The prototype by CA@PIM ฉบับที่ 9

Page 1

“วัฒนธรรมไทย สืบสานแบบไหนให้คงอยู่” เรื่องเด่นกับการสืบสานวัฒนธรรมไทย แบบนอกกรอบ

ใครว่าผิด ?


Letter From Editor วัฒนธรรม ถูกตีความหมายจากไทยพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิต พ.ศ.2542 ว่าด้วยเรื่องของ ความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบ ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีของผู้คนที่มา รวมกัน จึงไม่ผิดที่วัฒนธรรมจะเป็นที่รวมทุกสิ่งอย่างที่เห็นในการดำ�เนินชีวิต ล้วนที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวที่สะท้อนความเป็นวัฒนธรรมของสังคมนั้น ๆ สำ�หรับประเทศไทย เอกลักษณ์ที่สะท้อนบ่งบอกความเป็นวัฒนธรรมไทยอย่างชัดเจน เช่น ภาษา ไทยเป็นภาษาประจำ�ชาติ การแสดงความเคารพด้วยการไหว้และกราบ การแต่งกาย รวมถึงศิลปวัฒนธรรม และประเพณีประเทศไทยที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของไทย แต่เมื่อยุค สมัยเปลี่ยน การพัฒนาเทคโนโลยีจึงทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงด้าน คมนาคมใช้รถมากกว่าเรือ การสื่อสารจากอุปกรณ์และช่องทางโซเชียลทำ�ให้สะดวกกว่าเดิม หรือแม้แต่การ แต่งกายเป็นสากลมากขึ้น เปลี่ยนแปลงจนหลายสิ่งตั้งแต่ก่อนที่มันจางหายไป จนเกิดคำ�ถามกับสังคมไทย ปัจจุบันว่า “อะไรคือความเป็นไทย อะไรคือวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง? ” The Prototype by CA PIM เล่มที่ 9 ขอนำ�เสนอเรื่องราวการผสมผสานวัฒนธรรมไทยไปกับ ทุกภาคส่วน เช่น ธุรกิจ อาหาร การท่องเที่ยว หรือแม้แต่เทคโนโลยี ทำ�ให้มีคุณค่าเกิดเป็นความภาคภูมิใจ และพร้อมการสืบสานต่อจะทำ�ได้หรือไม่ ? อย่างภายในคอลัมน์ Special Report จะเล่าเรื่องราวผ่านการ ถ่ายทอดมุมมองด้านการสืบสานวัฒนธรรมให้เป็นที่จับต้องได้ เป็นเรื่องใกล้ตัว และจะใช้วิธีการอย่างไรก็ได้ สำ�หรับการสืบสาน เพียงแต่ไม่ทำ�ลายความเป็นวัฒนธรรมไทย เพราะการรักษาวัฒนธรรม คือการรักษา ชาติ หรือ คอลัมน์วัยรุ่นวัยรวย การเสนอเรื่องราวของการทำ�ธุรกิจน้ำ�หอม ซึ่งน้ำ�หอมถือว่าเป็นสิ่งที่คนส่วน ใหญ่นิยมใช้เป็นประจำ� เพราะเรื่องกลิ่นกายก็จัดว่าเป็นสิ่งสำ�คัญเมื่อต้องพบปะกัน หากไร้กลิ่นกายที่น่า ดึงดูดก็อาจทำ�ให้ขาดความมั่นใจได้ เพียงแต่ธุรกิจน้ำ�หอมที่ได้นำ�เสนอนั้น เป็นน้ำ�หอมที่มีกลิ่นเฉพาะเรื่อง ราวต่าง ๆ ของความเป็นไทยมาอยู่ในน้ำ�หอม การสืบสานที่แปลกใหม่แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้มาก ขึ้น เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว ฉะนั้น หากเราจะตั้งข้อสังเกตว่า การจะสืบสานวัฒนธรรมไทย อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป ถ้าให้นำ�สิ่งต่าง ๆ ในวัฒนธรรมไทย นำ�มาปรับใช้ในแต่ละวันเป็นประจำ� ก็น่าจะทำ�ให้เราเกิดความรู้สึกว่า ใกล้ชิดกับสิ่งต่าง ๆในวัฒนธรรมไทยมากขึ้น แล้วก็จะเป็นวิธีการสืบสาน ที่ยั่งยืนกว่าการประกาศอย่างอลังการ เพื่อให้คนหันมาทำ� แต่ก็ทำ�ได้เพียงพริบตาเดียว และก็จางหายไป นางสาวพัชรศรี ปิ่นแก้ว บก.บห.

บก.บห. บก.บทความ ทีมฝ่ายศิลป์ ทีมการตลาด ทีมภาพ บทความ

นางสาวพัชรศรี ปิ่นแก้ว นายอนุชิต ไกรวิจิตร นายสหรัถ แสงขาว นางสาวอทิตยา สมมาตร นายภูมิรพี ศิริบรรณ นายภัทรพล กลอบจินดา นางสาวพรรณอร เสือเทศ นางสาวธัญชนก ปารวัณวงศ์ นางสาวศศิธร คมขำ� นายณัฐวัฒน์ เสนาะพิณ นายนันทกร ศรีนามบุรี นางสาวปริยาภัทร จันทร์ทอง นางสาวพนิดาภรณ์ อยู่ชื่น นางสาวอดิศร เงสันเทียะ นายอาชวินญ์ กองวิเศษ นายธนพล มหาวงศ์ นายณรงค์ฤทธิ์ มุ่งปั่นกลาง นายธนกร ประภากรวิภาวี นางสาวสริตา นาคใจเสือ นายเทวราช ชมภูนาค นายธนกร ประภากรวิภาวี นางสาวคณิศรา พอจิต นางสาวกริสรินทร์ บุญรวิวัฒน์ นางสาวธาริณี หนูดำ� นางสาวปพัชญา นิภานันท์ นางสาวกนกพร เสนีย์ นายจิรายุ วัฒนประภาวิทย์ นายภควรรธ อัญชลี นางสาวณัฐวิตา แตงงาม นางสาวปนัดดา วงษ์ประกรคำ� นางสาวนิตยา ร่มโพธิ์ชี นางสาวเบญจรัตน์ อิ่มโต นายวีระพงศ์ ธัญญาโภชน์ นายกษิดิ์เดช ปัดเกษม นางสาวมัณฑณา ธราพรสกุลวงศ์ นางสาวปรินทร์ดา ชุมขวัญ นายภูมิรพี ศิริบรรณ นางสาวศุภลักษณ์ สุโภวรวุฒิ นางสาวนันท์นภัส โอดคง นายณัฐพงศ์ เสาวรัจ นางสาวศุภมาศ เนตรมณี นางสาวศิศิธร บุญขาว นางสาวแพรวา คงฟัก นางสาวธัญลักษณ์ อุ่มเจริญ นางสาวภัทราวดี คำ�จันดา นายอาจประนต สิงห์ทองไชย นางสาวเสาวลักษณ์ ศรีสรรค์ นางสาวกัญญา เบี้ยเลี่ยม นางสาวอภิษฏา แพภิรมย์รัตน์ นายวรยศ กลัดเนินกุ่ม นางสาวพัชรศรี ปิ่นแก้ว นายอนุชิต ไกรวิจิตร นางสาวนภาพร กลั่นน้ำ�ทิพย์ นางสาวมณีจันทร์ สอนคำ�จันทร์ และนักศึกษาปีที่ 1 นายวงศกร อยู่วัฒนา นางสาวสุชานรี พังเกิด นางสาวภาวินีย์ สูญสิ้นภัย นายพันธดนย์ ปรีชญารัตน์ นายกฤดินันท์ เปลื้องวารี นางสาวณภัทร เจริญวัฒนะ นางสาวนิรชา ระย้าเพชร


ContentS Prototype Voice

อนุรักษ์ความเป็นไทย ไม่ใส่ใจเรื่องอายุ หน้า 1 & 2

Econ & Biz

Special Report

“สืบสานนอกกรอบอย่างรู้ค่า คงความเป็นมาวัฒนธรรมไทย” หน้า 9 & 12

กาลเวลาเปลี่ยนไป วัฒนธรรมไทย เปลี่ยนตาม หน้า 3 & 4

Dream Career

- Master Apprentine หน้า 16 - Hidden Job หน้า 17 & 18 - Rich’s Teen หน้า 19 & 20 - Start Up หน้า 21 & 22

Me Style เหลาให้แหลม

ส่องโอกาสแอนิเมชั่นไทย ผ่านแอนิเมชั่นญี่ปุ่น หน้า 13 & 14

- Health หน้า 23 - Tech Buzz หน้า 24 - Check in หน้า 25 & 26 - Dinning หน้า 27 & 28 - Art & Entertainment หน้า 29 & 30

Guru outside

เลียนแบบสื่อ “ดาบสองคม” ชีวิตวัยรุ่น หน้า 5

Guru inside นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า ให้ข้าวไทย หน้า 6

Media Literacy 12 ปี คุณพระช่วย สานต่อ วัฒนธรรมไทย ยุคสื่อหลาก แพลตฟอร์ม หน้า 7

Sport Entertainment Education

ภัยร้ายจากพ่อแม่สู่ลูก บนโซเชียลออนไลน์ หน้า 15

นักเตะไทยจะ Go Inter เร่งพัฒนา ระบบเยาวชนให้เป็นสากล


Prototype Voice นางสาวคณิศรา พอจิต นางสาวกริสรินทร์ บุญรวิวัฒน์

อนุรักษ์ความเป็นไทย ไม่ใส่ใจเรื่องอายุ

วัฒนธรรม อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างช้านานและเป็นวิถีแห่งการดำ�เนินชีวิตของในสังคม เมื่อกาล เวลาเริ่มเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมความเป็นไทยจึงมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละยุคสมัย ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็อยากที่จะสืบสานและอนุรักษ์วัฒธรรมให้อยู่กับคนไทยต่อไป โดยผ่านมุมมองตัวแทน ทั้ง 3 วัย

มุมมองแต่ละยุค มองว่าเอกลักษณ์ความเป็นไทยคืออะไร? นางสาวบุษบา วุฒิยะโชโต นักศึกษา สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มองว่าเอกลักษณ์ ความเป็นไทยคือ “การไหว้” ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือ การจากลาย่อมมีการยกมือไหว้ เพื่อแสดงความเคารพ นับถือ เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกชัดเจนว่ามีการสืบทอด มาจนถึงรุ่นปัจจุบันและคาดว่าอนาคตจะอนุรักษ์ต่อไป

อาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน อาจารย์คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพ พิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากรและศิลปินผู้เชี่ยวชาญในศิลปะไทยและจิตกรรมไทย ประเพณี เชิงสร้างสรรค์ ได้มองว่า อันที่จริงแล้วคนที่จะรู้ว่าเป็นศิลปะหรือวัฒนธรรมประจำ�ชาตินั้น ขึ้นอยู่กับคนมองมามากกว่า เพราะมันมีเอกลักษณ์แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว แต่สำ�หรับ อาจารย์มองว่าวัฒนธรรมไทยที่แท้จริงถูกสร้างตัวขึ้นมาจากวัฒนธรรมแบบผสมผสานหรือ เรียกว่าพหุวัฒนธรรม ซึ่งถูกหล่อหลอมขึ้นมาจนกระทั่งมีลักษณะของตัวมันเอง

แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง กล่าวถึงการใช้ชีวิต เมื่อสมัยก่อนอย่างการดำ�เนินชีวิตประจำ�วัน เช่น การตักนำ�้ หาบน้ำ�จากแม่น้ำ� เพื่อนำ�มาดื่ม และใช้อุปโภค - บริโภค แต่สมัยนี้น้ำ�ในแม่น้ำ�กลับดื่มไม่ได้แล้ว เพราะน้ำ�เน่าเสีย แต่มีน้ำ� ประปาเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็ทำ�ให้สะดวกขึ้นอีกแบบหนึ่ง หรือการทำ�ไร่ทำ�นาสมัยนี้ก็ไม่นำ�ควาย มาไถนาแต่เปลี่ยนมาใช้รถไถแทน เราจะเห็นได้ว่าประโยชน์และโทษก็แตกต่างกันออกไป ปัจจุบันรายจ่ายก็เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่เม็ดเงิน ต่างจากเมื่อก่อนที่เห็นค่าในการ ใช้แรงมากกว่าค่าของเงินนั่นเอง

1


กาลเวลาที่ผันแปร มีสิ่งใดที่เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน? เด็กรุ่นใหม่ เชื่อว่า วัฒนธรรมจะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น ราคาของขนมไทยที่มีการเพิ่มราคาขึ้น เนื่องจาก วิธีการทำ�ยาก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงตามสถานที่จำ�หน่ายสินค้า ราคาก็ต้องขึ้นไปตามนั้น บวกกับคนสมัยนี้รับประทานน้อยลง ส่วนด้านการเล่นดนตรีไทย ที่ต้องใช้เวลาการฝึกฝนนานเลยทำ�ให้เราไม่ได้เข้าไปสนใจมากนัก แต่ยังเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่คนบางกลุ่ม ยังเห็นถึงความสำ�คัญในการอนุรักษ์การเล่นดนตรีไทย โดยตนเองได้มีโอกาสไปแสดงศิลปวัฒนธรรมความเป็นไทย นั่นคือ การแสดง ขิม ณ ประเทศจีนและเวียดนาม แต่สำ�หรับอาจารย์ ผู้มีจุดเริ่มต้นจากการมีพื้นฐานคนที่สนใจเรื่องศิลปะไทยเดิม จึงศึกษาทางด้านศิลปะโดยตรงและ ศิลปะร่วมสมัย เพื่อหาแนวทางไม่ทำ�ให้ศิลปวัฒนธรรมไทยสูญหายไป โดยที่ไม่มีคนช่วยสืบทอด แต่เราไม่จำ�เป็นต้องไปเคร่งครัดกับ ขนบธรรมเนียมนั้นมากเกินไป ส่วนแม่ขวัญจิต คิดว่าวัฒนธรรมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีความแตกต่างมาก และวัฒนธรรมไทยก็หายไปหลายเรื่อง เช่น การไปเยี่ยมญาติน้อยลง แม้การติดต่อสือ่ สาร และการเดินทางจะสะดวกขึน้ หรือเรื่องการแต่งตัวของวัยรุ่นไม่ค่อยจะเห็นการนุ่ง โจงกระเบนแล้ว ซึ่งบางทีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำ�ให้เราลืมความเป็นไทยในอดีตว่าเคยเป็นอย่างไร แต่ก็ยังมีวัฒนธรรมที่ยัง คงอยู่ อย่างเรื่องการทำ�กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งก็เป็นการกระทำ�ตามประเพณี

อยากบอกสิ่งใด เพื่อการอนุรักษ์ความเป็นไทยให้คงอยู่

ในมุมมองของ นางสาวบุษบา วุฒิยะโชโต ก็อยากบอกให้ทุกคนสืบสานวัฒนธรรมไทย ด้วยการอนุรักษ์ตามประเพณีไทย เพราะว่า ถ้ามีชาวต่างชาติมาเห็น ก็อยากให้เขาประทับ ใจและนำ�กลับไปพูดในบ้านเกิดของตนได้ว่า ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่น่าชื่นชมและกลับมา

ขณะที่อาจารย์สาครินทร์ เครืออ่อน คิดว่าเราไม่จำ�เป็นต้องปกป้องวัฒนธรรมชนิด ที่เอาเป็นเอาตาย เพราะการสื่อสารก็เริ่มกว้าง ขวางขึ้น การยืนยันที่จะใช้วัฒนธรรมของตัว เองมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ความเห็นส่วนตัวของ อาจารย์จึงรู้สึกว่าควรใช้ชีวิตประจำ�วันใน ลักษณะที่เป็นอยู่และให้รุ่นใหม่มองวัฒนธรรม ไทยเป็นเรื่องปกติ หรือเรื่องที่มีอยู่แล้ว วันหนึ่ง พออายุเพิ่มขึ้นก็จะหันหน้าเข้าไปสนใจเอง เหมือนกับคำ�ว่า “เวลาเท่านัน้ เป็นเครือ่ งพิสจู น์ สิง่ ใดทีค่ งอยูก่ จ็ ะคงอยู่ ถ้าเรารักษาเอาไว้ เพราะ วัฒนธรรมเป็นสิง่ ทีด่ งี าม แค่รกั ษาความเป็น ระเบียบ ส่วนเด็กและวัยรุน่ ปัจจุบนั ต้องให้พวก เขาเกิดจากการสนใจเอง”

ส่วนแม่ขวัญจิต กล่าวกับทางทีมงาน ว่า ณ ตอนนี้แม่ขวัญจิตมีอายุมากก็ไม่หยุดใน หน้าที่นี้ เพราะว่ายังคงต้องสอนต่อไป ยังตั้งใจ เผยแพร่วัฒนธรรมความเป็นไทย และอยากเป็น กำ�ลังใจให้ลูกๆรุ่นหลัง ให้ได้พาให้วัฒนธรรม ไปสู่อีกรุ่นก็ยังดี แต่ถ้ามีคนสนใจอยู่มันก็ยังทำ� ต่อไปได้ ในสายของกรมศิลปากรก็ยังอนุรักษ์ กันสืบมา แต่วัฒนธรรมนั้นจะกระจุกอยู่ตาม สถาบันนั้น ดังนั้นวัฒนธรรมจะอยู่ต่อไปได้ก็ ขึ้นอยู่กับการที่คนสมัยนี้จะรักษาสมบัตินี้ให้อยู่ หรือจะทิ้งมันไปให้หายตามกาลเวลา

2


Econ Policy นางสาวนภาพร กลั่นน้ำ�ทิพย์ นางสาวนิตยา สอนคำ�จันทร์

ขนมไทยยุค 4.0 ถึงเวลาย้อนกลับสู่คุณค่าแก่นรากความเป็นไทย

กาลเวลาเปลีย่ น ทำ�ให้วฒ ั นธรรมจางหายไป วัฒนธรรมต่างประเทศเข้ามาดึงดูดความสนใจคนรุน่ ใหม่จะมีกแ็ ต่คนรุน่ เก่าทีย่ งั คงอนุรกั ษ์ วัฒนธรรมไทยให้คงอยูต่ อ่ ไป คนรุน่ เก่าหวังเพียงให้เด็กรุน่ ใหม่หนั มาอนุรกั ษ์วฒ ั นธรรมไทยหนึง่ ในนัน้ คือ ขนมไทย หากเปรียบเทียบระหว่าง “เอเเคร์” กับ “ขนมเปียกปูน” คุณคิดว่าวัยรุน่ รูจ้ กั หรือ รูก้ นิ ขนมอะไรบ่อยกว่ากัน คำ�ตอบของคำ�ถามนีค้ ง สะท้อนสถานการณ์ของขนมไทยในปัจจุบนั ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้เราจะทราบกันดีวา่ ขนมไทยนัน้ มีคณ ุ ค่ามากกว่าแค่การเป็นขนม เพราะขนมไทย คือ ส่วนหนึง่ ของวัฒนธรรมและความเป็นไทย แต่เพราะเหตุใดขนมไทยจึงดูเหมือนว่ากำ�ลังจะเลือนหายไปจากวิถชี วี ติ ของคนรุน่ ใหม่ นางนพวรรณ จงสุขสันติกลุ ผูก้ อ่ ตัง้ “นพวรรณขนมไทย” กล่าวว่า ทุกประเทศมีวฒ ั นธรรมเป็นของตัวเอง ประเทศไทยมีประเพณี ความเชือ่ ศิลปะ การแต่งกาย การท่องเทีย่ ว ทีเ่ ป็นสือ่ รวมกันให้เกิดเป็น วัฒนธรรมไทย แสดงให้เห็นถึงคำ�ว่าประเทศไทยได้อย่างแท้จริง วัฒนธรรม กับคนไทยสัมพันธ์กนั ตรงทีว่ ฒ ั นธรรมเกีย่ วข้องกันหมดกับเรือ่ งของท้องถิน่ เป็นเรือ่ งของเสือ้ ผ้าเครือ่ งแต่งกาย วัฒนธรรมการทำ�บุญแต่ละภาคแต่ละ ท้องถิน่ เอกลักษณ์ขนมไทยก็เช่นกันทีแ่ สดงตัวตนของคำ�ว่า คนไทย ขนมไทยไม่ได้สญ ู หายเพียงแต่คนไม่กนิ หากต้องเปรียบเทียบขนมไทยกับขนมต่างประเทศต่างเทศความแตกต่างทีเ่ ห็นได้ชดั เจน คือ การใช้วตั ถุดบิ ทีแ่ ตกต่างกัน ของไทยคือแป้ง กะทิ น�ำ้ ตาล หัวเผือก หัวมัน กล้วย ฯลฯ วัตถุดบิ จะเก็บทัว่ ๆไปมาทำ� เช่น มีกล้วยเหลืออยูก่ เ็ อามาขยำ�ทำ�ขนมกล้วย เป็นเรือ่ งของความเป็นอยูก่ าร ใช้ชวี ติ เรียบง่าย มีอะไรเหลือก็ไม่ทง้ิ ดัดแปลง ทำ�ขนมได้ ความเหมือนกันตรงทีต่ น้ กำ�เนิดมีพน้ื ฐานจากต่างประเทศ ทีด่ ดั แปลงให้เข้ากับประเทศไทย เช่น เครือ่ งทอง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมมงคล 9 อย่าง เป็นขนมไทยชนิดหนึง่ ทีม่ ตี น้ กำ�เนิดจากประเทศโปรตุเกส เพียงแต่คนไทยนำ�มา ดัดแปลงให้เป็นขนมในแบบของไทย “ต้องกลับมามองว่าสาเหตุแท้จริงคืออะไรเรา ควรทำ�อย่างไรที่ทำ�ให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจและพร้อมที่จะ สืบทอดวัฒนธรรมของเรา” อาจารย์นพวรรณ ให้ความคิดเห็นว่า ควรที่จะ สร้างฐานการเรียนรู้ธุรกิจขนมไทย ใช้ขนมไทยเป็นตัวยืด วัฒนธรรมไทยให้มีต่อไปโดยแฝงอยู่กับสิ่งของต่างๆที่อยู่รอบตัว เราก็จะช่วยให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจขนมไทยมากขึ้น เช่น หากลงมือทำ�ใน 1 วัน จะมี 1 อาชีพและ 1 เดือน จะ มี 30 อาชีพ ให้คนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องนี้เก็บรวบรวม ความรู้ว่าใครรู้จักขนมไทยประเภทไหนบ้าง ใครชอบขนม ไทย จะได้รวมคนที่สนใจตั้งเป็นชมรม ต้องปลุกพลังให้เด็กลุก ขึ้นมาอนุรักษ์ ยิ่งรวมตัวกันมากเท่าไหร่ก็จะสามารถสืบสาน วัฒนธรรมไทยได้ยาวนาน

