วัดไทรอารีรักษ์

Page 1

วัดไทรอารีรักษ์ วัดมอญ ที อยู่ใต้ สุดของ วัดมอญลุ่มแม่ นํ าแม่ กลอง นับจากเขตบ้ านโป่ งลงมา ตังอยู ่ริมแม่นํ าแม่กลอง ฟากตะวันออก อยูใ่ น เขตเทศบาลเมื องโพธาราม ทางทิศเหนือ ใกล้ สะพานข้ ามแม่นํ าแม่กลองมี ใบเสมาคู่ ปรากฏ อยูท่ ี โบสถ์ ทําให้ สนั นิษฐานว่า อาจมีอายุตงแต่ ั ปลายกรุงศรี อยุธยา แต่โบสถ์นี ได้ มาสร้ างใหม่ราวรัชกาลที 5 สิ งที น่าสนใจภายในวัด โบสถ์ คงสร้ างในปี เดียวกับการเขียนภาพจิตกรรมฝาผนังทังสี ด้านภายใน คือราวปี พ.ศ. 2450 ซึ งเป็ น ภาพจิตกรรมแบบประเพณี แต่แสดงภาพแนวตะวันตก อาทิ เครื องแต่งกายของผู้คน อาคารสถาปั ตยกรรมต่างๆ ความโดดเด่นอยูท่ ี ด้านบน เขียนเป็ นภาพพระอดีตพระพุทธเจ้ า ตํ"าลงมา ตอนหนึง เขียนเป็ นภาพพุทธประวัติ ตอนแห่พระบรมศพโดยมีหีบศพแบบมอญที เรี ยกว่า ลุง้ ตังอยู ใ่ นราชรถ ตอนหนึง เป็ นการละเล่นในงานถวายเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้ า จะเห็นชายนุง่ ผ้ า โจงกระเบน สวมเสื อราชประแตน ใส่หมวก ถือไม้ เท้ า (มีหนวดด้ วย) ทําให้ หลายคน สันนิษฐานว่า ช่างเขียนอาจจะเคยได้ พบเห็น การเสด็จเยือนโพธารามหลายครัง ของ รัชกาลที " 5 ทําให้ เขี ยนภาพพระองค์ไว้ในภาพจิ ตกรรมด้ วย มีชาวมอญนุง่ โสล่ง แต่ใส่เสื อ ราชปะแตนและสวมหมวก สตรี ชาวมอญมีผ้าคาดอก คล้ องสไบ (คาดสไบเฉี ยงก็มี ซึง อาจจะไม่ใช่ชาวมอญ) มีทงชาวจี ั น กระเหรี ยง จนถึงชาวไทยแต่งแบบฝรั ง และมีการเชิด หนังใหญ่และหนังตะลุงที คงนิยมมากในสมัยนัน และเป็ นระยะแรกๆ ที นํามาเขียนไว้ เป็ น ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ด้านหน้าโบสถ์ มีรูป 12 นักสัตว์ ครบทุกนักสัตว์ แต่จะหา ปี กุน-หมู ไม่เจอเพราะช่างได้ เขียนเป็ นรู ปช้าง ซึง สันนิษฐานได้ ว่าคนเขียนอาจจะเป็ นช่างจากทางเหนือ เพราะทางเหนือ ปี กุน คือ ช้าง รอบโบสถ◌์ มีเจดีย์ย่อมุมไม้ สิบสอง ในกําแพงแก้ ว ทรงเป็ นแบบพื นบ้ าน นอกกํ าแพงแก้ว มี เจดี ย์ใส่กระดูก มีทงทรงระฆั ั ง และทรงอื นๆ ยังมีที ดคู ล้ ายธาตุลาวด้ วย คงจะเป็ นที บรรจุอฐั ิ ของชาวลาวที อยู่ ในชุมชนมอญนี หอระฆัง เดิมเป็ นเครื องไม้ ทงหมด ั แต่ด้วยเสาไม้ ผุพงั จึงเปลี ยนเป็ นเสาคอนกรี ตแทน แต่ยงั คงรู ปทรง เพรี ยวดังเดิ มไว้ ได้ ระดับหนึ ง หลังคาเป็ นแบบกรุ งเทพที น่าสนใจคือ มีงานไม้ แกะสลักลายประดับเป็ นระบายที ชายคา เรี ยกว่า ลายขนมปั งผิ ง, ฝ้ าเพดาน จํ าหลักไม้ปิดทองสวยงามมาก เป็ นศิลปกรรมชิ นเอกของโพธาราม วิหาร มีนกั วิชาการบางท่านได้ ให้ ข้อสังเกตว่า รู ปทรงของวิหารวัดไทรอารี รักษ์ มีความพิเศษหลายอย่าง โดยเฉพาะด้ านสถาปั ตยกรรมเป็ นแบบลาวซึ งอาจจะเป็ นชาวลาวสร้ างมาก่อนก็เป็ นได้ และทําให้ สนั นิษฐานได้ ว่า วิหารนี คงมี มาก่อนโบสถ์ และเกี ยวเนื องไปถึงพระประธานที เป็ นปางป่ าเลยไลน์ ขนาดใหญ่ ซึ งเชื อว่าแกนในคง


