FoodFocusThailand No.150_September18

Page 1

TH-EN

September 2018 l Vol.13 No.150

SEPTEMBER 2018 Vol.13 No.150

3 main innovation lead the WAY

Food Ingredient Innovator:

One Stop Service provider from Farm to Food

Visutr Visuthikraisee, President, Vicchi Enterprise

Cover_Vicchi_�����������.indd 2

21/8/2561 BE 15:47


Product Group • Casing • Meat Tenderizer, Binding & Texturizing • Colorant • Flavor, Herbal Extract • Wheat Starch, Potato Starch, Gluten • Seasoning & Spice • Emulsifier, Stabilizer, Thickener • Low Trans Fat, MCT Oil • Milk Protein, Whey Protein, Casein • Plant Protein, Pea Protein, Wheat Protein & Soy Protein • Pork Protein • Milk Powder, Whipping Creamer • Preservative • Smoke & Grill Flavor, Browning Agent • Collagen, Fibre • Yeast Extract, Baker Yeast • Acid & Derivative • Enzyme • Special Mix • Signature Mix • Customize Mix Product Highlight • • • •

Clear Protein Fondant & Foaming Creamer Monk Fruit, MCT Powder Yogurt Powder

735/4, Thanya Park Shopping Mall, Bldg.D, Floor G, Room No.DG01, Srinagarindra Rd., Suan Luang, Bangkok 10250 Thailand Tel: +66(0) 2320 0999 Fax: +66(0) 2320 5699 ad_Vicchi.indd 1

www.vicchienterprise.com 22/8/2561 BE 09:53


September 2018 l Vol. 13 No.150

TRANS FAT…

time to be Transformed Thai Consumers are on the Road to

SELF-BETTERMENT

Export Trend for THAI PRODUCTS to Global Markets

Functional Food & Beverage

a part of everyday life

Faster and Cheaper

Food Testing

Packaging Transformation to 4.0

Innovative

Masking Solutions

Visit us at Thailand LAB INTERNATIONAL 2018, 12-14 September 2018 @ BITEC

Cover_Food_150_Sep.indd 2

22/8/2561 BE 09:50


ad_BJC.indd 3

21/2/2561 BE 14:51


C O NTACT U S N O W TO EXPERIENCE THE DIFFERENCE E-mail: sales@newlywedsfoods.co.th

HERE AT NEWLY WEDS FOODS WE CREATE, CUSTOMIZE AND COMMERCIALIZE SAUCES THAT WILL FIT YOUR EVERY NEED

YOUR PASSION IS OUR INSPIRATION EACH OF OUR SAUCES ARE EXPERTLY CRAFTED AND DESIGNED TO ENHANCE AND IMPROVE EATING EXPERIENCE OF ANY MENUS FROM QSR’S TO CASUAL DINING OPERATION

INSPIRING NEW TASTES

ad_Newly Weds_final.indd 2

18/8/2561 BE 12:32


Food Ingredient Innovator

One Stop Service Provider from Farm to Food โลกมี ก ารเปลี่ ย นแปลงตลอดเวลา นั่ น เ ป ็ น ค ว า ม ท ้ า ท า ย ข อ ง อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม… ถึ ง เวลาที่ ผู ้ ป ระกอบการต้ อ งรั บ มื อ และปรับตัว น�ำ “นวัตกรรม” มาเป็นอาวุธส�ำคัญ เพื่ อ เพิ่ ม อ� ำ นาจการแข่ ง ขั น ดั ง เช่ น บริ ษั ท วิ ค กี้ เอนเตอร์ ไ พรซ์ จ� ำ กั ด ที่ให้ความส�ำคัญและให้คุณค่ากับ “นวัตกรรม” ตลอดทั้งซัพพลายเชน

เพิ่มขีดความสามารถด้วยนวัตกรรม

“วิสัยทัศน์ของ วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ คือ เป็นผู้น�ำเสนอนวัตกรรมของวัตถุดิบและส่วนผสม ให้กบั อุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Ingredient Innovator เพือ่ เสริมสร้างขีดความสามารถ ในการแข่งขันให้กับลูกค้า และสร้างเครือข่ายที่แน่นแฟ้นระหว่างซัพพลายเออร์ ลูกค้า และ ผู้บริโภค” คุณวิสูตร วิสุทธิไกรสีห์ ประธาน บริษัท วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ จ�ำกัด กล่าว พร้อม เสริมว่า บริษัทฯ น�ำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าตลอดทั้งซัพพลายเชน ได้แก่ • ต้นน�้ำ: เป็นผู้น�ำเข้าวัตถุดิบ อุปกรณ์ และเครื่องมือคุณภาพด้านสัตวแพทย์ ที่ใช้ ในฟาร์มให้กับวงการปศุสัตว์ ในนามบริษัท นิวทริเมด จ�ำกัด • กลางน�้ำ: เป็นผู้น�ำเข้าวัตถุดิบและส่วนผสมที่มีคุณภาพและความปลอดภัย โดยเป็น สินค้าส�ำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อาทิ ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ ซูริมิ อาหารทะเล เบเกอรี่ ลูกอม ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว ผักและผลไม้ ซอสและเครื่องปรุงรส เป็นต้น ร้อยละ 90 และสินค้าส�ำหรับอุตสาหกรรมเคมีและเครื่องส�ำอาง ร้อยละ 10 ในนาม บริษัท วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ จ�ำกัด • ปลายน�้ ำ : เมื่ อ กลุ ่ ม ลู ก ค้ า ใช้ วั ต ถุ ดิ บ ที่ ผ ลิ ต จากธรรมชาติ มี ก ระบวนการผลิ ต ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ท�ำให้ได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ ให้ความส�ำคัญกับนวัตกรรม 3 ด้าน คือ นวัตกรรมด้านการผลิต นวัตกรรมด้านการจัดการ และนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ โดยค�ำนึงถึงต้นทุนและคุณภาพ เป็นส�ำคัญ “นวัตกรรมด้านการผลิต คือ การเลือกสรรซัพพลายเออร์ส่วนผสมอาหาร (Food ingredient) ระดับแนวหน้าที่เป็น Key player จากทั่วโลก เพื่อสร้างความสุนทรีย์ใน การบริโภค คือ อร่อยตั้งแต่แรกเห็น ทั้งในด้านลักษณะปรากฎ (Appearance) ของอาหาร กลิ่นที่ดึงดูด ไปจนถึงลักษณะเนื้อสัมผัส (Texture) ที่ดีเมื่อได้ชิม” คุณวิสูตร กล่าว และเสริมว่า ทีมงานของบริษัทฯ จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าส่วนผสมอาหาร และส�ำรวจตลาดค้าปลีก ในต่างประเทศเพื่อเข้าถึงเทรนด์ของผลิตภัณฑ์และพฤติกรรมผู้บริโภค แล้วน�ำมาวิเคราะห์ ความเป็นไปได้ในตลาดประเทศไทย “นวัตกรรมด้านการจัดการ ระบบการด�ำเนินงานของเราสอดคล้องตามมาตรฐาน ISO 9000 เรามีคลังจัดเก็บสินค้าพืน้ ที่ 16,000 ตารางเมตร ทีไ่ ด้มาตรฐาน รองรับการจัดเก็บ สินค้าอย่างน้อย 4,000 เมตริกตันต่อวัน และพร้อมทีจ่ ะขยายพืน้ ทีไ่ ด้ถงึ 48,000 ตารางเมตร การจัดเก็บสินค้าด้วยระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (AS/RS) ช่วยให้การบริหารสินค้าคงคลัง มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง” Visutr Visuthikraisee, President, Vicchi Enterprise


ADVERTORIAL

“ส�ำหรับนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ผูเ้ ชีย่ วชาญด้าน เทคนิคของเราจะได้รบั การฝึกอบรมเรือ่ งข้อมูลสินค้าใหม่ และการประยุ ก ต์ ใ ช้ จ ากซั พ พลายเออร์ อ ยู ่ เ สมอ เราสามารถสนับสนุนข้อมูลเชิงเทคนิค และกฎระเบียบ ข้อบังคับที่จ�ำเป็นส�ำหรับการส่งออกให้กับลูกค้า เรายังมี ห้องปฏิบัติการที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ ส�ำหรับการวิเคราะห์คุณภาพวัตถุดิบ (Quality lab) การวิเคราะห์ทางด้านจุลนิ ทรีย์ (Microbiology lab) และ การทดลองทางด้านการประยุกต์ใช้ (Application lab) อีกด้วย” คุณวิสูตร กล่าว ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายห้องปฏิบัติการจากเดิม พื้นที่ 100 ตารางเมตร เป็น 300 ตารางเมตร ด้วยงบกว่า 15 ล้านบาท เพื่อเนรมิตให้เป็นโรงงานผลิตขนาดย่อม (Pilot plant) ประกอบด้วย ห้องปฏิบตั กิ ารผลิตภัณฑ์นม และเบเกอรี่ ห้องปฏิบัติการผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และ ห้องปฏิบัติการอาหารและเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล พร้อม ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ประสานงานร่วมกับฝ่ายขาย และการตลาด เพื่อให้ค�ำแนะน�ำและค�ำปรึกษาด้าน การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะ เช่น การปรับ โพรไฟล์ ข องสิ น ค้ า ให้ เ ข้ า กั บ รสชาติ ใ นแต่ ล ะตลาด ตามความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันไป

ครบ...จบในที่เดียว

คุณวิสูตร กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเติบโตโดยเฉลี่ย ร้อยละ 10-20 ต่อปี ผู้บริโภคให้ความส�ำคัญกับสุขภาพ มากขึ้น เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัย ส่งผลให้เทรนด์สนิ ค้าจากธรรมชาติเติบโต เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ต้องเป็นสินค้าที่ดึงดูดทั้งในด้านสี กลิ่น และรส ที่มาจากธรรมชาติอีกด้วย “วิคกี้ เอนเตอร์ไพรซ์ เป็น “One Stop Service Provider” ที่เลือกสรรพันธมิตรทางการค้าที่ผลิตสินค้า มีคุณภาพ เรามีคลังสินค้าที่ได้มาตรฐาน ตอบสนอง ความต้ อ งการของลู ก ค้ า ได้ อ ย่ า งรวดเร็ ว ครอบคลุ ม ทัว่ ประเทศ เรามีห้องปฏิบัตกิ ารทีไ่ ด้มาตรฐาน พร้อมด้วย ที ม ให้ ค� ำ ปรึ ก ษาด้ า นเทคนิ ค การแก้ ไ ขปั ญ หา และ ร่วมปรับสูตรสินค้าตามความต้องการของลูกค้าได้อย่าง มืออาชีพ… เพราะความส�ำเร็จของลูกค้า คือ ความส�ำเร็จ ของเราด้วยเช่นกัน…” คุณวิสูตร กล่าวทิ้งท้าย

The world is continuously changing, which is one big challenge facing food and beverage industries. Business operators have to ready themselves to cope with this ever-changing world by adopting “innovative approaches” as their main ammunition in increasing one’s competitiveness. Vicchi Enterprise appreciates and values the importance of “innovations” throughout the supply chain. Boosting Capability with Innovations

“Vicchi Enterprise’s vision is to become a Food Ingredient Innovator who provides food industry with innovative raw materials and ingredients, to assist our clients to expand their capabilities and competitiveness, and to build ever-firmer connections amongst suppliers, customers and consumers,” said Mr.Visutr Visuthikraisee, President, Vicchi Enterprise. He also added that the company only imports finest and innovative products from Europe, USA and Asia, to meet the customers’ needs throughout the supply chain. • Upstream: We are an importer of quality veterinary and farming materials, equipment and instruments for livestock industry. This sector is operated by our affiliated company: Nutrimed Co., Ltd. • Midstream: We import the safest and finest quality raw materials and ingredients from around the world. Ninety percent of our imports--for food and beverage sector-- include dairy products, meat, surimi, seafood, bakery, confectionery, snack, fruit and vegetable, sauce and seasoning, etc. Other ten percent of the imports are ingredients for chemical and cosmetics industries—all imported by Vicchi Enterprise. • Downstream: With superior, natural raw materials, standard and safe production process, the end products are doubtlessly at their best--both in terms of quality and safety-when reaching the consumers. Three main innovation focuses of Vicchi Enterprise are production innovation, management innovation, and product innovation, with cost effectiveness and product quality at the top of the list. “Production innovation focuses on screening and selecting the best suppliers for food ingredients from key players around the world. We strive to make sensational products that charm the consumers the minute they lay eyes on them--attractive appearance, savory smells, and delectable textures--” said Mr.Visutr. He also added that company’s staffs have a plan to participate in food ingredients exhibitions as well as to do market surveys outside of Thailand. These efforts have been made to make sure that the company stays abreast of the global trend and the ever-changing behaviors of the consumers-- all that needs to be taken into account when assessing the domestic markets. “Our system management innovation is complied with the ISO 9000 standard. Currently we have a 16,000 sqm of fully equipped warehouse that is capable of at least 4,000 metric ton of storage per day--with expansion capability up to 48,000 sqm. The adoption of an automated storage and retrieval system (AS/RS) has led to the efficient inventory management that enables us to quickly and accurately answer to our customers’ demands.” “As for product innovation, our technical specialists are regularly trained and updated on new product specifications and their functions from our suppliers. When requested, we can promptly assist our customers with products’ technical data, as well as export’s regulations and requirements. We also have fully functional and fully equipped laboratories for quality analysis of raw materials (Quality lab), microbiological assessment (Microbiology lab), and product application experimentation (Application lab),” explained Mr.Visutr. “This year, we have invested 15 million Baht on the expansion of our lab--from 100 sqm to 300 sqm-- to build a pilot plant equipped with dairy and bakery lab, meat product lab, and functional food & beverage lab. A team of five specialists has been put together to coordinate with sales and marketing department, to provide suggestion and advice on products’ research and development -- such as how to fine-tune products’ profiles to match different flavors of each market and different customers’ requirements.

One Stop Service

Mr.Visutr asserted that food industry has grown averagely 10-20 percent a year. Consumers now are very health-conscious and they choose only high-quality, clean and safe food for themselves, creating a fast-growing trend towards natural products that not only good for the health but also attractive in terms of appearance, smell and flavor—all strictly natural. “Vicchi Enterprise is a “One Stop Service Provider” who sought to partner up only with producers of high quality goods. We have a standard warehouse system that can promptly and thoroughly answer to the needs of our clients across the country. We have standardized laboratories with teams of experts to provide our customers with technical advice and solutions, as well as to skillfully customize products’ formula according to customers’ needs. Because, ultimately, our customers’ success is our success as well” Mr.Visutr concluded.

For more information, please contact Tel: 0 2320 0999 or visit www.vicchienterprise.com


SEptember 2018 / Vol. 13 / No. 150

CONTENTS BONUS ATTRACTIONS • SPECIAL TALK BY FDA

25 The Most Recently Enforced Food Regulations Notification of the Ministry of Public Health No.387 B.E.2560 (2017) Re: Food Containing Pesticide Residues (Pesticide Residues in Food)

กฎระเบียบด้านอาหารล่าสุดที่มีผลบังคับใช้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง

By: Bureau of Food, Food and Drug Administration, Ministry of Public Health

• SCOOP

28 Trans Fat…Time to be Transformed

ไขมันทรานส์…ถึงเวลาต้องทรานสฟอร์ม?

25

By: Editorial Team, Food Focus Thailand Magazine

• SURF THE AEC

38

56 Healthy Food Market in Japan and Opportunity

ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพญี่ปุ่น...กับโอกาสของผู้ประกอบการไทย

By: National Food Institute, Ministry of Industry

• SPECIAL REPORT

70 Thai Consumers are on the Road to Self-betterment 79% of Thais would like to have a Healthier Diet in 2018

เทรนด์สุขภาพยังแรงต่อเนื่อง 79% ของคนไทยตั้งเป้า “ชีวิตดีมีสุข”

By: Delon Wang, Jane Barnett and Suddhanya Yupho,

46

Mintel

• SEE THROUGH MARKET

74 Export Trend for Thai Products to Global Markets

แนวโน้มส่งออกสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ

By: Department of International Trade Promotion,

Ministry of Commerce

REGULAR ATTRACTIONS 22 STAR ITEMS

ผลิตภัณฑ์ดาวเด่นประจ�ำฉบับ • SPECIAL FOCUS

32 Gluten-free Food Products…A Chance of Thai Rice in Food Industry

โอกาสของข้าวไทยในอุตสาหกรรมอาหารจากผลิตภัณฑ์ อาหารปลอดกลูเตน

By: Assistant Professor Jiraporn Sirison, Ph.D.

King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang

36 Stepping up in Silver Food and Care Food The New Trends of Healthy and Functional Food for Thai Society

ก้าวเข้าสู่เทรนด์อาหารแนวใหม่ของสังคมไทย: อาหารส�ำหรับผู้สูงอายุและแคร์ฟู้ด

By: Kornautchaya Veenuttranon,

Yamamori Trading Co., Ltd.

38 Raising Trend of Grape Seed Extract

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น...ชูคุณสมบัติเพื่อสุขภาพ ในตลาดฟังก์ชันนอล

By: S.A. Ajinomoto OmniChem NV

• STRONG QC & QA

40 New Technology offers Faster and Cheaper Food Testing

อีกระดับของเทคโนโลยีเพื่อการทดสอบ ความปลอดภัยอาหารที่น่าจับตามอง

By: Anne Trafton, MIT News Office

46 6 Common Myths about Food Allergen Testing

6 เรื่องที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับการทดสอบ สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร

By: Chiara Palladino, Ph.D.,

Romer Labs Division Holding GmbH

• STRATEGIC R & D

48 Plant-type Flavours. Go Healthy the Flavourful Way!

สารให้กลิ่นรสจากพืชธรรมชาติ...ก้าวสู่สุขภาพที่ดี ในแบบเต็มรสชาติ

By: Derrick Heng, KH Roberts Pte. Ltd.

50 Innovative Masking Solutions for Protein-enriched Products

โซลูชันใหม่เพื่อการแก้ปัญหากลิ่นรสในผลิตภัณฑ์เสริมโปรตีน

By: Jean-Yves LE DANTEC,

Metarom Asia Sdn Bhd.

• SMART PRODUCTION

52 Trendsetter…Filling of Juice with An Aseptic Filler and Block

การผลิตน�้ำผลไม้ 100% แบบปลอดเชื้อในขวด PET… วิสัยทัศน์สู่อนาคต

By: Krones AG


1526-1540 Phatthanakan 48, Phatthanakan Road, Phatthanakan, Suan Luang, Bangkok 10250 Tel: +66 (0) 2722 9377 Fax: +66 (0) 2722 9389 E-mail: sales@fit-biz.com

ad_FIT final.indd 22

www.fit-biz.com 21/6/2561 BE 15:39


SEptember 2018 / Vol. 13 / No. 150

CONTENTS OCCASIONAL ATTRACTIONS • STRENGTHEN THE PACKAGING 54 Packaging Industry Transformation to 4.0

การเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมการบรรจุสู่ยุค 4.0

48

By: Iddhiputt Thamsuriya, Thai Sek Son Co., Ltd.

• STAND OUT TECHNOLOGY

60 How to Choose an Infrared Thermometer

การเลือกใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด

By: Kittipong Kongwatmai, Thai Calibration Services Co., Ltd.

62 Improved Weighing Accuracy... A Piece of Cake

ปรับปรุงประสิทธิภาพการชั่งน�้ำหนัก...เรื่องง่ายนิดเดียว

By: Mettler-Toledo (Thailand) Limited

64 Air Blast Freezer - What’s so Good About It? A Circulation of Cool Air Inside Freezer

เทคโนโลยีการแช่แข็งด้วย Air Blast Freezer การหมุนเวียนของลมเย็นภายในฟรีซเซอร์

52

By: Sukit Litikorn, Ph.D., Harn Engineering Solutions Pcl.

• SITE VISIT

67 Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) to Support Southern SMEs in Complete Development of Processed Foods

ศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ หนุน SMEs ภาคใต้ พัฒนาอาหารแปรรูปครบวงจร

By: Editorial Team, Food Focus Thailand Magazine

64

• SAFETY ALERT

80 Data Integrity: The New Norm

DATA Integrity: เทรนด์ใหม่ที่ก�ำลังมา

By: Sahas Ratanasoponchai, Betagro Group

• SHOW TIMES

82 Pre Show – Food Ingredients Asia (Fi Asia) 2018

เตรียมพบกับนวัตกรรมสารผสมอาหารแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 84 Post Show - Food Focus Thailand Roadmap # 44: DRINKING Edition

หลากหลายแนวคิดและแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม

86 Post Show - Food Focus Thailand Roadshow # 4

สร้างพื้นฐานองค์ความรู้เรื่อง “อาหารปลอดภัย” ประสบความส�ำเร็จกับพิกัดที่ 4 ณ จังหวัดชลบุรี

90

U Share. V Care.

The Winners of U Share. V Care. July 2018 Issue

DEPARTMENTS 12 Advertising Index

รายชื่อผู้ลงโฆษณา

16 Schedule of Events

ข้อมูลงานนิทรรศการ การประชุม สัมมนา และฝึกอบรมต่างๆ 87 Surrounds

แบบสอบถามความคิดเห็น พร้อมลุ้นรับของรางวัล Share your comment and win a gift

The Mall/Emporium/Paragon Gift Voucher worth THB500 (Only 2 Lucky Winners)

อัพเดทข่าวสารในวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม



EDITOR’S TALK

Thai exports in 1H18 rise 11%... and are expected to grow 8.8 % in 2018 Sirintra Boonsumrej

Managing Editor Food Focus Thailand Magazine

Publisher Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. 5/38 Soi Ngamwongwan 25 Yak 26, Bangkhen, Muang Nonthaburi, Nonthaburi 11000 Thailand T +66 2192 9598 F +66 2116 5732 E contact@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com

ฝ่ายบรรณาธิการ / Editorial Department บรรณาธิการบริหาร / Managing Editor: ศิรินทรา บุญส�ำเร็จ / Sirintra Boonsumrej ผู้ช่วยบรรณาธิการ / Assistant Editor: อัครพล อนันตโชติ / Arkkrapol Anantachote ผู้สื่อข่าวอาวุโส / Senior Journalist: พิมพ์ชนก กนกลาวัณย์ / Pimchanok Kanoklawan editor@foodfocusthailand.com ฝ่ายขายและการตลาด / Sales & Marketing Department ผู้อ�ำนวยการฝ่ายธุรกิจ / Business Director: เพ็ญแข ประวัติพัฒนากูล / Phenkhae Prawatphatthanakoon ผู้จัดการฝ่ายขาย / Sales Manager: สิริวรรณ ขาวสะอาด / Siriwan Khaosaard เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายโฆษณา / Advertising Sales Executive: นิภาพร ละครอนันต์ / Nipaporn Lakornanan sales@foodfocusthailand.com ฝ่ายสมาชิก / Circulation Department เจ้าหน้าที่ฝ่ายสมาชิก / Circulation Officer: จิตสุดา ทองปาน / Jitsuda Thongparn ชาลินี จันทานนท์ / Chalinee Chanthanon นาถเรขา ทัพภูตา / Natrekha Tapputa seminar@foodfocusthailand.com ฝ่ายศิลปกรรม / Graphic Department ผู้อ�ำนวยการฝ่ายศิลปกรรม / Graphic Director: สุรีรัตน์ หลักบุตร / Sureerat Lukbud graphic@foodfocusthailand.com

ฝ่ายบัญชีและการเงิน / Accounting & Finance Department ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน / Accounting & Finance Manager: นาตยา พงษ์สัตยาพิพัฒน์ / Nataya Pongsatayapipat account@foodfocusthailand.com

The texts and photos in Food Focus Thailand, as well as personal comments of contributors are all rights reserved. Reproduction of the magazine, in whole or in part, is prohibited without the prior written consent of the publisher.

การส่งออกสินค้าไทยในเดือนมิถุนายน 2561 ยังขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 8.2 หรือคิดเป็นมูลค่า 21,780 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมือ่ พิจารณาอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้ารายเดือน จะเห็นว่าเป็นอัตราทีช่ ะลอลงจาก ช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้าทีข่ ยายตัวในระดับร้อยละ 11-12 ปัจจัยหลักๆ ทีช่ ว่ ยหนุนการส่งออกสินค้าในเดือนนีย้ งั มา จากโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และระดับราคาน�้ำมันดิบโลก ที่ในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งช่วยหนุนมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน�้ำมัน อย่างไรตาม อัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในเดือนมิถุนายนแผ่วลงจากช่วงก่อนหน้า ส่วนหนึ่ง จากปัจจัยฐานที่สูงในปีก่อน ประกอบกับการส่งออกรถยนต์นั่งพลิกกลับมาหดตัว นอกจากนี้ การส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป ก็ติดลบมากขึ้น เนื่องจากราคากุ้งปรับตัวลดลงตามปริมาณผลผลิตกุ้งโลก ที่เพิ่มขึ้นมาก ภาพรวมมูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ขยายตัวที่ร้อยละ 11.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน โดยปัจจัยหลักๆ มาจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องและวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก็ คาดว่าจะเป็นปัจจัยทีช่ ว่ ยหนุนเส้นทางการส่งออกสินค้าไทยในช่วงครึง่ ปีหลังให้ขยายตัวเป็นบวก แต่ชะลอลงจาก ช่วงครึ่งปีแรกมาอยู่ที่ร้อยละ 6.8 หรือมูลค่าส่งออกต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 21,939 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนหนึ่งจาก ปัจจัยเรื่องฐานที่สูงในปีก่อน ประกอบกับในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนทีต่ า่ งฝ่ายต่างเรียกเก็บภาษีนำ� เข้าสินค้ามูลค่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในปี 2561 อย่างจ�ำกัด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ผลกระทบสุทธิจะเสียประโยชน์ราว 280-420 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ แล้ว คาดว่าการส่งออกสินค้าของไทยตลอดปี 2561 จะขยายตัวที่ร้อยละ 8.8 แต่ยังต้องติดตามแผนการของ สหรัฐอเมริกาที่จะเก็บภาษีน�ำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และการตอบโต้ของจีนต่อ มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกาครั้งใหม่นี้ ถ้าหากมีการบังคับใช้จริง ก็อาจจะส่งผลต่อการส่งออก สินค้าไทยในช่วงไตรมาส 4/2561 Thai exports in June 2018 continued to expand well, increasing 8.2% or totaling USD 21.78 billion. However, the growth rate slowed down compared to the yearly growth rates of around 11-12% YoY in the previous 1-2 months. The key factors contributing to export growth in June included the sustained momentum of recovery in economies of trading partners, cycle of electronic products and higher crude oil prices in June 2018 over-year which pushed the value of oil-related export products. Nonetheless, the growth rate of Thailand’s outbound shipments decelerated from the previous months partly due to the high base effect of last year, as well as the contraction of passenger car exports. In addition, the export values of frozen, canned and processed seafood exports from Thailand further dropped in line with declining shrimp prices due to a higher supply of shrimp products in the world market. ​​Overall, Thai outbound shipments in 1H18 rose 11.0% over year. The growth is attributed mainly to the sustained momentum of economic recovery and the cyclical uptrend of electronic products, which are also expected to drive Thai exports in 2H18. The expansion rate in 2H18 however is expected to proceed at a slower rate at 6.8% or an average monthly export value of USD 21.939 billion. The deceleration is attributable to the higher base last y e ar, coupled with the fact that prices of many commodities are likely to stay at similar levels to those registered in the same period last year. With regard to the escalating trade tensions, after the US and China announced tariffs on USD 50 billion of goods to retaliate against each other, KResearch views that the impact from the dispute this year will be limited with the net impact worth around USD 280-420 million on Thai exports. Overall, it is expected that Thai outbound shipments in 2018 to rise 8.8%. On a cautionary note, close attention should be paid to Washington’s plan to impose tariffs on an additional USD 200 billion of imports and more retaliatory moves from Beijing. If these trade measures are executed, they may adversely affect Thai exports in 4Q18.

Food Focus Thailand Magazine

10

FOOD FOCUS THAILAND

DEC 2017


จากธรรมชาติเพื่ออนาคตของเรา คุราเร่ ได้พัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ซึ่งสามารถหมุนเวียน กลับมาใช้ใหม่ได้ โดยผลิตจากแป้งข้าวโพด มีความแตกต่างจากผู้ผลิตอื่นๆ ที่พัฒนาวัตถุดิบตั้งต้นขึ้นในโรงกลั่น นอกจากนี้ PLANTICTM มีคุณสมบัติ ป้องกันการซึมผ่านของก๊าซได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเปรียบเทียบกับพลาสติกจาก ชีวภาพอื่นๆ

ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกชั้นน�ำของโลกเลือกใช้

PLANTIC™ ได้น�ำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ออกสู่ตลาดโลก ไม่ว่าจะ เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดแข็งและอ่อน เช่น ถาดและถุงประเภทต่างๆ ส�ำหรับ ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก เรามีหลากหลายโครงสร้างและความหนาให้เลือก ตามความเหมาะสมในการใช้งาน และคุณสมบัติที่ต้องการ

วัสดุที่ยั่งยืนเพื่ออนาคต

PLANTICTM ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ของเทคโนโลยีพลาสติก ซึ่งก�ำลังเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก - คุณสมบัติป้องกันการซึมผ่านที่ดีเยี่ยม* ผลิตจากวัสดุหมุนเวียนได้ถึง 80%* - ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม* ลดการใช้พลังงาน 25%* ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40-70%* มีความพร้อมที่จะใช้ทดแทนในห่วงโซ่อุปทาน

วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เนื่ อ งด้ ว ยผู ้ บ ริ โ ภคทั่ ว โลกได้ ต ระหนั ก ถึ ง สิ่งแวดล้อมจึงต้องการวัสดุท่ีน�ำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) หรือรีไซเคิลได้ (Recycle) ยิ่งไป กว่ า นั้ น PLANTIC™ ยั ง ได้ รั บ การรั บ รอง จาก Planet Ark (http://planetark.org) ว่า เป็ น โครงสร้างพลาสติกหลายชั้นที่สามารถ รีไซเคิลได้ Plantic Technologies Limited 51 Burns Road Altona, 3018, Victoria Australia Website: www.plantic.com.au www.evalevoh.com

Ad.Kuraray_final.indd 6

Kuraray (Thailand) Co., Ltd.

17th Floor, Unit 1704, Sathorn Square Office Tower, 98 North Sathorn Road, Silom, Bangrak, Bangkok 10500 Thailand Tel: +66 2108 2118 Fax: +66 2108 2024

Any questions or inquiry, please contact

Mr.Prasit Piriyaparkarn E-mail: prasit.piriyaparkarn@kuraray.com Mobile: +66-87487-9977

22/8/2561 BE 16:35


ADVERTISING INDEX

ADVERTISING INDEX

September 2018 Service Info

Page No.

Arcadia Foods Co., Ltd.

B299

75

Bayer Thai Co., Ltd.

B377

57

BJC Specialties Co., Ltd.

B462

IFC

Clean Air Innovation Co., Ltd.

B433

41

Connell Bros. Co. (Thailand), Ltd. (DDW)

B272

73

Dhawath Technology Systems Co., Ltd.

B251

IBC

Ecolean AB Japan Rep. Office

B509

15

Fine Tech Ingredients Co., Ltd (Biorigin)

A354

77

Fine Tech Ingredients Co., Ltd (Huegli)

B354

79

Company

Food Focus Thailand Roadmap # 45: Meat & Poultry Edition

20-21

Food Ingredient Technology Co., Ltd.

7

B024

Food Safety Roadshow @ Samut Sakhon

51

Food Safety Roadshow @ Chiang Mai

69

Harn Engineering Solutions Public Co., Ltd. (Refrigeration) B236 65

Hi-Cook (Thailand) Co., Ltd.

B325

9

Insit Foods Co., Ltd.

B510

17

Inthaco Co., Ltd.

B074

35

KH Roberts (Thailand) Co., Ltd.

B231

BC

Krones (Thailand) Co., Ltd.

B104

45

Kuraray (Thailand) Co., Ltd.

B355

11

Material World Co., Ltd.

B137

81

Mettler-Toledo (Thailand) Ltd.

B010

63

Newly Weds Foods (Thailand) Limited

B302

3

Official Equipment Manufacturing Co., Ltd.

B084

12

Ohaus Indochina Limited

B303

89

Okuno-Auromex (Thailand) Co., Ltd.

B144

71

Pamalyne Marketing Co., Ltd.

B492

59

S.M. Chemical Supplies Co., Ltd.

B454

19

Senta Pack Machinery & Service Co., Ltd.

B025

13

Siam Pro (Thailand) Co., Ltd.

B486

43

Thai Scale Co., Ltd.

B197

61

Thai Sek Son Co., Ltd

B001

Vicchi Enterprise Co., Ltd.

B096

Wacker Chemie AG

B320

33

Yamamori Trading Co., Ltd.

B282

37

55 FC, 4-5

Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. T +66 2192 9598 E sales@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com

12

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018


Checkweighers

Case Packer Machine

Multi-Head Omega

Vacuum Type Pouch Filler/Sealer

X-Ray Bone Detecter

19/99 หมู 4 ต.บางแกว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 19/99 Moo 4, Bangkaew, Bangplee, Samutprakarn 10540 สำนักงานสาขา: 2/36 หมู 2 ถ.กาญจนวนิช ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา 90000 Branch Office: 2/36 Moo 2, Tumbol Pavong, Amphur Muang Songkhla, Songkhla 90000

X-Ray Hybrid


BOARD OF CONSULTANTS Sakchai Sriboonsue D.V.M., LB.

President of the Milk Board Dairy Farming Promotion Organization of Thailand

Visit Limlurcha

Chairman Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries

Visit Limprana

Honorary Advisor Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries

Sakkhee Sansupa

Director Thai Packaging Centre Thailand Institute of Scientific and Technological Research

Asst. Prof. Anadi Nitithamyong, Ph.D.

President Food Science and Technology Association of Thailand (FoSTAT)

Assoc. Prof. Winai Dahlan, Ph.D. Founding Director The Halal Science Center Chulalongkorn University

Assoc. Prof. Sombat Chinawong, Ph.D.

Director Institute of Food Research and Product Development Kasetsart University

Yongvut Saovapruk President National Food Institute Ministry of Industry

Phanit Laosirirat, Ph.D. Executive Director Thailand Productivity Institute

Assoc. Prof. Ratchanee Kongkachuichai, Ph.D. Director Institute of Nutrition Mahidol University

Prof. Visith Chavasit, Ph.D.Â

Institute of Nutrition, Mahidol University

Assoc. Prof. Sittiwat Lertsiri, Ph.D. Dean Faculty of Science Mahidol University

Poj Aramwattananont, Ph.D. President Thai Frozen Foods Association

Pravith Chotiprayanakul

CEO GS1 Thailand The Federation of Thai Industries

Asst. Prof. Akkharawit Kanjana-Opas, Ph.D. CEO Food Innopolis

ENDORSEMENT Food and Drug Administration Ministry of Public Health

Food Processing Industry Club The Federation of Thai Industries

National Food Institute Ministry of Industry

Thailand Institute of Scientific and Technological Research

Thailand Productivity Institute Ministry of Industry

Thai Packaging Centre Thailand Institute of Scientific and Technological Research

Office of Small and Medium Enterprises Promotion

Food Science and Technology Association of Thailand

Thai Frozen Foods Association

The Halal Science Center Chulalongkorn University

GS1 Thailand The Federation of Thai Industries

Institute of Food Research and Product Development Kasetsart University

RFID Institute of Thailand The Federation of Thai Industries

Faculty of Agro-Industry Kasetsart University

Food Innopolis National Science Technology and Innovation Policy Office


ad_Ecolean final.indd 1

18/8/2561 BE 12:27


SEPTEMBER 5-7 @ E W

ASIA FRUIT LOGISTICA 2018 AsiaWorld-Expo, Hong Kong pimpornravee@gp-events.com www.asiafruitlogistica.com

5-8 FOOD & HOTEL THAILAND 2018 COFFEE & TEA CULTURE HOSPITALITY & RETAIL WINE & SPIRITS THAILAND @ BITEC, Bangkok, Thailand E supaporn.a@besallworld.com W www.foodhotelthailand.com 7-9 @ E W

FOOD HOSPITALITY WORLD (FHW) CHINA 2018 Co-located with THE 16TH GUANGZHOU INTERNATIONAL HOSPITALITY SUPPLIES FAIR (HOSFAIR) 2018 Guangzhou, China fhwchina@worldex.singex.com (Wency Tan) www.fhcchina.com

11-12 @ E W

VITAFOODS ASIA 2018 Singapore colin.williams@informa.com www.vitafoodsasia.com

17-20 @ E W

WORLDFOOD MOSCOW 2018 Moscow, Russia tony.higginson@ite-exhibitions.com www.world-food.ru/en-GB

#5

Food Safety Roadshow Tuesday, 18 Sep 2018 Central Place Hotel @ Samut Sakhon

18-21 TECNOFIDTA 2018 @ Buenos Aires, Argentina E fabian.natalini@argentina. messefrankfurt.com W www.tecnofidta.com 19-21 RETAILEX ASEAN & FRANCHISEX ASEAN 2018 @ IMPACT, Nonthaburi, Thailand E Info@retailexasean.com W www.retailexasean.com 20-22 PROPAK MYANMAR 2018 @ Yangon, Myanmar E arayabhorn@besallworld.com (Arayabhorn Sukpornchaikul) W www.propakmyanmar.com

12-14 THAILAND LAB INTERNATIONAL 2018 @ BITEC, Bangkok, Thailand E thailandlab@vnuexhibitionsap.com W www.thailandlab.com

25-27 LABELEXPO AMERICAS 2018 @ Illinois, U.S.A. E support@labelexpo.com W www.labelexpo-americas.com

13-16 MEAT EXPO CHINA 2018 Co-located with THE CHINA FOOD & CATERING EXPO (CFCE) 2018 @ Changsha, China E parisa@worldexgroup.com meatexpo@china.messefrankfurt.com W www.meatexpochina.com

26-28 @ E W

15-20 IBA 2018 @ Munich, Germany E muenchen@gtcc.org W www.iba.de 16-18 SWEETS & SNACKS MIDDLE EAST 2018 @ Dubai, UAE E f.stroeter@koelnmesse.de W www.sweetsmiddleeast.com

16

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

INTERNATIONAL INDONESIA SEAFOOD & MEAT EXPO 2018 Jakarta, Indonesia iism@pelitapromo.com www.iism-expo.com

OCTOBER 3-5 @ E W

FOOD INGREDIENTS ASIA (Fi ASIA 2018) Jakarta, Indonesia nongnaphat.j@ubm.com www.figlobal.com/asia-indonesia/home

3-5

HEALTH INGREDIENTS JAPAN (Hi JAPAN) 2018

FOOD INGREDIENTS FOR TASTE JAPAN 2018 SAFETY AND TECHNOLOGY JAPAN 2018 @ Tokyo, Japan E nongnaphat.j@ubm.com W www.hijapan.info/eng

19 October 2018

Shifting Your Meat to the Next Level @ Challenger Hall, IMPACT By Be Media Focus (Thailand) Co., Ltd. T +66 2192 9598 E contact@foodfocusthailand.com W www.foodfocusthailand.com

14-17 PACK EXPO INTERNATIONAL 2018 Co-located with HEALTHCARE+ PACKAGING EXPO 2018 @ Chicago, U.S.A. E expo@pmmi.org W www.packexpointernational.com 21-25 SIAL PARIS 2018 @ Paris, France E visit@news.sialparis.com W www.sialparis.com

NOVEMBER

#6

Food Safety Roadshow

Friday, 9 Nov 2018 Holiday Inn Chiang Mai Hotel @ Chiang Mai


Insit Foods Company Limited

บริษัท อินซิท ฟูดส จำกัด

Seasoning Powder for Snack Industries • BBQ Seasoning • Cheese Seasoning • Tom Yum Seasoning • Nori Seaweed Seasoning • Chicken/Crab/Shrimp Seasoning • Others

Flavored Powder for Meat-Poultry & Seafood Industries • Meat Flavored Powder • Chicken Flavored Powder • Crab/Shrimp Flavored Powder • Beef Flavored Powder • Others

Marinade Powder for Meat-Poultry & Seafood Industries • Southern Fry • Buffalo Wing • Tex Mex • Tandoori • Masala • Others

Soup Powder for Chain Restaurant & Food Industries • Chicken Soup Powder • Beef Soup Powder • Seafoods Soup Powder • Mushroom Soup Powder • Vegetable Soup Powder • Miso Soup Powder • Others

Insit Foods Co., Ltd.

2/10 Moo 6, Bangbuathong-Suphanburi Rd., Na-Mai, Ladlumkaew Pathumtani 12140 E-mail: contact@insitfoods.com

Tel. & Fax. 0 2029 9679

www.insitfoods.com


SEMINAR & TRAINING 13-15 FOOD & HOTEL PENANG 2018 @ Penang, Malaysia E project@yimexhibitions.com W www.foodandhotelpenang.com 14-15 NORDIC ORGANIC FOOD FAIR 2018 @ Sweden E aphaya@blithaiand.com coordinate6@blithailand.com (BLI (Thailand) Co., Ltd.) W www.nordicorganicexpo.com 21-23 ANUFOOD CHINA 2018 @ Beijing, China E z.farkas@koelnmesse.cn W www.anufoodchina.com 22-24 TAIWAN INTERNATIONAL FISHERIES & SEAFOOD SHOW 2018 @ Taiwan E aphaya@blithaiand.com coordinate6@blithailand.com (BLI (Thailand) Co., Ltd.) W www.taiwanfishery.com 27-29 HEALTH INGREDIENTS EUROPE & NATURAL INGREDIENTS (Hi EUROPE & Ni) 2018 @ Frankfurt, Germany E julien.bonvallet@ubm.com W www.figlobal.com/hieurope/home 28-30 FOOD & HOTEL HANOI 2018 @ Hanoi, Vietnam W www.foodnhotelhanoi.com

DECEMBER 17-19 HOTELEX GUANGZHOU 2018 Co-located with EXPO FINEFOOD GUANGZHOU 2018 @ Guangzhou, China E b2b-service@ubmsinoexpo.com W www.hotelex.cn

September 10 By

Internal Audit GMP/HACCP for Food Industrial and Food Safety Audit Technique British Standard Institution (BSI)

12 By

ISO 14001:2015 Requirement British Standard Institution (BSI)

12 By

Risk and Opportunity Management Techniques for Management System ISO 9001:2015 Thailand Productivity Institute

13 Big Data Analytic for Defining Strategic Insights Winning Negotiation Strategies By Thailand Productivity Institute 17-21 CQI and IRCA Certified ISO 14001:2015 Lead Auditor Training Course (Course Number 17903)

By

CQI and IRCA Certified ISO 45001:2018 Lead Auditor Training Course (Course Number 1946) British Standard Institution (BSI)

18-19 Modern Supply Chain & Logistics Management By Thailand Productivity Institute 18-19 การเบี่ยงเบนกระบวนการผลิต และการแก้ไขในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง By National Food Institute (NFI) 19 By

วิธีการคำ�นวณฉลากโภชนาการ (รุ่นที่ 2/2561)

National Food Institute (NFI)

20-21 ISO 9001:2015 Internal Audit By British Standard Institution (BSI) 20-21 การตรวจสอบความถูกต้องของวิธีทดสอบทางจุลชีววิทยา (รุ่นที่ 2/2561) By National Food Institute (NFI) 24-28 CQI & IRCA Certified ISO 9001:2015 Lead Auditor Training Course (Course Number 17955) By British Standard Institution (BSI) 25 By

กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับวัตถุเจือปนอาหาร (รุ่นที่ 2/2561)

National Food Institute (NFI)

25-26 Operations Management with Performance Excellence Framework (New) By Thailand Productivity Institute 26 By

Transition to ISO 22000:2018 British Standard Institution (BSI)

26-27 ข้อกำ�หนดมาตรฐานและการตีความ BRC Food Issue 7 By National Food Institute (NFI) 27 By

Communication with High Impact Thailand Productivity Institute

28 By

National Food Institute (NFI)

การจัดการเครื่องมือวัด การอ่านใบรับรองผล และการประเมินผลการสอบเทียบ (รุ่นที่ 2/2561)

CONTACT

British Standard Institution (BSI) Thailand Productivity Institute T 0 2294 4889 E infothai@bsigroup.com

18

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

T 0 2619 5500 # 451-455 E training@ftpi.or.th

National Food Institute (NFI)

T 0 2422 8688 E food@nfi.or.th


S.M. CHEMICAL SUPPLIES CO., LTD. a Hi-tech solution for Trans Fatty Acids AnalysisÂ

Fatty Acids/FAME/Trans Fatty Acids Analysis of Foods for Nutritional Needs

Trans Fatty Acids Chemical Standards

GC Columns & Accessories

S.M. CHEMICAL SUPPLIES CO., LTD. Tel: 0 2136-6033 ad_SM Chemical.indd 1

Fax: 0 2136-6030-31

E-mail: info@smchem.co.th

Derivatizing Reagents

Website: www.sigmaaldrich.com, www.smchem.co.th 18/8/2561 BE 12:25


Meat & Poultry industry is recognized as one of the Thailand’s most promising agriculture segment. The seminar is based on “From Farm to Fork” perspective serving practical and helpful information. Let’s discover the state-of-art technology, safety concerns, upcoming regulations, booming trends, and much more.

