Healthy vegetable juice
นำ�้ผักสดสุขภาพดี
นำ�้ผักสดสุขภาพดี
คำ�นำ�
นำ�้ผัก เป็นนำ�้ดื่มที่ได้จากส่วนประกอบต่างๆของพืช เช่น ใบ ราก ดอก ก้าน ผล และส่วนที่รับประทานได้ทั้งต้น โดยการ ทำ�นำ�้ผักดื่มเองให้คุณค่าสูงจากความสดใหม่และดื่มง่าย จึง ให้ประโยชน์จากคุณค่าของผักมากและยังทำ�ให้รู้สึกสดชื่นผ่อน คลาย สบายใจ โดยที่การจะนำ�ผักแต่ละชนิดมาใช้ในการทำ�นำ�้ก็ จำ�เป็นที่จะต้องรู้ถึงลักษณะทั่วไปและคุณประโยชน์เฉพาะของผัก นั้นๆด้วย หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ กรรมวิธีและเคล็ดลับ ดีๆแก่ผู้ที่ต้องการจะดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่คุณรักให้มี สุขภาพดีหรือดีมากยิ่งขึ้น โดยหนังสือเล่มนี้จะทำ�ให้คุณได้มีความ สุข สนุก ไปกับคุณประโยชน์ทั้งหลายของผักต่างๆที่หาได้ง่ายใน ประเทศของเรา
นางสาวนริศรา หอมสวย รหัส 5314101334 Sec.1 ชั้นปีที่ 3 สาขานิเทศศาสตร์บูรณาการ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
รู้ลึกเรื่อง “ ผัก “
สารบัญ รู้ลึกเรื่อง “ผัก” ผักเพื่อสุขภาพชีวิต การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ นำ�้ผักเพื่อสุขภาพ อัญชัน วิธีที่ 1 อัญชัน วิธีที่ 2 อัญชัน วิธีที่ 3 เห็ดหลินจือ แครอท ขิง คะน้า ตะไคร้หอม บร็อคโคลี ตำ�ลึง ใบเตย ผักกาดขาว มะเขือเทศ ลูกยอ
1 2 4 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21
พืชผัก เป็นพืชที่สำ�คัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากความต้องการของตลาดมีแนวโน้มสูง ขึ้นทุกปี เนื่องจากการเพิ่มจำ�นวนของประชากรที่เพิ่มขึ้น ในอัตราที่สูง จากประมาณการเพิ่ม ของประชากร Dual (1982) กล่าวว่าในปี 2543 ปี 2548 และปี 2553 ประชากรโลก จะเพิ่ม จาก 6.2, 9.3 และ 10.5 พันล้านคน ตามลำ�ดับ พืชผักมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเป็นแหล่งของแป้ง โปรตีน วิตามิน ไขมัน เกลือแร่ เส้นใย และสารประกอบเพื่อเสริมสุขภาพซึ่งจำ�เป็น สำ�หรับการดำ�รงชีพของมนุษย์ นอกจาก นี้พืชผักเป็นพืชที่มีอายุการเพาะปลูกสั้น หาได้ง่าย และราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับ เนื้อ นม ไข่ ผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชากรในเขตหนาว แต่มีราคาแพงสำ�หรับ ประชากรใน เขตร้อนและกึ่งร้อนหรือประเทศที่กำ�ลังพัฒนา ที่มีรายได้ต่ำ� ไม่สามารถบริโภค เนื้อ นม ไข่ ได้ เนื่องจากหาได้ยากและมีราคาแพงทำ�ให้ประชากรของโลกกว่าสองในสาม บริโภคผักเป็นอาหารหลัก การขาดอาหารอาจจะเกิดจากไม่สามารถซื้อหามาบริโภคหรือบริโภค อาหารที่ไม่สมดุลย์หรือพอเพียงตามความต้องการของร่างกาย ทำ�ให้ร่างการ อ่อนแอต่อการแพร่ระบาดของโรคภัย ไข้ เจ็บ ร่างกายแคระแกรน สมองไม่ พัฒนา อาการนี้จะรุนแรงในวัยเด็ก การจัดการอาหารที่ดี จะต้องบริโภคในปริมาณที่พอเพียง มีคุณค่า ทางโภชนาการ มีความสมดุลย์ของสารประกอบต่างๆตามความต้องการ ใน การพัฒนาของร่างกาย คุณค่าทางโภชนาการที่สำ�คัญและร่างกายต้องการ ประกอบด้วย แป้ง ไขมัน กรดไขมันที่จำ�เป็น และโปรตีน รองลงมาคือ วิตามิน และเกลือแร่ พืชผักนอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน เกลือแร่ ยัง ประกอบด้วยกลิ่น สี รสชาติ และเส้นใย กลุ่มมังสวิรัส หรือกลุ่มผู้บริโภคอาหาร ชีวะจิต จำ�เป็นที่จะต้องบริโภคผักหลายๆชนิด เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ของหมู่ อาหารตามความต้องการของร่างกาย เช่น - แหล่งของแป้ง ได้แก่ มันเทศ มันฝรั่ง เผือก เมล็ดถั่วแห้ง เป็นต้น - แหล่งของไขมัน ได้แก่ เมล็ดที่อ่อนของถั่วและพืชตระกูลแตง - แหล่งของโปรตีน ได้แก่ ถั่ว ข้าวโพดหวาน ใบพืชตระกูลกะหล่ำ� - แหล่งของวิตามินเอ ได้แก่ แครอท มันเทศสีเหลืองหรือแดง ฟักทอง ฟักเทศ พริก เมล็ด ถั่วลันเตา เมล็ดถั่วแขก - แหล่งของวิตามินซี ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ� มะเขือเทศ พริก แตงหอม เมล็ดถั่วอ่อน ถั่วงอก มันฝรั่ง พืชผักกินใบ - แหล่งของเกลือแร่ ได้แก่ พืชตระกูลกะหล่ำ� พืชผักกินใบ -1-
ผักเพื่อคุณภาพชีวิต
มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากการนำ�พืชมาใช้เป็นยาสมุนไพรตั้งแต่โบราณกาล และ ประชากรส่วนใหญ่ในหลาย ๆประเทศยังนิยมใช้อยู่ เช่น จีน อียิปต์ และอินเดีย แต่อีกหลาย ประเทศนิยมใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งบางชนิดจะสกัดจากพืช และบางชนิดทำ�การสังเคราะห์ ขึ้นมา โดยเรียนแบบธรรมชาติ โดยทั่วไปปริมาณสารอาหารและเกลือแร่ในผักค่อนข้างน้อย เช่น แครอท ปริมาณ 3 กิโลกรัม จะประกอบด้วยวิตามิน เอ 45 กรัม ตามความต้องการของ ร่างกายใน 1 วัน - อาร์ติโช๊ค (Artichike) ประกอบด้วยสาร cynarin และ scolymoside ซึ่งช่วยในการสร้าง น้ำ�ดี ป้องกันโรคตับและช่วยในการย่อยอาหาร และการขับถ่าย cynarin ช่วยลด cholestorol, triglyceride และป้องกันโรคไตและ gall blader นอกจากนี้น้ำ�ที่สะกัดจากใบและราก ใช้ป้องกัน การอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ - แครอท (Carrot) ประกอบด้วย เบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งจะเปลี่ยนรูปเป็นวิตามิน เอ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต่อต้านโรคหวัด ป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันอาการผิดปกติในกระดูก โรคผิวหนังและรักษาสายตา - พริก (Chilli) ประกอบด้วย วิตามิน เอ กรดแอสคอร์บิค ฟอสฟอรัส โปแตสเซี่ยมและ แคลเซี่ยมสูง สารที่ทำ�ให้เกิดรสชาติและความเผ็ด ของพริก คือ capsaicin (C9 H14O2) ซึ่งมี ปริมาณสูงในเมล็ด - แต่ในพริกหวาน (Bell Pepper) จะมีต่ำ�มาก Capsaicin จะกระตุ้นการสร้าง neurotransmitters ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งทำ�ให้มี รสชาติเผ็ด ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ เพิ่ม อัตราการหายใจ เพิ่มน้ำ�ลาย ใช้ รักษา dropsy, colic, ague แก้ปวดฟัน black vomit, ไข้เขต ร้อน โรคเก้าท์ และอัมพฤกษ์ พริกหวานหนัก 74 กรัมจะให้พลังงาน 15 แคลอรี่ วิตามิน เอ 6 % วิตามิน ซี 150 % การปล่อยให้ผลสุกบนต้นจะช่วยเพิ่ม วิตามิน เอ และวิตามิน ซี พริกป่น สีแดงปริมาณ 1 ช้อนชา ให้วิตามิน เอ 26 % พริกสีแดงมีวิตามิน ซี สูงกว่าสีเขียว 10 เท่า - ผักน้ำ�,วอเตอร์เครส (Water Cress) ให้แคลเซี่ยมสูง ประกอบด้วยธาตุเหล็ก เป็นส่วน ประกอบที่สำ�คัญของกรดโฟลิค (folic acid) จำ�เป็นสำ�หรับการสร้างเม็ดโลหิตแดง การขาด ธาตุเหล็ก จะทำ�ให้เกิดโรค anaemia fatigue หายใจไม่สะดวก ขาดสมาธิ - ปวยเหล็ง (Spinach) ประกอบด้วย ลูเทอิน (lutein) ช่วยรักษาสายตา ให้ธาตุเหล็ก และแคลเซี่ยมสูง นอกจากนี้จะประกอบด้วยวิตามิน เอ ซึ่งช่วยในการมองในเวลากลางคืน ชาวอังกฤษจะใช้น้ำ�ที่คั้นจากใบเพื่อทำ�ความสะอาดแผลและรักษาหูด warts -2-
- มะเขือเทศ (Tomato) ลดการกินอาหารบ่อย ๆ สำ�หรับผู้ที่รักษาทรวดทรง - ถั่ว ประกอบด้วยเส้นใย และแป้ง โปรตีน ใช้ทดแทน เนื้อ นม ไข่ ปลา โปรตีน จะเปลี่ยนรูปเป็นกรดอะมิโน ช่วยรักษาและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ควบคุมน้ำ�ตาลในเลือด ลด โคเลสเตอรอล นอกจากนี้จะประกอบด้วยวิตามิน บี ซึ่งจำ�เป็นสำ�หรับการเปลี่ยนรูปพลังงาน น้ำ�ตาลให้อยู่ในรูปที่ไม่ สามารถใช้ประโยชน์ได้ ถั่วแต่ละชนิดอาจจะไม่มีกรดอะมิโนที่จำ�เป็น ครบตามความต้องการของร่างกาย ดังนั้นจะต้องบริโภคถั่วหลายชนิด - หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) ประกอบด้วยแป้งที่ไม่สามารถย่อยได้ เช่น ฟรักโต ออริ โกแซคคาไรด์( fructo-oligosaccharides) เพิ่มแบคทีเรีย ที่ช่วยในระบบการย่อยอาหาร และ และควบคุมแบคทีเรียที่ทำ�ให้อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง และโรคกระเพาะ - หอม (Shallot) กระเทียม (Garlic) ต้นหอม (Multiplier Onion) ประกอบด้วย เค วียซีติน (quercetin) ช่วยลดโคเลสเตอรอล และแป้งที่ไม่สามารถย่อยได้ เช่น fructo-oligosaccharides ตลอดจน ซัลเฟอร์ ช่วยป้องกันเลือดแข็งตัว ชาวอินเดียใช้แก้ปวดหัว ถ่ายพยาธิ รักษาโรคผิวหนังและทาแผล ในประเทศจีนจะตากแห้ง และป่นเป็นผงชงกินคล้ายชา แก้ปวด หัว ไข้หวัด นอกจากนี้จะใช้ป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา - ผักชีลาว (Dill) ช่วยเจริญอาหาร จำ�กัดการทำ�งานของเชื้อมะเร็ง - คื่นช่าย (Celery) ทำ�ให้อายุยืนยาว บำ�รุงสมอ - ผักกาดหอม (Lettuce) ใบใช้รักษาโรคไข้หวัด แก้ปวดหัว jaundice cancer of uterus liver and other tumors - บร็อคโคลี่ (Bloccoli) มีคุณค่าทางอาหารสูง สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา ยอมรับว่าเป็นพืชที่ต่อต้านโรคมะเร็ง ประกอบด้วย วิตามิน เอ แคลเซี่ยม ไรโบฟลาวิน หรือ วิตามิน บี2 สารประกอบ glycosinolate เมื่อถูกย่อยโดยเอ็นไซม์ mirosinase จะให้สารที่ มีรสชาติขม และสารประกอบ goitrogenic เช่น isothiocyanates, thiocyanates, nitriles และ goitrin สารประกอบเหล่านี้ให้รสชาติและกลิ่น มีรายงานว่าสารเหล่านี้จะจำ�กัดการสร้าง thyroxine ทำ�ให้เกิดโรคคอพอกหรือต่อม thyroid บวม นอกจากนี้จะประกอบด้วย S-methylcystein sulfoxide ซึ่งช่วยลดโคเลสตอรอล เมล็ดบร็อคโคลี่ที่เริ่มงอก (broccoli sprout) ประกอบด้วยสาร Sulforaphanes เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ โดยการบริโภค ประมาณ 1 กิโลกรัมต่ออาทิตย์ สามารถลดอัตราการ เสี่ยงที่เกิดโรคมะเร็งได้ 50 % การให้สัตว์ทดลองได้รับ สาร Sulforaphanes ซึ่งสกัดจากบร็อคโคลี่ สามารถ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ 60-80 % -3-
การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ
ผักเป็นอาหารที่สำ�คัญต่อร่างกาย ประกอบด้วยเซลลูโรสจำ�นวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ ช่วยในการขับถ่ายทำ�ให้ไม่เป็นโรคท้องผูก และที่สำ�คัญในผักมีวิตามินเอช่วยบำ�รุงสายตา วิตามินซี ช่วยบำ�รุงเหงือกและฟัน และสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคมักประสบปัญหาสารตกค้างในพืชผัก อันเนื่องมาจากการใช้ สารเคมีป้องกันและกำ�จัดศัตรูพืชที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม และไม่ระมัดระวังของเกษตรกรผู้ ผลิต ทำ�ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภค ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรพิจารณา เลือกซื้อผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ เช่น ผักที่ได้รับรองจากหน่วยราชการ หรือองค์กรต่างๆ เป็นต้น สาเหตุการเกิดสารพิษตกค้างในผัก 1. เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบเลือกซื้อเฉพาะผักที่สดสวยงาม ไม่มีร่องรอย การทำ�ลายของโรคและแมลง 2. ผู้ปลูกผักบางรายมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องของสารเคมีเป็นอย่างดี แต่ ไม่นำ�หลักการใช้ที่ถูกต้องไปปฏิบัติหรือละเลยเสีย โดยมุ่งหวังแต่ประโยชน์ผลกำ�ไรและความ สะดวกเป็นหลัก โดยขาดจิตสำ�นึกและความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม 3. ผู้ปลูกผักบางรายขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันกำ�จัดโรคและแมลงที่ถูก ต้อง เมื่อประสบปัญหาการเข้าทำ�ลายของโรคและแมลง ทางเลือกแรกที่นำ�มาใช้คือ การฉีด พ่นสารเคมีโดยไม่ได้คำ�นึงถึงวิธีการอื่นเลย เนื่องจากสารเคมีมีประสิทธิภาพสูง ให้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ และหาซื้อได้ง่าย ดังนั้นเมื่อชาวสวนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายปัญหาที่ตาม มาก็คือเกิดสารพิษตกค้างในผักที่เกินค่าความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเกษตรกร และผู้บริโภค 4. ประชาชนโดยทั่วไปยังมีมาตรฐานในการครองชีพที่ไม่สูงนัก มีพฤติกรรมในการ ใช้ชีวิตและการบริโภคที่ง่าย ๆ โดยไม่ค่อยคำ�นึงถึงความปลอดภัยในการบริโภคเท่าที่ควร ผักปลอดภัยจากสารพิษจึงมีได้รับความนิยมมากนัก
-4-
วิธีการที่ทำ�ให้สารพิษตกค้างในผักลดน้อยลง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ บริโภคด้วยวิธีการต่างๆ ก่อนนำ�ประกอบอาหารรับประทาน ดังนี้ 1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำ�สะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำ�สะอาด อีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72 2. แช่น้ำ�ปูนใส นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำ�สะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษ ตกค้างได้ร้อยละ 34-52 3. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-50 4. แช่น้ำ�ด่างทับทิม นาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ� 4 ลิตร) ล้าง ด้วยน้ำ�สะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43 5. ล้างด้วยน้ำ�ไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39 6. แช่น้ำ�ซาวข้าว นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำ�สะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษ ตกค้างได้ร้อยละ 29-38 7. แช่น้ำ�ส้มสายชูหรือเกลือป่น (น้ำ�ส้มสายชูหรือเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ� 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำ�สะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38 8. แช่น้ำ�ยาล้างผัก นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำ�สะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษ ตกค้างได้ร้อยละ 22-36
-5-
