Ionic

Page 1

Miss CHADAMAS SRICHANAWAT


พันธะไอออนิก (Ionic bond)

นิยาม พันธะไอออนิก หมายถึง แรงยึดเหนี่ยวระหว่ างไอออนบวกและไอออนลบทีเ่ กิด จากอะตอมให้ และรับอิเล็กตรอนกันเพือ่ ให้ มเี วเลนต์ อเิ ล็กตรอนเท่ากับ 8


พันธะไอออนิก (Ionic bond) เป็ นพันธะทีเ่ กิดจากแรงกระทาระหว่ างอะตอม 2 อะตอมทีม่ ปี ระจุ ต่ างกัน โดยจะเกิดการแลกเปลีย่ นอิเล็กตรอนเกิดขึน้ ทาให้ เกิดแรงดึงดูด ทางไฟฟ้ าสถิตระหว่ างประจุทตี่ ่ างกัน โดย atom ทีส่ ู ญเสี ย e- จะกลายเป็ น ไอออนบวก (Cation) atom ทีร่ ับ e- จะกลายเป็ น ไอออนลบ (Anion)


เช่ น NaCl Na11

Cl9

1s 2s

2p

3s

3p

3d

1s 2s

2p

3s

3p

3d

อาจกล่าวได้ ว่ากลไกการเกิดพันธะไอออนิกเกิดผ่ านปฏิกริ ิยา 2 ขั้นตอนดังนี้ 1. ขั้นการแตกไอออนของ Na และการรับอิเล็กตรอนของ Cl Na.

..Cl. . . .. + e-

Na+ + e-

..Cl.. ....


2. ไอออนทีเ่ กิดขึน้ มารวมกัน . . + . Na + .Cl.. ..-

Na+

..Cl.. ....

กรณีอนื่ ทีส่ ามารถเกิดพันธะไอออนิกได้ เช่ น การเผาแคลเซียมในบรรยากาศออกซิเจน 2Ca(s)

+

O2(g)

การเผาลิเทียมในอากาศ 4Li(s) + O2(g)

2CaO 2Li2O


โลหะ (IE ตา่ กว่ า)

อโลหะ (IE สู งกว่ า)




การเขียนสู ตรของสารประกอบไอออนิก 1. เขี ยนไอออนบวกของโลหะหรื อกลุ่มไอออนบวกไว้ขา้ งหน้า ตามด้วย ไอออนลบของอโลหะ หรื อกลุ่ ม ไอออนลบ ยกเว้น สารประกอบ ไอออนิกที่เป็ นเกลือ แอซิ เตต (CH3COO-) จะเขียนกลุ่มไอออนลบไว้ ก่ อ น แ ล้ ว ต า ม ด้ ว ย ไ อ อ อ น บ ว ก ข อ ง โ ล ห ะ เ ช่ น CH3COONa, (CH3COO)2Ca 2. ไอออนบวกและไอออนลบ จะรวมกันในอัตราส่ วนที่ทาให้ผลรวมของ ประจุเป็ นศูนย์ ดังนั้นจึงต้องหาตัวเลขมาคูณกับจานวนประจุบนไอออน บวก และไอออนลบให้มีจานวนประจุเท่ากัน แล้วใส่ ตวั เลขเหล่านั้นไว้ที่ มุมขวาล่างของแต่ละไอออน ซึ่ งทาได้โดยใช้จานวนประจุ บนไอออน บวกและไอออนลบคูณไขว้กนั 3. ถ้ากลุ่มไอออนบวกหรื อกลุ่มไอออนลบมีมากกว่า 1 กลุ่มให้ใส่ วงเล็บ ( ) แล้วใส่ จานวนกลุ่มไว้ที่มุมขวาล่าง


จงเขียนสู ตรอย่ างง่ ายของสารประกอบไอออนิกต่ อไปนี้ 1. Na กับ Cl NaCl 2. Mg กับ P Mg3P2 3. Mg กับ O MgO 4. Mg กับ N Mg3N2 5. Na+ กับ CO32- Na2CO3 6. Ca2+ กับ PO43- Ca3(PO4)2 7. Na กับ S Na2S 8. Mg กับ Cl MgCl2 9. Al กับ O Al2O3 10. PO43- กับ Na+ Na PO 3

