ฉันคือ... ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต
หมวดสังคม/ชีวิต
ฉันคือ...ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต เขียน ภาพประกอบ ปก / รูปเล่ม พิสูจน์อักษร
สดใส ขันติวรพงศ์ อรทัย กุศลรุ่งรัตน์ จันทิมา แสงทองสุข Try2Read
ลิขสิทธิ์ © ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมา, ๒๕๕๘ พิมพ์ครั้งที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data สดใส ขันติวรพงศ์. ฉันคือ...ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต.-- กรุงเทพฯ : สวนเงินมีมา, 2558. 168 หน้า. 1. กวีนิพนธ์. I. อรทัย กุศลรุ่งรัตน์, ผู้วาดภาพประกอบ. II. ชื่อเรื่อง. 895.911 ISBN 978-616-7368-71-9
บรรณาธิการที่ปรึกษา บรรณาธิการบริหาร ฝ่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์ ฝ่ายขาย จัดพิมพ์ โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก โรงพิมพ์ จัดจ�ำหน่าย ราคา
ฮันส์ แวนวิลเลียนส์วาร์ด, วัลลภา แวนวิลเลียนส์วาร์ด วรนุช ชูเรืองสุข พิชญ์นันท์ พุ่มสวัสดิ์ สมภพ บุญชุม บริษัท สวนเงินมีมา จ�ำกัด ๗๗, ๗๙ ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ ๐ ๒๖๒๒ ๒๔๙๕-๖, ๐ ๒๖๒๒ ๐๙๕๕, ๐ ๒๖๒๒ ๐๙๖๖ ๐ ๒๖๒๒ ๓๒๒๘ publishers@suan-spirit.com www.suan-spirit.com www.facebook.com/suan2001 หจก. ภาพพิมพ์ โทรศัพท์ ๐ ๒๘๗๙ ๙๑๕๔-๖ สายส่งศึกษิต บริษัทเคล็ดไทย จ�ำกัด โทรศัพท์ ๐ ๒๒๕ ๙๕๓๖-๙ ๓๒๐ บาท
ฉันคือ... ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต _
สดใส ขันติวรพงศ์
คณะกรรมการบริษัทสวนเงินมีมา ๑. นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ๒. นายประวิทย์ เยี่ยมแสนสุข ๓. นายสมเกียรติ์ อภิญญาชน ๔. นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ๕. นายสัจจา รัตนโฉมศรี ๖. นายอนันต์ วิริยะพินิจ ๗. นายฮันส์ แวนวิลเลียนส์วาร์ด ๘. นางวัลลภา แวนวิลเลียนส์วาร์ด
ประธานกิตติมศักดิ์ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการผู้จัดการ
รายนามผู้ถือหุ้น ๑. นายธีรพล นิยม ๒. นายวินัย ชาติอนันต์ ๓. นายวิศิษฐ์ วังวิญญู ๔. นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง ๕. นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ๖. นายสมบูรณ์ จึงเปรมปรีดิ์ ๗. นางอภิสิรี จรัลชวนะเพท ๘. นายมาซากิ ซาโต้ ๙. นายบารมี ชัยรัตน์ ๑๐. นายปรีดา เรืองวิชาธร
๑๑. นายศิโรช อังสุวัฒนะ ๑๒. นายเลิศ ตันติสุกฤต ๑๓. นางวรรณา ประยุกต์วงศ์ ๑๔. นางสาวปารีณา ประยุกต์วงศ์ ๑๕. บริษัทแพรนด้า โฮลดิ้ง จ�ำกัด ๑๖. นายกษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกิจ ๑๗. นายวัลลภ พิชญ์พงศ์ศา ๑๘. นางดารณี เรียนศรีวิไล ๑๙. นางสุวรรณา หลั่งน�้ำสังข์ ๒๐. นายวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ
ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมา เป็นส่วนหนึ่งของ บริษัทสวนเงินมีมา จ�ำกัด อันเป็น ธุรกิจอย่างใหม่ ประกอบด้วยองค์กรพัฒนาสังคมและนักธุรกิจที่ตระหนักถึง ปัญหาสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และศักยภาพด้านในของมนุษย์ ตั้งขึ้นเพื่อ ด�ำเนินงานทั้งด้านธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน ด้วยค่านิยมอย่างใหม่ที่มิได้ หวังก�ำไรเป็นที่ตั้ง และผลก�ำไรที่มีขึ้นจะน�ำกลับไปส่งเสริมสนับสนุนองค์กร พัฒนาสังคมและชุมชนเป็นหลัก
จากส�ำนักพิมพ์ ราวเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ฉันได้โทรศัพท์ไปหารือกับอาจารย์สดใส เรือ่ งงานแปลเล่มหนึง่ ทีอ่ าจารย์กำ� ลังช่วยตรวจทานให้ในฐานะบรรณาธิการ ต้นฉบับ ก่อนวางสาย อาจารย์ได้เกริ่นให้ฟังว่า ตอนนี้ก�ำลังรวบรวมบทกวี ที่เขียนสะสมมาระยะหนึ่งได้ราว ๑๐๐ บท เป็นบทกวีที่ร้อยเรียงให้เห็น ความเป็นไปในวิถีความเป็นอยู่ที่สัมพันธ์กับธรรมชาติรอบกาย “ไม่รู้จะมี ส�ำนักพิมพ์ไหนสนใจพิมพ์บ้าง” อาจารย์ทิ้งท้ายด้วยค�ำถามที่ฉันเองใน ตอนนั้นก็ยังไม่มีค�ำตอบ จากนั้นอาจารย์ก็เล่าที่มาที่ไปของงานเขียนชิ้นนี้ ให้ฉันฟังอย่างออกรส อาจารย์สดใสนับเป็น “ครู” ทีเ่ ต็มเปีย่ มไปด้วยพลังชีวติ และจิตวิญญาณ ของความเป็นครูโดยแท้ ไม่ว่าอาจารย์จะพูดคุยบอกเล่าอะไร เรื่องราวนั้น จะพลันสดใหม่มชี วี ติ ขึน้ มาทันที น�ำ้ เสียงทีก่ ระตือรือร้น อักขระชัดเจน ชีช้ วน ให้ผู้ฟังเกิดจินตนาการและคล้อยตามอย่างง่ายดาย ฉันเองก็ไม่อยู่ในข่าย ยกเว้น รูส้ กึ เพลิดเพลินตืน่ เต้นไปกับบทกวีตา่ งๆ ทีอ่ าจารย์หยิบยกขึน้ มาเล่า ในที่สุด ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมาก็เสนอตัวขอเป็นผู้จัดพิมพ์งานรวม บทกวี ฉันคือ…ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต ท่ามกลางหมอกควันแห่งความกังวลใน ศักยภาพของส�ำนักพิมพ์เล็กๆ เช่นเรา ที่จ�ำกัดทั้งทุนรอน ทั้งความอ่อน ประสบการณ์ในการผลิตงานแนวนี้ เกรงจะไม่สามารถประคับประคอง ความไว้วางใจของอาจารย์ไปได้จนตลอดรอดฝั่ง ร่วมสิบกว่าปีมาแล้ว ตั้งแต่ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมายังเป็นน้องใหม่ที่ ไม่มใี ครรูจ้ กั และยังไม่มที ที่ างในแวดวงหนังสือ แต่อาจารย์สดใส ขันติวรพงศ์ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการงานแปลวรรณกรรมระดับคุณภาพมา กว่า ๔๐ ปี ก็คอยให้ความช่วยเหลือ รับแปลงาน (ที่ไม่ใช่วรรณกรรม) หลาย ต่อเล่มให้พวกเราเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนของจอห์น เลน (ความ เรียบง่ายไร้กาลเวลา, ความเงียบ, สู่วัยชราอย่างมีศิลปะ) งานเขียนของ มาติเยอ ริการ์ (ความสุข: คู่มือพัฒนาทักษะชีวิตที่ส�ำคัญที่สุด, ศิลปะการ ปฏิบตั สิ มาธิ) หรืองานแปลเล่มอืน่ ๆ อาทิ อยูก่ บั มาร ของสตีเฟน แบท์ชเลอร์,
เรื่องราวในดินแดนแห่งความสุข ของคินเลย์ ดอร์จิ, ครูในฐานะผู้ท�ำงาน วัฒนธรรม ของเปาโล แฟรร์ เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ยังไม่อิดออดที่ จะรับงานประเภท “ยาขม” ส�ำหรับคนท�ำงานเขียนงานแปลทั่วไป นั่นคือ งานตรวจทานหรือบรรณาธิการต้นฉบับแปล ซึ่งโดยทั่วไป หากเลี่ยงได้หรือ ปฎิเสธแล้วไม่ผิดใจกัน ส่วนใหญ่ก็มักจะ “ขอตัว” อยู่เสมอ แต่ส�ำหรับ อาจารย์สดใสแล้ว ทุกครั้งที่ส�ำนักพิมพ์ออกปาก อาจารย์จะบอกแค่ว่า “เออ เออ ลองส่งมาก่อนละกัน” เพียงแค่นี้เราก็นอนตีพุงรอได้อย่างวางใจ เพราะอีกไม่กี่เดือนให้หลัง จะมีเอกสารประเภทด่วนพิเศษส่งจากสงขลามา ถึงเรา นับว่าอาจารย์เป็นผู้ที่มีคุณูปการอย่างส�ำคัญยิ่งต่อการเติบโตและ พัฒนาการของส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมา ครั้นเมื่ออาจารย์ด�ำริอยากเผยแพร่งานรวมบทกวีชิ้นแรกของตนให้ ผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นลูกหลานได้อ่านกัน พวกเราจึงไม่ลังเลและ ขันอาสา แม้ว่าจะยังมืดแปดด้านถึงรูปแบบการน�ำเสนอที่จะไม่ให้จืดชืด และแลดูล้าหลัง แต่ด้วยความช่วยเหลืออย่างดียิ่งจากกัลยาณมิตร ฉันคือ…ร้อยสิ่งดีดี ในชีวิตก็เสร็จสมบูรณ์ลงอย่างสวยงามเท่าที่เวลาและศักยภาพของพวกเรา จะเอื้ออ�ำนวย ส�ำนักพิมพ์ขอขอบคุณพี่พจนา จันทรสันติ ที่รับอาสาเขียน ค�ำน�ำอันงดงามให้โดยไม่ลังเล ขอบคุณอ้อย - อรทัย กุศลรุ่งรัตน์ ศิลปินไร้ สังกัดผูย้ งิ่ ใหญ่ในสายตาของพวกเรา ทีร่ งั สรรค์ภาพประกอบสีนำ�้ ออกมาได้ อย่างมีพลัง ขอบคุณจ๋า - จันทิมา แสงทองสุข ที่ไม่ว่างานจะล้นมือแค่ไหน เธอก็จะเจียดเวลามาช่วยจัดวางปกและรูปเล่มให้ทุกครั้งที่ถูกร้องขอ การได้มโี อกาสร่วมงานกับกัลยาณมิตรเหล่านี้ การได้มโี อกาสละเลียด ความงามของสิ่งเล็กๆ รายรอบตัว ผ่านท่วงท�ำนองแห่งบทกวีบทแล้วบท เล่า เป็นเสมือนหนึ่งได้มอบของขวัญให้กับชีวิต หลายบทหลายตอนช่วย ปลุกตะกอนให้ “หวนค�ำนึง” สะกิดวันวานให้ลุกขึ้นมาโลดแล่นในความ ทรงจ�ำอีกครั้ง…ท่ามกลางความเป็นไปของสรรพสิ่ง ภาพธรรมชาติ ภาพ ชีวิต ภาพสายสัมพันธ์ในเส้นทาง ยังคงงดงามตามวิถีอยู่นั่นเอง ๐๐๖
ร้อยสิ่งดีดีในหัวใจ
โดย พจนา จันทรสันติ
ความเบิกบานน้อยๆ ในหัวใจ ฝนปลายฤดูน�ำกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยแผ่วมากับความมืด โลกในขณะ นี้เป็นโลกแห่งกลิ่นหอม เป็นชั่วขณะแห่งความงามและนิรันดรภาพ ฤดูฝนใกล้จะสิ้นสุดลงและเหมันตฤดูก�ำลังเยื้องย่างมาดังอาการของ นางร�ำ คุณอาจก�ำลังวาดภาพฝันอยู่ในใจถึงวันหยุดยาวและการไปพักผ่อน ที่ไหนสักแห่ง นึกถึงขุนเขา เมฆหมอก และความหนาวเย็น นึกถึงธรรมชาติ อันสดฉ�่ำและความสุขความเบิกบานที่คุณจะได้รับ แต่สิ่งเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่เล่า ด้วยการเล่นซ�้ำแผ่นซีดีของ ประสบการณ์แห่งความสุข โบนัสที่คุณได้รับตอนสิ้นปีอาจไม่พอส�ำหรับ การเดินทางไกล รถของคุณอาจจะเสีย และช่างที่อู่ไม่ว่างจะซ่อมให้ได้ทัน การจราจรอาจจะติดยาวตั้งแต่กรุงเทพขึ้นไปถึงภาคเหนือ รถของคุณอาจ จะเสียกลางทางอีกครั้ง อาจเกิดอุบัติเหตุ และแทนที่จะได้ไปอยู่บนดอย กลับต้องไปนอนในโรงพยาบาลแทน ที่พักที่คุณจองไว้แล้วอาจจะโดนคน ตัดหน้า ต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน แม้เต็นท์ก็อาจจะเต็ม ฝนอาจจะตกจน หนาวสั่นเปียกปอน อากาศอาจไม่หนาวอย่างที่คิด ทะเลหมอกก็ไม่มี ผู้คน ก็คลาคล�่ำเกินไป เปิดเครื่องเสียงไม่เกรงใจผู้คน อาหารอาจหมดหรือขาย แพงเกินก�ำลัง อาจสะดุดก้อนหินจนเท้าแพลง หรือถูกแมงป่องต่อยตะขาบ ขบจนหมดสนุก ภูเขาขยะของนักท่องเที่ยวอาจเหม็นจนเสียบรรยากาศ ส้วมก็เต็มจนล้น ฯลฯ ทุกสิ่งอาจเป็นไปได้อย่างสวนทางกับความคาดหวัง ของคุณ และจากความฝันถึงการพักผ่อนและความสุข กลับจบลงที่ความ หงุดหงิดขุ่นเคืองและพลาดหวัง ซีดีแห่งความสุขของคุณไม่ยอมเล่นซ�้ำ อีกแล้ว ๐๐๗