นอกจากการเลือกใช้วิธีการต่าง ๆ ในการช่วยลดสารพิษที่ตกค้างในผักแล้ว ยังมีวิธี การอื่นๆที่จะช่วยลดหรือเสี่ยงภัยจากสารเคมีตกค้างในผักได้อีกทางหนึ่ง คือ 1. ไม่ควรกินผักซ้ำ�ซากแต่ควรกินผักตามฤดูกาล โดยเฉพาะผักจีน การกินผัก น้อยชนิดบ่อยๆอย่างต่อเนื่องจะทำ�ให้เรามีโอกาสรับสารเคมีจากผักชนิดนั้นมากขึ้น เพราะ ถ้ากินผักที่ไม่อยู่ในฤดูกาลของมัน การปลูกผักชนิดนั้นก็มีโอกาสที่จะต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยา กำ�จัดแมลงมากขึ้น ดังนั้นควรกินผักที่หลากหลายชนิด รวมถึงผักพื้นบ้านและควรกินผักตาม ฤดูกาล เช่น ฤดูกาล ชนิดผัก เดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม (ฤดูร้อน) เดือนมิถุนายน – กันยายน (ฤดูฝน) เดือนธันวาคม – มกราคม (ฤดูหนาว)
คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ผัก- กาดหอม ชะอม ผักบุ้ง ดอกแค ฟักทอง เป็นต้น คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ชะอม ผักบุ้ง ตำ�ลึง หน่อไม้ ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี ฟักทอง ฟักแฟง เป็นต้น กะหล่ำ�ปลี แครอท ผักกาดขาว หัวไชเท้า สลัดแก้ว ผักกาดฮ่องเต้ บล็อกโคลี ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง ถั่ว- ลันเตา มะเขือเทศ คะน้า กวางตุ้ง สลัดต่าง ๆ ฯลฯ
2. กินผักพื้นบ้าน ผักพื้นบ้านของไทยมีอยู่หลายร้อยชนิด แต่ละชนิดล้วนมีรสชาติ อร่อย คุณค่าทางอาหารสูงและมีสรรพคุณทางยาป้องกันและรักษาโรคที่สำ�คัญ ผักพื้นบ้าน เป็นผักที่แข็งแรง ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน จึงไม่ต้องพึ่งสารเคมีในการปลูก 3.เลือกซื้อผักปลอดภัยจากสารพิษหรือผักอินทรีย์ ถ้าเป็นไปได้อาจเลือกซื้อผักที่ ปลอดภัยจากสารพิษที่มีการรับรองจากทางราชการ เช่น กรมวิชาการเกษตร หรือกรมส่งเสริม การเกษตร ซึ่งเป็นผักที่ถึงแม้จะมีการใช้สารเคมีแต่ถูกควบคุมให้อยู่ในระดับมาตรฐานหรือ เลือกซื้อผักอินทรีย์ ซึ่งเป็นผักที่ปลูกโดยไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เลย 4. ปลูกผักกินเอง ซึ่งนับเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและสามารถทำ�ได้หลายอย่างโดยไม่ เลือกพื้นที่มากหรือน้อย ไม่ว่าจะปลูกในกระถาง ปลูกในสวนครัว หรือปลูกริมรั้วก็ได้
-6-
-7-
อัญชัน วิธีที่ 1
อัญชัน วิธีที่ 2
ลักษณะทั่วไป อัญชัน เป็นไม้เลื้อย ลำ�ต้นมีสีเขียวมีขน ใบ สีเขียวเป็นไม้ไม่ผลัดใบ ดอกสีน้ำ�เงินแก่ตรงกลางมีสี เหลืองบางชนิดมีสีขาว หรือสีม่วงอ่อน ผลแบบฝักถั่ว ขึ้นได้ดีในดินทั่วไป ชอบความชื้นปานกลาง ขึ้นงอกงาม ดีในดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูง ชอบแสงทั้งวันอัตราการ เจริญเติบดีมาก นิยมปลูกตามรั้ว เป็นซุ้ม เป็นพันธุ์ไม้ ในเขตร้อน ขึ้นได้ทั่วไป ส่วนผสม • ดอกอัญชันสด 5 ดอก • น้ำ�เปล่าสะอาดเดือด 1 แก้ว (200 ซีซี) • น้ำ�ผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ (15 ซีซี) วิธีทำ� ล้างดอกอัญชันสดให้สะอาดด้วยน้ำ�เปล่า เด็ด ส่วนที่เป็นก้านดอกทิ้ง เอาแต่ดอกส่วนที่มีสีน้ำ�เงิน 5 ดอก ใส่ลงในแก้วที่มีที่กรองชา หากไม่มีแก้วที่กรองใบชาได้ ก็ใช้แก้วชาทั่วไปได้ ต้มน้ำ�ให้เดือด เทน้ำ�เดือดลงผ่านกลีบดอกอัญชัน แล้วเขย่าแก้วเบาๆ สีจะกระจาย ลงในน้ำ� หากไม่มีสีออกมา ใช้ช้อนลงช่วยคนได้ สัก 2-3 นาที จนสีกลีบดอกซีด ยกที่กรองชา ออก หรือถ้าไม่ทีที่กรองชา ก็ใช้ช้อน ตักกลีบดอกทิ้งไป เติมน้ำ�ผึ้ง จะได้น้ำ� สีฟ้าอมเขียว เติมน้ำ�แข็ง หรือดื่มร้อนได้ตามชอบ สรรพคุณ Tips 1.เลือก สารอาหารให้สารสีฟ้า ซึ่งเป็นสารต้าน อัญชันสีน้ำ�เงินเชื่อว่าสาร อนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย บำ�รุงผม อาหารจะมีมากกว่าสีอื่น ให้สีเข้มเสมอ บำ�รุงสายตาป้องกันอันตรายจากแสง จ้า ดอกมีคุณค่าทางสมุนไพรช่วยปลูกผม ราก บำ�รุง ตาแก้ตาฟาง ตาแฉะ ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ -8-
ส่วนผสม • ดอกอัญชันสด 5 ดอก • น้ำ�เปล่าสะอาดเดือด 1 แก้ว (200 ซีซี) • น้ำ�ตาล 1 ช้อนชา • น้ำ�มะนาวสด 1 ช้อนโต๊ะ (15 ซีซี) วิธีทำ� ล้างดอกอัญชันสดให้สะอาดด้วยน้ำ�เปล่า เด็ดส่วนที่เป็นก้านดอกทิ้ง เอาแต่ดอกส่วนที่มีสีน้ำ�เงิน 5 ดอก ใส่ลงในแก้วที่มีที่กรองชา หากไม่มีแก้วที่กรอง ใบชาได้ ก็ใช้แก้วชาทั่วไปได้ ต้มน้ำ�ให้เดือด เทน้ำ�เดือดลงผ่านกลีบดอก อัญชัน แล้วเขย่าแก้วเบาๆ สีจะกระจายลงในน้ำ� หาก ไม่มีสีออกมา ใช้ช้อนลงช่วยคนได้ สัก 2-3 นาที จนสี กลีบดอกซีด ยกที่กรองชาออก หรือถ้าไม่ทีที่กรองชา ก็ ใช้ช้อน ตักกลีบดอกทิ้งไป เติมน้ำ�แข็ง รอจนเย็นดีแล้ว เติมน้ำ�มะนาว สด จะได้น้ำ�สีฟ้าอมม่วง
