ISSUE 07 | AUGUST - SEPTEMBER | 2013
1
VASLAB VISIT
www.achieverforum.com www.facebook.com/achieverforum
2
INFINITE LEARNING
PROFESSIONAL
LEADERSHIP
ENTHUSIASM
MANPOWER
INNOVATIVE
“When people look at you, they create an image on your appearance.”
Paul and Jenny Personality for Success program is specifically designed for persons who wish to polish their skills and improve their professional image. Our contents are presented in a hilarious and relaxed style that cuts to the heart of today’s etiquette concerns step-by-step, systematic methods to enhance your personality through discussion and practice sessions. The learning course takes place in a friendly, informal and comfortable atmosphere. The entire program is completely focus on practical methods. It is designed to develop the finer, positive facets in your personality.
Paul and Jenny 4
Personality for Success
www.cc-knowledgebase.com Tel : +66 2 255 0211-5
C O NT ENT S
E D I T O R ’ S PA G E
TO T H E REA DER CONTENTS
เมื่อมาถึงเล่มที่ 7 มีคนบอกว่าเลข 7 นี่เป็นเลขที่ดี เป็นเลขเเห่งโชคลาภ เช่น สวรรค์ยังต้องมีชั้น 7 รถยนต์ราคาแพงก็ Series 7 ฉะนั้น การเป็นเล่มที่ 7 น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
FREE COPY
แต่ก็มีคนบอกกันว่าการแต่งงานนั้นปีที่ 7 เป็นปีที่ยากที่สุดในการครองคู่ ผมเองก็ ไม่ทราบ ก็เดาเอาว่าแต่งงานมา 7 ปีน่าจะมีลูกสองคนถึงสามคน ครอบครัวสมัยก่อนถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องเหนื่อยแน่ อาจจะเป็นสาเหตุแห่ง การพิสูจน์ความรักกันว่า เธอรักฉันมากแค่ไหน
ISSUE 07 | AUGUST - SEPTEMBER | 2013 05 Editor Page 06 S tart Your Engine 08 Hot Spot 10 Our King 12 Achiever Of The Month 18 ASEAN Alert 20 1 On 1 21 Manager’s Tips 22 Artchiever 24 Architecture Focus
CONTRIBUTORS
26 Interior Insight 30 Leading the leader 31 The Legend 32 Next Destination 34 Entertainment 36 Fashion+Trends 38 Beauty Tips 40 Tech Tools 42 The Job 44 Food For Life 48 Achiever’s Spotlight 51 Membership/Where to find us
Editor-in-Chief M.L. Chaivat Jayankura ม.ล. ชัยวัฒน์ ชยางกูร Managing Director
Chompaka Jayankura Na Ayudhya ฉมผกา ชยางกูร ณ อยุธยา Features Editor/President Sasivadee Jayankura Na Ayudhya ศศิวดี ชยางกูร ณ อยุธยา Marketing Manager Siwawooth Rattanachong ศิวาวุธ รัตนชงค์ Copywriter/Editor Pakazite Sudchai ปกาศิต สุดใจ Graphic Designer Kritsada Suradejpaisarn กฤษฎา สุระเดชไพศาล Finance/Accounting Dutjamart Preechayangkun ดุจมาศ ปรีชญางกูร Fashion Editor Nitnada Panpipat นิตนดา พันธุ์พิพัฒน์ Writers Kriengsak Niratpattanasai เกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย Nitnada Panpipat นิตนดา พันธุ์พิพัฒน์ Verarit Vincent Veranondh วีรฤทธิ์ วีรานนท์ Natthacha Arphamongkol ณัฐชา อาภามงคล Kitti Kanchanachaya กิตติ กาญจนฉายา Jenn Pongpun เจ็น พงษ์พันธ์ Noppadol Pelinsevi นพดล เปลินเสวี Gardiner Peckham Photographers Nakorn Panusittikorn นคร ภาณุสิทธิกร Chalat Jirapayungchai ชลัท จิรพยุงไชย Panurak Prajaksoot ภานุรักษ์ ประจักษ์สูตร Achiever Design and Advertising Co., Ltd.
บริษัท แอคชีฟเวอร์ ดีไซน์ แอนด์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำ�กัด 1104/91 หมู่บ้านโนเบิล คิวบ์ ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ Tel. +662 255 0211-5 Fax: +662 255 0217 E-mail: achiever@achieverforum.com 5
เศรษฐกิจในช่วงนี้เป็นการปราบเซียน เห็นชัดเจนขึ้นเมื่อผ่านเดือน 7 มา อัตราการบริโภคต่ำ�มาก ซึ่งก็ ไม่ได้เกิดที่ประเทศไทยที่เดียว ที่อื่นก็เหมือนกัน คราวนี้ใครมีตำ�ราอะไรคงงัดกันมาใช้สู้ คนเก่งจริงอยู่ได้ คนเก่งเพราะเฮงถอยไปไกล ๆ หนังสือเล่มท 7 ของเรายังขับเคลื่อนไปในทิศทางของมันที่มันควรจะเป็น ทีมงานมีการทำ�งาน เป็นระบบกันมากขึ้น คนที่ทำ�ได้ ไม่ค่อยดีในช่วงแรกก็ทำ�ได้ดีมากยิ่งขึ้น ทีมงานเข้าทีมกันมากขึ้น ที่สำ�คัญเราก็อยากได้ลูกค้ามากขึ้นไปอีก การทำ�งานที่มีคุณภาพต้องการการสนับสนุนเพื่อ เป็นกำ�ลังใจ เรายังมุ่งมั่นในการทำ�งานที่ดี มีเป้าหมายชัดเจน ขอให้ท่านเป็นกำ�ลังใจให้ก็เพียงพอแล้ว
This is our 7th issue. Thais believes that number 7 is a lucky number as the old saying, “7th heaven,” is the highest heaven. “7-Series” is a series of one of expensive cars. Then, number 7 would probably be a lucky one. Besides, there is a saying “The 7 Year Itch” which means the 7th year is a hard time for a couple. I don’t really know about it. I guess, in the 7th year of a married life, a couple might have already got 2 or 3 children which is normal in the old days but it’s very difficult for people these days to handle it. This is the time to prove their true love. In the end of July, the 7th month of the year, the economy was unstable. Consumption rate fell down all over the world. Everyone has to struggle and only the smart ones will get through tough time. As the matter of fact, this is our 7th issue, our magazine is growing stronger, together with our growing team. Some of our staff improve from the first day and just gets better and better in which make us to be a better team. Most importantly, we would not be able to succeed to this certain point without support from our sponsors, our future sponsors and our readers. We are still working hard to achieve our goal and we do hope for our readers’ blessing.
S TA R T Y O U R E N G I N E “Ignorance is dangerous, but knowledge without responsibility is more dangerous.” Bruce B. Clark
“ความไม่รู้นั้นอันตราย แต่ความรู้ที่ขาดความรับผิดชอบ นั้นอันตรายยิ่งกว่า” บรูซ บี. คลาร์ค
“If you accept the expectations of others, especially negative ones, then you never will change the outcome.” Michael Jordan “ถ้าคุณยอมรับการประเมินค่าจากคนอื่น โดยเฉพาะในแง่ลบ คุณก็ไม่มีทางเปลี่ยนผลลัพธ์ได้เลย” ไมเคิล จอร์แดน
“The whole point of being alive is to evolve into complete person you were intended to be.” Oprah Winfrey “จุดหมายของการมีชีวิตอยู่ก็คือการพัฒนาตนเองไปสู่สิ่งที่คุณตั้งใจไว้ว่าจะเป็น” โอปราห์ วินฟรีย์
“Talent is God given. Be humble. Fame is mangiven. Be grateful. Conceit is self-given. Be careful.” John Wooden
“ความสามารถนั้นมาจากพระเจ้า จงถ่อมตน ชื่อเสียงนั้นมาจากคน จง สำ�นึกบุญคุณ ความเย่อหยิ่งนั้นมาจากตน จงระวัง” จอห์น วูดเดน
“When your work speaks for itself, don't interrupt.” Henry J. Kaiser “เมื่อผลงานของคุณอธิบายตัวเองได้ ก็อย่าไปขัดจังหวะมัน” เฮนรี เจ. ไกเซอร์
“Trust yourself. Create the kind of self that you will be happy to live with all your life.” Golda Meir. “จงเชื่อมั่นในตนเอง และจงสร้างตัวตนที่คุณอยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต” โกลดา แมร์
“Although the world is full of suffering, it is also full of the overcoming of it.” Helen Keller.
“แม้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก แต่ก็ยังเต็มไปด้วยหนทางที่จะก้าว ข้ามมันไปได้” เฮเลน เคลเลอร์ “Simplicity is the ultimate sophistication.” Leonardo da Vinci.
“ความเรียบง่าย คือความซับซ้อนอันสูงสุด” ลีโอนาร์โด ดา วินชี 6
6
H O T SPO T
ศูนย์เรียนรู้วิถีพอเพียง ศูนย์เรียนรู้วิถีพอเพียง เครือเบทาโกร ร่วมแบ่งปัน ตั้งอยู่ที่ ป่าสัก ฮิลล์ ไซด์ รีสอร์ท ได้เปิดศูนย์ต้อนรับน้อง ๆ ชั้น ประถมศึกษาโรงเรียนบ้านหนองบง อำ�เภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ให้ ความรู้ในเรื่องของการเกษตรเพื่อช่วย ลดค่าใช้จ่ายและ เพิ่มรายได้ภายใน ครอบครัว
Betagro Learning Center Betagro Learning Center, located at Pasak Hillside Resort, opens Sufficiency Economy course for Bannongbong Primary School, Chaibadal, Lopburi. The children will learn agriculture skills to reduce their family’s expenditure and increase income.
8
แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส เปิดตัว ยู รีสอร์ท แห่งใหม่ในภูเก็ต “ยู เซนมายา” มร. โจนาธาน วิกลีย์ ประธานบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส กรุ๊ป จำ�กัด ซึ่งเป็นบริษัทรับบริหารโรงแรม ภายใต้แบรนด์ ยู โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ประกาศเซ็นสัญญากับ บริษัท เดวา เอสเตท จำ�กัด เพื่อเข้าบริหารโรงแรมที่ ภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “ยู เซนมายา” ตั้งอยู่ ณ หาดกะหลิม จังหวัดภูเก็ต และคาด ว่าจะเปิดให้บริการได้ในต้นปี 2557 นี้
เทคโนโลยี GIS เป็นได้มากกว่าแผนที่ 15 สิงหาคม 2556 สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ อีเอสอาร์ ไอ (ประเทศไทย) ผู้นำ� เทคโนโลยีGIS ในไทย จัดงาน Thai GIS User Conference ครั้งที่ 18 (TUC 2013) ภายใต้หัวข้อ “GIS Beyond Mapping” หรือ GIS เป็นได้ มากกว่าแผนที่โดยมีนายไกรรพ เหลือง อุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัทอีเอสอาร์ ไอ (ประเทศไทย) จำ�กัด กล่าวเปิดงาน ภายในงานฯ มีผู้สนใจจากภาครัฐและ เอกชนเข้าร่วมกว่า 1,500 คน
Absolute Hotel Services announces the signing of U Zenmaya, the second U resort in Phuket.
“GIS Beyond Mapping” - TUC2013, GIS is more than maps August 15, 2013 Chulabhorn Research Institute.
Mr.Jonathan Wigley, CEO of Absolute Hotel Services, is delighted to announce the group’s latest management agreement with Deva Estate Company Limited to operate the newest property in the awardwinning U hotels and resorts chain, U Zenmaya Phuket ,which is targeted to open in early 2014.
Esri Thailand, GIS solution leader in Thailand, had the annual seminar named “Thai GIS User Conference” No.18th also known as TUC2013 with the theme of “GIS Beyond Mapping” --- GIS technology takes many parts in our lifestyle, working, decision, etc. There were more than 1,500 delegates from government and private sectors.
วิ่งด้วยใจ เทิดไท้องค์ราชินีฯ เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ ร่วมกับภาครัฐและ เอกชน จัดกิจกรรม “12 สิงหา ฮาล์ฟ มาราธอน กรุงเทพ 2013” ในวันที่ 12 สิงหาคม 2556 รายได้หลังหักค่าใช้ จ่ายสมทบศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ เพื่อโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
August 12th Half Marathon Bangkok 2013 N.C.C. Management & Development Co., Ltd., together with government and private sectors jointly organized “August 12th Half Marathon Bangkok 2013” in celebration of Her Majesty’s birthday on August 12, 2013. The proceeds after expenses will go to Queen Sirikit Center for Breast Cancer, King Chulalongkorn Memorial Hospital under the auspices of the Thai Red Cross Society.
9
OUR KING
Story: Noppadol Pelinsevi
สะพานพระราม 8 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ “The Rama VIII Bridge” A Royal Initiated Project for Transportation
สะพานพระราม 8 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ หากกล่าวถึงเมืองหลวงใหญ่ ๆ ที่มีความสำ�คัญและมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ปัญหาหนึ่งที่ทุกเมืองทั่วโลกต่างประสบปัญหาเช่น เดียวกัน คือเรื่องของการจราจรหนาแน่นและติดขัด เพราะเมืองหลวงถือเป็นเมืองที่เป็น ศูนย์กลางและดัชนีชี้วัดความเจริญเติบโตของประเทศได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยมี กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ หน่วยงานภาครัฐและภาค เอกชน และเป็นศูนย์กลางความเจริญทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ ประชากรคนทำ�งานในเขตเมืองหลวงส่วนใหญ่มีที่พักอาศัยอยู่บริเวณแถบ ชานเมือง ที่มีราคาของที่พักอาศัยไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับราคาที่พักอาศัยในเขตเมืองหลวง การเดินทางเข้าออกเมือง มักใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะเป็นวิธีการ เดินทางหลัก แต่เนื่องจากปริมาณรถยนต์มีจำ�นวนมากเมื่อเทียบกับจำ�นวนถนนที่มีอยู่ ทำ�ให้ ในชั่วโมงเร่งด่วน มักเกิดสภาพปัญหาการจราจรที่หนาแน่นและติดขัดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องเดินทางจากชานเมืองด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ต้องใช้เส้นทางจราจรที่ต้องผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ�เจ้าพระยา ที่เป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทาง ระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร และสะพานข้ามแม่น้ำ�เจ้าพระยาที่เป็นเส้นทางหลักมา โดยตลอด คือ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า
10
แต่นับว่าเป็นความโชคดีของคนกรุงเทพมหานครและประเทศไทย ที่ปัญหาการจราจร บริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือและแก้ ไขปัญหาให้ดีขึ้น เพราะเรามีพระมหา กษัตริย์นักพัฒนาอย่างองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ ใน การแก้ ไขปัญหาการจราจรที่วิกฤตนี้ ทรงมีพระมหากรุณาธิคณ ุ โดยการมีพระราชดำ�ริ ให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างสะพานข้ามแม่น�ำ้ เจ้าพระยาเพิม่ จากเดิมอีก 1 แห่ง บริเวณ โรงงานสุราบางยี่ขัน เขตบางพลัด บรรจบกับปลายถนน วิสุทธิกษัตริย์ ใกล้กับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เขตพระนคร โดยมีจุดเชื่อมต่อของสะพานกับทางคู่ขนาน ลอยฟ้าบรมราชชนนี ประตูสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศ ซึ่งสะพานจะตั้งอยู่ ตรงกลางระหว่างสะพานสมเด็นพระปิ่นเกล้าและสะพานกรุงธน เพื่อช่วยบรรเทาการ จราจรหนาแน่นและติดขัดบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสามารถรองรับการเดิน ทางเชื่อมต่อระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรีให้สะดวกสบายขึ้น อีกทั้งยังช่วยระบาย รถบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าได้ถึง 30% และบนสะพานกรุงธน อีก 20% โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานชื่อสะพานดังกล่าวว่า “สะพาน พระราม 8” เพื่อเป็นการรำ�ลึกถึงพระเชษฐาของพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (ร.8) สะพานพระราม 8 เป็นสะพานขึงแบบอสมมาตร ซึ่งหมายถึงมีเสาสะพานหลักเสาเดียว บนฝั่งธนบุรี (รูปตัว Y คว่ำ�) เป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก และมีเสารับน้ำ�หนัก 1 ต้นบน ฝั่งพระนคร จึงไม่มีเสารับน้ำ�หนักตั้งอยู่ในแม่น้ำ�เจ้าพระยา ทำ�ให้ ไม่มีปัญหาต่อการ สัญจรทางน้ำ� โดยขึงด้วยเคเบิลระนาบคู่บริเวณตัวสะพาน (Main Bridge) จำ�นวน 28 คู่ และขึงด้วยเคเบิลระนาบเดี่ยวช่วงหลังสะพาน (Back Span) จำ�นวน 28 เคเบิล ตัว เคเบิลมีสีเหลืองทองอร่ามซึ่งเป็นสีประจำ�พระองค์ ตัวสะพานมีความยาวทั้งสิ้น 475 เมตร และสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากสะพานข้ามแม่น้ำ�เจ้าพระยาอื่นใน เขตกรุงเทพมหานคร คือ ที่จุดปลายยอดเสาของสะพานหลักมีห้องกระจกลักษณะ ดอกบัวตูมเป็นจุดชมวิวมุมสูง ที่เหมาะสมกับการชมความงามของแม่น้ำ�เจ้าพระยาและ กรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังเป็นสะพานขึงแบบอสมมาตรที่ติด อันดับ 5 ของโลกอีกด้วย โดยเปิดให้ ใช้มาตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 โครงการสะพานพระราม 8 นั้นถือเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางด้านการคมนาคม ที่ช่วยบรรเทาสภาพปัญหาการ จราจร หนาแน่นและติดขัดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครได้อย่างชัดเจน และยังช่วยลด ระยะเวลาการเดินทาง ในชั่วโมงเร่งด่วนของผู้ที่ต้องเดินทางผ่านบริเวณพื้นที่เส้น ทางการจราจรดังกล่าว มาตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา “The Rama VIII Bridge” A Royal Initiated Project for Transportation Talking about capital cities where the economy, society, and culture are significant and flourishing, one of the problems that capital cities around the world usually encountered is the traffic congestion because they are the center and development indicators of their country. Bangkok is the capital city of Thailand where the state and private agancies, as well as the
center of economic growth and state technology are located. In addition, the people who are working in the city mostly live around the outskirts where the cost of resident is inexpensive comparing to metropolitan’s area. Moreover, the main transportation is mostly taken by private cars and public service bus that cause too many vehicles on the road in rush hours and they finally result the traffic jam. Particularly, in the eastern of Chao Phraya River where it serves as the linkage between Thonburi and Phra Nakhon zone and the “Somdej Phra Pin Klao Bridge” is the main bridge that undertake this transit all along. However, it is regarded as the fortunateness of Thai people that the traffic problem around this area is resolved by His Majesty the King, who has a vision of development and solution; he recommended a construction of an additional bridge near Sura Bangyeekan Factory, Bang Phlat District, that would beconverged at the end of Wisut Kasat Road, next to the Bank of Thailand, Phra Nakhon District. It is linked to the Elevated Borommaratchachonnani, a road to the west and the south of Thailand. Located between The Somdej Phra Pin Klao Bridge and The Krung Thon Bridge, its purpose of construction is to alleviate the traffic on The Somdej Phra Pin Klao Bridge and to support the transportation between Phra Nakhon side and Thonburi side. Moreover, it helps relieving 30% of motor vehicles on The Phra Pin Klao Bridge and 20% on The Krung Thon Bridge. At that time, His Majesty the King named the bridge “Rama VIII Bridge” to commemorate his brother, King Ananda Mahidol. The Rama VIII Bridge is an asymmetrical cable-stayed bridge with a single pylon (inverted Y-shaped) located on the Thonburi side of the river. It is constructed of reinforced and prestressed concrete and has a pier located on the Phra Nakhon side without a pier in the Chao Phraya River. So, it is harmless to the floating communication. It is stretched with 28 cables arranged in pairs on the side of the main span and in a single row on the other. The cables are painted in yellow gold which is His Majesty’s personal colour. The bridge is 475 meters long in total. The most outstanding of this bridge is a lotus-shaped glass room appeared at the top where one can see the amazing view of Bangkok. Moreover, it is also one of the world’s 5 asymmetrical cable stayed bridges and was opened on 7th May 2002. Since then, The Rama VIII Bridge is a Royal Initiated Project of Transportation which has been undoubtedly relieving the traffic jam and also decreasing the travelling time during the rush hour of this area for entire 11 years.
ทีม่ าข้อมูล http://www.rdpb.go.th/RDPB/front/Projects/RDPBProjectType.aspx?p=43 http://th.wikipedia.org/wiki/สะพานพระราม 8 http://dds.bangkok.go.th/E-Book/KingProject/27king_project.pdf ทีม่ าของรูป http://www.pixpros.net/forums/attachment.php?attachmentid=391605&stc=1&d=1329905968 http://chitaphon.files.wordpress.com/2012/10/aqr-73-9102012.jpg http://www.thaidphoto.com/forums/showthread.php?t=55564
11
ACH IE V E R O F T H E M O N T H Story: Nitnada Panpipat Photos: Panurak Prajaksoot
12
VASLAB VISIT คุณวสุ วิรัชศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แวสแล็บ จำ�กัด (VaSLab Co., Ltd.)
ดี ไซเนอร์เมืองไทยได้สร้างชื่อเสียงและไปโด่งดังในต่างแดนมีอยู่จำ�นวนไม่น้อย ทุ ก ครั้ ง ที่ ไ ด้ ยิ น และทราบข่ า วผลงานหรื อ บุ ค คลในวงการธุ ร กิ จ สร้ า งสรรค์ (creative business) ได้แสดงความสามารถและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มี รางวัลมากมายเป็นเครื่องหมายของความสำ�เร็จ คนไทยด้วยกันย่อมรู้สึกภูมิใจ และดีใจที่ ได้เห็นผลงานดี ๆ ทีมงาน Achiever Forum ขอแสดงความยินดีต่อ บุคคลเหล่านัน้ ด้วย งานสถาปัตยกรรม เป็นอีกหนึง่ แขนงทีน่ า่ จับตามอง สถาปนิก ไทยได้สร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ โรงแรม Casa De La Flora ที่ ได้รับรางวัล Small Hotel Award ปี 2011 นั้นเป็นผลงานจาก บริษัท แวสแล็บ จำ�กัด (VaSLab Co., Ltd.) ของเมืองไทยเรานี่เอง ทางทีมงานของเราขอแสดง ความยินดีและถือโอกาสนี้พูดคุยกับ คุณวสุ วิรัชศิลป์ กรรมการผู้จัดการ แห่ง VaSLab ถึงที่มาของธุรกิจและเส้นทางความสำ�เร็จที่น่าสนใจ Thai designers have made their steps towards international standards, including those who live abroad, live in Thailand, and some working across the globe. Many times we have seen them or their works which are accepted proudly in global scale. As we are Thais, we are always proud to hear impressive accomplishments of creative business are making themselves grow as Thai designers. Achiever Forum team would like to take this chance to congratulate everyone who succeed in what they do. Architecture is one of the fast-growing industry, earns many awards held by internationals, and has made a popularity across the world. Casa De La Flora received an award from Small Hotel Award in 2011. This project is designed by VaSLab Co., Ltd. from Thailand. We, Achiever Forum team could finally take this opportunity to interview with Mr. Vasu Virajsilp, CEO of VaSLab Co., Ltd., about his successful path.