Shifting Your Meat

Track 1 Trend & Ideation

ศาสตร์และศิลป์ของกลิ่นรสและสารปรุงแต่งกลิ่นรส: แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก

โดย: ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก: ตลาดภายในประเทศและการส่งออก

โดย: ส�ำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

เทรนด์ของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ปี 2561-2562: มุมมองจากทั่วโลก สู่เอเชียแปซิฟิก

โดย: ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Track 2 Technology & Innovation

Track 3 Meat Safety

กระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก 4.0

โดย: ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การบริหารจัดการระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ในโรงงานอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก

โดย: ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย

Part 1: “Food Safety Culture” แนวคิดสู่การปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ และสัตว์ปีก

โดย: ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Part 2: Case Study “Food Safety Culture” แนวคิดสู่การปฏิบัติในโรงงานอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ และสัตว์ปีก

โดย: ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


Mini Expo Main sponsor:

19 October 2018

@ Jupiter Room 4-13, Challenger Hall, IMPACT

to the Next Level

Co-sponsor:

อัพเดทสารผสมอาหารที่มีประโยชน์ ต่อสุขภาพกับการประยุกต์ ใช้ในผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์

โดย: ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บรรจุภัณฑ์เนื้อสัตว์และสัตว์ปีกอัจฉริยะ

โดย: ภาควิชาเทคโนโลยีการบรรจุและวัสดุ คณะอุตสาหกรรมเกษตร

Display:

นวัตกรรมและเทคโนโลยีในกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก

โดย: คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

Organized by:

Official Publication:

กรณีศึกษา: การประยุกต์ ใช้เครื่องมือการเพิ่มผลผลิต ในโรงงานอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และสัตว์ปีก

โดย: ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการผลิต

การพัฒนาชุดทดสอบยาปฏิชีวนะในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ด้วยวิธีทดสอบทางจุลชีววิทยา

โดย: ส�ำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นวัตกรรมในการควบคุมการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ก่อโรคในผลิตภัณฑ์ เนื้อสัตว์และสัตว์ปีก

โดย: ศูนย์วิจัยและพัฒนา เครือเบทาโกร

การตรวจสอบเนื้อสัตว์ ในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล

โดย: สถาบันมาตรวิทยา กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

More information, please contact..

Chalinee 08 6908 2377

3 sessions at 1 price

Secure your seats now!! This offer is reserved for food manufacturers only.


STAR ITEMS

KH Roberts Coffee Flavours

“DOD” Defrost on Demand

Super Oil Natural Extract

ขานรั บ กระแสนิ ย มกาแฟระลอกใหม่ ด ้ ว ย กลิ่นกาแฟสุดพิเศษ จาก KH Roberts ที่คิดค้น และพัฒนาออกมาได้อย่างพิถพี ถิ นั มีหลากหลาย รูปแบบให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่มีความ ไหม้นิดๆ หรือมีความอบอวนของควันตอนคั่ว นิ ด หน่ อ ย ไปจนถึ ง กลิ่ น กาแฟที่ ก ลมกล่ อ ม หรือหวานหอม เหมาะส�ำหรับการน�ำไปใช้ใน ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ขนมหวาน และเบเกอรี เพื่อยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้โดนใจ คอกาแฟได้อย่างตรงเป้าหมาย

อุปกรณ์ควบคุมการละลายน�้ำแข็งอัจฉริยะ DOD ส� ำ หรั บ การใช้ ง านในห้ อ งเย็ น ทุ ก ชนิ ด เพื่ อ เก็ บ รักษาสินค้า ไมโครโพรเซสเซอร์ใน DOD ช่วยให้ การควบคุมอุณหภูมิ และระดับความชืน้ ในอากาศ รวมถึ ง ความถี่ ใ นการละลายน�้ ำ แข็ ง ให้ เ ป็ น ไป ตามสภาวะการท�ำงานที่แท้จริง โดยไม่ต้องปรับแต่ง ค่าใดๆ ให้ยุ่งยาก ง่ายต่อการน�ำไปใช้ อีกทั้งยัง สามารถน�ำพลังงานที่เหลือจากการละลายน�้ำแข็ง (Latent energy) กลั บ มาใช้ ใ ห้ เ กิ ด ประโยชน์ ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง ร้อยละ 15 – 25 เลยทีเดียว

“ซูเปอร์ ออยล์” น�้ำมันสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสี และกลิ่น ไม่หืน เหมาะส�ำหรับร้านอาหาร และ โรงงานอาหารและเครื่ อ งดื่ ม อี ก ทั้ ง ยั ง เป็ น วัตถุดิบที่ผลิตจากประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับ มาตรฐานฮาลาล ISO 9001 FSSC 2200 และ ก�ำลังพัฒนาเข้าสู่ระบบมาตรฐาน BRC

Riding on the third coffee wave, KH Roberts brings to you a new brew of coffee flavours that raises the bar of mainstream flavoured coffee. This range intensifies desired nuances such as roasted, smoky, fruity and nutty notes. The flavours also provide exceptional performance in beverage, confectionery and bakery applications.

By: KH Roberts (Thailand) Co., Ltd. www.kh-roberts.com

22

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

“Super Oil” is made from natural, clear color and not rancid aroma. Suitable for restaurants and food & drink manufacturers. This raw material is made in Germany, which certified by Halal, ISO 9001, FSSC 2200 and developed into BRC standard.

Intelligent Defrost on Demand (DOD) unit is specially designed for using in any refrigeration and freezing system to control temperature, moisture and defrost cycle without any modification needed. It is simple and easy-to-use. And with its intelligence, excess Latent energy from refrigeration can also be recovered for further uses saving up an energy cost up to 15-25%

By: Harn Engineering Solutions Pcl. www.harn.co.th

By: Succeed Model Co., Ltd. www.succeedm.com


STAR ITEMS

REABEL NH3/CO2 Cooling System

KOMAJIRUSHI SMR2 Texture Improver for Cooked Rice

SevenCompact S230 Conductivity Benchtop Meter

REABEL ชุดอุปกรณ์ท�ำความเย็นขนาดกลาง แบบใหม่ ที่ ถู ก ออกแบบให้ ม าพร้ อ มกั บ อุ ป กรณ์ ต ่ างๆ มี จุ ด เด่ น ในเรื่ อ งของการใช้ สารท� ำความเย็ น ที่ เ ป็ น มิตรกับ สิ่งแวดล้อม (NH3/CO2) มีประสิทธิภาพในการท�ำงานสูง และปลอดภัยส�ำหรับทุกอุตสาหกรรม

เป็ น ที่ ท ราบกั น ว่ า คุ ณ ภาพของข้ า วหรื อ ข้าวเหนียวหุงสุกจะเปลีย่ นแปลงและเสือ่ มเสีย ง่ า ยระหว่ า งการเก็ บ รั ก ษาโดยเฉพาะในที่ อุณหภูมติ ำ�่ เช่น เนือ้ สัมผัสจะเริม่ แน่นและแข็ง จากการคืนตัวของแป้ง (Retrogradation) ดังนัน้ การเติม KOMAJIRUSHI SMR2 ในข้าว หรื อ ข้ า วเหนี ย วขณะที่ หุ ง จะช่ ว ยปรั บ เนื้ อ สัมผัสของข้าวให้นมุ่ และช่วยรักษาสภาพของ เมล็ดข้าวไม่ให้แห้งฝ่อแม้จะเก็บในอุณหภูมิ ต�่ ำ แล้ ว น� ำ มาให้ ค วามร้ อ นด้ ว ยไมโครเวฟ อีกครั้งก็ตาม

เครื่ อ งวั ด อเนกประสงค์ ที่ส ามารถใช้ ง านได้ หลากหลายรูปแบบในทุกพืน้ ทีด่ ว้ ยเครือ่ งเดียว สามารถวัดค่าการน�ำไฟฟ้า ความเค็ม ความ ต้านทานไฟฟ้า ปริมาณของแข็งที่ละลายน�้ำ ทั้งหมด (TDS) และค่าการน�ำไฟฟ้า Ash ได้ใน เครื่องเดียว ออกแบบอย่างพิถีพิถัน มาพร้อม ที่ใส่อิเล็กโทรดแบบ uPlace ช่วยให้วัดค่าได้ รวดเร็วขึน้ และลดความเสีย่ งทีภ่ าชนะตัวอย่าง จะพลิ ก คว�่ ำ หรื อ สร้ างความเสี ย หายให้ กั บ เซ็ น เซอร์ สามารถเลื อ กดู ข ้ อ มู ล การวั ด ค่ า ทั้งหมดบนจอแสดงผลได้อย่างง่ายดาย และ มีการใช้งานที่เข้าใจได้ง่าย

REABEL commercial and semi-industrial NH3/CO2 cooling system that comes with a mid sized compressor (unit package). It uses a environmentally refrigerant that can still provide high efficiency in cooling. It is suitable for every industry.

The quality of cooked rice or sticky rice are altered and deteriorated during storage, especially at low temperature; such as hardening due to starch retrogradation. Adding KOMAJIRUSHI SMR2 in rice or sticky rice while cooking will aid in the texture improvement to be soft and keep the condition of the grain not to hiss even if stored at low temperature and then heat up with the microwave again.

By: Mayekawa (Thailand) Co., Ltd. www.mayekawa.com

By: Okuno-Auromex (Thailand) Co., Ltd. www.okuno-auromex-food.com

The multipurpose gauge is the ideal choice for a wide range of applications which can be used anywhere. Not only conductivity measurements. It also measures other parameters such as salinity, electrical resistance, Total soluble solids (TDS) and conductivity Ash. The electrode that comes with the perfect machine of uPlace allows for faster measurement and reduce the risk which can lead to the container overturned or damage the sensor. SevenCompact allows you to easily view all measurement data and has easy to understand protocol.

By: Mettler-Toledo (Thailand) Ltd. www.mt.com

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

23


STAR ITEMS

7

8

Naturom TopNat เครื่ อ งเทศที่ ไ ด้ จ าก กระบวนการหมัก มีคณ ุ สมบัตสิ ามารถช่วยยับยัง้ การเติบโตของแบคทีเรียในระหว่างการจัดเก็บ เหมาะส�ำหรับวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ทีผ่ า่ นกระบวนการปรุงสุก นอกจากนีย้ งั สามารถ ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกลุ่มที่ ก่อให้เกิดโรค เช่น Coliform, Listeria และ Salmonella ได้ดีอีกด้วย ที่ส�ำคัญ Naturom TopNat ยังถือเป็นส่วนผสมประเภทเครื่องเทศ ที่ ไ ม่ ท� ำ ให้ อ าหารเสี ย รสชาติ และไม่ มี E-Number

Premi®️Test ชุดทดสอบ Antibiotic Residue Screening Test ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้ง่าย และได้ผลรวดเร็ว เพื่อตรวจหาสารตกค้างของ สารปฏิชีวนะทุกกลุ่ม เช่น Chloramphenicol, Tetracyclines, Sulfonamides, Fluoroquinolone และอื่นๆ ในเนื้อสัตว์ (วัว หมู ไก่) ปลา กุ้ง ไข่ ไต ตับ ปัสสาวะ เลือด และในอาหารสัตว์ ชุด ทดสอบ Premi®️Test ได้รับการรับรองว่าเป็น “Performance Tested Method” ของ AOAC Research Institute และได้รับการรับรองเป็น “NF VALIDATION” จาก AFNOR และ จาก ISO 16140

Naturom TopNat Seasoning & Spice Extract

Naturom TopNat is natural fermented spices that can inhibits the growth of bacteria in raw and cooked meat. Naturom TopNat also prevents the growth of pathogenic bacteria such as Coliform, Listeria and Salmonella. It is also considered as a spice that can prolong shelf life, help the product to stay fresh without E – Number and change of the taste.

By: DPO (Thailand) Co., Ltd. www.dpointernational.com

24

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

Premi®️Test Fast Antibiotic Residue Screening

Premi®️Test is an easy & fast antibiotic residue screening test to detect broad spectrum of antibiotics used in animal farms, such as Chloramphenicol, Tetracyclines, Sulfonamides, Fluoroquinolones, etc. in meats (beef, pork, poultry), fish, shrimps, eggs, liver, kidney, urine and feed. Premi®️ Test has been certified as “Performance Tested Method” by the AOAC Research Institute, and “NF VALIDATION” by AFNOR, and ISO 16140.

By: Chakmartin International Ltd. www.chakmartin.com

9

Biorigin Bionis YE GMX DK

ผงยีสต์สกัด ทีอ่ ดุ มไปด้วยนิวคลีโอไทด์ธรรมชาติ มี โ ปรไฟล์ ก ลิ่ น รสแบบ Roasted ที่ เ ข้ ม ข้ น ช่ ว ยปรั บ ปรุ ง สี แ ละรสชาติ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ใ ห้ มี ความเป็นเนื้อสัตว์และอูมามิมากขึ้น นอกจากนี้ ยั ง เหมาะส� ำ หรั บ การน� ำ ไปใช้ ใ นผลิ ต ภั ณ ฑ์ มังสวิรัติทุกชนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นรสของเนื้อสัตว์ ให้เข้มข้นขึ้น ทั้งนี้ Bionis YE GMX DK ยังนับ เป็ น โซลู ชั น เพื่ อ สุ ข ภาพที่ ยั่ ง ยื น เพราะปลอด GMO และเป็ น ส่ ว นผสมแบบ Clean label อย่างแท้จริง Bionis YE GMX DK, yeast extract with high natural 5´nucleotides and intense roasted profile, permits the color and taste of dark meaty roasted notes move upfront and Umami taste of food recipes be intensified. It is also suitable for vegan, vegetarian and flexitarian application to enhance meat notes. It is also a Non-GMO, clean label and sustainable solutions for food industry that are looking for natural alternatives.

By: Fine Tech Ingredients Co., Ltd. www.finetechingredients.com


SPECIAL TALK BY FDA ปัจจุบันพบว่ามีการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรเพื่อการก�ำจัดศัตรูพืชในระหว่าง การเพาะปลูกหรือการเก็บรักษา ซึง่ อาจท�ำให้มสี ารพิษดังกล่าวตกค้างในอาหารทีม่ นุษย์ บริโภค ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560 เรือ่ งอาหารทีม่ สี ารพิษตกค้าง โดยได้ปรับปรุงข้อก�ำหนดปริมาณ สารพิ ษ ตกค้ า งในอาหารต่ า งๆ ให้ ค รอบคลุ ม เหมาะสมเป็ น ปั จ จุ บั น เพื่ อ ให้ ร ะบบ การควบคุม การใช้วัต ถุอัน ตรายทางการเกษตรมีค วามปลอดภัย ในการคุ้ม ครอง ผู ้ บ ริ โ ภคตลอดห่ ว งโซ่ และสอดคล้ อ งเป็ น มาตรฐานเดี ย วกั น ของประเทศ โดยมี สาระส�ำคัญสรุปได้ดังต่อไปนี้

กฎระเบียบด้านอาหารล่าสุดที่มีผลบังคับใช้

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560

เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง 1

ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับเดิมทั้ง 2 ฉบับ คือ ประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2554 และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 361) พ.ศ.2556 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2556

2

ปรับปรุงและเพิ่มนิยาม เพื่อให้ชัดเจนและครอบคลุมขึ้น ดังนี้ “สารพิษตกค้าง (pesticide residue)” หมายความว่า สารตกค้างใน อาหารที่เกิดจากการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร และให้หมายความรวมถึง กลุ่มอนุพันธ์ของวัตถุอันตรายทางการเกษตรนั้น ได้แก่ สารจากกระบวนการเปลี่ยนแปลง (conversion products) สารจากกระบวนการสร้างและสลาย (metabolites) สารจากการท�ำปฏิกิริยา (reaction products) และสารที่ปนอยู่ ในวัตถุอันตรายทางการเกษตร (impurities) ที่มีความเป็นพิษอย่างมีนัยส�ำคัญ “วัตถุอันตรายทางการเกษตร (pesticide)” หมายความว่า สารที่มีจุดมุ่งหมาย ใช้เพื่อป้องกัน ท�ำลาย ดึงดูด ขับไล่ หรือควบคุมศัตรูพืชและสัตว์ หรือพืชและ สัตว์ที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระหว่างการเพาะปลูก การเก็บรักษา การขนส่ง การจ�ำหน่าย หรือระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร หรือสารที่อาจใช้ กับสัตว์เพื่อควบคุมปรสิตภายนอก (ectoparasites) และให้หมายความรวมถึง สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช สารท�ำให้ใบร่วง สารท�ำให้ผลร่วง สารยับยัง้ การแตกยอดอ่อน และสารทีใ่ ช้กับพืชผลก่อนหรือหลังการเก็บเกีย่ ว เพือ่ ป้องกัน การเสื่อมเสียระหว่างการเก็บรักษาและการขนส่ง แต่ทั้งนี้วัตถุอันตรายทาง การเกษตร ไม่ ร วมถึ ง ปุ ๋ ย สารอาหารของพื ช และสั ต ว์ วั ต ถุ เ จื อ ปนอาหาร วัตถุที่เติมในอาหารสัตว์ (feed additive) และยาสัตว์ (veterinary drug) “ปริ ม าณสารพิ ษ ตกค้ า งสู ง สุ ด (Maximum Residue Limit; MRL)” หมายความว่า ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดที่มีได้ในอาหาร อันเนื่องมาจาก การใช้ วั ต ถุ อั น ตรายทางการเกษตร มี ห น่ ว ยเป็ น มิ ล ลิ ก รั ม สารพิ ษ ตกค้ า ง ต่อกิโลกรัมอาหาร “ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดที่ปนเปื้อนจากสาเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (Extraneous Maximum Residue Limit; EMRL)” หมายความว่า ปริมาณ

ส�ำนักอาหาร ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข Bureau of Food

Food and Drug Administration Ministry of Public Health food@fda.moph.go.th

สารพิษตกค้างสูงสุดที่มีได้ในอาหาร อันเนื่องมาจากสารพิษตกค้างที่ปนเปื้อน จากสิ่งแวดล้อม รวมสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่เคยใช้ มาก่อนและถูกยกเลิกการขึ้นทะเบียนการใช้ในประเทศแล้ว แต่เป็นสารพิษที่ สลายตัวช้า จึงปนเปื้อนหรือสะสมในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน มีหน่วยเป็น มิลลิกรัมสารพิษตกค้างต่อกิโลกรัมอาหาร “ดีฟอลต์ลิมิต (default limit)” หมายความว่า ปริมาณสารพิษตกค้างที่มี ได้ในอาหาร ส�ำหรับวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ไม่ได้ก�ำหนดปริมาณสารพิษ ตกค้างสูงสุด (MRL) ไว้ มีหน่วยเป็นมิลลิกรัมสารพิษตกค้างต่อกิโลกรัมอาหาร “ชนิดสารพิษตกค้าง (definition of residues)” หมายความว่า สารพิษตกค้าง ชนิดที่ก�ำหนดให้ตรวจวิเคราะห์ ซึ่งอาจเป็นชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกัน ที่ก�ำหนดให้ตรวจ “วัตถุอันตรายชนิดที่ 4” หมายความว่า วัตถุอันตรายที่ห้ามมิให้มีการผลิต การน�ำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยเป็นไปตามประกาศ กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความใน พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551

3

ชนิดของอาหารทีก่ ำ� หนดปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit; MRL) หรือที่ก�ำหนดปริมาณสารพิษสูงสุดที่ปนเปื้อนจากสาเหตุที่ ไม่อาจหลีกเลีย่ งได้ (Extraneous Maximum Residue Limit; EMRL) จะก�ำหนด ครอบคลุม พืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ไขมัน นม ไข่ และน�้ำมัน ส�ำหรับชนิด ของกลุม่ พืชนัน้ อ้างอิงตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 9045-2559 การจัดกลุม่ สิ น ค้ า เกษตร: พื ช และฉบั บ แก้ ไ ขปรั บ ปรุ ง ล่ า สุ ด ซึ่ ง จั ด กลุ ่ ม พื ช ออกเป็ น หมวดใหญ่ 5 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 กลุ่มผลไม้ ประเภทที่ 2 กลุ่มผัก ประเภทที่ 3 กลุ่มธัญพืชและพืชอื่นๆ ตระกูลหญ้า ประเภทที่ 4 กลุ่มถั่วเปลือกแข็งและเมล็ด ประเภทที่ 5 กลุ่มสมุนไพรและเครื่องเทศ SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

25


SPECIAL TALK BY FDA

รูปที่ 1 แผนผังการพิจารณาปริมาณสารพิษตกค้างจากวัตถุอนั ตรายทางการเกษตร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560 เรือ่ ง อาหารทีม่ สี ารพิษตกค้าง

Diagram 1 Flow chart showing pesticide residue detection guidelines according to the Notification of the Ministry of Public Health No.387 B.E.2560 (2017) Re: Food Containing Pesticide

4

ก�ำหนดปริมาณสารพิษตกค้างในอาหารโดยแนวทางการพิจารณาปริมาณ สารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตร สรุปได้ตามรูปภาพที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 4.1 ต้ อ งตรวจไม่ พ บสารพิ ษ ตกค้ า งจากวั ต ถุ อั น ตรายทางการเกษตร ชนิดที่ 4 เป็นวัตถุอันตรายที่ห้ามมิให้มีการผลิต การน�ำเข้า การส่งออก หรือการมี ไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไข เพิ่มเติม พ.ศ.2551 ซึ่งก�ำหนดไว้จ�ำนวน 82 รายการ ตามบัญชีหมายเลข 1 แนบท้ายประกาศฉบับนี้ 4.2 ตรวจพบสารพิษตกค้างได้แล้วแต่กรณี (1) กรณีเป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่มีข้อก�ำหนดปริมาณสารพิษ ตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limit; MRL) ไว้แล้ว ต้องไม่เกิน ค่า MRL ก�ำหนดไว้ตามเงื่อนไข ดังนี้ (1.1) ไม่เกินค่า MRL ที่ก�ำหนดในบัญชีหมายเลข 2 แนบท้าย ประกาศฉบับนี้ (1.2) กรณีที่ไม่มีการก�ำหนดชนิดของวัตถุอันตรายทางการเกษตร หรือไม่มีการก�ำหนดชนิดของอาหารไว้ในบัญชีหมายเลข 2 แนบท้ายประกาศฉบับนี้ ต้องไม่เกินค่า MRL ที่ก�ำหนดไว้ ในโคเด็กซ์ (สามารถดูรายละเอียดได้จาก http://www.fao. org/fao-who-codexalimentarius/standards/pestres/en/) (1.3) กรณีที่เป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ไม่ได้มีการกําหนด ค่า MRLไว้ตามข้อ (1.1) และ (1.2) ตรวจพบได้ไม่เกินค่า ดีฟอลต์ลิมิต (default limit) ดังนี้ (ก) ไม่เกินค่าดีฟอลต์ลิมิตที่ก�ำหนดไว้ในบัญชีหมายเลข 3 แนบท้ายประกาศฉบับนี้ ซึ่งก�ำหนดไว้ส�ำหรับกลุ่มพืช เท่านั้น 26

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

(ข) ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมสารพิษตกค้างต่อกิโลกรัมอาหาร ส�ำหรับอาหารอื่น นอกเหนือจากกลุ่มพืชที่ก�ำหนดไว้ใน บัญชีหมายเลข 3 แนบท้ายประกาศฉบับนี้ (2) ปริมาณสารพิษสูงสุดที่ปนเปื้อนจากสาเหตุที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (Extraneous Maximum Residue Limit; EMRL) ซึ่งก�ำหนดไว้ส�ำหรับ วัตถุอันตรายทางการเกษตร 5 ชนิด คือ อัลดรินและดีลดริน คลอร์เดน ดีดีที เอนดริน และเฮปทาคลอร์ โดยตรวจพบได้ไม่เกินที่ก�ำหนดไว้ ในบัญชีหมายเลข 4 แนบท้ายประกาศฉบับนี้

5

ก�ำหนดวิธีการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในอาหาร เพื่อให้ห้องปฏิบัติการ ตรวจวิเคราะห์มีการปฏิบัติที่เป็นแนวทางเดียวกัน ตามบัญชีหมายเลข 5 แนบท้ายประกาศฉบับนี้

6 บทลงโทษ ผู ้ ใ ดฝ่ า ฝื น จ� ำ หน่ า ยอาหารที่ มี ส ารพิ ษ ตกค้ า งไม่ เ ป็ น ไปตาม 7มาตรฐานที่ไว้ตามประกาศฉบับนี้ มีความผิดตามมาตรา 28 แห่ง

ระยะเวลาบังคับใช้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2560

พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 จัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือ เป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ตามมาตรา 26 (1) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มีโทษจ�ำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจ�ำ ทั้งปรับ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง/ Relevant Regulation ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 387 พ.ศ.2560 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง ลงวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2560 สืบค้นได้จาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/ PDF/2560/E/228/8.PDF The Notification of the Ministry of Public Health No.387 B.E.2560 (2017) Re: Food Containing Pesticide Residues, dated the 18th August B.E.2560 (2017). Available from: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/228/8.PDF


SPECIAL TALK BY FDA The use of agricultural hazardous substances during crop cultivation or storage, in addition to the possible contamination thereof in human food, has presently been detected. The Food and Drug Administration, therefore, issued the Notification of the Ministry of Public Health (No.387) B.E.2560 (2017) Re: Food Containing Pesticide Residues where in the regulation on the allowable limit of pesticide residues in food has been amended in order to appropriately respond to the current situation and to ensure consumer safety and protection in the entire chain through the agricultural hazardous substance control systems, which are expected to be grouped under the same national standard. The detail of the notifications is summarized as follows;

The Most Recently Enforced Food Regulations

Notification of the Ministry of Public Health No.387 B.E.2560 (2017) Re:

Food Containing Pesticide Residues (Pesticide Residues in Food) 1

The Notification of the Ministry of Public Health Re: Food Containing Pesticide Residues, dated the 14th April B.E.2554 (2011) and the Notification of the Ministry of Public Health (No.361) B.E.2556 (2013) Re: Food Containing Pesticide Residues (No.2), dated the 6th August B.E.2556 (2013), shall be repealed.

2

To revise and add definitions for clearer meaning and wider coverage as follows: “Pesticide Residue” means any specified substance in food resulting from the use of a pesticide. The term includes any derivatives of a pesticide, such as conversion products, metabolites, reaction products, and impurities considered to be of toxicological significance “Pesticide” means any substance intended for preventing, destroying, attracting, repelling, or controlling any pest including unwanted species of plants or animals during the production, storage, transport, distribution, or processing of food, or which may bead ministered to animals for the control of ectoparasites. The term includes substances intended for use as a plant-growth regulator, defoliant, desiccant, fruit thinning agent, or sprouting inhibitor and substances applied to crops either before or after harvest to protect the commodity from deterioration during storage and transport. The term normally excludes fertilizers, plant and animal nutrients, food additives, feed additives and veterinary drug. “Maximum Residue Limit; MRL” means the maximum concentration of a pesticide residue in food arising from use of a pesticide. It is expressed in milligrams of pesticide residue per kilogram of the food “Extraneous Maximum Residue Limit; EMRL” means the maximum concentration of a pesticide residue in food arising from the residues that contaminate in the environment including from the pesticides that have been used before and then their uses have been banned in the country but, because of their persistent properties, the residues still exist in the environment. It is expressed in milligrams of pesticide residue per kilogram of the food “Default Limit” means the maximum concentration of a pesticide residue in food for those pesticides which specific MRL is not set out. It is expressed in milligrams of pesticide residue per kilogram of the food. “Definition of Residues” means pesticide residue identified to analyse for compliance with MRLs established in this notification. This may be one or several types combined “Type 4 Hazardous Substance” means the hazardous substance which is not allowed to be produced, imported, exported or possessed in accordance with the Notification of the Ministry of Industry on The List of Hazardous Substances issued under the Hazardous Substance Act B.E.2535 (1992) and Hazardous Substance Act, B.E.2551 (2008)

3

The types of food with Maximum Residue Limit (MRL) or Extraneous Maximum Residue Limit (EMRL) include plants and vegetables, fruits, meat, entrails, fat, milk, eggs, and oil. The plant commodities are defined in Thai Agricultural Standard TAS 9045-2016 Classification of agricultural products: Plants and the latest revision, in which agricultural commodities are classified into the following 5 main categories: Category 1 Fruits Category 2 Vegetables Category 3 Cereals and other grass family plants Category 4 Nuts and seeds Category 5 Herbs and spices

4

The guidelines to determine the pesticide residue limits in food can be summarized as per Diagram 1 with the following details: 4.1 Food shall not contain any pesticide defined as Hazardous Substances Type 4 that prohibited hazardous substances to be produced, imported, sold or possessed under the Hazardous Substance Act B.E.2535 (1992) and Hazardous Substance Act, B.E.2551 (2008). As 82 substances listed in Annex 1 of this Notification 4.2 Detected pesticide residues in food shall be complied with standard, as the case may be. (1) In case of agricultural hazardous substances with MRL, the detected pesticide residues in food shall not exceed the specified limits in accordance with the following conditions: (1.1) Shall not exceed MRL specified in Annex 2 of this Notification. (1.2) If the types of agricultural hazardous substances or food are not specified in Annex 2 of this Notification, the detected pesticide residues in food shall not exceed the limits recommended by Codex Alimentarius Commission, Joint FAO/WHO Food Standards Programme (http://www.fao.org/fao-who codexalimentarius/standards/pestres/en/) (1.3) When there are no MRL was specified in Annex 2 of this Notification and Codex pesticide database, the amount of pesticide residues in food shall not exceed the default limit as per the following conditions: (A) Shall not exceed the default limit specified in Annex 3 of this Notification. This condition applies to plant commodities only. (B) Shall not exceed 0.01 milligrams of residue per kilogram of food. This condition applies to any food other than plant commodities specified in Annex 3 of this Notification. (2) The detected pesticide residues in food for aldrin, dieldrin, DDT, endrin, and heptachlor shall not exceed the Extraneous Maximum Residue Limit (EMRL) specified in Annex 4 of this Notification.

5 6

The Analytical methods shall be as prescribed in Annex 5 of this Notification, as recommended guidelines for laboratory practice

Enforcement Period: The Notification of the Ministry of Public Health No.387 B.E.2560 (2017) Re: Food Containing Pesticide Residues shall come into force on the 19th September B.E.2560 (2017).

7

Punitive Measures: Violators of the regulations stipulated in this Notification who sell food containing pesticide residues, which is considered to be a substandard food according to Clause 28 of Food Act B.E.2522 (1979), shall be subject to fine of not more than THB 50,000, or violators shall be subject to fine of not more than THB 20,000 and/or imprisonment for any period not exceeding 2 years since such food is classified asimpure food according to Clause 26(1) of Food Act B.E.2522 (1979).

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

27


SCOOP กองบรรณาธิการ นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine editor@foodfocusthailand.com

ทอล์ ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของวงการ อุตสาหกรรมอาหารในชั่วโมงนี้ ต้องผายมือ ให้กับประเด็นร้อน “กรดไขมันทรานส์” ที่ สร้ า งกระแสตื่ น ตั ว ให้ กั บ ผู ้ ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ทั้งวงการ ตั้งแต่ต้นน�้ำ กลางน�้ำ สู่ปลายน�้ำ การน� ำ เสนอข้ อ มู ล ของไขมั น ทรานส์ ใ น รูปแบบต่างๆ ผ่านช่องทางโซเชียลยังรวดเร็ว ติ ด สปี ด …หากแต่ ข ้ อ มู ล ที่ เ ราได้ รั บ รู ้ นั้ น จะ จริงหรือไม่…จริงหรือเปล่า?... #ต้องถาม ผู้เชี่ยวชาญ

“ข้อมูลที่มีการรายงานหรือกล่าวถึงไขมันทรานส์ มีทั้งใช่ และไม่ใช่” ศาสตราจารย์ ดร.วิสฐิ จะวะสิต อาจารย์ประจ�ำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัย มหิดล ในฐานะหัวหน้าวิจัยโครงการ “ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์” กล่าว เริ่มต้นกับ ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ “ความคลาดเคลื่อน เกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ หนึ่ง…ความไม่เข้าใจ สถานการณ์เฉพาะของประเทศไทยที่แตกต่างจากซีกโลกตะวันตก รวมถึง บางประเทศในเอเชียที่พึ่งพิงแหล่งไขมันที่มีความไม่อิ่มตัวสูงเป็นหลัก และ สอง…การใช้วิธีวิเคราะห์หาไขมันทรานส์ที่ไม่ถูกต้อง ท�ำให้ได้ผลการวิเคราะห์ สูงกว่าความเป็นจริงมาก ซึ่งสร้างความตระหนกให้กับทั้งผู้วิเคราะห์และผู้ที่ ได้เห็นข้อมูล” ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าว

ไขมันทรานส์…มาได้อย่างไร?

ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าวต่อว่า หากจะเล่าถึงที่มาของไขมันทรานส์ ก็ต้อง ย้อนกลับไปถึงการผลิตเบเกอรี่ของซีกโลกตะวันตก ซึ่งใช้ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ เป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะใช้เนยแท้ (Butter) ซึ่ง ได้จากนมวัวในการท�ำเค้ก การใช้ไขมันหมู (Lard) ในการท�ำพัฟ พาย หรือการใช้เนยขาว (Shortening) ที่ผลิตจากน�้ำมันหมูในการท�ำผลิตภัณฑ์ เบเกอรี่ที่ต้องการทอดให้กรอบ “ต่อมาทางตะวันตกก็พบว่าไขมันสัตว์มีการปนเปื้อนด้วยคอเลสเตอรอล อีกทั้งไขมันสัตว์ก็ยัง มีราคาแพงขึ้น จึงจ�ำเป็นต้องหาแหล่งไขมันอื่นๆ ที่ มี ส มบั ติ ใ กล้ เ คี ย งกั น มาทดแทน แต่ ก็ ไ ม่ ใ ช่ เรื่องง่าย เพราะสภาพภูมิอากาศของเขตอบอุ่น (Temperate zone) ท�ำให้มีโอกาสที่จะปลูกพืช 28

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ไขมันทรานส์… ถึงเวลาต้อง ทรานสฟอร์ม?

น�้ำมันเพื่อมีไขมันอิ่มตัวธรรมชาติ ซึ่งเมื่อน�ำไปใช้ในสูตรเบเกอรี่แล้วสามารถให้ เนื้อสัมผัสของเบเกอรี่ที่กรอบนั้น…หาได้ยาก…” ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าว ประเทศในซีกโลกตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา สามารถผลิตถั่วเหลืองได้ใน ปริมาณมาก แต่คุณสมบัติของน�้ำมันถั่วเหลืองมีข้อจ�ำกัด เช่น มีสถานะเป็น ของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ใช้ทอดให้กรอบได้ยาก ทั้งยังมีจุดเกิดควันต�่ำ หากน�ำมาใช้ ประกอบอาหารที่ต้องใช้ความร้อนสูงก็อาจจะส่งผลให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ “ซีกโลกตะวันตกเขาจึงต้องท�ำไขมันอิ่มตัวเทียม โดยเอาน�้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว มาเติมไฮโดรเจนเข้าไปในโมเลกุลไขมันที่ว่างอยู่ เพื่อท�ำให้ มีความอิ่มตัวสูงขึ้น จากที่มีสถานะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ก็จะกลายเป็น ของแข็ง ทั้งนี้ ปริมาณไฮโดรเจนที่เติมในระดับที่แตกต่างกันก็จะได้ผลิตภัณฑ์ ที่สามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเดิม ทีม่ รี าคาสูง เช่น เนยเทียม เนยขาว โกโก้บทั เทอร์ (ทีน่ ำ� มาใช้แทนไขมันจากโกโก้ทมี่ รี าคาแพงได้)” ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าว

ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ จะวะสิต (ซ้าย) อาจารย์ประจ�ำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ (ขวา) ประธานหลักสูตรโภชนาการและการก�ำหนดอาหาร สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล


SCOOP เรียกได้ว่ากระบวนการเติมไฮโดรเจนเป็นความมหัศจรรย์ของวิทยาการ ในสมัยนัน้ ก็วา่ ได้ เพราะจากวัตถุดบิ เดียว แต่ดว้ ยกระบวนการเติมไฮโดรเจนทีต่ า่ งกัน ท�ำให้เกิดผลิตภัณฑ์ทหี่ ลากหลาย สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์อาหาร ได้มากมาย แต่…ในดี มีเสีย…เพราะกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีการเติม ไฮโดรเจนบางส่วน หรือ Partially Hydrogenated Oils (PHOs) ลงไปในโมเลกุล ของไขมันพืชนั้นจะก่อให้เกิดไขมันทรานส์ขึ้น…จริงๆ แล้ว กรดไขมันทรานส์ พบได้ในธรรมชาติจากผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์สี่กระเพาะ เช่น นม เนื้อสัตว์ (โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ติดมัน) ซึ่งพบได้ในปริมาณที่ไม่สูงนัก… แต่กรดไขมันทรานส์ทเี่ กิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในอุตสาหกรรม มีปริมาณที่สูงมาก และเป็นส่วนส�ำคัญในการก่อผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ โรคหัวใจและหลอดเลือด

ปัญหา NCDs ของตะวันตกและประเทศไทย…คนละเรื่องเดียวกัน

ประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลในการผลิตและบริโภคเบเกอรี่มาจากฝั่งตะวันตก แต่วัตถุดิบเหล่านี้ (ที่มีกรดไขมันทรานส์) ไม่กระจายไปยังตลาดล่าง แต่กระจาย ไปในกลุม่ เบเกอรีช่ นั้ สูง ดังนัน้ จึงมีผลกระทบจากกรดไขมันทรานส์ในตลาดระดับ กลางถึงบน ส่วนตลาดล่างไม่มีผลกระทบเท่าไรนัก “ปัญหากรดไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์เบเกอรีข่ องตลาดบ้านเรามีผลกระทบ น้อยมาก เพราะ (1) เบเกอรี่ไฮโซไม่กระจายไปในวงกว้าง (2) บ้านเรามีไขมัน อิ่มตัวธรรมชาติ เช่น น�้ำมันปาล์ม น�้ำมันมะพร้าว จึงไม่ต้องผ่านกระบวนการเติม ไฮโดรเจนบางส่วน และ (3) เบเกอรีไ่ ม่ใช่อาหารหลักในชีวติ ประจ�ำวันของคนไทย” “คนไทยไม่มีปัญหาเรื่องกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs จากกรดไขมันทรานส์ แต่ปัญหา NCDs ของเรามาจากไขมันอิ่มตัวมากกว่า” ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าว กรดไขมันทรานส์เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศทางตะวันตก เพราะมีการใช้ น�ำ้ มันทีผ่ า่ นกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PHOs) ในอาหารแทบทุกอย่าง ท�ำให้การแก้ไขเป็นไปได้ยาก หรือบางประเทศในเอเชียใต้ เช่น อินเดีย มักจะใช้ เนยควาย (Ghee) ในการท�ำอาหาร แต่มรี าคาแพง อีกทัง้ ไขมันและน�ำ้ มันทีอ่ นิ เดีย ผลิตได้มากจะเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวหลายต�ำแหน่ง เวลาจะน�ำน�้ำมันเหล่านี้มาใช้ ท�ำอาหารก็ต้องไปผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเสียก่อน ราคาก็จะ ถูกกว่าเนยจากสัตว์ ชนชั้นล่างสามารถซื้อหาได้ ท�ำให้ปัญหากรดไขมันทรานส์ ในเอเชียใต้เกิดขึ้นกับประชากรที่ยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ ประธานหลักสูตรโภชนาการและ การก�ำหนดอาหาร สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า กรดไขมัน ชนิดทรานส์เป็นสารปนเปื้อนในอาหารที่องค์กรระหว่างประเทศและประเทศที่ พัฒนาแล้วหลายประเทศพยายามจ�ำกัดให้มปี ริมาณต�ำ่ ทีส่ ดุ ในอาหาร เนือ่ งจาก การบริโภคกรดไขมันชนิดทรานส์มผี ลต่อการเพิม่ ขึน้ ของระดับคอเลสเตอรอลชนิด แอลดีแอล (LDL-cholesterol) ในเลือด เช่นเดียวกับการบริโภคกรดไขมันอิ่มตัว แต่ยังมีผลเสียที่แย่กว่าโดยการลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเอชดีแอล (HDLcholesterol) ในเลือดด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและ หลอดเลือดที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับต้นๆ ของประชากรโลก กรดไขมันชนิดทรานส์พบได้ทั้งตามธรรมชาติและจากกระบวนการผลิตทาง อุตสาหกรรม แต่กรดไขมันชนิดทรานส์ทพี่ บมากในอาหารและมีผลเสียต่อสุขภาพ มักได้มาจากกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม ได้แก่ กระบวนการเติมไฮโดรเจน บางส่วนของน�ำ้ มันชนิดทีม่ กี รดไขมันไม่อมิ่ ตัวหลายต�ำแหน่ง (Polyunsaturated Fatty Acids; PUFA) “การได้รับไขมันทรานส์แทนที่ไขมันชนิดอื่นๆ เพียงร้อยละ 1 ท�ำให้ระดับ คอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL-Cholesterol) เพิม่ ขึน้ แต่ระดับคอเลสเตอรอลดี (HDL-

Cholesterol) ลดลง จึงจัดว่ามีอนั ตรายต่อสุขภาพมาก การศึกษาพบว่าการบริโภค ไขมันทรานส์แทนทีค่ าร์โบไฮเดรตเพียงร้อยละ 2 ของพลังงาน มีความเสีย่ งทีจ่ ะเกิด โรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้นถึงร้อยละ 23 โดยที่การบริโภคไขมันทรานส์ที่เกิด จากกระบวนการอุตสาหกรรมเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง ถึงร้อยละ 42 ขณะที่ไม่พบความเสี่ยงที่ชัดเจนดังกล่าวในการบริโภคไขมันทรานส์ ที่มาจากธรรมชาติ” รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ กล่าว

ผลการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย ร้อยละ 99 ปลอดไขมันทรานส์

โครงการประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์ เป็นโครงการวิจัยศึกษาไขมันทรานส์ใน ผลิตภัณฑ์อาหารทีว่ างจ�ำหน่ายในประเทศไทย โดยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัย มหิดล ด�ำเนินการร่วมกับส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวง สาธารณสุข ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจยั จากส�ำนักงานพัฒนาการวิจยั การเกษตร (องค์การมหาชน) มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน จากผลการศึกษาผลิตภัณฑ์อาหารทีม่ โี อกาสปนเปือ้ นไขมันทรานส์ในระดับที่ สามารถก่อผลเสียเชิงสุขภาพตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกนั้นพบว่ามีเพียง โดนัททอด พัฟเพสทรี และขนมปังครัวซองต์น�ำเข้าบางยี่ห้อเท่านั้น นอกจากนั้น ไม่พบปนเปื้อนเลย หรือพบในปริมาณที่ต�่ำ โดยอาหารยี่ห้อที่พบในปริมาณที่สูง เกิดจากความจงใจของผู้ประกอบการที่ยังต้องการใช้ส่วนประกอบที่ปนเปื้อนไขมันทรานส์อยู่ ทั้งที่อาหารชนิดเดียวกันยี่ห้ออื่นได้พยายามแก้ปัญหาไปแล้ว แม้ว่า การวิจัยได้ด�ำเนินการสุ่มตัวอย่างเพียง 162 ตัวอย่าง แต่เป็นการสุ่มแบบจงใจ ตามชนิดของอาหารทีเ่ ดิมนิยมใช้สว่ นประกอบทีม่ กี ารปนเปือ้ นไขมันทรานส์ (น�ำ้ มัน และไขมันทีผ่ า่ นกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบเกอรีแ่ ละ อาหารสไตล์ตะวันตก รวมถึงอาหารที่มีไขมันทรานส์ตามธรรมชาติ ได้แก่ ผลิตผล จากสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น น�้ำนม เนย เนยแข็ง เนื้อวัวติดมัน จากผลการสุม่ ตัวอย่างอย่างจงใจดังกล่าวยังพบเพียงร้อยละ 13 ทีป่ นเปือ้ นใน ระดับเสีย่ งต่อความปลอดภัย ซึง่ หากมองรวมถึงชนิดและปริมาณอาหารทีจ่ ำ� หน่าย ในประเทศไทยที่หลากหลายแล้ว โดนัททอด พัฟและเพสทรีของผู้ประกอบการที่ ยังพบการปนเปื้อนไขมันทรานส์คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 1 ของอาหารทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นตระหนกตามการแชร์ข้อมูลของผู้ที่ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง เพราะอาหารอีกร้อยละ 99 ก็ยังปลอดภัยจากไขมันทรานส์ ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามี โชคดี 2 ประการ ได้ แ ก่ ประการที่ 1 ส่วนประกอบทีป่ นเปือ้ นด้วยไขมันทรานส์ มิ ไ ด้ แ พร่ ห ลายไปสู ่ ก ารประกอบ อาหารทีบ่ ริโภคทัว่ ไปของประชากร หากแต่ ก ระจายตั ว ในกลุ ่ ม ประชากรที่ นิ ย มอาหารสไตล์ ตะวั น ตก และประการที่ 2 ที่ตั้งใกล้เส้นศูนย์สูตร ท�ำให้เรา มี แ หล่ ง ของไขมั น อิ่ ม ตั ว ทางเลื อ กตามธรรมชาติ ห ลายชนิ ด เช่น น�้ำมันมะพร้าว น�้ำมันปาล์ม ท�ำให้การแก้ปัญหาท�ำได้ง่าย เพราะ อาหารสไตล์ตะวันตกเป็นอาหารทางเลือก มิใช่อาหารหลักของคนทั่วไป นอกจากนี้ แหล่ง ไขมันอิ่มตัวทางเลือกมักมีราคาที่ถูกกว่าและสามารถพัฒนาเป็นส่วนประกอบ ทดแทนส่วนประกอบเดิมที่ปนเปื้อนด้วยไขมันทรานส์ได้ นอกจากนี้ การควบคุม SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

29


SCOOP ภายในประเทศเราก็สามารถด�ำเนินการได้ง่าย เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่มี ศั ก ยภาพในการผลิ ต น�้ ำ มั น /ไขมั น ผ่ า นกระบวนการเติ ม ไฮโดรเจนบางส่ ว น เพียง 2 แห่ง ศาสตราจารย์ ดร.วิสิฐ และ รองศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ กล่าวว่า ในขณะที่ ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก�ำลังตระหนักถึงอันตรายของไขมันทรานส์ และพยายาม จ�ำกัดไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร ประเทศไทยกลับเป็นประเทศที่สามารถ แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะมีความพร้อมทั้งวัตถุดิบ และความพร้อมของภาคเอกชน ซึ่งได้พยายามวิจัยและพัฒนาสูตรเพื่อยกเลิก การใช้นำ�้ มันและไขมันทีผ่ า่ นกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนทีเ่ ป็นแหล่งส�ำคัญ ของไขมันทรานส์มา 5-6 ปีแล้ว ผลการวิเคราะห์ปริมาณไขมันทรานส์ในอาหาร

Trans Fat…

For food industry, no issue is stronger, at this moment, than Trans Fatty Acids or TFA. Becoming the hottest Talk of The Town, trans fat has shaken the whole food value chain —from upstream to midstream and downstream. Any information about trans fat can unbelievably swarm every channel of social media and news, but all those facts, are they real? Are they accurate? Are they believable? Let’s ask the expert.

time to be Trans formed

“Not all the overwhelming information about trans fat is all true,” Prof. Dr.Visith Chavasit, Lecturer at the Institute of Nutrition, Mahidol University and head of “Thailand: Trans Fat Free Country” research project, began for Food Focus Thailand. “There were 2 main reasons that had caused the confused information, which were: 1. A failure to differentiate the unique consumption pattern in Thailand from that in other western countries, as well as some countries in Asia, which still rely very much on polyunsaturated fat. 2. Use of wrong analytical method for a trans fat that consequently resulted in false-positive data that alarmed both the analyzers and the data users,” remarked Prof. Dr.Visith.