การรักษาวัฒนธรรมนัน้ ต้องทำ�ให้วฒ ั นธรรม นัน้ เป็นเรื่องใกล้ตัวจับต้องสัมผัสได้ โดยอาจมีการปรับ เปลี่ยนไปตามยุคสมัยบ้าง แต่ต้องคงเอกลักษณ์ของ ขนมไทยชนิดนั้นๆ ไว้ “เราต้องสร้างธุรกิจขนมไทย ขึ้นมาเป็นธุรกิจของวัยรุ่นเป็นเจ้าของ จะแสดงให้เห็น พลังของวัยรุ่น เป็นแรงจูงใจให้กลับเข้ามาขนมไทย รูปแบบอาจจะเปลี่ยนไป เช่น บัวลอย เราก็ใส่แก้ว ก้านเสิร์ฟ ก็ไม่ได้ว่ากัน ตราบใดที่ยังคงเป็นบัวลอย ที่มาจากข้าวโม่ เราไม่ได้ค้านที่เด็กจะทำ�ให้ทันสมัย แต่ไม่ใช่ทำ�ตามเขาทั้งหมด คำ�ว่ารักษาวัฒนธรรมต้อง สัมผัสได้ แตะต้องได้”

3

ส่วนอีกด้านหนึ่งที่รัฐบาล พยามผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวไป สู่ " ครัวโลก" จนมาถึงทุกวันนี้เหตุที่ ประเทศไทยไม่สามารถเข้าไปสู่ครัวโลก ได้ เป็นเพราะผู้ประกอบการไม่สามารถ ขับเคลื่อนรัฐบาลได้ เกิดจากรัฐบาลไม่ ได้ลงพื้นที่ทั้งหมดเพื่อรับรู้ปัญหาที่เกิด ขึ้น ที่เราไม่สามารถขึ้นไปสู่ครัวโลกได้ อย่างเต็มตัว ก็เพราะไม่สามารถมอง เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด หน่วยงาน ที่ลงพื้นที่ก็ไม่ได้รายงานผลหรือปัญหาที่ผู้ประกอบการพบเจอ ทำ�ให้รัฐบาลก็แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่รู้ถึง ปัญหาที่เกิดขึ้น นับว่าโชคดีของไทยที่ตลาดโลกเดินเข้ามาหาเราเอง คนทั่วโลกเขามาประเทศไทย เขารู้ เพียงแต่จะทำ�ยังไงให้เขาซื้อกลับไปบ้าน ไม่จำ�เป็นต้องใช้งบประมาณไปเมืองนอก เราต้องรู้ว่าปัญหามัน คืออะไรแล้วแก้ปัญหานั้นก่อนแล้วคนจะเข้ามา ครัวไทยสู่ครัวโลกให้อยู่ในประเทศ "ให้คนเป็นคนสืบไป เราไม่ต้องไปเอง แต่ใช้ต่างชาติเป็นตัวสื่อออกไป" อ.นพวรรณ กล่าว ในเรื่องของรัฐบาลที่จะส่งเสริมสินค้าที่ตอนนี้สามารถกระจายให้เห็นถึงความเป็นไทยมาก ที่สุด คือ OTOP คำ�ว่า OTOP ก็คือ 1ผลิตภัณฑ์ในตำ�บล ถือได้ว่าสามารถเป็นสื่อกลางในการที่จะนำ� วัฒนธรรมเผยแพร่ออกไป แต่ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ได้มีการกระจายตัวในหลายพื้นที่ ทำ�ให้ไม่รู้ว่าแท้จริงมี ต้นกำ�เนิดจากพื้นที่ไหน เกิดปัญหาผลิตภัณฑ์ซ้ำ�กัน ผลิตภัณฑ์ต้องมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ก็จะสามารถ กระจายสินค้าออกไปได้มากกว่าที่ควร ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้ขนมไทยหรือวัฒนธรรมไทยที่ มีในขนมไทยอยู่ได้ ต้องปรับให้เข้ายุคสมัย แต่คงความเป็นเอกลักษณ์ ของไทยยังคงมีอยู่ รสชาติสามรถ ดัดแปลงได้ สุดท้าย อยากถามคนรุ่น ใหม่ว่า "พวกเราซื้อขนมไทยครั้งสุดท้าย เมื่อไหร่" หากเปลี่ยนจากซื้อขนมต่าง ประเทศ เช่น เอเเคร์ บ่อยไหม น่าจะ ได้คำ�ตอบที่มากกว่า ดังนั้น นี่คือจุดที่ เราจะต้องหาวิธีสร้างความแตกต่างและ ดึงดูดความสนใจให้คนรุ่นใหม่หันมากิน ขนมไทยให้มากขึ้น


BIZ. UPDATE นายวรยศ กลัดเนินกุ่ม นางสาวพัชรศรี ปิ่นแก้ว

รมว.คมนาคม จัดแผนพัฒนาเส้นทางสัญจรปี’60 สั่งเพิ่มทักษะบุคลากร สู่ยุคThailand 4.0 รมว.กระทรวงคมนาคม เผยแผนยกระดับการพัฒนาระบบด้านการเดินทางสัญจรปี 2560 ชี้ต้องพัฒนาบุคลากรให้ตรงโครงสร้างระบบการ คมนาคมขนส่ง สู่อนาคตยุค Thailand 4.0 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงอนาคตโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่งในยุคThailand 4.0 ว่า ทาง กระทรวงคมนาคม มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายใหม่ สู่การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้ยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาและวางแผนสำ�หรับยุทธศาสตร์ 20 ปี การดูแลและพัฒนาเพื่อเป็นประเทศที่ยั่งยืนระยะยาวจากรัฐบาล คือ ต้องมีเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนสำ�หรับด้านการขนส่ง การเดินทางสัญจร และการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ก้าวหน้าในอนาคต

ทำ�ให้การพัฒนาประเทศจึงต้องเกิดการแลกเปลี่ยนบ้างด้วย ตามเป้าหมาย สำ�หรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางคมนาคมขนส่งในยุคThailand 4.0 ประจำ�ปี พ.ศ. 2560 ทางกระทรวงคมนาคมจึงจัดวาง 36 โครงการ จำ�นวน การก่อสร้างและการพัฒนายานพาหนะ รวมเป็นวงเงินลงทุน 895,757.55 ล้านบาท ตามแผนปฏิบัติการลงทุนด้านคมนาคมขนส่ง (Action Plan)พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเพื่อทางคมนาคมขนส่งให้ดีขึ้น รวมถึงสินค้าหรือสิ่งของที่เคยได้รับจากต่างประเทศอาจจะต้องลดลงบ้าง เพราะการจะมีฐานะดีขึ้น ควรได้รับการเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ให้แก่ประเทศที่ ด้อยกว่า รวมถึง “ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี” ก็จัดเป็นสิ่งสำ�คัญที่ สามารถบ่งชี้ถึงความเป็นประเทศที่ก้าวหน้า ทั้งนี้สำ�หรับในยุค Thailand 4.0 นอกจากแผนการก่อสร้างและ การพัฒนายานพาหนะ ทางกระทรวงคมนาคมก็ยังเสริมให้มีการเปลี่ยนแปลง ผ่าน 4 องค์ประกอบสำ�คัญทั้งระบบ ด้วยประการแรก Traditional Farming สู่ Smart Farming เป็นการยกระดับเกษตรกรแบบดั้งเดิมให้เป็นสมัยใหม่ ประการต่อมาคือ Traditional SMEs สู่ Smart Enterprises และ startups เป็นการเพิ่มธุรกิจให้มีศักยภาพสูงจากเดิม ถัดมาประการที่สาม คือ Traditional Services สู่High Value Services เป็นเรื่องที่ว่าด้วยการเพิ่มมูลค่า ด้านบริการให้สูงขึ้นกว่าแบบเดิม ส่วนประการสุดท้าย คือ ต้องพัฒนาแรงงาน ทักษะนำ�ไปสู่แรงงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและทักษะสูง เพราะทาง คมนาคมเล็งเห็นว่า การมีบุคลากรที่มีทักษะสูงจะทำ�ให้ระบบการทำ�งาน เข้มแข็งตามขึ้นด้วย โดยเน้นย้ำ�เรื่องของนวัตกรรมกับทักษะ Creative Economy ในอนาคตยุค Thailand 4.0 ก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำ�คัญสุดด้วย เพราะจัดว่าเป็นพื้นฐานหลักของธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ จึงต้องมีความ สร้างสรรค์ นำ�ความคิดที่จะมาต่อยอดเรื่องใหม่ ๆ รู้จักการนำ�เทคโนโลยีมาใช้ ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือต้องรู้ว่ามีทรัพยากรเท่าไรที่

“กล่าวง่าย ๆ คือ การจะทำ�สิ่งหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับเรื่องของสิ่งแวดล้อมของ ประเทศว่าสามารถเอื้ออำ�นวยได้หรือไม่” ทางกระทรวงคมนาคมจึงเกิดแนวคิดของยุทธศาสตร์การพัฒนา ว่าจะต้อง ไม่ใช่เพียงการพัฒนาแค่ระบบคมนาคมขนส่ง แต่ต้องยกระดับการพัฒนาบุคลากรให้มี ทักษะสูง สำ�หรับปี 2560 จึงได้เริ่มการส่งเสริมให้เหล่าสถาบันต่าง ๆ วางแผนพัฒนาการ ผลิตบัณฑิตบุคลากรให้ตรงเป้าหมายของโครงสร้างรวมถึงเน้นสร้างความเข้าใจทาง ด้านการนำ�เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งให้เกิดเป็น ประโยชน์มากขึ้น ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์จากรัฐบาล ทางกระทรวงคมนาคมจึงมีแนวคิดใน การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งสำ�หรับปี 2560 ประกอบด้วย เรื่องความปลอดภัยและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(Green & Safe Transport) ,เรื่องประสิทธิภาพ(Transport Efficiency) และเรื่องความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน(Inclusive Transport)

4


GURU OUTSIDE นายกฤดินันท์ เปลื้องวารี นางสาวณภัทร เจริญวัฒนะ นางสาวนิรชา ระย้าเพชร

เลียนแบบสื่อ “ดาบสองคม” ชีวิตวัยรุ่น ต้องยอมรับว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้มนุษย์เราต้องปรับตัวเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด และในยุคปัจจุบัน เป็น ยุคที่สื่อโซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำ�วันของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทำ�อะไรก็จะมีสื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาในชีวิตตลอด เวลา โดยเฉพาะช่วงของวัยรุ่นที่กำ�ลังมีความอยากรู้อยากเห็น ทำ�ให้วัยรุ่นส่วนใหญ่เลือกเปิดรับสื่อเข้ามาสร้างอิทธิพลให้กับตนเอง โดยการลอก เลียนแบบสื่อ หรือทำ�ตามสิ่งที่สื่อนำ�เสนอ ซึ่งการลอกเลียนแบบ ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นมากในวัยรุ่นยุคปัจจุบัน เนื่องจากมีสื่อ โซเชียลมีเดียเข้ามามีอิทธิพล และมีการแพร่หลายของข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องเยอะกว่าเมื่อก่อน จนทำ�ให้วัยรุ่นที่เห็นสื่อนำ�เสนอสิ่งไม่ดีบ่อยๆ จึงเกิดการจดจำ�และลอกเลียนแบบ คิดว่าสิ่งที่ทำ�คือสิ่งที่ถูกต้อง หรือควรกระทำ� เมื่อทำ�แล้วอาจได้รับการชื่นชมจากคนรอบข้าง และสังคม นายแพทย์ ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพ จิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “พฤติกรรมการลอกเลียน แบบของวัยรุ่น เป็นไปตามแนวโน้มของสังคม สังคมเป็นแบบ ไหน วัยรุ่นก็จะเป็นแบบนั้น”เพราะวัยรุ่นต้องการตอบสนอง ความต้องการของตัวเอง และต้องการเป็นที่ยอมรับจากสังคม ซึ่งในยุคสมัยใหม่ ยุคที่มีอินเตอร์เน็ต แพร่หลาย ทำ�ให้เรา สามารถเข้าถึงสื่อได้ง่ายขึ้น และพฤติกรรมที่เราเห็นจากสื่อก็ เป็นบรรทัดฐานของสังคม บรรทัดฐานสังคมดี วัยรุ่นก็จะลอก เลียนแบบในสิ่งที่ดี แต่ถ้าบรรทัดฐานสังคมเราไม่ดี วัยรุ่นก็จะ ไม่สามารถแยกแยะความเหมาะสมและไม่เหมาะสมไม่ออก นอกจากสื่อจะส่งผลต่อการเกิดพฤติกรรมการลอก เลียนแบบของวัยรุ่นแล้ว การที่วัยรุ่นลอกเลียนแบบในสิ่ง ที่ ไม่ดี แล้วแสดงออกผ่านสื่อ หรือใช้สื่อในทางที่ไม่เหมาะสม ก็มีความผิดทางกฎหมายด้วย นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอมพิวเตอร์ กล่าวว่า การที่วัยรุ่น ใช้สื่อในการแสดงออกตัวตน ส่งผลกระทบทางด้านกฎหมาย ค่อนข้างเยอะ เพราะสื่อมีความรวดเร็ว และเข้าถึงผู้ใช้หลาย อื่นได้ง่าย ทำ�ให้เกิดปัญหาในเรื่องของการถูกล่วงละเมิด และ อาจก่อปัญหาเรื่องอาชญากรรมได้ด้วย จากการที่เราสามารถ เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะการแพร่หลาย ของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ทำ�ให้เรามีช่องทางการรับสื่อและ ช่องทางการสื่อสารมากมายจนใครก็สามารถเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารได้วยั รุน่ จึงเลือกใช้ชอ่ งทางการสือ่ สาร การแสดงตัวตน ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย การจะควบคุมปัญหาการใช้สื่อในทางที่ไม่เหมาะสมนั้น นายพัชรพงศ์ สอนใจ อาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมายในชีวิตประจำ�วัน ให้ความเห็นว่า ควรจะแก้ไขที่ตัวของวัยรุ่นเอง ในการให้การศึกษา ปลูกจิตสำ�นึก,หัดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ให้วัยรุ่นเข้าใจถึงข้อดีของการใช้สื่อในทางที่ถูก และชี้ให้ เห็นถึงโทษในการใช้สื่ออย่างผิดๆ เพื่อให้วัยรุ่นเกิดความหยั่งคิดและเกรงกลัวควบคู่กันไป สื่อเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้วัยรุ่นแสดงพฤติกรรมการลอกเลียน แบบ แต่ปัจจัยหลักที่ทำ�ให้เกิดพฤติกรรมก็คือ สังคม การที่สังคมกำ�หนดบรรทัดฐาน ก็เหมือนการชักจูงให้วัยรุ่นทำ�ตามในแบบที่สังคมกำ�หนด การ มีสติในการรู้เท่าทันสื่อ รู้จักเปิดรับสื่อดีๆ เข้ามา ก็จะทำ�ให้บรรทัดฐานของสังคมมีแนวโน้มที่ดี ส่งผลให้วัยรุ่นแสดงพฤติกรรมที่ดีออกมา และรู้จักการ ใช้สื่ออย่างเหมาะสม ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมก็จะหมดไป