4


การอ่านชื่อสารประกอบไอออนิ ก -อ่านชื่อ ion + ก่อน หรื ออ่านพวกโลหะ -อ่านชื่อ ion ‟ ตามหลัง -ไม่ตอ้ งอ่านเลขแสดงจานวนอะตอม โดยชื่ออโลหะให้ลงท้ายด้วย ‟ide เช่น oxide, chloride, sulphide ส่ วนอนุมูลกรด ให้อ่านตามชื่อ เช่น ซัลเฟต, ฟอสเฟต, คาร์บอเนต - เมื่อ ion + เป็ นโลหะทรานซิชนั ให้บอกเลขโรมัน แล้วมี ( )


การเรียกชื่อทางเคมี BaCl2

barium chloride

K2O

potassium oxide

Mg(OH)2

magnesium hydroxide

KNO3

potassium nitrate

FeCl2 Cr2S3

iron(II) chloride chromium(III) sulfide copper(II) nitrate potassium dihydrogen phosphate ammonium chlorate

Cu(NO3)2 KH2PO4 NH4ClO3


สมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก 1. สารประกอบไอออนิกทุกชนิดมีสถานะเป็ นของแข็ง ที่อณ ุ หภูมิห้อง และเปราะ โครงสร้ างของสารประกอบไอออนิกมีลกั ษณะเป็ นผลึก ผลึกสารประกอบไอออนิกมีรูปทรง เป็ นรู ปลูกบาศก์ ประกอบ ด้ วยไอออนบวก และไอออนลบเรียงสลับกันเป็ นสามมิติ แบบต่ างๆ ไม่ สามารถแยกเป็ น โมเลกุล เดี่ยวๆ ได้


สมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก 2. สารประกอบไอออนิกในภาวะปกติเป็ นของแข็ง ประกอบด้ วย ไอออนบวกและไอออนลบ ไอออนเหล่านีไ้ ม่ เคลือ่ นที่ จึงไม่ นาไฟฟ้ า แต่ เมื่อหลอมเหลวหรือละลายน้า จะแตกตัวเป็ นไอออนและเคลือ่ นทีไ่ ด้ จึงนาไฟฟ้ าได้


สมบัติบางประการของสารประกอบไอออนิก 3. สารประกอบไอออนิกมีจุดดือดและจุดหลอมเหลวสู งมาก

4. สารประกอบไอออนิกบางชนิดละลายนา้ ได้ ดีและบางชนิด ไม่ ละลายนา้ การทีส่ ารประกอบไอออนิกละลายนา้ ได้ เนื่องจากแรงดึงดูด ระหว่ างโมเลกุลของนา้ กับไอออนมีค่ามากกว่ าแรงยึดเหนี่ยว ระหว่ างไอออนบวกกับไอออนลบ


สารประกอบไอออนิก แบ่ งตามการละลายได้ ดงั นี้ 1. สารประกอบไอออนิกที่ละลายนา้ 2. สารประกอบไอออนิกทีไ่ ม่ ละลายนา้


การละลายของสาร จะกาหนดด้วยค่าสภาพละลายได้ (Solubility)

ตัวละลาย < 0.1 g / H2O 100 g ที่ 25๐ C แสดงว่ าไม่ ละลาย ตัวละลาย > 1 g / H2O 100 g ที่ 25๐C แสดงว่ าละลายได้ ดี ตัวละลาย 0.1 g - 1 g / H2O 100 g ที่ 25๐C แสดงว่ าละลายได้ บางส่ วน