30

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ทั้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ใกล้เคียงกันมาก คือ อาหาร ที่มีปัญหาเรื่องไขมันทรานส์หลักๆ คือ โดนัทดังๆ บางยี่ห้อ (โดนัทในตลาดล่าง ไม่พบไขมันทรานส์) และขนมครัวซองท์ทนี่ ำ� เข้าจากต่างประเทศบางยีห่ อ้ เท่านัน้ ซึ่งเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มกราคม 2562 อาหารเหล่านี้จะมีความผิด ทันที เนื่องจากฝ่าฝืนใช้น�้ำมัน/ไขมันที่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วน ประกอบ “กระบวนการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขทีห่ า้ มไม่ให้ผลิตและน�ำเข้า น�้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ได้ผ่านการท�ำประชาพิจารณ์ อย่างรอบคอบและรอบด้าน จึงเป็นสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้จริง และมีผลกระทบ ในเชิงบวกกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกับผู้บริโภค” หัวหน้าวิจัยโครงการ ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์ กล่าว

Trans Fat…Where do they come from?

Prof. Dr.Visith further explained that: To understand the presence of trans fats in foods, we have to trace back to western’s ways of cooking bakery products that previously used saturated fat from animal sources such as butter for cakes and lard as shortening for making crumbly and crispy pastries such as puff, pies, deep-fried foods. “Later it was found that animal fats were the source of cholesterol. Besides, their prices kept increasing. Therefore, alternative fat sources were being sorted. However, this was easier said than done. In the temperate zone, it was not easy to find oil plants which could produce saturated fats that were right for the bakery products.” added Prof. Dr.Visith. In the countries of western hemisphere, such as USA, can produce large amount of soy bean, which its nature is quite limited for application in bakery products. Due to its low smoking temperature, soybean oil that is liquid at room temperature cannot be used for cooking at high temperature especially deep-frying since it cannot stand high heat and may produce carcinogen. With these limitations, countries in the western hemisphere attempted to develop saturated fat from their available polyunsaturated fat by adding hydrogen into fat molecules of soybean oil (polyunsaturated fatty acid). By adding different numbers of hydrogen atoms, the liquid oil can turn into naturally more costly products of different physical and sensory properties such as margarine, shortening, cocoa butter to be used in various applications.” said Prof. Dr.Visith Hydrogenation can be regarded as the scientific miracle of the pass era, for only slight differences in the amount of hydrogen added, it can produce arrays of different products that can be applied in wide variety of food products. But there is no free lunch. Industrially partial hydrogenation of vegetable oils unfortunately creates trans fatty acid. In fact, trans fatty acids are also naturally found, but in small amount, in products from ruminants such as milk and meat. Industrially produced trans fatty acids created by partially hydrogenated process are quite high and become the major causes of the cardiovascular diseases.


SCOOP NCDs Problem in the West and in Thailand— Different Books of the Same Story.

Thailand’s eating pattern has been influenced by the West in many ways, especially bakery foods. Fortunately, the use of ingredients containing trans fats was still limited to the upper markets, not the lower ones. Therefore, the ban on trans fatty acids affects only the middle and upper markets, without so much impact on the lower market. “The problem on trans fatty acid in bakery products has very small impact in Thailand due to 3 main factors: (1) Classy bakeries are favored in only small circles, (2) Alternative natural saturated vegetable oils for PHOs are available such as palm oil and coconut oil, (3) Bakery products are not the main diet in the Thai’s daily lives. “In Thailand, Non-communicable Diseases or NCDs problems are not caused by trans fatty acids but from saturated fatty acids or SFA,” said Prof. Dr.Visith. Trans fatty acid is a major problem in the West mainly because partially hydrogenated oils are used in almost every menu, which make it quite impossible to avoid. Or in some Asian countries especially South Asia such as India, ghee—or clarified butter commonly used in local cuisine—is very expensive, and plant oils produced in these countries are mostly polyunsaturated. Food producers, then, need to rely on the alternative choice, partial hydrogenation process to make the oils more saturated and usable, which also makes the products becomes for affordable to the lower class. In this case trans fat problem is instead found among the poor population—which is the majority of the country. Assoc. Prof. Dr.Wantanee Kriengsinyos, Head of the Nutrition and Dietetics Program, Institute of Nutrition, Mahidol University, commented that: Trans fatty acids are the food contaminant that many international organizations and developed countries try to minimize its content in foods. Trans fat consumption not only increases the level of bad LDL-cholesterol in blood similarly to saturated fatty acids but also reduce the level of good HDL-cholesterol, leading to highly increase risk factor of cardiovascular diseases, which is the top main causes of death for world population. Trans fatty acids can be found both in nature and from the industrial production, but trans fatty acids in foods that have high negative impacts to health, are mostly from industrially partial hydrogenation of Polyunsaturated Fatty Acids. “Obtaining trans fat instead of other fatty acids only 1% of total energy increases bad (LDL) cholesterol, but decreases good (HDL) cholesterol, suggesting that high TFA intake is associated with negative health outcomes. Studies have shown that consuming trans fat replacing only 2% of carbohydrates has an increased risk of cardiovascular disease, up to 23%. Trans fat derived from the industrial process increased the risk of cardiovascular disease by as much as 42%, while no such risk was found in the consumption of natural trans fat,” remarked Assoc. Prof. Dr.Wantanee.

Analysis of Food showed that 99% of Food Products in Thailand are Trans Fat Free.

The Trans Fat Free Thailand project, which has been going on since 2016, is a research and study conducted on food products sold in Thailand, by Institute of Nutrition, Mahidol University, in cooperation with the Food and Drug Administration (FDA), Ministry of Public Health, under the research fund granted by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization). Research results showed that, of all the potentially trans fatcontaminated food products, only fried doughnuts, puffs and pastries, and imported croissants were found to be contaminated with trans fat at an unhealthy level based on the WHO guideline. In the rest of food samples, trans fat is not found or found in very low level. The

product brands that still contained high trans fat intended to use the trans fat-contaminated ingredients—while the other brands of the same products have solved this problem by changing their ingredients for years. This research, though done on only 162 samples, has been intentionally sampled the selected types of foods that known be potential source of trans fat. The selected food types are bakery products and western-style foods, as well as foods that contain natural trans fat. The result from the intentional sampling showed that only 13% of the selected foods were found to be contaminated with trans fat at the unhealthy level. Considering the wide variety and large quantity of food products sold in Thailand, fried doughnut, puff and pastry, together merely add up to less than 1% of all the food. So, there is no need to be overly alarmed by data and fault factsheets shared by those without true knowledge on the subject, because in truth, 99% of food we consumed are still safe from trans fat. Prof. Dr.Visith voiced his thought that Thailand is fortunate in this matter for 2 reasons. 1. Trans fat-containing ingredients are not commonly used by majority of Thai population,only among the western food enthusiasts, and 2. The Equatorial location of Thailand blesses us with many saturatedfat-containing plants, so we have several natural saturated oils to choose from, e.g. coconut oil and palm oil. Solving trans fat problem in Thailand, therefore, is not so complicated, considering that western-styled food is an option not a must for Thai people. In addition, alternative sources of saturated fat are usually cheaper and can be adapted to use as replacements for the original trans fatcontaminated ingredients. Moreover, due to the fact that there are only 2 operators in Thailand that have the capacity and capability to produce the PHOs, it is quite easy to control the production of such oils. Both Prof. Dr.Visith and Assoc. Prof. Dr.Wantanee agreed that while danger of trans fat is such a big and alarming issue around the world, and most countries are trying to bring down trans fat content in food products, Thailand, as it turned out, is the country that can solve this problem most effectively. This is because we have alternative raw material readily available, and the readiness of private sectors who for the pass 5-6 years have been researching and developing formulas away from the use of PHOs which is the main source of trans fat. Results from the analysis of trans fat content in food, carried out by four acknowledged parties—the Department of Medical Science, Department of Science Service, Institute of Nutrition-Mahidol University, and Foundation for Consumers—are very similar. The results showed that only some wellknown doughnut brands (trans fat is not found in low-end doughnut) and some imported croissant brands are found to have high content of trans fats from the use of PHOs, all of which will be enforced by the law against trans fat --when it comes into force on the 9th January 2019. “A process of issuing a Notification of the Ministry of Public Health to ban productions and imports of the PHOs has gone thoroughly and carefully through public hearings, so it is practical and will have positive impact on all parties, especially on the consumers,” concluded the Head of the Trans Fat Free Thailand project.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

31


SPECIAL FOCUS ผศ.จิราภรณ์ สิริสัณห์ Asst.Prof.Jiraporn Sirison

Faculty of Agro Industry King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang jsirison@yahoo.com

ปัจจุบันหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับค�ำว่า “อาหารปราศจากกลูเตน” ห รือ “อาหารไม่มีกลูเตน” หรือ “อาหารปลอดกลูเตน” หรือ “ G luten free food product” บางคนอาจเคยมีอาการแพ้ ก ลูเตนจากการรับประทานอาหารที่มีกลูเตนเป็นส่วนประกอบ กลูเตน (Gluten) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีในธัญพืชบางชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวไรน์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น กลูเตนเป็น ส า รก่อภูมิแพ้ที่เมื่อผู้บริโภคบางคนได้รับจากการรับประทาน อ า หารแล้วเกิดอาการผิดปกติ อาการแพ้กลูเตน (Gluten i n tolerance) เกิดจากล�ำไส้เล็กย่อยและดูดซึมกลูเตนไม่ได้ อาการที่พบเช่น ท้องอืด มีก๊าซในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย แขน แ ล ะขาชา เป็ น ต้ น ร่ า งกายบางคนไวต่ อ การได้ รั บ กลู เ ตน อ ย่างมาก (Gluten hypersensitivity) อาจท�ำให้ระบบ การย่อยอาหารผิดปกติมากและท�ำให้เป็นโรค Celiac disease ด้วย ทัง้ นีอ้ าการแพ้โปรตีนกลูเตนของแต่ละคนแตกต่างกันและ ไ ม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งปัจจุบันพบ ผู ้ ที่ มี อ าการแพ้ ก ลู เ ตนเพิ่ ม ขึ้ น โดยเฉพาะในประเทศสหรั ฐ อเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

โอกาสของข้าวไทยในอุตสาหกรรมอาหารจาก

ผลิตภัณฑ์อาหารปลอดกลูเตน ในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป มีการใช้ธญ ั พืชทีม่ กี ลูเตนเป็นวัตถุดบิ ในการผลิตอาหารหลายชนิด เช่น เบเกอรี อาหารเช้าที่ท�ำจากธัญพืช เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่แพ้กลูเตนจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับกลูเตนจาก การรับประทานอาหารแปรรูปที่จ�ำหน่ายทั่วไป โคเด็กซ์และประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไทย เป็นต้น บังคับให้ผผู้ ลิตทีใ่ ช้ธญ ั พืชทีม่ กี ลูเตนเป็นวัตถุดบิ ในการผลิต 32

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

อาหารต้องแสดงข้อความบนฉลากให้ผบู้ ริโภคทราบด้วยว่ามีธญ ั พืชทีม่ กี ลูเตน เ ป็นส่วนประกอบของอาหารหรืออาจมีการปนเปื้อนธัญพืชที่มีกลูเตนใน กระบวนการผลิตเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และปัจจุบันมีการผลิตและจ�ำหน่าย อาหารปลอดกลูเตนที่ใช้แป้งจากพืชชนิดอื่นๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวเจ้า ถั่วเหลือง มั นฝรั่ง ควินัว เป็นต้น มาเป็นวัตถุดิบแทนการใช้แป้งจากธัญพืชที่มีกลูเตน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่แพ้กลูเตน


SPECIAL FOCUS จากรายงานระบุว่าปี 2556 ผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-free มีมูลค่าทาง การตลาดทั่วโลกประมาณ 4.21 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยกลุ่มผู้บริโภคมีอยู่ ทั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เยอรมนี แคนาดา และประเทศใน ทวีปเอเชีย ในปี 2558 มีรายงานระบุว่าผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-free มีอัตรา เติบโตเฉลีย่ สะสมต่อปีประมาณร้อยละ 10.4 ซึง่ คาดการณ์วา่ จะมีอตั ราเติบโต เพิ่มขึ้นจาก 4.60 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 7.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 และจากการคาดการณ์ในอีก 7 ปีข้างหน้า (ช่วงปี 2561-2568) ตลาด ของผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-free จะยังคงเติบโตต่อเนือ่ ง โดยกลุม่ ผลิตภัณฑ์ อาหาร Gluten-free หลักในตลาดได้แก่ เบเกอรี นมทางเลือก ขนมหวานและ ไอศกรีม และพาสต้า เมือ่ มองในมุมของผูผ้ ลิตอาหาร ข้อมูลผูท้ มี่ อี าการแพ้กลูเตนทีเ่ พิม่ ขึน้ และ ข้อมูลการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-fee ที่กล่าวข้างต้นนั้น เป็นโอกาสส�ำคัญของประเทศไทย กล่าวคือ ข้าวเป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่ใช้ใน การผลิตอาหาร Gluten-free แทนการใช้ธัญพืชที่มีกลูเตนได้ ซึ่งประเทศไทย เป็นผูผ้ ลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ทุกภาคของประเทศไทยมีการปลูก ข้าวหลากหลายสายพันธุ์ ทัง้ พันธุพ์ นื้ เมืองและพันธุท์ ผี่ า่ นการพัฒนาแล้ว โดยที่ ข้าวไทยแต่ละสายพันธุ์มีคุณลักษณะทั้งทางกายภาพและทางเคมีที่แตกต่างกัน ดังนั้นการผลิตอาหาร Gluten-free โดยใช้ข้าวไทยเป็นวัตถุดิบจึงเป็นเรื่องที่ น่าสนใจเป็นอย่างมากและน่าจะสามารถท�ำได้ทั้งผู้ประกอบการผลิตอาหาร ระดับ SME และระดับอุตสาหกรรม เพือ่ จ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-free ภายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ส�ำหรับสูตร วิธีการ และเทคโนโลยี การผลิตอาหาร Gluten-free โดยการใช้ข้าวไทยนั้น ผู้ผลิตจ�ำเป็นต้องมี การคิดค้น พัฒนา และทดลองก่อนการผลิตจริง เพราะข้าวมีโปรตีนน้อย และ คุณสมบัติเชิงหน้าที่ของโปรตีนข้าวมีความเหมาะสมส�ำหรับการผลิตอาหาร แต่ละชนิดแตกต่างกัน เช่น โปรตีนข้าวมีความสามารถในการเกิดเจลได้ดี เหมาะส�ำหรับการท�ำผลิตภัณฑ์อาหารเส้นและขนมบางชนิด แต่โปรตีนข้าว มีคุณสมบัติในการเป็นอิมัลซิฟายเออร์และการเกิดฟองได้ไม่ดีจึงไม่เหมาะ ส�ำหรับการท�ำผลิตภัณฑ์เบเกอรีและไอศกรีม เป็นต้น ผูผ้ ลิตอาจใช้สารเจือปน อาหารชนิดและปริมาณที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้คุณลักษณะและคุณภาพของ อาหาร Gluten-free เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ในเบื้องต้นผู้ผลิตสามารถหา ข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหาร Gluten-free ได้เองจากการสืบค้นรายงานการวิจัยที่ นักวิจยั ทัว่ โลกศึกษาไว้แล้วจากฐานข้อมูลออนไลน์ตา่ งๆ และจากการใช้ระบบ สืบค้นสิทธิบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ (www. ipthailand.go.th) ที่สามารถสืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีการจดสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตรและลิขสิทธิ์ไว้แล้วได้ทั่วโลก อย่างไรก็ตามในการผลิตจริง ผู้ผลิต อาจต้องขอค�ำแนะน�ำจากนักวิจัยที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาหาร Gluten-free เพือ่ ช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพและผลิตภัณฑ์ ที่ได้มีคุณภาพดี การผลิตอาหาร Gluten-free โดยใช้ข้าวไทยเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากจะ ช่วยเพิม่ โอกาสทางการตลาดให้กบั การผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร แปรรูปของประเทศไทยและช่วยพัฒนาศักยภาพการผลิตอาหารของผู้ประกอบการไทยให้เชี่ยวชาญมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวไทยซึ่งน่าจะมี ส่วนช่วยให้ชาวนาไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐควรสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตอาหาร Gluten-free ที่มีคุณภาพดีเหมาะสมกับการแข่งขันในตลาดโลก SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

33


SPECIAL FOCUS

Nowadays, the word “gluten-free food products” is nothing new to many people, while some may have even experienced the illness from consuming food containing gluten already. Gluten is a protein found in certain grains such as wheat, rye, barley, and oats, and it is an allergen which causes abnormal symptoms in some consumers. Gluten intolerance is caused by the inability of small intestine to absorb gluten causing some symptoms such as flatulence, bloat, diarrhea, limbs anaesthetize. In some cases, hypersensitive consumers may suffer from abnormal digestion and celiac disease. Nonetheless, gluten intolerance is subjective and not related to body’s immune system. Currently, numbers of gluten intolerance consumers are increasing, especially in the United States, Canada, the European Union, Australia, and New Zealand.

gluten-free food products

A chance of Thai rice in food industry In the food processing industries, gluten grains are used as ingredients for various kinds of food, for instance, bakery, cereals, beverages, and snacks. Therefore, gluten-sensitive consumers are at high risks from receiving gluten from processed food selling in the market. Codex and many countries like the United States, the European Union, Canada, Australia, New Zealand, Japan, South Korea, Hong Kong, and Thailand, regulate food producers to show label indicating the use of gluten grains or contamination of gluten grains on its food to protect consumers. Nowadays, the production and sale of gluten-free foods, which replace gluten grains with glutenfree grains such as corn, rice, soybean, potato, and quinoa, are offered as choices for gluten-intolerance consumers. A report reveals that in 2013, market value for gluten-free food reached USD 4.21 billion, with main consumers in the United States,

34

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

the European Union, Germany, Canada, and Asia. In 2015, the market growth for gluten-free food is cumulatively at 10.4% per year from USD 4.60 billion to USD 7.59 billion in 2020. It is also forecast that in the next 7 years (2018 – 2025), market for gluten-free food will grow continuously, with prominent products such as bakery, alternative milk, desserts and ice-cream, and pasta. From the food manufacturer perspective, the increasing numbers of gluten-sensitive consumers and the growth for gluten-free food create a great opportunity for Thailand. Rice is one of the gluten-free ingredient, and Thailand is a world’s major rice producer and exporter. Various Thai rice both local and developed varieties are planted in every region in Thailand, and they possess difference physical and chemical characteristics. Thus, producing gluten-free food using Thai rice as the main ingredient will be challengingly interesting for SMEs


SPECIAL FOCUS and industrial players to respond to the domestic and the international markets. In order to develop the formula, manufacturing process, and technology to produce gluten-free food using Thai rice, manufacturers must do researches, developments and experiments, before going to the mass production. Rice contains low protein and functional properties of each type of rice are suitable for different kinds of food. For example, rice protein is good to create jelly which is suitable for making noodle and sweets, but not good enough for bakery and ice-cream, as it is low capacity in e m u l s i fi e r a n d f o a m i n g p r o p e r t i e s . Manufacturers may try to add additives at an appropriate amount to enhance properties and qualities of gluten-free foods to make it a c c e p t a b l e b y c o n s u m e r s . I n i t i a l l y, manufacturers can search for some information about gluten-free foods from online research data base and patent data base from the Department of Intellectual Property, Ministry of Commerce (www.ipthailand.go.th), where information about patent, petty patent, and copyrights from around the world is gathered. Nevertheless, in mass production level, manufacturers are advised to consult with experienced researchers to achieve effective manufacturing process and great product results. Producing gluten-free food using Thai rice as the main ingredient will not only increase market opportunity for the production and export of Thai processed food and enhance the production capacity of Thai manufacturers, but also add value to Thai rice, which will improve farmers income. The government sector should promote and encourage manufacturers to produce great quality gluten-free food for the global market.

เอกสารอ้างอิง/References ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๖๗) พ.ศ. ๒๕๕๗ เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ ดารณี หมูข่ จรพันธ์. 2009. กฎระเบียบของอาหารก่อภูมแิ พ้ (food allergen) ทีต่ อ้ งรู.้ Q for food. 144. หน้า 069-071. http://www.agrithai.org.au/wp-conten/uploads/2017/05/ข้อก�ำหนดการปิดฉลากสารก่อภูมิแพ้.pdf เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 https://edition.cnn.com/2017/03/01/health/gluten-free-diet-history-explainer/index.html เข้าถึงเมือ่ 14 เมษายน 2561 https://ghr.nlm.nih.gov/condition/celiac-disease เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 https://www.glutenfreeexpo.com.au เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 http://www.ifrpd-foodallergy.com เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 https://www.ipthailand.go.th เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 https://www.marketsandmarkets.com/Market-Reports/gluten-free-products-market-738.html เข้าถึงเมื่อ 14 เมษายน 2561 https://www.statista.com/statistics/248467/global-gluten-free-food-market-size/ เข้าถึงเมือ่ 14 เมษายน 2561

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

35


SPECIAL FOCUS กรณ์อัฐชญา วีณุตตรานนท์ Kornautchaya Veenuttranon

Researcher, Yamamori R&D Center Yamamori Trading Co., Ltd. Kornautchaya@yamamoritrading.com

Stepping up in Silver Food and Care Food The New Trends of Healthy and Functional Food for Thai Society ก้าวเข้าสู่เทรนด์อาหารแนวใหม่ของสังคมไทย...อาหารส�ำหรับผู้สูงอายุและแคร์ฟู้ด นวัตกรรมเป็นส่วนส�ำคัญในการสร้างสรรค์อาหารในรูปแบบใหม่ๆ เช่น อาหารเชิงสุขภาพและอาหารฟังก์ชัน (อาหารเชิงหน้าที่) ในขณะที่ปัจจุบันสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ1 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกส่งผลต่อความต้องการ ในตลาดอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ดังเช่นในไทยและญี่ปุ่น ซึ่งการปรับขยายตลาดอาหารเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากรกลุ่มนี้ เป็นสิ่งที่จ�ำเป็น เมื่อนึกถึงฟังก์ชันของอาหารสิ่งแรกที่ผู้บริโภคสนใจ คือ คุณค่า/สารอาหาร แต่ลึกไปกว่านั้นเราก็ต้องการรับประทานอาหารอย่างมีความสุข โดยปกติ ความสามารถในการรับประทานอาหารจะเสือ่ มถอยไปตามวัยและความเจ็บป่วย ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ยังต้องการที่จะรับประทานอาหารอย่างมีความสุขเช่นดังเดิม ดังนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะสามารถช่วยบ�ำบัดฟื้นฟูความสามารถ ในการรับประทานได้ ญี่ปุ่นก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุมาเป็นเวลายาวนานกว่าไทย ผ่านการพัฒนา ทั้งผลิตภัณฑ์และมาตรฐานอาหารขึ้นส�ำหรับทั้งผู้สูงอายุและผู้ประสบปัญหา การรับประทาน ซึ่งในบทความนี้จะอธิบายถึงการจัดท�ำมาตรฐานและการแบ่ง ประเภทอาหารดังกล่าวของญี่ปุ่นรวมไปถึงภาพรวมของสถานการณ์เหล่านั้น ในประเทศไทย ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2546 “Japan Care Food Conference” ซึ่งเป็นองค์กร เอกชน ได้จัดท�ำมาตรฐาน “Universal Design Foods” ขึ้น เพื่อแบ่งประเภทของ อาหารตามเกณฑ์เนื้อสัมผัสและความข้นหนืดของอาหารออกเป็น 4 ประเภท ดังรูปที่ 1 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่อาหารปกติทั่วไปจนถึงอาหารผู้สูงอายุ/Care food นอกจากนี้ยังมีองค์กรเอกชนอื่นๆ ได้จัดท�ำมาตรฐานเช่นเดียวกันนี้ขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม จากการส�ำรวจในปี พ.ศ. 2555 พบว่าชาวญี่ปุ่นกว่าร้อยละ 70 รู้จัก อาหารกลุ่มนี้ แต่มีเพียงร้อยละ 30 เคยเลือกรับประทาน รัฐบาลญี่ปุ่นตระหนักถึง

ประเภท/Classification

รูปที่ 1 การแบ่งประเภทของอาหารตามเกณฑ์เนื้อสัมผัสและความข้นหนืดของอาหาร Figure 1 The Universal Design Food Classification

36

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

สถานการณ์นี้ จึงจัดตั้งหน่วยงาน “The Council of Smile Care Food” ในปี พ.ศ. 2556 และจัดท�ำมาตรฐานอาหารโดยรวบรวมมาตรฐานขององค์กรเอกชน ที่มีอยู่ขึ้นเป็นมาตรฐานใหม่ชื่อว่า “Smile-Care Food” ในปี พ.ศ. 2557 (รูปที่ 2) ส�ำหรับประเทศไทย เมื่อพูดถึงค�ำว่าอาหารส�ำหรับผู้สูงอายุ (Silver food) และแคร์ฟู้ด (Care food) นั้นคงยังเป็นค�ำที่ไม่คุ้นหูของสังคมไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตระหนักรู้ในเบื้องต้นนั้น ส�ำนักโภชนาการภายใต้ กระทรวงสาธารณสุขได้มกี ารจัดท�ำธงโภชนาการขึน้ เพือ่ เป็นค�ำแนะน�ำในการบริโภคอาหารเพื่อมีสุขภาพที่ดี และนอกเหนือไปจากนี้ยังมีกลุ่มของหน่วยงานรัฐ เช่น ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ร่วมมือกันสร้างเครือข่าย Care food ขึ้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาอาหารเพื่อรองรับสังคม ผู้สูงอายุ โดยสมบูรณ์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยในอีก 3- 5 ปีข้างหน้า2,3 อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนในแง่มุมต่างๆ ล้วนใหม่ต่อสังคมไทย หลาย ภาคส่วนได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจังเพื่อการจัดท�ำมาตรฐานและฉลาก จากบทเรียน ของญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้นส�ำคัญเป็น อย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นความร่วมมือจากหลากหลายประเทศก็จะช่วยให้ กระบวนการสร้างมาตรฐานเกิดขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นเองที่เคยมี ประสบการณ์ในการจัดท�ำมาตรฐานดังกล่าวได้มขี อ้ เสนอทีจ่ ะร่วมเป็นส่วนหนึง่ ในการจัดท�ำมาตรฐานอาหารผู้สูงอายุของไทยให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารไม่ เ พี ย งแต่ ใ ห้ คุ ณ ประโยชน์ ด ้ า นสารอาหารที่ ดี ต ่ อ ร่ า งกาย แต่ยังต้องสามารถให้ความพึงพอใจในการรับประทานแก่ผู้บริโภคด้วย ดังนั้น ความท้าทายคือการพัฒนาอาหารให้มีลักษณะเหมือนกับอาหารปกติทั่วไป ทั้งรสชาติและหน้าตาเพื่อให้เกิดความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค เอกสารอ้างอิง/References 1 The United Nations. (2018). Ageing. Retrieved from http://www.un.org/en/sections/ is sues-depth/ageing/ 2 The United Nations. (2016). Population - SYB 2015. Retrieved from https://www. unescap. org/resources/population-syb-2015 3 National Science and Technology Development Agency. (2017). 7 หน่วยงานรัฐ จับมือสร้างเครือข่ายแคร์ฟดู้ ขับเคลือ่ นการวิจยั และพัฒนาอาหารรองรับสังคมผูส้ งู อายุไทย. Retrieved from https://www.nstda.or.th/th/news/5177-20170322-care-food


SPECIAL FOCUS

The innovation may create new trends in healthy and functional food, while due to globally increasing aging population1 including Thailand and Japan as good examples, the market requirement of silver food and care food must be expanding. When it comes to tell functions of food, the nutrition is always paid attention to maintain the healthy life, but we shall consider that eating is one of the most pleasure time in the life. We all accept that troubles of eating will be occurred not only by aging, but also sometime by illness/ accidents, however, we would like to enjoy daily meals as our unchanged naturally abilities. The decline of eating abilities might not be one way occurred, rehabilitation and training may restore such abilities. Thus, proper selection on care food is crucial to give a way of restoring. Japan is seriously facing to the matter of aging society more than Thailand. And they are advancing to have made standards and developed food for those who are in trouble of eating. Therefore, as a sample, Japanese standard in silver food and care food would be hereinafter shortly introduced, then later, the current situation of care food in Thailand along with the initiative actions will be introduced. In Japan, firstly, a private sector, Japan Care Food Conference has established the standard in 2003 called as ‘Universal Design Foods’ which classifies into 4 classes (figure 1), based on texture and viscosity, for wider purposes from usual-daily meal to care food. Since then, the other organizations also introduced the standards they made. However, according to the survey in 2012, even though almost 70% of Japanese had known about the care food, only about 30% had ever used them. This matter was taken into consideration, and the Council of Smile Care Food was set up in 2013 by Japanese government, and created the standard named as “Smile-Care Food” (figure 2) in 2014, as integrating the private sectors’ standards into this “Smile Care Food”. In Thailand, the words of ‘silver food’ and ‘care food’ have not become well-known in public yet. One of the initiative actions was published in nutrition flag as a dietary guideline created by the Bureau of Nutrition. Furthermore, groups of public organizations, e.g. National Science and Technology Development Agency, and the Thailand Research Fund also took this matter into consideration with the situation that Thailand is completely moving from aging society to aged society in next 3-5 years2,3, thus, the care food network has been established last year to serve the increase of silver age population as the key drive in research and development, and pushing of food innovation to be commercialized3.

รูปที่ 2 ตราสัญลักษณ์ “Smile-Care Food” Figure 2 Smile-Care Food Logo

*คำ�อธิบาย เครื่องหมายสีน�้ำเงิน: อาหารส�ำหรับคนที่ไม่มีปัญหาทางการเคี้ยว/กลืนแต่ต้องการสารอาหาร เครื่องหมายสีเหลือง: อาหารส�ำหรับคนที่มีปัญหาทางการเคี้ยว เครื่องหมายสีแดง: อาหารส�ำหรับคนที่มีปัญหาทางการกลืน *Description Blue mark: Food for people without chewing/swallowing problems but the nutrition to maintain their healthy body Yellow mark: Food for people who having chewing problem Red mark: Food for people who having swallowing problem

These actions on food are still relatively new in Thailand, but the study has already started for standardization, classification and label indication on the packaging. To refer the case in Japan, it is quite important to work by the partnership between the public and the private sectors. Further, international cooperation can be helpful to save time. Japanese government as the experienced to tackle the aging society has reportedly offered to help Thailand make standardization of silver food. As mentioned, food is not only for the nutrition, but also food might give anyone a pleasure, so that our challenge must be with food developed looked like natural both in taste and appearance as much as possible, and its function may assist people on developing their eating abilities.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

37


SPECIAL FOCUS S.A. AJINOMOTO OMNICHEM N.V. Sabine_Victor@OmniChem.be

Raising Trend of

Grape Seed Extract สารสกัดจากเมล็ดองุ่น... ชูคุณสมบัติเพื่อสุขภาพในตลาดฟังก์ชันนอล องุ่น เป็นผลไม้ที่ถูกกล่าวถึงในแง่ของคุณประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นอย่างมากตั้งแต่สมัยโบราณกาล โดยสารพอลิฟีนอล หลากหลายชนิดในเมล็ดองุ่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า “French Paradox” ซึ่งเป็นค�ำที่เกิดขึ้นจากการสังเกตว่า ท�ำไม ชาวฝรั่งเศสถึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าชาวยุโรปชาติอื่นๆ แม้ว่าจะมีการบริโภคอาหารที่มีไขมัน ในปริมาณที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้ เมล็ดองุ่นจากพื้นที่ปลูกหลายแห่งสามารถน�ำมาใช้ในการสกัด สารจากองุ ่ น แต่ สิ น ค้ า ที่ จั ด ว่ า มี คุ ณ ภาพมากที่ สุ ด มั ก เป็ น สิ น ค้ า ที่ คั ด สรร เมล็ดองุ่นจากแคว้นช็องปาญในประเทศฝรั่งเศส ด้วยการเลือกสรรและพัฒนากระบวนการสกัดและท�ำให้บริสุทธิ์อย่าง พิถีพิถัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาเป็นสารสกัดมากมายหลายเกรด ไม่ว่าจะเป็น ชนิดที่อุดมไปด้วยโมโนเมอร์และไดเมอร์ ไปจนถึงวัตถุดิบที่มีปริมาณพอลิเมอริ ค สู ง หรื อ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ คุ ณ ภาพสู ง สุ ด ที่ มี คุ ณ สมบั ติ เ ที ย บเท่ า สารสกั ด พอลิฟีนอลจากธรรมชาติที่มีอยู่ในเมล็ดองุ่นเลยทีเดียว เมื่อพิจารณาจากผลการวิจัยที่มีการตีพิมพ์แล้ว สารประกอบที่มีน�้ำหนัก โมเลกุลน้อยกว่ามักได้รบั ความนิยมมากกว่าเนือ่ งจากมีฤทธิท์ างชีวภาพทีด่ กี ว่า อย่างชัดเจน ในขณะที่งานวิจัยอื่นๆ ก็ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า โอลิโกเมอร์ที่มี น�ำ้ หนักโมเลกุลสูงกว่าจะท�ำให้เกิดปฏิกริ ยิ าทางชีวภาพ (Bio activity) มากกว่า ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ(1) อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบที่ผ่านการรับรอง Kosher ซึ่งเหมาะสมรวมถึงผู้บริโภคมังสวิรัติ และ ผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานการผลิต FSSC 22000 นั้น ก็มีการจ�ำหน่ายในตลาด แล้วในปัจจุบัน 38

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

มากไปกว่านั้น สารสกัดจากเมล็ดองุ่นa ยังมีสารประกอบฟีนอลิคที่นับเป็น สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถใช้ได้ทันทีหรือใช้ร่วมกับ สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ก็ได้ เช่น วิตามิน ซี และวิตามิน อี ในผลิตภัณฑ์ หลากหลายชนิด เช่น เครื่องดื่มฟังก์ชันนอล เป็นต้น โดยผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ได้ ปรากฏให้เห็นเพียงในการทดลองเท่านัน้ แต่ยงั สังเกตได้จากชีวติ จริง ซึง่ สารดังกล่าว ก่อให้เกิดการกระตุน้ เชิงบวกต่อภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมลู อิสระ และ การท�ำงานของยีนส์ที่ท�ำหน้าที่ผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระที่ส�ำคัญต่อมนุษย์(2) งานวิจัยหลายชิ้นยังชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังส่งผลเชิงบวกต่อ ลิพิดในเลือด(3) ช่วยลดการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด(2) และส่งผลเชิงบวกต่อ การท�ำงานของหลอดเลือด(4) นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยที่ชี้ว่าพอลิฟีนอลจาก เมล็ดองุน่ ช่วยลดความดันในหลอดเลือดแดง(5) ซึง่ คุณสมบัตเิ หล่านีเ้ กี่ยวข้องกับ การมีคณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ แี ละช่วยบ�ำรุงรักษาความแข็งแรงของหลอดเลือดหัวใจด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีงานวิจัยเพิ่มมากขึ้นที่ระบุว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้น ช่วยกระตุ้นพลังการเรียนรู้ของสมองให้ยาวนานขึ้น(6) อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้นั้น เป็นเพราะสารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง หรืออวัยวะส่วนใดนั้น ยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมกันต่อไป


STRATEGIC SPECIAL FOCUS R&D

Grapes have been praised since ancient times for their beneficial health effects. Grape seed polyphenols are implicated in the so-called French Paradox, a term referring to the observation that cardiovascular disease is significantly lower in France than in many (northern) European countries notwithstanding dietary fat intake is similar. Seeds from different geographic origins can be used for preparing grape seed extracts but one of the top quality products using selected seeds can be obtained from the Champaign region, France. By carefully selecting extraction and purification processes a range of products are made ranging from extracts rich in monomers and dimers to products high in polymeric materials or intermediate grades mimicking the natural polyphenol abundance in the seeds. Depending on literature cited, lower molecular weight fractions are to be preferred due to their higher bio-availability, while other references clearly demonstrate that higher molecular weight oligomers also exhibit high biological activity apparently not related to bio-availability(1). Regardless of the above Kosher certified materials, compatible with vegetarian diets, that are produced under

เอกสารอ้างอิง/References (1) Effective separation of potent anti-proliferation and anti-adhesion components from wild blueberry (Vacinium angustifolium Ait.) fruits. Mary Ann Lila et al., J. Agric Food Chem, 2004, 52, 6433-6442 (2) Effect of intake of resveratrol, resveratrol phosphate, and catechin-rich grape seed extract on markers of oxidative stress and gene expression in adult obese subjects. D. De Groote et al., Ann Nutr Metab, 2012, 61, 15-24, DOI: 10.1159/000338634 (3) Grape polyphenols exert cardioprotective effect in pre- and postmeno pausal women by lowering plasma lipids and reducing oxidative stress. Zern et al., J. Nutr., 2005, 135(8), 1911-1917 (4) Effect of GSE & Quercetin on cardiovascular & endothelial parameters in high-risk subjects. P.M. Clifton, J. Biomedicine & Biotechnology, 2004(5), 272-278 (5) Effects of GSE beverage on blood pressure and metabolic indices in dividuals with pre-hypertension: a randomized , double-blind, 2-arm, parallel, placebo-controlled trial. E. Park et al., Br. J. Nutr., 2016, 115(2), 226-238, DOI: 10.1017/S0007114515004328 (6) Examining the impact of grape consumption on brain metabolism and cognitive function in patients with mild decline in cognition: a double-blinded placebo controlled pilot study. J. Lee et al., Exp. Gerontology, 2017, 87(Pt A), 121-128, DOI: 10.1016/j.exger.2016.10.004 ข้อมูลเพิ่มเติม/Additional Information a Grape seed extracts offered by Ajinomoto OmniChem

a FSSC-22000 certified food safety management system can now be offered to the market as well. Grape seed extractsa are very strong (poly)phenolic antioxidants that can be used alone or combined with other antioxidants, e.g. vitamin C or E in for instance functional beverage formulations. These effects are not only observed in-vitro, but also positively influence markers of oxidative stress in-vivo and expression of genes coding for important human antioxidant enzymes(2). Studies indicate that grape seed extracts positively influence blood p l a s m a l i p i d s (3), r e d u c e p l a t e l e t aggregation (2) and positively influence vascular function(4). Furthermore it has been shown that grape seed polyphenols can lower arterial blood pressure(5). All these effects are associated with a healthy lifestyle and help to sustain good cardiovascular health. Additionally emerging evidence suggests that grape seed extracts could also help to maintain cognitive function(6). Whether this effect is related to improved blood flow to the brain or to other mechanisms is subject to further research.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

39


STRONG QC & QA

Anne Trafton

MIT News Office

Translated and Compiled by: กองบรรณาธิการ

นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine editor@foodfocusthailand.com

อีกระดับของเทคโนโลยีเพื่อการทดสอบ

ความปลอดภัยอาหารที่น่าจับตามอง นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ได้คิดค้นวิธีการทดสอบความปลอดภัยที่ดีขึ้น เพื่อเตรียมขยายผลสู่การตรวจหาเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค Escherichia coli O157 ซึ่งเป็นสาเหตุการเจ็บป่วย ของประชากรสหรัฐอเมริกามากกว่า 73,000 รายต่อปี และถึงแก่ชีวิตอีก 60 รายต่อปี

สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ได้เปิดเผยถึงวิธกี ารทดสอบแบบใหม่ เมือ่ กลางปีทผี่ า่ นมา อาศัยหลักการตรวจหาเชือ้ จุลนิ ทรียเ์ ป้าหมายจากหยด ของเหลวชนิ ด พิ เ ศษที่ พั ฒ นาขึ้ น เพื่ อ ให้ ส ามารถยึ ด จั บ กั บ โปรตี น ของ เซลล์แบคทีเรียได้ โดยการยึดจับกันนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือ ผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึง่ จะเป็นวิธกี ารทดสอบความปลอดภัยอาหารทางเลือก หนึ่งที่รวดเร็วและถูกลงกว่าเดิม Escherichia coli O157 จัดเป็นเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคอาหารเป็นพิษ ที่เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยของประชากรสหรัฐอเมริกามากกว่า 73,000 รายต่อปี และถึงแก่ชีวิตอีก 60 รายต่อปี โดยนักวิจัยให้ความเห็นว่าวิธีการ ทดสอบความปลอดภัยที่ดีขึ้นกว่าเดิมนั้นจะเป็นหนทางที่ช่วยให้ประชากร ออกห่างจากความเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคชนิด ดังกล่าวนี้ได้ โดยวิธีการทดสอบดังกล่าวมีหลักการท�ำงานโดยอาศัยการยึดจับของ หยดของเหลวชนิดพิเศษที่สามารถยึดจับกับโปรตีนแบคทีเรียได้ โดยการ40

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ยึดจับกันนีส้ ามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็น วิธีการทดสอบที่แสดงผลได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นทางเลือกที่มี ค่าใช้จ่ายถูกลงส�ำหรับการทดสอบความปลอดภัยอาหาร ผลงานศึกษาวิจัยโดย Timothy Swager ศาสตราจารย์ John D. Mac Arthur Professor ประจ�ำภาควิชาเคมี แห่งสถาบัน MIT และนักวิจัยอาวุโส ได้ แ สดงให้ เ ห็ น ถึ ง รู ป แบบเซ็ น เซอร์ ก ารตรวจจั บ ที่ แ ปลกใหม่ ใ นวงการ วิทยาศาสตร์การอาหาร และเชื่อมั่นว่าวิธีการนี้สามารถทดสอบได้ง่ายขึ้น กว่าเดิมมากและยังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่น้อยลงด้วย งานวิจัยดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ ACS Central Science น�ำโดยหัวหน้าคณะวิจัย Qifan Zhang นักศึกษาระดับ ปริญญาโทแห่งสถาบัน MIT ร่วมด้วย Suchol Savagatrup นักวิจัยหลัง ปริญญาเอก และ Peter Seeberger ผู้อ�ำนวยการสถาบันวิจัย Max Planck Institute of Colloids and Interfaces ประเทศเยอรมนี และ Paulina Kaplonek นักศึกษาระดับปริญญาโทจากสถาบันวิจัยดังกล่าว


STRONG QC & QA

การตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย

เมื่อสองปีที่ผ่านมา ห้องปฏิบัติการ กลุม่ งานวิจยั โดย Swager ได้คดิ ค้น วิ ธี ก ารสร้ า งหยดของเหลวที่ มี ลักษณะพิเศษทางอิมัลชัน หรือที่ เรียกว่า Janus emulsions โดยหยด ของเหลวดังกล่าวประกอบขึ้นด้วย สองส่วนคือฟลูออโรคาร์บอนและ ไฮโดรคาร์บอนอย่างละเท่าๆ กัน ฟลูออโรคาร์บอนมีความหนาแน่น มากกว่าไฮโดรคาร์บอน ดังนั้น เมื่อ หยดของเหลววางบนพื้ น ผิ ว จะเห็ น ครึ่งหนึ่งที่เป็นด้านฟลูออโรคาร์บอนอยู่ ด้านล่าง นักวิจัยจึงได้เลือกใช้หยดของเหลว ดังกล่าวเป็นเหมือนเซ็นเซอร์ตรวจจับ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถสังเกต เห็ น ได้ อ ย่ า งชั ด เจน ในสภาวะทั่ ว ไป ลักษณะของหยดของเหลวจะใสเมือ่ มอง จากด้านบน แต่จะเห็นทึบแสงเมื่อมอง จากด้านข้าง ทัง้ นีเ้ นือ่ งมาจากวิถโี ค้งของ แสงเมื่อผ่านหยดของเหลว เมือ่ ใช้หยดของเหลวมาเป็นเซ็นเซอร์ นักวิจยั ได้ออกแบบโครงสร้างสารลดแรง ตึ ง ผิ ว ซึ่ ง มี น้� ำ ตาลแมนโนสเป็ น ส่ ว น ประกอบเพือ่ ท�ำให้เกิดการจัดเรียงโมเลกุล ขึ้นเองที่พื้นผิวหรือระหว่างพื้นผิวของน�้ำ กับไฮโดรคาร์บอน โดยการจัดเรียงตัวขึน้ เองนี้ จ ะเกิ ด ขึ้ น ที่ ด ้ า นครึ่ ง บนของหยด ของเหลว โครงสร้างของโมเลกุลทีเ่ กิดขึน้ นี้ ส ามารถไปจั บ เลคติ น โปรตี น ซึ่ ง พบ บริ เ วณผิ ว ชั้ น นอกของเชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ์ E. coli บางสายพันธุ์ ในการทดสอบ เมื่ อ มี เ ชื้ อ E. coli ปรากฏขึ้ น หยด ของเหลวเหล่านี้จะเข้าไปจับกับเลคติน โปรตีนและเกิดการเกาะกลุ่มกันท�ำให้ เห็นโครงสร้างของหยดของเหลวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เมื่อแสงส่องผ่านมาที่ หยดของเหลวจึงเกิดการกระเจิงแสงใน ทุกทิศทุกทาง และเมื่อมองจากด้านบน จะเห็นหยดของเหลวมีลักษณะทึบแสง เกิดขึ้น ในการศึกษาวิจัยได้ใช้กระบวนการ จดจ�ำโมเลกุลต้นแบบในลักษณะเดียว

รู ป ที่ 1 หยดของเหลวเมื่อมองจากด้านบน (ซ้าย) เมื่อพบเซลล์เป้าหมายหยดของเหลว เหล่านี้จะเข้าไปจับกับเลคตินโปรตีนแบคทีเรีย และเกิดการเกาะกลุ่มกัน (ขวา) Figure 1 At left, Janus droplets viewed from above. After the droplets encounter their target, a bacterial protein, they clump together (right). Credits Image: Qifan Zhang

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

41


STRONG QC & QA

กับเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคชนิดดังกล่าว ซึ่งมีรูปแบบการจับกันของ เลคตินกับน�้ำตาลอย่างหลวมๆ และแยกออกจากได้ นักวิจัยจึง ใช้ ป ระโยชน์ จ ากการจั บ กั น ได้ ที ล ะหลายโมเลกุ ล ของหยด ของเหลวนี้ในการเพิ่มความสามารถการจับของเซ็นเซอร์ และ การท�ำงานดังกล่าวมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากเซ็นเซอร์ ตรวจจับทั่วไปที่ใช้อยู่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าหยดของเหลวดังกล่าวสามารถใช้เป็น เซ็นเซอร์ตรวจจับได้อย่างไร นักวิจัยจึงได้น�ำหยดของเหลวใส่ลง ในจานเลี้ยงเชื้อแล้วสร้าง QR code ทับด้านบนเพื่อใช้สแกน ตรวจสอบผลผ่านทางสมาร์ทโฟน เมื่อพบว่ามีเชื้อ E. coli หยด ของเหลวก็ จ ะเคลื่ อ นเข้ า มากระจุ ก อยู ่ ด ้ ว ยกั น และท�ำให้ ไม่สามารถอ่าน QR code ได้ Chad Mirkin ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัย นอร์ทเวสเทิรน์ และผูอ้ �ำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนาโนแห่งชาติ ซึง่ แม้จะไม่ได้อยูใ่ นทีมวิจยั นีแ้ ต่กอ็ อกมาให้การยอมรับว่าวิธกี าร ดังกล่าวนับเป็นการตรวจวิเคราะห์ผลแบบใหม่ทมี่ ปี ระสิทธิภาพ สูง โดยให้ความคิดเห็นว่า “นักวิจยั ทีท่ �ำงานนีใ้ ช้วธิ กี ารทีเ่ รียบง่าย แต่มีแนวทางการด�ำเนินการที่ชาญฉลาดในการออกแบบและ สร้างอิมลั ชันชนิดพิเศษเพือ่ การวิเคราะห์ได้อย่างเหมาะสม ทัง้ นี้ การทดลองตามแผนการที่ จั ด เตรี ย มไว้ ใ นการตรวจหาเชื้ อ จุลนิ ทรียก์ อ่ โรคทางอาหารนัน้ เป็นสิง่ ทีก่ ระตุน้ ความสนใจได้อย่าง มาก เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ตรงจุดส�ำคัญที่ต้องการตรวจหา อย่างแท้จริงในทางชีวภาพ

รวดเร็วขึ้นและถูกลงกว่าเดิม

การทดสอบด้านความปลอดภัยอาหารมักจะมีการใช้ตัวอย่าง อาหารมาวางบนจานเลี้ ย งเชื้ อ เพื่ อ ตรวจหาโคโลนี ข องเชื้ อ แบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งจะพบบนจานทดสอบ แต่ขั้นตอน 42

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

รูปที่ 2 วิธีการทดสอบเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคโดยอาศัยหลักการตรวจหาเชื้อจุลินทรีย์เป้าหมายจากหยด ของเหลวชนิดพิเศษที่สามารถจับกับโปรตีนแบคทีเรีย การยึดจับกันนี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นวิธีการทดสอบที่แสดงผลได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และยังเป็นทางเลือก ที่มีค่าใช้จ่ายถูกลงสำ�หรับการทดสอบความปลอดภัยอาหาร Figure 2 A new safety test for foodborne pathogens is based on a novel type of liquid droplet that can bind to bacterial proteins. This interaction, which can be detected by either the naked eye or a smartphone, could offer a much faster and cheaper alternative to existing food safety tests. Credits Image: Jose-Luis Olivares/MIT (Droplet images courtesy of Qifan Zhang)

การตรวจผลใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ในขณะที่เทคนิคที่รวดเร็วอย่างการตรวจด้วย หลักการวิเคราะห์สารพันธุกรรมของเชือ้ แบคทีเรีย หรือการตรวจหาแอนติเจนของเชือ้ จุลินทรีย์ก่อโรคนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องอาศัยเครื่องมือเครื่องวิเคราะห์ทางห้อง ปฏิบัติการที่เฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจยั ก็ยงั มุง่ หวังจะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่นเี้ พือ่ ใช้งานร่วมกับ การตรวจวิ เ คราะห์ บ นจานหลุ ม ทดสอบ โดยแต่ ล ะหลุ ม จะมี ห ยดของเหลวที่ มี องค์ประกอบแตกต่างกันตามลักษณะของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่จะทดสอบและ


STRONG QC & QA เชื่อมต่อการอ่านผลข้อมูลผ่าน QR code ที่แตกต่างกัน วิธีการนี้ท�ำให้ตรวจวิเคราะห์ ได้รวดเร็ว ไม่สิ้นเปลือง เพียงใช้สมาร์ทโฟน เท่านั้น โดยหัวหน้าทีมนักวิจยั Zhang ให้ความเห็นว่า “ข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดของอุปกรณ์ การทดสอบทีศ่ กึ ษาวิจยั นีค้ อื การทีไ่ ม่จำ� เป็น ต้องใช้เครื่องมือเครื่องวิเคราะห์ทางห้อง ปฏิบัติการที่ซับซ้อนและไม่จ�ำเป็นต้องฝึก อบรมนักเทคนิคเฉพาะทางเพื่อมาท�ำการตรวจวิเคราะห์ ดังนัน้ จึงจะท�ำให้ผผู้ ลิตอาหาร ในโรงงานอุ ต สาหกรรมสามารถสแกน และตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจในเรื่องความปลอดภั ย ของสิ น ค้ า อาหารได้ ก ่ อ นที่ จ ะ ด�ำเนินการขนส่งสินค้าต่อไป” อย่างไรก็ตาม นักวิจยั ได้พยายามศึกษา ไปในขัน้ ตอนการเตรียมตัวอย่างอาหารให้มี ประสิทธิภาพเหมาะสม ในรูปหยดของเหลว เพื่ อ ที่ จ ะสามารถน� ำ มาวิ เ คราะห์ บ นจาน หลุ ม ทดสอบ นอกจากนี้ ยั ง วางแผนที่ จ ะ สร้างหยดของเหลวโดยมีองค์ประกอบของ น�้ำตาลโครงสร้างต่างๆ ที่เฉพาะเจาะจง มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าจับกับโปรตีน ที่ ผิ ว ของเชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ์ ช นิ ด ต่ า งๆ ได้ ด ้ ว ย อย่างไรก็ตาม ในรายงานการศึกษาวิจยั ทีไ่ ด้ รับการตีพิมพ์ฉบับนี้ นักวิจัยได้ทดลองโดย ใช้ น�้ ำ ตาลชนิ ด ที่ ส ามารถจั บ กั บ โปรตี น ที่ ผิวของเชื้อ E. coli ชนิดที่ไม่ก่อโรค โดย คาดว่าจะสามารถน�ำรูปแบบหลักการนี้มา ใช้ตรวจหาเชือ้ E. coli สายพันธุอ์ นื่ ๆ รวมถึง เชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ์ ก ่ อ โรคชนิ ด อื่ น ๆ ต่ อ ไปได้ Savagatrup ผู้ช่วยนักวิจัยให้ความเห็นว่า “ในอนาคตเราอาจจะสามารถเลือกหยด ของเหลวชนิดต่างๆ เพื่อใช้ในการตรวจหา เชื้อจุลินทรีย์ โดยขึ้นอยู่กับชนิดของน�้ำตาล ที่เราเตรียมไว้” นักวิจยั ยังพยายามทีจ่ ะปรับปรุงความไวของเซ็นเซอร์ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับ เทคนิคที่มีการใช้แต่พยายามที่จะท�ำให้มี ประสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น กว่ า เดิ ม โดยตั้ ง ความหวั ง ไว้ ว ่ า จะขยายสู ่ รู ป แบบเชิ ง พาณิชย์ต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม/Additional Information งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก Abdul Latif Jameel World Water and Food Security Lab (J-WAFS) โดยสถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ส�ำนักวิจยั ของกองทัพสหรัฐอเมริกา สถาบันนาโนเทคโนโลยีทางทหาร Legatum Center for Development and Entrepreneurship ทุนส�ำหรับนักวิจัยจาก Alexander von Humboldt Foundation ประเทศเยอรมนี และทุวิจัยจาก MaxPlanck Society The research was funded by the Abdul Latif Jameel World Water and Food Security Lab (J-WAFS) at MIT, the U.S. Army Research Office through the MIT Institute for Soldier Nanotechnologies, the Legatum Center for Development and Entrepreneurship at MIT, the Alexander von Humboldt Foundation, the Max-Planck Society, and the German Research Foundation.

เอกสารอ้างอิง/Reference http://news.mit.edu/2017/cheaper-faster-food-testing-smartphone-0405

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

43


STRONG QC & QA

New Technology offers Faster and

Cheaper Food Testing

Researchers at the Massachusetts Institute of Technology (MIT) have created a better safety test for Escherichia coli O157 which causes more than 73,000 illnesses and 60 deaths every year in the United States alone.

MIT News Office explains that the new test is based on new t y pe of liquid droplet that can bind to bacterial proteins. The i n teraction can be detected by the naked eye or a smartphone; offering a much faster and cheaper alternative to existing food safety tests. T h e foodborne pathogen Escherichia coli O157 causes an estimated 73,000 illnesses and 60 deaths every year in the United States. Better safety tests could help avoid some of the illnesses caused by this strain of E. coli and other harmful bacteria, according to MIT researchers who have come up with a possible new solution. The new MIT test is based on a novel type of liquid droplet that can bind to bacterial proteins. This interaction, which can be detected by either the naked eye or a smartphone, could offer a much faster and cheaper alternative to existing food safety tests. “It’s a brand new way to do sensing,” says Timothy Swager, the John D. Mac Arthur Professor of Chemistry at MIT and the senior author of the study. “What we have here is something that can be massively cheaper, with low entry costs.” Qifan Zhang, an MIT graduate student, is the lead author of the paper, which appears in the journal ACS Central Science. Other authors are Suchol Savagatrup, an MIT postdoc; Peter Seeberger, d i rector of the Max Planck Institute of Colloids and Interfaces in Germany; and Paulina Kaplonek, a graduate student at the Max Planck Institute.

44

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

Detecting bacteria

Tw o years ago, Swager’s lab developed a way to easily make complex droplets including droplets called Janus emulsions. These Janus droplets consist of two equally sized hemispheres, one made of a fluorocarbon and one made of a hydrocarbon. Fluorocarbon is denser than hydrocarbon, so when the droplets sit on a surface, the fluorocarbon half is always at the bottom. T he researchers decided to explore using these droplets as sensors because of their unique optical properties. In their natural state, the Janus droplets are transparent when viewed from above, but they appear opaque if viewed from the side, because of the way that light bends as it travels through the droplets. To turn the droplets into sensors, the researchers designed a surfactant molecule containing mannose sugar to self-assemble at the hydrocarbon–water interface, which makes up the top half of the droplet surface. These molecules can bind to a protein called lectin, which is found on the surface of some strains of E. coli. When E. coli is present, the droplets attach to the proteins and become clumped together. This knocks the particles off balance, so that light hitting them scatters in many directions, and the droplets become opaque when viewed from above. R esearchers are using the native molecular recognition that these pathogens use. They recognize each other with these weak carbohydrate-lectin binding schemes. Researchers took advantage


STRONG QC & QA of the droplets’ multivalency to increase the binding affinity, and this is something that is very different than what other sensors are using. To demonstrate how these droplets could be used for sensing, the researchers placed them into a Petri dish atop a QR code that can be scanned with a smartphone. When E. coli are present, the droplets clump together and the QR code can’t be read. Chad Mirkin, a professor of chemistry at Northwestern University and director of the International Institute for Nanotechnology, described the particles as a powerful new class of assays. “They are elegantly simple but rely on clever new approaches to making and manipulating emulsions,” says Mirkin, who was not involved in the research. “This proof-ofconcept demonstration in detecting foodborne pathogens is compelling, as they constitute a major class of analytes that defines an unmet need in the biosensor community.”

before shipping the food, to scan and test it to make sure it’s safe.” The researchers are now working on optimizing the food sample preparation so they can be placed into the wells with the droplets. They also plan to create droplets customized with more complex sugars that would bind to different bacterial proteins. In this paper, the researchers used a sugar that binds to a nonpathogenic type of E. coli, but they expect that they could adapt the sensor to other strains of E. coli and other harmful bacteria. “You could imagine making really selective droplets to catch different bacteria, based on the sugar we put on them,” Savagatrup says. The researchers are also trying to improve the sensitivity of the sensor, which currently is similar to existing techniques but has the potential to be much greater, they believe. They hope to launch a company to commercialize the technology within the next year and a half.

Faster and cheaper

Current food safety testing often involves placing food samples in a culture dish to see if harmful bacterial colonies form, but that process takes two to three days. More rapid techniques based on bacterial DNA amplification or antibody-bacteria interactions are expensive and require special instruments. The MIT team hopes to adapt its new technology into arrays of small wells, each containing droplets customized to detect a different pathogen and linked to a different QR code. This could enable rapid, inexpensive detection of contamination using only a smartphone. “The great advantage of our device is you don’t need specialized instruments and technical training in order to do this,” Zhang says. “That can enable people from the factory,

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

45


STRONG QC & QA

6 Common Myths

about Food Allergen Testing 6 เรื่องที่ไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร Chiara Palladino, Ph.D.

Product Manager for Food Allergens Romer Labs Division Holding GmbH Chiara.Palladino@romerlabs.com

1 2

ข้อความที่ระบุว่า “อาจมีส่วนประกอบของ...” สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ “May contain…” statements can solve all our problems.

ตามค�ำแนะน�ำ การระบุข้อความ “อาจมีส่วนประกอบของ...” คือการกระท�ำโดยสมัครใจของผู้ผลิตและมักเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตซึ่งผลิต อาหารที่มีส่วนประกอบของสารก่อภูมิแพ้ต้องถูกเรียกเก็บผลิตภัณฑ์กลับคืน ภายหลัง นีแ่ สดงให้เห็นว่าในความจริงแล้วยังคงมีความเสีย่ งของการปนเปือ้ น สารก่ อ ภู มิ แ พ้ ใ นผลิ ต ภั ณ ฑ์ อ าหารที่ มี ก ารติ ด ฉลากข้ อ ความเตื อ นอยู ่ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่เป็นภูมิแพ้อาหารก็ควรหลีกเลี่ยงสินค้าที่มีฉลาก ข้อความเตือนเนือ่ งจากยังคงมีความเสีย่ งทีไ่ ม่อาจประเมินได้ ในทางตรงกันข้าม ด้านผู้ผลิตเองควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อความในลักษณะดังกล่าวโดยที่ไม่มี หลักฐานการพิสูจน์ยืนยันที่เชื่อถือได้เพียงพอ Advisory “May contain…” statements are voluntary and often serve primarily to prevent the producer from having to make potential allergen-related product recalls. There is a real risk of allergen contamination in products that only make a precautionary statement. Consumers with allergies should avoid products with precautionary labels, as the risk is not assessable. In return, food producers should avoid using a “may contain…” statement without reasonable suspicion.

ชุดทดสอบสารก่อภูมิแพ้ชุดหนึ่งใช้ทดสอบกับตัวอย่าง อาหารชนิดใดก็ได้ A test kit off the shelf works with any food matrix.

ผลิตภัณฑ์อาหารมีองค์ประกอบที่หลากหลายมาก และวิธีการทดสอบ บางอย่างอาจจะท�ำงานได้ดีกว่าในตัวอย่างอาหารบางชนิด โดยขอบเขต ของกระบวนการทดสอบมีเพิ่มขึ้นจากความซับซ้อนที่เพิ่มเข้ามาในสมการ ส�ำหรับตัวอย่างอาหารที่ไม่เหมือนเดิม หรือตัวอย่างใหม่ๆ เรามักเติมสาร มาตรฐานที่รู้ค่าที่แท้จริงลงไปในการตรวจถึง 3 ระดับ เพื่อให้แน่ใจว่าสาร มาตรฐานที่เติมลงไปจะท�ำงานได้ดีกับชุดทดสอบและครอบคลุมทุกช่วงของ การตรวจหาตามที่ต้องการ Food products are highly diverse and certain test methods may work better for certain food samples. The extent of processing adds further complexity to this equation. With new or unfamiliar matrices, we always undertake a spike recovery validation at three different levels to make sure it works with our kits and covers the detection range of the assay.

3

การทดสอบสารก้อภูมิแพ้ด้วยเทคนิค PCR มีความน่าเชื่อถือกว่าเทคนิคทางระบบภูมิคุ้มกัน PCR is more reliable than immunological tests.

โดยความเชื่อดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับหลักการที่ว่า เทคนิค PCR นั้นใช้เมื่อ ต้องการการตรวจวิเคราะห์ที่มีความแม่นย�ำสูงและได้ผลการตรวจที่รวดเร็ว ในขณะเดี ย วกั น การทดสอบทางระบบภู มิ คุ ้ ม กั น นั้ น ก็ ยั ง เป็ น มาตรฐาน การทดสอบที่ให้ผลดีเยี่ยมและควรได้รับการเลือกใช้ในการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ในอาหารโดยตรง It depends. Polymerase chain reaction (PCR) assays are extremely sensitive and make sense when specificity is called for. All the same, immunological rapid tests are still the gold standard and should be preferred in most cases as they directly detect food allergens.

46

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018


STRONG QC & QA

การทดสอบสารก่อภูมิแพ้ในอาหารโดยทั่วไปนั้นมีความยุ่งยากและซับซ้อน บางทีก็ไม่น่าประหลาดใจที่ว่าจะพบข้อเท็จจริงอยู่ เพียงครึง่ เดียวและทีเ่ หลือก็คอื ความเข้าใจทีไ่ ม่ถก ู ต้องรวมอยูด ่ ว้ ย และก็คอื ก็ความเข้าใจผิดๆ ทีพ ่ บได้บอ่ ยเกีย ่ วกับการทดสอบ สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร โดยแบ่งเป็น 6 ข้อหลักๆ ดังนี้ With all the complexity surrounding food allergen testing, perhaps it’s not surprising that there are a lot of half-truths and myths out there. Here, we dispel six of the most common misconceptions about food allergen testing.

4

เทคนิค Mass Spectrometry (MS) จะเข้ามาแทนที่ ชุดทดสอบสารก่อภูมิแพ้ในไม่ช้า Mass spectrometry will soon replace allergen rapid tests.

เทคนิค Mass Spectrometry (MS) คือเทคนิคการวิเคราะห์ขั้นสูง ซึ่งน�ำมาใช้ในงานตรวจวิเคราะห์ประจ�ำวันหลายประเภทและให้ผล การวิเคราะห์สารก่อภูมแิ พ้ทสี่ ำ� คัญๆ หลายชนิด โดยสามารถตรวจหา สารก่อภูมแิ พ้หลายๆ ชนิดในสารตัวอย่างได้ในครัง้ เดียว อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าเป็นเทคนิคที่เพิ่งเริ่มต้นและปัจจุบันมีการสงวนไว้ใช้เฉพาะ เพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น โดยยังไม่อาจให้ผลลัพธ์ของการตรวจ สารก่อภูมิแพ้ในอาหารในระดับความน่าเชื่อถือสูงสุดได้ Mass spectrometry (MS) is a high-end technology that is already used in several fields for routine analysis and shows some potential in allergen analysis: it can measure several allergens in parallel. However, it is still in its infancy and is currently restricted to research applications. MS is not yet able to deliver the highest level of accuracy in food allergen testing.

6

5

ชุดทดสอบทั้งหมดที่มีจ�ำหน่ายนั้นให้ผลการตรวจสอบ เหมือนกัน

All test kits on the market detect the same.

ชุดทดสอบมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือเป้าหมายการตรวจแบบกว้างๆ เช่น ถัว่ ลิสง หรือเคซีน แต่ความเหมือนจบลงแค่นนั้ โดยชุดทดสอบทีไ่ ม่เหมือนกันจะ ใช้บฟั เฟอร์และวิธกี ารทดสอบทีแ่ ตกต่างกันซึง่ อาจมีผลต่อกระบวนการวิเคราะห์ ทดสอบและสร้างรูปแบบที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ชุดทดสอบยังมีความแตกต่างกันในส่วนของแอนติบอดีท้ ใี่ ช้ซงึ่ ในความซับซ้อนทีเ่ พิม่ ขึน้ มานัน้ จ�ำเป็น ต้ อ งอาศั ย วิ ธี ก ารอั น หลากหลายรู ป แบบในกระบวนการผลิ ต อาหารมา ประกอบการพิจารณา Kits do have one thing in common: the overall target (e.g. peanut or casein). But the similarities end there. Different kits use different buffers and procedures, which can have an impact on the extraction process and generate diverging patterns. Furthermore, kits differ in the antibodies used, which, in an added layer of complexity, need to take the various methods of food processing into account.

ปัจจุบันมี “รายการสารก่อภูมิแพ้อาหารอ้างอิง” ช่วยท�ำให้การทดสอบมีความน่าเชื่อถือ Currently available “Allergen reference materials” improve testing reliability.

อาจเหมือนเป็นค�ำยืนยันที่น่าสงสัยแต่ก็เป็นความจริง คือ ไม่มีรายการสารก่อภูมิแพ้อาหารอ้างอิง แม้จะมีการก่าวอ้างโดยผู้ผลิตบางรายก็ตาม สารก่อภูมิแพ้อาหารนั้นไม่ได้มีเพียงแค่โมเลกุลที่เฉพาะเจาะจงเพียงหนึ่งเดียว วัตถุดิบที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ประกอบด้วยโปรตีนหลายชนิดที่แตกต่างกัน ปัจจุบัน โปรตีนที่เป็นสารก่อภูมิแพ้หลายชนิดได้รับการระบุคัดแยกประเภทได้แล้ว แต่ยังมีอีก หลายประเภทที่ยังไม่อาจจ�ำแนกลักษณะเด่นได้ นอกจากนี้ รูปแบบโปรตีนยังต่างกัน ระหว่างต้นก�ำเนิดที่แตกต่างของสายพันธุ์เดียวกันด้วย ซึ่งอาจน�ำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญของสารก่อภูมิแพ้ It may be a controversial assertion, but it’s the truth: there are no allergen reference materials, despite the claims by some producers. With food allergens, there is not just one specific molecule; an allergenic commodity consists of a mixture of different proteins. To date, several allergenic proteins have been identified, but many have not yet been well characterized. Furthermore, the protein pattern varies between different cultivars of the same species. Proteins can change their conformations as a result of processing, which may lead to a change in their allergenic potential.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

47


STRATEGIC R & D

สารให้กลิ่นรสจาก พืชธรรมชาติ...

ก้าวสู่สุขภาพที่ดีในแบบเต็มรสชาติ Derrick Heng

New Product Development Manager KH Roberts Pte. Ltd. derrick.heng@kh-roberts.com

ความต้องการอาหารพืชธรรมชาติยังคงเติบโตต่อเนื่อง สืบเนื่องมาจากผู้บริโภคจ�ำนวนมาก ต้องการสร้างไลฟ์สไตล์ท่ีสมดุลและมีสุขภาพดีขึ้น โดยธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่าน การขัดสี ผักต่างๆ พืชตระกูลถั่ว รวมถึงผลไม้ต่างๆ นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นตัวเลือก ส� ำ หรั บ การแสวงหาไลฟ์ ส ไตล์ ดั ง กล่ า ว นอกจากนี้ รายงานจากบริ ษั ท วิ จั ย การตลาดนีลเส็น สหรัฐอเมริกา ยังระบุว่าข้อมูลการค้าปลีกจากเดือนสิงหาคม 2560 ถึงสิงหาคม 2561 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแบบพืชธรรมชาติ นั้นมียอดขายปลีกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.1 เนื่องจากสารผสมอาหารจากพืช เช่น ผักต่างๆ และถั่วเหลืองนั้นมีให้เห็นอยู่มากมาย นวัตกรรม การประยุกต์ใช้สารผสมอาหารเหล่านี้ส�ำหรับอาหารยุคใหม่นั้นก็ได้มีการพัฒนาไปจากช่วงที่ผ่านมา มากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือชิปส์และเนื้อเทียม โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มมันฝรั่งทอดนั้นมีการแข่งขันกัน มากขึ้นในรูปแบบเพื่อสุขภาพ เช่น บลอกโคลีอบกรอบ และชิปส์บีทรูท ส่วนทางด้านถั่วเหลืองและผัก ทางเลือกอื่นๆ ก็ได้มีการน�ำมาใช้อย่างแพร่หลายเช่นกันในกลุ่มผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมมังสวิรัติซึ่งจะท�ำให้ได้ เนื้อสัมผัสที่ดีขึ้นเหมือนกับเนื้อสัตว์จริง จะเห็นได้ว่าอาหารจากพืชธรรมชาตินั้นสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม โดยผู้บริโภค กลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นรับประทานอาหารและเครื่องดื่มจากพืชธรรมชาติจะยอมรับได้มากขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่มี การใช้สารปรุงแต่งกลิน่ รสคลาสสิกทีไ่ ม่มากเกินไปเพือ่ กลบกลิน่ รสบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น นมถัว่ เหลือง กลิ่นรสวนิลาหรือช็อกโกแลตซึ่งมีการใช้สารปรุงแต่งกลิ่นรสเพื่อกลบกลิ่นเหม็นเขียวของถั่ว ในขณะที่ ผู้บริโภคที่ยอมรับอาหารจากพืชธรรมชาติอยู่แล้วก็จะยอมรับได้ในกลิ่นรสของถั่ว กลิ่นคล้ายกลิ่นดิน และกลิ่นผัก ซึ่งท�ำให้ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มประสบความส�ำเร็จอย่างมากในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่างๆ โดยแทนที่จะปกปิดกลิ่นรสจากพืชเหล่านี้ก็เป็นน�ำกลิ่นรสเหล่านี้มาเน้น และสร้างให้เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์นั้นแทน ส�ำหรับกลุ่มพืชหัว เช่น มันม่วง และมันเทศ หรือพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว มีโพรไฟล์ ของกลิน่ รสทีน่ า่ สนใจไม่แพ้กนั และยังให้สสี นั ทีส่ วยงามซึง่ ผูผ้ ลิตอาหารสามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้ โดยส่วนผสมอาหารเหล่านี้น�ำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับสารให้กลิ่นรสจากพืชธรรมชาติส�ำหรับผลิตภัณฑ์ อาหารได้อย่างลงตัว เช่น เค้ก ไอศกรีม นมปรุงแต่งกลิ่นรส รวมถึงเครื่องดื่มประเภทพร้อมดื่ม และเครื่องดื่ม ผงส�ำเร็จรูป

48

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018


STRATEGIC R & D

P l a n t-t y p e F l a v o u r s

G o H e a lt h y the Flavourful Way!

The demand for plant-based foods continues to grow as increasing number of consumers aspires to achieve a balanced and healthier lifestyle. Whole grains, vegetables, legumes and fruits trending food choices in pursuit of such a lifestyle. According to a report by Nielsen, US (United States) retail sales of plant-based foods and beverages increased 8.1% from August 2017 to August 2018.

นมและผลิตภัณฑ์จากนมจัดว่าเป็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์กลุม่ แรกๆ ทีม่ ี การน�ำสารผสมอาหารจากพืชธรรมชาติมาใช้ได้อย่างประสบความส�ำเร็จ โดยผลิตภัณฑ์นมทางเลือก เช่น นมถัว่ เหลือง น�ำ้ นมข้าว นมอัลมอนด์ และ นมมะพร้าวนั้นได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ นมถั่วเหลืองและนม อัลมอนด์ยังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์นมทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดสอง อันดับแรกของโลก และคาดว่าจะมีอตั ราการเติบโตอยูท่ รี่ อ้ ยละ 12.5 และ 15.8 ตั้งแต่ปี 2557-25621 สุดท้ายกลิ่นรสจากพืชธรรมชาติก็จะกลาย มาเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งกลิ่นรส ที่ก�ำลังเริ่มได้รับความนิยม คือ มะพร้าว ซึ่งได้มีการน�ำมาใช้ในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ทไี่ ม่ใช่นมอย่างเครือ่ งดืม่ เกลือแร่ ชา และกาแฟด้วย หรือแม้แต่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากนมเอง อย่างเช่น นมโคปรุงแต่งกลิ่นรสมะพร้าว เป็นต้น ด้ า นน�้ ำ ผลไม้ ที่ มี ป ริ ม าณน�้ ำ ตาลสู ง และใยอาหารน้ อ ยนั้ น พบว่ า มีการเติบโตค่อนข้างคงที่หรืออาจลดลงในหลายตลาด ในขณะที่น�้ำผักได้รับ การยอมรับในด้านของสุขภาพที่ดีกว่าแต่มีข้อจ�ำกัดเรื่องของกลิ่นเหม็น เขียวทีย่ งั ไม่คอ่ ยเป็นทีพ่ งึ ปรารถนาของผูบ้ ริโภคนัก อย่างไรก็ตาม การผสม ระหว่างน�้ำผักและน�้ำผลไม้ หรือการใช้กลิ่นรสผักหวานๆ เช่น มะเขือเทศ และแครอท ท�ำให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคได้ ในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสุขภาพนั้นมีการยอมรับอาหารและสารปรุงแต่งกลิ่นรสจากพืชธรรมชาติมากขึ้น ด้านผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม จึงสามารถพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ๆ ได้หรือแม้แต่ การน�ำไปใช้ในหลายประเภทกลุ่มผลิตภัณฑ์ จะเห็นได้ว่าเทรนด์ลักษณะนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความร่วมมือของซัพพลายเออร์สารผสมอาหารและผูผ้ ลิตอาหารและเครือ่ งดืม่ ในการทีจ่ ะสรรสร้างนวัตกรรม ให้เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้งต่อไป เอกสารอ้างอิง/Reference 1 Global Markets for Milk Alternatives (FOD071A) - BCC Research LLC

While plant-based ingredients such as vegetables and soy have always been around, innovations of their new applications into contemporary foods have gained pace in recent years. Notable examples are chips and mock meats. Fried potato chips are now seeing rising competition from healthier versions such as baked broccoli and beetroot chips. While soy and alternative vegetables are now highly used in vegetarian mock meats with enhanced texture that mimicks real meat. This opens up new opportunities for food and beverage manufacturers. Consumers who are new to plant-based foods and beverages will be more receptive towards products using classic flavours for masking notes that they might not be used too. An example would be a vanilla or chocolate flavoured soy milk, which masks off the beany note. Consumers who embrace plant-based foods will be more receptive to flavours with nutty, earthy and vegetal notes, which allows food and beverage manufacturers to come up with more innovative products. Instead of masking off these planttype flavours, they are instead highlighted and made the unique selling point of these products. Tubers such as purple yam and orange sweet potato, or legumes such as red and green bean, have appealing flavour profiles, together with their vibrant colours which food manufacturers can leverage on to. These ingredients coupled with the use of plant-type flavours are successful in applications such as cakes, ice-cream, flavoured milk, and beverages such as ready-to-drink and instant beverages. Milk and milk-based products are an early example of how it can be substituted by plant-based ingredients. Milk alternatives such as soy, rice, almond and coconut milk have grown in popularity. Soy and almond milk are the top 2 most popular milk alternatives globally, projected to grow at a CAGR (compound annual growth rate) of 12.5% and 15.8% respectively from 2014 to 2019.1 As a result, these flavours have become more well-known and acceptable. Another increasingly popular flavour, coconut, has crossed over into other product categories such as, isotonic beverages, coffees and teas, and even dairy products like coconut-flavoured cow’s milk! Fruit juices with its high sugar and low fibre content have seen stagnant or declining growth in many markets. Vegetable juices are perceived as being healthier, but their green notes are usually undesirable to consumers in this application. A combination of fruit and vegetable juices, or using sweet “vegetable” flavours, such as tomatoes and carrots, have found acceptance amongst consumers. With health-conscious consumers becoming more accepting of plant-based foods and flavours, food and beverage manufacturers can now develop new alternate product innovations, even across categories. This trend is likely to continue, with both ingredient suppliers and packaged food and beverage manufacturers working together to deepen the product innovations.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

49


STRATEGIC R&D

Jean-Yves LE DANTEC Managing Director Metarom Asia Sdn Bhd. ips.tsqa@gmail.com

Innovative Masking Solutions for

Protein-enriched Products โซลูชันใหม่เพื่อการแก้ปัญหากลิ่นรส ในผลิตภัณฑ์เสริมโปรตีน

ประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมการบริโภคอาหารท�ำให้ความต้องการโปรตีน ทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มมากถึงร้อยละ 40 ภายในปี 2573 ในขณะที่ปริมาณความต้องการโปรตีนจากพืช ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ส�ำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) คือกลุ่มคน ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติแต่สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้เล็กน้อย (น้อยกว่า คนปกติ) มีแนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์ลดลงเรื่อยๆ และพยายามค้นหาทางเลือกอื่น ในการรับประทานโปรตีนจากพืชมากขึน้ และก�ำลังเป็นทีน่ ยิ มมากขึน้ ในหมูผ่ บู้ ริโภค โดยปกติผคู้ นมักจะเรียนรูท้ จี่ ะสร้างนิสยั การบริโภคทีร่ บั ผิดชอบ โดยมีแรงขับเคลือ่ น จากความกั ง วลด้ า นสิ่ ง แวดล้ อ ม และอาจเป็ น ข้ อ ก� ำ หนดตามหลั ก ศาสนา อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคย่อมตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขาเช่นกัน โปรตีนมีการน�ำมาประยุกต์ใช้ในอาหารส�ำหรับนักกีฬาและผลิตภัณฑ์อาหาร เพือ่ ควบคุมน�ำ้ หนักในช่วงแรกๆ กระทัง่ ปัจจุบนั ได้มกี ารน�ำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เสริม อาหารในชีวิตประจ�ำวันด้วย โดยโปรตีนให้สารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยให้อิ่มท้อง ซึ่งจะพบการประยุกต์ใช้โปรตีนในหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น นม ขนมอบ ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารมื้อหลัก เครื่องดื่ม หรือโปรตีนแท่ง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม หลายบริษทั ต้องเผชิญกับปัญหาด้านกลิน่ รสในผลิตภัณฑ์เนือ่ งจาก มีกลิ่นและรสขมที่ไม่พึงประสงค์จากโปรตีนที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ โซลูชนั สารกลบกลิน่ รส1 ได้รบั การพัฒนาขึน้ เพือ่ ปรับปรุงรสชาติของผลิตภัณฑ์ ที่อุดมไปด้วยโปรตีน หลักการท�ำงานแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกคือ การท� ำ ให้ ก ลิ่ น ของผลิ ต ภั ณ ฑ์ ก ลมกล่ อ มโดยการลดกลิ่ น เฉพาะของโปรตี น ขัน้ ตอนทีส่ องคือการสร้างความรูส้ กึ ในปาก และขยายความรูส้ กึ ในการรับรูร้ สชาติ ให้ยาวนานขึ้นเพื่อลดรสชาติขมจากผลิตภัณฑ์ โซลูชันดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจากการใช้สารสกัดจากธรรมชาติเพื่อให้ เกิ ด ประสิ ท ธิ ผ ลในการแก้ ป ั ญ หาและเกิ ด สมดุ ล ในการจั ด องค์ ป ระกอบของ 50

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ผลิตมีทางเลือกที่หลากหลายในการใช้กลิ่นรสมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการแก้ปญ ั หาด้วยวิธกี ารกลบกลิน่ ทีไ่ ม่ตอ้ งการส�ำหรับอาหาร แ ละเครื่องดื่มนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สารกลบกลิ่นที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ นักวิจัยจึงได้พัฒนาสารกลบกลิ่นรสที่ครอบคลุมและหลากหลายส�ำหรับโปรตีน จากพืช อันได้แก่ ข้าวสาลี ข้าว ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง ฯลฯ เนื่องจากโปรตีนจากพืช แ ต่ละชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะตัว จึงมักให้กลิ่นที่เฉพาะตัวซึ่งผู้บริโภคไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบทางประสาทสัมผัสของการใช้โซลูชันสารกลบกลิ่นรส1 พบว่าสามารถลดกลิ่นรสขมของพืชในผลิตภัณฑ์ส�ำเร็จรูปได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโซลูชันส�ำหรับการกลบกลิ่นโปรตีนจากสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส�ำหรับโปรตีนนมด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิต ผลิตภัณฑ์จากนมและผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร (แบบเขย่า ฯลฯ) ตลอดจน ปัจจุบันยังได้มีการพัฒนาสารกลบกลิ่นชนิดพิเศษส�ำหรับกลบกลิ่นโปรตีนจากวัว และกรดอะมิโนที่น�ำไปใช้แบบเฉพาะทางในด้านโภชนาการกีฬาด้วย

Masking Soution1 Masking Soution1

รูปที่ 1 แผนภาพความแตกต่างของลักษณะทางประสาทสัมผัสของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และไม่ใช้นวัตกรรมสารกลบกลิ่นรส1 Figure 1 Organoleptic profile of pea proteins before/ after addition of masking solution1


STRATEGIC R&D Due to fast-growing population demographics and changing dietary habits, global demand for protein is set to rise by 40% by the year 2030. Demand for vegetable proteins is experiencing major growth in developed countries. The flexitarian diet, which involves reducing meat consumption and finding vegetable-based alternatives, is becoming more and more popular among consumers; overall, people are leaning towards responsible consumption habits, motivated by ethical and environmental concerns, and are highly aware of dietary effects on their overall health. First used for sports nutrition and diet products, proteins are now finding their way into everyday dietary choices. Protein is sought for its nutritional and satiating properties, and can now be found in a variety of food types: dairy products and baked goods, meal replacements, drinks, bars, etc. However, food processing companies face significant gustative challenges due to the unwanted off-notes and bitter flavours that proteins can bring to a product. The innovative masking solution1 has been developed in order to improve the flavour of protein-enriched products. These active ingredients intervene on two levels: first, they provide an initial wave of volatile compounds that’s softens the aromatic profile by limiting off-notes from the protein. Secondly, they give mouth feel and extend the length on the palate by coating the sensory receptors, which is what allows the masking agent to reduce bitterness in the finished product. The solution was developed using extracts from natural flavours for the effectiveness. These solutions have been developed in order to provide gustative balance in product composition, thereby providing food processing companies with a wide range of options in terms of flavourings.

