอดีตประเทศอินเดีย มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมากแต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มามากมายทาให้อินเดียในปัจจุบันมีพื้นที่ 3,287,590 ตาราง กิโลเมตร ครองตาแหน่งประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดลาดับที่ 7 ของโลก มีเทือกเขาหิมาลัยที่ได้ชื่อว่ามีความสูงที่สุดในโลก อยู่บริเวณภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอินเดีย มีพื้นที่ชายฝั่งทะเลประมาณ 7,517 กิโลเมตร ประกอบด้วยหาดทรายถึง 43% กรวดและหิน 11% รวมถึงหน้าผา และ 46% เป็นดินเลนและโคลน มีแม่น้ามากมายจาก แหล่งที่มาหลัก 4 ที่มาคือ แม่น้าจากเทือกเขาหิมาลัย แม่น้าคาบสมุทรเดคคาน แม่น้าชายฝั่ง และแม่น้าในดินแดนภายใน แม่น้าหิมาลัยซึ่งจะไหลไปลงทะเลที่อ่าวเบงกอล มีทะเลทรายที่ชื่อว่าทะเลทรายธาร์อยู่ภายในประเทศด้วย จึงถือว่าเป็น ประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ครบทุกแบบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหนาวสุดระดับหิมะตกไปจนถึงแล้งสุดอย่าง ทะเลทราย นั่นจึงเป็นสาเหตุสาคัญที่ทาให้อินเดียมีความหลากหลายทางธรรมชาติและชีวภาพ อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติแต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญปัญหาภัยธรรมชาติในรูปแบบ ต่างๆ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอุทกภัยซึ่งจะเกิดขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้าจากเทือก เขาหิมาลัยเนื่องจากมีความลาดชันค่อนข้างต่า รับน้าไว้ได้ไม่หมด จึงทาให้เกิด น้าท่วมใหญ่อยู่เสมอ ในที่ราบลุ่มแม่น้าย่อยทางฝั่งตะวันตกจะมีขนาดเล็กและ สั้นสามารถรับน้าได้ปริมาณจากัดเช่นกันแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุทกภัย แต่กลับเป็นภัยแล้งเพราะน้าจากแม่น้าเหล่านี้จะมุ่งหน้าไปสู่ทะเลทรายธาร์ ซึ่งทาให้น้าระเหยไปอย่างรวดเร็ว สาหรับพื้นที่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้าคาบสมุทร เดคคานจะได้รับน้าจากฝนตามฤดูกาลจึงยากที่จะคาดเดาว่าจะมีมากหรือน้อย ในแต่ละปี จากปัญหาที่เกิดขึ้นทาให้อินเดียต้องพยายามหาวิธีแก้ไขทั้งเฉพาะ หน้าและอย่างยั่งยืน หลายร้อยวิธีการที่ภาครัฐของประเทศนี้พยายามคิดค้นขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาทางธรรมชาติซึ่งในปัจจุบันได้พยายามหาหนทางพลิกวิกฤต เป็นโอกาส เช่น การสร้างพลังงานทดแทน การบริหารจัดการน้า เป็นต้น www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 3

จากลักษณะภูมิประเทศและพื้นที่อันกว้างใหญ่ทาให้ในประวัติศาสตร์แผ่นดินนี้มีเรื่องราวของอาณาจักรต่างๆ มากมาย แบ่งเป็นอาณาจักรหัวเมืองประเทศน้อยใหญ่ ชื่อเสียงในเรื่องการอุดมสมบูรณ์ ร่ารวยและมีความเจริญทางด้าน เทคโนโลยีด้านต่างๆ ในอดีต เป็นสิ่งจูงใจให้อาณาจักรใกล้เคียงที่ยิ่งใหญ่ในยุคเดียวกันต่างหมายปองจะเป็นเจ้าของดินแดน แห่งนี้ จึงก่อให้เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเริ่มมีการรวมดินแดนเป็นแผ่นดินเดียวกันเป็น ครั้งแรกในสมัยที่เกิดอาณาจักรมุสลิม แต่ก็ต้องล่มสลาย ไปเมื่อเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมของพวกตะวันออก ซึ่งได้ รวบรวมเมืองต่างๆ เข้าเป็นประเทศอย่างเช่นในปัจจุบัน กลับเข้าสู่อินเดียในยุคปัจจุบัน ด้วยรูปแบบการ ปกครองที่เปลี่ยนไปจากระบบกษัตริย์เป็นประชาธิปไตย ทาให้เกิดการกระจายอานาจการปกครองไปยังเมืองต่างๆ แทนที่การรวมการปกครองอยู่ที่ส่วนกลางเพียงอย่างเดียว มีการจัดตั้งรัฐที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งใน ปัจจุบันอินเดียแบ่งเขตการปกครองออก เป็น 29 รัฐ (States) (แบ่งย่อยลงเป็นเขต) และ 7 ดินแดนสหภาพ (Union Territories) ได้แก่ (แผนที่แสดงตาแหน่งรัฐ) ที่มา: http://en.wikipedia.org

รัฐ 1. อานธรประเทศ (Andra Pradesh) 2. อรุณาจัลประเทศ (Arunachal Pradesh) 3. อัสสัม (Assam) 4. พิหาร (Bihar) 5. ฉัตติสครห์ (Chhattisgarh) 6. กัว (Goa) 7. คุชราต (Gujarat) 8. หรยาณา (Haryana) 9. หิมาจัลประเทศ (Himachal Pradesh) 10. ชัมมูและกัศมีร์ (Jammu & Kashmir)

11. ฌาร์ขัณฑ์ (Jharkhand) 12. กรณาฏกะ (Karnataka) 13. เกรละ (Kerala) 14. มัธยประเทศ (Madhya Pradesh) 15. มหาราษฏระ (Maharashtra) 16. มณีปุระ (Manipur) 17. เมฆาลัย (Meghalaya) 18. มิโซรัม (Mizoram) 19. นาคาแลนด์ (Nagaland) 20. โอริสสา (Odisha)

21. ปัญจาบ (Punjab) 22. ราชสถาน (Rajasthan) 23. สิกขิม (Sikkim) 24. ทมิฬนาฑู (Tamil Nadu) 25. เตลังคานา (Telangana) 26. ตริปุระ (Tripura) 27. อุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) 28. อุตตราขัณฑ์ (Uttarakhand) 29. เบงกอลตะวันตก (West Bengal)

ดินแดนสหภาพ A. หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ (Andaman and Nicobar Islands) C. ดาดราและนครหเวลี (Dadra and Nagar Haveli) E. ลักษทวีป (Laskshadweep Islands) F. เดลี (Delhi) (รูปภาพจาก internet)

B. จัณฑีครห์ (Chandigarh) D. ดามันและดีอู (Daman and Diu) G. ปุทุจเจรี (Puducherry)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 4

Region

@ Mumbai

State List

Name of Capital

Andra Pradesh Karnataka Kerala Tamil Nadu Telangana

Hyderabad Bangalore Trivandrum Chennai Hyderabad

Languages

Telugu and Urdu Kannda Southern Malayalam Tamil Telugu and Urdu Miji, Apotanji, Merdukpen, Arunachal Pradesh Itanager Tagin,Adi, Honpa, Bangini-Nishi.

