COWARD Write by Prince of Wind
TVXQ Fan Fiction
คำ�นำ�
4
เมื่อ 5 ปีก่อน คำ�ถามสั้นๆได้จุดชนวนความคิดให้ แกว่ ง สร้ า งละลายไอเดี ย ในหั ว สมองแล้ ว รอตกตะกอนเป็ น พล็อตฟิค กลั่นกรองเรียบเรียงจนสำ�เร็จเสร็จออกมาเป็น ฟิคชั่นเรื่องสั้นขนาดกลาง (เพราะยาวกินหน้าA4ไปสิบกว่า แผ่นได้) เป็นหนึ่งในฟิคที่ใช้เวลาแต่งน้อยที่สุดเรื่องหนึ่ง แต่งจบภายในเวลาเพียงแค่ 2 วัน แต่ดองทิ้งไว้เป็นปีๆแทบ ไม่มีใครพบเห็น จนผ่านไป 5 ปี ฟิคชั่นสั้นๆก็ดองจนเครื่องเข้าเนื้อ ส ม ค ว ร แ ก่ เ ว ล า ห ยิ บ อ อ ก ม า เ ผ ย แ พ ร่ อี ก ค รั้ ง ใ น ง า น e-book เล่มนี้ ไม่ มี อ ะไรที่ เ ข้ า ใจยากเวลาที่ ใ ครสั ก คนเลื อ กหยิ บ e-bookเล่มนี้มาเปิดอ่าน คุณแค่กำ�ลังจะได้รับสารอาหาร ประเภทวรรณกรรมสั้นความรักแบบชาย-ชาย (แน่นอนเรา ไม่ได้เขียนผิด ฟิคชั่นเรื่องนี้มีพระนางเป็นผู้ชายและผู้ชาย) และได้ รั บ คำ � ตอบจากความคิ ด เห็ น ส่ ว นตั ว ของเราเองในเรื่ อ ง ของ “รักแรกพบ” และ “คนขี้ขลาด” คำ�สองคำ�ที่จะเกี่ยวกัน ก็คงได้ จะไม่เกี่ยวก็คงได้(?) พล็อตไม่ซับซ้อน ง่ายๆสบายๆ หวานๆชิลๆ น้ำ�ตาซึมเล็กน้อยเหมือนเวลาทานชอคโกแลตพริก
ของเมืองนอก รสหวานปนขม และเปื้อนเผ็ดจนลิ้นชา เราเป็ น แค่ นั ก เขี ย นคนหนึ่ ง ที่ อ ยากจะส่ ง มอบความคิ ด เล็กๆของเราให้กับคุณ เปิดมุมมองความรักเล็กๆที่สังคมยัง คงไม่ยอมเปิดตามองให้ชัดเจน e-bookเล่มเล็กๆบางๆนี้ คงร้องแรกแหกกระเชิงดังก้องไม่ได้ มันเพียงแค่วางไว้ใน ระบบอินเทอร์เน็ตนี้รอคอยใครสักคนมาเปิดมัน คุณจะได้อะไรจากe-bookเล่มนี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า คุ ณ ประสงค์ จ ะลองเปิ ด สายตามองเรื่ อ งราวของเราให้ ชั ด เจน ขึ้นอีกสักเล็กน้อยหรือไม่?