Tips
ใช้ดอก แห้ง สัก 10 ดอก/แก้ว แทนดอกสด 5 ดอก ใช้ดอกแห้งเรียก ว่าชาอัญชัน จะไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว และ ไม่มีรสชาติ สามารถปรุงแต่งรสได้ตามชอบ แต่สารอาหารบางตัวอาจลดน้อยลงไป
-9-
อัญชัน วิธีที่ 3 ส่วนผสม • ดอกอัญชันสด 5 ดอก • น้ำ�เปล่าสะอาดเดือด 1 แก้ว (200 ซีซี) วิธีทำ� ล้างดอกอัญชันสดให้สะอาดด้วยน้ำ�เปล่า เด็ด ส่วนที่เป็นก้านดอกทิ้ง เอาแต่ดอกส่วนที่มีสีน้ำ�เงิน 5 ดอก ใส่ลงในแก้วที่มีที่กรองชา หากไม่มีแก้วที่กรองใบชาได้ ก็ ใช้แก้วชาทั่วไปได้ ต้มน้ำ�ให้เดือด เทน้ำ�เดือดลงผ่านกลีบดอก อัญชัน แล้วเขย่าแก้วเบาๆ สีจะกระจายตัวลงในน้ำ� ใช้ ช้อนลงช่วยคนได้ สัก 2-3 นาที จนสีกลีบดอกซีด ยกที่ กรองชาออก หรือถ้าไม่ทีที่กรองชา ก็ใช้ช้อน ตักกลีบดอก ทิ้งไป จะได้น้ำ� สีฟ้าสด เติมน้ำ�แข็ง หรือดื่มร้อนๆ ได้ ตามชอบ จะมีรสชาติของอัญชันสด (กลิ่นคล้ายผัก) หาก ชอบหวานเติมน้ำ�ตาลสัก 1 ช้อนชาได้
Tips
เห็ดหลินจือ ลักษณะทั่วไป เห็ดหลินจือ มีสารอาหารที่จะเจ้าไปกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ให้ทำ�หน้าที่เป็นปกติ สามารถต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ต้าน การจับตัวของบิ่มเบิอด ลดน้ำ�ตาลในเลือด ฯลฯ หลาย ท่านบอกว่าเป็นยาอายุวัฒนะ คือเป็นยาที่รับประทาน ให้ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดี ส่วนผสม - เห็ดหลินจือแห้ง 6 กรัม (ประมาณ 10 ชิ้น) - น้ำ�สะอาด 2 ลิตร (หรือมากกว่า) วิธีทำ� นำ�เห็ดหลินจือแห้ง และน้ำ�สะอาด ใส่ลงในหม้อ เคลือบ หรือหม้อดิน ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มจนเดือด แล้วหรี่ไฟลงพอให้น้ำ�ยัง เดือดปุดๆ ต้มต่อไปอีกประมาณ 15-20 นาที ยกลง ตั้งทิ้งไว้เย็นพอดื่มได้ คือประมาณ อุ่นเล็กน้อย (ประมาณ 37-38 องศาเซลเซียส) จะ ทำ�ให้สารออกฤทธิ์ทำ�งานได้ดี และสามารถดื่มแทนน้ำ�ได้โดยไม่ต้องแช่เย็น
หากมีดอก สดมาก สามารถผึ่งในที่ร้อนและแห้ง โดย ไม่โดนแดดจัด รอให้แห้ง เก็บไว้ในโถปิดสนิท จะใช้ได้ ประมาณ 6 เดือน
สรรพคุณ เห็ดหลินจือทำ�ให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำ�รุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำ�ให้มีกำ�ลัง ทำ�ให้ความจำ�ดีขึ้น ทำ�ให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำ�ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ� ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวด ข้อ โรคเก๊าท์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำ�เดือน ริดสีดวง ทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้
-10-
-11-
แครอท ลักษณะทั่วไป แครอทเป็นพืชกินหัวที่มีปลูกมากในประเทศไทย และเป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว แครอท เกิดในแถบเอเชีย ตะวันออกและเอเชียกลาง ออกดอกราวเดือนพฤษภาคม ถึงตุลาคม ดอกแตกเป็นชั้นคล้ายร่ม ชั้นนอกสีชมพู ตรง กลางสีม่วงแดง แครอทสมัยโบราณมีเนื้อแข็ง เสี้ยนเยอะ เหมือนไม้ สีของหัวแครอทมีตั้งแต่สีเหลืองไปจนถึงสีม่วง แต่แครอทสีส้มที่รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นแครอทที่ได้ รับการพัฒนาสายพันธุ์เมื่อศตวรรษที่ 18 ส่วนผสม - แครอท (หัวละ 200-250 กรัม) 2 หัว - บีทรูท (หัวละ 80 กรัม) 1/2 ถ้วย - ผักกาดแก้วหัวเล็ก (300-350 กรัม) 1 หัว - นมสดชนิดพร่องมันเนย 1/2 ถ้วย วิธีทำ� ล้างแครอท บีทรูท ปอกเปลือกหั่นท่อนนำ�มาเท ใส่ลงในโถปั่น ใส่นมสด ปั่นเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องปั่น 3 แรงม้าขึ้นไป ด้วยความเร็วต่ำ� 1 นาที รินใส่แก้ว ตกแต่งให้สวยงาม สรรพคุณ สารเบต้าแคโรทีนที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์ของมะเร็ง ต่อต้านการ เกิดเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในปอดได้ ซึ่งคน ที่กินผักที่มีเบต้าแคโรทีนน้อยที่สุด จะเสี่ยงต่อมะเร็งในปอดมากเป็นเจ็ดเท่าของคนที่กินมาก ที่สุด นอกจากนั้นแล้วก็ยังช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดี และยังมีแคลเซียมเพคเตทที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ลดการเกิดโรคหัวใจและ ภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนั้นในแครอทยังมีวิตามินเอสูง ช่วยบำ�รุงและลดการเสื่อมของตา มีสารต่างๆ ที่เป็นทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มี วิตามินเอ บี1 บี2 และวิตามินซี อีกทั้งยังช่วยบำ�รุงเซลล์ผิวหนังและเส้นผมให้มีสุขภาพดี -12-