เกลือชนิดที่ไม่ละลายน้ าและละลายน้ าได้มีดงั นี้ „ เกลือของโลหะไอออนหมู่ 1A และ NH4+ ละลายน้ าได้หมด „ เกลือของไอออนลบของไนเตรด (NO3- ) อะซีเตต (CH3COO- ) คลอเรต (ClO3- ) และเปอร์ คลอเรต(ClO4- ) ละลายได้หมด „ เกลือคลอไรด์ โบรไมด์ และไอโอไดด์ ละลายน้ าได้ ยกเว้นเกลือคลอไรด์ โบรไมด์ และไอโอไดด์ของ Ag+, Pb2+ , Hg2+ , Hg22+ ไม่ละลายน้ า „ เกลือซัลเฟต(SO42- ) คาร์บอเนต(CO32- ) ซัลไฟด์(S2- ) ฟอสเฟต(PO43- ) และอาร์เซเนต(AsO43- ) ของโลหะไอออนหมู่ 2A และ Ag+, Pb2+ , Hg2+ ไม่ละลายน้ า ยกเว้นเกลือดังกล่าวของหมู่ 1A , NH4+ และMgSO4 ละลายน้ า „ เกลือไฮดรอกไซด์ (OH- ) ไม่ละลายน้ า ยกเว้น OH- ของโลหะไอออนหมู่ 1A , NH4+ ละลายน้ าได้


ธาตุหมู่ 1A ซึ่งมีเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนเท่ ากับ 1 จึงเกิดเป็ นไอออนทีม่ ี ประจุ +1 ธาตุหมู่ 2 ซึ่งมีเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนเท่ ากับ 2 เมือ่ เกิดเป็ นไอออน จะมีประจุ +2 เป็ นต้ น ส่ วนอโลหะจะรับอิเล็กตรอนมาให้ ครบแปด เช่ น ธาตุหมู่ 7A จะรับ อิเล็กตรอน 1 ตัว เมือ่ กลายเป็ นไอออนจะมีประจุ -1 สาหรับธาตุหมู่ 5 เมือ่ เกิดเป็ นไอออนจะมีประจุ -3 เนื่องจากสามารถรับอิเล็กตรอนได้ 3 อิเล็กตรอน แล้วมีการจัดเรียงอิเล็กตรอนตามกฎออกเตต ธาตุหมู่ ประจุบน ไอออน

I

II

III

IV

V

VI

VII

+1

+2

+3

-4

-3

-2

-1


กฎออกเตต (Octet Rule) „ กฎออกเตต อะตอมที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอนครบแปด* (มีการจัดเรี ยง อิเล็กตรอนเหมือนแก๊สเฉื่ อยในหมู่ 8A)จะมีความเสถียรมาก โดยไม่ สาคัญ ว่ าอิเล็กตรอนดังกล่ าวจะเป็ นของอะตอมเองหรื อได้ มาจากการใช้ อิเล็กตรอน ร่ วมกับอะตอมอื่น(พันธะโควาเลนต์ ) „ตามกฎออกเตต H และ He ‟ ใช้ได้ดีกบั ธาตุใน s และ p block จะมีวาเลนซ์ อเิ ล็กตรอนครบสอง ‟ ใช้ได้ดีกบั สารประกอบอินทรี ย ์ ‟ มีขอ้ ยกเว้นมาก โดยเฉพาะกับอะตอม Be B และ Al

Noble Gas (8A)

valence e  8

valence e = 8


พลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก การศึกษาการเปลี่ยนแปลงพลังงานในการเกิดสารประกอบไอออนิก วิธีการที่พิจารณาการเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่เกิดขึ้น พิจารณาจาก วัฏจักรบอร์น-ฮาร์เบอร์


วัฏจักรบอร์ น – ฮาเบอร์

Max Born

Fritz Haber


พลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก 1

2 3 4

Na(s)

E การระเหิด

Na(g)

∆H1 = +107 kJ/mol

Cl2(g)

E การสลายพันธะ

Cl(g)

∆H2 = +122 kJ/mol

IE

Na (g) Cl (g)

+ e-

EA

Na+ (g) + e- ∆H3 = +496 kJ/mol Cl- (g)

E แลตทิซ + 5 Na (g) + Cl (g)