The solution to masking undesirable flavor notes in food and beverage systems relies on the right comb i n a t i o n o f d i ff e r e n t agents. However, there is a full range of masking agents for vegetable proteins, including wheat, rice, peas, soy, etc., as each vegetable protein is characterized by a particular type of off-note. With pea proteins, for example, organoleptic testing reveals that the innovative masking solution1 is able to significantly reduce the bitterness vegetable notes in finished products. The range also includes masking solutions for animal proteins with particularly for whey milk proteins, which are widely employed in the manufacture of dairy products and meal substitutes (shakes, etc.). Specialized masking agents are also available for beef proteins and amino acids destined for use exclusively in sports nutrition.

ข้อมูลเพิ่มเติม/Additional Information 1 Acti’Mask Pro Pea โซลูชันสารกลบกลิ่นรสที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา โดย METAROM Group 1 Acti’Mask Pro Pea by METAROM Group

Food Safety Roadshow

Being a part of the sustainable success of Thai Food & Beverage Industry, Food Focus Thailand has organized “Food Focus Thailand Roadshow” to provide knowledge to Food & Beverage entrepreneurs located out of Bangkok. In 2018, we will hit the road under the theme of “Food Safety Roadshow” to 6 major cities throughout the country.

Tuesday, 18 September 2018 Central Place Hotel @ Samut Sakhon

#5

Sponsored by:

Asia Drug & Chemical

Organized by:

Official Publication:

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

51


SMART PRODUCTION โครเนส เอจี Krones AG

Trendsetter…

Filling of Juice with An Aseptic Filler and Block การผลิตน�้ำผลไม้ 100%

แบบปลอดเชื้อในขวด PET… วิสัยทัศน์สู่อนาคต

กระบวนการบรรจุน�้ำผลไม้สดจากผลในขวด PET แบบปลอดเชื้อ ไอเดียสู่อนาคตที่ยั่งยืนของ Natural One ผู้ผลิต น�้ำผลไม้ชื่อดังเมืองแซมบ้า Ricardo Ermirio de Moraes ชายผูม้ วี สิ ยั ทัศน์ทสี่ ามารถน�ำเอาประสบการณ์ ที่สั่งสมมาหลายปีจากอุตสาหกรรมน�้ำส้มมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเขายังเป็นผู้ก่อตั้ง Citrovita และด�ำรงต�ำแหน่งประธานของ Citrosuco มาอย่างยาวนาน โดยเมื่อ ประมาณ 10 ปีที่แล้ว เขาตั้งบริษัท Natural One ที่มีจุดเริ่มต้นจากเครื่องดื่ม วอดก้าผสมน�้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุขวด PET ก่อนจะตัดสินใจเปิดตัวน�้ำผลไม้ ในปี 2555 ภายใต้แบรนด์ Natural One โดยมีปรัชญาและสโลแกนในการท�ำ แบรนด์ว่า “pura verdade” ซึ่งแปลว่า “ความจริงที่บริสุทธิ์” หมายถึงน�้ำผลไม้ ของเขานั้นจะไม่มีส่วนผสมของน�้ำผลไม้เข้มข้น ไม่มีน�้ำตาล และสารกันเสีย เป็นน�้ำผลไม้ 100% และเป็นบริษัทแรกที่ไม่ได้บรรจุผลิตภัณฑ์ในกล่องแต่ใช้ ขวด PET ด้วยเหตุนี้ Ricardo Ermirio de Moraes จึงปลูกส้มกว่า 5 ล้านต้น บนพื้นที่ กว่า 2,800 ตารางกิโลเมตร บนพื้นที่ทางตอนใต้ของนครเซาเปาโล (ซึ่งมีอากาศ เย็นกว่า) โดยในสายตาผู้ที่เฝ้าจับตามองตลาด การตัดสินใจครั้งนี้ถือว่าน่าฉงน อยูไ่ ม่นอ้ ย เนือ่ งจากทางใต้เป็นพืน้ ทีท่ มี่ แี ดดน้อยกว่า ซึง่ จะท�ำให้ผลไม้ทสี่ กุ แล้ว มีความหวานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผลไม้ที่ปลูกทางตอนเหนือที่ได้รับแสงแดด มากกว่า แต่ทว่า ผลไม้ทปี่ ลูกทีน่ กี่ ลับได้รบั ค�ำชมเป็นอย่างมากในแง่ของความหวาน ที่น้อยกว่าและสีสันที่สดใสเด่นชัด “เมื่อมาถึงจุดนี้ การตัดสินใจนี้ถือเป็นเรื่อง ปกติในแง่ของการลงทุนและการส่งออก โดย Ricardo Ermirio de Moraes ยัง เป็นคนแรกในบราซิลที่ส่งออกน�้ำผลไม้สด การตัดสินใจครั้งนี้ก็ถูกมองว่าเป็น เรือ่ งไร้สาระในตอนแรกเช่นกัน แต่กไ็ ด้รบั การพิสจู น์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจทีม่ ี วิสยั ทัศน์และถูกต้อง” Valdenir Soares จากฝ่ายพัฒนาธุรกิจใหม่ ของ Natural One ระบุ 52

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ก่อนและหลังขยายการผลิต

Natural One นับเป็นผู้วางรากฐานให้กับหลายเทรนด์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ซึ่งในช่วงต้น ปี 2557 Natural One ถือเป็นเพียงบริษัทเดียวในบราซิลที่จ�ำหน่ายน�้ำผลไม้สดแท้ 100% ที่บรรจุในขวด PET และในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน เครื่องดื่มถูกจ�ำหน่ายหมด เกลี้ยง “ที่จริงแล้วเราตกใจเล็กน้อยที่เห็นความต้องการสูงขนาดนั้นในตลาด” Valdenir Soares กล่าว การตัดสินใจที่จะขยายบริษัทเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงสัปดาห์แรกของ เดือนมกราคม ปี 2558 มีการสั่งซื้อสายการผลิตใหม่เพื่อรองรับการผลิตแบบปลอด เชือ้ ทีจ่ ะต้องเริม่ ขึน้ ในช่วงต้นปี 2559 ซึง่ ในมุมมองของ Valdenir Soares ความส�ำเร็จ ของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับสายการผลิตใหม่แบบปลอดเชื้อ (Aseptic block)1 เป็นอย่าง มาก “เราวัดระยะเวลาทีใ่ ช้ในสองช่วงเวลา คือ ระยะเวลาก่อนการติดตัง้ ไลน์การผลิต ใหม่1 และหลังจากนั้น โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้เราสามารถแปรเปลี่ยนแนวคิด ในการผลิตน�้ำผลไม้สดแท้จากธรรมชาติของเราให้กลายเป็นความจริงได้”

การเปลี่ยนแปลงที่ส�ำคัญ

“กระบวนการบรรจุแบบปลอดเชื้อ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดส�ำหรับบริษัทของเราใน การลงทุนเพือ่ อนาคต ผูบ้ ริโภคก�ำลังมองหาสินค้าทีม่ คี ณ ุ ภาพสูงและมีความบริสทุ ธิ์ 1 มากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้ว ไลน์การผลิตใหม่นี้ อาจจะไม่ได้มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุด โดยมีเครื่อง Stretch blow-moulding และเครื่องบรรจุ เครื่องดื่มอยู่ในไลน์เดียวกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ชาญฉลาดมาก โดยเฉพาะในไลน์การ บรรจุที่ปลอดเชื้อ1 ที่ทุกอย่างผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อมาเรียบร้อยแล้ว Valdenir Soares อธิบาย “จนถึงช่วงปลายปี 2559 เราเป็นบริษัทผู้ผลิตน�้ำผลไม้รายเดียวใน


SMART PRODUCTION บราซิลทีใ่ ช้นวัตกรรมใหม่ และยังเป็นบริษทั เดียว ที่จ�ำหน่ายน�้ำผลไม้ที่มีอายุการเก็บรักษานานถึง 8 เดือน”

การผลิตระดับสูง

Valdenir Soares กล่าวต่อว่า ทัง้ บริษทั เรียนรูจ้ าก ค� ำ แนะน� ำ อย่ า งละเอี ย ดที่ ผู ้ ติ ด ตั้ ง เครื่ อ งจั ก ร ส�ำหรับการผลิตได้วางแผนไว้ส�ำหรับโครงการ โดยเทคโนโลยีระดับสูงใหม่ล่าสุดนี้ก็ยังได้ส่ง ผลกระทบต่อส่วนอื่นที่ต้องใช้ร่วมกัน อย่างเช่น พรีฟอร์ม และฉลากด้วย อย่างไรก็ตาม ไลน์การผลิตใหม่กย็ งั ท�ำให้ทกุ อย่างง่ายกับบริษัทเช่นกัน เช่น การผลิตที่ท�ำได้ อย่างรวดเร็ว หมายความว่า การท�ำงานกะดึก และการท�ำงานในวันอาทิตย์ไม่มคี วามจ�ำเป็นอีก ต่อไป โดยไลน์การผลิตอันเล็กสามารถผลิตได้ ราว 7,000 ขวดต่อชัว่ โมง ใช้คนท�ำงานราว 12 คน ในขณะที่ไลน์การผลิตใหม่ขนาด 24,000 ขวด ต่อชัว่ โมง ใช้แรงงานเพียงแค่ 4 คนในการจัดการ กับขวดขนาด 900 มิลลิลิตร ซึ่งไลน์การผลิต แบบปลอดเชื้ อ นี้ 1 ผ่ า นการทดสอบแล้ ว ว่ า มี ประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 96

พร้อมส�ำหรับอนาคต

Natural One พร้อมแล้วส�ำหรับไลน์สินค้าที่จะ เพิม่ ขึน้ ในอนาคต โดยบริษทั ได้เฝ้าจับตามองการ เปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการบริโภคน�้ำผลไม้ ในช่วงที่ผ่านมา และยังมองเห็นโอกาสที่สินค้า ประเภทนีจ้ ะเป็นเครือ่ งดืม่ ทีไ่ ด้รบั ความนิยมมาก ที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากน�้ำดื่มและน�้ำอัดลม โดยความบริสุทธิ์ของน�้ำผลไม้ 100% จะเป็น ปัจจัยหลักทีข่ บั เคลือ่ นความต้องการของผูบ้ ริโภค ให้มีมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ Natural One มีแผนที่จะ กระจายสินค้าไปยังต่างประเทศเช่นกัน โดย เฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านในทวีปอเมริกาใต้ ญี่ ปุ ่ น เอเชี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ ยุ โ รป และ สหรัฐอเมริกา โดยในปี 2561 นัน้ ถูกตัง้ เป้าให้เป็น ปีแห่งการส่งออก และมัน่ ใจว่าเป้าหมายดังกล่าว จะบรรลุเป็นจริงได้อย่างแน่นอน

Bottling Not from concentrate (NFC) juice aseptically in PET containers – with this idea the Brazilian fruit juice producer Natural One conquered the market within two short years. Ricardo Ermirio de Moraes is a visionary. He can draw upon many years of experience in the orange juice business, was the founding father of Citrovita, and subsequently the long-serving President of Citrosuco. About ten years ago, he set up Natural One, and to begin with bottled ready-mixed vodka-based fruit juice mixtures in PET containers. In 2012, he then decided to launch fruit juices on the market himself under the Natural One brand. His philosophy and slogan are: “pura verdade”, which translates as “pure truth”. Meaning no concentrate or squash, no added sugar, no preservatives, but 100 per cent juice – and it was the first company Brazil not to do it in carton packages, but in PET bottles. For this purpose, Ricardo Ermirio de Moraes had five million new orange trees planted on a farm measuring 2,800 square kilometres. This “fazenda” is located in the (cooler) south of São Paulo state. For many market observers, this was at first incomprehensible, because down there the sun shines less often and the fruits are correspondingly less sweet when they ripen than in the warmer north. But: the juice obtained from these oranges scores highly in terms of precisely this lesser sweetness and its vibrant, intensive colour. “Hitherto, it had been normal, for reasons of cost, to export concentrates. Ricardo Ermirio de Moraes was also the first to export NFC juices from Brazil. This decision, too, was at first ridiculed, but has proved to be visionary and right,” explains Valdenir Soares, who at Natural One is responsible for the New Business Development Department and had been tasked with internationalising the company.

Before and After

Natural One laid the foundations for one of these trends early in 2014: back then, the company was the first firm in Brazil to bottle 100-per-cent NFC juice in PET containers – in the autumn of the same year this had already sold out. “We were in fact a bit surprised at how high the demand was,” admits Valdenir Soares. So a decision on expansion had to be taken swiftly. By the first week of January 2015, a new line had been ordered , and early in 2016 production began on this aseptic line. In Valdenir Soares’ eyes, the company’s success is very significantly attributable to the new line featuring the aseptic block1: “We measure time in two epochs: the time before the new line1 installed and the time after that. Because this technology has enabled us to translate our idea of natural juices into fully functional reality.

Fundamental Change

“The aseptic process was the best choice for a company like us that looks to the future. Consumers will be wanting products that are of high quality and maximised purity. The new line1 wasn’t from the cheapest vendor, it’s true, but it did have the best technology. Stretch blow-moulding and filling on a single machine – that’s simply brilliant, especially when – as is the case in the aseptic block1 – it’s already the preforms that are sterilised,” explains Valdenir Soares. “Until the end of 2016, we were the only fruit juice producer in Brazil to be using this innovative technology and thus also the only one able to offer fruit juices in the cold chain with a shelf-life of eight months.”

High Level

The whole company, he continues, has learned a lot from the exacting stipulations the vendor laid down for the project. The high level of the new technology also had an effect on the outsourced parts, such as preforms or labels. But the new line also made things easier for the firm as well: for instance, its fast output meant that night shifts and Sunday working could be dispensed with. The small line rated at around 7,000 containers per hour needed twelve operators, while for the 24,000-bph line handling 900-millilitre containers four employees suffice. The aseptic line passed its acceptance test with an efficiency of 96 per cent.

Ready for More

But Natural One is ready for more. The company is observing a fundamental change in fruit juice consumption habits. It has even come to see this category as a third major soft-drink segment alongside water and CSDs, and regards 100-per-cent natural purity as the basis for rising consumer demand. Natural One is now aiming to boost this abroad as well: in the neighbouring South American countries, in Japan, South-East Asia, Europe and the USA. 2018 has been designated as the year of exports – this vision is also destined to come true.

ข้อมูลเพิ่มเติม / Additional Information 1 Krones’s Contipure AseptBloc DA SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

53


STRENGTHEN THE PACKAGING หากจะกล่าวถึงที่มาที่ไป คงต้องมองกลับไปที่ยุค 1.0 ซึ่งคือ การใช้ แรงงาน ยุค 2.0 คือการใช้เครื่องทุ่นแรงหรือเครื่องจักรแบบแมนนวล ยุค 3.0 คือ ทดแทนแรงงานโดยเครื่องจักรแบบอัตโนมัติ แล้วยุค 4.0 นี้ ก็จะเป็นยุคของการบูรณาการเทคโนโลยีและการสื่อสารเข้าด้วยกัน รวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถประมวลผลได้จากฐานข้อมูล ขนาดใหญ่ โดยมุ่งเน้นเพื่อลดความผิดพลาดจากมนุษย์ การตอบสนอง ได้ทุกที่ ทุกเวลา การใช้ข้อมูลในการประเมินเพื่อพัฒนาศักยภาพและ ประสิทธิภาพในการท�ำงานแบบอัตโนมัติ และความสามารถใช้ข้อมูล เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างตรงเป้าหมาย โดยสิ่งที่มักจะได้ยินคือ IoT (Internet of Thing), AI & Deep Learning และ Big Data

ส�ำหรับในอุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์ (Packaging industry) ผู้ประกอบการต้องมองไปที่ปลายทางว่าทุกวันนี้ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน วิถีการด�ำรงชีพหรือยัง? สั่งของออนไลน์มากขึ้นหรือยังตกปลามากินเอง มากขึ้น? ในเมื่อวัฒนธรรมการบริโภคเปลี่ยนไป ขั้นตอนการเข้าถึง ก็เปลี่ยน และแน่นอนบรรจุภัณฑ์ คือจุดเริ่มต้นที่ส�ำคัญที่สุดซึ่งเป็น ส่วนสุดท้ายของกระบวนการผลิตสินค้าก่อนถึงมือผู้บริโภค และเป็น จุดแรกๆ ที่ต้องเริ่มปรับตัว ซึ่งในระบบ Augmented เริ่มได้ที่บรรจุภัณฑ์ ส่วนระบบตรวจติดตาม (Track & Trace) ก็เริ่มที่บรรจุภัณฑ์ ตลอดไปจน ระบบการจัดส่งก็ยังเริ่มที่บรรจุภัณฑ์ ไม่เว้นแม่แต่ระบบบริหารจัดการ สต๊อกสินค้าที่ก็มีจุดเริ่มที่บรรจุภัณฑ์ เช่นกันทั้งหมด

อิทธิพัทธ์ ธรรมสุริยะ Iddhiputt Thamsuriya Engineering Director Thai Sek Son Co., Ltd. iddhi.t@thaisekson.co.th

Packaging Industry

Transformation to 4.0 การเปลี่ยนถ่ายอุตสาหกรรมการบรรจุสู่ยุค 4.0

ทุกวันนีป ้ ฏิเสธไม่ได้วา่ เรามักได้ยน ิ ค�ำว่า 4.0 จากสื่อต่างๆ ทั่วไป แต่ Thailand 4.0 กับ อุตสาหกรรม 4.0 นั้นมีความแตกต่างกัน อย่างมาก โดย Thailand 4.0 นั้นจะเป็นการ พู ด ถึ ง New S-Curve หรื อ ก็ คื อ การ พัฒนาเปลี่ยนแปลงแบบ Disruptive ที่ใช้ นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนา ธุรกิจในภาพรวมให้เกิดความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ซึ่งต่างจากค�ำว่าอุตสาหกรรม 4.0 ที่ เป็ น การบ่ ง บอกยุ ค สมั ย ของระดั บ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม

54

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018


STRENGTHEN THE PACKAGING ดังนั้น เครื่องจักรด้านการบรรจุภัณฑ์ ยุค 3.0 จึง “จ�ำเป็น” ต้องเปลี่ยนสู่ยุค 4.0 เพื่อให้สอดคล้องต่อการพัฒนา โดยสิ่งแรก ที่ต้องค�ำนึงคือการสื่อสารและให้ข้อมูล (เช่น สามารถเชื่อมต่อ ในโปรโตคอลเดียวกันออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อเก็บข้อมูล การท�ำงานและการผลิต) ถัดมาคือการประมวลผลแบบอัตโิ นมัติ (เช่น การประมวลผลเพื่อลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพ การท�ำงาน) ต่อมาคือการบูรณาการกับเทคโนโลยีและระบบ โลจิสติกส์ต่างๆ (การสื่อสารระหว่างผู้ผลิต การจัดส่ง และ ผู้บริโภค) และสุดท้ายคือการเพิ่มมูลค่าถึงผู้บริโภค (เช่น การให้ ข้อมูล ณ จุดขาย) เป็นต้น จากข้างต้นเราจึงเห็นได้ว่าบรรจุภัณฑ์ เป็นห่วงโซ่ข้อส�ำคัญข้อแรกต่อการเปลี่ยนถ่ายจากอุตสาหกรรม ยุค 3.0 เป็น 4.0 และน�ำไปสู่ Disruptive Business ต่างๆ ใน อนาคต ทว่า การเปลี่ยนถ่ายจากยุค 3.0 เป็น 4.0 นั้นมีความคุ้มค่า หรือไม่ ให้ถามใหม่คงจะดีกว่า “ว่าจะเปลี่ยนเองตอนนี้หรือจะรอ ให้โลกใบนี้และผู้บริโภคบังคับให้คุณเปลี่ยน”

Now a day we all heard of 4.0. However, what is it by the way? Thailand 4.0 and

before delivered to end-user and is the first who needs adaptation. POS augmented reality begins with packaging, track & trace begins with packaging, logistic management begins with packaging, and inventory management begins with packaging. Therefore, machinery for packaging ‘needs’ transformation from 3.0 to 4.0 in order to correspond with the development trend. First consideration is communication and data collective (eg. same communication protocol via online over internet to records activities and productivity). Secondly, an automatic processing system for monitoring and configuration (eg. information processed to reduce waste and improve efficiency). Next, integration to other logistic technology and ecosystem (eg. communicate from producer to delivery until end-user). And last but not least, value added to end-consumer (eg. forced marketing at POS). From the above information, we can realize that packaging is an first and most important segment to transform the whole ecosystem of Industrial 3.0 to 4.0 and will lead to other disruptive business opportunities in the future. However, ‘Will the transformation from 3.0 to 4.0 be worth?’, it would rather recall to ‘Will you transform now or wait until the world and consumer transform you!!’.

Industrial 4.0 is totally different. Thailand 4.0 is national policy about support and promoting New S-Curve or develops a disruptive business with the use of innovative technology for “Stabilities, Wealthy, Sustainability” economy.

Where Industrial 4.0 indicates era of Industrial Development Level which 1.0 is using human force only, 2.0 is where human using tools or simple machine to helps, 3.0 is where automatic machine replaces human force and accuracy. Industrial 4.0 is an integration of technology and communication including artificial intelligence (AI) focusing on abilities to process best possibilities out of huge database in order to decrease human error, 24/7 response, database utilization to increase potential and performance automatically, accessibility to right target customer preference where we all heard IoT (Internet of Thing), AI & Deep Learning, and Big Data nowadays. For packaging, the entrepreneur needs to focus on downstream consumption behavior. Is it changed? Is online ordering is more than traditional purchase? When the consumption culture change, the process is changed, and definitely packaging is an important starting point where it is the last production process

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

55


SURF THE AEC

สถาบันอาหาร

กระทรวงอุตสาหกรรม National Food Institute Ministry of Industry

ญีป่ น ุ่ เป็นประเทศทีเ่ ข้าสูส่ งั คมผูส้ งู อายุอย่างสมบูรณ์ และมีสงั คมการท�ำงานทีม่ คี วามเครียดสูง ส่งผลให้ประชากร ชาวญี่ปุ่นจ�ำนวนมากประสบปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคคอเลสเตอรอลสูง โรคระบบ ไหลเวียนโลหิตผิดปกติ และโรคความจ�ำเสือ่ ม ดังนัน ้ ชาวญีป ่ น ุ่ ทัง้ ผูส้ งู อายและผูท ้ อ่ี ยูใ่ นวัยท�ำงานต่างหันมาใส่ใจ ในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองและคนในครอบครัวมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ยุคใหม่ยังมีความรู้ในการเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น และพร้อมที่จะ จ่ายเงินเพิ่มในการซื้อสินค้าดังกล่าว จึงเป็นโอกาสที่ดีส�ำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะ ขยายโอกาสทางการค้าและส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารเพือ่ สุขภาพของไทยไปสูต ่ ลาดญีป ่ น ุ่

ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพญี่ปุ่น...

กับโอกาสของผู้ประกอบการไทย

สถานการณ์ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพญี่ปุ่น

ตลาดอาหารเพือ่ สุขภาพในญีป่ นุ่ มีทศิ ทางการเติบโตมาอย่างต่อเนือ่ ง โดยในปี 2560 พบว่า มีมลู ค่าการจ�ำหน่ายภายในประเทศรวม 5,450.2 พันล้านเยน หรือมีอตั ราการขยายตัวเฉลีย่ ร้อยละ 1.2 ต่อปี ตลอดช่วงทีว่ เิ คราะห์ (ปี 2556-2560) ส่วนหนึง่ เป็นเพราะชาวญีป่ นุ่ มีความต้องการ ยกระดับสภาพการใช้ชวี ติ และการรับประทานอาหารทีด่ ตี อ่ สุขภาพมากขึน้ ซึง่ จะเห็นได้วา่ อาหารเพือ่ สุขภาพทุกประเภทผลิตภัณฑ์ในตลาด ญี่ปุ่นมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นทุกปี ยกเว้นเครื่องดื่มประเภท Better for You ที่มีการลดปริมาณสารที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย เช่น น�้ำตาล คาเฟอีน เป็นต้น ซึ่งพบว่าเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดญี่ปุ่นลดลง โดยสินค้าอาหารประเภท Free From ที่มีการสกัดสารก่อให้ เกิดอาการแพ้ เช่น กลูเตน แลคโตส ออกไป ซึ่งแม้จะมีมูลค่าตลาดไม่มากนัก เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น แต่กลับได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 6.6 ต่อปี ตลอดช่วงที่วิเคราะห์ (รูปที่ 1) กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มประเภท Naturally Healthy ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ข้าวกล้อง และประเภท Fortified/ Functional ที่มีการเพิ่มสารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น คอลลาเจน เป็นกลุ่มสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพที่ครองตลาดส่วนใหญ่ของ ญี่ปุ่น มีสัดส่วนร้อยละ 51.6 และ 35.6 ของมูลค่าการจ�ำหน่ายสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั้งหมดในตลาดญี่ปุ่น ปี 2560 ตามล�ำดับ (รูปที่ 2) โดยเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพ เป็นชนิดสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาดญี่ปุ่น มีส่วนแบ่ง ร้อยละ 58.1 ตามด้วยผลิตภัณฑ์จากนม มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 16.4 (รูปที่ 3) ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีระเบียบข้อก�ำหนดเกี่ยวกับระบบควบคุมดูแลด้านมาตรฐาน/ความปลอดภัยสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพที่จ�ำหน่ายในตลาด ญี่ปุ่นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เรียกว่า “Food with Health Claims (FHC)” ซึ่งสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่นจะครอบคลุมถึงกลุ่มอาหารที่ ใช้เฉพาะเพื่อสุขภาพ หรือ FOSHU (Food for Specific Health Uses) อาหารที่ประกอบด้วยสารอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกาย (Food with Nutrient Function Claims) อาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษ (Food with Function Claims) และรวมถึงอาหารที่มีวัตถุประสงค์ในการบริโภค เฉพาะทาง หรือ FOSDU (Food for Special Dietary Uses) อาทิ อาหารทางการแพทย์ อาหารส�ำหรับสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร อาหาร ทารก และอาหารผูส้ งู อายุ โดยผูน้ ำ� เข้าสินค้าเหล่านีจ้ ะต้องยืน่ ขอและผ่านการอนุญาตจาก Consumer Affairs Agency (CAA) ในการระบุสรรพคุณบนฉลาก อย่างไรก็ตาม ระเบียบ ดังกล่าวเป็น การก�ำหนดวิธีการระบุฉลากสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสินค้าอาหาร ทุกประเภทจ�ำเป็นต้องผ่านการตรวจและได้รับอนุญาตให้จ�ำหน่ายได้ภายใต้กฎหมาย สุขอนามัยอาหาร (Food Sanitation Act) และ/หรือกฎหมายคุม้ ครองพืช (Plant Protection Act) ของญี่ปุ่นเป็นปกติเช่นเดิม

ภาวะการแข่งขันในตลาดอาหารเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่น

56

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

แม้ว่าบริษัท Coca-Cola จะคงความเป็นผู้น�ำในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของญี่ปุ่น โดยมีสว่ นแบ่งตลาดร้อยละ 11.6 ของมูลค่าการค้าปลีกสินค้าอาหารเพือ่ สุขภาพทัง้ หมดใน ประเทศ ในปี 2559 จากการได้รับความยอมรับและความเชื่อมั่นที่ดีของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ทั้งในสินค้าเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลส�ำหรับนักกีฬา ภายใต้ตรา Aquarius ไปจนถึงชาเขียว


SURF THE AEC

Billion Yen

ทางไปรษณีย์ (Mail order) ตู้อัตโนมัติ (Vending) รายการ TV Shopping เป็นต้น มีสัดส่วนร้อยละ 23.4 และ 19.9 ตามล�ำดับ ทั้งนี้ สินค้าแต่ละประเภทอาจมีช่องทางการจ�ำหน่ายหลักที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น สินค้าอาหารออร์แกนิกจะจ�ำหน่ายผ่านออนไลน์เป็น ช่องทางหลัก ขณะที่สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพประเภทอื่น อาทิ กลุ่ม Better for You กลุ่ม Naturally Healthy และกลุ่ม Fortified/ Functional จะจ�ำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าสะดวกซื้อ ขณะทีส่ นิ ค้ากลุม่ Free From นอกจากจะจ�ำหน่ายผ่าซูเปอร์มาร์เก็ต รูปที่ 1 มูลค่าการจำ�หน่ายสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพในญี่ปุ่น ปี 2556-2564 จำ�แนกตามประเภทผลิตภัณฑ์ แล้ว ยังเน้นจ�ำหน่ายผ่านออนไลน์ด้วยเช่นกัน Figure 1 Sales value of each category of healthy food products in Japan (2013-2021) 2013

2014

2015

2016

2017

2018

2019

2020

2021

ที่มา/Source: Euromonitor International

พร้ อ มดื่ ม ที่ ท� ำ จากวั ต ถุ ดิ บ ธรรมชาติ ภายใต้ ต รา Ayataka แต่ในภาพรวมของอุตสาหกรรมกลับพบว่า ผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตภายในประเทศ อาทิ บริษัท Suntory Beverage & Food บริษทั Ito En บริษทั Asahi Soft Drinks บริษัท Yakult Honsha บริษัท Kirin Beverage บริษัท Otsuka Holdings และบริษัท Meiji มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10.4, 9.6, 5.8, 4.4, 3.6, 3.3 และ 3.2 ตามล�ำดับ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมาก ที่สุดในตลาดญี่ปุ่น คือ เครื่องดื่มชาพร้อมดื่ม ตรา Oi Ocha สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ร้อยละ 4.5 ซึ่ ง ส่ ว นหนึ่ ง ได้ รั บ อานิ ส งส์ จ ากความส� ำ เร็ จ ของ ชา ข้าวบาร์เล่ย์ หรือ Mugicha

พฤติกรรมการบริโภคและการจับจ่ายซื้อสินค้า อาหารเพื่อสุขภาพของชาวญี่ปุ่น

ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นรับประทานสินค้าอาหารที่มี ประโยชน์ ต ่ อ สุ ข ภาพโดยรวมทั่ ว ไป (General wellbeing) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.5 ของมูลค่า การจ� ำ หน่ า ยสิ น ค้ า อาหารเพื่ อ สุ ข ภาพทั้ ง หมดใน ตลาดญี่ปุ่น ปี 2559 รองลงมาได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ การควบคุมน�้ำหนัก (Weight management) สุขภาพ ทางเดิ น อาหาร (Digestive health) และกระตุ ้ น พลังงาน ลดความเหนื่อยล้า (Energy boosting) มี สั ด ส่ ว นร้ อ ยละ 9.1, 8.4 และ 6.5 ตามล� ำ ดั บ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงทิศทางการเติบโตใน ช่วงที่ผ่านมาแล้ว พบว่า สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพที่ ชาวญีป่ นุ่ มีความต้องการเพิม่ มากขึน้ ได้แก่ กลุม่ สินค้า เกีย่ วกับสุขภาพทางสายตา (Vision health) และสินค้า ทีช่ ว่ ยบ�ำรุงความสวยจากภายใน (Beauty from within) ซึ่งสังเกตได้จากอัตราการขยายตัวเฉลี่ยที่สูงถึงร้อยละ 64 และ 23 ต่อปี (ปี 2554-59) ตามล�ำดับ ส�ำหรับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าอาหารเพื่อ สุขภาพของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น พบว่า โดยรวมนิยมซื้อ สินค้าผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต มีสัดส่วนร้อยละ 40.3 ของ มูลค่าการค้าปลีกสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหมด ในตลาดญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ ร้านค้าสะดวกซื้อ และ ช่องทางจ�ำหน่ายแบบไม่มีหน้าร้าน เช่น ผ่านออนไลน์ SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

57


SURF THE AEC

สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพไทยที่มีศักยภาพ และโอกาสขยายสู่ตลาดญี่ปุ่น

ตลาดญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นตลาดที่ผู้บริโภคให้ความส�ำคัญเรื่องคุณภาพของสินค้า เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสินค้าอาหารที่จ�ำหน่ายในญี่ปุ่นทุกชนิดจ�ำเป็นต้องมี มาตรฐานความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับและผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงาน รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยละเอียด เพื่อป้องกันการสูญเสียโอกาสและรายได้จากการเข้าสู่ตลาดที่ น่าสนใจนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกประกาศระเบียบใหม่ที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น อาทิ ระเบียบว่าด้วยสินค้าอาหารที่มีคุณสมบัติพิเศษ หรือ Food with Functional Claims ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าให้กับ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มี ความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบทางการเกษตร รวมทั้ง มีเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้บริโภค ชาวญี่ปุ่น โดยผู้ประกอบการไทยควรอาศัยความได้เปรียบเหล่านี้ในการพัฒนา

สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น เช่น การแปรรูปวัตถุดิบพืชผักท้องถิ่น ของไทยทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ร่างกาย เช่น ผักชี ตะไคร้ โหระพา กระชาย หรือวัตถุดบิ อาหารที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยและชื่นชอบอยู่แล้ว เช่น เห็ดหอม สาหร่าย เต้าหู้ โดยเน้นพัฒนาสินค้าที่สะดวกต่อการรับประทาน และบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ หยิบจับง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตและลักษณะของผู้บริโภค ชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีจ�ำนวนคนวัยท�ำงานและวัยสูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทัง้ นี้ หากวิเคราะห์จากต�ำแหน่งสินค้าทีม่ ที ศิ ทางการเติบโตสูงในตลาดญีป่ นุ่ ผูป้ ระกอบการไทยควรเน้นพัฒนาสินค้าอาหารเพือ่ สุขภาพทีช่ ว่ ยบ�ำรุงด้านสายตา และผิวพรรณ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่มีส่วนผสมสารสกัด หรือวัตถุดิบ พืชผักผลไม้ที่มีสรรพคุณดังกล่าว ได้แก่ กลุ่มที่มีคุณสมบัติบ�ำรุงสายตา เช่น ผักบุ้ง แครอท ต�ำลึง คะน้า ฟักทอง และกลุ่มที่มีคุณสมบัติช่วยบ�ำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างคอลลาเจนและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น มะพร้าว ส้ม มะนาว ทับทิม กล้วย มะเขือเทศ เป็นต้น

Healthy Food Market in Japan and Opportunity Japan has fully entered the ageing society and is notoriously known as a country with stressful work environment, which resulted in many Japanese suffering from health issues ranging from obesity, hypertension, high cholesterol, circulatory system disease, and memory disorders. Thus, many Japanese, including the elderlies and working generation, are becoming more concerned about the health and well-being of themselves and their families. Not only that, the younger generation are also equipped with better knowledge in choosing for healthy products and are willing to pay more for them. This is a great opportunity for Thai enterprises to expand its trade opportunities and export Thai healthy products to the Japanese market. Climate of Healthy Food Market in Japan

Healthy food market in Japan is expanding continuously. In 2017, domestic sales reached 5,450.2 billion yen, expanding averagely at 1.2% year-on-year between 2013-2017. This is partly because Japan’s population feel the need to improve living conditions and consume more healthy food products, as seen from the gradually increasing demands for the food every year. However, the trend doesn’t cover “better-foryou” beverages that contain harmful ingredients such as sugar and caffeine, which witnessed decreasing demands. Free-from foods - which discard allergens such as gluten and lactose - may not see significant market share comparing to other products, but it has witness a great expansion recently at a rate of 6.6% per year during the period of analysis. (Figure 1) Food and beverages, especially a “Naturally healthy” which use natural ingredients such as brown rice, and a “Fortified/functional”, which add health beneficial options such as collage, are dominating the healthy market, with 51.6% and 35.6% of the food and beverage market share in Japan in 2017, respectively (Figure 2).Though, nonalcoholic healthy beverage is the most popular product among these

58

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

two categories, controlling 58.1% of the market share, followed by dairy products with a market share of 16.4%. (Figure 3) Japan has a regulation controlling the standard/safety of the healthy food products selling in Japan, which was issued to protect consumers, called “Food with Health Claims” (FHC). Healthy food products in Japan cover several types of food including Food for Specific Health Uses (FOSHU), Food with Nutrient Function Claims, and Food for Special Dietary Use (FOSDU) such as medical nutrition, nutrition for pregnant and lactating women, infant nutrition, and nutrition for older persons. Importers must submit a request to Consumer Affairs Agency (CAA) for approval to issue product’s quality in the label. Nonetheless, the regulation is simply a guideline for healthy food product’s labelling. It is noteworthy that every food product must be checked and authorised to sell under Japan’s Food Sanitation Act and Plant Protection Act.

Categories

ที่มา/Source: Euromonitor International Unit: (Value) Billion Yen

รูปที่ 2 โครงสร้างตลาดสินค้าอาหารเพือ่ สุขภาพในญีป่ นุ่ ปี 2560 จำ�แนกตามประเภทผลิตภัณฑ์ Figure 2 Japanese healthy F&B market structure in 2017 categorized by product category


SURF THE AEC Competition in Japan’s Healthy Food Market

Coca-Cola maintains its leadership in Japan’s healthy food product industry, possessing 11.6% of the industry’s retail market share in 2016, due to acceptance and confidence from Japanese consumers. The company also holds functional beverage lines such as Aquarius - drinks for sportsmen, and Ayataka - instant green tea produced from natural ingredients. However, looking in a big picture, the majority of the manufacturers in Japan’s healthy food markets are domestic players, for instance, Suntory Beverage & Food, Ito En, Asahi Soft Drinks, Yakut Honsha, Kirin Beverage, Otsuka Holdings, and Meiji, who hold 10.4%, 9.6%, 5.8%, 4.4%, 3.6%, 3.3%, and 3.2% of the market share, respectively. The most popular drink in Japan is instant tea from Oi Ocha brand, who dominates 4.5% of the market share. Notably, the success is partly due to the success of barley tea or Mugicha.

Japanese Consumers’ Habit and Shopping Style for Healthy Food Products

The majority of Japanese consumers are keen to buy general wellbeing food, which accounts for 61.5% of the total sales of healthy food products in the Japanese market in 2016. The second most consumed products are weight management food, digestive health food, and energy boosting food, which take 9.1%, 8.4%, and 6.5% of the market share, respectively. However, considering expansion trend, vision health and beauty from within are the 2 products with outstanding growth of 64% and 23% year-on-year (between 20112016), respectively. For the shopping habit for healthy food products among Japanese, we found that 40.3% of Japanese consumers shop at supermarket for retail healthy food products. Convenience store follows, along with other no-store front channels such as mail order, vending machine, and TV shopping, with 23.4% and 19.9%, respectively. Nonetheless, different products may have different sales method. Organic food, for example, is mostly sold online, while other types of product like better for you food, naturally healthy food, and fortified/functional food are sold in supermarket and convenience store. Free-from food is not only sold in supermarket, but also in online store.

Etc.

Product Type

Unit: (Value) Billion Yen

รูปที่ 3 โครงสร้างตลาดสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพในญี่ปุ่น ปี 2560 จำ�แนกตามชนิดสินค้า

Figure 3 Japanese healthy F&B market structure in 2017 categorized by product type

ที่มา/Source: Euromonitor International lemongrass, basil, finger-root, and other popular ingredients among Japanese consumers such as shiitake, seaweed, and tofu. Products development should aim to make these raw material more convenient to consume and packed in easy-to-grasp packagings, in response to the lifestyle and characteristics of Japanese consumers, which are increasingly concluded of working age and elderlies. Notwithstanding, considering the high-growth potential products in the Japanese market, Thai enterprises should focus on developing vision and skin health products. This includes foods with extracts from fruits and vegetables that have properties for greater eyesight like water spinach, carrot, ivy gourd, kale, pumpkin, and those with properties for collagen strengthening and antioxidants like coconut, orange, lime, pomegranate, banana, tomato, to name a few.

Potential Thai Healthy Food Products and the Opportunities to Expand into the Japanese Market

The Japanese consumers are known for their concerns about the quality of the products. Every food products sold in Japan are required to meet food safety standard and must strictly be controlled by related authorities. Thai entrepreneurs should study in detail about relevant regulations, in order to avoid opportunity and income losses from entering this alluring market. Nevertheless, the Japanese government have issued new regulations that are more relaxed, such as the regulations on Food with Functional Claims, which creates a new trade opportunity for Thai food enterprises. Thailand is a country with great variety and abundance of agricultural ingredients, and has the manufacturing technology that is reputable and acceptable among Japanese consumers. Thai enterprises should take these advantages and develop new healthy food products for the Japanese market by processing the local healthy materials such as coriander,

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

59


STAND OUT TECHNOLOGY กิตติพงศ์ คงวัดใหม่ Kittipong Kongwatmai

Dimension Technician Manager Thai Calibration Services Co., Ltd. kittipong@thaical.com

How to Choose

an Infrared ThermometeR? การเลือกใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด เป็นเครื่องมือที่ใช้ส�ำหรับการวัด อุณหภูมิบริเวณพื้นผิวของวัตถุ ซึ่งสามารถวัดอุณหภูมิโดยไม่ต้อง สัมผัสและไม่ท�ำลายวัตถุ อาศัยหลักการการตรวจจับรังสีอินฟราเรดที่ วัตถุแผ่ออกมา และแปลงค่าที่ได้เป็นค่าอุณหภูมิ

งานแบบใดที่เหมาะกับเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด?

งานทีเ่ หมาะกับเครือ่ งวัดอุณหภูมแิ บบอินฟราเรด ได้แก่ งานทีต่ อ้ งการใช้งานทีอ่ ณ ุ หภูมิ ต�ำ่ หรือสูงเป็นเวลานาน ต้องการหลีกเลีย่ งการสึกกร่อน เช่น กรด หรือความร้อน ต้องการ การตอบสนองในการวัดค่าอย่างรวดเร็ว ไม่ตอ้ งการให้มกี ารรบกวนระบบทีต่ อ้ งการวัด ต้องการหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนในระบบที่ต้องการวัด รวมทั้งกรณีท่ีระบบที่ทำ� การวัด อยู่ในสภาวะอันตราย

ท�ำอย่างไรให้วัดอุณหภูมิได้อย่างถูกต้อง?

ค่าความถูกต้องของอุณหภูมิที่วัดได้จากเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด มีปัจจัยที่ เกี่ยวข้องหลายประการ ซึ่งผู้ที่ใช้งานควรพิจารณาดังนี้ ชนิดและลักษณะพื้นผิวของวัตถุเป้าหมายหรือวัตถุที่ต้องการวัดอุณหภูมิ โดยวัตถุต่างชนิดกันหรือมีลักษณะพื้นผิวที่แตกต่างกันจะมีค่าสัมประสิทธิ์การแผ่รังสี (Emissivity;ε) และค่าสัมประสิทธิ์การสะท้อนรังสีของผิววัตถุ (Reflection; ρ) ที่ต่างกัน ระยะห่างระหว่างวัตถุกับเครื่องมือวัด โดยค่าความผิดพลาดของเครื่องวัด อุณหภูมิแบบอินฟราเรด อาจเกิดจากการเคลื่อนที่ของรังสีผ่านตัวกลาง เช่น อากาศ ที่มี ไอ ควัน ก๊าซ หรือฝุ่นละอองกระจายอยู่ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ดูดซึมพลังงานบางส่วน จากรังสีก่อนถึงตัวเครื่องมือวัด ท�ำให้พลังงานที่เซนเซอร์ตรวจจับได้มีค่าลดลง ค่าที่วัดได้ จึงคลาดเคลื่อน พื้นที่การวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด โดยคิดจาก ค่าอัตราส่วนระหว่างระยะห่างของวัตถุกับเครื่องมือวัด (Distance; D) และพื้นที่ การวัด (Spot size; S) หรือ D:S ซึง่ แสดงถึงระยะห่างทีเ่ หมาะสมของการวัด คุณสมบัติ ข้อนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว (Specifications) ของเครื่องมือวัดแต่ละผลิตภัณฑ์ 60

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ผู้ใช้งานควรเลือกคุณสมบัติให้เหมาะสมกับลักษณะงาน โดย หากจุดที่ต้องการวัดอุณหภูมิ (Measured spot) มีขนาดเล็กมาก หรือมีขนาดเล็กกว่าพื้นที่ของการวัด จะท�ำให้อุณหภูมิรอบข้างที่ ไม่เกี่ยวข้องกับจุดที่ต้องการวัดอุณหภูมิเข้าไปรวมอยู่ในพื้นที่ของ การวัดด้วย ซึ่งเมื่อแปลผลพลังงานที่วัดได้ ค่าของอุณหภูมิที่ได้ จะมีความคลาดเคลื่อนจากค่าที่แท้จริง ดั ง นั้ น การเลื อ กใช้ เ ครื่ อ งวั ด อุ ณ หภู มิ แ บบอิ น ฟราเรดควร พิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นก่อนน�ำมาใช้งาน เพื่อให้การวัดอุณหภูมิมีประสิทธิภาพสูงสุด เอกสารอ้างอิง/References การวัดและเครื่องมือวัด ประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (นวภัทรา และ ทวีพล, 2555) การใช้งานเทอร์โมมิเตอร์อย่างถูกวิธีส�ำหรับอุตสาหกรรมหนัก (ดร.นฤดม นวลขาว)


STAND OUT TECHNOLOGY An infrared thermometer is a contactless device for measuring surface temperature that does not cause damage to the target object. It detects infrared radiation emitted from an object and converts the measured energy into a temperature value. What kind of situations is the infrared thermometer suitable for?