5


GURU INSIDE นายวงศกร อยู่วัฒนา นางสาวสุชานรี พังเกิด นางสาวภาวินีย์ สูญสิ้นภัย

นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทย จากเหตุการณ์ลูกชาวนาไทยออกมาขายข้าวสู่ผู้บริโภคโดยตรง ทั้งผ่านทางโซเชียลมีเดีย (Social Media) และช่องทางอื่น ๆ นั้น สะท้อนให้เห็นปัญหาราคาข้าวตกต่ำ�อย่างที่สุด โดยที่ชาวนาไม่สามารถทนอยู่ในระบบการขายข้าวแบบที่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางได้อีกต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะออกนโยบายช่วยเหลือ ก็เหมือนว่ายังเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุดเพราะชาวนาในปัจจุบันยังมีต้นทุนในการทำ�นาที่สูงขึ้น ในขณะ ที่ต้นทุนสูงขึ้นแต่ชาวนากลับขายข้าวได้ในราคาต่ำ�ลง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ชาวนาไทยยังมีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่ามากแต่ คุณภาพที่ได้ก็แทบไม่แตกต่างกับข้าวจากเพื่อนบ้านจึงทำ�ให้ชาวนาไทยไม่สามารถขายข้าวในราคาที่สูงกว่าประเทศอื่นได้ ชาวนา ส่วนใหญ่จึง ประสบกับภาวะขาดทุน จากที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 10-12 บาท ปัจจุบันขายได้เพียงกิโลกรัมละ 6-7 บาท ซึ่งส่งผลในภาพรวม ที่ทำ�ให้ข้าว ไทยที่เคยโดดเด่นในตลาดนั้นประสบกับปัญหา “แข่งขันไม่ได้” นายวิชัย พูนพิริยะทรัพย์ รองคณบดีฝ่าย กิจการพิเศษ คณะนวัตกรรมการจัดการการเกษตร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์กล่าวว่าจากการ ถกเถียงกันของกลุ่มผู้ค้าในตลาดข้าว ยังมีปัญหา เรื่องความหอมของข้าว ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำ�ให้ ข้าวราคาข้าวตกต่ำ� โดยปัญหานี้อาจเกิดจาก 3 ประเด็นคือ ข้าวกลายพันธุ์ทำ�ให้ความหอมลดลง กรรมวิธีในการปลูกปนเปื้อน และข้าวแต่ละพื้นที่มี รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน รัฐบาลจึงต้อง จัดมาตรฐานเรื่องนี้ให้เป็นระบบเพื่อความเชื่อมั่น ของผู้บริโภค การแก้ปัญหาระยะยาวควรเป็นการ สร้างมาตรฐานให้ข้าวไทย “การพัฒนาข้าวไทยให้ได้มาตรฐานและ แข่งขันในตลาดโลกได้ รัฐบาลควรแก้จากกรรมวิธี ในการปลูกเป็นอับดับแรก เพราะในเมื่อเกิดปัญหา ข้าวต่างชนิดมาปนอยู่ด้วยกัน รัฐบาลจะต้องแบ่ง ประเภทข้าวตามพื้นที่การเพาะปลูก และควรให้ เอกชนเข้ามาร่วมเพือ่ สร้างความทัว่ ถึงในการบริหาร งาน แต่ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากชาวนา แต่ เป็นเอกชนที่ทำ�โรงสีข้าว นำ�ข้าวมาผสมกันรัฐบาล ควรแก้ปัญหาที่โรงสีข้าว ซึ่งต้องมีแผนการดำ�เนิน งานที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้” นายวิชัยมองว่า แม้จะมีการจัดมาตรฐาน อยู่บ้างแล้วในไทย แต่ยังขาดความชัดเจนและต้อง มีผู้รับผิดชอบในการสร้างมาตรฐานกลางให้น่าเชื่อนอกจากการป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพของข้าวแล้ว นายวิชัย พูนพิริยะทรัพย์ ถือ ข้าวที่ออกจำ�หน่ายในปัจจุบันมาจากโรงสี การ ยังเสริมย้ำ�ว่าเมืองไทยต้องมีนวัตกรรมที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวได้อีกด้วย ควบคุมควรควบคุมที่โรงสี เปรียบเหมือนกับต้นน้ำ� ข้าวที่เป็นเมล็ดสามารถนำ�มาเข้าสู่นวัตกรรมการแปรรูปเป็น ซึ่งข้าวที่ผ่านกระบวน กลางน้ำ� ปลายน้ำ� ที่ตลอดสายต้องมีคำ�ว่าคุณภาพ การแปรรูปแล้วนั้น ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนเดิม ส่วนด้านของ และเป็นมาตรฐาน ถ้าเราดูแลตั้งแต่กรรมวิธีในการ นวัตกรรมเครื่องสำ�อาง ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวได้มากที่สุด ปลูก เราก็สามารถแก้ปัญหาข้าวปนเปื้อน และ เพราะกระบวนการในการผลิตเครื่องสำ�อางนั้น ใช้ผงข้าวเป็นส่วนผสมแค่เพียงเล็ก ข้าวของแต่ละพื้นที่ยังสามารถดำ�รงเอกลักษณ์ด้าน น้อย แต่สามารถผลิตเครื่องสำ�อางได้เป็นจำ�นวนมาก และที่สำ�คัญคือ เคยมีงานวิจัย รสชาติและกลิ่นหอมของแต่ละพื้นที่ไว้ได้ ซึ่งข้าว ว่า ข้าวเป็นอินทรียวัตถุ ไม่มีสารพิษตกค้าง ดังนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำ�อาง ที่มีคุณภาพก็สามารถที่จะต่อยอดไปสู่การแปรรูป จากข้าว จึงปลอดภัยมากกว่าเครื่องสำ�อางที่ผลิตจากสารเคมี และการพัฒนาได้อีกด้วย

6


Media Literacy นายอนุชิต ไกรวิจิตร

12 ปี คุณพระช่วย สานต่อวัฒนธรรมไทยยุคสื่อหลาก แพลตฟอร์ม 12 ปีที่แล้ว มีการถือกำ�เนิดของรายการวาไรตี้เชิงวัฒนธรรม ที่เน้นการเผย แพร่ความเป็นไทยเป็นหลัก และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี สำ�หรับตลอดเวลาที่มี การออกอากาศมามากกว่า 12 ปี โดยรายการดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า นายจิรศักดิ์ ก้อนพรหม หรือที่รู้จักกันในนามของ คุณอ้วนเวิร์คพ้อยท์ หัวหน้าโปรดิวเซอร์ประจำ�รายการคุณพระช่วย ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างและพัฒนา รายการเชิงวัฒนธรรมอย่างคุณพระช่วย มองย้อนถึงจุดเริ่มต้นของรายการว่า คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเรื่องของวัฒนธรรมมีความหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถนำ�สื่อ ประเภทนี้มาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัย และนำ�เสนอให้ผู้ชมผ่านโทรทัศน์ที่เป็น ที่นิยมในยุคก่อนๆ ได้เป็นอย่างดี สิ่งที่น่าสนใจสำ�หรับรายการคุณพระช่วยที่อยู่มาถึง 12 ปี ก็คือ ทำ�อย่างไร ให้รายการอยู่มาถึงปัจจุบัน ท่ามกลางสภาพความต้องการที่เปลี่ยนไป เพราะทุกวัน นี้คนดูจะไม่ได้ตามข่าวสารแค่ในจอโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสื่อโซเชียลมีเดีย ที่เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่แก่รายการต่าง ๆ ที่อยู่บนจอโทรทัศน์ แน่นอนว่ารายการคุณ พระช่วย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมการผลิตอย่าง คุณจิรศักดิ์นั้น ก็ได้รับผลกระจากเหตุการณ์นี้ไม่ แพ้กันแต่ทางพี่อ้วนและทีมงานก็ไม่ได้ปล่อยให้ ปัญหานี้คอยกัดกินรายการไปเรื่อยๆ เพราะทาง ทีมงานยังมองเห็นที่มาของปัญหาและทางแก้ ของปัญหาได้ดีด้วย “สื่อวัฒนธรรมแบบนี้ ถ้าเป็นยุคก่อนๆ จะเป็น ในแนวมหรสพ ซึ่งหาชมได้เฉพาะที่โรงละคร แต่ตอนนี้มาอยู่ในรูปแบบทีวี จึงแบ่งออก ได้เป็น 2 ยุค โดยยุคแรกเป็นยุคที่วงการ ทีวีแข่งกันเยอะมาก ส่วนยุคที่สอง มัน ไม่ได้สู้กับรีโมทด้วยกันเหมือนยุคแรก แล้ว แต่จะเน้นไปสู้กับโซเชียลมีเดียแทน เพราะฉะนั้นการจะทำ�รายการให้น่า สนใจและเอาคนดูให้อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ รายการของเราต้องมีความกระชับ สนุก และ ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป ตัวอย่างเช่น รายการของเวิร์คพ้อยท์หลายรายการ ที่เป็น ที่น่าติดตามอยู่ขณะนี้ เป็นเพราะรายการของ เขาตอบโจทย์คนดูอย่างตรงไปตรงมา” คุณจิร ศักดิ์ กล่าว

“คุณพระช่วย” นอกจากการสร้างสื่อที่มีความกระชับ สนุก และหลากหลายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำ�นึงถึงอยู่เสมอ คือ รายการ คุณพระช่วยของเราไม่ได้อยู่เพียงแค่บน หน้าจอแก้วเพียงอย่างเดียว แต่ทางคุณจิรศักดิ์ยังมอง ว่าการสร้างคอนเทนต์ข้ามสื่อหรือแพลตฟอร์ม ก็เป็น คำ�ตอบที่ดีมากๆ ที่จะตอบว่าทำ�ไมรายการคุณพระ ช่วยยังอยู่มาถึงตอนนี้ ตอนนี้จะพบได้ว่ารายการคุณพระช่วยนั้น จะไม่ได้อยู่แค่เพียงบนหน้าจออย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังกระจายไปอยู่ตามแพลตฟอร์มต่างๆ บนเครือ ข่ายออนไลน์ยอดนิยม ที่ผู้รับสารสามารถรับชมได้ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเว็ปเพจ “เฟซบุ๊ค” หรือ แม้กระทั้งคลังวีดีโอโซเชี่ยลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “ยูทูป” ก็จะมีคอนเทนต์ต่างๆ จากรายการอยู่ในนั้น ด้วย แต่คอนเทนต์ที่พูดถึงไม่ได้ เป็นคอนเทนต์ที่ซ้ำ� จากรายการที่ถูกปล่อยออกอากาศแต่อย่างใด แต่นั้น หมายถึงการต่อยอดจากรายการที่ถูกออนแอร์ผ่าน โทรทัศน์ ที่ทางดูแลรายการบนสื่อโซเชียลได้หยิบเสริม เติมแต่ง ให้มาอยู่ในรูปแบบคอนเทนต์เล็กๆ ที่ความน่า สนใจไม่เล็ก เรียกได้ว่านอกจากจะเอาใจผู้ชมในจอแก้ว รุ่นเก๋าแล้ว ยังสามารถเข้าถึงวัยรุ่นยุคใหม่อีกด้วย และสิ่งที่สำ�คัญอันดับแรก ๆ ที่ทำ�ให้รายการคุณพระ ช่วยอยู่คู่จอโทรทัศน์ของไทยมานานกว่า 12 ปี ได้ นั้นเป็นเพราะ การได้แรงสนับสนุนที่ดีจากคนดูทั่ว ประเทศ ที่มีให้กับรายการคุณพระช่วยมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้จึงทำ�ให้พี่อ้วนยืนหยัดที่จะทำ�รายการ ประเภทสื่อเชิงวัฒนธรรมต่อไป ถึงแม้อาจจะมีการปรับ รูปแบบรายการหรือพิธีกรไปบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อ สิ่งที่ดีที่สุดแก่คุณผู้ชม เท่านี้ก็จะเห็นได้ชัดว่า สื่อยังคง เป็นกำ�ลังหลักแถวหน้าในการขับเคลื่อน ที่ยังคอยเชิดชู วัฒนธรรมไทยไม่ให้หายไปจากแผ่นดินไทย และให้อยู่ คู่แผ่นดินไทยไปตลอดกาล.

7


ครอบครัวนิเทศศาสตร์

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2560 คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จัดงานเลี้ยงฉลองเนื่อง ในโอกาส เทศกาลปีใหม่ ปี 2560 ใน งาน “นกน้อยยามราตรี Comm.Arts New Year Party 2017” เพื่อสร้างความ อบอุ่นให้กับนักศึกษาในคณะ กระชับ ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ รุ่นพี่ และ รุ่นน้องในคณะนิเทศศาสตร์ โดยในงาน นี้ จัดขึ้นในธีมการแต่งกายขาว-ดำ� ใน รูปแบบหน้ากากแฟนซี และภายในงาน ยังเพิ่มความอบอุ่นด้วยชุดการแสดงจาก นักศึกษาแต่ละชั้นปี รวมทั้งจับฉลากของ ขวัญและการประกวด King&Queen และ Kingly อีกด้วย เป็นการกระชับ ความสัมพันธ์ สร้างความอบอุ่นกันอย่าง เต็มเปี่ยม แสดงให้เห็นถึงความรักและ ความสามัคคีในครอบครัวนิเทศศาสตร์

รอบรั้ว CA CA กับชุมชน

ชวนสัมผัสกับวิถีชีวิตคนนครปากเกร็ด ผ่านเลนส์ กับนิทรรศการภาพถ่าย “ชาติพันธุ์ มอญ ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณ” ณ Education Zone ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 27-28 มกราคม 2560 โดยคณะนิเทศศาสตร์ สถาบัน การจัดการปัญญาภิวัฒน์ ร่วมกับ สำ�นักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายในงานได้รวบรวมผลงานภาพถ่าย ที่เข้าร่วมประกวดจากนักศึกษา รวมทั้งบุคคล ทั่วไป ชิงเงินรางวัลกว่า 20,000 บาท ซึ่งผล งานแต่ละภาพ แสดงถึงความทรงจำ� วิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่สวยงามของชาวมอญได้ เป็นอย่างดีภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของ เราปวงชนชาวไทย สามารถติดตามผลงานน่า สนใจและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง facebook.com/monwithdivinegrace

CA พัฒนาวิชาชีพ

คณะนิเทศศาสตร์ สถาบันการจัดการ ปัญญาภิวัฒน์ ร่วมกับสำ�นักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดกิจกรรมสัมมนา เชิงปฏิบัติการผลิตสื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ และมีจริยธรรมให้กับเยาวชนและกลุ่มสื่อมวลชน นำ�โดย ผศ.สกุลศรี ศรีสารคาม หัวหน้าสาขา วารสารศาสตร์คอนเวอร์เจ้นท์ คณะนิเทศศาสตร์ รวมทั้งนางสาวระวี ตะวันธรงค์ จากไทยรัฐ ออนไลน์และไทยรัฐทีวี และนายจักร์กฤษ เพิ่มพูล จากหนังสือพิมพ์ Lannapost และสถานี วิทยุ Lannafm ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เสริม สร้างแนวทางการพัฒนาสื่ออย่างสร้างสรรค์ รวม ทั้งรวบรวมข้อมูลจัดทำ�เป็นคู่มือการใช้สื่อออนไลน์ โดยที่ผ่านมา ได้มีการจัดกิจกรรมสัมนาแล้วจำ�นวน 4 ครั้ง ได้แก่ ภาคอีสานที่จังหวัดนครราชสีมา ภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคกลางที่จังหวัด นนทบุรี และภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย

8


SPECIAL REPORT

นางสาวภัทราวดี คำ�จันดา นายอาจประนต สิงห์ทองไชย นางสาวเสาวลักษณ์ ศรีสรรค์

“สืบสานนอกกรอบอย่างรู้ค่า คงความเป็นมา

ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น เป็นผลที่เกิดจากการพัฒนาความคิดของประชาชน การได้รับการศึกษา และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ทำ�ให้เกิดองค์ความรู้ที่ดีขึ้นและนำ�มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน เช่น การนำ�สิ่งต่างๆมาประยุกต์ใช้หรือ ดัดแปลง โดยทำ�ให้สิ่งเหล่านั้นมีความแตกต่างและเปลี่ยนไปในทิศทางที่มีความคิดสร้างสรรค์มาร่วมด้วย หรือหากจะกล่าวถึงการ อนุรักษ์หรือการสืบสานวัฒนธรรม ยิ่งเป็นรื่องที่ดีถ้านำ�ความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์และอนุรักษ์ไว้ซึ่งวัฒนธรรม จริงอยู่ว่าการแสดงออกทางวัฒนธรรมไทยเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนควรปฏิบัติ แต่เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความ เปลี่ยนไปของโลกส่งผลให้วัฒนธรรมเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมไปถึงการสืบทอดหรือสานต่อคุณงามความดีอันเป็นมรดกของชาติ ที่จะมีการสืบสานแบบนอกกรอบที่สนุกสนานให้เข้ากับยุคสมัย บางครั้งความนอกกรอบเหล่านั้นก็เป็นการทำ�ลายวัฒนธรรมทางอ้อม

จากกรณีข่าววิพากษ์วิจารณ์ของมิวสิควิดีโอ “เที่ยวไทยมีเฮ” ที่มีนักร้องหนุ่ม “เก่ง ธชย” ร่วมร้องกับนักร้องสาว “ฟิล์ม บงกช” โดยทั้ง คู่ก็ได้ร่วมแสดงโดยการแต่งชุดโขน พร้อมด้วยตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ อย่างทศกัณฐ์​์ และเหล่าเสนายักษ์ ซึ่งในเพลงมีการ ตระเวนเที่ยวไปตาม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทยอย่างสนุกสนาน หลังจากได้มีการ ปล่อยมิวสิควิดีโอได้เพียงไม่นาน ก็เกิด เสียงสะท้อนจากผู้ชมบางท่านว่า มีความไม่เหมาะสม และไม่อนุรักษ์ความเป็นทศกัณฐ์​์ในวรรณคดีไทย โดย นางสาวลัดดา ตั้งสุภาชัย อดีตศิลปินกองการสังคีต กรมศิลปากร ได้เป็น ผู้เข้าร้องเรียนถึง สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลป์) ถึงความไม่ เหมาะสมของ มิวสิควิดีโอที่เผยแพร่อยู่นี้ พร้อมกับให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องที่ ไม่ควรแก่การที่จะนำ�ทศกัณฐ์มากระทำ�อิริยาบถต่าง ๆ เช่น หยอดขนมครก, ขับโกคาร์ท, ถ่ายเซลฟี่, ขี่บั้งไฟ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ทำ�ให้เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มมีข้อถกเถียง และมีคำ�วิพากษ์วิจารณ์ของหลาย ๆ ฝ่ายว่า มิวสิควิดีโอ เป็นเรื่องของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย หรือทำ�ลายวัฒนธรรมไทยกันแน่

9

กรณีเรื่องมิวสิควิดีโอ “เที่ยวไทยมีเฮ” เป็นตัวอย่าง หนึ่งที่ทำ�ให้เห็นถึงการแสดงความคิดที่แตกต่างของคนแต่ละ กลุ่ม ซึ่งไม่ผิดที่คนกลุ่มหนึ่งจะนำ�เสนอถ่ายทอดวัฒนธรรม ในวิธีใหม่ ๆ แบบนอกกรอบบ้าง และก็ไม่ผิดที่คนอีกกลุ่มจะ ออกมาเรียกร้องที่จะปกป้องในศิลปะวัฒนธรรมเหล่านั้น หากเห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกทาง ความคิดเห็น แล้วจะทำ�อย่างไรเพื่อให้การสืบทอดออกมาใน ทางที่เหมาะสม สำ�หรับทางออกที่ดีที่สุดคือควรที่จะมีวิธีหรือ สร้างเงื่อนไขการสืบสานวัฒธรรมที่เป็นจุดกลางว่า ถ้าหาก จะทำ�ให้นอกกรอบไปจากเดิมแล้วควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขในใด เพราะถ้าหากยังตระหนักว่าศิลปะวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่จับต้อง ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะตายไปพร้อม ๆ กับผู้รู้ หรือหากนำ�มาปรับ จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ความเป็นตัวละครเหล่านั้นจะขาด หายไปวัฒนธรรมเดิม ๆ ก็จะสูญสิ้น


าวัฒนธรรมไทย”

ผช.ดร.อาชว์ภูริชญ์ น้อมเนียน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้าน ศิลปวัฒนธรรม อาจารย์ประจำ�คณะสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ นายไชยนันต์ แสงดอง นักวิชาการวัฒนธรรม ชำ�นาญการพิเศษ ผู้ช่วยกลุ่มส่งเสริมเครือข่ายและ ประสานราชการ ภูมิภาค สำ�นักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มีความเห็นตรงกันว่า โขนเป็นสิ่งที่มีเรื่องราวมาช้านานตั้งแต่อดีตเป็นวรรณคดีมหากาพย์ที่ ยิ่งใหญ่ เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงและมีประวัติของตัวละครที่มีเกียรติ อย่างมาก ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเล่นได้ เพราะต้องฝึกฝนอย่างหนัก เช่นการดัดนิ้ว การตั้งลักษณะท่วงท่าความอ่อนช้อยต่าง ๆ ซึ่งต้อง อาศัยความอดทนอย่างหนัก การที่นำ�ตัวละครหลักอย่างทศกัณฐ์​์มา แสดงออกโดยการเล่าใหม่อย่างสนุกสนานร่าเริง นับว่าผิดอย่างมากต่อ ความเป็นมาของตัวละคร เนื่องจากทศกัณฐ์​์ซึ่งเป็นตัวละครหลัก และ เป็นหนึ่งในตัวเอกของมหากาพย์เรื่องนี้ จึงเป็นเอกลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติ ดังนั้นการที่จะนำ�ตัว ละครจากโขนหรือไม่ว่าจากเรื่องใด ก็ตาม ควรนำ�มาบูรณาการอย่างเหมาะสม และจำ�เป็นอย่างยิ่งในการ คัดเลือกตัวละครตัวใดมาเล่นก็ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่าจะเหมาะ สมตามกาลเทศะ รวมถึงในการออกนอกกรอบก็ควรดูสิ่งที่ควรทำ�หรือ ไม่สมควรทำ� อีกทั้งให้แสดงออกด้วยความระมัดระวังภายใต้เงื่อนไขใน การรู้คุณค่าไม่กระทำ�สิ่งบั่นทอนลดคุณค่าที่เคยมีมา วิธีการนอกกรอบภายใต้“เงื่อนไขในการรู้คุณค่าไม่กระทำ�สิ่ง บั่นทอนลดคุณค่าที่เคยมีมา” นั้นเป็นคำ�ตอบที่จะใช้ให้เราสามารถ สืบสานวัฒนธรรมนอกกรอบได้อย่างมีทิศทางและจะช่วยให้เราอนุรักษ์ และสืบสานวัฒนธรรมได้ดไี ม่ท�ำ ลายความรูส้ กึ ของผูใ้ ดด้วย แล้ววิธกี ารที่ จะปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขนี้ ควรทำ�อย่างไร นายอาชว์ภูริชญ์ ให้ความเห็น ว่าการสืบสานวัฒนธรรมต้องหาจุดสมดุลของการทำ�ให้เข้าใจ และทันสมัย