13
13
A C H I E V E R O F TH E MON TH ประวัติการศึกษา / Education ผมชอบวิชาศิลปะมาตั้งแต่เด็ก อีกวิชาที่ทำ�ได้ดีคือภาษาอังกฤษ แต่พอมาชั้นมัธยมปลายผม เลือกเรียนในสายวิทย์เมื่อถึงเวลาที่ต้องเอนทรานซ์ ผมชั่งใจระหว่างคณะวิจิตรศิลป์และ สถาปัตยกรรมศาสตร์ จนสุดท้ายเลือกที่จะเรียนสถาปัตฯ ผมเลือกมหาวิยาลัยศิลปากรเป็น อันดับหนึ่งและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นอันดับสอง ปรากฏว่าติดทั้งคู่ ผมตัดสินใจเรียนที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร เหตุผลเพราะเคยมีโอกาสมากวดวิชาแล้วผมชอบในบรรยากาศความ เป็นโรงเรียนศิลปะของที่นี่ มาวันหนึ่ง ขณะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 ผมไปห้องสมุดและอ่านเจอบทความ หนึ่งที่ทำ�ให้ผมมีความคิดว่าอยากจะไปเรียนต่อในต่างประเทศ ในตอนนั้นผมสมัครส่งใบสมัคร ไปที่ School of Architecture, Pratt Institute นิวยอร์กและเมื่อทางโรงเรียนเรียกไปสัมภาษณ์ ผมจึงบินไปในทันที ตอนที่โรงเรียนตอบรับผมเข้าเรียน ผมมาคุยกับที่บ้าน ซึ่งแน่นอนทั้งคุณ พ่อ คุณแม่ รวมถึงอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยไม่เห็นด้วยกับการที่จะไปเริ่มต้นใหม่ในขณะที่ผมอยู่ ปี 3 แล้ว ผมอยากให้ทุกคนสบายใจและไม่ประมาท จึงไม่ลาออกแต่ drop เรียนไว้ เพราะหาก เรียนที่อเมริกาไม่ได้ยังไงก็สามารถกลับมาเรียนที่เมืองไทยได้ กลับกลายเป็นว่าผมเรียนได้ดี มากและผลงานก็เป็นที่ยอมรับ ได้ตีพิมพ์ลงหนังสือและแสดงในงานของโรงเรียน ซึ่งผมก็ภูมิใจที่ ผมได้พิสูจน์ตัวเอง ผมจบปริญญาตรีที่ Pratt Institute และเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ Columbia University ด้าน Master of Science in Advance Architectural Design. When I was young, I always enjoyed learning Art and English in which I did well in, but in high school I decided to take on a science major. When it came to choose a university, I was weighing between fine art and architecture fields, I chose architecture. The top 2 choices were Silpakorn University and Chulalongkorn University. I got accepted to both and I chose to go with Silpakorn University. Back in the day of tutorial class and was very impressed by its artful campus. One day, during my 3rd year, I happened to be in the library and found an article that made me think about studying aboard. I applied for the School of Architecture at the Pratt Institute in New York City. When the school responded and wanted me to go for an interview, I went to New York right away. I told my family as soon as I got accepted. My parents did not agree it was a good idea. Also the dean at Silpakorn didn’t like my decision since I was a junior and will be graduated very soon. So, instead of quitting school right away, I dropped the semester. Just in case going to school aboard didn’t work out, I could always come back to Thailand. However, it turned out to be just fine at that school and my work got to be in a school portfolio and a showcase. I was proud to prove to myself that I could do it. I got my bachelor degree from Pratt Institute and continued my education with a Master of Science in Advanced Architectural Design at Columbia University.
ประวัติการทำ�งาน / Work experience ระหว่างที่ผมรอการตอบรับเข้าเรียนในระดับปริญญาโท ผมกลับมาทำ�งานที่บริษัทสถาปนิกใน เมืองไทย อยู่ได้เพียง 6 เดือนก็ต้องกลับไปเรียนต่อ หลังจากเรียนจบ ผมทำ�งานอยู่ที่นิวยอร์ก 2 ปี ก่อนจะตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร ในปี 2001 เป็นเวลาที่เศรษฐกิจของ เมืองไทยไม่ดีนัก ผมและเพื่อนที่เรียนด้วนกันที่ Columbia University เห็นเป็นโอกาสดีจึงรวม กลุ่มกันไปเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในขณะนั้น ทางมหาวิทยาลัยเปิดกว้างสำ�หรับ ความคิดใหม่และการประยุกต์การเรียนการสอนแบบตะวันตกให้เข้ากับการศึกษาแบบไทย ผม เองได้เรียนในระบบการศึกษาแบบไทยมาตลอดแล้วก็เห็นข้อดีที่สามารถมาปรับให้เข้ากับการ เรียนแบบเมืองนอกได้ อย่างที่ Pratt Institute อาจารย์แต่ละท่านมีวิธีการที่จะส่งเสริมนักเรียน แต่ละคนให้สามารถแสดงความคิดเห็น ไอเดียต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ส่วนเพื่อนในห้องเรียนก็ช่วย กันอย่างเต็มที่และเป็นแรงบัลดาลใจให้กัน นี่เป็นการเรียนการสอนแบบที่ผมพยายามนำ�มาใช้ ขณะที่เป็นอาจารย์ก็มีโปรเจ็คเข้ามาเรื่อย ๆ จนผมคิดว่าผมทำ�ทั้งสองอย่างพร้อมกันไม่ไหว จึง ต้องเลือกทำ�ในสิ่งที่ชอบจริง ๆ นั่นก็คือการเป็นสถาปนิกอย่างเต็มตัวและจำ�เป็นต้องเลิกสอนไป ในที่สุด While I was waiting for Columbia University to accept me into their master’s program, I came back to Thailand and worked at an architectural studio for 6 months before I returned to study. After my master’s program, I worked in New York City for 2 years before I decided to move to Bangkok for good. In 2001, the economy in Thailand wasn’t too good. With my colleagues from Columbia, I got together and applied to be a lecturer at Assumption University. At that time, the university was open to the idea of adapting the Western academic style with the Thai way of education. I was in a Thai schooling system for a long time and I see good parts of it that we can use with the western style of schooling. At Pratt Institute the professors have their way of bringing out the best in each student and encouraging them to speak out about their ideas, while all the students help inspire each other—this is the type of education I wanted to achieve. While being a 14
lecturer, I was a freelance architect and there were works coming in. I had to decide on what I wanted to do most. I wanted to be an architect, so I had to quit teaching at last.
ที่มาและจุดเด่นของ VaSLab / Background & VaSLab identity ในตอนนั้นมีงานเข้ามาเรื่อย ๆ งาน 3 โปรเจ็คที่เข้ามาในเวลาเดียวกันนั้นถือว่าเยอะมากสำ�หรับ คน 1 คน ผมจึงเริ่มคิดถึงเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่มหาวิยาลัยศิลปากรซึ่งก็คือ คุณบุญเลิศ ดียืน หุ้นส่วนของผม เริ่มจากการทำ�งานด้วยกัน 1 โปรเจ็ค จากนั้นก็มีงานต่อเนื่องมาเรื่อยจน ทุกวันนี้ ออฟฟิศแรกของเราเป็นสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ต่อเติมจากโรงจอดรถที่บ้านของผม ตอนนั้น เรามีกัน 4 คน เราเลือกนักศึกษาที่เป็นลูกศิษย์มาทำ�งานด้วยกัน เมื่องานเยอะขึ้นอีกก็เกิดเป็น VaSLab และมี home office ที่ผมอาศัยอยู่ด้วย งานแรกที่ทำ�ให้หลายคนรู้จักผมคืองาน ออกแบบบ้านสไตล์คอนกรีตเปลือยของ คุณกาจบดินทร์ สุดลาภา เจ้าของนิตยสาร Daybed บ้านหลังนั้นออกสื่อบ่อย ทั้งทางหนังสือ นิตยสารและทางโทรทัศน์ ผมจึงได้รับการติดต่อเยอะ ตามไปด้วย จุดเด่นของ VaSLab คือน่าจะเป็นงานโครงสร้างที่ผสมผสานกับงานศิลปะ เป็น สถาปัตยกรรมแนว deconstructive การใช้วัสดุเรียบง่ายอย่างคอนกรีต ไม้ กระจกและเหล็ก เรานำ�เสนอพื้นที่ที่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป และสิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ในงานของ VaSLab There were 3 projects that came to me at the same time, and for 1 person that is a lot of work. I started to think of a friend of mine, back in my Silpakorn days; Khun Boonlert Deeyuen who is my business partner today. We started on working on a project together and it just kept going until today. Our 1st office was an extension from a garage at my house and there were 4 people working at a small studio. We had asked some of our student to work with us. When we get more work, our little studio became VaSLab and we moved to a home office where I stayed. The 1st project that introduced me to the public was the Sudlabha home –the house belongs to the owner of Daybed magazine. The bare concrete house was presented in a lot of media and magazines and that lead to me getting contacted and projects followed. What makes VaSLab standout is a Deconstructive Architectural style. We focus on using simple materials such as concrete, wood, glass and iron. We present spaces that give a different experience. That’s the way we do it at VaSLab.
หน้าที่รับผิดชอบหลักและผลงานของ VaSLab / Your main responsibility(s) and recent projects ตำ�แหน่งของผมคือ design principle ซึ่งจะแปลว่าผู้ออกแบบหลัก ง่าย ๆ คือน่าจะเป็นเจ้าของ (ยิ้ม) โปรเจคในตอนนี้ของ VaSLab ก็จะมี VIP club house ที่ Malaysia Resort ที่เขาใหญ่ และ Lenso Flagship Store บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สำ�หรับงานที่เพิ่งจบไปได้สักพักคือ LIT hotel ที่ด้านหลังหอศิลป์กรุงเทพฯ Honda Big Wing ที่เลียบทางด่วนรามอินทราและ Casa De La Flora ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา ในปี 2009 งาน World Architecture Festival หรือเทศกาล สถาปัตยกรรมโลก ซึ่งเป็นงานประกวดสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของ โลกติดต่อมาว่างานของ VaSLab ได้เข้าสู่รอบสุดท้าย ปีนั้นงานจัดขึ้นที่บาร์เซโลน่าประเทศ สเปน ผมเดินทางไปนำ�เสนอผลงานต่อคณะกรรมการ และถึงแม้ว่าเราจะไม่ชนะรางวัล แต่การที่ เราได้รับเชิญผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ในต่างประเทศคนรู้จักงานของเราเยอะ คงเป็น เพราะ website ของบริษัทที่รวบรวมงานต่าง ๆ ไว้ เว็บไซต์ด้านงานสถาปัตย์จากต่างประเทศก็ ติดต่อเข้ามาและมีการขออนุญาตตีพิมพ์งานของเราในต่างประเทศด้วย ช่วง 2-3 ปีนี้มีคนอีเมล์ มาติดต่องานกับ VaSLab เยอะมาก ผมก็จะขยันตอบ ส่งไฟล์ต่าง ๆ ที่เขาต้องการเพื่อสร้าง โอกาสให้ VaSLab อีกทางหนึ่ง มาปีนี้งานออกแบบโรงแรม Casa De La Flora เข้ารอบ สุดท้ายที่งาน WAF อีกครั้ง ซึ่งเราก็ภูมิใจมากเช่นกัน My title is Design Principle and it means what it is and maybe it simply just means theproject owner (smile). The projects VaSLab is working on are a VIP club in Malaysia, a resort in Khao Yai, and a Lenco Flagship Store on the New Phetchaburi Road. The recent projects that have just finished are the LIT Hotel Bangkok, Honda Big Wing on Praditmanutham Road in Ladprao, and Casa De La Flora in Phang Nga. In 2009, the World Architecture Festival (WAF); the world’s largest festival and live awards competition dedicated to celebrating, and sharing architectural excellence from across the globe, announced that VaSLab’s work got to the final round. That year the event took place in Barcelona, Spain. So, I had to go present our work to the judges. Though we didn’t win the prize, I still feel very proud and honored. Many countries know us through our website where we have a collection of work we have done. Many architectural related websites have contacted us and some wanted to publish our work. I spend more and more time to reply just so I can make an opportunity for VaSLab. This year Casa De La Flora got to the final round at WAF and we are very happy.
มี Business Model อะไรที่นำ�มาประยุกต์ ใช้กับการบริหารบริษัท What type of business model you’ve adapted into your VaSLab’s style of business management? ต้องยอมรับว่าเมื่อตอนเริ่มต้นผมไม่มี business model อะไร และผมก็ไม่เคยเรียนด้าน บริหารธุรกิจเลย ผมมองรูปแบบการจัดการของคุณแม่เป็นตัวอย่าง นำ�หลักจากการทำ�งานที่ นิวยอร์กมาประกอบกับประสบการณ์การสอนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญปรับให้เป็น business model ในตัวเองซึ่งก็ได้ผลนะ (ยิ้ม) ผมมองว่าการบริหารบุคคลยากที่สุด สำ�หรับ VaSLab เรา ไม่ได้ทำ�งานแบบเจ้านายกับลูกน้อง แต่เป็นแบบรุ่นพี่กับรุ่นน้อง อาจารย์กับลูกศิษย์ มีความ เคารพ ความเข้าใจ และผูกพันกันในระดับหนึ่ง ผมเลือกคนที่จะมาร่วมงานกับ VaSLab จาก กลุ่มนักศึกษาที่ผมเคยสอนซะเยอะ เหตุผลเพราะเรารู้จักตัวเขาและการทำ�งานของเขา ซึ่งมัน มากกว่าการสัมภาษณ์เพียงสองสามครั้ง ช่วงหลังที่ไม่ได้สอนแล้วก็จะเลือกจากนักศึกษาที่มา ฝึกงาน เพราะแต่ละปีจะมีนักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ แวะเวียนมาทุกปี เราก็ให้ทำ�งานจริง ๆ ซึ่ง วิธีนี้ก็ทำ�ให้เราได้คนที่มีคุณภาพ แต่แน่นอน ทุกคนมีความฝัน และเมื่อวันหนึ่งเขาพร้อมจะไป เราก็พร้อมที่จะมองหาคนที่จะขึ้นมาแทน อย่างล่าสุดนี้ ลูกศิษย์ที่ทำ�งานกับผมมา 8 ปีขอลา ออกเพราะอยากจะเป็น developer ผมใจหายแต่ผมก็ยินดีและอวยพรเขา
“Architect is not a profession that will make you rich overnight or where you can become successful in a short period of time.”
I have to admit that I firstly didn’t have any business model when I started off and I have never had a management background. I set my mother’s management skills as an example. Then I applied them to my work experience from New York City and also many things I’ve learned when I was teaching at Assumption University. All of these have become my business model and it works very well (smile). I feel that human resource management is the most challenging. At VaSLab we are not working as boss and employees but as brothers; teacher and students. This way we create respect and relationships at some level. Many times, I choose people I work with from the students I taught because I got to know them personally and I know their working styles. It’s just much more effective than a job interview where you get to see a person for a short time. After I quit teaching, I tended to choose our new members from the interns. Every year we have a few interns from many universities all over Thailand come work with us; and we get qualified persons to join our team. Surely, everyone has a dream and one day, when they are ready, they will leave to follow their dream. When that day comes, we welcome new member. Just recently, my student who had been with VaSLab for 8 years resigned as he wanted to be a developer. I was sad but, of course, I blessed him.
เหตุผลที่ลูกค้าวิ่งเข้ามาให้ VaSLab ออกแบบงาน / Reasons that clients chose VaSLab หลายคนทักว่างานของผมดู masculine ผมชอบการผสมผสานศิลปะอย่างงานปั้น ที่ผมชอบ ให้เป็นการออกแบบที่มี ความหมายในตัว วัสดุที่เราเลือกใช้มักจะเน้นที่ความเรียบง่ายอย่าง คอนกรีต ไม้ และเหล็ก มีมิติ องศา และการเล่นกับพื้นที่ งานของเราออกมาอย่างตรงไปตรงมา Many people tell me that my work is masculine. I like the mix of art especially sculpture works, transform into a space that has its own identity. The materials we select are simple such as concrete wood and metal. I like to play with space, with dimension and degree. Our work is always straight forward, honest, in which reflect to who I am.
ในฐานะ Designer คนหนึ่ง มอง trend ในปีนี้และปีข้างหน้านั้นเป็นอย่างไร มีผลกระทบ กับงานออกแบบของตัวเองมากน้อยอย่างไร / As a designer, how do you see this coming year’s trend? How does trend affect your work? ผมมองว่าคนชอบสร้างเทรนด์ขึ้นมาอย่างเทรนด์ของแฟชั่นจะเห็นได้ชัด สำ�หรับผมแล้วเทรนด์ มากับสิ่งที่โลกต้องการอย่างในตอนนี้เรื่องโลกร้อนกำ�ลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ สำ�หรับ โปรเจคที่ให้ความสำ�คัญกับสิ่งแวดล้อมนั้นมีความจำ�เป็นจะต้องใช้เงินมากกว่าโปรเจคทั่ว ๆ ไป ถึงสามเท่าแต่จะช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว หากถามว่ามีผลกระทบกับ VaSLab อย่างไร ก็อาจจะมีบ้าง เพราะเราไม่ได้ถูกเทรนมาทางด้านนี้โดยตรง ผมเองเคยทำ�โปรเจคที่อาจจะไม่ รักษ์โลก 100% แต่อยู่ที่ 70-80% ผมมองว่าการเลือกใช้วัสดุอย่างคอนกรีตและปูนเปลือยนั้น เป็นการรักษ์โลกอีกทาง เพราะปูนเปลือยนั้นไม่ต้องการการดูแลรักษามาก หากมีรอยน้ำ�ก็ สามารถทำ�ความสะอาดได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองเมื่อเทียบกับการทาสีที่เมื่อผ่านไปประมาณ 10 ปี อาจจะต้องทาใหม่และมีค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสนบาท I think people like to create trends and, probably, the fashion trend is the most obvious. For me, trends are what were needed. Like right now, a trend of sustainability and environmental awareness is what people are interested in and is a global issue that needs serious attention. To build something that is environmen15
15
AC H I EV ER O F T H E M O N T H
tally concerned usually costs about 3 times more than a regular project, but the result will be eco-friendly and help save energy in the long run. Will it affect VaSLab in anyway? I would say it could since we are not trained to practice in such a way. I have to work on a project that is eco-friendly but only 70-80%. I think using materials such as bare concrete is sustainable and eco-friendly in a way. Bare concrete is low maintenance and is easy to clean compared to paint that, after 10 years, you might have to repaint; and it could cost up to 100,000 baht.
บุคลากรในแวดวงการออกแบบในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตมากไหม และมีการดูแล พนักงานรุ่นใหม่อย่างไร / How does new generation differ from the past? How do you find ways to manage that? ในความคิดผม เด็กรุ่นก่อนกับเด็กรุ่นใหม่ต่างกันตรงที่เด็กรุ่นก่อนนั้นมีวินัยมากแต่จะกล้า แสดงออกน้อย แต่เด็กรุ่นใหม่นั้นมีวินัยน้อยแต่จะกล้าแสดงออกมาก สำ�หรับตัวผมและ VaSLab เมื่อตอนเริ่มธุรกิจใหม่ ๆ ก็มีบ้างที่โดนกดราคา เป็นเพราะเรายังไม่มีงานให้เห็นมาก นัก ซึ่งผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ทำ�ให้เราได้ทำ�งานหลากหลายทั้งโปรเจ็คขนาดเล็กและใหญ่ ตอนนี้ เรามีงานเข้ามาเยอะ ผมเองก็กล้าพูดมากขึ้นว่าโปรเจ็คไหนทำ�ได้ทำ�ไม่ได้อย่างไร มีรุ่นพี่ที่ผม เคารพสอนผมว่าหากเห็นลูกค้าที่มีโปรเจคใหญ่ มีเงินเยอะ ก็อย่าตื่นเต้นจนเกิดเหตุ ค่อย ๆ พิจารณา อย่าใจร้อน จากการที่ได้พบลูกค้าหลายแบบ ตอนนี้ผมพูดได้เลยว่า ผมพอจะมอง ออกหากใครต้องการให้ VaSLab ทำ�งานจริง ๆ เขาจะจริงใจกับเราตั้งแต่ต้น In my opinion, back in the old day, people had more discipline and didn’t express themselves much, while the new generation has less discipline and express themselves more. For me and VaSLab, when we first started off, there were times when we got unfair pay for work. It was simply that we didn’t have much work. I see that as an opportunity to get to do all kinds of projects, large and small scale. Right now we have a lot of work coming our way, and as I get older, I am more determined on what kind of project we can do and what we cannot. There was this one time an architect who I respect advised me on selecting clients. No matter how big and expensive the work will be, I should be calm and think thoroughly before accepting the work. After all these years, I can say that I can tell who the real clients are and who is just testing the water. Those who are serious about getting the work done will come sincerely.
มีคนหลาย ๆ คน ใฝ่ฝันที่จะมีบริษัทอย่าง VaSLab มีคำ�แนะนำ�อะไรสำ�หรับคนที่จะเข้ามา อยู่ในสายอาชีพนี้ / Many people may have dreams to run a company like you, do you have any suggestions for those newcomers? การเป็นสถาปนิกไม่ใช่อาชีพที่ทำ�ให้ใครเป็นเศรษฐีได้ชั่วข้ามคืนหรือประสบความสำ�เร็จในระยะ เวลาเพียงสั้น ๆ ต้องมีความอดทน ต้องเปิดโลกตัวเองให้กว้างอยู่ตลอดเวลา เราท้อถอยได้แต่ ก็จะต้องผ่านอุปสรรคไปให้ ได้ด้วย ผมทำ�งานมา 11 ปียังไม่เคยท้อ ผมมีความสุขที่ VaSLab มาถึงตรงนี้ได้ เงินทองเป็นสิ่งสำ�คัญ แต่การได้ทำ�งานที่รักก็เป็นเรื่องสำ�คัญด้วย หากเราทำ�ตัว เองให้ดี คนอื่น ๆ จะมองเห็นแล้วเราก็จะอยู่ได้ยั่งยืน Architect is not a profession that will make you rich overnight or where you can become successful in a short period of time. Being an architect, you have to tolerate a lot and also have to be open to new things and ideas. We could feel discouraged at times but to keep going is the key. I’ve been working for 11 years and there is never a day I don’t enjoy my work. I’m happy to see that VaSLab has made it to where it’s at today. Money is important but to get to do what meaningful to you is also important. When we do our best, others will look at us and see our value and that will make the business sustainable.
แรงบันดาลในการทำ�งาน / Your inspiration(s) ในวันว่างผมชอบดูหนัง ฟังเพลง ตอนนี้ชอบเพลงแจ๊สโดยเฉพาะการเล่นจากเครื่องเล่นแผ่น เสียง บางครั้งผมก็จะไปหอศิลป์กรุงเทพฯ เมืองไทยและหน่วยงานราชการเริ่มให้ความสำ�คัญ กับศิลปะมากขึ้น ซึ่งผมว่ามันดีมาก เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ ไปงานแสดงผลงานศิลปะจากกลุ่ม ศิลปินที่ผมรู้จักหลายคนที่ Hotel Art Fair โรงแรม Maduzi ผมชอบมากและถ้าเป็นไปได้ก็ อยากให้มีงานนี้เป็นประจำ�ทุกปี การได้เห็นผลงานของสถาปนิกท่านอื่น ๆ ก็เกิดเป็นแรงบัลดาล ใจด้วย ผมชอบงานของ คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค อย่างโรงแรม Hotel De La Paix ที่ชะอำ� และงาน ของ Amanda Levete ผู้ออกแบบโครงการ Central Embassy ซึ่งได้รางวัล Future Project Award ในปี 2009 ผมทำ�งานด้วยความตั้งใจทุกวัน แรงบันดาลใจเกิดจากสิ่งรอบข้างในชีวิต ประจำ�วันและหลายครั้งก็มาจากคน ผมเรียนรู้ด้วยหัวใจจริง ๆ In my free time, I like going to a movie and listening to music. I’m into jazz right now, especially when played on a turn table. If I have a day off, I like to visit a place like Bangkok Art and Cultural Center, I feel that the Thai government has started to see the importance of art and I think it’s a really good thing. Just recently, I went to an exhibition of an artist I know personally at a “Hotel Art Fair” at Maduzi Hotel.
16
I really enjoyed it and hope that they will continue to host it every year. To see a respectful architect’s works is always inspiring too. I always like the work of Khun Duangrit Bunnag, for example, Hotel De la Paix in Cha-am, and also the work of Amanda Levete whose work for Central Embassy won a Future Project Award in 2009. Every day I work with good will. Inspiration can be found from everything in our daily life and, many times, it comes from the people. I try to learn each thing simply by heart.
คิดว่างาน Creative ได้มีการยอมรับมากน้อยอย่างไรในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับ ต่างประเทศ (Global scale) / Where does creative industry from Thailand place comparing in global scale?
“Inspiration can be found from everything in our daily life and, many times, it comes from the people.”
ตอนนี้เมืองไทยได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศจีนเยอะทีเดียว แน่นอนงานเชิงสร้างสรรค์และ ออกแบบนั้นมีรากฐานมาจากทางยุโรป แต่ในตอนนี้เศรษฐกิจยุโรปแย่มาก ผมแทบไม่เชื่อว่า 2-3 ปีที่ผ่านมามีนักศึกษาที่จบจากมหาวิยาลัยชั้นนำ�ติดต่ออยากมาทำ�งานกับเราเยอะมาก รวมถึงสถาปนิกที่มีชื่อเสียงก็อยากมาร่วมงานกับเรา ผมคิดว่างานสร้างสรรค์ของทางตะวัน ออกโดยเฉพาะประเทศไทยน่าจะได้รับการยอมรับจากชาวตะวันตกมากขึ้นแล้ว ในปีนี้ที่ งาน WAF มีผลงานของคนไทยเข้ารอบชิงชนะเลิศมากถึง 4 บริษัท กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็น มหานครขนาดย่อม เป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับไหล รวมถึงมีส่วนที่เจริญที่สุดและมืดที่สุด เกิดเป็น ความลงตัว เรามีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานอีกเยอะ Even though the creative and design movements originated in European countries, right now Thailand gets a lot of influences from China. It could be because the economies are doing very badly in the west. I couldn’t believe that for the past 2-3 years at VaSLab, we have had many university graduates from a well-known school in the west wanting to come and work with us. And many architectural studios also wanted to work with us. I feel that Thai creative works have started to be recognized more widely, especially in the western countries. This year at WAF, there were 4 works from Thai companies that got to the final round for the 1st time. Bangkok is a medium size metropolis and truly never sleeps. The uniqueness of its bright side and its dark side make a great combination. I can see more opportunity to create more works.
