EVERYDAY STORY [Preview]

Page 1



ทุกวันคือชีวิต ชีวิตคือทุกวัน


E V E RY D AY STO RY

วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ หนังสือในชุด Life & Inspiration เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-085-6 พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2557 พิมพ์ครั้งที่ 2 ตุลาคม 2557 ราคา 220 บาท ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์. EVERYDAY STORY. -- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2557. 216 หน้า. 1.ความเรียง. 0. ชื่อเรื่อง. 895.91301 ISBN 978-616-327-085-6 ในกรณีที่หนังสือมีตำ�หนิจากการพิมพ์ หรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือนั้นกลับมา ทางสำ�นักพิมพ์จะเปลี่ยนให้โดยไม่มีเงี่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น


ที่ปรึกษา บรรณาธิการที่ปรึกษา บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการเล่ม ผู้ช่วยบรรณาธิการ อาร์ตไดเร็กเตอร์ ออกแบบปก/รูปเล่ม กราฟิกดีไซเนอร์ ช่างภาพ เลขานุการ/พิสูจน์อักษร กองบรรณาธิการ/พิสูจน์อักษร การตลาด ประสานงานการผลิต ฝ่ายขายออนไลน์ ผู้จัดการทั่วไป ผู้ช่วยผู้จัดการ ธุรการ ลูกค้าสัมพันธ์ เว็บมาสเตอร์

สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ภูมิชาย บุญสินสุข จิราภรณ์ วิหวา สุรเกตุ เรืองแสงระวี บพิตร วิเศษน้อย เพกา เจริญภักดิ์ เมธาสิทธิ์ กิตติกุลยุทธ์ น้อยแก่น พิมพ์นารา มีฤทธิ์ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ณัฐรดา ตระกูลสม นริศรา เปยะกัง จุฬชาติ รักษ์ใหญ่

จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ ในเครือ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 310 โทรสาร 0-2718-0690 E-mail abook9@gmail.com Official Page facebook.com/abookpublishing แยกสีและพิมพ์ บริษัท ธนาเพรส จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2530-4114 จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609


คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์ นอกจากวันจันทร์ อังคาร พุธ วันสุดสัปดาห์ วันสำ�คัญ ทางศาสนา วันหยุดยาว วันส่งท้ายปีเก่า วันต้อนรับปีใหม่ หรือวันใดๆ ทีถ่ กู ระบุไว้ชดั เจนในปฏิทนิ เชือ่ ว่าทุกคนน่าจะมี วันทีเ่ รานิยามมันด้วยตัวเองจากเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ ในแต่ละวัน วันพุธที่ 1 พฤษภาคมของคุณป้ามาลีอาจเป็นวันมหาเฮง เพราะบังเอิญว่าแกถูกหวย วันที่ 25 สิงหาของพี่ชูพงษ์คือวัน ยอดแย่ เ พราะต้ อ งติ ด แหง็ ก อยู่ บ นถนนเกื อ บสามชั่ ว โมง กว่าจะกลับถึงบ้าน วันที่ 3 กันยาคือวันที่จิราภรณ์รู้สึกโชคดี ในโชคร้าย เพราะถึงจะป่วยจนต้องฉีดยา แต่กไ็ ด้เจอพยาบาล มือเบา ขณะเดียวกัน วันที่ 3 กันยาของน้องข้าวจ้าวคือวัน สีชมพูสดใส เพราะรุน่ พีท่ เี่ ธอแอบชอบหันมายิม้ ให้ตอนนัง่ อยู่ ในโรงอาหารของโรงเรียน ฯลฯ


​เราต่างเป็นเจ้าของวันพิเศษ วันดีๆ วันสุข วันเศร้า วันเหงาๆ วันเฮฮา วันบ้าบอ วันจริงจัง วันท้อแท้ วันทีน่ า่ จดจำ� วันที่อยากลืมเลือน ฯลฯ ด้วยกันทั้งนั้น และที่น่าสนใจคือ ในหนึ่งวันเดียวกันนั้น กลับมีบางคนสุขจนล้น และมีบางคน ร้องไห้อย่างหนัก มีคนล้มลุกคลุกคลาน มีคนประสบความ สำ�เร็จอยู่ตรงเส้นชัย ​ และไม่ว่ามันจะเป็นวันอะไร ในที่สุดมันก็จะผ่านไป อีกหนึ่งวัน วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ คือนักเขียนและบรรณาธิการ ที่เราไม่จำ�เป็นอวดอ้างสรรพคุณใดเพิ่มเติม และ Everyday Story เล่มนี้ คือสมุดบันทึกเรื่องราวในวันต่างๆ ของเขา ที่ประกอบไปด้วยวันสุขสันต์และวันยอดแย่อย่างที่ทุกคนมี บางเหตุการณ์ บางจังหวะ เรื่องราวของวงศ์ทนงอาจพ้องรูป พ้ อ งเสี ย งกั บ เรื่ อ งราวของเราอย่ า งน่ า ประหลาดใจ และ บางเรื่องราวที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง กลับตอบคำ�ถามในใจ ของเราได้อย่างชัดเจน ​ นั่นอาจเป็นเพราะวงศ์ทนงไม่เคยปล่อยให้วันหนึ่งวัน ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมัน และทำ�ให้วันที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้ กลายเป็นวัน แห่งการทบทวน สำ​​​​​​​​ �นักพิมพ์อะบุ๊ก วันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2557