10


“ในการสืบสานและการนอกกรอบวัฒนธรรม ไทย เราสามารถทำ�ได้หลากหลายวิธี ตัวอย่างคือ เรา สามารถนำ�วัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาผสมผสานข้าม วัฒนธรรมได้โดยการนำ�มาเป็นแรงบันดาลใจในการไป ประยุกต์กับสินค้าต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างมูลค่าให้ กับวัฒนธรรม เช่น การนำ�เสื้อหม้อฮ่อมอันเป็นวัฒนธรรม ด้านภูมิปัญญาภาคเหนือของไทยมาใส่ผสมคู่กับกางเกง ยีนส์ซึ่งเป็น วัฒนธรรมตะวันตก ก็ถือว่าสามารถผสมกัน แล้วลงตัวและไปด้วยกันได้ หรือการนำ�ลวดลายโขนมา เป็นแรงบันดาลใจเพื่อต่อยอดเป็น ของเล่นและของใช้ อาทิ หน้ากาก ตุ๊กตา แก้วน้ำ� กระเป๋า หมวก หมอน และ การนำ�หมวกผีตาโขนมาเป็นแรงบันดาลใจใช้เป็นของ ตกแต่งห้องให้มีลวดลายสวยงาม รวมไปถึงการนำ�ผ้า ไหมไทยมาทำ�เป็นรองเท้าแบรนด์เนม ซึ่งที่กล่าวมาล้วน เป็นการต่อยอดโดยใช้วัฒนธรรมที่มีอยู่เป็นต้นทุน และ เพิ่มคุณค่าจากสิ่งที่มีอยู่ นับว่าเป็นการนำ�มรดกของชาติ ที่บางสิ่งจับต้องยากให้สามารถอยู่ใกล้ตัวในชีวิตประจำ� วัน อีกทั้งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมไทยอีกทางหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถนำ�วัฒนธรรมไปใช้ได้ตลอดเวลา แต่เราจำ�เป็น จะต้องรู้จักนำ�ไปใช้ให้เหมาะสม ตลอดจนทำ�ให้มันก้าวหน้ายิ่งขึ้น ใช้วัฒนธรรมในทางที่ดี ชีวิตของเราก็จะดีตามไปด้วย อยากให้นำ�วัฒนธรรม ที่มีอยู่ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่า จงเอาไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ และอย่าทำ�ลายสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านั้น เราต้อง เข้าใจแก่นหลัก อย่างถ่องแท้โดยการพิสูจน์ ค้นคว้า วิจัย ทดลอง เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่สุด และผิดพลาดน้อย ที่สุด”นายไชยนันต์ กล่าว “ในทางกลับกันจะพบว่าบางสิ่งก็ไม่สามารถ นำ�มาทำ�เช่นนี้ได้ เนื่องจากขัดต่อขนบธรรมเนียมที่มี เช่น การพิมพ์ตำ�แหน่งของรูปพระพุทธรูปมาปะไว้ที่กลางเสื้อ บริเวรสะโพก ซึ่งเป็นการวางตำ�แหน่งที่ไม่เหมาะสมตาม ความเชื่อของ พุทธศาสนิกชน โดยตำ�แหน่งที่สามารถ พิมพ์ได้ควรเป็นบริเวรหน้าอกหรือแขนเสื้อ เป็นต้น ด้วย เหตุที่การนำ�สองวัฒนธรรมที่แตกต่าง กันมาผสมกันบาง ครั้งก็อาจผิดแปลกไปจากวัฒนธรรมเดิม และอาจส่งผล ให้กระทบต่อความรู้สึก ความอ่อนไหวต่าง ๆ ของมนุษย์ ได้ เพราะ “วัฒนธรรมกับความเชื่อ จะต้องไปด้วยกัน” นอกจากนี้วัฒนธรรมจะต้องสร้างราย ได้ มีคุณค่าและมีผลต่อการอยู่กินจึงนำ�ไปสู่ การสืบทอด ให้คงอยู่ อย่างเช่น วิถีชีวิตการบริโภคอาหารของชาวไทย พื้นบ้านภาคอีสาน ซึ่งกรรมวิธีการปรุงแต่งที่ไม่เหมือน ใคร และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จึงทำ�ให้คนในภูมิภาค หลงรัก และภาคภูมิใจ ดังนั้นศิลปะการปรุงอาหารจึงมี คุณค่าจนเกิดการสืบทอดต่อ ๆ กันมาหลายชั่วอายุคน”

11


การที่จะสร้างวัฒนธรรม สิ่งสำ�คัญที่สุดนั้น คือจำ�เป็นต้องรู้ว่า จะนำ� สิ่งใดมาสร้าง และการสร้างขึ้นนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร หรือไม่ เพราะทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าในตัวมันเอง และยังมีบางสิ่งที่ยังเฝ้ารอให้ มนุษย์มามอบคุณค่าให้กับมัน การที่มนุษย์จะสามารถเรียนรู้ และจดจำ�เรื่องราว ต่าง ๆ ได้ จะต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องดำ�เนิน เนื่องจากคนเราไม่สามารถรับรู้ได้ ทุกเรื่อง แต่ก็สามารถทำ�ได้โดยการใฝ่หาความรู้ด้วยตนเองที่สำ�คัญที่สุดอย่านำ� ตนเองไปตัดสินว่าสิ่งใดมีคุณค่า เนื่องจากมาตรฐานมุมมองด้านคุณค่าของแต่ละ คน แต่ละกลุ่ม แต่ละประเทศไม่เท่ากัน และนั่นก็ คือ จุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ วัฒนธรรมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

ถึงกระนั้นในส่วนด้านการสืบสานวัฒนธรรมคือ หน้าที่ของทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นเคยมีผู้หนึ่งกล่าวว่า “การ รักษาวัฒนธรรม คือ การรักษาชาติ” ดังนั้นประเทศของเรามี วัฒนธรรมอันดีงามและหลากหลาย หากเราไม่ร่วมกันรักษาให้ คงอยู่ก็เท่ากับเราทำ�ลายประเทศ โดยการเมื่อไปอยู่ต่างแดน จงแสดงว่าเรามีวัฒนธรรมเพราะนั่นคือความเป็นอัตลักษณ์ ของชาติเรา ซึ่งต่างไปจากชาติอื่น และจงแสดง ให้โลกรู้ว่า เรามีวัฒนธรรม เพราะ “ความเป็นชาติ คือความมี วัฒนธรรม”

12


เหลาให้แหลม

นายภควรรธ อัญชลี นางสาวณัฐวิตา แตงงาม

ส่องโอกาสแอนิเมชั่นไทยผ่านแอนิเมชั่นญี่ปุ่น

เมื่อปลายปี 2016 เกิดปรากฏการณ์หนึ่งขึ้นที่สร้าง ชื่อเสียงในกับวงการแอนิเมชั่น และอุตสาหกรรม แอนิเมชั่นของประเทศญี่ปุ่นอย่างมากคือ “ปรากฏการณ์ Your name” หรือภาพยนตร์แอนิเมชั่นรักแห่งดวงดาว KIMI NO NAWA ที่ประเทศไทยคุ้นหูกันในชื่อ Your name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นของ ผู้กำ�กับและเขียนบทชื่อดังอย่าง มาโคโตะ ชินไค ด้วยภาพที่สวยงามและการเล่าเรื่อง ที่เป็นสไตล์ที่ชัดเจนของ มาโคโตะชินไค ทำ�ให้ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ แอนิเมชั่นอันดับที่ 5 สร้างรายได้สูงสุดใน ประเทศญี่ปุ่นตลอดกาล และเป็นภาพยนตร์ ที่ทำ�รายได้สูงสุดในปี 2016 ในประเทศญี่ปุ่น คือ 16,000 ล้านเยน และยังครองอันดับ1 Box office ที่ประเทศญี่ปุ่นนานถึง 5 สัปดาห์ และระยะเวลาเข้าฉายในประเทศยาวถึง 11สัปดาห์ ล่าสุดแอนิเมชั่นเรื่องนี้กำ�ลังได้รับ พิจารณาให้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้ง ที่ 89 สาขา Best Aimated Feature หรือ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมอีกด้วย

13

เมื่อผู้นำ�เข้ารายแรกอย่าง Major Cineplex นำ�ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากแดน ปลาดิบเรื่องนี้เข้ามาฉายในประเทศไทย สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ผู้ชมแน่นโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ แถวแรกจนถึงแถวสุดท้ายทุกรอบ ในวันเปิด ตัว วันที่10 พฤษจิกายน 2559 ซึ่งไม่เคย เกิดขึ้นมาก่อน สำ�หรับการฉายภาพยนตร์ แอนิเมชั่นญี่ปุ่น และเมื่อผ่านไปเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น ทาง Major Cineplex ได้ออกมา ประกาศทางแฟนเพจเกี่ยวกับรายได้จากการ เปิดตัววันแรกนั้นพุ่งขึ้นสูงถึง 3.41 ล้านบาท มากกว่าภาพยนตร์ฮอลีวูดเรื่อง Inferno ที่ เข้าฉายพร้อมกันซึ่งทำ�รายได้ไป 2.81 ล้าน

Your name ฉายด้วยโรงที่จำ�กัด และ จำ�นวนรอบที่น้อยกว่า ทำ�ให้ภาพยนตร์ แอนิเมชั่นเรื่องนี้ติดอันดับ1 Box office ใน ประเทศไทยซึ่งทำ�ให้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก ในหมู่ผู้ชมภาพยนตร์ และเมื่อสำ�นักพิมพ์ Phoenix ได้ประกาศตีพิมพ์ Your name ฉบับนิยาย ยอดจองพรีออเดอร์ผ่านทาง ร้านนายอินทร์ ยอดจองก็เต็มภายในระยะ เวลาอันรวดเร็ว ทำ�ยอดขายได้ 2 ล้านเล่มใน ประเทศไทยอีกด้วย และยังมีการตีพิมพ์ ฉบับ มังงะ หรือ ฉบับหนังสือการ์ตูน และ ฉบับ another side ที่ยังเป็นที่น่าจับตามองของ เหล่านักอ่านและผู้ติดตามผลงานอีกด้วย

ด้วยปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นของประเทศไทยได้ว่ามีแนวโน้มที่จะมีโอกาสสูงขึ้นในการสร้าง และผลิตแอนิเมชั่นและภาพยนตร์แอนิเมชั่นในการส่งออกและนำ�มาฉายในประเทศเองด้วย เนื่องจากข้อมูลจากสำ�นักงานส่งเสริมอุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยได้เผยแนวโน้มของการผลิตแอนิเมชั่นและเกมในปี 2558 ไว้ว่า การผลิตแอนิเมชั่นและเกมเพื่อการส่งออกถึง 1,687 ล้านบาท อัตราเติบโต 6.6% จากปี 2556 โดยสาขาแอนิเมชั่นส่งออก 627 ล้านบาท อัตรา การเติบโต 13.5% จากปี 2556 และแนวโน้มการเติมโตในสาขาแอนิเมชั่นนั้น ปี2558 เติบโต 20.7% ปี 2559 เติบโต 10.0% จึงทำ�ให้รู้ว่า ประเทศไทยของเรานั้นก็สามารถที่จะสร้างแอนิเมชั่นและภาพยนตร์แอนิเมชั่นเพื่อส่งออกได้เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่น และยิ่งคนไทยนั้นเปิดใจให้ กับแอนิเมชั่นมากขึ้นแล้ว ยิ่งมีแนวโน้มที่ไทยนั้นจะสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นมาตีตลาดในไทยและต่างประเทศได้ แอนิเมชั่นญี่ปุ่นนั้นจะมีการสอดแทรกวัฒนธรรมของประเทศลงไปภายในเนื้อเรื่องและสร้างแอนิเมชั่นออกมาจากสถานที่จริงให้ออกมา เป็นฉากในเรื่องจึงเป็นการที่ทำ�ให้ผู้ชมนั้นรู้จักวัฒนธรรมของประเทศ และการที่ใช้สถานที่จริงเป็นต้นแบบการสร้างฉากในเรื่อง จึงทำ�ให้บางครั้ง มีการท่องเที่ยวตามสถานที่ในแต่ละฉากของแอนิเมชั่น เกิดเป็นการกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศได้อีกด้วย และยังมีการผลิตสิ่งของ เช่น สินค้าลิขสิทธิ์ที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับแอนิเมชั่น และตีพิมพ์เนื้อเรื่องออกมาเป็นฉบับนวนิยายอีกด้วย เป็นการสร้างรายได้จากแอนิเมชั่นในหลาย ๆ รูปแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ประเทศไทยควรที่จะศึกษาและนำ�มาใช้อย่างจริงจัง


นางสาว ฐานิตา วงษ์พินิจ นักศึกษามหาวิยาลัย และ Cosplayer เล่าว่า โอกาสที่ประเทศไทยสร้างแอนิเมชั่นแบบญี่ปุ่น และไปตีตลาดที่ต่าง ประเทศคาดว่าอาจจะมีโอกาสประมานหนึ่ง เพราะประเทศไทยนั้นไม่เหมือน ประเทศญี่ปุ่นที่มีการสร้างและพัฒนาแอนิเมชั่นกันอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ ยอมรับในสังคม ถึงประเทศไทยจะสร้างแอนิเมชั่นมาหลายเรื่องแต่การที่ไม่ ได้สร้างแบบต่อเนื่องเหมือนประเทศญี่ปุ่นทำ�ให้คนไทยจะดูหนังมากกว่าการ ดูแอนิเมชั่นในมุมของการส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น ผลิตแอนิเมชั่นจะมีการสอดแทรกความเป็นญี่ปุ่นและวัฒนธรรมของประเทศ ลงไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยควรศึกษาและนำ�มาใช้ในการสร้าง หาก แทรกความเป็นไทยและประเพณีที่รู้จักลงไป เช่น แห่นางแมว ผีตาโขน ก็เป็นเรื่องดี เพราะจะเป็นการให้ความรู้กับคนที่มาดูอีกด้วย ในแง่ของเด็ก ก็จะได้รู้จักว่าประเพณีนี้คืออะไรอีกด้วย และการสร้างแอนิเมชั่นของประเทศ ญี่ปุ่นนั้นสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้ด้วยการที่นำ�ฉากและ สถานที่จริงนั้นมาสร้างเป็นฉากในแอนิเมชั่นเมื่อคนติดตามเยอะ ๆ ก็จะเกิด การเที่ยวตามรอยแอนิเมชั่นนั้นอีกด้วย หากประเทศไทยทำ�แล้วเป็นที่สนใจ คาดว่าจะมีคนสนใจไปเที่ยวตามไม่น้อยเพราะว่าฉากบางสถานที่คนอาจจะ คุ้นตาและอยากไปเที่ยวตามไม่มากก็น้อย “ส่วนตัวแล้วคิดว่าแอนิเมชั่นไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เพราะว่า แอนิเมชั่นสมัยนี้ผู้ใหญ่ก็ดูได้เด็กก็ดูดี และแอนิเมชั่นสมัยนี้จะมีแฝงความรู้ต่างๆ เข้าไปด้วย เช่น วัฒนธรรม หรือสถานที่ต่างๆ เทศกาลต่างๆ ทำ�ให้มีความรู้เยอะขึ้นและดูได้ทุกวัย ปัจจุบันความคิดของคนต่อแอนิเมชั่นก็เปลี่ยนไป มากพอสมควร เพราะตอนนี้กลุ่มคนดูไม่ได้เป็นแค่เฉพาะกลุ่มอย่างเดียวแล้ว กล่มอื่น ๆ ที่เข้ามาด้วยก็มี เช่นผู้ที่ไม่ชอบดูแอนิเมชั่น แต่พอลองมาดู จริง ๆ จะคิดว่าสนุก มีแฝงความรู้ ไม่ได้ไร้สาระแบบที่ใคร ๆ คิดเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว” นายนาวี ปฐมอนันท์ Compositor ผู้ร่วมสร้างแอนิเมชั่น เรื่องก้านกล้วย บอกว่า การสร้างแอนิเมชั่นของประเทศไทยมีปัจจัยภายนอกเข้ามา เกี่ยวข้องด้วย คือคนลงทุน และ โอกาสในการผลิตของภาพยนตรแ์อนิเมชั่น ไทยนั้นมีน้อย การพัฒนาแอนิเมชั่นของประเทศไทยนั้นต้องมองว่าเวทีของ มันคือประเภทไหน เช่น ภาพยนตร์ ซีรีย์ หรือออนไลน์ ต้องมาชั่งน้ำ�หนัก กันระหว่างเงินทุน เวลา และบุคลากร แต่เรื่องความสามารถในการผลิตความ สามรถประเทศเราไม่แพ้ชาวต่างชาติแต่ขึ้นอยู่ที่โอกาสและงบประมาณ “ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่มีอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นเป็นหลัก เหมือนประเทศญี่ปุ่น เมื่อไม่ใช่สิ่งหลักการทำ�อะไรที่นอกขอบเขตไป ถ้าไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ก็เสี่ยงที่จะขาดทุน หากมีเรื่องงบประมาณ มาเกี่ยวข้องการที่จับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะ เสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยและปลอดภัยสุด และเนื้อหาของแอนิเมชั่นส่วนใหญ่ จะเน้นไปที่จินตนาการจึงเป็นสิ่งที่คู่กับเด็กมากกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำ�ไมแอนิเมชั่นของประเทศไทยถึงทำ�ออกมาแล้วมีแต่เด็กที่สนใจ สิบปีมี เรื่องหนึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว” ที่จะทำ�ให้คนไทยมองว่าแอนิเมชั่นเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ก็ดูได้ หลัก ๆ ต้องแก้ไขจากเรื่องบทและมุมมองของการนำ�เสนอ บทคือต้นทางเราจะ ผลิตเราต้องมีของดีไว้ก่อนต่อมากจึงเป็นหน้าที่ของการผลิตและการตลาด ที่ต้องนำ�เสนอว่าไม่จำ�เป็นต้องเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ดูได้เพราะมีมุมมองที่ เป็นหนังอยู่ใช่ว่าเป็นแค่เป็นแอนิเมชั่น หากจะให้เปลี่ยนเรื่องพฤติกรรมของคนดู ต้องเปลี่ยนจากตัวคนซึ่งเป็นเรื่องที่ยาก ถ้าประเทศไทยสร้าง แอนิเมชั่นที่เป็นตัวการ์ตูนให้เด่นขึ้นมาแล้วเป็นที่ชื่นชอบก็เป็นไปได้ที่จะมีโอกาศทำ�ให้ผู้ใหญ่หันกลับมาสนใจดู แต่ว่าเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะว่า ประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่มีอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นเป็นหลักเพราะฉะนั้นต้องมองทั้งหมดของสังคมจริงๆ หากประเทศไทยต้องการสร้างแอนิเมชั่น ให้คนดูติดตามนั้นเราต้องทำ�ให้เห็นว่าสังคมโดยรวมให้ความสนใจ แล้วจึงลงมือทำ�จริงจัง ทำ�ให้คนมีความโหยหา มีกลุ่มคนติดตาม ต้องทำ�ให้คน สนใจให้รู้ว่ามีของแบบนี้ในบ้านเราด้วย พอคนสนใจแล้วเรามีของดีอยู่ในมือ เช่น บทดี ๆ ก็ลงมือทำ�แบบจริงจัง มองคนดูเป็นหลักและพิจารณาว่า เรามีข้อดีหรือข้อบกพร่องอะไร และที่สำ�คัญมากคือ ต้องมีความต่อเนื่องมีความเคลื่อนไหว และปรับปรุงแก้ไข และอิงกระแสโลกเป็นหลัก