ผลงานที่ชอบ/ท้าทาย/ภูมิใจมากที่สุด / Your favorites/challenging works? ในปี 2007 VaSLab และบริษัทในเมืองไทยอีก 4 บริษัทได้รับเชิญให้ส่งแบบเข้าประกวดในการ สร้าง ศูนย์ Honda Big Wing ซึ่งโดยปกติแล้วบริษัทเราไม่รับงานที่จะต้อง pitching เพราะเรา อยากให้ลูกค้าเลือกเราเพราะชื่นชอบผลงานของเราจริง ๆ เท่านั้น แต่สำ�หรับงานนี้ผมเห็นว่าน่า สนใจมาก คณะกรรมการผู้ตัดสินนั้นมีทั้งคนญี่ปุ่นและคนไทย เราใช้เวลา 1 เดือนเต็มในการ ทำ�งาน ผลคือ Vaslab ได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบอาคารดังกล่าว แบบที่เราเขียนขึ้นนั้นเรา ต้องการให้เป็นตัวเราและสะท้อนถึงแบรนด์ Honda ให้ ได้มากที่สุด จึงมีขบวนการความคิดที่ สมบูรณ์ ผมเองไม่เคยคิดว่าจะไปแข่งขันกับใคร แต่เมื่องานที่เราทำ�สามารถชนะใจกรรมการได้ เราก็ภูมิใจมาก (ยิ้ม) สำ�หรับงานนี้มีสื่อทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศให้ความสนใจมาก หนังสือ Architecture Atlas มีจดหมายมาขอข้อมูลเพื่อนำ�ผลงานไปตีพิมพ์ซึ่งเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่าง มาก อีกงานที่เป็นความภูมิใจคือโรงแรม Casa De La Flora ที่เขาหลัก งานนี้มีโจทย์ว่าเป็น รีสอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มีความทันสมัย และไม่ขัดกับธรรมชาติโดยรอบ และยังเน้น ประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่ และที่สำ�คัญคือต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โรงแรม Casa De La Flora ได้รับรางวัล Small Hotel Award ปี 2011 เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ VaSLab ภูมิใจ In 2007, VaSLab and 4 other Thai architecture companies got invited to be in a competition for designing a Honda Big Wing Center. Normally, at VaSLab, we don’t do pitching work because we just wanted to focus on clients who really appreciate our work, but for this project I found it very interesting. The judges were a mixed group of Thai and Japanese. We spent 1 month working really hard on the project. The result is we won the competition; our design completely reflected the brand Honda and still has our character. I’ve never thought of being competitive but, when our work got the judges’ votes, I was very proud (smile). A lot of press, both in Thailand and other countries, paid a lot of attention to this competition. The Architecture Atlas has contacted us for permission to publish. That makes us feel very honoured. Another project is Casa De La Flora hotel at Phang Nga which required modern privacy, but not to interrupt the beautiful view of the coast, maximized usage and, most importantly, it had to be eco-friendly. Casa De La Flora won a small hotel award in 2011 and is another proud work of ours. 17
การสร้างสรรค์หรือทำ�งานอะไรบางอย่างให้สำ�เร็จนั้นอาจจะดูไม่ยากนักสำ�หรับคนอื่น ๆ แต่ ไม่มีอะไรได้มาด้วยความไม่ตั้งใจ คุณวสุ วิรัชศิลป์ ได้ใส่ใจและจริงใจกับสิ่งที่ทำ� สะสม ประสบการณ์และมองหาไอเดียใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้ VaSLab นั้นได้ประสบความสำ�เร็จ เป็นที่น่าพอใจและภูมิใจในระดับนานาชาติ เราขอเป็นกำ�ลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจและทุ่มเทกับงาน และขอให้สนุกกับงานที่ทำ�ในทุก ๆ วัน Polishing a piece of work might not be difficult to some people but it is certainly made on purpose. Mr. Vasu Virajsilp puts his heart into his work, gains experience, and always looks for new ideas. That is why VaSLab is internationally successful. For those who work hard to meet their standard, we wish them well and enjoy working.
17
AS E A N A l ert By Olive Oil
“อาชีพสงวน” ตอน สงวนได้จริงหรือ? “The Reserved Careers”: Actually Reserved?Actually Reserved? “The ReservedCareers”:
เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาบังเอิญได้มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น เลยรีบใช้เวลาที่มีจำ�กัด นั้นไปกับสิ่งที่จรรโลงใจ นั่นคือ “ดูหนัง” ทั้งหนังเทศ หนังไทย ทั้งที่เคยดูและไม่เคยดู ดูไปหลายต่อหลายเรื่องจนไปสะดุดเอากับหนังไทยพีเรียดเรื่องหนึ่งที่บรรยาย บรรยากาศในยุครุ่นพ่อรุ่นแม่เราเอาไว้ ได้อย่างดีเยี่ยม และพบว่าคนไทยในสมัยก่อน มีอาชีพที่น่าสนใจอยู่มากมาย พลันนึกถึง “อาชีพสงวน” ที่เพื่อนคนหนึ่งเคยเอ่ย เกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา จึงอดไม่ ได้ที่จะนำ�มาฝากกัน ประเทศไทยเรามีกฎหมายคุ้มครองอาชีพของคนไทยอยู่หนึ่งฉบับ มีชื่อว่า “พระราช กฤษฎีกากำ�หนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ� พ.ศ. 2522” ว่าด้วยเรื่อง อาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ� มีด้วยกันทั้งสิ้น 39 อาชีพ (ดูรายการด้านล่าง) เราเรียกอาชีพ เหล่านั้นง่าย ๆ ว่า “อาชีพสงวน” สงวนในที่นี้คือสงวนเฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ทำ�ได้ ล้วน เป็นอาชีพเกี่ยวกับงานฝีมือเสียส่วนใหญ่ กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเก่า ผ่านการ ปรับปรุงจนเป็นฉบับล่าสุดในปี 2522 เนื่องจากเวลานั้นเพิ่งผ่านพ้นการปฏิวัติการ ปกครองมาได้ ไม่กี่ปี มีประชาชนชาวจีนแผ่นดินใหญ่และชาวนู่นนี่นั่นรอบบ้านอพยพเข้า สยามประเทศอย่างไม่ขาดสาย รัฐบาลในยุคนั้นจึงต้องทำ�อะไรสักอย่างเพื่อกันอาชีพไว้ สำ�หรับคนไทยไม่ให้คนต่างด้าวเข้ามาแย่งที่ทำ�มาหากิน จนเกิดเป็นที่มาของอาชีพสงวนดัง กล่าวที่ยังคงบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบัน จาก 39 อาชีพสงวนที่บัญญัติไว้ จะเห็นว่ารายการที่ 29 และ 30 อาชีพวิศวกรและ สถาปนิก ได้ถูกยกเลิกไปเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่มีการกำ�หนดข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ในเรื่อง 7 วิชาชีพเสรีและอีกหลาย ๆ อาชีพที่เรามักพบเจอคนต่างด้าวเป็นผู้ ให้ บริการ โดยเฉพาะใน “อาชีพกรรมกร” เรียกได้ว่ามีมากจนคิดว่าเข้าสู่ประชาคมอาเซียนไป เรียบร้อยเสียแล้ว ส่วนรายการที่ขีดเส้นใต้คืออาชีพที่เราพบเห็นแรงงานต่างด้าวอยู่เป็น ประจำ� ส่วนที่ไม่ได้ขีดไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี เผลอ ๆ อาจจะครบหมดทุกอาชีพก็เป็นได้ เมื่อลองมองสภาพแวดล้อมรอบตัวปัจจุบัน ชักไม่แน่ใจว่า “อาชีพสงวน” เหล่านี้สงวนไว้ ได้ จริงหรือไม่ หรือสงวนไว้ ได้เพียงในพระราชกฤษฎีกา และประการสำ�คัญ จะสงวนไว้ ได้นาน แค่ไหน เมื่อประตูบานนี้ค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้น บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำ�หนดงานในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ� 1.งานกรรมกร ยกเว้นกรรมกรในเรือประมงตาม 2 งานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ� ตาม 1 ไม่ใช้บังคับแก่คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราช อาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งชาติอื่น และคนต่างด้าวที่ได้รับการกำ�หนดสถานะให้เป็นคน เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีใบสำ�คัญถิ่นที่อยู่ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง 2.งานกสิกรรม งานเลี้ยงสัตว์ งานป่าไม้ หรืองานประมง ยกเว้นงานที่ใช้ความ ชำ�นาญงานเฉพาะสาขา งานควบคุมดูแลฟาร์มหรืองานกรรมการในเรือประมงเฉพาะการ ประมงทางทะเล (2) 3.งานก่ออิฐ งานช่างไม้ หรืองานก่อสร้างอื่น 4.งานแกะสลักไม้ 5.งานขับขี่ยานยนต์ หรืองานขับขี่ยานพาหนะที่ไม่ใช้เครื่องจักรหรือเครื่องกล ยกเว้นงานขับขี่เครื่องบินระหว่างประเทศ 6.งานขายของหน้าร้าน 7.งานขายทอดตลาด 8.งานควบคุม ตรวจสอบ หรือให้บริการทางบัญชี ยกเว้นงานตรวจสอบภายใน เป็นครั้งคราว 9.งานเจียระไน หรือขัดเพชรหรือพลอย 18
10.งานตัดผม งานดัดผม หรืองานเสริมสวย 11.งานทอผ้าด้วยมือ 12.งานทอเสื่อ หรืองานทำ�เครื่องใช้ด้วยกก หวาย ปอ ฟาง หรือเยื่อไม้ ไผ่ 13.งานทำ�กระดาษสาด้วยมือ 14.งานทำ�เครื่องเขิน 15.งานทำ�เครื่องดนตรีไทย 16.งานทำ�เครื่องถม 17.งานทำ�เครื่องทอง เครื่องเงิน หรือเครื่องนาก 18.งานทำ�เครื่องลงหิน 19.งานทำ�ตุ๊กตาไทย 20.งานทำ�ที่นอนหรือผ้าห่มนวม 21.งานทำ�บาตร 22.งานทำ�ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมด้วยมือ 23.งานทำ�พระพุทธรูป 24.งานทำ�มีด 25.งานทำ�ร่มกระดาษหรือผ้า 26.งานทำ�รองเท้า 27.งานทำ�หมวก 28.งานนายหน้าหรืองานตัวแทน ยกเว้นงานนายหน้าหรืองานตัวแทนใน ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ 29.งานในวิชาชีพวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมโยธา ที่เกี่ยวกับงานออกแบบและ คำ�นวณ จัดระบบ วิจัย วางโครงการทดสอบ ควบคุมการก่อสร้าง หรือให้คำ�แนะนำ� ทั้งนี้ ไม่รวม งานที่ต้องใช้ความชำ�นาญพิเศษ 30.งานในวิชาชีพสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับงานออกแบบ เขียนแบบ ประมาณราคา อำ�นวยการก่อสร้าง หรือให้คำ�แนะนำ� 31.งานประดิษฐ์เครื่องแต่งกาย 32.งานปั้นหรือทำ�เครื่องปั้นดินเผา 33.งานมวนบุหรี่ด้วยมือ 34.งานมัคคุเทศก์ หรืองานจัดนำ�เที่ยว 35.งานเร่ขายสินค้า 36.งานเรียงตัวพิมพ์อักษรไทยด้วยมือ 37.งานสาวและบิดเกลียวไหมด้วยมือ 38.งานเสมียนพนักงานหรืองานเลขานุการ 39.งานให้บริการทางกฎหมายหรืออรรถคดี ยกเว้น (ก) งานปฏิบัติหน้าที่อนุญาโตตุลาการ (ข) งานว่าต่างแก้ต่างในชั้นอนุญาโตตุลาการ ถ้ากฎหมายซึ่งใช้ บังคับแก่ข้อพิพาทที่พิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการนั้นมิใช่กฎหมายไทย หรือเป็นกรณี ที่ไม่ต้องขอบังคับคำ�ชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนั้นในราชอาณาจักรไทย
Several weeks ago, I had much more free time than usual. So, I spent it on my favorite activity – “watching movies” which are both international and local films. I’ve watched some of them twice but some haven’t been watched before. After watching a lot of them, I was stumbled upon a Thai period piece that showed the old-time atmosphere so amazingly, and I found that Thai older generations have had so many interesting jobs. The movie’s scenes reminded me of the “ reserved careers” that my friend toldme. Thus, I will talk about that in this issue. In Thailand, we have a labor protection law named the “Royal Decree Prescribing Works Relating to Occupation and Profession in Which an Alien is Prohibited to Engage, B.E. 2522 (1979)”, this law involved 39 careersthat disallow a foreignerto do (see lists below) called “reserved careers”, it means that only Thai people are allowed to do and the jobs aremostly handiwork. It is an old law that has been improved several times until 1979 after the Siamese Revolution. At that time, Chinese and other refugees moved in Siam. Thus, the government decided to do something to keep some jobs for Thai people and this law has remained to the present day. From the prescribed 39 reserved careers, no.29 and no.30 – engineering and architectural work wereimplicitly canceled under the condition of ASEAN Mutual Recognition Arrangement (MRA) in 7 professions. Also, we often seethe immigrants working in many sectors, especially manual work which outnumbers other sectors and make us feel like the AEChas already started. The underlineditems are careers that the alien laborers usually take. However, it doesn’t mean that the rest is not taken by the aliens; it is possible that all of these careers are already taken. Nowadays, when we take a look around at the situation, we probably question that the “reserved careers” are actually reserved or they are just nominally reserved in the Royal Decree. Most importantly, how long can we reserve them while the gate of communication is opening wider. Annexed attached to the royal decree prescribing works relating to occupation and profession in which an alien is prohibited to engage
19. Making of Thai dolls. 20. Making of mattress of quilt blanket. 21. Alms bowls casting. 22. Making of silk products by hand. 23. Casting of Buddha images. 24. Knife making. 25. Making of paper of cloth umbrella. 26. Shoemaking. 27. Hat-making. 28. Brokerage or agency excluding brokerage of agency in international trade business. 29. Engineering work in civil engineering branch concerning designing and calculation, organization, research, planning, testing, construction supervision or advising excluding specialized work. 30. Architectural work concerning designing, drawing of plan, estimation, construction directing or advising. 31. Garments making. 32. Pottery or ceramic ware making. 33. Cigarette making by hand. 34. Guide or conducting sightseeing tours. 35. Street vending. 36. Type-setting of Thai characters by hand. 37. Drawing and twisting silk-thread by hand. 38. Office of secretarial work. 39. Legal or lawsuit services (except arbitration work sand work relating to defense of cases at arbitration level, provided the law governing the disputeunder consideration by the arbitrators is not Thai law)s. อ้างอิง http://thailaws.com/law/t_laws/tlaw16075.pdf http://www.thailandlawonline.com/translations/foreign-employment-working-of-aliens-act http://www.thaiembassy.com/thailand/working-thailand.php http://wp.doe.go.th/site/eng/eng-royaldecree.html
1. Manual work,except labor work in fishing boats under the next category below. 2. Work in agriculture, animal husbandry, forestry or fishery excluding specialized work in each particular branch or farm of supervisionor labor work in fishing boats, particularly marine fishery. 3. Bricklaying, carpentry of other construction work. 4. Wood carving. 5. Driving mechanically-propelled carried or driving non-mechanically-propelled vehicle, excluding international aircraft piloting. 6. Shop attendance. 7. Auction. 8. Supervising, auditing or giving services in accountancy excluding internal auditing on occasions. 9. Cutting of polishing jewelry. 10. Haircutting, hairdressing or beauty treatment. 11. Cloth weaving by hand. 12. Weaving of mats or making products from reeds, rattan, hemp, straw or bamboo pellicle. 13. Making of Sa paper by hand. 14. Lacquerware making. 15. Making of Thai musical instruments. 16. Nielloware making. 17. Making of products from gold, silver or gold-copper alloy. 18. Bronzeware making. 19
1 0N 1
By Kriengsak Niratpattanasai
ทำ�อย่างไรซีอีโอจึงรับฟัง มากยิ่งขึ้น
How to make a CEO listen more “โค้ชเกรียงศักดิ์ ดิฉันมีช่องว่างด้านการสื่อสารกับซีอีโอค่ะ ท่านไม่รับฟังดิฉันมากเท่าที่ คาดหวังเอาไว้ ดิฉันควรทำ�อย่างไรดีคะ”
“Khun Kriengsak, I have a communication gap with my CEO,” Darin tells me. “He doesn’t listen to me as much as I expect. What can I do?”
“คุณดาริน ขยายความหน่อยครับ”
“Khun Darin, tell me more.”
“ท่านมอบหมายให้ดิฉันดูแลโครงการพิเศษ และรายงานความก้าวหน้าตัวต่อตัวสัปดาห์ละ สองครั้ง ครั้งละ 30 นาที แต่โครงการนี้เป็นโครงการใหม่และมีความสำ�คัญอย่างยิ่งยวดต่อ องค์กร จึงมีรายละเอียดมากมายที่ดิฉันต้องการรายงาน ดิฉันจะนำ�เสนออย่างไรให้จบใน 30 นาทีดีคะ”
“He assigned me to lead a special project. He asked me to report to him personally on a regular basis twice a week. Each time he allowed me only 30 minutes. Since this project was new and critical to the organisation, there were so many details I wanted to tell him. How can I present within 30 minutes?”
“ปีที่แล้วผมให้หนังสือที่ผมเป็นผู้เขียนชื่อ ‘นำ�เสนออย่างมีพลังแบบมืออาชีพ’ ผมพูดเกี่ยว กับ ‘ABC ของการนำ�เสนอ’ ไว้ ในบทการออกแบบการนำ�เสนอ คุณพอจำ�ได้ ไหมครับ”
“Khun Darin, last year I gave you a book that I wrote, High-Impact Presentation Skills. Do you remember the chapter about the ABC of Presentation Design?”
“จำ�ได้ค่ะโค้ช A คือผู้ฟัง ต้องทราบว่าผู้ฟังคือใคร สไตล์การฟังของเขาเป็นอย่างไร B คือ ประโยชน์ ผู้ฟังฟังแล้วจะได้ประโยชน์อะไร และ C คือผลลัพธ์ที่ตามมา คุณคาดหวังจะได้ ผลลัพธ์อะไรเมื่อนำ�เสนอเสร็จแล้ว”
“Coach, I do. ‘A’ stands for Audience - who is your audience and what is the preferred listening style? ‘B’ stands for Benefit - what’s in it for the audience? And ‘C’ stands for Consequence - what outcome do you expect from the presentation?”
“คุณรู้จักซีอีโอของตนเองดีเพียงใดครับ” “รู้จักดีพอสมควรค่ะ ท่านมีเวลาไม่มาก เป็นคนที่มีโฟกัสสูง ไม่ชอบให้ขี่ม้ารอบเมือง ท่าน ต้องการข้อเท็จจริงและตัวเลขก่อนที่จะรับฟังตรรกะและดุลยพินิจในแต่ละเรื่องค่ะ” “คุณรู้จักท่านดีทีเดียวนะครับ คุณคิดว่าปัญหาที่มีน่าจะเกิดจากอะไรครับ” “ปัญหาไม่ได้เกิดจากท่าน ในกรณีนี้ ดิฉันเองที่ต้องการให้ท่านเปลี่ยน เป็นความคาดหวังที่ ไม่สมเหตุสมผลใช่ไหมคะ”
“How well do you know your CEO?” “I know him quite well. He doesn’t have much time. He’s very focused. He doesn’t want me to beat around the bush. He wants facts and figures first, then he wants to listen to my rationale for each judgement or recommendation.” “Khun Darin, you seem to know a lot about him already. What’s the problem?”
“แล้วการเปลี่ยนแปลงอะไรที่น่าจะเป็นไปได้และคุณสามารถควบคุมได้ครับ”
“The problem is not about him, I guess. In this case, I want him to change himself to suit me. That’s an unrealistic expectation, isn’t it?”
“ดิฉันต้องเปลี่ยนวิธีการนำ�เสนอค่ะ”
“What would be a realistic change that you can control?”
“คุณเป็นคนฉลาดและมุ่งมั่นมาก ผมมั่นใจว่าในอดีตคุณต้องเคยนำ�เสนอได้อย่างดีและ ประสบความสำ�เร็จต่อซีอีโอหลายต่อหลายครั้ง ลองนึกถึงสักเหตุการณ์หนึ่งที่ซีอีโอให้ผล ตอบรับเชิงบวกหลังคุณนำ�เสนอเสร็จแล้วสิครับ”
“I can change how I present.”
“ได้ค่ะ ในช่วงการนำ�เสนอก่อนเริ่มต้นโครงการนี้ ดิฉันพูดเกี่ยวกับแนวทางการบริหาร โครงการนี้ ซีอีโอบอกว่าดิฉันนำ�เสนอได้ดีมาก” “ครั้งนั้นคุณทำ�อย่างไรครับ” “ดิฉันเตรียมตัวอย่างมากเลยค่ะ อย่างแรก ดิฉันทราบก่อนนำ�เสนอว่าท่านให้เวลาดิฉันเพียง 15 นาที จึงเลือกนำ�เสนอ เฉพาะประเด็นสำ�คัญเท่านั้น ข้อสอง ดิฉันเกริ่นเริ่มต้นเพียงสั้น ๆ เท่านั้น แล้วเข้าเรื่องทันที แจ้งให้ทราบอย่างทะมัดทะแมง มั่นใจ ว่าแนวทางการทำ�งานใหม่คืออะไร เพราะอะไรจึงเลือกแนวทางนี้ ข้อสามคือ ดิฉันเตรียมตอบคำ�ถามทุก ๆ มุมมองที่น่าจะมี หาข้อมูลสนับสนุน และตัวเลข ต่าง ๆ มารับรอง ดิฉันจึงสามารถตอบทุกคำ�ถามที่ท่านถามได้ทันที สุดท้าย ดิฉันก็ซักซ้อมกับทีมงานของดิฉัน พวกเขาบอกสิ่งที่ควรปรับมากมาย ดิฉันก็ ปรับแต่งใหม่ให้ชัดเจนขึ้น จนกระจ่างและสามารถที่จะเข้าใจได้ง่ายในที่สุด” “คุณทราบวิธีการนำ�เสนอที่ดีเยี่ยมอยู่แล้วนี่ครับ คุณเพียงต้องนำ�มาใช้เท่านั้น”
20
“Khun Darin, you’re smart and driven. I’m sure you have made successful presentations to the CEO on several occasions. Can you think about one situation in which he gave very positive feedback to your presentation?” “Sure. During the starting phase of this project, I presented a new project management approach. He told me I’d made a great presentation.” “How did you do it?” “I prepared a lot. First, I knew he didn’t have much time. I asked for an hour and he gave me only 15 minutes, so I identified only core message. “Second, I used just a short introduction, then cut to the chase. I told him the new approach, why I proposed it and how confident I was in it. “Third, I prepared a lot of potential questions. Then I gathered back-up facts and figures on each question. But I didn’t need to use them all. I answered only the ones he asked. “Finally, I rehearsed with my team and they gave me a lot of feedback. Then I modified the presentation until it was concise and sharp.” “Khun Darin, you already know how to do that. You just need to follow your own best practice the next time that you present to him.”