ชายหนุ่มตระกูล แหงนหน้ามองฟ้า

หลายปีก่อนโน้น ก่อนที่ a day จะถือกำ�เนิด ผมได้ยิน ชื่อบรรณาธิการหนุ่มของนิตยสารเล่มหนึ่งที่ฟังดูแปลกและ ฟังดูแข็งแรงดี จำ�ได้ว่าตอนนั้นสมองฝั่งซนๆ ของผมบอกกับ ตัวเองว่าอยากเจอตัวจริงคนที่ชื่อของเขามีความหมายว่า ‘ตระกู ล แหงนหน้ า มองฟ้ า ’ ด้ ว ยอยากรู้ ว่ า เขาจะมี กิ ริ ย า พ้องกับชื่อของเขาไหม กว่ า เราจะได้ เ จอกั นจริ งๆ เขาก็เ ริ่มคิ ดการณ์ ใหญ่ สร้างหนังสือแห่งยุคสมัยที่ชื่อ a day นั่นแล้ว นาย ‘ตระกูลแหงนหน้ามองฟ้า’ ชวนผมเป็นบุคคล ในคอลั ม น์ สั ม ภาษณ์ เ ป็ น ปฐมฤกษ์ ใ นเล่ ม แรกของอะเดย์ ซึ่งมันทำ�ให้เราได้คุยกันเยอะขึ้น


ผมรู้เลยว่าผมถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ แม้ ว่ า เขาจะไม่ ใ ช่ ค นที่ ยื น แหงนหน้ า มองฟ้ า หรื อ นั่ ง เชิ ด หน้ า ตลอดเวลาเหมื อ นตั ว ละครบางตั ว ในหนั ง สื อ การ์ ตู น ญี่ ปุ่ น ตามจิ น ตนาการซนๆ ของผมเลย แต่ ภ าพ ในหัวผมกลับมองเห็นว่าหัวใจของคนหนุม่ คนนีไ้ ม่เคยก้มหน้า หม่นหมองหรือไม่มั่นใจเรื่องใด คนเราจะก้มหน้าหรือเชิดหน้านั้นจะมีเหตุผลอันใด หนุนส่งบ้าง ผมนึกต่อไปเรื่อยๆ ครั้งหนึ่ง ผมเคยเชื้อเชิญให้วงศ์ทนงมาเขียนคำ�นิยม ให้ หนั ง สื อของผมเล่มหนึ่ง วงศ์ทนงเขียนเปรียบเปรยผม เป็นพ่อครัวทีก่ �ำ ลังปรุงอักษราหารจานใหม่ๆ เขาเปรียบเปรย งานเขียนของผมเหมือนร้านอาหารร้านหนึ่ง ผมอ่านคำ�นิยม ครั้งนั้นก็รู้สึกนิยมชมชอบการอุปมาของเขา ผมชอบนักเขียน ทีท่ �ำ ให้คนอ่านเห็นภาพในทุกๆ บรรทัด วงศ์ทนงเป็นอย่างนัน้ จริงๆ ดังนัน้ ในคราวนีเ้ พือ่ มิให้นอ้ ยหน้า ผมจึงต้องขออนุญาต วงศ์ทนงเปรียบเปรยเขาเป็นร้านอาหารเช่นกัน ผมเห็นภาพนี้ชัดครับ ภาพของร้านอาหารที่วงศ์ทนง ทำ � งานอยู่ เ ป็ น ร้ า นที่ แ ต่ ง สวย โก้ แ ละเก๋ ถ้ า จะพู ด ว่ า ร้ า น ของเขาออกแบบตกแต่งได้ดขี นาดให้หนังสือออกแบบตกแต่ง ชั้นนำ�มาถ่ายไปลงปกก็คงไม่เกินเลย น่าแปลกทีผ่ มเห็นภาพร้านอาหารชัดเจน แต่กลับมอง เห็นไม่ชัดว่าวงศ์ทนงทำ�หน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งในร้าน


แวบแรกผมเห็นเขาปรุงอาหารอยูใ่ นครัวเป็นเชฟใหญ่ แล้วก็เห็นอีกทีว่าเขากำ�ลังเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าอย่างคนที่ รู้หัวจิตหัวใจคน พออีกทีหนึ่งผมก็เห็นเขาอยู่ในตลาดสด กำ�ลังหาวัตถุดิบ แต่พอกะพริบตาทีหนึ่งเขาก็มานั่งนับเงิน กับพนักงานบัญชีในฐานะเจ้าของร้านอาหารแล้ว ยิ่งได้มาอ่านเรื่องสั้นๆ ชุดนี้ของวงศ์ทนงยิ่งยืนยัน จินตนาการของผม วงศ์ ท นงเสิ ร์ ฟ อาหารจานไม่ ใ หญ่ ม าก ผมเชื่ อ ว่ า ด้วยความเป็นบรรณาธิการแบบเข้าใจลึกซึ้ง ทำ�ให้เขารู้ว่า เขาควรจะเสิร์ฟอาหารลูกค้าปริมาณแค่ไหนจึงอิ่ม และไม่มี การกินเหลือ ทุกคำ�ในจานอักษรของเขาจึงสร้างความต่อเนือ่ ง ในการกิน ซึง่ คนเสิรฟ์ ดูเหมือนจะต้องวางลำ�ดับความอร่อยไว้ อย่างเข้าใจ ร้านอาหารของวงศ์ทนงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ อาหารหนึ่ ง จานของเขา จั ด สวย พอดี คำ � พอดี อิ่ ม รสชาติหลังจากเคี้ยวไปแล้วหรือที่เรียกกันว่าอาฟเตอร์เทสต์ นั้นยิ่งชนะเลิศ อิ่มแล้วยังคงมีรสติดปลายลิ้นให้หวนหา ที่ผม ชอบที่สุดคือเขาสรรหาเมนูแปลกๆ ที่นึกไม่ถึงมาให้คนกิน ได้สัมผัสตลอดเวลา เรื่องคุณค่าทางอาหารนั้นไม่ต้องพูดถึง ผมเชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งที่พ่อครัวคนนี้ตั้งใจเป็นอันดับแรก