ลองเปิดใจก่อน แล้วค่อยพลิกเปิดหน้าหนังสือ
WRITER PRINCE_OF_WIND NAME : Miss Nutthawan Santorn CODE : 5314101336 SECTION : 2
5
สารบัญ
6
Chapter 5 38
prologue 11
Chapter 6 44
Chapter 1 12
Chapter 7 48
Chapter 2 18
Epilogue 54
Chapter 3 24 Chapter 4 30
7
8
9
Prologue คุณเคยสงสัยไหมว่ารักแรกพบมันอยู่จริงๆหรือ? จะเป็นไปได้หรือที่คนสองคนจะรักกันตั้งแต่วินาทีแรกที่พบหน้า
10
ผมเคยสงสัยเรื่องนั้น “The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched. They must be felt with the heart.” - - Helen Keller - “สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่จะรู้สึกได้จากหัวใจ”
ความสงสัยผมกระจ่างชัดเมื่อมันเกิดกับตัวผมเอง แรงดึงดูดมหาศาลจากดวงตาที่สบกัน ความรู้สึกร้อนแผ่วอบอุ่น แผ่ซ่านไปทั่วร่าง หัวใจเต้นกระหน่ำ�ร่ำ�ร้องอยากพบหน้า อยากพูด คุย อยากรู้จัก รักแรกพบมีอยู่จริง... แต่เชื่อผมเถอะ รักแรกพบไม่ได้พาเราไปสู่ความรักที่ยาวนานได้เสมอ ไปหรอก เพราะองค์ประกอบของความรัก ไม่ได้มีเพียงแค่ ความ รู้สึกแรกรักยามพบหน้ากัน เชื่อผมเถอะ
11
12 “เหมาะกับพี่ดีนะ” ชางมินเอ่ยชมด้วยสีหน้ากลั้นยิ้มสุดชีวิต ก่อนจะหลุดหัวเราะร่าอย่างอดไม่ไหวกับสภาพของรูมเมทผู้พี่ “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยไอ้ตัวแสบ!” ชองยุนโฮพูดเสียงห้วน แก้มยุ้ยๆแดงระเรื่อด้วยความอาย เมื่อมองตัวเองในกระจกผ่านรูดวงตา จุดเล็กๆที่เจาะแค่ให้พอมองเห็น ร่างสูง 170 เซนติเมตรอยู่ภายใต้ ชุดMascotsคัพเค้กสีน้ำ�ตาลชอคโกแลต มีลูกเชอร์รี่ยักษ์ขนาดเท่า ลูกบอลประดับอยู่ด้านบน ขายาวสวมผ้าลูกฟูกสีน้ำ�ตาลเข้มกับรองเท้า ยักษ์สีเหลืองที่หุ้มมิดชิดพอให้เท้าอุ่นสบายในหน้าหนาว แต่ทำ�เอาเท้าแทบละลายในหน้าร้อน! แล้วทำ�ไมเขาต้องมาทนใส่ชุดนี้น่ะเหรอ? เหตุผลง่ายๆ สาม พยางค์สั้นๆ ชิม - ชาง - มิน!!! ชิมชางมิน เด็กอายุ 14 ปีที่ทางค่ายจับผลัดจับผลูมาเทรนนิ่ง พร้ อมกั บชองยุน โฮอี ก ทั้ง ต้องมาพัก อยู่ในหอเด็ ก ฝึ ก หั ดห้ อ งเดีย วกั น ตามกฎของค่าย และเพราะเขาอายุมากกว่าชางมิน 2 ปีเต็มจึงรู้สึกว่า จะต้องรับผิดชอบในการดูแลความเป็นอยู่มากกว่าชางมิน ฉะนั้นเขา