ที่มา/Source: www.fluke.com

yielding an erroneous result that does not r e p r e se n t th e tr u e temperature value. Therefore, the aforementioned factors should be taken into account upon choosing a suitable infrared thermometer in order to ensure the optimum result.

The device is suitable for, for example, when it needs to be used in a high or low temperature for a prolonged period or for situations in which corrosive factors such as acid or heat need to be avoided as well as for works that necessitate quick measurement results or for circumstances in which users need to avoid interferences or contaminations of the measured systems. It can also be used to measure temperature in a dangerous environment.

How to accurately measure the temperature?

The accuracy of the temperature measured by the device depends on various factors as follows: Types and characteristics of the object’s surface as different types of objects or surfaces may yield different emissivity (ε) and reflection (ρ) coefficients. The distance between the target object and the device as an error may be caused by the medium through which the infrared radiation travels such as air filled with vapor, smoke, or dust, which may partially absorb the radiation before it reaches the device, thus rendering the measured result lower than the true value. The size of the measured area, calculated from the ratio of the distance between the target object and the device (Distance; D) and the spot size of the measured area (Spot size; S) or D:S, which shows the ideal distance of measurement. This is a specification unique to each brand of device. Users, therefore, should take into account the specifications that best suit each particular type of works. If, for example, the measured spot is tiny, or smaller than the measured area, the temperature of the surrounding and irrelevant areas will get mixed up in the measurement, hence

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

61


STAND OUT TECHNOLOGY

บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จ�ำกัด Mettler-Toledo (Thailand) Limited MT-TH.CustomerSupport@mt.com

Improved Weighing Accuracy...

A Piece of Cake

ปรับปรุงประสิทธิภาพการชั่งน�้ำหนัก...เรื่องง่ายนิดเดียว

การชั่ ง น�้ ำ หนั ก อย่ า งถู ก ต้ อ งในขั้ น ตอนการพั ฒ นาสู ต รนั้ น มีความส�ำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาเครื่องชั่ง แบบแม่นย�ำใหม่1 ออกสู่ตลาดเพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานและ ผู้ผลิตอาหารสามารถจัดการงานได้ง่ายขึ้นตั้งแต่ต้น

Accurate weighing is critical to recipe development. Discover how the new precision balances1 developed for today tasks can support weighing and foodmanufacturing processes – from scratch.

ในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ให้โดนใจตลาด อุตสาหกรรมอาหารต้องทุ่มเทเวลา มากมายให้กบั การพัฒนาสูตร ซึง่ ต้องมีการผสมส่วนผสมในสัดส่วนทีถ่ กู ต้อง อย่างไร ก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความส�ำเร็จได้นั้นมักเป็นผลมาจากการลองผิดลองถูก การปรับส่วนประกอบนิดๆ หน่อยๆ หรือการเพิ่มหรือลดส่วนผสมที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ เพียงนิดเดียวก็อาจจะสามารถส่งผลต่อประสบการณ์ในการรับรสได้ นอกจากนี้ การมีรายการส่วนผสมที่ยาวเหยียดก็มักสร้างความท้าทายในการผสมสูตรให้มี ความถูกต้องแม่นย�ำ และใช้เวลามากทีเดียว

ละเอียดในการชั่งน�้ำหนัก 1 มิลลิกรัม โดยไม่จ�ำเป็นต้องปิดประตูตู้ครอบและ แน่นอนยังคงได้ผลที่เที่ยงตรงทุกครั้ง

การจัดการข้อมูลที่สุดยอด

โชคดีที่คุณสามารถมีการด�ำเนินการเพื่อช่วยให้มั่นใจได้ถึงกระบวนการชั่งน�้ำหนัก ในการผสมสูตรอาหารได้อย่างถูกต้อง เครือ่ งชัง่ แบบแม่นย�ำใหม่1 ช่วยให้มกี ารผสม สูตรอย่างถูกต้องเพราะมีจานชัง่ น�ำหนักนวัตกรรม2 ทีส่ ามารถช่วยลดแรงลมบนเซลล์ ชั่งน�้ำหนัก ซึ่งช่วยให้ได้ผลการชั่งในเวลาเพียงครึ่งหนึ่งของเครื่องชั่งมาตรฐานทั่วไป แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมการผลิตหรือในพื้นที่ที่มีการผลิตจ�ำนวนมาก

ในระหว่างขัน้ ตอนการพัฒนาสูตร ส่วนผสมต่างๆ ทีใ่ ส่ลงไปต้องมีการจดบันทึก และติดฉลากอย่างถูกต้องซึง่ ช่วยหลีกเลีย่ งไม่ให้เกิดการผสมปนเป และเพือ่ ให้ มั่นใจว่าคุณลักษณะต่างๆ อย่างเช่น สี และ รสชาติยังคงมีความสม�่ำเสมอ นอกจากนี้ เครื่องชั่งแบบแม่นย�ำใหม่1 ยังมีวิธีการมาตรฐานโปรแกรมไว้ ในเครื่องเพื่อช่วยแนะน�ำผู้ใช้ตลอดกระบวนการ อีกทั้งยังสามารถบันทึกและ เรียกใช้วิธีการที่ถูกปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้ อีกด้วย มากไปกว่านั้น ขั้นตอนที่ท�ำการบันทึกไว้แล้วนั้นยังสามารถเรียกดูได้ บนโน้ตแพ็ดของเครื่องและผู้ใช้สามารถเพิ่มเติมข้อคิดเห็นลงไปได้ทันที นอกจากนี้ การน�ำข้อมูลออกจากระบบยังท�ำได้ง่ายจึงช่วยให้มั่นใจถึงความ สามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ

ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก

สะดวกและสบาย

มั่นใจในความแม่นย�ำ

โดยปกติแล้ว ตูค้ รอบจานชัง่ จะปกป้องเซลล์ชงั่ น�ำ้ หนักจากแรงลมแวดล้อม อย่างไร ก็ตาม การเปิดและปิดประตูตู้ครอบเป็นการเพิ่มขั้นตอนในการด�ำเนินการต่างๆ ดังนัน้ การลดขัน้ ตอนตรงนีจ้ งึ ช่วยเพิม่ ความรวดเร็วและความสะดวกสบายของผูใ้ ช้ อีกทั้งยังช่วยปกป้องผู้ปฏิบัติงาน ไม่ให้บาดเจ็บจากการท�ำงานในท่าซ�้ำๆ ด้วย ดังนัน้ ภายใต้สภาวะมาตรฐานผูป้ ฏิบตั งิ าน จึงสามารถใช้เครือ่ งชัง่ แบบแม่นย�ำใหม่1 ที่มีจานชั่งน�ำหนักนวัตกรรม2 และความสามารถในการอ่านค่าละเอียดได้สูงถึง 1 มิลลิกรัม ได้โดยไม่ต้องใช้ตู้ครอบเลย นอกจากนี้ การใช้ ง านในพื้ น ที่ ที่ มี ส ภาพแปรปรวน อย่างเช่นในปล่องดูดควัน ผูใ้ ช้กย็ งั สามารถชัง่ น�ำ้ หนัก ได้ บ นเครื่ อ งชั่ ง ที่ มี ค วาม

62

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ส� ำ หรั บ คุ ณ สมบั ติ อื่ น ๆ ที่ พ บว่ า น่ า สนใจของเครื่ อ งชั่ ง แบบแม่ น ย� ำ ใหม่ 1 ก็คอื การเพิม่ ไฟแสดงสถานะเครือ่ งชัง่ 3 ทีช่ ว่ ยบอกว่าเครือ่ งชัง่ พร้อมใช้งานแล้ว อีกทั้งยังมาพร้อมการวัดระนาบแบบดิจิตัล4 ที่จะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงสถานะ การปรับระดับของเครื่องชั่งเพื่อไม่ให้มีการใช้เครื่องในกรณีที่อยู่ในสภาวะที่ ไม่ได้ระนาบมาตรฐาน นอกจากนีย้ งั มีการติดตัง้ แท่นวางเครือ่ งชัง่ 5 เพือ่ ช่วยให้ สามารถวางหน้าจอเครื่องชั่งได้ใกล้กับระดับสายตามากขึ้น โดยฟังก์ชันนี้จะ ช่วยลดความต้องการเครื่องพิมพ์แบบตั้งโต๊ะ ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยขจัด ความล้าบริเวณคอของผู้ใช้งานที่ต้องชั่งน�้ำหนักซ�้ำๆ อีกด้วย


STAND OUT TECHNOLOGY Ease and Ergonomics

Additional features such as status light3 provides at-a-glance confirmation that the balance is ready for weighing. The digital level guide4 notifies users of the balance’s leveling status so weighing is not performed under less-than-ideal conditions. An optional ergonomical design stand5 allows placement of the terminal closer to eyelevel. This reduces the balance’s benchprint, while helping to eliminate the neck-strain associated with repetitive weighing.

ข้อมูลเพิ่มเติม / Additional Information 1 METTLER TOLEDO’s new XPR precision balances 2 METTLER TOLEDO’s SmartPan™.innovative weighing pan 3 METTLER TOLEDO’s StatusLight™ weighing status light 4 METTLER TOLEDO’s LevelGuide™ digital level guide 5 METTLER TOLEDO’s ErgoStand™ ergonomical design balance stand (optional) To make delicious new products, the food industry devotes substantial time to recipe development. This requires that ingredients be combined in correct proportions. However, a successful food product is typically the result of trial and error. A slight tweak of any component, or the addition or subtraction of a seemingly insignificant ingredient, can affect the sensory experience. In addition, long lists of ingredients often make precise formulation challenging and time-consuming.

Ensure Weighing Accuracy

Fortunately, you can take steps to help ensure accuracy for weighing processes used in food formulation. the new precision balances1 help with accurate formulation thanks to features such as an innovative weighing pan2. This pan minimizes air-current effects on the weighing cell, delivering results in half the time of a standard balance – even in a production environment or high-traffic area.

Eliminating Process Steps

Normally, a draft shield protects the weighing cell from drafts. However, opening and closing draft-shield doors adds process steps. Reducing process steps increases speed and user comfort, and helps protect operators from repetitive motion injuries. Under standard condition, even a 1 mg readability the new precision balances 1 with the innovative weighing pan2 can be used without a draft shield. In the turbulent conditions of a fume hood, you can weigh in on these sensitive 1 mg balances with the draft-shield doors open and still gain outstanding repeatability.

Data Handling Excellence

During formulation, additions must be labeled accurately. This helps to avoid mixups and ensures that attributes such as color and taste remain consistent. The new precision balances1 not only has built-in methods to guide users through the weighing process, but custom methods can be saved and recalled. Step-by-step results are displayed on the balance notepad, where users can also add comments. Easy data export helps to ensure process traceability.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

63


STAND OUT TECHNOLOGY

เทคโนโลยีการแช่แข็งด้วย Air

การหมุนเวียนของลมเย็นภายในฟรีซเซอร์ ลมที่หมุนเวียนภายในฟรีซเซอร์มีความส�ำคัญอย่างมาก หากได้ รับการออกแบบอย่างถูกต้องจะท�ำให้สน ิ ค้ามีคณ ุ ภาพดี ประหยัด เวลา และลดต้นทุน โดยการออกแบบฟรีซเซอร์ทด ี่ ลี มเย็นจะต้อง พัดผ่านสินค้าโดยมีความเร็วลมเท่ากันในทุกบริเวณ ประกอบกับ การจัดเรียงสินค้าและการจัดวางรถเข็นซึ่งจะต้องมีช่องว่างด้านบน ระหว่างถาดต่อถาดมากพอให้ลมเย็นไหลผ่านได้ รวมถึงช่องว่าง ระหว่างรถเข็นด้วย ในเชิงทฤษฎีนั้นอากาศเป็นตัวกลางในการน�ำความร้อนที่ไม่ดีเพราะอากาศ มีคา่ ความจุความร้อนจ�ำเพาะ (Specific heat capacity) ทีต่ ำ�่ ดังนัน้ จ�ำเป็นจะต้อง ให้อากาศมีความเร็วสูงในการช่วยดึงความร้อนออกจากตัวสินค้า อย่างไรก็ตาม หากต้องการความเร็วลมที่สูง พัดลมจะต้องท�ำงานหนักและมีขนาดใหญ่ ซึ่งจะ คายความร้อนทิ้งให้เป็นภาระของระบบท�ำความเย็น แต่หากเราได้ค�ำนวณค่า การท�ำความเย็นเผือ่ ไว้มากพอ ความร้อนทีเ่ กิดจากพัดลมก็ไม่มผี ลแต่อย่างใด ทัง้ นี้ ค่าความเร็วลมที่ไหลผ่านสินค้าดังตัวอย่างก�ำหนดให้มีค่าประมาณ 5.08 m/s ดังรูปที่ 1 และ 2

อุ ณ ห ภู มิ ข อ ง ล ม เ ย็ น ภายในฟรีซเซอร์ ในส่วน

ของอุ ณ หภู มิ ข องลมเย็ น ที่ หมุ น เวี ย นโดยพั ด ลมควรมี ปริมาณที่เพียงพอที่จะท�ำให้ รูปที่ 1 ลักษณะห้องที่มีพื้นที่หน้าตัดลมกว้าง สินค้าถูกท�ำให้เยือกแข็งอย่าง ภาระความร้อนจากพัดลมสูง รวดเร็ ว โดยจะต้ อ งท� ำ ให้ Figure 1 A room with a wide wind space. High heat load from fan อุณหภูมิใจกลางของสินค้ามี อุณหภูมิต�่ำกว่า -18 ํC ซึ่ง อุ ณ หภู มิ ข องลมเย็ น จะต้ อ ง ต�่ำกว่า -18 ํC อุณหภูมิของ ลมเย็นที่หมุนเวียนในฟรีซเซอร์ มักมีค่าต�่ำถึง -35 ํC การฟรีซ รูปที่ 2 ลักษณะห้องที่มีพื้นที่หน้าตัดลมแคบ สินค้าด้วยอุณหภูมิของลมเย็น ภาระความร้อนจากพัดลมต�่ำ ทีต่ ำ�่ มากๆ จะท�ำให้ Freezing Figure 2 A room with narrow wind space. Low heat load from fan Time สั้นลง อย่างไรก็ตาม อย่าลืมค�ำนึงถึงขนาดและการจัดเรียงสินค้าทีถ่ กู ต้องเหมาะสม เพราะจะส่งผลถึง ความเร็วและการไหลเวียนของอากาศที่ไหลผ่านสินค้า การเลือกใช้อุณหภูมิอากาศที่ต�่ำมากๆ ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น จึ64 งควรพิFOOD จารณาความสั มพันธ์รSEP ะหว่า2018 งความเร็วลมทีผ่ า่ นสินค้าและอุณหภูมอิ ากาศ FOCUS THAILAND

Blast Freezer ดร.สุกิจ ลิติกรณ์ Sukit Litikorn, Ph.D.

Engineering Support Director Harn Engineering Solutions Pcl. sukit@harn.co.th

ตารางที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วลมที่ผ่านสินค้าและอุณหภูมิอากาศที่ผ่านสินค้า

Table 1 The relationship between the wind speed through the goods and the air temperature passing through the goods

ทีผ่ า่ นสินค้า โดยความเร็วลมทีค่ วรเลือกใช้สำ� หรับ Air blast freezer แบบเป็นช่วงๆ (Batch freezer) และแบบต่อเนื่อง (Continuous freezer) มีค่า 1.5-6 m/s ดังตารางที่ 1 และอุณหภูมิอากาศไหลผ่านสินค้ามีค่าระหว่าง -30 ถึง -40 ํC

เวลาในการท�ำเยือกแข็ง (Freezing time) ในการออกแบบ Air blast

freezer ปริมาณสินค้าและเวลาจะเป็นตัวก�ำหนดขนาดของห้อง ขนาดคอยล์เย็น อีกทั้งเป็นตัวก�ำหนดค่าการท�ำความเย็นของระบบทั้งหมด ในการใช้งาน Air blast freezer ผู้ใช้ต้องท�ำความเข้าใจถึงเวลาในการท�ำเยือกแข็งเป็นส�ำคัญ ซึ่งปัจจัยที่ มีผลต่อการเปลีย่ นแปลงเรือ่ งเวลา คือ จ�ำนวนหรือปริมาณสินค้า การจัดเรียงสินค้า ความเร็วลม อุณหภูมิสินค้าก่อนฟรีซ เป็นต้น การหาค่าเวลาที่เหมาะสมไม่มีสูตร หรือสมการที่ชัดเจน ที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากตัวแปรที่เป็นปัจจัยต่อเวลามีมาก ดังแสดงไว้ข้างต้น อย่างไรก็ตาม เราก็สามารถท�ำได้โดยการทดลองที่สภาวะการควบคุมปัจจัยบางอย่างให้คงที่ เช่น ปริมาณสินค้า การจัดเรียง เป็นต้น เพือ่ ให้ทราบ ถึงเวลาในการฟรีซ ณ สภาวะหนึ่งนั้นๆ

ผลกระทบต่อระบบเมือ่ โหลดสินค้าไม่เหมาะสม ในการออกแบบระบบเราจะ

มีข้อก�ำหนดของสินค้าที่จะน�ำไปฟรีซ เช่น ชนิด น�้ำหนัก อุณหภูมิสินค้าก่อนเข้า แต่เมื่อใช้งานจริงอาจจะไม่เป็นไปตามข้อก�ำหนด หากมีการโหลดสินค้ามากเกินไป จะท�ำให้อุณหภูมิอากาศทางดูดกลับของคอยล์มีค่าสูงขึ้น และใช้เวลาในการฟรีซ นานขึ้น ส่งผลให้ความดันทางด้านส่ง (Discharge) ของคอมเพรสเซอร์มีค่าสูงขึ้น อุปกรณ์ปอ้ งกันความดันสูงในระบบจะสัง่ ตัดคอมเพรสเซอร์ ระบบจะหยุด และอาจ จะเข้าใจผิดว่าคอนเดนเซอร์มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งความจริงแล้วคอนเดนเซอร์ถูก ออกแบบอย่างเหมาะสมตามข้อก�ำหนด ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์โหลดสินค้ามากบ่อยๆ จะท�ำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้ และหากมีการโหลดสินค้าน้อยกว่าที่ออกแบบ ก็จะส่งผลต่อความไม่คุ้มค่าในการเดินเครื่อง ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์

รูปแบบและการจัดวางของถาดสินค้า ในการวางเรียงสินค้าในถาดเพื่อน�ำ

ไปวางบนรถเข็นก่อนน�ำเข้าสู่ห้องฟรีซเซอร์ ต้องค�ำนึงถึงช่องว่างระหว่างถาดด้าน ข้างและด้านบนต้องมีช่องว่างมากพอที่จะให้ลมเย็นสามารถพัดผ่านไปได้ อีกทั้ง


STAND OUT TECHNOLOGY ความสูงของขอบถาดต้อง ไม่สูงกว่าตัวสินค้า เพราะ ขอบถาดดังกล่าวจะไปบัง กระแสลมเย็นที่พัดผ่านตัว รูปที่ 3 ระยะห่างระหว่างถาด สินค้า วัสดุที่ใช้ท�ำถาดต้อง Figure 3 The distance between each tray มีความแข็งแรงคงทนและสามารถน�ำความร้อนได้ดีเพื่อที่จะท�ำให้สินค้าเย็น ได้เร็ว วัสดุที่ได้รับความนิยมคือ อลูมิเนียม (14-16 gauge) ระยะห่างระหว่าง ถาดบนและล่างเพื่อให้ลมเย็นไหลผ่านที่เหมาะสมคือ 2:3 หมายถึงหากถาด มีความสูง 3 นิ้ว ระยะห่าระหว่างถาดบนและล่างจะมีค่า 2 นิ้ว ดังรูปที่ 3 การจัดเรียงถาดลงในรถเข็นต้องเรียงให้เต็มก่อนทีจ่ ะเข็นเข้าห้องฟรีซเซอร์ ไม่ควรให้มกี ารปล่อยว่าง เพราะลมเย็นจ�ำนวนมากจะไหลผ่านบริเวณทีว่ า่ งใน รถเข็น สร้างความสูญเสียและท�ำให้สินค้าต้องใช้เวลาในการฟรีซนานกว่าเดิม ส่งผลให้คุณภาพสินค้าลดลง อีกทั้งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน

ผลกระทบจากการใช้บรรจุภณ ั ฑ์ ความหลากหลายของบรรจุภณั ฑ์สนิ ค้า

ที่น�ำมาแช่เยือกแข็ง เช่น ถุง กระดาษฟอยล์ หรือการบรรจุที่มีการใส่น�้ำเกลือ ในถาดก่อนแช่เยือกแข็ง ล้วนเป็นสาเหตุให้การฟรีซใช้เวลานานขึ้นและบอก ไม่ได้ชัดว่านานขึ้นเท่าใด และคอมเพรสเซอร์จะท�ำงานหนักขึ้น ดังนั้น ก่อนจะ สร้าง Air blast freezer เราจะต้องหาข้อมูลก่อนว่าสินค้าลักษณะใดทีจ่ ะน�ำมา แช่เยือกแข็งเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้ออกแบบ

การละลายน�้ำแข็ง เมื่อ Air blast freezer ใช้งานไปช่วงหนึ่งจะเกิดน�้ำแข็งขึ้น

เช่น บริเวณผนังห้อง พื้นห้อง เพดานห้อง ขอบประตู หรือไม่เว้นแม้แต่ในตัว คอยล์เอง น�้ำแข็งเหล่านี้จะต้องท�ำการละลายออกตามระยะเวลาที่เหมาะสม

เพราะหากมีการสะสมมากเกินไปจะสร้างปัญหาและเกิดอันตรายต่อระบบรวมทั้ง ผู้ใช้งาน ผลกระทบโดยตรงต่อคอยล์เย็นคือประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน ระหว่างลมกับคอยล์ลดลง ท�ำให้ระยะเวลาในการฟรีซยาวนานขึ้น น�้ำแข็งที่สะสม ตัวในห้องมีสาเหตุ 3 อย่างคือ 1. น�้ำที่ระเหยออกมาจากสินค้าที่ก�ำลังฟรีซจะมีประมาณร้อยละ 1-3 โดย น�้ำหนักของสินค้า (กรณีไม่มีบรรจุภัณฑ์) 2. ไอน�้ำที่เกิดจากอากาศภายนอกไหลเข้าห้องเมื่อเปิดประตู หรือผ่านวาล์ว ปรับความดันอากาศภายในห้อง 3. อากาศที่รั่วเข้ามาตามรอยซึมที่ผนังห้อง ทั้ ง นี้ สองสาเหตุ หลั ง สามารถป้ อ งกั น หรือท�ำให้ลดลงได้ โดย ในการออกแบบจะ ปที่ 4 การวางแผนผังของ Air blast freezer ที่เหมาะสม สร้างพืน้ ทีห่ อ้ งเพือ่ ปรับ รูFigure 4 The suitable layout of Air blast freezer อุณหภูมิด้านหน้าห้อง ฟรีซเซอร์ โดยมีอุณหภูมิ 0-5 ํC ซึ่งเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า Ante Room เพื่อช่วยลด ประมาณไอน�ำ้ ในอากาศให้ลดต�ำ่ ลง แต่ถา้ หากออกแบบให้เปิดประตูหอ้ งออกมา สัมผัสอากาศ 25-30 ํC จะเกิดการสะสมของน�้ำแข็งเนื่องจากไอน�้ำในอากาศที่มี มากกว่า ดังรูปที่ 4 จะเห็นได้ว่าในการพิจารณาตัดสินใจเลือกสร้าง Air blast freezer รวมทั้ง ข้อควรปฎิบัติในการใช้งานมีรายละเอียดจ�ำนวนมาก ทั้งนี้ หากเราปฎิบัติตามขั้นตอน ดังกล่าวทัง้ หมดจะช่วยท�ำให้บรรลุวตั ถุประสงค์ในการสร้างทัง้ ในด้านการประหยัด พลังงาน และสินค้ามีคุณภาพที่ดีส่งตรงถึงผู้บริโภค

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

65


STAND OUT TECHNOLOGY

Air Blast Freezer - What’s so Good About It? A Circulation of Cool Air Inside Freezer The air circutation in the freezer is very important. If properly designed, the goods will have a good quality, while it can also save time and reduce production cost. With good designed freezer, the cool air must pass through the goods with the same velocity in all areas. There should have enough space on ceiling as well as between the goods and the cart in order to allow the cool air flow through it. Theoretically, air is the medium for poor heat conduction because the air has a specific heat capacity which is low, so it is necessary to provide high air velocity flow to remove the heat from the goods. If we need higher air velocity, the fan must operate under overload condition or must change a bigger size. This will exothermic heat as a burden for the cooling system. But if we estimated suitable cooling rate, heat that was caused from the fan will create no impact. The wind speed that passes through the goods is approximately 5.08 m/s, as shown in Figures 1 and 2.

Temperature of Cool Air in the Freezer The temperature of

cooling air circulated by the fan should be sufficient to allow the goods to freeze quickly. The core temperature of goods must be below -18 °C and the cool air temperature must be lower than -18 °C. The temperature of freezing air is usually below -35 °C. To freeze goods with very low temperature cool air, freezing time will be shortened. However, do not forget to consider on the size and appropriate placing method as it will affect on the speed and the air circulation flowing through the goods. The lower temperature is used for freezing, the higher cost of production will be seen. Therefore, the relationship between the air velocity through the goods and the air temperature passing through the goods should be considered. The air velocity appropriate with the air blast freezer for both batch freezer and continuous freezer is 1.5-6 m/s, as shown in Table 1, and the air temperature flowing through the goods is between -30 to -40 °C.

Freezing Time To design the air blast freezer, the quantity of goods

and time will determine the size of the freezer, cold coil, as well as freezing rate of the system. To use the air blast freezer, the user must well understand the freezing time. The factors that affect the change in time are quantity or volume of goods, goods sorting method, air velocity, and temperature of goods before freezing, etc. There is no specific formula or equation to find the right timing. That is because there are variable factors over time, as shown above. Nevertheless, we can do this by experimenting at a condition by controlling certain factors such as quantity, and sorting method, etc., in order to know the time of freezing at one condition.

Impact on the System When Loading Inappropriate Goods To design the system, we will have the requirements of the goods

that will lead to freezing, such as type, weight, temperature of goods before entering to the freezing process. However, when we have actually used it, the result may not meet the requirements. If goods is over loaded, which will cause higher temperature on coil and it will take longer freezing time. As a result, the discharge pressure of the compressor is higher. The highpressure protection system will stop the compressor, so the system will 66 that stop may misunderstand FOOD FOCUS THAILAND SEPthat 2018the condenser is too small. In fact, the

condenser is modeled according to the requirements. If the goods have been often overloaded, it can damage the compressor. And if goods were loaded less than the design, it would cause an inefficiency of the machine and not economically worth.

Tray Layout and Placement To place the goods in the tray, put

them on the cart before bringing to the freezer, we need to concern on the space between each tray to ensure there is enough space to allow cool air to pass through. Therefore, we should ensure that the height of the tray must not be higher than the goods because the edge of the tray will shield the cool air that blows through the goods. The material used to make the tray is also important, it must be strong, durable and can conduce thermal effectively to make the goods cooler. The preferred material is aluminum (14-16 gauge). The distance between the top and bottom of the trays for optimal cooling is 2: 3, meaning that if the tray is 3 inches high, the distance between the top of the trays and bottom is 2 inches, as shown in Figure 3. The tray must be filled up in the cart before entering to the freezer. There should have no space in the cart as large amount of cool air would flow through the empty area of the cart, creating a loss and taking longer period to freeze goods, and finally the quality of the goods would be decreased while it consumes high energy.

Impact from Packaging The packaged products that use air blast freezer, such as a bag, foil paper, and soaked with saline solution in the tray cause longer time to freeze and could not know a specific period for freezing. It absolutely causes the compressor works harder. Consequence, before creating an air blast freezer, we need to find out what kind of goods will be frozen to provide the right information for the designer. Defrost When the air blast freezer is used for a period of time, the ice will rise such as on the wall, the ceiling, the floor, the door, or even the evaporator itself. Ice must be melted at the appropriate time. If too much accumulation, it would create problems and harm the system as well as users. The direct effect on the evaporator is that the heat transfer efficiency between the air flow and the evaporating temperature will decrease and will take longer freezing time. Three causes of ice in the freezer are as follows. 1. The water evaporates from the goods frozen. This is about 1-3 percent by weight of the product. (In case of no packaging) 2. The steam causing from the outside air flows into the freezer when the door opened, or through the air pressure regulator inside the freezer. 3. The air leaks into the freezer through the wall joints. From the above causes, the last two causes could be prevented or reduced. A room will be built in front of the freezer to adjust the temperature. This room will have temperature between 0-5 °C, which is called the Ante Room to reduce the temperature and vapor in the air. If we designed to open the door direct to atmospheric temperature between 25-30 °C, accumulated ice would be higher as higher vapor into the freezer as shown in Figure 4 Many factors and details should be considered before building up the air blast freezer. If we follow all processes, it will help achieve the objectives, including energy saving and have good quality products for delivering to consumers.


SITE VISIT กองบรรณาธิการ นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ Editorial Team

Food Focus Thailand Magazine editor@foodfocusthailand.com

ศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ หนุน SMEs ภาคใต้พัฒนาอาหารแปรรูปครบวงจร

เส้นเลือดใหญ่ของภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยเป็นผู้ประกอบการ ขนาดกลางและเล็ก หรือ SMEs ซึ่งบางโรงงานมีข้อจ�ำกัดในเรื่องของเทคโนโลยี เครื่องมือ และ อุปกรณ์ที่ทันสมัย น�ำไปสู่การท�ำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ไม่เต็มรูปแบบ

การมีหน่วยงานที่สามารถด�ำเนินงานเพื่อปรับปรุงและแก้ไขสถานการณ์ ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งแนวทางเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนได้อย่างยั่งยืน สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้เปิดศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ โดยน�ำร่องแห่งแรกที่อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ จะมี ส่วนช่วยหนุนผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนด้านอาหารและเครื่องดื่ม ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ให้สามารถเข้าถึงการบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และครบวงจร ด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ทันสมัย เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ ยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อการส่งออก โดยมีเป้าหมายเพิ่มศักยภาพ การแข่งขันให้กับสินค้าอาหารแปรรูปของไทย คาดการณ์กันว่าจะสามารถ ให้บริการได้ปีละไม่น้อยกว่า 30 ราย และในปี 2562 มีแผนที่จะเปิดศูนย์ฯ เพิ่มอีก 2 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดชลบุรี “การจัดตั้งศูนย์การออกแบบและตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ เป็นมาตรการหนึ่งในการด�ำเนินงานเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องการพัฒนาปัจจัยสนับสนุนให้เอื้อต่อ

การลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และด้านมาตรฐานเพือ่ การส่งออก เป็นการสนับสนุน สร้างโอกาส และลดอุ ป สรรคในการประกอบธุ ร กิ จ อุ ต สาหกรรม โดยเฉพาะกลุ ่ ม SMEs และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ให้เข้าถึงการบริการดังกล่าวได้ อย่างสะดวกและครบวงจร” “ในระยะยาว หวังว่าศูนย์ฯ แห่งนีจ้ ะเป็นศูนย์การเรียนรูแ้ ละถ่ายทอดเทคโนโลยี ในการผลิตผลิตภัณฑ์แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับ การยอมรับในภูมภิ าค เกิดการพัฒนาสินค้าอาหารแปรรูปทีส่ อดคล้องกับศักยภาพ การผลิตในพื้นที่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า สร้างศักยภาพการแข่งขันให้ ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนผู้บริโภคเกิด ความเชื่อมั่นในมาตรฐานและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์อาหารของไทย” ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว ด้านคุณยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผูอ้ ำ� นวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดสรร งบประมาณให้สถาบันอาหารด�ำเนินการจัดตั้งศูนย์การออกแบบและตรวจสอบ อุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบขึ้นเป็นแห่งแรกในจังหวัดสงขลา โดยได้รับ SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

67


SITE VISIT

การสนับสนุนด้านสถานที่ด�ำเนินการจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ภายใน อาคารศูนย์หัตถกรรม บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา “ศูนย์ฯ มีเป้าหมายให้บริการผู้ประกอบการในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ปีละ 30 ราย ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลหรือของสด ผลิตภัณฑ์อาหารในภาชนะปิดสนิท ประเภทต่างๆ ผลิตภัณฑ์อาหารอบแห้ง เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์อาหารทอด ผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านการท�ำแห้งด้วยความเย็น (Freeze drying) อาหารแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มน�้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มน�้ำสมุนไพร โดยเน้นให้บริการด้านพัฒนา ผลิตภัณฑ์และพัฒนาระบบมาตรฐาน” ปัจจุบัน ศูนย์ฯ มีความพร้อมในการให้บริการเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย เครื่องมือวิจัย ทดลอง ผลิต และทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทดลองผลิตจริง ให้คำ� ปรึกษาผูป้ ระกอบการ ตรวจสอบคุณภาพ และความปลอดภัยอาหารได้อย่างครบวงจร โดยมีกรอบการให้บริการรวม 8 ด้าน ได้แก่ 1) บริการออกแบบสายการผลิต 2) บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 3) บริการ ให้ค�ำปรึกษาระบบคุณภาพการผลิต 4) บริการให้ค�ำปรึกษาด้านการผลิตใน โรงงานและการแปรรูป 5) บริการให้คำ� ปรึกษาด้านการวิจยั และพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแปรรูปและทดลอง และผลิตสินค้าจริง 6) บริการตรวจสอบคุณภาพสินค้า

ตามข้อก�ำหนดของส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในด้านความปลอดภัย อาหารและบรรจุภัณฑ์ 7) บริการด้านฉลากโภชนาการ และ 8) บริการฝึกอบรม และอบรมเชิงปฏิบัติการ ทั้ ง นี้ ผู ้ ป ระกอบการสามารถขอเข้ า รั บ บริ ก ารได้ ทั้ ง ในด้ า นการพั ฒ นา ผลิตภัณฑ์ ด้านการทดสอบคุณภาพความปลอดภัยสินค้าอาหารตามมาตรฐาน สากล และด้านการยกระดับมาตรฐานการผลิต อาทิ ระบบมาตรฐาน GMP และ ระบบมาตรฐานฮาลาล เป็นต้น นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังให้บริการในรูปแบบ OEM service รับผลิตอาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ของลูกค้าแบบ ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบและส่วนผสมต่างๆ การคิดค้นพัฒนาสูตร ผลิตภัณฑ์ การออกแบบและผลิต การบรรจุสนิ ค้า ไปจนถึงการขอขึน้ ทะเบียนกับ ส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส�ำหรับแผนงานในอนาคต สถาบันอาหารมีแนวคิดจะเปิดศูนย์การออกแบบ และตรวจสอบอุตสาหกรรม (สาขาอาหาร) ต้นแบบ ในปี 2562 อีก 2 แห่ง ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น โดยร่วมกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 5 และจังหวัดชลบุรี โดยร่วมกับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 9 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกได้เข้าถึงการบริการดังกล่าว ได้อย่างทั่วถึง

Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) to Support Southern SMEs in Complete Development Small and medium-sized enterprises (SMEs) are the main artery of the food and beverage industry in Thailand. Certain technological limitations or lack of modern equipment faced by some of these SMEs may prevent their product research and development from reaching its full potential. An organization capable of improving such situation is one of the solutions that can lead to a sustainable support to SMEs and community enterprises. The National Food Institute (NFI), Ministry of Industry, has hence established the first Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) in Hat Yai district, Songkhla. The Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) will provide owners of food and beverage SMEs and community enterprises in 14 southern provinces with convenient, fast, and complete access

68

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

to cutting-edge tools focusing on product development and improvement of manufacturing standards for export. This will increase the competitiveness of Thai processed food products. The center is expected to serve at least 30 entrepreneurs annually. A plan to open two more centers in Khon Kaen and Chon Buri in 2019 is also in place. “Establishing the Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) is an operational measure expected to push forward the Ministry of Industry’s strategy to create supporting factors that will


SITE VISIT help promote industrial investment and development. By lending support to entrepreneurs in terms of product development and export standards, the obstacles will be reduced and more opportunities will be created for the industrial segment, especially for SMEs and community enterprises in 14 provinces of Southern Thailand where a full range of services will be conveniently accessible.” “In the long run, this place is expected to become a regionally accepted learning center that passes on production technology to food and beverage business owners, thus leading to the development of processed food products in line with the local production potential, increased added value, higher competitiveness of SMEs entrepreneurs in both domestic and international markets as well as boosted consumer confidence in the standards and safety of Thai food products” said Dr.Somchai Harnhirun, Deputy Minister of Industry. Mr.Yongvut Saovapruk, President of the NFI, Ministry of Industry, commented that in the fiscal year of 2017 a budget for the construction of the first Industrial Design and Inspection Center (Food Sector) in Songkhla was allotted to the NFI by the Ministry of Industry. The center, whose premise was provided by the Department of Industrial Promotion, is located on the 2nd and 3rd floors of the Handicraft Center Building in the Industrial Promotion Center Region 11, Hat Yai, Songkhla. “The aim is to provide services to business owners in 14 provinces: Chumphon, Ranong, Surat Thani, Phangnga, Phuket, Krabi, Nakhon Si Thammarat, Trang, Phatthalung, Satun, Songkhla, Pattani, Yala, and Narathiwat. The center is expected to annually serve 30 entrepreneurs in various product segments such as seafood or fresh

food, food packaged in hermetically sealed containers, dried food, bakery, fried food, freeze dried food, frozen food, juices, and herbal drinks. An emphasis will be placed on the development of products and standard systems.” At present, the center can readily provide a full range of services that encompass tools for research, experiments, production, and scientific tests – all of which can fully facilitate product development, manufacturing test runs, business consultancy, food quality and safety determination. The framework covers 8 types of services: 1) production line design, 2) packaging design, 3) manufacturing quality system consultancy, 4) industrial production and processing consultancy, 5) consultancy regarding product research and development, processing, experiments, and manufacturing processes, 6) product quality determination in compliance with the FDA regulations concerning food and packaging safety, 7) nutrition labeling, and 8) training and workshops. Entrepreneurs can access any of these services, be it product development, food quality and safety testing in compliance with international standards, or improvement of manufacturing standards such as GMP and Halal. In addition, the center also offers a comprehensive OEM service by manufacturing food and beverage products under the clients’ brands. This also entails raw material and ingredient sourcing, formulation development, manufacturing, packaging, and product registration with the FDA. In the future, the NFI plans to collaborate with the Industrial Promotion Center Region 5 to open another center in Khon Kaen and one more in Chon Buri, which will be the result of the collaboration with the Industrial Promotion Center Region 9. The objective is to provide Northeastern and Eastern entrepreneurs with support and wide access to the aforementioned services.

Food Safety Roadshow

Being a part of the sustainable success of Thai Food & Beverage Industry, Food Focus Thailand has organized “Food Focus Thailand Roadshow” to provide knowledge to Food & Beverage entrepreneurs located out of Bangkok. In 2018, we will hit the road under the theme of “Food Safety Roadshow” to 6 major cities throughout the country.