สร้ างด้ ว ยศิลาแลง และเชื อกันอี กว่า น่าจะเป็ น พระพุทธรู ปองค์ แรกๆของโพธาราม อาจจะมี อายุย้อนหลังไป มากกว่า 200 ปี สิ งโดดเด่นภายในวิหาร คื อ เก๋ งจี นขนาดใหญ่ สร้ างเป็ นมณฑปครอบรอย พระพุทธบาทโลหะซึ งมี รอยสนิม ซึง ทําให้ เชื อได้ วา่ พระพุทธบาทโลหะนี คงจะเคยอยูก่ ลางแจ้ งมาก่อน เก๋ งจีน คือสิ งก่อสร้ างขนาดใหญ่กินเนื อที ถึง 1 ใน 3 ของวิหาร สูงเกือบ 5 เมตร มีรูปทรงแบบจีนสองชัน แต่ลกั ษณะลดชันน่ าจะได้ รับอิทธิพลจากศิลปะไทย มีภาพกิจกรรมเรื องสามก๊ กประดับอยู่บนผนัง สิ งนี แสดงถึง ความสมานฉันท์ กลมเกลียวของทุกชนชาติที เข้ ามาอาศัยอยูใ่ นเขตโพธาราม เพราะมี เก๋ งจี นสร้ างครอบรอยพระ พุทธบาท อยู่ในวิ หารทรงลาว สร้างในวัดมอญ ประวัติเก๋ งจี น สันนิษฐานว่าคงสร้ างมาราว 100 กว่าปี โดยชาวจี นเขตตลาดบน ของเมื องโพธาราม ซึ ง รํ ารวยจากการทําการค้ าฟูกนุ่น (ที "นอนนุ่น-โพธารามเคยเป็ นแหล่งผลิตฟูกนุ่นสําคัญ มีโรงงานถึง 10-15 โรงงาน เลยทีเดียว ปั จจุบนั เหลือไม่กี แห่ง และเป็ นงานในครัวเรื อนเท่านัน)


ประเพณีสาํ คัญของวัดไทรอารี รักษ์ ลอยกระทางสาย(ลอยถาด) – จุดประทีปรอบโบสถ์ - ตามประทีปรอบวิหาร

กระทงสาย (ลอยถาด) เกริ น กระทงสาย แบบชาวมอญ ลุ่มแม่ น ําแม่ กลอง เขต บ้ านโป่ ง-โพธาราม ที หลายคนเรี ยกว่า กระทงสาย (ลอยถาด) ประเพณีพื นบ้ านอันงดงาม อันปรากฏเฉพาะในลุม่ แม่นํ ากลองย่าน คนมอญ บ้ านโป่ ง-โพธาราม จ.ราชบุรี เท่านัน นับเป็ นภูมิปัญญาชาวบ้ านที ใช้ ความเรี ยบง่าย แฝงถึงความประหยัด ความพอดี ความพอเพี ยง และ ความร่วมมือร่วมใจ ซึง ท้ ายสุด สัมฤทธิ)ผลสูง ที สามารถทําให้ เกิดแสงประทีป ส่องสว่างอยู่กลางลํานํ ายามคํ าคืน ได้ อย่างยาวนาน จนเกิดเป็ นภาพดัง ฝั นที ดวงประทีป ลอยเกาะกลุ่มเป็ นเส้ น-เป็ นสายอยู่กลางลํานํ าแม่กลองในคืน วันเพ็ญเดือนสิบสอง คือ วันลอยกระทง ของทุกปี รู ปแบบ กระทงสาย (ลอยถาด) เป็ นภูมิปัญญาชาวบ้ านที ใช้ ความพอเหมาะ-พอสม และการประหยัด พอเพียง ในการพับกระดาษให้ มาเป็ นกระทง โดยเริ มจากตัดกระดาษสีตา่ งๆ เป็ นรูปสี เหลี ยมจตุรัส จากนัน พับ จับมุม กลับ ด้าน ยกกลี บ เพียงเท่านี ก็กลายเป็ น หนึ"งกระทง แล้ ว ง่ายๆ รวดเร็ ว ประหยัด ทังงดงาม! การลอย นํ า กระทงสาย (ลอยถาด) เรี ยงลงใน ถาดสั งกะสี จํ า นวนเท่าไหร่ อยู่ที ใ ช้ ถาดใหญ่ หรื อเล็ก แล้ วใส่ นํ ามันพืช ลงไปในกระทง มากหรื อน้ อยตามความต้ องการ แล้ ววาง ตีนไก่ (เชื อกกระสอบ 3 เส้นควัน" รวมกัน แล้ว ตัดเป็ นท่อนเล็กๆ จากนัน ดึงเชื อก 3 เส้นที "ปลายด้านหนึ"ง ให้กางออกมาเป็ นสามขา อี กด้านยังควัน" เป็ นปลายเส้น เดี ยว ใช้จุดประที ป) จุดไฟที ปลายตีนไก่ในทุกๆกระทง แล้ วก็นําไปลอย โดยยกทังถาดอธิ ฐานจิต จากนันค่ อยๆ

