2
ร า ก ิ ธ า ณ ร ” ร r บ u ท N บ “An-
ก า ร สรรเสริญทั้งมวล เป็ น ของอั ล ลอฮฺ ข อชุ โ กร ต่ออัลลอฮฺที่ในที่สุดจุลสาร “อันนูร” ซึ่งเป็นจุลสารที่ออกโดยทีมงานจุลสาร ชมรม มุสลิม ม.อ.หาดใหญ่ เพื่อเป็นสื่อหนึ่งที่ต้องการ มอบให้กับนักศึกษามุสลิมแห่งนี้ทุกคน ภายในจุลสารเล่มนี้ เริ่มต้นคอลัมน์ด้วยการฝากคำ�ตักเตือนจากอามีรชมรมของเราที่ได้เกริ่น นำ�ถึงเรื่องการอยู่เป็นญามาอะห์ และต่อด้วยเนื้อหาสาระที่คัดสรรออกมาจากก้น บึ้งหัวใจของผู้เขียน อย่างเรื่อง ใกล้แต่มองไม่เห็น โดยหลานจุฬาที่ทำ�เอาต้องกลับมาตรวจ สอบตนเองกับเรื่องใกล้ตัวเสียใหม่ (เอ๊ะ! ใช่เรื่องเพื่อนหรือเปล่านะ) และต่อด้วยบทความ ที่ซี๊ดสุดๆ สภาวะตรรกะพร่อง (ผลพวงจากการประชุมเชียร์) โดยกุ๊กไก่ ที่ได้พูดถึง ตรรกะประชุมเชียร์ที่ยังไงๆก็กินไม่ลงกันซักที เพราะด้วย กับข้อเกี่ยวโยงที่ชวนพากันมึนหัว สมแล้ ว ที่
อยากพูด
เป็นกุ๊กไก่จริงๆ “การที่คุณไม่เข้าประชุมเชียร์ ทำ�ให้อิสลามตกต่ำ� และไร้เกียรติ” (แอบมึน นะ) อิสรภาพ โดยนายหัว เรื่องจริงของพลทหารที่คำ�ว่า “อิสรภาพ” โดนจองจำ�ได้เพียง ร่างกายแต่ใจนั้นหาใช่เช่นนั้นไม่ เมื่อแน่นเอี๊ยดไปด้วยสาระมันเริ่มที่จะอักอ่วนและ สมองก็เริ่มเมื่อยล้าเต็มทน นกน้อยฮุดฮุดของเราได้คาบข่าวคราวในรั้วม.อ.มาฝากให้ กับพวกเราได้ติดตามกันอย่างใจจดใจจ่อ และก็เล่าทีละเรื่องๆจนหมดมุขที่จะเล่นต่อ ประเทศไทยมีกี่จังหวัด เจอน้อง---บี่ตอบไปว่า ๗๘ จังหวัด ฮุดฮุดตกใจ ไม่อยากบอก จริงๆเลยว่าน้องใคร วะฮะ นี่คือบรรยากาศในงานสานใจที่เรียกเสียงฮาไม่น้อยเลยที เดียว และตบท้ายด้วยคอลัมน์แนะนำ�หนังสือ โดยหัวโบราณขอบอกว่า แต่ละเล่มจัด ได้ว่า นักเขียนอย่างเราๆต้องเอาแบบอย่างให้มากเลยทีเดียว เออร์เนสต์ มิลเลอร์ เฮ มิงเวย์ กับหนังสือรวมเรื่องสั้นที่โด่งดังของเขา ชายเฒ่ากลางทะเลลึก ตัวอย่างหนังสือ เล่มนึงที่นักเขียนต้องมี สุดท้ายจุลสารเล่มนี้เสร็จสิ้นด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่คอยหนุน หลังเราอยู่ด้วยตลอด ดังนั้นเราต้องขอบคุณให้มากๆนะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอให้ช่วยกันติมานะครับ แล้วเจอกันใหม่ในเล่มหน้า (อินชาอัลลอฮฺ)
เด็กชายเดือนสิบ
สารบัญ
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
| เด็กชายเดือนสิบ
อามิรพบประชาชน | เฒาฟิก เพ็งโอ
ใกล้...แต่มองไม่เห็น | หลานจุฬา
สภาวะตรรกะพร่อง | กุ๊กไก่ อิสรภาพ
| นายหัว
ฮุดฮุด...คาบข่าว
| ฮุดฮุด นกน้อย
ถนนนักเขียน
| หัวโบราณ
หน้า
สารบัญ
1 4
8
17
24
28
เรื่อง : อามิรพบปะประชาชน ผู้เขียน : นายเฒาฟิก เพ็งโอ ภาพ : หลานดอกไม้ของปู่โดม
1
ด้
วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตมาเสมอ
ขอความสันติ ความจ�ำเริญ จงมีแด่พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ก่อน อื่นต้องขอชูโกรต่อเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ที่ทรงประทานโอกาสให้ทางฝ่าย วารสารของ ชมรมมุสลิมได้ผลิตผลงานจุลสารประจ�ำเดือน “อันนูร” เป็น ฉบับแรกของปีนี้
“AN-NUR”
2
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...ที่พระองค์ทรงประทาน ความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับเรานั้นคือ ...“อัลอิสลาม”... ให้เราได้เป็นมุสลิมเป็นประชาชาติตัวอย่าง ที่เป็นเอกลักษณ์ตต่างจากมนุษย์ปุถุชนธรรมดา โดยทั่วไป นั่นคือ เอกลักษณ์ของความเป็น พี่น้องร่วมอิสลาม แม้จะต่างพ่อต่างแม่พูดคน ละภาษาแต่เรามีสายใย ที่เข้นข้นกว่า สายเลือดนั้นคือสายใยแห่งอิสลาม
ที่คอยผูกมัดให้เราเดินไป ด้วยกันซึ่งเราในฐานะที่ เป็นมุสลิม โดยการเลือก ของอัลลอฮฺ เราจะสร้าง บรรยากาศของความ เป็นพี่น้องได้อย่างไรกัน หากเรา ไม่มีความเป็น ญะมาอะฮฺ และเหตุผล หนึ่งเดียว นั่นคือ ...“ญะมาอะฮฺ”... เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูก สร้างมาให้อยู่คนเดียว โดยปราศจากการรวม ตัวกัน
ดั่งที่อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า ِقُل إِن ُكنتُم تُحِبون َاللَّهَ فَاتبَِّعونى يحبِبكُم اللَّهُويغفر ّ ََ ُ ُ ٌلَكُم ذُنوبَكُم ۗ َواللَّه ُغَفورٌ َرحيم
“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะ ทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และ อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” [3:31] ......... ด้ วยสลามและดุอา นายเฒาฟิ ก เพ็งโอ
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่
“AN-NUR” 3
เรื่อง : ใกล้.. แต่มองไม่เห็น ผู้เขียน : หลานจุฬา 4ภาพ : หลานดอกไม้ของปู่โดม
ใ
กล้.. แต่มองไม่เห็น By หลานจุฬา
หลายสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเราทั้งหลายได้สัมผัสได้รับรู้ความเป็นไป เข้าใจและรู้ในสิ่งต่างมากมาย แม้จะอยู่ไกลเพียงใดเราก็รู้ทุกการเคลื่อน ไหวด้วยเทคโนโลยีที่ทำ�ให้เรื่องไกลตัวไม่ใช่แค่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป ต้องยอมรับเลยว่าในการสื่อสารทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่าง รวดเร็วมาก ผมยังจำ�ได้สมัยยังเด็กถ้าใครมีมือถือแบบจอขาวดำ�คงต้อง เป็นคนที่รวยมากน้อยคนจะพกมือถือ แต่ผ่านมาเพียงแค่สิบกว่าปี... ปัจจุบันนี้ เป็นยุคของสมาร์ทโฟนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิบปีที่แล้ว แทบจะทุกคนที่มีใช้กันหมดจนเป็นปัจจัยหนึ่งที่จำ�ต่อการดำ�รงชีวิตของ ผู้คนในยุคนี้เราสามารถคุยกันเห็นหน้าเห็นตากันไม่ว่าจะอยู่ห่างกัน คนละซึกโลกหรือแม้จะเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักก็ง่ายมากที่เราจะติดต่อพูด คุยถ้าใครก้าวไม่ทันก็จะกลายเป็นคนล้าหลังไม่ทันยุคไม่ทันสมัย ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างนี้ วิถีชีวิตของเราทั้งหลาย ก็เปลี่ยนแปลงไป แล้วมันก็เป็นกลายเป็นดาบสองคมในคราเดียวกัน เพราะด้วยความสะดวก ความรวดเร็วทำ�ให้การศึกษาหาความวิชาความ รู้เป็นเรื่องง่าย ใครๆก็สามารถรู้เรื่องราวต่างได้ โดยที่ไม่ต้องได้มาจาก การเรียนเพียงแค่ในห้อง แต่ในทางกลับกันมันก็ง่ายเหลือเกินในการที่ เราจะทำ�ในสิ่งที่ผิดเพราะเพียงเราแค่คลิก เราก็สามารถเข้าไปดูสิ่งที่ มัวซิยัต (อบายมุข) ได้ง่ายมาก เราสามารถหมดเวลาไปมากมายกับมันในแต่ละวันกับเรื่องราว ที่ไร้สาระเมื่อชีวิตเราจบปลักกับสิ่งเหล่านี้ หัวใจของเราก็ยอมรับมันและ ที่สำ�คัญ ลืมหัวใจที่นึกถึงผู้ที่สร้างเรามา เมื่อเราขาดซึ่งหัวใจที่นึกถึงผู้ทรง สร้าง ความละอายต่อการทำ�บาปมันก็หมดไปพร้อมกับหัวใจที่ลงลืม 5