∆H4 = - 349 kJ/mol NaCl(s) ∆H5 = - 787 kJ/mol


Na+ (g) + e - + Cl(g) ∆H3 = +496 kJ

4

3

∆H4 = -349 kJ

Na+(g) + Cl-(g)

Na(g) + Cl(g)

∆H2 = +122 kJ ∆H2f = (+107)+(+122)+(+496)+(-349)+(-787) = - 411 kJ/mol

Na(g) + 1/2Cl2(g) ∆H1 = +107 kJ เริ่มต้ น สุ ดท้ าย

วัฏจักรบอร์ น –∆Hฮาเบอร์ = -787 kJ 5

5

1

Na(s) + 1/2Cl2(g) ∆Hf = -411 kJ/mol

NaCl (s)


พลังงานแลตทิซของสารประกอบไอออนิก (Lattice Energy of Ionic Compound) ปกติค่าพลังงาน IE, EA จะแสดงถึงความเป็ นไปได้ ทจี่ ะเกิดสารประกอบ ไอออนิก โดยความเสถียรของสารประกอบไอออนิกวัดได้ จาก พลังงานแลตทิซ (Lattice Energy) นิยาม “ พลังงานทีใ่ ช้ ทาให้ สารประกอบไอออนิกที่เป็ นของแข็ง 1 mole กลายเป็ นไอออนของก๊าซ ” LiF LiCl LiBr LiI

Lattice energy (kJ/mol) 1,017 828 787 732

m.p. (oC) 845 610 550 450


การคานวณค่ าพลังงานแลตทิซโดยใช้ Born – Habor Cycle พลังงานแลตทิซวัดโดยตรงไม่ ได้ ต้ องคานวณทางอ้อมโดยใช้ Born–Habor cycle ซึ่งแบ่ งออกเป็ นขั้นตอนย่อย ๆ แสดงความสั มพันธ์ ระหว่าง Lattice energy กับ IE, EA และ คุณสมบัติของไอออนหรือโมเลกุลนั้นๆ

ตัวอย่าง จงคานวณค่าพลังงานแลตทิซของสมการ LiF (s)  Li + (g) + F ‟ (g) , H = ?


?

จะเขียนได้ ว่า Hooverall = Ho1 + Ho2 + Ho3 + Ho4 + Ho5 -594.1 kJ = 155.2 kJ + 75.3 kJ + 520 kJ - 328 kJ + Ho5 ดังนัน้ H05 = - 1,017 kJ พลังงานแลตทิซของ LiF เท่ากับ -1,017 kJ


เราสามารถอธิบายการเกิด LiF (s) ออกเป็ นขั้นตอนย่อย 5 ขั้นตอนคือ 1. Li (s)  Li (g) Ho1 = 155.2 kJ (Sublimation) 2. ½ F2 (g)  F (g) Ho2 = 75.3 kJ (Atomization) 3. Li (g)  Li+ (g) + e- Ho3 = 520 kJ (IE1) 4. F (g) + e-  F – (g) Ho4 = - 328 kJ (EA) 5. Li+ (g) + F – (g)  LiF (s) Ho5 = ? Li (s) + ½ F2 (g)  LiF (s)

Hooverall = - 594.1 kJ

จะเขียนได้วา่ Hooverall = Ho1 + Ho2 + Ho3 + Ho4 + Ho5 -594.1 kJ = 155.2 kJ + 75.3 kJ + 520 kJ - 328 kJ + Ho5 ดังนั้น H05 = - 1,017 kJ พลังงานแลตทิซของ LiF เท่ากับ -1,017 kJ


การละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก O H

H

O H

H

Cl- ไอออน Na+ ไอออน

NaCl H

H H H

o

H H

o

o

o

o

H H

o

H

H

H

H

โมเลกุลนา้


พลังงานไฮเดรชัน (hydration energy) เป็ นพลังงานที่ปล่อย (คาย) ออกมา เมื่อ ไอออนบวกและไอออนลบในสถานะก๊าซที่หลุดออกมาจากโครงผลึก ของสารประกอบไอออนิกถูกโมเลกุลน้ าล้อมรอบ เกิดเป็ นแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง โมเลกุลของน้ ากับไอออนบวกและลบ ดังสมการ Na+(g) + Cl-(g)

