ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กมลเนตร เรืองศรี
หนังสือในชุด Life & Inspiration พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2558 ราคา 235 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-104-4
ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ กมลเนตร เรืองศรี. ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา.-- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2558. 230 หน้า. 1. ความเรียง. I. ชื่อเรื่อง. 895.914 ISBN 978-616-327-104-4 ในกรณีที่หนังสือชำ�รุดหรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือเล่มนั้นมาตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊กยินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ให้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก บรรณาธิการที่ปรึกษา วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการบริหาร ภูมิชาย บุญสินสุข ผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ สุรเกตุ เรืองแสงระวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล บรรณาธิการเล่ม ทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการ นทธัญ แสงไชย บรรณาธิการศิลปกรรมเล่ม วัชรพงศ์ แหล่งหล้า บรรณาธิการศิลปกรรม บพิตร วิเศษน้อย ศิลปกรรม เมธาสิทธิ์ กิตติกุลยุทธ์ ภาพถ่าย กมลเนตร เรืองศรี, ชัยวัฒน์ เกษมนิธิโชค พิสูจน์อักษร ศกุนตลา แย้มปิ๋ว ประสานงานการผลิต อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ สื่อสารการตลาด เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด ที่ปรึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย, นิติพัฒน์ สุขสวย ผู้จัดการทั่วไป จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผู้จัดการฝ่ายขายออนไลน์ พิมพ์นารา มีฤทธิ์, ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ วิมลพร รัชตกนก ลูกค้าสัมพันธ์ อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค เว็บมาสเตอร์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่ ในเครือ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 310 โทรสาร 0-2718-0690 แยกสีและพิมพ์ บริษัท ทีเอส อินเทอร์พริ้นท์ จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2174-6060 จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2751-5999
คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์
สารภาพว่า ผมยังไม่เคยดูละครทีก่ มลเนตรแสดงเลยสักเรือ่ ง แต่ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของอินสตาแกรมเธอ เลยติดปาก เรียกเธอว่า ‘กมลเนตร’ แทนทีจ่ ะเป็น ‘อาย’ เหมือนหลายๆ คน ผมว่าภาพถ่ายของเธอน่าสนใจ มุมกล้องทีเ่ ฉียบขาดและการใช้แสงสีแสนสวยนัน่ ก็เรือ่ งหนึง่ แต่สิ่งที่สะดุดใจผมมากกว่าก็คือ การใช้ชีวิตของเธอ และสิ่งที่ เธอเลือกมอง นั่นคือเสน่ห์ของภาพถ่ายฝีมือกมลเนตร กมลเนตรเป็นวัยรุน่ ทีข่ ยันใช้ชวี ติ และสนุกกับการแสวงหา คำ�ตอบบางอย่างให้กบั ชีวติ เมือ่ หมัน่ ออกเดินไปหา เธอจึงได้ ใช้เวลากับเหตุการณ์น่าจดจำ�อยู่บ่อยๆ ผมชวนเธอมาเขียนคอลัมน์ ‘มุมมองเห็น’ ประจำ�ในนิตยสาร a day ด้วยหวังว่ากมลเนตรจะถ่ายทอดเหตุการณ์พเิ ศษทีป่ ระสบ พบเจอเล่าสู่ผู้อ่านในรุ่นราวคราวเดียวกัน
เธอทำ�หน้าที่ได้ดีเกินคาด กมลเนตรสนุกกับการใช้ชีวิต ตัวหนังสือของเธอก็สนุกกับการปลุกเร้าให้คนออกมาใช้ชวี ติ ไม่ใช่ ให้ออกไปทำ�อะไรโลดโผนโจนทะยานสมกับชีวติ วัยรุน่ แต่เธอ ชวนผู้อ่านใส่ใจเรื่องราวรอบตัว และตั้งใจเรียนรู้ความหมาย ของชีวิตจากมัน เธอเล่าเรื่องทั้งหลายผ่านมุมมองแปลกตา เหตุการณ์ท่ี เธอหยิบมาเล่าเป็นแค่ภาพฟอร์กราวนด์ แต่สงิ่ ทีเ่ ธอโฟกัสคือ ความงดงามของมนุษย์ การศรัทธาในคุณงามความดี ความมุง่ มัน่ พยายาม การเปิดใจ ระยะห่างของความสัมพันธ์ และการรูจ้ กั ปล่อยวาง ทุกเรื่องที่เขียน เธอมองมันผ่าน ‘หัวใจ’ และ ‘สายตา’ ซึ่งตรงกับคำ�ว่า ‘กมลเนตร’ พอดี หัวใจและสายตาของเธอมีความพิเศษบางอย่าง ไม่วา่ เธอ จะมองอะไรก็นา่ สนใจ ถ่ายทอดผ่านอะไรก็นา่ ติดตามทัง้ ภาพถ่าย และตัวหนังสือ ความพิเศษนีถ้ อื เป็นอีกเหตุผลทีท่ �ำ ให้ผมชอบเรียกเธอว่า ‘กมลเนตร’ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทรงกลด บางยี่ขัน