Friday, 9 November 2018

Holiday Inn Hotel @ Chiang Mai

Sponsored by:

#6

FREE SEMINAR SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

69


SPECIAL REPORT Delon Wang

Trends Manager, Asia Pacific

Jane Barnett

Head of Insights – South APAC

Suddhanya Yupho

Insight Analyst, Thailand Mintel

เทรนด์สุขภาพยังแรงต่อเนื่อง 79% ของคนไทยตั้งเป้า “ชีวิตดีมีสุข”

ผู้บริโภคชาวไทยก�ำลังมองหาวิธีที่จะปฏิวัติตนเอง ให้ดีกว่าเก่า งานวิจัยล่าสุด ระบุว่า ผู้บริโภค 4 ใน 5 หรื อ ประมาณร้ อ ยละ 79 ต้ อ งการมี โ ภชนาการ ที่ดีขึ้น ในปี 25611 ในขณะที่ 3 ใน 4 หรือประมาณ ร้อยละ 76 ระบุอยากมีชีวิตสมดุล และร้อยละ 73 จะหันมาออกก�ำลังกายให้มากขึ้น

คนไทยร้อยละ 48 ก�ำลังจะเริ่มปฏิวัติวิถีการบริโภคในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพื่อสุขภาวะที่ดี1 และในกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ ส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 90 ระบุว่าจะรับประทานผลไม้ รวมถึงผักต่างๆ ให้มากขึ้น ในขณะที่อีกร้อยละ 53 วางแผนทีจ่ ะลดการบริโภคเนือ้ สัตว์ ท้ายทีส่ ดุ ร้อยละ 45 กล่าวว่า พวกเขาเดินตาม แนวทางชีวจิตหรือมังสวิรัติ จากรายได้ทเี่ พิม่ ขึน้ และการขยายตัวของเมือง ท�ำให้ผบู้ ริโภคในประเทศไทย เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพของตนเองกันมากขึ้น และนั่นส่งผลให้กระแสการเป็นตัวเอง ที่ดีกว่าเดิมก�ำลังมาแรง ทั้งในเชิงสุขภาวะร่างกาย อารมณ์ และสุขภาพจิตใจ ผู้บริโภคชาวไทยไม่เพียงแต่หันหลังให้พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ในอดีต แต่กลับเริ่ม หันมาใส่ใจในเรื่องของการบริโภค และตระหนักอย่างแท้จริงถึงสิ่งที่ก�ำลังจะ รับประทานเข้าไป งานวิจัยพบว่า การออกแบบสินค้าหรือบริการเฉพาะบุคคล จะเป็นกุญแจส�ำคัญในการบริโภค และยังน�ำมาซึ่งความรู้สึกนึกคิดเชิงบวกต่อ ชีวิตประจ�ำวัน เช่นเดียวกัน สินค้าประเภทที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลสามารถเป็น สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้ 70

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ผู้บริโภคชาวไทยถวิลหาความพิเศษเฉพาะบุคคล

2 ใน 5 ของกลุ่มตัวอย่าง หรือประมาณร้อยละ 41 ของผู้บริโภคในเมืองใหญ่ มองว่าแบรนด์ใดทีท่ ำ� ให้พวกเขามีพนื้ ทีใ่ นการเลือกสินค้าและบริการทีเ่ หมาะกับ เขาจริงๆ จึงจะเป็นแบรนด์ที่ควรค่า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ โดยจะ มองว่าสินค้าเหล่านี้ตอบโจทย์และคุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้า ประเภทอาหาร (ร้อยละ 67) และสินค้าสุขภาพหรือฟิตเนส (ร้อยละ 63) ตามล�ำดับ เมื่อกล่าวถึงเรื่องความสวยความงาม ประชากรกว่าครึ่ง (ร้อยละ 51) ชอบให้สินค้าและบริการในกลุ่มของใช้ในบ้านและของใช้ส่วนบุคคลต่างๆ ออกแบบเฉพาะเจาะจง เช่นเดียวกันกับสินค้าประเภทความสวยงามและ สินค้าอุปโภคที่ใช้ส�ำหรับบุคคล (Personal care) เมื่อกล่าวถึงสินค้าที่ซ้ือใช้ทุกวัน กลุ่มผู้จับจ่ายมากที่สุด คือ ผู้บริโภคที่ มุง่ เน้นการซือ้ สินค้าคุณภาพ หรือ ร้อยละ 63 ล�ำดับถัดมาผูบ้ ริโภคเลือกซือ้ สินค้า ที่ ค วามสะดวก หรื อ ร้ อ ยละ 48 และผู ้ บ ริ โ ภคร้ อ ยละ 38 เลื อ กซื้ อ ที่ ร าคา อีกร้อยละ 37 ระบุว่าซื้อที่ความทนทาน และท้ายที่สุดผู้บริโภคร้อยละ 29 เลือกซื้อสินค้าที่ถูกออกแบบมาเฉพาะกลุ่มบุคคล


SPECIAL REPORT

การบริโภคยุคดิจิทัล

ในขณะเดียวกัน โลกดิจิทัลก�ำลังวางกรอบแนวคิดในเรื่องของการบริโภค ข้อมูลข่าวสาร และสร้างอิทธิพลต่อผู้บริโภคชาวไทย งานวิจัยระบุว่าร้อยละ 63 ของผูบ้ ริโภคชาวไทยเลือกซือ้ สินค้าและบริการทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ สุขภาพ จากการอ่านข้อมูลออนไลน์เป็นหลัก ในขณะที่กว่าครึ่ง หรือร้อยละ 54 เลือกซื้อตามอิทธิพลของสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย หรือตามบล็อกเกอร์ นอกจากนั้น อีกร้อยละ 59 ระบุว่าสินค้าประเภทความสวยความงามได้รับ อิทธิพลมาจากสังคมออนไลน์หรือบล็อก ท้ายที่สุดร้อยละ 56 กล่าวว่า พวกเขาค้นหาข้อมูลผ่านออนไลน์และเซิร์ชเอนจินส์ ด้วยตัวเลือกที่มีมากมายในตลาด ผู้บริโภคอาจจะเริ่มเอนเอียงหันไป เลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และช่วยให้การตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องง่าย มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถสนับสนุนการปฏิวัติตนเองให้ดีกว่าเก่าได้ ดังนั้น เพือ่ ให้ตอบโจทย์และสร้างความโดดเด่นกว่าผลิตภัณฑ์อนื่ ในตลาด จึงจ�ำเป็น ต้องหันมาพิจารณาที่จะเสนอค�ำแนะน�ำอันเป็นประโยชน์อันจะช่วยให้เกิด การตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วย จากรายงานการวิจัย ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถ ใช้ พ ลั ง จากช่ อ งทางการสื่ อ สารดิ จิ ทั ล มาช่ ว ยสนั บ สนุ น และรั บ รองว่ า ผลิตภัณฑ์เหล่านัน้ จะอยูใ่ นใจผูบ้ ริโภคคนไทยเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ทั้งนี้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ผู้บริโภคล้วนแต่ใช้ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ มากขึ้นเรื่อยๆ สินค้าประเภทติดตามข้อมูลสุขภาพที่สวมใส่ติดตัว หรือการเก็บข้อมูล การบริโภคของประชาชน จะเป็นผูเ้ ล่นส�ำคัญในอนาคต เพราะจะเป็นตัวช่วย ในเรือ่ งการออกแบบสินค้าทีต่ อบโจทย์ผบู้ ริโภคได้ดยี งิ่ ขึน้ คาดว่าอีกไม่นาน ระบบข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จะเชื่อมโยงถึงกัน และไม่เพียงแต่จะช่วยนักการตลาด เท่านั้น แต่ผู้บริโภคเองก็เก็บข้อมูลของตัวเองได้ด้วย และท้ายที่สุดกลุ่ม ผู้บริโภคเองจะสามารถรู้ถึงเป้าหมายชีวิตในด้านต่างๆ จากการวิเคราะห์ ข้อมูลที่ได้มาจากอุปกรณ์ไฮเทคซึ่งสามารถพกติดตัว และเก็บข้อมูลจากการเคลื่อนไหว รวมถึงข้อมูลพฤติกรรมต่างๆ เทคโนโลยีท�ำให้เราเห็นและได้ยิน ข้อมูลเหล่านี้ และเรียนรู้จากมัน ก่อนที่จะวางแผนเพื่อตอบสนองข้อมูล ดังกล่าว โดยพบว่าร้อยละ 39 ของกลุม่ ผูบ้ ริโภคในประเทศไทยเริม่ มีอปุ กรณ์ เหล่านี้อยู่ในครัวเรือน และเป็นเจ้าของใช้งานเอง

เป้าหมายของผู้บริโภคชาวไทยในปี 2561

โอกาสของการบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชผัก

ท้ายทีส่ ดุ ผูบ้ ริโภคชาวไทยค่อยๆ ปรับความชอบของตัวเองไปในทางการบริโภคพืชผัก มากขึ้น ร้อยละ 76 ระบุว่าพวกเขาคิดเห็นว่าโปรตีนจากพืช อย่างเช่น พืชตระกูลถั่ว มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ หรือไข่ ในขณะที่ มากกว่าร้อยละ 55 เห็นด้วยว่าโปรตีนจากพืชนั้นมีรสชาติที่ดีกว่าโปรตีนจากสัตว์ ทั้งนี้ เพื่อให้การศึกษาเป็นไปในเชิงลึกมากขึ้น การวิจัยไปถึงพฤติกรรมและ ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทยเป็นสิ่งที่จ�ำเป็น บริษัทต่างๆ ควรปฏิวัติผลิตภัณฑ์ ของตัวเอง ไม่วา่ จะอยูใ่ นรูปแบบสินค้าประเภทใดให้เดินหน้าสูค่ วามเป็นธรรมชาติ เพราะมีความต้องการในตลาดทีล่ น้ เหลือ นอกจากนัน้ ผูบ้ ริโภคเองก็ชนื่ ชอบสินค้า จากธรรมชาติทมี่ คี วามง่ายและมีโภชนาการทีย่ ดื หยุน่ การหันมาบริโภคโปรตีนจาก พืชจะเป็นทางเลือกใหม่ที่ผู้บริโภคยุคนี้มองหา เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากสัตว์

การรักษาสมดุลธรรมชาติ

ในภาพรวม ผู้บริโภคชาวไทยปรารถนาที่จะมีคุณภาพชีวิตและมีสุขภาพ ที่ดีขึ้น แต่นิยามของการมีสุขภาพดีส�ำหรับพวกเขาในวันนี้ นักวิจัยเน้นย�้ำว่า ร้อยละ 67 ของผูบ้ ริโภคชาวไทยให้นยิ ามว่า คือ “อาหารทีด่ ”ี ซึง่ ประกอบด้วย วัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ ในขณะที่ร้อยละ 61 บอกว่าต้องมีไขมันต�่ำ และ ร้อยละ 56 มองว่าต้องเป็นสินค้าออร์แกนิก ส่วนผู้บริโภคอีกร้อยละ 55 ระบุว่าต้องมีแคลอรีต�่ำ และร้อยละ 54 ระบุว่าต้องมีปริมาณน�้ำตาลน้อย นอกจากนั้น มากกว่าครึ่งหรือร้อยละ 53 พยายามหลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัว และร้อยละ 43 ไม่บริโภคน�ำ้ ตาลขัดสี ร้อยละ 33 ระมัดระวังการบริโภคเกลือ และอีกร้อยละ 33 ระวังการบริโภคเนื้อแดง ตามล�ำดับ ในขณะเดี ย วกั น มี ร ายงานว่ า บริ ษั ท ผู ้ ผ ลิ ต สิ น ค้ า ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล และความงาม ต่างเริ่มตระหนักดีถึงความต้องการของผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่มีความเป็นธรรมชาติ โดยจาก ข้อมูล2 พบว่าร้อยละ 41 ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นที่เปิดตัวในตลาด ประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมีส่วนผสมของธรรมชาติ ซึ่งตัวเลขดังกล่าว เพิ่มขึ้นกว่าปี 2553 อยู่ถึงร้อยละ 34 SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

71


SPECIAL REPORT

Thai Consumers are on the Road to Self-betterment 79% of Thais would like to have a Healthier Diet in 2018

Thai consumers, today, are looking for ways to fulfil their desires to better themselves. Latest findings reveal that as many as four in five (79%) metro Thai consumers would like to have a healthier diet in 20181, while just over three in four (76%) would like to have a better work-life balance and 73% to exercise more.

Almost half (48%) of metro Thai consumers plan to adjust their diets over the next 12 months1 for their personal health and wellness. Of these consumers, while the majority (90%) plan to eat more fruits or vegetables, over half (53%) are looking to reduce their meat intake and 45% to follow a plant-based, vegetarian or vegan diet. Amidst rising income and rapid urbanisation, consumers in Thailand are embracing the benefits of personal wellness, and, as a result, are increasing their efforts towards self-betterment—be it physically, mentally or emotionally. Thai consumers are not only cutting back on their bad habits, but also paying more attention to what they are consuming. The research indicates that customisation can be a key player in consumers’ pursuit of bringing positivity into their daily lives. As well, instances of customisation can be introduced in everyday products.

Thai Consumers Desire for Customisation

Indeed, two in five (41%) metro Thais think that brands who offer them the choice to personalise or customise their purchase provide the sense of a premium service. Additionally, the majority of metro Thais prefer the option of being able to personalise or customise in the food (67%) and health and fitness (63%) categories, respectively. When it comes to grooming, over half like the option of personalising or customising in the household and personal care (51%) as well as the beauty and personal care categories (51%), respectively. When it comes to everyday purchases, high quality (63%) is the top influencer. What follows next are convenience (48%), price (38%), durability (37%), and customisation (29%).

72

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

Technology Plays a Major Role in Guiding Choices

Meanwhile, it seems that the advancement in technology is shaping how Thais are consuming information and being influenced. The research shows that over three in five (63%) metro Thais are getting their nutritional or dietary information from online searches and over half (54%) via social media or blogs. Further, three in five (59%) say that they are getting their beauty information from social media or blogs, while 56% through online searches. With so many choices in the market, consumers may start skewing toward brands that help guide them in their purchase decisions and aid in their journey of self-betterment. To stand out against the crowd, brands should consider offering advice to help inform these decisions. As reflected in the research, brands can leverage digital channels to ensure they are at the top of mind among Thai consumers, especially in this day and age where more and more consumers are moving online. Moreover, body trackers, wearables as well as consumer data will play a large role in the future, aiding customisation and guiding consumers with their choices. We can expect to see integrated features added to surroundings, helping consumers to better understand themselves and how their surroundings can affect them. These present opportunities for brands and companies to reach out and target consumer movements based on lifestyle changes, and in this case, their pursuit of achieving their personal health goals. Technology allows people to listen to this data, learn from it and react. As a matter of fact, the research finds that 39% of metro Thai consumers currently own or have the intension of owning smart technology in their homes.


SPECIAL REPORT

Keeping Things Natural

Overall, Thai consumers are undoubtedly on the right track to living healthier lifestyles, but what exactly does a healthy meal mean to them today? The research highlights that two-thirds (67%) of metro Thai consumers describe ‘healthy food’ as all natural ingredients, 61% as low fat, 56% organic, 55% low in calorie, and 54% describe ‘healthy food’ as being low in sugar. What’s more, more than half (53%) of metro Thais are avoiding saturated fats, while 43% are avoiding refined sugar and a third are avoiding salt (33%) and red meat (33%), respectively. At the same time, it appears that companies in both the food and drink and beauty and personal care industries are aware of consumers’ preference for all things natural. According to the database2, 41% of food, drink, beauty and personal care products launched in Thailand in 2017 featured a ‘natural’ claim, up from 34% in 2010.

Opening up to Plant-based Offerings

Finally, Thai consumers are gradually warming up to the idea of plant-based food and drink offerings, finding them just as nutritious and tasty as meat-based options. As many as three in four (76%) metro Thai consumers agree that plant protein (eg legumes, nuts) is just as nutritious as animal protein (eg meat, eggs), while more than half (55%) agree that plant protein tastes better than animal protein.

To appeal to Thai consumers who are starting to adopt better lifestyle habits, more companies should offer food, drink, beauty and personal care products that are made with natural formulations, seeing as there is demand in the market. In addition, consumers preference for natural, simple and flexible diets will drive further expansion of plant-based alternatives especially as they are finding them just as nutritious and tasty as animal-based food and drink products.

ข้อมูลเพิ่มเติม / Additional Information 1 1,500 internet users aged 16+ living in the metropolitan areas of Thailand, May 2018 (The research from Mintel) 2 Mintel Global New Products Database (GNPD)

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

73


SEE THROUGH MARKET

Export Trend for Thai Products

to Global Markets

แนวโน้มส่งออกสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ Department of International Trade Promotion Ministry of Commerce

รสนิยมตี๋หมวยชอบขนมขบเคี้ยวรสทุเรียน

Chinese Consumers Favor Durian Flavor Confectionery

การส�ำรวจตลาดขนมที่ครองใจผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบัน พบว่า ขนมรสชาติใหม่ๆ ที่ครองใจผู้บริโภคชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 3 อันดับแรก ได้แก่ รถชีส รสช็อกโกแลต และรสทุเรียน โดยเฉพาะขนมรสชีสได้รับความนิยมและมียอดจ�ำหน่ายออนไลน์เพิ่ม สูงขึ้นเป็นอย่างมากจากที่เคยมีสัดส่วนร้อยละ 7.5 ของขนมที่ผู้บริโภค ชาวจีนซื้อออนไลน์ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 44.6 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 และรสช็ อ กโกแลต มี สั ด ส่ ว นร้ อ ยละ 18-20 ส่ ว นรสทุ เ รี ย นมี สั ด ส่ ว น ร้อยละ 11.1 ปัจจุบนั นี้ ผูบ้ ริโภคชาวจีนมีการเปลีย่ นแปลงความนิยมรสชาติของขนม อย่างรวดเร็ว ขนมรสดัง้ เดิมเริม่ ถึงจุดอิม่ ตัว ขายไม่คอ่ ยได้ ท�ำให้ผผู้ ลิตต้อง พัฒนารสชาติใหม่ๆ ออกมา และขนมรสชีสที่ผสมระหว่างรสหวานกับเค็ม ได้กลายเป็นรสชาติที่ครองใจชาวจีนไปแล้ว จนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทน รสช็อกโกแลต ส่วนรสชาติทุเรียนก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน มีการผลิต ขนมรสชาติทุเรียนในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาส ส�ำหรับผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทยที่จะพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการ ของตลาด เพื่อให้สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดต่อไปได้

74

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ที่มา: สำ�นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจี​ีน Source: Thai Trade Office in Qingdao, China

ชาวจีนนิยมบริโภคทุเรียนสดและปัจจุบันได้ขยายเข้าสู่อุตสาหกรรม ขนมของว่างที่มีส่วนผสมของทุเรียน ไม่ว่าจะเป็นขนมกลิ่นทุเรียนหรือ สอดไส้ทุเรียนต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างดี เช่น ขนมเปี๊ยะและขนม ไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนที่ขายดีมากบนตลาดออนไลน์ เพราะความนุ่มของ แป้งผสมกับไส้ทุเรียนที่สดใหม่ ท�ำให้ผู้บริโภคประทับใจ ส่วนขนมอื่นๆ ที่มี ส่วนผสมของทุเรียนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เช่น ลูกอมรสทุเรียน ทุเรียนทอดกรอบ และทุเรียนอบแห้ง เป็นต้น ส่วนขนมรสชีสที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 นั้น พบว่าผู้ผลิตขนม หลายรายได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเอาใจผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์ ขนมตราปาปีซ่ ง ที่ได้เปิดชีสเค้กเนื้อนุ่มเบา ขนมยี่ห้อกางหรงได้เปิดตัวเค้ก อบซีส และขนมยี่ห้อซานอุยม่ายเฟิง ได้เปิดตัวขนมปังสอดไส้ชีส ขณะที่ ขนมรสช็อกโกแลต ทีเ่ ดิมเป็นขนมอันดับ 1 ผูผ้ ลิตก็ได้มกี ารปรับปรุงการน�ำ ช็อกโกแลตมาผสมในขนม เช่น ผลไม้อบแห้งกับช็อกโกแลต ไอศกรีม ช็อกโกแลต ขนมเวเฟอร์รสช็อกโกแลตหรือไวท์ช็อกโกแลต ขนมสอดไส้ ช็อกโกแลต โดยได้มกี ารพัฒนาขนมใหม่ๆ รสชาติชอ็ กโกแลตทีห่ ลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง


SEE THROUGH MARKET A survey to the Chinese confectionery market in present found that the top three new flavors desserts that have been favored by Chinese consumers during the past three years are included cheese, chocolate, and durian flavors, especially cheese flavor, which have gained popularity and have more sales online. The proportion for cheese flavor desserts in China online market have increased significantly from 7.5 percent to 44.6 percent in the first half of the year 2017, while the proportion of chocolate flavor is accounted by 18-20 percent, and durian flavor is accounted by 11.1 percent. Nowadays, Chinese consumers are swiftly changing their favorite on flavor of dessert. The original flavor has started to reach its saturation point and hardly to sell. As a result, food manufacturers have to develop new flavors. Finally, cheese-flavor dessert, which is a good combination between sweet and salty, has become the most f a v o r i t e fl a v o r a m o n g C h i n e s e consumers instead of chocolate flavor. Moreover, durian flavor has also gained its popularity as same as cheese flavor in the market. Durian flavor have been continuously produced in various kind of desserts and snacks to serve the market. Hence, it is an opportunity for Thai food manufacturers and exporters to develop their products to meet the market demand in order to maintain the market share in the long run. Chinese consumers like to eat fresh durian and now durian has expanded to dessert and snack industry which have durian as ingredients, including dessert with durian flavor or durian filling. For instance, Chinese pastry or Moon Cake with durian filling is very popular in online market because its soft dough and fresh durian filling, which are impressed consumers. Other desserts with durian ingredient have also gained its popularity in the market such as durian candy, fried crispy durian, durian freeze dried and etc. For cheese-flavor dessert, which has gained the most popularity, many confectionery manufacturers have launched new products to serve consumers such as ‘Papison’ brand,

which launched soft cheesecake, and ‘Gangrong’ brand which launched baked cheesecake, and ‘Shanumeifeng’ brand launched bread with cheese filling. Meanwhile, chocolate flavor dessert, which used to be the most popular dessert, has also adapted chocolate to mix with other desserts such as freeze dried fruit with chocolate, chocolate ice-cream, chocolate wafer or white chocolate wafer, chocolate filling dessert. Dessert manufacturers have developed new desserts with chocolate flavor to serve consumers’ demand continuously.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

75


SEE THROUGH MARKET

เจาะตลาดกลุ่มรักสุขภาพในออสเตรเลีย สายเปย์เน้นสินค้าดีมีคุณภาพ Penetrate Health Conscious Consumers in Australia High Consumer Buying Power and Strong Demand for Good Quality Products ที่มา: สำ�นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย Source: Thai Trade Office in Sydney, Australia

การศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มการบริโภคสินค้าของชาวออสเตรเลีย ในปี 2561 พบว่ากลุ่มผู้บริโภค Millennial และกลุ่ม Generation Z ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งมีประมาณ 4.2 ล้านคน ของจ�ำนวนประชากรออสเตรเลียทั้งหมด เป็นกลุ่มที่มีสื่อดิจิทัลเป็นกลไกขับเคลื่อนและมีอิทธิพลต่อแนวโน้มการบริโภค สินค้าและบริการมากทีส่ ดุ ในปัจจุบนั เนือ่ งจากผูบ้ ริโภคกลุม่ ดังกล่าว เป็นกลุม่ ที่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการมากกว่ากลุ่มอื่น และต้องการความสะดวก สบาย แต่ไม่ต้องการสินค้าแช่แข็งหรืออาหารส�ำเร็จรูป กลุ่มคนเหล่านี้นิยมติดตามข่าวสารผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก และ ยูทูป การโปรโมทสินค้าไทยก็ควรจะใช้ช่องทางผ่านโซเซียลมีเดีย ซึ่งเข้าถึงคน กลุ่มนี้ได้โดยตรง ขณะเดียวกันยังเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวออสเตรเลียที่มี ประมาณ 15 ล้านคน ซึ่งมีอายุระหว่าง 25-39 ปี โดยนิยมรับข่าวสารผ่านสื่อ ดังกล่าวด้วย ส� ำ หรั บ โอกาสของสิ น ค้า ไทยในตลาดออสเตรเลีย ผลการส� ำ รวจของ Nielson พบว่า ชาวออสเตรเลียมากกว่าครึ่งพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จ�ำนวนชาวออสเตรเลียที่บริโภค อาหารมังสวิรัติมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 และในจ�ำนวนนี้ ร้อยละ 11 นิยมเลือกซื้อสินค้าอาหารสดหรือแช่เย็นและอีกประมาณร้อยละ 15 เลือกซื้อ สินค้าอาหารออร์แกนิก ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว กรมฯ มองว่าเป็นโอกาส ส�ำหรับผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าผัก ผลไม้ และสินค้าออร์แกนิกของไทยที่จะ ท�ำการขยายตลาดส่งออกไปยังออสเตรเลีย เพื่อป้อนความต้องการของตลาด ที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้บริโภคยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้น หากเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ตลอดจนเป็นสินค้าที่ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลสถิติการค้า ปี 2560 ไทยส่งออกไปยังออสเตรเลีย สูงเป็นอันดับ 6 รองจาก จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง และเวียดนาม โดยการค้าระหว่าง ไทย – ออสเตรเลีย ปี 2560 มีมูลค่ารวม 506,959 ล้านบาท เป็นมูลค่าส่งออก ไปยังออสเตรเลีย 355,297 ล้านบาท และน�ำเข้า 151,662 ล้านบาท ซึ่งไทย ได้เปรียบดุลการค้า 203,635 ล้านบาท และตัวเลขการค้า 3 เดือนแรก (มกราคมมีนาคม) ของปี 2561 ไทยส่งออกไปยังออสเตรเลีย มีมูลค่า 89,080 ล้านบาท และน�ำเข้า 39,716 ล้านบาท 76

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

A study and analyze of Australian consumption trends in 2018 found that Millennial consumers and Generation Z with aged between 18-35 years, which have about 4.2 million people from the total Australian population, is the group that is driven by digital media. These groups of people have highest influence on consumption trend on goods and products at present time due to they spend more than other group of people, while need confortable but do not want frozen or ready-to-eat food. These groups of people follow the news through social media that are Facebook and YouTube. To promote Thai products, traders should use social media, which can directly communicate to the targeted groups, while can reach the 15 million Australian consumers, who are aged between 25 to 39 that like to get news and information through social media. For Thai products export opportunity in Australia market, a survey by Nielson found that more than half of Australian people try to avoid food that are not useful to the body. During the past 5 years, the numbers of Australian people who are become vegetarian have increased to 28 percent. Of these amounts, 11 percent opt for fresh or chilled food, and 15 percent opt for organic food. From this trend, the International Trade Promotion Department found that it is an opportunity for Thai fruits, vegetables, and organic food manufacturers and exporters to penetrate and expand their market to Australia to serve rising demand in the market as consumers are willing to pay higher if it is high quality goods, useful for health, and environment friendly products. In 2017, Thailand is the 6th largest exporters to Australia market, after China, USA, Japan, Hong Kong, and Vietnam. Bilateral trade between Thailand and Australia in 2017 was valued THB 506.59 billion. Of these, export to Australia was worth THB 355.29 billion, while import valued THB 151.66 billion. Thailand gained a trade surplus of THB 203.63 billion. In the first quarter of this year (January to March 2018), Thailand shipped a total of THB 89.08 billion to Australia, while import was valued THB 39.71 billion.


SEE THROUGH MARKET

สินค้า Private Label ฮอตฮิตในดินแดนกังหันลม Private Label Product is Popular in the Netherlands

ที่มา: งานแสดงสินค้า PLMA’s World of Private Label 2018 ณ ศูนย์แสดงสินค้า RAI Convention Center กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ Source: PLMA’s World of Private Label 2018 at RAI Convention Center, Amsterdam, the Netherlands

จากการส�ำรวจโดยบริษัท Nielsen พบว่าตลาดสินค้า Private Label ในยุโรปมีสัดส่วนการตลาดเฉลี่ยร้อยละ 31.5 จากยอดขายทั้งหมดของ ธุรกิจค้าปลีก โดยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร สินค้า Private Label มีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่าร้อยละ 40 และมีการขยายตัว เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งภูมิภาคยุโรป ในปัจจุบันสินค้ากลุ่มดังกล่าวได้ มีการพัฒนารูปแบบออกไปมากกว่าที่จะเป็นสินค้าราคาถูกของซูเปอร์มาร์เก็ตที่ลอกเลียนแบบสินค้าของแบรนด์ Private Label น�ำไปสู่สินค้าที่มี ความแตกต่างจากแบรนด์ชั้นน�ำ มีคุณภาพสูง และมีนวัตกรรม จึงได้รับ ความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่ม Millennial Generation ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีก�ำลังซื้อมากที่สุดในยุโรปภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า สินค้า Private Label จากไทยก็นับว่ามีโอกาสเจาะตลาดยุโรปเช่นกัน เนื่องจากกระแสความนิยมในอาหารไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุโรป ประกอบกับการพัฒนานวัตกรรมของผูผ้ ลิตสินค้าไทยจึงตอบโจทย์ทางด้าน ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผูบ้ ริโภคยุคใหม่ ตลอดจนผูบ้ ริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของผู้ผลิตไทย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม น�้ ำ มะพร้ า วและผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ท� ำ จากมะพร้ า ว น�้ ำ จิ้ ม และซอสปรุ ง รส เครื่องแกงไทย อาหารไทยพร้อมรับประทาน ผลไม้สดและผลไม้แปรรูป สับปะรดกระป๋องและแปรรูป ทั้งนี้ จากสถิติการค้าไทยส่งออกไปตลาดโลก โดยมีเนเธอร์แลนด์ สูงเป็นอันดับที่ 14 และเป็นตลาดส่งออกส�ำคัญอันดับที่ 2 ในยุโรป รองจาก เยอรมนี ส�ำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย – เนเธอร์แลนด์ ปี 2560 มีมูลค่า รวม 195,314 ล้านบาท เป็นมูลค่าส่งออกไปยังเนเธอร์แลนด์ 161,557 ล้านบาท และน�ำเข้า 33,757 ล้านบาท โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 127,800 ล้านบาท และตัวเลข 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ของปี 2561 ไทย ส่งออกไปยังเนเธอร์แลนด์มีมูลค่า 60,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีทผี่ า่ นมา สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ เครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า เลนส์ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่แปรรูป และเนื้อสัตว์ เป็นต้น

consumers have confidence on quality and standard of Thai producers, in particularly coconut juice and products made from coconut, sauce and seasoning, Thai curry paste, Thai ready-to-eat food, fresh fruits and processed fruits, and canned and processed pineapple. According to Thai export figure to the world market, the Netherlands is the 14th largest export market for the Kingdom, and the second largest market for Thailand’s export after Germany. Two-way trade value between Thailand and the Netherlands in 2017 was valued THB 195.31 billion. Of these, Thailand export to the Netherlands worth THB 161.55 billion, while import worth THB 33.75 billion. Thailand earned a trade surplus worth THB 127.8 billion. In the first 4 months of this year (January to April 2018), Thailand export to the Netherlands worth THB 60.13 billion, an increase by 16 percent compared to the same period last year. Major export products are computer and parts, machinery, electrical circuit, len, rubber products, processed chicken, and meat.

A survey by Nielsen found that Private Label market in Europe has an average market share of 31.5 percent from a total retail sale. In Switzerland, Germany, and the United Kingdom, Private Label products has a market share over 40 percent, while the figure has increased continuously in the Europe continent. At present, this product has been developed significantly and be beyond a cheap copy good selling at a supermarket. The Private Label product is now different from leading brands product, has high quality and innovation. Hence, it has gained higher popularity among consumers, especially Millennial Generation, which has highest spending power in the Europe market in the next 5 years. Moreover, Private Label products from Thailand has an opportunity to penetrate Europe market, thanks to a popularity of Thai food in the Europe which is increasing continuously, while Thai producers have innovation development so the Thai products can serve demand and lifestyle of modern consumers. Also,

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

77


SEE THROUGH MARKET

เครื่องดื่มเสริมพลังงาน สินค้ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ ฮิตฮอตในเวียดนาม Energy Drinks Rank Top Hit Healthy Food in Vietnam

ที่มา: สำ�นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม Source: Thai Trade Office in Vietnam, Ho Chi Minh City, Vietnam

โอกาสการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคเข้าสู่ตลาดเวียดนามนั้น ปัจจุบัน พบว่าสินค้ากลุม่ อาหารเพือ่ สุขภาพ เครือ่ งดืม่ ให้พลังงาน และผลิตภัณฑ์ดแู ลสตรีมาแรง ในตลาดเวียดนาม โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และยังเติบโตสูงถึงร้อยละ 5.9 มากทีส่ ดุ ในเอเชีย ซึง่ เป็นไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ท�ำให้ชาวเวียดนามมีการจับจ่าย ใช้สอยสินค้าในกลุ่มนี้กันเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากสินค้าที่จ�ำเป็นต่อการครองชีพ ส�ำหรับสินค้าในกลุม่ นีท้ มี่ กี ารเติบโตมากเป็นอันดับหนึง่ คือ ขนมขบเคีย้ ว รองลงมา คือ เบียร์ เครื่องดื่ม อาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มให้พลังงาน และผลิตภัณฑ์ส�ำหรับ ผู้หญิง โดยพื้นที่หลักในการเติบโตส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตชนบท ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีจ�ำนวน ร้านค้าสมัยใหม่ เช่น มินมิ าร์ทท้องถิน่ เกิดขึน้ เป็นจ�ำนวนมาก นอกเหนือจากตลาดดัง้ เดิม และตลาดสดที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน ส่วนการค้าขายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น โมเดิร์นเทรดก็ยังคงเติบโต แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมือง จากการขยายตัวดังกล่าว ท�ำให้เป็นโอกาสส�ำหรับสินค้าของผูป้ ระกอบการไทยทีจ่ ะ ขยายการส่งออกไปยังตลาดเวียดนามได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มให้พลังงาน และผลิตภัณฑ์ดูแลสตรี โดยให้พิจารณาขยายตลาดผ่านช่อง ทางการกระจายสินค้าต่างๆ ทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรดที่เป็นของนักลงทุนไทย เช่น MM Mega , B’s mart และ BigC เป็นต้น เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่เหล่านี้พร้อมที่จะให้ ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยอยู่แล้ว ปัจจุบันนอกเหนือจากตลาดขนมขบเคี้ยว ตลาดเบียร์ยังถือว่ามาแรงในเวียดนาม โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา เวียดนามบริโภคเบียร์ 4 พันล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ท�ำให้มี การดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้าไปลงทุน โดยล่าสุดบริษัท เวียดนาม เบฟเวอเรจ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จ�ำกัด (มหาชน) ได้ซื้อหุ้นร้อยละ 53.6 ของบริษัท Sabeco (Saigon Beer-Alcohol-Beverage Corporation) มูลค่า 4.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ ข้อมูลสถิติการค้า ปี 2560 ไทยส่งออกไปตลาดเวียดนามสูงเป็นอันดับที่ 5 รอง จาก จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฮ่องกง และสูงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งมีมูลค่ารวม 560,848 ล้านบาท เป็นมูลค่าส่งออกไปยังเวียดนาม 391,210 ล้านบาท และน�ำเข้า 169,638 ล้านบาท โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 221,572 ล้านบาท และตัวเลข 4 เดือน แรก (มกราคม-เมษายน) ของปี 2561 ไทยส่งออกไปยังเวียดนาม มีมูลค่า 120,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ เม็ดพลาสติก ผลไม้ (สด แช่เย็น/แช่แข็ง แห้ง) เครือ่ งปรับอากาศ น�ำ้ มันส�ำเร็จรูป รถยนต์ และส่วนประกอบเคมีภัณฑ์ เครื่องดื่ม เครื่องจักร เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น 78

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

When looking at export opportunities for consumer goods into the Vietnamese market, it is found that healthy food products, energy drinks, and women’s care products are highly in demand in the country. These products are witnessing fast-pace growth at 5.9 percent, the greatest in Asia, following the country’s economic expansion which allows Vietnamese to have a higher purchasing power for these products in addition to essential goods. Snack comes at number one with the highest growth among this type of products followed by beer, beverage, healthy food products, energy drinks, and women’s care products. Rural areas are the main geography for growth, as greater numbers of modern stores – such as local minimarts – are popping up besides existing dominant traditional stores and wet markets. Sales via modern retail stores are continually growing, though the expansion is limited only in urban areas. Regarding this expansion, it is a good opportunity for Thai entrepreneurs to expand their exports to the Vietnamese market, especially healthy food products, energy drinks, and women’s care products. Nevertheless, one should consider Thai-owned modern trade malls like MM Mega, B’s mart, and Big C, as distribution channels due to their willingness to support Thai enterprises. Aside from snack, Vietnamese beer market is also enlarging quickly. In 2017, Vietnam consumed 4 billion litre of beers, increasing 6 percent. The trend drew investment from foreign companies. Recently, Vietnam Beverage Company Limited, a subsidiary of Thai Beverage Public Company Limited, bought 53.6 percent of shares in Sabeco (Saigon Beer-Alcohol-Beverage Corporation) worth USD 4.84 billion. In 2017, Thailand is the 5th largest exporter to the Vietnamese market, following China, USA, Japan, and Hong Kong, and maintained the status of the biggest exporter from ASEAN. Trades between the two countries valued at THB 560,848 million, combining of THB 391,210 million baht worth export to Vietnam, and THB 169,639 million imports to Thailand. Thailand is currently enjoying a trade surplus of THB 221,572 million. In the first 4 months (January – April) of 2018, Thailand exported to Vietnam in total of THB 120,965 million, expanding 5 percent year-on-year. Prominent export products include thermoplastics, fruits (fresh, chilled/frozen, dried), air-conditioner, instant oil, automobiles and components, chemicals, beverages, machineries, computers and accessories, rubber products, etc.


SEE THROUGH MARKET

ชาวสิงคโปร์ฮิตหนักขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

Singaporean Craves for Healthy Snacks ที่มา: สำ�นักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ Source: Thai Trade Office in Singapore, Singapore

การวิเคราะห์ทศิ ทางและโอกาสสินค้าขนมขบเคีย้ วของไทยในตลาดสิงคโปร์ พบว่าปัจจุบันการบริโภคขนมขบเคี้ยวที่ผลิตโดยใช้รูปแบบเดิม เช่น การใช้เกลือ น�้ำตาล และไขมันเป็นส่วนผสม เริ่มได้รับความนิยมลดลง เพราะกลุ่มผู้บริโภค ได้หันมาให้ความส�ำคัญกับการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น จึงลดการบริโภคสินค้า ในกลุ่มนี้ลง แต่หากเป็นขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพและได้รับเครื่องหมาย Healthier Choice หรือ Healthier Snack จะเริ่มได้รับความนิยมจากผู้บริโภค มากขึ้น จากการส�ำรวจโดย Euromonitor พบว่าปริมาณและมูลค่าของสินค้า ขนมขบเคี้ยวที่ให้ความส�ำคัญกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มถั่ว สแน็คหรือ แครกเกอร์ ส แน็ ค ที่ ท�ำจากข้ า วจะมี โ อกาสขยายตั ว ได้ สู ง ขึ้ น อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง เพราะพฤติ ก รรมของผู ้ บ ริ โ ภคในสิ ง คโปร์ เ ริ่ ม หั น มาบริ โ ภคสแน็ ค แทนการรับประทานอาหารมื้อหลัก ท�ำให้ขนมขบเคี้ยวกลุ่มสุขภาพได้รับความนิยม เพิม่ ขึน้ จึงเป็นโอกาสของผูผ้ ลิตสินค้าในกลุม่ นีข้ องไทยทีจ่ ะวางแผนในการขยาย ตลาดเข้าสู่ตลาดสิงคโปร์ให้ได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยวแบบดั้งเดิมในสิงคโปร์ มียอดขาย 236.40 ล้านเหรียญสิงคโปร์ กลุ่มสินค้าประเภทถั่ว เมล็ดต่างๆ และ ถั่วแบบผสม มียอดขาย 82.12 ล้านหรียญสิงคโปร์ และกลุ่มสินค้าประเภท ป๊อบคอร์น มียอดขายอยู่ที่ 6.89 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาด ขนมขบเคี้ยวในสิงคโปร์ พบว่าส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 คือ Camel มีสัดส่วน ร้อยละ 21.46 อันดับ 2 คือ Jacob’s ร้อยละ 7.06 และส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 คือ Tong Garden ร้อยละ 6.30 ทางด้านช่องทางการจ�ำหน่ายขนมขบเคี้ยวในสิงคโปร์ สามารถแบ่งได้ 2 ช่องทางใหญ่ คือ การจ�ำหน่ายในร้านค้าปลีกทีม่ หี น้าร้าน และการจ�ำหน่ายทีไ่ ม่มี หน้าร้าน เช่น ออนไลน์และเครื่องจ�ำหน่ายสินค้า (Vending machine) ส่วนยอด การจ�ำหน่าย พบว่าการจ�ำหน่ายในร้านค้าปลีก เพิ่มร้อยละ 97.9 ร้านสะดวกซื้อ เพิม่ ร้อยละ 17.8 ซูเปอร์มาร์เก็ต เพิม่ ร้อยละ 8.9 ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพิม่ ร้อยละ 40.5 และการจ�ำหน่ายแบบออนไลน์และเครื่องจ�ำหน่ายสินค้า เพิ่มร้อยละ 2.1 จากข้อมูลสถิตกิ ารค้า ปี 2560 ไทยส่งออกไปยังสิงคโปร์ สูงเป็นอันดับ 9 รอง จาก จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง เวียดนาม ออสเตรเลีย มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย โดยการค้าระหว่างไทย – สิงคโปร์ ปี 2560 มีมลู ค่ารวม 553,133 ล้านบาท เป็นมูลค่าส่งออกไปยังสิงคโปร์ 281,087 ล้านบาท และน�ำเข้า 272,046 ล้านบาท โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 9,041 ล้านบาท และตัวเลข 2 เดือนแรก (มกราคมกุมภาพันธ์) ของปี 2561 ไทยส่งออกไปยังสิงคโปร์ มีมูลค่า 39,236 ล้านบาท และน�ำเข้า 37,823 ล้านบาท

drives for increasing snacks demands and new opportunities for Thai manufacturers to bolster the market. In 2017, traditional snacks sold were worth SGD 236.40 million, while nuts, seeds, and cocktail nuts were sold SGD 82.12 million, followed by popcorn at SGD 6.89 million. In terms of market share, it is found that Camel dominates with 21.46 percent of the market share, followed by Jacob’s and Tong Garden, with the market share of 7.06 percent and 6.30 percent, respectively. There are two main distribution channels for snacks in Singapore, one is the retail outlet with store front, and the other is no store front shops such as online store and vending machine. In the aspect of sales growth, retail store expanded 97.9 percent, followed by hypermarket at 40.5 percent. Meanwhile, convenience store, supermarket, and no store front sales (online and vending machine) saw 17.8 percent, 8.9 percent, and 2.1 percent growth, proportionally. Statistic shows that in 2017, Thailand is the 9th biggest exporter to Singapore, following China, USA, Japan, Hong Kong, Vietnam, Australia, Malaysia, and Indonesia. Trade value between the two countries totaled THB 553,133 million, combining of Thai exports to Singapore worth THB 281,087 million, and imports valued THB 272,046 million, with Thailand having a trade surplus of THB 9,041 million. In the first 2 months of 2018 (January-February), Thailand exports THB 39,236 million and import THB 37,823 million in value to and from Singapore.

The analysis of trend and market opportunity for Thai snacks in Singapore found that traditional snacks which use salt, sugar, and fat as the main ingredients are declining due to that consumers are becoming more concerned with their health. However, when it comes to healthy snacks – with “healthier choice” or “healthier snack” labels – the popularity seems to be picking up. Survey from Euromonitor found that consumption quantity and value of snacks with health benefits, especially nuts or crackers made of rice, will potentially expand continuously. This is because Singaporean consumers are replacing their meals with snacks, which

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

79


SAFETY ALERT สหัส รัตนะโสภณชัย Sahas Ratanasoponchai

Assistant Vice President: Hygiene Business Betagro Group sahas@betagro.com

Data Integrity: The New Norm

DATA Integrity: เทรนด์ใหม่ที่ก�ำลังมา

ในวงการอุตสาหกรรมอาหารทั่วไป รวมทั้งข้อก�ำหนดต่างๆ ที่มาจากมาตรฐานสากลหรือจากลูกค้า ที่ผ่านมาจะพูดถึงระบบการตรวจสอบ ย้อนกลับ (Traceability) เพื่อให้รู้ถึงแหล่งที่มาที่ไปของสินค้าว่ามาจากแหล่งผลิตใด ใครเป็นผู้ผลิต ยิ่งในวงการอุตสาหกรรมกุ้งหรือ การแปรรูปไก่ที่ส่งออกไปสหภาพยุโรปส่วนใหญ่จะถูกตั้งเป็นข้อบังคับเสียด้วยซ�้ำไป และในวงการเองต่างก็ปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ ได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันก�ำลังมีอีกหนึ่งบริบทที่ก�ำลังเป็นแนวโน้ม นั่นคือ DATA Integrity DATA Integrity หากแปลตรงๆ จะได้ความหมายว่า ความคงสภาพของข้อมูล หรือความสมบูรณ์ถูกต้อง สอดคล้อง และเที่ยงตรงของข้อมูล นั่นเพราะปัจจุบัน มีข้อมูลในระบบการผลิตมากมายที่เกี่ยวข้องกับหลายๆ หน่วยงาน ข้อมูลเหล่านี้ มีการจัดเก็บเป็นระบบมากขึ้นอยู่ในคอมพิวเตอร์ มีความซับซ้อนมากขึ้น แต่จะ ท� ำ อย่ า งไรให้ ลู ก ค้ า หรื อ ตั ว เราเองมั่ น ใจว่ า ข้ อ มู ล นี้ แ ม่ น ย� ำ ถู ก ต้ อ ง ไม่ มี การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยพลการ หรือหากมีเกิดขึ้นจะมีระบบจัดการอย่างไร ให้มั่นใจว่าเมื่อผ่านพ้นไปนานวันเข้า ข้อมูลเหล่านี้มีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ และแน่นอนว่ามีประโยชน์ต่อระบบการตรวจสอบทั้งปวง มิใช่แค่การตรวจสอบย้อนกลับอีกต่อไป หลักการของ Data Integrity จะเป็นแนวทางทีจ่ ะต้องน�ำมาปรับใช้เพือ่ ควบคุม ข้อมูลในการผลิต ทั้งนี้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีคิด วัฒนธรรมองค์กร รวมถึง นโยบายจากผู้บริหารระดับสูงที่ต่างไปจากเดิม เพราะองค์ประกอบของ Data Integrity ไม่เพียงแต่ต้องดูแลเอกสารทั้งในรูปแบบกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ เพียงเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับทุกคนในองค์กรให้ตระหนักถึงข้อมูลที่ส่งผลต่อ ผู้บริโภคด้วย Data Integrity คือ ความสมบูรณ์ถูกต้อง สอดคล้อง และเที่ยงตรงของ ทุกข้อมูลตลอดช่วงวัฎจักรของข้อมูล ข้อมูลต่างๆ เหล่านีจ้ งึ เริม่ ตัง้ แต่กระบวนการผลิต การบันทึกข้อมูล การจัดซือ้ การควบคุมคุณภาพ การควบคุมความปลอดภัย การจัดการท�ำลายเปลี่ยนแปลงข้อมูล การป้องกันข้อมูลถูกท�ำลาย และท้ายสุด 80

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

คือการควบคุมข้อมูลให้ถูกต้องอยู่เสมอ ทั่วโลกได้เริ่มให้ความส�ำคัญกับ Data Integrity เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ตรวจพบความไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ Data Integrity ที่ส่งผลต่อ ความไม่ปลอดภัยของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยเฉพาะในวงการ ผลิตยาที่ให้ความส�ำคัญมากขึน้ จนเป็นกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้ในทีส่ ดุ แนวโน้มนี้ จะส่งผลมายังวงการอุตสาหกรรมอาหาร เพราะมีผลต่อสุขภาพของผู้บริโภค เช่นกัน เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องใหม่ในวงการของเรา แต่เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มเรียนรู้วิธี การจัดการ การปกปิดข้อมูล การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล ที่ผ่านมา หากไม่มกี ฎเกณฑ์หรือมีมาตรฐานรองรับ ล้วนแล้วแต่กอ่ ให้เกิดความไม่มนั่ ใจ ในผลิตภัณฑ์ และไม่โปร่งใส ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่เราท�ำผ่านกันมา ไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องก้าวไปอีกหนึ่งขั้นเพื่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ในความโปร่งใสของข้อมูลซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเป็นระบบต่อไป DATA Integrity เป็นแนวโน้มที่ก�ำลังกล่าวถึงกันมากขึ้น ระบบมาตรฐาน เริ่มพูดถึงกันมากขึ้น การจัดการต่างๆ จึงควรเริ่มต้นใส่ใจให้เกิดความโปร่งใส แต่ไม่ใช่การเปิดเผยข้อมูลความลับของบริษัทต่อสาธารณชนอย่างง่ายดาย การเริ่มต้นก่อนจึงเป็นสิ่งที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับองค์กร…เริ่มต้น คิดเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อก้าวทันสถานการณ์ของโลกให้ทัน…


SAFETY ALERT In food industry, as well as in requirements and specifications stipulated by international standards of quality, or in customers’ requests, there has been a lot of mentioning about traceability. The concept wraps around the ability for the public to access products’ information concerning their sources and manufacturers. Especially in some exporting industries, such as processed shrimp and processed chicken to the EU countries, traceability is not just an option but has become a must. Manufacturers have now adapted themselves to this new regulation. However, there is now a new norm in the industry: Data Integrity.

the pharmaceutical industry where Data Integrity is so essential that it has become mandatory. This trend has also affected the food industry as it is also where fault data can greatly affect consumers’ health in general. New, this trend might seem for this industry, but we need to start accustoming ourselves to it. Concealing information, modifying data, as well as accessing stored data without common and standardized handling method, can all result in the loss of confidence in products and manufacturers’ transparency. The traceability system has become inadequate and obsolete. We need to go one step further to gain customers’ confidence towards data’s transparency, which need to be efficiently systematized. Data Integrity has lately been more and more in a spotlight and has also been included in many standard systems. Accordingly, any management should be transparent. Yet, it does not mean that all company’s secrets have to be disclosed to public. The early onset to get along with this new norm will lead to the better organizational image, showing to the customers that we are on the same pace with the rest of the world.