Na+ (aq) + Cl-(aq) + 764 kJ/mol

## สารใดมีพลังงานไฮเดรชันมากจะยิง่ ละลายน้ าได้ดี

พลังงานแลตทิช (Lattice energy) เป็ นพลังงานที่ใช้ในการสลายโครงผลึกของ สารประกอบไอออนิกเป็ นไอออนบวกและไอออนลบในสถานะก๊าซ(หรื อ เป็ น พลังงานที่คายออกมาเมื่อไอออนบวกและไอออนลบในสถานะก๊าซรวมตัวกันเกิด เป็ นโครงผลึกของสารประกอบไอออนิก Na+(g) + Cl-(g) คายพลังงาน NaCl(s) + 768.3 kJ/mol NaCl(s) ดูดพลังงาน Na+(g) + Cl-(g) ; = +768.3 kJ/mol


พลังงานกับการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก

Na+(g) + Cl-(g) 2

∆Hhyd = -771 kJ

1

∆Hlatt = +776 kJ

Na+(aq) + Cl-(aq)

NaCl(s)

∆Hsoln = +5 kJ (พลังงานของการละลาย)


สรุปการละลายนา้ ของสารประกอบไอออนิก

∆Hlattice > ∆Hhydration แสดงว่ามีการดูดพลังงาน ∆Hhydration

∆Hlattice

แสดงว่ ามีการคายพลังงาน ∆Hlattice >>> ∆Hhydration แสดงว่าสารไอออนิกนั้นไม่ค่อยละลาย >

สารที่ละลายน้ าได้ < 0.1 g/H2O 100 cm3 ที่ 25 0C แสดงว่าไม่ละลาย สารที่ละลายน้ าได้ 0.1-1.0 g/H2O 100 cm3 ที่ 25 0C แสดงว่าละลายได้บางส่ วน สารที่ละลายน้ าได้ > 1.0 g/H2O 100 cm3 ที่ 25 0C แสดงว่าละลายได้ดี


พลังงานของการละลายนั้นนิยมวัดในรู ปของความร้อน Q = mc t

เมื่อ Q = ปริ มาณความร้อน หน่วยเป็ น (J) m = มวลของน้ า หน่วยเป็ น กรัม (g) c = ความจุความร้อนของน้ า มีค่าเป็ น 4.2 J/goC t = อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป หน่วยเป็ น oC


ตัวอย่าง นาคอปเปอร์(II)โบรไมด์ จานวน 0.860 กรัม มาละลายในน้ า 100 g พบว่าอุณหภูมิของน้ าเปลี่ยนจาก 23.10 oC เป็ น 23.41 oC จงคานวณหาปริ มาณ ความร้อนที่เกิดขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างค่าพลังงานแลตทิช และพลังงาน ไฮเดรชันเป็ นอย่างไร

จากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 23.10 oC เป็ น 23.41 oC แสดงว่าการละลายของ CuBr2 เป็ นการคายความร้อน ดังนั้น พลังงานแลตทิชน้อยกว่าพลังงานไฮเดรชัน Q = mc t

= (100)(4.2)(23.41-23.10) = 130.2 J

ข้ อสังเกต - ถ้ าเกลือที่ละลายน้าเป็ นกระบวนการดูดความร้ อน เมื่อเพิม่ อุณหภูมิให้ กบั สารละลายการละลายจะเพิม่ ขึน้ - ถ้ าเกลือที่ละลายนา้ เป็ นกระบวนการคายความร้ อน เมื่อเพิม่ อุณหภูมิให้ กบั สารละลายการละลายจะลดลง


ปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก

Cl-

Ag+

Na+

NO3-

NaCl

สารละลาย NaCl

สารละลาย AgNO3

Na+(aq) + Cl-(aq)