MMA NA NA GA GE R’ E R’S STITIP SP S
By Kriengsak Niratpattanasai
ลาออกอย่างมืออาชีพ
คนไทยเราจำ�นวนหนึ่งยังขาด การกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
Some Thais are not Resigning with Professionalism assertive enough การลาออกอย่างไม่เหมาะสมทำ�ให้คุณเสียชื่อเสียงและองค์กรก็เสียหายด้วยเช่นกัน ต่อไปนี้คือ แนวทางการลาออกอย่างมืออาชีพครับ 1. ควรยื่นล่วงหน้าสองเดือน ดีที่สุดคือสามเดือน เพราะโดยทั่วไปฝ่ายบุคคลต้องใช้เวลาถึง 30-45 วันในการจัดจ้างคนใหม่ การให้เวลากับองค์กรมากสักนิดจะทำ�ให้การส่งมอบงานเป็นไป อย่างราบรื่นสมบูรณ์มากขึ้น 2. ทำ�งานหนักเท่าเดิมหรือหนักกว่าเดิมหลังจากยื่นลาออกแล้ว เพราะนี่เป็นประโยนช์ตรง ๆ ถึง คุณ ผู้อื่นจะจดจำ�ว่าคุณเป็นเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ การทำ�เช่นนี้จะมีผลต่อการอ้างอิงที่ดีของ คุณในอนาคต หากคุณกำ�ลังได้รับพิจารณาให้รับตำ�แหน่งที่มีความสำ�คัญ ว่าที่เจ้านายใหม่ของ คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้รับข้อมูลอ้างอิงเชิงบวก นอกจากนั้นคุณอาจได้รับการจ้างกลับไปยัง องค์กรเดิมเพื่อให้รับตำ�แหน่งทีมผู้บริหารระดับสูง ลองจินตนาการสิครับว่าทีมงานจะต้อนรับคุณ เป็นอย่างดีเมื่อได้ทราบถึงชื่อเสียงที่คุณเคยสร้างใว้ 3. จัดทำ�คู่มือการทำ�งาน แม้องค์กรทั่วไปจะจัดทำ�เป็นเอกสารใว้แล้ว แต่ส่วนมากมักไม่ทันสมัย และ ไม่ลงรายละเอียดมากพอ ให้เฉพาะภาพกว้าง ๆ ทำ�ให้ต้องคาดเดาจากประสบการณ์ ในบาง กระบวนการทำ�งาน ต้องลองผิดลองถูก อย่าให้ประสบการณ์ที่คุณมีติดตัวคุณไปจากองค์กร จง ทำ�เป็นคู่มือที่ละเอียด ช่วยให้คนที่มาแทนที่คุณไม่ต้องเดาและไม่ต้องลองผิดลองถูก ถ้าคุณวางแผน เวลาดี ๆ ทำ�ให้มีเวลาสำ�หรับส่งมอบงานอย่างเหมาะสม การมีคู่มือที่ละเอียดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำ�หรับบุคคลที่มารับหน้าที่แทนคุณ 4. อย่าให้ความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งใดในองค์กรเดิม คุณอาจรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ใน องค์กรใหม่นั้นดีกว่าที่เดิม แต่คุณไม่สามารถตัดสินเช่นนั้นได้จนกว่าคุณจะใช้เวลาอยู่กับที่ใหม่นาน เท่ากับที่เดิม เราทุกคนมีแนวโน้มที่จะมองสิ่งใหม่ ๆ ว่าดีกว่าเดิมเสมอ บ่อยครั้งที่สิ่งนี้เป็น ภาพลวงตา เหมือนคำ�พูดที่ว่า “หญ้าบ้านอื่นเขียวกว่าบ้านเราเสมอ” 5. ย้ำ�ตนเองให้มั่นใจว่าลาออกด้วยเหตุผลที่เหมาะสม แดเนียล กูลาติ โพสผลงานวิจัยที่ Harvard Business Review Blog Network เกี่ยวกับความผิดหวังในเรื่องเกี่ยวกับอาชีพการงาน โดย อันดับหนึ่งที่มีผู้เสียใจมากที่สุดคือ “ไม่น่าเปลี่ยนงานเพราะได้เงินเพิ่มเลย” ดังนั้นอย่าเปลี่ยนงาน เพราะเงิน ถ้าคุณเป็นคนเก่ง แม้อยู่ในองค์กรเดิมคุณก็มีโอกาสสูงได้เลื่อนตำ�แหน่ง และได้เงินเดือน เพิ่มตามไปด้วย เหตุผลในการลาออกควรจะเป็นเพราะนายจ้างใหม่ให้โอกาสคุณในการใช้จุดแข็งที่คุณมีและทำ�ในสิ่ง ที่คุณชอบมากกว่า อย่างไรก็ตามถ้านายจ้างเดิมขอให้คุณอยู่ต่อและคุณเองก็ ไม่มั่นใจว่างานใหม่คือ งานที่ “ใช่” หรือไม่ ผมอยากขอให้คุณพิจารณาคำ�ขอของนายจ้างเดิมให้มาก คุณอาจขอ เปลี่ยนแปลงหน้าที่ความรับผิดชอบบ้างเพื่อให้มีโอกาสได้ ใช้จุดแข็งของตนมากขึ้น แต่อย่าขอเงิน เดือนเพิ่ม เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถทำ�งานได้ดี เงินที่มากขึ้นก็จะตามมาเอง If you’re considering leaving your current job for a new one, here are some things to consider once you decide to leave your existing employer: 1. Give more time to your existing employer. Two months notice in advance is quite fair. Ideally, three months would be appropriate if you’re in a key position. Why? Because it takes at least 30-45 days to find a replacement - particularly if someone must be recruited from outside. 2. Work hard or even harder than usual after you submit the resignation letter. Why? Because it’s in your best interest. People will remember you as a highly accountable individual. What’s in it for you? First, it will be a great reference for you in the future. Imagine that one day you are a candidate for a significant post. How would your future boss react if she got a great reference about you like that? Apart from that, you might be recruited back to the existing organisation in a more senior management level. Again, imagine how people would welcome you based on your past references.
much room for guesswork and may not really be practical. Most of us must learn to fill in the blanks through our own experience. It requires a trial-and-error approach. Don’t let that experience leave the organisation with you. In the manual you prepare, leave less room for guesswork - reduce the trial-and-error rate for your replacement. If you also have left a proper amount of time for the handover as mentioned before, this additional work manual will be a great start for your successor. 4. Don’t comment negatively on anyone in your existing organisation. You may feel the people at the new employer are better than the people you’ve been working with, but you can’t really judge that until you spend time there. Most of us tend to have a positive bias towards the new organisation. It may be more delusion than fact. Remember the old saying: “The grass is always greener on the other side of the fence.” 5. Quit for the right reasons. Writing on the Harvard Business Review’s blog network, Daniel Gulati reported the results of his research into the most common career regrets. The number one regret is: “I wish I hadn’t taken the job for the money.” Don’t go after the money. If you’re a talent in your existing organisation, the chance for you to be promoted is supposed to be high. When you get promoted you’ll earn more anyway. If you quit a job, it should be because the new employer is offering a better chance for you to do what you do best. If your boss asks you to stay, you have to weigh what he’s offering to see if it gives you more chances to use your strengths. Don’t ask for more money to stay - money will come if you’re good enough.
3. Prepare an additional work manual. Most organisations have a work manual, but it may be out-of-date or lacking in details. Mostly, it gives a broad scope of work. It leaves 21
ART C h ie ve r A R T C h ie v er Story: Nitnada Panpipat
Story: Nitnada Panpipat
Photos:Photos: Panurak Panurak PrajaksootPrajaksoot
THE VISIONARy Niche Nation ตกแต่งแบบโมเดิร์น สะอาดตา แฝงตัวอยู่กับธุรกิจต่าง ๆ ในซอย ทองหล่อมาเป็นเวลากว่า 8 ปีและยังคงคอนเซ็ปต์สุด Hip ไว้เป็นอย่างดี วันนี้ AF มาพบกับ มร. Jonas Koblin ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำ�เร็จของร้านขายแว่นตาที่เก๋ ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย
Blending in with the rather flashy businesses on Thonglor strip, the clean modern store of Niche Nation has been at its location for the past 8 years and stands a strong hip concept. Today AF is meeting Mr. Jonas Koblin, the man behind the success of the coolest eyewear store in town.
ที่มาของ Niche Nation / The Beginning of Niche Nation
ธุรกิจนี้เป็นอย่างไร / What is the Nature of the Business?
ผมและหุ้นส่วนมาจากเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี พวกเราวางแผนจะไปเรียนต่อที่นิวยอร์คแต่เมื่อไปถึงกลับรู้สึกว่าไม่ ค่อยชอบเท่าไหร่ ในตอนนั้นมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งกำ�ลังจะเดินทางมาเที่ยวในแถบเอเชีย พวกเราจึงขอตามมาด้วย ผลลัพธ์คือ ผมได้เข้าเรียนด้านการตลาดภาคภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ผมและเพื่อนสนิทริเริ่มธุรกิจนำ�เข้าและจัด จำ�หน่ายแว่นตาแฟชั่นชั้นนำ�ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ งานหลักของเราคือ บริษัท วี ดู เอเชีย จำ�กัดและร้านขายแว่นตา Niche Nation เราเริ่มต้นธุรกิจด้วยแบรนด์แว่นตาเพียงหนึ่งแบรนด์ซึ่งไม่ได้รับความสนใจมาก นัก เราจึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากหน่อย ทั้งจัดงานอีเว้นท์และปาร์ตี้ต่าง ๆ ซึ่งทำ�ให้เราได้พบกลุ่มคนที่น่าสนใจ อย่าง ไทเทเนียม และวีเจจากช่อง MTV เรามีงานถ่ายแฟชั่นกับคนเท่ห์ ๆ อย่างจีน กษิดิศ และโอ๋ ฟูตอง ที่เพื่อนของเรา แนะนำ�ให้รู้จัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร (ยิ้ม) เรามีแนวคิดที่ชัดเจนคือต้องการจะนำ�เสนอแว่นตา โดยเน้นดีไซน์ ไม่ใช่เพียงแค่แฟชั่น ฉะนั้นรูปแบบของแว่นตาก็จะสามารถใส่ได้เรื่อย ๆ ไม่ล้าสมัยไปตามฤดูกาล ใช้เวลาสัก พักเลยล่ะกว่าลูกค้าจะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราตั้งใจทำ�
Niche Nation คือร้านแว่นตาชั้นนำ�ธุรกิจของเราคือการเลือกสรรสินค้าคุณภาพสูงสำ�หรับลูกค้า เราเชื่อมั่น ในแว่นตาคุณภาพดี รูปทรงสวยงาม ที่ไม่จำ�เป็นว่าจะต้องโชว์ชื่อแบรนด์หรือโลโก้ สำ�หรับบางร้านอาจเน้นการ ขายแว่นตารุ่นใหม่ล่าสุดหรือแว่นตาตามกระแสนิยม แต่สำ�หรับ Niche Nation แล้ว เราเน้นรูปแบบแว่นตาที่มี ความแตกต่าง เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเราที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและมีความมั่นใจ
My business partner and I are from Munich, Germany. We planned to continue our studies in New York City. But when we got there, the city didn’t feel right for us and when some friends of ours wanted to travel to Asia, we decided to come along. The result is I ended up studying a marketing major at Bangkok University and, with my best friend, we founded our business on distributing high quality designer eyewear in Thailand and throughout South East Asia. Our core business is called We Do Asia Co., Ltd. and Niche Nation Eyewear boutique. We started off with one brand, but not many people were interested. So, we had to be creative. We put together events and parties where we got to meet interesting people like Thaitanium and the VJs from MTV. We had fashion shoots with cool people like Gene Kasidit and Oh of Futon who were introduced to us through a friend. Even then people didn’t want to buy our glasses (smile). We were clear that, for Niche Nation, we wanted to provide glasses that are designer based and not fashion based; and the glasses we selected have shapes, designs, and quality that will last longer than a season or two. It took quite some time for people to understand what we are trying to do.
แผนธุรกิจใดที่นำ�มาประยุกต์ ใช้กับ Niche Nation / What business model do you apply to Niche Nation?
22
Niche Nation is a designer eyewear boutique, the nature of our business is to find very good products for the customers. We believe in glasses that are high quality and look beautiful without showing a big brand or logo. Many stores can sell when they offer the newest models or best seller styles, but at Niche Nation we offer unique choices for our clients who are people with very unique styles and confidence.
ผมเชื่อในเรื่องของความยั่งยืนแต่ผมไม่ได้หมายถึงการรักษ์โลกเพียงอย่างเดียว เมื่อเราเลือกสินค้าหรือเลือก ที่จะทำ�งานกับดีไซน์เนอร์คนไหนหรือแบรนด์ใดแล้ว เราก็อยากที่จะร่วมงานกันในระยะยาว ซึ่งมันจะช่วยลด การใช้พลังงานทั้งทางร่างกายและจิตใจควบคู่กันไป เราอยากเห็นธุรกิจเติบโตและอยู่ได้ยาวนาน เราไม่เคยลด ราคาเพราะเราไม่อยากให้ลูกค้ารอจะซื้อเฉพาะช่วงลดราคาเท่านั้น อย่างนั้นธุรกิจเราคงจะต้องอยู่ด้วยการ แผนการลดราคา (ยิ้ม) เราตั้งราคาอย่างยุติธรรม และมีเหตุผลแน่นอนเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน ในปีหน้าเราจะมีร้าน ใหม่ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี บนถนนเพลินจิต ซึ่งเราตื่นเต้นกับมันมาก
เทรนด์ ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีสินค้าหรือดี ไซน์เนอร์ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ? / What is the trend now and is there any product or designer we should keep our eyes on? ผมเชื่อว่าตอนนี้มีอยู่ 2 เทรนด์ด้วยกัน อย่างแรกคือ ไม่มีเทรนด์อีกต่อไปและทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ อย่าง ที่สองคืออ้างอิงจากเทรนด์ของโลกปัจจุบันและแบรนด์แว่นตาแฟชั่นของ Victoria Beckham นั้นกำ�ลังไปได้ ดีมากทีเดียว สำ�หรับกรุงเทพฯ แล้วถือเป็นตลาดสำ�หรับแว่นตากำ�ลังเติบโตอย่างรวดเร็วคนไทยก็เปิดรับไอ เดียต่าง ๆ มากขึ้น เรากำ�ลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เราทำ�งานร่วมกับดีไซเนอร์ชาวเยอรมัน แบรนด์แว่นตาใหม่ ภายใต้ชื่อ Plain โดยจะมีฐานอยู่ทีกรุงเทพฯ โดยร้านแรกจะอยู่ที่โครงการ Seenspace ซอยทองหล่อ 13 สิ่ง ที่พิเศษสำ�หรับแบรนด์นี้คือ ลูกค้าสามารถเลือกประกอบทั้งแว่นกันแดดและแว่นสายตาตามความต้องการ หรือลูกค้าสามารถทำ�ได้เองออนไลน์แล้วเราจัดส่งให้ถึงบ้าน สำ�หรับราคาก็ถือว่าดีมากด้วย I believe there are 2 trends. First, there are basically no trends anymore and everything is possible. The second is the world trend and right now Victoria Beckham is doing very well. For eyewear, Bangkok is one of the most progressive countries in the world; people are open to new ideas. We are working on our new line, working with a German designer on a new eyewear called “Plain” which will be Bangkok based. The 1st store will be at Seenspace at soi Thonglor 13. What will be special is that customers can create their own glasses by selecting the frame and matching it with any lens they want, The price is definitely affordable and you can do that online and have them delivered to your home. I believe in sustainability and I’m not just talking about going green only. When we select a product or choose to work with a designer or a brand, we want to continue doing it for a long period of time. That way, it saves energy, both emotionally and physically. We want it to continue to grow and stay in business for a long time. We never have a sale because people will wait for the next sale then you end up with a sale focused business model (smile). We set our prices fairly and reasonably, which is what will make our business sustainable. We are going to have another store open at the new Central Embassy which is a really nice location and should be very interesting. ทำ�ไมจึงเลือกเปิดร้านในย่านทองหล่อ? / Why did you choose to open the store in the Thonglor area? คำ�ตอบง่ายมาก คือในตอนนั้นไม่มีห้างไหนให้เราเช่าพื้นที่เลยน่ะสิ แต่ผมก็เข้าใจนะ พวกเราอายุ 24 ปีตอนเรา เริ่มทำ�ธุรกิจ (หัวเราะ) พวกเราชอบซอยทองหล่ออยู่แล้ว และในตอนนั้น เจ อเวนิวเพิ่งจะเปิด และเราก็โชคดีที่ ได้พื้นที่นี้ ตอนนั้นร้านเล็กกว่าในปัจจุบันครึ่งหนึ่ง เราขยับขยายร้านและออฟฟิศของเราก็อยู่ที่ชั้นบนอีกด้วย จะว่าไปเป็นโชคดีของเราที่มีพื้นที่ของเราเอง และไม่ต้องขึ้นอยู่กับห้างสรรพสินค้า เพราะถึงแม้จะมีลูกค้า มากมายแต่คุณก็มีคู่แข่งมากมายอยู่ข้างกันด้วย ที่ทองหล่อนี้เราอยู่เดี่ยว ๆ เลย It was quite simple that no department store at that time would rent us a space, I don’t blame them though. We were 24 years old when we started off (laugh). We always liked the Thonglor area and at that time J Avenue was newly opened. We were lucky to find this location. The store was only half the current size back then, but we have expanded it. Our office is right on top of the store too. We got lucky for having our own space and do not have to depend on a department store; because even though they bring in customers, you also have your competitor right next to you. Now we are here and very independent. 23
คุณคิดว่าแว่นตามีความสำ�คัญกับชีวิตประจำ�วันมากน้อยอย่างไร? / How do you think eyewear is important for everyday life? ในชีวิตทุกคนจะต้องใส่แว่นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งแน่นอนพวกเขาต้องการแว่นตาที่สวมใส่สบายและให้ความรู้สึก มั่นใจ ผมคิดว่าวัยรุ่นในปัจจุบันเลือกแว่นตามีดีไซน์เป็นเครื่องประดับแทนที่นาฬิกา สิ่งแรกที่พวกเขาเลือกน่า จะเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน สิ่งที่สองคือแว่นตากันแดดคงเพราะมันบ่งบอกถึงสไตล์ ความเป็นตัวตนได้อย่าง ชัดเจนและนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการสื่อสารออกมา At some point in life people will have to wear glasses. So, they surely want to feel comfortable and confident wearing them. In my opinion, for a young population, designer sunglasses are an accessory that is replacing designer watches. Nowadays a smart phone is probably the 1st accessory, then fashion sunglasses come in 2nd because they shows off your style and who you are, which is probably important for the young to express . สิ่งที่ท้าทายในธุจกิจนี้คืออะไร / What are the challenges in this business? สิ่งแรกเลยก็คือการเลือกหาแว่นตาที่เหมาะกับลูกค้าจากตัวเลือกมากมายในท้องตลาด ต่อมาก็คือการบริหาร คลังสินค้าและอะไหล่ต่าง ๆ ที่มีรายละเอียดอย่างมีประสิทธิภาพ ผมทำ�งานหนัก และต้องเดินทางบ่อย ที่ บริษัทของเราพยายามรักษาคุณภาพและความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ชั้นนำ�ต่าง ๆ ทุกวันนี้ ลูกค้ามีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สูงมาก ฉะนั้นการที่เราจะต้องมีความรู้จริงในสินค้าของเราก็สำ�คัญมากด้วย First of all, there are a lot of products in the market and to select the right products that sell. Then, to manage stocks and parts that have many more details than they appear. I work hard and travel often for work and we try our best to manage a strong brand portfolio and be a proud partner to all the designers we are working with. These days, the customers have a high knowledge on products, so to meet their expectation and to keep them happy is also very important. 23
A R C HITEC T URE FO CUS Story: Verarit Vincent Veranondh
Movement Cafe
Movement Cafe: A Recycle Cafe Built Within Sixteen Days!
คาเฟ่ร ี ไ ซเคิ ล ที่ใ ช้ เ วลา ส ร้ า ง เ พี ย ง 1 6 ว ั น ! ตอนเด็ก ๆ เราอาจเคยเล่นสนุก โดยจับสิ่งโน้นสิ่งนี้มาสร้างให้เกิด เป็นที่พักอาศัยชั่วคราว (แบบเด็ก ๆ) ให้เราเข้าไปหลบซ่อนตัว และ ผลงานของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นจากการรีไซเคิลนี้ ช่างดู คล้ายคลึงกับความคิดของเด็ก ๆ ผู้มีจินตนาการเสียจริง
24
Back to our childhood days, we used to gather various objects around us, build lodging, and hide ourselves in it. This architectural pop-up has brought us back to our childhood memory where imagination is the best playground.
การเคลื่อนไหวของงานสถาปัตยกรรมในลอนดอนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างจะ คึกคัก และมีการเติบโตขึ้นเรื่อย ทั้งนี้เพราะผลของการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2012 ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งหนึ่งในผลสำ�เร็จของงานนี้ก็คือ ผลงานชิ้น หนึ่งที่ดำ�เนินงานโดยองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำ�ไร ได้ว่าจ้างให้ Morag Myerscough มาออกแบบ และสร้างความตื่นเต้นน่าสนใจให้กับคาเฟ่ที่จะใช้เป็นที่ให้บริการอาหารท้อง ถิ่นรวมถึงเครื่องดื่มให้กับผู้ที่มาเข้าร่วมงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก โดยจะอยู่บริเวณรอบ ๆ สถานีรถไฟกรีนนิช คาเฟ่แห่งนี้ถูกเรียกว่า Movement Café หรือ MVMNT Café ซึ่งเป็น Pop-Up Café ที่สร้างขึ้นโดยใช้โครงสร้างหลักจากตู้คอนเทนเนอร์ที่นำ�มารีไซเคิล และมันถูกสร้างขึ้นใน เวลาอันจำ�กัด ซึ่งเวลาทั้งหมดในการก่อสร้างคิดเป็น 16 วันก่อนการแข่งขันโอลิมปิกจะ เริ่มเท่านั้น ด้วยความเร็วนี้เอง จึงอาจเป็นที่มาของชื่อคาเฟ่แห่งนี้ที่สามารถเคลื่อนย้ายไป ที่ไหนก็ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากการที่จะนำ�ตู้คอนเทนเนอร์มาใช้แล้ว (ซึ่งเราอาจเห็นได้ ทั่วไปในปัจจุบัน) ความแตกต่างของผลงานชิ้นนี้คือ ความกล้าที่จะหยิบนั่งร้าน และการให้ สีสัน หรือลูกเล่นต่าง ๆ เข้ามาเสริมให้คาเฟ่แห่งนี้ดูสนุกสนาน เสมือนเป็นที่พักผ่อนให้ สบายในช่วงระหว่างรอการแข่งขันกีฬา นอกจากนี้ยังมีการใช้บทกลอนจากนักประพันธ์ มาตกแต่ง อย่าง Lemn Sissay ผู้เป็นเจ้าของกลอนโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ โดย บทกลอนต่าง ๆ จะถูกเขียนไว้ตามจุดต่าง ๆ ของคาเฟ่ และไม่เพียงแต่โครงสร้างหลัก อย่างตู้คอนเทนเนอร์เก่าที่ถูกนำ�มารีไซเคิลแล้ว สำ�หรับที่นั่งต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ภายใน ร้านยังออกแบบโดย Luke Morgan ศิลปินแห่งกลุ่ม Supergroup โดยเฉพาะเบาะหมอน อิงสีสันสดใส ที่ได้มาจากการรีไซเคิลผ้าที่ใช้ทำ�ว่าวอีกด้วย นอกจากนำ�ความสนุก และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงจินตนาการ ที่ถูกนำ�มาใส่รวม กันอยู่ข้างในคาเฟ่แห่งนี้แล้ว อาหารท้องถิ่นที่นำ�มาขายนั้น ล้วนเป็นอาหารประเภท Organic และยังเป็นผลิตภัณฑ์ Homemade อีกด้วย เรียกได้ว่า ไม่มีการเสียผล ประโยชน์ให้ใครที่ไหน นอกจากคนในท้องถิ่น แถมรายได้ก็ยังส่งต่อให้กับองค์กรการกุศล ต่าง ๆ ในลอนดอนอีกเช่นกัน
In recent years, architectural movement in London was quite active and kept on growing due to the London 2012 Olympic Games that changed everything. One of this event’s success factors was an architectural work produced by a non-profit organization. They hired Morag Myerscough as a designer to make some excitement in a café that serves local food and beverage for the participants around The Greenwich Railway Station. This café is called Movement Café or MVMNT Café which is a pop-up café made of a recycled container in a very limited timeframe; it was finished in 16 days before the Olympic get started. This might be the reason why it is named Movement Café which can be quickly moved anywhere. Apart from being made of a container which is quite common nowadays, this café dare to use scaffolds, colours, and other tricks to bring an atmosphere as enjoyable as lodging during the break in the competition. Moreover, there are poems written by Lemn Sissay, the author of The London Olympic’s official poem, decorated around the café. It’s not just only the main structure that made of recycled container, all furniture are recycled and designed by Luc Morgan, an artist from Supergroup, especially the colourful cushions made of kite paper. In addition to fun, creativity, and imagination blended together in this café, they also provide organic local food and homemade products. Thus, net income from this café will be forwarded to local people and some charitable organizations in London.
