TH-EN
April 2019 l Vol. 14 No.157
APRIL 2019 Vol.14 No.157
Technology for
Real Increasing OEE Seaweeds-derived Potential
Functional Food Ingredients Changes in the Plastic Packaging Trend and Opportunities
Tech Innovations and Trends in
Beverage Industry Sodium Reduction Project
Cover_Food_157_Apr.indd 2
Food Allergen Management
Bioactive Compound from Soy Peptide
19/3/2562 BE 17:36
เบลเจย ี น ฟรายส์ รสชาตแ ิ ทๆ ้ สง ่ ตรงจากยโุรป
ฟรายสเ์ดด ็ อรอ ่ ยเอรด ็ 7 ทวป ี
่ ู้คนจากทั่ วโลกล้วนดัน ้ ด้นมาเบลเยียม เพือ ่ ลิม ้ ลองความอร่อยไม่เหมือนใครของเบลเจียนฟรายส์ นานมาแล้วที่ผ ่ ังไกลไปทั่วโลกถึงเมืองไทย แต่จากนีไ้ ปฟรายส์ของเรากำลังจะบินมาให้คุณสัมผัสรสชาติแบบต้นตำรับทีด
www.originalfries.eu
พบเราที่ THAIFEX บธ ู เลขที่ 3-M15
้ ะท้อนความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านัน้ และเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว เนือ้ หาในโฆษณานีส
สนบ ั สนน ุ โดย สหภาพยโุรป
19823-THAI-V1-AD-215x280.indd 1
คณะกรรมาธิการยุโรป และสำนักงานบริหารงานผู้บริโภคสุขภาพเกษตรกรรมและอาหาร (CHAFEA) ไม่มีส่วน ้ กับการนำข้อมูลในสื่อโฆษณานีไ้ ปใช้ รับผิดชอบใดๆ ทัง้ สิน
25/02/2019 11:47
When it comes to food solutions, Team up with the LEADER Come visit us at THAIFEX-WORLD OF FOOD ASIA 2019 28 May – 1 June 2019 BOOTH : X26 Hall: 8 ZONE: FINE FOOD
IMPACT Exhibition and Convention Center, Bangkok, Thailand
april 2019 / Vol. 14 / No. 157
CONTENTS 20 BONUS ATTRACTIONS • SPECIAL TALK BY FDA 20 The Most Recently Enforced Food Regulations
Revision of the Regulations on the Usage of Food Additives:
The Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018)
Re: Food Additives (No.5)
By: Bureau of Food, Food and Drug Administration, Ministry of Public Health
• SCOOP 50 Prototype of the Sodium Reduction Project:
Utilization and Commercial Technology Transfer
24
โครงการต้นแบบผลิตภัณฑ์เกลือลดโซเดียม: การใช้ประโยชน์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์
By: Chusana Mekhora
Institute of Food Research and Product Development (IFRPD),
Kasetsart University
REGULAR ATTRACTIONS 14 STAR ITEMS
ผลิตภัณฑ์ดาวเด่นประจ�ำฉบับ • SPECIAL FOCUS 24 Beverage Trends in the 4G Era
เทรนด์ของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในยุค 4G
By: Assistant Professor Kriskamol Na Jom, Ph.D.
34
Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University
28 Top Flavor Trends for Functional Beverages
กลิ่นรสที่มาแรงส�ำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล
By: George Glass
Compiled and Translated By: Editorial Team,
Food Focus Thailand Magazine
34 The Great Dane
การลงทุนในการผลิตที่มีประสิทธิภาพ...ผลัก Faxe เป็นยักษ์ในวงการเบียร์เดนมาร์ก
32 Up & Coming Beverage Trends in 2019 ...
Cannabis is Coming to The Top Rank
เทรนด์เครื่องดื่มปีนี้...กัญชา มาแรง ติดอันดับทุกชาร์ต
By: Technical Service and Quality Assurance Department,
IPS International Co., Ltd.
• SMART PRODUCTION
40 Food Allergen Management in the Food Industry
การควบคุมอาหารก่อภูมิแพ้ในอุตสาหกรรมอาหาร
By: Supharat Jiamtong,
British Standards Institution; BSI
38 Technology for Real Increasing O.E.E.
เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม ของอุปกรณ์
4-6_Content.indd 4
By: Krones AG
• STRONG QC & QA
By: Mettler-Toledo (Thailand) Limited
20/3/2562 BE 12:04
Food Focus Thailand Magazine
Anniversary
...we love to hear your voice... แชะ
ถ่ายรูปของคุณ คู่กับนิตยสาร Food Focus Thailand ได้ทั้งแบบเล่มหรือแบบออนไลน์
แชร์
แล้วบอกให้เราชื่นใจว่า คุณอ่าน Food Focus Thailand มาแล้วกี่ปี พร้อมเหตุผล
ลุ้น
ผู้โชคดี 10 ท่าน ได้รับของที่ระลึก “13th Anniversary Polo Shirt” 3 ท่าน ได้รับ “บัตรเติมน้ำ�มัน” มูลค่ารางวัลละ 1,000 บาท
บัตรเติมน้ำ�มัน
ส่งกลับมาที่เราได้ 3 ช่องทาง โดยเลือกช่องทางใดก็ได้
foodfocusthailand
@foodfocusthailand
editor@foodfocusthailand.com
*ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการเลือกขนาดเสื้อให้กับผู้ โชคดีทั้ง 10 ท่าน 5_Anniversary.indd 5
13th Anniversary Polo Shirt 20/3/2562 BE 14:06
april 2019 / Vol. 14 / No. 157
• STRATEGIC R & D 44 Seaweeds-derived Potential Functional Food Ingredients for
Gut Health Benefits
สารผสมอาหารที่มีหน้าที่เฉพาะจากสาหร่าย: ประโยชน์ต่อสุขภาพล�ำไส้
44
By: Suvimol Charoensiddhi, Ph.D.
Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University
48 Bioactive Compound from Soy Peptide…
A Better Choice for Your Health
สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากถั่วเหลืองกับคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
By: Khasipoom Thaunkhong, BJC Specialties Company Limited
OCCASIONAL ATTRACTIONS • STRENGTHEN THE PACKAGING 54 Changes in the Plastic Packaging Trend and Opportunities
for Thai Producers in the Growing Market
การเปลี่ยนแปลงของบรรจุภัณฑ์พลาสติกไทยกับโอกาสของผู้ผลิตไทย ในกระแสการเติบโต
48
By: Nattanan Apinunwattanakul
Economic Intelligence Center (EIC),
The Siam Commercial Bank Public Company Limited
• SHOW TIMES 58 Pre Show – THAIFEX-World of Food Asia 2019
สัมผัสประสบการณ์อาหารแห่งอนาคตในงานแสดงสินค้า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสุดยิ่งใหญ่แห่งเอเชีย
54
61 Post Show – Food Pack 2019
อัดแน่นด้วยกองทัพผู้ผลิต ผู้น�ำเข้าเครื่องจักรแปรรูปอาหาร เครือ่ งดื่ม เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด
66
U Share. V Care.
The Winners of U Share. V Care. February 2019 Issue
DEPARTMENTS 12 Advertising Index
รายชื่อผู้ลงโฆษณา 16 Schedule of Events
ข้อมูลงานนิทรรศการ การประชุม สัมมนา และฝึกอบรมต่างๆ 62 Surrounds
แบบสอบถามความคิดเห็น พร้อมลุ้นรับของรางวัล Share your comment and win a gift
4-6_Content.indd 6
อัพเดทข่าวสารในวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม Big C Gift Voucher worth THB500 (2 Lucky Winners)
20/3/2562 BE 12:04
Our Product Category
• Casings: Collagen, Cellulose, Plastic, Fibrous • Ham net • Seasoning: Meat seasonings and Cures, Snack seasonings • Marinade sauce, Dipping sauce
• Whey Protein: Whey protein concentrate, Whey protein isolate • Other ingredient: Colorant, Modified starch, Shelf-life extender, Stabilizer for meat products • Ready to use Microbial test kits (Compact dry) • Food Allergen test kits
I.P.S. International Co., Ltd.
36 Ramintra Road, Minburi, Minburi, Bangkok 10510 Tel: (662) 049 1202-3 Fax: (662) 049 1204 E-mail: ips_inter@hotmail.com, ips.tsqa@gmail.com ad_IPS final_OK.indd 9
30/8/2561 BE 11:17
EDITOR’S TALK
Thailand Reported
3.7% GDP Growth in 4Q18 Sirintra Boonsumrej
Managing Editor Food Focus Thailand Magazine
Publisher Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. 5/38 Soi Ngamwongwan 25 Yak 26, Bangkhen, Muang Nonthaburi, Nonthaburi 11000 Thailand T +66 2192 9598 F +66 2116 5732 E contact@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com
ฝ่ายบรรณาธิการ / Editorial Department บรรณาธิการบริหาร / Managing Editor: ศิรินทรา บุญส�ำเร็จ / Sirintra Boonsumrej ผู้ช่วยบรรณาธิการ / Assistant Editor: อัครพล อนันตโชติ / Arkkrapol Anantachote ผู้สื่อข่าวอาวุโส / Senior Journalist: พิมพ์ชนก กนกลาวัณย์ / Pimchanok Kanoklawan editor@foodfocusthailand.com ฝ่ายขายและการตลาด / Sales & Marketing Department ผู้อ�ำนวยการฝ่ายธุรกิจ / Business Director: เพ็ญแข ประวัติพัฒนากูล / Phenkhae Prawatphatthanakoon ผู้จัดการฝ่ายขาย / Sales Manager: สิริวรรณ ขาวสะอาด / Siriwan Khaosaard เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายโฆษณา / Advertising Sales Executive: นิภาพร ละครอนันต์ / Nipaporn Lakornanan sales@foodfocusthailand.com ฝ่ายสมาชิก / Circulation Department เจ้าหน้าที่ฝ่ายสมาชิก / Circulation Officer: จิตสุดา ทองปาน / Jitsuda Thongparn ชาลินี จันทานนท์ / Chalinee Chanthanon นาถเรขา ทัพภูตา / Natrekha Tapputa seminar@foodfocusthailand.com ฝ่ายศิลปกรรม / Graphic Department ผู้อ�ำนวยการฝ่ายศิลปกรรม / Graphic Director: สุรีรัตน์ หลักบุตร / Sureerat Lukbud graphic@foodfocusthailand.com
ฝ่ายบัญชีและการเงิน / Accounting & Finance Department ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน / Accounting & Finance Manager: นาตยา พงษ์สัตยาพิพัฒน์ / Nataya Pongsatayapipat account@foodfocusthailand.com
ภาพเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 3.7 YoY ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากแรงฉุดจากภาคต่างประเทศลดลง ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศยังโตต่อเนื่อง โดยปัจจัยสงคราม การค้ายังมีผลให้การส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 4 ยังขยายตัวได้ในระดับต�ำ่ ต่อเนือ่ งจากไตรมาสที่ 3 ซึง่ ในหลาย เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียก็ได้รับผลกระทบเรื่องสงครามการค้าเช่นกัน ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ที่กลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ท�ำให้แรงฉุดจากภาคต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ลดทอนลง เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรก 2562 คาดว่า จะขยายตัวต�่ำกว่าประมาณการทั้งปี 2562 ที่ร้อยละ 4.0 ซึ่งนอกจาก ผลของฐานทีส่ งู ในช่วงครึง่ แรกของปี 2561แล้ว ยังเผชิญความไม่แน่นอนทัง้ ปัจจัยภายนอกและภายใน ปัจจัย ภายนอกประเทศยังมีความไม่ชัดเจนหลายประการ ทั้งประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ยังจะเป็นประเด็นค้างคา สถานการณ์ Brexit ที่ยังมีความเสี่ยงที่อังกฤษจะออกจาก EU แบบไม่มีข้อตกลง ในขณะทีเ่ ศรษฐกิจจีนและสหภาพยุโรปมีสญ ั ญาณการชะลอตัวลงมากกว่าทีป่ ระเมินไว้ ในขณะที่ ปัจจัยใน ประเทศคงจะอยู่ที่การเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยผลต่อเศรษฐกิจทางหนึ่งจะมี การกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนจากกิจกรรมการเลือกตั้ง แต่อีกทางหนึ่งนักลงทุนคงรอดูสถานการณ์หลัง การเลือกตัง้ เพือ่ ให้มคี วามชัดเจนมาก ยิ่ ง ขึ้ น ซึ่ ง หากผ่ า นพ้ น ไปอย่ า ง เรียบร้อย ปัจจัยดังกล่าวน่าจะสร้าง ผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยได้ในช่วง ครึ่งหลังของปี 2562 ดังนั้น ศูนย์วิจัย กสิกรไทย ยังคงประมาณการขยายตัว ของเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ไว้ที่ ร้อยละ 4.0 โดยมีกรอบประมาณการ ที่ร้อยละ 3.5-4.2 The Thai economy grew 3.7% YoY in 4Q18, increasing over that reported for 3Q18, thanks to easing external risks and continuing growth seen in domestic spending. The trade war continued to cause 4Q18 exports to expand at a slower pace from 3Q18. Many Asian economies were also affected by the trade war. Meanwhile, Thai tourism bounced back in 4Q18, thus helping ease external risks. Looking into 1H19, it is expected that the Thai economy will grow lower than our full-year growth forecast for 2019 at 4.0% due to the high 1H18 base, plus internal and external uncertainties. External uncertainties include the unresolved US-China trade dispute, no deal Brexit and signs that the Chinese and Eurozone economies will slowdown further than our assessment. Internal uncertainties include political situation after the general election slated for March 24, 2019. Although related activities may help spur cash flow in the economic system, investors have now adopted a wait-and-see attitude. If the general election goes well, that will be a boon for the Thai economy during 2H19. Given this, KResearch expects that the Thai economy will expand at 4.0% or within 3.5-4.2% during 2019.
The texts and photos in Food Focus Thailand, as well as personal comments of contributors are all rights reserved. Reproduction of the magazine, in whole or in part, is prohibited without the prior written consent of the publisher.
Food Focus Thailand Magazine
8
FOOD FOCUS THAILAND
8_Editorial.indd 8
DEC 2017
18/3/2562 BE 20:59
Japanese & European Quality for Safety and Delicious Food Ham & Sausage Line: อุตสาหกรรมผลิตแฮมและไส้กรอก
Marinated Machine
Hot Smoke House System Intensive Chiller System High Speed Vacuum Stuffer Line
Vacuum Bowl Cutter Tumbler
Vacuum Stuffer + Semi Auto Clipper
Grinder
Emulsifier
Slicer: เครื่องสไลซ์/หั่น
Packaging: เครื่องบรรจุ
Vacuum Mixer
Injector
Other Machine: เครื่องจักรอื่นๆ
Horizontal Packing
Semi-Frozen Slicer
Dumplings Line: ไลน์ผลิตติ่มซำ�
Encrusting Machine
Vegetable Slicer
Thermoformer
เกี๊ยวซ่า
Battering and Breader Machine
Fryer
Find a map and directions to the new office here.
Automatic and Table Top Shaomai Forming Machine
Visit us at 4th-9th May 2019 FRANKFURT, GERMANY
Hall 9 Stand A30 Address: 1970, 1971, 1972 Moo 1, Sukhumvit Road, Tel: 0 2026 3543, 0 2117 3658 Soi Sukhumvit 74, Samrongnuea Sub-District, Fax: 0 2117 3659 MueangSamutprakan District, Samutprakan 10270 E-mail: sales@hitec-th.com contact@hitec-th.com Thailand Website: www.hitec-th.com, www.hitec-jp.com
New Location
ad_Hi-tec final.indd 1
18/3/2562 BE 17:59
BOARD OF CONSULTANTS Sakchai Sriboonsue D.V.M., LB.
President of the Milk Board Dairy Farming Promotion Organization of Thailand
Visit Limlurcha
Chairman Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries
Visit Limprana
Honorary Advisor Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries
Pattra Maneesin, Ph.D.
Director Thai Packaging Centre Thailand Institute of Scientific and Technological Research
Asst. Prof. Anadi Nitithamyong, Ph.D.
President Food Science and Technology Association of Thailand (FoSTAT)
Assoc. Prof. Winai Dahlan, Ph.D. Founding Director The Halal Science Center Chulalongkorn University
Assoc. Prof. Sombat Chinawong, Ph.D.
Director Institute of Food Research and Product Development Kasetsart University
Yongvut Saovapruk President National Food Institute Ministry of Industry
Phanit Laosirirat, Ph.D. Executive Director Thailand Productivity Institute
Assoc. Prof. Ratchanee Kongkachuichai, Ph.D. Director Institute of Nutrition Mahidol University
Prof. Visith Chavasit, Ph.D.Â
Institute of Nutrition, Mahidol University
Assoc. Prof. Sittiwat Lertsiri, Ph.D. Dean Faculty of Science Mahidol University
Poj Aramwattananont, Ph.D. President Thai Frozen Foods Association
Pravith Chotiprayanakul
CEO GS1 Thailand The Federation of Thai Industries
Asst. Prof. Akkharawit Kanjana-Opas, Ph.D. CEO Food Innopolis
ENDORSEMENT Food and Drug Administration Ministry of Public Health
Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries
National Food Institute Ministry of Industry
10_Endorsements final.indd 10
Thailand Institute of Scientific and Technological Research
Thailand Productivity Institute Ministry of Industry
Thai Packaging Centre Thailand Institute of Scientific and Technological Research
Office of Small and Medium Enterprises Promotion
Food Science and Technology Association of Thailand
Thai Frozen Foods Association
The Halal Science Center Chulalongkorn University
GS1 Thailand The Federation of Thai Industries
Institute of Food Research and Product Development Kasetsart University
RFID Institute of Thailand The Federation of Thai Industries
Faculty of Agro-Industry Kasetsart University
Food Innopolis National Science Technology and Innovation Policy Office
18/3/2562 BE 21:00
IFC_ad_Hi-Cook.indd 62
19/12/2561 BE 16:54
ADVERTISING INDEX
ADVERTISING INDEX
April 2019 Service Info
Company
Page No.
3M Thailand Limited
B019
17
Betagro Science Center Co., Ltd.
B050
13
BSI Group (Thailand) Co., Ltd.
B444
41
Dhawath Technology Systems Co., Ltd.
B251
IBC
Ecolab Ltd.
B073
47
Food and Hotel Asia 2020
B179
53
Food Focus Thailand Roadmap # 47: Covenience Foods Edition
19
Food Ingredients Asia 2019
B233
31
GNT Group B.V.
B464
29
Hi-Cook (Thailand) Co., Ltd.
B325
11
Hitec Food Equipment Co., Ltd.
B290
9
I.P.S. International Co., Ltd.
B006
7
B318
BC
Intelligent Warehouse 2019
B456
45
KH Roberts (Thailand) Co., Ltd.
B231
25
Krones AG
B104
27
Mettler-Toledo (Thailand) Ltd.
B010
39
MT Food Systems Co., Ltd.
B292
51
Newly Weds Foods (Thailand) Limited
B302
3
IFFA 2019
Productivity and Food Safety Roadshow @ Chonburi
23
Productivity and Food Safety Roadshow @ Chiang Mai
21
Thailand Beer Industry Guild (TBIG)
B380
37
VLAM FRIES
B503
IFC
Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. T +66 2192 9598 E sales@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com
12
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
12_Index new.indd 12
20/3/2562 BE 12:06
ad_Betagro Sci.indd 1
22/1/2562 BE 14:08
STAR ITEMS
Sodium Acid Sulfate Natural Food Acid
Safety Storage Cabinets DIN EN 14470-2 Standard
Dashi Marinade Sauce Authentic Japanese Sauce
โซเดียมแอซิดซัลเฟต (SAS) เป็นกรดธรรมชาติ ที่ ใ ช้ ใ นอาหาร มี คุ ณ สมบั ติ พิ เ ศษในการลด ค่ า ความเป็ น กรดด่ า งได้ โ ดยที่ ไ ม่ ท� ำ ให้ เ กิ ด รสชาติ เ ปรี้ ย ว ซึ่ ง ท� ำ ให้ เ กิ ด เป็ น ผลิ ต ภั ณ ฑ์ นวัตกรรม นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก หลายประการ ได้แก่ ลดเวลาและอุณหภูมิ ที่ ต ้ อ งการในกระบวนการให้ ค วามร้ อ น ลดปริมาณโซเดียมในอาหารได้โดยช่วยเพิ่ม รสชาติของเกลือ และลดปริมาณการใช้สารให้ ความหวานในอาหารได้ ถึ ง ร้ อ ยละ 15 โดย ไม่ลดความหวาน
ตู้ส�ำหรับจัดเก็บถังก๊าซแรงดันตามมาตรฐาน DIN EN 14470-2 ที่สามารถทนไฟได้ในระดับ สูง จึงสามารถช่วยชะลอการแพร่กระจายของไฟ และลดความเสี่ ย งในการระเบิ ด ของถั ง ก๊ า ซ แรงดันได้อย่างดี
Dashi Marinade Sauce ซอสหมักต�ำรับญี่ปุ่น ใช้หมักกับเนื้อสัตว์ต่างๆ รสชาติกลมกล่อม ที่หลอมรวมกลิ่นหอมแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึก ราวกับลิม้ ลองซุปราเม็งขนานแท้ ช่วยสร้างสรรค์ เมนูได้อย่างลงตัว ลดต้นทุน ลดเวลา เหมาะ ส� ำ หรั บ อุ ต สาหกรรมไก่ แ ปรรู ป ส่ ง ออกญี่ ปุ ่ น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ ภายใต้ การผลิตทีผ่ า่ นการรับรองมาตรฐานระดับสากล ทั้ง BRC Issue 7, GMP, HACCP และ Halal
Safety storage cabinets for storing pressurized gas cylinders which designed and constructed in accordance with DIN EN 14470-2. This special storage will help slow down the fire and prevent it from spreading out reducing risk of explosion and further damage.
Sodium Acid Sulfate (SAS) is a natural food acid with the unique ability to lower pH without generating a sour taste, which enables product innovation. Other benefits include reduced time and temperature required in the thermal processes, reduced sodium content by enhancing the flavor of salt, and reduced sweetener content by up to 15% with no reduction in sweetness.
By: Praya Quality Co., Ltd.
www.okuno-auromex.com
14
By: Official Equipment Manufacturing Co., Ltd. www.official.co.th
Dashi Marinade Sauce, Japanese authentic recipe for your umami meat menus. Specially created to get a good taste and optimized the cost. This product is absolutely made for value-added processed chicken industry aiming for export to Japan. Beside the quality in taste and unique flavor, the sauce is also processed under international standard, BRC issue 7 , GMP , HACCP and Halal, certified factory.
By: Arcadia Foods Co., Ltd. www.arcadiafoods.co.th
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
14-15_Star Items.indd 14
20/3/2562 BE 11:57
STAR ITEMS
Tsuyu Japanese Style Soup
RoboQbo Model Qbo15-4
Tunnel Metal Detectors for Conveyors
“ซูยุ” น�้ำซุปสไตล์ญี่ปุ่น ท�ำจากปลาโบนิโตะ แห้ง ปรุงรสด้วยโคอิคุชิโชยุ และน�้ำตาล มีสี เข้ม เหมาะกับอาหารประเภท ดงบุริ โอเด้ง และโซบะ เพราะจะช่วยเพิ่มรสชาติและสีสัน ไปในคราวเดียวกัน ในขณะที่ซุปปลาชนิดสี อ่อน “ชิโรดาชิ“ จะถูกปรุงรสด้วยยูซคู ชุ โิ ชยุ ซึง่ มีสีอ่อนกว่า เหมาะกับเมนูไข่ตุ๋น ไข่ม้วน และ อูด้ง ชิโรดาชิจะให้ได้รสชาติที่ดี พร้อมคงสี ดั้งเดิมของอาหารไว้
RoboQbo โมเดล Qbo15-4 เครื่องผสมและ ปรุ ง อาหารล�้ ำ สมั ย ที่ ส ามารถท� ำ หน้ า ที่ ไ ด้ หลากหลายครบในเครื่องเดียว เหมาะส�ำหรับ การผลิตขนาดเล็กถึงกลาง และงานในระดับ ห้องปฏิบตั กิ าร ซึง่ สามารถให้ผลัพธ์ทเี่ พอร์เฟค เป็นเนือ้ เดียวกัน และปรุงสุกสม�ำ่ เสมอ มีคณ ุ ภาพ นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีการให้ความร้อน จากไอน�้ ำ แบบ APS (Advanced Power Steam) RoboQbo จึงสามารถช่วยคงไว้ซึ่ง สารอาหารได้อย่างครบถ้วน และยังท�ำให้ สามารถใช้ในการท�ำให้เข้มข้นอย่างยิ่งยวด เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์ให้เข้มข้น โดยไม่ท�ำลายสีจากธรรมชาติได้อย่างดี
เครื่ อ งตรวจจั บ โลหะแบบอุ โ มงค์ ส� ำ หรั บ สายพานล�ำเลียง สามารถใช้งานร่วมกับระบบ สายพานล�ำเลียง เป็นโซลูชนั การตรวจจับโลหะ ในสายการผลิตทีส่ ามารถตรวจจับและคัดแยก โลหะได้ทุกประเภท รวมถึงสเตนเลสที่มีเหล็ก และไม่มเี หล็ก หรือแม้แต่สเตนเลสชนิดทีต่ รวจ จับยาก ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีการปนเปื้อนถึงมือผู้บริโภคขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ยังมี โครงสร้างทีท่ นทานได้มาตรฐาน และมาพร้อม ประสิทธิภาพการตรวจจับโลหะทีม่ คี วามเสถียร เชื่ อ ถื อ ได้ และสม�่ ำ เสมอ ซึ่ ง ช่ ว ยให้ ผู ้ ผ ลิ ต สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และ คุณภาพของกระบวนการผลิตให้เหมาะสมทีส่ ดุ
RoboQbo Model Qbo15-4 is designed for small productions and R&D laboratories tasks. The machine can create a perfect, even, and extremely rapid cooking. Thanks to the APS heating system (Advanced Power Steam), RoboQbo Model Qbo15-4 can preserve the nutritional properties of food. Ultra rapid product concentration processes can be carried out in just a few minutes enhancing strong aromas without altering natural colours.
Tunnel metal detectors can be integrated with conveyor systems to provide in-line metal detection solutions which are capable of detecting and rejecting all types of metal including ferrous, non-ferrous and even difficult to detect grades of stainless steel, preventing contaminated products from reaching end consumers. These tunnel metal detectors also incorporate robust construction standards to provide stable, reliable, and consistent metal detection performance allowing manufacturers to optimize product and process quality.
By: MT Food Systems Co., Ltd.
By: Mettler-Toledo (Thailand) Ltd.
“Tsuyu” is a Japanese style soup made from Katsuo (dried-bonito) then seasoned by Koikuchi shoyu (Common soy sauce) and sugar. Tsuyu provides taste along with color, and is suitable for Donburi, Oden and Soba. Meanwhile, “Shirodashi”, light color Tsuyu made from Usukuchi shoyu (Light color soy sauce), will maintain an original color of the delicate dishes such as Chawanmushi (Japanese steam egg), Dashimaki Tamago (Japanese omelet), and Udon.