จุ่มถาดทั งถาดลงไปในแม่นํ า กระทงจะลอยนํ า จากนันค่ อยๆดึงถาดขึ นมา กระทงสาย (ลอยถาด)จะลอย เป็ นกลุม่ -เป็ นสาย ดูงดงามตระการตา และด้ วยใช้ นํ ามันกับตีนไก่ ไฟจะติดเช่นนี ไปอีกหลายชัว โมง ทังนํ ามันจะเบากว่านํ า จะทําให้ กระทงสาย (ลอยถาด) ลอยนํ าไปได้ ไกลได้ นานอย่างใจคิด เนื องจากการลอยด้ ว ยถาด ที มีกระทงหลายๆใบลอยพร้ อมๆกัน เป็ นสายเป็ นแนว จึงเป็ นที ม าของคํ า เรี ยกว่า กระทงสาย (ลอยถาด) อีกประการหนึ ง กระดาษ เป็ นวัสดุที ย่อยสลายได้ ง่าย เวลาผ่านไปก็จะถูกสายนํ าย่อยสลายไปโดยไม่มี ปั ญหาสิ งแวดล้ อม นํ า มัน พื ช ที ใ ช้ เ พี ยงเล็กน้ อยก็ ไม่เกิ ดปั ญหาสิ งแวดล้ อมตามมา นับเป็ นสุดยอดภูมิปัญญา ชาวบ้ านที นา่ ทึง