Images: http://www.themovementgreenwich.com http://inhabitat.com/londons-movement-cafe-is-a-pop-up-eatery-made-from-recycled-shipping-containers-in-greenwich/ http://karmatrendz.wordpress.com/2012/10/10/the-movement-cafe-by-morag-myerscough/
25
INTE RI OR I NSIG HT
Story: Verarit Vincent Veranondh
Ikibana Restaurant ผสมผสานความต่างสร้างเอกลักษณ์
A Unique Design from Two Different Cultures ถ้าจะให้เล่าถึงงานออกแบบที่ผสมผสานวัฒนธรรมทั้งสองประเทศได้กลมกลืน สร้างความเป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ ต้องมาดูที่ผลงานการออกแบบร้านอาหารในบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน กับ ร้าน Ikibana ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผสมผสานความเป็นลาตินอเมริกาของอย่างบราซิลได้อย่างไม่น่า เชื่อ เมื่อเราเปรียบเทียบความแตกต่างของสองวัฒนธรรมอย่าง ญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยความอ่อนช้อยของ ตะวันออก และผลงานที่งดงามด้านศิลปะ กับความสดใสร่าเริงที่แฝงด้วยพลังให้แก่จิตวิญญาณ สีสัน และความสนุกของวัฒนธรรมบราซิลแล้ว แทบเรียกว่านำ�มาหาจุดกึ่งกลางให้กันได้ยากมาก แต่ทั้งสองความแตกต่างนี้ได้ถูกนำ�มารวมกันโดยผู้เชี่ยวชาญทางการออกแบบพื้นที่สำ�หรับปรุง อาหารอย่าง El Equipo Creativo บริษัทท้องถิ่นที่นำ�เอาเส้นสายของความอ่อนช้อยจากความ เป็นลาตินอเมริกามาสร้างสรรค์ ให้เกิดผลงานศิลปะด้วยไม้ Mongoy ซึ่งเป็นไม้จากเขตร้อนที่ถูก ออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันถึง 8 แบบ นำ�มาประกอบสร้างเป็น space ให้กับร้าน Ikibana ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อย่างก้าวเข้ามาในร้าน Ikibana แล้ว ทุกคนจะเห็นเส้นสายของไม้ที่ไหลสาน จากที่นั่งและผนังเลื้อยไปมาสู่ ฝ้า ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับการจัดไฟ warm white ก็ สามารถสร้างบรรยากาศที่แสนอบอุ่นให้กับการทานอาหารได้เป็นอย่างดี และยังมีการควบคุมแสง จากหน้าต่างโดยการใช้กระจกแบบกึ่งโปร่งใสเพื่อควบคุมแสงจากภายนอกให้เข้ามา ซึ่งจะมีลักษณะ คล้ายกับม่านน้ำ�ตก ที่นั่งรับประทานอาหารรูปทรงใบไม้ พร้อมโต๊ะเซรามิคที่มีลักษณะแตกต่างกัน ในแต่ละตัวด้วยสี สร้างพื้นที่ที่มีความเฉพาะตัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งซูชิบาร์ ด้วยกิ่งไม้แห้ง และดอกไม้ปลอมสีขาว โดยเรียกว่า The Cloud ซึ่งทั้งหมดได้ความร่วมมือของ Bossvi ร้านดอกไม้ และ La Invisible ดีไซเนอร์ Lighting เมื่อความลงตัวของความต่างนั้นมาอยู่ตรงจุดที่สมดุล จึงเกิดเป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้า(ผู้ ใช้)เป็นอย่างยิ่ง และยังสร้างความรู้สึกที่สบาย และเป็น กันเองอีกด้วย
26
If you want to experience a unique space that contains the mix of two different cultures, then you should find a chance to visit Ikibana, a restaurant amazingly offers the fine blend of Japanese and Brazilian style located in Barcelona, Spain. Comparing these two cultures, you will see that they contain distinctive characters; Japanese culture elegantly represents oriental art, while Brazilian culture is fun, colourful, and energetic. Despite those facts, the different cultures are skillfully put together by interior designers who are specialized in designing restaurants from a local company called El Equipo Creativo. They used Mongoy, a tropical tree, to show the Latin American delicate patterns. There are 8 different patterns used in the space of Ikibana. Thus, when customers visit the restaurant, they will see the wood textures that grow from the seats, climb up to the ceiling, and overlap each other there. The restaurant’s atmosphere feels more comfortable with warm white lighting. Additionally, using the semi-transparent mirrors is ideal to control the outdoor light which looks like a waterfall curtain. The leaf-shaped seats with ceramic tables that come in different colours make them unique. Additionally, there are some decorations at the sushi bar with dried branches and white artificial flowers called “The Cloud�. All above is in collaboration with Bossvi, a florist, and La Invisible, a lighting design team. This space enhances the balance between two cultures while the difference between two cultures is well balanced, the finished work is rare to find, bringing excitement for customers in which still remains cosy, ensuring by wood material.
27
JBTH announced 3D Printer in Thailand JBTH ประกาศตัว 3D Printer ในประเทศไทย What is 3D printer?
3D printer คือ อะไร
3D printer is a printer that can make a realistic 3-dimensional object from virtual design in CAD/CAM program. This innovative technology is being used in various businesses such as manufacturing, engineering, architecture, medical, or even education, by SME to large organization users to suit their requirements without wasting their time and expenditure on the mold making anymore.
3D Printer คือ Printer ที่พิมพ์งานออกมาได้ผลลัพธ์ 3 มิติเหมือนจริงตามที่ออกแบบไว้ใน โปรแกรม CAD/CAM นวัตกรรมนี้ได้รับการนำ�ไปใช้ในธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรม วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การแพทย์ หรือแม้กระทั่งการศึกษา เป็นต้น โดยผู้ ใช้ตั้งแต่ระดับ SME จนถึงองค์กรใหญ่ ๆ สามารถนำ�ไปปรับใช้ตามความต้องการของตนเอง โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างทำ� “ตัวหล่อ” (mold) อีกต่อไป
ขั้นตอนการออกแบบ
Design ---------------
Build ---------------
Test
ตัวอย่างของการพิมพ์งานจาก 3D printer
Why 3D printer? Cost-effective
คุ้มค่า
What digital camera or mobile phone manufacturers have to do while testing their new product prototype to satisfy the customers as much as possible is just modifying the design in a CAD/CAM program and print it out again, which requires only some hours to finish. It’s very cost-effective and fast comparing to the traditional mold making that needs some adjustments by trial and error until the prototype is perfect.
สิ่งที่ผู้ผลิตกล้องดิจิตอล หรือโทรศัพท์มือถือต้องทำ�ในการทดสอบต้นแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองลูกค้าให้ ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำ�ได้ เพียงแค่แก้ ไขต้นแบบในโปรแกรม CAD/ CAM แล้วสั่งพิมพ์ใหม่ ซึ่งใช้เวลาเพียงหลักชั่วโมงเท่านั้น นับว่าประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาได้ มาก เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีดั้งเดิมที่ต้องใช้ตัวหล่อ และต้องทดสอบ แก้ ไขแบบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสมบูรณ์
Ease to use and office friendly
ติดตั้งและใช้งานง่าย
A 3D printer is made to be user-friendly. It runs automatically and can be installed in an office or a computer room.
3D printer ถูกออกแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน และทำ�งานแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ 3D printer สามารถติดตั้งภายในออฟฟิศ หรือในห้องคอมพิวเตอร์ก็ได้
Accuracy, High quality
ประสิทธิภาพสูง
With Multi-Jet-Modeling (MJM) Technology and Visijet, an easy-to-use and non-toxic material, a 3D printer will help produce a very precise and detailed prototype for you.
ด้วยเทคโนโลยี Multi-Jet-Modeling (MJM) ระบบ 3D Printer ใช้วัสดุ Visijet ในการผลิต แบบสินค้าตัวอย่าง ซึ่งวัสดุนี้มีคุณสมบัติที่ง่ายต่อการผลิต และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ซึ่งจะ ช่วยให้ต้นแบบสินค้าของคุณถูกสร้างอย่างแม่นยำ� มีความละเอียดสูง
28
18th Fl., UBC II Building, 591 Sukhumvit Rd.(Soi 33), North Klongton, Wattana, Bangkok 10110 Thailand Tel. 66-(0)2662-2217-8 Email: contact@jbcc.co.th Fax: 66-(0)2662-2219
JBCC (Thailand) Co., Ltd. (JBTH) is an affiliated company in Thailand of JB Group, a Japanese organization with more than 3,000 employees. We aimed at supporting the IT systems construction, the service to be satisfied with since JB Group came to Bangkok, as a center of Southeastern Asia in 2010. Besides, it was just only the first step, but, as a business partner of IBM Thailand Company Limited, it was one of our success stories under the duties of the capital tie-up with Metro Systems Corporation Public Company Limited. In 2013, we will strengthen the cooperation with JBCC Co., Ltd., our parent company in Japan, so that we will be able to provide high level of IT services to JBTH as well as the HQ in Japan. We will offer current IT services continuously, but we will focus on our major objectives as follows.
JBTH Managing Director Mr. Masao Sato And now, JBTH will start to sell 3D Printers to Japanese and Thai companies. The newest technology of 3D Printers would make the terms of product design and development shorter and cheaper. We will open 3D showroom at JBTH office in the middle of August 2013 where we do hope many visitors will come and see this new technology. Firstly, in Thai market, we will focus on Projet 3500 Series (SD& HD) model. Depending on each 3D printer model, the resolution can support from high definition to extreme high definition and the build material can be tough clear plastic, natural plastic, blue plastic, gray plastic, castable plastic or non-toxic wax. This depends on resolution, precision, quality and durability. Our experts will recommend the right model for your business.
1. Selling & installing IT infrastructure: hardware, software, printer, network and related services 2. Promoting manufacturing control software package (R-PiCS)
ProJet 3510 HD
ProJet 3510 SD
ProJet 3510 CP
ProJet 3510 CPX
cube มร. มาซาโอะ ซาโต, MD ของ บริษัท เจบีซีซี (ไทยแลนด์) จำ�กัด ให้สัมภาษณ์ดังนี้
2. โปรโมตระบบงานการควบคุมการผลิต R-PiCS
บริษัท เจบีซีซี (ไทยแลนด์) จำ�กัด (JBTH) เป็นบริษัทลูกของ JB Group กลุ่มบริษัทที่มี พนักงานมากกว่าสามพันคนที่ญี่ปุ่น และได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในภูมิภาค ASEAN ที่ กรุงเทพฯ ในปี 2010 JB Group เป็นพันธมิตรธุรกิจที่ยาวนานกับบริษัท ไอบีเอ็ม จำ�กัด นอกจากนี้ JBTH มีการร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในเมืองไทย บริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำ�กัด (มหาชน) เพื่อนำ�เสนอ Total IT solution ตั้งแต่ infrastructure จนถึง high level IT service แก่ลูกค้า ในปี 2013 เราจะมีการร่วมมือกับบริษัทแม่จากญี่ปุ่นมากขึ้น โดยมีการนำ� solution หรือ resource ของบริษัทแม่มาช่วยในการให้บริการแก่ลูกค้าในเมือง ไทย ซึ่งเรามีเป้าหมายดังนี้
จากการประสบความสำ�เร็จของการทำ�ตลาด 3D Printer ที่ญี่ปุ่น ในปีนี้ JBTH จะเริ่มทำ�การ ตลาด 3D Printer ในประเทศไทย เราเชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีของ 3D Printer จะช่วยให้ลูกค้า ในเมืองไทยสามารถลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายสำ�หรับการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดย บริษัท JBTH จะเปิดโชว์รูมสำ�หรับ 3D Printer ในกลางเดือนสิงหานี้ ซึ่งเราคาดว่าจะมีลูกค้า ผู้สนใจมาเยี่ยมชมโชว์รูมนี้เป็นจำ�นวนมาก ในช่วงแรก เราจะเน้นไปที่รุ่น Projet 3500 Series (SD & HD)โดยที่แต่ละรุ่นจะมีความ สามารถในการพิมพ์ Resolution ที่ต่างกันตั้งแต่ high definition จนถึง extreme high definition รวมถึงวัสดุที่ใช้พิมพ์จาก tough clear plastic, natural plastic, blue plastic, gray plastic, castable plastic จนถึง non-toxic wax ซึ่งขึ้นอยู่กับรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ความละเอียด, ความแม่นยำ�, คุณภาพ และ ความคงทน โดยเราจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ� เทคโนโลยีที่เหมาะสมของ 3D Printer ให้กับลูกค้าทุกท่าน
1. เน้นในส่วนของ IT Infrastructure ตั้งแต่ Hardware, Software, Printer, Network ตลอดจน service ที่เกี่ยวข้อง
29
LEADING THE L EADER By M.L. Chaivat Jayankura
CEO or Owner ? หลังจากที่ได้เปิดกิจการด้านฝึกอบรมมาถึง 10 ปี ก็ทำ�ให้ผู้เขียนมีความรู้อยู่มากมาย ต่างจากการที่ เคยเป็น CEO ขององค์กรใหญ่ ๆ การมาเปิดกิจการเองหลายครั้งก็เคยถามตัวเองว่า ทำ�ถูกต้อง แล้วหรือยัง หรือถ้าย้อนอดีตได้อยากให้ตัวเองทำ�งานอย่างเดิม คือ รับจ้างเป็นผู้บริหาร หรือเป็น เจ้าของกิจการกันแน่ คำ�ตอบก็คือ ในโลกธุรกิจ ถ้าทำ�ธุรกิจกับต่างชาติ อาจจะได้ผลตอบแทนเป็น หุ้นที่ต่างประเทศบวกกับโบนัส และเงินเดือน 7 หลัก แต่ถ้าทำ�ธุรกิจเองอย่างปัจจุบัน สิ่งที่เห็นแน่ชัด คือ ทรัพย์สินขององค์กรที่มากขึ้น องค์ความรู้ที่เป็นทรัพย์ทางปัญญามากขึ้น แม้ว่าเงินเดือนเทียบ ไม่ได้กับตำ�แหน่งใหญ่ ๆ ขององค์กรต่างชาติที่เป็นเบอร์หนึ่ง แต่ในเรื่องของความสนุกกับงาน และ การบริหารเวลาแห่งความสนุก มีความแตกต่างกันลิบลับ ใน 10 ปีมานี้ได้ทำ�อะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างที่ไม่เคยทำ�มาก่อน เช่น เดินทางไปต่างประเทศน้อยลง มาก เฉลี่ยแล้วปีละ 1-2 ครั้ง เทียบกับการเป็น CEO ของคอมแพค ซึ่งต้องเดินทางทุกเดือน และได้ ไปทัศนศึกษา ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากกว่าการไปทำ�งานมากนัก การทำ�งานแต่เช้ายังคง เหมือนเดิมที่ทำ�มากว่า 30 ปี แต่ตอนกลับบ้านสามารถกลับได้เร็ว และยังมีเวลาดูหนัง ออกกำ�ลัง กาย อ่านหนังสือ ทำ�อะไรต่อมิอะไรได้อีกมากมาย มีเวลาลงทุนกับการเล่นหุ้น เปิดกิจการอื่น ๆ เสริมหลังเกษียณ ที่สำ�คัญ ได้ทำ�สิ่งที่รัก คือการเล่นดนตรี และร้องเพลงได้อีกด้วย
After I’ve run my training company for 10 years, I’ve learned many things from it. Running my own company is different from being a CEO in a big organization. Sometimes I ask myself “Did I do the right thing?” or “If I can turn back time, do I still choose to found my company or work as a CEO just like what I used to do?” In the business world, if I work for a foreign company, I would get a company share, a million baht salary, and a bonus as a reward, while running my own company, I’ve got more and more tangible and intangible asset such as intellectual capital although I’ve got less money. So, my answer is still the same because it’s a lot more fun doing the latter. During these 10 years, I’ve done so many things I’ve never done before. I spent less time travelling abroad for work, just a few times a year comparing to every single month like I used to do as a CEO of COMPAQ Thailand. I went on field trips which were a lot more fun than going to work. I still get up and go to work early like I always do for 30 years. I can get back home early and have time working out, reading books, or doing anything else. I also have time playing the stock market, running other businesses after retirement, and most importantly, I have time doing what I love: playing guitar and singing.
ถ้าถามกันจริง ๆ ก็ยังคิดว่าการมาเปิดกิจการดีกว่า และมีความสุขมากกว่าการเป็นลูกจ้างมือ อาชีพลิบลับ แต่ถ้าใครกระโดดมาทำ�ธุรกิจเองก็อาจจะมีคำ�ถามว่าคุณต้องคิดอย่างไร ทำ�อย่างไร จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่สนุก มีความสุขและมีเงิน เรื่องนี้ไม่ยาก จึงอยากฝากแง่คิดไว้ดังนี้
I really think being an owner is better and more fun than being a professional employee. Those who run their own business might ask how to think and do to have fun and also get the money. It’s not that difficult, I would like to suggest a way to success as follows:
1. คุณเก่งอะไร ชอบทำ�อะไรมากที่สุด ข้อแรกนี้สำ�คัญต่อชีวิตเพราะพวกเราบางคนคงเคยทำ�งานอย่างที่ไม่ชอบมาก่อน อาจจะ เพราะต้องหาเงินสร้างตัวเอง อะไรมาก็เอาไปก่อน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เราทำ�ไปหาไป เจอบ้างไม่ เจอบ้าง แต่เวลาผ่านไป ก็ต้องคิดว่าเอาล่ะ เราจะทำ�อะไร อย่างไร ที่จะเป็นอนาคตของเรา เมื่อเราพบ ตัวเองแล้วก็ต้องถามต่อไปอีกว่า ที่เราชอบทำ�น่ะ จะทำ�เงินให้เราได้ ไหม เช่น ชอบขายของ จะขาย อะไร มีต้นทุนไหม ถ้ามีจะเอาจากไหนมาล่ะ ขายแล้วสักกี่ปีจะคืนทุน คืนแล้วคุ้มกับเวลาที่เสียไปไหม เป็นต้น หรืออาจจะอยากเป็นที่ปรึกษา ถามว่ามีความรู้ ความชำ�นาญจริงหรือเปล่า จะมีคนมาเป็น ลูกค้าไหม ชำ�นาญงานด้านบัญชี อยากเปิดบริษัท ก็ต้องเริ่มจากการทำ� sideline แล้วขยับมาเป็น มืออาชีพ ทำ�สัก 50 ราย ทำ�ที่บ้านก็ได้ ไม่ต้องเดินทางด้วย
1. What you are best at and you like it the most? The first question is very important to your life because some of us might have been working in a job we don’t like due to some necessity. That kind of work is something like a trial and error. But, you will have to choose what you really want to do for your future. After you have found the answer, you should ask how you can make money from it. For example, if you like selling stuffs, the questions are: What do want to sell? Do you have a budget? If yes, where can you get it? When you will achieve the break even and will it be worth your time? If you want to open a consulting company, are you really specialized in this field and who will be your customer? If you are good at accounting and want to run your own business, you should start it as a sideline and work for 50 customers to become a professional. You can also enjoy working at home without going to the office.
2. คุณมีความรู้จริงหรือเปล่า ถ้าเป็นงานบริการ เช่น ร้านอาหาร เราชอบบริการคนไหม ทำ�อาหารเป็นไหม ถ้าไม่เป็น หัดทำ�เป็นไหม มีความคิดสร้างสรรค์จริงหรือเปล่า เพราะทำ�อาหารธรรมดาไม่มีคนมาทานแน่ ต้อง เก่งจริงถึงจะรอด งานเท่าที่เห็นน่าจะแยกประเภทออกเป็นสองส่วนคือ งานวิชาการ อาศัยความ เชี่ยวชาญเฉพาะตัว อีกประเภทก็เป็นงานบริการ เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของ ขาย เสื้อผ้า ถ้าดูให้ดีมีประเภทที่สามคือ นำ�งานที่ชำ�นาญมาเป็นงานด้านบริการด้วย เช่น ธุรกิจที่ผู้เขียน ทำ�อยู่ซึ่งเป็นงานด้านการสอนคนที่ทำ�งานแล้ว โดยนำ�เอาความชำ�นาญ ผสมกับการขาย การ บริการคนในเวลาเดียวกัน ถ้าเราถามตัวเองแล้วคำ�ตอบคือ เป็นได้ แต่เป็นกลาง ๆ เช่น เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง เป็นนักขาย ก็ขายไม่ถึงระดับเทพ และไม่มีทุนมากมาย ขอแนะนำ�ว่าทำ�งานเป็นลูกจ้างอย่างเดิมก็ดีแล้ว เพราะอัน ที่จริงการเป็นลูกจ้างก็ไม่ขี้เหร่ ทำ�ดี ๆ ได้เลื่อนเป็น MD เงินเดือนหลักหลายแสน เฉียดล้านก็มี แถม อยากมีวันหยุด วันอู้ หรืออยากย้ายงานก็ทำ�ได้ ไม่ยาก ไม่เหมือนเป็นเถ้าแก่ ไม่มีวันหยุด มีแต่ต้องรับ ผิดชอบ ตลอด 24 ชั่วโมง ต้องเป็นนักลงทุน ต้องเป็นผู้นำ� ต้องเป็นนักคิด คิดไม่หยุด แก้ปัญหาคน ออก คนเข้า คนโกง คนไม่รักงานแต่รักเงิน งานที่เป็นเจ้าของกิจการไม่ง่าย ไม่สนุกแน่ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ทำ�ไมเขาอยากทำ�กันนะ ก็เพราะไม่ต้องมีนาย เป็นนายตัวเอง และมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำ�งานที่ คนอื่นทำ�ไม่ได้ นี่แหละที่มาที่ไป ลองคิดดูนะว่าจะทำ�อะไรให้เหมาะกับนิสียเราดี ก่อนตัดสินใจอ่านอีกสักรอบก็ดี
30
2. Do you really know it? If it’s a service job at the restaurant, do you have a service mind? Can you cook? If not, are you creative? It’s because people will not go to your restaurant if your food is boring. You have to be smart enough to manage it. As far as I know, there are 2 types of business I would like to suggest: technical business which you need to be specialized in something and service business like cafeteria, restaurant, convenient store, and clothing shop, etc. There might be the third one which is merging your expertise with service like I do with my training company. It’s all about teaching office workers with my experience, sales and service skills at the same time. Maybe the answer is: you can do that but not an expert and you don’t have the budget to support. Then I would like to suggest that you should work as an employee as usual. It’s not that bad, if you work well and are promoted as a director which might get a hundred thousand to a million baht salary. Plus, you have your paid holidays and you have a chance to change your job. It’s totally different to the owner who doesn’t have any holidays at all and is responsible for his or her business 24 hours a day. You have to be an investor, a leader, and a thinker who think all the time about how to solve problems such as turnover rate, deceivers, and employees who don’t love their job but always ask for money. Being an owner is not an easy or fun task from the beginning. The reason why many people want to be an owner might be that you don’t have bosses. You are the boss and will be proud of yourself doing the work others can’t do. You should think about all of these and read it again before you make a decision.
The Lady for Humanity
TH E L E G E N D
By NAMMAN
ออเดรย์ เฮปเบิร์น สาวน้อยใจแกร่ง
หลายคนคงรู้จักไอคอนผู้โด่งดังในยุค 60 อย่างออเดรย์ เฮปเบิร์น ในฐานะนักแสดงสาว มากความสามารถ ที่ฝากผลงานตราตรึงใจผู้ชมไว้มากมาย ด้วยลุคหญิงสาวเปี่ยมเสน่ห์ เสื้อผ้า อาภรณ์งดงาม ราวกับลูกคุณหนูที่เติบโตมาอย่างสมบูรณ์พร้อมและมีความสุข ใครเลยจะรู้ว่าเธอ เคยมีช่วงยากลำ�บากที่นำ�เธอไปสู่อีกหนึ่งบทบาทสำ�คัญ ทว่าครั้งนั้นไม่ใช่ในฐานะตัวละครสาวน้อย สดใสจากหนังรักโรแมนติกเรื่องไหน แต่เป็นตัวละครที่ดำ�รงชีวิตเพื่ออุทิศตนให้แก่สังคม ออเดรย์ เป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ดัตช์ พ่อเป็นนายธนาคารชาวอังกฤษ แม่มีเชื้อราชวงศ์จาก เนเธอร์แลนด์ แม้พ่อและแม่แยกทางกันตอนเธออายุ 6 ขวบ เธอยังมีความสุขดีแต่วันเวลาแห่งความ สุขนั้นได้หมดลงไปขณะที่เธอมีอายุเพียง 11 ขวบเมื่อกองทัพนาซีของฮิตเลอร์บุกเข้ายึดครอง เนเธอร์แลนด์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เรียกได้ว่ามันเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอเลยก็ว่า ได้ ทั้งเผชิญกับความแร้นแค้น และสุดแสนสะเทือนใจสำ�หรับเด็กหญิงคนหนึ่งที่ต้องเห็นลุงของตนเอง ถูกยิงตายไปต่อหน้าต่อตา ในเวลานั้นเป็นช่วงที่ลำ�บากมากของเธอและชาวดัตช์ด้วยกัน ถึงแม้จะมี เครื่องบินบรรทุกเสบียงมาแจกจ่ายก็ตาม แต่ทั้งหมดต้องถูกควบคุมเพื่อให้สามารถแจกสรรปันส่วน ได้ทั่วถึง ภาวะที่ขาดแคลนและอดอยาก ทำ�ให้สาวน้อยออเดรย์ผอมแห้งหัวโต เหลือแต่หนังหุ้ม กระดูก กลายเป็นเด็กขี้โรค ทั้งโรคขาดสารอาหาร โลหิตจาง และระบบทางเดินหายใจ ในช่วงที่ ขาดแคลนอาหารอย่างหนักเธอถึงกับต้องนำ�ดอกทิวลิปมาบดแทนแป้งเพื่อทำ�ขนมเค้ก แม้สุขภาพจะ ย่ำ�แย่แต่สาวใจแกร่งคนนี้ยังเข้าไปเป็นอาสาสมัครผู้ช่วยนางพยาบาลให้หน่วยใต้ดินต่อต้านนาซี บาง ครั้งรับหน้าที่ส่งข่าวด้วยการซ่อนเอกสารลับไว้ในถุงเท้าที่สวมใส่ นอกจากนี้เธอกับเพื่อนรุ่นพี่ยัง ช่วยหาเงินเข้าสมทบกองทุนของขบวนการด้วยการแอบแสดงบัลเลต์อีกด้วย แต่ทุกอย่างย่อมมีวันจบ สงครามได้สิ้นสุดลงในปี 1945 แม่พาออเดรย์ย้ายไปอยู่ใน ลอนดอน ที่นั่นเธอได้เรียนการแสดงทำ�งานเป็นนางแบบ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่นำ�เธอไปสู่ฮอลลีวูด และ ทำ�ให้เรารู้จักดาราสาวที่ขึ้นชื่อว่ามัธยัสถ์คนนี้ เธอแต่งหน้าเองเพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ สร้างภาพยนตร์ ไม่นิยมเครื่องประดับ ที่หรูหราสุดสำ�หรับเธอคงเป็นผ้าโพกผมที่ผูกใต้คางกับ แว่นตาเก๋ ๆ สักอัน เธอประสบความสำ�เร็จในวงการบันเทิงมาก ทั้งได้รับรางวัลออสการ์ บาฟต้า และโกลเด้น โกลบ เป็นต้น จากการที่ต้องเผชิญสงคราม ความอดอยาก ยากไร้ และหิวโหยที่เป็นฝันร้ายสำ�หรับออ เดรย์ ในวัยเด็ก เธอจึงตั้งปณิธานไว้ในวันที่สงครามยุติลงและพบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ว่าจะเข้าร่วม งานกับยูนิเซฟ องค์กรที่ให้ความช่วยเหลือเธอในรอดพ้นจากสงครามในครั้งนั้น เธอได้ทำ�ตามที่ตั้ง มั่นไว้จริงด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยงานมาตั้งแต่ปี 1950 และในช่วงปี 1988 – 1992 เธอได้เป็น ทูตของ UNICEF เข้าช่วยงานในแอฟริกา อเมริกาใต้ และเอเชียโดยไม่หวังผลตอบแทน เธอได้รบั เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ Presidential Medal of Freedom จากประธานาธิบดี จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ในฐานะ UNICEF Goodwill Ambassador และจากโลกนี้ไปเมือ่ 20 มกราคม 1993 ในวัย 63 ปี ด้วยโรคมะเร็งในช่องท้อง ก่อนทีจ่ ะได้รบั รางวัล The Jean Hersholt Humanitarian Award จาก Academy of Motion Picture Arts and Sciences ซึง่ เป็นรางวัลจากการทำ�งานช่วย เหลือทางด้านมนุษยธรรม ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าออเดรย์มักมีวาทะเด็ดอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นที่ติดหูเรามาจนทุกวันนี้คือ “The most important thing is to enjoy your life – to be happy – it’s all that matters”สมกับเป็นสาวน้อยออเดรย์ เฮปเบิร์น ผู้มองโลกในแง่ดีเสียจริง ว่าไหม?