มนุษย์คือผู้สร้างโลก ขณะเดียวกันมนุษย์ก็เป็นฉายาของสิ่งที่ตนสร้าง ขึ้น ต้องตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขและเหตุปัจจัยนานาของโลก เขาแสวงหา ความรู้จนลืมความรู้แท้ ฝึกฝนสติปัญญาจนลืมสัญชาตญาณ ให้ค่าแก่สมอง และความชาญฉลาดจนลืมหัวใจ ดูเหมือนการหวนกลับไปสู่สภาวะดั้งเดิม ของมนุษย์เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทว่าแท้ที่จริง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็อาจเป็น ไปได้ มีผู้คนที่แสดงให้เห็นและยืนยันถึงสิ่งนั้น ทั้งบรรดาพรต ฤษี และ ผู้แสวงธรรมแต่อดีตและปัจจุบัน ทั้งเหล่ากวีและศิลปิน (ในความหมาย ที่แท้จริง) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสัมผัสอันละเอียดอ่อนเหล่านั้นมีอยู่จริง ซึ่ง เป็นรากฐานทั้งหมดของการมีชีวิตอยู่ ความสุขและความเบิกบานเป็นเรื่องของจิต เป็นเรื่องของหัวใจ เช่น เดียวกับความงาม สิง่ เหล่านีเ้ ป็นเรือ่ งของการ “เห็น” และเป็นเพียง “ชัว่ ขณะ” เป็นชั่วขณะแห่งสัมผัสรับรู้อันประณีตที่สุด อาจเป็นไอกรุ่นหอมของกาแฟ หรือชา อาจเป็นควันไฟที่ลอยอ้อยอิ่งเหมือนสายหมอก อาจเป็นรสหวาน ของผลไม้ที่จุดความเบิกบานขึ้นในหัวใจ อาจเป็นเสียงฝนที่ตกกระทบ หลังคา หรือเงาเมฆบนบานกระจกของตึกระฟ้า อาจเป็นแดดยามเย็นหรือ ละอองจันทร์ยามค�่ำคืน อาจเป็นดวงดาว อาจเป็นความมืด อาจเป็นเปลว ประทีป อาจเป็นดอกไม้ของเพื่อนบ้านที่รุกล�้ำเข้ามาใต้ชายคา อาจเป็น รอยยิ้มของเด็กหน้ามอม อาจเป็นจานชามที่ยังไม่ได้ล้างและตะเกียบที่วาง ระเกะระกะ อาจเป็นตะไคร่เขียวบนก้อนหิน หรือเห็ดน้อยๆ ที่ปรากฏขึ้น ชั่วข้ามคืน อาจเป็นพื้นผิวปูดโปนของกระดานไม้ในบ้านหลังเก่า หรือเงา สลัวของใบไม้ในแสงจันทร์ อาจเป็นเถาพวงชมพูที่เบ่งบานอยู่บนเสาไฟ แรงสูง อาจเป็นผีเสื้อที่เกาะบนเตาถ่านเปื้อนคราบเขม่า อาจเป็นหนอน อ้วนคลานกระดืบ ไม่มีใครอาจบอกได้ว่าความงามคือสิ่งใด ด้วยความงาม หาได้ มี รู ป ลั ก ษณ์ ไ ม่ และไม่ ไ ด้ อ ยู ่ ใ นสิ่ ง ใด ทว่ า ด� ำ รงอยู ่ ใ นทุ ก สิ่ ง ใน “ชั่วขณะ” ที่ใจแลเห็น มันย่อมน�ำความสุขความเบิกบานมาสู่ใจของผู้เห็น ทุกครั้ง
๐๐๘
คุณอาจครอบครองวัตถุแห่งความงามได้ คุณอาจสะสมภาพเขียน หรือซื้อประติมากรรม แต่คุณไม่อาจครอบครองความงาม ด้วยเหตุที่ความ งามหาได้มีรูปลักษณ์ไม่ ความสุขและความเบิกบานก็เช่นกัน ไม่อาจจับ ต้องและไม่อาจครอบครอง มันเป็นเพียง “ชั่วขณะ” ที่ใจแลเห็น “เห็น” สัมผัสรับรู้ ดื่มด�่ำ และละวางไว้ เพื่อให้เป็นสมบัติสากล เราล้วนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ หนุ่มสาวหรือแก่เฒ่า ทว่าเราต่างซ่อน เด็กเล็กๆ คนหนึ่งไว้ในหัวใจ เด็กคนนี้อาจมีความสุขหรือเต็มไปด้วยทุกข์ ซึ่งอาจท�ำให้เราเป็นผู้ใหญ่ท่ีมีความรักและแบ่งปันความสุขแก่ผู้อื่น หรือ กลับกลายเป็นผู้ใหญ่ที่แรงร้ายเปี่ยมด้วยความเกลียดชัง เราต่างสร้างทุกข์ และสุขให้กับโลก เป็นไปได้ที่เราจะเปลี่ยนแปลง ด้วยการสดับฟังเสียงของหัวใจ ใน ศาสตร์แห่งโยคะกล่าวถึงจักระที่ ๔ หรืออนาหตะซึ่งอยู่ตรงหัวใจ ว่าเป็น ดอกบัวที่มีกลีบสิบห้ากลีบ ผ่านการฝึกฝนและปฏิบัติภาวนา ดอกบัวนั้น จะเบ่งบานขึ้น จะเปิดออกและเต็มไปด้วยสัมผัสรับรู้อันประณีต โลกนี้เต็ม ไปด้วยข่าวสาร และข่าวสารนั้นส่งถึงเรามาตลอดเวลา ทว่าเรามิได้รับรู้ จักรวาลเต็มไปด้วยข่าวสาร เต็มไปด้วยกระแสพลัง ซึ่งสื่อสารถึงเราและ รอให้เราเปิดใจออกเพื่อถอดรหัสและรับรู้ เมื่อนั้นโลกจะเต็มไปด้วยพลัง อันเจิดจ้า สรรพสิ่งจะเจิดจ้าขึ้นในความรู้สึกที่ใจแลเห็น ผ่านการแลเห็น สดับฟัง ดมกลิ่น สัมผัส ลิ้มรส และรู้สึก สัมผัส ทั้งหกเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการรับรู้ถึงความเบิกบานและความงามอย่างสามัญ เท่านั้น ทว่ายังเป็นฐานของการปฏิบัติภาวนาเพื่อบรรลุถึงความงามอัน เป็นโลกุตระอีกด้วย ผมกับเพื่อน (อ. วิทยา เศรษฐวงศ์ - ปัจจุบัน วีรวิทย์) ได้พบพี่สดใส ครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ตอนพี่ไปเสนองาน Narcissus and Goldmund ของ Hermann Hesse ที่ส�ำนักพิมพ์เคล็ดไทย พี่สดใสเป็น อาจารย์สาวจบจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ พวกเราแอบเรียกพี่สดใส ลับหลังว่า “พี่หน้าเด็กญี่ปุ่น” ๐๐๙