อัลลอฮฺซุบฮานาฮุวาตะอาลาทรงตรัสไว้ในซูเราะห์อัลหัซรฺ อายะฮที่ 19 ซึ่งมีใจความว่า
“และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮ มิฉะนั้นอัลลอฮจะทรงทำ�ให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเองชน เหล่านั้นพวกเขาเป็น ผู้ฝ่าฝืน”
มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรา แต่เรากลับมองไม่เห็น นั้นก็คือหัวใจ ของเราที่อยู่กับเรา แต่เรากลับไม่รับรู้ความเป็นไปในหัวใจของเรา ว่า วันนี้เราเอาหัวใจที่มีอัลลอฮไปอยู่ตรงไหน เราจะทำ�อะไรก็ได้ตามแรง ปรารถนาแห่งอารมณ์ และถ้าเราตายในสภาพเช่นนี้ เราจะไปพบ อัลลอฮในสภาพเช่นไรกัน พี่น้องผู้อ่านที่รักยิ่งทุกท่านครับ เทคโนโลยีที่ทันสมัยมันไม่ผิด แต่ผิดที่เราใช้มันไม่เป็นเรามองข้ามถึงภัยที่อาจเกิดขึ้นจากใช้ในทางที่ ผิด แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็ไม่ใช่คนที่จะเข้มแข็งที่จะการันตีว่าตัวเองจะ ไม่หลงลืม เราจำ�เป็นต้องอยู่เป็นญะมาอะฮฺ(หมู่คณะ) คอยเรียกร้องสู่ ความดีและตักเตือนกันในสิ่งที่ผิด ยิ่งสังคมในมหาวิทยาลัยที่เราอยู่เต็ม ไปด้วยการเชิญชวนให้เราออกห่างจากหลักการของศาสนาอยู่ทุกเมื่อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเถอะครับ ดูแลคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา เพื่อนมุสลิมรอบข้างเราไม่ว่าจะในชมรมหรือในคณะต่างๆ อย่าได้เป็น คนที่มองเห็นทั้งหมดแม้ว่าจะไกลเพียงใด แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ ใกล้ตัวเรา
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่
6
“AN-NUR”
(บางที)...กำ�ลังกายก็สำ�คัญกว่ากำ�ลังใจ >>Unknow
บางที เราก็หมั่นไส้สเตตัสที่ขึ้นต้นด้วยคำ�ว่า “บางที” >>Muhammadridwan Tuberculosis
นิยามหอพักกะฮฺฟี่......“รก - ทึบ - เฮ้อ !” >>Hisharm Pakhdeekul
การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต คือการมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ >>M.Fahmee Talib 7
8
เรื่อง : สภาวะตรรกะพร่อง (ผลพวงจากการประชุมเชียร์) ผู้เขียน : กุ๊กไก่ เรียบเรียง : กุ๊กกิ๊ก ภาพ : หลานดอกไม้ของปู่โดม
ส
ภาวะตรรกะพร่อง
(ผลพวงจากการประชุมเชียร์)
เขียน เรียบเรียง
กุ๊กไก่ กุ๊กกิ๊ก
ว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้แล้วเชียว แต่สุดท้ายก็ต้องมาเขียน จนได้ เพราะทนไม่ไหวกับสภาวะตรรกะพร่องที่เกิดขึ้นในมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่ (ตรรกะพร่อง อธิบายง่ายๆ คือ ใช้เหตุและผลไม่เป็น หรือใช้เหตุและผลไม่สัมพันธ์กัน) ก่อนอื่นก็ต้องขออนุญาตตอบแทนชมรมมุสลิม เรื่องท่าที ของชมรมต่อกิจกรรมประชุมเชียร์ คือ ชมรมไม่มีนโยบายบังคับน้อง ให้เข้าหรือไม่ให้เข้า ทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนแล้วแต่อยู่ในดุลยพินิจของน้อง อนึ่งชมรมมุสลิมจะคอยพิทักษ์สิทธิ์นักศึกษามุสลิมที่ต้องการเข้า ให้ พ้นจากกิจกรรมที่ผิดหลักการศาสนา และสนับสนุนสิทธิเสรีภาพใน การเลือกเช่นเดียวกันกับชมรมสันติศึกษา หากฟังจากท่าที ดูเหมือนเรื่องราวจะไม่มีอะไร ทำ�นองว่า จะเข้าก็ได้ ไม่เข้าก็ได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเรื่องมีราว เนื่องจากมีกลุ่มพี่ สภาวะตรรกะพร่องเริ่มไม่ให้เกียรติความเห็นต่าง เริ่มแทรกแซงความ คิด และมั่นใจในชุดความคิดของตนว่า น้องต้องเข้า! หากน้องไม่ เข้า น้องจะไม่มีเพื่อน หากน้องไม่เข้า คนอื่นจะมองว่าน้องเห็นแก่ตัว และสารพัดคำ�หว่านล้อมและขู่แบบอ้อมๆ เพื่อให้น้องเข้าให้ได้ เมื่อ น้องไม่ยอมก็เริ่มงัดสารพัดวิธีที่เรียกน้อง อาทิ เรียกน้องมาประชุม, ขึ้นไปไซโคบนหอ หรือกดดันในเฟสบุ๊ค ต่างๆ นานา ซึ่งล้วนแต่พ่น วาทกรรมตรรกะพร่องแทบทั้งสิ้น เมื่อเหตุผลที่พร่องถูกสร้าง มันจึงสามารถโดนลบทิ้งได้ง่ายๆ จากเหตุผลที่ดี แต่ทว่ากลุ่มพี่ที่มีอาการเหล่านี้ใช่ว่าจะสดับรับฟัง น่า กลัวว่าจะมีอาการตาบอดในเหตุผลเป็นอาการข้างเคียง ยิ่งเรียนสูง 9
ขึ้น ก็ยิ่งน่ากลัว เพราะจะเริ่มไม่ฟังหนักขึ้นกว่าเก่า บรรดาพี่ๆ เหล่านั้น จึงได้มีการสร้างประโยคเด็ด ให้เราได้ขบคิดและได้ฮากัน เช่น
“การที่คุณไม่เข้าประชุมเชียร์ ทำ�ให้อิสลามตกต่ำ� และไร้เกียรติ” สาบานสิว่า ก่อนจะพูดคำ�นี้นั้นคิดมาแล้ว อยากให้ผู้พูด ลองไปทัศนา ม.อ.ปัตตานีกันเสียหน่อย ที่ซึ่งเต็มไปด้วยมุสลิม และ นักศึกษาเกือบทั้งหมดก็เข้าประชุมเชียร์ ดูสิว่าที่นั่นอิสลามสูงส่ง แค่ไหน (นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเรื่องราวคนรับอิสลามจากที่นั่น) หรือถ้ามีเงินมากหน่อยก็น่าจะไปดูมหาวิทยาลัยแถบอเมริกาหรือ ยุโรป ดูว่าปัญญาชนมุสลิมที่ทำ�ให้อิสลามในตะวันตกเฟื้องฟูได้นั้น ผ่านกิจกรรมนี้หรือไม่ หรือไม่ก็ไปถามหาอุละมาอ์ท่านใดก็ได้ ว่าที่ อิสลามตกต่ำ�ในปัจจุบันมาจากการที่นักศึกษาไม่เข้าประชุมเชียร์ หรืออย่างไร บางทีพวกพี่ตรรกะพร่องน่าจะลองสำ�เหนียกดูบ้างว่า น้องไม่ไปละหมาด น้องไม่คลุมหิญาบ กับน้องไม่เข้าประชุมเชียร์ พี่ๆ เครียดกับเหตุการณ์ไหนมากกว่ากัน (เพราะเวลาไปประชุม เชียร์ พวกคณะใหญ่ๆ ก็จะมีทั้งไม่ละหมาด ไม่คลุมหิญาบ ไม่ไป ประชุมเชียร์)
10
“มนุษย์เราไม่ได้อยู่คนเดียว เราเป็นสัตว์สังคม และสังคมมหา’ลัย ก็ประกอบด้วยความหลากหลาย อย่าให้ใครชี้นิ้วสั่งเราได้” คำ�พูดสวยงาม แต่กลับย้อนแย้งในตัวเอง เป็นคนบอกเอง ว่าสังคมประกอบด้วยความหลากหลาย เอ้า! แล้วทำ�ไมคุณพี่ไม่ ให้เกียรติความหลากหลายล่ะ มาบังคับกันทำ�ไม แล้วบอกว่าอย่า ให้ใครชี้นิ้วสั่ง ตกลงคุณพี่ต้องการบอกให้น้องเข้าหรือไม่ให้เข้ากัน แน่ เพราะในปัจจุบันก็คงมีแต่กิจกรรมนี้เท่านั้นที่สามารถชี้นิ้วสั่ง ให้น้องวิ่ง วิดพื้น กระโดดตบ ลุกนั่ง หรือแม้กระทั่งสั่งให้หุบปาก ห้ามเกา ห้ามขยับตัว โดยที่เราไม่สามารถโต้แย้งได้เลย
“พวกไม่เข้าคือพวกเห็นแก่ตัว หากมันมีปัญหาอะไร พวกเราไม่ต้องไปช่วยมัน” นี่ถือว่าเป็นคำ�พูดเอามันอย่างเดียว พี่คนนั้นบอกว่า ใคร ไม่เข้าคือคนเห็นแก่ตัว ดังนั้นพวกที่เข้าอย่าไปช่วยพวกมัน ตกลง ว่าใครกันที่เห็นแก่ตัว?