Data Integrity is the constancy of data, as well as the precision, consistency and accuracy of all data involved. Data integrity has gained its importance due to the great volume of manufacturing data that involve many divisions throughout production processes. These data are systematically computerized and stored in great details. But how to ascertain both customers and manufacturers that these data are precise, accurate and untampered with-- what are the pre-determined approaches when dealing with a case of unauthorized changes to the data. It is important to make sure that in a long run, these data still remain accurate and credible--not just for the traceability purpose, but for the whole auditing process. Data Integrity can be applied and used extensively to control manufacturing data. Additional adjustments, though, are needed such as in the ways of thinking and organizational culture, as well as new perception and policies of the high-level executives. This is because the composition of Data Integrity is not only about monitoring documents, both in the form of papers and electronics. It also involves the awareness of everyone in the organization to recognize the effects of data on the consumers. Data Integrity is the precision, consistency and accuracy of all data in the cycle. These are the data of the whole processing cycle, starting from manufacturing process, purchasing records keeping, quality and safety control, termination and modification of data, data damage protection, and last but not least, data accuracy. Data Integrity has become a new norm around the world because there have been incidents where discrepancies with Data Integrity method have posted risks to the safety of consumers of health-related products. This is especially true in

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

81


SHOW TIMES

Expected more than 20,000

attendees

and more than 750 leading exhibitors Worldwide

On over 25,000 sqm. of exhibition floor

Pre Show

Welcome to Fi Asia 2018

the biggest gathering of F&B ingredients suppliers in the ASEAN market!

Fi Asia 2018 เวทีที่รวบรวมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมส่วนผสมอาหาร และเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน!

3-5 October 2018 at the Jakarta International Expo (JI EXPO), Indonesia

Fi Asia ครัง้ ที่ 23 งานทีจ่ ะช่วยให้คณ ุ สามารถเข้าถึงอุตสาหกรรมส่วนผสม อาหารของอาเซียนได้อย่างครบครัน โดยคาดว่าจะมีผเู้ ข้าร่วมงานจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มกว่า 20,000 ราย และมีผู้จัดแสดงจากทั้งในระดับ ประเทศ ภูมิภาค และทั่วโลกจากทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมอาหารและ เครื่องดื่ม รวมกว่า 750 ราย จากกว่า 50 ประเทศเข้าร่วม Fi Asia เป็นงานที่ตอบโจทย์ที่สมบูรณ์แบบของอุตสาหกรรมอาหารและ เครื่องดื่มที่ผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้จะมารวมตัวกันเพื่อหาทางออก แก้ปัญหาและเชื่อมต่อกับซัพพลายเออร์ชั้นน�ำของโลกและผู้ประกอบการใน แวดวงอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการจะมีโอกาสสร้างเครือข่ายและเรียนรู้จาก ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันที่เข้าใจความท้าทายและปัญหาที่คุณก�ำลังเผชิญ Fi Asia ได้ก�ำหนดมาตรฐานส�ำหรับงานด้านอุตสาหกรรมอาหารและ เครื่องดื่มไว้อย่างมืออาชีพเพื่อค้นพบนวัตกรรมด้านส่วนผสมอาหารและ เครื่องดื่มใหม่ล่าสุด โดยงานในปีนี้ได้จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม. ของ พื้นที่จัดแสดงรวม 8 ฮอลล์ ที่ Jakarta International Expo ซึ่งจะจัดแสดง นวัตกรรมส่วนผสมอาหารเครื่องดื่มที่หลากหลาย ด้วยตัวเลขการเติบโตของ งานที่น่าประทับใจถึงร้อยละ 40 ในปี 2559 งานแสดงครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นที่ อินโดนีเซียได้สะท้อนถึงการเติบโตของภาคธุรกิจอาหารและเครือ่ งดืม่ ไม่เพียง แต่ในอินโดนีเซียเท่านั้น แต่รวมถึงภูมิภาคอาเซียนทั่วทั้งภูมิภาคอีกด้วย นอกเหนือจากงานแสดงสินค้าแล้ว Fi Asia 2018 ยังน�ำเสนอความรู้ทาง อุตสาหกรรมทีป่ ระเมินค่ามิได้ผา่ นการจัดการประชุมและสัมมนาด้านเทคนิค ต่างๆ อาทิ อนาคตของอาหาร กระบวนการรับรองฮาลาลในประเทศอินโดนีเซีย และแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งยังมีการฝึกอบรมที่เข้มข้นและการจัดแสดงอื่นๆ ที่น่าสนใจที่จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ากับ การเข้าร่วมครั้งนี้ 82

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

ลองมาดูไฮไลท์ของการจัดแสดงในครั้งนี้ที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และ ก้าวสู่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม: Beverage Ingredients (Bi) Theatre มาร่วมรับแรงบันดาลใจจาก ผู้จัดแสดงสินค้าชั้นน�ำและผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่ม โดยภายในงานจะมี การจัดแสดงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกว่า 20 รายการ ที่จะมาน�ำเสนอภายใต้ คอนเซปต์เครื่องดื่มส�ำเร็จรูปและเครื่องดื่มพร้อมดื่ม สัมมนาเชิงเทคนิค มีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ ในงานนี้จะมีโปรแกรม การสัมมนาที่คับคั่งไปด้วยข้อมูลจากผู้จัดแสดงที่หลากหลาย อันจะเป็น ประโยชน์แก่ผู้ร่วมงาน นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังมีโอกาสที่จะสอบถามค้นหา ค�ำตอบและค้นพบส่วนผสมใหม่ๆ ที่คุณสามารถใช้ในการพัฒนาต่อยอด ผลิตภัณฑ์ การประชุม งานนีย้ งั มีการจัดประชุมเชิงวิชาการทีไ่ ด้รวบรวมผูเ้ ชีย่ วชาญ เฉพาะด้านที่จะมาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกในแวดวงอาหารและเทคโนโลยี ทัวร์นวัตกรรม ร่วมเดินทางไปกับผู้เชี่ยวชาญจาก NutriMarketing ใน หนึง่ ชัว่ โมงทีจ่ ะแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมล�ำ้ สมัย พร้อมค้นหาค�ำตอบว่าบริษทั ชั้นน�ำตอบสนองต่อนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่างไร ดิสคัฟเวอรี่ทัวร์ ร่วมเดินทางส�ำรวจตามสไตล์และความเร็วของคุณไป ยังฮอลล์จัดแสดงต่างๆ โดยงานนี้ได้จัดแสดงโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้น�ำตลาด อย่าง Nutrimarketing โซนนวัตกรรม ร่วมค้นพบผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็นนวัตกรรมทีจ่ ะมาร่วมจัดแสดง พร้อมกับข้อมูลสุดล�้ำ งานที่จะเปิดโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยคิดค้น ส่วนผสมใหม่ๆ ที่เหมาะสมเข้าสู่ตลาด โซนที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่สามารถ ชี้น�ำแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารได้


SHOW TIMES

จับคูธ่ รุ กิจ เพราะเรารูว้ า่ เวลาของคุณทุกนาที ที่มาร่วมงานนั้นมีค่า เราจึงได้จัดบริการจับคู่ธุรกิจ ขึ้นภายในงานปีนี้ เพื่อที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสที่ดี ที่จะได้มีโอกาสจับคู่ธุรกิจ คุ้มค่ากับการมาเยือน งาน Fi Asia 2018 กิจกรรมการจับคู่ธุรกิจจัดโดยการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีทงี่ า่ ยต่อการใช้งาน ร่วมกับบริการ ส่วนบุคคลเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเชื่อมโยง ธุรกิจของคุณ ด้วยเครือ่ งมือนีค้ ณ ุ สามารถก�ำหนดการประชุ ม พบปะกั บ ผู ้ ที่ ม าจั ด แสดงงานที่ คุณเลือกระหว่างงาน Fi Asia ด้วยตัวคุณเองได้ อย่างง่ายดาย!

The 23rd edition of Fi Asia will provide full access to the ASEAN food ingredients industry, with an expected more than 20,000 food and beverage industry professionals attendees and more than 750 leading local, regional and international exhibitors, from all sectors of the food and beverage ingredients industry, from over 50 countries. Fi Asia is a convenient one-stop event, where the food and beverage industries come together to find solutions, solve problems and connect with world-class suppliers and industry peers. Network and learn from those that do what you do and understand the challenges and issues that you face. Fi Asia has set the standard as the event for food and beverage industry professionals to discover the latest innovations in food and beverage ingredients. This year, with over 25,000 sqm. of show area across 8 halls at the Jakarta International Expo, showcasing a large range of innovative ingredients products. With an impressive 40% growth in 2016, the last edition in Indonesia reflects the robust growth of the F&B sector, not only in Indonesia, but also the ASEAN region. In addition to the tradeshow, Fi Asia 2018 brings you priceless industry knowledge across a wide range of conferences and technical seminars focusing on the future for food, Halal certification procedure in Indonesia, food trends. The Sensory training and other exciting onsite features to help you get the most out of your time. Check out these internationally renowned highlights to help you stay at the forefront of the F&B ingredients market: Beverage ingredients (Bi) Theatre Be inspired by listening to presentations from leading exhibitors and beverage experts; over 20 products will be showcased with various types of finished beverages and ready-to-drink concepts. Technical seminars There is always something new to learn at the thought-provoking and informative exhibitor seminar programme. Ask questions, get answers, and discover new ingredients you can use in your product development. Conferences Featuring keynote speakers international conferences will provide insight into food science and technology Innovation tours Join expert guides from NutriMarketing on one-hour topic-focused tour of the show floor. Discover how leading companies are responding to innovations in the F&B industry. Discovery tours Follow a trend-specific tour at your own speed with guided trails throughout the exhibition hall. Produced in conjunction with market-leaders, Nutrimarketing. Innovation Zone Discover an extensive selection of the most innovative products, showcased alongside insightful information. It will provide the perfect opportunity to give new ingredients the introduction they deserve to the market. A popular area, this feature has become a trendsetting spot for the nutrition industry. Business Matching Because we know that your time on site is precious, this year we have launched a new business matchmaking service to help to optimise your visit and get the most out of your visit to Fi Asia 2018. The matchmaking is arranged through an easy-to-use technology platform, combined with a personalised service to help maximise your networking opportunities. With the tool you can preschedule meetings with the exhibitors you have selected during Fi Asia - it’s that easy!

Fi Asia 2018 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม พ.ศ. 2561 ณ Jakarta International Expo (JI EXPO) ประเทศ อินโดนีเซีย ผู้เข้าชมงาน 1,000 คนแรกที่ลงทะเบียนออนไลน์และเช็คอินออนไลน์จะได้รับของที่ระลึกสุดพิเศษจากงาน Fi Asia 2018! โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ www.fiasia.com คุณจะได้รับบัตรเข้างานฟรีตลอดสามวัน พร้อมทั้ง ของสมมนาคุณ แคตตาล็อกงานแสดง ที่คุณจะเข้าถึงงานได้อย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุม Fi Asia 2018 will take place from 3-5 October 2018 at the Jakarta International Expo (JI EXPO), Indonesia. The first 1,000 visitors to pre-register online and check in onsite will receive a limited Fi Asia 2018 giveaway! Register now at www.fiasia.com and you will receive your free three-day entrance pass, a free giveaway, a free show catalogue and free entrance to all onsite features. SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

83


SHOW TIMES

Post Show

Food Focus Thailand Roadmap # 44: DRINKING Edition Friday10 August 2018 @ Jupiter Room 11-13, IMPACT, Muang Thong Thani

สร้างคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์อาหารและเครือ่ งดืม่ เพือ่ ครอบใจผูบ้ ริโภคทัว่ โลก ไม่ว่าจะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือทั่วโลก “ความเป็นธรรมชาติ” และ “ดีต่อสุขภาพ” ก็ยังเป็นประเด็นส�ำคัญอันดับต้นๆ ในความต้องการของ ผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มควรให้ความส�ำคัญกับคุณค่า ของสินค้าทีผ ่ บู้ ริโภคจะได้รบั โดยพิจารณาจากส่วนประกอบต่างๆ ทีส่ ะท้อน ถึงคุณค่าทีแ่ ท้จริงของผลิตภัณฑ์ เช่น สารผสมอาหาร การกล่าวอ้างคุณค่า ทางโภชนาการบนฉลากบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค เป็นต้น

Winning the hearts of consumers with value-added food and beverage, either in Asia-Pacific or the rest of the world, “naturality” and “good for health” are the top priorities for consumers. Consequently, food and beverage manufacturers should pay attention to what consumers are getting based on components that reflect the true value of the products such as food ingredients, nutrition claims on the label, and packaging that reflects the lifestyle of the consumers.

โดยแนวโน้มส�ำคัญเกี่ยวกับคุณค่าของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มนั้น The significant trends regarding the value of food and beverage can สามารถแบ่งตามความต้องการของผูบ้ ริโภค ได้แก่ 1) Mindfulness You & Me be divided by the demands of consumers as followed; 1) Mindfulness คือความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและข้อมูลที่แท้จริง ผู้บริโภคต้องการเห็น You and Me, which relies in the trust in safety and transparency of the คุณค่าของผลิตภัณฑ์ทเี่ กีย่ วข้องกับตัวผูบ้ ริโภคเองล้วนๆ เช่น การกล่าวอ้างทาง product’s value that matters to the consumer’s self. This includes any health claims, sustainability, ingredients validity, source of origins, and สุขภาพต่างๆ ความยั่งยืน ความจริงแท้ของส่วนผสม การเปิดเผยแหล่งที่มา medical property of the food. 2) Objectification, which involves the อย่างชัดเจน การกินอาหารเป็นยา เป็นต้น 2) Objectification เกี่ยวข้องกับ emotions and feelings occurred from the appearance of the products as color, scent, and beauty. Food and beverage are expected to อารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากรูปลักษณ์ภายนอกของอาหารและเครื่องดื่ม such create new experience, attractiveness, and excitement for consumers, เช่น สี กลิ่น และความสวยงาม ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มต้องสร้าง as a result of technology advancement and smartphone culture. 3) ความแปลกใหม่ ดึงดูดความสนใจ สร้างความตื่นเต้น และท�ำให้ผู้บริโภคเกิด Permissible Indulgent, which refers to the whatever ingredients that consumers to consume the product. Wellness cocktail, for การมีส่วนร่วม ซึ่งแนวโน้มนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและ convince example, is an alcohol drink that offer health benefit. สมาร์ทโฟนในปัจจุบนั 3) Permissible Indulgent คืออะไรก็ตามทีใ่ ส่ลงไปแล้ว มีเหตุผลให้ผู้บริโภคยอมตามใจที่จะกิน เช่น Wellness cocktail ตอบโจทย์ Concept and Guidelines for the Development of Ready-to-Drink Milk คนที่อยากดื่มแอลกอฮอล์แต่ก็ต้องการการยอมรับในด้านสุขภาพ เป็นต้น In the development process of ready-to-drink milk, value proposition is

แนวคิดและแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม

ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์นมพร้อมดืม่ ให้ประสบผลส�ำเร็จนัน้ การสร้างคุณค่า ของผลิตภัณฑ์ (Value propositions) จะเป็นหนทางส�ำคัญที่ท�ำให้ผลิตภัณฑ์ นมใหม่ๆ ประสบความส�ำเร็จในตลาดในระยะยาว โดยการสร้างคุณค่าของ ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มสามารถน�ำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่างๆ เข้ามามี

84

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

the key for long term success. Creating values for ready-to-drink dairy products can be utilized through technology and innovation in the research and development process. The value, then, must be conveyed to the communication process to be passed on to target consumers. What indispensable is deliverables that must be as identical as possible to the original values or messages aimed to create at the beginning. However, innovative dairy products can also be driven by new technology, market demands, and consumer’s behavior.


SHOW TIMES

ส่ ว นร่ ว มในกระบวนการวิ จั ย และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ จากนั้นจึงเข้าสู่ กระบวนการสื่ อ สารคุ ณ ค่ า ของ ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไปยังฝ่ายการตลาด (Communication) เพื่ อ ขยายผล ส่งต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และที่ ข าดไม่ ไ ด้ คื อ การส่ ง มอบ คุณค่าที่สร้างและสื่อสารขึ้นมานั้น ไปยังผู้บริโภค (Deliverables) ซึ่งจะ ต้องใกล้เคียงหรือตรงกับคุณค่าของ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ เ ราตั้ ง ใจสร้ า งขึ้ น ใน ตอนแรก อย่างไรก็ตาม การสร้าง นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์นมพร้อม ดื่มนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัย ขับเคลื่อนของเทคโนโลยีใหม่และความต้องการของตลาดปัจจุบัน รวมถึงพฤติกรรมของ ผู้บริโภคด้วย

ความต้องการใช้งานบรรจุภณ ั ฑ์เครือ่ งดืม่ ...กระแสใดทีผ่ ลักดันการสร้างนวัตกรรม? ส�ำหรับบรรจุภัณฑ์นับเป็นด่านแรกที่ผู้บริโภคทุกคนมองเห็น ทั้งจากดีไซน์ที่สวย สีสันสดใส มีความโดดเด่นบนชั้นวางสินค้า ซึ่งบรรจุภัณฑ์นี้จะเป็นสิ่งที่สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกหยิบซื้อสินค้า ต่อไป ส�ำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครือ่ งดืม่ นัน้ การเลือกใช้บรรจุภณ ั ฑ์ทมี่ คี ณ ุ ภาพ สะอาด และปลอดภัยจะช่วยรักษารสชาติของอาหารและคงคุณค่าทางโภชนาการได้มากที่สุด ปัจจุบันผู้บริโภคต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อ สิ่งแวดล้อมรวมถึงบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนก็นับเป็นเทรนด์ที่ก�ำลังได้รับความนิยม สังเกตได้จาก พฤติกรรมการเลือกซือ้ สินค้าของผูบ้ ริโภคปัจจุบนั ทีเ่ ลือกซือ้ สินค้าโดยพิจารณาจากบรรจุภณ ั ฑ์ ทีด่ แี ละเป็นมิตรต่อธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม บรรจุภณ ั ฑ์ทดี่ ตี อ่ สิง่ แวดล้อมบางครัง้ ก็ยงั มีขอ้ ควร ตระหนักอยู่โดยเฉพาะเรื่องอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ซ่ึงจะส่งผลต่อต้นทุนโดยรวมของ ทางฝ่ายผู้ผลิตด้วย นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เฉพาะกลุ่มก็เป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงและผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ๆ ก็น�ำมาเป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์ เช่น การสร้างคาแรกเตอร์ให้บรรจุภัณฑ์ สามารถเปิดปิดได้ ด้วยล็อกกระดาษ หรือกดเพื่อเติมส่วนผสมบางอย่างในเครื่องดื่ม เป็นต้น โดยการพัฒนาหรือ ออกแบบบรรจุ ภั ณ ฑ์ ใ ดใดก็ ต ามสิ่ ง ส� ำ คั ญ ที่ ต ้ อ งค� ำ นึ ง ถึ ง คื อ พฤติ ก รรมของผู ้ บ ริ โ ภคนั้ น เปลี่ยนแปลงไปแล้ว บรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายและใช้งานได้สะดวกจะเป็นสิ่งที่เข้ามาตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น

Demand for Beverage Packaging... What is Pushing for New Innovation

Packaging is the first thing consumers see. Well designed, colorful, attractive packaging encourages consumers to pick up the product from the shelf. For the food and beverage industry, using quality, clean, and safe packaging will help preserve the flavor and nutritional value of the product to its maximum. Nowadays, consumers want to be more engage in environment protection. Environmental-friendly packaging and sustainable packaging are gaining popularity. Noticeably, consumers are making decision to purchase based on good packaging and eco-friendly packaging. However, there are some concerns about these packaging, especially product’s shelf-life, which could affect the overall cost of production. Innovative packaging for niche market is another up-and-coming trend that major beverage manufacturers are highlighting for their products. Featuring product’s characteristics, easily opened paper lock, and pressto-add some additional ingredients in the beverage are some example for these new packaging. In developing and re-designing new packaging, you need to consider the changing behavior of modern day consumers. Simple and convenience packaging is more suitable for the new demand of consumers these days.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

85


SHOW TIMES SHOW TIMES

#4

วันพุธที่ 18 กรกฏาคม 2561 โรงแรมอะไรซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี

ประสบความส�ำเร็จกับพิกัดที่ 4 ณ จังหวัดชลบุรี นิตยสาร ฟู้ด โฟกัส ไทยแลนด์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นฐานองค์ความรู้ เรื่อง “อาหารปลอดภัย” และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทยให้พร้อมก้าวสู่ ตลาดในระดับสากลอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

งาน Food Focus Thailand Roadshow # 4 ต้อนรับผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในภาคตะวันออก ซึ่งได้รับฟัง การบรรยายเรื่อง “เทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีผลต่อการพัฒนา ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม” และหัวข้อ “แนวทางการพัฒนา ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคใน ปัจจุบัน” โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุเชษฐ์ สมุหเสนีโต หั ว หน้ า ภาควิ ช าเทคโนโลยี อ าหาร คณะวิ ศ วกรรมศาสตร์ แ ละ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร และหัวข้อ “Food Defense: การปกป้องส�ำหรับอุตสาหกรรมอาหาร” โดยคุณธวัฒน์ชัย ข�ำวิจิตราภรณ์ ที่ปรึกษา บริษัท เอ็มที โอเปอเรชั่น จ�ำกัด นอกจากนี้ ยังได้พบกับความหลากหลายของสินค้าทีน่ ำ� มาจัดแสดงและร่วมสนุก กับกิจกรรมและของรางวัลต่างๆ ภายในงาน ปริมาณของการเติบโตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกลุ่ม RTD ใน ภูมภิ าคเอเชียแปซิฟกิ ส�ำหรับผลิตภัณฑ์เครือ่ งดืม่ กลุม่ RTD ทัง้ หมด มีปริมาณของการเติบโตสูงถึง 79.4 พันล้านลิตรในช่วงปี 2557-2562 ส่งผลให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีสัดส่วนการเติบโตเกือบถึงหนึ่งใน สามของปริมาณเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ภายในปี 2562 โดยจีน และอินเดียมีปริมาณของการเติบโตรวมกันที่ร้อยละ 20 ของปริมาณ เครื่องดื่ม RTD ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก อย่างบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ไม่ควรนิ่งนอนใจ โดยประเทศเหล่านี้มี ปริมาณของการเติบโตคิดเป็นร้อยละ 25 และมีโอกาสเติบโตได้ถงึ 15.4 พันล้านลิตรในช่วงปี 2557-2562 ในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและ ความต้องการของผูบ้ ริโภคในกลุม่ เครือ่ งดืม่ ประเภทดังกล่าวมีผลท�ำให้ ภูมิภาคนี้มีความน่าสนใจในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม ความต้องการของผู้บริโภคนั้นก็ยังมีความหลากหลาย แตกต่างกันซึ่งส่งผลให้ต้องมีแนวทางการตลาดที่แตกต่างกันไป รวมถึงความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคและประเด็นด้านราคา ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ควรน�ำมาประกอบการพิจารณาด้วย Food Defense: กลยุทธ์เพื่อความมั่นคงทางอาหาร ระบบ การควบคุมและป้องกันการก่อการร้ายในธุรกิจอาหารจะมีความแตกต่าง จากระบบการจัดการด้านความปลอดภัยในอาหาร เช่น ระบบการวิเคราะห์อนั ตรายและการก�ำหนดจุดควบคุมวิกฤติ (HACCP) และเพือ่ ให้เข้าใจถึงประเด็นปัญหาด้านการก่อการร้ายในธุรกิจอาหาร จึงควร ท�ำความเข้าใจถึงมูลเหตุและผลกระทบของการก่อการร้ายที่อาจเกิด ขึ้นในธุรกิจอาหาร โดยพิจารณาถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่สุ่มเสี่ยง ต่อการก่อการร้ายในธุรกิจอาหารที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การส�ำรวจตรวจสอบเพือ่ ประเมินความเหมาะสมของมาตรการควบคุม และป้ อ งกั น ขององค์ ก รจึ ง จ� ำ เป็ น ต้ อ งมี ก ารจั ด ท� ำ ขึ้ น เพื่ อ ควบคุ ม สถานการณ์การก่อการร้ายในธุรกิจอาหารได้อย่างเหมาะสมกับ 86 FOOD FOCUS THAILAND MAR 2018 สถานการณ์ ที่เกิดขึ้นจริง

Successfully ended at the 4th stop – Chon Buri, Food Focus Thailand Magazine aims to co-create the fundamental knowledge about “food safety” and increase the competitiveness of Thai food and beverage industry, allowing them to contest in the global level strongly and sustainably. In our Food Focus Thailand Roadshow # 4, food and beverage entrepreneurs of the Eastern Thailand were welcomed to attend the seminars “How Consumer Behavior Trends Influences F&B Product Development” and “The Process of New Product Development Based on Consumer Needs and by Satisfying their Expectations” hosted by Assistant Professor Suched Samuhasaneetoo, Ph.D. Heads of Department of Food Technology, Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University and “Food Defense Plan in Food Industry” by Mr.Tawatchai Khamvijitraporn, Consultant, MT Operation Co., Ltd. Moreover, they also had a chance to check out various products showcased in the event, participate in activities and win the prize. Asia Pacific’s Soft Drinks RTD Volume With total RTD volume growth of 79.4 billion litres over 2014-2019, Asia Pacific will account for nearly one third of the world’s soft drinks volumes by 2019. China and India will combine for 20% of this global figure. However, countries like Brunei, Cambodia, Indonesia, Laos, Malaysia, Myanmar, the Philippines, Singapore, Thailand and Vietnam, should not be ignored. These nations currently for 25% of Asia Pacific’s soft drinks RTD volume and will grow by 15.4 billion litres over 2014-2019. Economic growth and rising consumer demands for the convenience and quality of packaged beverages make these countries an attractive region for soft drinks manufacturers, but varying consumer preferences require a tailored approach. Affordability and price sensitivity remain a major consideration. Food Defense: Strategies for Achieving Food Security Regarding to food safety concern, the controlling system and the food defense is different from the safety management system such as HACCP. To increase understanding on the issue of intentional food harming, we need to understand the impact and potential impact of intentional food contamination which could occur. Considering on the current possible risk situation of intentional food contamination that may occur at any time, we need to have a food defense approach in order to control and prevent the intentional food harming in the food business.

Connect the Great Opportunity by Showing Up!

งานเดียวที่จะท�ำให้เข้าใจเรื่อง “อาหารปลอดภัย” แบบเน้นๆ และค้นหาโซลูชันใหม่ๆ เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม ติดตามความเคลื่อนไหวในพิกัดต่อไปที่ “สมุทรสาคร” ...พบกันภายในงานสัมมนา Food Focus Thailand Roadshow # 5 ณ โรงแรมเซ็นทรัลเพลส สมุทรสาคร ในวันอังคารที่ 18 กันยายน 2561 This one and only event gives you all the comprehensible knowledge about “food safety” and new solutions for food and beverage industry. Our next destination is “Samut Sakhon” at Central Place Hotel. Shall we meet in 5th Food Focus Thailand Roadshow on Tuesday, 18 September 2018?


SURROUNDS Singapore, 18 July 2018

www.khr50.com

KH Roberts Celebrates 50 Years of Flavour Innovation with new $20m Integrated Flavour Manufacturing Facility

50 ปีแล้วที่ KH Roberts (KHR) ได้ท�ำงานอยู่ เบื้องหลังการสร้างสรรค์กลิ่นรสอันยอดเยี่ยมให้กับ หลายแบรนด์อาหารและเครือ่ งดืม่ ทีป่ ระสบความส�ำเร็จ ในระดับภูมภิ าคและอีกมากมาย โดยได้เริม่ ด�ำเนินธุรกิจ มาตั้งแต่ปี 2511 ด้วยการสร้างโรงงานผลิตกลิ่นรส อาหารขึ้นพร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประจ�ำ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในโอกาสฉลอง ครบรอบ 50 ปี เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมานี้ KH Roberts ได้เปิดตัวโรงงานผลิตกลิ่นรสแห่งใหม่ อย่ า งเป็ น ทางการ ซึ่ ง โรงงานแห่ ง นี้ พ รั่ ง พร้ อ มด้ ว ย นวัตกรรมแห่งการผลิตอันสมบูรณ์แบบ ครอบคลุม บนพืน้ ทีก่ ว่า 100,000 ตารางฟุต ด้วยงบการลงทุนสร้าง รวมกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

For 50 years, KH Roberts has been working behind-the-scenes, creating outstanding flavourings for many successful food and beverage brands in the region and beyond. KH Roberts started in

โรงงานผลิตกลิน่ รสแห่งใหม่นปี้ ระกอบไปด้วยศูนย์วจิ ยั และพัฒนากลิน่ รส (R&D Centre) อันสมบูรณ์แบบ พรัง่ พร้อมด้วยอุปกรณ์เพือ่ การสร้างสรรค์กลิน่ รส การประเมินทางประสาทสัมผัส การวิเคราะห์ทดสอบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และงานวิเคราะห์ทางเคมีด้วยอุปกรณ์ที่ครบครัน ตลอดจนโรงงานแห่งใหม่นี้ ยังใช้เป็นพื้นที่น�ำร่องการผลิตส�ำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และการทดสอบ การผลิต นอกจากนี้ยังมีการน�ำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติและระบบดิจิทัลอย่าง เต็ ม รู ป แบบมาใช้ ใ นกระบวนการผลิ ต ด้ ว ย โดยศู น ย์ ก ลางการผลิ ต หลั ก ของโรงงานแห่งนี้คือการใช้ระบบการผลิตกลิ่นรสแบบอัตโนมัติที่สามารถปรับ ขยายปริมาณการผลิตได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่มี การใช้ ร ะบบอั ต โนมั ติ ร ่ ว มกั บ การผลิ ต แบบแบทช์ โดยจากความส� ำ เร็ จ ครั้งส�ำคัญนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่น และความเชี่ยวชาญในด้านกลิ่นรสอย่างแท้จริง และเนื่องจาก KH Roberts ได้ด�ำเนิน ธุรกิจบนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านกลิ่นรสมาโดยตลอด บริษัทฯ จึงพร้อม ที่จะตอบสนองความต้องการของตลาดใหม่ๆ และมุ่งมั่นที่จะยกระดับสินค้า บริโภคในภูมิภาคนี้และต่อไป

1968 with the first purpose-built food flavours manufacturing and R&D facility in Southeast Asia. On 18 th July 2018, KH Roberts commemorated their 50th Anniversary with the official opening of their new state-of-the-art integrated flavour manufacturing facility in Singapore. The facility spans over 100,000 square feet and was built on a total investment of more than $20 million. The new facility includes a full-fledged flavours R&D centre, equipped with flavour creation, sensory evaluation, analytical testing, product development and bench-top chemistry capabilities. Integrated to the facility is a dedicated pilot plant space for small scale product development and test production. Featuring automation and digitalisation, the centrepiece of the facility is a customised automated flavour production system, the first-of its-kind in the industry, synergising both automation and scalability of production batch sizes. This momentous milestone signifies KH Roberts’ professionalism, commitment and expertise in flavours. As KH Roberts continues their journey of flavour innovations, the company is poised to meet new market demands and continue to raise the bar of consumer products in the region and beyond.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

87


SURROUNDS Samut Sakhon

www.bsigroup.com/en-th

Kibun got the Certification of International Standard from BSI

สถาบันมาตรฐานอังกฤษ BSI ขอร่วมแสดงความยินดีและ เป็นส่วนหนึง่ ในวาระแห่งความส�ำเร็จกับ บริษทั คิบนุ (ไทยแลนด์) จ�ำกัด ส�ำหรับการผ่านการตรวจรับรองคุณภาพมาตรฐานสากล BRC Global Standard for Food Safety Version 7 มาตรฐาน GMP HACCP Codex และมาตรฐานสากลด้านการบริหารงาน คุณภาพ ISO 9001:2015 จากความส�ำเร็จในครัง้ นีส้ ะท้อนให้เห็น ถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะพัฒนากระบวนการผลิตและ การควบคุมคุณภาพให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากลและให้มี ประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง Bangkok, 26 July 2018

www.mt.com

Mettler-Toledo (Thailand) held Company Inhouse Safety Training

บริษัท เมทเล่อร์-โทเลโด (ประเทศไทย) จ�ำกัด ได้จัดคอร์สอบรม ภายในเกี่ยวกับหลักสูตรความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ในการท�ำงานส�ำหรับพนักงาน หลักสูตรนี้จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ในด้าน ความปลอดภัยหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในสถานที่ปฏิบัติงาน ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดทั้งในส�ำนักงาน พื้นที่โรงงาน ของลูกค้า หรือพื้นที่อันตรายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้มีการจัดกิจกรรมหยั่งรู้อันตรายด้วย KYT (Kiken Yochi Training) ซึ่งเป็น วัฒนธรรมความปลอดภัยของชาวญีป่ นุ่ เพือ่ เน้นย�ำ้ ถึงการป้องกันอุบตั เิ หตุ และตระหนักถึงความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกคน Mettler-Toledo (Thailand) Ltd. held its in-house safety training under the topic of “Safety and “Occupational Health and Working Environment Safety” aiming to raise understanding and awareness of working environment safety both in- and outside of company office as well as other hazardous area that might be included. At the same time, the company also take this opportunity to bring up Kiken Yochi Training, one of the Japanese safety training culture, to the event strengthening the understand and importance of accident prevention and working safety.

88

FOOD FOCUS THAILAND SEP 2018

British Standard Institution (BSI) has congratulated and presented certificates of international standard for Quality Management System ISO 9001:2015, BRC Global Standard for Food Safety Version 7 and GMP HACCP Codex to Kibun (Thailand) Co., Ltd. The certifications assist company to ensure compliance with quality management systems and food safety standard and reflect the commitment to improve the performance of the production process and the effectiveness of their quality control systems.

Samut Sakhon

www.mtfs.co.th

MT Food Systems Opens Test Centre in Thailand

บริ ษั ท เอ็ ม ที ฟู ๊ ด ซิ ส เทมส์ จ�ำกัด ได้เปิดตัวศูนย์ทดสอบสินค้า (Test Centre) ซึ่ ง ตั้ ง อยู ่ เ ลขที่ 127/37 ซอยพงศ์ ศิ ริ ชั ย 2 ถ.เพชรเกษม ต.อ้ อ มน้ อ ย อ.กระทุ ่ ม แบน จ.สมุ ท รสาคร 74130 โดยศู น ย์ ท ดสอบสิ น ค้ า แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการให้ บริการอันยอดเยีย่ มและตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจน ภายในศู น ย์ ท ดสอบสิ น ค้ า เพี ย บพร้ อ ม ไปด้วยเครื่องจักรส�ำหรับอุตสาหกรรมอาหารที่ ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ อาทิ เครื่องหั่นชิ้นเนื้อ (Slicer) เครื่ อ งเลื่ อ ยสายพานอั ต โนมั ติ (Automatic band saw cutting machine) เครื่องบดและผสมอาหารอัตโนมัติ (Universal processing systems) ตลอดจน เครื่องมือและเครื่องจักรอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ ผู้ผลิตสามารถน�ำสินค้ามาท�ำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักรได้ที่ ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งการทดสอบแต่ละครั้งจะอยู่ภายใต้การดูแลของทีมงานที่มีความช�ำนาญ ในแต่ละเครื่อง ส�ำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ โทรศัพท์ 08 9772 7072 Thailand-based MT Food Systems has opened its new test centre at 127/37 Soi, Phongsirichai 2, Phetkasem Road, Aom-Noi, Kratumban, Samut Sakhon 74130 Thailand. The establishment of the test centre was initiated to emphasise remarkable and responsive services to the company’s various customers. The test centre is equipped with a full spectrum of food processing machines and equipment including slicer, automatic band saw cutting machine, and universal processing systems, to name a few. Customers can come and test their products at the test centre together with MT Food Systems’ professional staff. Contact MT Food Systems at +66 8 9772 7072 for pre-appointment.


P R O D U C T

P R O F I L E

Bangkok, 26 July 2018

www.thai-german-cooperation.info

ONEP and GIZ Drive Implementation of Climate Change Policy in 60 Thai Provinces

ส�ำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับองค์กรความร่วมมือ ระหว่างประเทศของเยอรมนี (GIZ) เปิดตัวโครงการ การด�ำเนินงานด้านนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปสู่การด�ำเนินการ ในพื้นที่ครอบคลุม 60 จังหวัดทั่วประเทศ นายสมชั ย มาเสถี ย ร รองปลั ด กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวขอบคุณ กระทรวงสิ่ ง แวดล้ อ ม คุ ้ ม ครองธรรมชาติ แ ละ ความปลอดภั ย ทางปรมาณู สหพั น ธ์ ส าธารณรั ฐ เยอรมนี (BMU) และ GIZ ที่ให้การสนับสนุนอย่าง ต่อเนือ่ งในประเด็นเรือ่ งการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ ส่งผลให้เกิดการบูรณาการแนวคิดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าสู่ กระบวนการจัดท�ำแผนระดับจังหวัดและท้องถิ่น และในปี พ.ศ. 2561 นี้จะได้ขยาย พื้ น ที่ ก ารด� ำ เนิ น งานใน 60 จั ง หวั ด ที่ เ หลื อ เพื่ อ ให้ ค รอบคลุ ม ทั้ ง 77 จั ง หวั ด ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนการด�ำเนินงานในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดท�ำร่างแผนการปรับตัวต่อการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศแห่งชาติ (NAP) ปีพ.ศ. 2558-2562

The Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning (ONEP) and Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) GmbH’s Climate Policy Project is organising a kickoff event to propel national climate change policy towards subnational implementation in 60 provinces across the country. Mr. Somchai Masathian, Deputy Permanent Secretary, Ministry of Natural Resources and Environment (MNRE), thanked the German Federal Ministry for the Environment, Nature Conservation and Nuclear Safety (BMU) and GIZ for contributing to Thailand’s efforts in the area of climate change over the past years and particularly for the results achieved in the previous phase, which has led to an expansion of programme activity to include all 77 provinces. Furthermore, the Thai-German cooperation has contributed to the formulation of National Adaptation Plan (NAP) 2015-2019 for adaptation goals.

SEP 2018 FOOD FOCUS THAILAND

89


U SHARE. V CARE.

September

Let us know which Service

info you interested in, please inform

Should you have any enquiries, please inform us the service info code (s)

Advertisement

B

B

B

B

Article

C

C

C

C

Product

P

P

P

P

Please share your comment with us!

Please fill in the form in ENGLISH Name-Surname: Position: Company Name: Company Address:

Gift Voucher Central worth THB500 (Only 2 Lucky Winners)

Tel: Fax: E-mail:

Note: This picture is for advertising only.

Website:

We look forward to your feedback and suggestions. editor@foodfocusthailand.com, contact@foodfocusthailand.com +66 2116 5732

The winner of U Share. V Care. in July 2018 1. Rapeeporn Rayaphet Technical Sales & Business Development Fruita Natural Co., Ltd. 2. Naruporn Faungfung R&D Division Manager Seafresh Industry Public Company Limited

The gift will be delivered to you by post. Thank you.

The Mall/Emporium/Paragon Gift Voucher worth THB500 (Only 2 Lucky Winners)


“From conception to implementation”

Understanding >> Accessing >> Developing

For the processes of Foods, Pharmaceuticals, Beverages, Cosmetics, Feed mills, Petrochemicals, Plastic and other type of processes. ✓ Powder Process ✓ Piping Service ✓ Process Machine

✓ Fabrication ✓ Utility ✓ Automation

Fabrication

Powder Process

SoliValve®

Cup Sealing Machine

Piping Service & Utility

Dhawath Technology Systems Co., Ltd.

Process Machine

“Help You to Feed the World”

2 Moo. 3 Lumlukka, Lumlukka, Pathumthani 12150 Tel: +662 5495508 Fax: +662 5495500 E-mail: Sales@dhawathsystems.co.th www.dhawathsystems.co.th www.facebook.com/dhawathsystems ad_Dhawat_May.indd 19

8/19/17 9:34 AM


Go

PLANT-TYPE FLAVOURS. the way!

healthy flavourful

Plant-type Flavours is created to provide your health-conscious consumers with a flavourful and impressionable taste experience. Not only does it help intensify the taste of bland plant-based foods, KH Roberts Plant-type flavours satisfy your consumers’ palates in a healthful way. EXCELLENT From the honey and caramellic profiles of our FLAVOUR RELEASE Sweet Potato Flavour to the nutty and sweet profiles of our Roasted Almond HIGH Flavour, the flavour performance of FLAVOUR STRENGTH these innovative creations is exceptional in instant beverages and bakery fillings. Together, we can win acclaims from your customers!

SUPERB APPLICATION PERFORMANCE

VISIT US AT FOOD INGREDIENTS ASIA 2018 Jakarta, Indonesia Hall D Booth D1. K12

Singapore and Int’l: (65) 6265 0410 China: (86) 20 3919 9791 Indonesia: (62) 21 8790 0778 Thailand: (66) 2 862 3055-58 Malaysia: (60) 3 7885 0688/9788

Website: www.kh-roberts.com Email: info@kh-roberts.com KH Roberts is a FSSC 22000 and ISO 9001:2008 certified group of companies. ©2018 KH Roberts Pte. Ltd. All rights reserved.

ad_KH Robert_final.indd 1

22/8/2561 BE 10:07


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.