ไม่นึกเลยว่าอีก ๔๐ ปีต่อมา เรายังคงเป็นแรงงานขายอักษรอยู่บน ถนนสายหนังสือนี้ หล่อเลี้ยงหัวใจด้วยนามธรรมความงาม และกินจาก หยาดเหงื่อของตน มีบางสิ่งอาจซื้อหามาได้ด้วยเงิน แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินไม่ อาจซื้อหา มิตรภาพ ความรัก ความจริงใจ ความงาม ความปีติจากการ งานและปัญญาที่การงานเหล่านี้ได้มอบให้ ทุกข์แม้จะมีอยู่มาก แต่ความเบิกบานใจก็มีอยู่มากมาย เหมือนแต่ ละวัน แต่ละฤดูกาล แต่ละหน้าในหนังสือบทกวี ไม่นึกเลยว่าอีก ๔๐ ปีต่อมา พี่หน้าเด็กญี่ปุ่นคนนั้น จะยังคงมีเด็ก เล็ ก ๆ อยู ่ ใ นหั ว ใจ เด็ ก คนนั้ น ยั ง คงออกมาวิ่ ง เล่ น ไปตามถนนหนทาง กระโดดโลดเต้นบนสะพาน วิ่งไล่ริ้วคลื่น ตามเก็บกลีบดอกไม้ที่ปลิวมากับ สายลม แปลงกายเป็นผีเสื้อ แมลงปอ เป็นนก เป็นปลา เป็นหมาแมว เป็น น�้ำข้าว เป็นหมูค้อง และอาหารการกิน บิดผันแปรเปลี่ยนไปสารพันสุดแต่ จินตนาการ กลับกลายเป็นแสงสีกุหลาบยามเย็น เป็นฟากฟ้า เป็นดวงดาว เป็นจันทร์เสี้ยว เป็นห้วงจักรวาล เป็นสายสัมพันธ์ที่โยงใยร้อยรัดอยู่กับ สรรพสิ่ง เด็กคนนั้นยังคงจ้องมองดูและเรียนรู้โลกด้วยดวงตาอันไร้เดียงสา ทว่าความไร้เดียงสานั้น บัดนี้หน่วงหนักด้วยปรีชาญาณแห่งหลัก ธรรม ดุจดังคนโง่ผู้เป็นพรตเต๋าและพระเซนในพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยเฉพาะนิกายเซน เรียกบุคคลเยี่ยงนี้ว่า “คนโง่ผู้ยิ่งใหญ่” หรือ “คนโง่ ผู้ไร้เดียงสา” เพราะท่านเหล่านั้นได้ครอบครองปรีชาญาณอันไร้เดียงสา ของเด็กทารก มีอริยบุคคลเยี่ยงนั้นอยู่มากมายในวัฒนธรรมจีนและญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นพระเรียวกันหรือพระบ้าจี้กง ที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมม เที่ยว ไปนอนกลางตลาดหรือบนต้นไม้ วิ่งเล่นกับเด็กๆ เที่ยวขีดเขียนบทกวีตาม ก�ำแพงหรือบนก้อนหิน กวัดแกว่งกิ่งดอกท้อ ไล่จับแมลงปอและผีเสื้อ นอน ลงกลางทุ่งหญ้าจ้องมองเมฆขาว ร้องเพลงกับสายฝน เป็นผู้คนเฉื่อยชา เกียจคร้านของโลก
๐๑๐
ผู้คนในโลกบ�ำเพ็ญปาก ไม่บ�ำเพ็ญใจ ตัวข้าบ�ำเพ็ญใจ ไม่บ�ำเพ็ญปาก –พระอรหันต์จี้กง จิตใจของท่านเบิกบานผ่องแผ้ว เป็นอิสระจากสมมุติและกฎเกณฑ์ทางโลก สิ่งใดคือความจริง และสิ่งใดคือความฝัน ฉันคือ...ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต เป็นงานรวมบทกวีชิ้นแรกของพี่สดใส ที่อยากแบ่งปันสิ่งดีดีและความเบิกบานในหัวใจกับผู้คน เมื่อส�ำนักพิมพ์ สวนเงินมีมาปรารภว่าอยากจะพิมพ์งานชิ้นนี้เพื่อเป็นบรรณาการในวัน ปีใหม่ นับว่าน่ายินดีที่พวกเราจะได้มีส่วนร่วมแบ่งปันความเบิกบานสดใส ของผู้เขียน ซึ่งเต็มไปด้วยกระแสแห่งกุศลจิต เมื่อย่างเข้าสู่ปีใหม่ พวกเรามักจะไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร มีธรรมาจารย์ทิเบตท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า พรมิใช่สิ่งที่ผู้อื่นหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มอบให้ ทว่าพรคือสิ่งที่เรามอบให้แก่ตนเอง คือกระแสแห่งความเป็นกุศล ในจิตใจของเราเอง เมื่อดวงจิตของเราเป็นกุศล พรนั้นจะแผ่ออกไปถึง ทุกสิ่งที่อยู่รายรอบ โลกจะน่าอยู่ขึ้น น�้ำจะใสขึ้น ใบไม้ยิ่งเขียวขจี และ ฟากฟ้าจะแจ่มกระจ่าง สงครามและสันติภาพล้วนอยู่ในหัวใจของเราเอง หวังใจว่า ฉันคือ...ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต จะน้อมน�ำให้เกิดกระแสแห่งกุศล ขึ้นในจิตใจของผู้อ่าน และหากยิ่งได้คิดดี พูดดี ท�ำดี ด้วยแล้ว นั่นคือพร ที่ เ รามอบให้ แ ก่ ต นเองและผู ้ ค นรอบข้ า ง และความสดชื่ น เบิ ก บานจะ บังเกิดขึ้นโดยไม่ต้องร�่ำร้องหา จากดวงใจที่เป็นกุศลเยี่ยงนี้ คือจุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง โลกเปลี่ยนได้จากภายใน พจนา ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ๐๑๑
สารบัญ ๐๐๕ จากส�ำนักพิมพ์ ๐๐๗ ร้อยสิ่งดีดีในหัวใจ โดยพจนา จันทรสันติ ๐๑๖ จากใจ ภาคต้น ชีวิต ๐๒๓ ฉันคือชีวิต ๐๒๔ ฉันคือลมหายใจ ๐๒๖ ฉันคือร่างกาย ๐๒๘ ฉันคือจิต ๐๒๙ ฉันคือจิตวิญญาณ ๐๓๑ ฉันคือเด็กน้อย ๐๓๓ ฉันคือชีวิตเมื่อห้านาฬิกา ๐๓๔ ฉันคือวันแห่งความรัก ๐๓๕ ฉันคือกุหลาบ ๐๓๖ ฉันคือรอยยิ้ม ๐๓๗ ฉันคือเสียงหัวเราะ ๐๓๙ ฉันคือแม่ ๐๔๐ ฉันคือคนแก่ ๐๔๒ ฉันคือการเดินทาง ๐๔๓ ฉันคือนิทรา ๐๔๔ ฉันคือความตาย
๐๑๒