ขิง ลักษณะทั่วไป ขิงเป็นพืชล้มลุกมีลำ�ต้นใต้ดินซึ่งมีลักษณะ คล้ายมือหรือที่เรียกว่า “เหง้า” เปลือกเหง้ามีสีเหลือง อ่อน แต่เนื้อภายในมีสีเหลืองอมเขียว ขิงจัดเป็นพืช ตระกูลเดียวกันกับข่า ขมิ้น กระวาน เร่ว ขิงอ่อนมีสี ขาวออกเหลือง มีรสเผ็ดและกลิ่นหอม ยิ่งแก่ยิ่งมีรส เผ็ดร้อน ลำ�ต้นบนดินมีลักษณะเป็นกอสูงประมาณ 90 เซนติเมตร ถ้ากนใบเป็นกาบหุ้มซ้อนกัน ใบเป็นใบ เดี่ยวออกสลับเรียงกันเป็นสองแถว มีรูปร่างคล้ายใบ ไผ่ ปลายใบเรียวแหลม ดอกมีสีขาวออกเป็นช่อบนยอด ที่แยกออกมาจากลำ�ต้นซึ่งไม่มีใบที่ก้านดอก ดอกมี ลักษณะเป็นทรงพุ่มปลายดอกแหลม มีเกล็ดอยู่รอบๆ ดอกจะแซมออกมาตามเกล็ด ผลมีลักษณะกลมแข็ง วิธีที่ 1 นำ�ขิงมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็น แว่น ใส่หม้อ ใส่น้ำ� ตั้งไฟ ต้มน้ำ�จนเดือดสักครู่ กรองเอา ขิงออก ใส่น้ำ�เชื่อม ชิมรสตามชอบ วิธีที่ 2 ใช้เหง้าขิงแก่ ฝนกับน้ำ�มะนาว ใช้กวาดคอ ขับ เสมหะ หรือผสมน้ำ�มากขึ้นเป็นเครื่องดื่ม จิบบ่อยๆ ช่วย ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ
ส่วนผสม • ขิงสด 15 กรัม • น้ำ�เชื่อม 15 กรัม • น้ำ�เปล่า 240 กรัม • น้ำ�มะนาว 30 กรัม • น้ำ�เสาวรสเข้มข้น 30 กรัม สรรพคุณ พรั่งพร้อมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม ช่วยบำ�รุงกระดูก และฟัน มีเบต้า-แคโรทีน อีกด้วย ช่วยต้านมะเร็ง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และขับเสมหะ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน เมารถเมาเรือ ช่วยเจริญอาหาร กินข้าวได้ ขอกจากนั้น ยังลดการ จับตัวของลิ่มเลือด และน้ำ�ย่อยต่างๆ ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และยังนิยมดื่มเพื่อ ไล่พิษไข้ โดยเฉพาะไข้หวัดให้ทุเลาลง -13-
คะน้า
ตะไคร้หอม
ลักษณะทั่วไป คะน้าเป็นพืชผักใบเขียวที่นิยมรับประทาน ทั่วไปโดยบริโภคส่วนของใบและลำ� มีถิ่นกำ�เนิดอยู่ ในทวีปเอเชียและปลูกกันมากในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซียและประเทศไทย ซึ่งชาวจีนเรียก คะน้าว่า ไก่หลันไช่ ส่วนผสม • ใบคะน้า 40 กรัม • น้ำ�เชื่อม 30 กรัม • น้ำ�มะนาว 10 กรัม • น้ำ�เปล่าสะอาด 200 กรัม • เกลือเสริมไอโอดีน 1 กรัม วิธีทำ� นำ�ใบคะน้าล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นใส่ เครื่องปั่นเติมน้ำ�สุกครึ่งแก้ว (100 ซีซี) ปั่นจนลดเอียด กรองเอาแต่น้ำ� แล้วเติมน้ำ�ที่เหลือ น้ำ�มะนาว น้ำ�เชื่อม และเกลือ ชิมรสตามชอบ เสริฟเย็นๆ ด้วยการเติมน้ำ�แข็งทุบ หรือใช้น้ำ�เย็นจัดในการทำ�น้ำ�คะน้า สรรพคุณ ให้วิตามินเอสูงมาก ช่วยบำ�รุงสายตา คะน้าเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารช่วย ยับยั้งมะเร็ง และยังมีแคลเซี่ยม ฟอสฟรัส ช่วยบำ�รุงกระดูก และยังมีวิตามินซี ช่วยป้องกันโรค เลือดออกตามไรฟัน ชลอความแก่ ป้องกันมะเร็ง และทำ�ให้เนื้อเยื่อของร่างกายยทำ�งานได้ดี ป้องกันโรคโลหิตจาง ลดระดับอุณหภูมิในร่างกาย และแก้การกระหายน้ำ�
-14-
ลักษณะทั่วไป ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 0.75-1.2 เมตร แตกเป็นกอ เหง้าใต้ดินมีกลิ่นเฉพาะ ข้อและปล้อง สั้นมาก กาบใบของตะไคร้หอมมีสีเขียวปนม่วงแดง ยาวและหนาหุ้มข้อและปล้องไว้แน่น ใบ เดี่ยวเรียง สลับ กว้าง 1-2 ซม. ยาว 70-100 ซม. แผ่นใบและ ขอบใบสากและคม (ตะไคร้หอมใบยาวและนิ่มกว่า ตะไคร้ธรรมดาเล็กน้อย ทำ�ให้ปลายห้อยลงปรกดิน กว่า) ดอก ช่อ สีน้ำ�ตาลแดง แทงออกจากกลางต้น ออกดอกยาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก ส่วนผสม • ตะไคร้ 20 กรัม • น้ำ�เชื่อม 15 กรัม • น้ำ�เปล่าสะอาด 240 กรัม วิธีทำ�
นำ�ตะไคร้มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้น ทุบให้แตก ใส่หม้อต้มกับน้ำ�เดือดจนน้ำ� ตะไคร้อกมาปนกับน้ำ�เป็นสีเขียว สักครู่ จึงยกลง เติมน้ำ�เชื่อม ชิมรสตามชอบ เสริฟได้ทั้งร้อน และเย็น สรรพคุณ มีวิตามินเอ ช่วยบำ�รุงสายตา มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส บำ�รุงกระดูกและฟัน ช่วย เพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับปัสสาวะ ขับเหลื่อได้ดี ช่วยลดพิษ ของสารแปลกปลอม รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิต
-15-
บร็อคโคลี
ตำ�ลึง