ก็มักจะแอบไปทำ�งานพิเศษเพื่อหาเงินมาให้พอใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่โดย ไม่เคยบอกชางมิน แต่พอเจ้าตัวยุ่งรู้เข้าก็ถึงกับโกรธ ประกาศกร้าวว่า ถ้าไม่ยอมพาทำ�งานด้วยกัน มันจะไม่ยอมแตะต้องของทุกชิ้นที่เขาซื้อ เข้าห้อง ยุนโฮเลยจำ�เป็นต้องหางานที่ไม่เกินกำ�ลังของเด็กวัย 14 ปีที่ กระเหี้ยนกระหือรือจะช่วยเขาทำ�งาน และมาลงล็อคที่งานใส่ชุดMascotsแจกใบปลิวในห้าง “ทำ�ไมล่ะ ชุดนี้น่ารักดีออก” ตัวการพูดกลั้วหัวเราะ ตบมือลง ที่เข่าอย่างถูกใจ “ชุดพวกนี้มหัศจรรย์จริงๆ ใครใส่ก็ดูน่ารักหมด ขนาดคนบ๊องๆอย่างพี่ก็ยัง..” “ไอ้ชางมิน!!” ยุนโฮตวาดเสียงดังลั่น ขายาวยกหมายจะยัน โครมเจ้าตัวแสบที่หัวเราะไม่เกรงใจ ไม่เถียงหรอกว่ามันดูน่ารักจริงๆแต่ ก็รู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย และที่สำ�คัญชุดนี้มันก็หนักเอาเรื่อง หายใจ ก็ลำ�บากเหมือนนั่งอยู่ในกล่องกระดาษปิดทึบยังไงยังงั้น ถึงเจ้าของร้าน จะการันตีว่าเลือกชุดที่เบาที่สุดมาให้แล้วก็เถอะ แต่ถ้าเบาที่สุดยังหนัก ถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นชุดปกติไหล่ไม่ทรุดเลยเหรอ? ดวงตาสี เ ปลื อ กไม้ ล อบมองชุ ด Mascotsหมี สี น้ำ � ตาลอ่ อ น น่ารักสัญลักษณ์ประจำ�ร้านที่ชางมินใส่ ก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที ถึงจะ สูงจนเกินมาตรฐานเด็กวัยเดียวกัน แต่ยังไงมันก็เด็ก จะอดทนไหว แน่เหรอ? “นี่ ชางมิน พี่ว่านายไปช่วยงานในร้านดีกว่าไหม? วันนี้มีคนลา หยุดนายไปทำ�แทนได้” ยุนโฮพยายามโน้มน้าวใจ ไม่อยากให้ชางมิน ต้องมาแบกชุดเดินตากแดดแจกใบปลิวเป็นค่อนวัน “ไม่เป็นไร ผมอยากเดินแจกใบปลิวมากกว่า โอ๊ะ! เขาเอา ใบปลิวมาให้แล้ว ไปทำ�งานกันเหอะ” ชางมินยกหัวหมีของชุดMascots ขึ้นสวมก่อนจะวิ่งไปรับใบปลิวอย่างกระตือรือร้น ยุนโฮเลยได้แต่ถอน หายใจ
13
“ไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก็ดีหรอก” ไปรับใบปลิว ก่อนจะเริ่มทำ�งาน
แล้วMascotsคัพเค้กก็เดิน
++++++++++++++++++++++++++
14
ที่กลางลานกิจกรรม ลานกว้างถูกเนรมิตให้ไม่ต่างจากสวรรค์ของเด็กๆ ซุ้มจัดแสดง มากมายถูกจัดเรียงติดกันคล้ายกำ�แพง ขนาบทั้งสองข้างของทางเดิน ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ซุ้ ม จั ด แ ส ด ง ข อ ง ร้ า น ข า ย ข อ ง เ ล่ น แ บ ร น ด์ ดั ง ต่างๆ มีของเล่นเด็กถูกจัดโชว์เรียกความสนใจจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตามคอมเซ็ปต์งานการ์ตูนประจำ�ปี