ภาพในความคิ ด ของผม ไม่ ว่ า จะอยู่ ใ นคราบของ พ่อครัว เด็กเสิร์ฟหรือเจ้าของ ผมก็ยังเห็นชายหนุ่มคนนี้ ยืนยิ้ม และเป็นการยืนยิ้มอย่างไม่ก้มหน้าอับอายใคร คนเราจะเดิน ไม่ก้มหน้าหรือ ยืน แหงนหน้ามองฟ้ า เหมือนในหนังสือการ์ตูนมันจะมาจากเหตุผลอันใดบ้างหรือ “ทำ�สิง่ นัน้ ด้วยใจรัก” ผมได้ค�ำ ตอบนัน้ ลอยมาทางหนึง่ จากก้นครัว “ทำ�สิง่ นัน้ อย่างมีความสุข” คำ�ตอบนีล้ อยมาอีกทางหนึง่ ของโต๊ะอาหารหน้าร้าน “ไม่ทำ�สิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดหรือขัดใจ” คำ�ตอบนี้ลอยอยู่ ตรงแถวๆ เคาน์เตอร์ ผมเห็นสามคำ�ตอบนี้อยู่คู่กับงานของวงศ์ทนงตลอด เวลาที่รู้จักกัน อันที่จริงผมไม่เคยอ่านบทความของวงศ์ทนงติดๆ กันเป็นจำ�นวนมากอย่างนี้ จึงนับเป็นเรื่องดีและสนุกอย่าง ไม่เคยคิดมาก่อนทีไ่ ด้อา่ นต้นฉบับของเขาอย่างทีต่ อ้ งเรียกว่า วางไม่ ล ง การได้ รั บ เที ย บเชิ ญ ให้ ม าเขี ย นคำ � นิ ย มครั้ ง นี้ ทำ � ให้ ผ มพบว่ า งานเขี ย นที่ เ ขี ย นโดยคนที่ มี วิ ญ ญาณเป็ น บรรณาธิการเต็มเปี่ยมนั้นมันกลมกล่อมอย่างไร คงเหมือน คำ � ที่ ว งการอาหารเขาชมกัน คือ มัน พอดีๆ คำ� และที่ ผ ม


ชอบที่สุดก็คือมันมีรสชาติอาฟเตอร์เทสต์ยาวนานให้คนไป คิดคำ�นึงต่อจากเรื่องที่เขาเขียน ภาพของนาย ‘ตระกูลแหงนหน้ามองฟ้า’ ใส่หมวกเชฟ ภาพหนึ่ ง ภาพของเด็ ก หนุ่ ม ที่ ผู ก หู ก ระต่ า ยเป็ น เด็ ก เสิ ร์ ฟ คล่องแคล่วแนะนำ�อาหารกับลูกค้าอย่างฉะฉานภาพหนึ่ง และเจ้าของร้านตาคมดั่งพญาอินทรีเดินสวมรองเท้าแตะ สำ�รวจตลาดสดหาวัตถุดบิ อีกภาพหนึง่ ยังคงชัดแจ๋วไม่เปลีย่ นแปรในภาพความคิดผมนับตั้งแต่ผมรู้จักเขา แม้จะไม่ได้เชิดหน้าเย่อหยิ่งหรือยืนแหงนหน้าเมื่อย ตลอดเวลา แต่ผมมั่นใจว่าทั้งสามคนที่ว่านั้นไม่มีใครก้มหน้า เลย ประภาส ชลศรานนท์ กันยายน 2557



Because Everyday Is Life And Life Is Everyday เมื่อตื่นลืมตา ชีวิตของคุณก็เริ่มต้น... อันที่จริง มันเป็นการเริ่มต้นวันใหม่อีกวันและอีกวัน เท่านั้น เพราะชีวิตของคุณเริ่มต้นไปเรียบร้อยแล้วนับจาก ครั้ ง แรกที่ คุ ณ สู ด ลมหายใจเข้ า ปอด แล้ ว ร้ อ งอุ แ ว้ อ อกมา ทางปาก วันคืนที่เหลือนับจากนั้น ถ้าจะกล่าวให้ตรงยิ่งกว่า ต้องนับว่า มันคือการ ‘ใช้ชีวิต’ จะใช้จ่ายชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย หรื อ อดออม อย่ า งไรก็ แ ล้ ว แต่ วั น คื น ก็ ล่ ว งผ่ า นไปทุ ก วั น หมดแล้วหมดเลย ไม่มีเหลือทอน แต่ก็ไม่มีเหลือเก็บ สิ่งที่ เราได้รับมอบตอบแทนการใช้ชีวิต คือบทเรียนที่ฝากฝังในใจ ในแง่ดี เราอาจเรียกมันว่ากำ�ไร ในแง่ร้ายลบ เราอาจจบด้วย คำ�ว่า ขาดทุน


แต่ถึงกระนั้น เราก็เอนเอียงและชมชอบที่จะเรียกมัน ว่ากำ�ไรมากกว่า เพราะต่อให้พานพบเรื่องเลวร้าย เจ็บปวด แทบล้มประดาตาย แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า เราทุกคนล้วนมี ต้นทุนที่เหมือนๆ กันในแง่ของการไม่ประสีประสากับชีวิต เวลาล่วงผ่านมาจนถึงวันนี้ เรามีแต่ประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น ในทุกๆ วัน เราสนุกกับชีวิตได้ ล้อเล่นกับมันได้ และเราก็ อาจถูกชีวิตหยอกล้อกลับมาแรงๆ ได้ ล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่ก็เป็นไปเพื่อการเรียนรู้วิธียืนที่มั่นคงในระยะยาว และ อาจนั่งลงได้บ้างเมื่อเมื่อยเกินไป ไม่เรียกกำ�ไร ก็ไม่รู้จะมี คำ�ไหนเหมาะสมเท่า ทั น ที ที่ ที ม งานของเราปั้ น นิ ต ยสารเล่ ม ใหม่ ขึ้ น มา ภายใต้ชอื่ ว่า a day BULLETIN LIFE ผูเ้ ขียนก็ได้รบั ปากพีโ่ หน่ง หรือคุณวงศ์ทนง ว่าจะช่วยคิด tag line หรือ ข้อความสรุป โดยย่อของคอลัมน์ปิดท้ายเล่มที่ชื่อ Everyday Story รับปากไปแล้วในเวลาไม่เกินวันนั้น คำ�ว่า ‘ทุกวันคือ ชีวิต ชีวิตคือทุกวัน’ ก็ผุดขึ้นมาในใจโดยไม่มีคำ�อื่นเป็นคู่แข่ง ให้ลังเล หลังจากนั้น ชีวิตของผู้อ่านก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คอลัมน์ในหน้าสุดท้ายของ a day BULLETIN LIFE กลายเป็น คอลั ม น์ แ รกที่ ใ ครหลายๆ คนเปิ ด อ่ า น คอลั ม น์ ปิ ด ท้ า ย ของเล่ม กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้หลายๆ คนฉุกคิดในเรื่องที่