14


EDUCATION

นางสาวมัณฑณา ธราพรสกุลวงศ์ นางสาวปรินทร์ดา ชุมขวัญ

ภัยร้ายจากพ่อแม่สู่ลูก บนโซเชียลมีเดีย โซเซียลมีเดีย กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ คนส่วนใหญ่ชอบที่จะโพสต์หรือแชร์ เรื่องราวต่าง ๆ ลงบนโซเซียลเป็นชีวิตประจำ�วัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเอง ให้แก่พื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะตามธรรมชาติ มนุษย์เราในทุกเพศทุกวัยเมื่อทำ�อะไรแล้ว ประสบความสำ�เร็จ ความประสบความสำ�เร็จ ของลูกที่ผู้ปกครองก็อยากให้คนอื่นรับรู้และ ชื่นชมลูกตัวเองเป็นธรรมดา แต่การโพสต์ หรือ แชร์นี้นำ�มาซึ่งความละเมิดสิทธิมนุษยชน นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน บรรณาธิการ นิตยสาร Mother & Care กล่าวถึงเรื่องความ รู้เท่าไม่ถึงการของผู้ปกครองในการโพสต์แชร์ รูปบุตรหลานหรือลูกตนเองลงบนโลกโซเซียล ที่ผ่านมาบนเฟสบุ๊ค หรืออินสตราแกรม ก็จะเห็นผู้ปกครองโพสต์รูปลูกที่กำ�ลังนอนหลับ สบายในสภาพที่โป๊ ในสายตาของผู้ปกครองดู น่ารักน่าเอ็นดู แต่การกระทำ�นี้อาจจะเป็นการ ละเมิดสิทธิเด็ก ผู้ปกครองจำ�เป็นต้องมีความ รู้ในเรื่องนี้ ยิ่งในยุคปัจจุบันโซเซียลเป็นที่รู้จัก และใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เราไม่มีทาง รู้ได้เลยว่าในสายตาของคนอีกมากมายในสังคม จะมองอย่างไร หากมีมิจฉาชีพหรือกลุ่มคนค้า มนุษย์มาพบเห็นก็เป็นไปได้ที่จะนำ�อันตรายมา สู่ตัวเด็กในด้านนักสังคมสงเคราะห์มูลนิธิสาน สัมพันธ์ ชุติเนตร อาษากิจ มูลนิธิสานสัมพันธ์ มีการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิเด็กและ วิธีปฏิเสธกับคนที่ไม่รู้จักในด้านของการถ่าย ภาพตั้งแต่อายุ 7 ปีจนตลอดถึงวัยรุ่น การจัด อบรมของมูลนิธิจะให้ข้อมูลและชี้ให้เห็นโทษ ของการโพสต์รูปว่าผลที่จะได้รับและให้รู้จัก กฏหมายหรือนโยบายคุ้มครองเด็ก ทุกวันนี้มีภาพหรือคลิปวิดีโอของเด็ก ที่อยู่บนโซเซียลมากมายไม่ว่าจะเป็นด้านบวก และลบ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคลทุก อย่างล้วนสะท้อนสังคม ในปัจจุบันหน้าที่การ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนอาจไม่ใช่แค่สื่อ หรือหน้าที่คนใดคนหนึ่งแต่จะต้องมีการร่วมมือ จากทุก ๆ ฝ่ายในสังคม

15


DREAM CAREER Master & Apprentine นางสาวปพัชญา นิภานันท์ นางสาวกนกพร เสนีย์ นายจิรายุ วัฒนประภาวิทย์

สุริยาหีบศพ ธุรกิจหลังความตาย เพื่อความทรงจำ�สุดท้ายของครอบครัว

นับตั้งแต่อดีต ลวดลายบนโรงศพนับเป็นสิ่งที่ไม่มีความ หมายต่อพิธีกรรมทางศาสนา แต่ในปัจจุบัน การพิ่มลวดลายลงบนโรงศพนับเป็นปัจจัยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความ สำ�คัญลายเทพนม มีลักษณ์เทพหรือเทวดาประนมมืออยู่ จะเป็นแบบ เต็มองค์หรือครึ่งองคืก็ได้จะขึ้นอยู่กับ การออกแบบ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งใลวดลายที่ได้รับความนิยมเป็น อย่างมากในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันความนิยมได้ลดน้อยลงตามกาล เวลาที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย สุริยาหีบศพ พรานนก เป็นหนึ่งในร้านขายโรงศพ ที่มีการ ริเริ่มความคิดสร้างสรรค์ในการเปลี่ยนแปลงลายของโลงศพที่มีอยู่ อย่างเดิม ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยมีการออกแบบลวดลายเป็น ลายดอกไม้ แต่ยังคงสีทองเรียบ ๆ อยู่ เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น นับว่ายังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าได้เลือกสรรอีกด้วย เมื่อปี 2499 นับเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจสุริยาหีบศพ พรานนก ที่ดำ�เนินธุรกิจบนความเชื่อของคนไทยที่มีต่อพิธีกรรมทาง นายโกญจนาท สุริยเสนีย์ หรือ คุณป้อม ทายาทรุ่นที่ 3 ศาสนา โดยเริ่มจากการเป็นธุรกิจเล็ก ๆ จนกลายมาเป็นธุรกิจที่มี ของร้านสุริยาหีบศพ พรานนก ได้เล่าว่า ร้านนี้เริ่มต้นด้วยความที่ตระกูล ชื่อเสียงจนทุกวันนี้ คลุกคลีอยู่กับศพ กับโรงพยาบาลศิริราช ทางปู่จึงสร้างธุรกิจหีบศพขึ้นมา และตัวเองได้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวมาจากบิดา และได้ปรับเปลี่ยน รูปแบบของการบริหารเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้น โดยการปรับ เปลี่ยนโครงสร้างของบุคลากรในด้านความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติ พิธีกรรมทางศาสนาให้กับบุคลากรทุกคนอย่างละเอียดเพื่อตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกที่ครบ ครันในการจัดงานฌาปนกิจเพราะทางร้านได้มีการบริการที่ครบครัน ทุกขั้นตอนตั้งแต่การอันเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตการเตรียมงาน รวมไปถึงการจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ในงาน ตั้งแต่เริ่มพิธีจนถึงวัน ฌาปนกิจราคาในการจัดงานจะเริ่มต้นที่หลักแสน แต่ถ้าราคาของโลงศพ อย่างเดียวจะเริ่มต้นที่หลักพัน จนไปถึงหลักล้าน ซึ่งราคาการจัดงานจะ ขึ้นอยู่กับรูปแบบของงาน ศาสนา รูปแบบของโรงที่ใช้ รวมถึงระยะเวลา ในการจัดงาน ซึ่งจากการที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและกระบวนการ ต่าง ๆ ภายในร้านให้มีความครบวงจรมากขึ้น ทำ�ให้ทางร้านมีลูกค้า ที่เพิ่มมากขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งนี้ทางร้านยังได้ออกแบบลวดลายโรงศพเพิ่มขึ้นอีกหลายลาย โดยลวดลายทั้งหมดทางร้านได้จดลิขสิทธิ์ไว้ แล้วซึ่งจะหาซื้อลวดลายได้ เฉพาะที่สุริยาหีบศพเท่านั้น โดยมีให้เลือกมากกว่า 30 แบบ สุริยาหีบศพ พรานนก เป็นธุรกิจที่เริ่มมาจากธุรกิจขนาดเล็ก ที่ก่อตั้งด้วยคนเพียง 3 คน และมีบริหารงานด้วยกันในกลุ่มเครือญาติ เท่านั้น ซึ่งจากการบริการที่ครบครันและการเอาใจที่สามารถตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าได้ทำ�สุริยาหีบศพ พรานนก มีชื่อเสียงและเป็นที่ รู้จัก ที่ถ้าจะซื้อโรงศพจะนึกถึงเป็นชื่อต้น ๆ มาจนมาถึงปัจจุบันนี้

16


DREAM CAREER Hidden Job

นางสาวนันท์นภัส โอดคง นายณัฐพงศ์ เสาวรัจ

ความอยากสวย แตกไลน์ธุรกิจใหม่ในสังคมไทย

“ทำ�บุญสวยชาติหน้า ทำ�หน้าสวยชาตินี้” วลีเด็ดยอดฮิตที่ถูกพูดต่อๆ กันจนดูเหมือนว่าเป็น เรื่องปกติในสังคมไทยไปแล้ว อย่างที่เรามักพบเห็นกัน ในข่าวอย่างแพร่หลาย เกี่ยวกับการทำ�ศัลยกรรมทั้ง ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ศัลยกรรมเถื่อน หรือแม้กระทั่ง เด็กเยาวชนเสพติดศัลยกรรม ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนไทย เรื่องของการทำ�ศัลยกรรมไม่ได้เป็นที่ยอมรับและปลูก ฝังในสังคมไทย นายแพทย์อดุลชัย แสงเสริฐ กรรมการ สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงาม เปิดเผยถึงข้อมูล วัฒนธรรมความต้องการใบหน้าในลักษณะต่าง ๆ ของ คนไทยที่เปลี่ยนไปตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่าน มาว่า ยุคของความต้องการในการทำ�ศัลยกรรม แบ่งได้เป็น 3 ยุคด้วยกัน ในยุคแรกคือทำ�เพื่อแก้ไข จุดบกพร่อง เช่น ถ้าจมูกไม่โด่ง ก็อยากเสริมให้ดูโด่ง ขึ้น แต่เมื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทสำ�คัญ ในชีวิตประจำ�วัน จึงทำ�ให้คนมีพฤติกรรมเลียนแบบ วัฒนธรรมต่างชาติและการเสพความงามในแบบฉบับ ของดารา นักแสดงมากขึ้น ทำ�ให้ในระยะหลัง การ ศัลยกรรมกลายเป็นการทำ�เพื่อความต้องการที่จะมีรูป หน้าเหมือนเหล่าดารานักแสดง มุมมองของการทำ�ศัลยกรรมในยุคนี้เปลี่ยนไปมาก เช่น ใบหน้าที่งามจะต้องเป็นแบบเกาหลี นอกจากนี้สถิติการสำ�รวจความคิดเห็นของคน ไทยต่อการต่อการทำ�ศัลยกรรมจากกลุ่มตัวอย่างเป็นวัยรุ่นตั้งแต่ 10-25 ปีจำ�นวน 5,000 คน ของสำ�นักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ชี้ให้เห็นว่า ร้อยละ 57.7 สนใจอยากทำ�ศัลยกรรม และยังเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในการทำ�ศัลยกรรมกว่าร้อยละ 68.88 สิ่งเหล่านี้จึงสะท้อนให้เห็น ถึงวัฒนธรรมความงามที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคมไทย จนทำ�ให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำ�ในด้านศัลยกรรมอันดับ 1 ของอาเซียน ซึ่งนั่นก็ทำ�ให้ ในธุจกิจในแวดวงศัลยกรรมความงามมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 12,000 ล้านต่อปีจนติดดับธุรกิจดาวรุ่งถึง 5 ปีซ้อน (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกร) และนั่นก็เป็นช่องทางทำ�เงินที่ทำ�ให้เรามักพบอาชีพแปลกในแวดวงศัลยกรรมความงามมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับอาชีพกูรูศัลยกรรม สื่อกลางส่งต่อ ความสวยกับรายได้ หลักแสนต่อเดือน นางสาวพลับพลา พลับพลาพัชรพร ที่รู้จักในนามของ “ป้าวุ้นเส้น” กูรูศัลยกรรมหรือเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านความงามมากกว่า 8 ปี เริ่ม แรกได้มีโอกาสดูแลป้าเย็น ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการทำ�ศัลยกรรม โดยป้าวุ้นเส้นได้ทำ�หน้าที่ประสานงานกับหมอ ดูแลให้ข้อมูลเบื้องต้นของการทำ�ศัลยกรรม จุดนี้จึงทำ�ให้เห็นถึงปัญหาและช่องทางการทำ�ธุรกิจว่า เพราะไม่มีคนที่จะมาคอยพูดหรือเป็นสื่อกลางคอยประสานกับหมอให้คนไข้ได้ผลลัพธ์ตาม ต้องการ และอีกอย่างคนก้ไม่กล้าที่จะปรึกษากับหมอโดยตรง จึงเกิดความสนใจและศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเมื่อมีคนมาขอคำ�ปรึกษาเกี่ยวกับ การทำ�ศัลยกรรมจะต้องส่งรูปเพื่อให้วิเคราะห์ใบหน้าว่าสามารถทำ�ศัลยกรรมในลักษณะที่ต้องการได้หรือไม่ หลังจากนั้นจะเป็นผู้ติดต่อประสานงาน ระหว่างคนไข้กับหมอศัลยกรรม และเป็นผู้เลือกหมอศัลยกรรมแพทย์ให้เหมาะสม โดยการเลือกคุณหมอก็จะมาจากโรงพยาบาลหรือคลินิกศัลยกรรม ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งระหว่างช่วงการศัลยกรรมป้าวุ้นเส้นจะคอยดูแลให้กำ�ลังใจอย่างใกล้ชิด

“ไม่ใช่จะใครเป็นใครก็ได้ที่ทำ� แต่ต้องมีศีลธรรม เราทำ�งานบนเนื้อ บนตัวเขา เราต้องทำ�ให้เขาปลอดภัย คิดว่าเราก็คือเขา เขาเป็นเรา”

17


นางสาวกมลกานต์ จีนช้าง นักจิตวิทยา เจ้าของวิทยานิพนธ์ “อิทธิพลของความนิยมความ สมบูรณ์แบบต่อเจตคติในการทำ�ศัลยกรรมเสริม ความงาม” ได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องของความ นิยมในการทำ�ศัลยกรรมสู่เส้นทางธุรกิจไว้ว่า อิทธิพลทางด้านความสวยความงามในยุคปัจจุบัน นี้ต่างจากในยุคสมัยอดีตอย่างสิ้นเชิง สมัยก่อนการ ทำ�ศัลยกรรมไม่ได้เป็นที่ยอมรับมากนัก ซึ่งเมื่อยุค สมัยเปลี่ยนไปในยุคปัจจุบันสื่อเข้ามามีบทบาท เพิ่มมากขึ้น ด้วยความเร็วของเทคโนโลยีทำ�ให้คน เข้าถึงข้อมูลและเสพสื่อได้ง่าย สิ่งหนึ่งที่พวกเขา ซึมซับ คือ ค่านิยมความสวยความงาม ซึ่งไม่เพียง แต่เรื่องการศัลยกรรมเท่านั้น เพราะทุกวันนี้รูปร่าง ผิวพรรณ ล้วนสร้างรายได้ได้ทุกส่วนจึงเกิดอาชีพที่ ออกมาตอบสนองความต้องการของคนที่มีมากกว่า การทำ�ศัลยกรรม อาทิ บล็อกเกอร์ เน็ตไอดอล หรือแม้กระทั่งอาชีพโค้ชออนไลน์ โค้ชฟ้า ณัฐฐา สบายวงศ์ สาวสวยหุ่นปังวัย 27 ปี เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเป็นอาชีพโค้ช เริ่มมาจากตัวเธอเองเป็นคนที่อ้วนมาก พยายามลดน้ำ�หนักหลายวิธี โดยเฉพาะการกินยาลดน้ำ�หนัก และนั่นก็ทำ�ให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟค ลองมาหลากหลายวิธีสูตร 7 วัน 3 วัน ผอมชัวร์ สุดท้ายก็คือยิ่งทำ�ให้ร่างกายแย่ลงไม่ใช่แค่หุ่นที่พัง แต่ร่างกายระบบในร่างกายทุกอย่างดูแย่ไปหมด โค้ชเลยหันมาใช้วิธีที่ทำ�กันทั่วไปคือ คุมอาหาร และออกกำ�ลังกาย เมื่อลดน้ำ�หนักจนคนรอบข้าง และตัวเองเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว เริ่มมีคนสนใจถามเข้ามาเยอะขึ้นจึงอยากจะ ส่งต่อความสวยและสุขภาพดีให้กับคนอื่น ๆ อีกทั้งยังมองเห็นโอกาสในธุรกิจนี้ว่าโค้ชในช่องทางออนไลน์ยังมีไม่มากนักแล้วราคาครอสที่บรรดาโค้ช ออนไลน์เหล่านั้นตั้งก็เรียกได้ว่ามหาโหดเกินกว่าที่จะเข้าถึงได้ง่าย จึงทำ�ให้โค้ชตัดสินใจ เปิดครอสและสอนลดน้ำ�หนักในราคา 1000 บาท/เดือน แค่เดือนเดียวก็ลดได้ เพื่อให้ทั้งนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่สนใจและมีใจจะลดจริง ๆ ได้มีโอกาสนำ�เคล็ดลับเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง ในราคา เป็นธรรม วิธีการที่โค้ชจะดูแลนักเรียนแต่ละคนคือ 1 – 2 อาทิตย์แรกจะเป็นการลองใจและปรับทัศนคติของนักเรียนเพื่อให้เขามีความมุ่งมั่นและ คิดว่าตัวเองทำ�ได้ หลังจากนั้นก็จะเริ่มปล่อยสูตรการกิน การออกกำ�ลังกาย เพื่อให้นักเรียนได้ทำ� จนครบ 1 เดือน ตลอดระยะเวลาที่นักเรียนลด น้ำ�หนัก โค้ชจะคอยโทรหรือไลน์เพื่อคอยให้กำ�ลังใจและให้คำ�ปรึกษาอย่างใกล้ชิดทุกวัน “ฟ้าเริ่มต้นเพราะอยากส่งต่อ ไม่ใช่เพราะเงิน บางคนไม่มีเงินแต่อยากลดฟ้าก็สอน เพราะผลตอบแทนที่ฟ้าได้รับมันคือรีวิวและความสุข ของนักเรียน นั่นคือความสุขและทำ�ให้ฟ้ารักงานนี้ และอยากอยู่กับมันไปตลอดชีวิต” วัฒนธรรมล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและกาลเวลา แม้กระทั่งในเรื่องของอาชีพก็ต้องมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยเช่นกัน เพราะ อาชีพเปรียบเสมือนเครื่องมือในการดำ�รงชีวิต แต่ใช่ว่าความเปลี่ยนแปลงจะเข้ามาทำ�ลายวัฒนธรรม เพียงแค่มันถูกพลิกบทบาทในหัวข้อเดียวกัน แต่ลักษณะวิธีต่างกันเท่านั้นเอง

18


DREAM CAREER วัยรุ่นวัยรวย

นางสาวปนัดดา วงษ์ประกรคำ� นางสาวนิตยา ร่มโพธิ์ช นางสาวเบญจรัตน์ อิ่มโต

BUTTERFLY THAILAND น้ำ�หอมกลิ่นอายไทย ดังไกลถึงต่างแดน จากนักออกแบบดีไซต์เนอร์ กลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์ธุรกิจน้ำ�หอมกลิ่น ไทย ๆ ที่นำ�เอาเอกลักษณ์ความเป็นไทย เรื่องราว ความทรงจำ� มาบอกเล่าผ่านกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของ น้ำ�หอม เพื่อให้กลิ่นอายความเป็นไทยยังคงอยู่ใน รูปแบบน้ำ�หอมจนเกิดเป็น “เรื่องราว” ที่มากกว่า แค่กลิ่นหอม ก้าวเข้าไปในร้าน Butterfly Thai Perfume กลิ่นที่แตะจมูกคือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำ�หอม หลากหลายกลิ่น ที่ผสมผสานรวมกันได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกที่สดชื่น และผ่อนคลาย เหมือนกับเรา ได้เข้าไปอยู่ในธรรมชาติจริงๆ นายสุชิน แก้วอุดม เจ้าของแบรนด์ Butterfly Thai Perfume แบรนด์น้ำ�หอมกลิ่น ไทย อธิบายว่าการขายความเป็นไทย เอกลักษณ์ ที่สัมผัสได้ผ่านกลิ่นน้ำ�หอม การให้เรื่องราว และ สร้างจุดแตกต่าง คือสิ่งสำ�คัญของการสร้างแบรนด น้ำ�หอมไทยหน้าใหม่ให้ดังไกลไปต่างประเทศ ธุรกิจ นี้เริ่มต้นจากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถ ใช้ต้นทุนในการผลิตไม่สูง เพราะเห็นว่าน้ำ�หอมเป็น เรื่องที่อยู่ใกล้ตัว น้ำ�หอมแบรนด์ดังต่างๆ ที่ขาย ทั่วไปจะมีราคาอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท ซึ่งต้นทุน ในการผลิตนั้นมีต้นทุนแค่เพียง 500-700 บาท แต่การเสริมด้วยมูลค่าของแบรนด์และคุณค่าจาก กลิ่นหอมทำ�ให้แต่ละแบรนด์น้ำ�หอมกำ�หนดราคา ที่สูงขึ้นและแข่งขันในตลาด