คำ�นิยม ‘น้องอาย’ จากเด็กน้อยเจ้าหนูจำ�ไมที่มีสารพัดคำ�ถาม แต่หาคำ�ตอบไม่ได้ จนคุณครูหลี่เจินเอ่ยปากว่า อยากให้น้อง ไปปฏิบตั ธิ รรม พีย่ งั จำ�ได้นะคะ ในเรือ่ ง The Sixth Sense สือ่ รัก สัมผัสหัวใจ มีอยูซ่ นี หนึง่ ทีอ่ ายไม่ตอ้ งร้องไห้แต่จๆ ู่ อายก็รอ้ งไห้ แบบไม่ยอมหยุด พี่บอกให้อายมีสติ นับ 1 - 100 อายบอก อายไม่เข้าใจ อายทำ�ไม่ได้ ในทีส่ ดุ ทีมงานและนักแสดงทุกคน ต้องรอ รออายหยุดร้องไห้เอง เราถึงได้ถ่ายต่อ... แต่ในทีส่ ดุ ด้วยความมีบญ ุ และความตัง้ ใจของน้อง ธรรมะ ก็จดั สรรให้อายได้ไปปฏิบตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานครัง้ แรก หลังอาย กลับจากปฏิบตั ธิ รรมพีข่ อบอกว่า อายเปลีย่ นไป อายดูเข้าใจโลก มีมุมมองที่เปลี่ยนไป เป็นผู้ใหญ่ข้ึน ความเป็นเจ้าหนูจำ�ไม หายเป็นปลิดทิ้ง แถมเล่นละครเก่งขึ้นอีกด้วย พี่หมดห่วง ในตัวอายแล้วน้าาา ยิ่งได้มาอ่านบทความที่อายเขียน ก็ต้อง บอกว่าปลื้มปริ่มมากๆ อายได้สอดแทรกธรรมะ สาระ และ สิ่งดีๆ ให้กับคุณผู้อ่านในทุกบททุกตอนที่อายเขียน
‘…เราไม่สามารถตัดสินคนคนหนึง่ จากการพบเจอเพียงแค่ ครัง้ เดียว ได้ยนิ ข่าวคราวเพียงผิวเผิน หรือแม้แต่การบอกเล่า จากใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น...’ ‘…เขาขายความสุข ตอนเขาเล่นเครื่องดนตรีที่เขาขาย เราซือ้ ความสุขจากพีเ่ ขาได้งา่ ยๆ แค่จา่ ย ‘รอยยิม้ ’ ถ้าเราจ่าย มากเกินไป พี่เขาอาจจะทอนมาเป็น ‘คำ�ขอบคุณ’...’ ‘…ความสุข เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ความสุข เป็นเหมือน คลื่นพลังงาน ความสุข จะแผ่ขยายไปรอบๆ บริเวณของคนที่ มีความสุข ถ้าคุณอยูใ่ นรัศมีทค่ี วามสุขแผ่ไปถึง คุณก็จะมีความสุข ไปด้วย!!...’ ‘…เจ้บวิ พูดถึงประโยคทีเ่ จ้บวิ ชอบของเจมส์ ดีน พระเอก ระดับตำ�นานของฮอลลีวู้ด “Dream as if you’ll live forever. Live as if you’ll die today.” “จงวาดฝันราวกับว่าคุณมีชีวิต อยู่ตลอดไป แต่จงใช้ชีวิตเหมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของ ชีวิต”...’ หวังว่าหนังสือเล่มนีจ้ ะมอบรอยยิม้ ข้อคิด และคติสอนใจ รวมถึงเป็นอีกหนึง่ กำ�ลังใจทีท่ �ำ ให้คณ ุ ผูอ้ า่ นทุกๆ ท่านมีความสุข ในชีวิตมากขึ้นนะคะ
สุดท้ายนี้ พีข่ อให้นอ้ งอายมีความเจริญในธรรมยิง่ ๆ ขึน้ ไป เพื่อจะได้นำ�ปัญญาที่ได้จากการศึกษาและปฏิบัติมาเผยแผ่ เพือ่ ประโยชน์สขุ แก่ตนเองและผูอ้ น่ื สืบไปนะคะ และขอขอบคุณ ทีมงานทุกๆ ท่านทีใ่ ห้โอกาสน้องอาย วัยรุน่ หัวใจธรรมะคนนี้ ได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคมด้วยนะคะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ (กิ๊ก)
คำ�นิยม เราไม่สามารถรูจ้ กั ตัวตนของใครคนหนึง่ ได้ถา้ เราไม่ได้คยุ กับเขา ‘อาย กมลเนตร’ นักแสดงสาวเป็นคนที่ฉันอยากเป็น เพือ่ นกับเธอทันทีที่ได้นั่งลงคุยกัน (แม้ว่าอายุเราจะห่างกัน เกิน 1 รอบ) ฉันมีความรูส้ กึ ว่าเธอเป็นคนพูดจารูเ้ รือ่ ง มีการเรียงลำ�ดับ ความคิดได้ดี มีสติและปัญญา ที่สำ�คัญ เธอมีเสน่ห์เมื่อเธอ ได้พูดสิ่งที่อยู่ในหัวและมันออกมาจากใจของเธอ ฉันแปลกใจไปเรือ่ ยๆ ว่านีค่ อื ผูห้ ญิงวัยยีส่ บิ ต้นๆ เองหรือ เพราะมุมมองทีม่ ตี อ่ ชีวติ คนรอบตัว และสิง่ รอบข้าง มันมากกว่า คนวัยนี้ทั่วๆ ไป เธอจึงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาสินะ อาย กมลเนตร ทำ�ให้ฉนั นึกชืน่ ชมปนทึง่ อยูเ่ นืองๆ บางครัง้ แอบอิจฉาว่า ‘ทำ�ไมตอนตรูอายุเท่านี้ ตรูคดิ อะไรแบบนีไ้ ม่เป็น เลยวะเนี่ย!!??’