By: Yamamori Trading Co., Ltd. www.yamamoritrading.com
www.mtfs.co.th
www.mt.com
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 14-15_Star Items.indd 15
15
20/3/2562 BE 11:57
7-8 NATURAL & ORGANIC PRODUCTS EUROPE 2019 @ London, England E kanokwan@blithailand.com W www.naturalproducts.co.uk 24-26 FOOD & HOTEL VIETNAM 2019 @ Ho Chi Minh City, Vietnam E annie.tran@ubm.com W www.foodnhotelvietnam.com
2019
2
Chon Buri April 26th
JUNE
9-11 EUVEND & COFFEENA 2019 @ Cologne, Germany W www.euvend-coffeena.com
APRIL
PRODUCTIVITY & SAFETY ROADSHOW
26-28 HOTEL PLUS - SHANGHAI HOSPITALITY DESIGN & SUPPLIES EXPO 2019 @ Shanghai, China E helen.fan@ubmsinoexpo.com W www.hdeexpo.com
14-16 SIAL CHINA 2019 @ Shanghai, China E info@sialchina.cn rudee@francothaicc.com (Franco-Thai Chamber of Commerce) W www.sialchina.com 21-24 SEOUL FOOD & HOTEL 2019 @ KINTEX, Seoul, Korea E tom.poole@ubm.com (kanokwan@blithailand.com) W www.seoulfoodnhotel.co.kr
4-9 IFFA 2019 @ Frankfurt, Germany E info@thailand.messefrankfurt.com W www.iffa.com 7-9 VITAFOODS EUROPE 2019 @ Geneva, Switzerland E susie.wang@informa.com W www.vitafoods.eu.com 7-9 SEAFOOD EXPO GLOBAL 2019 @ Brussels, Belgium E hturcotte@divcom.com W www.seafoodexpo.com 7-10 HOFEX (BIENNIAL) 2019 @ Hong Kong E exhibit@hofex.com (Exhibiting) visit@hofex.com (Visiting) W www.hofex.com www.hongkong.prowineasia.com 7-10 PROWINE ASIA 2019 @ Hong Kong E exhibit@hofex.com (Exhibiting) visit@hofex.com (Visiting) W www.hofex.com www.hongkong.prowineasia.com
16
5-7 FOOD & HOTEL MYANMAR 2019 Co-located with COFFEE & TEA MYANMAR 2019 @ Yangon, Myanmar E fraser.hawkes@ubm.com supaporn.a@ubm.com W www.foodandhotelmyanmar.com 9-11 BREWING CONFERENCE BANGKOK 2019 @ BITEC, Bangkok, Thailand E hendel@vlb-berlin.org (Olaf Hendel) Chonlada_m@boonrawd.co.th W www.brewingconference.com
24-26 IFEX PHILIPPINES 2019 @ Manila, The Philippines E ifexphilippines@citem.com.ph W www.ifexphilippines.com 47
9
11-14 EXPOVINIS BRAZIL 2019 @ Sao Paulo, Brazil E visitante.fev@informa.com W www.expovinis.com.br 11-14 FISPAL FOOD SERVICE 2019 @ Sao Paulo, Brazil E falecom@informa.com W www.fispalfoodservice.com.br
30 APRIL – 2 MAY SIAL CANADA 2019 @ Toronto, Canada E jlesongeur@expocanadafrance.com (kanokwan@blithailand.com) W www.sialcanada.com
MAY
5-7 SIMA ASEAN THAILAND 2019 @ IMPACT, Nonthaburi, Thailand E ajjimar@impact.co.th W www.sima-asean.com
12-15 PROPAK ASIA 2019 @ BITEC, Bangkok, Thailand E piyaporn.l@ubm.com W www.propakasia.com
24 May 2019 @ Challenger Hall, IMPACT By Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. T +66 2192 9598 E contact@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com
28 MAY – 1 JUNE THAIFEX – WORLD OF FOOD ASIA 2019 @ Challenger Hall, IMPACT, Nonthaburi Thailand E l.how@koelnmesse.com.sg W www.worldoffoodasia.com 29-31 INTERFOOD ASTANA 2019 @ Astana, Kazakhstan E zdorovie@iteca.kz (kanokwan@blithailand.com) W www.interfoodastana.kz/en
29-31 CHINA FRUIT LOGISTICA 2019 @ Shanghai, China E pimpornravee@gp-events.com info@gp-events.cn W www.chinafruitlogistica.cn
19-21 FOOD INGREDIENTS ASIA – CHINA (Fi ASIA-CHINA) 2019 Co-located with PROPAK CHINA 2019, FOODPACK CHINA 2019 @ Shanghai, China E lydia.ma@ubmsinoexpo.com W www.figlobal.com/asia-china/home 19-22 FOOD TAIPEI, FOODTECH & PHARMATECH TAIPEI, TAIPEI PACK, TAIWAN HORECA & HALAL TAIWAN 2019 @ Taipei, Taiwan E foodtaipei@taitra.org.tw W www.foodtaipei.com.tw 25-28 FISPAL TECNOLOGIA 2019 @ Sao Paulo, Brazil E falecom@informa.com W www.fispaltecnologia.com 26-28 MALAYSIA INTERNATIONAL FOOD & BEVERAGE (MIFB) 2019 @ Kuala Lumpur, Malaysia E mifb@sphereexhibits.com.my W www.mifb.com.my 27-29 EXPO FOOD GUANGZHOU 2019 @ Guangzhou, China E paul.chen@ubmsinoexpo.com W www.fggle.com
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
16-18_Schedule of Event.indd 16
18/3/2562 BE 20:31
3M Clean-Trace™ Hygiene Monitoring and Management System
อย่าเสียเวลาไปกับ... การตรวจสอบที่ไร้ประสิทธิภาพ ถึงเวลาเปลี่ยนมาเป็น 3M Clean-Trace™ Hygiene Monitoring and Management System ที่ออกแบบมาให้ พร้อมใช้งานได้ทันที พกพาไปในบริเวณพื้นที่ ที่ผลิตได้สะดวก ใช้งานง่าย พร้อมใช้งานได้ทันที สามารถโค้งงอไปตาม พื้นที่ที่เข้าถึงยาก
ซอฟต์แวร์ ออกแบบ ให้ ใช้งานง่าย
เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สาย ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ ออกแบบโดยค�ำนึงถึง หลัก Ergonomic จับถนัดมือ น�้ำหนักเบา สามารถใช้เครื่องได้ ด้วยมือเดียว
2018-003127
แผนกผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัยของอาหาร บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย จ�ำกัด
ชั้น 12 อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ 159 ถนนอโศกมนตรี แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ : 0 2260 8577 ต่อ 1305 www.3M.com/foodsafety/us
ad_3M_Apr.indd 1
18/3/2562 BE 18:10
SEMINAR & TRAINING 30 JUN -2 JUL SUMMER FANCY FOOD SHOW 2019 @ New York, U.S.A. E membership@specialtyfood.com W www.specialtyfood.com
April 1-5 By
CQI and IRCA Certified ISO 9001:2015 Lead Auditor Training Course British Standard Institution (BSI)
JULY
1-5 By
CQI and IRCA Certified ISO 45001:2018 Lead Auditor Training Course British Standard Institution (BSI)
1-3
HOTELEX BEIJING 2019 FINE FOOD BEIJING 2019
4 By
Risk Management for ISO 14001:2015 British Standard Institution (BSI)
Co-located with EXPO BAKERY & ICE CREAM BEIJING 2019
@ E W
EXPO COFFEE & TEA BEIJING 2019 Beijing, China hotelex@ubmsinoexpo.com www.en.hotelex.cn/shanghai-exhibition
9-10 By
ISO 14001:2015 Implementation British Standard Institution (BSI)
10 By
National Food Institute
11 By
National Food Institute
23 By
National Food Institute
23 By
Handling Difficult & Demanding Customer Thailand Productivity Institute
24-25
Strategic Risk & Opportunity Management
By 25 By 29 By
Modern Supply Chain & Logistics Management Thailand Productivity Institute
30
Voice of Customer: VOC Customer Insight
By
Strategic Thinking Thailand Productivity Institute
9-12 FOOMA JAPAN 2019 @ Tokyo, Japan W www.foomajapan.jp 11-14 TFBO & TRAFS 2019 COFFEE, BAKERY, ICE CREAM 2019 RESTAURANT/RETAIL 2019 HOSPITALITY/RETAIL 2019 @ BITEC, Bangkok, Thailand E unchalee@kavinintertrade.co.th W www.thailandfranchising.com www.thailandhoreca.com 24-27 FOOD & HOTEL INDONESIA 2019 @ Jakarta, Indonesia E wiwiek@pamerindo.com W www.foodhotelindonesia.com 24-27 INTELLIGENT WAREHOUSE 2019 @ IMPACT, Nonthaburi, Thailand E jenkit@expolink.net W http://intelligent-warehouse.com
AUGUST 15-17 MYANMAR FOODBEV 2019 @ E W
การสอบเทียบเครื่องชั่งอิเล็กทรอนิกส์ มาตรการป้องกันการก่อการร้ายทางอาหาร การออกแบบและการวางผังโรงงาน
Environmental & Safety Law British Standard Institution (BSI) Effective Quality Management Representative (QMR) British Standard Institution (BSI)
Co-located with MYANMAR RETAIL EXPO 2019 Yangon, Myanmar info@icvex.com www.myanmarfoodbev.com
28-30 NATURAL & ORGANIC PRODUCTS ASIA (NOPA) 2019 @ Wanchai, Hong Kong E exhibit@naturalandorganicasia.com (Exhibiting) visit@naturalandorganicasia.com (Visiting) kanokwan@blithailand.com (Thai Representative) W www.naturalproducts.com.hk www.naturalandorganicasia.com
CONTACT British Standard Institution (BSI) T 0 2294 4889 E infothai@bsigroup.com
National Food Institute (NFI) T 0 2422 8688 E dujduan@nfi.or.th
Thailand Productivity Institute T 0 2619 5500 # 451-455 E training@ftpi.or.th
18
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
16-18_Schedule of Event.indd 18
18/3/2562 BE 20:31
47
9
24 May 2019
@ Challenger Hall, IMPACT
Make Customers' Lives More Convenient In fast-paced society nowadays, most people are looking for fast, easy and palatable foods to fit a busy lifestyle. And, of course, convenience foods are one of the answers. The global RTE food market, according to Business Wire, is expected to grow at a 21.8% CAGR during 2018-2023. Convenience foods are commercially prepared (often through processing) for ease of consumption. Food products designated as convenience foods are often sold as hot, ready-to-eat dishes; as ambient temperature, shelf-stable products; or as refrigerated or frozen food products that require minimal preparation. So, how to produce convenience foods conveniently? This seminar will help you for ease of production, R & D, QC & QA, and so on.
What’s New & What’s Next
Ease of Innovative Processing & Packaging
Main Sponsor:
Ease of Standard & Regulation
Co-sponsor:
Display:
Organized:
Official Publication:
For more information, please contact
Chalinee 08 6368 0506 ad_Convenience 2019_A4.indd 1
18/3/2562 BE 22:21
SPECIAL TALK BY FDA ส�ำนักอาหาร ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข Bureau of Food Food and Drug Administration Ministry of Public Health food@fda.moph.go.th
กฎระเบียบด้านอาหารล่าสุดที่มีผลบังคับใช้ การปรับปรุงข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหาร: ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ.2561
เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5)
สืบเนื่องจากในปี พ.ศ.2559 ส�ำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตร และอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ดำ� เนินการปรับปรุงข้อมูลการบริโภค อาหารของคนไทยให้เป็นปัจจุบัน และสามารถสะท้อนสถานการณ์ จริงของรูปแบบการบริโภคของคนไทยทีเ่ ปลีย่ นแปลงไป ประกอบกับ คณะกรรมาธิการโคเด็กซ์ (Codex Alimentarius Commission; CAC) ในการประชุมครั้งที่ 40 ให้การรับรองข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหารเพิ่มเติมซึ่งเสนอโดยคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขา วัตถุเจือปนอาหาร (Codex Committee on Food Additives; CCFA) เพื่อก�ำหนดเป็นมาตรฐานทั่วไปส�ำหรับวัตถุเจือปนอาหารของโคเด็กซ์ (General Standard for Food Additives; GSFA 2017) ดังนั้น เพื่อให้ข้อก�ำหนดการใช้วัตถุเจือปนอาหารมีความเหมาะสมตาม ความจ� ำ เป็ น ทางด้ า นเทคโนโลยี ก ารผลิ ต อาหารสอดคล้ อ ง สถานการณ์ปัจจุบันและแนวทางสากล ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ ในการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น กระทรวงสาธารณสุข โดยส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงออก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) โดยมีสาระส�ำคัญดังนี้ 20
1. ยกเลิกบัญชีหมายเลข 1 (ข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหาร) และบัญชี หมายเลข 2 (ค�ำอธิบายเนื้อหาในบัญชีหมายเลข 1) แนบท้ายประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ.2559 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 4) และให้ใช้บัญชีแนบท้ายประกาศ ฉบับนี้แทน โดยมีสาระส�ำคัญดังนี้ การใช้วัตถุเจือปนอาหาร ต้องใช้ตามชื่อวัตถุเจือปนอาหาร หมวดอาหาร หรือชนิดอาหาร หน้ า ที่ ท างด้ า นเทคโนโลยี ก ารผลิ ต และปริ ม าณสู ง สุ ด ที่ อ นุ ญ าตที่ ก� ำ หนดไว้ ต ามบั ญ ชี หมายเลข 1 โดยมีค�ำอธิบายเพิ่มเติมตามบัญชีหมายเลข 2 แนบท้ายประกาศฯ ฉบับนี้ บัญชีหมายเลข 1 ประกอบด้วยข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหารตามชื่อ วั ต ถุ เ จื อ ปนอาหาร หมวดอาหาร หรื อ ชนิ ด อาหาร หน้ า ที่ ท างด้ า นเทคโนโลยี ก ารผลิ ต ปริมาณสูงสุดทีอ่ นุญาต เงือ่ นไข และปีทรี่ บั ค่าก�ำหนด โดยเรียงล�ำดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ (A ถึง Z) ของรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร ในกรณีที่ข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหารนั้นอนุญาตการใช้ในหมวดอาหาร หมวดใหญ่ วัตถุเจือปนอาหารนั้นสามารถใช้ได้ในทุกหมวดย่อยภายใต้หมวดอาหารดังกล่าว ในทางกลับกันหากข้อก�ำหนดเงื่อนไขการใช้วัตถุเจือปนอาหารนั้นก�ำหนดให้ใช้ในหมวดย่อย จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะในหมวดย่อยดังกล่าวเท่านั้น บัญชีหมายเลข 2 ประกอบด้วยค�ำอธิบายเนื้อหาในบัญชีหมายเลข 1 โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
20-23_Special talk by FDA.indd 20
18/3/2562 BE 20:53
SPECIAL TALK BY FDA ส่วนที่ 1: ก�ำหนดรหัสของหมวดอาหาร และค�ำอธิบายหมวดอาหาร ส่วนที่ 2: ข้อก�ำหนดเพิ่มเติม (เงื่อนไข) ในการใช้วัตถุเจือปนอาหาร ชนิดนั้นๆ 2. การพิจารณาเกีย่ วกับการใช้วตั ถุเจือปนอาหารในกลุม่ หน้าทีเ่ ดียวกัน รวมกันตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป และการพิจารณากรณีที่มีการใช้วัตถุเจือปนอาหารที่แตกต่างไปจากที่ประกาศฯ ฉบับเลขที่ 389 ก�ำหนดไว้ รวมถึง ข้อก�ำหนดการไม่ใช้บงั คับส�ำหรับอาหารควบคุมเฉพาะ หรืออาหารทีก่ ำ� หนด คุณภาพหรือมาตรฐานซึ่งได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขก�ำหนดการใช้ วัตถุเจือปนอาหารไว้แล้วเป็นการเฉพาะ ให้ยังคงปฏิบัติตามข้อก�ำหนดของ ประกาศฯ ฉบับ 381 เช่นเดิม ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ตามประกาศส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง ค�ำชี้แจงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) ซึ่งได้จัดท�ำค�ำอธิบาย เพิ่มเติมไว้ เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร ดังนี้ บัญชีหมายเลข 1: ค�ำอธิบายกลุ่มหน้าที่ทางด้านเทคโนโลยีการผลิต บัญชีหมายเลข 2: การค�ำนวณสัดส่วนการใช้วัตถุเจือปนอาหารที่มี การก� ำ หนดปริ ม าณสู ง สุ ด ที่ อ นุ ญ าตเป็ น ตั ว เลขในกลุ ่ ม หน้ า ที่ เ ดี ย วกั น รวมกันตั้งแต่สองชนิดขึ้นไป บั ญ ชี ห มายเลข 3: การค� ำ นวณตามข้ อ ก� ำ หนดเพิ่ ม เติ ม (เงื่ อ นไข) ในการใช้วัตถุเจือปนอาหารชนิดนั้นๆ บัญชีหมายเลข 4: วิธีการค�ำนวณปริมาณวัตถุเจือปนอาหารในสภาพ พร้อมบริโภค
บัญชีหมายเลข 5: แนวทางการพิจารณาวัตถุเจือปนอาหารที่ตกค้างหรือ ติดมากับวัตถุดิบ (Carry over) บัญชีหมายเลข 6: ตัวอย่างชนิดอาหารจ�ำแนกตามหมวดอาหาร บัญชีหมายเลข 7: ข้อก�ำหนดเงือ่ นไขการใช้เฉพาะทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงจาก ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ. 2559 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 4) 3. ระยะเวลาบังคับใช้ 3.1 ผู้ผลิตหรือผู้น�ำเข้าอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารได้รับอนุญาตอยู่ก่อน วันทีป่ ระกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ.2559 เรือ่ ง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 4) มีผลบังคับใช้ (21 ธันวาคม พ.ศ.2559) และมีการใช้วตั ถุเจือปนอาหาร แตกต่างไปจากเงือ่ นไขทีก่ ำ� หนดไว้ตามประกาศฯ ฉบับเลขที่ 389 โดยข้อก�ำหนด เงือ่ นไขดังกล่าวมีปที รี่ บั ค่าก�ำหนดเป็นปี พ.ศ.2559 จะต้องปฏิบตั ใิ ห้ถกู ต้องตาม ประกาศฯ ฉบับเลขที่ 389 ภายในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2561 3.2 ผู้ผลิตหรือผู้น�ำเข้าอาหาร ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารได้รับอนุญาตอยู่ก่อน วันทีป่ ระกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 381 พ.ศ.2561 เรือ่ ง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) มีผลบังคับใช้ (26 กรกฎาคม พ.ศ.2561) และมีการใช้วัตถุเจือปนอาหารแตกต่างไปจากเงื่อนไขที่ก�ำหนดไว้ตามประกาศฯ ฉบับเลขที่ 389 โดยข้อก�ำหนดเงื่อนไขดังกล่าวมีปีที่รับค่าก�ำหนดเป็นปี พ.ศ.2561 จะต้อง ปฏิบัติให้ถูกต้องตามประกาศฯ ฉบับเลขที่ 389 ภายในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2563
2
2019
Chon Buri April 26th
PRODUCTIVITY & SAFETY ROADSHOW • Boost Productivity Let’s find the ways and management tools to improve your productivity.
• Better Food Safety Let’s learn how to prevent food adulteration to protect your company reputation and consumers. Sponsored by:
Asia Drug & Chemical
Organized by:
Official Publication:
Chalinee 08 6368 0506 APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
21
SPECIAL TALK BY FDA
The Most Recently Enforced Food Regulations
Revision of the Regulations on the Usage of Food Additives: The Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018)
Re: Food Additives (No.5)
In 2016, the National Bureau of Agricultural Commodity and Food Standards (ACFS) updated the data on food consumption of Thai nationals which consequently reflected the real situations of Thai consumers’ changing behaviors. Additionally, in the 40th Session of the Codex Alimentarius Commission (CAC), additional conditions for food additive usage proposed by the Codex Committee on Food Additives (CCFA) were finally adopted in order to establish the General Standard for Food Additives (GSFA 2017). Therefore, to improve the effectiveness of consumer protection and to make the food additive usage requirements response better to the technological needs of food production, current situations, and international standards, the Ministry of Public Health, via the Food and Drug Administration, thusly prescribed the Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018) Re: Food Additives (No.5) with the key contents as follows: 1. The annex I (Requirements on the usage of food additives) and the annex II (Explanations of the content in the annex I) of the Notification of the Ministry of Public Health (No.381) B.E.2559 (2016) Re: Food Additives (No.4) shall be repealed and replaced with the annex of this Notification with the following principal details: The usage of food additives shall be carried out in accordance with the names of food additives, the categories or types of food, the technological functions, and the maximum limit amount stipulated in the annex I as well as in the additional explanations in the annex II of this Notification. The annex I consists of the requirements for the usage of food
22
additives in accordance with the names of food additives, categories or types of food, functions classes, maximum permitted use level, notes, and adopted years. The food additives shall be listed in alphabetical order (A to Z). In case where an additive is recognized for use in a general category, it is recognized for use in all its sub-categories. In contrast, when an additive is recognized for use in a sub-category, its use is recognized in only under such sub-category or individual foodstuffs mentioned in such sub-category. The annex II consists of additional description of the annex I, divided into 2 sections; Section 1: Description of food categories Section 2: Description of notes 2. The condition of use mixture of two or more food additives performing the same functional classes, the safety evaluation in case that usage of food additives is not complied with the Notification of MOPH (No.389), and the exception of enforcement for the specific controlled food or prescribed food quality or standard which have requirements to use of food additives addressed in the relevant Notifications of the Ministry of Public Health are still maintained for implementation as issued in the Notification of MOPH (No.381). Further information can be obtained from the Announcement of the Food and Drug Administration Re: The Explanations of the Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018) Re: Food Additives (No.5) wherein the following additional
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
20-23_Special talk by FDA.indd 22
18/3/2562 BE 20:53
SPECIAL TALK BY FDA clarifications are provided in order to ensure clarity on any actions to be taken on food additive-related matters: Annex I: The explanations of functional classes for food additive Annex II: The proportion calculation for use of two or more food additives determined by numerical maximum use level permitted in the same functional class. Annex III: The calculation methods for specific notes on the use of some food additives Annex IV: The calculation methods for the use of food additives in ready-to-eat products Annex V: The guidelines for food additives that as a result of carry-over from raw materials. Annex VI: The examples of food items grouped as per the food category system Annex VII: The revised condition of use of particular food additives which are different with the Notification of MOPH (No. 381) 3. Enforcement Period 3.1 Manufacturers or importers of foods whose food products have been granted approval prior to the effective date of the 21st of December B.E.2559 (2016) of the Notification of the Ministry of Public Health (No.381) B.E.2559 (2016) Re: Food Additives (No.4) and whose usage of food additives deviates from the conditions designated in B.E.2559 (2016) and stated in the Notification No.389 must strictly fulfill the conditions of the Notification No.389 within the 21st of December B.E.2561 (2018). 3.2 Manufacturers or importers of foods whose food products have been granted approval prior to the effective date of the 26th of July B.E.2561 (2018) of the Notification of the Ministry of Public
Health (No.381) B.E.2561 (2018) Re: Food Additives (No.5) and whose usage of food additives deviates from the conditions designated in B.E.2561 (2018) and stated in the Notification No.389 must strictly fulfill the conditions of the Notification No.389 within the 26th of July B.E.2563 (2020).
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง/Relevant Regulation ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2561 สืบค้นได้จาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ PDF/2561/E/178/1.PDF ประกาศส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง ค�ำชี้แจงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 389 พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) ลงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2561 สืบค้นได้จาก http://www.fda.moph.go.th/sites/food/FoodAdditives/P389.pdf The Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018) Re: Food Additives (No. 5), dated the 21st of June B.E.2561 (2018) Available at: http://www. ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/E/178/1.PDF [Thai Version] Announcement of the Food and Drug Administration Re: The Explanations of the Notification of the Ministry of Public Health No.389 B.E.2561 (2018) RE: Food Additives (No. 5), dated the 7th of August B.E.2561 (2018) Available at: http://www. fda.moph.go.th/sites/food/FoodAdditives/P389.pdf
3
2019
Chiang Mai June 26th
PRODUCTIVITY & SAFETY ROADSHOW • Boost Productivity Let’s find the ways and management tools to improve your productivity.
• Better Food Safety Let’s learn how to prevent food adulteration to protect your company reputation and consumers. Sponsored by:
Organized by:
Official Publication:
Chalinee 08 6368 0506 APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 20-23_Special talk by FDA.indd 23
23
18/3/2562 BE 20:54
SPECIAL FOCUS
โลกยุค 4G ในปัจจุบัน มีนวัตกรรมอาหารที่เปลี่ยนไป เพราะ ความต้องการของผูบ ้ ริโภคทีป ่ รับเปลีย ่ นไปตามรูปแบบการใช้ ชีวติ ของคนในยุคดิจทิ ลั นี้ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารแปลกใหม่ จะเกิดขึ้นอีกมาก อันเป็นการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกอนาคต ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจเครื่องดื่มที่จะมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับ วิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์การตลาด เครื่องดื่มยุคใหม่ที่มีนวัตกรรมการผลิตเป็นตัวขับเคลื่อน ผู้ผลิตจ�ำเป็นต้องมีการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ โดยพิจารณา จากเทรนด์หรือแนวโน้มการบริโภคเครื่องดื่มของคนในยุคนี้ เมื่อวิเคราะห์ค่านิยมการบริโภคเครื่องดื่มของผู้คนยุคใหม่นี้ สามารถคาดการณ์ ถึ ง ผลิ ต ภั ณ ฑ์ เ ครื่ อ งดื่ ม ที่ จ ะได้ รั บ ความนิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษนี้ ได้แก่
In the 4G era, food innovations are transforming as consumers are leaning towards the digital lifestyle. New and intriguing food innovations are emerging, marking the next step to the future, and beverage is no exception. Beverage must be repositioned to fit in with consumers’ altering lifestyles and behaviours, and at the same time, be responsive to the new marketing methods that is evolving around manufacturing innovations. Manufacturers must revise their recipes, hence follow the trend, and analyse consumption values to predict the most popular beverages of the coming decades. However, here are some predictions for the coming years;
Beverage Trends in the 4G Era
เทรนด์ของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในยุค 4G ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กฤษกมล ณ จอม Assistant Professor Kriskamol Na Jom, Ph.D. Department of Food Science and Technology Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University kriskamol.n@ku.ac.th
24
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
24-27_Special Focus_Kriskamol.indd 24
18/3/2562 BE 20:21
SPECIAL FOCUS
เครื่องดื่มโปรตีน / Protein Drinks เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมโปรตีนไอโซเลทส�ำหรับผู้ที่ออกก�ำลังกาย หรือ เครื่องดื่มผสมโปรตีนจากพืช ถือเป็น เทรนด์ส�ำคัญในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถ ทดแทนผลิตภัณฑ์นมและส่วนผสมที่ไม่พึง ประสงค์ได้ เครือ่ งดืม่ โปรตีนได้รบั ความนิยม เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ เครื่ อ งดื่ ม เวย์ และเครื่ อ งดื่ ม โปรตี น จาก ถั่วลันเตา ซึ่งคาดว่าสินค้าเครื่องดื่มโปรตีน จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสูตรส่วนผสมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึง การติดฉลากแจ้งปริมาณน�้ำตาลถือเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรง ในสหรัฐอเมริกา พบว่าเรื่องภาษีโซดากลายเป็นเครื่องมือหารายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นของ ประเทศ ผู้ผลิตเครื่องดื่มจึงต่างหาแนวทางเพื่อลดปริมาณน�้ำตาลโดยไม่ให้ กระทบต่อรสชาติดว้ ยการใช้เทคโนโลยีการปรับรส เพือ่ เพิม่ การรับรูค้ วามหวาน แม้จะไม่มีส่วนผสมของน�้ำตาล Beverages containing protein isolates for sport players and plant-protein beverages are considered a significant trend these days. The protein drinks become replacing dairy products and unwanted ingredients. As a matter of fact, protein drinks have become increasingly popular in the past couple of years, especially whey and pea protein drinks. It is likely that protein drinks will develop continuously, particularly in terms of sugar content. In the US, it is found that Soda Tax is a new way for local government to gain money from beverage manufacturers, and the latter is looking for ways to reduce sugar content using flavoring technology in order to maintain the sweetness despite the lower existence of sugar.
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสมอง / Nootropics
ศั พ ท์ เ ทคนิ ค ส� ำ หรั บ เรี ย ก เทรนด์เครือ่ งดืม่ เพือ่ บ�ำรุงสมอง และสุ ข ภาพในยุ โ รป เรี ย กว่ า Nootropics ซึ่งจริงๆ แล้วผู้บริโภคมีความคุ ้ น ชิ น กั บ Functional drinks ที่ ใ ห้ ประโยชน์สุขภาพมาสักระยะหนึ่งแล้ว เช่น กาแฟผสมโสม สมุนไพร หรือรากพืช สกัด ใช้การสกัดครีมผสมในกาแฟจากอัลมอนด์ ถัว่ เหลือง น�ำ้ นมถัว่ ดาวอินคา น�้ำดื่มว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มหญ้าหวาน น�้ำเชอร์รี น�้ำผึ้งมะนาว เป็นต้น ซึ่ง เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค นอกจากนี้ เทรนด์ที่ก�ำลัง มาแรง คือ เครื่องดื่มให้ความผ่อนคลาย หรือแม้กระทั่งหลับสบาย เช่น เครื่องดื่ม จากพืชที่มีสารเซโรโทนิน (Serotonin) หรือเมลาโทนิน (Melatonin) เป็นต้น “Nootropics” is European technical term for brain boosters and healthy drinks. In fact, consumers are already familiar with this kind of functional drinks such as coffee with ginseng, herbs, or root extract, almond coffee cream, soy bean milk, Sacha Inchi milk, aloe vera drink, stevia drink, cherry juice, and honey lemon drinks. A no lesser popular trend is sleep booster such as drinks with serotonin extract or melatonin extract.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 24-27_Special Focus_Kriskamol.indd 25
25
18/3/2562 BE 20:21
SPECIAL FOCUS
เครื่องดื่มสมุนไพรท้องถิ่นของแต่ละประเทศ /
Local Herbal Drinks from Each Country วัตถุดิบจ�ำพวกสมุนไพรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศต่างๆ มี แนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากแปลกใหม่ รสชาติอร่อย และช่วย ส่งเสริมสุขภาพ โดยมีข้อมูลระบุว่าระหว่างปี 2556-2560 เครื่องดื่มสมุนไพรจะมี การตลาดเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 20 เช่น น�้ำอัญชัน น�้ำขิง น�้ำกระวาน เป็นต้น Herbs are unique in various countries and they are on their way to popularity due to their exotic, tasty and healthy qualities. Data collected between 2013–2017 reveals that market for herbal drinks expanded more than 20% with flagship products such as butterfly pea juice, ginger juice, and cardamom juice.
เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้พลังงาน /
Healthy Energy Drinks เครื่ อ งดื่ ม เพื่ อ สุ ข ภาพที่ ใ ห้ พ ลั ง งาน โดยลดปริมาณน�้ำตาลโดยไม่ให้กระทบ ต่อรสชาติด้วยการใช้เทคโนโลยีการปรับรส โดยอาจใช้ สารให้ความหวานทีม่ าแทนน�ำ้ ตาลหรือใช้สารสกัดหรือ น�้ำสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากเห็ด สารสกัด จากธัญชาติ สารสกัดจากกัวรานา และสารสกัด จากธรรมชาติ อี ก มากมายที่ ใ ห้ พ ลั ง งานและ ความสดชืน่ ท�ำให้กระปรีก้ ระเปร่า มีพลังเรีย่ วแรง กลับคืนมาเมื่อผู้ดื่มเสียเหงื่อมาก โดยปรับให้มี น�้ำตาลต�่ำ และติดฉลากแจ้งปริมาณน�้ำตาล
Pro-health energy drinks, which reduce sugar content but maintain the sweet taste, are more leaning towards flavoring technology. In these drinks, manufacturers replace sugar with other substitutions such as sugar extracting from mushroom, grains, guarana, and other natural resources. Nonetheless, these extracts can also bring side effects such as energy and freshness to drinkers, making them feel alert and energized after losing sweats. Label clarifying sugar content is also crucial for this kind of drinks.