เคยมองข้ า ม เป็ น จุ ด เริ่ ม แรกของวงน้ำ � แห่ ง ความรู้ สึ ก ที่ กระเพื่อมแผ่ออกไป บางครั้งปิดเล่มไปแล้ว กินกาแฟก็แล้ว ดืม่ น้�ำ ตามมากๆ ก็แล้ว ความรูส้ กึ บางอย่างก็ยงั กระเพือ่ มค้าง ต่อเนื่องอยู่ในใจ ตรงนี้เราเองไม่ได้รู้สึกไปคนเดียว เพราะ มีจดหมายจากมิตรรักนักอ่านส่งมาชื่นชมคอลัมน์นี้อย่าง ไม่ขาดสาย ทุกวันนี้ เราทุกคนใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบเพื่อพาตัวเอง ไปถึงเป้าหมายในอนาคตข้างหน้า ที่เราเชื่อว่ามันต้องดีกว่า เรากลายเป็นคนเฝ้ามองแต่ชีวิตในวันข้างหน้า จนลืมสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวันในชีวิต ลืมสนใจกระทั่งวิธีทำ�ให้มันดี ในแต่ละวัน เพียงเพราะมันเป็นแค่วนั นี้ ไม่ใช่ภาพของอนาคต ที่เรารอคอย ‘วันนี้’ ดูราวกับเป็นวันคืนที่ไม่มีเสน่ห์ให้เราโหยหา อาลัยเหมือน ‘วันวาน’ ไม่มีเสน่ห์ให้เราดิ้นรนไขว่คว้าเหมือน วันคืนที่รอคอยอยู่ข้างหน้า วันคืนที่เราไม่รู้แน่ แต่เราเชื่อว่า มันต้องดีงาม ขณะที่ วั น นี้ แ ละทุ ก ๆ วั น ที่ เ ราตื่ น ลื ม ตา เป็ น วั น แห่งความจริงที่เราสลัดทิ้งไปไม่ได้ แต่ต้องใช้ชีวิตไปจนกว่า จะหมดวัน พบเจอเรือ่ งราวมากมายสารพัดจนกว่าจะหมดแรง แล้วล้มตัวลงนอน ลืมตาขึน้ มา เราก็อยูใ่ นอนาคตของเมือ่ วาน ที่พร้อมจะกลายเป็นอดีตของวันพรุ่งนี้


อีกครั้ง ที่เรามีแค่ ‘วันนี้’ ให้ครอบครองและใส่ใจ ทุกๆ วันที่เรามี จึงเป็นโอกาสดีๆ ให้เราพบเจอเรื่องราวที่ ไม่ซ้ำ�กัน ชีวติ ผ่านเลยเราไปทุกวัน แต่ไม่ใช่ทกุ วัน ทีเ่ ราจะเข้าใจ และผ่ า นบททดสอบของชี วิ ต ไม่ ใ ช่ ทุ ก วั น อี ก เหมื อ นกั น ที่เราจะบันทึกบทเรียนไว้ให้ตัวเองได้อ่านทวน โชคดีที่เรามี นักเขียนอย่างวงศ์ทนง คอยสังเกตสังกา จดจำ� และบันทึกไว้ให้ เพียงแต่บนั ทึกเล่มนีเ้ ป็นบันทึกทีท่ กุ คนสามารถเป็นเจ้าของได้ ไม่ต้องแอบอ่าน เพราะเรื่องราวในนั้น บางทีก็เหมือนเป็น เรื่องของเราเอง บางเรื่องเราก็ลืมไปแล้ว และบางเรื่องเราก็ยังไม่ลืม ขอให้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเหล่านี้ อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร a day BULLETIN และ a day BULLETIN LIFE


CON TENTS 020

ชีวิตคือการเรียนรู้ทุกเมื่อเชื่อวัน

026

ฮีโร่เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง

032

ไม่ว่าอยู่ที่ไหน เราต้องอยู่ให้สบายใจ

040

One Dollar For Friend

048

มีความหลังฝังใจอยู่ในเพลงที่เราฟัง

056

ทรัพย์สินมีค่าชื่อเวลา

062

ชีวิตที่ดีควรถูกท้าทายโดยงานที่น่าทำ�

068

ความซวยอันน่าจดจำ�

076

อุณหภูมิชีวิตจิตใจ

084

ข้อควรปฏิบัติต่อความฝัน

090

ทำ�อะไรเล็กๆ ง่ายๆ ก็มีความสุขได้


098

ถ้ายังบินไม่เป็นก็เดินไปก่อน

106

ในความเป็นคน

114

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน

122

คุณูปการของความป่วยไข้

130

อยากเติบโตก็ต้องออกไปผจญภัย

138

ยิ่งชิดใกล้ยิ่งต้องดูแลความรู้สึกให้มาก

146

คำ�สารภาพของคนที่ผิดพลาดไปแล้ว

154

อุปสรรคคือสิ่งที่เราต้องอัดมันให้คว่ำ�

162

เรื่องของผู้หญิงที่เราจะรักไปตลอดชีวิต

170

ความรักหาใช่การจ้องมองกันและกัน

178

กาแฟที่เรากินมันขมและดำ�ขึ้นทุกวัน

186

เพราะชีวิตเป็นของเรา

194

วันเวลาและสถานที่



ชีวิตคือการเรียนรู้ ทุกเมื่อเชื่อวัน​ ‘เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง’ ผมรู้ซึ้งไอ้คำ�พูดนี้ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.2 ในงานกีฬาสี ประจำ�ปีของโรงเรียน ตอนนั้นผมเป็นนักกีฬา (เรียกเสียหรู) วิ่ง 4 คูณ 50 เมตรของสีส้ม ทีมผมเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้า เหรียญทอง เพราะพิจารณาจากนักวิง่ รายตัวล้วนแล้วแต่ฝเี ท้า จัดจ้านทัง้ สิน้ ผมถูกวางให้เป็นไม้สดุ ท้าย ซึง่ ถ้าคุณเคยติดตาม การแข่งขันวิ่งผลัดในทัวร์นาเมนต์ระดับโลก ก็คงรู้นะครับว่า ไม้สุดท้ายนี่เขามักวางตัวคนที่วิ่งเร็วที่สุดไว้ เพื่อให้สปรินต์ ทิ้งคู่แข่งให้ขาด พุ่งเข้าแตะเส้นชัยอย่างสง่างามพร้อมเสียง ปรบมือก้องสนามของผู้ชมบนอัฒจันทร์ 21