ที่ ซุ้ ม จั ด แสดงหลั ง สุ ด ซึ่ ง จั ด โปรโมทตุ๊ ก ตาโมเดลการ์ ตู น มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแปลกตาเหมือนหลุดออกมา จากเทพนิยายปรัมปรายืนรวมกลุ่มกันเพื่อแจกใบปลิว ส่งเสียงทักทาย ผู้แวะมาดูอย่างร่าเริงจนเป็นที่สนใจไม่น้อยกว่าซุ้มจัดแสดงอื่นๆ ส า ว น้ อ ย ค น ห นึ่ ง นั้ น ป ลี ก ตั ว อ ยู่ ห่ า ง จ า ก ก ลุ่ ม ผู้ ค น ที่ แวะเวียนมาที่ซุ้ม ร่างบางในชุดกระโปรงสไตล์ยุโรปสีขาวยาวกร่อม ข้ อ เท้ า คลุ ม ทั บ ด้ ว ยชุ ด ผ้ า คลุ ม สี แ ดงสดยื น กอดกองใบปลิ ว เบี ย ดฉาก หลังแทบจะกลายเป็นวอลเปเปอร์ประดับฉาก ใต้ฮู้ดคลุมสีแดงสด ใบหน้าสวยหวานที่ล้อมรอบด้วยลอนผมสีน้ำ�ตาลทองนั้นดูไม่สบายใจ คิ้ ว เ รี ย ว ข ม ว ด น้ อ ย ๆ อ ย่ า ง เ ป็ น กั ง ว ล จ น เ พื่ อ น ร่ ว ม ง า น ส า ว อดรนทนไม่ไหว ลากออกมาคุยกันที่หลังฉาก “ยืนหลบแบบนั้น เมื่อไหร่จะแจกหมด!” หญิงสาวในชุดประโปรง ฟูฟ่องแบบอลิซแห่งดินแดนวันเดอร์แลนด์ตวาดลั่น ใบหน้าสวยแบบ ลูกครึ่งที่เต่งแต้มเครื่องสำ�อางจนสวยจัดฉายแววโมโหอย่างเห็นได้ชัด เห็นแบบนั้นคนโดนว่าก็ขมวดคิ้วงุดกว่าเก่า
“ก็ใครใช้ให้เธอลากฉันมาทำ�งานแบบนี้ล่ะ ทิฟฟานี่” ร่างบาง ในชุดกระโปรงยาวกลับด้วยเสียงทุ้มเกินกว่าจะเป็นหญิงสาว แหงสิ ก็ เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่! “ต้องให้ฉันบอกเธอกี่ครั้งว่าอย่าเอาฉันมาแต่งหญิง แบบนี้!!” “ก็ทำ�แบบนี้มันหาเงินง่ายกว่านี่ แล้วก็ไม่เห็นมีใครสงสัยว่า นายเป็นผู้ชายซักคนเลยนะแจจุง” ทิฟฟานี่สวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ตากลมจั บ จ้ อ งเพื่ อ นสนิ ท ที่ ถู ก แปลงร่ า งเป็ น ผู้ ห ญิ ง ด้ ว ยแววตา ไม่สบอารมณ์ ไม่เข้าใจว่าจะไม่พอใจอะไรนักหนา แค่ขอให้มาทำ�งาน เป็นเพื่อนแค่นี้ แค่แจกใบปลิว “แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ ทิฟฟานี่ เธอจับฉันมาแต่งหญิงแบบนี้ คิดว่าฉันจะไม่กังวลเลยใช่ไหม? นี่ฉันอายจะตายอยู่แล้วนะยัยบ๊อง!” แจจุงโวยลั่น แก้มขาวแดงเรื่อด้วยความอายเมื่อก้มมองชุดกระโปรง ที่ใส่อยู่ ไหนจะวิกผมลอนยาวเหมือนตุ๊กตานี่อีกล่ะ ให้แต่งหญิงธรรมดา ก็อายจะแย่ นี่ยังให้แต่งชุดเต็มยศแบบนี้อีก ถ้าคนรู้จักมาเห็นเข้าจะทำ� ยังไง อยากจะบ้าตาย! “อายแล้วมันได้เงินไหมล่ะ?” ทิฟฟานี่สวนกลับไม่ยี่หระ เชิดหน้า