และเมื่อได้อ่านสิ่งที่เธอเขียน จึงเข้าใจว่า เธอมีระบบ ความคิ ด ในหั ว ที่ ดี เธอมี หั ว ใจที่ อ่ อ นโยน ทว่ า แข็ ง แกร่ ง และเป็นตัวของตัวเอง ฉันบอกเลยว่าถ้าใครได้อ่านงานของเธอ ก็เหมือนกับ ได้นั่งคุยกับเธอเหมือนกับที่ฉันเคยทำ� เชื่อฉันสิ อ่านแล้ว เราจะอยากเจอหน้า นั่งคุย และอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เหมือนกับที่ฉันรู้สึก ฉันไม่รวู้ า่ ชือ่ ‘กมลเนตร’ จะแปลว่าอะไรแน่ แต่สำ�หรับฉัน เธอเหมาะสมกับชื่อนี้จริงๆ เพราะเธอมองโลกด้วยหัวใจ ของเธอจริงๆ และรอดูในอนาคต เราจะมีพิธีกรที่ชื่อ ‘อาย กมลเนตร’ ซึ่งเป็นอาชีพที่เธออยากทำ� และฉันเชื่อว่าเธอจะทำ�มันได้ดี ไม่แพ้งานเขียนของเธอ กาละแมร์
คำ�นิยม
เราเป็นแฟนตัวยงคนนึงของนิตยสาร a day และหนึง่ ในคอลัมน์ทเ่ี ราชอบทีส่ ดุ คือคอลัมน์ชอ่ื ‘มุมมองเห็น’ เราชอบมุมมองของกมลเนตร (ขอเรียกชื่อนี้) นับตั้งแต่ ครั้งแรกๆ ที่ได้คุยกัน กมลเนตรทีเ่ รารูจ้ กั เป็นคนบ้าพลัง นัน่ แปลว่าเขาทุม่ เทให้กบั ทุกอย่างทีท่ �ำ ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งเล็กน้อยหรือเรือ่ งใหญ่โต ซึง่ ใน ความทุ่มเทและบ้าพลังนั้น กมลเนตรเป็นคนช่างสังเกต ใส่ใจและจริงใจกับทุกสิง่ รอบตัว นัน่ คือสิง่ ทีท่ �ำ ให้เราชอบ มุมมองของเขา
เรือ่ งราวของคนรอบตัว เรือ่ งราวของลุงข้างบ้าน แมวของ เพื่อน น้าของอา ป้าของหลาน ฯลฯ อีกแปดล้านอย่าง ถ้าเรา แค่สงั เกต แต่เราไม่ได้ใส่ใจ คงกลัน่ กรองออกมาเป็นเรือ่ งราวดีๆ ไม่ได้ หนังสือเล่มนี้ เต็มไปด้วยความรูส้ กึ และมุมมองดีๆ ต่อผูค้ น และโลกใบนี้มากมาย เพราะบางทีคนเราก็ต้องการมุมมองของคนอื่น เพื่อมา เปิดหน้าต่างในโลกของเราบ้าง และถ้าเราจะต้องเลือกมองผ่านตาของใครสักคน เราคง อยากมองผ่านตาที่มองเห็นโลกในมุมที่พอดี ไม่หวานเกินไป ไม่ขมเกินไป และความพอดีทว่ี า่ ก็เป็นความพอดีแบบกมลเนตร นัน่ คือสิง่ ทีเ่ ราเชือ่ ว่ามันจะทำ�ให้ทกุ ๆ คนทีไ่ ด้อา่ นหนังสือเล่มนี้ ชอบมุมมองของกมลเนตรเหมือนกับที่เราชอบนั่นแหละ ลองอ่านดูนะ :) จินตนัดดา (แป้งโกะ)
จาก ผู้เขียน กรุณาส่ง คุณผู้อ่าน
สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่าน ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนเราบ้าง เวลาเราอ่านหนังสือ จะชอบอ่านหน้าคำ�นำ�ผู้เขียนมาก หนั ง สื อ แต่ ล ะเล่ ม จะมี คำ �นำ � ที่ ทำ � ให้ เราอยากอ่ า นหนั งสื อ เล่มนั้นต่อ ตอนแรกเราคิดวิธกี ารเขียนคำ�นำ�ไว้หลายแบบ เพราะตัง้ ใจ อยากให้ผอู้ า่ นประทับใจตัง้ แต่แรกเริม่ มีทง้ั แบบนิง่ ๆ คมๆ มีทง้ั แบบตลกกวนๆ แถมยังลองเขียนเป็นเหมือนบทละครโทรทัศน์ ด้วยนะ เอาให้ผู้อ่านรู้กันไปเลยว่าเราคือ นักแสดง ที่แฝงตัว เป็นนักเขียนแบบนี้มาได้ 2 ปีแล้ว
แต่แล้วเราก็เขียนไป ลบไป อยู่หลายชั่วโมง (จริงๆ แล้ว พ้นมาอีกวันนึงเลยแหละ) สุดท้ายเราเลือกเขียนแบบภาษาพูด เอาให้เหมือนคุณ กำ�ลังอ่านจดหมายของเราอยู่ เราชอบความรู้สึกตอนอ่าน จดหมาย คนเขียนจะตัง้ ใจเขียนเพือ่ สือ่ สารอะไรบางอย่างกับ คนอ่าน เราว่ามันเป็นการสื่อสารด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมา แล้วก็น่ารักด้วย แล้วถ้าหน้านีเ้ ป็นจดหมายจริงๆ ก็คงเป็นเหมือนจดหมาย ทีเ่ ราเขียนมาเล่าให้เพือ่ นทีไ่ ม่ได้เจอกันมานานหรืออาจจะไม่เคย เจอกันด้วยซ้�ำ ได้รบั รูถ้ งึ ความเป็นมาของหนังสือทีอ่ ยูใ่ นมือเล่มนี้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา... มีนาคม 2556 ไอรดาเพือ่ นร่วมเอกสือ่ สารมวลชนโทรมาบอกว่า พีก่ อ้ งทรงกลด บางยี่ขัน ชวนให้เราลองเขียนคอลัมน์ลงนิตยสาร a day จำ�ได้วา่ เราดีใจมาก แต่พยายามบังคับน้�ำ เสียงตัวเองให้เป็น ปกติ เพื่อไม่ให้ปลายสายรู้ว่าเรากำ�ลังตื่นเต้น และบังเอิญว่า ช่วงนั้นกำ�ลังยุ่งๆ เพราะต้องทำ�สารนิพนธ์จบปริญญาตรี บวกกับต้องถ่ายละคร 2 เรื่อง เวลาก็ไม่ค่อยจะมี แต่มารู้ตัว อีกทีก็...