ลักษณะทั่วไป บร็อคโคลี จะมีใบกว้างสีเขียวเข้มออกเทา ริมขอบใบเป็นหยัก ทรงพุ่มใหญ่เก้งก้าง ลำ�ต้นใหญ่ และอวบ ดอกอยู่รวมกันเป็นกลุ่มช่อหนาแน่นดูเป็น ฝอย ๆ สีเขียวเข้ม ดอกมีขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 16 เซนติเมตร โดยทั่วไปนิยมกินตรงส่วน ที่เป็นดอกและลำ�ต้นจะนิยมรองลงมา แต่ในด้าน คุณค่าทางอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซี กลับมีอยู่มาก ในส่วนของลำ�ต้น ด้งนั้นหลังจากเก็บบรอกโคลีไว้นาน พบว่าดอกกลายเป็นสีเหลือง อย่าเพิ่งทิ้ง นำ�ส่วนของ ลำ�ต้นมาทำ�อาหารรับประทานได้และดีกว่าด้วย บร อกโคลีมีรสหวาน กรอบ จึงเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ส่วนผสม - ก้านบร็อคโคลีปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น 10-15 ชิ้น - แอปเปิ้ล ครึ่งผล วิธีทำ� นำ�บร็อคโคลีสด และแอปเปิ้ลมาล้างน้ำ�ให้สะอาด ใช้เวลาล้างให้น้ำ�ไหลผ่าน 10-15 นาที จากนั้น หั่นบร็อคโคลี ปอกเปลือกเอาแต่เนื้อขาวใสด้านในหั่นเป็นชิ้น หั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้น จากนั้นเอาทั้งสองอย่าง ใส่เครื่องคั้นแยกกากจะได้น้ำ�บร็อคโคลีสด ดื่มทันที สรรพคุณ บร็อคโคลี มีคุณค่าทางอาหารสูง ช่วยป้องกันมะเร็ง ป้องกันการเกิดต้อกระจก ช่วย กำ�จัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง สารบางชนิดในบร็อคโคลียังช่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย
-16-
ลักษณะทั่วไป ลำ�ต้นเป็น เถาไม้เลื้อยเนื้อแข็ง ใบเป็น ใบ เดี่ยว มีลักษณะเป็น 3 แฉก หรือ 5 แฉก กว้างและ ยาวประมาณ 4-8 ซม. โคนใบมีลักษณะเป็นรูป หัวใจ มีมือเกาะยื่นออกมาจากที่ข้อ ดอกเป็น ดอก เดี่ยวหรือดอกคู่ มีลักษณะเป็นรูประฆัง กลีบดอก สีขาว แยกเพศอยู่คนละต้น ดอกออกตรงที่ซอกใบ ลักษณะของผลเป็นวงรีทรงยาวสีเขียวอ่อน เมื่อยาม แก่จัดจะเป็นสีแดง เป็นที่ชื่นชอบของ นกนานาชนิด
วิธีทำ�
ส่วนผสม • ใบตำ�ลึง • น้ำ�เชื่อม • น้ำ�มะนาว • เกลือป่น เสริมไอโอดีน • น้ำ�เปล่าสะอาด
20 กรัม 30 กรัม 10 กรัม 1 กรัม 200 กรัม
ล้างใบตำ�ลึงให้สะอาด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ�เปล่าครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียด (ถ้าไม่มี เครื่องปั่น ก็ใช้ครกตำ�ให้ละเอียดก็ได้ แต่ต้องล้างครกและสากให้สะอาดไม่มีกลิ่นก่อน) แล้วนำ� ไปกรอง ใส่น้ำ�ที่เหลือลงกากที่เหลือ คั้นต่อเอาแต่น้ำ� นำ�น้ำ�ที่ได้ไปใส่เกลือ น้ำ�มะนาว น้ำ�เชื่อม ชิมรสตามชอบ ถ้าต้องการเติมน้ำ�แข็ง เวลาทำ�ให้ลดน้ำ�เปล่าลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เข้มข้น เวลาใส่ น้ำ�แข็งจะได้ไม่จืด ควรรีบดื่มเพื่อให้ได้คุณค่า สรรพคุณ มีวิตามิน เอ สูง ช่วยบำ�รุงสายตา มีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส บำ�รุงกระดูก และวิตามินซี ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน นำ�ใบมาตำ�ให้ละเอียด พอกแก้อาการแพ้ แมลงกัดต่อย นำ�มารับประทานช่วยป้องกันโรโลหิตจาง โรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด
-17-
ใบเตย ลักษณะทั่วไป ใบเตยเป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ขึ้นเป็นกอ ลำ�ต้นอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนเป็น เกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ใบเป็นทางยาว สีเข้ม ค่อน ข้างแข็ง เป็นมัน ขอบใบเรียบ ในใบมีกลิ่นหอมจาก น้ำ�มันหอมระเหย Fragrant Screw Pine สีเขียวจาก ใบเป็นสีของคลอโรฟิลล์ ใช้แต่งสีขนมได้ ส่วนผสม • ใบเตย 5 กรัม • น้ำ�เชื่อม 15 กรัม • น้ำ�เปล่าสะอาด 240 กรัม • เกลือป่น 1 กรัม วิธีทำ� นำ�ใบเตยสดล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนๆ ใส่ หม้อต้มด้วยน้ำ�สะอาด พอเดือด ก็ลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนมอง เห็นสีของใบเตยเขียวอ่อนเจือจาง ตักใบเตยออกด้วยการกรองให้เหลือแต่น้ำ� ใส่เกลือป่น ตามด้วยน้ำ�เชื่อม ปล่อยให้เดือดต่อ 5 นาที ยกลง ชิมรสตามชอบ ปล่อยให้เดือดต่อไปอีก 5 นาที ชิมรสตามชอบ สรรพคุณ ใช้แต่งสีอาหารสีเขียว เพิ่มกลิ่นหอมให้อาหาร ช่วยบำ�รุงหัวใจ ช่วยลดอาการ กระหายน้ำ� ทำ�ให้ชุ่มชื่น
-18-
