กล้าที่จะสอน มติชนออนไลน์ by jitwiwat

Page 1

กลาที่จะสอน (The Courage to Teach) หนังสือพิมพมติชน ฉบับประจําวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ในที่สุด หนังสือ กลาที่จะสอน ที่ พารคเกอร พาลมเมอร เขียน ก็ไดรับการตีพิมพในภาษาไทย (โดยสํานักพิมพสวนเงินมี มา) และออกวางตลาดแลว หลังจากที่หลายคนรอคอยมาหลายป หนังสือเลมนี้ พาลมเมอรเขียนมาจากประสบการณของ ความเปนครูที่ยาวนานถึง ๓๐ ป และใชเวลาเขียนถึง ๑๐ ป เรียกไดวาเปนการเจียระไนประสบการณมาเปนเรื่องเลาและ แนวคิดที่มีพลังอยางยิ่ง เมื่อผมไดเปดอานเมื่อหลายปกอนถึงกับวางไมลงเลยทีเดียว เพราะเขียนไดอยางเปดเผยและลงลึกถึงแกนแทความเปนมนุษย ของตัวเอง และความเปนครู รวมทั้งนําเสนอมุมองที่ลึกซึ้งในเรื่องการสอนที่สรางความมนุษย ซึ่งผมคิดวาเปนหนังสือเลม สําคัญในการนําเสนอทางออกใหกับการปฏิรูปการศึกษาของสังคมโลกอยางเปนรูปธรรม (ทําไดจริง) และรักษาจิตวิญญาณ เดิมแทของการศึกษาไวไดอยางสงางาม หัวใจสําคัญของหนังสือเลมนี้คือ การฟนฟูและหลอเลี้ยงจิตวิญญาณความเปนมนุษยของครู ที่อาจตกหลน เหือดหายไปใน ระบบการศึกษาที่มุงเนนเพียงแตเปาหมายเชิงรูปธรรม ผลลัพธที่วัดผลไดเทานั้น และการเติบโตทางวิชาชีพ พาลมเมอรพูดถึงหัวใจความเปนมนุษยที่รูจักและเขาใจสิ่งที่ตัวเองเปน รวมทั้งความใฝฝนและ เปาหมายของตัวเอง (identity) และมีความซื่อตรงตอตัวเอง (integrity) โดยกลาใชชีวิตตามความเชื่อ ความฝนและแรงบันดาลใจภายใน อยางไม กดขมเพื่อสยบยอมกับระบบการศึกษาที่กําลังเปนไปอยางลุมหลงเมามันกับวัตถุภายนอกโดยละเลยคุณคาของจิตใจ นอกจากนั้น พาลมเมอรก็ยังพูดถึงตัววิชาความรูและกระบวนการเรียนรูที่จําตองไดรับการปรับปรุงฟนฟู โดยเอา “ชีวิต” หรือ “สิ่งที่เรียน” เปนตัวตั้ง มากกวา “ขอมูล” เกี่ยวกับ “สิ่งที่เรียน” ที่เราเรียกวา “ความรู” เปนตัวตั้ง ยิ่งอิทธิพลของแนวคิด แบบวิทยาศาสตรที่ถือเอาเหตุผลและสิ่งที่วัดผล จับตองไดทางรูปธรรมเปนตัวตั้งในระบบการศึกษา ก็ยิ่งทําใหผูเรียนมอง “สิ่งที่เรียน” วาเปนเพียง “วัตถุ” หรือ “วิชา” มากกวาการเขาถึงแกนสารของสิ่งที่ศึกษา จนถึงกับตองตัดเอา “ความรูสึก” สวนตัวออกไปจากกระบวนการเรียนรูแทบทุกแขนงเลยทีเดียว เมื่อไมรูสึกก็ไรความสัมพันธ เมื่อไรความสัมพันธ ชีวิตก็ แบงแยกและแหงแลง ในหัวขอขางตน มีรายละเอียดที่ลึกซึ้งมาก แตผูเขียนคิดวาเปนเรื่องสําคัญที่เราตองทําความเขาใจ หากเราตองการฟนฟูหรือ ปฏิรูปการศึกษาใหกลับมามีพลัง มีสวนรวม มีชีวิตชีวา และสงเสริมใหนักเรียนทุกคนคนพบศักยภาพภายในตัวเอง และรู ตําแหนงหนาที่ รวมถึงคุณคาที่ตัวเองมีตอสังคมอยางถวนหนา อยางไมเลือกเฟนเฉพาะ “เด็กเกง” แบบ “แพคัดออก” แลว สราง (แลวทิ้ง) เด็กที่รูสึกดอยคาที่กลายเปนเหยื่อจํานวนมากของระบบการศึกษา เรื่องที่สาม ที่ผมคิดวาสําคัญไมแพสองหัวขอแรก คือการสรางชุมชนและองคกรที่สงเสริม หลอเลี้ยง การเรียนรูของครูและ นักเรียน ที่มีการบริหารจัดการที่เปนมิตร สรางสรรคและเปนธรรม มากกวาการบริหารจัดการแบบอํานาจนิยมที่ยึดเอาวาระ ของตัวเองเปนหลักและไมพยายามรับรูความตองการของครู


