เศรษฐกิจที่ไมใชเงิน (Non-monetary economy) บนฐานของทุนทางสังคม
ถากําหนดใหทุนคือปจจัยตั้งตนในการเกิดผลิตภัณฑแลว การกระทําและการใชแรงงานใดๆที่ทํา แลวเกิดผลหรือประโยชนก็ควรจะจัดเปน ทุนอยางหนึ่งเชนกัน ในสังคมของเราประกอบดวยหนวยของ คนสวนหนึ่งทีท่ ํางานแตไมไดรับผลตอบแทน เปนตัวเงิน เราขอเรียกเศรษฐกิจที่มาจากการทํางาน เหลานี้วา เศรษฐกิจที่ไมใชเงิน (Non-monetary economy) เศรษฐกิจที่ไมใชเงินนั้นเปนสิ่งทีม่ ีมานานแลว แตพอสังคมโลกเขาสูยคุ แหงการแขงขันทาง การคาซึ่งทําใหเกิดการเรงรัดการ เพิ่มผลผลิตและมีความกาวหนาทางเทคโนโลยีเพิ่มเขามา นับแตนั้น คุณคาของแรงงานก็เปลี่ยนไป การใชแรงงานโดยมีสิ่งตอบแทนเปนตัวเงินจึงเพิ่มขึน้ ตามไปดวย แมกระทั่งการใชแรงงานในครอบครัว จะเห็นไดชัดในชุมชนเมืองหรือชุมชนที่อยูในยานธุรกิจซึ่งมีวิถีชีวติ ที่ เรงรีบ ผูทมี่ ีกําลังทรัพยเหลานี้มักจะยอมจายเงินเพื่อซื้อเวลาและความสะดวกสบาย ใหแกแรงงานใน รูปแบบตางๆที่เขามาทํางานนรับภาระแทนที่ความรับผิดชอบเดิมที ที่ตนเองตองทําอีกทอดหนึ่ง พอ เวลาผานไปนานๆเขาสิ่งเหลานี้ก็กลายเปนสวนหนึ่งของวิถีชวี ิตจนทําใหสัดสวนของเศรษฐกิจจากการ ทํางานที่ไมใชเงินลดลงเรื่อยๆ เพราะพวกเขาลืมวิถีชวี ติ ที่อยูบนการพึ่งพาอาศัยกันและกัน ลืมการ ทํางานโดยไมหวังผลตอบแทน และลืมการใชแรงงานใหแกครอบครัวซึ่งไมตองจายเงินไปโดยปริยาย แมคนในชุมชนในชนบทจะมีรายไดต่ํากวาคนในชุมชนยานธุรกิจ แตชุมชนชนบทก็มสี ัดสวนของ เศรษฐกิจที่ไมใชเงินสูงกวาชุมชนในยานธุรกิจ เชนกัน สาเหตุจากความไมรีบเรงของสังคมชนบททําให พวกเขามีเวลามากพอที่จะทํางานให แกครอบครัว จึงไมมีความจําเปนที่จะตองจายเงินเพื่อใหแรงงานใน สวนนั้น ดังนั้นหากเปรียบเทียบประเทศที่เรียกตนเองวาประเทศทีพ่ ัฒนาแลวซึ่งมีสัด สวนของชุมชน ชนบทนอยกวา จึงไมนาแปลกใจที่มูลคาจากการใชแรงงานที่ไมไดรับคาตอบแทนเปนตัวเงิน โดยเฉพาะ แรงงานในครอบครัว จะเปนสวนหนึ่งที่ไปเพิ่มคา GDP (ผลิตภัณฑมวลรวม) ซึ่งเปนคาที่ชวี้ ัดความเจริญ ของประเทศ เมื่อพิจารณาดานความเจริญของประเทศที่ชวี้ ดั โดยคา GDP เทียบกับเศรษฐกิจที่ไมใชเงินนั้น จะเห็นไดวาคาผลิตภัณฑมวลรวมนั้นเปนตัวเลขที่มาจากการไหลเวียนของเม็ด เงินในระบบเศรษฐกิจ กระแสหลัก ขณะที่การทํางานสาธารณประโยชน การอาสาสมัครที่ไมหวังผลประโยชนตางๆ ซึ่ง