เมษายน 2556 เรากำ�ลังอ่านบทความ ชื่อตอนว่า ‘กลางแดด กางร่ม อมยิ้ม’ ของคอลัมน์ชื่อ ‘มุมมองเห็น’ ในนิตยสาร a day ฉบับ 152 อ่านไปยิม้ ไป ถึงแม้วา่ จะเคยอ่านมันมาแล้วหลายครัง้ ในตอนที่เขียน แต่การที่ตัวหนังสือของเรามันได้ลงไปอยู่บน หน้ากระดาษของนิตยสาร มันช่างให้ความรูส้ กึ ทีด่ แี ตกต่างจาก ตอนที่อยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือเกิน ธันวาคม 2557 ผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้วนะ หลังจากทีเ่ ขียนคอลัมน์ใน a day เดือนละหน้า ไวมาก บ่ายวันหนึง่ พีก่ อ้ งโทรมาหา คุยเรือ่ งงานสัปดาห์หนังสือ ที่กำ�ลังจะมีช่วงปลายเดือนมีนาคม 2558 พร้อมคำ�ถามว่า “อายพร้อมจะออกหนังสือหรือยัง?” เชือ่ ไหม? ตอนนัน้ ทีต่ อบตกลงไป เป็นช่วงทีช่ วี ติ ยุง่ อีกแล้ว (อะไรมันจะยุง่ ขนาดนัน้ -ยุง่ สิ พอโตมา ชีวติ มันยุง่ กว่าตอนเรียน เสียอีก) กุมภาพันธ์ 2558 เราคิดว่า ใน 2 ปีท่ผี ่านมา คุณผู้อ่านอาจจะไม่ได้อ่าน คอลัมน์มุมมองเห็นครบทุกตอนแน่ๆ เราจึงรวบรวมต้นฉบับ
ของมุมมองเห็นไว้ได้ 24 ตอน บวกกับอีก 1 ตอนทีเ่ ขียนเพิม่ อยูใ่ นหนังสือ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เล่มนี้ เรานั่ ง อ่ า นต้ น ฉบั บ ทั้ ง หมดใหม่ อี ก ครั้ ง แก้ ไ ขบางจุ ด เรียบเรียงแต่ละบทตามลำ�ดับก่อนหลัง และเลือกภาพประกอบ จากภาพถ่ายในฮาร์ดดิสก์ มีหลายส่วนที่เพิ่มเติมจากคอลัมน์ ปกติ ซึ่งเราตั้งใจทำ�มันมาก และถ้ า หน้ า นี้ เ ป็ น จดหมายจริ ง ๆ นี่ ก็ ใ กล้ จ ะต้ อ งจบ จดหมายแล้ว แต่จะจบอย่างไรไม่ให้เศร้าและเชยเกินไป รักและคิดถึง...ดีไหม? ไม่ดี เพราะถ้าจบแบบนั้นจะเป็นการเขียนตอนจบใน จดหมายฉบับสุดท้ายของไข่ย้อยที่เขียนให้ดากานดา เอาเป็นว่า จบแบบคำ�นำ�แล้วกัน
หวังว่าผูอ้ า่ นจะได้อะไรจากหนังสือเล่มนีบ้ า้ งไม่มากก็นอ้ ย หากมีขอ้ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ทีน่ ดี้ ว้ ย (ฮา) รักและคิดถึง (อ้าว...) กมลเนตร ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา 08.55 น. 11/02/2558
สารบัญ
กลางแดด - กางร่ม - อมยิ้ม ชอบมองท้องฟ้าหรือน้ำ�มากกว่ากัน เสียงกระซิบของสายรุ้ง มองเมฆเห็นหมี ในวันที่สมาร์ทโฟนไม่มีความหมาย ใคร (คือผู้) กำ�กับ? ระยะทางมีค่ามากกว่าการกระจัด ป่าไม้เดียวกัน ว่าด้วยเรื่องของความสุข โจทย์ชีวิต เราวิ่งมาไกล ให้เรา (ไปต่อ) เถอะ แก๊สหมด...ไปส่งรถไม่ทัน เฮ้ วัยรุ่น
020 028 036 044 052 060 068 076 084 092 100 110 118
เหมือนฝัน รู้สึกมากกว่า มันไม่สวยเท่าคุณไปเห็นด้วยตาของตัวคุณเองหรอก มอคครับ มอคค่า คิดถึงอาม่าทุกที ที่กินข้าวคนเดียว ปริญญาใจ คิงคอง บาร์บี้ รถบังคับ และเรือกระดาษ บันทึกการผ่าน เรื่องนี้ ไม่มีชื่อเรื่อง ฮัลโหล เรื่อง-ธรรมะ-ดา ธรรมะสัมพันธ์
126 134 142 154 162 170 176 184 192 200 208 216
กลางแดด กางร่ม อมยิ้ม
กลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2556 เรามีโอกาสไปพักผ่อน และหย่อนหัวใจที่พัทยา ว่าจะลืมเรื่องร้อนๆ ที่กรุงเทพฯ แล้วไปเสพลมเย็นๆ ที่ ทะเล เป็นจริงตามคาด ด้วยอิทธิพลของลมทะเลที่เกิดขึ้นตอน กลางวัน ส่งผลให้ ลม-แรง-มาก และทีแ่ รงไม่แพ้กนั คือรังสีของ ดวงอาทิตย์ที่แผ่มายังพื้นแผ่นดินตามชายฝั่ง ทำ�ให้ร้อนระอุ ถึงระอุมาก เราเรียกมันสั้นๆ ว่า ‘แดด’ แดด...ยังคงขยันขันแข็งแข่งกันแผดเผาผิวที่ (ไม่คอ่ ย) ขาว ของเราให้ (ไม่ค่อย) ขาวยิ่งขึ้น เราไม่ค่อยชอบแดดเลยให้ตายเถอะ! นอกจากทำ�ให้ผ้าแห้งและต้นไม้ได้สังเคราะห์แสงแล้ว เราไม่เคยชื่นชมแดดเลย
จนกระทั่งเราได้เจอคนน่ารักๆ คนหนึ่งที่ประกอบอาชีพ สุจริตๆ อาชีพหนึ่ง ซึ่งมีแดดเป็นส่วนประกอบของอาชีพนี้ อาชีพนี้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย อุปกรณ์ทำ�มาหากินก็ไม่มีอะไรมาก แค่ร่มคันใหญ่ๆ กับหัวใจที่รักการบริการ คนน่ารักที่เราพูดถึง คือคุณลุงร่างอวบ ผิวสีน้ำ�ตาลไหม้ ค่อนไปทางดำ� มีรม่ คันใหญ่เป็นอาวุธในการออกศึกกลางแดด หน้ า ที่ห ลั ก ของคุ ณ ลุ ง เท่ า ที่เ ราสั ง เกตได้ คือ นั่ง รอว่ า มีรถยนต์คันไหนเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดของร้านอาหาร ที่ไม่ได้ขายแค่เพียงอาหาร แต่ยังขายบรรยากาศริมทะเล สุดชิลล์ เมื่อมีรถเลี้ยวเข้ามาคุณลุงจะคว้าร่มคันใหญ่คู่ใจ ลุกจาก เก้าอี้ตัวเก่า แล้ววิ่งดุ่มๆ มากางร่มรับลูกค้าที่ลงจากรถ สร้างเกราะกันแดด ไม่ให้แดดทำ�ลายผิวของลูกค้ามาก เท่าที่ควร เป็นไปตามหน้าที.่ ..คุณลุงวิง่ ดุม่ ๆ พร้อมร่มคันใหญ่มารับ เราแอนด์เดอะแก๊งทันทีที่รถจอด ระหว่างเดินเข้าร้าน เราเหลือบไปเห็นอุปกรณ์เสริมของ คุณลุงที่ช่วยให้การทำ�งานมีความสุขมากยิ่งขึ้น อาวุธเสริมเพื่อสุขที่หนึ่งคือ ปลอกแขน คุณลุงสวมมันไว้ เพื่อให้ร่างกายตัวเองเหลือพื้นที่ผิวที่จะถูกแดดเลียน้อยที่สุด
อยากให้ลองนึกภาพตาม ถ้าคุณต้องทำ�งานกลางแดด ตัง้ แต่ยามเช้าทีแ่ ดดคลุกเคล้าวิตามินดีมปี ระโยชน์ตอ่ ร่างกาย ไล่ไปสายๆ เทีย่ งๆ บ่ายๆ ซึง่ มี UVA UVB ปะปนเพือ่ มาทำ�ลาย ชัน้ ผิวหนังของคุณให้เกิดอาการเกรียมแดด แสบๆ ยิบๆ และ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ คุณลุงใช้ปลอกแขนเปลีย่ น ‘ความสุก’ ให้กลายเป็น ‘ความสุข’ อาวุธเสริมเพื่อสุขที่สองของคุณลุงคือ รอยยิ้ม :) ลุงทำ�งานไป ยิ้มไป ระหว่างเดินอยูใ่ ต้รม่ คันเดียวกัน คุณลุงฟังมุขแป้กๆ ของเรา ยิม้ ตามบ้าง หัวเราะเบาๆ บ้าง มันทำ�ให้รสู้ กึ ว่าเราเดินอยูใ่ ต้รม่ ทีม่ ี ‘คน’ ถือ คนทีย่ มิ้ ได้กลางแดดร้อนๆ ภายใต้เงือ่ นไขทีต่ อ้ ง ถือร่มหนักๆ แต่รักในการบริการ ไม่ใช่เดินอยูก่ บั ร่มทีเ่ ดินได้ หรือเดินกับคนทีห่ น้าตาเหมือน ถูกเราเอาปืนจี้บังคับมาถือร่มให้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ระยะทางของการเดินท่ามกลางแดด ร้อนๆ คงยืดและยาวออกไปราวกับเดินข้ามทะเลทรายซาฮารา ตะวันตก ตัดภาพกลับมาที่ใต้ร่มคันเดิม เรานึกไม่ออกเลยว่าตอนนั้นอากาศร้อนแรงกี่องศา เราจำ�ไม่ได้...มันไม่ได้อยู่ในความทรงจำ�เราเลย ภาพที่จำ�ได้ คือใบหน้าด้านข้างที่ก้มมองทางพร้อมยิ้ม 025