19

“เราจะทำ�อย่างไรให้สร้างแบรนด์น้ำ�หอมที่แตกต่างจากที่มี อยู่ จึงได้มีการศึกษาการทำ�น้ำ�หอมในแบบโบราณและแบบสมัยใหม่ ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอะไรที่มีความโบราณอยู่แล้ว และเห็นว่าแต่ก่อน ประเทศไทยก็มีวัตถุดิบตามธรรมชาติที่นำ�มาใช้ในการทำ�เครื่องหอม อยู่หลายชนิด เช่น ไม้กฤษณา กำ�ยาน ที่เป็นกลิ่มที่เมื่อได้สัมผัสแล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงความผ่อนคลาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ แบบดอกไม้ ทำ�ให้เกิดความหอมที่เป็นธรรมชาติและความหอมยังช่วยให้เกิดความ ผ่อนคลาย สบาย โดยกลิ่นหอมที่ได้นั้นเกิดมาจากการใช้กรรมวิธีทั้ง ในแบบโบราณและสมัยใหม่มาผสมผสานกันโดยเน้นไปที่การใช้วัตถุดิบ ที่มีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ และลดพวกสารเคมีให้น้อยที่สุด โดยจะเป็นในลักษณะของ Dry Body oil Perfume ที่มีการนำ�ส่วน ผสมของน้ำ�มะพร้าวมาร่วมในการปรุงน้ำ�หอมด้วย ทำ�ให้แบรนด์น้ำ�หอม มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น”


“น้ำ�หอมกลิ่นโคลนสาบควาย เป็นหนึ่งในกลิ่น ของน้ำ�หอมแบรนด์ Butterfly Thai Perfume ที่ได้ แรงบันดาลใจจากครอบครัวที่มาจากครอบครัวชาวนา เป็น ลูกชาวนาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน จึงอยากปรุงน้ำ�หอมกลิ่น นี้ขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว ความทรงจำ� ของบรรยากาศ ของท้องทุ่งนา กลิ่นของดินในยามเช้าเมื่อโดนละอองหมอก หรือหยาดฝนโปรยปรายลงมา ซึ่งทำ�ให้รู้สึกสดชื่น และให้ ความรู้สึกถึงความเป็นกลิ่นอายของธรรมชาติ ทำ�ให้นึกถึง ช่วงเวลาและสถานที่นั้นเสมอยามที่ได้กลิ่นนี้ "

น้ำ�หอมที่ได้รับความนิยมและถือเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์นี้คือ น้ำ�หอมกลิ่นกฤษณากำ�ยาน ซึ่งเป็นน้ำ�หอมกลิ่นแรกของทางร้านที่ได้ทำ� การผลิตขึ้น ถือเป็นกลิ่นที่ทำ�ให้น้ำ�หอมแบรนด์ Butterfly Thai Perfume เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยกลิ่นที่มีเอกลักษณ์และมีกลิ่นหอม เป็นที่ชื่นชอบของ ทั้งคนไทยและต่างประเทศ นอกจากกลิ่นกฤษณาและกำ�ยานแล้ว ทั้งนี้ทางร้าน ยังมีน้ำ�หอมกลิ่นอื่นอีก เช่น กลิ่นโคลนสาปควาย ซึ่งมี story เรื่องราว ที่น่าสนใจและดึงดูดผู้ใช้ รวมถึงชื่อที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร กลิ่นข้าว เหนียวมะม่วง กลิ่นแฝกหอมกุหลาบ กลิ่นมะกรูดกานพลู และกลิ่นอื่น ๆ อีก มากมายให้ได้เลือกกัน โดยรายได้ต่อปีจะอยู่ที่ 120 ล้านบาท ผลิตได้ 10,000 ขวดต่อเดือน เพื่อจำ�หน่ายภายในประเทศ และเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่า ในการ ส่งออกต่างประเทศ โดยอัตราการส่งออกอยู่ที่ ส่งในประเทศ 60% และส่งไปยัง ต่างประเทศ 40% โดยตลาดหลักจะอยู่ที่จตุจักร โครงการ 24 ซอย 34/4 นอกจากนั้นยังมีหน้าร้านอีกหลายที่ทั้ง ยูเนี่ยนมอล เดอะสตรีท และ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ คือ ทุกเพศทุกวัย ที่มีความ ชื่นชอบและรักกลิ่นของน้ำ�หอมที่มีความหอมและมีเอกลักษณ์ในตัว โดยส่วน ใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในประเทศไทย และติดใจใน กลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์บวกกับความหอมอย่างไทย ๆ ซึ่งลูกค้าที่ได้มีการลอง ใช้น้ำ�หอมของ Butterfly จะหลงใหลและชื่นชอบในความหอมของตัวน้ำ�หอม แล้วกลับมาซื้ออีกครั้ง ด้านการขยายธุรกิจทางแบรนด์ได้มีการตั้งเป้าหมายใน การขยายกิจการเพิ่ม ให้ลูกค้าสามารถที่จะหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และเริ่มมอง ไปที่ตลาดต่างประเทศอย่างเช่น ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งลูกค้าเป็นคน ที่ติดต่อเข้ามา เพื่อรับน้ำ�หอมไปขายภายในประเทศของเขา ซึ่งในตอนนี้ก็ยัง อยู่ในช่วงเวลาของการขยายธุรกิจ แต่ก็จะทำ�อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบลงทุน เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นทำ�มาจากความรักและความชอบ

20


DREAM CAREER Start Up

นายเทวราช ชมภูนาค นายธนกร ประภากรวิภาวี

นโยบายรัฐ ดันธุรกิจสตาร์ทอัพ อาจยังไม่ตอบโจทย์ผู้ประกอบไทย ธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง โดยเมื่อปี 2559 มีธุรกิจ Start up เกิดขึ้นเพียง 400 ราย ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมามีธุรกิจ Start up เพิ่มขึ้นถึง 700 ราย ในขณะที่อัต ตราการประสบผลสำ�เร็จนั้นอยู่เพียง 1% นางสาวอนงค์ลกั ษณ์ แซ่ลม้ิ ผูร้ ว่ มก่อตัง้ jordsabuy ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหา ที่จอดรถให้กับผู้ใช้บริการ กล่าวว่ารัฐบาลอาจมีการสนับสนุนในส่วนต่างๆ ตามที่รัฐได้ กำ�หนดนโยบาย แต่นั่นหมายถึงไม่ไช่ทุกธุรกิจ Start up ที่ จะได้รับการสนับสนุน เพราะปัจจุบันธุรกิจ Start up เกิด ขึ้นและโตอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่รัฐจะตอบสนองทันต่อธุรกิจ จนในบางธุรกิจของ Start up รัฐบาลอาจจะสนับสนุนไม่ทัน เสียด้วยซ้ำ� ไทยแลนด์ 4.0 ก็ยังคงเป็นความพยายามของ รัฐที่จะส่งเสริมธุรกิจ Start up อย่างจริงจัง ทั้งในด้าน ระบบดิจิทัล การส่งเสริมผู้ประกอบการ รวมทั้งตอบสนอง ความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ Start up อย่างเต็มที่ ซึ่งการดำ�เนินงานของทางภาครัฐนั้นต้องเป็น ไปตามขั้นตอน ธุรกิจ Start up โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่ได้ รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเลย ถึงแม้จะมีแต่ก็น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ธุรกิจ Start up เติบโตได้ด้วยตัวของตัว เอง ถึงอย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องกล้าที่จะเสี่ยงที่จะมอบเงิน ทุนให้เปล่าเพื่อการลงทุนและการพัฒนาระบบเศรฐกิจของ ประเทศโดยใช้ธุรกิจ Start up เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน ระบบเศรษฐกิจไทย ในการช่วยเหลือหรือสนับสนุนตาม นโยบายของรัฐที่ช่วยเหลือธุรกิจ Startup ธุรกิจ Start up เป็นที่น่าจับตามองของนักลงทุนที่ ต้องการหวังผลกำ�ไร ซึ่งต้องอาศัยอัตราการเจริญเติบโตของ ธุรกิจ Start up ที่บางธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด และ ด้วยความแปลกใหม่ของธุรกิจทำ�ให้กลุ่มนักลงทุนมีการระดมทุนในการร่วมลงทุนกับกลุ่มธุรกิจ Start up หลายธุรกิจ ถึงอย่างไรก็ตามนักลงทุน ก็ได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ถึงการเจริญเติบโตของธุรกิจ Start up ก่อนเพื่อจะลงทุนเสมอว่ามีโอกาสได้มากน้อยแค่ไหนที่จะประสบความ สำ�เร็จ ทีมงานมีศักยภาพพอที่จะดำ�เนินแผนงานทางธุรกิจขนาดไหน หรือแม้กระทั้งผลตอบรับที่ได้จากการร่วมลงทุนอีกด้วย นางสาวอนงค์ ลักษณ์ กล่าวว่า นักลงทุนที่มองหาธุรกิจ Start up เพื่อหวังที่จะลงทุน โดยทั่วไปนักลงทุนจะมองว่าด้วยกระแสของธุรกิจ Start up ที่เป็นผลก ระทบต่อเศรษฐกิจประเทศในทางที่ดีรวมถึงผลตอบรับที่ดีเช่นกัน จึงอาจจะมีผลกำ�ไรที่มากกว่าธุรกิจในสายอื่น ๆ แต่ในบางธุรกิจของ Start up ที่ถูกผลิตออกมาแล้วไม่ประสบผลสำ�เร็จก็มีจำ�นวนไม่น้อยที่ต้องปิดตัวลงไป เพราะด้วยประสบปัญหาด้านคู่แข่งที่นับวันยิ่งเพิ่มจำ�นวนมาก ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การที่กว่าจะทำ�ให้นักลงทุนหันมาสนใจในธุรกิจ Start up นั้นนักลงทุนเองต้องมองหาถึงตลาดที่จะสามารถนำ�ธุรกิจนี้ให้ ประสบความสำ�เร็จได้ และนั่นก็ต้องรวมถึงทีมการทำ�งานว่าสามารถทำ�ให้ธุรกิจ Startup ที่กำ�ลังเกิดขึ้นนั้น

21


ด้านนายไผท ผดุงถิ่น ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ลองกอง สตูดิโอ จำ�กัด ธุรกิจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาในการก่อสร้าง กล่าวว่า การทำ�ธุรกิจ Startup อยู่ที่วิธีคิด ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ ที่แปลกใหม่กว่าธุรกิจอื่น ๆ อาศัยเทคโนโลยีที่ผลักดันด้านการตลาดการกระจายข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนไป ข้างหน้าโดยเร็ว หากไม่อาศัยความเร็วในการพัฒนา Start up ก็จะเกิด Start up หน้าใหม่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการแข่งขัน และลงทุนกันเป็นจำ�นวนมาก กลุ่มเป้าหมายของการธุรกิจ Start up ในแง่ของการลงทุน ทุกอย่างต้องมีข้อมูลที่สามารถยืนยันทั้งในด้านของปริมาณของการเป็นที่ ต้องการของตลาด ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของธุรกิจ Start up แล้วโดยส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นความต้องการหลัก แต่เป็นความต้องการ เพียงช่วงเวลาหรือโอกาสนั้นๆ ธุรกิจ Start up มีการปรับตัวเพื่อตอบรับกับความต้องการของตลาดอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่ง Start up ใหญ่ ๆ ที่ ประสบความสำ�เร็จแล้วก็ตาม เพราะเนื่องด้วยประเทศไทย “การลงทุนหรือการร่วมการลงทุนล้วนมีความเสี่ยงที่สูงเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านของ นักลงทุนเองหรือแม้กระทั่งนักธุรกิจที่มีความเสี่ยงที่จะร่วมลงทุนกันเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนจ้องที่จะหาเพียงผลกำ�ไรจากการลงทุนถึง แม้แต่จะเป็นเพียงผลตอบแทนเล็ก ๆ”

22


ME STYLE Health นายภูมิรพี ศิริบรรณ

นางสาวศุภลักษณ์ สุโภวรวุฒิ

กัวซาแบบผสมผสาน เป็นศาสตร์ใหม่ ที่รวมศาสตร์ 3 ศาสตร์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์กัวซาที่ช่วยในเรื่องของการขูดพิษออก จากร่างกาย เปิดรูขุมขนระบายพิษเลือดร้อน ศาสตร์เขี่ยเส้น ที่เป็นการเขี่ยออกจากใบหน้า จนไขมันละลาย รวมถึงลมที่ติดอยู่ก็จะสลายไป และศาสตร์เคาะปรับรูปหน้าเรียว เป็นศาสตร์ ที่ใช้ปรับรูปหน้าด้วยสองมือ ช่วยรักษาสุขภาพ และยังช่วยเสริมความงามไปในตัวอีกด้วย จึงทำ�ให้ศาสตร์กัวซาเคาะปรับรูปหน้าเรียวเริ่ม ได้รับความสนใจ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ ความสวยความงาม กัวซาผสมผสานเป็นการรวมกันของ ศาสตร์ไทยและจีนเข้าด้วยกัน เริ่มต้นจาก กั ว ซาของจี น ที ่ ขูด สารพิษออกจาก ร่างกายโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติ ผิวหนังบนใบหน้า เช่น เรียนรู้หลักหมื่น คืนทุนหลักล้าน หินควอนตัม หินหยกช่วยขูดเป็นการ พิเศษค่าเรียนจาก 39,000฿ เหลือเพียง 29,000฿ ติดต่อโปรนานา 086-9033555

เสริมความงามด้วยการรักษากับกัวซาแบบผสมผสาน

เปิดผิว ทำ�ให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ผสมกับ การเขี่ยเส้นที่ช่วยกระตุ้นต่อมไร้ท่อที่มีจุดอยู่ บริเวณใบหน้า จะเป็นการเขี่ยออกจากใบหน้า จนไขมันละลาย รวมถึงลมที่ติดอยู่ก็จะสลาย การทำ�งานของระบบไร้ท่อจะทำ�ได้เต็มรูปแบบ มากขึ้น และการเคาะหน้าเรียวของไทยที่คิดค้น โดยโปรน้อง กริณา แก้วกาหลง ซึ่งสามารปรับ รูปหน้าให้สวยงามตามต้องการได้โดยไม่ต้องทำ� ศัลยกรรม แม้จะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็มี ความปลอดภัย การทำ�กัวซาผสมผสาน เริ่มต้นจาก การเปิดท่อน้ำ�เหลืองโดยใช้หวีเขาควายและ หินควอนตัม เริ่มจากขอบไรผม ลำ�คอ และ ประตูน้ำ�เหลืองที่ไหปลาร้าทั้ง 2 ข้าง ต่อด้วย การเขี่ยเส้นออกจากโพรงประสาทที่ติดอยู่ใต้ กระดูกโดยใช้หินควอนตัมและหินหยก หลัง จากนั้นจะกระตุ้นต่อมไร้ท่อต่างๆ รวมไปถึง การคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าจากนั้นจะใช้มือ รีดน้ำ�เหลือง ไขมัน ที่อยู่ใต้ผิวหนังไปตามท่อ น้ำ�เหลืองและทิ้งที่ประตูน้ำ�เหลืองที่ไหปลาร้า แล้วจึงใช้มือทั้ง 2 ข้างปรับรูปหน้าตามแนว กล้ามเนื้อ รวมไปถึงการปรับโหงวเฮ้งด้วย นางศุภรา สุโภวรวุฒิ ผู้คิดค้นศาสตร์ กัวซาแบบผสมผสาน กล่าวถึงประโยชน์ของ การทำ�กัวซาแบบผสมผสานว่า ช่วยให้รูขุมขน เปิด ทำ�ให้ออกซิเจนสามารถเข้าไปเลี้ยงชั้น ใต้ผิวหนังได้และระบายพิษเลือดร้อนออกมา ความร้อนในร่างกายจะสลายออกไปและช่วย ปรับสมดุลธาตุให้เป็นปกติ แก้อาการปวดหลัง

ออฟฟิศซินโดรม ตาต้อลม นางศุภรายังได้กล่าวอีกว่า จากการ สังเกตอาการของผู้ที่มารักษายังพบว่าการทำ� กัวซาแบบผสมผสานสามารถช่วยบำ�บัดอาการ ภูมิตัวอากาศ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับต่อม น้ำ�เหลือง เช่น โรคตับ และอีกหลายอาการที่ สามารถกระตุ้นการทำ�งานของต่อมไร้ท่อที่อยู่ บริเวณใบหน้าได้ เช่น ภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืด หน้า คอ บ่า ไหล่ ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน รวมไปถึงการเมื่อยล้าของดวงตาจากการเล่น โทรศัพท์เป็นเวลานาน ร้านกัวซานานา จังหวัดระยอง ถือเป็นที่แรกและที่เดียวที่มีการใช้ศาสตร์กัวซา แบบผสมผสาน อย่างไรก็ตาม นางศุภรา เผย ว่า นับถึงตอนนี้ได้มีสอนการทำ�กัวซาแบบผสม ผสานไปแล้วกว่า 6 รุ่น โดยสอนตั้งแต่พื้นฐาน ของอุปกรณ์ การเช็ดหน้าการพันผ้าไปจนถึง ที่มาที่ไปของแต่ละศาสตร์ตั้งแต่ต้นแบบ การนำ� มาปรับใช้กับการทำ�งานจริง


Me STYLE Tech Buzz

สัมผัสถึงความตื่นเต้นเหมือนจริง กับการเล่นเกมด้วยแว่นตา

VR BOX หรือ Virtual Reality

นางสาวธาริณี หนูดำ�

หากใครที่ติดตามดูคลิปใน YouTube เมื่อปลายปี 2559 ที่ผ่านมา จะพบกระแสเกมผีเกมหนึ่งที่มีผู้เล่นถ่าย ทำ�การเล่นเกมโดยมีผีนั่งถ่ายทำ�อยู่ด้วย จริง ๆ พูดแล้วก็ขนหัวลุกกันเลยทีเดียว และที่น่าทึ่งกว่านั้น คือ คนไทยเป็นผู้ สร้างเกมนี้จนทำ�ให้เกมเมอร์ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติพูดถึงมากที่สุดบนโลก ออนไลน์ ซึง่ เกมนีม้ ชี อ่ื ว่า ARAYA (อารยา) นายจตุ พ ร รั ก ไทยเจริญ ชีพ หรือ ก๊อก ตัวแทนผู้สร้างเกม ARAYA จาก บริษัท MAD Virtual Reality Studio เกมผีสัญชาติไทยสุดหลอนที่กระตุ้นความ สยองขวัญจนทำ�ให้เกมเมอร์ทั่วโลกต้อง สะดุ้ง ใครจะทราบว่าก่อนที่จะเกิดเป็น เกม ARAYA นั้น นายจตุพร กำ�ลังทำ�วิทยานิพนธ์ก่อนจบเพื่อเสนออาจารย์ในเรื่องความกลัวมีอะไรบ้าง เช่น กลัวที่แคบ กลัวความมืดและยังเรียนรู้ว่าคนที่ กลัวเขามีความรู้สึกอย่างไร จึงทำ�ให้ คุณจตุพร ร่วมมือกับเพื่อนสนิท ผลิตเกมที่สามารถเล่นผ่านอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Oculus ลักษณะเป็นแว่นตาที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือเพื่อแสดงภาพแบบสามมิติ อุปกรณ์ชนิดนี้เรา พบเห็นชาวต่างชาติเล่น ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เรียกว่า VR หรือ Virtual Reality สำ�หรับระบบปฏิบัติการถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจำ�ลองสภาพแวดล้อมต่าง ๆ นอกจากนั้นยังได้ลองทำ�ตัวอย่างเกมและอัพให้กับทางนิวล็อคเกอร์ในต่างประเทศ อย่างตัวเกม ARAYA จนได้รับกระแสตอบรับจากฝั่งตะวันตกอย่างดี และต่างเป็นที่สนใจแก่ นักเกมเมอร์ต่างชาติ เนื่องจากตัวเกมเล่าเรื่องราวผ่านสถานที่โรงพยาบาลที่เป็นแหล่งรวบรวม ความน่ากลัวมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลิฟต์หรือห้องน้ำ� รวมถึงบรรยากาศต่าง ๆ ภายในโรง พยาบาลก็ทำ�ให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวง หวาดกลัว เสียงกรี๊ดร้อง ซึ่งไม่ใช่แค่คนไทยที่กลัว กับสิ่งเหล่านี้ นั่นยังรวมถึงชาวต่างชาติที่ยังพ่ายแพ้แก่ความหลอนเหล่านี้ จนทำ�ให้เกิดเป็น กระแสมากยิ่งขึ้น แต่เทคโนโลยี VR พึ่งเข้ามามีบทบาทในวงการนักพัฒนาเกมของประเทศไทยได้ไม่นานนัก แต่ปัจจุบันถูกใช้เพื่อความบันเทิงมากขึ้นจากกลุ่ม เล็ก ๆ ไปสู่ระดับองค์กร ด้วยเรื่องของคุณภาพคอมพิวเตอร์และของเทคโนโลยีทำ�ให้เกิดความรู้สึกสมจริงได้มากยิ่งขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากมีความล้ำ�สมัย ในเรื่องคุณภาพที่เพิ่มขึ้นพอควร และยังกล่าวอีกว่า บริษัท MAD Virtual Reality Studio มีเกมหลายแนวแต่ทิศทางเกมในอนาคตทางบริษัทจะมุ่งเน้น การพัฒนาเกม ARAYA เป็นอันดับแรก เพราะมีหลายระบบ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัท ใช้ Oculus ในส่วนของVirtual Reality ซึ่งมีหลายแบรนด์ เช่น HTC Vive เป็นเครื่องเล่นภาพเสมือน จริงที่มีการพัฒนาได้มีประสิทธิภาพต้น ๆ ของตลาดก็ว่าได้รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมายที่จะออกมา ในอนาคต จึงมุ่งเน้นขายในตัวเกม ARAYA ให้ได้เสียก่อน เนื่องจากบริษัทสร้างเกมมาประมาณ 1 ปี กว่า ๆ แล้ว ระหว่างรอเกมเจ๋ง ๆ ใหม่ ๆ จากฝีมือคนไทย ใครสนใจหรือชื่นชอบในความตื่นเต้น หวาดเสียวและพร้อมกระตุกขวัญ ก็สามารถหาซื้อและดาวน์โหลดตัวเกม ARAYA มาเล่นกันได้ใน steam ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่ตอนนี้มีผู้เล่นสูงที่สุดในโลก ตอนนี้มีเกมเมอร์ชาวไทย ต่างเผชิญหน้ากับความตื่นเต้นเหล่านี้แล้ว แล้วคุณละกล้าที่จะลองกับความกลัวนี้หรือยัง