“ถ้าไม่ดีจริง ก็น่าจะถูกยกเลิกไปนานแล้ว” คำ�พูดเช่นนี้ถือว่าเป็นคำ�พูดที่งมงาย ไม่มีความรู้ ขาดการ ศึกษาประวัติศาสตร์ หากศึกษาสักนิดก็จะพบว่า ก่อนปี 2519 กิจกรรมเช่นนี้เกือบจะหมดไปจากสังคมไทยไปแล้ว แต่มันกลับมา 11
อีก สาเหตุก็ไม่ใช่เพราะนักศึกษาโง่หรอก แต่เพราะชนชั้นปกครอง ไทยอยากให้โง่ต่างหาก การเริ่มเคลื่อนไหวทางสังคมของนักศึกษา กับประชาชนหลังสมัย 14 ตุลา ชนชั้นปกครองกลัวว่าจะปกป้อง อภิสิทธิ์ชนไม่ได้ จึงมีคำ�สั่งร่วมลงมาให้สังหารหมู่ในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และมีคำ�สั่งตามมาว่าให้เผา หนังสือที่อาจปลดแอกพวกเราจากความโง่ตามห้องสมุดต่างๆ ด้วย หลัง 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมรับน้องไร้สาระได้กลับเข้ามาอีก ผู้บริหารมหาวิทยาลัยดูจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่กำ�ราบจริงจัง กับกิจกรรมโซตัสพวกนี้ เพราะโซตัสได้ทำ�ลายจินตนาการและพลัง การต่อสู้ของคนหนุ่มสาวไม่ให้มาสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจการเมือง หรือแม้แต่เรื่องใกล้ตัวในมหาวิทยาลัย ซึ่งทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัย และชนชั้นปกครองก็สมประโยชน์ทั้งคู่ กิจกรรมนักศึกษาที่มีต่อ สังคมจึงอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ การ ปฏิรูปการเมือง และการต่อต้านโลกาภิวัตน์ แล้วที่บอกว่าถ้าไม่ดีจริงคงถูกยกเลิกไปนานแล้ว หากเช่น นั้นเราก็ควรยกย่องสุรา โสเภณี การพนัน การโกงกิน การกดขี่ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็อยู่มานานเช่นกัน ยังไม่ถูกยกเลิก “ถ้าไม่เข้า เขาจะหาว่ามุสลิมเรื่องมาก” ทำ�ไมถึงคิดว่าการไม่เข้าประชุมเชียร์จึงเป็นเรื่องของมุสลิม กะลาอันใดที่ครอบทัศนวิสัยท่านกันแน่ หากท่านติดตามข่าวสาร บ้าง ท่านจะพบว่าการไม่เข้าประชุมเชียร์นั้นเป็นสิทธิเสรีภาพที่ มหาวิทยาลัยชั้นนำ�ในเมืองไทยได้ให้ไว้ นักศึกษาเหล่านั้นสามารถ ถกเถียงได้อย่างเสรี ไม่ได้มีการบอกเลยว่าเป็นเรื่องของศาสนา นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำ�เขาได้เปิดกว้างทางความคิด คงมีแต่เรา ที่อยากก้าวไปเป็นมหาวิทยาลัยชั้นต่ำ� ที่พี่พยามยามครอบงำ�ความ คิด ให้น้องใหม่คิดเองไม่เป็น เชื่อพี่ เดี๋ยวก็จบ 12
“ชมรมมุสลิมนี่แหละตัวปัญหา”
พี่หลายคนเกิดอาการช็อก เพราะน้องกล้าเถียงพี่ เกิดอา การน๊อค เพราะไม่สามารถโต้ด้วยเหตุผล เกิดอาการแสบสีข้าง เนื่องจากความพยายามดริฟต์ของรุ่นพี่ จึงต้องหาการกล่าวโทษไป ยังชมรมมุสลิมว่าไปปลุกปั่นบังคับน้องไม่ให้เข้าผ่านบทความของ ชมรม ซึ่งอันที่จริงคุณพี่จะหาบทความให้น้องเข้าประชุมเชียร์ที่ เขียนโดยนักวิชาการมาลงก็คิดว่าคงยอมให้ลง แต่ประเด็นก็คือนัก วิชาการไม่เคยมีบทความประเภทนี้ออกมาเลย ที่จริงหัดโทษตัวเอง บ้างก็ดีนะ
“น้องควรเข้านะ จะได้ฝึกความอดทน เวลาเราจบไปทำ�งาน เราจะได้อดทน” นี่ก็ถือว่าเป็นตรรกะชั้นต่ำ�อีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งตามความเป็น จริงเวลาเราทำ�งาน เราคงไม่โดนเจ้านายตะคอกเพียงเพราะเรา เผลอหาวโดยไม่ขออนุญาตหรอก หากสมมติว่าการประชุมเชียร์ฝึก ความอดทนจริงๆ ทำ�ไมถึงให้น้องปีหนึ่งเข้าล่ะ ทำ�ไมไม่บังคับปีสี่ เพราะใกล้จะจบออกไปทำ�งาน น่าจะต้องฝึกความอดทนมากกว่า น้อง น้องต้องเรียนอีกนานกว่าจะไปทำ�งาน ดังนั้นพี่ปีสี่น่าจะเข้า ประชุมเชียร์แทน 13
“น้องจะได้เพื่อน ได้อะไรมากกว่าที่คิด” ได้เพื่อนเหรอ คือทำ�ไมถึงคิดว่าสองสัปดาห์สามารถให้เรา เป็นเพื่อนได้ดีกว่าการเรียนการทำ�กิจกรรมอื่นตลอดปีล่ะ กิจกรรม ตบหัวลูบหลัง แสดงละครให้น้องเห็น มันมีอะไรมากกว่าที่คิดอย่าง นั้นหรือ เห็นทีคงจะเป็นความดราม่ากระมังที่มากกว่าที่คิด ร้องห่ม ร้องไห้จะเป็นจะตาย ทำ�โทษตัวเองเพราะน้องร้องเพลงไม่ถูกต้อง ตรรกะล้ำ�เลิศมาก “คิดมากๆ คิดเยอะๆ ว่าทำ�อะไรลงไป” อยากจะกระอักเลือดกับประโยคนี้มาก คนที่ควรคิดมากๆ น่าจะเป็นพวกท่าน ท่านที่บังคับน้อง ท่านที่ใช้คำ�หยาบคาย ท่าน ที่ตะคอกน้อง ท่านที่ละเมิดสิทธิน้อง ท่านที่ไม่เคยอ่านข่าวอ่าน ประวัติศาสตร์ความเป็นไปของโลก ท่านที่คิดว่ากิจกรรมนี้เป็นแม่ แบบแห่งความดีงามของนักศึกษาสยาม ท่านที่ไล่คนคิดต่างให้ไป เรียนที่อื่น ท่านต้องคิดมากๆ คิดเยอะๆ จะได้เติมตรรกะที่พร่องให้ เต็มเสียที “มีพี่บังคับน้องไม่ให้เข้า น้องกลัวพี่เลยไม่เข้า” ผู้เขียนเกิดงงกับประโยคนี้มาก ทำ�ไมน้องจึงกลัวพี่คนนั้น แต่ทำ�ไมน้องไม่กลัวพี่ว้าก ทำ�ไมน้องไม่กลัวพี่ผู้ตรรกะพร่องที่คอย ออกมาโจมจีว่าน้องเห็นแก่ตัว ทำ�ไมน้องถึงไม่กลัวพี่ที่บังคับทาง ข้อความ หรือที่โทร.ไปไซโค ทำ�ไมน้องไม่กลัวพี่รหัสที่อ้อนวอนให้ น้องเข้า ทำ�ไมน้องไม่กลัวสโมสรนักศึกษาที่จัดการกิจกรรมนี้ ทำ�ไม น้องไม่กลัวเพื่อนความคิดตื้นๆ ที่จะไม่คบน้องหากน้องไม่เข้า ทำ�ไม น้องถึงไม่กลัวคนเหล่านั้น หรือว่าความเสื่อมได้บังเกิดในระบบนี้ แล้ว เพียงแต่ยอมรับไม่ได้ จึงต้องกล่าวโทษคนอื่นตามวิถีถนัด 14