เครื่องดื่มที่มีเนื้อสัมผัส / Texture Drinks
ผู ้ บ ริ โ ภคปั จ จุ บั น มี ก ารยอมรั บ ในผลิ ต ภั ณ ฑ์ เ ครื่ อ งดื่ ม แนวใหม่ทไี่ ด้รสู้ กึ หรือสัมผัสถึงเนือ้ สัมผัส หรือ Texture ของ เครือ่ งดืม่ ได้ เช่น ชาชีส ทีท่ ำ� ให้ชาไทยหรือชาเขียวธรรมดา มีเนื้อสัมผัสขึ้นมา ท�ำให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น หรือ น�้ ำ กะทิ พ ร้ อ มดื่ ม ที่ ใ ส่ วุ ้ น มะพร้ า วที่ ไ ด้ รั บ ความนิ ย ม อย่างมากในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน Consumers these days are open to new products that they can get the feeling of its texture. Cheese tea, for example, makes normal Thai tea or green tea more fascinating with a different texture. Ready to drink coconut milk with coconut jelly is also another drink on the rise, especially among Chinese consumers.
เครื่องดื่มสุขภาพเพื่อความงาม /
Healthy Drinks for Beauty เป็นเครื่องดื่มที่เน้นเรื่องความสวยงาม ความสดใส หุ่นดี หุ่นสวย ซึ่งผู้บริโภคมีความคุ้นชินกับผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เช่น เครื่องดื่มผสมคอลลาเจน น�้ำอัดลมแคลอรีต่�ำ น�้ำมะเขือเทศ น�้ำเบอร์รีชนิด ต่างๆ น�้ำลูกพรุน น�้ำอะโวคาโด น�้ำทับทิม เป็นต้น ซึ่ง เครือ่ งดืม่ สุขภาพเพือ่ ความงามเหล่านี้ จะเติบโตและมี การพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนือ่ ง These drinks emphasize on beauty, brightness and beautiful body. And consumers are familiar with this kind of beverage for a while; collagen drinks, low calories soda, tomato juice, berries juice, prune juice, avocado juice, and pomegranate juice, etc. These healthy drinks are likely to expand and develop into new products relentlessly.
เครื่องดื่มที่มีสีธรรมชาติ / Drinks with Natural Colors
ผู้บริโภคเครื่องดื่มยังคงให้ความสนใจในสีสันของเครื่องดื่มเช่นเดิม แต่เครื่องดื่มที่มีสีสันแปลกใหม่โดยเป็นสีสันอันเกิด จากวัตถุดิบธรรมชาติท�ำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มดูน่าสนใจขึ้น จะเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ได้เป็นอย่างดี ผู้ผลิตเครื่องดื่มในปัจจุบันจึงควรสรรหาวัตถุดิบและใช้สีจากธรรมชาติ เช่น สีเขียวหรือสีฟ้าน�้ำทะเลจาก ชามัทฉะ สีชมพูแดงจากดอกกระเจี๊ยบ สีม่วงน�้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากเก็กฮวย เป็นต้น นอกจากจะให้ความรู้สึกถึง ความปลอดภัยแล้ว สีสนั จากธรรมชาติเหล่านีย้ งั มีสารออกฤทธิท์ างชีวภาพจากพืชทีช่ ว่ ยส่งเสริมสุขภาพและท�ำให้รสู้ กึ ผ่อนคลาย ในขณะดื่มได้อีกด้วย Though color is crucial for consumers to choose a beverage, but color from natural sources makes the drink even more interesting. The trend is a direct response to the new generation of consumers who carefully select beverage for health. Manufacturers, thus, should delicately pick color from natural ingredients such as green or teal from Matcha tea, pink or red from roselle, purple or blue from butterfly pea, and yellow from chrysanthemum. The natural color does not only make the customers feel safe, but also gives biological effects that make consumers feel relax while sipping the sip.
26
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
24-27_Special Focus_Kriskamol.indd 26
18/3/2562 BE 20:21
SPECIAL FOCUS
เครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม /
Beverages with Environmentally Friendly Packaging ผูบ้ ริโภคในปัจจุบนั มีทศั นคติรว่ มกันในการอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อมและธรรมชาติมากขึน้ ความต้องการบรรจุภณ ั ฑ์ เป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม ท�ำให้เกิดการเลือกใช้บรรจุภณ ั ฑ์สำ� หรับเครือ่ งดืม่ ทีส่ ามารถกินได้ โดยสกัดมาจากสาหร่าย หรือพืชบางชนิด หรือบรรจุภณ ั ฑ์แก้วกาแฟกระดาษทีม่ กี ารบรรจุเมล็ดพันธุพ์ ชื เพือ่ เป็นกุศโลบายไม่ให้ทงิ้ เป็นขยะ แต่สามารถ น�ำกลับไปลงดินหรือใช้เป็นกระถางส�ำหรับปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ขึ้นมาได้ Consumers in this generation share common attitude on saving the planet earth. The demand for environmentally friendly packaging has shoot for edible packaging – like those made of seaweed or plants – to be on the rise. Paper coffee cup containing plant seeds also encourages consumers not to throw it away but turn it into plant pot or dust it into soil.
ดังนัน้ เทรนด์เครือ่ งดืม่ ทีม่ าแรง จะเชือ่ มโยงกับ วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติหรือแนวคิดที่เกี่ยวข้อง กับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่ อ งจากกระแสการดู แ ลสุ ข ภาพของผู ้ บ ริ โ ภค ในปัจจุบันเป็นหลัก นั่นหมายความว่านวัตกรรม ที่พัฒนาขึ้นส�ำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มคงต้อง รองรั บ การพั ฒ นาสู ต รส่ ว นผสมที่ มี วั ต ถุ ดิ บ จาก ธรรมชาติมากขึ้นด้วย ซึ่งจะท�ำให้มีการสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มต่างๆ ให้มีความหลากหลาย รูปแบบมากยิ่งขึ้น Accordingly, beverage trends in the mainstream will be more and more linked to natural materials or the concept of preserving environment and nature due to health concerns among consumers. Therefore, beverage innovations will need to be constantly developed, with more additions of natural ingredients, to provide more varieties to cure the market’s thirst.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 24-27_Special Focus_Kriskamol.indd 27
27
18/3/2562 BE 20:21
นด์
gazine .com
SPECIAL FOCUS
George Glass
Compiled and Translated By: กองบรรณาธิการ
นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์
Editorial Team
Food Focus Thailand Magazine editor@foodfocusthailand.com
กลิ่นรสที่มาแรง
ส�ำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล
ในบรรดาเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่มีมากมายในตลาดนั้น กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลได้กลายเป็นกลุ่มเครื่องดื่มที่ทรงอิทธิพลและมาแรงมาก ทีส่ ดุ เนือ่ งจากผูบ้ ริโภคหันมาเลือกดืม่ ในสิง่ ทีด่ กี ว่าส�ำหรับสุขภาพของพวกเขา แต่การทีค่ ณ ุ ประโยชน์ทางด้านสุขภาพนัน้ จะถูกตาต้องใจ กับผู้บริโภคทั้งเสริมสร้างพลังงาน ช่วยการนอนหลับ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน หรือแม้แต่การลดน�้ำหนักก็ตาม ล้วนน�ำมาซึ่งความท้าทาย ในการผลิตสูตรเครื่องดื่มที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลนั้นต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษในเรื่องกลิ่นรส เนื่องจากต้องการปกปิดรสขมและกลิ่นที่ไม่ต้องการอันเป็นผลมาจากอินกรีเดียนท์ที่เลือกน�ำมาใช้ในเครื่องดื่มนั่นเอง
มองภาพรวมตลาดและแนวโน้มการเติบโต
ก่อนจะล้วงลึกไปถึงอินกรีเดียนท์ทมี่ าแรง มาดูทศิ ทางด้านการตลาดสักเล็กน้อย โดยจากการวิจยั การตลาด Future Market Insights ได้คาดการณ์วา่ มูลค่าตลาด เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลทั่วโลกจะเติบโตสูงถึงร้อยละ 6.3 ตั้งแต่ปี 2561 ถึง 25661 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดต้องยกให้กับอเมริกาเหนือ รองลงมาคือเอเชียแปซิฟิก และยุโรป โดยเป็นทีจ่ บั ตาว่าตลาดในภูมภิ าคเอเชียแปซิฟกิ และตะวันออกกลาง2 จะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปอย่างแน่นอน นอกจากในกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลหลักๆ อย่างเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน เครื่องดื่มส�ำหรับนักกีฬา ผลิตภัณฑ์นมฟังก์ชันนัล และผลิตภัณฑ์นมทางเลือก แล้วนัน้ น�ำ้ ผักและผลไม้ ชา กาแฟ ตลอดจนน�ำ้ ดืม่ ต่างๆ ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึง่ ของเครื่องดื่มกลุ่มดังกล่าวไปแบบง่ายๆ และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการใช้ ส่วนผสมพรีมกิ ซ์ทางโภชนาการ เรียกได้วา่ เครือ่ งดืม่ ธรรมดาๆ ก็สามารถกลายเป็น เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลที่พร้อมเสิร์ฟคุณค่าให้กับผู้บริโภคได้ไม่ยากเลยทีเดียว
ส่วนผสมฟังก์ชันนัลที่ได้รับความนิยม
การเติมสารอาหารในเครื่องดื่มนั้นมีตั้งแต่การเติมวิตามิน แร่ธาตุ ซึ่งเติมไปตาม ปริมาณที่ขาด ไปจนถึงการเติมอินกรีเดียนท์ยอดนิยมอย่างเช่น ขมิ้น ถ่านชาร์โคล คอลลาเจน แคนนาบินอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มของสารที่พบเฉพาะในกัญชาและก�ำลัง 28
เริ่มได้รับความสนใจในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม กลุ่มอินกรีเดียนท์ ที่ยังคงได้รับความสนใจมากที่สุดในการน�ำมาเติมแต่งในเครื่องดื่ม ได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ กรดไขมันโอเมก้า-3 กรดอะมิโน สมุนไพรและสารสกัดสมุนไพรต่างๆ ชา กาแฟ รวมถึง สารสกัดที่ได้จากชาและกาแฟ ตลอดจนสารสกัดจากซูเปอร์ฟรุต นอกจากนี้ การใช้อินกรีเดียนท์ผสมหลายๆ ชนิดก็ได้รับการพัฒนาสูตร ให้เป็นในรูปแบบพรีมิกซ์อินกรีเดียนท์เพื่อให้ง่ายต่อการน�ำไปใช้กับเครื่องดื่ม แม้ว่าจะมีการพัฒนาปรับสูตรโดยใช้อินกรีเดียนท์ฟังก์ชันนัลเพื่อตอบโจทย์ ความต้องการด้านสุขภาพและสุขภาวะทีด่ ใี นแบบเฉพาะทางของผูบ้ ริโภคได้แล้ว แต่สิ่งที่เป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ก็คือ การกลับมาซื้อซ�้ำของผู้บริโภค ดังนั้น เรื่องของรสชาติจึงเป็นสิ่งส�ำคัญที่ผู้ผลิต ต้องค้นหาให้เจอว่าจะสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพนี้อย่างไรให้อร่อย
ปรุงแต่งกลิ่นให้เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล
เครือ่ งดืม่ ฟังก์ชนั นัลมีความท้าทายหลักๆ ในเรือ่ งของการเอาชนะกลิน่ รสขม หรือ กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ อันเกิดจากอินกรีเดียนท์ที่น�ำมาใช้ โดยเทคโนโลยีหนึ่งที่ น่าสนใจก็คือกระบวนการห่อหุ้มอินกรีเดียนท์ที่เป็นสารส�ำคัญไว้ด้วยไขมัน หรื อ พอลิ เ มอร์ ใ ห้ อ ยู ่ ใ นรู ป ของแคปซู ล ชั้ น บางๆ เรี ย กว่ า เทคโนโลยี ไ มโคร-
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
28-30_Special Focus_Beverage.indd 28
18/3/2562 BE 19:48
SPECIAL FOCUS เอนแคปซูเลชัน เพื่อปกปิดกลิ่นรสที่ไม่ต้องการ หรืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับ ความนิยมคือการใช้เทคโนโลยีด้านกลิ่นรส เช่น สารที่ช่วยกลบกลิ่นรสขม เครื่ อ งดื่ ม ฟั ง ก์ ชั น นั ล ยั ง สามารถพั ฒ นาปรั บ สู ต รโดยใช้ ก ลิ่ น รสขม โดยธรรมชาติ เช่น กาแฟ ช็อกโกแลต กระวาน หรือเกรพฟรุต เพื่อให้กลิ่นรส นั้นเข้ากันได้ดีกับฟังก์ชันนัลอินกรีเดียนท์หลักที่เลือกใช้โดยที่ไม่ขัดแย้งกัน หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือการใช้กลิ่นรสสมุนไพร เช่น ขิงหรือพริกคาเยน หรือกลิน่ รสหอมหวานอย่างคาราเมลมัคคิอาโต หรือเมเปิล ก็สามารถใช้เพือ่ การกลบกลิ่นรสของฟังก์ชันนัลอินกรีเดียนท์ที่ไม่ต้องการได้เช่นกัน
เทรนด์กลิ่นรสที่มาแรงส�ำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล
ด้วยความท้าทายในเรื่องกลิ่นรสตามที่กล่าวมานั้นก็น�ำมาสู่การเฟ้นหา กลิ่นรสที่จัดว่าเลิศที่สุดส�ำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลในปีนี้ ซึ่งก็คือ... กลิ่นซิตรัส – เกรพฟรุต ส้ม ส้มคลีเมนไทน์ เลมอน มะกรูด และส้มจี๊ด หรือมะนาวฟิลิปปินส์ พริก – พริกคาเยน ชิลลิ พริกจาลาปิโน พริกฮาบาเนโร เครื่ อ งเทศเอเชี ย - ขิง กระวาน ชาจากอินเดียที่มีส่วนผสมของ เครื่องเทศ (จาย) และสมุนไพรห้าชนิดของจีน กลิ่นดอกไม้ - เอลเดอร์ กระเจี๊ยบ มะลิ ดอกเก๊กฮวยขาว กลิ่นน�้ำตาลหอมหวาน – น�้ำผึ้ง คาราเมล เมเปิล อิทธิพลของชาวเอเชียทีโ่ ดดเด่นและเห็นได้ชดั ก็คอื การรวมกลิน่ รสของ มะกรูดและส้มจี๊ดหรือมะนาวฟิลิปปินส์ในการแต่งกลิ่นรสซิตรัส การผสมผสานของเครื่องเทศอินเดียและจีน และกลิ่นดอกไม้ที่ได้รับความนิยม มากทีส่ ดุ ของจีนซึง่ ได้ขยายความนิยมไปถึงสหรัฐอเมริกาแล้วเช่นกัน การใช้ พริกรสชาติเผ็ดร้อนในเครื่องดื่ม หรือโดยส่วนมากมักใช้ร่วมกับกลิ่นผลไม้ เช่น มะนาว หรือมะม่วงนั้น ก็เป็นรูปแบบของการสร้างสรรค์ส่วนผสม ที่เข้ากันในแบบละตินโบราณ ซิตรัสและกลิ่นดอกไม้เข้ากันได้เป็นอย่างดีส�ำหรับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ผลไม้รวม เครื่องดื่มเติมความสดชื่น และเครื่องดื่มให้พลังงาน ในขณะที่ เครือ่ งเทศตามแบบฉบับของชาวเอเชียและกลิน่ น�ำ้ ตาลหอมหวานนัน้ เข้ากัน ได้ดีกับชา กาแฟ และกาแฟลาเต้
ความส�ำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่รสชาติ
ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยระดับโลกที่ใช้เครื่องเทศแปลกใหม่หรือการดื่มด�่ำ ความหอมหวานอันชวนให้คิดถึง ผู้บริโภคก็ยังคงมองหาเครื่องดื่มที่รสชาติ อร่อยอยู่เสมอ ผู้ผลิตเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลจะมีความท้าทายทางด้านกลิ่นรส อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็อย่าลืมว่ามีโซลูชันมากมายให้เลือกน�ำไปใช้ ตั้ งแต่ การท�ำไมโครเอ นแคปซู เลชั นเพื่อ ปกปิด กลิ่นรสขมที่ ไ ม่ต ้อ งการ ไปจนถึงการเลือกใช้กลิ่นรสอันชาญฉลาดเข้ารับกับเทรนด์ อย่างไรก็ตาม ผูผ้ ลิตเครือ่ งดืม่ ทีต่ อ้ งการผลิตเครือ่ งดืม่ ฟังก์ชนั นัลสามารถ ท�ำได้ในแบบที่ง่ายที่ สุด โดยการเลือกใช้พรีมิกซ์อินกรีเดียนท์ที่เป็นรูปแบบ พรีมกิ ซ์สำ� เร็จรูปตามสูตรส่วนผสมทีต่ อ้ งการ ซึง่ จะดีกว่าการใช้อนิ กรีเดียนท์ มาผสมเองที ล ะตั ว ที่ ส� ำ คั ญ คื อ ช่ ว ยท� ำ ให้ ก ารด� ำ เนิ น ธุ ร กิ จ นั้ น ง่ า ยขึ้ น รวมถึงกระบวนการผลิต การจัดซือ้ การจัดเก็บในคลังสินค้า และการควบคุม คุณภาพก็สามารถควบคุมได้โดยง่ายเช่นกัน APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 28-30_Special Focus_Beverage.indd 29
29
18/3/2562 BE 19:48
SPECIAL FOCUS
Top Flavor Trends
for Functional Beverages
Functional beverages have become a vital part of the ready-to-drink landscape as consumers shift to betterfor-you options. But providing health and wellness benefits like improved energy, sleep, immunity, or weight loss brings unique formulation challenges. Functional beverages require special attention to flavor to cover the bitter and off flavors often associated with functional ingredients.
Market Overview and Growth Forecast
According to Market Research Future, the global functional beverages market is forecast to grow at a CAGR of 6.3% from 2018 to 2023.1 Future Market Insights identifies North America as the largest market, followed by Asia-Pacific and Europe, with strong future growth expected in Asia-Pacific and the Middle East.2 While the largest segments of functional beverages are energy and sports drinks, functional dairy and dairy-alternative beverages, fruit and vegetable juices, teas, coffees, and waters have all become part of the ever-expanding category of functional beverages. By adding a custom nutrient premix, any beverage can be transformed into a functional beverage to provide more value to consumers.
Popular Functional Ingredients
Fortifications range from vitamins and minerals that address nutrient shortfalls to trendy ingredients like turmeric, activated charcoal, collagen, and cannabinoids, whose potential health benefits are still being explored. The most popular categories of functional ingredients include: vitamins, minerals, antioxidants, prebiotics, probiotics, omega-3 fatty acids, amino acids, herbs and herbal extracts, tea and coffee extracts, superfruit extracts. Any combination of these ingredients can be incorporated into a custom nutrient premix for easy addition to a beverage. Although formulating with functional ingredients addresses consumers’ demand for customized health and wellness, repeat purchase is largely driven by taste, so it’s critical to find a delicious way to deliver those health benefits.
How to Flavor a Functional Beverage
Functional beverages have unique flavor challenges in overcoming the often bitter or unpleasant tastes of functional ingredients. One useful technology is microencapsulation, a process that coats the ingredient particles (often with an oil or edible wax) to mask their taste and odor. Another option is the use of flavor technology, such as bitter maskers. A functional beverage can also be formulated with inherently bitter flavors (such as coffee, chocolate, cardamom, or grapefruit) to work with the ingredients rather than against them. Alternatively, spicy flavors (like ginger or cayenne) or sweet, indulgent flavors (like caramel macchiato or maple) can be used to mask the off tastes of functional ingredients.
30
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
28-30_Special Focus_Beverage.indd 30
Trending Flavors in Functional Beverages
With those flavor challenges in mind, the most promising flavors for functional beverages this year are: Citrus flavors – grapefruit, orange, clementine, lemon, kaffir lime, and calamansi Peppers – cayenne, chili, jalapeno, and habanero Asian spices – ginger, cardamom, chai, and Chinese five spice Floral flavors – elderflower, hibiscus, jasmine, and chrysanthemum Sweet brown flavors – honey, caramel, and maple A marked Asian influence can be seen in the inclusion of kaffir lime and calamansi in trending citrus flavors, the mainstreaming of Indian and Chinese spices, and the expansion of China’s most popular floral flavors into the U.S. The use of hot peppers in beverages (often in conjunction with fruit flavors like lime or mango) represents a bold and inventive use of traditional Latino ingredients. Citrus and floral flavors work especially well for functional juice blends, enhanced waters, and energy drinks, while Asian spices and sweet brown flavors complement functional teas, coffees, and coffee lattes.
The Taste of Success
Whether it’s a global adventure in exotic spices or sweet nostalgic indulgence, consumers are always looking for beverages that taste great. Functional beverage manufacturers have some unique flavor challenges but a variety of solutions as well—ranging from microencapsulation to bitter maskers to smart flavor selection. For beverage manufacturers that want in on functional beverages, using a custom nutrient premix makes it easy. Buying a custom nutrient premix, rather than several individual ingredients, simplifies a number of business operations including production, purchasing, warehousing, and even quality control.
เอกสารอ้ างอิง/References 1 Market Research Future. Global Functional Beverages Market Information: by Type, Distribution Channel, Function, and Region – Global Forecast Till 2023. Retrieved from https://www.marketresearchfuture.com/reports/functional beverages-market-1863 2 Future Market Insights. Functional Beverages Market: Global Industry Analysis and Opportunity Assessment 2014 – 2020. Retrieved from https://www. futuremarketinsights.com/reports/global-functional-beverages-market
18/3/2562 BE 19:48
ad_Fi Asia 2019.pdf
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
1
11/3/2562 BE
17:12
SPECIAL FOCUS
เทรนด์เครื่องดื่มปีนี้...
กัญชา มาแรง ติดอันดับทุกชาร์ต
นวัตกรรมก�ำลังเกิดขึ้นในทุกส่วนของอุตสาหกรรม และในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มนั้น นวัตกรรมเข้ามา มีบทบาทกับชีวิตของผู้คนมากกว่าที่เราคาดไม่ถึง การพยากรณ์ไปข้างหน้าเป็นการยากที่จะทราบว่ามี อะไรอยู่ แต่นี่คือแนวโน้มที่เราคาดหวังว่าจะมีบทบาทส�ำคัญในตลาดเครื่องดื่มในปี 2562
ฝ่ายบริการเทคนิคและประกันคุณภาพ Technical Service and Quality Assurance Department IPS International Co., Ltd. IPS.TSQA@gmail.com
1. Personalized Functionality
ผู้บริโภคจ�ำนวนมากให้ความสนใจดื่มเครื่องดื่มเพื่อประโยชน์ต่อ สุขภาพมากขึ้น จากวัตถุดิบใหม่ๆ เช่น ขมิ้น ผงถ่าน ชาเขียวมัทฉะ สารเมลาโทนิน และว่านหางจระเข้ ที่เติมลงในเครื่องดื่ม ส่วนผสม เหล่านี้จะถูกเติมเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ เช่น วิตามิน และอาหารเสริม เพื่อให้ผู้บริโภครับประทานได้ง่ายขึ้น ได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบาย และเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของ ผูบ้ ริโภคส�ำหรับกลุม่ เป้าหมายทีเ่ น้นสุขภาพโดยรวม จากการศึกษาข้อมูล ทางการตลาด ผู้บริโภคมักสนใจเครื่องดื่มที่ช่วยสนับสนุนเรื่อง การนอนหลับที่ดีขึ้น การให้พลังงาน เสริมความสามารถในการรับรู้ และความจ�ำ ผิวพรรณและความสวยงาม การลดน�้ำหนักและสุขภาพของล�ำไส้ เป็นความต้องการที่ผู้บริโภคต้องการมากที่สุด 2. Plant-based, Non-dairy Beverages
ผูบ้ ริโภคจ�ำนวนหนึง่ มีวถิ ดี ำ� เนินชีวติ แบบทีเ่ รียกว่า Flexitarian คือ รับประทานมังสวิรัติแต่รับประทานเนื้อสัตว์ เช่น ปลา หรือ นม เป็นบางครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มปริมาณการรับประทาน ผลิตภัณฑ์อนื่ ๆ ทีเ่ ป็นผลิตภัณฑ์จากพืชมากขึน้ เนือ่ งจากผูบ้ ริโภค กลุ่มดังกล่าว มีความรับรู้ว่าผลิตภัณฑ์จากพืชท�ำให้มีสุขภาพ ที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์จากพืชมีการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 62 ทั่วโลก (CAGR 2013-2017) ตามตัวเลขจากกลุ่ม NDP และในขณะที่ความสนใจในมังสวิรัติ และวีแกนเพิ่มขึ้น แต่พบว่า ร้อยละ 86 ของผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์จากพืชยังคงเป็นผู้กินเนื้อสัตว์อยู่ ร้านกาแฟเป็นตัวอย่างของการเติบโตในผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น ครีมเทียมและนมจากพืช Datassential รายงานว่า ร้อยละ 83 ของผู้ที่รับประทานครีมเทียม สนใจครีมเทียมที่มาจาก ผลิตภัณฑ์พืช และร้อยละ 34 ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบ่อยๆ ผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น อัลมอนด์ ถั่วเหลือง และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของมะพร้าว เป็นผู้น�ำ ตลาดในประเภทที่มีตัวเลือกเฉพาะอย่างเช่น ถั่วลิสง ข้าวโอ๊ต และเมล็ดแฟลกซ์ เราอาจเห็นการบริโภคเครื่องดื่มที่ไม่มี นมวัวเพิม่ ขึน้ เช่น เครือ่ งดืม่ ทีท่ ำ� จากเมล็ดแฟลกซ์ เฮเซลนัท คีนัว ถั่วแมคคาเดเมีย และพีแคน 3. Cannabinoid Beverages
32
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
32-33_Special Focus_IPS.indd 32
Cannabidiol (CBD) เป็น Phytocannabinoid ค้นพบ ในปี 2483 เป็ น หนึ่ ง ใน Cannabinoids จ�ำนวน 133 ชนิด ที่ระบุในพืช กัญชาคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ของสารสกัด ในปี 2561 วิจัยทางคลินิกเบื้องต้นพบประโยชน์ของสาร 19/3/2562 BE 16:59
SPECIAL FOCUS สกั ด กั ญ ชาในเรื่ อ ง ลดความวิ ต กกั ง วล เพิ่มการเรียนรู้ ลดความผิดปกติของการ เคลื่อนไหวและลดความเจ็บปวด แนวโน้มในสหรัฐอเมริกาทีก่ ารจ�ำหน่าย กั ญ ชาเป็ น สิ่ ง ถู ก กฎหมาย ตั้ ง แต่ เ บี ย ร์ - กัญชา กัญชาสกัดเย็น และโซดาผสม THC (สารออกฤทธิ์อีกประเภทของกัญชาที่ส่ง ผลให้เคลิบเคลิ้ม) ซึ่งผู้ผลิตหลายรายได้ ก�ำลังท�ำการทดลองกับการใช้งานทีแ่ ตกต่าง กันของสารเหล่านี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพทาง ภูมิศาสตร์และระดับการยอมรับความเสี่ยง โดยใช้ CBD เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเพื่อ สุขภาพ ขณะเดียวกัน CBD ได้กลายมาเป็น ที่นิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ในปี 2561 และจะถูกจับตามองไปจนถึงปี 2562 แน่นอน 4.Nootropic Drinks
ค�ำว่า “Nootropics” ถูกกล่าวถึงครั้ง แรกในปี 2515 โดยนัก เคมี แ ละนั ก จิ ต วิ ท ยา ชาวโรมาเนีย Corneliu E. Giurgea Nootropics หมายถึงยาอาหาร เสริมและสารอื่นๆ ที่ช่วยปรับปรุงการ ท� ำ งานของระบบ สมองในด้านความรู้ความเข้าใจโดยเฉพาะ อย่ า งยิ่ ง บริ ห ารจั ด การ หน่ ว ยความจ� ำ ความคิดสร้างสรรค์หรือแรงจูงใจ ส่วนผสมเหล่านี้ทั้งสังเคราะห์และจาก ธรรมชาติ ก�ำลังก้าวเข้าสู่กลุ่มอาหารและ เครื่องดื่มทีละน้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่ าจะเป็ นไปในทิ ศทางที่ดี โดย เฉพาะอย่ า งยิ่ ง ในปี 2562 ส� ำ หรั บ การ- น�ำเสนอวัตถุดิบ Nootropics ในอุตสาหกรรม เครื่องดื่ม เช่น ไอโอดีน Theanine โคลีน ทอรี น และแมกนี เ ซี ย ม จะใช้ ร ่ ว มกั บ ส่วนผสมจากธรรมชาติเช่น สารสกัดจาก องุ่น คาวา โสม Perforate St John’s-wort สะระแหน่ อาร์ติโชค และชาเขียว
Up & Coming Beverage Trends in 2019 ...