“ผมคิดว่าการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องที่สำ�คัญ ตอนนี้ทีมงานกำ�ลังสร้างตัวการ์ตูน ทำ�โมเดล และอีกไม่นานทุกคนจะได้เห็นแน่นอน”

24


Me STYLE

นางสาวศุภมาศ เนตรมณี นางสาวศิศิธร บุญขาว ถ้าเหนื่อยกับชีวิตการทำ�งานการเรียนลองหาวันหยุด ยาวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหนีออกจากเมืองที่แสนวุ่นวาย ไปลุยชมธรรมชาติ ตามรอยพระยุคลบาทของในหลวงใน รัชกาลที่ 9 ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ของทะเลและภูเขา ฟัง เสียงลมพัด เสียงนกร้อง ไปฟังสำ�เนียงอันไพรเราะของคน เมืองปราณบุรี ดูพระอาทิตย์ตกที่แสนจะโรแมนติก ลองไป ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ศึกษาธรรมชาติ ไปเติมพลังให้กับ ตัวเอง และไปเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชน เราจะพาทุกท่านไป Check in ที่อำ�เภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เริ่มต้นออกเดินทางที่สถานี รถไฟหัวลำ�โพง เรารีบจองตั๋วออกเดินทางทันทีเพราะรถไฟ ไปปราณบุรีมีเพียงรอบ ตอน 4 โมง

CHECK IN

นายคมสัน หงภ์ทรคีรี (ผู้จัดการศูนย์ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนสิริ นาถ) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถ มีพื้นที่ ทั้งหมดจำ�นวน 786 ไร่ กว่าศูนย์การเรียนป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่าง เช่นทุกวันนี้ ในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณปากน้ำ�ปราณเคยตกอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม เนื่องจากเคยเป็นนากุ้งมาก่อนจึงทำ�ให้ดินเสีย ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชาย เลนสิรินาถ จึงเปรียบเสมือนหนึ่งในโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชการที่ 9 ท่านได้รับสั่งให้มีการพัฒนาจากนากุ้งร้างมาเป็นศูนย์การเรียนรู้ป่า ชายเลนจนเมื่อปี 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 9 และพระบาท สมเด็จพระราชินีนาถ เสด็จมาที่วนอุทยานปราณบุรี ทรงทอดพระเนตรเห็นสภาพ ที่เปลี่ยนแปลงไปของป่าชายเลน จึงมีพระราชดำ�รัสด้วยความห่วงใย เพราะป่าชาย เลนเป็นเหมือนกับแหล่งน้ำ� แหล่งอาหารของชุมชน ถ้าไม่มีป่าชายเลนก็อาจจะส่ง ผลกระทบต่อปากท้องของประชาชน กรมป่าไม้จึงยกเลิกสัมปทานบริเวณดังกล่าว ออกไป จึงได้มีการปลูกป่าชายเลนขึ้น แต่ก็ประสบปัญหาจากสารเคมีเพราะก่อน หน้านี้บริเวณนี้เป็นนากุ้งมาก่อน จนทำ�ให้ต้นไม้ตายทั้งหมด

25

ในขณะเดินทางสองข้างทางมองเห็นหมอกจางๆท่ามกลางทุ่งนาสีเขียว อ่อน เเสงอาทิตย์ยามเย็นอันสวยงาม เป็นบรรยากาศที่อยากจะเก็บไว้ ในความทรงจำ� ได้เห็นสถานที่สวยๆอีกมากมายของแต่ละจังหวัดที่ผ่าน เราใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดินทางจากหัวลำ�โพงไปถึง อำ�เภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อพูดถึงปราณบุรี หลายคนคงนึกถึงทะเลที่แสนสวยงามหาด ทรายสีขาวภูเขาสีเขียว จนลืมไปว่าปราณบุรีก็มีที่เที่ยวชมธรรมชาติและเรียนรู้ธรรมชาติของ ป่าชายเลนอีกด้วย นั่นก็คือศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถ ซึ่งห่างจากสถานีรถไฟปราณบุรี 20 กิโลเมตร เป็นสถานที่พักผ่อนอัน แสนสงบอีกแห่งหนึ่งที่มีความงดงามไม่แพ้ที่อื่นใด มีทั้งความสวยงาม และเงียบสงบ ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถ ได้แบ่งออกเป็น 3 พื้นที่การเรียนรู้ คือ 1. พื้นที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ และส่วนบริการนักท่องเที่ยว 2. พื้นที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ประกอบไปด้วยศาลาที่ประทับ และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3. พื้นที่ศึกษาการเรียนรู้


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 9 ทรงให้คำ� แนะนำ�กับคณะทำ�งาน โดยให้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าวนำ� มาพัฒนาการปลูกป่าชายเลน หลังจากนั้นได้เริ่มการปลูกป่า อย่างจริงจังเมื่อปี 2540 ทางศูนย์การเรียนรู้จึงได้ส่งมอบผืนป่า แห่งนี้ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งท่าน ก็ได้เสด็จมาปลูกต้นโกงกางใบใหญ่ ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2545 พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพฯ อีก 1 ต้น และได้มีดำ�รัสที่ สำ�คัญที่สุดว่า ปลูกป่าชายเลนแล้วต้องให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ หลังจากนั้นผืนป่าชายเลนแห่งนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ที่สำ�คัญ ที่สุดของคนปากน้ำ�ปราณ เพราะฉะนั้นทุกคนเลยให้ความสำ�คัญ กับป่าผืนนี้ นั่นคือจิตวิญญาณที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากเข้า มาสัมผัสและเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคคลบาท นอกจากจะมีการเพาะพันธุ์ไม้ป่าชายเลนแล้ว ยังมีหอคอยเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมบรรยากาศที่สวยๆงามๆเมื่อขึ้นไปบนหอคอยโดยรอบจะ เห็นวิวของป่าชายเลน ที่เป็นทุ่งไม้สีเขียว มองออกไป เราจะเห็นภูเขาและบ้านเรือนที่ปลูกอยู่บนเขา หลังจากนั้นก็ได้ล่องเรือเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาว ประมงปากน้ำ�ปราณ มีมักคุเทศน์ที่เป็นชาวบ้านมาให้ประโยชน์และพูดถึงบริเวณรอบ มีทั้งการทำ�ประมง การเดินเรือ การเตรียมอุปกรณ์จับปลากันอย่าง ขะมักเขม้น ในเรื่องสาระความรู้ต่างๆนั้นศูนย์ก็จะสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่เรื่อยๆ นักท่องเที่ยวบางคนอาจจะมองข้ามความสำ�คัญ ของป่าชายเลนไป แต่ความจริงแล้วป่าชายเลยเป็นแหล่งสร้างอาหารให้เรามีกินอยู่ทุกวันนี้ ประมาณ 80% แหล่งอาหารทะเลล้วนเติบโตในป่าชายเลน และ จะเห็นประโยชน์ของป่าชายเลนได้ชัดเจนก็คือเรื่องของการป้องกันการกัดเซาะบริเวณชายฝั่ง เพราะฉะนั้นป่าชายเลนยังเป็นทั้งศูนย์การเรียนรู้แหล่งท่อง เที่ยวนันทนาการที่ดีอีกด้วย นอกจากจะเที่ยวศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนแล้ว ยังมีที่เที่ยวสวยๆงามๆอย่างเช่น ถ้ำ�พระยานคร ที่อยู่ในเขตอุทยาน แห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งห่างจากศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลยประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อไปถึงถ้ำ�พระยานคร ทุกท่านจะได้พบกับภูเขาที่ สวยงามและชายหาดที่น่าหลงใหล สำ�หรับค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท / เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำ�หรับขาลุย ที่รักในการพจญภัย เพราะทาง ขึ้นเขานั้นค่อนข้างชัน สำ�หรับท่านที่ต้องการไปเที่ยว เราแนะนำ�ให้แต่งตัวมิดชิด ทะมัดทะแมงใส่รองเท้าผ้าใบ และที่สำ�คัญที่สุดเลยก็คือ ควรพกน้ำ�ดื่มไปด้วย เพราะก่อนที่จะไปถึงตัวถ้ำ�พระยานครนั้น เราต้องเดินข้ามเขา 2 ลูก เป็นระยะทาง 2 กิโลกว่าๆ แต่ระหว่างทางที่เดินไปนั้นจะได้สัมผัสถึงธรรมชาติที่ สวยงาม ได้เห็นวิวทะเลอ่าวไทยที่มีผืนน้ำ�สีน้ำ�เงินคราม ทรายสีขาวนวล ชวนให้ น่าหลงใหล ในบางครั้งจะมีลิงค่างแว่นมาคอยต้อนรับและเป็นแบบให้ทุกท่านได้ ถ่ายรูปกันอีกด้วย การเดินขึ้นเขาครั้งนี้นั้นเหนื่อยมากบวกกับอากาศที่ค่อนข้าง ร้อน เมื่อเดินพ้นมาจากภูเขาลูกแรกจะเจอกับหาดทรายสีนวล เมื่อใครได้เห็น แล้วเป็นต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หลังจากที่เดินมาเหนื่อยๆเราก็ได้นั่งพัก ถ่ายรูป กันสักพัก พอหายเหนื่อยเราก็เดินทางต่อ ในส่วนของภูเขาลูกที่ 2 ทางเดินขึ้นกลับชันกว่าลูกแรกมากทำ�ให้การ เดินเดินทางค่อนข้างทุลักทุเล พอเดินไปซักพักจะเจอจุดพักชมวิว พอมองออก ไปจะเห็นเป็นทะเลอีกฝากหนึ่งซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน หลังจากที่เหนื่อยล้าและ ท้อถอยสุดๆ แต่พอได้เห็นวิวสวยๆ ก็ทำ�ให้หายเหนื่อยได้ทันที พร้อมที่จะมีแรง เดินทางต่อไปอีก เดินขึ้นไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงปากถ้ำ�ทางเข้าถ้ำ� ค่อนข้างมืดเล็กน้อย แต่ยังโชคดีที่มีไฟฉายในมือถือช่วยทำ�ให้พอมองเห็นทาง เข้าถ้ำ� เมื่อเข้ามาถึงในถ้ำ� สิ่งแรกที่มองเห็นได้ชัดเจนคือประตำ�หนักประดิษฐาน เป็นบรรยากาศที่ดีมาก ดีจนเราไม่อยากจะลงไปด้านล่างเลย แสงสีส้ม ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่5 เคยเสด็จมาประทับ เงย แดงจากพระอาทิตย์ทำ�ให้เราหลงใหลและรักในการเดินทาง อยากนั่งดู หน้าขึ้นไปข้างบนจะพบกับปล่องที่มีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ส่วนบรรยากาศ พระอาทิตย์ไปเรื่อยๆจนกว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป แต่เวลาของเราก็ ภายในถ้ำ�นั้นค่อนข้างเย็น มีหยดน้ำ�หยดลงมาเป็นหย่อมๆ เมื่อถึงเวลาประมาณ จำ�กัดเหลือเกิน เราจึงได้เพียงแค่ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเป็นความทรงจำ�ดีๆ เรา 6 โมงเย็นแสงพระอาทิตย์ที่กำ�ลังตกได้สาดแสงสีส้มผ่านปล่องเขาในวันและ รู้สึกว่าการเดินกลับไปยังหน้าอุทยานเร็วกว่าตอนเดินขึ้นไปยังถ้ำ�เป็นอย่าง เวลาโพล้เพล้ ที่ประทับเรืองรองงดงามยิ่งกว่าใช้ไฟดวงใด ซึ่งเป็นแสงที่สวยที่สุด มาก รู้สึกใจหายจริงๆเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับ การเดินทางในครั้ง เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน เราจึงต้องรีบกลับลงไปก่อนที่พระอาทิตย์จะ นี้เราได้ทั้งความสนุกสนาน ประสบการณ์และได้ทั้งมิตรภาพดีๆ แต่ก็ไม่ ตกดิน เพราะทางเดินลงจากเขานั้นค่อนข้างมืด ระหว่างที่เราเดินลงจากเขานั้น สามารถกลับไปยังจุดที่มีความสุข หรือหยุดเวลาแห่งความสุขนั้นไว้ได้ เรา ได้มีโอกาสเจอกับลิงค่างแว่นที่กำ�ลังกินผลไม้อยู่ เมื่อเดินต่อไปอีกนิดเราก็ได้เห็น ทำ�ได้เพียงแค่เก็บทุกๆอย่างเอาไว้และเก็บทำ�ให้ทุกอย่างเป็นความทรงจำ�ที่ ดีที่สุดสำ�หรับเรา พระอาทิตย์กำ�ลังจะตกดินพอดี

26


ME STYLE DINNING

นางสาวแพรวา คงฟัก นางสาวธัญลักษณ์ อุ่มเจริญ

รังสรรค์เครื่องแกงไทย สู่หมูปิ้งเลิศรส

หมูปิ้งอาหารที่หากินได้ตามรถเข็น

ทั่วไป ยิ่งเมื่อทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ บอก เลยว่าเป็นอาหารที่ใคร ๆ ก็ติดอกติดใจใน ยามเช้าที่วุ่นวาย หรือช่วงเย็นที่รีบเร่งหาซื้อ มาทานก็ง่ายมีขายทั่วทุกที่ทุกแห่ง กลิ่นหอมฟุ้ง ลอยกระจายอยู่ข้างริมถนน เนื้อหมูผสมผสาน กับรสชาติกลมกล่อม ติดมันเล็กน้อยกัดเข้าไป ครั้งหนึ่งฉ่ำ�นุ่มหอมคลุ้งไปทั่วทั้งปาก แต่หมูปิ้ง ที่เรากินกันทุกวันมีแค่รสชาติดั้งเดิมเพียงรสชาติ เดียวจึงทำ�ให้หลาย ๆ คนเริ่มเบื่อเมื่อทาน รสชาติเดิม ๆ ทุกวัน

27

นายปรีชา คล่องจิต ได้เล่าว่า “การที่เลือก ทำ�ธุรกิจหมูปิ้งเพราะว่าการดำ�เนินชีวิตของคน สมัยนี้โดยเฉพาะคนในเมืองหลวง ทุกจังหวัด ทุกอำ�เภอ การใช้ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ เพราะฉะนั้นอาหารที่ดีที่สุดในตอนเช้าก็น่าจะ เป็นหมูปิ้ง ยกตัวอย่าง การไปทำ�งาน ตอนเช้า เราแวะซื้อหมูปิ้งกับข้าวเหนียวก็สามารถทาน ได้เลย แต่ถ้าเรามัวไปสั่งข้าวทานอยู่ มันจะ ทำ�ให้เสียเวลาตรงนั้นไป ดังนั้นหมูปิ้งน่าจะ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่จะเป็นอย่างไรถ้ามีหมูปิ้ง แบบใหม่ที่มีให้เลือกทานด้วยรสชาติที่มากขึ้น

หมูปิ้งรสชาติใหม่ถูกปากคนทั่ว ทุกภาคในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นรสนม สด(ดั้งเดิม) รสพริกเผาที่หอมกรุ่นจาก เครือ่ งแกง หวานกลมกล่อมถูกปากคนภาค กลาง รสคัว่ กลิง้ ทีเ่ ผ็ดร้อน บ่งบอกถึงรสชาติ ของความใต้แท้ ๆ ออกมาอย่างชัดเจน รสเขียวหวาน รสกระเพรา และรสต้มยำ� ที่ถึงรสถึงเครื่อง จึงเป็นรสชาติคุ้นปาก ของคนภาคกลาง และรสชาติอน่ื ๆ อีกมากมาย ถูกทำ�ให้เป็นความจริงขึ้น


นายปรีชา คล่องจิต ผู้เป็นเจ้าของ ธุรกิจหมูปิ้งกิมซุน ที่ขึ้นชื่อลือชาถึงความอร่อย ทั่วประเทศไทย โดยการคิดค้นสูตรและรสชาติ หมูปิ้งที่แปลกใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีของวิทยาสตร์การอาหาร การแปรรูปอาหารเข้ามาใช้ในกระบวนการทำ� หมูปิ้ง จากการคิดค้นรสชาติใหม่ทำ�ให้มีรายการ โทรทัศน์มากมายเข้ามาติดต่อขอนำ�ไปออก รายการอยู่บ่อยครั้ง จนทำ�ให้มีผู้ที่สนใจซื้อ เฟรนไชน์ไปขายในพื้นที่ต่างๆตอบสนอง ผู้บริโภคที่ต้องการความรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ในปั้มน้ำ�มัน ตลาด และในปัจจุบันมีการนำ�ไป

วางขายตามห้างสรรพสินค้าแล้วด้วย ความแตก ต่างของรสชาติเราได้แรงบันดาลใจจากการคัด เลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ใช้สันนอกในการหมัก และก่อนที่จะหมักจะนำ�หมูไปแช่ไว้ก่อนหนึ่งคืน ก่อนนำ�มาหมักกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ ทั้งนี้การรังสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ขึ้นมา ลูกค้าก็มีส่วนสำ�คัญในการคิดรสชาติเนื่องจาก ลูกค้าที่มาซื้อหมูปิ้งก็จะบอกว่า อยากกินหมูปิ้ง รสชาตินี้ รสชาติเหล่านี้ทำ�ให้เรานำ�กลับมา ทดลองและนำ�ไปให้ลูกค้าได้ชิมก่อนนำ�มาขาย จริงและการที่ไปออกรายการวิทยุ รายการ โทรทัศน์ การทำ�ใบปลิว ป้ายโฆษณา

ทำ�ให้มีลูกค้าสนใจ ที่จะมาทานมากขึ้น และ ปัจจุบันมีหลายรสชาติมากขึ้นเนื่องจากตอนนี้ ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก” นายปรีชายังฝากถึงคนที่ อยากทำ�ธุรกิจว่า “ไม่ต้องกลัว ให้ทุกคนมีกำ�ลัง ใจลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ไม่มีสิ่งไหนที่คนทำ�ไม่ได้ ถ้าตั้งใจจริง แต่ต้องมีความมุ่งมั่น มีความอดทน ความขยัน และขอให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้ง” นี่คือสิ่งสำ�คัญของผู้บริหารที่ประสบความสำ�เร็จ อย่างเช่น หมูปิ้งกิมซุนที่พัฒนามาจากหมูปิ้ง ปกติใส่วัฒนธรรมททั่วทุกภาคของประเทศไทย เพิ่มลงไป ทำ�ให้เกิดสิ่งใหม่ที่แตกต่าง