อันที่จริงผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะล้มระบบนี้แต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าระบบนี้ยังจำ�เป็นสำ�หรับคนที่มีความเชื่อยึดมั่นใน ระบบนี้ ผู้เขียนจึงไม่เคยบังคับไม่ให้น้องเข้า เพราะต้องการให้ เกียรติซึ่งกันและกันในความเชื่อที่แตกต่างกัน และยังเคยขอร้อง ให้น้องลองเข้าดู เพื่อจะได้รับทราบความจริง แต่กระนั้นก็ตาม ยังมีกลุ่มพี่ตรรกะพร่องที่ได้แค่ฟังเรื่องราวที่ถูกปั้นแต่งโดยอคติ เชื่อกันโดยมิได้ไตร่ตรอง ดังนั้นผู้เขียนจึงวิงวอนด้วยความห่วงใย แก่บรรดาพี่ตรรกะพร่องไปว่า อย่าได้พยายามโต้เถียงผู้ที่ไม่เห็น ด้วยกับการประชุมเชียร์เลย เพราะเราถูกกล่อมเกลามาคนละแบบ พวกท่านถูกกล่อมเกลาให้เชื่อฟัง แต่พวกที่ไม่เห็นด้วยนั้นถูกสอน ให้ตั้งคำ�ถาม และสามารถโต้แย้งได้ แค่ระบบการคิดที่ต่างกัน ก็น่า จะทราบผลได้แล้วว่าเหตุและผลต่างกันแค่ไหน และเวลามีการโต้ เถียงกัน การใช้วาจาเสียดสีประเภทปากตลาด มีคำ�หยาบ มันยิ่ง เพิ่มมุมมองว่าพี่ประเภทนี้มีความตื้นเขินทางสติปัญญา และอย่า พยายามด่า เพราะวาจาเหล่านั้นจะกลับไปทิ่มแทงท่านเองดังที่ได้ ยกตัวอย่างมา แล้วท่านก็จะเกิดความเสื่อมในตนเอง แต่ไม่ต้อง ห่วงว่าไม่มีใครจะนับถือท่าน เพราะคนเสื่อมย่อมนับถือคนเสื่อม ด้วยกัน
“บทความชิ้นนี้เขียนโดยผู้เขียนที่ไม่มีความเป็นกลาง เพราะผู้เขียนเอียงข้างเหตุและผล”
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่
“AN-NUR” 15
ณ ตอนนี้เริ่มติดสำ�เนียงกรุงเทพแล้วนะฮะ >>Afnan Abdulkodir Pichitseanyakorn
ก๋วยเตี๋ยวหลอด >>Jabran Muhammad Jabran
“...ไม่มีที่ใดปราศจากเรื่องเล่า ไม่มีที่ใดปราศจากความรู้ และการเรียนรู้...” >>As Lamna>>My little home>>Nunee Sumalee
คำ�ชมช่างร้ายกาจ >>มุฮัมมัดบุลเลียน ยูนุ
16
อิสอิสรภาพ รภาพ นายหัว. 24 / 6 / 55
9 โมงเช้า มันเช้าเกินไปกว่าที่ ใครๆบนโลกนี้จะนอนได้อีก ก็มีแต่คนที่ ขี้ เ กี ย จอย่ า งข้ า พเจ้ า กระมั ง ที่ ยั ง หลั บ ให ลอยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีกองหินนับร้อยๆ กิโลกรัมมาทับร่างและยึดรั้งหนังตาเอาไว้ ไม่ สามารถพยุงตาและปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมา ได้ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนโดนขังอยู่ในนิทรา แต่ข้าพเจ้ารู้ดีว่าวันนี้ยังมีภารกิจที่ข้าพเจ้า ต้องไปสะสางอีกหลายประการเลยทีเดียว เสี ย งโทรศั พ ท์ ที่ ตั้ ง เวลาปลุ ก ไว้ มันแหกปากดังลั่น ข้าพเจ้าคว้ามันมากะ จะขย้ำ � มั น ให้ เ ละคามื อ ด้ ว ยความรำ � คาญ และอยากจะนอนอีก คงเป็นเพราะผลพวง จากบอลยูโรเมื่อคืนก่อน เล่นซะหลอน ติดตาตาตั้งนอนไม่หลับ หลับอีกทีกะจะ เอาให้ทั้งวัน หากพิจารณาดูแล้ว ฟุตบอล กับเฟสบุ๊ค มันก็เหมือนยาเสพย์ติดดีๆ นี่เอง แต่มันก็ละนะนานๆที อาจดูเหมือน กับเป็นการเข้าข้างตัวเอง เพื่อไม่ให้เขา มองว่าผิดหรือไม่ดี แต่เมื่อมองให้ดีและ วิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาแล้ว การแสวงหา สาระหรื อ ผลประโยชน์ มั น ก็ ห าได้ มี ม ากไป 17
เท่าใดไม่
วิพากษ์ดูเยี่ยงนี่แล้วมีแต่เสียกับเสีย
9 โมงครึ่ง ท้องมันร้องลั่น ตื่นขึ้นมา มองไปที่กองผ้าในตะกร้า กองผ้ากองพะเนินดั่ง ภูเขาลูกหย่อมๆ น่าขำ�ดีที่ตอนใส่ใส่ได้ใส่ดี แต่ พอตอนซักนี่สิมันขี้เกียจแล้วขี้เกียจอีก ท้องมัน ร้องลั่นขึ้นทุกที ข้าพเจ้าพิเคราะห์แล้วจำ�เป็น ต้องหาอะไรยัดเข้าในปากและให้ลงไปในท้องเพื่อ ให้มันสงบและเงียบลง ข้าพเจ้าจึงล้างหน้าล้าง ตา แล้วรีบคว้ารถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพมุ่งตรงเพ้งไป ยังโรงช้างมอ.หาดใหญ่ หันซ้ายหันขวาพุ่งตรง ทื่อๆไปยังร้านบังนัยไก่ทอด พร้อมวลีเดิมๆ “บังๆ พิเศษข้าวหมกเคบัฟ” ท่าทางลูกมือร้านบังนัย เขาเข้าใจดี ปัจจัยยามเช้ากองพะเนินก็ลูกนำ�มา ยัดลงท้อง ท้องมันจึงสงบ แต่ก็นั่นอีกนะสิ มันขี้ เกียจอีกแล้ว ข้าพเจ้าสงสัยเหลือเกินว่ามนุษย์ เรากับความขี้เกียจมันเปรียบดั่งเงาตามตัว ซึ่งมี อยู่ทุกผู้ทุกคน แล้วเราจะเอายังไงหล่ะ เราจะทำ� อย่างไรเราถึงจะเป็นอิสรภาพจากมัน เราจะเป็น ไท เป็นไทนะครับ ไม่ใช่เป็นไทย เป็นอิสระ เป็น คนขยันๆ เป็นคนเก่งๆ คิดมากไปก็ง่วงอีกแระ เมื่ อ ความง่ ว งและความขี้ เ กี ย จเริ่ ม เล่นงานข้าพเจ้าอีกคำ�รบนึง ข้าพเจ้าคงนั่ง เฉยอยู่มิได้แล้ว ข้าพเจ้าจึงกลับไปหอพัก มาซักผ้า รีดผ้าและอาบน้ำ�อาบท่า ซักผ้า 18
อิสรภาพ
อิสรภาพ
อิสรภาพ