Cannabis is Coming to The Top Rank Innovation is happening across every market segment, and beverages are fitting into more areas of people’s lives than we could have ever imagined. Looking ahead it’s difficult to know exactly what’s in store, but here are some of the trends we’re expecting will play a significant role in the beverage landscape in 2019. 1. Personalized Functionality
Consumers are increasingly drawn to functional beverages for the health benefits of superfood and various ingredients like turmeric, activated charcoal, Matcha, melatonin and aloe Vera into their drinks. It blends the beverage industry with vitamins and supplements, benefitting convenience and healthy grab-and-go options. Moving forward, new launches w ill reflect consumer demand for overall wellness goals. According to market study, Improved sleep, energy, cognitive function, beauty, weight loss and gut health will be
2. Plant-based, Non-dairy Beverages
More people are adopting a flexitarian lifestyle, incorporating meat, dairy but also an increasing volume of plant-based products into their diet. Consumers hold the perception that plant-based products are healthier in moderation and more sustainable than their animal-based counterparts. Plant-based product claims have grown 62% globally (CAGR 2013-2017) according to figures from NDP Group. And while interest in vegetarianism and veganism is increasing, 86% of people buying plant-based products are still meat-eaters. The coffee space illustrates the plant-based trend, with plant-based creamers and ‘milks’ finding an audience among flexitarians. Datassential reports that 83% of people who use creamer in their coffee are at least interested in using plant-based creamers or ‘milks’ and 34% already use them often. Almond, soy and coconut-based beverages lead the category with niche options like peanut, oat and flaxseed. We may see a rise in the consumption of certain nondairy beverages made from flaxseed, hazelnuts, quinoa, macadamia nuts, and pecans.
3. Cannabinoid Beverages
Cannabidiol (CBD) is a phytocannabinoid discovered in 1940. It is one of some 113 identified cannabinoids in cannabis plants, accounting for up to 40% of the plant’s extract. As of 2018, preliminary clinical research on cannabidiol included studies of anxiety, cognition, movement disorders, and pain. Looking at trends in the US where cannabis are legal sales from hemp beer to CBD cold brew and THC-infused soda, companies are experimenting with different uses and combinations of these compounds depending on their geography and risk tolerance CBD as an ingredient in functional wellness beverages. Meanwhile, CBD is set to become a popular ingredient in products across all beverage sectors. A new launches using CBD have sprung onto the market in 2018, driven perhaps by the novelty value, 2019 will see interest focus on CBD as a functional ingredient.
4. Nootropic Drinks
The term “nootropics” it was first mentioned in 1972 by Romanian chemist and psychologist Corneliu E. Giurgea. Nootropics are drugs, supplements, and other substances that may improve cognitive function, particularly executive functions, memory, creativity, or motivation, in healthy individuals These ingredients—both synthetic and natural—have been creeping into our food and beverage supplies gradually over the past few years, and 2019 is expected to be an especially good year for the introduction of novel nootropic beverages. Synthetic substances such as iodine, theanine, choline, taurine, and magnesium will share containers with natural ingredients such as grapeseed extract, kava, ginseng, Perforate St John’s-wort, lemon balm, artichoke extract, and green tea.
เอกสารอ้างอิง/References Beth Newhart. 5 December 2018. 2019 beverage trends: Top predictions for the coming year. Available source: https://www.beveragedaily.com/Article/2018/12/05/Top-five-predictions-for-2019-beverage-trends, Mar 1, 2019 Dan Macri. ND. What will we be drinking in 2019? – Up & Coming Beverage Trends. Available source: https://www. mydrinkbeverages.com/what-will-we-be-drinking-in-2019-up-coming-beverage-trends, Mar 1, 2019 Emily Page. 28 August 2018..Beverage industry trends for 2019 and beyond. Available source: https://www.newhope. com/products-and-trends/9-beverage-industry-trends-2019-and-beyond. Mar 1, 2019 APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
32-33_Special Focus_IPS.indd 33
33
19/3/2562 BE 17:00
SPECIAL FOCUS
โครเนส เอจี Krones AG
ผลิตภัณฑ์ประมาณร้อยละ 70 ของโรงกลั่นเบียร์ Faxe Brewery แห่งประเทศ เดนมาร์ก คือเบียร์กระป๋องซึง่ ส่วนใหญ่ผลิตเพือ่ การส่งออก ปัจจุบนั Faxe อาศัยเทคโนโลยีการบรรจุเครือ่ งดืม่ เทคโนโลยี สูงล่าสุด ที่มีอัตราก�ำลังการบรรจุ สู ง ถึ ง 72,000 หน่ ว ยภาชนะต่ อ ชั่วโมง ท�ำให้สามารถผลิตเบียร์ กระป๋องได้มากกว่าเดิม
Faxe Brewery ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2444 ในเมืองที่มีชื่อเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ Zealand (ซีแลนด์) ทางตะวันออกของประเทศเดนมาร์ก ในสมัยนั้น Faxe ถือเป็นหนึ่งในโรงกลั่นขนาดเล็กจ�ำนวนมากที่พบได้ในเดนมาร์ก และคงสถานะเช่นนั้นเป็นเวลาหลายทศวรรษตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง จนกระทั่งใน ช่วงยุค 70s (ประมาณ พ.ศ. 2513 – 2522) กิจการของ Faxe ไม่ได้ถูกจ�ำกัด อยู่แต่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้อีกต่อไป บริษัทเริ่มส่งเบียร์ออกขายทั่วประเทศ อาจกล่ า วได้ ว ่ า การเปลี่ ย นแปลงครั้ ง ส� ำคั ญ ที่ สุ ด ของบริ ษั ท เกิ ด ขึ้ น ในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นปีที่ Faxe ควบรวมกิจการเข้ากับ Jyske Bryggerie และ Royal Unibrew จนได้กลายเป็นกลุ่มบริษัทเครื่องดื่มและโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับสองของเดนมาร์กในปัจจุบัน ต่ อ มาในปี พ.ศ. 2560 เป็ น ปี ที่ บ ริ ษั ท ประสบความส� ำ เร็ จ มากที่ สุ ด ถ้าพิจารณาจากก�ำลังการผลิตของ Faxe Brewery เพียงเจ้าเดียว บริษัท สามารถผลิตเบียร์ได้ถงึ 2.3 ล้านเฮกโตลิตร และผลิตเครือ่ งดืม่ ไร้แอลกอล์ฮอล์ เครื่องดื่มที่ท�ำจากมอลต์ และไซเดอร์ได้ถึง 1.6 ล้านเฮกโตลิตร ตัวเลขเหล่านี้ รวมถึงสินค้าที่ถูกผลิตภายใต้ใบอนุญาตของเบียร์ Heineken และเครื่องดื่ม ไร้แอลกอล์ฮอล์ Pepsi-Cola ด้วย
เน้นส่งออก
Faxe ผลิตเวิร์ท (Wort) หรือของเหลวส�ำหรับท�ำเบียร์ได้มากถึง 23 ชนิด และมีสัดส่วนการส่งออกสูงมากโดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 ดังนั้น Royal Unibrew ซึง่ ขายเบียร์ให้กบั 75 ประเทศทัว่ โลกจึงถือเป็นผูส้ ง่ ออกเบียร์ทใี่ หญ่ ที่สุดของเดนมาร์ก
34
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
34-36_Special Focus_Krones.indd 34
ส่งออกเบียร์ให้กับ 26 ประเทศหลักซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป
เบียร์ร้อยละ 70 ของบริษัทถูกผลิตเพื่อการส่งออก และประมาณร้อยละ 30 จากส่วนนัน้ มีประเทศเยอรมนีเป็นจุดหมายปลายทาง ผูบ้ ริโภคชาวเดนมาร์ก นิยมน�ำเข้าเบียร์กลับมาในประเทศอีกครั้ง การน�ำเข้าแต่ละครั้งมีจ�ำนวน ไม่มากและไม่ตอ้ งเสียภาษี ทีเ่ ป็นเช่นนีก้ เ็ พราะภาษีเบียร์ของเดนมาร์กอยูใ่ น อัตราทีส่ งู กว่าเยอรมนีเกือบ 4 เท่า นีเ่ ป็นสาเหตุทที่ ำ� ให้บริษทั ใช้ไลน์การบรรจุ เบียร์กระป๋องที่รวดเร็วที่สุดในโรงงาน ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 90,000 กระป๋อง ต่อชั่วโมง จากบรรดาไลน์บรรจุทั้งหมด 4 ไลน์ เพื่อผลิตเบียร์ส�ำหรับส่งออก ไปต่างประเทศเท่านั้น ในประเทศเยอรมนี เบียร์ Faxe ที่เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมากที่สุดคือ แบบกระป๋อง 1 ลิตรซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “The Great Dane ส่วนใหญ่ หาซื้ อ ได้ ต ามร้ า นที่ พั ก ริ ม ทางมอเตอร์ เ วย์ แ ละตามเชนซู เ ปอร์ ม าร์ เ ก็ ต ความต้องการของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมา เบียร์กระป๋องชนิดนี้ผลิตขึ้นโดยใช้ไลน์การผลิตของโรงงานเอง ซึ่งมีอัตรา การบรรจุเบียร์ได้ 22,000 กระป๋องต่อชั่วโมง ประเทศทีน่ ำ� เข้าเบียร์ของ Royal Unibrew ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ คืออิตาลีซงึ่ เป็น ตลาดที่เบียร์เอลยี่ห้อ Ceres Strong Ale เป็นที่นิยมมาก ในบางช่วงของปี อาจมีรถขนส่งเบียร์ถึง 5 – 10 คันออกจากโรงงานในแต่ละวันเพื่อน�ำสินค้า ไปส่งที่ประเทศอิตาลีเพียงแห่งเดียว เรียกได้ว่าการสร้างโรงกลั่นและผลิต ไว้ที่อิตาลีก็อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า “แต่ประเด็นส�ำคัญคือผู้บริโภคชาว อิตาเลียนต้องการซือ้ เบียร์นำ� เข้าจากเดนมาร์กซึง่ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดงั้ เดิม” นาย Keld Norup Lauridsen หัวหน้าฝ่ายการผลิตและคลังสินค้ากล่าว “แต่เนื่องจากเรามีการปรับปรุงพัฒนาศักยภาพในการผลิตและปฏิบัติงาน อย่างต่อเนื่อง เราจึงยังคงสามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นๆ ในตลาดโลกได้”
19/3/2562 BE 17:07
SPECIAL FOCUS
ก้าวข้ามปัญหาด้านพื้นที่อันจ�ำกัด
เนือ่ งจากความต้องการสินค้าเพิม่ สูงขึน้ เรือ่ ยๆ ในช่วงหลายปีทผี่ า่ นมา Faxe จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มสายการบรรจุกระป๋องอีกหนึ่งสายซึ่งทุกวันนี้ถูกน�ำมา ใช้ผลิตเบียร์ ไซเดอร์ และเครื่องดื่มไร้แอลกอล์ฮอล์ มีอัตราการบรรจุอยู่ที่ 72,000 กระป๋องต่อชั่วโมง “ในแง่ของเครื่องดื่มไร้แอลกอล์ฮอล์ เราสามารถ ตอบโจยท์ดา้ นข้อจ�ำกัดของก�ำลังการบรรจุได้แล้ว ในส่วนของเบียร์ เรามีสาย การผลิตที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ที่ช่วยให้เราสามารถการบรรจุเพิ่มขึ้นได้ อีกราว 300,000 เฮกโตลิตร” นาย Keld Norup Lauridsen อธิบาย ความท้าทายทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ส�ำหรับฝ่ายบริหารด้านเทคนิคของ Faxe และ วิศวกรด้านการวางแผน1 คือการติดตั้งสายการบรรจุใหม่เข้าไปในพื้นที่ โรงงานปัจจุบนั เนือ่ งจากในหนึง่ โรงผลิตจะมีสายการบรรจุเดิมอยูแ่ ล้ว 9 สาย และทั้งหมดก็ถูกติดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่จ�ำกัดมากอยู่แล้ว “ประการแรก มันเป็นปัญหาเพราะเรามีพื้นเหลืออยู่น้อยมาก ประการ ที่ ส องคื อ เราต้ อ งติ ด ตั้ ง สายการบรรจุ ใ หม่ เ พิ่ ม เข้ า มาพร้ อ มทั้ ง ท� ำ การปรับเปลี่ยนที่จ�ำเป็นในด้านต่างๆ แต่ต้องไม่ไปกระทบกับความเร็วในการปฏิบัติงานของสายการบรรจุอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ด้วย” นาย Keld Norup Lauridsen กล่าว “นอกจากนี้ เรายังต้องรับมือกับระบบ SKU กว่า 700 SKUs ในสายการบรรจุอีกด้วย มันเป็นงานที่ซับซ้อนมาก” สุดท้าย สายการบรรจุเทคโนโลยีใหม่ก็ถูกติดตั้งจนเสร็จภายในเวลาหนึ่งปี โดยแบ่งเป็นสองเฟส ได้แก่ ส่วนแห้งและส่วนเปียก แม้ว่าสายการบรรจุใหม่นี้ มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับสายการบรรจุเดิมที่ ปัจจุบันสามารถบรรจุได้ประมาณ 40,000 กระป๋องต่อชั่วโมง แต่การติดตั้ง ก็จำ� เป็นต้องด�ำเนินไปตามรูปแบบและขัน้ ตอนเดียวกับสายการผลิตเดิมอืน่ ๆ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ท�ำให้ทางบริษัทตัดสินใจติดตั้งระบบเป็น 2 ระดับ
การติดตั้งในรูปแบบประหยัดพื้นที่
สายการบรรจุกระป๋องใหม่ ซึง่ มีอตั ราการบรรจุได้ประมาณ 72,000 กระป๋อง ต่อชั่วโมงนี้ถูกติดตั้งขึ้นในพื้นที่ 3 ส่วนของโรงผลิตโดยแบ่งเป็น 2 ระดับ โรงผลิตถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นทางลาดส�ำหรับล�ำเลียง กระป๋องและขวดแก้วใหม่เข้าสูส่ ายการบรรจุ เครือ่ งหยิบบรรจุภณ ั ฑ์ออกจาก 2 พาเลทโดยใช้วิธีกวาด (Container sweep-off depalletiser) ซึ่งสามารถ กวาดบรรจุภัณฑ์ออกได้ทีละมากๆ จะล�ำเลียงบรรจุภัณฑ์ไปยังระดับที่ 2 ซึ่งอยู่ด้านบน จากนั้นบรรจุภัณฑ์จะถูกส่งต่อไปด้วยการใช้แรงลมล�ำเลียง ไปเป็นระยะทางหลายร้อยเมตรจนถึงบริเวณส่วนเปียก (Wet end) ซึ่งอยู่ อีกฝั่งหนึ่งของโรงผลิต เมื่อถึงส่วนเปียก กระป๋องเปล่าจะถูกส่งผ่านเครื่องตรวจสอบกระป๋อง เปล่า3 (Empty-can inspector) ซึ่งก็อยู่ที่ชั้นบนเช่นกัน ในช่วงต้นของระบบ คัดแยกบรรจุภัณฑ์ (Container separation system) จ�ำเป็นต้องมีพื้นที่ 34-36_Special Focus_Krones.indd 35
ที่เหมาะสมส�ำหรับแยกและกันประเภทบรรจุภัณฑ์ออกจากกัน (Buffering section) บริเวณดังกล่าวถูกออกแบบมาให้เรียงตัวเป็นเส้นโค้งรูปตัว “S” เนื่องจากมีพื้นที่จ�ำกัด หลังจากนั้นกระป๋องจะถูกส่งผ่านเครื่องท�ำความสะอาดบรรจุภัณฑ์แบบเอียง (Tilted rinser) ลงไปชั้นล่างซึ่งมีเครื่องรับ บรรจุภณ ั ฑ์ (Infeed) รอรับอยูแ่ ละส่งต่อไปยังส่วนบรรจุเครือ่ งดืม่ (Can filler) ต่อไป ซึ่งระบบบรรจุเทคโนโลยีสูง4 นี้ประกอบด้วยวาล์วบรรจุเครื่องดื่มมากถึง 130 วาล์ว ทัง้ หมดใช้ระบบวัดการไหลของเครือ่ งดืม่ แบบพลังแม่เหล็กไฟฟ้า (Inductive flow meter) ที่มีความแม่นย�ำสูงและเหมาะส�ำหรับขั้นตอนบรรจุ ของเหลว จากนั้นกระป๋องที่ได้รับการบรรจุของเหลวเสร็จสิ้นแล้วจะถูก ตรวจสอบว่ามีระดับของเหลวที่ถูกต้องหรือไม่ก่อนที่จะถูกส่งต่อไปยังระบบ ท�ำความร้อน5 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ป้องกันไม่ให้เกิดการควบแน่น (Condensation) และกระป๋องจะถูกล�ำเลียงไปตามสายพานแนวตั้ง (Worm conveyor) เพื่อส่งต่อไปยังสายพานด้านบนที่น�ำไปสู่บริเวณแพ็คกระป๋อง (Packer) บริเวณแพ็คและจัดเรียงสินค้าลงพาเลทอยูใ่ นโซนตรงกลางของโรงผลิต หัวใจหลักของบริเวณนี้คือสถานีจัดกลุ่มด้วยระบบหุ่นยนต์ 6 (Robotic grouping station) และเครื่องจัดเรียงสินค้าลงพาเลท7 (Palletiser) ซึ่ง สามารถจัดเรียงสินค้าได้อย่างรวดเร็วและปริมาณมาก ในบริเวณแพ็คสินค้า กระป๋องจะถูกแพ็คลงในกล่องกระดาษแบบหุม้ รอบ (Wrap-around carton) หรือในหีบห่อแบบหดรัด (Shrink wrap) และถูกส่งผ่านสายพานแนวตั้งไป ยังสถานีจดั กลุม่ ด้วยระบบหุน่ ยนต์ซงึ่ ถูกติดตัง้ อยูด่ า้ นบน พาเลททีไ่ ด้รบั การ บรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้วจะถูกน�ำไปเก็บไว้ในคลังสินค้าที่มีความสูงหลาย ชั้น (High-bay warehouse) สายการบรรจุใหม่สามารถจัดการระบบ SKU (Stock Keeping Unit) ได้กว่า 100 SKUs โดยมีการแบ่งการปฏิบตั งิ านออกเป็น 3 กะในช่วงวันธรรมดา และเพิ่มอีก 1 กะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เรียกได้ว่ามีการใช้งานในส่วนนี้ เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ระบบผสมเครื่องดื่ม8 เป็นระบบที่ได้รับการติดตั้งใหม่ เช่นกัน แต่มนั ไม่ได้ถกู จ�ำกัดให้ใช้กบั สายการบรรจุใหม่ทเี่ พิง่ ติดตัง้ ขึน้ เท่านัน้ หากแต่ยังสามารถใช้ได้กับทุกๆ สายการบรรจุอีกด้วย นอกจากจะใช้กับ ผลิตภัณฑ์ของ Pepsi-Cola แล้ว มันยังถูกน�ำมาใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ไร้ แ อลกอล์ ฮ อล์ ข องบริ ษั ท เองด้ ว ย เช่ น เครื่ อ งดื่ ม ยี่ ห ้ อ Faxe Kondi เป็นต้น ข้1 อมูลเพิ่มเติม / Additional information Krones’ planning engineers 2 Krones’ Pressant Universal 1A container sweep-off depalletiser 3 Krones’ Cantronic an empty -can inspector 4 Krones’ Modulfill VFS-Can Filler 5 Krones’ LinaTherm warmer 6 Krones’ Robobox grouping station 7 Krones’ Modulpal Pro 1 AD palletiser 8 Krones’ Contiflow mixer APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
35
18/3/2562 BE 21:54
SPECIAL FOCUS
The Great Dane The Faxe Brewery was founded in 1901 in the eponymous town on the east Danish island of Zealand, and for decades was one of many small Danish breweries. It was not until the 1970s that it outgrew the borders of its locality and began to distribute its beers nationwide. Probably the biggest change in the firm’s history took place in 1989, when Faxe merged with the Jyske Bryggerie and with Royal Unibrew to form what is today the second largest brewing conglomerate in Denmark. 2017 was the group’s most successful year so far. The Faxe Brewery alone produced 2.3 million hectolitres of beer and 1.6 million hectolitres of soft drinks, malt beverages and cider. These figures include production under licence of Heineken beers and Pepsi-Cola soft drinks.
Strong Focus on Export
Faxe produces 23 different worts; the proportion of exports is extremely high at around 70 per cent. Royal Unibrew is thus Denmark’s biggest beer exporter, with deliveries to 75 different nations.
Beer exports are concentrated in 26 countries, most of them in Europe
Of the 70 per cent of beers exported, about 30 per cent go to Germany. Then Danish consumers re-import the beer directly again in small quantities – duty-free. This phenomenon is attributable to the beer tax, which in Denmark is almost four times as high as in Germany. The fastest of the four canning lines, rated at 90,000 cans per hour, works almost solely for these cross-border exports. In Germany itself, the most familiar Faxe package is the 1-litre can known as “The Great Dane”, which is mostly offered at motorway services and in some supermarket chains. The demand for this product has nearly doubled in the past two years. The cans are filled on an in-house line rated at 22,000 cans per hour. Royal Unibrew’s most important beer export nation, however, is Italy, where the Ceres Strong Ale brand in particular is very popular. Depending on the time of year, five to ten trucks daily leave the plant headed for Italy alone. It would almost be worthwhile building a brewery down there, “but the Italian consumers want original imports,” says Keld Norup Lauridsen, Head of Production and Warehouse. “But by continually improving our operational efficiency we can remain internationally competitive.”
Overcome Limited Space Available
Since the demand for its brands has been steadily rising in recent years, Faxe decided to invest in a new canning line. This nowadays fills both beer and cider, plus soft drinks, for outputs of up to 72,000 containers an hour. “In terms of soft drinks, we’ve come up against the limits of our capacity, whereas with beer, thanks to the new line, we now have free additional capacities of around 300,000 hectolitres in the filling area again,” explains Keld Norup Lauridsen.
36
The Faxe Brewery in Denmark fills around 70 per cent of its beers in cans. The majority of them are exported. With a new line rated at 72,000 containers per hour, the Faxe Brewery has now once again upsized its filling capacity for cans. The biggest challenge for both planning engineers1 and Faxe’s technical management was to integrate the new line into the existing hall. After all, the brewery operates a total of nine lines in one hall, all of them installed in a very confined space. “Firstly, it was a challenge, because the space available was extremely limited. Secondly we had to install the line and make the requisite modifications while the adjoining lines continued to be run at full production speed,” explains Keld Norup Lauridsen, “and that while coping with almost 700 SKUs to be handled in the filling operations – so it was a very complex job.” So the new line is finally installed in two phases within a one-year period: first the wet end, then the dry end. And although the new line handles more than twice as many containers as the previous 40,000cph line, it nonetheless had to be accommodated on the same footprint, which is why we decided on a two-level configuration.
Accommodated on a Minimised Footprint
The new canning line is dimensioned for a rating of 72,000 cans per hour. It was installed in three hall areas and on two levels. The hall consists of three sections. On one side are the ramps, via which new cans and glass bottles are delivered. The container sweepoff depalletising2 can sweep-off depalletiser, with its high-level discharge, transports the containers to the second, higher level. There they are passed by an air conveyor over a distance of several hundred metres to the wet end, which is located at the opposite side of the hall. Once they’ve arrived at the wet end, the empty cans are first of all passed through an empty -can inspector3, which is likewise located on the higher level. Upstream of the system for container separation an appropriate buffering section was required, which for reasons of space had to be designed in the shape of an S-curve. A tilted rinser then moves the cans downwards to the infeed of the high technology can filler4. With its 130 filling valves featuring inductive flow meters, this ensures maximised accuracy during filling. The filled cans, inspected for the correct fill level, are then passed through a warmer5, in order to avoid subsequent condensation. A vertical worm conveyor thereupon lifts the cans onto the high-level conveyors leading to the packer. The packing and palletising zone is located in the middle segment of the hall. Its heart is a robotic grouping station6 and a palletiser7, which operates with a high-level infeed. The robotic grouping station6 is installed on the upper level, and from the packer receives the cans packed in wrap-around cartons or shrink-wrapped, via a vertical worm conveyor. The finished pallets are then automatically stored in a highbay warehouse. The new line handles around 100 SKUs – it is run in three shifts during the week, with an additional shift at the weekend, so it’s already at full capacity utilisation. The mixer8, likewise newly installed, is not intended solely for the new canning line, but can at need be used for all the lines. Besides the Pepsi-Cola products, it also prepares the products of the firm’s own soft drinks brand Faxe Kondi, for example.
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
34-36_Special Focus_Krones.indd 36
19/3/2562 BE 15:49
ad_Brew Con 19_final.indd 1
20/2/2562 BE 20:55
SMART PRODUCTION
บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จ�ำกัด Mettler-Toledo (Thailand) Limited MT-TH.CustomerSupport@mt.com
Technology for Real increasing
O.E.E.
เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์
OEE หรือ Overall Equipment Effectiveness หรือที่เรียกกันว่า “ประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์” เรามักเข้าใจกันว่า เครื่องตรวจสอบคุณภาพเป็นสาเหตุหนึ่งที่ท�ำให้ก�ำลังการผลิตลดลง แต่ในความเป็นจริงแล้วเครื่องตรวจสอบคุณภาพที่ดีจะช่วย เพิ่มก�ำลังการผลิตและควบคุมคุณภาพเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีได้เช่นกัน ส� ำ หรั บ ในอุ ต สาหกรรมการผลิ ต อาหาร เครื่ อ งตรวจจั บ โลหะ (Metal detector) เป็นเครื่องที่มีความจ�ำเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน หาก เลือกใช้เครื่องที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอย่อมส่งผลกระทบ โดยตรงต่อการผลิตผลโดยรวม และคุณภาพ
ตารางที่ 1 ผลกระทบของเครื่องตรวจจับโลหะที่มีต่อประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ สายการผลิต Table 1 Impacts of Metal Detector on Overall Equipment Effectiveness
จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อ OEE แต่ ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถป้องกันเหตุการณ์ข้างต้นไม่ให้เกิดขึ้นได้ เทคโนโลยีในการตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องได้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้ง บ่งบอกสถานะความพร้อมในการใช้งานให้กับผู้ใช้งานทราบ รวมถึงการแจ้งเตือนเมือ่ เครือ่ งมีปญ ั หาต่างๆ จะช่วยลดการเกิดการหยุดกระบวนการผลิต โดยไม่จ�ำเป็นได้ ทั้ ง นี้ ก า ร ห ยุ ด กระบวนการผลิ ต เพื่ อ ท�ำการทวนสอบ (Routine performance monitoring) เครือ่ งตรวจจับโลหะบ่อยๆ เ ป ็ น ส า เ ห ตุ ห นึ่ ง ที่ มี
38
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
38-39_Smart Product_Mettler.indd 38
ผลกระทบต่อ OEE อย่างมาก เทคโนโลยีในปัจจุบนั มีซอฟต์แวร์ทสี่ ามารถยืนยัน ถึงประสิทธิภาพของเครื่องได้โดยสามารถลดความถี่ในการท�ำทวนสอบลงได้ นอกจากนั้น การลดระยะเวลาของการทวนสอบก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องตรวจจับโลหะได้ เทคโนโลยีดังกล่าวเรียกว่า ระบบออโต้เทส (Auto Test) โดยเป็นการติดตัง้ อุปกรณ์เสริมให้กบั เครือ่ งตรวจจับ โลหะ เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดระยะเวลาในการท�ำการทวนสอบ ได้มากกว่า ร้อยละ 80 เลยทีเดียว และเป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนยันประสิทธิภาพ การตรวจจับสิ่งปนเปื้อนที่กลางอุโมงค์ของเครื่องตรวจจับโลหะได้อย่างแท้จริง ปัญหาส�ำคัญทีไ่ ม่ควรมองข้ามในกระบวนการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอาหาร ประเภท ขนมขบเคี้ยว หรือ เบเกอรีต่างๆ คือเรื่องของการที่เครื่องตรวจจับโลหะ คัดแยกสินค้าดีออกจากกระบวนการผลิต (Fault Reject Rate) เป็นจ�ำนวนมาก เนื่องจากอาหารประเภทเบเกอรีเป็นสินค้าที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพและ การใช้งานของเครื่องตรวจจับโลหะเป็นอย่างสูง (Product Effect) หากเลือกใช้ เครื่องตรวจจับโลหะไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอก็จะส่งผลต่อ OEE เป็นอย่างมาก หัวใจส�ำคัญของการที่จะพัฒนาหรือรักษาค่า OEE ให้ดีอยู่เสมอนั้น คือ การดูแลรักษาเครื่องจักรหรืออุปกรณ์อย่างถูกต้องและถูกเวลาอยู่เสมอ มีการก�ำหนดการบ�ำรุงรักษาอุปกรณ์ (Preventive Maintenance) ที่ชัดเจน การเลือกใช้บริการอุปกรณ์หรือเครื่องจักร จากผู้จ�ำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดี และมี ความรู้ในเครื่องมือหรืออุปกรณ์นั้นๆ อย่าง แท้ จ ริ ง สิ่ ง เหล่ า นี้ จ ะช่ ว ยท� ำ ให้ ส ามารถ ควบคุ ม และพั ฒ นา OEE ได้ อ ยู ่ เ สมอ นอกจากนี้ เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ดีจะ ต้องสามารถตรวจสอบค่าการใช้งานต่างๆ ทีห่ น้าเครือ่ งได้ทนั ที เพือ่ เป็นข้อมูลทีจ่ ะน�ำมา วิเคราะห์เพือ่ หาทางพัฒนาและป้องกันเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อ OEE ต่อไป 18/3/2562 BE 22:31
SMART PRODUCTION The Overall Equipment Effectiveness (OEE) is generally known as a quality diagnostic tool. It is sometimes considered, yet equivocally, as one of the factors that may compromise the production capacity. In reality, a good quality monitoring device can boost the manufacturing capacity, enhance the quality control processes, and ultimately help achieve optimum standards.
on the equipment, machines, and services from the sellers who are knowledgeable in their products and can provide excellent after-sale services will help control and enhance the OEE in a constant manner. Additionally, a good device or equipment should have features that allow users to check operational information at any time so that the retrieved data can be used for further analysis, which can contribute to future improvement or prevention of any situations that may affect the OEE.