Assam Dispur Assamese Manipur Imphal Manipuri Meghalaya Shillong Khasi, Jaintia and Garo Northeastern Mizoram Aizawl Mizo and English Ao, Konyak, Angami, Sema and Nagaland Kohima Lotha Bhutia, Hindi, Nepali, Lepcha, Sikkim Gangtok Limbu Bengali, Tripuri, Manipuri, Tripura Agartala Kakborak Punjab Chandigarh Punjabi Srinagar (Summer) Kashmiri, Dogri, Urdu, Ladakhi, Jammu & Kashmir Jammu (Winter) Pahari,Punjabi and Dadri Uttar Pradesh Lucknow Hindi Northern Uttarakhand Dehra Dun hindi Haryana Chandigarh Hindi Himachal Pradesh Shimla Hindi and Pahari Maharashtra Mumbai Marathi Gujarat Gandhinagar Gujarati Western Rajasthan Jaipur Rajasthani and Hindi Goa Panaji Marathi and Konkani Chhattisgarh Raipur Hindi Central Madhya Pradesh Bhopal Hindi Jharkhand Ranchi Hindi Odisha Bhubaneswar Oriya Eastern Bihar Patna Hindi West Bengal Kolkata Bengali www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Area (km2) 160,205 191,791 38,863 130,058 114,840 83,743 78,438 22,327 22,429 21,081 16,579 7,096 10,486 50,362 222,236 240,928 53,483 44,212 55,673 307,713 19,6021 342,239 3,702 135,191 308,252 79,714 155,707 94,163 88,752

Volume 5, August 2014

Page 5

ถ้าใครที่ไม่เคยรู้จักอินเดียมาก่อนอาจจะยังมองภาพไม่ออกหรือจินตนาการไปว่าแต่ละรัฐก็คงเหมือนจังหวัดของบ้าน เราแต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละรัฐของอินเดียนั้นเปรียบเสมือนประเทศหนึ่งเลยก็ว่าได้เพราะค่อนข้างมีรูปแบบการปกครอง ที่เป็นเอกเทศ แตกต่างทั้งในด้านนโยบายและการบริหารจัดการในแต่ละท้องถิ่น มีการคัดเลือกผู้ปกครองเช่นเดียวกับระดับ ประเทศ แต่แตกต่างอย่างมีนัยเฉพาะ ตัวอย่างเช่นในรัฐ Karnataka ที่มีเมืองหลวงของรัฐชื่อ Bangalore มีเขตการปกครอง มากถึง 30 เขตหนึ่งในนั้นคือ Mysore เมืองที่มีคงมีระบบกษัติย์อยู่ ถึงแม้นว่ากษัติย์ Srikanta Wodeyar ผู้สืบเชื้อสายโดย ตรงจากราชวงศ์ Mysore เป็นคนสุดท้ายจะสิ้นพระชนม์ไปเมื่อปี 2556 แต่ก็ได้ Kantharaja Urs Wodeyar หลานชายมา ครองราชสมบัติแทน ไหนๆ ก็เล่าลงมาถึงรัฐนี้แล้วก็จะขอเล่าต่อไปอีกนิดถึงภาพรวมรัฐทางใต้กัน ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่มี เสน่ห์แบบอินเดียแท้ๆ ไม่ได้เป็นลูกผสมเหมือนภาคอื่นเท่าใดนัก ด้วยพื้นที่ 19.31% ของประเทศ มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคมในอัตราสูงสุดในประเทศ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้นกาเนิด Yoga และการนวดอายุรเวท แบบอินเดีย พ่วงด้วยตาแหน่งเมืองหลวงของศาสนาฮินดูอีกตาแหน่ง เมืองที่สาคัญมี 15 เมือง ได้แก่ Bengalore,Chennai, Hyderabad, Coimbatore, Visakhapatnam, Madurai, Vijayawada, Hubballi, Tiruchirappalli, Thiruvananthapuram, Guntur, Mysore, Salem, Kochi และ Kozhikode โดย Bengalore, Hyderabad และ Chennai เป็น 3 เมืองอุตสาหกรรมที่ ใหญ่และสาคัญที่สุดของประเทศ กลับขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือในดินแดนที่ถูกเรียกว่า “Seven Sister States” มีพื้นที่ 8% ของประเทศ เป็นภูมิภาคที่ 98% ของพื้นที่ทั้งหมดมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า จีน ภูฎาน เนปาล และบังกลาเทศ จึงทาให้ภูมิภาคนี้เป็นหัวใจของนโยบายมองตะวันออกของรัฐบาลอินเดีย ใครชอบอินเดียในกลิ่นไอภูเขา ท้องทุ่ง ภูมิภาคนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน เมืองที่สาคัญได้แก่ Agartala, Guwahati, Dimapur, Shillong, Aizawl และ Imphal ไปกันต่อที่ทางภาคเหนือภูมิภาคที่คนไทยและทั่วโลกน่าจะรู้จักกันดีเพราะมีเมืองดังสาคัญอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Delhi เมืองหลวงของประเทศ Jaipur เมืองสีชมพู Lucknow เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น The Golden City of India เมือง Kanpur ศูนย์กลางการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอินเดียในศตวรรษที่ 19 จนถูกขนานนามว่า Manchester of the East และสุสานรัก อมตะชื่อดังก้องโลกแห่ง Agra ที่มีชื่อว่า Taj Mahal นอกจากจะเป็นศูนย์รวมความเจริญและแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังเป็นดินแดนแห่งสถานที่สาคัญทางศาสนา เช่น The Golden Temple แห่งศาสนาซิกส์ พุทธคยาแห่งศาสนาพุทธ วัดพระวิศณุแห่งศาสนาฮินดู เป็นต้น มาถึงถิ่นฐานมุมไบกันบ้าง ณ ภูมิภาคตะวันตกถือว่าเป็นไฮไลท์ของอินเดียใหม่ก็ว่าได้ เพราะแทบจะเป็นศูนย์รวม ความเจริญและความมั่งคั่งของประเทศนี้ ทุกเมืองในรัฐนี้ล้วนเป็นเมืองสาคัญของประเทศในแทบ ทุกอุตสาหกรรม เมืองแห่ง Bollywood อุตสาหกรรมภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูง เมืองที่ สาคัญได้แก่ Mumbai เมืองใหญ่เป็นลาดับ 1 ของประเทศ Ahmedabad, Pune, Surat, Vadodara, Rajkot, Maharashtra, Nagpur, Solapur, Nashik, Aurangabad, Panjim Nanded และ Bhavnagar ภูมิภาคนี้มีเรื่องราวค่อนข้างมาก สาธยายกัน ไม่หมดในเนื้อที่จากัด ไว้โอกาสหน้าจะหยิบยกมาเล่าโดยเฉพาะต่อไป สองภูมิภาคสุดท้ายคือภูมิภาคตะวันออกซึ่งมีเมืองสาคัญที่คนไทยรู้จักอยู่หลายเมือง เช่น Odisha ชื่อเดิมคือ Orissa เมืองที่ใหญ่ลาดับ 2 ของอินเดียอย่าง Kolkata ชื่อเดิมคือ Calcutta ศูนย์รวมของกวี นักประพันธ์ ปราชญ์ด้านศิลปะ ในแขนงต่างๆ มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวยาวนานไม่แพ้เมืองไหนๆ จนมีคนกล่าวว่าถ้า Bangalore คือ Seattle แห่ง อินเดียแล้วนั้น Kolkata ก็คือ London แห่งอินเดียเช่นกัน สุดท้ายคือภาคกลางหรือที่เรียกว่า “Heart of India” มีเมืองที่ สาคัญคือ Indore ที่เป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรม Automobile ของประเทศ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "Detroit of India" และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สาคัญของประเทศอีกมากมาย..รู้จักอินเดียฉบับย่อกันไปพอสมควรแล้ว ติดตามกันต่อไปว่าใน ฉบับหน้าจะเป็นเรื่องอะไรต่อไป สาหรับฉบับนี้ Namaste ^ ^ (รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 6