พ
เสร็จพลันทันใดข้าพเจ้านึกถึงเพื่อนสนิทของ ข้าพเจ้าที่ติดทหารผลัด 1 เมื่อสองเดือนก่อน ข้าพเจ้าสัญญากับเขาไว้ว่าจะไปเยี่ยม วันนี้ วั น อาทิ ต ย์ ด้ ว ยสิ โ อกาสดี ที เ ดี ย วว่ า จะไปๆ ก็หลายครั้งนี่มันยันเข้า 2 เดือนเข้าให้แล้ว นี่ คื อ ผลพวงของความเฉยเมยและวุ่ น วาย ของข้ า พเจ้ า ที่ ส่ ง ผลกระทบต่ า งๆตามมา ในสมองของข้ า พเจ้ า มั น คิ ด เรื่ อ ง ร้อยแปดพันประการ คิดเรื่องต่อหลายเรื่อง ที่จะพูดจะคุยกับเพื่อนพลทหาร ซึ่งแต่ก่อน เราสนิ ท สนมกั น มากที เ ดี ย วก่ อ นจะเข้ า ค่ า ย ทหารไป วันนี้ตั้งใจไว้จะไปเยี่ยมเพื่อนสักกะ ทีข้าพเจ้ากับเพื่อนอีกคนหนึ่งก็นัดกันไปค่าย เสนาณรงค์ ก่อนที่จะไปเราสองคนก็ไปโรง ช้างอีกรอบนึงไปซื้อขนม ไก่ทอด ของหวาน ส้มตำ� ผลไม้ หลายๆอย่าง ไอ้ที่ซื้อไปไม่ใช่ ว่าจะซื้อไปให้เพื่อนดอก แต่ที่ซื้อไปจริงๆนั้น เราอยากกินเองเสียมากกว่า มันน่าขำ�นะผล ประโยชน์ทับซ้อนแอบแฝงจริงๆ แต่ว่าไป เออๆเจตนาดี เ พื่ อ นก็ กิ น เราก็ กิ น เสร็ จ จาก โรงช้างด้วยของเต็มตะกร้ารถ เราก็ตั้งหน้า ตั้งตาตะบึงไปยังคอหงส์ ตรงไปค่ายเสนา ณรงค์ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ มทบ.42 ข้าพเจ้าพบ
หมู่ ท หารและญาติ ส นิ ท มิ ต รสหาย มากมายที่คลาคล่ำ�ทั่วบริเวณ เป็น วันปล่อยผีทหารใหม่ หลังจากฝึก โหดมาเดือนกว่าๆ ข้าพเจ้าหันซ้าย หันขวา ตาลาย เจอแต่ทหารตัวดำ�ๆ ผอมๆทื่อๆ ชุดลายพราง มองไปทาง ไหนมันก็เหมือนกันหมด ข้าพเจ้า รำ�พึงกับเพื่อนที่มาด้วย แล้วกูจะเจอ มันยังไงวะเนี๊ยะ ไม่ช้าทันใดก็คว้า โทรศัพท์ขึ้นมา เฮ้ย! อยู่ไหนหว่ะ เราก็ เ ดิ น ออกตามหาพิ กั ด ที่ เพื่อนทหารใหม่นั่งคอยอยู่ สักพักเรา ก็พบเพื่อนเก่าเราพลทหารใหม่ สิ่งที่ ข้าพเจ้าปรากฏประจักษ์ต่อหน้าข้าพเจ้า 19
คุยทักทายกันตามประสา ส่วนไอ้น้องชายตัว อ้วนมันก็เล่นแท็ปเลตนอนกลิ้งบนเสื่ออีกผืน นึง นึกในใจสมัยกูเด็กๆยังเล่นหนังสติ๊กอยู่เลย ข้ า พเจ้ า ก็ นั่ ง สนทนากั บ เพื่ อ นสนิ ท มองไปที่ใบหน้าที่คล้ำ�ถลอก ยิ่งกว่าใบหน้า แรงงานพม่ า ที่ ตั ด หญ้ า ข้ า งมหาลั ย เสี ย อี ก ร่างกายที่ผอมลงมากทีเดียว ด้วยเพราะ ความเครียดและการฝึกที่หนักหน่วง ข้าพเจ้า ทราบดีว่ามันเป็นเช่นไร ด้วยที่ข้าพเจ้าเคย เรียน นศท.มา 5 ปี เต็มๆ รูปแบบและ บรรยากาศคงจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ ทำ�ให้ มันผอมมากไปทีเดียว ดำ�โคตร ดำ�สนิท ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานที่ต่างกัน สงสั ย มั น ตากแดดทุ ก วั น เป็ น แน่ แ ท้ ความเจ็ บ ปวดสิ่ ง ที่ ไ ด้ พ บเจอมั น สะสมเรื้ อ รั ง ข้าพเจ้าส่งมือไปทักทาย มือที่กำ�แน่น ไม่บอกเราก็รู้ว่าเขาเหนื่อย เขาบอก ด้วยความสนิทสนมและรอยยิ้มที่ให้แก่ ข้ า พเจ้ า ว่ า พั ก หลั ง เมื่ อ กองร้ อ ยทหารใหม่ กัน ทั้งสองก็เข้าใจดีเสมอไม่ต้องบอก เปิดโอกาสให้ญาติได้มาเยี่ยมได้ เขาอุทาน กล่าว มันมีความหมายเป็นนัยยะสำ�หรับ ออกมาว่าเหมือนสวรรค์มาโปรด ใครๆทุก ลุกผู้ชายสหายรักเราทั้งหมด ข้าพเจ้ากับ คนทหารหน้าใหม่มีความดีใจ อยากพบญาติ เพื่อน 2 คน เพื่อนทหารใหม่ 2 คน น้อง พบภรรยา พบลูกๆ พบพี่ๆน้องๆเพื่อนๆทุก ชายของเพื่ อ นผมนายทหารใหม่ ไ อ้ ตั ว คน หากว่าใครหรือญาติไม่มาเยี่ยม ความ อ้วน 1 คน คุณยายคุณป้าและหลานชาย เศร้า ความเสียใจ ความเครียดก็ล้นปรี่ บาง อีก 3 คน ทั้งหมดปูเสื่อนั่งรวมกันใต้ต้น คนแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ท้อแท้ เรื่อง ส้มโอเขียวสด พื้นหญ้านิ่มๆบรรยากาศ แบบนี้มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก เราคง ดีๆ สักพักเราก็จัดการกินขนมทันที สงสัยกันใช่หรือไม่ ว่าทำ�ไมเป็นทหารเข้ม ด้วยความมีแต่ของอร่อยๆ เราก็พูด แข็ง ทำ�ไมต้องร้องไห้ ทำ�ไมต้องเสียใจ ทำ�ไม 20
ต้องคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึง คนโน้นคนนี้ มันพูดยาก ข้าพเจ้าก็ไม่ เข้าใจ แต่เมื่อเราทั้งหมดพูดกับเขานานๆ ไปทำ�ให้ข้าพเจ้าเจอคำ�ตอบและเข้าใจดี มากขึ้น อิ ส รภาพเป็ น สิ่ ง หอมหวานที่ ใครๆต่างใฝ่ฝัน ทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมามีสิทธิ มีเสรีภาพแต่กำ�เนิด การ ที่ จ ะกำ � หนดกฎเกณฑ์ ที่ ว่ า ต้ อ งเป็ น ไป แบบนั้นแบบนี้ มันไม่มีสิทธิใดๆที่จะไป บงการชีวิตของเขา แ ต่ ด้ ว ย เรื่ อ งของรั ฐ และผลประโยชน์ ท างการ เมือง เรื่องสังคม เรื่องประเทศชาติ มันเป็นเหตุผลให้คนเราต้องมีกฎ มี เกณฑ์ มีระเบียบ มีหน้าที่ที่ต้องรับผิด
ชอบและต้องดูแล
ทำ�ให้หลายต่อหลาย