อธิบายง่ายๆ ให้เห็นภาพแล้วกัน ยูเซน โบลต์ ก็ไม้ สุดท้ายน่ะคุณ แต่พอกรรมการเป่านกหวีดปี๊ดเริ่มการแข่งขันเท่านั้น แหละ ฉัตรชัย ไม้หนึ่งของทีมสีส้ม ดันทำ�ไม้หลุดมือหลังจาก ออกสตาร์ทไปได้แค่ไม่กก่ี า้ ว ตอนนัน้ ผมมองดูฉัตรชัยวิ่งย้อน กลับไปก้มเก็บไม้เหมือนกับเก็บหัวใจผมทีห่ ล่นตุบ้ ตามไปด้วย จากไม้หนึ่งมาไม้สอง ไม้สองมาไม้สาม และไม้สามที่กำ�ลังจะ มาถึงไม้สี่ ทีมเราวิ่งตามหลังคู่แข่งมาตลอด เมื่อไม้ถูกส่ง มาที่มือผมซึ่งเป็นไม้สุดท้าย ไม้พระเอก นักวิ่งลมกรดแห่ง ความหวังของทีม ผมยื่นมือรับไม้จากสุทธิศักดิ์แล้วพุ่งฝีเท้า ไปข้างหน้าสุดชีวิต... เอาล่ะ ไม่ใช่การ์ตูนอะนิเมะหรือหนังฟีลกู๊ด ทำ�นอง ผูท้ ดี่ เู หมือนจะพ่ายกลับมาพลิกคว้าชัยชนะในท้ายทีส่ ดุ หรอก ตัดกลับมาสู่โลกความจริงเลยแล้วกัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน บ่ายวันนั้นคือ ผมวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่โหล่ในจำ�นวนทั้งหมด ห้าทีม ทีมเรายืนเข้าแถวมองดูทีมสีฟ้าซึ่งเป็นเต็งสองขึ้นรับ เหรียญทองจากผู้อำ�นวยการโรงเรียน แล้วพวกเราผู้พ่ายแพ้ ยับเยินก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันอย่างจ๋อยๆ เหตุ ก ารณ์ นั้ น มั น ไม่ ถึ ง กั บ สอนอะไรชี วิ ต ผมหรอก นะครับ ถ้าให้นกึ ย้อนกลับไปคิด (เนีย่ ตอนนีผ้ มก็ก�ำ ลังคิดอยู)่ เราอาจเรี ย นรู้ อ ะไรจากมั น ได้ อ ยู่ เ หมื อ นกั น เป็ น ต้ น ว่ า 22


อย่าประมาทเลินเล่อ อย่าชะล่าใจว่าเราเก่งกว่าใคร ต้องตัง้ ใจ ฝึกซ้อมให้มากกว่านี้จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดเวลาแข่งจริง แล้วก็อย่ากินข้าวมันไก่ก่อนลงแข่งวิ่งเพราะมันจะจุก ฯลฯ แต่จริงๆ ผมแค่คิดว่า คนเราทุกคนมี ‘เรื่องราว’ อยู่ในชีวิต ของเราเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่ละวันของเรานั้น ลองสังเกตดูสิครับ มันมักไม่ค่อยซ้ำ�กันเลย โอเค คุณอาจ แย้งว่าก็ซ้ำ�อยู่นา เนี่ย ฉันนั่งทำ�บัญชีอยู่กับที่ทั้งวัน ยืนเฝ้า หน้าเคาน์เตอร์ หรือเบียดกับฝูงคนอยู่ในรถไฟฟ้าช่วงเย็น เหมื อ นเมื่ อ วานเป๊ ะ เลย แต่ ผ มว่ า มั น ต้ อ งมี ร ายละเอี ย ด บางอย่างที่ต่างไปบ้างล่ะน่า อาจจะเป็นจำ�นวนตัวเลขที่เรา ต้องจัดการ หน้าตาของผู้คนและสิ่งแวดล้อมที่เราพบเจอ หรืออย่างน้อย อากาศวันนี้ก็ร้อนน้อยกว่าเมื่อวานตั้งหลาย องศา ข้าวกลางวันก็กินอีกร้าน ละครหลังข่าวก็ไม่ได้ฉาย ตอนที่ซ้ำ�กับเมื่อคืนเสียหน่อย ‘Everyday has its own story.’ ผมคิดว่าแต่ละวัน เป็นเจ้าของวันของมันเอง คิดดูดีๆ สิ ไม่มีชีวิตใครซ้ำ�กับใคร เลยนะครับ เราเป็น ‘เจ้าของ’ ชีวิตเราเอง มันอาจจะมีบท ภาคบังคับที่ส่งมาให้เราต้องเล่นเป็นลูก เป็นพ่อแม่พี่น้อง เป็นสามีภรรยา เป็นนักศึกษา เป็นอาจารย์ เป็นเจ้าของบริษทั เป็นพนักงาน เป็นประชาชนหรือเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไอ้ซรี สี ์ เรื่ อ งนี้ นี่ เ ราสามารถลงมื อ กำ � กั บ เองได้ จ ริ ง ๆ นะครั บ ว่ า 23