ผักกาดขาว ลักษณะทั่วไป ผักกาดขาวปลีเป็นผักที่มีอายุปีเดียว ผักกาด ขาวขึ้นได้ในดินเกือบทุกประเภท ชอบดินร่วนที่มีความ อุดมสมบูรณ์สูง ในดินต้องชื้นตลอดฤดูปลูก ผักกาดขาว ปลีต้องการน้ำ�มากสม่ำ�เสมอ และควรพรวนดินบ่อยๆ ในระยะที่เริ่มเข้าปลี ในประเทศไทยสามารถปลูกได้ ตลอดปี และปลูกได้ผลดีที่สุดอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม กุมภาพันธ์ ส่วนผสม 1. ผักกาดขาว 200 กรัม 2. แอปเปิ้ลแดง 50 กรัม 3. น้ำ�สับปะรด 1 ถ้วย 4. น้ำ�แข็งก้อน 5. ผงอบเชย วิธีทำ� 1. ล้างผักกาดขาวให้สะอาด แกะผักกาดขาวออกเป็นใบ ๆ 2. หั่นแอปเปิ้ลแดงเป็นชิ้นๆ 3. ใส่ผักกาดขาว แอปเปิ้ล และน้ำ�สับปะรดลงไปในเครี่องปั่น ปั่นให้ละเอียด 4. เทใส่แก้ว ก่อนดื่มเติมน้ำ�แข็งลงไปสัก 4-5 ก้อณ โรยหน้าด้วยผงอบเชย **อาจจะดัดแปลงสูตรโดยผสมกับน้ำ�ผลไม้อย่างอื่นก็ได้ เช่น น้ำ�ส้มคั้น น้ำ�มะนาว ฯลฯ ก็จะ ทำ�ให้ได้รสชาติแปลกใหม่ขึ้น สรรพคุณ กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะและลำ�ไส้ ช่วยย่อยอาหาร ทำ�ให้เจริญอาหาร ลด อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายได้คล่อง ขับอาหารเป็นพิษต่าง ๆ ในลำ�ไส้ ป้องกันโรคคอตีบ เยื่อ หุ้มสมองอักเสบ หวัด ป้องกันมะเร็งในทางเดินอาหาร ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน โรคตา ห้อง โรคลักปิดลักเปิด แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้อักเสบ แก้พิษสุรา ดับกระหาย -19-
มะเขือเทศ ลักษณะทั่วไป เป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี ลำ�ต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ใบเป็นใบ ประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบ เล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็น หยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ ออกดอกเป็นช่อหรือ ดอกเดี่ยว บริเวณซอกใบ ดอกมีสีเหลือง มีกลีบเลี้ยง สีเขียวประมาณ 5-6 กลีบ ผลเป็นผลเดี่ยว มีขนาดรูป ร่างและสีต่างกัน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำ�ด้วยน้ำ�มีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำ�นวน มาก มะเขือเทศมีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์สีดา พันธุ์โรมา เรดเพียร์ ส่วนผสม • มะเขือเทศ 50 กรัม • น้ำ�เชื่อม 15 กรัม • น้ำ�เปล่าสะอาด 200 กรัม • เกลือป่น 2 กรัม วิธีทำ� ล้างมะเขือเทศให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ ใส่เครื่องปั่นพร้อมน้ำ�เชื่อม น้ำ�เปล่า เกลือ ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ สรรพคุณ มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก บำ�รุงสายตา ช่วยต่อต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูก หมาก และมีวิตามินซีสูงด้วย ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยทำ�ให้คงความหนุ่มสาว ไม่เหี่ยวย่น ทำ�ให้สดชื่น แก้กระหายน้ำ� ผิวพรรณผ่องใส ช่วยย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยฟอกเลือด ป้องกันมะเร็ง -20-
ลูกยอ ลักษณะทั่วไป เป็นพืชพื้นเมืองในแถบโพลีเนเซียตอนใต้ แล้วแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ภาษามาเลย์เรียก เมอกาดู ในหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกเรียกโนนู เป็น ไม้ยืนต้น ต้นสี่เหลี่ยม เปลือกต้นเรียบ ใบสีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ฐานดอกติดกันแน่นเป็นทรง กลม ผลทรงยาวรี เมื่ออ่อนสีเขียว พอสุกเปลี่ยนเป็นสี ขาวนวล เนื้อนุ่ม รสเผ็ด กลิ่นแรง มีเมล็ดจำ�นวนมาก สี น้ำ�ตาลเข้ม ส่วนผสม - ลูกยอสุกผลใหญ่ 1-2 ผล - น้ำ�สะอาด 1 ½ ถ้วยตวง - น้ำ�ผึ้งบริสุทธิ์ ½ ถ้วยตวง - น้ำ�ตาลทราย ¼ ถ้วยตวง - เกลือป่น ½ ช้อนชา
วิธีทำ� 1. เลือกลูกยอชนิดสุก (เกือบงอม) นำ�มาล้างน้ำ�ให้สะอาดใส่หม้อเติมน้ำ�สะอาดลง ไปต้มจนเปื่อยหรือจนสามารถยีเอาเมล็ดออกได้ 2. ยีเอาเมล็ดออกแล้วกรองให้สะอาดด้วยผ้าขาวบางเอากากออก 3. นำ�น้ำ�ที่ได้ไปตั้งไฟ เติมน้ำ�ตาล น้ำ�ผึ้งและเกลือป่นลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตาม ชอบ ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น เตรียมเสิร์ฟพร้อมดื่ม หรือกรอกใส่ขวดแช่เย็น สรรพคุณ น้ำ�ลูกยอเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่ได้จากลูกยอและน้ำ�ผึ้ง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับลม บำ�รุงธาตุ ขับโลหิต ขับระดูของตรี แก้คลื่นไส้อาเจียน ช่วยขับผายลมในลำ�ไส้ รวมทั้งคุณค่า ของน้ำ�ผึ้งที่มีต่อสุขภาพ
-21-
บรรณานุกรม - หนังสือน้ำ�ผักผลไม้ เพื่อสุขภาพ - http://202.129.59.73/nana/frwater/ - http://www2.it.mju.ac.th/dbresearch/ raen/index.php/newspeaper2010/125-vegetpotion - http://www.agric-prod.mju.ac.th/vegetable/knowledge.asp
สุขภาพที่ดี อายุยืนยาว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนกว่าวัย ดื่มน้ำ�ผักสด เป็นประจำ