AgNO3 Ag+(aq) + NO3-(aq)

AgCl (s) Na+(aq) + Cl-(aq) + Ag+(aq) + NO3-(aq) Na+(aq) + Cl-(aq) + AgCl(s) สมการไอออนิก


สมการไอออนิก เมื่อสารประกอบไอออนิกในสถานะของแข็งมาละลายน้ าก็จะแตกตัว เป็ นไอออน NaCl (s)

Na+(aq) + Cl- (aq)

AgNO3(s)

Ag+(aq) + NO3-(aq)

K2SO4(s)

2K+(aq) + SO42-(aq)


การเขียนสมการไอออนิก เมื่อสารไอออนิกละลายน้ าแล้ว ไอออนบวกและไอออนลบจะเกิดการแยกออก จากกัน แล้วถูกล้อมรอบด้วยโมเลกุลของน้ าหลายโมเลกุล เช่น เมื่อผสมCa(OH)2 กับสารละลาย Na2CO3 แลวพบว ามี ้ ้ ่ ตะกอนสี ขาวเกิดขึน สามารถเขียนสมการไดดั ้ งนี้ Ca2+(aq) + 2OH- (aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq) ---------> CaCO3(s) + 2OH-(aq) + 2Na+(aq)

สมการที่แสดงไอออนอิสระของสารประกอบไอออนิกในสารละลายครบทุกชนิด เช่นนี้ เรี ยกว่า “สมการไอออนิก”


Ca2+(aq) + 2OH-(aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq)---------> CaCO3(s) + 2OH - (aq) + 2Na+(aq)

Ca2+ + CO32-(aq) ---------> CaCO3(s) สมการขางต นเรี ้ ้ ยกวา่ “สมการไอออนิกสุทธิ”


หลักการเขียนสมการไอออนิก 1. เขียนเฉพาะไอออนหรือโมเลกุลทีท่ าปฏิกริ ิยากัน 2. ถ้ าสารทีเ่ กีย่ วข้ องในปฏิกริ ิยาเป็ นสารทีไ่ ม่ ละลายนา้ หรือไม่ แตกตัว

เป็ นไอออน ให้ เขียนสู ตรโมเลกุลของสารนั้นในสมการได้ เช่ น H2 NH3 CO2 3. ดุลสมการไอออนิก โดยทาให้ จานวนอะตอม และจานวนไอออน ของทุก ธาตุเท่ ากัน รวมทั้งประจุรวมทั้งซ้ ายและขวาต้ องเท่ ากันด้ วย


การเขียนสมการไอออนิกสุ ทธิ 1. สมการเชิงโมเลกุล เขียนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งระบุสถานะ( s =ของแข็ง, l=ของเหลว , aq=สารละลาย) และควรดุลสมการที่ได้ 2. สมการไอออนิกรวม เขียนการแตกตัวของเกลือที่ละลายน้ า ส่ วนเกลือที่ไม่ ละลายจะไม่ถูกแตกตัวออกมา 3. สมการไอออนิกสุ ทธิ จะเขียนเฉพาะไอออนบวก/ไอออนลบที่ทาให้เกิดเกลือที่ ไม่ละลายน้ า โดยหักล้าง ไอออนบวก/ ไอออนลบ ที่เหมือนกันจากสมการ ไอออนิกรวม


Na+ (aq) + Cl- (aq) Ag+ (aq) + NO3- (aq)

NaCl (s) AgNO3 (s)

Na+(aq) + Cl-(aq) + Ag+(aq) + NO3-(aq)

Na+(aq) + Cl-(aq) + AgCl(s)

สมการไอออนิก Cl-(aq) + Ag+(aq)

AgCl(s)

สมการไอออนิกสุ ทธิ


แบบฝึ กหัด จงเขียนสมการไอออนิกทีเ่ กิดจากการผสมสารคู่ต่อไปนี้

1. AgNO3 (aq) กับ CaBr2(aq) 2. CuSO4 (aq) กับ K2S (aq) 3. NaOH (s) กับ HCl (l)


โครงสร้ างของสารประกอบไอออนิก โครงสร้างแบบโซเดียมคลอไรด์

1) โครงสร้ างผลึกของ NaCl Na+ จะมี Cl- ห้ อมล้อมและ สั มผัสโดยรอบ 6 ไอออน Cl- จะมี Na+ ห้ อมล้อมและสั มผัส โดยรอบ 6 ไอออน