โชว์ฟันขาวจั๊วะตัดกับสีผิว ซึ่งฟ้องว่าคุณลุงตากแดดมานาน แค่ไหน นั่นคือภาพที่ชัดที่สุดในช่วงเวลาสั้นๆ ใต้ร่มคันนั้น เมือ่ เดินถึงชายคาของร้านอาหาร เรากับลุงต่างแยกย้ายกัน ไปทำ�หน้าที่ของตัวเอง เรา...กิน ลุง...กาง ลุงยังคงทำ�หน้าที่กางร่มต่อไป มีพักบ้างตามช่วงเวลาที่ ไม่มีลูกค้าเดินเข้าออก ชัว่ โมงต่อมาเราแอนด์เดอะแก๊งอิม่ หน่�ำ สำ�ราญ เดินออกจาก ร้านไปยังรถ ทันทีที่ก้าวพ้นชายคาบังแดด คุณลุงคนเดิมลุกจากเก้าอี้ ตัวเดิม วิ่งดุ่มๆ มาตามเส้นทางเดิม พร้อมกับร่มคู่ใจคันเดิม กางออกเพื่อบังแดดให้พวกเราเดินไปที่รถ พวกเราถึงรถโดยถูกแดดเลียผิวน้อยที่สุด แต่ถามว่าร้อนไหม...ฉันตอบเลยว่ามาก... เหมือนเดิม เรายังคงส่งยิ้มไปพร้อมกับทิปให้คุณลุง คุ ณ ลุ ง รั บ แล้ ว หั น ไปเห็ น พี่ ที่ ม าด้ ว ยกั น เดิ น ออกจาก ห้องน้ำ� แกรีบเดินกางร่มไปรับมาส่งที่รถ พี่กำ�ลังจะหยิบทิปให้คุณลุงถึงกับชะงักเมื่อคุณลุงพูดขึ้น พร้อมรอยยิ้มว่า “ผมได้แล้วครับ”
ทริปสั้นๆ ครั้งนี้ เราได้พักผ่อนและหย่อนหัวใจจริงๆ เรากำ�ลังหย่อนหัวใจไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่น่ารักมาก จากคุณลุงทีก่ างร่ม อมยิม้ อยูก่ ลางแดด แกจะรับทิปครัง้ ทีส่ อง อีกก็ได้ แต่ไม่รับ แกบอกแกได้แล้ว คุณลุงยังยืนกางร่มให้ตวั เอง ยืนส่งรถลูกค้าให้ขบั ออกจาก ร้าน ขนาดของคุณลุงร่างอวบกับร่มคันใหญ่ที่เรามองเห็น แปรผกผันกับระยะทางที่รถวิ่ง ลุงแกยังยืนยิ้ม คุณลุงน่ารัก เราชอบคุณลุง :)
027
ชอบมองท้องฟ้า หรือน้ำ�มากกว่ากัน
“ชอบมองท้องฟ้าหรือน้ำ�มากกว่ากัน” เพือ่ นคนหนึง่ ถามขึน้ ระหว่างนัง่ อยูบ่ นเนินหญ้า มองตรง ออกไปข้างหน้าเห็นทัง้ ท้องฟ้าและสระน้�ำ กลางสวนสาธารณะ ยอดฮิตของเขตจตุจักร เราไม่ได้มาสวนวชิรเบญจทัศ หรือทีว่ ยั รุน่ อย่างเรารูจ้ กั ดี ในชื่อ ‘สวนรถไฟ’ นานมากเท่าไหร่แล้ว ล่าสุดจำ�ได้ว่ามาเพื่อ ทำ�งาน ไม่ได้มาพักผ่อน วันนี้ถือเป็นความโชคดีท่สี วนรถไฟเป็นจุดตัดของสมการ ความคิดระหว่างระยะทางตอนเดินทางกลับและเวลาหลังเลิกงาน มันเอือ้ ต่อการไปชิลล์ทส่ี วนรถไฟมากจริงๆ เราคิดอย่างนัน้ ไม่กี่นาทีหลังจากเลิกงาน เราตรงมาที่สวนรถไฟโดย ไม่สนใจว่าการจราจรจะติดมากน้อยแค่ไหน เมื่อตัดสินใจ
จะไปแล้ว ยังไงก็ต้องไป เพราะไม่รู้ว่าจะมีเวลาว่างมาทำ�สิ่งที่ อยากทำ�อีกเมื่อไหร่ เรารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลมอ่อนๆ พัดมาปะทะหน้า ก้มมองเท้าซ้ายขวาทีก่ �ำ ลังปัน่ จักรยาน มันถูกห่อหุม้ ด้วย รองเท้าผ้าใบคู่เก่งคู่เดิม วั น นี้ ส วนรถไฟน่ า จะภาคภู มิ ใ จในตั ว เองที่ ทำ � หน้ า ที่ เป็นสวนสาธารณะที่ดีให้อีกหนึ่งชีวิตเล็กๆ ได้มาพักผ่อน หย่อนใจจริงๆ ปั่นจักรยานบ้าง เดินจูงจักรยานบ้าง เดินตัวปลิว โดยจอดจักรยานไว้บ้าง สบายใจจริงๆ แดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆ เวลาประมาณห้าโมงกว่าไม่ท�ำ ร้าย เราแล้ว มันแสดงความเป็นมิตรกับเรา โดยการส่องแสงบางๆ มากระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสูต่ าเรา ทำ�ให้เรายังมองเห็นวัตถุ ในช่วงเวลาเย็นย่ำ�ได้ โดยไม่ต้องอาศัยพลังงานจากหลอดไฟ เวลาเดินไปข้างหน้า แต่เข็มนาฬิกาเดินวนไปเป็นวงกลม โลกหมุ น รอบดวงอาทิ ต ย์ เ ป็ น วงกลม แต่ สิ่ ง ที่ ต าเรา มองเห็นคือ พระอาทิตย์เริม่ เคลือ่ นทีอ่ ย่างช้าๆ ตกลงในแนวดิง่ นี่ เ ป็ น อี ก สองสิ่ ง ที่ ส อนให้ เ รารู้ ว่ า ‘สิ่ ง ที่ เ รามองเห็ น อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง’
เราจึงไม่ควรตัดสินสิ่งที่มองเห็นในทันที แค่ควรให้เวลา กับบางสิ่ง บางอย่าง บางสถานการณ์ หรือกับบางคนบ้าง การจากไปของดวงอาทิตย์ในแต่ละวันไม่ได้แปลว่าไปแล้ว ไปลับ ดวงอาทิตย์ไม่ได้ไปแบบสูญเปล่า แต่ยังทิ้งสีสันต่างๆ ไว้บนท้องฟ้า คงเป็นเพราะสีของท้องฟ้าเวลาพระอาทิตย์ตกที่สวย แตกต่างกันไปในแต่ละวัน ประจวบกับการปั่นจักรยานจน เมื่อยน่อง เราเลยหาที่นั่งในมุมสงบ สงบ เงียบ มีแค่บางคนที่ยังพายเรือคายัคในสระน้ำ� ตาของเราทัง้ สองดวงถูกดึงดูดด้วยสีของท้องฟ้า เรานัง่ มองดู ท้องฟ้าเปลีย่ นสีไปเรือ่ ยๆ ตามแรงลมทีพ่ ดั ก้อนเมฆ ซึง่ ถูกสาดด้วย แสงของพระอาทิตย์ขณะเคลือ่ นทีห่ ลุดจากเฟรมไปทางด้านล่าง สีเปลี่ยนไปทุกวินาทีจริงๆ ท้องฟ้า จากสีขาว เริม่ มีสฟี า้ สีน�้ำ เงินบ้าง ตกเย็นก็เหลือง ส้ ม ชมพู เ ริ่ ม แซม สั ก พั ก แดงเริ่ ม มา ยิ่ ง ดวงอาทิ ต ย์ ล้ า ๆ จะแผ่สมี ว่ งออกมาจนหม่นปนๆ กันไปเป็นแดงม่วง แล้วก็มดื และกลายเป็นสีดำ�ในที่สุด ชีวติ คนเราก็ไม่ตา่ ง มันเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา เราขอหยิบ เรื่องสีของท้องฟ้ามาเปรียบเทียบ 033
วันนีช้ วี ติ เราสดใส มีความสุข เราอาจใช้ชวี ติ แบบลืมคิดว่า ความทุกข์จะเกิดขึน้ กับเราเมือ่ ไหร่กไ็ ด้ ในหนึง่ ชีวติ เราไม่มที างมีสี แค่สเี ดียวแน่ๆ มันจะมีสเี ข้ามามากมาย สร้างความท้าทายแก่ชวี ติ เมือ่ ไหร่กต็ ามทีส่ ดี �ำ เข้ามาเยือนเฟรมภาพชีวติ ก็ปล่อยให้ มันทำ�หน้าที่ของมันไปเถอะ แค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน หาทาง จัดการกับความคิดและอารมณ์ไป โดยใช้ตัวช่วยอย่าง ‘สติ’ คนเราไม่ได้มีแค่สีขาวหรือสีดำ� คนเรามีทั้งสีขาวและสีดำ� หนำ�ซ้ำ�ยังมีสีอื่นๆ เจือปน อยู่ตลอดทุกช่วงของชีวิต โลกไม่ได้มีแค่กลางวัน หรือแค่กลางคืน โลกมีทั้งกลางวันและกลางคืน หนำ�ซ้ำ�ยังมีสีอื่นๆ มา เจือปนอยู่ทุกช่วงเวลา บางคนอาจไม่ชอบสีดำ�ในเฟรมภาพชีวิต อาจไม่ชอบ ความมืดของท้องฟ้า แต่เชื่อเรา สีดำ�อยู่กับคุณไม่นานหรอก สักวันมันจะ ไปจากคุณ ดูท้องฟ้าสิ เวลาผ่ า นไปไม่ ทั น ไร สีดำ�กำ�ลัง จะเข้าสู่เ ฟรมท้อ งฟ้ า ของสวนรถไฟ เราเก็บข้าวเก็บของ สะพายกระเป๋า เท้าก็ ปั่นจักรยานกลับ
เราตะโกนบอกเพื่อน “ท้องฟ้า...” เพื่อนถาม “อะไร” ถ้าสงสัยก็กลับไปอ่านประโยคแรกอีกที
035