ภาคกลาง ธรรมชาติ ๐๔๗ ฉันคือท้องฟ้า ๐๔๘ ฉันคือดวงตะวัน ๐๔๙ ฉันคือรุ่งอรุณ ๐๕๐ ฉันคือสายหมอก ๐๕๑ ฉันคือพายุ ๐๕๒ ฉันคือสายลม ๐๕๓ ฉันคือแสงแดด ๐๕๔ ฉันคือหมู่ดาว ๐๕๖ ฉันคือเมฆ ๐๕๗ ฉันคือฝน ๐๕๘ ฉันคือรุ้งกินน�้ำ ๐๕๙ ฉันคือน�้ำค้าง ๐๖๐ ฉันคือน�้ำ ๐๖๑ ฉันคือน�้ำตก ๐๖๓ ฉันคือทะเล ๐๖๔ ฉันคือเม็ดทราย ๐๖๕ ฉันคือเปลือกหอย ๐๖๖ ฉันคือต้นสน ๐๖๗ ฉันคือคลื่น ๐๖๘ ฉันคือเกาะ ๐๖๙ ฉันคือภูเขา ๐๗๑ ฉันคือป่า ๐๑๓
ฉันคือต้นไม้ ๐๗๒ ฉันคือมะขาม ๐๗๓ ฉันคือต้นตาล ๐๗๔ ฉันคือต้นไผ่ ๐๗๕ ฉันคือต้นมะม่วงหิมพานต์ ๐๗๘ ฉันคือมะพร้าว ๐๘๐ ฉันคือดอกไม้ ๐๘๒ ฉันคือผีเสื้อ ๐๘๓ ฉันคือแมลงปอ ๐๘๔ ฉันคือจิงโจ้น�้ำ ๐๘๕ ฉันคือนกป่า ๐๘๖ ฉันคือกาเหว่า ๐๘๗ ฉันคือเต่าทะเล ๐๘๙ ฉันคือปูเสฉวน ๐๙๐ ฉันคือสุนัข ๐๙๑ ฉันคือแมวเหมียว ๐๙๒
ภาคปลาย รากฐานและเพื่อนชีวิต ฉันคือเครื่องบิน ๑๒๓ ฉันคือโทรศัพท์ ๑๒๔ ฉันคือเทศกาลตรุษจีน ๑๒๕ ฉันคือมาฆะบูชา ๑๒๖ ฉันคือเทศกาลเช็งเม้ง ๑๒๘ ฉันคือรังนก ๑๓๐ ฉันคือขยะ ๑๓๒ ฉันคืออันดามัน ๑๓๔ ฉันคือปารานากัน ๑๓๖ ฉันคือน�้ำชุบหย�ำ ๑๓๘ ฉันคือหมูห้อง ๑๔๐ ฉันคือหมูค้อง ๑๔๑ ฉันคือแกงพุงปลา ๑๔๒ ฉันคือลูกชิ้น ๑๔๔ ฉันคือแกงตูมี๊ ๑๔๖ ฉันคือขนมจีน ๑๔๗ ฉันคือข้าวย�ำ ๑๔๘ ฉันคือคนกินข้าวย�ำ ๑๔๙ ฉันคือข้าวมันสงขลา ๑๕๐ ฉันคือเต้าคั่ว ๑๕๑ ฉันคือผ้าปาเต๊ะ ๑๕๒ ฉันคือโรงสีแดง ๑๕๓ ฉันคือสงขลา ๑๕๔
๐๙๔ ฉันคือแม่ ๐๙๕ ฉันคือครู ๐๙๖ ฉันคือเพื่อน ๐๙๗ ฉันคือข้าว ๐๙๘ ฉันคือน�้ำข้าว ๑๐๐ ฉันคืออาหารเช้า ๑๐๑ ฉันคือบ้าน ๑๐๓ ฉันคือขน�ำ ๑๐๔ ฉันคือแพเพลงน�้ำ ๑๐๕ ฉันคือลูกปัด ๑๐๖ ฉันคือผ้าขาวม้า ๑๐๗ ฉันคือผ้าซิ่น ๑๐๘ ฉันคือหนังสือ ๑๑๐ ฉันคือโรงเรียน ๑๑๑ ฉันคือวัด ๑๑๒ ฉันคือโรงพยาบาล ๑๑๔ ฉันคือนวดไทย ๑๑๖ ฉันคือตลาดนัด ๑๑๘ ฉันคือวิถี ๑๑๙ ฉันคือสะพาน ๑๒๐ ฉันคือเรือ ๑๒๑ ฉันคือรถ ๑๒๒ ฉันคือจักรยาน ๐๑๔
ของฝากจากการเดินทาง ๑๕๖ ฉันคืออาเซียน ๑๕๙ ฉันคือมะละกา ๑๖๐ From the Silver Waves of Blue Seas to the Silver Peaks of Snow Lands ๑๖๑ A Holy Trekking ๑๖๒ Punakha ๑๖๓ Bumthang ๑๖๔ From Paro to Ura Village ๑๖๕ Entering into the Heaven Gate ๑๖๗ บนเส้นทางศักดิ์สิทธิ์
๐๑๕
จากใจ แด่ พระสมุทรเทวา และ เมืองสงขลา ข้าขอวันทา พระสมุทรเทวา ผู้ปกปักษ์รักษา ทะเลธารา กุ้งหอยปูปลา นานาพืชพันธุ์ เกาะแก่งแสนสวย มากด้วยสีสัน เป็นที่ให้ฉัน ได้เห็นตะวันยามเช้า ขอบคุณแหลมสมิหลา ให้ผู้คนได้มา พักผ่อนกายา ออกก�ำลังกาย กิจกรรมมากหลาย ได้มาสังสรรค์ คนสัตว์มาพบกัน ด้วยความยินดี ขอบคุณสงขลา เมืองที่น่าอยู่ เมืองแห่งความรู้ อู่ความเปรมปรีดิ์ สองฝั่งนที ให้ความชุ่มเย็น เขียนด้วยความรัก เมืองที่พ�ำนัก ด้วยความสุขใจ ได้ทุกสิ่งอย่าง ได้วางฤทัย ว่าฉันอยู่ใน แผ่นดินดีเอย
๐๑๖
เมื่อสิบห้าปีก่อน ขณะฉันนั่งกินข้าวย�ำอยู่ในร้านอาหารเช้าแห่งหนึ่งในตัว เมืองสงขลา เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านกับเพื่อนอีกคน เธอ ทักทายสวัสดีและแนะน�ำเพื่อนว่า “นี่พี่สดใส เธอเป็นกวี” ฉันสะดุ้งรีบปฏิเสธพัลวัน “เฮ้ย ฉันไม่ได้เป็นกวี ท�ำงานแปลบ้างเล็กๆ น้อยๆ” แต่พอนึกได้ เกรงว่าน้องจะอึดอัด ฉันจึงพูดต่อไปว่า “เออ เป็น กวีก็ได้ กวีที่ไม่เคยเขียนกลอน ฮ่ะ ฮ่ะ” ค� ำ ทั ก ของน้ อ งคนนี้ เป็ น อาหารใจให้ ก ลั บ มาคิ ด ว่ า ท� ำ ไมฉั น จึ ง ตกอกตกใจไปกับค�ำใหญ่โตค�ำนั้น ความเคยชินท�ำให้คิดว่า คนที่ได้ชื่อว่า “กวี” ต้องมีผลงานกวีเป็นที่ยอมรับและรู้จักอย่างแพร่หลาย แล้วก็ปลอบ ใจตัวเองว่า ที่ตอบน้องไปนั้นถูกต้องแล้ว ถึงฉันไม่เคยเขียนกาพย์กลอน แต่ฉันก็มีวิญญาณกวีอยู่ในตัว ฉันเห็นความสวยงามของธรรมชาติ เห็น ความงดงามของชีวิตเสมอมา แต่ฉันก็ไม่เขียนกลอนอยู่ดี เมื่อสองปีก่อน เพื่อนรุ่นพี่ที่จากกันนานเกือบยี่สิบปี กลับมาพร้อมกับ บทเพลง บทกวี ความฝัน และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ปลุกวิญญาณกวีที่นอน นิ่งเงียบในตัวฉัน ให้ขยับแขนขา อยากวาดฝันของตัวเองบ้าง แต่ยังไม่ถนัด ที่จะเขียนกลอนภาษาไทย เพราะเกร็งกับฉันทลักษณ์ เกรงจะท�ำอะไร เปิ่นๆ ไม่เข้าท่า ฉันจึงเขียนกลอนภาษาอังกฤษ เพื่อหนีฉันทลักษณ์ที่คิด ว่าเป็นเรื่องยากส�ำหรับนักกลอนมือใหม่ บทกวีที่เขียนในยามนั้นเขียนได้ ประมาณนี้
๐๑๗
The Loving Tie of Eternity Softly, the waves kiss the tender shore I want nothing more Than your eternal kisses They bring me infinite blisses Oh! How I love to go to the sea Watching the loving tie of eternity Waves pleading the shore With tender kisses or terrific roars They however faithfully be there In time of foul or fair Waves and sand do share Their lives till the end of time หลังจากนั้นฉันจึงถอดความเป็นภาษาไทย ไม่ใช่แปล แต่ถอดความภาษา ไทยได้ดังนี้