Many people would have known the 60s fashion icon Audrey Hepburn as a talented actress who starred in a lot of impressing films. People believed that a charming woman in an elegant costume like her might have been raised in a rich family. However, nobody knew that she ever had difficult times that led her to another important role which was not a part of a romantic movie, but in real life as a humanitarian. Hepburn was a British-Dutch. Her father was a British insurance agent and her mother was a Dutch aristocrat of Frisian ancestry. Although her parents divorced when she was only 6 years old, she was happy. The good days were gone when Hitler’s Nazi troops invaded Netherlands during World War II and she was 11 years old at that time. It was the most traumatic incident of her life. She faced the indigence and she was shocked when her uncle was shot in front of her. It was a very difficult time for Hepburn and Dutch people. Even though the cargo aircrafts distributed foodstuffs to them but they were limited to share all over. The privation and starvation during war caused Hepburn emaciation; she was suffered from malnutrition, anemia, and respiratory problems. During the time of insufficiency, Hepburn had to made flour from tulip bulbs to bake cakes. Even though her health was ailing, but strong Hepburn participated the Dutch underground movement as a nurse. Sometimes she delivered secret news by hiding it in her socks. Moreover, she and her older friends performed ballet to make money to support the movement. After all, nothing lasts forever. The war ended in 1945. Hepburn’s mother took her to London. She had learned acting and worked there as a model. This was her first step to Hollywood that let us know her, an actress who was well-known as a thrifty person. She put on make-up by herself to save the production cost and she never wore expensive accessories. The most luxurious thing might be a scarf tied under the chin with beautiful glasses. Hepburn was very successful in the entertainment industry and won many Academies such as Oscar Award, BAFTA Award and Golden Globe Award, etc. Suffering from the war and famine during her childhood was a nightmare to Hepburn. So, when the war was over and she found herself alive, she made a resolution that she would one day join the UNICEF, an organization that helped her to survive the war. She had been working as a volunteer since 1950 and also was appointed as Goodwill Ambassador of UNICEF when she was volunteering in Africa, South Africa and Asia during 1988 - 1992. She received the Presidential Medal of Freedom from the United States president George H. W. Bush in recognition of her UNICEF Goodwill Ambassador. She passed away on 20 January 1993 by abdominal cancer before she had got The Jean Hersholt Humanitarian Award from Academy of Motion Picture Arts and Sciences for her contribution to humanity. It has been known that she always make a fantastic speech. One bear in mind is, “The most important thing is to enjoy your life – to be happy – it’s all that matters.” It is appropriated to the optimistic woman named “Audrey Hepburn”, isn’t it? http://www.britannica.com/EBchecked/topic/262298/Audrey-Hepburn http://www.biographyonline.net/humanitarian/audrey_hepburn.html 31
N E X T DE S T I N AT I O N
Story and Photos: Jenn Pongpun
สบายดีเวียงจันทน์
Sabai Dee Vientiane แม่น้ำ�โขง น้ำ�พุ และประตูชัยแบบฝรั่งเศสกลางเมือง กำ�แพงวัดทอดยาวจากวัดหนึ่งถึงอีกวัดหนึ่ง พระธาตุขนาดเล็กใหญ่ แทรกตัวอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของเมือง ร้านหนังสือ ร้านอาหาร ทั้งแบบโมเดิร์นและร้านค้าแบบพื้นบ้าน ร้านอินเตอร์เน็ต และ เอเยนต์ทัวร์ขนาดย่อมเรียงราย สลับสับหว่างกันไปตามริมถนน ตรอกซอกซอย เวียงจันทน์ต่างจากที่เคยจินตนาการไว้โดย สิ้นเชิง อาจเพราะเวลาผู้เขียนนึกถึงเมืองหลวง มักเห็นภาพรถติด ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา ประกอบกับภาพของตึก สูงระฟ้าและเสียงแตรรถยนต์อื้ออึง รู้สึกแปลกที่เวียงจันทน์ ไม่เป็นแบบที่คิดไว้สักนิดและถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางมา เยือนเวียงจันทน์ครั้งแรก ผู้เขียนกลับรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเมือง ไม่เคอะเขิน ไม่กังวลเรื่องการใช้ภาษาและวัฒนธรรมแม้แต่ น้อย อาจเพราะวิถีการดำ�รงชีวิตและผู้คนของประเทศไทยกับประเทศลาวที่คล้ายกัน เหมือนคำ�ที่คนรุ่นก่อนพูดเปรียบเปรย ว่า ไทยกับลาวนั้นเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน เรายิ้มง่าย เป็นมิตร และขี้อาย เวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลาว ผู้คนส่วนมากยังคงใจดี ตัวเมืองมี ศาสนสถานที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มีศิลปะที่เรียบง่าย สวยงามและ ยังคงมีกลิ่นไอของเมือง อาณานิคมฝรั่งเศส ผู้เขียนใช้เวลาอยู่ที่เวียงจันทน์สามวันกับสองคืนในช่วงวันหยุดยาว ไม่มากไม่ น้อยเกินไปสำ�หรับทั้งเที่ยวชมรอบตัวเมือง เดินเล่นซื้อของฝาก และชิมอาหารจากร้านรวงต่าง ๆ สถานที่สุดคลาสสิคพลาดไม่ได้เมื่อมีโอกาสมาเยือนเวียงจันทน์ ได้แก่ พระธาตุหลวง พระธาตุใหญ่ และสวยงามที่สุดในประเทศลาว ว่ากันว่าสร้างโดยช่างฝีมือโบราณ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมและเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมของลาว ประตูชัย เป็นอนุสรณ์สถานและเป็น สัญลักษณ์ของนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1962 ตั้งอยู่บนถนนล้านช้าง นักท่องเที่ยว สามารถขึ้นบันไดไปส่วนบนอนุสาวรีย์เพื่อชมวิวทิวทัศน์ จากด้านบนเราสามารถมองเห็นสวนหย่อม ด้านล่างที่จัดตามแบบ หลักการจัดสวนฝรั่งเศส วัดสีสะเกด วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังหลวงด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นวัดที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่ใน นครหลวงเวียงจันทน์ที่ไม่ถูกทำ�ลายจากสงคราม ลักษณะพิเศษของวัดนี้อยู่ที่ความอลังการของ พระพุทธรูปที่ฝังอยู่ตามช่องกำ�แพง แค่ข้ามถนนจากวัดสีสะเกด คือที่ตั้งของ หอพระแก้ว ที่นี่ถูก บูรณะขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด มีเพียงประตูใหญ่ทั้งสองเป็นของเก่าที่เหลือมาแต่เดิม สุดท้ายชม สวน พระ หรือ Buddha Park แปลกตาแต่ก็งดงาม และไม่ควรพลาดจริง ๆ The Mekhong River, a fountain, the French triumphal arch at the city center, the wall that connects one temple to another. Different sized stupas can be seen on many corners. Bookstores, fancy restaurants, local convenience stores, internet cafés and small tour agents are alternately placed along the street. Vientiane is not at all what I had imagined. When one thinks of a capital city then we foresee a hectic traffic scene and crowds walking in different directions with a background of sky high buildings and horn honking as a soundtrack. Even though Vientiane is not what I had in mind and this is my first time visiting, I feel not at all an outsider. In fact, I feel I’m a part of Laos’ capital city, understand the language and am comfortable with the culture. It seems that Thailand and Laos have always been similar in their way of life. Just like the old saying that we are sister countries, our people smile a lot, friendly, and are shy. Vientiane is the capital and largest city in Laos, though I can feel that the people are still very kind. The city is
AF Quick Note:
filled with religious sites with long histories, arts that are simple yet beautiful, and the French colonial vibe. I spent 3 days and 2 nights on a long weekend, given enough time to go around, to pick up some souvenirs, and taste some dishes. While taking it slow, I couldn’t miss the classic highlights which include: Pha That Luang, the largest Buddhist stupa in Laos. The architecture of the building includes many references to Lao culture and identity. Patuxai, or the triumphal arch of Laos, is a war monument located at the end of Lane Xang Avenue in the heart of Vientiane. The landmark was built in 1962. It’s open for tourist to access the top where they can look out over a French garden. Wat Si Saket is a Buddhist temple situated next to the north east of the royal palace. The old temple of the capital has a long history and was fortunate to remain untouched during the time of war. The temple was built in the Siamese style and has a unique wall housing the Buddha figures. Right across the street is Haw Phra Kaew, the place which formerly held the Emerald Buddha. It was destroyed and rebuilt, only the original gate is remaining. Last but not least is the Buddha Park, that I found quite different but a must visit.
-นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปเวียงจันทน์ ได้ ทั้งทางรถ โดยสารจากหมอชิต รถไฟจากหัวลำ�โพง และทางเครื่องบิน -คนไทยได้รับการยกเว้นวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศลาวสำ�หรับการท่อง เที่ยวไม่เกิน 30 วัน -กีบลาวเป็นสกุลเงินที่ใช้ ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1 บาท มีค่าประมาณ 250 กีบ เงินบาทไทยและเงินดอลล่าร์สหรัฐเป็นที่ ยอมรับในหลายแหล่งท่องเที่ยวในประเทศลาว -From Bangkok, travelers have convenient choices to travel to Vientiane: Buses from Mo Chit Bus Station, Train from Hua Lamphong Railway Station, and daily flights by many airlines. -There is no need of a visa for Thai citizens for a 30 day visit. -Lao Kip is the currency used in Laos, 1 Thai baht is approximately 250 Lao kip. Currency such as Thai baht and US dollar are widely accepted.
Just 3 hours drive from Bangkok A good life surrounded by natural beauty, complete with full amenities
Pasak Hillside Resort: 11 Moo 1, Nikomrumnarai, Chaibadan, Lopburi 15130 For Reservation 0 2833 8212-14, E-mail: pasak_resort@betagro.com www.pasakhillside.com 33
เตรียมพบกันที่งานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 28 5-8 กันยายน 2556 ณ ศูนยการประชุมแหงชาติสิริกิติ์ Booth G 167
ENT E R TA I NME N T By Kitti Kanchanachaya
Daft Punk - Random Access Memories มาแล้วกับอัลบั้มที่ 4 ของ Daft Punk วง duo เจ้าพ่อแห่งดนตรี electronic เมื่อผมฟังหมดครบทุกเพลง ถึงกลับต้องรีบกลับไป หางานอัลบั้มเก่า ๆ มาฟังเลยล่ะ ที่ผ่านมาเคยฟังคุ้นเคยเพียงบาง เพลง เช่น One More Night หรือ Harder Better Faster Stronger อัลบั้มนี้ฟังแล้วเพลินมาก ๆ ราบรื่น ไม่มีติดขัด ถ้าได้ ฟังคุณจะเผลอโยกหัว เคาะเท้า ไปกับเพลงเต้นรำ�จังหวะ funky สนุก ๆ แบบนี้แน่นอน ในส่วนของดนตรี มีชั้นเชิง โดยเฉพาะ ท่วงทำ�นองที่สวยงามในหลาย ๆ เพลงติดหูมาก เสียง synth, sound design และความเป็น electronic ยังคงอบอวล ความ พิเศษของอัลบั้มนี้ คือในส่วนของดนตรีสด จัดจ้านมากขึ้นเมื่อ เทียบกับอัลบั้มก่อน ๆ เมื่อผสมผสานกับซาวด์ล้ำ� ๆ เลยทำ�ให้ เพลงมีมิติ มีความลึกมากกว่าที่จะเป็นเพียงเพลง electronic ธรรมดาทั่ว ๆ ไป ยิ่งฟังหลายรอบก็ยิ่งได้อะไรใหม่ ๆ ให้ค้นหา สุด ยอดมาก ๆ และอัลบั้มนี้ยังได้นักดนตรีมากฝีมือมาช่วยหลาย ๆ คน อย่างเช่น Nile Rodgers มือกีต้าร์ ในตำ�นาน, Julian Casablancas จาก The Strokes และ Giorgio Moroder บิดา แห่งดนตรี electro-disco สำ�หรับผม ไฮไลท์ของอัลบั้มนี้ Give life back to music, Giorgio by Moroder, Within, Instant Crush และ Get Lucky ส่วนเพลงอื่น ๆ ที่เหลือก็ดีไม่แพ้กันนะ ลองฟังกันครับ
Daft Punk, the internationally acclaimed electronic duo, comes back with their 4th studio album. When I finished listening to it, I had to find their old works and enjoy them all. I’m just only familiar with some of their big hits such as “One More Night” or “Harder Better Faster Stronger.” All tracks in this album flow so smoothly that you will surely want to shake your head and tap your foot along the enjoyable funky music. Talking about the music, it’s sophisticated, especially some beautiful and catchy parts in many songs. Synthesizers, sound design, and electronic sounds are still used heavily but real instruments take much more important role than ever, which makes this album a very special piece. When modern electronic sounds meet real instrument sounds, they produce a much deeper electronic music and it’s so great that I keep on listening to it and find something new every time. There are some special guests who participated in this album such as the legendary guitarist Nile Rodgers, Julian Casablancas from The Strokes, and Giorgio Moroder, the father of electro-disco music. For me, this album’s highlights are “Give Life Back to Music”, “Giorgio by Moroder”, “Within”, “Instant Crush” and “Get Lucky.” Other tracks are also good, try it by yourself.
หลังจากได้ฟังเพลง Don’t Forget Who You Are เป็นครั้ง แรกในวันที่เหงา ๆ น่าเบื่อ ๆ วันหนึ่ง มันทำ�ให้ผมรู้สึกคึกคัก สนุก และมีพลังขึ้นมาจนอยากจะออกไปทำ�อะไรมันส์ ๆ เลย ล่ะ เพลงนี้เป็นเพลงใหม่ล่าสุดจากศิลปินหนุ่มหล่อชาว อังกฤษ “Miles Kane” และยังเป็นชื่อของอัลบั้มใหม่ของเขาที่ เพิ่งออกวางจำ�หน่ายมาเมื่อไม่นานนี้อีกด้วย ผมเองก็เพิ่งจะ เริ่มมาติดตามงานของเขาช่วงหลัง ๆ นี่เอง และ ปัจจุบันก็ถูก บรรจุอยู่ในรายชื่อ ของศิลปินที่ผมจะต้องติดตามอย่างใกล้ ชิดและต่อเนื่องแล้วด้วย ท่อนอินโทรเพลงนี้ดึงดูดความสนใจ มาก ๆ ขึ้นมาด้วยเสียงกีต้าร์เท่ ๆ ตามต่อเนื่องด้วยดนตรีที่ หนักแน่น และเร่งเร้าให้รู้สึกอยากปลดปล่อยอารมณ์ ไปกับ ความสนุกของเพลง ยิ่งโดยเฉพาะเสียงร้องของ Kane มี เสน่ห์มาก และบางทีก็ทำ�ให้ผมเผลอนึกไปถึง Liam Gallagher นักร้องนำ�วง Oasis, Alex Turner นักร้องนำ�วง Arctic Monkeys และ บางอารมณ์ก็มีสำ�เนียงอย่าง John Lennon ปน ๆ อยู่ ซาวด์ดนตรีเป็น Brit rock ติด เอคโค่ หน่อย ๆ ที่มีเอกลักษณ์เลยละ ผมว่าใครที่ชอบเพลง Brit rock ห้ามพลาดเลยนะครับ
When I finished listening to “Don’t Forget Who You Are” for the first time in a lonely day, I felt so energetic that I want to do something exciting right away. This is the latest song from a handsome British artist “Miles Kane” and is also his new album’s title. I just recently have followed his work very closely and now he is in the list of my favourite artist. The intro part appeals me with cool guitar sounds and it goes on with aggressive music that makes me feel like freeing myself along with it, especially Kane’s voice which is very charming and it reminds me of Liam Gallagher of Oasis, Alex Turner of Arctic Monkey, and sometimes John Lennon. For musical side, it’s a Brit rock with some echoes that sounds quite unique and I would recommend this album to anyone who loves Brit rock.
รั้น single ใหม่ล่าสุดจากวงภูมิจิตซึ่งเป็นอีกหนึ่งวงทาง เลือกคุณภาพของไทยยุคนี้ที่ผมอยากแนะนำ�ให้ลองฟังกัน วงนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร และเมื่อไม่นานนี้พวก เขาก็เพิ่งจะมี concert ใหญ่ ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ใน ฐานะที่ผมเองก็ชอบ ติดตาม และ รู้จักสมาชิกในวงนี้มาโดย ตลอด ฟังเพลงนี้รอบแรก ผมติดใจก่อนเลยที่ซาวด์ของ ดนตรีโดยรวม มันมีเสน่ห์ดึงดูดในแบบเรโทร เท่ ๆ เก๋า ๆ มี ส่วนผสมของ rock ’n roll ในยุค 60 และ alternative rock ในยุค 90 ยิ่งโดยเฉพาะเสียงกีต้าร์ ผมชอบมากถึงมากที่สุด และยิ่งเมื่อถูกเติมเต็มด้วยเสียง synth มันทำ�ให้ผมนึกถึงวง อย่าง The Stone Roses และ U2 แต่ก็แอบมีกลิ่นของ The Beatles ผสมอยู่หน่อย ๆ ยิ่งในภาคริธึ่ม เบส และ กลอง ทำ�งานร่วมกันได้อย่างลงตัว ทำ�ให้เพลงดูมีความหนักแน่น ชวนให้เรารู้สึกเชื่อ และสนุกไปกับเนื้อเพลงที่นักร้องนำ� พุฒ เชิญชวนให้เราดื้อรั้น มุ่งมั่นทำ�ในสิ่งที่ดี และสิ่งที่เรารัก ลอง ฟังกันดูนะครับ
“Run” is the latest single from Poomjit, a quality Thai alternative band of our generation that I would recommend to you. They have been around in the industry for quite a long time and they just recently performed in their big concert. Being a friend and fan of theirs, I was captured by this song for the very first time listening to it. Overall, I like its cool retro sound consisting of 60s rock ‘n roll and 90s alternative rock, especially the guitar sound which I love the most. Moreover, some additional synthesizers remind me of The Stone Roses, U2, and a little bit The Beatles. For rhythm section, bass and drums play along very well and make this song powerful. The lyrics, written by Put, the vocalist, also encourage us to do what we believe and what we really want to do. Give it a try.
Miles Kane - Don’t Forget Who You Are
ภูมิจิต - รั้น (Poomjit - Run)
34
JAVA HEAT คนสุดขีด
MO V I ES ภาพยนตร์แนว: แอ็คชั่น กำ�หนดฉาย: 22 สิงหาคม 2556 ทุกโรงภาพยนตร์ ผู้กำ�กับ: โคเนอร์ อัลลิน นำ�แสดง: เคลลัน ลูทซ์, มิคกี้ โร้ค, อาริโอ บายู, อาติกา ฮาซิโฮลัน
Genre: Action Release date in Thailand: 22 August 2013 Director: Conor Allyn Cast: Kellan Lutz, Mickey Rourke, Ario Bayu, Atiqah Hasiholan
เรื่องย่อ: ในยุคสมัยที่ความสัมพันธ์ระหว่างโลกตะวันตกและอิสลามเต็ม ไปด้วยความตึงเครียด JAVA HEAT เปิดตัวหลังเหตุการณ์ก่อการร้าย ในอินโดนีเซีย ประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก JAVA HEAT เป็นเรื่อง ของเจค (เคลแลน ลัตซ์) ชายผู้มุทะลุชาวอเมริกัน ผู้เข้าไปพัวพันกับเหตุ วุ่นวายหลังการโจมตี ซึ่งสังหารสุลตาน่า ผู้เป็นที่รักของประเทศ
Synopsis: At a time when relations between the West and Islam are dangerously tense, Java Heat opens amidst the aftermath of a terrorist attack in Indonesia, the world’s largest Muslim nation. Java Heat centers on Jake (Lutz), a reckless American tough guy who becomes embroiled in the turmoil ensuing the attacks, which killed the country’s much beloved Sultana. Jake is bent on vengeance but quickly finds the world a more complicated place than he can solve with violence alone. Lost among labyrinths of religious, political and cultural havoc, Jake must ally with cerebral Muslim detective Hashim (rising Indonesian star Ario Bayu), who handles Jake more like a suspect than a partner. The uneasy friendship leads to a treacherous man-hunt for the attack’s real instigator, a new breed of klepto-terrorist (Rourke), who is even more twisted and terrifying than the Jihadist terrorists he hides behind.
เจคตั้งใจจะแก้แค้น แต่ไม่นานนักเขาก็พบว่าโลกเป็นสถานที่ที่ซับซ้อนกว่า ที่เขาจะสามารถแก้ปัญหาได้จากความรุนแรงเพียงอย่างเดียว ท่ามกลาง วังวนของเรื่องวุ่น ๆ ทางศาสนา การเมือง และวัฒนธรรม เจคจะต้องร่วม มือกับฮาชิม (นักแสดงดาวรุ่งชาวอินโดนีเซีย อาริโอ บายู) นักสืบมุสลิมผู้ เก่งกาจ ผู้มองเจคเป็นเหมือนผู้ต้องสงสัยมากกว่าคู่หู มิตรภาพที่เกิดขึ้น อย่างไม่เต็มใจนี้นำ�ไปสู่การไล่ล่าผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีตัวจริงซึ่งเป็นผู้ ก่อการร้ายสายพันธุ์ ใหม่ มาลิค (มิกกี้ รู้ค) ผู้มีจิตวิปริตและน่าสะพรึง กลัวกว่าผู้ก่อการร้ายจิฮัดที่เขาใช้เป็นฉากบังหน้าเสียอีก
VEHICLE 19 ฝ่าวิกฤต เหยียบมิดไมล์
35
ภาพยนตร์แนว: ทริลเลอร์ กำ�หนดฉาย: 29 สิงหาคม 56 ผู้กำ�กับ: มูกันดา ไมเคิล เดวิล นำ�แสดง: พอล วอล์คเกอร์, ไนมา แม็คลีน, เชโป มาเซโก, กิส เดอ วิลเลียร์ส, เลย์ลา ไฮดาเรียน
Genre: Thriller Release date in Thailand: 29th August 2013 Director: Mukunda Michael Dewil Cast: Paul Walker, Naima McLean, Tshepo Maseko, Gys de Villiers, Leyla Haidarian
เรื่องย่อ: ไมเคิล วิลค์ส (วอล์คเกอร์) อดีตอาชญากรที่พยายามจะ เริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาเดินทางมายังแอฟริกาใต้เพื่อขอคืนดีกับ ภรรยาเก่าและเช่ารถเพื่อขับไปหาเธอ แต่ระหว่างเดินทางอยู่นั้นเขา ก็พบทั้งปืนและโทรศัพท์ที่บอกว่าไม่ควรเช่าคันนี้ แต่ก่อนที่ ไมเคิล จะนำ�ไปคืนเขาก็พบผู้หญิงที่ถูกมัดอยู่ในกระโปรงหลัง และพบว่า ตำ�รวจมีส่วนเกี่ยวกับการลักพาตัวครั้งนี้ ไมเคิล ต้องใช้ความ สามารถทั้งหมดในการขับทะลุเมืองฝ่าดงตำ�รวจชั่ว เพื่อออกไป จากสถานที่แห่งนี้ให้ ได้
Synopsis: Michael is an ex-con who tries to visit his wife he hasn’t seen in 5 years in South Africa and start a new life. He rents a car in which he finds a phone and a gun left by mistake. Then, someone calls him that he’s got the wrong car. More surprisingly, before he returns the car, he finds a woman who was bound and gagged in the trunk. She tells him she was kidnapped and the corrupted policemen are behind this. So, Michael has to do anything he can to get out of this trouble.