@ Mumbai

Knock Door India จะนอกหรือในเอาอย่างไรดี จั่วหัวข้อข่าวกันแบบมึนๆ อะไรคือนอกอะไรคือใน นักธุรกิจไทยทั้งหลายไม่ต้องคิดไปไกลให้หนักใจ คาตอบคือ ตลาดในเมืองหรือนอกเมืองนั่นเองหรือพูดให้ชัดเจนไปอีกนิดก็คือจะเอาของไปขายเจาะตลาดคนเมืองหรือชนบทต่างจังหวัด ดี หลายคนต้องมีคาถามนี้อยู่ในใจแน่นอน ด้วยพื้นที่และกาลังการบริโภคที่มโหฬารขนาดนี้ เอาอย่างไรดี ประเทศอินเดียหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นประเทศที่มีความสามารถในการบริโภคสูงเป็นลาดับที่ 3 ของโลก เมือง บางเมืองขนาดใหญ่เท่ากับหลายประเทศ เพราะฉะนั้นหากกาหนดเป้าหมายปลายทางของกลุ่มลูกค้าไม่ได้รับรองได้ว่า งบ เจาะตลาดบานปลาย สินค้าไม่ตรงตามความต้องการอย่างแน่นอน @Mumbai ฉบับนี้จะขอนาเสนอมุมมองประกอบการ คัดเลือกตลาดปลายทางสินค้าไทยของท่านผู้อ่านซักหน่อย ไปเริ่มกันที่ถิ่นคนมีอันจะจ่าย กลุ่มผู้บริโภคในเมือง (Urban Consumers) เป็นกลุ่มที่มีส่วนสาคัญในการผลักดันการเจริญเติบโตของภาคส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็ว เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค (Fast Moving Consumer Good, FMCG) สินค้าเครื่องใช้ที่คงทน (Consumer Durables) การค้าปลีกและการ บริการ เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีการรับและปรับตัวสู่ความเป็นสากลมากขึ้นในปัจจุบัน ตลาดของกลุ่มผู้บริโภคในเมืองเป็น ตลาดที่สาคัญสาหรับการเติบโตของประเทศ โดยผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวมีทักษะและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ สามารถเข้าถึง บริการด้านการเงิน มีการศึกษาดี ห่วงใยสุขภาพและคุณภาพชีวิต สนใจการพัฒนาศักยภาพตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เป็น สาเหตุสาคัญที่ทาให้บริษัทต่างๆ ทั่วโลกให้ความสาคัญและความสนใจต่อตลาดผู้บริโภคในเมืองของอินเดียกันอย่างคึกคัก ผู้บริโภคในเมืองของอินเดียมีทัศนคติเชิงบวกต่ออนาคตของตนเองทั้งในเรื่องการเงิน ความมั่นคงในอาชีพการงานและภาพ รวมเศรษฐกิจ สัดส่วนผู้บริโภคในเมืองมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2573 จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ทาให้มีจานวนผู้บริโภคที่เป็นคนที่อยู่ในเมืองเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 590 ล้านคน ยิ่งทาให้กลุ่มผู้บริโภคในเมืองของอินเดีย มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของอินเดียยิ่งขึ้นไปอีก การเจริญเติบโตของประชากรที่อยู่ในเมืองทาให้เกิดเมืองใหญ่ที่มีประชากรเกิน กว่า 1 ล้านคนในประเทศอินเดีย เพิ่มจานวนจาก 35 เมืองในปี 2544 เป็น 50 เมืองในปี 2554 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 87 เมืองในปี 2574 การขยายตัวของเมืองจึงเป็นการขยายตลาดของผู้บริโภคในเมืองไปด้วย ผลักดันให้ตลาดของสินค้าประเภท ต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดีพฤติกรรมการบริโภคมีความแตกต่างจากกลุ่ม ผู้บริโภคในชนบท เนื่องจากได้รับอิทธิพลในการบริโภค สินค้าและบริการจากต่างประเทศมากกว่า มีความนิยม สินค้า Brand Name จากต่างประเทศเช่นเดียวกับผู้บริโภค ในเมืองในประเทศต่างๆ การเข้าตลาดกลุ่มนี้สาหรับสินค้า ไทยจึงยังสามารถใช้การส่งออกสินค้าไปจาหน่ายได้ แต่ใน ระยะยาวจะต้องเน้นการสร้างตราสัญลักษณ์ (Brand Name) สินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นใน ผู้บริโภคในเมืองกลุ่มนี้ เพราะปัจจุบันสินค้าไทยยังเป็น สินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่ในตลาดอินเดียอยู่แล้ว www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 7