ประวัติ ตามประวัตกิ ล่าวว่า ผู้คดิ ทํากระทงกระดาษแบบนี คือ หลวงพ่ ออุตตะมะ แห่ง วัดวังก์ วิเวการาม อ. สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี บริ เวณต้ นแควน้ อยอันเป็ นต้ นแม่นํ าแม่กลอง ด้ วยเดิมการลอยกระทงของชาวมอญที นี ก็มีรูปแบบคล้ ายที เราเห็นโดยทัว ไป ที ใช้ ใบตองเป็ นวัสดุหลัก แต่ ละปี ชาวมอญจะต้ องทํากระทงใบตองจํานวนมาก เพื อให้ พอกับลูกศิษย์ลกู หาหลวงพ่อที เดินทางไปทําบุญที วดั ด้ วยหลวงพ่อมีเชื อสายมอญ รับรู้ ถึงภูมิปัญญาชาวมอญที สามารถ ตัด-พับกระดาษ ให้ เป็ นงานศิลปะได้ หลายรู ปแบบ หลวงพ่อจึง ดํา ริ ให้ ช าวมอญนํ า ศิลปะการตัด-พับกระดาษมาใช้ ใ นการทํ ากระทงขึน เพื อความ ประหยัด ได้ จํานวนมากและรวดเร็ ว เริ มต้ นที วัดวังก์ วิเวการาม โดยตัด-พับกระดาษ เป็ นกระทงกระดาษ ซึง คงเป็ นเช่นนี มานานหลายสิบปี กระทัง ราว 30-40 ปี ที แล้ ว พระครู วรธรรมพิทักษ์ (หลวงพ่ อลม-มรณะภาพแล้ว) อดีตเจ้ าอาวาส วัดม่ วง(เหนือ) เขต อ.บ้ านโป่ ง จ.ราชบุรี ซึ งมีเชื อชาติมอญ ได้ ริเริ มนํา กระทงกระดาษ ของหลวงพ่ออุตตะมะ มาใช้ ในงานลอยกระทงของ วัดม่วง(เหนื อ) อ.บ้านโป่ ง ปั จจุบนั เมื อใกล้ เทศกาลลอยกระทง ชุมชนชาวมอญบริ เวณนันจะตั ด-พับกระดาษ เป็ นกระทงจํานวนมาก โดยกระจายไปสูว่ ดั อื นๆโดยใกล้ เคียง การลอยจะกํ าหนดเวลาลอยพร้ อมๆกัน อย่า งเช่น นัดลอยเวลา 19.30 น. วัดทางต้ นนํ า (อาทิเ ช่น วัด มะขาม) จะลอยพร้ อมๆกันลงมา พอมาถึงวัดม่วง(เหนือ) ทางวัดก็ จะปล่อยกระทงให้ ลอยพร้ อมๆกัน ดูงดงาม ยิ งใหญ่ และนี คือที มาของคําว่า กระทงสาย ที มีกระทงลอยเป็ นเส้ นสายสวยงาม โดยการนําเสนอในที ประชุมชมรม อย่ าลืม...โพธาราม กลางปี พ.ศ.2552 เพื อจะวางแผนฟื น ฟูพิธีเป็ น ลอยกระทงของวัดไทรอารี รักษ์ ให้ กลับมาเป็ นที ร้ ู จกั ผู้คนทัว ไป นายปรี ชา พระเวก(เอก) รองประธานชมรมฯ ได้ เสนอว่าน่าจะได้ นําการลอยกระทงสายของวัดม่วง(เหนือ)มาใช้ เพราะ วัดไทรอารี รักษ์ ก็เป็ นหนึ งในวัดมอญ และ ตังอยู ่ในเขตเทศบาลเมืองโพธาราม น่าจะทําให้ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันงดงามนี ได้ รับการเผยแพร่ ให้ เป็ นที รู้จกั ในสังคมภายนอก จันทร์ ท ี 2 พฤศจิกายน 2552 วันลอยกระทง ทางชมรม อย่ าลืม..โพธาราม ได้ ร่วมกับทางวัดไทร อารี รักษ์ ในการจัดงานวันลอยกระทง โดยอิงรู ปแบบประเพณีเก่าที วัดไทรอารี รักษ์ มีอยู่และได้ คิดสร้ างสรรค์ ต่อยอดให้ ดงู ดงามโดดเด่นยิ งขึ น โดยนํา กระทงสาย (ลอยถาด)มาใช้ ที วัดไทรอารี รักษ์ เป็ นปี แรกด้ วย แต่ได้ ปรับปรุ งการลอย โดยไม่ได้ นัดลอยพร้ อมๆกัน เพียงว่าผู้ใดมาถึงจะลอยเมื อไหร่ ก็ได้ แต่ด้วยมีคนมาจํานวนมาก ก็ทําให้ กระทงลอยเป็ นเส้ น สายงดงาม เฉกเช่นชื อที เรี ยกขานมาคือ กระทงสาย และแต่เดิมชาวบ้ านแถบบ้ านโป่ งจะเรี ยกเพียงแค่ กระทงสาย เท่านัน แต่เมื อนํามาใช้ ปฎิบตั ิที โพธาราม ชาวบ้ านเห็นว่าแปลก เพราะลอยด้ วยถาด จึงมักจะเติมสร้ อยการลอยกระทงแบบนี ว่า กระทงสาย(ลอยถาด) (ในปี 2553 ทางชมรมฯ ได้ส่งคนไปสอนการตัด-พับกระดาษ ทํ าเป็ นกระทงกระดาษ ให้กบั ทาง อบต. คลองตาคต ซึ" งคงจะมี อีกหลายวัดริ มแม่นํ าแม่กลอง จะได้นําการลอยกระทงแบบนี ไปใช้)



