ประวัต ิค วามเป็น มาของคอมพิว เตอร์ คอมพิว เตอร์ย ุค ที่ 1 (พ .ศ . 2497-2501)
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube) เป็นวงจร อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยังมีขนาดใหญ่มาก ใช้กระแสไฟฟ้าจำานวนมาก ทำาให้เครื่องมีความร้อนสูงจึงมักเกิดข้อผิดพลาดง่าย คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ ได้แก่ UNIVAC I , IBM 701
ภาพ UNIVAC l
ibm 701
หลอดสุญญากาศ (vacuum tube)
คอมพิว เตอร์ย ุค ที่ 2 (พ.ศ. 2502-2507) คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นวงจร อิเล็กทรอนิกส์ และใช้วงแหวนแม่เหล็กเป็นหน่วยความจำา คอมพิวเตอร์ มีขนาด เล็กกว่ายุคแรก ต้ นทุนต่าำ กว่า ใช้ กระแสไฟฟ้าน้ อยกว่า และมีความแม่นยำา
คอมพิวเตอร์ยุคที่ สอง
วงจรทรานซิสเตอร์
คอมพิว เตอร์ย ุค ที่ 3 (พ.ศ. 2508-2513) คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจรไอซี (Integrated Circuit) เป็นสารกึ่ง ตัวนำาที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้แล้วพิมพ์บนแผ่นซิลิกอน (Silicon) เรียกว่า "ชิป"
ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ที่ใช้ วงจรไอซี
คอมพิว เตอร์ย ุค ที่ 4 (พ.ศ. 2514-2523)
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร LSI (Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการรวมวงจรไอซีจำานวนมากลงในแผ่นซิลิกอนชิป 1 แผ่น สามารถ บรรจุได้มากกว่า 1 ล้านวงจร ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ทำาให้เกิดแนวคิดใน การบรรจุวงจรที่สำาคัญสำาหรับการทำางานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์นั่นคือ CPU ลงชิปตัวเดียว เรียกว่า "ไมโครโปรเชสเซอร์"
คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่
คอมพิว เตอร์ย ุค ที่ 5 (พ .ศ . 2524-ปัจ จุบ ัน )
คอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้วงจร VLSI (Very Large-Scale Integrated Ciruit) เป็นการพัฒนา ไมโครโปรเซสเซอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แบบฝึก หัด ท้า ยบท
1.
2.
3.
4.
5.
คอมพิวเตอร์ยุคแรกใช้หลอด..........................................ทำาให้ เครื่อง............................และทำาให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง เป็น........................................ใช้..............................เป็นหน่วยความ จำา คอมพิวเตอร์ยุคที่สามใช้วงจร.....................................ซี่งเป็นสารกึ่ง ตัวนำาที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะไว้พิมพ์ลงบนแผ่นซิลิกอนเรียก ว่า...................... คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ ใช้วงจร...............................คือการรวม วงจร..................ลงใน................................ซี่งเป็นวิวัฒนาการทำาให้ เกิดไมโครโปรเซสเซอร์ คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้าใช้วงจร..........................คือการ พัฒนา..............................ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น