In the food manufacturing industry, a metal detector is undeniably indispensable. If such device is inefficient or has unsuitable qualities, there will be direct negative impacts on the overall quality and production.
How Does a Metal Detector Affect OEE?
As seen in the aforementioned table 1., there are many circumstances that can influence OEE. With the help of the modern technology, however, such undesirable events can be prevented. A self-reliant effectiveness monitoring technology, with indicators that inform users of its operational status or warn them of possible problems, will help reduce any unnecessary disruptions of the production lines. Frequent disruptions of the manufacturing processes due to routine performance monitoring of metal detectors are one of the causes that dramatically impact the OEE. With the help of the modern-day technology and software, a machine’s effectiveness can be checked and confirmed while the frequency of the disruptive routine performance monitoring can be lessened. Besides, the shortened duration of such monitoring activities is also another beneficial factor that helps improve the overall effectiveness of metal detectors. Such technology, which is known as the Auto Test, involves additional accessories installed on metal detectors and can cut down the length of performance monitoring process by more than 80 percent. It is also the only way that can truly confirm the effectiveness of contaminant detection at the middle section of a metal detector’s tunnel. An important problem in the food manufacturing processes that shouldn’t be overlooked is the Fault Reject Rate (FRR) deriving from metal detectors, which falsely detect good products as substandard. This is especially important for snacks or bakery products as they can considerably affect the effectiveness and functions of a metal detector (AKA product effect). An unfit or ineffective device can hugely compromise the OEE. The key to constantly maintaining or improving the OEE rate is the correct and timely maintenance of machines or equipment. Preventative maintenance should be clearly scheduled and carried out accordingly. Relying
LINE
@MTTH
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 38-39_Smart Product_Mettler.indd 39
39
18/3/2562 BE 22:31
STRONG QC & QA
การควบคุมอาหาร ก่อภูมิแพ้
สุภารัตน์ เจียมทอง Supharat Jiamtong
Client Manager British Standards Institution (BSI) Supharat.Jiamtong@bsigroup.com
ในอุตสาหกรรมอาหาร
สารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร (Food allergen) หมายถึง อาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ส�ำหรับบางคนที่มีภาวะเป็นโรคแพ้อาหาร ซึ่งเมื่อ รับประทานอาหารที่ก่อภูมิแพ้เข้าไปแล้วจะท�ำให้ร่างกายเกิดอาการไม่พึงประสงค์ (Adverse Food Reaction; AFR) โดยแบ่ง ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน แบ่งเป็น lgE Mediated Reaction เช่น อาการแพ้ถั่วลิสงที่เกิดขึ้นภายใน 1 นาทีหลังจากกินเข้าไป และ Non lgE Mediated Reaction ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง และอีกหนึ่งกลุ่มคือ Food Intolerances ไม่เกีย ่ วกับระบบภูมค ิ ม ุ้ กัน เช่น Lactose intolerances โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุม ่ ย่อย คือ Toxic Reaction เช่น อาหารเป็นพิษ หรือได้รับพิษจากปลา และ Non-toxic Reaction เช่น แพ้นม (Lactose intolerances) ในปัจจุบนั การระบุอาหารทีก่ อ่ ภูมแิ พ้บนฉลากสินค้ามีความส�ำคัญต่อผูบ้ ริโภค มากขึ้นทุกขณะเนื่องจากอาหารในปัจจุบันมีส่วนผสมที่มีความหลากหลาย มากขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนผสมของอาหารก่อภูมิแพ้ร่วมด้วย ผู้บริโภค รวมทั้งภาครัฐ ของประเทศต่างๆ จึงหันมาให้ความสนใจในการควบคุม รวมทั้งออกกฎระเบียบ ส�ำหรับการให้ขอ้ มูลบนฉลากแก่ผบู้ ริโภคให้สามารถเลือกซือ้ อาหารทีไ่ ม่กอ่ ให้เกิด อาการแพ้ต่อสุขภาพของตนเอง และเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาอาการ แพ้อาหาร แต่เป็นเพียงการรักษาเพื่อบรรเทาอาการแพ้ตามกรณีที่พบ รวมทั้ง ผู้บริโภคต้องหลีกเลี่ยงอาหารนั้นๆ ด้วยตัวเอง แนวทางการจัดการหรือควบคุมอาหารก่อภูมิแพ้ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อ ไม่ให้ผู้บริโภคเกิดอันตรายหรือมีการปนเปื้อนโดยไม่ตั้งใจเกิดขึ้น สามารถท�ำได้ หลายวิธีโดยโรงงานผู้ผลิตจะต้องมีมาตรการควบคุมและจัดการอาหารก่อภูมิแพ้ เพื่อป้องกันและลดอันตรายที่อาจจะไปถึงผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานที่นิยม น�ำไปประยุกต์ใช้ ได้แก่ BRC food, FSSC 22000, ISO 22000 เป็นต้น ซึง่ ในแต่ละ 40
มาตรฐานก็จะระบุข้อก�ำหนดที่โรงงานจะต้องปฏิบัติ ดังนี้ 1. ชี้บ่งสารก่อภูมิแพ้ในโรงงานว่าวัตถุดิบชนิดใดบ้างที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงต้องทราบว่าอาหารที่ผลิตเป็นสินค้าส�ำเร็จรูปแล้วนั้นเป็นสารก่อภูมิแพ้ หรือไม่ หรือใช้วัตถุดิบใดที่เป็นสารก่อภูมิแพ้บ้าง 2. แยกพื้นที่เพื่อจัดเก็บวัตถุดิบที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ออกจากวัตถุดิบปกติ หรือมีมาตรการรองรับเพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้ามของวัตถุดิบ เช่น แยกพื้นที่ การผลิต แยกเครื่องจักรที่ใช้ผลิต รวมทั้งมีการชี้บ่งอุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างสารก่อ ภูมิแพ้และอาหารปกติอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานน�ำไปใช้ปะปนกัน 3. กรณี ที่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งใช้ พื้ น ที่ ห รื อ เครื่ อ งจั ก รเดี ย วกั น ควรจั ด ล� ำ ดั บ ในการผลิตเพื่อลดโอกาสการปนเปื้อนของบางสินค้าที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เป็นส่วนประกอบให้ผลิตเป็นล�ำดับแรกๆ แล้วจึงผลิตสินค้าที่มีส่วนประกอบ ของสารก่อภูมิแพ้เป็นล�ำดับถัดไป 4. กรณีมีการน�ำสินค้ามา Rework ต้องทราบว่าในสินค้านั้นมีอะไรเป็น
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
40-43_Strong QC&QA_BSI.indd 40
18/3/2562 BE 20:06
STRONG QC & QA สารก่อภูมิแพ้และต้องไม่น�ำไปปนกับสินค้าชนิดอื่นที่ ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ หรือไม่น�ำไปปนกับสารก่อภูมิแพ้ ต่างชนิดเดียวกัน 5. มีการท�ำความสะอาดในระดับที่สามารถก�ำจัด สารก่อภูมแิ พ้ไม่ให้หลงเหลือ และต้องได้รบั การพิสจู น์ ยืนยัน รวมถึงมีการทวนสอบวิธีการท�ำความสะอาด รวมทั้งมีเครื่องมือ/วิธีการที่จะใช้ทดสอบความหลงเหลือ อยูข่ องสารก่อภูมแิ พ้ อาจใช้ชดุ ทดสอบ (Test kit) หรือ ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ 6. มีฉลากระบุส่วนประกอบที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ หรือระบุ “อาจมีส่วนผสมของ... (สารก่อภูมิแพ้) โดย ต้องเป็นไปตามกฎหมายเพื่อให้ผู้บริโภคทราบและ เลือกรับประทาน หรือเลือกน�ำไปใช้ได้อย่างปลอดภัย 7. เมือ่ สามารถรูว้ า่ สารก่อภูมแิ พ้ทมี่ อี ยูม่ อี ะไรบ้าง เราจะสามารถควบคุมสารก่อภูมิแพ้ใหม่ๆ ได้ โดย คัดเลือกวัตถุดิบใหม่ สูตรใหม่ ส่วนผสมใหม่อย่าง ระมัดระวัง 8. ควรจัดท�ำเกณฑ์และวิธีการในการควบคุม ส่ ว นผสม สารปรุ ง แต่ ง ที่ รั บ เข้ า ส่ ว นงานพั ฒ นา ผลิตภัณฑ์มีหน้าที่ในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของสารก่อภูมิแพ้รายการใหม่ๆ ที่มีการน�ำมาใช้ โดยผู้พัฒนา ผลิตภัณฑ์และเจ้าหน้าทีจ่ ดั ซือ้ ต้องมีความตระหนักใน เรื่องโอกาสการเกิดการปนเปื้อนข้ามระหว่างการผลิต เมือ่ มีการปรับส่วนผสมหรือเปลีย่ นแปลงปรับปรุง ผลิ ต ภั ณ ฑ์ โดยการทบทวนรายการสารก่ อ ภู มิ แ พ้ ที่ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์และเจ้าหน้าที่จัดซื้อต้องทราบ รายการส่วนผสมที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ (Master List of Allergic Ingredients) ในสถานประกอบการ เพื่อ ป้องกันการน�ำเข้าสารก่อภูมิแพ้ใหม่ๆ โดยไม่เจตนา หากในกรณีที่มีวัตถุดิบใหม่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงนี้ ให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้องทราบ 9. พนักงานที่เกี่ยวข้องต้องรับทราบความส�ำคัญ ของการควบคุมอาหารก่อภูมิแพ้ โดยควรมีการอบรม เพื่ อ สร้ า งความตะหนั ก ในการควบคุ ม อาหารที่ ก ่ อ ภูมิแพ้ ดังนี้ • วิธีการป้องกันการปนเปื้อนข้าม • วิ ธี ก ารแจ้ ง ให้ ผู ้ บ ริ ห ารทราบในประเด็ น ที่ เกี่ยวข้องกับสารก่อภูมิแพ้ระหว่างการผลิต • ขั้นตอนปฏิบัติในการควบคุมสารก่อภูมิแพ้ • ชี้ บ ่ ง สถานการณ์ ที่ มี โ อกาสที่ ส ารก่ อ ภู มิ แ พ้ จะปนเปื้อนข้าม • การชี้บ่งพื้นที่ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อ ภูมิแพ้ รหัสสี การติดแท็กบ่งชี้ • ขั้นตอนวิธีการควบคุมฉลาก • การจัดท�ำแผนการผลิต • การสื่ อ สารว่ า ส่ ว นผสมตั ว ใดที่ ต ้ อ งค� ำ นึ ง ถึ ง
สารก่อให้เกิดภูมิแพ้ • ข้อก�ำหนดส�ำหรับการท�ำความสะอาดมือ • เสื้ออุปกรณ์สวมใส่เพื่อการป้องกันและการซักท�ำความสะอาด • ขั้นตอนการปฏิบัติกรณีการท�ำซ�้ำ • การจัดการของเสีย • ขั้นตอนการท�ำความสะอาด • กระบวนการคัดแยกอุปกรณ์ • การเข้าถึงและการเคลื่อนย้ายของพนักงานโดยรอบพื้นที่ • การเคลื่อนย้ายของเครื่องมือและอุปกรณ์โดยรอบพื้นที่โรงงาน
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 40-43_Strong QC&QA_BSI.indd 41
41
21/3/2562 BE 11:42
STRONG QC & QA
Food Allergen Management in the Food Industry
Food allergen means food that causes allergic reactions. People with food allergy experience adverse food reaction (AFR) after receiving the allergens. AFR can be divided into 2 groups; allergies associated with human’s immune system and food intolerances. The former group can also be divided into 2 categories; IgE Mediated Reaction such as an allergy to peanuts which shows symptoms within 1 minute after consuming and Non-IgE Mediated Reaction which shows symptoms within 2 hours after the intake. Meanwhile, food intolerance is not related to the immune system but human body responses to the allergy with toxic reactions or non-toxic reactions - lactose intolerance, for instance. Nowadays, identifying food allergens on the label becomes more prominent to consumers, as food is getting more and more diverse and may contain ingredients that can potentially pose as allergens. Consumers, along with many governments, are paying more attention to the controlling and regulating food labelling to ensure that consumers can avoid food that they are allergic to. Since food allergy is still incurable, and can only be treated accordingly upon symptoms, consumers must be in charge of choosing their own food. Food allergen management and control can be done through several processes. In order to prevent harm and unintentional contamination, food manufacturers must act to control and manage food allergens to protect customers and reduce possible risks. At present, popular standards such as BRC Food, FSSC 22000, and ISO 22000 are applied, and each standard specifies some procedures the factory must follow; (1) Identify food allergens in the factory, as well as acknowledge whether the final products could cause any allergies or contain any allergens. (2) Separate allergens from normal materials in the storage or provide measures to prevent cross-contamination, for example,
42
separate production floors or machines, and identify the differences clearly to avoid mixing up by operators. (3) When separation is impossible, manage production processes to reduce contamination by producing allergen-free product first before proceeding to products containing allergens. (4) In case of rework, it is necessary to acknowledge whether the primary products contain any allergens. Separate the allergenfilled products from allergen-free products and avoid mixing one allergen with another. (5) Apply thorough cleaning to eliminate all allergen residue, verify the cleaning, and retest the cleaning process. Use tools/ methods to test the remaining of allergens such as test kit or laboratory test. (6) Provide label indicating all allergen or indicate that the food “may contain … (allergen name)” in accordance with the law. This is to inform consumers, allowing them to safely choose the food. (7) After identifying allergens, manufacturer can control new allergens by carefully choosing new materials, new recipes, and new ingredients. (8) Set criteria and methods to control ingredients and additives.
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
40-43_Strong QC&QA_BSI.indd 42
18/3/2562 BE 20:07
STRONG QC & QA Product development department must control the increase of new allergens, and along with sales department, must be aware of the cross-contamination during the production. Once the ingredients are re-adjusted or redeveloped, developers and sales must recheck the master list of allergic ingredients inside the plants, in order to avoid importing new allergens unintentionally. Where new raw materials are added, all relevant staff must be informed. (9) Pertinent staffs must be informed about the importance of controlling allergic substances. This can be done through trainings to create allergencontrol awareness on various topics; - How to prevent cross-contamination - How to inform executives about issues related to allergens during the production - Measures to control food allergens - Identifying potential risks for crosscontamination - Identifying production areas for products containing allergens, colour code, and tag indicator - Label controlling - Production planning - Communication on risky food contamination
Examples of food allergens that must be listed on food label by the law of various countries The U.S. 1. Cereals containing gluten 2. Crustaceans 3. Fish 4. Peanuts 5. Soy beans 6. Nuts 7. Milk 8. Eggs
Thailand 1. Cereals containing gluten 2. Crustaceans 3. Fish 4. Peanuts 5. Soy beans 6. Nuts 7. Milk 8. Eggs 9. Sulphur Dioxide and > 10 ppm of Sulphites
Canada 1. Cereals containing gluten 2. Crustaceans 3. Fish 4. Peanuts 5. Soy beans 6. Nuts 7. Milk 8. Eggs
- Requirement for hand cleaning - Protective uniform and how to clean the uniform - Measures in repetitive procedures - Waste management - Cleaning and sanitation in processing plant - Equipment separation procedure - A c c e s s a n d m o v e m e n t o f employees within the plant - Movement of tools and equipment within the factory area
Australia and New Zealand
Europe
1. Cereals containing gluten 2. Crustaceans 3. Fish 4. Peanuts 5. Soy beans 6. Nuts 7. Milk 8. Eggs 9. Sulphur Dioxide and > 10 ppm of Sulphites 10. Lupin
1. Cereals containing gluten 2. Crustaceans 3. Molluscs 4. Fish 5. Peanuts 6. Soy beans 7. Nuts 8. Peas 9. Milk 10. Eggs 11. Sesame 12. Celery 13. Mustard 14. Sulphur Dioxide and > 10 ppm of Sulphites 15. Lupin
Japan 1. Wheat 2. Soba 3. Peanuts 4. Milk 5. Eggs 6. Prawns 7. Crabs
เอกสารอ้างอิง/References www.fisheries.go.th/quality/Food%20Allergens.pdf www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1857/food-allergenwww.tpa.or.th/publisher/pdfFileDownloadS/qm203_p027-030.pdf http://jifsan.umd.edu/docs/advisory2010/presentations/final/(5)%20 Jackson.pdf https://food.r-biopharm.com/analytes/food-allergens/ https://digitalcommons.unl.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1012& context=usfda www.dss.go.th/images/st-article/pep_9_2550_MassSpectrometer.pdf www.4labdiagnostics.com/nuova-versione-kit-determinazione-aller geni-pcr/?lang=en
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 40-43_Strong QC&QA_BSI.indd 43
43
18/3/2562 BE 20:07
STRATEGIC R & D ดร.สุวิมล เจริญสิทธิ์ Suvimol Charoensiddhi, Ph.D.
Department of Food Science and Technology Faculty of Agro-Industry Kasetsart University suvimol.ch@ku.ac.th
สารผสมอาหาร ที่มีหน้าที่เฉพาะจากสาหร่าย: ประโยชน์ต่อสุขภาพล�ำไส้ สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากสาหร่ายและศักยภาพ ในการเป็นอาหารที่มีหน้าที่เฉพาะ
สาหร่าย (Seaweed) เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่สังเคราะห์แสงได้และมีความหลากหลาย สูง พบในธรรมชาติทั่วท้องทะเลและมหาสมุทรของโลก สามารถจัดประเภทได้ แตกต่างกันตามระบบการจัดชั้นและหมวดหมู่พืชและสัตว์ โดยขึ้นอยู่กับรงควัตถุ ได้แก่ สาหร่ายสีแดง (Rhodophyceae) สาหร่ายสีเขียว (Chlorophyceae) และ สาหร่ายสีน�้ำตาล (Phaeophyceae) ข้อมูลในปี 2559 จากองค์การอาหารและ การเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสาหร่ายนั้นเติบโตขึ้น อย่างรวดเร็ว โดยมีการเพาะเลี้ยงในกว่า 50 ประเทศ ทั้งนี้ ในปี 2557 มีผลผลิต สาหร่ายและ Algae ประเภทอื่นๆ ประมาณ 28.5 ล้านตัน เพื่อใช้บริโภคโดยตรง หรือน�ำไปเป็นวัตถุดิบตั้งต้นส�ำหรับการผลิตอาหาร ไฮโดรคอลลอยด์ ปุ๋ย และ จุดประสงค์อื่นๆ เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 2558 Rhein-Knudsen และคณะ รายงานว่า การผลิต ไฮโดรคอลลอยด์จากสาหร่ายมีปริมาณมากถึง 100,000 ตันต่อปี โดยน�ำไปใช้ใน อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร ยา และเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีมูลค่าตลาดโดยรวม มากกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบนั สาหร่ายได้รบั ความสนใจจากผูบ้ ริโภค เพิ่ ม ขึ้ น เนื่ อ งจากสาหร่ า ยเป็ น แหล่ ง ส� ำคั ญ ของสารออกฤทธิ์ ท างชี ว ภาพที่ มี คุณสมบัติทางชีววิทยาอย่างหลากหลาย แตกต่างจากพืชที่เจริญบนพื้นดินทั่วไป ซึ่งไม่มคี ณ ุ สมบัตดิ ังกล่าว นอกจากนี้ สาหร่ายยังอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งรวมถึงกรดไขมันโอเมก้า 3 ตลอดจนแร่ธาตุต่างๆ พอลิฟีนอล รงควัตถุให้สี (เช่น Chlorophylls, Fucoxanthins และ Phycobilins) และ Mycosporine-like amino acids ซึง่ สารออกฤทธิท์ างชีวภาพเหล่านีม้ คี ณ ุ สมบัติ เชิงชีววิทยาหลายด้าน ได้แก่ คุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อ HIV ต้านมะเร็ง ต้านเบาหวาน ต้านจุลินทรีย์ ต้านการตกตะกอน ต้านไวรัส ต้านเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทั้งยังมีผลในการควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก และลดระดับคอเลสเตอรอล เป็นต้น (Holdt และ Kraan, 2554)
พรีไบโอติกในภาพรวม
พรีไบโอติกมีคณ ุ สมบัตทิ เี่ ป็นประโยชน์ตอ่ สุขภาพ จึงท�ำให้ได้รบั ความสนใจมากขึน้ ในฐานะอาหารทีม่ หี น้าทีเ่ ฉพาะ นอกเหนือจากคุณค่าทางโภชนาการพืน้ ฐาน ค�ำว่า พรีไบโอติกได้ถกู น�ำมาใช้นยิ ามสารทีม่ คี ณ ุ สมบัติ (1) ทนต่อการย่อยและการดูดซึม 44
ในระบบทางเดินอาหาร (2) ย่อยและหมักพรีไบโอติกโดยจุลินทรีย์ในล�ำไส้ใหญ่ ได้ และ (3) กระตุน้ หรือเร่งการเติบโต และ/หรือ กิจกรรมต่างๆ ของจุลนิ ทรียภ์ ายใน ล�ำไส้ใหญ่อย่างเฉพาะเจาะจง ส่งผลให้เกิดประโยชน์เชิงสุขภาพ ในปี 2559 พรีไบโอติกมีมูลค่าตลาดทั่วโลกมากกว่า 3.34 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้ม เติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคมีความตระหนักถึงสุขภาพของล�ำไส้ มากขึ้น (ข้อมูลจาก Grand View Research ปี 2562) พรีไบโอติกที่นิยมใช้กัน ทัว่ ไปในปัจจุบัน ได้แก่ อินนูลิน ฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ กาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์ และแลคทูโลส ความตระหนักในประโยชน์ของพรีไบโอติกในกลุ่มผู้บริโภคที่ เพิ่มสูงขึ้น น�ำไปสู่ความสนใจในการแยกและพัฒนาพอลิแซคคาไรด์และสารออกฤทธิท์ างชีวภาพอืน่ ๆ ทีม่ คี ณ ุ สมบัตดิ ตี อ่ สุขภาพล�ำไส้จากแหล่งวัตถุดบิ ใหม่ๆ
สาหร่ายกับคุณสมบัติพรีไบโอติก
พอลิ แ ซคคาไรด์ ที่ ไ ด้ จ ากสาหร่ า ย เช่ น อั ล จิ เ นต (Alginates) ฟู ค อยแดน (Fucoidans) ลามินาริน (Laminarins) อัลแวน (Ulvans) อะการ์ (Agars) และ คาราจีแนน (Carrageenans) ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติเป็นใยอาหาร หรือ Dietary fibre เนื่องจากทนต่อการย่อยของเอนไซม์ที่พบในระบบทางเดินอาหารมนุษย์ ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในล�ำไส้ใหญ่ที่มีประโยชน์ ยับยั้ง การรุกล�้ำของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค และช่วยควบคุมเมทาบอลิซึม รวมถึง กระบวนการหมักในล�ำไส้ใหญ่ (O’Sullivan และคณะ, 2010) ดังนั้นการศึกษา การเปลี่ยนแปลงของพอลิแซคคาไรด์เมื่อผ่านระบบจ�ำลองการย่อยของมนุษย์ (in vitro model) จึงมีความส�ำคัญ เพื่อช่วยยืนยันว่าองค์ประกอบในสาหร่าย ถูกย่อยด้วยเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารหรือไม่ รวมถึงมีแนวโน้มผ่านเข้าสู่ ล� ำ ไส้ ใ หญ่ แ ละส่ ง ผลต่ อ เชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ์ ยกตั ว อย่ า งเช่ น Neoagarooligosaccharides จากสาหร่ายสีแดงไม่ถูกย่อยโดยเอนไซม์ที่พบในล�ำไส้เล็ก เมื่อทดลองผ่านระบบจ�ำลองการย่อย (Hu และคณะ, 2006)
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
44-47_Strategic R&D_Suwimol.indd 44
18/3/2562 BE 20:29
STRATEGIC R & D เมื่อแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ไปย่อยหรือหมักองค์ประกอบในสาหร่าย จะ ท�ำให้เกิดการสร้างเมทาบอไลท์ที่เป็นประโยชน์ เช่น กรดไขมันสายสั้น โดยเฉพาะ กรดบิวทิริก กรดอะซิติก และกรดโพรพิโอนิก (de Jesus Raposo และคณะ, 2016) กรดบิวทิรกิ เป็นแหล่งพลังงานทีส่ ำ� คัญของเซลล์ลำ� ไส้ใหญ่ ช่วยรักษาความสมบูรณ์ แข็งแรงของเนื้อเยื่อล�ำไส้ กระตุ้นการตายของเซลล์ที่เกิดการเสียหายของ DNA ใน ระดับสูงแบบ Apoptosis ส่วนกรดอะซิติกสามารถยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย กลุ่ม Enteropathogenic และกรดโพรพิโอนิกที่ผลิตขึ้นภายในล�ำไส้อาจมีอิทธิพล ต่อการสังเคราะห์คอเลสเตอรอลในตับ (Raman และคณะ, 2016) นอกจากนี้ กรดไขมันสายสั้นยังส่งผลต่อสุขภาพหลายด้าน รวมถึงการป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังหรือหืดหอบ โรคมะเร็ง และโรคล�ำไส้อั ก เสบตลอดจนการควบคุ ม ระบบภู มิ คุ ้ ม กั น การรั ก ษาระดั บ ความสมดุ ล ของ กลูโคสเมทาบอลิซึมของไขมัน และการควบคุมความหิว (Koh และคณะ, 2016; Morrison และ Preston, 2016) ปัจจุบันมีรายงานการเปลี่ยนแปลงเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อล�ำไส้และ การตอบสนองต่อพรีไบโอติก ในหลายการศึกษากล่าวถึงพรีไบโอติกทีไ่ ด้จากสาหร่าย ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2559 Charoensiddhi และคณะพบว่า สารสกัดจากสาหร่าย สีน้�ำตาล Ecklonia radiata มีคุณสมบัติเร่งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็น ประโยชน์ เช่น Bifidobacterium และ Lactobacillus ซึง่ เป็นจุลนิ ทรียท์ ใี่ ช้ระบุสมบัติ การเป็นพรีไบโอติกและเป็นทีร่ จู้ กั โดยทัว่ ไป ในปี 2558 Kuda และคณะ พบว่าโซเดียม อัลจิเนตและลามินารานจากสาหร่ายสีน�้ำตาล มีผลไปยับยั้งการเกาะติดและ การบุ ก รุ ก ของจุ ลิ น ทรี ย ์ ก ่ อ โรค ได้ แ ก่ Salmonella Typhimurium, Listeria monocytogenes และ Vibrio parahaemolyticus ใน Human enterocyte-like HT-29-Luc cells ส่วนผลการทดลองของ Liu และคณะในปี 2558 พบว่า มีการเพิ่มขึ้น ของจุลินทรีย์ในล�ำไส้ที่เป็นประโยชน์ เช่น Bifidobacterium breve และการลดลง ของแบคทีเรียก่อโรค เช่น Clostridium septicum และ Streptococcus pneumonia ในสัตว์ทดลองประเภทหนูที่ได้รับการเสริมอาหารด้วยสาหร่ายสีแดง Chondrus crispus นอกจากนี้พอลิแซคคาไรด์ที่มีน�้ำหนักโมเลกุลต�่ำพัฒนาจากสาหร่ายสีแดง Gelidium sesquipidale ช่วยเพิ่มจ�ำนวน Bifidobacterium สูงขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญ และส่งเสริมการผลิตอะซิเตทและโพรพิโอเนตอีกด้วย (Ramnani และคณะ, 2012)
ภาพรวมของโอกาสและอนาคต
สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพในสาหร่ายนั้นเป็นที่น่าจับตามองในเชิงพาณิชย์ส�ำหรับ พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์ต่อ สุขภาพล�ำไส้และคุณสมบัตพิ รีไบโอติกตามทีก่ ล่าวมา อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์ จากสาหร่ายในด้านนี้ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ประเทศไทยมีความหลากหลายของ สาหร่ายตลอดชายฝั่งทะเลที่มีความยาวถึง 2,614 กิโลเมตร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สาหร่ายเหล่านี้ยังคงถูกใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ยังไม่เพิ่มมูลค่าให้กับประชากรที่ อาศัยใกล้ชายฝัง่ เท่านัน้ แม้วา่ การเพาะเลีย้ งสาหร่ายในประเทศไทยจะมีการพัฒนา มาตั้งแต่ปี 2529 ก็ตาม แต่การใช้ประโยชน์จากสาหร่ายในปัจจุบันยังคงมีข้อจ�ำกัด กล่าวคือ ใช้ในการผลิตวุ้นอะการ์ อาหารสัตว์ และการบ�ำบัดน�้ำเสียในบ่อเลี้ยงกุ้ง เท่านั้น สาระส�ำคัญของบทความนี้มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาและขยายรูปแบบการใช้ ประโยชน์จากสาหร่ายเพือ่ การเพิม่ มูลค่าให้กบั ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์อาหารเพือ่ สุขภาพ เพือ่ รองรับความต้องการของผูบ้ ริโภคทีม่ คี วามตระหนัก ด้านสุขภาพ และช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 44-47_Strategic R&D_Suwimol.indd 45
45
18/3/2562 BE 20:29
STRATEGIC R & D
Seaweeds-derived Potential Functional Food Ingredients for Gut Health Benefits Seaweed Bioactive Compounds and their Potential as Functional Foods
Seaweeds are a large and diverse group of photosynthetic macroalgae found across the world’s oceans. They can be categorized into different taxonomic groups based on their pigments, including red seaweed (Rhodophyceae), green seaweed (Chlorophyceae), and brown seaweed (Phaeophyceae). The cultivation of seaweeds has been growing rapidly and is now practiced in about 50 countries, and 28.5 million tonnes of seaweed and other algae were harvested in 2014 to be used for direct consumption, or as a starting material for the production of food, hydrocolloids, fertilizers, and other purposes (FAO, 2016). Recently, the annual global production of seaweed hydrocolloids for various applications across the food, pharmaceutical, and biotechnology industries has reached 100,000 tonnes and a gross market value just above USD 1.1 billion (Rhein-Knudsen et al., 2015). There is a growing recognition that seaweeds are important sources of bioactive compounds with a variety of biological activities which are not produced by terrestrial plants. They are rich in carbohydrates, proteins, polyunsaturated fatty acids (PUFAs) including omega-3 fatty acids, and minerals as well as polyphenols, pigments (chlorophylls, fucoxanthins, phycobilins), and mycosporine-like amino acids (MAAs). These compounds possess various biological functions including antioxidant, anti-HIV, anticancer, antidiabetic, antimicrobial, a n t i c o a g u l a n t , a n t i v i r u s , a n t i - t u m o r, a n t i - i n fl a m m a t o r y, immunomodulatory, prebiotic and cholesterol lowering effects (Holdt and Kraan, 2011).