จุดประทีปรอบโบสถ์ เป็ นคติความเชื อของชาวมอญ เพื อบูชาพระพุทธรู ปที ป" ระดิ ษฐานอยู่ในโบสถ์ เพื อความสว่างไสว รุ่งโรจน์ของชีวิต แต่เดิมคงมีการจุดประทีปในรูปแบบของมอญอย่างใดอย่างหนึ ง ต่อมาได้ คลี คลายมาเป็ น การจุด ประทีปอย่างที เห็นคือ นําสายสวรรค์ หรื อ เส้นใยผ้าชุบนํ ามัน ซึง ทางวัดจะเตรี ยมไว้ พร้ อมใส่ในภาชนะ ชาวบ้ านจะนําไป ที โบสถ์ บริ เวณด้ านในกําแพงแก้ ว ซึ งจะมีแผ่นไม้ กระดาน ตีวางเป็ นแนวไว้ ระดับเอวรอบโบสถ์ บนไม้ กระดานจะ ตังภาชนะรองรั บไว้ เป็ นระยะๆ คู่กับตะเกี ยงนํ า มัน ผู้จุดจะหยิบสายสวรรค์ไปจุดที ตะเกี ยงแล้ ววางลงที ภาชนะ รองรับ จะเห็นเป็ นแนวงดงาม ประเพณี นีท ํ า สื บทอดมานานนับร้ อยปี แล้ ว เมื อราว 40 ปี ที แล้ ว ที ผ้ ูเ ขี ยนพอจํ าความได้ จะมี บางสิ ง บางอย่างแตกต่างไปจากปั จจุบนั คือ 1. ภาชนะใส่สายสวรรค์จะเป็ นกระทงใบตอง ซึง ต่อมาได้ เปลี ยนมาใช้ ถว้ ยพลาสติ กขาว ซึ งดูไม่งามและไม่ เหมาะสม ในปี พ.ศ.2553 นี ทางชมรมฯ ได้ เปลี ยนให้ ใช้ เป็ น ถ้วยดิ นเผาดิ บของราชบุรี แทน 2. ภาชนะที "ตงั รอบอุโบสถ ที ใส่สายสวรรค์ ตอนจุดไฟนัน เดิมใช้ กระป๋ องนม ซึ งมีขนาดเล็กมากจนสาย สวรรค์มกั จะล้ นออก ต่อมาได้ เปลี ยนเป็ นใช้ จานสังกะสี แทน ในปี พ.ศ. 2553 ทางชมรมฯ ได้ เปลี ยนเป็ นจานดิ นเผา ดิ บของราชบุรีแทน 3. เดิมจะตังภาชนะจุ ดประทีปไว้ บนกํ าแพงแก้ว ต่อมาเมื อกําแพงแก้ วถูกก่อสูงขึ น ทางวัดได้ ตีไม้ กระดาน ขึ นรอบโบสถ์เพื อใช้ ตงภาชนะจุ ั ดประทีป ซึง คงเปลี ยนแปลงมาได้ ราว 30 กว่าปี แล้ ว


ตามประทีป เพื อ บูชารอยพระพุทธบาทใต้เก๋งจี นในวิ หาร ในปี พ.ศ. 2552 ทาง ชมรม อย่าลื ม...โพธาราม ได้ เห็นว่าชาว มอญ-พม่า เวลาจะบูชาศาสนสถานต่างๆ ก็จะใช้ วิธี ตามประทีป ด้ วย เครื "องดิ นเผา ซึง คตินี คงส่งต่อมาถึงล้านนา ที มีประเพณี ตามประที ป ด้ วย ผาง (จานดิ นเผาขนาดเล็ ก) เมื อ วัดไทรอารี รักษ์ เป็ นหนึ งใน วัดมอญ และมี ประเพณี จุดประที ปรอบโบสถ์ อยู่ก่อนแล้ ว น่าจะได้ ริเริ มนํ าประเพณี แบบมอญนี ม า ปฏิบตั ทิ ี วดั ไทรอารี รักษ์ โดยอิงคติ การบูชารอยพระพุทธบาทใต้เก๋ งจี นในวิ หาร เพื อเป็ น สิริมงคล เสริ มส่งโคชะตา ให้ สว่างไสวงดงาม เฉกเช่นประทีปในยามคํ าคืน และด้ วยทางพื นเพเขต โพธาราม-ราชบุรี มีเครื " องดิ นเผา หลากหลายรู ปแบบ ทังจานแบบทางเหนื อที เรี ยกว่า ผาง ก็มี หรื อรู ปทรงเป็ น โอ่งดิ นเผาขนาดเล็ก สามารถ นํามาประยุกต์ใช้ ให้ เกิดอัตลักษณ์เฉพาะของโพธาราม ทังยั งเป็ นการส่งเสริ มอาชีพและ พัฒนาศิลปะการปั น โอ่งขนาดย่อมขึ นอีกทางหนึง ด้ วย ทางชมรมฯจึงได้ ริเริ ม นําเครื "องดิ นเผาสอง-สามแบบ มาใช้ ใน การตามประที ป บูชารอยพระพุธบาท โดยเฉพาะ โอ่งดิ นเผาขนาดเล็ก ซึ งจะทําให้ วัดไทรอารี รักษ์ ใน ยามคํ าคืนวันเพ็ญ จะงดงามหามีไหนเหมือน


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.