ถึงแม้นว่าผู้บริโภคในเมืองจะมีรายได้สูงกาลังซื้อจึงมีมากกว่าผู้บริโภคในชนบท แต่สิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้ก็คือ ไม่ว่า จะจนหรือรวยผู้บริโภคทุกคนก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันอยู่ดี เพียงแต่สินค้าที่คนในเมืองกับคนในต่างจังหวัดหรือชนบทอาจจะ ความแตกต่างกันไปบ้างไม่ว่าจะเป็นระดับคุณภาพ ระดับราคา รูปแบบ ขนาด เป็นต้น แต่ถ้ามองในแง่จานวนผู้บริโภคกลับมี ความน่าสนใจที่ไม่สามารถมองข้ามโอกาสทองนี้ไปได้ เพราะจากจานวนประชากรทั้งประเทศพบว่ากว่าร้อยละ 70 เป็น ประชากรหรือผู้บริโภคที่อยู่ในชนบทหรือในต่างจังหวัด ปัจจุบันรายได้ของคนในชนบทเพิ่มขึ้นจากการจ้างงานในภาค อุตสาหกรรมและการค้าขาย ไม่ใช่รายได้จากภาคการเกษตรเหมือนในอดีต ส่วนคนที่ยังอยู่ในภาคการเกษตรก็มีรายได้สูงขึ้น จากโครงการรับซื้อผลิตผลการเกษตรของรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลได้เพิ่มการใช้จ่ายในพื้นที่ชนบทมากขึ้น ส่งเสริมให้ประชาชน ในพื้นที่ชนบทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นสถาบันการเงินได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ บริษัทผู้ผลิตผู้ จาหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจึงให้ความสนใจตลาดชนบทเป็นอย่างมาก พบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสินค้าที่มีสัดส่วน ยอดขายอยู่ในตลาด ตจว. ในระดับสูง มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าตลาดในเมือง ได้แก่ เกลือบริโภคผสมไอโอดีน ผงซักฟอก สบู่อาบน้า ขนมปังกรอบ ฯลฯ ซึ่งทาให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการปรับตัวของผู้บริโภคในตลาด ตจว. ของอินเดียและแสดงให้ เห็นถึงศักยภาพและโอกาสในตลาดนี้ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง บริษัทวิจัยทางการตลาดอย่าง FICCI-Nielsen ระบุว่าจะเจาะตลาดต่างจังหวัดของอินเดียให้ประสบผลสาเร็จได้นั้น จะอาศัยกลยุทธ์การตลาด 4 Ps เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้แต่ต้องเพิ่ม 4 As เข้าไปด้วย ดังนี้ Awareness: ต้องสื่อสารเพื่อสร้างกระแสให้ผู้บริโภคมีความ ตระหนักรู้ถึงสินค้าของบริษัท Product: ต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ Availability: ต้องปรับกลยุทธ์ด้วยการลดขนาดกล่องหรือ พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในชนบท Price: ต้องกาหนดราคาให้อยู่ในระดับที่ผู้บริโภครู้สึกว่าคุ้มค่า ซองของสินค้าให้เล็กลง หรือเพิ่มช่องทางในการจาหน่ายแบบ เคลื่อนที่ เช่น ใช้รถสามล้อเป็นร้านจาหน่ายสินค้าเคลื่อนที่ Place: ต้องพัฒนาช่องทางการจัดจาหน่ายที่สร้างสรรค์ให้ สอดคล้องกับวิธีชีวิตของผู้บริโภคในชนบท แทนช่องทางการ Affordability: ลดขนาดกล่องหรือซองของสินค้าให้เล็กลง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ย่อมเยา จัดจาหน่ายแบบเดิมๆ Acceptability: ต้องมีการปรับเปลี่ยนสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ Promotion: การส่งเสริมการตลาดก็ต้องใช้วิธีการที่ สร้างสรรค์ เช่น การทาการส่งเสริมการขายผ่านร้านค้าปลีก ของผู้บริโภค โดยต้องมีการวิจัยถึงความต้องการของผู้บริโภค อย่างแม่นยา เล็กๆในหมู่บ้าน (Haats) ซึ่งมีอยู่ทั่วไปหรือการจัดกิจกรรม แนะนาสินค้าในงานแสดงสินค้าในหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม สาหรับตลาดผู้บริโภคในชนบทของอินเดีย ผู้ประกอบการไทยก็ไม่ควรที่จะละเลย เพราะแม้ว่ากาลัง ซื้อจะต่ากว่าตลาดผู้บริโภคในเมือง แต่จานวนผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็มีจานวนมากเพียงพอที่จะต้องให้ความสาคัญ เพียงแต่ กลุ่มเป้าหมายมีลักษณะที่แตกต่างกัน กลยุทธ์การเข้าตลาดจึงต้องแตกต่างกันไป หากต้องการเน้นตลาดชนบทอาจจะต้อง เน้นเรื่องการเข้าไปลงทุนในตลาดอินเดียเพื่อผลิตสินค้าและจาหน่ายในตลาดอินเดียเลย เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ผลิต อินเดียในเรื่องราคาได้ ดังนั้น การเข้าตลาดอินเดียเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มจึงต้องใช้กลยุทธ์ การตลาดที่แตกต่างกัน เปรียบเสมือนมี 2 อินเดียอยู่ในประเทศอินเดียเดียวกันนั่นเอง จะไปตลาดไหนคราวนี้ก็เลือกกันให้ดี......

(รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 8

@ Mumbai

Fact Sheet 15 things about India National Flag

President

Pranab Mukherjee

Currency

Emblem of India

Capital

Sarnath Lion Capital

New Delhi

Vice President

Prime Minister

Mohammad Hamid Ansari

Narendra Modi

India's Independence Day 15th of August Motto

Rupee : INR

Satyameva Jayate … " Truth Alone Triumphs "

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 9

National Bird

National Animal

Indian Peacock

Royal Bengal tiger

National Flower

National Fruit

National Tree

Lotus Nelumbo Nucifera

Mango: Mangifera Indica

Indian banyan

National Game

Cricket (รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 10

@ Mumbai

India.. what’s happened?! อินเดียเล็งสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าเพิม่ ทีเ่ มือง Surat, Wardha และ Aurangabad รัฐบาลอินเดียมีแผนที่จะสร้างท่าเรือ ขนส่งสินค้าในรัศมีรอบท่าเรือหลักที่เมือง Surat, Wardha และ Aurangabad เพื่อให้บริการในการขนส่งสินค้า โดยที่ Wardha และ Aurangabad จะมีการสร้าง ท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อขนถ่ายสินค้าด้วยระบบราง และ Surat จะสร้างท่าเรือ น้า (Water Port) เพื่อขนส่งสินค้า ปริมาณการขนส่งสินค้าเข้าออกเขต Marathwada ในรัฐมหาราษฎระผ่านท่าเรือ JNPT (Jawaharlal Nehru Port Trust) มีมูลค่าปีละ 160,000 ล้านรูปี และมีที่ ผ่านเมือง Nagpur อีกปีละ 85,000 ล้านรูปี อย่างไรก็ตามการขนส่งสินค้าดังกล่าวประสบกับปัญหาการติดขัดของสินค้าที่ ท่าการขนส่งเนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้ามีมาก ทั้งนี้ การก่อสร้างท่าเรือขนส่งสินค้าเพิ่มดังกล่าวจะเป็นการลงทุนโดย JNPT และกาลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความ เป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าโครงการจะเสร็จสิ้นภายใน 31 มีนาคม 2015 (ที่มา: DNA : August 16,2014 )

สิงคโปร์ชว่ ยเหลือรัฐบาลอินเดียใน โครงการก่อสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) รัฐบาลอินเดียจัดสรรเงินงบประมาณจานวน 70,600 ล้านรูปีสาหรับ โครงการก่อสร้างเมือง อัจฉริยะจานวน 100 เมืองโดยรัฐบาลสิงคโปร์จะ เข้ามาให้ความช่วยเหลือในด้านการให้คาปรึกษาเนื่องจากสิงคโปร์มีความ เชี่ยวชาญในการสร้างเมืองอัจฉริยะ การวางแผน เมือง และการบริหารจัดการน้ามาก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์จะระบุสิ่งที่ต้องดาเนินก่อนและหลังให้รัฐบาลอินเดีย ทราบก่อนที่จะดาเนินโครงการต่อไป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อินเดีย (นาง Sushma Swaraj) ได้เปิดเผย ว่าโครงการก่อสร้างเมือง อัจฉริยะดังกล่าวเป็นโครงการที่พรรคร่วมรัฐบาล NDA นาโดยพรรค BJP ได้เสนอขอเงินงบ ประมาณของปีงบประมาณปัจจุบันไว้เรียบร้อยแล้วจานวน 70,600 ล้านรูปี โดยจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญของ สิงคโปร์ที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญให้แก่อินเดีย (ที่มา: PTI News : August 16, 2014 )

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 11

สิงคโปร์สม้ หล่น !! อินเดียดึงลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐาน รัฐบาลอินเดียสนใจดึงสิงคโปร์ลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และความเชื่อมโยง (Connectivity) ระเบียงเศรษฐกิจเดลี-มุมไบ และ ระเบียงเศรษฐกิจเจนไน-บังกาลอร์รวมทั้งในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของอินเดีย เนื่องในโอกาสที่อินเดีย-สิงคโปร์ครบรอบ 50 ปีแห่งความ สัมพันธ์ทางการทูต โดยรัฐบาลอินเดียตั้งใจจะใช้โอกาสดังกล่าวในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การทหาร และความมั่นคง ทั้งนี้ สิงคโปร์มิใช่เป็นเพียงประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศอาเซียน แต่ยังเป็น ประเทศผู้ลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ซึ่งหากทั้งสองประเทศได้เปิดใจที่จะร่วมมือกันแล้วจะทาให้ทั้งคู่ประสบความ สาเร็จในทุกๆ ด้านที่ต้องการสาหรับอินเดียเป็นประเทศแรกๆ ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศสิงคโปร์เมื่อ ตั้งประเทศใหม่ๆ และยังมีชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์มากพอสมควรที่มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ของประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้ ในส่วนของอินเดียเองในปัจจุบันที่เพิ่งมีรัฐบาลใหม่และมาพร้อมกับความคาดหวังของคนหมู่ มาก ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอินเดียกับสิงคโปร์ รัฐบาลของทั้งสองประเทศ มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสในการลงทุนของสิงคโปร์ใน ประเทศอินเดียในด้านนวัตกรรม และความร่วมมือในด้านต่างๆ (ที่มา: The Economic Times : August 16,2014 )

อินเดียเล็งยกเมือง Bhubaneswar ให้เป็นศูนย์กลางความรู้สาหรับระเบียงเศรษฐกิจฝัง่ ตะวันออก รัฐบาลอินเดียเล็งยกเมือง Bhubaneswar เมืองหลวงของรัฐโอดิชชา (ชื่อเดิมคือโอริสสา) ให้เป็นศูนย์กลางความรู้สาหรับระเบียงเศรษฐกิจกอลกัตตาวิสาขปัตนัม-เจนไน (Kolkata Visakhapatnam-Chennai Industrial Corridor) ทางฝั่งตะวันออกของอินเดีย เนื่องจากรัฐโอดิชชาเป็นรัฐ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย แร่ธาตุธรรมชาติและมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางในการผลิตทางฝั่ง ตะวันออกของอินเดียได้ โดยจะใช้เมือง Bhubaneswar ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ รัฐให้เป็นศูนย์กลางความรู้ในการพัฒนาฝีมือแรงงานให้แก่ประชาชนทางภาคนี้ ทั้งนี้ ได้มีการเสนอไว้ในนโยบายอุตสาหกรรมใหม่แล้วสาหรับอุตสาหกรรมการ ผลิตในภาคตะวันออกนี้จะสามารถสร้างงานได้จานวนมหาศาล หลังจากที่สาเร็จ การศึกษาแล้ว นักศึกษาจะสามารถเข้าทางานในระเบียงอุตสาหกรรมใหม่นี้ได้ ประชาชนยากจนในพื้นที่ทุรกันดารสามารถ ได้รับประโยชน์จากระเบียงเศรษฐกิจใหม่นี้ด้วยเช่นกันตามนโยบาย “Jana Dhana Yojna” ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ของรัฐบาล ที่จะทาให้ประชาชนยากจนในพื้นที่ทุรกันดารสามารถมีวงเงินเบิกเกินบัญชี (Overdraft Facility) รวมทั้งได้รับการสนับสนุน ทางการเงินจากรัฐบาล และมีวงเงินประกันมูลค่า 1 แสนรูป (ที่มา: PTI News : August 22, 2014 ) (รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 12

@ Mumbai

..Inside.. ..India..