Overview of Prebiotics
Interest in prebiotics as functional foods has increased due to their recognized health benefits. The term ‘prebiotic’ was introduced and defined as substrates that (1) are resistant to gastrointestinal digestion and absorption, (2) can be fermented by the microbes in the large intestine, and (3) selectively stimulate the growth and/or activity of the intestinal microbes leading to health benefits of the host. The global prebiotics market size was over USD 3.34 billion in 2016, and continued growth is expected due to increasing consumer awareness of gut health issues (Grand View Research, 2019). Prebiotics commonly used in the current market include inulin, fructooligosaccharides, galactooligosaccharides, and lactulose. A growing consumer awareness of the benefits of prebiotics is leading
46
to commercial interest in the isolation and development of polysaccharides and other compounds with gut health potential from novel sources.
Prebiotic Effects of Seaweeds
Most seaweed polysaccharides such as alginates, fucoidans, laminarins, ulvans, agars, and carrageenans may be regarded as dietary fibre, as they resist the digestion by enzymes present in the human gastrointestinal tract, selectively stimulate the growth of beneficial gut bacteria, inhibit pathogen adhesion and evasion, and modulate intestinal metabolism including fermentation (O’Sullivan et al., 2010). The digestibility of seaweed components can be determined in vitro to verify whether they are decomposed by human digestive enzymes, and thus their likelihood of reaching the large bowel and its resident microbiota. Neoagaro-oligosaccharides from red seaweeds, for instance, have shown that they were not digestible by enzymes typically present in the small intestine (Hu et al., 2006). The fermentation of seaweed components by beneficial bacteria has also been shown to generate beneficial metabolites such as short chain fatty acids (SCFAs), particularly butyric, acetic, and propionic acids (de Jesus Raposo et al., 2016). Butyric acid is the primary energy source of cells lining the colon, and helps maintain colonic tissue integrity through stimulation of apoptosis in cells with high levels of DNA damage. Acetic acid can inhibit the growth of enteropathogenic bacteria, and propionic acid produced in the gut may influence hepatic cholesterol synthesis (Raman et al. 2016). The beneficial effects of SCFAs on host health include protection from obesity, chronic respiratory disease or asthma, cancer, and inflammatory bowel, as well as modulation of immunity, glucose homeostasis, lipid metabolism, and appetite regulation (Koh et al., 2016; Morrison and Preston, 2016). Beneficial changes in gut microbes in response to prebiotics is well documented, and this has been demonstrated for seaweedderived prebiotics in several studies. For instance, Charoensiddhi et al. (2016) demonstrated that extracts from the brown seaweed Ecklonia radiata stimulated the growth of beneficial microbes such as Bifidobacterium and Lactobacillus which are the most commonly recognized bacterial markers of prebiosis. Kuda et al. (2015) demonstrated that sodium alginate and laminaran from brown seaweeds inhibited the adhesion and invasion of pathogens (Salmonella Typhimurium, Listeria monocytogenes, and Vibrio
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
44-47_Strategic R&D_Suwimol.indd 46
18/3/2562 BE 20:29
STRATEGIC R & D parahaemolyticus) in human enterocyte-like HT-29-Luc cells. Results from Liu et al. (2015) showed an increase in the abundance of beneficial gut microbes such as Bifidobacterium breve and a decrease in pathogenic bacteria such as Clostridium septicum and Streptococcus pneumonia in rats supplemented with the red seaweed Chondrus crispus. In addition, low molecular weight polysaccharides from the red seaweed Gelidium sesquipidale caused a significant increase in populations of Bifidobacterium, as well as an increase in acetate and propionate (Ramnani et al., 2012).
Opportunities and Future Perspectives
Seaweed bioactive compounds are attractive for commercialization in different functional food and nutraceutical products such as dietary supplements with gut health benefits and prebiotic potential, but the use of seaweed for this purpose is still not extensive. In Thailand, there is a diversity of seaweeds along a coastline of 2,614 km in Southeast Asia. These seaweeds are only used as low-value food for people who live in the coastal areas. Although the cultivation of seaweed in Thailand has also developed since 1986, the use of these seaweeds currently is limited to agar production, animal feed, and the treatment of waste water from shrimp ponds. The key findings from this article contributes to develop and expand new platform of seaweed utilisation for higher-value products, particularly to functional food and nutraceutical industries in order to serve the social demand for health awareness and support economic development.
เอกสารอ้างอิง/References Charoensiddhi, S., Conlon, M. A., Vuaran, M. S., Fran co, C. M., & Zhang, W. (2016). Impact of extraction processes on prebiotic potential of the brown seaweed Ecklonia radiata by in vitro human gut bacteria fermen tation. Journal of Functional Foods, 24, 221-230. de Jesus Raposo, M. F., de Morais, A. M. M. B., & de Morais, R. M. S. C. (2016). Emergent Sources of Pre biotics: Seaweeds and Microalgae. Marine Drugs, 14(2), 27. FAO. (2016). The state of world fisheries and aquaculture. Rome: Food and Agriculture Organization. Grand View Research. (2019). Prebiotics market size, share & trend analysis report by ingredients (FOS, Inulin, GOS, MOS), by application (food and beverages, dietary supplements, animal feed), and segment fore casts, 2018-2024. https://www. grandviewresearch.com/industry-analysis/prebiot ics-market Accessed 17.02.19. Holdt SL, & S, K. (2011). Bioactive compounds in sea weed: functional food applications and legislation. Journal of Applied Phycology, 23, 543-597. Hu, B., Gong, Q., Wang, Y., Ma, Y., Li, J., & Yu, W. (2006). Prebiotic effects of neoagaro-oligosaccharides prepared by enzymatic hydrolysis of agarose. Anaerobe, 12(5-6), 260-266. Koh, A., De Vadder, F., Kovatcheva-Datchary, P., & Bäckhed, F. (2016). From dietary fibre to host physiology: short-chain fatty acids as key bacterial metabolites. Cell, 165(6), 1332-1345. Kuda, T., Kosaka, M., Hirano, S., Kawahara, M., Sato, M., Kaneshima, T., Nishizawa, M., Takahashi, H., & Kimura, B. (2015). Effect of sodium-alginate and laminaran on Salmonella Typhimurium infection in human enterocyte-like HT-29-Luc cells and BALB/c mice. Carbohydrate Polymers, 125, 113-119. Liu, J., Kandasamy, S., Zhang, J., Kirby, C. W., Karakach, T., Hafting, J., Critchley, A. T., Evans, F., & Prithiviraj, B. (2015). Prebiotic effects of diet supplemented with the cultivated red seaweed Chondrus crispus or with fructo-oligo-saccharide on host immunity, colonic microbiota and gut microbial metabolites. BMC Complementary and Alternative Medicine, 15, 1-12. Morrison, D. J., & Preston, T. (2016). Formation of short chain fatty acids by the gut microbiota and their impact on human metabolism. Gut Microbes, 7, 189-200. O’Sullivan, L., Murphy, B., McLoughlin, P., Duggan, P., Lawlor, P. G., Hughes, H., & Gardiner, G. E. (2010). Prebiotics from marine macroalgae for human and animal health applications. Marine Drugs, 8(7), 2038-2064. Raman M, Ambalam P, Doble M. (2016). Short-chain fatty acids. In M. Raman, P. Ambalam, & M. Doble (Eds.), Probiotics and bioactive carbohydrates in colon cancer management (pp.97-115). Springer, New Delhi. Ramnani, P., Chitarrari, R., Tuohy, K., Grant, J., Hotchkiss, S., Philp, K., Campbell, R., Gill, C., & Rowland, I. (2012). In vitro fermentation and prebiotic potential of novel low molecular weight polysaccharides derived from agar and alginate seaweeds. Anaerobe, 18, 1-6. Rhein-Knudsen, N., Ale, M. T., & Meyer, A. S. (2015). Seaweed hydrocolloid production: An update on enzyme assisted extraction and modification technologies. Marine Drugs, 13(6), 3340-3359. APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 44-47_Strategic R&D_Suwimol.indd 47
47
18/3/2562 BE 20:29
STRATEGIC R & D
กสิภูมิ ทวนคง Khasipoom Thaunkhong
Assistant Product Manager BJC Specialties Company Limited Khasipot@bjc.co.th
สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ จากถั่วเหลืองกับ คุณประโยชน์ต่อร่างกาย
สารออกฤทธิ์ ท างชี ว ภาพ (Bioactive compounds) คื อ สารจากสิ่ ง มี ชี วิ ต ตามธรรมชาติที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตทั้งคน สัตว์ และพืช โดยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ดี ต้องเป็นสารที่มีผลจําเพาะเจาะจงและสารนั้นจะต้องไม่มีผลในทางลบต่อร่างกาย หรือ มีผลข้างเคียงน้อย ซึ่งสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมีหลายชนิด เช่น สารกลุ่มพอลิฟีนอล (Polyphenol) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniod) แอนโทไซยานิน (Anthocyaine) ลูทีน (Lutein) และไบโอแอคทีฟเพปไทด์ (Bioactive peptide)1 เป็นต้น ซึ่งในบทความนี้ จะกล่าวถึงไบโอแอคทีฟเพปไทด์เเป็นหลัก ในปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าโปรตีนจากอาหาร ประกอบด้วยล�ำดับกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบของเพปไทด์ที่มีฤทธิ์ทาง เภสั ช วิ ท ยาซึ่ ง ออกฤทธิ์ ต ่ อ ร่ า งกายหลายอย่ า ง เช่ น ต่ อ ต้ า นอนุ มู ล อิ ส ระ (Antioxidant) ปรับระบบภูมิคุ้มกัน (Immunomodulation) ลดความดันโลหิต (Anti-hypertension) ลดน�้ำตาลในเลือด (Anti-diabetic) และลดไขมันในเลือด (Anti-dyslipidemic) โดยทัว่ ไปไบโอแอคทีฟเพปไทด์จะประกอบด้วยกรดอะมิโน 2-20 ชนิดและมีมวลโมเลกุลน้อยกว่า 6,000 ดาลตัน ซึ่งการเกิดหรือการผลิต ไบโอแอคทีฟเพปไทด์นั้นจะเกิดจากกระบวนการย่อยด้วยน�้ำ (Hydrolysis) โดยมีเอนไซม์ในกลุ่มโปรติเอส (Protease) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งท�ำให้เกิด เพปไทด์สายสัน้ ๆ หรือเกิดไบโอแอคทีฟเพปไทด์ขนึ้ ซึง่ ร่างกายจะสามารถดูดซึม เพปไทด์สายสั้นๆ ได้รวดเร็วกว่าในรูปกรดอะมิโน2 (รูปที่ 1) รูปที่ 1 การดูดซึมเพปไทด์เข้าสู่เซลล์
Figure 1 Absorption of peptides into cells
ปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหัน มาบริ โ ภคโปรตี น จากพื ช และลดการ บริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์เพิ่มขึ้นอย่าง ต่ อ เนื่ อ งทั้ ง ในจี น ยุ โ รป และอเมริ ก า ท�ำให้โปรตีนจากพืชมีบทบาทมากขึ้นใน อนาคตซึ่งรวมถึงไบโอแอคทีฟเพปไทด์จากพืชด้วย เช่น เพปไทด์จากถั่วเหลือง (Soy peptide) โปรตีนจากถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนที่หาง่าย ราคาไม่แพง และมีกรดอะมิโนจ�ำเป็นครบถ้วน นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่แพ้น�้ำตาลแลคโตสใน นมวัวอีกด้วย โปรตีนจากถั่วเหลืองประกอบด้วยโปรตีนไกลซินิน (Glycinin) และ β-conglycinin ร้อยละ 65-80 ซึง่ ในปัจจุบนั มีการศึกษาวิจัยพบว่าเพปไทด์ จากถั่วเหลืองมีสมบัติเป็นไบโอแอคทีฟเพปไทด์และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ในหลายหน้าที่ ดังนี้ 48
ป้องกันการสลายตัวและฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการออกก�ำลังกาย (รูปที่ 2) จะพบว่าผู้ทดลองที่รับประทานเพปไทด์จากถั่วเหลืองจะมีระดับเอนไซม์ครีเอทีนไคเนส (Creatine kinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่บ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อมีการฉีกขาดหรือสลายตัวมากน้อยเท่าไร ในระดับที่ต�่ำกว่าผู้ท่ีรับประทานโปรตีน ถั่วเหลือง และในกลุ่มยาหลอก
รูปที่ 2 การเปลี่ยนแปลงระดับเอนไซม์ครีเอทีนไคเนส Figure 2 Changes in creatine kinase enzyme
รูปที่ 3 กระตุ้นการสังเคราะห์ Growth hormone-mediated IGF1 และยับยั้ง สารกลุ่มไซโตไคน์ Figure 3 The cytokine substance that affects muscle breakdown
นอกจากนี้ เพปไทด์จากถั่วเหลืองยังมีสมบัติในเรื่องเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยกระตุ้นการสังเคราะห์ Growth hormone-mediated IGF1 เพื่อท�ำให้เกิด การเพิ่มการสังเคราะห์กล้ามเนื้อและยับยั้งสารกลุ่มไซโตไคน์ (Cytokines) ซึ่ง ท�ำให้ลดการสลายตัวของกล้ามเนื้อ (รูปที่ 3)
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
48-49_Strategic R&D_BJC.indd 48
18/3/2562 BE 21:37
STRATEGIC R & D
Bioactive Compound from Soy Peptide…
A Better Choice for Your Health
รูปที่ 4 เพปไทด์จากถั่วเหลืองที่มีผลกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย Figure 4 Soy peptide which helps stimulate the metabolism
เพปไทด์จากถั่วเหลืองยังมีสมบัติในการช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกายได้มากขึ้นประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ กลุ่มควบคุม (รูปที่4) และยังมีการศึกษาพบว่าเพปไทด์ที่ย่อย มาจาก β-conglycinin สามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนโคเลซีสโตไคนิน3 (Cholecystokinin; CCK) และสามารถจับและกระตุ้น ฮอร์โมน CCK Receptor-type 1 (CCK1R) ได้ จึงยับยั้งความอยากอาหารและท�ำให้รู้สึกอิ่ม4 นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้น การสร้างฮอร์โมนอดิโพเนคทิน (Adiponectin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน โปรตีนที่ควบคุมเมทาบอลิซึมของกลูโคสและกรดไขมัน อีกสมบัติหนึ่งของเพปไทด์จากถั่วเหลือง คือ สามารถกระตุ้น การสังเคราะห์ Neurotrophic factor (NGF, BDNF, NT3) ซึ่งมีผล ต่ อ การเติ บ โตและการแตกแขนงของเซลล์ ป ระสาทในสมอง การรับประทานเพปไทด์จากถัว่ เหลืองจึงมีสว่ นช่วยในเรือ่ งความจ�ำ และการท�ำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตามรูปที่ 5
รูปที่ 5 กระตุ้นการเติบโตและการแตกแขนงของเซลล์ประสาทในสมอง
Figure 5 The stimulation of the growth and branching of neurons in the brain
เอกสารอ้างอิง/References 1 วรรณฤดี หิรัญรัตน์. 2552 สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากราเอนโดไฟต์ วารสาร มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 2 นันทีทิพ ลิ้มเพียรชอบ. 2559 ไบโอแอ็กทิฟเพปไทด์ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา หน้า 2, 3, 66, 77, 80, 81 3 Nishi, T., Hara, H., Hira, T.,Tomita, F.(2001). Dietary protein peptic hydrolysates stimulate cholecystokinin release via direct sensing by rat intestinal mucosal cells. EXP Biol Med (Maywood) 226; 1031-1036. 4 Staljanssens, D., Van Camp, J., Billiet, A., De Meyer, T., Al Shukor, N., De Vos, W.H., et al. (2012). Screening of soy and milk protein hydrolysates for their ability to activate the CCK1 receptor. Peptides 34:226-231. 48-49_Strategic R&D_BJC.indd 49
Bioactive compounds are substances from natural organisms that affect human beings, animals and plants. Good bioactive compounds must be a substance that has specific effects and the substance must not create negative to the body or have few side effects to the body. There are many kinds of bioactive compounds such as polyphenol, flavoniod, anthocyanin, lutein, and bioactive peptide1, and etc. This article will discuss mainly on the bioactive peptide. At present, there is a scientific evidence to show that proteins from food contain the amino acids which are parts of peptides that have many pharmacological effects on the body such as antioxidant, immunomodulation, anti-hypertension, anti-diabetic, and anti-dyslipidemic. In general, bioactive peptides are composed of 2-20 amino acids and have a molecular mass of less than 6,000 Daltons. The bioactive peptide is produced from hydrolysis with having protease enzymes as a catalyst, causing short-chained peptides or formed of bioactive peptide, which the body can absorb short peptide faster in the form of amino acid2 (Figure 1) Nowadays, consumers mainly in China, Europe, and America tend to consume more of plant protein, while reduce consumption of meat products continuously, resulting plant protein, including bioactive peptide likes soy peptide to play more significant role in the future. Soy protein is a source of protein that is easy to find, inexpensive, and contains all the essential amino acids. It is also suitable for people who are allergic to lactose in dairy’s milk. Soy protein consists of Glycinin and 65-80 percent of β-conglycinin, which a study in current found that soy peptide has a bioactive peptide and has many benefits to the body as follows: Preventing disintegration and restoring muscle after exercise (Figure 2). The study found that the subjects consuming soy peptide will have lower levels of creatine kinase than those who eat soy protein, which is an enzyme that indicates how much muscle is breakdown or destroyed. Soybean peptide also has properties to strengthen muscles by stimulating the growth hormone-mediated IGF1 in order to increase muscle promotion and inhibit cytokines substance, which reduce muscle breakdown. (Figure 3) Soy peptide also has properties to help stimulate the body’s metabolism by about 10 percent when compared to the controlled group. (Figure 4) Moreover, the study found that peptide that are digested from β-conglycinin can stimulate the secretion of cholecystokinin: CCK hormone3 and be able to capture and stimulate the CCK Receptor-type 1 (CCK1R) hormone, thus it can inhibit appetite and make people feel that they are full4. In addition, it can stimulate the production of adiponectin, a protein hormone that controls the metabolism of glucose and fatty acids. Another property of soybean peptide is to stimulate the production of neurotrophic factor (NGF, BDNF, NT3), which affects the growth and branching of neurons in the brain. Consequence, soy peptide consumption helps promote memory and work of brain function effectively.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
49
18/3/2562 BE 21:38
SCOOP
การบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็น ปัญหาสุขภาพของประชากรไทย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ อัมพฤกษ์อัมพาต และโรคไต รวมถึงส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมติดเค็ม ท�ำให้การลดปริมาณโซเดียมเป็นไปได้ยาก
โครงการต้นแบบ ผลิตภัณฑ์เกลือลดโซเดียม:
การใช้ประโยชน์และ การถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์
นด์
gazine .com
องค์การอนามัยโลกได้ก�ำหนดให้บริโภคโซเดียมไม่เกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม ซึ่งเท่ากับเกลือประมาณ 1 ช้อนชา หรือน�้ำปลาประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แต่จากผลการส�ำรวจที่ผ่านมาในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทย พบว่ า ประชากรส่ ว นใหญ่ บ ริ โ ภคโซเดี ย มมากเกิ น กว่ า ความต้องการของร่างกายถึง 3-4 เท่าตัวซึง่ ถือว่าอยูใ่ นสถานการณ์อนั ตราย และถ้าไม่ได้รับการควบคุมอาจท�ำให้อัตราการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรัง ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคโซเดียมเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต การส� ำ รวจของกรมอนามั ย ในปี 2552 พบว่ า คนไทยส่ ว นใหญ่ มี แนวโน้มในการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง โดยมีค่าเฉลี่ยการบริโภค โซเดียมสูงถึง 4,351.7 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกก�ำหนดไว้ถึง 2 เท่า โดยร้อยละ 71 ของโซเดียมมาจากการใช้ เครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น�้ำปลา เกลือ กะปิ ซีอิ๊ว ผงชูรส เป็นต้น นอกจากนี้ การรับประทานโซเดียมสูงเป็นประจ�ำยังท�ำให้ต่อมรับรสมีความเคยชิน ต่อรสเค็ม หรือมีระดับของการรับรสเค็มที่สูงขึ้น (Increased threshold) ท�ำให้การปรับลดปริมาณโซเดียมในอาหารเป็นไปได้ยาก 50
ชุษณา เมฆโหรา Chusana Mekhora
Researcher Professional Level Department of Nutrition and Health Institute of Food Research and Product Development (IFRPD) Kasetsart University ifrcnm@ku.ac.th
วิธีการที่นิยมใช้ปรับลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหาร คือ การใช้ สารทดแทนเกลือ หรือโพแทสเซียมคลอไรด์ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้โพแทสเซียมคลอไรด์อาจก่อให้เกิดรสเฝื่อนในผลิตภัณฑ์ รวมถึงยังมีข้อควรระวังในการใช้ กับผู้ป่วยบางโรค เช่น โรคไต หรือโรคหัวใจ ที่ต้องจ�ำกัดปริมาณโพแทสเซียม ดังนั้นการหาแนวทางในการปรับลดโซเดียมโดยไม่ส่งผลกระทบต่อรสชาติเค็ม จึงมีความจ�ำเป็น
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
50-52_Scoop_Salt.indd 50
18/3/2562 BE 20:14
SCOOP ทางที ม ผู ้ วิ จั ย ได้ ท� ำ การศึ ก ษา กระบวนการการปรับลดขนาดอนุภาค เกลือทะเล (Particle size reduction) และใช้สารเสริมรสชาติ (Flavor induced saltiness) เพือ่ ใช้เป็น ทางเลื อ กในการลดปริ ม าณ โซเดี ย มหรื อ เกลื อ ในผลิ ต ภั ณ ฑ์ อาหาร โดยที่ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ยั ง คงมี รสชาติเค็มใกล้เคียงเดิม ผลการศึกษาการปรับลดขนาดเกลือทะเลต่อการรับรสเค็ม พบว่าขนาดอนุภาค เกลื อ ที่ เ ล็ ก ลง (ขนาด 400, 80 และ 40 ไมครอน) มี แ นวโน้ ม ท� ำ ให้ ผู ้ ท ดสอบรู ้ สึ ก ว่ า อาหารมีความเค็มเพิม่ ขึน้ เมือ่ เปรียบเทียบกับเกลือ ทีม่ ขี นาดใหญ่กว่าในปริมาณทีเ่ ท่ากัน (รูปที่ 1) และเมือ่ ทดสอบการใช้เกลือทะเลปรับลดขนาดที่ 40 ไมครอน เพื่อลดปริมาณโซเดียมในผลิตภัณฑ์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ พบว่าเกลือทะเลขนาด 40 ไมครอน สามารถ ลดปริมาณการใช้ลงได้ร้อยละ 25 โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์มีความเค็ม ลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เกลือปรุงอาหารทั่วไป (รูปที่ 2) ทั้งนี้ ผลที่ เกิดขึ้นเนื่องจากเกลือที่มีขนาดเล็กจะละลายและแตกตัวเข้าสู่ต่อมรับรส ในลิ้นได้ดีกว่าเกลือขนาดใหญ่ ท�ำให้รู้สึกเค็มได้ดีและเร็วขึ้น รวมถึง
เกลือขนาดเล็กยังสามารถยึดเกาะกับพื้นผิวอาหารได้ดี ท�ำให้ไม่ต้องใช้เกลือในปริมาณที่มากเกินความจ�ำเป็น การลดขนาดเกลื อ สามารถน� ำ ไปประยุ ก ต์ ใ ช้ ไ ด้ กั บ ผลิตภัณฑ์อาหารทีต่ อ้ งใช้เกลือเป็นเครือ่ งปรุงรส หรือ เป็นตัวโรยเคลือบผิว เช่น ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอด ไก่ทอด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดขนาดเกลือไม่มผี ล ในผลิ ต ภั ณ ฑ์ อ าหารที่ ใ ช้ เ กลื อ ในลั ก ษณะ สารละลาย ด้วยข้อจ�ำกัดนี้ทางทีมวิจัยมีการศึกษาการใช้เกลือร่วมกับสารเสริมรสชาติ ได้แก่ สมุ น ไพรไทย และสารสกั ด กรดกลู ต ามิ ก จาก เนื้ อ ไก่ พบว่ า การใช้ ส ารเสริ ม รสชาติ ทั้ ง สองกลุ ่ ม นี้ สามารถลดปริ ม าณเกลื อ ลงได้ ร ้ อ ยละ 15-25 ใน ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ป ลาเค็ ม และหมูยอ โดยไม่สง่ ผลกระทบคุณลักษณะผลิตภัณฑ์ ความชอบ และการยอมรับของผู้บริโภค องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยครั้งนี้สามารถน�ำมาใช้เป็นแนวทางใน การปรับลดปริมาณโซเดียมในอาหาร หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม ขนมขบเคี้ยว หรือผงปรุงรสต่างๆ รวมถึงถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่สนใจจะน�ำไปผลิตจ�ำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เพื่อลดการบริโภคโซเดียม ในประชากรตามแนวทางของเครือข่ายลดบริโภคเค็มต่อไป
Visit us at Booth No. ZZ13 Hall 1
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 50-52_Scoop_Salt.indd 51
51
19/3/2562 BE 19:43
SCOOP High-sodium food consumptions cause chronic non-communicable diseases (NCDs) such as high blood pressure, coronary artery disease, paralysis, and kidney disease, which affect health problems for the Thai population. Eating behavior also influences people on a salty taste habit that makes it difficult to reduce sodium intake.
Prototype of the Sodium Reduction Project:
Utilization and Commercial Technology Transfer The World Health Organization (WHO) has determined not more than 2,000 milligrams of sodium an acceptable daily intake, which equivalent to about 1 teaspoon of salt or 2 tablespoons of fish sauce. Based on previous surveys in countries around the world, including Thailand, this pertains to the majority of the population consuming 3-4 times more sodium than the body’s needs. Over consumption of sodium is however considered dangerous. If not controlled, the rate of chronic illness related to sodium intake would be highly increased in the future. A survey conducted by the Department of Health in the year 2009 found that most Thai people are more likely to consume foods that are high in sodium, with an average of 4,351.7 mg per person per day. That rate shows twice the amount that the WHO has recommended. By all means, 71% of sodium comes from the use of various seasonings such as fish sauce, salt, shrimp paste, soy sauce, monosodium glutamate, etc. Besides, consuming high sodium regularly also makes the taste buds a habit of salty taste or allows a higher level of salty taste (Increased threshold) that makes it difficult to reduce sodium intake in food. A popular way to cut back sodium content in food products is to use salt substitutes or potassium chloride. However, the use of potassium chloride may cause unpleasant taste in the food product. Precautions for kidney disease or heart disease patients are necessary to limit the amount of potassium usage. Therefore, finding a tasteful way to reduce sodium without affecting salty flavor is essential. The researchers studied the particle size of the sea salt reduction process and flavor induced saltiness as an alternative to reducing sodium or salt in food products, but maintaining a sensitivity to the taste as much salt as original. The results of the study revealed that the particle size of sea salt got smaller (400, 80 and 40 microns). The testers inclined to feel that the saltiness of the food was increased compared to the larger particles in the same amount (Figure 1). When tested by reducing the particle of sea salt to 40 microns in order to reduce the sodium content in the cashew nut salt products, it was found that 40 microns could reduce the amount of salt used by 25% without notice by the consumers when compared with the general cooking salt usage (Figure 2). Anyhow, the results can be explained that the smaller size of salt will be dissolved and diffused into the taste receptors on the tongue better than large sizes that makes it feel salty taste better and faster. Additionally, smaller size of salt can also be well absorbed to the food surface, eliminating the need to use salt in an excess amount. Salt reduction can be applied to food products that require salt as a seasoning, or as a surface coating such as snacks, potato chips, fried chicken, etc.
52
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
50-52_Scoop_Salt.indd 52
However, the size of salt does not affect food products that use salt as a saline solution. With this limitation, the research team then studied the use of salt together with flavor enhancers, including Thai herbs and glutamic acid extracts from chicken meat. It was found that both flavor enhancers could reduce the salt content by 15-25% of dried salted fish products and white pork sausage without affecting the product qualities, preferences and consumer acceptance.
Figure 1 Effect of particle reduction on saltiness perception in fried chicken seasoning with different particle sizes of sea salt.