อย่างถือดี “ยัยบ้าเอ้ย!” แจจุงร้องออกมาอย่างเหลืออด ดวงตากลมโต มองเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ “ฉันจะไปเดินแจกใบปลิวที่สวนสาธารณะ เชิญเธอแจกหน้าซุ้ม จัดแสดงกับยัยพวกนั้นตามสบาย ฉันจะเป็นลมเพราะน้ำ�หอมพวกเธอ อยู่แล้ว” ร่างบางเดินกระทืบเท้าไทางสวนสาธารณะอย่างไม่สบอารมณ์ ปากอิ่มบ่นงึมงำ�สาปส่งชุดสวยที่ตนสวมใส่ไม่หยุดหย่อน ทิฟฟานี่มอง ตามเพื่อนสนิทไปจนลับตาอย่างระอาปนเป็นห่วง ถึงจะรู้ว่าแจจุงไม่ชอบ
15
16
ทำ � แบบนี้ สั ก แค่ ไ หนแต่ ห ากความลำ � บากนั้ น แลกมากั บ เงิ น ตราเพื่ อ ต่อชีวิต แจจุงก็มีความอดทนอย่างสูง แต่ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ดันแต่ง หญิงแล้วสวยยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆแบบนั้น เกิดเจอพวกปากปีจอแซวเข้า บ่อยๆ คงได้วีนแตกวางมวยแน่ “ก็หวังว่าจะทำ�งานรอดตลอดวันนะ” ++++++++++++++++++++++++++ ร่างบางในชุดสาวน้อยหมวกแดงปั้นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเดิน แจกใบปลิวไปทั่วสวนสาธารณะบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า โชคดีที่คน เยอะใบปลิวทุกใบจึงถูกแจกหมดก่อนเที่ยงวัน ทั้งๆที่ปกติต้องแจกยาว ถึงตอนบ่าย แต่ถึงอย่างนั้นอากาศร้อนอบอ้าวก็ทำ�เอาแจจุงเหนื่อยหอบ แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ ร่างบางพาตัวเองหลบแดดมาตรงม้านั่งใต้ ต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะหาได้ ก่อนจะทรุดลงนั่งหอบหมดเรี่ยวแรง “จะแต่งชุดบ้าๆพวกนี้วันนี้วันสุดท้าย สาบานได้เลย” แจจุงพึมพำ� แค้นเคือง ร่างบางหอบตัวโยน ยกมือขึ้นพัดลมให้ตัวเองแต่ดูจะไม่เป็นผล แจจุงเลยเงยหน้าขึ้นสูดอากาศใต้ต้นไม้ใหญ่เข้าร่าง หวังให้อากาศ บริสุทธิ์ช่วยให้ฟื้นตัว “ฮือๆ ฮือออ” เสียงเด็กร้องไห้ดังชัดจากระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล นัก แจจุงผุดลุกขึ้นยืนมองหาต้นเสียง แล้วก็พบเด็กน้อยอายุราวๆ 6-7 ปี ยืนร้องไห้งอแงอยู่ใต้ต้นไม้ถัดไปไม่ไกลนัก ใบหน้าที่บิดเบ้เงยมองที่ กิ่งก้านของต้นไม้ ลูกโป่งสีฟ้าสดใสลอยติดอยู่ที่กิ่งไม้ไม่สูงมากนัก แต่ เด็กวัยแค่นี้ไม่มีทางเก็บได้ ความสูงแค่นั้น เขากระโดดเก็บได้ แจจุงกำ�ลังจะก้าวเข้าไปให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นผู้มาเยือนใหม่ Mascotsประจำ�ร้านเค้กดังแห่งหนึ่งเดินตรงไปหา