คนต้องโดนจำ�กัดสิทธิ เสรีภาพที่พึงมี เพื่อ สิ่งๆหนึ่งที่ส่วนรวมหมาดหมายเอาไว้ กฎระเบี ย บมั น ก็ เ หมื อ นกั บ กรง หรื อ กรอบที่ ขั ง บางสิ่ ง บางอย่ า งที่ เ ราให้ คุณค่าเอาไว้ และต้องปฏิบัติตามมัน เพื่อ ให้เป็นไปตามบรรทัดฐานรูปแบบเดียวกัน เช่นกันทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นรั้วของ ชาติ ต้องมีความเข้มแข็ง แข็งแกร่ง อดทน เสียสละ เป็นอาชีพและหน้าที่ที่มีเกียรติ เขาเหล่านั้นต้องสูญเสียสิทธิ เสรีภาพและ ความสบายต่ า งๆเพื่ อ ส่ ว นรวมคื อ นิ ย าม ของทหาร แต่มันก็มิใช่ภาพรวมว่าทหาร ทุกคนสบายหมด ไอ้ที่สบายมันก็มี ไอ้ที่มี อำ�นาจวาสนาล้นฟ้ามันก็มี ไอ้ที่ดีไม่ดีมัน แล้วแต่เราที่จะมองและได้รับทราบข้อมูลมา เพื่อนข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ ว่าการ เป็นทหารมันทรมานรองจากในคุก มัน ทรมานเพราะขัดอกขัดใจ มันทรมานเพราะ มี อ ะไรๆก็ ต้ อ งโดนลงโทษทั้ ง หมดทุ ก ๆคน หากแม้นใครคนใดเฉยชา มาสาย ไม่เป็น ระเบียบ อู้ ขี้เกียจ หรือด้วยเหตุผลใดก็แล้ว แต่ หรือแม้เฉพาะเรื่องปัจเจกที่กระทำ� การ เหมารวมซ่อมวินัยจึงปรากฏขึ้นซ้ำ�แล้วซ้ำ�อีก 21
ไม่ว่า หมอบ คลาน วิดพื้น วิ่ง กลิ้ง มันดู เหมือนกับเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่เมื่อโดน บ่ยอๆ มันก็ขำ�ไม่ออกจริงๆ ไม่เชื่อเดี่ยว คุณจับได้ใบแดงคุณก็จะรู้ซึ้ง เวลาเยี่ยมที่บอกไว้ 8.30-15.00น. ตอนนี้เวลา 14.45น.แล้วสิ ความสุขทหาร หมดลงแล้ววันนี้ เหมือนดั่งหมอกร้าย ที่มาปลกคลุมชีวิตอีกอาทิตย์หนึ่ง หมด เวลาเยี่ยมแล้ว เสียงนกหวีดดังขึ้น ทหาร ใหม่ตะโกนลั่นพร้อมกัน 5 นาทีรวมๆๆ
ปัญหาก็ได้ สำ�หรับมุมมองของใครต่อใคร ก็แล้วแต่ที่จะคาดคิด สิ่งที่ปรากฏมันจะ บ่งบอกและให้บทเรียนอะไรแก่เราได้บ้าง มันจะบอกอะไรแก่เรา มันจะบอกอะไรแก่ สังคม มันจะบอกอะไรแก่ผู้คนและโลกใบนี้ ทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์ ใครๆเกิด มาก็มีความเจ็บปวด ใครๆก็มีทุกข์และมี ปัญหาในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สำ�หรับใครที่ คิดว่าตัวเองเจ็บปวดและทนทุกข์ โปรดจง รู้ไว้ มีมากกว่านั้นที่คนอื่นประสพอยู่
เราต้องกลับแล้ว ข้าพเจ้ามอง แต่ทุกๆปัญหาย่อมมีทางออกและ หน้าเพื่อน เพื่อนทำ�ตาใสๆเป็นประกาย ประตูของมันเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะเรียกสติ พร้อมจับมืออำ�ลาแน่น ต่างคนต่างอวยพร และวิธีการมาหาประตูทางออกเจอหรือ ให้โชคดีๆ เสียงนกหวีดเรียกรวมพลดัง ขึ้น ทหารใหม่ทุกคนวิ่งไปรวมพล แต่ก็ช้า ไป ทุกคนต้องหมอบลงกับพื้น ข้าพเจ้า ทราบรสชาติมันดีว่ามันเป็นเช่นไร ทุก ความเหนื่อย ความทรมานมันเริ่มประทุ อีกรอบ ความเจ็บปวดทรมานจากการ ที่ ก รวดหิ น แหลมๆมาทิ่ ม ตำ � ฝ่ า มื อ และ หน้าอก แต่ด้วยรอยยิ้ม กำ�ลังใจและการ มาเยี่ ย มเยี ย นของครอบครั ว มั น คงช่ ว ย บรรเทาความเจ็บปวดได้ ช่วยปัดเป่า ความทรมานที่ได้พบ ได้รับไปพลางๆก่อน
นั่นคือปัญหาหรือมันอาจจะไม่ใช่ 22
เปล่าเท่านั้นเอง
ท้ อ งถนนแถบนั้ น แตกฮื อ ขึ้ น ฟากฟ้ า ท้องฟ้าเปล่งประกาย ภาพแห่งสันติภาพ เราต้องการเป็นไทจากสังคม เรา สั ญ ลั ก ษณ์ สั น ติ ภ าพได้ ป รากฏขึ้ น แล้ ว ต้องการเป็นไทจากความวุ่นวายทั้งหลาย เรา ต้องการเป็นไทจากสิ่งที่เราไม่ใคร่ปรารถนา มันใกล้เข้ามาแล้ว มันใกล้ถึงเวลา ไทหรืออิสรภาพ มิใช่ความเป็นไทยที่ไร้แก่น แห่งการหมดทุกข์หมดโศกแล้ว ไม่นาน สารและขาดความจริงจากที่ปรากฏ เรา แล้วเพื่อนรัก อิสรภาพมันใกล้เข้ามาแล้ว ต้ อ งการการหลุ ด พ้ น จากวั ง วนแห่ ง ความ เราใกล้แล้วที่จะหมดทุกข์หมดโศก เปลี่ยน โสมมทั้งมวลที่เราได้รับรู้ได้รับทราบในทุกวี่ จากความทุกข์อย่างหนึ่ง ไปสู่ความทุกข์ ทุกวัน อีกอย่างหนึ่ง โดยการคั่นกลางคือความ สุขเพียงเสี้ยวเวลา มันไม่ช้าไปดอก นี่ไง มั น ยากที่ จ ะหลี ก หนี ว งโคจรแห่ ง อิสรภาพ… ความจริงและสัจจะธรรมไปได้ เรายังคงอยู่ เป็นคนเดิมเสมอๆ เราอยู่ในบ้านนี้เมืองนี้ เสี ย งตวาดกั ง วานของจ่ า ทหาร สังคมนี้ เราต้องก้มหน้าก้มตาฝืนรับโชคชะตา ยังแว่วอยู่ หมอบ!...ลุก! หมอบ!...ลุก! ที่ใครไม่รู้มาบงการชีวิตเรา สังคมมากำ�หนด หมอบ!...ลุก! เตรียมยึดพื้น 20 ยก ปฏิบัติ . กฎเกณฑ์ชีวิต แต่มันก็ยังดีที่เรายังมีอิสรภาพ ที่จะคิด จะฝัน จะจินตนาการและเป็นไปใน สิ่งที่เราอยากจะเป็นได้ หมดเวลาเยี่ยมแล้วสิ ทหารใหม่ทุก คนยั ง หมอบกลิ้ ง อยู่ บ นพื้ น ซี เ มนต์ ห ยาบๆ ข้าพเจ้าสตาทร์รถ พร้อมใส่หมวกกันน็อค ถึง เวลาแล้ ว ที่ ข้ า พเจ้ า ต้ อ งกลั บ ไปหาโลกแห่ ง ความจริงของข้าพเจ้า กลับไปหาอิสรภาพ และความจริงของข้าพเจ้าที่รออยู่ เมื่อรถ มอเตอร์ ไซค์ ท ะยานออกไปจากค่ า ยทหาร ตัดผ่านสนามหญ้าเขียวชอุ่ม นกพิราบข้าง
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม
“AN-NU 23
เรื่อง : ฮุดฮุดคาบข่าว ผู้เขียน : ฮุดฮุด นกน้อย เภาพ : หลานดอกไม้ของปู่โดม 24
ฮุดฮุด...