ดําเนินงานดวยเงินอันนอยนิดหรือแทบจะไมใชเงินเลยและยังชวยให สังคมดีขึ้นเหลานี้ เปนคุณคาที่ แปลงหนวยเปนมูลคาไมไดกลับไมกอใหเกิดคา GDP ดังนั้นหากจะวัดความเจริญของประเทศหรือวัดคา ความสุขของคนในประเทศ คา GDP อาจไมใชตวั ชี้วัดที่ถูกตองเสมอไป ปจจัยที่เกี่ยวของกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ไมใชเงินที่ควรทําความ รูจักก็คือทุนทางสังคม ใน ดานของทุนมนุษยและทุนวัฒนธรรม ดานจริยธรรม และ สถานะทางเพศ โดยเฉพาะเพศหญิงที่ทํางาน
โดยไมไดคาตอบแทนใหกับครอบครัวซึ่งเปนหนวยที่ เล็กที่สุดในสังคมแตสําคัญที่สุดในการขับเคลื่อนใน สังคม หากสถาบันครอบครัวมีเพศแมที่ดแู ลจัดการครอบครัวไดดี คุณคาของงานที่เขาสูเศรษฐกิจที่ไมใช เงินก็จะสูงขึ้นตามไปดวย ความสัมพันธของเศรษฐกิจทีไ่ มใชเงินจึงแปรผันตรงกับทุนทางสังคมอยางไม ตองสงสัย ตัวอยางการดําเนินงานทางเศรษฐกิจที่อยูบนฐานของการพัฒนาทุนทางสังคมที่เห็น ไดชัด ตัวอยางหนึ่งก็คือ ธนาคารกรามีน เมื่อพิจารณาที่ระบบการใหกูยืมเงินจากธนาคารกรามีนที่ออกเงินกูยืม จํานวน เล็กนอยแกกลุมผูหญิงและคนจนเปาหมายหลักที่ประสบปญหาทางการเงินมากที่ สุดในประเทศ บังคลาเทศ โดยมีหลักการในการกูยืมคือ ใหสมาชิกผูก ูรวมกลุมกัน 5 คน หากคนใดคนหนึ่งในกลุมไม สามารถหาเงินมาใชหนี้ไดคนที่เหลือก็จะไมสามารถ ขอกูครั้งตอไปได ดังนั้นสมาชิกทั้ง 5 คนจึงตองดูแล กันและกันใหสามารถแกปญหาของตนเองและหาเงินมาใชหนี้ได เพื่อที่จะสามารถกูในครั้งตอไปได สวน ดอกเบี้ยนั้นจะคิดตามอัตราที่กําหนดไปเรื่อยๆแตจะหยุดจํานวนเงิน ของดอกเบี้ยไวที่เทากับจํานวนเงิน ตนไมใหบานปลายเกินไปกวานั้น หากตัดประเด็นเรือ่ งดอกเบี้ยออกไป การใหเงินกูในลักษณะนี้ไมได เปนเพียงการอัดฉีดเม็ดเงินลงไปชวยเหลือผู กูอยางเดียวเทานั้น แตเปนการสงเสริมทุนมนุษยจากกลไก ที่ผลักดันใหคนในชุมชนโดยเฉพาะกลุมผู กูเกิดการแลกเปลีย่ นเรียนรูและมีสวนรวมในการแกปญหาของ กันและกันซึ่งจะ นําไปสูการเปนชุมชนทีเ่ ขมแข็งที่เกิดขึ้นจริงไดในทางปฏิบัติ สรุปแลวเศรษฐกิจทีไ่ มใชเงิน (Non-monetary economy) และทุนทางสังคมเปนสิ่งที่คา้ํ จุนกัน และกันไมจําเพาะแตเศรษฐกิจที่ไมใช เงินเทานั้น จริงๆแลวเศรษฐกิจกระแสหลักก็มีความสัมพันธ เชื่อมโยงกับทุนทางสังคมเชนกัน ดังนั้นหากจะพัฒนาเศรษฐกิจกระแสหลักตามแนวเศรษฐกิจทีพ่ อเพียง และยังยืนเราก็ ควรที่จะพัฒนาทุนทางสังคมไปพรอมกันดวยเชนกัน