อยากให้มันออกมายังไง อยากให้มันสุขหรือเศร้า สำ�เร็จ หรือล้มเหลว ชนะหรือพ่ายแพ้ ขอแค่ให้ใส่ใจกับมันมากๆ หยิบฉวยวันเวลาของเรามาใช้ให้เต็มที่ (อย่างที่ฝรั่งเขาพูดว่า ‘Seize the day.’) แล้วก็กล้าทีจ่ ะเป็นตัวของตัวเองหน่อยเหอะ ครัง้ หนึง่ นานมาแล้ว ผมเคยตอบนักข่าวทีม่ าสัมภาษณ์ ผมเรื่องชีวิตและความคิดว่า “ผมไม่อยากให้ชีวิตแต่ละวัน ของผมเหมือนกันเลย” แหม…โคตรเท่เลยนะครับ จำ�ไม่ได้ เหมือนกันว่าเขาถามอะไรผมถึงตอบไปอย่างนั้น แต่ผมชอบ ให้ชีวิตผมเป็นอย่างนี้แหละครับ แต่ละวันที่ผ่านไปมีเรื่องราว แปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาให้เราได้สขุ บ้าง ทุกข์บา้ ง ดีใจบ้าง เสียใจ บ้าง รู้สึกภาคภูมิใจหรือล้มเหลวไร้ค่าบ้างคละกันไป แต่ใน ท้ายที่สุด ไม่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะทำ�ให้เราหัวร่อเป็นบ้า เป็นหลังหรือร้องไห้จนแทบสิ้นสติ ผมคิดว่าสิ่งที่สำ�คัญที่สุด คือมันได้มอบ ‘บทเรียน’ อะไรบางอย่างแก่เรา ชี วิ ต คื อ การเรี ย นรู้ ทุ ก เมื่ อ เชื่ อ วั น ผมเชื่ อ อย่ า งนั้ น ส่ ว นไอ้ คำ � พู ด ที่ ว่ า เริ่ ม ต้ น ดี มี ชั ย ไปกว่ า ครึ่ ง นั่ น ก็ ไ ม่ สำ � คั ญ เท่าคุณได้เริ่มต้นเสียทีรึยังหรอกครับ

24




คำ�ตาม

ออกหนังสือใหม่ทีไร ผมดีใจนะครับ ​ ผมคิดว่าคงคล้ายๆ กับผู้กำ�กับหนัง ทำ�หนังเรื่องใหม่ เสร็จรอฉาย คนทำ�เพลงเพิง่ เสร็จสิน้ จากการทำ�อัลบัม้ ชุดใหม่ เตรียมวางขายพร้อมวางแผนทัวร์คอนเสิร์ต ศิลปินแต้มสี บนผืนผ้าใบแปรงสุดท้าย ออกมายืนเพ่งมองผลงานแล้ว บอกกับตัวเองว่า เอาละ พอละ ​กระบวนการทำ�หนังสือเล่มหนึ่งก็มีอะไรบางอย่าง คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในเรื่องการทำ�งานเป็นทีม เริ่มจาก นักเขียนสร้างงานเขียนขึ้นมา บรรณาธิการช่วยดูแลความ เรียบร้อยราบรืน่ ของชิน้ งาน ฝ่ายพิสจู น์อกั ษรตรวจทานคำ�ถูก คำ�ผิด ศิลปินทำ�ภาพประกอบ อาร์ตไดเร็กเตอร์ลงมือออกแบบ


รูปเล่ม ฝ่ายผลิตประสานงานกับโรงพิมพ์ จัดการพิมพ์มนั ขึน้ มา แล้วส่งต่อให้ฝ่ายจัดจำ�หน่าย นำ�ไปวางขายตามร้านหนังสือ ให้ผู้คนได้ซื้ออ่าน ​หลังจากผู้อ่านได้อ่านหนังสือที่เราเขียนแล้วส่งเสียง สะท้อนกลับมา นี่คือช่วงเวลาที่ผมมีความสุข ​ ก่อนจะมาเป็นนักเขียน ผมเคยเป็นนักอ่านที่อยากได้ ลายเซ็นของนักเขียนที่เราชื่นชมมาก่อน ผมเคยเป็นเด็กที่ไป เข้าคิวต่อแถวขอลายเซ็น เสนีย์ เสาวพงศ์, ’รงค์ วงษ์สวรรค์, ทมยันตี, โบตั๋น, วาณิช จรุงกิจอนันต์, ประภัสสร เสวิกุล, อัศศิริ ธรรมโชติ, วัฒน์ วรรลยางกูร, ชาติ กอบจิตติ, ศุ บุญเลีย้ ง และนักเขียนชื่อดังอีกหลายๆ ท่านในงานสัปดาห์หนังสือ วั น หนึ่ ง พอได้ ม าเป็ น คนเขี ย นหนั ง สื อ ได้ ไ ปแจกลายเซ็ น ในงานหนังสือบ้าง ผมจึงคิดว่าผมเข้าใจทั้งความรู้สึกของ นักอ่านและนักเขียน ​ในงานสัปดาห์หนังสือบางปี เชื่อไหมครับผมต้องยืน เซ็นหนังสือติดต่อกันนานถึงห้าชั่วโมงโดยไม่ได้พัก ถ้าจะให้ พูดจริงๆ ก็เหนื่อยอยู่นะครับ กลับถึงบ้านก็นอนแผ่หมดแรง เลย แต่มันเป็นความเหนื่อยที่มีความสุขและผมก็ยินดี คิดดู สิครับมีอย่างที่ไหน ผู้คนมาซื้อหนังสือเรา เข้าคิวขอลายเซ็น เรา ขอจับมือถ่ายรูปกับเรา ยิ้มแย้มทักทายชื่นชมผลงาน ของเรา สารภาพตามตรงว่ า บางที ผ มยั ง นึ ก อิ จ ฉาอาชี พ ที่ตัวเองทำ�อยู่เลย