เด็กน้อยที่ยืนร้องไห้ ทันทีที่ดวงตาคู่น้อยมองเห็นก็ถึงกับหยุดร้องไห้ ไปด้วยความประหลาดใจ แจจุงตัดสินใจยืนนิ่งจับตามองจากหลังต้นไม้ อยากรู้ว่าจะทำ�อะไรต่อ เจ้ า Mascotsยื น มองเด็ ก ตั ว เล็ ก ครู่ ห นึ่ ง แล้ ว เงยหน้ า มอง ลูกโป่งบนต้นไม้ ก่อนจะกระโดดคว้าเชือกที่ผูกลูกโป่งดึงลงมายื่นให้ เด็ ก น้ อ ยแย้ ม รอยยิ้ ม กว้ า งรั บ ลู ก โป่ ง มาถื อ แล้ ว กอดMascotsแน่ น คำ�ขอบคุณเปล่งดังอย่างดีใจ มือกลมของตุ๊กตาMascotsยื่นลูบหัวเล็กๆ แล้ ว เล่ น กั บ เด็ ก ตั ว น้ อ ยอยู่ น านจนหญิ ง สาวผู้ ที่ น่ า จะเป็ น แม่ เดินเข้ามาหาแล้วกล่าวขอบคุณ เจ้าMascotsนั่นก็ไม่ลืมที่จะโค้งคำ�นับ และโบกมือบ๊ายบายเด็กตัวน้อยด้วย แจจุงไม่รู้ตัวว่ายิ้มออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขารับรู้ว่ารู้สึกดี อย่างประหลาดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเรียกว่าเป็นความประทับใจ ก็คงไม่ผิด คนที่แต่งชุดMascotsนั่นใจดีกับเด็กมาก และมีมารยาท ต่อผู้ใหญ่ ถ้าคนรักของเขาใจดีแบบนี้ เขาจะรักจนหมดหัวใจเลยเชียว แจจุ ง ยิ้ ม กว้ า งกั บ ความคิ ด ในหั ว ก่ อ นจะเดิ น กลั บ ไปสู่ ซุ้ ม จัดแสดงของตัวเอง ++++++++++++++++++++++++++
17
18 “หมดซะที” ยุนโฮในร่างMascotsคัพเค้กถอนหายใจยาว ก่อน จะทิ้งตัวนั่งลงที่ขั้นบันได ยกมือขึ้นจะกระพือเสื้อให้คลายร้อนอย่างทุกที ก็เพิ่งมานึกได้ว่าชุดคัพเค้กมันครอบตั้งแต่หัวถึงเข่า เลยได้แต่หอบหายใจ ระบายความเหนื่อย ก็เล่นเดินแจกเพลินจะเดินเลยไปถึงสวนสาธารณะ ไม่เหนื่อยก็คงเป็นเครื่องจักรแล้วล่ะ “ชางมินไปอยู่ไหนเนี่ย?” นั่งนิ่งอยู่พักหนึ่งก็นึกถึงน้องรูมเมท ขึ้นมาได้ คัพเค้กตัวอ้วนกลมดันตัวเองขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปที่ร้านเค้ก พอไปถึงก็พบเจ้าตัวยุ่งในชุดMascotsหมีน้อยนอนหลับตาแผ่พังพาบ กอดหัวหมีแนบอกอยู่ที่พื้น หมดแรงล่ะสิ “เป็นไงล่ะ ดื้อนัก” เสียงทุ้มเป็นเอกลักษณ์ส่งเสียงบ่นดังลอด เข้าหู เปลือกตาบางที่ปิดอยู่เปิดขึ้นหันมองMascotsรูปคัพเค้กที่เดินมาหา ยิ้มขำ�กับสภาพของคนเป็นพี่ก่อนจะดันตัวขึ้นนั่ง “ผมทำ�งานเสร็จแล้วก็เลยมานอนเอาแรงต่างหาก” “เหรอ~” ยุนโฮลากเสียงยาว นึกหมั่นไส้น้องชายที่วางฟอร์ม