อุปสรรคในเรื่องวัฒนธรรมและการบริหารจัดการขององคกรแบบเกานี้ พบไดหลากหลาย ไมจําเพาะองคกรทางการศึกษา เทานั้น องคกรประชาชน ภาครัฐและภาคธุรกิจอื่นๆ ก็มีลักษณะโครงสรางอํานาจคลายๆ กัน และกอใหเกิดผลกระทบ คลายๆ กัน นั่นคือสรางชองวางในความสัมพันธและปดกั้นการสื่อสาร แบงพรรคแบงพวก ปกปองอาณาเขตตัวเองภายใต อิทธิพลของความกลัว จนสงผลถึงแรงบันดาลใจในการสอนหรือการทํางานของสมาชิกในองคกร สิ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับหนังสือเลมนี้คือ นอกจากผูเขียนจะเขียนจากประสบการณตรงของตัวเอง ของครู และนักการศึกษา ที่เขาไดพูดคุยสัมภาษณมาเปนจํานวนมากในอเมริกาแลว เขายังเสนอทางออกอยางเปนรูปธรรม ซึ่งเขาเองก็ไดดําเนินการ ตามแนวทางที่ตัวเองและเพื่อนๆ ตั้งใจไวแลวอยางไดผลยิ่ง จนมีงานวิจัยแสดงถึงผลลัพธดังกลาวออกมา และมีเครือขาย ของศูนยเพื่อการฟนฟูกําลังใจและความกลา ที่มีชื่อวา Center for Courage and Renew ที่ไมเพียงจัดโปรแกรมฟนฟูกําลังใจ ใหกับครูเทานั้น แตยังแพรหลายไปถึงผูคนในวิชาชีวิตอื่นๆ ดวย โดยมีการจัดอยางตอเนื่องเปนเวลา ๒ ปตอหนึ่งรุน (รุนละ ๓๐ คน) จนทําใหเกิดชุมชนกัลยาณมิตรที่สงเสริมการใชชีวิตที่ “ไมแบงแยก” แตสอดคลองกับธรรมชาติภายในของตัวเอง อยางตอเนื่องและสม่ําเสมอ ตามพื้นที่ตางๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา จากขอสังเกตของพาลมเมอร แยกแยะลําดับของการแปรเปลี่ยนระบบการศึกษาไว ๔ ระยะ ไดแก ระยะที่ ๑ บุคลากรทางการศึกษาตระหนักรูถึงพลังและคุณคาภายในตัวเอง และเลือกที่จะใชชีวิต อยางสอดคลองกับคุณคา และแรงบันดาลใจนั้น ระยะที่ ๒ สรางชุมชนและเครือขายการเรียนรูรวมกันในกลุมของผูที่เลือกจะใชชีวิตอยางสอดคลองกับธรรมชาติภายใน ของตัวเอง สนับสนุนและฝกฝนทักษะในการสื่อสารเพื่อนําไปสูการเปลี่ยนแปลงรวมกัน ระยะที่ ๓ เปดตัวและสื่อสารตอสาธารณะในวงกวางออกไป เพื่อเชื้อเชิญใหเกิดการมีสวนรวมที่แพรหลายมากขึ้น โดยไม กลาวโทษหรือทําลายใคร ระยะที่ ๔ สรางระบบทางเลือกที่เกื้อกูลและตอบแทนหนาที่และวิชาชีพใหมที่สงเสริมการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา หนังสือเลมนี้ไดเสนอสิ่งที่อาจถูกละเลยในการปฏิรูปการศึกษา นั่นคือ หัวใจของครู ทามกลาง บรรยากาศของความวุนวาย ความเหนื่อยหนายและสิ้นหวังของการปฏิรูปการศึกษา การเปลี่ยนแปลงที่ดีๆ อาจจะเกิดจากจุดเล็กๆ ในพื้นที่ของการดูแล จิตใจของครู ที่อาจไมใช “การอบรม” ไมวาจะเปนการอบรมเรื่องเทคนิคการสอน การวัดผลประเมินผล หรือการใชสื่อใน รูปแบบตางๆ หรืออบรม “คุณธรรม” ที่มีมากมายกายเกลื่อนอยูแลว แตเปนดูแลใสใจ สงเสริมการสํารวจและเรียนรูโลก ภายในชีวิตครู เพื่อรวมกันสรางสรรคการสอนที่หลอเลี้ยงจิตวิญญาณมนุษยไดอยางแทจริง

วันศุกรที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 at ที่ 07:00 by jitwiwat


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.