​ ไม่ใช่เพราะโชคดีหรอกผมรู้ดี ที่ผมได้มาเป็นนักเขียน นี่มันมาจากความมุ่งมั่นตั้งใจของผมตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่รู้ตัวเอง ว่าชอบอ่านหนังสือ ชอบเขียนเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ผมก็พอรู้เลาๆ แล้วล่ะว่า อาชีพที่ผมอยากทำ�คืออะไร แล้ว เข็มทิศชีวิตผมก็แทบจะไม่เคลื่อนไปจากความตั้งใจแรกเลย จนถึงวันนี้ พูดได้เต็มปากเต็มคำ�ว่าผมยังอยากเขียนหนังสือ อยูเ่ สมอ อยากสร้างงานเขียนให้ดขี นึ้ กว่าทีเ่ คยทำ�ได้ ทีส่ �ำ คัญ ผมยั ง คอยหมั่ น ถามตั ว เองว่ า เรายั ง มี ค วามสุ ข ที่ ไ ด้ เ ขี ย น หนังสือไหม พอคำ�ตอบทุกครัง้ ออกมาว่าใช่ ก็ไม่มเี หตุผลอะไร ที่ผมจะไม่ลงมือทำ�การงานแห่งความรักนี้ต่อไป ​นับตัง้ แต่หยุดพักการเขียนคอลัมน์รายเดือนลงนิตยสาร a day เมือ่ สองปีทแี่ ล้ว ผมก็ไม่ได้เขียนอะไรลงหนังสืออยูน่ าน เกือบปี จนรู้สึกว่าหากปล่อยไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่ งานเขียน ก็เหมือนกับงานช่างหรือนักกีฬานะครับ ถ้าไม่หมั่นฝึกซ้อม ฝึกทำ�อย่างต่อเนื่อง มันก็มีโอกาสที่ฝีไม้ลายมือเราจะตกลง จังหวะที่นิตยสารแจกฟรี a day BULLETIN LIFE ถือกำ�เนิด ขึ้น ผมคิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ลงนวมฝีมือด้วยการเขียน ทุ ก สั ป ดาห์ ผมจึ ง ถื อ โอกาสขอบรรณาธิ ก ารเปิ ด คอลั ม น์ ที่หน้าสุดท้ายของนิตยสาร โดยตั้งชื่อมันเรียบๆ ง่ายๆ ว่า Everyday Story เช่นเดียวกับงานเพลงและงานหนัง ผูก้ �ำ กับฯ คนทำ�เพลง หรือนักเขียน พอมาถึงจุดหนึ่งมักไม่ใคร่อยากทำ�อะไรซ้�ำ รอย


สิ่งที่เคยทำ�ไว้ งานเขียนของผมก็เช่นกัน มันเปลี่ยนแปลงไป ตามวันเวลาและวุฒิภาวะของชีวิต บางช่วงผมชอบเขียน อะไรที่อบอุ่นอ่อนไหว บางช่วงอยากเขียนอะไรล้ำ�ๆ สำ�นวน สวิงสวาย บางช่วงก็ชอบเขียนเทศนาผู้คนราวกับสำ�คัญตน เป็นศาสดา เราสามารถอ่านคนได้พอสมควรจากสิ่งที่เขาคิด เขาเขียนนะครับผมว่า ​ สำ�หรับ Everyday Story ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย เลยครับ ผมเพียงตั้งใจจะเขียนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม อาจเป็นประสบการณ์ในอดีตย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็ก หรือ เป็ น ประสบการณ์ ที่ เ พิ่ ง เกิ ด ขึ้ น สดๆ ร้ อ นๆ สิ่ ง สำ � คั ญ คื อ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตผม แล้วผม ‘ได้เรียนรู้’ อะไร บางอย่างจากมัน ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องดีมาก ถ้าในแต่ละวัน ที่ผ่านไป ชีวิตเราได้บทเรียนจากผู้คนที่เราพบเจอหรือจาก เหตุการณ์ไม่ว่าดีหรือร้ายที่เกิดขึ้น ทำ�ได้อย่างนี้ วันเวลา ของเราก็ไม่สูญเปล่าเกินไปนัก ​ อีกอย่างที่ผมภูมิใจอยากคุยคือ ตลอดหลายเดือน ที่ผ่านมานับตั้งแต่ a day BULLETIN LIFE ฉบับแรกออกแจก ผมไม่เคยขาดส่งคอลัมน์เลยสักครัง้ นะครับ แถมยังส่งคอลัมน์ ตรงเวลาทุกครัง้ อีกต่างหาก และแม้จะต้องฝ่ากองงานมากมาย เพือ่ มานัง่ เขียนคอลัมน์ประจำ�ทุกสัปดาห์ แต่ผมกลับรูส้ กึ สนุก ทุกครั้งที่ได้ลงมือเขียนคอลัมน์นี้ a day BULLETIN LIFE


ฉบับใหม่ออกเมื่อไหร่ ผมก็จะนั่งอ่านคอลัมน์ของผมซ้ำ�ไป ซ้ำ�มาหลายรอบ นี่ถือเป็นมาตรวัดได้อย่างหนึ่งว่าผมยังมี ความสุขกับงานเขียน ยิ่งมีคนอ่านส่งเสียงกลับมาว่าชอบ และได้อะไรจากสิ่งที่ผมเขียน นั่นถือเป็นกำ�ไรความสุขเห็นๆ เลยนะครับ กล่าวโดยสรุป Everyday Story เป็นงานเขียนชุดหนึ่ง ทีใ่ นฐานะนักเขียน ผมรูส้ กึ พึงพอใจมาก ผูอ้ า่ นบางคนบอกว่า ได้อ่าน Everyday Story แล้วทำ�ให้นึกถึงงานเขียนสมัยแรกๆ ของผมเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วอย่าง เรื่องเล็ก หรือ หญิงสาว นักขายขนมปัง ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่ดี เพราะก่อนที่จะเขียน Everyday Story ผมนึกถึงหนังสือหลายเล่มของ โรเบิรต์ ฟูลกัม ทีผ่ มได้อา่ นเมือ่ หลายปีกอ่ น โดยเฉพาะเล่ม All I Really Need to Know I Learned in Kindergarten ไหนๆ ก็พูดถึงแล้ว มีหนังสืออีกสามสี่เล่มที่เป็น ‘ทาง’ ให้กับคอลัมน์นี้ ได้แก่ Love and Marriage และ Fatherhood โดย บิล คอสบี Letter to My Daughter โดย มายา แองเจโล และ Sh*t My Dad Says โดย จัสติน ฮัลเพิร์น บางเล่มเป็นหนังสือเก่า ที่ ผ มอ่ า นนานแล้ ว บางเล่ ม ก็ เ พิ่ ง อ่ า นไม่ น าน แต่ ทุ ก เล่ ม มี ค วามเหมื อ นกั น คื อ เป็ น หนั ง สื อ ที่ อ่ า นง่ า ย อ่ า นสนุ ก อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรบางอย่าง ซึ่งผมก็อยากให้คุณผู้อ่าน ได้สง่ิ เหล่านี้จากหนังสือของผมเล่มนี้ด้วยเช่นกัน