ผู้เขียน นางสาวกมลเนตร เรืองศรี หลายคนชอบเรียกว่า ‘กมล’ แต่นั่นเป็นชื่อพ่อ แล้วก็จะมีค�ำ ถามต่ออีกว่า “แม่ชอ่ื เนตร ใช่ไหม?”-ไม่บอก หรอก ชอบกินน้ำ�พริกกะปิ ไข่ชะอม ปลาทูทอด ต้มจืดมะระ และต้มฟักมะนาวดอง ฝีมืออาม่า ตอนจบ ม.ปลาย ชอบสีเขียวและได้ไปดูคอนเสิร์ตที่มี Groove Rider เล่นทีส่ นามฮอกกีใ้ นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลยเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรี ย นจบปริ ญ ญาตรีจากสาขาวิช าเอกสื่อ สารมวลชน ภาควิชาศิลปนิเทศ คณะมนุษยศาสตร์ ซึง่ ต่อมาเปลีย่ นชือ่ ภาค เป็น ‘นิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์’ ซึ่งกมลไม่คุ้นเลย ทำ�งานไปเรียนไปมาตั้งแต่ปี 1 เล่นละครเรือ่ งแรกตอนปี 3 เรือ่ ง The Sixth Sense สือ่ รัก สัมผัสหัวใจ ออกอากาศทางช่อง 3 ตอนนั้นชีวิตหนักมาก ทั้งงาน ทั้งเรียน แต่ตอนนี้พอใจและมีความสุขกับชีวิตมาก อยากอยู่บนโลกนี้ให้คุ้มค่าและมีคุณค่ามากที่สุด สร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่พึงระลึกว่าไม่ยึดติด เพราะถ้าวันหนึง่ เรากลายไปเป็นส่วนหนึง่ ของธรรมชาติ... ...อะไรก็เอาไปไม่ได้
ติดตามกันได้ที่ twitter : @kamolnedeyeye Instagram : @kamolned เคยลงรูปรองเท้าไปแบบไม่ตั้งใจตอนที่ยืนคุยโทรศัพท์ แต่มีคนกดไลก์ 8 แสนกว่า น่าตกใจ
ขอบคุณ
ขอบคุณครอบครัว ที่เชื่อมาตลอดว่า “หนูทำ�ได้” ขอบคุณพี่ก้อง ที่เปิดโอกาสให้หนูได้ลองเขียนคอลัมน์ แถมยังใจดีให้รวมเล่มเป็นหนังสือ ขอบคุณไอรดา ทีเ่ ป็นคนติดต่อทุกอย่างให้ เรายังจำ�วันที่ คุยโทรศัพท์กับแกได้อยู่เลย ขอบคุ ณ แป้ ง ถึ ง จะเรี ย นคณะเดี ย วกั น แต่ ต อนเรี ย น ไม่ค่อยได้คุยกันเลย แต่แป้งเป็นคนที่โทรหาเราบ่อยที่สุด ในช่วงเวลาทีเ่ ราเขียนคอลัมน์ แล้วหนังสือเล่มนี้ แป้งก็ชว่ ยเรา อย่างเต็มที่มาก ฮือ ขอบคุณพี่ต่าย ที่คอยตามต้นฉบับในทุกๆ เดือน อีเมล ของพีม่ ผี ลต่อรูมา่ นตาของหนูมาก มันขยายใหญ่ทกุ ครัง้ ทีเ่ ห็น อีเมลมา
ขอบคุณพีเ่ บนท์ ทีท่ �ำ รูปเล่มให้กบั หนังสือเล่มแรกในชีวติ ของหนู ขอบคุณเพื่อน zoozoo และ huzzy ทุกคน ที่ทำ�ให้เรา เป็นเราในแบบทุกวันนี้ได้ ขอบคุณพีจ่ ะ๊ พีเ่ อิน ทีไ่ ม่เคยบอกว่ารัก ไม่เคยบอกว่าห่วง แต่คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตลอดเวลาที่เขียนหนังสือและ ถ่ายละครอย่างหนัก และบอกให้ “สู้ๆ” ขอบคุณเจ้บิว ที่อยู่ข้างๆ กันมาตั้งแต่ปี 1 ช่วยเหลือ ทุกอย่างเท่าทีช่ ว่ ยได้ ไม่เคยปฏิเสธหนูเลยสักครัง้ ไม่ใช่พแี่ ท้ๆ ก็เหมือนใช่ ประหลาดดีในความสัมพันธ์ ขอบคุณแฟนคลับ-ไม่ดีกว่า ไม่ชอบคำ�ว่าแฟนคลับ ขอบคุณติ่งกมล-ไม่ดีกว่า ฟังดูเหมือนเป็นติ่งพ่อฉัน ขอบคุณ ‘พวกคุณ’ แล้วกัน อยูด่ ว้ ยกันมาตลอด อยูด่ ว้ ยกัน ไปอีกนานๆ นะ ขอบคุณทุกๆ คน ทุกๆ เรือ่ งราว ทีเ่ ข้ามาในชีวติ ทีเ่ ข้ามา อยู่ใน ‘มุมมองเห็น’ ขอบคุ ณ มอคครั บ ที่ อ ยู่ ด้ ว ยกั น มาตั้ ง แต่ ต้ น ฉบั บ แรก ช่วยอ่าน ช่วยแก้ และช่วยถ่ายภาพประกอบบางภาพในเล่มนี้ ขอบคุณคำ�ว่า “ไม่เป็นไรนะ” ในทุกครั้งที่เหนื่อย ท้อ และ หมดกำ�ลังใจ สุ ด ท้ า ย...ขอบคุ ณ คนอ่ า นทุ ก ๆ คน ที่ ติ ด ตามกั น มา ขอบคุณจริงๆ ค่ะ