คาบข่าว
อัสสาลามมุอะลัยกุม วะเราะห์มาตุลลอฮฺฮิวาบารอกาตุฮฺ เดาซิว่าฮุดฮุด ต้องการพูดอะไร อิอิ พบกันอีกแล้วกับฮุดฮุด นกน้อย ที่คอยคาบข่าวรอบรั้วชมรม มุสลิม มาจารนัยให้พี่ๆน้องๆได้ทราบกันนะจ๊ะ เดือนนี้มีอะไรกันบ้าง เชิญชมได้เลยจ๊ะ
1
2
3
ปีนี้น้องเฟรชชี่ก็มากันเยอะแยะตาแป๊ะไก่กันเลยทีเดียว แถมมาก่อนเปิดเทอม ด้วย(ก็แหงซิ ถ้ามาหลังเปิดเทอมจะได้เรียนเร้อ) น้องๆหลายคนก็มาเตรียมห้องพักของ ตนเองเตรียมหอ ซื้อข้าวซื้อของมากันเยอะแยะ ชมรมเราก็มีร้านนะเออ กับร้าน “ใต้ร่ม เงาอิสลาม” มีของขายเพียบ ว่ากันว่าไม่ขายแค่สากกะเบือกะเรือรบ นอกนั้น มีหมด(เวอร์ มว๊าก) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมปฐมนิเทศมหาวิทยาลัย ซึ่งชมรมของเราก็ได้ไปช่วยกันน้อง ออกจากกิจกรรมที่ผิดหลักการศาสนา (เห็นไหม ชมรมเราก็เป็นห่วงนะ) และแถมได้ไป พัฒนาชุมชนที่มัสยิดบ้านเหนือ ได้ไปเล่นกับน้อง เก็บขยะ ถางกูโบร์ และต่างๆมากมาย ก็ เรียกได้ว่าอิ่มสุขชื่นมื่นกันไปเลย ทันทีที่เปิดเทอม เหล่าเฟรชชี่และพี่ๆก็ต้องเรียนหนังสือแล้ว ก็สู้ๆกันนะ แต่เรียน ไปไม่เท่าไหร่ ก็มีกิจกรรมมากมาย เช่นกิจกรรมทดแทนวันไหว้ครู ซึ่งมุสลิมเรานั้นเข้าพิธี ไหว้ครูไม่ได้ ทางชมรมจึงจัดกิจกรรมนี้มาทดแทนงานไหว้ครู กิจกรรมนี้มีทั้งระดับคณะ และระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในระดับมหาวิทยาลัย ทางพี่นุฮของเรา ก็ได้เชิญอ.บับลี มา บรรยาย เรียกได้ว่า ทั้งมัน สนุก และได้ความรู้ ก็เห็นมีรุ่นพี่บางคนถึงกับเฮ เย้วๆ ไม่รู้ว่าได้ ความรู้หรือว่า สะจายเรื่องอะไรกัน เหอะๆๆๆ ผ่านไปสองวันก็ยังมีกิจกรรมใหม่ นั้นคือ กิจกรรมสานใจที่จัดกัน ๒ คืน ๑ วัน แต่ ได้ยินน้องบ่นว่าในคืนแรก น่าเบื่อ พี่นิสมันแกก็กลัวน้องเบื่อจึงจัดสังคายนากิจกรรมในวัน ที่ ๒ เรียกได้ว่า สนุก โหด มัน ฮา ยัง ยังไม่พอ ยังมีกิจกรรมภาคกลางคืนที่มีทั้งโชว์ ทั้งแจก รางวัล ทั้งของว่างมากมาย เฮฮา ปาจิงโกะ มีทั้งละครที่ฮามาก ทั้งคลิปวีดีโอที่ทั้งฮา ทั้งอึ้ง เจอกับคำ�ถามที่ว่า ประเทศไทยมีกี่จังหวัด เจอน้อง---บี่ตอบไปว่า ๗๘ จังหวัด ฮุดฮุดตกใจ ไม่อยากบอกจริงๆเลยว่าน้องใคร วะฮะฮะฮ่า 25
พอพ้นจากงานสานใจก็มาเปิดโลกกิจกรรมที่ทางมหาลัยจัด เพื่อชี้แจง ชมรมในมหาลัยของเรา ซึ่งน้องก็ไปสมัครเข้าชมรมมุสลิม อย่าลืมไปสมัครนะจ๊ะ พักไปสามวัน ก็มีกิจกกรมอีกอ่า นั้นก็คือกิจกรรมมอิกเราะเดย์ ส่งเสริม การอ่าน ที่ได้จัดเสวนา นิทรรศการ อบรมงานเขียน แถมมาจัดกิจกรรมให้น้องๆ ตาดีกาด้วย เรียกว่าครบรสกันไปเลย แถมตบท้ายด้วยการแจกหนังสือด้วยนะ อ่อ ลืมบอกไป ผู้ร่วมเสวนามีทั้ง อ.สุชาย จากคณะศิลปะศาสตร์ ผู้มีแนวคิดขบถต่อค่า นิยมกระแสหลัก อ.ประกาศ ทันตแพทย์ที่สอนวิชานิเวศวิทยา อ.สถาพร ศิลปิน แห่งชาติ เห็นป่าว มากันเยอะแยะ และมีความรู้ทั้งนั้น และกิจกรรมอีกชิ้นหนึ่งที่จัดขึ้นหลังจากอิกเราะเดย์คือ “New Moon Party” งานพบปะพี่น้องวิทยาศาสตร์สุขภาพมุสลิม (คณะอื่นก็ไปได้นะจ๊ะ) มา ทำ�ความรู้จักกับพี่น้องและกลุ่มนักศึกษาจันทร์เสี้ยว แอบได้ยินเปรยๆว่า พี่วิลดา นอามีรกลุ่มอยากจะจัดงานอำ�ลาตำ�แหน่งเสียเต็มประดา (คงจะล้มวัวในเร็ววัน) เหอะเหอะ
4 5
6
ที่จริงก็มีกิจกรรมอีกมากมาย สาธยายกันไม่หมด แต่ถ้ากลัวจะพลาด กิจกรรมก็ไปขอ Time line ชมรมได้นะจ๊ะ หรือไปติดตามข่าวสารให้ไปเข้ากลุ่ม นศ.มุ สลิมม.อ.หาดใหญ่ ก็ได้ ส่วนใครที่เข้าไปแล้ว ก็พยายามๆลากเพื่อนๆเข้าไปด้วยนะ ก่อนไปฮุดฮุดก็ไปอยากจะพูดอะไรนอกจากจะขอฝากชมรมมุสลิมในหัวใจน้องๆทุก คนนะจ๊ะ ไปแล้วนะจ๊ะ เจอกันเล่มหน้า อัสลามมูอาลัยกุม ฮุดฮุด นกน้อย
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่
26
“AN-NUR”
27
ถนนนักเขียน | หัวโบราณ
เออร์สกิน คอร์ดเลล์ : เขียน สิทธิชัย ธาดานิติ : แปล สนพ : สามัญชน
งาน “อิกเราะอ์เดย์”ที่ชมรมมุสลิมจัดผ่านมา อัดแน่นไป ด้วยความรู้จนสมองอันน้อยๆของผมแตกดังเปรียะเพิ่มรอยหยัก ในสมองไปหลายหยัก โดยเฉพาะไฮไลท์ของงานอย่างช่วงเสวนา ที่เชิญศิลปินแห่งชาติตัวเป็นๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทนอย่างอ.สถาพร ศรีสัจจัง มานั่งถ่ายทอดประสบการณ์การอ่าน เขียน ตลอด อายุขัยของท่านเลยทีเดียว ช่วยจุดไฟรักการอ่านให้ลุกโชติช่วง ชัชวาล ผมอาจคิดไกลไปหลายพันปีแสง แต่เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด หลายคนที่ยังไม่ริเริ่มอ่าน คงสัมผัสได้ถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของ การอ่าน ขนาดที่ว่ามีนักเขียนท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ “ไม่มีทางไหนที่จะทำ�คนให้เป็นคนได้นอกจากการอ่าน” ต่อให้นักเขียนท่านนี้ไม่กล่าคำ�นี้ เรามุสลิม จำ�เป็นต้องอ่านอยู่ดี เพราะเราเป็นประชาชาติอิกเราะอ์ ที่มีโองการแรกคือ “จงอ่าน เถิด!” เส้นทางศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ที่อ.สถาพรได้รับเกียรตินั้น ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ต่อให้อัพคำ�คมบนเฟสจนมีคนมาไลค์เป็นร้อยก็ยังห่างไกลนัก แต่ใช่ว่าจะไกลเกินเอื้อม แต่ต้องมี ความมุ 28 มานะ เด็กบ้านนอกอย่างอ.สถาพรพิสูจน์มาแล้ว
เช่นเดียวกับหนังสือที่ผมจะแนะนำ�ให้รู้จักที่ชื่อ ‘ถนนหนังสือ’ เล่มนี้ เป็นงานเขียนเชิง อัตชีวประวัติของเออร์สกิน คอร์ดเลล์ นักเขียนชื่อก้องของอเมริกัน ที่เป็นเพื่อนร่วมชาติเดียว กับ เออร์เนส เฮมิงเวย์ หรือ จอห์น สไตเบ็ค พอจะคุ้นหู คุ้นตาบ้างมั๊ย?
ซ้าย : เออร์เนสต์ มิลเลอร์ เฮมิงเวย์ ( Ernest Miller Hemingway ; พ.ศ. 2442-2504) กับหนังสือรวมเรื่องสั้นที่โด่งดังของเขา ชายเฒ่า กลางทะเลลึก /ขวา : จอห์น เอิร์นส์ต สไตน์เบ็ค จูเนียร์ ( John Ernst Steinbeck, Jr .; พ.ศ. 2444-2511) กับหนังสือ เพื่อนยาก ที่สะท้อน ความรักระหว่างเพื่อนได้อย่างลึกซึ้ง
รงค์ วงษ์สวรรค์ ฉายา พญาอินทรีย์แห่งสวนอักษรกล่าวไว้ใน ‘เดลินิวส์’ เมื่อแรก ที่ถนนนักเขียนออกวางตลาดว่า “ขอแนะนำ�เป็นพิเศษ : ถนนนักเขียน-ความคร่ำ�เคร่ง และพากเพียรของสิทธิชัย ธาดานิติ(ผู้แปล) นานหลาย พ.ศ. แปลจากต้นฉบับ Call it Experience ของเออร์สกิน คอร์ดเวลล์ สารคดีเชิงอัตชีวประวัติเล่มนี้ ภายใต้การ อ่านอย่างพิถีพิถันระหว่างบรรทัด สร้างนักเขียนมาแล้วหลายคนในประเทศนี้และหลาย ประเทศ!” หนึ่งในนั้น คือ อดีตรุ่นพี่ร่วมสถาบันเดียวกับเรา นั่นคือ ‘กนกพงศ์ สงสมพันธ์’ เจ้าของหนังสือ ‘แผ่นดินอื่น’ ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ปี 2539 หนีออกจากบ้านสมัยเรียนมัธยม เพื่อเดินตามฝัน เพราะไปสะดุดประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ที่ว่า “ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจ ว่าต้องลาออกจากงาน แล้วอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายอย่างเดียว ข้าพเจ้าสัญญากับตัวเองว่าอาชีพอะไรก็ตามที่จะทำ�ต่อไป นอกเหนือจากงานประพันธ์ แล้ว อาชีพนั้นเป็นเพียงงานชั่วคราวเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด มีหลังคาคุ้มหัว และมีเสื้อผ้า สวมใส่เท่านั้น..ข้าพเจ้าขอเวลาห้าปีเพื่อจะบรรลุความทะยานอยาก และต่อรองกับตัวเอง ว่าหากจำ�เป็นก็ขอเพิ่มอีกสักห้าปี ข้าพเจ้ายังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเลี้ยงตัวอยู่รอดได้ อย่างไรในระหว่างนั้นจนกว่าจะได้เป็นนักเขียนที่บรรณาธิการยอมซื้อเรื่องไปตีพิมพ์ แต่ ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาสำ�คัญ เพราะว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว มันก็คงแก้ไขได้เอง” 29
ซ้าย : ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2538 เขาเขียนหนังสือจนลมหายใจสุดท้าย และหนังสือเสเพลบอยชาวไร่ ได้รับ คัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 เล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน / ขวา : กนกพงศ์ สงสมพันธ์ นักเขียนหนุ่มตลอดกาลผู้อุทิศชีวิตให้กับการเขียนสือ เสียชีวิตเมื่ออายุ 40 ปี
นี่เป็นคำ�พูดที่เขาบอกตัวเองเมื่อรู้ตัวว่า อยากเป็นนักประพันธ์ หาใช่นัก หนังสือพิมพ์ จึงลาออกจากงานหนังสือพิมพ์เพื่อมาเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายเต็มตัว แม้ตัวเองจะไม่มีรายได้ก็ตาม เออร์สกินจึงเริ่มต้นเขียนเรื่องสั้นอย่างหนักหน่วงในวันหนึ่งๆ เขาใช้เวลาใน การเขียน 16 -18 ชั่วโมงต่อวัน เมื่อเขียนเรื่องเสร็จเขาก็จะส่งไปยังนิตยสารต่างๆ หากนิตยสารใดไม่รับเรื่องเพื่อตีพิมพ์ เขาจะนำ�เรื่องเดียวกันส่งไปยังนิตยสารอื่นๆอีก สี่ฉบับ หากยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ นั่นแสดงว่า เรื่องของเขาไม่ดีพอ ควรทิ้งเรื่องนั้นๆ เสีย ตอนที่เขียน ใช่ว่าเขาจะเขียนตลอดเวลา แต่เขานั่งอยู่หลังแป้นพิมพ์ดีดตลอดเวลา บางครั้งก็เขียนไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียว แต่เขาก็จะนั่งอยู่อย่างนั้นจนหมดเวลาทำ�งาน เขาทำ�อย่างนี้เรื่อยมาจนห้าปีกว่า เรื่องสั้นเรื่องแรกของเขาก็ได้รับตีพิมพ์ ช่วย ขจัดความผิดหวังที่พอกพูนอยู่ในอกตลอดมาให้มลายสิ้นไปจากความทรงจำ�อันข่มขืน อย่างสิ้นเชิง ต่อมาเรื่องสั้นของเขาได้รับการตีพิมพ์ถี่ขึ้นๆ เป็นลำ�ดับ จนกระทั่งได้รับ การรวมเรื่องสั้นเป็นเล่ม และอีกหลายๆเล่มในเวลาต่อมา ปะปนกันไประหว่างเรื่อง สั้นกับนวนิยาย เคยมีคนถามคอลด์เวลล์ว่า เขาจะให้คำ�แนะนำ�นักเขียนใหม่อย่างไร เขาตอบ ว่า “เตรียมตัวเตรียมใจสำ�หรับงานเขียน โดยถือว่าใครก็ตามที่ปรารถนาความ สำ�เร็จในวิชาชีพนี้ ย่อมจะต้องมีความอดทนต่อการฝึกฝนสักระยะหนึ่ง... พวกหมอ
30
ทนายความ คนทำ�ขนมปัง ช่างเครื่องยนต์ วิศวกร และช่างพิมพ์ ต้องเรียนรู้เรื่องงานของ เขาโดยการฝึกฝนหาความชำ�นาญก่อนเสมอ... ก็แล้วทำ�ไมนักเขียนจะอยู่ในข่ายยกเว้นเล่า” ขอหยิบยกส่วนหนึ่งจากคำ�นำ�หนังสือเล่มนี้ที่ว่า “ถนนนักเขียนน่าจะถือเป็นหนังสือ เล่มอันสำ�คัญยิ่งสำ�หรับนักเขียนหน้าใหม่ทุกยุคทุกสมัย เพราะเชื่อมั่นว่าเมื่อใดก็ตามที่นักเขียน ทั้งหลายอยากเขียนได้มีโอกาสอ่านเล่มนี้ แรงบันดาลใจอันหลากหลายที่จักกระตุ้นเร้าให้พวก เขาก้าวสู่จุดหมายแห่งความใฝ่ฝันในวิถีทางนี้” “ประสบการณ์และความมุ่งมั่นของเออร์สกิน คอร์ดเวลล์ น่าจะเป็นบทเรียนและจุดไฟ ในหัวใจใครบางคนให้ลุกโชนได้ไม่มากก็น้อย ชี้ให้เห็นถึงความวิริยะอุตสาหะอย่าง ‘เอาจริงเอา จัง’ ของคนที่มากหวังจะเป็นนักเขียนคนหนึ่ง”
จุลสารรายเดือน | ชมรมมุสลิม ม.อ.หาดใหญ่
“AN-NUR” 31
32