หลั บ จ่ า ยเงิ น หมื่ น ตื่ น จ่ า ยเงิ น แสนจ๊ ะ นายจ๋ า ...

เมื่อฉบับที่แล้ว Inside India ได้พาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับสุดยอดความอลังการงานแขกกับเรื่องรถไฟกันมาแล้ว ไหนๆ ก็เกาะกระแสความอลังการกันมาตั้งแต่แรก ฉบับนี้ก็ไปรู้จักอีกหนึ่งความอลังการของประเทศนี้ดู เผื่อท่านผู้อ่านกาลังมองหา ที่พักหรูหราในบรรยากาศโรแมนติกแบบย้อนอดีต อินเดียก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ใดในโลก ด้วย 10 สุดยอด โรงแรมที่ค่าพักค้างคืนแพงที่สุดในอินเดีย จะอลังการงานสร้างแค่ไหนไปรู้กันเลย

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 10 The Taj Mahal Palace and Tower, Mumbai

ไม่ใกล้ไม่ไกล Landmark ของมุมไบเรานี่เอง The Taj Mahal Palace and Tower ยังขึ้นชื่อว่าเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดอีกด้วย ราคาสาหรับห้องพัก มาตรฐานอยู่ที่คืนละ 21,500 รูปีแต่ถ้าเป็นประเภท Grande Luxury Suite ราคา อยู่ที่ 1.7 แสนรูปี สนใจดูรายละเอียดได้ที่ website นี้ได้เลย www.tajhotels.com

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 9 The Leela Palace Kempinski, Udaipur โรงแรมดังแห่งดินแดน Venice ตะวันออก ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบ Pichola แถมมีฉากหลังเป็นภูเขา Aravalli ราคาสาหรับห้องพัก มาตรฐานอยู่ที่คืนละ 26,000 รูปี แต่ถ้าเป็นประเภท The Maharaja Suit ราคาขยับไปอยู่ที่ 2 แสนรูปี สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.theleela.com/locations/udaipur

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 8 Taj Falaknuma Palace, Hyderabad จากคฤหาสน์สุดหรูของ Nizam สู่โรงแรม ระดับไฮโซ ในเครือ Taj Group ถูกขนานนามว่า 'mirror of the sky' ด้วยความสูง 2,000 feet ราคาห้องพักมาตรฐาน คืนละ 33,000 รูปี แต่ถ้าเป็นประเภท Grand Royal Suite ราคา 1.95 แสนรูปี รายละเอียด ที่ www.tajhotels.com

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 13

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 7 The Oberoi Rajvilas, Jaipur จากพระราชวังของราชวงศ์ Rajput กลายเป็นโรงแรมอลังการราคาห้องพักมาตรฐานอยู่ที่ คืนละ 35,000 รูปีแต่ถ้าเป็น Kohinoor Villa มีสระ ว่ายน้าส่วนตัว ราคาอยู่ที่ 2.3 แสนรูปี ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ www.oberoihotels.com

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 6 Taj Lands End, Mumbai ไปดื่มด่ากับพระอาทิตย์ขึ้น ณ ขอบฟ้า Arabian Sea ณ มุมไบ กับอีก 1 โรงแรมในเครือ Taj Group ราคาห้องพัก มาตรฐานอยู่ที่คืนละ 23,000 รูปี แต่ถ้าเป็นประเภท Presidential Suite จ่ายคืนละ 2.5 แสนรูปี รายละเอียดที่ www.tajhotels.com จ้า

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 5 The Oberoi Amarvilas, Agra และ The Oberoi Udaivilas, Udaipur

2 โรงแรมหรูในเครือ Oberoi จุดเด่นของ Amarvilas คือเห็น Taj Mahal ได้จากห้องพักและ Udaivilas คือล้อมรอบด้วย ทะเลสาปและภูเขาได้รับเลือก ให้เป็นโรงแรมที่เหมาะแก่การ Honey Moon ดังระดับโลก ราคาห้องพักมาตรฐาน คืนละ 35,000 รูปี แต่ถ้าเป็น Kohinoor Suite ราคา 2.5 แสนรูปี ข้อมูลเพิ่ม เติมที่ www.oberoihotels.com

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 4 The Oberoi,Mumbai กลับมามุมไบอีกครั้ง ยังคงหรูตามแบบ Oberoi พร้อมสรรพด้วยการตกแต่งและ เครื่องอานวยความสะดวกระดับหรูหรา การันตรีด้วยผู้เข้าพักระดับท่าน Bill Clinton ราคาห้องพักมาตรฐานอยู่ที่คืนละ 25,000 รูปีแต่ถ้าเป็นประเภท Presidential Suite ราคา อยู่ที่ 3 แสนรูปี www.oberoihotels.com เช่นเคยจ้า (รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 14

@ Mumbai

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 3 The Oberoi,Gurgaon รักษามาตรฐานความแพงได้จริงๆ กับโรงแรม ในเครือ Oberoi ไม่ต้องพูดกันมาก ราคา ห้องพักมาตรฐานอยู่ ที่ 30,000 รูปี ต่อคืน แต่ถ้ายังนอนไม่สบายเปลี่ยนเป็น Presidential Suite ก็จ่ายกันคืนละ 3 แสนรูปี ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.oberoihotels.com

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 2 The Leela Palace Kempinski, New Delhi อลังการงานสร้างมูลค่ากว่า 18 พันล้านรูปี ประกอบกับมาตรฐานคุณภาพ Leela ไม่ ต้องบอกโฆษณาอะไรมากเลิศหรูแน่นอน ราคาห้องพักมาตรฐาน อยู่ที่คืนละ 25,000 รูปี แต่ถ้าธรรมดาไป ก็เปลี่ยนไปพักห้อง Maharaja Suite จ่ายกันเบาๆ คืนละ 4.5 แสนรูปี รายละเอียดที่ www.theleela.com