๐๑๘
คลื่นกับฝั่ง เมื่อยังมีคลื่นและมีฝั่ง รักของฉันยังคงอยู่เสมอ คลื่นกับฝั่งคือฉันกับเธอ ร่วมเสนอรักรอบตอบรับกัน คลื่นจุมพิตผืนทรายไม่หน่ายหนี ทุกทิวาราตรีเป็นเช่นนี้มิใช่ฝัน ต่างถนอมไมตรีจิตมิตรสัมพันธ์ หนักเบานั้นมิได้คิดเป็นอื่นไกล อันเบาหนักรักเราเป็นเช่นนี้ แต่งแต้มสีเข้มอ่อนทึบหรือใส เพิ่มสีสันเติมชีวิตและจิตใจ ถนอมรักเราไว้ให้ยืนยง ฉันมองคลื่นมองฝั่งอย่างหลงใหล ทุกวันไซร้เปลี่ยนแปรแต่มั่นคง แผ่วเบาหรือแน่นหนักรักด�ำรง โอบอุ้มธงชัยรักประจักษ์จินต์ เดือนเมษายน ๒๕๕๗ ฉันกับคณะจิตวิญญาณใหม่ (The New Spirit) ไป ศึกษาดูงานที่ประเทศภูฐาน บรรยากาศที่นั่นดลดาลใจอย่างยิ่ง บทกวีผุด ขึ้นในใจแทบทุกวัน ฉันจึงได้บันทึกไว้ และน�ำมาเป็น “ของฝาก” ในท้าย หนังสือเล่มนี้ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เมื่อมหาวิทยาลัยในประเทศไทยใกล้จะเปิดภาคเรียน แรก ตามภาคการศึกษาของอาเซียน หลาน (ลูกของเพื่อนบ้าน) อยากให้ ๐๑๙
ป้าทันเทคโนโลยีกับเขาบ้าง เธอบอกว่า “ป้าสดใส นุ่มจะไปเรียนหนังสือ ที่กรุงเทพแล้ว ป้าเล่นไลน์หน่อยสิคะ หนูจะท�ำให้” (ถ้าหลานไม่อยู่กห็ มด ปัญญาจะท�ำเอง) ฉันจึงเริม่ รูจ้ กั ไลน์กบั เขาตอนนัน้ เอง พอนุม่ จัดการเสร็จ เสียง ตุง๊ ตัง๊ ดังเข้ามามากมาย หลานๆ ตืน่ เต้น ส่งข้อความท�ำนอง “ฮ่ะ ฮ่ะ ย่าเล่นไลน์ แล้วเหรอ” “Welcome Madam! Ha Ha Ha” อะไรประมาณนี้ การได้กลับ ไปติดต่อกับเด็กๆ รุน่ ลูกๆ หลานๆ น�ำความสุขใจใหม่ๆ เข้ามาในชีวติ หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็ได้เชื่อมโยงกับกลุ่มเพื่อนเก่า ที่ไม่เห็นหน้า กันเลยตั้งแต่เรียนจบชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัย ถ้านับเวลาก็ประมาณห้า สิบปี การสื่อสารกันทุกวันท�ำให้เกิดความคิดที่จะน�ำเสนอสิ่งที่คิดว่าดีและ สวยงามแก่ ญ าติ แ ละมิ ต ร ทุ ก เช้ า (ถ้ า ฝนไม่ ต กหรื อ ติ ด ธุ ร ะ) ฉั น จึ ง ไป ชายทะเลสงขลา ถ่ายภาพทิวทัศน์หาดสมิหลา ภาพดอกไม้ ส่งทักทาย เพื่อนเป็นประจ�ำ การอยู่กับแสง สี เสียง ของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สะอาด สงบ น�ำความ อิ่มใจใหม่ๆ มาให้อย่างคาดไม่ถึง ความเอิบอิ่มที่ถั่งท้นในใจ ได้ไหลล้นออก มาเป็นตัวอักษร มอบให้เพื่อนๆ นานกว่าสามเดือน จากมกราคม - เมษายน ๒๕๕๘ ฉันคือ...ร้อยสิ่งดีดีในชีวิต จึงเป็นหนังสือที่เกิดจากมิตรภาพ จากความ รัก และจากใจ ที่ต้องการร้อยเรียงสิ่งที่ฉันคิดว่า เป็นสิ่งจริง สิ่งดี และสิ่ง งามในชีวิตของฉัน ให้เพื่อนๆ และลูกหลานได้ร่วมชื่นชม ในฐานะที่เรา ล้วนมีสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน มากบ้างน้อยบ้าง ตามภูมิหลังของแต่ละคน ด้วยรักและหวังดีจากใจ สดใส ขันติวรพงศ์ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๐๒๐
ภาคต้น ชีวิต
ฉันคือชีวิต ฉันคือชีวิต ฉันมิอาจสถิตอยู่กับที่ เคลื่อนไปพร้อมรับทั้งร้ายดี เพราะชีวีนี้ต้องเรียนรู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยใจสะอาด แม้พลั้งพลาดก็ยืนได้ด้วยใจสู้ เห็นโลกเป็นมิตรมิใช่ศัตรู ฉันจึงอยู่สบายไร้โศกตรม
๐๒๓
ฉันคือลมหายใจ ฉันคือลมหายใจ เป็นสิ่งที่ใครใครควรรู้จัก หายใจเข้า-ออกกันมานานนัก แต่ไม่รู้จักฉันอย่างแท้จริง คิดว่าฉันเป็นเช่นนั้นอัตโนมัติ คนสัตว์หายใจไปไม่สุงสิง ไม่รู้ว่าตัวฉันนั้นมีจริง ไม่เห็นว่าเป็นสิ่งควรค�ำนึง ถ้าจัดการฉันดีดีชีวีสงบ จะสยบโรคภัยได้ที่พึ่ง หายใจเข้าลึกยาวไม่ปังปึง จนลมถึงหน้าท้องค่อยค่อยคลาย
๐๒๔
ผ่อนลมหายใจออกช้าช้า สุขกายาจริงจริงนะสหาย ต่อเมื่อเหนื่อยค่อยสูดลมให้สมใจ ชาวบ้านเรียกถอนใจนั่นแหละเธอ ร่างกายต้องการสารอาหาร วิทยาการเรียกอ๊อกซิเจนไว้เสมอ จริงจริงแล้วอากาศมีพลังบ�ำเรอ ปรนเปรอปราณชีวิตนิจนิรันดร์ ปราณคือพลังชีวิต บ�ำรุงจิตกายใจมิใช่ฝัน ฝึกหายใจให้ผ่อนคลายทุกทุกวัน ปราณชีวันจะสนองคุ้มครองชนม์
๐๒๕
ฉันคือร่างกาย ฉันคือร่างกาย หลายศาสนาอธิบายแตกต่าง แต่สารตรงกันเรื่องแนวทาง ดูแลกายนี้ให้ว่างสะอาดงาม ฮินดูคริสต์อิสลามว่าเป็นวิหารแห่งพระเจ้า พึงดูแลให้อะคร้าวไม่หยาบหยาม
รักษากายให้พ้นอบายทุกยาม ละสิ่งทรามท�ำดีมีโชคชัย เมื่อนั้นพระเจ้าจะอยู่กับท่าน กายนี้คือสวรรค์อันผ่องใส เป็นที่อยู่ของจิตอ�ำไพ ฉะนี้ไซร้ย่อมอยู่เย็นเป็นสุขดี ศาสนาพุทธกล่าวถึงกายไว้ว่า กายาคือวัดน�ำสุขศรี ทุกทุกเช้าเข้าวัดในกายนี้ ดูจิตว่าสะอาดดีแล้วหรือยัง ทุกวันปัดกวาดวัดในกาย คิดท�ำสิ่งใดได้ดังใจหวัง กายจึงเป็นวิหารเวียงวัง พราวสะพรั่งอริยทรัพย์เนืองนอง ร่างกายมิใช่หลุมโรค อย่าสับโขกร่างกายให้หม่นหมอง ละสิ่งเลวสิ่งร้ายขัดท�ำนอง แล้วเดินตามครรลองสวัสดี เมื่อนั้นกายรับใช้จิตได้อย่างเลิศ กายใจประเสริฐจิตผ่องศรี อยู่ในโลกอย่างเบิกบานยินดี ชีพชีวีสงบเย็นเป็นสุขเอย
