บทความตีพิมพ์ในสูจิบัตรการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 27 (คัดลอกจาก จากสูจิบัตรการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ซึ่งแสดง ณ กรมศิลปากร ระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ถึง 5 มีนาคม 2498) ศิลปะคืออะไร โดย ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เมื่อไม่กี่วันมานี้เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า ศิลปคืออะไร ทาขึ้นด้วยความมุ่งหมายอะไร และในประการสาคัญก็คือ ทาไมเราจึงต้องจัดการแสดงศิลปกรรมขึ้น ครั้งแรก ข้าพเจ้าคิดว่าเพื่อนของข้าพเจ้า คงจะพูดเล่นตลก ข้าพเจ้าหัวเราะ แต่เขากลับขอร้องอย่างเป็นงานเป็นการให้ข้าพเจ้าตอบคาถามของเขา เพราะเขารับรองว่าไม่อาจเข้าใจกิจการอันยุ่งเหยิงที่เราทาไปเกี่ยวกับศิลปเลย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจาต้องอธิบาย ให้เขาฟังสั้น ๆ เท่าที่ปัญญาความสามารถของข้าพเจ้าจะทาได้ ข้าพเจ้าพูดว่า ศิลปคืออะไรนั้นไม่ใช่ของง่ายที่จะอธิบาย เพราะเป็ นการแสดงให้รู้ถึงอานาจเร้นลับชนิด หนึ่งซึ่งบังคับให้มนุษย์ทาศิลปขึ้น เช่นเดียวกับที่เรารู้สึกในความลึกลับอย่างยิ่งของจักรวาลหรือสากลจักรวาล และผลอันเกิดจากการหมุนเวียนของมัน แต่ขอให้เราพยายามที่จะแสดงความลึกซึ้งอย่างยิ่งออกมาเป็นถ้อยคา ธรรมดาโดยย่อ ท่านจะเห็นได้ว่าในธรรมชาติช่างประสานกลมกลืนกันและเป็นความงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ก็ทาไมสิ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติทั้งหลายที่ให้ความสุขใจแก่เราอย่างมากนั้นจึงงดงามและบริบูรณ์ นี่แหละคือสิ่งที่เราเรียกว่าความลึกลับอันหาที่สุดมิได้ แต่เรามิได้พิจารณาในด้านปรัชญา เราเป็นศิลปิน เรา มองจั กรวาลที่ ง ดงามนี้ ใ นวิ ถีท างสุ น ทรี ย ะจะเห็ นว่ าทุ กสิ่ งที่ อ ยู่ใ นกฎของธรรมชาติ ล้ ว นมี ร ะเบีย บ ความ เหมาะสมกลมกลืนและความงามอยู่ทั้งสิ้น ทีนี้มนุษย์เป็นเพียงจุลินทรีย์หนึ่งของจักรวาล จึงจาเป็นอยู่เองที่ ธรรมชาติของมนุษย์จะต้องขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์อันเร้นลับและบริบูรณ์ของจักรวาล โดยเหตุนี้จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ชีวิตดึกดาบรรพ์มนุษย์รู้สึกจาเป็นที่จะต้องตกแต่งร่างกายและสิ่งแวดล้อม ของเขาให้สวยงาม ต่อมาวิวัฒนาการเจริญขึ้นมนุษย์ใช้ศิลปไปในทางไสยศาสตร์เป็นขั้นต้น และขั้นต่อมาก็เพื่อ ความมุ่งหมายในทางศาสนาและปรัชญา ในที่สุดถึงสมัยที่อารยธรรมเจริญสูงขึ้นอีก มนุษย์ใช้ศิลปเพื่อความสุข ทางสุนทรียบริสุทธิ์ และผลที่ได้รับจากความสุขทางสุนทรียะนี้แหละที่จะทาให้มนุษย์เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ขึ้น โดยอาศัยศิลป มนุษย์จะเขิบขึ้นสูงถึงขั้นเทียมเทพเจ้า และโดยวิธีนี้มนุษย์จะพ้ นจากความเป็นป่าเถื่อน และ สัญชาตญาณของสัตว์โลกธรรมดา
ศิลปเท่านั้น (ซึ่งหมายถึงวรรณคดี ดนตรี จิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม) ที่จะทาให้มวล มนุษย์เป็นพี่น้องกัน ศิลปเท่านั้นที่ไม่มีขอบเขตของเชื้อชาติไม่มีการแก่งแย่งแข่งขันกันในผลประโยชน์ ศิลป เป็นสื่อสาคัญที่จะยกระดับจิตใจของเราให้ขึ้นอยู่ในอาณาจักรที่สูงส่ง และให้ความหวังในอนาคตอันเป็นอุดม คติแก่เรา ข้าพเจ้าบอกแก่เพื่อนของข้าพเจ้าว่า ที่จริงเกือบทุกสิ่งที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์เป็นศิลปะ เมืองของเรา บ้าน ของเรา เครื่องแต่งบ้าน รถยนต์ เครื่องแต่งกายและแม้กระทั่ง ปากกาหมึกซึมของเรา แต่ละสิ่งล้วนเป็นผลอัน ได้มาจากศิลปทั้งสิ้น ถ้าหากท่านเชื่อในความข้อนี้จะเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่า ทาไมอารยชนจึงมีความกระตือรือร้น ในศิลป และทาไมเขาจึงจัดการแสดงศิลปกรรมขึ้นบ่อยๆ ความจริงงานแสดงทางพุทธิปัญญาเหล่านี้ล้วนให้ การศึกษาแก่จิตใจและขัดเกลาวิญญาณของเราให้ประณีตงดงาม