แพงที่ สุ ด อั น ดั บ ที่ 1 Taj Lake Palace, Udaipur

อีก 1 โรงแรมในเครือ Taj Group การันตรีด้วยรางวัลโรงแรมที่โรแมนติก ที่สุดในอินเดีย ราคาห้องพักมาตรฐานคืนละ 36,000 รูปี หากยังไม่หรู พอต้องเปลี่ยนเป็น Grand Presidential Suite ก็จ่าย คืนละ 6 แสนรูปี รายละเอียดที่ www.tajhotels.com จ้า

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 15

Made in Thailand @ India ช่วงนี้หากใครติดตามข่าวคราวของประเทศอินเดียจะเห็นว่านายกรัฐมนตรีโมดี เดินสายนกขมิ้นไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเจรจาทางการค้าและการลงทุนบ่อยมากชนิดว่าคิวชนคิวไม่ว่างเว้น แถมตอนนี้หลายประเทศที่เจริญแล้วหรือค่อนข้างจะ เจริญแล้วต่างพุ่งเป้า เบนเข็มการลงทุนไปที่ดินแดนลุ่มแม่น้าคงคา แสวงหาโอกาสเข้ามาครอบครองส่วนแบ่งการต่างๆ กัน อย่างดุเดือด นั่นเป็นเพราะว่านโยบายส่งเสริมการลงทุน สร้างบ้านแปลงเมืองใหม่ของอินเดียที่ช่างเย้ายวนใจให้นักลงทุน ต่างชาติต่างภาษาเข้าไปกอบโกยโอกาสทางธุรกิจนั่นเอง จั่วหัวกันมาขนาดนี้ Make in Thailand @ India ฉบับนี้จึงจะพาไป เสาะหาบริษัทไทยที่มาขยายตลาดทางธุรกิจด้านธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ว่ามีใครที่มาแล้วบ้าง ....

บริ ษั ท พฤกษา เรี ย ลเอสเตส พฤกษากรุยทางมาลุยอินเดียตั้งแต่ปี 2552 ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ ตั้งเป้ายอดขายแสนล้านภายในปี 2560 ซึ่งรายได้จากต่างประเทศจะมีสัดส่วน 40% และพุ่งเป้าไปที่ จีน อินเดีย และเวียดนาม บริษัทเปิดตัวด้วยโครงการ Pruksa Silvana ณ บังคาลอร์ จานวน 401 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 120-150 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ลงนามในข้อตกลงสัญญาร่วมทุน เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน เมืองเชนไนกับบริษัท Mohan Mutha Exports Pvt. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกวัสดุ ก่อสร้างรายใหญ่ในเมืองเชนไน โดยโครงการแรกที่จะร่วมลงทุนมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท และลงนามในข้อตกลงสัญญาร่วมทุน เพื่อพัฒนา โครงการที่อยู่อาศัยในย่าน Thane ซึ่งเป็นทาเลศักยภาพแห่งใหม่ของ เมืองมุมไบ กับ Soham Group of Companies ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ชั้นนาของอินเดีย โดยพฤกษา และ Soham Group จะร่วมกันดาเนินการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งทาวเฮาส์ บ้านเดี่ยว และ คอนโดมิเนียม บนที่ดินประมาณ 375 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท มีโดยนากลยุทธ์การทาตลาดแบบ segmentation มาปรับใช้ให้ เข้ากับพฤติกรรมและวัฒนธรรมของคนอินเดีย ทั้งนี้การเข้าไปเจาะตลาดอินเดียของพฤกษาได้เข้าไปดาเนินงานในนาม ของ บริษัท พฤกษา อินเดีย เฮาส์ซิ่ง จากัด (Pruksa India Housing Private Limited) ประเภทธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัท พฤกษา อินเดีย คอนสตรัคชัน จากัด (Pruksa India Construction Private Limited ประเภทธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง .... (รูปภาพจาก internet)

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 16

@ Mumbai

บริ ษั ท อิ ต าเลี ย น-ไทย ดี เ วล๊ อ ปเมนต์ ฯ (ITD) บริษัทก่อสร้างแถวหน้าจากประเทศไทย เปิดตัวด้วยการ Joint Venture กับบริษัทในท้องถิ่นชนะการประมูลโครงการก่อสร้างทางหลวง 4 เลน ความยาว 77 กิโลเมตร ในเมืองกานปูร์ รัฐอุตตรประเทศ มูลค่ากว่า 2.89 พันล้านรูปี ในปี 2544 ตามมาด้วยโครงการก่อสร้างเขื่อนพลังน้ามูลค่ากว่า 6.87 พันล้านรูปี ในรัฐหิมาจัล ประเทศทางตอนเหนือของอินเดียในปี 2546 โครงการอาคารผู้โดยสารของสนามบิน กัลกัตตา (Kolkata Airport Passenger Terminal Building) มูลค่า 15.35 พันล้าน รูปี หลังจากนั้นก็เริ่มชนะการประมูลโครงการสาคัญอื่นๆ อีกมากมายอย่างต่อเนื่อง ก้าวสาคัญของการดาเนินธุรกิจของบริษัทในอินเดีย คือการเข้าซื้อ กิจการบริษัทก่อสร้าง Skanska Cementation India Ltd. ในปลายปี 2547 และเปลี่ยนชื่อเป็น ITD Cementation Ltd. หรือ ITDCem โดย Skanska Cementation เป็นบริษัทลูกของ Skanska Inter ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมา ก่อสร้างชั้นนาสัญชาติสวีเดน ปัจจุบัน ITDCem เป็นบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์เมืองมุมไบ (BSE-Bombay Stock Exchange) โดย ITD เป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยถึง 70% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

(รูปภาพจาก internet)

Volume 5, August 2014

Page 17

@ 3rd Floor News Thai Trade Center, Mumbai ร่วมกับ Godrej Nature's Basket จัดกิจกรรม In-Store Promotion เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า อาหารไทย ทั่วเมืองมุมไบ จานวน 8 สาขา โดยกิจกรรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-17 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีพิธีเปิดงาน อย่างเป็น ทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ณ สาขา Bandra

Godrej Nature's Basket สาขา Pune...ได้รับเกียรติจาก Chef Suriya และ Chef Keshia D'Souza แห่ง JW Marriott Hotel Mumbai & Courtyard Marriott Pune City เข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา Thai Trade Center, Mumbai จับมือกับ Team Thailand Mumbai (สานักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) เมืองมุมไบ สานักงาน ททท. มุมไบ และธนาคารกรุงไทย สาขามุมไบ) ร่วมกับ India Chamber of Commerce and Industry (ICCI) ณ เมืองโคชิ (Kochi) ในรัฐเกรละ จัดสัมมนาเรื่อง "Get to Know Thailand" เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและ การท่องเที่ยวของไทยและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานก ารณ์บ้านเมืองของไทยให้แก่นักธุรกิจอินเดียตอนใต้ ได้มีความเข้าใจมากขึน้ www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Page 18