๐๒๗
ฉันคือจิตวิญญาณ
ฉันคือจิต ฉันคือจิต คือการคิดนึกหาเหตุผล ผู้รู้บางท่านเรียกปัญญาพล ท�ำให้คนต่างจากสัตว์ทั่วไป ปัญญานี้เป็นสิ่งประเสริฐล�้ำ เกิดพุทธิปัญญาธรรมสว่างไสว แยกแยะดีชั่วได้กระจ่างใจ เมื่อได้รับการฝึกแล้วอย่างดี เมื่อควบคุมจิตให้สงบได้ หายใจเข้า-ออกแสนสุขี เกิดความเบิกบานยินดี สติชี้น�ำทางที่ถูกควร กายกับจิตท�ำงานประสานสิ้น โยคะศิลปศาสตร์ตามกระสวน นี่คือโยคะเลิศล�้ำน�ำขบวน เข้าสู่สวนสวรรค์อันส�ำราญ ชาวพุทธเรียกภาวะความเกษม สติเต็มเอิบอิ่มทุกสถาน สว่างสะอาดสงบเย็นเป็นนิพพาน ช่วยให้โลกเกษมศานติ์ได้แท้จริง ๐๒๘
ฉันคือจิตวิญญาณ ปัญญาญาณลึกซึ้งถึงที่สุด น�ำกายจิตตรงสู่แดนวิมุติ ถึงที่สุดทุกข์ได้ด้วยศรัทธา ศรัทธาความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง เห็นสัจจะจริงนี้ในทั่วหล้า เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา หรือธรรมชาติจัดหาก็ตามใจ แต่ทุกสิ่งเหล่านี้มีที่มา เช่นเดียวกับมนุษย์แหละหนาอย่าสงสัย มาจากพระวจนะอันเกรียงไกร หรือดินน�้ำลมไฟประกอบกัน เมื่อเห็นพระเจ้าในทุกสิ่ง หรือเห็นจริงถึงการพึ่งพามหาศาล จิตถอนคลายความยึดมั่นอันธพาล ว่าฉันคือคนใหญ่ในแผ่นดิน จิตอ่อนโยนเห็นเธอในฉัน เห็นเดือนตะวันในอาสิน ทุกสิ่งในธรรมชาติเชื่อมโยงเป็นอาจินต์ โลกพังภินท์เมื่อสิ้นการพึ่งพา เห็นเธอในฉันฉันในเธอ ต่างเกื้อกูลกันเสมอไม่เลือกหน้า มองทุกสิ่งด้วยจิตคิดเมตตา ทั่วโลกาย่อมอยู่เย็นเป็นสุขสวัสดี ๐๒๙
ฉันคือเด็กน้อย ฉันคือเด็กน้อย บ่อยบ่อยฉันอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากไปไหนมาไหนได้ตามใจ อยากท�ำอะไรอะไรตามใจตน ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจหาว่าฉันดื้อ ที่แท้คืออยากแสดงตัวสักหน ให้ใครใครเห็นว่าฉันก็เป็นคน มีตัวตนจิตใจของฉันเอง ถ้าพ่อแม่เข้าใจค่อยค่อยปล่อย เพียงแต่คอยแนะน�ำไม่ข่มเหง ใช่เอาแต่ดุด่าให้กลัวเกรง ตัวฉันเองคงเข้าใจได้สักวัน ฉันยังเป็นเด็กเล็กนัก ยังต้องการความรักกล่อมความฝัน ที่อยากเล่นซนเรียนรู้ทุกวัน ความพลาดพลั้งเกิดได้ทุกเวลา ขอเพียงพ่อแม่ให้โอกาส
๐๓๐
๐๓๑
ฉันคงฉลาดได้หรอกหนา อย่าด่าตีรุนแรงทุกเวลา มันจะฆ่าชีวิตที่เติบโต โปรดใจเย็นเมตตาบอกกล่าว เรื่องราวควรรู้อย่าโมโห ฉันมิได้ตั้งใจพาลพาโล ฮอร์โมนการเติบโตมันท�ำงาน กระตุ้นฉันให้เป็นอิสระ อยากผละบินสูงถึงสวรรค์ แต่ประสบการณ์ของฉันยังน้อยครัน อาจพบอันตรายได้จริงจริง ฉันจึงหวังให้พ่อแม่ดูแลด้วย ความรักเข้าใจช่วยได้ทุกสิ่ง ช่วยให้ฉันเติบโตเป็นคนจริง ที่ไม่วิ่งหนีตัวตนของตนเอง
ฉันคือชีวิตเมื่อห้านาฬิกา ฉันคือชีวิตเมื่อห้านาฬิกา นกกากังวานประสานเสียง ไก่ขันเจื้อยแจ้วอย่างพร้อมเพรียง ผสานเสียงไพเราะเสนาะครัน ดอกไม้กระจายกลิ่นหอมหวาน จิตชื่นบานเหมือนอยู่วิมานแดนสวรรค์ ดาวตกวูบจากฟ้าน่าอัศจรรย์ เสียงอาซาลเรียกชาวบ้านไปภาวนา ฉันอยู่แดนใต้เมืองหลายวัฒนธรรม ทุกเช้าค�่ำดื่มด�่ำเสียงเรียกหา พี่น้องมุสลิมไปเฝ้าพระบิดา ณสุเหร่ารอบภาราสงขลาเรา เสียงกังวานลึกล�้ำน�ำจิตสงบ ฉันได้พบสิ่งดีดีไม่มีเหงา ดาวรุ่งเปล่งประกายวับวาว เสียงคลื่นแว่วไกลไกลจากทะเล โอ้ชีวิตเมื่อห้านาฬิกา คือเวลาเหนือเวลาล�้ำเสน่ห์ เมื่อโลกตื่นลุกขึ้นจากเปล ยิ้มสรวลเสรับวันใหม่ไม่รั้งรอ
๐๓๒
๐๓๓
ฉันคือกุหลาบ
ฉันคือวันแห่งความรัก ฉันคือวันแห่งความรัก โลกรู้จักวาเลนไทน์กันถ้วนทั่ว เป็นชื่อของนักบุญไม่หมองมัว ถวายตัวรักพระเจ้าสุดหัวใจ รักของฉันนั้นเป็นอมตะ ยอมสละชีวิตเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เชิดชูความจริงไว้เหนือสิ่งใด ยืนยันให้โลกรู้ซึ้งถึงรักจริง แต่วันนี้วาเลนไทน์กลายเป็นรักหวานแหวว พราวแพรวด้วยกุหลาบแดงขนมขิง ช้อกโกแล้ทของนอกซิงๆ วาเลนไทน์ยุคซิ่งหัวใจวิ่งไปทั่วเมือง จากจิตวิญญาณฉันแปรเป็นสิ่งของ ให้ชาวโลกมองเห็นรักไว้สักเรื่อง ในรอบปีมีวาเลนไทน์ไว้ประเทือง เชิดชูรักให้มลังเมลืองด้วยกุหลาบแดง ๐๓๔
ฉันคือกุหลาบ ใครๆ ทราบว่ามีนัยถึงความรัก ต�ำนานดอกกุหลาบมากมายนัก สื่อว่ารักมีหวานขมกลมกล่อมดี สีแดงเข้มเต็มด้วยเลือดเนื้อ ชมพูเจือความหวานส�ำราญศรี สีขาวบริสุทธิ์ด้วยไมตรี สีม่วงมีความโศกวิโยคตรม ต�ำนานท้าวสุเทษณ์นางมัทนา ในมัทนะพาธาน่าขื่นขม มัทนางามนักหนาน่าชื่นชม สุเทษณ์ตรมเพราะหลงรักนางอย่างลืมตัว เมื่อมัทนาไม่รักตอบ สุเทษณ์จึงลอบคิดการชั่ว สาปนางเป็นกุหลาบงามหนามรอบตัว มัทนาไม่กลัวทุกข์นี้เลย นางเชิดหน้ายืนยันมั่นใจตน ศักดิ์ศรีคนลึกล�้ำเกินเฉลย กุหลาบงามปนเศร้าเป็นพังเพย ว่ารักเอยรักหวานซ่านขมบ่มฤดี กุหลาบงามมีที่มาน่าเศร้า แต่เพริศพราวล�้ำค่าด้วยศักดิ์ศรี กุหลาบเป็นตัวแทนของรตี ที่มีขมมีหวานประสานกัน ๐๓๕