Figure 2 Effect of PRS 40 (particle reduction sea salt at 40 Âľm) on sodium reduction in the salt cashew nut products. Using PRS 40 can reduce the amount of salt used by 25% without notice by the consumers when compared with table salt (400 Âľm).
Knowledge gained through this research can be used as a threshold for sodium intake reduction in foods or any other food products, especially groups of snack or seasonings. This technology will also be transferred to an interested entrepreneur in a commercial business to achieve a population reduction intake of salt according to the salt reduction network guideline.
18/3/2562 BE 20:14
ad_FHA 2019.indd 1
18/3/2562 BE 18:09
STRENGTHEN THE PACKAGING ณัฐนันท์ อภินันท์วัฒนกูล Nattanan Apinunwattanakul
Economic Intelligence Center (EIC) The Siam Commercial Bank Public Company Limited nattanan.apinunwattanakul@scb.co.th www.scbeic.com
ในปัจจุบนั อุตสาหกรรมบรรจุภณ ั ฑ์พลาสติกไทยเริม่ มีการเติบโตในอัตราที่ ช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูป (Rigid plastic packaging) อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรและวิถีชีวิต รวมถึงบรรจุภัณฑ์พื้นฐาน เช่น ถุงหูหิ้ว หลอดพลาสติกที่มีแนวโน้มถูกใช้งาน น้อยลงจากกระแสรักษ์โลกและการรณรงค์ของภาครัฐและภาคเอกชน
การเปลี่ยนแปลงของ บรรจุภัณฑ์พลาสติกไทย กับโอกาสของผู้ผลิตไทย ในกระแสการเติบโต
อี ไ อซี ม องว่ า ผู ้ ผ ลิ ต บรรจุ ภั ณ ฑ์ พ ลาสติ ก ควรปรั บ กลยุ ท ธ์ ใ ห้ เ หมาะสมกั บ การเปลี่ ย นแปลง โดยปรั บ ลด สัดส่วนการลงทุนในบรรจุภณ ั ฑ์ประเภทใช้ครัง้ เดียวทิง้ และ ควรเพิ่ ม สั ด ส่ ว นการลงทุ น ในพลาสติ ก แบบอ่ อ นตั ว (Flexible packaging) ที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งมีก�ำไรขั้นต้นราว ร้อยละ 20 ในขณะที่ก�ำไรขั้นต้นของพลาสติกแบบพื้นฐาน มีก�ำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 5-10 รวมถึงการน�ำนวัตกรรมมา ช่วยสร้างมูลค่าเพิม่ ให้กบั ผลิตภัณฑ์ เช่น นวัตกรรมควบคุม ความชื้ น ในบรรจุ ภั ณ ฑ์ ควบคู ่ ไ ปกั บ การปรั บ กลยุ ท ธ์ การผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ หรือใช้เม็ด Bio-plastic เพื่อขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อัตราการเติบโตของการบริโภคที่ลดลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปริมาณดังกล่าวถูกแทนที่ด้วย พลาสติกแบบอ่อนตัว
การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรและวิถีชีวิตของคนไทย
การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรและวิถีชีวิตของคนไทยท�ำให้พลาสติกแบบอ่อนตัวมีความ ต้องการมากขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ ได้แก่
การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในประเทศไทยมีแนวโน้ม เติบโตช้าลง
แม้ว่าที่ผ่านมาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถ ขยายตัวได้อย่างต่อเนือ่ ง โดยในช่วงปี 2551-2555 ปริมาณ การใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกมีอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 7 ต่อปี และเริ่มชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 3 ต่อปี ในช่วงปี 2556-2560 โดยเมื่ อ ศึ ก ษาในสั ด ส่ ว นของบรรจุ ภั ณ ฑ์ พลาสติกแล้ว พบว่าปริมาณการใช้พลาสติกคงรูปเริ่มมี 54
รูปที่ 1 ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเริ่มมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง (หน่วย: พันล้าน)
Figure 1 The growth of using plastic packaging in Thailand is showing signs of slowing down (Unit: Billion)
ที่มา/Source: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Woodmac, สถาบันพลาสติก FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
54-57_Strengther_SCB.indd 54
EIC Analysis of information from Trade Map
18/3/2562 BE 22:27
STRENGTHEN THE PACKAGING 1) การเติบโตของความเป็นชุมชนเมือง และการเพิม่ ขึน้ ของรายได้ตอ่ หัว ท�ำให้ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกส�ำหรับ อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 2) การขยายตัวของครัวเรือนขนาดเล็ก เนื่องจากจ�ำนวนคนโสดและ คู่สมรสที่ไม่มีบุตรมีจ�ำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์แบบ เฉพาะหน่วย (Individual packaging) มากขึ้น โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะ มีขนาดเล็กลงเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการบริโภคสินค้าของสมาชิกใน ครัวเรือน เพื่ออ�ำนวยความสะดวกในการเดินทาง 3) การเติบโตของสังคมผูส้ งู อายุ รวมไปถึงกระแสความใส่ใจด้านสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภค ท�ำให้มีความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่รักษาความสดใหม่ สามารถยืดอายุสินค้าให้นานที่สุด และรักษาระดับ ความร้อนและความเย็นของอาหารและเครื่องดื่ม โดยไม่มีสารปนเปื้อน ออกมาจากพลาสติก จากการเปลี่ยนแปลง 3 ด้านดังกล่าว ท�ำให้ความต้องการใช้พลาสติก แบบอ่อนตัวของไทยมีแนวโน้มสูงขึน้ เนือ่ งจากบรรจุภณ ั ฑ์ดงั กล่าวมีลกั ษณะ เป็นแบบชั้นฟิล์มหลายชั้น (Multilayer film) ซึ่งมีประโยชน์ในด้านการทน ความร้อนและความดันสูง ทั้งยังสามารถพิมพ์ฉลากลงบนบรรจุภัณฑ์ได้ มีความแข็งแรง ความสะดวกในการห่อหุม้ สินค้า สามารถขึน้ รูปเป็นบรรจุภณ ั ฑ์ หน่วยเล็กๆ ได้ ง่ายต่อการใช้งาน และการขนส่ง เช่น ถุงแบบตั้งได้ (Standup pouches) ถุงซิป (Re-closable packs)
กฎเกณฑ์และมาตรการจากภาครัฐ
กฎเกณฑ์และมาตรการจากภาครัฐเป็นปัจจัยผลักดันในการลดการใช้ พลาสติกแบบพื้นฐาน และน�ำบรรจุภัณฑ์พลาสติกหมุนเวียนมาใช้ใหม่ มากขึ้น โดยรัฐ มี 3 เป้าหมายหลักส�ำคัญที่จะจัดการขยะพลาสติกแบบ บูรณาการ คือ 1) ปริมาณขยะพลาสติกที่น�ำไปก�ำจัดจะต้องลดลง 2) การออกแบบและผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มากขึ้น 3) มีการน�ำพลาสติกกลับมาใช้หลังการบริโภคร้อยละ 60 ภายในปี 2564 ทั้งนี้ ภาครัฐจะมีการทบทวนแนวคิดการจัดเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียม จากการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก เช่น ภาษีถุงพลาสติก หรือภาษีห่อหุ้ม ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ให้บริษัทผลิตน�้ำดื่ม เลิกหุ้มฝาขวดด้วยพลาสติก (Cap seal) โดยมีเป้าหมายในการลดปริมาณ ขยะพลาสติกให้ได้ปีละ 520 ตัน หรือมีความยาว 260,000 กิโลเมตร คิดเป็น ความยาวรอบโลกถึง 6.5 รอบ ตัง้ แต่วนั ที่ 1 เมษายน 2561 ในส่วนของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ ป ระกาศยกเลิ ก การใช้ ถุ ง พลาสติ ก ส� ำ หรั บ ใส่ ย า ทุกหน่วยงานในสังกัด ซึง่ เริม่ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ซึ่ง มาตรการนี้จะช่วยลดการใช้ ถุงพลาสติกของโรงพยาบาล ในสังกัดของกรมการแพทย์ ถึงปีละกว่า 9 ล้านใบ
นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกพื้นฐานในภาค เอกชนของไทย เช่น Tops daily จัดกิจกรรมรับคะแนนสะสมเพิ่ม เมื่อซื้อสินค้า ในร้านโดยไม่รบั ถุงพลาสติก SCB จัดกิจกรรมรณรงค์ลดการใช้ขวดน�ำ้ พลาสติก แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วยการแจกขวดน�้ำพลาสติกที่สามารถน�ำกลับมาใช้ซ�้ำ ให้แก่พนักงาน อีไอซีมองว่ามาตรการของทัง้ ภาครัฐและเอกชนดังทีก่ ล่าวข้างต้น แม้วา่ ใน ระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไม่มากนัก เนื่องจากคนไทยมีการใช้ ถุงพลาสติกปีละ 7 พันล้านใบ แต่หากภาครัฐปฏิบัติตามเป้าหมายได้ส�ำเร็จ ในการน�ำพลาสติกกลับมาใช้หลังการบริโภคร้อยละ 60 ตามที่กล่าวข้างต้น ประกอบกับกระแสการลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว จะส่งผลกระทบต่อ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบพื้นฐานแบบบริโภคครั้งเดียว (Single use) อย่างถุงหูหิ้ว ขวดน�้ำพลาสติกแบบพื้นฐาน จากปริมาณการใช้ที่ชะลอตัวลง อย่างมีนัยส�ำคัญในอนาคต
ไทยยังมีความต้องการแผ่นฟิล์มเพื่อน�ำไปผลิตพลาสติกแบบอ่อนตัว ที่มีมูลค่า ในปัจจุบันไทยน�ำเข้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทฟิล์ม เช่น ถุงพลาสติก เสริมอลูมิเนียมฟอยล์ประเภทปลอดเชื้อที่มีมูลค่าสูง ขณะที่เป็นผู้ส่งออกสุทธิ บรรจุภัณฑ์พลาสติกพื้นฐาน เช่น ถุงพลาสติกแบบหูหิ้ว (Shopping bag) ที่มี มูลค่าเพิม่ ต�ำ่ ท�ำให้เมือ่ เปรียบเทียบมูลค่าของพลาสติกต่อตันกับประเทศทีเ่ ป็น ผูส้ ง่ ออกสุทธิในเอเชียอย่าง จีน เกาหลี เวียดนาม ไต้หวัน อินโดนีเซีย และญีป่ นุ่
รูปที่ 2 ไทยเสียเปรียบในเชิงมูลค่าต่อน�้ำหนักของบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในเอเชียปี 2560 (หน่วย: พันเหรียญสหรัฐต่อตัน)
Figure 2 Thailand is severely disadvantaged in the per weight value of plastic packaging when compared to other exporters in Asia in 2017 (Unit: USD 1,000 per tonne)
ที่มา/Source: การวิเคราะห์โดย EIC จากข้อมูลของ Trade Map
EIC Analysis of information from Trade Map
พบว่าไทยมีความเสียเปรียบในเชิงมูลค่าบรรจุภัณฑ์พลาสติกต่อตัน มากที่สุด และประเทศญี่ปุ่นมีความได้เปรียบในเชิงมูลค่ามากที่สุด โดยสินค้าที่ญี่ปุ่นส่งออกจะเป็นแผ่นฟิล์มที่มีหลายชั้น เพื่อผลิตเป็น บรรจุ-ภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนตัว (รูปที่ 2) ทั้งนี้ จึงเป็นเป็นอีกหนึ่ง โอกาสให้ผปู้ ระกอบการพัฒนาตลาดส�ำหรับแผ่นฟิลม์ เพือ่ ใช้สำ� หรับ พลาสติกแบบอ่อนตัวที่ยังมีความต้องการทั้งภายในประเทศและ ต่างประเทศ APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
54-57_Strengther_SCB.indd 55
55
18/3/2562 BE 22:27
STRENGTHEN THE PACKAGING
นวัตกรรมจะมีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรม บรรจุภัณฑ์พลาสติก
การสร้ า งนวั ต กรรมให้ กั บ บรรจุ ภั ณ ฑ์ พ ลาสติ ก จะท� ำ ให้ ผู ้ ป ระกอบการมี ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและอาจเพิ่มยอดขายได้ในอนาคต ทั้งนี้ ตัวอย่างของ นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์แนวโน้มของการใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น Active Packaging ช่วยรักษาคุณภาพอาหาร และยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ จาก การใช้กระบวนการต่างๆ โดยการดูดออกซิเจน การควบคุมความชืน้ การดูดหรือ ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ อันเนือ่ งมาจากแบคทีเรียหรือราบางประเภททีป่ ล่อย ออกมาระหว่างการเจริญเติบโต ส�ำหรับในต่างประเทศ ได้เน้นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในการใช้พลาสติก ชีวภาพ โดยยุโรปตะวันตกเป็นผู้บริโภคพลาสติกชีวภาพรายใหญ่ที่สุดของ
ภูมิภาค โดยในปี 2560 มีปริมาณการใช้พลาสติกชีวภาพถึง 500,000 ตัน หรือครึง่ หนึง่ ของความต้องการทัว่ โลก คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลีย่ ปี 25552560 ราวร้อยละ 18 ปัจจัยของการเติบโตนัน้ มาจากการได้รบั การสนับสนุน จากกฎระเบียบภาครัฐและความตระหนักและความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ของประชาชน โดยยุโรปพร้อมประกาศยกเลิกการใช้พลาสติกแบบ Singleuse ภายในปี 2568 จากตัวอย่างดังกล่าวสะท้อนได้ว่าถึงเวลาแล้วที่ที่ผู้ประกอบการไทย ต้องปรับตัวโดยน�ำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการปรับปรุงสินค้าทัง้ ในด้านของ ประโยชน์การใช้งานทีต่ อบโจทย์ผบู้ ริโภคมากขึน้ โดยใช้บรรจุภณ ั ฑ์พลาสติก แบบอ่อนตัว และการใช้พลาสติกชีวภาพเพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจสามารถ เติบโตได้อย่างยั่งยืน
Presently, the growth of the plastic packaging industry in Thailand has grown slowly, especially for the rigid plastic packaging segment. This is due to changes in the population structure, as well as lifestyle. Meanwhile, producers of fundamental plastic goods, such as plastic carrier bags and straws, are facing increasing risks from the rising trend of saving the planet backed by campaigns from both the public and private sectors. Consequently, the use of mentioned plastic products is likely to decrease. Thus, plastic packaging producers will need to adapt to cater to these changes.
Changes in the Plastic Packaging Trend
and Opportunities for Thai Producers in the Growing Market EIC views that plastic packaging producers should alter their strategy to suit the recent changes. One such strategy is to reduce investment in single-use plastic packaging while increasing investment in flexible plastic packaging, which has a higher added-value. In comparison, flexible plastic packaging has 20% gross-profit margin while fundamental plastic products are at 5-10%. Another possible strategy is to introduce an innovation to create additional value, such as an innovation to control moisture in the packaging, alongside adjusting design and production process. Businesses may also consider using bio-plastic resin to create packaging that will help to lessen impacts on the environment.
56
Usage of Plastic Packaging in Thailand is Showing Signs of Slowing Down
Contrary to the strong growth experienced by the plastic packaging industry previously, the growth is showing signs of slowing down. Between 2008-2012 usage of plastic packaging grew 7% per year before falling to 3% per year between 2013-2017. When assessing the share of plastic packaging usage, it was found that the use of rigid plastic packaging that has experienced continuous growth has reduced in the past 5 years. The share was replaced by the use of flexible plastic packaging.
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
54-57_Strengther_SCB.indd 56
18/3/2562 BE 22:27
STRENGTHEN THE PACKAGING Changes in the Population Structure and Thai People’s Lifestyle
Changes in the population structure and Thai people’s lifestyle resulted in an increase in demand for flexible plastic packaging that has special properties and is of higher value to fundamental plastics Important changes include 1) The increased urbanisation and the increase in income per capita resulted in higher usage of packaging products especially plastic packaging to store food and beverages 2) The expansion of smaller household due to an increase in single and married without child couples that lead to an increase in demand for individual packaging products that are suitable for household consumption and for travelling 3) The ageing population and the rise of consumers that are health conscious and are safety aware resulted in the need for plastic packaging that are able to preserve freshness and lengthen shelf life of contained products, as well as maintaining food and beverage temperature without contamination from the plastic packaging. The three factors mentioned have resulted in the rising demand for flexible plastic packaging in Thailand. This is because such a packaging uses a multilayer film that has an advantage in resisting heat and high pressure. Furthermore, the labelling can also be printed directly on the product, while the package is also strong, convenient for packing goods, can be formed into smaller packaging shapes, and easy to use and to transport such as in the forms of stand-up pouches and re-closable packs.
Regulations and Measures being Introduced by the Government Agencies
Regulations and measures being introduced by the government agencies are important factors contributing to the reduction in usage of fundamental plastic and the increase in the plastic packaging re-use. The government has three important and integrative goals in reducing plastic waste which are 1) Reducing the volume of plastic to be destroyed 2) Design and produce plastic products that are more environmentally friendly 3) Re-use plastic after consumption by 60% within 2021. In this vein, the government will revisit the concept of collecting taxes or introducing fees associated with the use of plastic packaging such as to introduce a plastic bag or packaging tax. Additionally, the Pollution Control Department of the Ministry of Natural Resources and Environment has signed an MOU with bottled water producers to stop using cap seal with the aim of reducing plastic waste of 520 tonnes per year, or 260,000 kilometres of waste that could circle the earth 6.5 times, from 1 April 2018. Meanwhile, The Department of Medical Services, Ministry of Public Health, has also announced that they have stopped using a plastic bag for storing medicines in every unit from 1 October 2018. This measure will reduce the usage of plastic bags in hospitals under the department by more than 9 million bags per year. Similarly, the Thai private sector has their own initiatives to
reduce plastic packaging such as Tops Daily who has been giving additional reward points to customers who refused plastic bag and SCB whose campaign is to reduce usage of single-use water bottles by handing out reusable bottles to employees. EIC recognises that while measures being introduced by both the public and private sectors may not have serious consequences in the short-term since Thai people use more than 7 billion plastic bags per year. However, if the government is able to achieve the goal of re-using plastic bag by 60% after initial consumption and the trend of reducing usage of singleuse plastic bag persists, producers of single-use plastic packaging such as carrier bags and water bottle will be affected through a significant reduction of usage in the future.
There is a Demand in Thailand for the Plastic Film to Produce Flexible Packaging that has a Higher Value
Currently, Thailand is importing plastic film packaging such as plastic bag with aseptic aluminium lining that has high value while exporting fundamental plastic goods including plastic carrier bag with low added value. Therefore, when comparing the value of plastic per tonne against plastic exporters in Asia, which are China, Korea, Vietnam, Taiwan, Indonesia, and Japan, Thailand is severely disadvantaged in the value of plastic packaging per tonne. Meanwhile, Japan has the highest value through exporting plastic film with several layers that can be used in flexible plastic packaging (Figure 2). In this vein, there is an opportunity for producers to develop the market for a plastic film that can be used for flexible plastic packing that has high demand both domestically and internationally.
Innovation will have a Positive Impact in Creating Sustainability in the Plastic Packaging Industry
By creating an innovation for plastic packaging, producers will be able to create a packaging product with a unique selling point that will contribute to the bottom line in the future. Example of such an innovation that cater for the rising trend of health consciousness includes Active Packaging that helps to preserve food quality and lengthen products’ shelf-life through oxygen consumption, controlling moisture, and consume or produce carbon dioxide based on certain types of bacteria or moulds that are release during growth. Beyond Thailand, other countries have focused on an innovation that is environmentally-friendly using bio-plastic. The biggest consumer of this packaging product is Western European Countries. In 2017, consumption of bio-plastic in these countries reached 500,000 tonnes, or half of the total world demand, with an average annual growth between 2012-2017 of 18%. The strong growth was attributed to the support of regulations by the states and the awareness of environmental impacts by the population. In this vein, Europe has announced that they will stop using single-use plastic within 2025. Based on this evidence, it is high-time for Thai producers to adapt by using innovation to improve products to satisfying consumers’ demand for flexible plastic packaging and adopting bio-plastic, an important opportunity in the current trend of sustainable economic growth that is likely to continue.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 54-57_Strengther_SCB.indd 57
57
18/3/2562 BE 22:28
SHOW TIME
Pre Show
THAIFEX-World of Food Asia 2019 11 Trade Shows Under 1 Roof
28 May – 01 June 2019 @ IMPACT Muang Thong Thani, Bangkok, Thailand
งานแสดงสินค้าครั้งส�ำคัญของวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่รวมสุดยอด 11 งานแสดงที่เกี่ยวข้องไว้ใต้หลังคาเดียวอย่างยิ่งใหญ่ งานแสดงทีน่ า่ สนใจและสร้างความประทับใจแก่ผมู้ าเยือนในทุกครัง้ THAIFEXWorld of Food Asia จะจัดขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 16 เพื่อจัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่รวบรวมที่สุดของอุตสาหกรรมไว้ในงานนี้ งานเดียว งานนี้ถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาค เปรียบเสมือนประตูทางยุทธศาสตร์ที่สำ� คัญส�ำหรับภาคธุรกิจ และบริษัท ต่างๆ ที่ต้องการเจาะตลาดในภูมิภาคอาเซียนและอินโดจีน
ยกระดับประสบการณ์งานแสดงสินค้าครั้งส�ำคัญ
ในฐานะงานแสดงสินค้าที่มุ่งสู่การอ�ำนวยความสะดวกทางธุรกิจ ทั้งยังน�ำไปสู่ ข้อตกลงทางการค้าที่มีคุณภาพ THAIFEX-World of Food Asia 2019 จะน�ำเสนอ ประสบการณ์ใหม่สำ� หรับกลุม่ ผูซ้ อื้ หลัก ซึง่ กิจกรรมส�ำหรับกลุม่ ผูซ้ อื้ หลักได้รบั ความ นิยมเป็นอย่างมากในปี 2561 โดยมีกลุ่มผู้ซื้อต่างประเทศหลักจาก 2,168 ราย เข้าร่วมงาน โดยในปีนี้กลุ่มผู้ซื้อหลักจะสามารถเลือกผู้แสดงสินค้าที่พวกเขา ต้องการพบได้ลว่ งหน้า เพือ่ ให้แน่ใจว่าการนัดหมายในช่วงวันแสดงจะมีประสิทธิผล และมีความหมายต่อพวกเขาอย่างแท้จริง ในครั้งนี้จะมีบัตร THAFEXclusive บัตรสมาชิกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่จะออกให้ ส�ำหรับผู้ซื้อชั้นน�ำเพื่อการเข้าถึงงานแสดงที่รวดเร็ว พร้อมมอบสิทธิประโยชน์พิเศษ อืน่ ๆ เช่น เครือ่ งดืม่ และอาหารรับรอง บริการเจ้าหน้าทีใ่ ห้ความอ�ำนวยความสะดวก 58
A highly engaging and multi-sensory show, THAIFEX-World of Food Asia returns for its 16th edition to serve up the best of the food and beverage industry in one blockbuster seating. The region’s largest dedicated F&B trade show is the strategic gateway for companies looking to penetrate the industry in the ASEAN and Indochina regions.
An Elevated Tradeshow Experience
As a show geared towards the facilitation of quality business and trade deals, THAIFEX-World of Food Asia 2019 will feature a new and improved hosted buyer experience. The hosted buyer program was a huge hit in 2018, with 2,168 hosted international buyers attending the show. This year, hosted buyers will be able to preselect the exhibitors they want to meet ahead of time to ensure that appointments during the show days are productive and meaningful. An exclusive membership card, the THAFEXclusive Card, will be issued to top buyers for quick access to the show with exclusive benefits such as complimentary F&B, concierge services, WIFI access, massage as well as luggage delivery and storage. To allow businesses to increase efficiency and profitability, IMPACT Challenger, Hall 1 has been re-tailored as the Technology Hall, where companies across 3 technology sectors of THAIFEX – Food Technology, Food Service and Coffee & Tea – will be
FOOD FOCUS THAILAND APR 2018
58-60_ShowTime_Thaifex.indd 58
19/3/2562 BE 18:20
SHOW TIME
การเข้าถึง WIFI บริการนวด showcasing their leading products, tools and รวมถึ ง บริ ก ารรั บ ฝากและเก็ บ processes. รักษาสัมภาระ Innovations and Trends at และเพื่ อ ให้ ธุ ร กิ จ สามารถเพิ่ ม THAIFEX-World of Food Asia ประสิทธิภาพและผลก�ำไรได้อย่างเต็มที่ THAIFEX-World of Food Asia presents 11 masterfully crafted trade shows across all 11 mega อิมแพ็คชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 ได้รับการปรับแต่ง halls at the IMPACT Muang Thong Thani, including ใหม่ให้เป็นโถงแห่งเทคโนโลยีซึ่ง บริษัทต่างๆ ใน 3 กลุ่มเทคโนโลยีของ THAIFEX ประกอบด้วย Coffee & Tea, Drinks, Fine Food, Food Service, Technology, Frozen Food, Fruits & Vegetables, เทคโนโลยีอาหาร บริการอาหาร และกาแฟและชา จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ชั้นน�ำของพวกเขา รวมถึง Food Meat, Rice, Seafood, and Sweets & Confectionery. เครื่องมือและกระบวนการต่างๆ Making its debut this year is the THAIFEXfuture
นวัตกรรมและแนวโน้มที่งาน THAIFEX - World of Food Asia
Food Experience+, showcasing trends and innovation in foodservice relevant to quick service and fast food restaurants, cafes, bars, caterers, and hotels. Visitors can expect talk shows, product demonstrations, and workshops presenting revolutionary technology, products, and designs specially curated from THAIFEX-World of Food Asia exhibitors, trending international innovators, and up-and-coming regional start-ups. Also making its inaugural introduction this year, the THAIFEX Start-up pavilion will be presenting the best of young and innovative companies venturing in the fast-paced world of foodservice. Take a peek into the future of the foodservice segment to see how these promising nextgeneration leaders intend to enhance food service and the customer experience.
THAIFEX-World of Food Asia น�ำเสนองานแสดงสินค้าที่จัดท�ำขึ้นอย่างประณีตใน 11 ห้องโถง ขนาดใหญ่ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาทิ กาแฟและชา เครื่องดื่ม อาหารชั้นเลิศ บริการอาหาร เทคโนโลยีอาหารอาหารแช่แข็ง ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าว อาหารทะเล และ ของหวานและ ขนมหวานนานาชนิด โดยในงานปีนี้ เปิดตัวขึ้นภายใต้ธีม “THAIFEXfuture Food Experience +” ซึ่งจัดแสดงแนวโน้ม และนวัตกรรมด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับการบริการที่รวดเร็ว และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด คาเฟ่ บาร์ ผู้จัดเลี้ยงและโรงแรม ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมชมทอล์คโชว์ การสาธิตผลิตภัณฑ์ และเวิร์คช็อป ที่น�ำเสนอการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และการออกแบบที่คัดสรรมาเป็นพิเศษจากผู้จัดแสดงสินค้า THAIFEX - World of Food Asia ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมและแนวโน้มระดับโลก และ Start-ups ในภูมิภาค ทั้งนี้ ในงานเปิดตัวในปีนี้จะมีการเปิด THAIFEX Start-up พาวิลเลียน น�ำเสนอนวัตกรรมและ สิ่งที่ดีที่สุดของบริษัทรุ่นใหม่ที่ลงทุนในโลกแห่งการบริการด้านอาหารที่รวดเร็ว ที่จะน�ำคุณด�ำดิ่งไปสู่ Supporting Programs อนาคตของส่วนบริการด้านอาหาร เพือ่ เรียนรูว้ า่ ผูน้ ำ� รุน่ ต่อไปเหล่านีต้ งั้ ใจจะพัฒนาบริการด้านอาหาร Back for its 8 edition, the Thailand Ultimate Chef Challenge (TUCC) gathers teams from around the และเสริมสร้างประสบการณ์ของลูกค้าไปในทิศทางใด region vying for the coveted titles of “Best Ultimate th
โปรแกรมสนับสนุน
Professional Chef Award”, “Best Ultimate Junior Chef Award”, and “Best Ultimate Pastry Chef Award”. New classes designed for the next challenge will include the “Asian Gourmet Challenge” and “AEC Culinary Challenge”, where contestants will enter and compete based on their personal forte.
ครั้งนี้จะเป็นการจัดงานครั้งที่ 8 ของ Thailand Ultimate Chef Challenge (TUCC) งานที่รวบรวมทีม จากทัว่ ภูมภิ าคเพือ่ ชิงต�ำแหน่งอันทรงเกียรติในต�ำแหน่ง “Best Ultimate Professional Chef Award”,“ Best Ultimate Chef Junior Award” และ“ Best Ultimate Pastry Chef Award” นอกจากนี้ยังมี หลักสูตรคลาสใหม่ทอี่ อกแบบมาส�ำหรับท้าทายผูเ้ ข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ “Asian Gourmet Challenge” และ “AEC Culinary Challenge” ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะเข้าร่วมและแข่งขันตามความถนัดของแต่ละคน THAIFEX-World of Food Asia Gives Back
THAIFEX - World of Food Asia ให้คืนสู่ชุมชน
จากข้อมูลของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ประมาณร้อยละ 30 ของอาหารที่ ผลิตทัว่ โลกต้องถูกทิง้ หรือสูญเปล่าไปในแต่ละปี เพือ่ สนับสนุนการลดการสูญเสียอาหารให้นอ้ ยทีส่ ดุ งาน THAIFEX-World of Food Asia จะยังคงเป็นพันธมิตรกับมูลนิธเิ อสโอเอส ประเทศไทย (Scholars of Sustenance Thailand Foundation) หรือ ไทย SOS ซึง่ เป็นมูลนิธทิ มี่ งุ่ มัน่ ทีจ่ ะเพิม่ ความมัน่ คงด้าน อาหารผ่านการจัดการกับอาหารที่เหลือ ไทย SOS จะท�ำงานร่วมกับผู้จัดแสดงสินค้าเพื่อรวบรวม อาหารทีเ่ หลือหลังจากจบงานแสดงสินค้าในครัง้ นี้ โดยหลังจากจบงานทางมูลนิธจิ ะตรวจสอบ จัดเก็บ และเก็บอาหารอย่างเหมาะสม จากนั้นส่งมอบให้กับชุมชนที่ต้องการอาหารเหล่านี้ต่อไป
According to the UNEP, roughly 30% of the food produced worldwide is lost or wasted every year. In support of minimizing food wastage, THAIFEXWorld of Food Asia will continue its partnership with the Thai Scholars of Sustenance (Thai SOS), a foundation committed to increasing food security through the management of food waste. Thai SOS will work together with exhibitors to collect leftover food during the teardown of the show, after which they will inspect, pack and store the food appropriately, and then deliver it to local communities in need of supplies.
APR 2018 FOOD FOCUS THAILAND 58-60_ShowTime_Thaifex.indd 59
59
19/3/2562 BE 18:20
SHOW TIME
Yamamori Trading Co., Ltd.
Food Service and Solution Co., Ltd.
• GABA soy sauce a natural brewed Japanese soy sauce with health benefits from GABA (20 mg/ Teaspoon) • Gluten free soy sauce a natural brewed Japanese soy sauce without gluten • Roast sesame dressing a sesame dressing rich in aroma from roasted sesame for salad menu
• Flavour & Seasoning, suitable for all tastes in dairy, beverage, confectionery and savory products • Booster, the new way of flavor enhancers • Nutritional yeast, a significant source of some B-complex vitamins and several vitamins and minerals • Thai curry paste, a special seasoning paste from freshness ingredients • Thai jasmine rice, the main and famous Thailand export product
Dhawath Technology Systems Co., Ltd.
Arcadia Foods Co., Ltd.
• Pneumatic conveying batching & mixing system for tank and silo • Liquid process & utility piping systems & batching system for process of foods • Air venting & filters • Screw feeder • Rotary sifter and In-line
• Customized product for poultry, seafood, restaurant chain business and OEM/ODM • Mala sauce, Texas marinade powder, Premixed breader Hot and spicy powder and etc. • Quality control under international standards such as BRC ISSUE 7, GMP, HACCP, and Halal
Thai Scale Co., Ltd.
MT Food Systems Co., Ltd.
• AW-5600FX the integrated, fully automatic weigh, wrap and labeling system • AP-700 label thermal printing machine with the maximum of 200 mm. per second printing speed
• RoboQbo Model Qbo15-4, a complete and versatile work tool that cooks, cools, concentrates, kneads, refines, cuts, mixes, homogenizes, pulverizes all types of food products • Qbo15-4 is a perfect choice for pastries, chocolate, ice-cream, gastronomy, restaurants, food processing, ready meals, etc • Qbo15-4 is designed for small productions and R&D laboratories
www.yamamoritrading.com Impact Hall 6 Booth No. L15
www.dhawathsystems.co.th Challenger Hall 1 Booth No. ZZ29
www.thaiscale.co.th Challenger Hall 1 Booth No. RR52
Ishida (Thailand) Co., Ltd.
www.ishida.com Challenger Hall 1 Booth No. VV40 • New X-Ray inspection system IX-GN series • IP69K compliance superb water-proof • Excellent hygiene structure withstanding daily high temperature and high pressure washing
www.fsns-thailand.com Impact Hall 10 Booth No. KK57
www.arcadiafoods.co.th Impact Hall 10 Booth No. MM56
www.mtfs.co.th Challenger Hall 1 Booth No. ZZ13
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ More information about the event is available at:
www.thaifexworldoffoodasia.com Facebook: THAIFEX World of Food Asia Instagram: @thaifexworldoffoodasia
60
FOOD FOCUS THAILAND APR 2018
58-60_ShowTime_Thaifex.indd 60
19/3/2562 BE 18:20
SHOW TIMES
Post Show
Food Pack Asia 2019…
Crowded as Always
ปิดฉากงานแสดงเครื่องจักรส�ำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และบรรจุภัณฑ์นานาชาติครั้งที่ 10 ด้วยความส�ำเร็จเช่นเคย Food Pack Asia 2019 ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ความส�ำเร็จของงานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรส�ำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนสินค้าที่เกี่ยวข้องก็ส่งสัญญาณตั้งแต่เริ่มวันแรก ของงานซึ่งจัดที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยตลอดสี่วันมีผู้มา ร่วมงานมากมายทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพื่อแสวงหาและสร้างโอกาสทาง ธุรกิจที่ดีที่สุดของตน แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพความผันผวนของบรรยากาศ ทางธุรกิจการค้าในปัจจุบัน อันสืบเนื่องจากการแข่งขันของมหาอ�ำนาจของโลก คือ จีนและอเมริกา การชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก และช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง ในประเทศไทยเอง ทั้ ง นี้ Food Pack Asia 2019 ภายใต้ ธี ม “Trend + Technology+ Innovation= Business Opportunity” เพือ่ ขานรับการเติบโตของ เทรนด์ใหม่ๆ และความต้องการหลากหลายของแทบทุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ได้ ร วมเอาผู ้ ผ ลิ ต และผู ้ จั ด จ� ำ หน่ า ยชั้ น แนวหน้ า ทั้ ง ไทยและเทศมาไว้ ใ น งานเดียวกันพร้อมสินค้าและบริการคุณภาพสูงอีกมากมาย ดังนั้น ผู้ร่วมงานจึง สามารถด�ำเนินธุรกิจการค้าและแลกเปลีย่ นข่าวสารและความรูท้ นั เหตุการณ์และ ยังได้พบกับเทรนด์นา่ สนใจจากธุรกิจระดับโลก AI เทคโนโลยี และผลงานค้นคว้า วิจัยที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ประสบความส�ำเร็จมาแล้วมากมาย ซึ่งงานนี้แบ่งเป็น โซนต่ า งๆ คื อ Food Processing Machinery, Packaging & Printing Technology, Confectionery Machinery, Drink Technology รวมถึงบริการ สินค้าและบริการทีเ่ กีย่ วข้อง ตลอดจนกิจกรรมสัมมนาและองค์ความรูด้ า้ นธุรกิจ และเทคโนโลยีตา่ งๆ กว่า 45 หัวข้อ คาดว่าหลายธุรกิจจะเติบโตและสร้างผลก�ำไร เพิม่ ขึน้ ในงานครัง้ นี้ อย่างไรก็ดขี อให้กา้ วต่อไปส�ำหรับผูป้ ระกอบการทัง้ รายใหม่ ที่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เครื่องดื่มและบรรจุภัณฑ์ในประเทศไทย และผู้ประกอบการที่อยู่ในวงการทุกท่านด้วยใจสู้ไม่ถอย งาน Food Pack Asia 2020 จะกลับมาอีกครัง้ ระหว่างวันที่ 12-15 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ศูนย์ไบเทค อย่างแน่นอน
61_ShowTime_FoodPack.indd 61
On 16 February 2019 the curtain came down on Food Pack Asia 2019, yet the success had already signaled since the first day of this 10th annual trade exhibition of international food and beverage processing, packaging and related industries held at Bangkok’s BITEC Exhibition Centre, Thailand. Throughout the 4-day event, crowds of local and foreign visitors and exhibitors flooded at the event for their best business opportunity despite uncertain current trade and business climate affected by the global powers’ trade competition especially between China and the US, a slowdown of economic growth across the globe, and the pre-national election period in Thailand, for example. Under the theme “Trend + Technology+ Innovation = Business Opportunity”, which responds to rising mixed trends and varieties of demand from the global and local markets in almost everywhere, Food Pack Asia 2019 brought in one place top producers and distributors from Thailand and abroad together with thousands of their high-quality products and services. Thus, the exhibitors and visitors not only could make their trades and exchange update information and knowledge but also experience the world’s latest food business trends, AI technologies, and award-winning R&D works applied to many successful food businesses. The exhibition consisted mainly of food processing machinery, packaging & printing technology, confectionery machinery, drink technology and related products and services, as well as 45 business talk and technology seminar sessions. Expectedly, following Food Pack Asia 2019 are further expansions and higher profits for several businesses after their experience at the event and some new players in Thailand’s food processing and packaging industries; keep going with great spirits for all players. The next Food Pack Asia 2020 will be held on 12-15 Feb 2020 at BITEC.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
61
19/3/2562 BE 15:45
SURROUNDS Samut Prakan, 26 February 2019
www.synergytaste.com
Synergy Flavours Expands Thai Manufacturing Hub to Fulfil Increasing Demand
ผู ้ น� ำ ด้ า นการผลิ ต วั ต ถุ แ ต่ ง กลิ่ น แต่ ง รส Synergy Flavours Thailand บริษัทในเครือของ Carbery Group ได้ขยายก�ำลังการผลิตในโรงงาน ประเทศไทย โดยขยายพื้นที่อีกกว่าเท่าตัว เพื่อ ตอบสนองการเติ บ โตและความต้ อ งการของ นวัตกรรมกลิ่นรส ส�ำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและ เครือ่ งดืม่ ในภูมภิ าคเอเชียแปซิฟกิ โดยมีการขยาย พืน้ ทีเ่ พิม่ เติมอีก 2,500 ตารางเมตร ซึง่ รวมทัง้ พืน้ ที่ ในส่วนของการผลิต 1,500 ตารางเมตร และ ห้องปฏิบัติการด้านประสาทสัมผัส 5 ห้อง นอกจากนี้ ยังลงทุนในด้านเครื่องมือวิเคราะห์ GC/MS และ ทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในสาขางาน ต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้ Synergy Flavours Thailand ได้เริ่ม ด�ำเนินธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2551 และก่อตั้งฐานการผลิตในไทยเมื่อปี 2556 ธุรกิจ ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยฐานการผลิตในไทย เป็นการผลิตเพือ่ ตลาดในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทัง้ ในและนอก ภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น นิวซีแลนด์ ปากีสถาน เมียนมา และอินเดีย ฐานการผลิ ต ในไทยสามารถสร้ า งสรรค์ แ ละผลิ ต กลิ่ น รสที่ ค รอบคลุ ม การใช้งานทั้งกับอาหารหวาน อาหารคาว และเครื่องปรุงรส ในรูปแบบผง และของเหลว เพื่อการประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เบเกอรี ขนมหวาน นม และอาหารคาว Geoff Allen กรรมการผู้จัดการ Synergy Flavours (Thailand) Ltd. กล่าวว่า “กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ให้ความไว้วางใจในศักยภาพด้านเทคโนโลยีของเรา ตลอดจนการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากพนักงานของเรา และความเชี่ยวชาญ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้สร้างความเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทฯ จะด�ำเนินธุรกิจได้อย่างโดดเด่นในตลาดอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคนี้ต่อไป อย่างมั่นคงและประสบความส�ำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
Synergy Flavours, a division of Carbery Group, has doubled the size of its Thai operation to meet growing demand for its innovative flavour solutions in Asia-Pacific. Recent expansion at the site in Samut Prakan, has included an additional 2,500 m2 of space, including 1,500 m2 dedicated to manufacturing, plus the creation of five new sensory labs. The additional space will accommodate more than double the current workforce, with investment in human resources across all departments being made over the coming months and years. Further investment in GC/MS analytical equipment will be made in 2019, enhancing local capability. Entering the South East Asian market in 2008, Synergy’s parent company made further investments in 2013, opening the manufacturing facility in Thailand. Since then, sales have increased dramatically, with the operation now servicing a growing number of countries beyond South East Asia, including New Zealand, Pakistan, Myanmar and India. The Thai facility produces sweet and savoury flavours, as well as seasonings in liquid and powder formats. Customers in Thailand and across the region can benefit from specialist Asian creation and applications support across categories including beverage, bakery, confectionery, savoury, and dairy. Geoff Allen, Managing Director, Synergy Flavours (Thailand) Ltd., commented “Customers rely on us for our technical capabilities, responsiveness and dairy expertise, which all help to ensure we stand out in the dynamic and exciting food and beverage markets of the region. Our global footprint and capabilities are also invaluable and help fuel our continued success.”
Nakhon Ratchasima
www.bsigroup.com/en-th
C.P. Poly-Industry got the Certification of International Standard from BSI
สถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ขอร่วมแสดงความยินดีกับ บริษัท ซี.พี.สหอุตสาหกรรม จ�ำกัด ในวาระแห่ง ความส�ำเร็จของการผ่านการตรวจรับรองคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร FSSC 22000 V4.1 และ GMP HACCP Codex จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ความส�ำเร็จในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ของบริษัทฯ ที่จะพัฒนากระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากลและให้มี ประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง British Standards Institution (BSI) has congratulated and presented certificates of FSSC 22000 V4.1 and GMP HACCP Codex to C.P. Poly-Industry Co., Ltd. The certifications assist the company to ensure compliance with food safety standard and reflect the commitment to improve the performance of the production process and the effectiveness of their quality control systems.
62
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
62-65_Surrounds.indd 62
19/3/2562 BE 16:49
SURROUNDS 15 March 2019
www.foodfocusthailand.com
๐
VIV ASIA 2019 - MEAT 360 Trend & Innovation in MEAT Industry
MEAT 360๐ Trend & Innovation in MEAT Industry งานสัมมนาวิชาการด้าน อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ซึ่งจัดโดยบริษัท บี มีเดีย โฟกัส (ประเทศไทย) จ�ำกัด ผูจ้ ดั ท�ำนิตยสาร ฟูด้ โฟกัส ไทยแลนด์ ได้นำ� เสนอการบรรยาย ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ตอบรับ การขยายตั ว ของภาคการผลิ ต เนื้ อ สั ต ว์ ทั่วโลก ภายในงานแสดงเทคโนโลยีและ นวัตกรรมส�ำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ VIV Asia 2019 ณ ห้องสัมมนา Nile Room 1-2 ไบเทค บางนา ทั้งนี้ MEAT 360๐ น�ำเสนอไอเดียและ โซลูชนั หลากหลายส�ำหรับอุตสาหกรรมเนือ้ สัตว์ เพื่ อ ตอบรั บ กั บ ความต้ อ งการของตลาด ในอนาคต โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านต่างๆ ในวงการอุตสาหกรรม อาหารร่วมบรรยายในประเด็นต่างๆ อาทิ ดร.กัญญารัตน์ จ�ำรัสวิมลรัตน์ DVM, MPH สัตวแพทย์หญิงช�ำนาญการ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้กล่าวถึง ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ทั่วโลกว่า “องค์ ก ารอาหารและการเกษตรแห่ ง สหประชาชาติ (FAO) ได้คาดการณ์วา่ อัตรา การเติบโตของประชากรจะลดลงเมือ่ เทียบกับ ช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 อย่างไรก็ตาม ประชากรโลกจะอยู่ที่ประมาณ 9.73 พันล้านคนในปี 2593 และ 11.2 พันล้านคนในปี 2643 (7.7 พันล้านคนในปี 2561) ดังนั้นจึงได้ประเมินความต้องการผลิตภัณฑ์ ปศุสัตว์ไว้ คือ สัตว์ปีก 181 ล้านตัน เนื้อหมู 143 ล้านตัน และเนื้อวัว 106 ล้านตัน” ด้านผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กนิฐพร วังใน ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ได้เผยถึงเทรนด์ การบริโภคผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ไว้อย่างน่าสนใจ “เทรนด์ที่น่าจับตามองส�ำหรับ การผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคนั้น ได้แก่ การกล่าวอ้างทีช่ ดั เจนทัง้ การกล่าวอ้างทางผลิตภัณฑ์และกระบวนการทีเ่ กีย่ วข้อง ตามมาด้วยเรือ่ งของความเป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง หรือคลีนลาเบล เทรนด์ตอ่ มา คือคุณค่าทางโภชนาการเป็นไปอย่างเหมาะสม และขาดไม่ได้เลยคือความแปลกใหม่ของ ผลิตภัณฑ์กบั การใช้สว่ นผสมวัตถุดบิ ท้องถิน่ และทีเ่ ข้ากับยุคมากทีส่ ดุ คือผูบ้ ริโภค ต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ด้วยสมาร์ทโฟนทุกที่ทุกเวลา” นอกจากนี้ ภายในงานสัมมนายังอัดแน่นด้วยหัวข้อวิชาการที่สามารถน�ำไป ปฏิบตั ใิ ช้ในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การประกันคุณภาพและความปลอดภัย ในการผลิต โดยศาสตราจารย์ ดร. สุวิมล กีรติพิบูล ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพือ่ ลดต้นทุนและเพิม่ ประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมเนือ้ สัตว์ โดยรองศาสตราจารย์ ดร. พรธิภา องค์คณ ุ ารักษ์ ภาควิชาเทคโนโลยีอตุ สาหกรรมเกษตร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 62-65_Surrounds.indd 63
ทัง้ นี้ งานสัมมนา MEAT 360๐ ได้รบั ความ สนใจจากผู้เข้าร่วมฟังสัมมนามากกว่า 220 คน ซึ่ ง ล้ ว นเป็ น ผู ้ เ ชี่ ย วชาญที่ อ ยู ่ ใ นวงการ อุ ต สาหกรรมเนื้ อ สั ต ว์ ทั้ ง ภาคการผลิ ต และ ควบคุมคุณภาพ Quality counted at MEAT 360๐ Trend & Innovation in MEAT Industry. A variety of valuable information for meat industry honored by meat guest and professionals Due to the global growth and innovation in meat industry have been remarkable over the last couple of years, MEAT 360๐ Trend & Innovation in MEAT Industry organized by Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd.), the publisher of Food Focus Thailand Magazine, was an outstanding platform created for meat gurus and professionals. Which took place on the leading Feed to Food international trade show in Asia; VIV Asia 2019 at Nile Room 1-2, BITEC, Thailand. MEAT 360๐ offered practical ideas and solutions for meat industry to meet the future demand. Thanks to guest speaker on MEAT Market Outlook: Opportunity & Threat, Kanyarat Chamraswimonrat, DVM, MPH, Veterinarian, Professional Level, Department of Livestock Development from Ministry of Agriculture and Cooperatives presented a valuable information of global meat market. “Food and Agriculture Organization of the United Nations (FAO) predicted that the population growth rates have been declining comparing to the late 1960s. However, cumulatively, the world population will be around 9.73 billion by 2050 and 11.2 billion by 2100. (7.7 billion, in 2018) The need of livestock products was estimated that poultry 181 million tons, pork 143 million tons and beef 106 million tons.” “Five trends driving the meat products are transparency labeling, basic, being precise, sensation and IoT” noted by Assistant Professor Kanithaporn Vangnai, Ph.D., Department of Food Science and Technology, Faculty of Agro-Industry from Kasetsart University on the highlight topic of Food Mega Trends Driving the MEAT Industry. Moreover, the conference was fulfilling with practical topics including Assurance the Safety of MEAT Products - The well-established prevention and control approach by Professor Suwimon Keeratipibul, Ph.D., Department of Food Technology, Faculty of Science from Chulalongkorn University and the Process Optimization to Improve MEAT Processing Productivity by Associate Professor Pornthipa Ongkunaruk, Ph.D., Department of Agro-Industrial Technology, Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University. MEAT 360๐ got the overwhelmingly positive feedback from over 220 delegates who are professionals in meat industry both processing and quality assurance arena.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND
63
19/3/2562 BE 16:49
SURROUNDS Bangkok, 28 February-1 March 2019
www.firn.or.th, www.fostat.org
FIRN Hosted Workshop on Scientific Substantiation of Health Claims
โครงการ “Food Innovation & Regulation Network (FIRN)” โดยสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร แห่งประเทศไทย (FoSTAT) ได้รบั การสนับสนุนจากโครงการ เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) จัดงานสัมมนา เชิงปฏิบัติการ ณ โรงแรมวินด์เซอร์ สวีท เพื่อการเรียนรู้ แนวทาง หลั ก เกณฑ์ ก ารประเมิ น เอกสารหลั ก ฐานทาง วิทยาศาสตร์ ส�ำหรับการกล่าวอ้างทางสุขภาพ (Health claims) ในผลิตภัณฑ์อาหาร โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญของไทยและสหภาพยุโรป (EU) เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ รวมถึง นักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ “Food Innovation & Regulation Network (FIRN)” by Food Science and Technology Association of Thailand (FoSTAT) supported by Food Innopolis project recently hosted a “Workshop on Scientific Substantiation of Health Claims” at Windsor Suites Hotel. Technical session was delivered by Thai and European Union (EU) experts, to increase understanding on health claim’s assessment criteria with scientific evidence. In order to strengthen the capacity of health foods product assessors, academics as well as researchers and product developers.
United Kingdom
www.kasikornresearch.com
Uncertainty Persists after the UK Parliament’s Rejection of Theresa May’s Brexit Plan
สหราชอาณาจักรได้ลงมติไม่เห็นชอบต่อร่างข้อตกลงออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเสนอต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ออกเสียงคัดค้านถึง 432 เสียง ขณะที่มี ผู้เห็นชอบเพียง 202 เสียง ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาลใน ประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังมองว่าทั้งทางเลือกใน การเจรจารอบใหม่ หรือการออกเสียงประชามติครัง้ ทีส่ อง ต่างมีความจ�ำเป็นทีจ่ ะ ต้องขอขยายเวลาเพือ่ เลือ่ นก�ำหนดเริม่ ต้นออกจากสหภาพยุโรป (Brexit Kickoff) จากเดิมที่ก�ำหนดไว้ในวันที่ 29 มีนาคม 2562 ออกไป ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกจากสหภาพยุโรปดังกล่าว อาจจะสร้างความผันผวนต่อภาคการเงินในระยะสั้น ส่วนผลกระทบต่อระบบ เศรษฐกิจมหภาคนั้น คาดว่าอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยไปยัง สหราชอาณาจักรในปี 2562 อาจจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 1.8-2.1 หากการหาทางออกจากสหภาพยุโรปเริ่มมีทิศทางชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก The UK parliament voted to reject the Brexit deal presented by Prime Minister Theresa May on January 14, 2019 with 432 rejecting votes and only 202 approving votes. The result marks the heaviest parliamentary defeat of a British prime minister in history. The vote results show that members of the UK parliament refuse to accept the no-deal Brexit. KResearch views that with an option of a new round of negotiations or the second Brexit referendum, the Brexit Kickoff is likely to be postponed from the initial schedule date of March 29, 2019. KResearch views that uncertainties surrounding the Brexit process may create short-term volatility in the financial market. Nonetheless, the market has anticipated that the no-deal Brexit has now become less possible and such anticipation has lessened negative factors against the UK economic system. Regarding the macro-economy, it is expected that there will be a deceleration of the UK’s consu mer spending decisions and gross domestic product and the weaker pound sterling will affect Thai exports to the UK. Hence, KResearch forecasts that Thai exports to the UK in 2019 will expand between 1.8-2.1% if the solution for Brexit begins taking shape in the first half of this year. Therefore, the latest Brexit development is likely to have short-term consequences mainly on the financial market and currency exchange rate.
64
FOOD FOCUS THAILAND APR 2019
62-65_Surrounds.indd 64
19/3/2562 BE 15:41
SURROUNDS Bangkok, 5 March 2019
www.mt.com
Mettler-Toledo (Thailand) Attended “Rockwell Automation on the Move 2019”
บริษัท เมทเล่อร์ โทเลโด (ประเทศไทย) จ�ำกัด ร่วมงาน Rockwell Automation on the Move 2019 (RAOTM 2019) งานแสดงโซลูชันด้าน เทคโนโลยีอัตโนมัติ เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ ประจ�ำปี ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยงานในปีนี้ จั ด ขึ้ น ภายใต้ แ นวคิ ด “Enabling Smart Manufacturing Through Connected Enterprise” ซึง่ เมทเล่อร์ได้นำ� ผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมทีท่ นั สมัย มาพร้อมกลไกการใช้งานอันชาญฉลาดไปแสดงในงานนี้ และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ที่มาเยี่ยมชมบูธ ทั้งนี้ บรรยากาศภายในงานยังคับคั่ง ไปด้วยผูน้ ำ� ในอุตสาหกรรมและผูเ้ ชีย่ วชาญในแวดวงอุตสาหกรรมอีกมากมายทีม่ าร่วมแบ่งปันแนวทางการปฏิบตั งิ านทีด่ แี ละประสบการณ์ตา่ งๆ ทีน่ า่ สนใจ เรียกได้ว่าท�ำเอาบรรดาผู้มาเยี่ยมชมรู้สึกตื่นตาตื่นใจตลอดงาน Mettler -Toledo (Thailand) Ltd. attended the yearly greatest showcase for the newest innovations and expertise in automation “Rockwell Automation on the Move 2019” (RAOTM 2019), which is aimed to promote business competitiveness, at the BITEC Bangna. This year, the event had been organized under the concept of “Enabling Smart Manufacturing Through Connected Enterprise”. Mettler-Toledo showcased many products in the modern industry with intelligence mechanism at the event. The company had received very good feedback from visitors to the booth. The event was crowded by many industry leaders and many experts from food industry who are ready to share good practices and many interesting experiences. Visitors had also been excited along the event. Songkhla
www.tpqi.go.th
The Implementation of Aquaculture Processing Branch Phase 2
สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรเพื่อการส่งออก คณะอุตสาหกรรมเกษตร ได้ด�ำเนินโครงการจัดท�ำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขา วิชาชีพการผลิตอาหารและเครือ่ งดืม่ สาขาการแปรรูปสัตว์นำ�้ ระยะที่ 2 (กลุม่ อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์นำ�้ ในภาชนะบรรจุปดิ สนิท) ทัง้ นี้ โครงการฯ มีจดุ มุง่ หมาย หลักคือการผลิตและพัฒนาการผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น�้ำในระบบอุตสาหกรรม ให้มปี ริมาณและคุณภาพตามมาตรฐานทีก่ ำ� หนดเพือ่ จ�ำหน่ายในประเทศและ ต่างประเทศ โดยก�ำหนดบทบาทหลักในการด�ำเนินโครงการ ได้แก่ สายงานผลิต สายงานควบคุมและประกันคุณภาพ และสายงานวิจัยและพัฒนา การผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น�้ำในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ทั้งนี้ ได้จัดท�ำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพจ�ำนวน 8 ชั้นคุณวุฒิ วิชาชีพ ได้แก่ 1) สาขาอาชีพการผลิต ประกอบด้วย ผู้ปฏิบัติงานการผลิต ระดับ 2 และระดับ 3 ผู้ปฏิบัติงานควบคุมหม้อฆ่าเชื้อ ระดับ 4 และนักบริหาร การผลิต ระดับ 5 2) สาขาอาชีพควบคุมและประกันคุณภาพ ประกอบด้วย ผู้ปฏิบัติงานควบคุมและประกันคุณภาพ ระดับ 3 และนักบริหารการควบคุม และประกันคุณภาพ ระดับ 5 3) สาขาอาชีพวิจัยและพัฒนา ประกอบด้วย นักวิจัยและพัฒนา ระดับ 5 และระดับ 6 โดยได้แบ่งหน่วยสมรรถนะเป็น 2 ส่วน ได้แก่ หน่วยสมรรถนะแกนกลาง จ�ำนวน 17 หน่วยสมรรถนะ และ หน่วยสรรถนะเชิงหน้าที่ จ�ำนวน 19 หน่วยสมรรถนะ Thailand Professional Qualification Institute (TPQI) in cooperation with Prince of Songkhla University by the Agro-Industry Development Center for Export Faculty of Agro-Industry has implemented professional qualifications of food and beverage industry profession in Aquaculture
Processing Branch Phase 2 (Processed aquaculture in sealed containers). The project aims to produce and develop the aquaculture production to meet the quantity and quality according to the international standards for domestic and foreign markets. The operation system is defined, including production, quality control and quality assurance as well as research and development of aquaculture production in sealed containers. The project committee has set the standards for 8 professional qualifications, including 1) the manufacturing profession consisting of production worker level 2 and level 3, disinfection/sterilization operation level 4 and production manager level 5. 2) quality control and quality assurance consist of operation worker level 3 and executives worker level 5. 3) The research and development department consist of researcher and developer level 5 and level 6. The unit competency are two parts including 17 units of core competency and 19 units of functional competency.
APR 2019 FOOD FOCUS THAILAND 62-65_Surrounds.indd 65
65
19/3/2562 BE 15:41
U SHARE. V CARE.
April
Let us know which Service
info you interested in, please inform
Should you have any enquiries, please inform us the service info code (s)
w
Advertisement
B
B
B
B
Article
C
C
C
C
Product
P
P
P
P
Please share your comment with us!
Please fill in the form in ENGLISH Name-Surname: Position: Company Name:
Fuji Gift Voucher worth THB500
(2 Lucky Winners)
Company Address:
Tel: Fax: E-mail:
Note: This picture is for advertising only.
Website:
We look forward to your feedback and suggestions. editor@foodfocusthailand.com, contact@foodfocusthailand.com +66 2116 5732
The winner of U Share. V Care. in February 2019 1. Piyaporn Watchapinan Assistant Manager, N&N Foods Co., Ltd. 2. Nutthanun Nimmanpipug Assistant Manager, Ichitan Group PCL. The gift will be delivered to you by post. Thank you. 66_Usahre_final.indd 66
Big C Gift Voucher worth THB500 (2 Lucky Winners)
19/3/2562 BE 18:22
Visit us at Booth No. ZZ29 Hall 1
ad_Dhawath_�����.indd 8
19/3/2562 BE 17:23
ad_IFFA_final.indd 1
7/2/2562 BE 10:37