​ ก่อนจะจบคำ�ตามของ Everyday Story ผมขอขอบคุณ พี่จิก-ประภาส ชลศรานนท์ ที่กรุณาเขียนคำ�นำ�ให้หนังสือ เล่มนี้ของผม ซึ่งในฐานะคนที่เป็นแฟนคลับประภาส ติดตาม ทุกสิง่ ทีป่ ระภาสทำ�มายาวนาน ผมรูส้ กึ ซาบซึง้ ใจยิง่ นัก ขอบคุณ ตุ๊ ก -วิ ไ ลรั ต น์ เอมเอี่ ย ม สำ � หรั บ การเปิ ด พื้ น ที่ ใ น a day BULLETIN LIFE ให้ผมเขียนคอลัมน์จนกลายเป็นหนังสือ เล่ ม นี้ และยั ง ช่ ว ยเขี ย นคำ � นำ � อย่ า งดี ใ ห้ อี ก ชิ้ น ขอบคุ ณ บิ๊ก-ภูมิชาย บุญสินสุข บรรณาธิการสำ�นักพิมพ์ a book และชาว abooker ทุกคน โบลด์ ทราย ตาล ฝัน เบนซ์ แป้ง จอม เบส ปู๊น อ้อม ที่ช่วยผมทำ�หนังสือเล่มนี้จนออกมา เป็นเล่มเรียบร้อยสมบูรณ์ รวมทั้ง เต้-จิราภรณ์ วิหวา ที่ช่วย เป็นบรรณาธิการเล่มให้ ขอบคุณพี่ป๊อป พี่อ้อย พี่ติ๊ก พี่อ้อ ปิงปอง อุ๊ เป้ง กุ้ง ตุ๊กตา และพี่น้องเพื่อนร่วมงานของผม ทุกคนที่ เดย์ โพเอทส์ และที่ตึกเตรียมชาญชัย ขอบคุณ ครอบครัวผม พ่อแม่พี่น้องและหลานสาวที่ผมรักและรักผม ขอบคุณน้าที่มาอยู่เป็นชีวิตจิตใจให้เรา ขอบคุณน้อยแก่น สำ�หรับภาพถ่ายทีเ่ พิม่ ชีวติ ชีวาให้กบั หนังสือเล่มนี้ รวมทัง้ การ ให้ความรักและให้ก�ำ ลังใจแก่ผมเสมอมา “You complete me.” ขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักของผมทุกคนด้วยครับ

วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ กันยายน 2557




วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด บรรณาธิการอำ�นวยการและบรรณาธิการที่ปรึกษา นิตยสาร a day, HAMBURGER, a day BULLETIN, a day BULLETIN LIFE, สำ�นักพิมพ์ a book และ สำ�นักพิมพ์ Polkadot ผู้ก่อตั้งและประธานองค์กรไม่แสวงผลกำ�ไร a day Foundation ผลงานหนังสือ 2543 2546 2547 2548 2548 2549 2550 2552 2553 2555 2555 2556 2557

เรื่องเล็ก a day Story The Bear Wish Project หญิงสาวนักขายขนมปัง มากกว่านั้น Wake Up! Question Mark Try มัชฌิมนิเทศ No More No Less In My Life Day After Day Everyday Story

ติดตาม wongthanong.com twitter.com/wongthanong twitter.com/adayfoundation facebook.com/adayfoundation



น้อยแก่น ผู้ เ ขี ย นหนั ง สื อ Come Rain Come Shine Singapore, Hong Kong, Seoul, Tokyo สนใจงานศิลปะพอๆ กับตัวเลขเขียวๆ แดงๆ รักการเดินทางพอๆ กับการอยู่บ้าน ชอบใช้เวลาไปกับการ ชงกาแฟ ถ่ายรูป จัดบ้าน อ่านหนังสือ และเป็นคนแรกทีไ่ ด้อา่ นต้นฉบับ Everyday Story แบบอุ่นๆ จากมือคุณวงศ์ทนงทุกตอน บางคราวก็ได้ ไปป้วนเปี้ยนอยู่ในงานเขียนของเขาด้วย วันดีคืนดีก็มีคำ�ชักชวนให้มา ถ่ายภาพประกอบใน Everyday Story เล่มนี้ โดยมีโจทย์ง่ายๆ ว่า ‘ตีความได้ตามใจชอบ’ เลยเริม่ ต้นด้วยการอ่านเรือ่ งทัง้ หมดซ้�ำ ไปมาอีก หลายๆ รอบ จนเกิดภาพฟุ้งๆ นึกไปถึงของสะสมของคุณวงศ์ทนง หลายๆ ชิ้นที่เป็นตัวแทนเล่าเรื่องได้ บางเรื่องก็มีภาพในใจที่ตีความ ไว้แล้ว เป็นภาพที่เล่าเรื่องได้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวตนของผู้เขียนเลย ขอบคุ ณ คุ ณ วงศ์ ท นงที่ ชั ก ชวนให้ ม าร่ ว มเล่ า เรื่ อ ง Everyday Story ผ่านภาพถ่ายจากมุมมองตรงนี้ของเรา และขอบคุณที่ให้อิสระในการ ตีความทุกเรื่องราวได้ตามใจชอบ ติดตาม Facebook | Pim Nejimeji Instagram | @nejimeji



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.