ฉันคือเสียงหัวเราะ
ฉันคือรอยยิ้ม ฉันคือรอยยิ้ม ฉันเอิบอิ่มเป็นสุขทุกทุกเมื่อ ยิ้มแจ่มใสจากจิตที่จานเจือ เอื้อเฟื้อมิตรภาพแด่ผู้คน ยิ้มปลื้มใจเมื่อได้ความส�ำเร็จ สว่างใสราวเพชรแจ้งทุกหน ยิ้มอิ่มเอิบสงบงามราวอุบล ใครได้ยลพลอยเบิกบานสราญใจ ยิ้มเศร้าเมื่อเข้าใจชีวิต ว่ามีถูกมีผิดขาดพร่องเห็นใสใส เมื่อเห็นความจริงทุกสิ่งอย่างเข้าใจ ย่อมยิ้มได้ด้วยเห็นเช่นนั้นเอง ฉันจึงเป็นแสงสว่างของชีวิต สะท้อนจิตพิสุทธิ์ดุจเดือนเพ็ง ยิ้มจากใจไม่มีสิ่งใดให้กลัวเกรง ยิ้มคือเพลงกล่อมชีวิตนิจนิรันดร์ ๐๓๖
ฉันคือเสียงหัวเราะ ฟังเสนาะกว่าเสียงใดในแหล่งหล้า เสียงหัวเราะจากใจไร้มารยา ล้นคุณค่าพาสบายไร้โศกตรม ฉันเป็นกลไกธรรมชาติ ช่วยปลดปล่อยความอึดอัดที่สะสม กล้ามเนื้อหย่อนคลายสบายอารมณ์ คนนิยมเสียงหัวเราะเพราะปลอดภัย เสียงเด็กหัวเราะเสนาะล�้ำ เสียงใสเย็นฉ�่ำสุขไฉน กังวานหวานระรื่นชื่นฤทัย เพราะจิตใจเธอสะอาดพิลาสจริง เมื่อหัวเราะเสียงใสด้วยใจรื่น เห็นความแช่มชื่นในทุกสิ่ง เสียงหัวเราะเช่นนี้สุขจริงจริง เพราะเป็นสิ่งเลิศล�้ำท�ำได้เอง
๐๓๗
ฉันคือแม่ ฉันคือแม่ เมื่อถึงวัยแก่เฒ่าเข้าเช่นนี้ มีหลายอย่างอยากบอกลูกคนดี ให้ขวัญชีวีได้รู้ความในใจ แม่ดีใจได้มีอายุเกินแปดสิบ แม่ไม่อยากรีบจากลูกไปไหนไหน อยู่กับลูกแม่สุขสบายใจ เพราะลูกได้ดูแลแม่อย่างดี เสื้อผ้าอาหารลูกจัดให้ เจ็บป่วยเอาใจใส่อย่างถ้วนถี่ แม่ภูมิใจได้เห็นลูกเป็นคนดี อยู่มาถึงวันนี้ดีใจจริง ได้เห็นลูกเลี้ยงดูบุพการี เสริมสง่าราศีเป็นที่ยิ่ง
๐๓๘
๐๓๙
ทุกอย่างลูกท�ำด้วยใจจริง ทั้งลูกหญิงลูกชายไม่เกี่ยงเลย นี่คือความสุขของพ่อแม่ เมื่อได้แลเห็นลูกไม่เพิกเฉย การงานของตนไม่ละเลย ได้เสวยสร้างงานกันอย่างดี ลูกมีครอบครัวที่อบอุ่น ละไมละมุนอุ่นรักศักดิ์ศรี แม่แสนปลื้มใจสุดยินดี ขอบคุณชีวิตนี้มีลูกผูกใจ มีใจเก้าแห่งในบทนี้ เพราะใจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ใจแม่ใจลูกผ่องอ�ำไพ จะมีรักใดยิ่งใหญ่กว่านี้เอย
ฉันคือคนแก่ ฉันคือคนแก่ ชีวิตไม่ได้แย่อย่างบางคนคิด ฉันผ่านประสบการณ์ชีวิต เรียนรู้ถูกผิดมานานครัน ฉันรู้ชีวิตมีพลั้งพลาด มีโอกาสส�ำเร็จการสร้างสรรค์ ชีวิตมีขึ้นลงไม่คงกระพัน สิ่งนี้ฉันตระหนักแน่แก่ใจ อันสังขารนั้นเปลี่ยนไปทุกวัน เนื้อที่เคยหนั่นแน่นเหลวลงได้ ประสบการณ์ฝากริ้วรอยไว้มากมาย ให้ฉันได้เรียนรู้ตลอดมา ว่าชีวิตนั้นงดงาม ทุกทุกยามพึงเห็นซึ้งถึงคุณค่า เด็กเล็กหนุ่มสาวเฒ่าชรา มีเวลาแสดงความงามและความดี ชีวิตงามคือรู้หน้าที่ตน ช่วยตัวเองและผู้คนถ้วนทุกที่ ฉันท�ำสิ่งนี้มานานปี ในวัยนี้ถึงเวลาต้องปล่อยวาง ละจากภาระครอบครัว มีเวลายิ้มหัวกับเพื่อนบ้าง ๐๔๐
ส่งไลน์เล่นกับมิตรสหายที่รู้ทาง ใช่ว่าฉันนั้นว่างอ้างว้างใจ ในวัยนี้ฉันมีสุขอย่างเต็มเปี่ยม ส่งไลน์เยี่ยมลูกหลานวันใสใส ขอให้หนูทั้งหลายจงเข้าใจ ว่าพ่อแม่ย่ายายเชื่อมสายสัมพันธ์ ส่งดอกไม้ค�ำคมมาฝาก ไม่อยากเซลฟีตัวเองให้หนูขัน อันถ่ายรูปอาหารก่อนรับประทาน นั้นมิใช่วิสัยของปู่ตา เราคุยกันที่โต๊ะอาหาร ไม่ก้มหน้าหาจานนะหลานจ๋า เราสื่อสารกันด้วยการพูดจา ด้วยภาษาดอกไม้ค�ำคมตามสมควร นี่คือความงามของคนแก่ ที่ไม่เอาแต่บ่นใบ้ไห้หวน ทันโลกทันเทคโนโลยีพอสมควร ก่อนเข้าขบวนเดินไปสู่ปลายทาง
๐๔๑
ฉันคือการเดินทาง ฉันคือการเดินทาง ฉันปล่อยวางของหนักไว้ที่บ้าน เอาไปแต่สิ่งจ�ำเป็นกับหัวใจที่เบิกบาน เปิดรับทุกสถานการณ์ที่พบเจอ ถึงแดดออกฝนตกทางรกเรื้อ ลมใต้เหนือกระหน�่ำน�ำเสนอ ใจสู้ฝ่าข้ามไปไม่ละเมอ ไม่พร�่ำเพ้อคร�่ำครวญให้ป่วนฤดี การเดินทางคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ฉันไม่ติดความเคยชินที่สุขี โลกให้สิ่งใหม่ใหม่แก่ฉันท่วมทวี เพราะฉันนี้เดินทางอย่างเบาสบาย
ฉันคือนิทรา ฉันคือนิทรา ฉันมากับเสียงราตรียามค�่ำ หริ่งเรไรนกไพรขับล�ำน�ำ น�้ำค้างพร�ำพรมพร่างอย่างเยือกเย็น หลับตาเถิดสหายทอดกายพัก เธอเหนื่อยนักพักความคิดและความเห็น ฟังเสียงราตรีอย่างที่เป็น ฉันอวยเอนให้เธอหลับอย่างฉับพลัน
๐๔๒
๐๔๓
ฉันคือความตาย ฉันคือความตาย ฉันมิได้ใจร้ายพรากชีพผู้ใด ทุกชีวิตเมื่อผ่านกาลสมัย สุดท้ายมาพบฉันที่ปลายทาง ฉันมิใช่สิ่งร้ายที่น่ากลัว จงยิ้มหัวมาพบฉันอย่าอางขนาง ฉันคือมิตรมารับท่านสู่คัคนางค์ ทิพย์สวรรค์สรรค์สร้างสุขนิรันดร์
๐๔๔