Cl-

Cs+

2) โครงสร้ างผลึกของ CsCl Cs+ มี Cl- ห้อมล้อมและสัมผัส 8 ไอออน Clมี Cs+ ห้อมล้อมและสัมผัส 8 ไอออน F-

Ca 2+

3) โครงสร้ างผลึกของ CaF2 Ca2+ มี F- ห้อมล้อมและสัมผัส 8 ไอออน แต่ F- มี Ca2+ ห้อมล้อมและสัมผัสเพียง 4 ไอออนเท่านั้น การเขียนสู ตรสารประกอบไอออนิกจะแสดง อัตราส่ วนอย่างต่าของไอออนที่มารวมตัวกัน เท่านั้น Ca 2+ : F- = 4:8 = 1:2 สู ตรจึงเป็ น CaF2


แบบจาลองโครงสร้ างของโลหะ


พันธะโลหะ (Metallic bond) พันธะโลหะ คือ แรงดึงดูดระหว่ างไอออนบวกทีเ่ รียงชิดกัน กับอิเล็กตรอนทีอ่ ยู่โดยรอบ

แบบจาลองทะเลอิเล็กตรอน (electron sea model)


พันธะโลหะ (Metallic bond) ทาไมอิเล็กตรอนของโลหะถึงเคลือ่ นที่ได้ ตลอดเวลา?

แบบจาลองทะเลอิเล็กตรอน (electron sea model)


โลหะมีค่าพลังงานไอออไนเซซันทีต่ ่า ดังนั้นจึงยึดอิเล็กตรอน วงนอกสุ ดไว้ อย่ างหลวมๆ ทาให้ อเิ ล็กตรอนเหล่านีเ้ คลือ่ นทีไ่ ปมา รอบๆโลหะตลอดเวลา อิเล็กตรอนเหล่ านีท้ นาหน้ าทีค่ ล้าน้ยกาวที ยยึดไอออนบวกให้ ความแข็ งแรงของพั ธะโลหะขึ อยู่กบั ช่ จ่ วานวนอิ เล็กตรอน อยู นตาแหน่ งทีค่ งที่ ไว้ ด้วยกันอย่ างแข็งแรง อิส่ ใระและขนาดของไอออนบวก


พันธะโลหะกับสมบัติบางประการของโลหะ 1. นาไฟฟ้าและความร้ อนได้ ดี การที่อเิ ล็กตรอนสามารถเคลือ่ นทีไ่ ปมาในโลหะได้ ทาให้ โลหะมีคุณสมบัตเิ ป็ นตัวนาความร้ อนและไฟฟ้ าทีด่ ี


พันธะโลหะกับสมบัติบางประการของโลหะ (ต่ อ) 2. สามารถตีเป็ นแผ่นหรือดึงเป็ นเส้ นได้


พันธะโลหะกับสมบัติบางประการของโลหะ (ต่ อ) 3. มีผวิ เป็ นมันวาว ผิวหน้ าของโลหะเป็ นมันวาว เนื่องจากอิเล็กตรอนอยู่ ไม่ ประจาทีแ่ ละเคลือ่ นทีไ่ ด้ อย่ างอิสระจะสามารถดูดกลืน และกระจายแสงได้ จึงทาให้ โลหะสามารถสะท้ อนแสงได้


พันธะโลหะกับสมบัติบางประการของโลหะ (ต่ อ) 4. มีจุดหลอมเหลวสู ง เนื่องจากพันธะโลหะเป็ นพันธะทีแ่ ข็งแรง เกิดจากแรง ยึดเหนี่ยวระหว่ างเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนอิสระทั้งหมดกับ ไอออนบวก


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.