35
FAS H I ON + T R EN D S By Nitnada Panpipat
Weaponize Secret Weapon Lab แบรนด์เครื่องหนังชั้นนำ�โดยดาราสาวเก๋ คริส หอวัง ที่ดูแลการออกแบบเองทุกขั้น ตอน มาเพื่อผู้หลงรักแฟชั่นและการแต่งตัวทันสมัย ทั้งกระเป๋าถือ และ เครื่องประดับหลากหลายชนิด ซึ่ง เน้นไปที่ความมีเสน่ห์ และเอกลักษณ์โดดเด่น คอลเลคชั่นใหม่ “Baccarat” เลือกใช้หนังคุณภาพเยี่ยม เหมือนเคย ส่วนดีไซน์ก็ตามสไตล์สาวยุคใหม่สุดมั่นใจภายใต้คติพจน์ของแบรนด์ว่า “เราแต่งตัวไปสยบ” Secret Weapon Lab by Cris Horwang is an ultimate brand for fashionistas and the style conscious modern woman, as the brand represents a mixture of intrigued, charm, and a sense of fashion especially for leather handbags and accessories. The new Baccarat Collection presents a series of the finest quality leather and designs that are sure to follow the super star designer’s motto “WE DRESS TO KILL”.
s r i a f f A f o E s tat e เมื่อใบไม้ ได้ร่วงหล่นลงเป็นสัญญาณถึงเวลาการเปลี่ยนฤดู ตอนนี้แสงอาทิตย์กำ�ลังเฉิดฉาย สาว ๆ Naughty Monkey พร้อมที่ออกมาเฉิดฉายแล้ว! ขอต้อนรับเข้าสู่คอลเลคชั่น Estate of Affairs คอลเลคชั่นแรกหลังการ เปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Naughty Monkey ในประเทศไทย โดยคอลเลคชั่นนี้ได้รับการออกแบบมาเป็น พิเศษเพื่อผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่น นำ�แฟชั่น และมีความมั่นใจโดยเฉพาะ The leaves have fallen, the season’s now changed. The sun is shining and Naughty Monkey is ready to go out! Welcome to the “Estate of Affairs” collection, the first collection after launching Naughty Monkey’s first store in Bangkok, Thailand. This collection was designed especially for the take charge, fashion forward, confident women who waits for no one.
Art Pop เดือนสิงหาคมนี้นักร้องสาวแต่งตัวจัดได้ฤกษ์ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ก่อนที่แฟนเพลงจะได้พบกับอัลบั้มเต็มในเดือน พฤศจิกายนปีนี้ กาก้าสวมแว่นตาอันโตผลงานการออกแบบของนักศึกษานาม Isabell Yalda Hellysaz จากรั้ว The London College of Fashion คอลเลคชั่น “Antidote” ที่ได้แรงบัลดาลใจจากชุดเครื่องแบบของทหารในสมัย สงครามโลกครั้งที่สองผสมผสานกับยุคอวกาศ กาก้าจึงมีลุคแบบ Art Pop สมกับชื่ออัลบั้ม ARTPOP Lady Gaga announced her new single release this month, follow by the whole new album in November. The Monster Ball singer wears oversized visors, belonging to Isabell Yalda Hellysaz, a Fashion Design graduate from the London College of Fashion, on the just released ARTPOP promo picture. Her collection “Antidote” was inspired by Second World War uniforms and the futuristic Space Age era.
36
{New Hues} Louis Vuitton ส่งกระเป๋ารุ่น Neverfull ในพาเล็ตต์ใหม่ ล่าสุด 7 เฉดสี ได้แก่ สีดำ�, ชมพูสด, น้ำ�เงิน, ม่วง, ฟ้า, ส้ม และ เหลืองมะนาว ทำ�จากหนัง Epi ลายไม้ เอาใจแฟน ๆ ใน ขนาด MM (32 ซม. x 29 ซม.) และที่พิเศษยิ่งกว่าก็คือ กระเป๋า Neverfull แต่ละใบมีกระเป๋า ใบเล็กเข้าชุดแนบมา ภายใน สามารถเลือกใช้คู่กันหรือแยกถือเป็นกระเป๋าใบ เล็กได้อีกด้วย Louis Vuitton introduces the famous Neverfull bag in new bold and beautiful colors: Black, Fuchsia, Indigo, Figue, Cyan, Piment and Citron. The iconic tote is only available in one size (the MM, which measures 32 cm across by almost 29 cm). You will also find an Epi leather pouch inside each tote, which can be used with or taken out and used on its own as a small purse.
L R I G S T E E M Y O B 6
3
9
4 8
1
5
2
7
1. กางเกงลายตาราง Dorothy Perkins ราคา 1,990 บาท เซ็นทรัลเวิลด์ 2. เบลเซอร์ Dorothy Perkins ราคา 3,290 บาท เซ็นทรัลเวิลด์ 3. กำ�ไลข้อมือ Hermes สอบถามราคาได้ที่ร้าน สยามพารากอน 4. เข็มขัด เนคไท Paul Smith สอบถามราคาได้ที่ร้าน สยามพารากอน 5. จัมป์สูท Greyhound ราคา 6,495 บาท สยามเซ็นเตอร์ 6. นาฬิกาข้อมือ Philip Stein สอบถามราคาได้ที่ร้าน เซ็นทรัลเวิลด์ 7. รองเท้าลอฟเฟอร์ Fratelli Rossetti ราคา 21,000 บาท ศูนย์การค้าเกษร 8. เสื้อเชิ้ต MAX&Co. ราคา 5,900 บาท สยามพารากอน 9. กระเป๋าสะพาย Céline สอบถามราคาได้ที่ร้าน ดิ เอ็มโพเรียม
37
BE AU TY TI P S
By Nitnada Panpipat
KISS AND TELL เมื่อลิปสติกสีส้มสดใสได้เรียงแท่งมาให้คุณ เลือกสรรกันถึงที่ 5 เฉด ความสนุกสนานจึงได้ เริ่มต้นขึ้น Etude House ชวนคุณสาว ๆ มา สัมผัสกับความตื่นเต้น เย้ายวนของลิปสติก แบบ tint เนื้อวาว ในเฉดสีส้มชัดโดดเด่น พร้อม ช่วยปิดล็อคความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก จนคุณต้องติดใจ This is where all the fun starts; Etude House presents the new Color Pop Shine Tint in 5 different shades of orange. The new lipstick goes on smoothly and feels weightless on the lips keeping them moisturized without being sticky. Visit Etude House today and see for yourself!
RiRi’s NEW FRAGRANCE เผยโฉมแล้วสำ�หรับ Rogue น้ำ�หอมกลิ่นใหม่จาก RiRi หรือ Rihanna ภาพถ่ายสวยสุดเย้า ยวนของนักร้องสาวร่างเล็ก ถ่ายโดยช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง Mario Sorrenti เพื่อใช้โปรโมท น้ำ�หอมใหม่ของเธอที่มีกำ�หนดวางขายในเดือนกันยายนนี้ น้ำ�หอม Rogue นั้นถูกอธิบายว่า เป็น “เสน่ห์แบบตะวันออกที่ชวนหลงใหล” ด้วยกลิ่นหอมผสานของดอกมะนาวเหลือง มะลิ กุหลาบ ลูกพลัม หนังกลับ พิมเสน วานิลา และยางสน Rogue, the new fragrance from RiRi–Rihanna, has been unveiled. The images of seductive Rihanna shot by Mario Sorrenti will accompany her new scent which will be out in September. The perfume is described as a "flirty, sensual Oriental," and is built around notes of lemon blossom, jasmine, rose, plum, suede, patchouli, vanilla, and rosin.
38
A Wet Look to try: Half Wet with Side Part
ผมแนว wet look ด้วยการแสกแบบต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่ง เทรนด์การทำ�ผมที่เห็นได้ชัดในปี 2013 นี้ ที่รันเวย์ของ แบรนด์แฟชั่นชั้นนำ� Elie Saab นำ�เสนอผมทรงแสกข้าง เปียกและเงาแต่พอดี มัดเป็นหางม้าต่ำ�แล้วประดับด้วยที่ ติดผมทรงแบนได้เป็นลุคสุดเนี้ยบ Side part hairstyles in their various forms are another trend for 2013. Elie Saab’s runway was complimented by a slick, deep side-parted ‘do, where the hair was pulled back with a wide barrette with the hair only lightly wet for a slick, shiny finish. How To: 1. เริ่มจากผมสะอาด ใช้ ไดร์เป่าผมควบคู่กับใช้หวีแปรงขน ค่อย ๆ ดึงและเป่าให้ผมเรียงเส้นตรงจากโคนสู่ปลาย 2. แบ่งผมเป็นส่วน ๆ เพื่อใส่เจล (ขนาดเท่าเหรียญสิบบาท) หวีให้เจลกระจายเสมอกัน แสกผมในที่ที่ต้องการ 3. ใช้หวีแปรงช่วยจัดทรง ขณะเดียวกันใช้ ไดร์เป่าให้ผมเซ็ทตัว 4. หวีผมเรียบเรียงเป็นระเบียบและมัดเป็นหางม้าต่ำ�ระดับ ท้ายทอย โดยอาจมัดด้วยยางอีลาสติกหรือกิ๊บติดผมแบบ ต่าง ๆ เท่านี้ก็พร้อมแล้ว! 1. Start with clean hair. Use a blow dryer with paddle brush to help straighten hair from roots to ends.
The Transformer การเปลี่ยนลุคแบบกลางวันให้เป็นลุคแบบค่ำ�คืน…จากสาวทำ�งานไปเป็นสาวปาร์ตี้สุดชิค… เปลี่ยนลุคเฉียบเพื่อการประชุมทางธุรกิจเป็นลุคเก๋เพื่อร่วมงานอีเว้นท์ การปรับเปลี่ยนการ แต่งหน้านั้นเป็นทางออกหนึ่ง แต่หากต้องการผลลัพท์ที่โดดเด่นสะดุดตาสาว ๆ ต้องลอง การเซ็ทผมแบบ wet look การเซ็ทผมแบบกึ่งเปียกที่มีความเงานี้เป็นเทรนด์การทำ�ผมที่มา แรงตลอดปี 2013 ที่ ไม่ควรพลาด Talking transforming your look from day to night…work to party…meeting to event, adding on some makeup is one way, but for a dramatic effect, try a wet hair look. Giving a wet style to your hair is a smart and instant way to transform your day look into a night one. Also, wet hair is a big hit throughout 2013. There is absolutely no reason not to try it!
2. Make sections of hair and apply gel (size of 10 baht coin), comb the gel through your hair. Part Hair wherever you desire. 3. Use the paddle brush and a dryer for wrapping your hair around your head while blow-drying. 4. Manage your hair in a low ponytail and secure with barrettes or elastic band, comb the ponytail thoroughly and you are ready!
AF’s Tips and Tricks -เจลแต่งผม สเปรย์จัดทรง และสเปรย์เพิ่มความเงา เป็น ผลิตภัณฑ์สำ�คัญในการเซ็ทผมแบบ wet look -สำ�หรับผมยาวและผมยาวปานกลาง ลอง wet look อารมณ์ rock ‘n’ roll โดยเน้นใส่เจลที่โคนผมแล้วหวีให้ผมไป ด้านหลัง -สำ�หรับผมสั้น wet look ทำ�ได้แสนง่ายดายและเก๋มาก โดย อาจใส่เจลมากหน่อยและหวีผมเสยไปด้านหลังทั้งหมด -Gel, hair spray, and shine spray are important products used for wet hair looks.
Barbara Bui
Roberto Cavalli
Giambattista Valli
-For long and medium-length hair, add some gel through the roots of straightened locks and gently comb back into place for a rock ‘n’ roll attitude finish. -An ideal trend for super-short styles: just add plenty of product to wet locks and slick hair to the back with a comb.
Rag & Bone
Gucci
Jason Wu 39
T ECH TO O L S By GBP
MORE THAN JUST TOAST เครื่องปิ้งขนมปังสารพัดประโยชน์นี้เหมาะเหลือเกินสำ�หรับคุณที่ชอบทานอาหาร เช้าแต่อาจจะอาศัยอยู่ในพื้นที่จำ�กัดแบบชาวเมืองใหญ่ ส่วนบนของเครื่องนั้น ทำ�งานปิ้งทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ขนมปังแบบต่าง ๆ มัฟฟินแบบอังกฤษ หรือเบเกิ้ล สำ�หรับด้านข้างสามารถเปิดเป็นเตาขนาดย่อมไว้ทอดไข่หรือไส้กรอกระหว่างที่รอ ขนมปัง เพียงเท่านี้ก็ ได้เป็นอาหารเช้าครบชุดแล้ว The Flip-Down Breakfast Toaster is perfect for breakfast lover who stuck in a small urban apartment. The upper part works just like a regular toaster with space for two pieces of bread, English muffin, or bagel. While toasting your choice of bread, simply flip down the side to reveal an electric griddle for frying an egg or sausage, resulting in an instant breakfast sandwich. www.nostalgiaelectrics.com
SMOOTH MOVE หากคุณจริงจังกับการดื่ม Gin คุณก็อาจจะสนใจ Gin Wheel จาก Bombay Sapphire ร่วมกับดีไซน์เฟิร์มชื่อดัง AvroKO ชิ้นนี้ เจ้าวง ล้อประกอบด้วยช่องสำ�หรับเก็บเครื่องเคียง แก้ว และถังน้ำ�แข็ง แน่นอนว่ามีเขียงขนาดเล็กสำ�หรับจัดเตรียมความพร้อม และไหนจะ ยังมีที่คีบน้ำ�แข็งที่สั่งทำ�ขึ้นพิเศษ Gin Wheel Limited Edition ทำ� จากไม้วอลนัทแท้กับอลูมิเนียมคุณภาพดีที่จะทำ�ให้การหมุนไปมานั้น นุ่มนวลไม่แพ้รสชาติมาร์ตินี่ของคุณเชียวล่ะ
If you are serious about your gin drinks, check out the Gin Wheel from the AvroKO design company. The wheel features everything from compartments for garnishes and glasses to a chiller and ice bucket. Of course, there is also a cutting board. So, you can make the perfect twist, and a pair of aluminum tongs for those ice cubes. This limited edition comes crafted from hard walnut wood and brushed stainless steel, allowing it to rotate as smoothly as your martinis will taste. Bombay Sapphire x AvroKO
40
FRENCH DESIGN มองหาชุดมีดที่ทั้งสวยและใช้งานได้จริงต้องชุดมีด Meeting Knife จาก Deglon เครื่องใช้ ใน ครัวสัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติอันยาวนานเท่านั้น ชุดมีดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ Mia Schmallenbach ชนะรางวัลที่ 1 จากการประกวด European Cutlery Design Awards ครั้งที่ 5 ด้วยการใช้สแตนเลสสตีลเพียงชิ้นเดียวออกแบบเป็นมีดขนาดต่าง ๆ ซ้อนกันถึง 5 ชิ้น ทั้งมีด paring มีด utility knife มีด chef และมีด slicer การหยิบใช้นั้นก็ง่ายเพียงแค่กด ลงเบา ๆ ที่ปลายมีดแต่ละอัน When you find yourself looking for a new set of beautiful but functional kitchen knives, look no further than the Deglon Meeting Knife Set. This set of nested knives, designed by Mia Schmallenbach, took home first prize from the 5th European Cutlery Design Awards. Apparently cut from a single block of stainless steel, each knife is easily removed by pressing down near the tip of the blade. Just choose which you need: the paring knife, utility knife, chef’s knife, or slicer. www.deglon.fr
WHAT’S YOUR FLAVOUR?
เบื่อรสชาติของน้ำ�เปล่าจังเลย อย่างนี้ต้องลอง The Ice Ball Flavor It ขวดน้ำ�มีสไตล์มาพร้อมลูกบอลซิลิโคน ที่คุณสามารถทำ�น้ำ�แข็งผลไม้ ได้ง่ายดาย แค่เลือกผลไม้ที่ชื่นชอบ หั่นเป็นชิ้นแล้วใส่ลงในลูกบอล เติมน้ำ� แล้วนำ� ไปแช่แข็ง จากนั้นก็นำ�น้ำ�แข็งผลไม้ ใส่ลงในขวดน้ำ�ดื่ม ไม่ต้องกังวลว่าเศษผลไม้จะผสมมาในน้ำ�ดื่มเพราะเขา ออกแบบที่กรองไว้ ให้เรียบร้อยแล้ว Tired of drinking the same boring water? Try the Ice Ball Flavor It. This stylish water bottle comes with a silicone ball for making fruit ice. Simply add water and a slice of your favorite fruit and freeze. Add the fruit ice ball for flavor and don't worry as there is a silicone infuser to keep those fruit bits out of your glass. www.amazon.com
LET THEM EAT CAKE การจะตัดเค้กให้ ได้ขนาดพอดีและสวยสมบูรณ์แบบแต่ละครั้งนั้นแสนจะยุ่งยาก Magisso จึงออกแบบเครื่องมือตัด และเสริฟเค้กแสนง่าย เพียงแค่วางเจ้า server นี้ลงบนเค้กกดตัดชิ้นเค้กอย่างเบามือแล้วหนีบขึ้นมาใส่ลงบนจาน สวยและสะดวกจริง ๆ If cutting the perfect piece of cake feels like a chore, the Magisso Cake Server might be for you. Just gently slice through the cake and then squeeze lightly to lift the slice onto your plate. It’s stylish and efficient. www.magisso.com 41
THE JOB
Story: Natthacha Arphamongkol Photos: Panurak Prajaksoot
Street Food, Street Style, Street Man ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดเมืองที่หา “สตรีท ฟู้ด” ได้ง่ายและ มีขายตลอด 24 ชั่วโมงจนได้รับเสียงโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ http://travel.cnn.com ให้เป็นหนึ่งใน 10 สุดยอด เมืองในเอเชียที่มีของกินรายทางน่าประทับใจ แต่สำ�หรับคนไทยเรา คุ้นเคยกับร้านรวงประเภทนี้เป็นอย่างดี เรามีประสบการณ์เช่นนี้ แจ่มชัดตั้งแต่สมัยเรียนประถมกับ “ของขายหน้าโรงเรียน” จวบจน มาถึงปัจจุบันเราก็ยังใกล้ชิดกับอาชีพนี้อยู่ดี โดยเฉพาะร้านของกิน เล่นอย่าง “คนขายลูกชิ้นทอด” สมชาย กุลแสงปัญญา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ลุงเฟรนช์ฟราย” หรือ “ตา หลอ” ไม่ได้ขายเฟรนช์ฟรายหรือมันฝรั่งทอดที่เราคุ้นเคย แต่เป็นคนขาย อาหารจำ�พวกลูกชิ้นทอดย่านพระราม 7 โดยมีเมนูเด็ดคือ ไส้กรอกหั่นเป็น เส้น ทอดจนกรอบราวกับเฟรนช์ฟราย ที่ไม่ว่าลูกค้ารายไหนมาเป็นต้องสั่ง เมนูนี้ทุกครั้งไป ลุงเล่าว่า ไอเดียที่ทำ�ให้เกิดสุดยอดเมนูนี้ขึ้นได้มาจากเด็ก อนุบาลที่มาซื้อไส้กรอกทอดของแก เด็กน้อยบอกเพียงว่า “ขอเยอะ ๆ” ลุงจึง จัดการหั่นไส้กรอกให้เป็นเส้นบาง ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณตามใจลูกค้าวัยกระเตาะ รายนี้ และนั่นทำ�ให้เมนู “ไส้กรอกเฟรนช์ฟราย” กลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำ� ร้านจนชื่อเสียงขจรขจายไปยังลูกค้ารายอื่น ลุงเริ่มขายตั้งแต่บ่ายสามโมงไปจนถึงตีสองตีสาม เพราะชอบบรรยากาศยาม ค่ำ�คืนที่คนไม่พลุกพล่านและอากาศไม่ร้อนอบอ้าว มีเพียงมอเตอร์ ไซค์คู่ชีพ และทรานซิสเตอร์หนึ่งเครื่องเป็นเพื่อนยามดึกไว้เปิดเพลงสากลคลื่น 104.5 เลิฟเอฟเอ็ม ด้วยเหตุผลที่ว่าเพลงไทยมักทำ�ให้ต้องสนใจเนื้อเพลง แต่เพลง สากลไม่ต้องสนใจเนื้อหา รับรู้เพียงท่วงทำ�นองว่าเพราะหรือไม่และยังช่วยเพิ่ม สมาธิเวลาทำ�งาน นอกจากนั้นจังหวะมันยังเข้ากับการสะบัดกระชอนยาม สะเด็ดน้ำ�มันอีกด้วย ลุงจะขี่รถลัดเลาะมาเรื่อยตั้งแต่วัดวิมุตยาราราม หน้า ธนาคารธนชาต ใต้สะพานพระราม 7 ป้ายรถเมล์ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 96/2 จนจบที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 96/1 จุดหมายปลายทางเป็นอันรู้กันสำ�หรับ ลูกค้าประจำ�ว่าเวลาใดจะประจำ�อยู่ตรงจุดไหน นอกเหนือจากไส้กรอกและลูกชิ้นทอดจะอร่อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำ�ให้ร้านลุงมี ลูกค้ามากมายคือความเป็นคน “อัธยาศัยดี”ลุงมักยิ้มแย้มแจ่มใส คุยเก่ง มีมุข มาหยอกเอินลูกค้าอยู่เป็นประจำ� ทำ�ให้ลูกค้าเนืองแน่นจนต้องรอคิวกันยาว ตลอดถึงแม้จะเป็นเวลาดึกแล้ว บางครั้งลูกค้ามาทีเดียวหลายราย ลุงไม่อยาก ให้ลูกค้ารอนาน จึงมีเคล็ดลับเพื่อย่นระยะเวลารอคิวด้วยการทอดไปพร้อมกัน แต่ไม่ต้องกังวลว่าลุงจะสับสน เพราะลุงบอกว่า “จำ�ทำ�ไมหมด จำ�แค่ของคน เดียวพอ ที่เหลือก็คือของอีกคน” เทคนิคดีแบบนี้นี่เองจึงทำ�ให้ลุงไม่เคยเสีย ลูกค้า แถมยังได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย ถ้าวันไหนคนเยอะมากลุงจะทำ�เงินได้ ถึงเกือบครึ่งหมื่นต่อวันเลยทีเดียว ก่อนหน้าที่ลุงจะมาทำ�ร้านของตัวเอง ลุงเคยรับจ้างขายลูกชิ้นทอดให้ระบบ แฟรนไชส์ยี่ห้อหนึ่ง แต่เมื่อคำ�นวณแล้วกอปรกับย้ายที่พักอาศัย จึงตัดสิน ใจมาลงทุนทำ�เอง ลุงใช้เวลาช่วงหลังกลับบ้านตอนเช้ามืดไปซื้อของแล้วค่อย กลับมานอน ตื่นตอนบ่ายเพื่อมาจัดของให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ซึ่งจะยาว 42
ไปจนกว่าลุงจะกลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง ลูกค้าลุงมีตั้งแต่เด็ก นักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัย ไปยังคนวัยทำ�งาน ลุงป้า รุ่นเดียวกันก็มี แม้กระทั่งผู้จัดการบริษัทจากย่านพญาไทยัง ต้องแวะเวียนมาซื้อเพราะได้ยินคำ�ร่ำ�ลือ
sausages” had become his signature menu and his popularity expanded to other customers.