@ Mumbai

Thai Trade Center, Mumbai ร่วมกับ LuLu Hypermarket ณ เมือง Kochi รัฐเกรละ จัด กิจกรรม Thailand Festival 2014 ระหว่างวันที่ 22-31 สิงหาคม 2557 เพื่อประชาสัมพันธ์อาหารไทยภายในกิจกรรมประกอบ ด้วยการสาธิตปรุงอาหารไทย และนาเสนออาหารไทยรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขาย LuLu Soubhagyotsavam 2014 โดยมีนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ (Executive Director, Thai Trade Center, Mumbai) และผู้บริหาร LuLu International Shopping Mall Pvt. Ltd. ได้แก่ Mr. Nishad PA (Business Head -Retail) Mr. Subin TD (Buying Manager-Supermarket) Mr. Das Damodaran (Buying Manager-Department Stores) และ Mr. Swaraj NB (Media Coordinator) ให้เกียรติเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา

Thai Trade Center, Mumbai จัดงานแสดงสินค้าไทย ณ เมืองมุมไบ ภายใต้ชื่องาน Thailand Trade Exhibition 2014 : Gateway of ASEAN ระหว่างวันที่ 14-16 สิงหาคม 2557 ณ Bombay Convention & Exhibition Center และจัด Business Forum และ Gala Night in Mumbai ขึ้น ณ โรงแรม Four Season เมืองมุมไบ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2557 เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพ ลักษณ์และ สร้างเครือข่ายนักธุรกิจ Picture by : Nitin Vashisht , Roots Global , LuLu International Shopping Mall

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

Volume 5, August 2014

Page 19

จดหมายน้อยจากมุมไบ Namaste ท่านผู้อ่านทุกท่าน ฉบับนี้เปิดจดหมายด้วยการทักทายอย่างเป็นทางการด้วยภาษา อินเดียกันซักหน่อยนะครับ @Mumbai ฉบับนี้เป็นฉบับที่ 2 หลังจากได้มีการปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่ 1 ซึ่งทางผู้จัดทาหวังว่า เนื้อหา สาระ คงถูกใจท่านผู้อ่านมากขึ้น ถ้ามากไปน้อยไปหรืออยากอ่านเรื่องอะไรก็ส่ง Comment กันมาได้ครับ ส่วนเนื้อหาในเล่มนี้จะช่วยให้ผู้ที่สนใจประเทศอินเดียเข้าใจในดินแดนภารตะนี้มากขึ้น ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเดือนสาคัญของผู้ที่นับถือพระพิฆเนศอีกเดือนหนึ่งเพราะจะมีการเฉลิมฉลอง วันคเณศจตุรถีหรือวันคล้ายวันประสูติของพระพิฆเนศ ซึ่งชาวฮินดูเคารพสักการะในฐานะเทพเจ้าแห่งภูมิปัญญา ความเจริญ รุ่งเรืองและความสาเร็จ เชื่อกันว่าพระพิฆเนศทรงประสูติในช่วงข้างขึ้น (4 ค่า) ศุกลปักษ์ ของเดือนภัทรบทประมาณเดือน สิงหาคมหรือเดือนกันยายนตามปฏิทินสากล วันนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ”วันวินายกะ จตุรถี” สาหรับปีนี้ตรงกับวันที่ 29 สิงหาคม 2557 เป็นเทศกาลที่เชื่อกันว่าพระพิฆเนศจะเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์เพื่อประทานพรอันประเสริฐสูงสุดแก่ผู้ศรัทธา ในพระองค์ท่าน ซึ่งในเทศกาลดังกล่าวแต่ละหมู่บ้านของชาวอินเดียจะสร้างเทวรูปพระพิฆเนศขนาดใหญ่ เพื่ออัญเชิญ พระพิฆเนศแช่ลงแม่น้าคงคา แม่น้าสุรัสวดี หรือทะเล เพื่อส่งพระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ และยังมีการสวดมนต์เพื่อวิงวอน ขอพรความเจริญรุ่งเรือง เทศกาลนี้ถือว่าเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมุมไบและของโลก มีการเฉลิมฉลองนาน 10 วัน ใครได้มีโอกาสมาสัมผัสเทศกาลนี้ที่มุมไบคงประทับใจในความศรัทธาและความยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน นอกจากจะเป็นเดือนแห่งการบูชาพระพิฆเนศแล้วนั้น ยังเป็นเดือนสาคัญอีกเดือนหนึ่งของสานักงานของเราเพราะ เป็นเดือนที่ทางสานักงานจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยในสถานที่ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่ยักษ์ ประจาปี Thailand Trade Exhibition 2014 : Gateway of ASEAN รวมไปถึงการจัดงานร่วมกับร้านค้าและห้างยักษ์ใหญ่ แห่งอินเดีย Lulu Supermall :ซึ่งกระแสตอบรับสินค้าไทยดีมาก งานนี้เล่นเอาทางานกันลืมวันลืมคืน แต่ก็คุ้มค่า หายเหนื่อย สนุกสนานกันมาก ต้องขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ช่วยกันให้ทุกงาน ประสบผลสาเร็จไปได้ด้วยดี โอกาสหน้าจะ รบกวนมาสนุกกันอีกนะครับ นอกจากนี้ผมต้องขอขอบคุณมิตรรักแฟนเพจของ Thai Trade Center Mumbai ด้วยนะครับ ที่ตอนนี้ยอด Like ทะลุ 500 คนไปเรียบร้อยแล้ว ก็ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ กันต่อไปนะครับ อดุลย์ โชตินิสากรณ์ ผู้อานวยการ สานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ บรรณาธิการ: นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ ผู้อานวยการสานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ผู้ช่วยบรรณาธิการ : นายสุทธิชาติ นิลคูหา ผู้ช่วยผูอ้ านวยการ สานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ เทคนิคและกราฟฟิก : ทีมงานสานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ www.facebook.com/thaitrademumbai.th

www.facebook.com/thaitrademumbai.th

จัดทาโดย......สานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (Thai Trade Center @Mumbai) .. Address: Express Towers, 3rd Floor Nariman Point Mumbai 400021 Tel: +91-22-2283 0242, 2283 0243 Fax: +91-22-2284 6859 ...E-mail: thaitrademumbai@gmail.com