28


Me STYLE Art & Entertainment

นางสาวกัญญา เบี้ยเลี่ยม นางสาวอภิษฏา แพภิรมย์รัตน์

หุ่นไทยไปหุ่นโลก ด้วยเนื้อหาที่ทันสมัย แสดงโดยเยาวชนรุ่นใหม่ ครูเด่น หาเลิศ ผู้ฝึกสอนการ แสดงหุ่นละครเล็กนาฏยบูรพาให้กับ เยาวชน เล่าให้ฟังถึงแรงบันดาลใจใน การเป็นครูสอนหุ่นละครเล็กว่าโรงเรียน ของครูเด่นเริ่มต้นจากการฝึกเด็กกลุ่ม เล็ก ๆ ให้เขาสนใจ ค่อย ๆบุกเบิกทำ� เป็นการศึกษาให้เกิดการยอมรับ เพื่อ ให้คนสนใจศิลปะไทยแขนงนี้มากขึ้น “การจะสืบสานวัฒนธรรม ต้องหาแนวร่วมต้องทำ�ให้คนสนใจให้ ได้ก่อน โชคดีที่เด็กกลุ่มแรกที่ฝึกสอน ได้มีโอกาสแสดงถวายสมเด็จพระเทพฯ แล้วพอพระองค์ได้ทอดพระเนตรก็ตรัส ว่าให้อนุรักษ์ไว้ก็เลยมีกำ�ลังใจรงนั้นขึ้น มา และตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นเวลา8ปี ที่สอนฟรีมาโดยตลอด พอสอนฟรีก็ หันมามองอีกทีว่าทำ�ยังไงให้ผู้ใหญ่หัน มาสนใจว่าตรงนี้มีค่ามากจริงๆ ก็เลย เตรียมตัวเพื่อจะไปประกวดหุ่นโลก เพื่อให้เป็นที่ยอมรับกับคนระดับโลก ทั่วโลก”

การสืบสานเรื่องหุ่นละครเล็กเนื้อเรื่องที่ แสดงต้องปรับเปลี่ยนให้ทันทำ�ตามยุค ในปัจจุบันเพื่อให้คนสามารถเข้าถึงเรื่อง ราวได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น ชุดการแสดง ที่นำ�ไปประกวดมีชื่อชุดว่า “หนึ่งใน โลกา” เกี่ยวกับพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 9 ที่ท่านเคยพูดไว้ว่า บ้านเมืองเรา มีทั้งคนดีและคนไม่ดี การที่จะให้บ้าน เมืองเราอยู่ดีได้นั้น คือให้คนดีปกครอง คนไม่ดี เราก็เลยหันมาดูว่า เราทำ�ให้ เด็กเก่งได้แต่ทำ�ให้เด็กดีนั้นยาก เลยเอา คำ�สอนความดี ค่าของความเป็นมนุษย์ คืออาวุธ 4 อย่าง เอามาแฝงไว้ในการ แสดง อาวุธที่ทั้ง 4 อย่าง คือ 1.ความ กตัญญูรู้คุณ 2.ความเสียสละ 3.ความ มีระเบียบวินัย และ 4.ความอดทนอด กลั้น และถ้าคุณมีอาวุธทั้ง 4 อย่าง คุณก็จะกลายเป็นคนดี และกลายเป็น มนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ โดยตัวละคร หลักที่ใช้ในการแสดงก็จะเป็น ลิง และ ยักษ์ ที่ใช้เป็นตัวเปิดเรื่อง

สำ�หรับท่าทางที่ใช้ในการแสดงก็จะปรับไปตามบทที่กำ�หนดมา อย่างเช่นถ้าใช้เพลงเชิดจะใช้เป็นท่ารำ�เพลงเชิด ถ้าทำ�บทไว้แบบไหน ท่าทางก็จะเปลี่ยนไปตามบทนั้น โดยบทก็จะเปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่องที่แสดง ส่วนในการฝึกซ้อมรุ่นที่โตก็จะมีพื้นฐานอยู่แล้ว พอสอนท่าเขาจะ จำ�ได้เลย แต่ในส่วนของรุ่นเด็กก็จะใช้เวลามากกว่านิดหน่อย เพราะการให้ยกขาพร้อมๆ กันก็ใช้เวลาเกือบ 2 วัน แต่ให้เขาได้ฝึกซ้อมบ่อยๆ เขาก็จะจำ�และก็เป็นการฝึกระเบียบไปในตัวด้วย “การทำ�แสดงที่ทำ�ออกมาให้เป็นที่ ครูเด่นกล่าวว่า หุ่นละครเล็กได้ให้อะไรหลายๆ ยอมรับ ทำ�ออกมาแล้วเนื้อหามีสาระประโยชน์ อย่างกับครูและนักเรียนที่มาเรียน ทั้งได้ การฝึกฝนท่าทางในการแสดง ทำ�ให้คนดูตื่นเต้น อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ที่เป็นเอกลักษณ์ของ และมีความสุขไปกับการดูการแสดง” สิ่งเหล่า คนไทย ได้ลักษณะการเป็นผู้นำ� เมื่อกล้าที่จะ นี้ล้วนเป็นอุปสรรคที่พบเจอ แต่ไม่ว่าจะเจอ แสดงออก ได้คุณลักษณะบุคลิกภาพ เพราะ อุปสรรคมากน้อยแค่ไหนแต่คนที่ได้ชมการแสดง พอเวลาที่เรียนจะต้องตัวตรงหลังตรง ทำ�ให้มี ก็ให้การตอบรับที่ดีกลับมา เพราะว่าคนที่แสดง บุคลิกภาพที่ดี และได้ความคิดจินตนาการที่ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชน พอเด็กรุ่นเดียวกันที่ ได้แสดงออกมาผ่านตัวเขาและผ่านหุ่นที่แสดง ได้ดูการแสดง ก็ชอบ และอาจมีความคิดที่ว่า สุดท้ายนี้ครูเด่นได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ขนาดคน ๆ นี้ทำ�ได้ แล้วทำ�ไมเราจะทำ�ไม่ได้

29

“ อยากให้คนรุ่นใหม่หันมาอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทยของเรา อย่าไปมัวสนใจแต่ เทคโนโลยี ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่อย่าลืมว่ารากเหง้า ของเราคืออะไร ความเป็นไทยเราคืออะไร เราไม่ สูญเสียเอกราชเพราะอะไร เพราะต่างชาติเห็นว่า เรามีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง มีวัฒนธรรมเป็น ของตนเอง เขาถึงไม่กล้ามาทำ�ลายเรา ถ้าเปรียบ ประเทศไทยเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ วัฒนธรรมไทย ก็คือรากแก้วที่มันคงและแข็งแรง ”


เยาวชนไทยยุคไหมใส่ใจวัฒนธรรม พร้อมอนุรักษ์ความเป็นไทย เยาวชนไทยส่วนใหญ่ ไกลห่างออกไปจากคำ� ว่าวัฒนธรรมไทยมากและบางคนก็หลงลืมศิลปะของ ไทยและหันไปใส่ใจวัฒนธรรมต่างชาติกันมาก แต่ใน ทางกลับกันมีเด็กไทยกลุ่มหนึ่งที่ชอบและรักในความ เป็นไทยและอยากที่จะสืบสานความเป็นไทยให้คงอยู่ ด.ช. ไกร ไกรยูรเสน น้องเฮงเฮง อายุ 7 ปี และ นาย ศักดิ์พล อุดมสินประเสริฐ หรือน้องฟร้อง อายุ 19 ปี ทั้งคู่เป็นนักแสดงเชิดหุ่นกระบอกของคณะ หุ่นละครเล็ก ชมรมนาฎยบูรพา เป็นเด็กไทยที่มีความ สนใจในเรื่องของวัฒนธรรมไทยและได้มีโอกาสไป แข่งขัน หุ่นละครเล็กให้ชาวต่างชาติดู เป็นการสร้างชื่อ

น้องเฮงเฮง เล่าว่า “เริ่มเล่นหุ่นละครเล็กโดยมีครูเด่น เป็นผู้ฝึกสอนอยู่ เเล้วเเละในช่วงนั้น เป็นช่วงที่ขาดนักเเสดงที่จะเชิดหุ่นพญานาค ครูเด่นจึงขอให้ มาช่วยเชิดเป็นตัวพญานาคให้ เมื่อได้ลองเล่นในช่วงเเรก มีความรู้สึกว่ายาก เเต่ เพราะขยันฝึกฝนจนตอนหลังเริ่มมีความสนุกเเละง่ายขึ้น" น้องฟร้อง “ เริ่มเล่นหุ่นละครเล็กมาได้ประมาณ 1 ปีเเล้ว เเละที่เลือก เล่นหุ่นละครเล็กเพราะมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเองที่เเตกต่างไปจากการเเสดง อื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ในการเเสดงโขน จะใช้ผู้เเสดงเพียงคนเดียวเท่านั้น เเต่ จุด เด่นในการเชิดหุ่นละครเล็กเเต่ละครั้งจะต้องใช้ผู้เเสดง ถึง 3 คน รวมเป็น 1 ซึ้งผู้ เเสดงเเต่ละคนต้องมีความพร้อมเพรียงเเละ มีความสามัคคีกันเพื่อที่จะเชิดหุ่น 1 ตัว เเละทำ�การเเสดงให้ออกมาในรูปเเบบที่มีความสมบูรณ์ เเละสื่อถึงเรื่องราวให้ คนดูได้รับรู้เเละเข้าใจในการเเสดงเเต่ละครั้ง

ทั้งสองคนเล่าถึงความประทับใจที่มีต่อการแข่งขันในเวทีระดับโลก “เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความประทับใจมาก ตอนที่ รู้ว่า ทางคณะหุ่นละครเล็กของเรามีโอกาสได้รับการ คัดเลือกให้ไปเเข่งขันในระดับโลกที่ประเทศโปเเลนด์ ซึ่งในตอนนั้นรู้สึกดีใจ เเละเหมือนว่าเงินทุนที่เราจะ ใช้ไปต่างประเทศยังมีไม่มากพอ เเต่มีผู้ใหญ่ใจดี เเละ ผู้สนับสนุนทุกท่านที่ได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของ เงินทุน ทำ�ให้พวกเราทุกคนรู้สึกขอบคุณในส่วนนี้ด้วย เเละความประทับใจหลังการเเข่งขันครั้งนี้ คือ ผมได้มี โอกาส ถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ขึ้นเวทีหลังจากที่ประกาศ ผลว่าทีมของพวกเราได้รับรางวัลที่ 1 ซึ่งพวกเราภูมิใจ มาก ๆ ที่จะประกาศให้ชาวต่างชาติรู้ว่าวัฒนธรรมไทย ของเราก็ไม่เเพ้ชาติใดใดในโลก"

หุ่นละครเล็กของไทยได้ไปสร้างชื่อ "อยากให้หันมาดูมาชมมหรสพของไทยเพื่อ เสียง ให้กับชาวต่างชาติได้ชื่นชมความเป็น เป็นการอนุรักษ์ศิลปะที่ดีงามของคนไทยทุก ศิลปะไทย ด้วยเนื้อหาที่แปลกใหม่ซึ่งปรับ คน ให้อยู่ในสังคม ไทยไปนานๆหรือหาก เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำ�ให้การแสดงในแต่ละ ใครที่อยากรู้ลึกเกี่ยวกับรื่องของการแสดงที่ ครั้งน่าติดตามอยู่เสมอ ไม่น่าเบื่อ และไม่จำ�เจ เกี่ยวข้องกับความเป็นไทยเช่นนี้ ก็เเนะนำ� ซึ่ง การแสดงหุ่นละครเล็กในแต่ละครั้ง จะถูก ให้มาเรียน ซึ่งไม่เพียงเเต่เป็นการอนุรักษ์ ถ่ายทอดออกมาโยเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทย ความเป็นไทยเท่านั่น เเต่ยังจะทำ�ให้ร่างกาย ที่พวกเขาเหล่านี้มีความรักในความเป็นไทย มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย” และอยากที่จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ สิ่งเหล่านี้ไว้ให้คงอยู่ ท้ายนี้ ทั้งน้องเฮง เฮง และน้องฟร้อง ยังได้ฝากคำ�เชิญชวยผู้ที่สนใจ ในเรื่องของวัฒนธรรมไทย และอยากที่จะช่วย กันอนุรักษ์ศิลปะไทยให้คงอยู่ให้ว่า

30


SPORT & Entertainment นายกษิดิ์เดช ปัดเกษม นายวีระพงศ์ ธัญญาโภชน์

นักเตะไทยจะ Go Inter เร่งพัฒนาระบบเยาวชนให้

สากล

ใกล้จะเปิดฉากฟาดแข้งกันอีกครั้งสำ�หรับศึกฟุตบอลไทยลีก

หรือที่มีชื่อย่อใหม่ว่า T1 ลีกฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศ โดย จะเริ่มมีการเปิดฉากอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 แน่นอนในช่วงที่ปิดฤดูกาลอยู่สีสันของเกมลูกหนังคงหนีไม่พ้นตลาดการซื้อ ขายนักเตะ ที่แต่ละสโมสรล้วนทุ่มเงินอย่างมหาศาลเพื่อซื้อตัวผู้เล่นระดับท็อป ทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาเสริมทีม โดยในปีนี้นอกจากเชียงราย ยูไนเต็ด ที่สร้างความฮือฮาในการเป็นเจ้าบุญทุ่มรายใหม่แห่งวงการฟุตบอลไทย โดยการคว้าตัว “เจ้าตั้ม” หรือ นายธนบูรณ์ เกศารัตน์ จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยจำ�นวนเงิน 50 ล้านบาท โดยเซ็น สัญญากัน 5 ปีและถือเป็นค่าตัวสถิตินักเตะไทยที่มีมูลค่ามากที่สุด ตลอดกาล แต่ดีลที่ถูกจับตามองมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “เมสซีเจ” นายชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไทย ที่ได้โกอินเตอร์เซ็นสัญญา ร่วมทัพ คอนซาโดล ซัปโปโร ทีมน้องใหม่แห่งศึก “เจลีก” ด้วย สัญญายืมตัว 1 ปี 6 เดือน และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ได้เห็น นักเตะเลือดสยามแท้ ๆ ที่ไม่ใช่ลูกครึ่งถูกส่งออกไปค้าแข้งในต่าง แดน ซึ่งมีไม่มากนักในปัจจุบันที่จะได้โกอินเตอร์ไปในลีกที่มี คุณภาพสูงกว่าลีกบ้านเรา และประสบความสำ�เร็จ อย่าง เช่นก่อนหน้านี้นักเตะทีมชาติชุดปัจจุบันก็มีเพียง แค่“เจ้ามุ้ย” นายธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยไปค้าแข้ง กับสโมสรในยุโรปอย่าง อัลเมเรีย ทีมในลีกลา ลีก้าของสเปน ด้วยสัญญายืมตัวครึ่งฤดูกาล และสุดท้ายก็ต้องยกเลิกสัญญากลับมาค้า แข้งในไทยตามเดิม “โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายเทคนิคคนปัจจุบัน ของทีมชาติไทย และอดีตผู้เล่นที่เคยประสบ ความสำ�เร็จในเวทียุโรปกับแฮร์ธา เบอร์ลิน ทีมในลีกสูงสุดของเยอรมัน และทีมในระดับ เอเชียอย่าง มัตซึชิตะ(กัมบะโอซาก้า) ชี้ถึง ประเด็นที่นักเตะไทยยังไม่ประสบความสำ�เร็จ ในลีกยุโรปเป็นเพราะเรื่องของความปรับตัว เข้ากับลีกอาชีพของต่างประเทศ “เราคงต้องดูปัจจัยหลายอย่าง ยกตัวอย่าง อันดับแรกคงเป็นเรื่องของปัจจัยในคุณภาพของ ฟุตบอลที่ยังคงแตกต่างกันเยอะ ที่สำ�คัญกว่าฟุตบอลก็คงเป็นเรื่องของหัวจิตหัวใจ ซึ่งตรงนี้มันต้องไป ด้วยกันทั้งสองอย่าง ถ้าอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งมันหายไป มันก็จะทำ�ให้การเล่นฟุตบอลในยุโรปมันเล่นไม่ ได้ ส่วนใหญ่ผู้เล่นที่ไปเล่นต่างประเทศ จะไม่คุ้นเคยกับระบบการฝึกซ้อม ไม่เข้าใจภาษา ไม่ชินกับสภาพ อากาศ ไม่ชินกับเรื่องอาหารต่าง ๆ ซึ่งมันจะเป็นปัจจัยที่ส่งไปถึงสภาพจิตใจ พอจิตใจไม่ดีฟอร์มการเล่นก็ ไม่ดีตามไปด้วย”

31


ทางด้าน ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย อดีตนักฟุตบอลเยาวชนของทีมคริสตัลพาเลซ และอดีตนัก เตะของ เค.ลีร์เซ่ ทีมในลีกดิวิชั่น 2 ของเบลเยียมเผยวัฒนธรรมและชนชาติมีส่วนสำ�คัญในการปรับตัว “นักเตะไทยเป็นนักเตะที่มีคุณภาพเรื่องเทคนิค และมีทักษะที่ดี แต่เรื่องสรีระของร่างกายที่ เล็ก ทำ�ให้ลำ�บากในเรื่องของการเข้าปะทะ อาจจะต้องเอาความสามารถในด้านอื่นเข้ามาแทนในเรื่อง ของร่างกาย แต่ว่าสุดท้ายก็เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ชนชาติ ถ้าเราไม่ได้ดีแบบมาก ๆ ไปเลย เราก็จะได้ ลงเล่นน้อย เขาจะให้โอกาสคนของเขาก่อนที่จะให้โอกาสคนอื่นที่เข้าไปในประเทศเขา และด้วยเรื่องที่ ทีมชาติไทยของเราอันดับโลกไม่ได้อยู่สูง การประสบความสำ�เร็จในระดับสูง ๆ ของประเทศเราก็ยังไม่มี เพราะฉะนั้น การที่เขาจะมามองเรา หรือว่าผลักดันเราให้เหมือนกับทีมชาติญี่ปุ่น ก็คงยาก คือจริง ๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ที่ตัวนักบอลอย่างเดียว มันอยู่ที่ปัจจัยรอบด้านอื่นๆด้วย” อย่างไรก็ตาม “โค้ชเฮง” นายวิทยา เลาหกุล มองว่าวัฒนธรรมในแต่ละชาติไม่มีปัญหาต่อ การปรับตัว ถ้านักเตะสามารถทุ่มเทได้เต็มที่ในการพัฒนาตัวเองให้เข้ากับระบบการเล่นและวิธีคิด ในการทำ�ทีมที่แตกต่าง สิ่งสำ�คัญคือการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ประสบความสำ�เร็จและทำ�ให้เต็มที่เพื่อ ไปถึงจุดนั้น แน่นอนการพัฒนานักเตะระดับเยาวชนและความสามารถของโค้ชผู้ฝึกสอนให้เข้ากับการ ทำ�ทีมที่มีความเป็นสากลมากขึ้นก็ถือเป็นจุดด้อยของวงการฟุตบอลไทยมานาน ซึ่งโค้ชเฮง ย้ำ�ว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาวงการฟุตบอลไทยเราไม่ใส่ใจในเรื่องของยุวชน-เยาวชนเลย แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่สมาคมจัดให้มีการแข่งขันแบบลีก ซึ่งก็มีตั้งแต่รุ่นอายุ 13 15 17 ไปจนถึง 19 ปี อันดับสองก็คือในเรื่องของการให้ความรู้และความสามารถกับโค้ชผู้ฝึกสอน ซึ่งตรงนี้มันต้องพัฒนาควบคู่กันไป ถ้าเราอยากจะให้ทีมชาติมีความแข็งแกร่ง เราก็ ต้องให้ความใส่ใจในเรื่องของเยาวชนกับการพัฒนาโค้ช ซึ่งตรงนี้เราพึ่งมาใส่ใจจริง ๆ ทิศทางการพัฒนาลีกภายในประเทศถือว่ากำ�ลังเติบโตไปในทางที่ดี ทั้งเรื่องของคุณภาพของฟุตบอล การลงทุนรวมไปถึงฐานแฟนบอลของ แต่ละทีม แต่ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพนักเตะให้ก้าวไปสู่ระดับสากลก็ยัง เป็นเรื่องที่ต้องจับตาและก็คงต้อง พัฒนาระบบกันต่อไป

นายวีระพงศ์ ธัญญาโภชน์ นายกษิดิ์เดช ปัดเกษม



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.