His shop starts from 3 pm to 3 am due to his preference over the atmosphere at nighttime because it is not crowded and the weather is cooler. เมื่อถามลุงว่า ทำ�อาชีพคนขายลูกชิ้นในย่านนี้ได้นานหรือยัง He only has a motorcycle and a transistor as friends ลุงหันมายิ้มโชว์ฟันหลอ แล้วตอบอย่างอารมณ์ดีสไตล์แกว่า throughout the night. He loves listening to channel 104.5 Love FM with a reason that Thai music always “รู้แค่ว่า ลุงอยู่มาจนเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ก็พอ” interrupts him by its content while the international music just let him listening to the sound, and the ความรักในอาชีพของตนและใส่ใจในงานที่ทำ� มีการปรับปรุง rhythm also synchronizes with his movement while พัฒนา และหาเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือน เติมความ working. His route begins from Wat Wimuttayaram, อัธยาศัยดีอีกนิด สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินตรา แต่กลับ the front of Thanachart Bank under the Rama VII Bridge, the bus station at Charansanitwong 96/2, เพิ่มมูลค่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ and ends at Charansanitwong 96/1 which the regulars know what time and where they can find him. Thailand is regarded as one of the most plentiful city where you can find “Street Food” for 24hrs. It also Apart from the delicious sausages and fried has been voted as one of 10 cities in Asia providing meatballs, he always gives everyone a warm the tastiest food via http://travel.cnn.com by travelers welcome by being cheerful, chatty and funny. It all around the world. However, Thai people are drives many people to become his customers, even familiar with this kind of food. Obviously, we have late night. Sometimes there are many waiting experienced it since primary school with “the street customers and he is afraid that they probably wait vendors” near the school’s front door, and now we too long. So, he has a trick by frying two orders at are still familiar with this job, especially for the ones the same time but he never get confused. He said, who sell “fried meatballs.” “Remember only one person’s order. If it’s not, that is another one’s.” From this effective technique, he Somchai Kulsangpanya, or “Uncle FrenchFries”, or never loses anyone and they keep on coming. He “Ta-Lor” (it means an old man who has a broken earns almost four to five thousand baht per day if he tooth) doesn’t actually sell French fries but fried has a lot of customers. meatballs in Rama VII district. The suggested and most ordered menu is a crispy pork sausage sliced He used to sell under a franchise brand but after and fried like a French fry. He told that this menu was moving his house, he decided to invest in his own originated by a kindergartner who bought fried business. He buys raw material after arriving home at sausages and gave a special request, “Extra, dawn. Then he goes to bed and wakes up around please.” So, the old man shredded the sausages for evening to prepare them completely before leaving that young customer. Eventually, “French fried home. His customers include students, office
workers, neighbors, and even the office manager, who works in Phraya Thai District, also visits him because of his reputation. Being asked about how long he has vended around here, he smiled and show his broken teeth before answered, “Just so you know, I am a part of this area.” Loving in job, putting your heart into it, improving, finding a unique technique and having the courtesy are success factors that don’t require any investment while they marvellously increase your job value. 43
FOOD FOR L IF E
Photos by Panurak Prajaksoot
เปิดบริการทุกวัน จันทร์ 17:30 – 23:30 น. อังคาร – อาทิตย์ 11:00 – 14:00 น. / 17:30 – 24:00 น. สอบถามรายละเอียดหรือสำ�รองที่นั่งได้ที่ โทร. 0 2712 8181 Open daily from Monday 17:30 – 11:30 PM Tuesday-Sunday 11:00 AM – 2:00 PM / 17:30 – 12:00 PM For more details and reservation Tel. +66 2712 8181
Let’s Roll, Let’s Maki Maki ช่วงนี้หันหน้าไปทางไหนในกรุงเทพฯเรามักจะเจอร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ทุกซอกทุกมุม ทั้งร้านเล็ก ๆ ที่เฉพาะ เจาะจงทำ�เมนูน้อยลงหรือมีแค่บางอย่างแต่ใส่ใจกับรายละเอียดมากขึ้น ร้านอาหารใหญ่ ๆ ที่มีอาหารญี่ปุ่น แบบเต็มรูปแบบก็มีอยู่รายล้อม เมื่อร้านอาหารมากมายเกิดขึ้น จนต้องทำ�ให้ร้านทุกร้านแสดงศักยภาพและ ความพิเศษของตัวเอง (Character) เพื่อดึงดูดลูกค้าและแสดงฝีมือกันอย่างสนุกสนาน การทำ�อาหารถือว่า เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นอาหารจานสวย ๆ ที่ถูกดีไซน์มาจนไม่กล้าทานกันเลยทีเดียว ย่าน ทองหล่อถือเป็นย่านที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นหนาแน่นมากที่สุดเพราะมีคนเชื้อชาติญี่ปุ่นมาปักหลักอาศัยอยู่ ละแวกนี้กันมาก ร้าน Maki Maki เป็นร้านอาหารน้องใหม่ในซอยทองหล่อ 5 มีความชัดเจนของรูปแบบ หรือ style อาหารที่แสดงตัวตนคือ การทำ� maki หรือที่รู้จักกันในการทำ� roll นั่นเอง ความพิเศษของ Maki Maki ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ fusion ได้เกิดจากการรวมตัวของเพื่อน 3 คน หนึ่งในนั้นคือ เชฟยินดี ผู้ที่มี ประสบการณ์ยาวนานที่เมือง Chicago ทำ�งานในฐานะเชฟของร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ทั้งหมด 2 ร้าน มา มากกว่า 10 ปี ดีกรีความดังนั้นไม่แพ้ใคร ได้ติด top 5 ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยที่สุดของเมือง Chicago มา แล้ว คุณยินดีได้เลือกสรรค์วัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และคิดค้นสูตรซอสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสชาติที่ ทุกคนต้องติดใจ หนึ่งในหุ้นส่วน คุณสาระ โรจน์รุ่งสัตย์ ได้เล่าถึงที่มาคร่าว ๆ ว่า “เมือง Chicago คือศูนย์ รวมของศิลปะด้านต่าง ๆ เช่น ดนตรี ประวัติศาสตร์ ภาพวาด และอาหาร ศิลปะวัฒนธรรมของเมืองนี้เกิด จากการผสมผสานของหลายเชื้อชาติ กลายเป็นเอกลักษณ์ของเมือง” Maki Maki ได้นำ�ความเป็น roll มานำ�เสนอถึง life style ความเป็นทองหล่อที่มีการผสมผสานของความ หลากหลายและเกิดเป็นการรวมตัวที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับการทำ� roll แบบ fusion ที่ได้นำ�วัตถุดิบต่าง ๆ มา รวมได้อย่างน่ารับประทานและเหมาะกับทุกวัยจริง ๆ
44
Bangkok nowadays is a city with the swamp of Japanese restaurants in which you can find it at every corner in Bangkok city. Small places are mostly concentrated on creating special dishes by putting more energy on the essence of each menu. The specialty rests upon special ingredients and taste. Huge Japanese restaurants contain all type of common dishes as we always see in every place are also crowded in place. Because of this trend, congestion of food encourages each place to establish character in order to draw customers’ interests. Making a delicious dish is a kind of art where they are creating fun and quality meal enthusiastically. These days you can see many beautiful dishes with decoration that you hardly want to ruin them. Thonglor is considered as the most crowded Japanese restaurants area since there are numerous Japanese people living there. Maki Maki is the newcomer in Thonglor Soi 5 insists of the distinctive style of “maki making”, or as most people are familiar with “roll making”. Maki Maki’s specialty Considered as “fusion”, this Japanese restaurant was born from the gathering of 3 friends. One of them is chef Yindee, who has been working as a chef in Chicago, USA, for more than 10 years in two restaurants, listed as top 5 best restaurants in town. Khun Yindee carefully manages to pick out ingredients of its best quality as well as creating sauce recipes that contains its uniqueness of taste. Mr. Sara Rocharungsat explains, “Chicago is the center of art in many fields such as music, history, fine arts, and food. This city’s culture is a mixed culture from many nationalities, having its own Chicago style.” Maki Maki introduces Thonglor lifestyle as the meaning of roll making, a blend of irresistible recipe that make it a special meal for everyone.
45
PRIVATE EMPIRE: EXXONMOBIL AND AMERICAN POWER By STEVE COLL 9780718194475 From twice-Pulitzer-Prize-winning author Steve Coll comes “Private Empire”, winner of the Ft/Goldman Sachs business book of the year award 2012. The oil giant ExxonMobil makes more money annually than the GDP of most countries; has greater sway than US embassies abroad; and spends more on lobbying than any other corporation. Yet to outsiders it is a mystery. In “Private Empire”, award-winning reporter Steve Coll tells the truth about the world’s most powerful and shadowy company.
THE ONE THING By GARY KELLER 9781848549241 THE ONE THING is a book for busy people. Authors Gary Keller and Jay Papasan demonstrate that the results you get are directly influenced by the way you work and the choices you make. You’ll learn how to identify the lies that block your success and the thieves that steal time from your day. By focusing on your ONE Thing, you can accomplish more by doing less. What’s your ONE Thing?
YOUR NETWORK IS YOUR NET WORTH: UNLOCK THE HIDDEN POWER OF CONNECTIONS FOR WEALTH, SUCCESS, AND HAPPINESS IN THE DIGITAL AGE By GALE & KAWASKI 9781451688757 Networking doesn’t have to be that frenzied old-school game of calendars packed with stuff y power lunches and sterile evenings at community business gatherings. We’ve entered a new era, one in which shifting cultural values and the explosion of digital technology enable us to network in vastly more efficient, more focused, and more enjoyable ways. A fresh take on How to Win Friends and Influence People, Your Network Is Your Net Worth is an entertaining, straightforward guide filled with revealing case studies, hands-on advice, and innovative strategies for building your network.
FIRST 20 HOURS, THE: HOW TO LEARN ANYTHING ... FAST By JOSH KAUFMAN 9780670921911 Josh Kaufman, bestselling author of The Personal MBA, is back with his new book, The First Twenty Hours, to teach readers how to learn anything ...fast! Whatever you want to do with your life -speak a language, change career, master yoga- you must master new skills. But where can you find the time? You are already busy, much too busy to spend the 10,000 hours Malcolm Gladwell claims you’ll need to master a new skill. Moreover, the early hours of practicing something new are always the most frustrating: if you can’t make it through the first 10-20 hours, you’ll never get to 10,000.
46
IMPULSE: WHY WE DO WHAT WE DO WITHOUT KNOWING WHY WE DO IT By DAVID LEWIS 9781847946850 When you make a decision or form an opinion, you think you know why. But you’re wrong. The truth is that most of our mental activity actually happens below the level of conscious thought. In this groundbreaking book, Dr David Lewis, director of the cutting-edge research agency Mindlab International, explores this incredible phenomenon. Delving into the mysteries of the ‘zombie brain’ that each of us possesses, he demonstrates how unconscious neurological processes underpin every aspect of our lives, from whether or not we find someone sexually attractive to how we resist (or give in to) temptation. In the process he shows how finger length is a reliable predictor of risktaking behaviour, how seeing the logos of fast food chains can make you more impatient, and how holding a warm drink makes you find strangers more likeable. Above all, he reveals the practical applications of this emerging field of research, giving us insights into such diverse areas as child development, anti-social activities like rioting, successful dieting, and even the ways that supermarkets make us spend more. We may not be conscious of our impulses but it is clear that we can no longer afford to be ignorant of them.
HOW SUCCESSFUL PEOPLE LEAD: TAKING YOUR INFLUENCE TO THE NEXT LEVEL By JOHN C MAXWELL 9781599953625 In this perfectly compact read, #1 New York Times bestselling author John C. Maxwell explains how true leadership works. It is not generated by your title. In fact, being named to a position is the lowest of the five levels every effective leader achieves. To be more than a boss people are required to follow, you must master the ability to inspire and invest in people. You need to build a team that produces not only results, but also future leaders. By combining the advice contained in these pages with skill and dedication, you can reach the pinnacle of leadership-where your influence extends beyond your immediate reach for the benefit of others.
FOR MORE INFORMATION, PLEASE CONTACT CUSTOMER SERVICE TEL.02-251-8571 WWW.ASIABOOKS.COM
47
ACHIEVER’S S PO T LI GH T
THE MOUSETRAP The world’s most famous “whodunit” is coming to Thailand! AGATHA CHRISTIE’S THE MOUSETRAP 60TH ANNIVERSARY DIAMOND JUBILEE YEAR AT AKSRA THEATRE KING POWER, BANGKOK September 27th – 29th, 2013 เตรียมพบกับละครเวทีแนวฆาตกรรม-สืบสวนชื่อดังจากประเทศอังกฤษที่เมืองไทย! THE MOUSETRAP โดย อกาธา คริสตี้ ฉลองครบรอบ 60 ปี ที่โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ กรุงเทพฯ วันที่ 27-29 กันยายน 2556
เมื่อสมเด็จพระราชินีแมรีมีพระชนมายุใกล้ครบ 80 พรรษา สำ�นักข่าว BBC ก็ได้ ไปสัมภาษณ์พระองค์ว่า ต้องการจัดงานอะไรเป็นพิเศษเพื่อ เฉลิมฉลองหรือไม่ เช่น บทละครของเชคสเปียร์ หรือโอเปร่า เป็นต้น พระองค์ตอบว่า อยากทอดพระเนตร “ละครที่ประพันธ์โดย อกาธา คริสตี้” หลังจากนั้นไม่นาน อกาธา คริสตี้หนึ่งในนักเขียนแนวระทึก ขวัญอันดับต้น ๆ ของโลก จึงได้เขียนบทละครวิทยุขึ้นมาเรื่องหนึ่งชื่อ ว่า Three Blind Mice ซึ่งในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นบทละครเรื่อง The Mousetrap และ The Mousetrap ก็ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมมาแล้วทั่วโลก ตลอดช่วงเวลาที่พระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 ครองราชย์อยู่ ตำ�นานบทนี้เริ่มขึ้นในคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.1952 ณ โรง ละคร Ambassador Theatre ย่าน West End ใจกลางกรุงลอนดอน แล้วการแสดงรอบปฐมทัศน์นี้ก็ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำ�คัญ ในประวัติศาสตร์ของวงการละครเวทีโลก ในปีนี้ The Mousetrap เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของการแสดงที่ West End ซึ่งในขณะที่กำ�ลังเขียนบทความนี้ ละครเรื่องนี้ก็ได้จัด แสดงเฉพาะในกรุงลอนดอนไปแล้วกว่า 25,150 รอบ โดยเล่นกัน สัปดาห์ละ 6 วัน 8 รอบ และไม่เคยหยุดแม้แต่สัปดาห์เดียว! The Mousetrap สร้างสถิติ “ครั้งแรก” ของ Guinness World Records มามากมาย หนึ่งในนั้นคือ การแสดงที่จัดขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดใน โลก! ส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในครั้งนี้คือ การแสดงบนเวทีกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ด้วยหลากหลายภาษาซึ่งในครั้งนี้จะมาแสดงถึงที่ กรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน โดย ELEVEN LIVE และ SECRET SERVICE ร่วมกันนำ�เสนอการแสดงละครแนวฆาตกรรม-สอบสวนยอดนิยมนี้ ที่ โรงละครอักษรา ในวันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 29 กันยายน 2556 ถึง 4 รอบ ทีมนักแสดงของ The Mousetrap มาจาก London และกำ�กับการ แสดงโดย Denise Silvey จาก Mousetrap Productions Ltd UK โดยตลอด 60 ปีที่ผ่านมา มีผู้มีชื่อเสียงมากมายแวะเวียนมาร่วมชม และในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 ณ โรงละคร The Royal Gala Performance ก็มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ The Mousetrap โดยมีพระราชินี และดยุกแห่งเอดินบะระ ร่วมทอด พระเนตร นอกจากนี้ยังมีบุคคลชื่อดังอีกมากมายมาเข้าชม เช่น Simon Cowell เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในการแสดงแสนอัศจรรย์นี้ มีนักแสดงหญิงชายมาร่วมงานไม่ต่ำ�กว่า 382 คน รวมความยาวของเสื้อที่รีดไปแล้วกว่า 116 ไมล์ และขาย ไอศกรีมไปแล้วไม่ต่ำ�กว่า 415 ตัน! 48
When the late Queen Mary was approaching her eightieth birthday, she was asked by the BBC what she would like to celebrate the event – anything from Shakespeare to opera. Queen Mary said she would like “an Agatha Christie play” and Mrs Christie, one of the world’s most celebrated thriller writers, promptly wrote a thirty-minute radio production called Three Blind Mice. This was eventually to become The Mousetrap. The Mousetrap has been thrilling audiences from around the world for as long as HRH Queen Elizabeth II has been on the throne. On the 25th of November 1952 at the Ambassadors Theatre in the heart of London’s West End, a legend was born. That night saw the world premiere of a play that was to become a phenomenon in the history of world theatre. This year The Mousetrap celebrates its Diamond Jubilee, 60th year of performances in the West End. At the time of writing, that is an astonishing twenty five thousand one hundred and fifty performances in London alone: six nights a week, eight shows a week - and not a week has been missed! The Mousetrap holds numerous Guinness World Records ‘Firsts’, including the longest continuous run of any show in the world!
LIVE and SECRET SERVICE are proud to announce their production of this most celebrated murder-mystery play, which opens at AKSRA THEATRE on the 27th September 2013 year with four performances up to Sunday the 29th September, 2013 including a matinee on Saturday 28th. The cast of The Mousetrap will include actors who have starred in the London production and Denise Silvey from Mousetrap Productions Ltd UK, will be directing our production. During its sixty years The Mousetrap has welcomed a host of celebrities. On the 25th of November 2002 a Royal Gala Performance was held to celebrate The Mousetrap’s Golden Jubilee, attended by Her Majesty the Queen and The Duke of Edinburgh. And still the celebrities come, with a visit in March this year by the equally regal, Simon Cowell! During this phenomenal run there have been no fewer than 382 actors and actresses appearing in the play, 116 miles of shirts have been ironed and over 415 tons of ice cream has been sold!
As part of these Diamond Jubilee celebrations, productions are now being staged around the world in over 40 countries this year in many different languages and now the celebrations will be coming to Bangkok too. ELEVEN
เรื่องย่อ
Synopsis:
ในฤดูหนาวของปี ค.ศ.1952 มีคน 7 คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทั้งทางถนน และโทรศัพท์โดยพายุหิมะอยู่ในเกสต์เฮาส์แถบชนบทชื่อ Monkswell Manor
It is the winter of 1952 and seven people are stranded by a snowstorm at Monkswell Manor, a remote country guest house, cut off from the roads and from the phone.
ตำ�รวจนายหนึ่งชื่อว่า จ่า Trotter พยายามเข้าไปเตือนคนเหล่านั้นว่า มีฆาตกรรม เกิดขึ้นในโรงนาที่อยู่ใกล้ ๆ กัน แต่ก่อนที่เขาจะไปถึง แขกสูงอายุคนหนึ่งของที่นั่นก็ ถูกฆาตกรรมไปเสียแล้ว
A policeman, Sergeant Trotter, manages to reach the house to warn them that there has been a murder at a nearby farmhouse. But no sooner has he given his warning, an elderly guest is murdered.
เมื่อพวกเขาเหลือรอดเพียง 6 คน ทั้งหมดก็รู้ความจริงว่า ฆาตกรปะปนอยู่ในพวก เขานี่เอง
There are only six of them remaining and those six realise the truth – that one of them in the house is the murderer.
ในตอนท้าย จ่า Trotter มั่นใจว่าเขารู้ตัวฆาตกรแล้ว จากนั้นจึงเรียกพวกเขามา รวมตัวกันเพื่อสร้างกับดักที่จะเปิดโปงตัวฆาตกร แต่ใครล่ะที่เป็นฆาตกรตัวจริง และ พวกเขาจะล่วงรู้เรื่องนั้ทันเวลาหรือไม่ ก่อนที่จะมีใครถูกฆ่าอีก
Finally, Sergeant Trotter believes he knows which of the six is the killer and he calls them together to set a trap which will reveal the identity of the murderer - but who is it and can he or she be found in time, before another murder is committed?
และต่อไปนี้คือคำ�ชื่นชมจากบรรดาสื่อต่าง ๆ ต่อผลงานอันยอดเยี่ยมของอกาธา คริสตี้กับบทละครเวทีเรื่อง The Mousetrap
Let the press tell you of Agatha Christie’s brilliance.
“นี่คือเรื่องเล่าฆาตกรรมลึกลับที่เขียนได้อย่างมีชั้นเชิงมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยมี มา” โดย Newyork Times “เป็นเรื่องระทึกขวัญสุดคลาสสิคที่สนุกตื่นเต้นจริง ๆ” โดย The Sunday Times “สมควรได้รับตำ�แหน่งเรื่องฆาตกรรมระทึกขวัญสุดคลาสสิค” โดยThe Observer “เรื่องฆาตกรรมลึกลับที่สร้างสรรค์ที่สุดของวงการละครเวทีอังกฤษ” โดย The Daily Telegraph
“One of the most skilfully written murder mysteries ever produced” -New York Times “A truly entertaining classic thriller” -- The Sunday Times “Deservedly a classic among murder thrillers” -- The Observer “The cleverest murder mystery of the British theatre” -- The Daily Telegraph
จำ�หน่ายตั๋วที่ www.thaiticketmajor.com ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2262 3456, Thaiticketmajor
Ticket available at www.thaiticketmajor.com For more information please contact: Tel. 0 2262 3456, Thaiticketmajor
Sponsored by
Official Hotel
Supported by
Media Partners
Presented by
Produced by
49
WHERE TO FIND US Art Gallery • 333 Gallery • หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร Automobile Showroom • Audi Showroom • Honda Automobile • Mazda City Bakery/Coffee/Ice Cream • บ้านใร่กาแฟ • Au Bon Pain • Café Bicycle • Chaho Premium Green Tea • Coffee Beans by Dao • Coffeol • Coffee World • iBerry • Kanom • McCafe • Miami Coffee • Roast Coffee and Eatery • Segafredo Zanetti • Simply W. • Starbucks • The Coffee Bean & Tea Leaf • True Coffee • Wawee Coffee Bookstore/Library • ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย • ห้องสมุดมารวย • แพร่พิทยา • ศูนย์หนังสือ สวทช. • Asiabooks • Bookmoby • C Book • Kinokuniya • TK PARK Café/Pub/Restaurant/ • Clouds • Coffee Beans by Dao • Crepes Corner • FABB CAFÉ • Four-T Café • Greyhound Café • Hint Cafe • HOBS (House Of Beer) • Kua Kling Paksod • Kuppa • Surface Convention Centre • ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Department Store • CentralWorld Concierge Golf/Sports Club • สโมสรราชพฤกษ์ • Green Valley Country Club • Muang Kaew Golf Course • Panya Golf Course • Thana City Golf & Sports Club • The Royal Bangkok Sports Club Hair Salon • Cut & Curl Max • To B 1 Hair Salon Hospital • โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ • โรงพยาบาลกรุงเทพ • โรงพยาบาล บีเอ็นเอช • โรงพยาบาลพญาไท 3 • โรงพยาบาลปิยะเวท • โรงพยาบาลพระรามเก้า • โรงพยาบาลสมิติเวช • โรงพยาบาลยันฮี • สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
SUBSCRIBE NOW! สมัครสมาชิก 1 ปี/6 เล่ม ราคา 500 บาท 1 Year/6 Issues Membership: 500 Baht วิธีการสมัคร 1. โอนเงิน 500 บาทเข้าบัญชี บริษัท แอคชีฟเวอร์ ดีไซน์ แอนด์ แอดเวอร์ ไทซิ่ง จำ�กัด ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ สาขา CentralWorld Tower เลขที่ 205-208058-7 2. ถ่ายรูป หรือสแกนสลิป หรือ capture หน้าจอ ในกรณีที่โอนผ่าน internet banking 3. ส่งรูปหลักฐานการโอน พร้อมชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่มา ที่อีเมล์ membership@achieverforum.com How to Subscribe 1. Transfer 500 baht to Achiever Design & Advertising Co., Ltd., Siam City Bank, CentralWorld Tower Branch, Savings Account, No: 205-208058-7 2. Take a photo or scan the pay-in slip or capture the desktop image in case of internet banking. 3. Send the image file with your name, phone number, and address to membership@achieverforum.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2255 0211-5 ต่อ 107 For more information tel. 0 2255 0211-5 ext. 107
Hotel • Four Seasons Hotel Bangkok • Glow Trinity Silom Hotel • Hotel Muse • W Hotel Office/Organization • โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ • เมืองไทยประกันชีวิต สำ�นักงานใหญ่ • หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย • สมาคมธนาคารไทย • สมาคมสโมสรนักลงทุน • สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย • Carat (Thailand) • Copperwired • COTTO STUDIO • Initiative Media • K-SME Care Knowledge Center • Kohler • Kuron • OMD Agency • SAMART • SCG Experience • Wall Street Institute
• บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำ�แหง • สำ�นักทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ • Chanapatana International Design Institute (C.I.D.I.) • DPU International College • Master of Business Administration Graduate School, Saint John’s University • Raffle Design Institute • Thammasat Business School คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Shop • Boomerang • .life • Design Hive Theatre • House Rama • SCALA • Patravadi Theater
School/College/University • บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต • วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
51