เงียบขรึมไม่เหมาะกับวัยขึ้นมาตะหงิดๆ “ไม่ต้องมาพูดดีเลย มาช่วย พี่ถอดคัพเค้กนี่ที” ชางมินหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นช่วยยกชุดคัพเค้กออกจากตัวยุนโฮ พอหลุดพ้นชุดน่ารักที่หนักอึ้ง ยุนโฮก็สะบัดหัวชื้นๆของตัวเองแล้วเสยผม ให้พ้นจากใบหน้าชื้นเหงื่อ พึมพำ�ขอบใจชางมินที่อุตส่าห์ยกขวดน้ำ�มา ให้ดื่ม “ร้อนชะมัด” ยุนโฮยกขวดกรอกน้ำ�ลงคออึกใหญ่ “ชางมิน นายไปทำ�งานที่ซุ้มจัดแสดง พี่จะใส่ชุดนายไปเดินแจกใบปลิวต่อ ตอนบ่าย” “ไม่เอา ทำ�ไมพี่ต้องให้ผมทำ�งานสบายๆตอนที่พี่ทำ�งานลำ�บาก ด้วยล่ะ” ชางมินประท้วงเสียงแข็ง ใบหน้าคมผิดกับเด็กวัยเดียวกัน ดูจริงจังมากกว่าปกติ ยุนโฮไม่ยอมให้เขาเอาเงินตัวเองจ่ายค่าอาหาร ยังพอจะทนได้ แต่จะให้ยุนโฮทำ�งานหนักฝ่ายเดียวเขาทนไม่ได้ เขา ไม่ใช่เด็กขวบสองขวบที่ต้องเป็นฝ่ายรอใช้เงิน อายุ 14 ปีแล้ว ทำ�งาน ได้แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำ�ไมยุนโฮต้องมารับผิดชอบชีวิตเขาถึงขนาดนี้ รับผิดชอบเหมือนเป็นพี่แท้ๆ ฉะนั้น ถ้ามีอะไรที่พอจะทำ�ได้ เขาก็อยากจะทำ� “นายช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆหน่อยได้ไหม? ไม่ใช่ว่าพี่กีดกัน ไม่อยากให้นายทำ�งาน แต่นายอายุแค่14เองนะ เกิดเป็นลมเป็นแล้ง ขึ้นมาจะทำ�ยังไง” ยุนโฮพูดอย่างอ่อนใจ ไม่ว่าจะพยายามอธิบายยังไง ชางมินก็ดูจะดื้อแพ่งจนไม่ฟังเหตุผล ทำ�ไมเด็กนี่ถึงกระตือรือร้นจะทำ� อะไรพวกนี้นักนะ โตเกินตัวไปแล้ว “เลิกเถียงพี่แล้วไปทำ�งานในร้านซะ อย่าให้พี่รู้สึกแย่กว่านี้ ได้ไหม? นายเป็นน้องพี่นะ ช่วยหน่อยเถอะ” อธิบายก็แล้ว สั่งก็แล้ว ยังไม่ได้ผล สุดท้ายยุนโฮจำ�ต้องใช้วิธีขอร้อง สีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้า
19
20
ลำ�บากใจ ดวงตาสองชั้นลึกกลอกไปมาอย่างลังเล ยุนโฮจึงฉวยโอกาส พยายามกล่อม “ตอนบ่ายพี่จะแจกแต่ในห้าง ไม่ลำ�บากหรอก นายไป ทำ�งานในร้านเถอะ” นัยน์ตาน้องน้อยตวัดมองอย่างรู้ทันความคิด ทำ�เอายุนโฮ หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามปั้นหน้าขอความเห็นใจประหนึ่ง ลูกหมาตาดำ�ๆ ดวงตาคมกลอกขึ้นฟ้า ร่างสูงถอนหายใจเบาๆแล้ว พยักหน้ารับ “เย่! งั้นนายไปถอดชุดมาให้พี่เลย พี่ไม่ใส่คัพเค้กนี่แล้ว หนัก ชะมัด” ยุนโฮรุนหลังชางมินให้เดินไปเปลี่ยนชุดในห้องอย่างเร่งร้อน เหมือนกลัวเจ้าตัวยุ่งจะเปลี่ยนใจ ท่าทีร้อนรนที่ทำ�ให้ชางมินต้อง ถอนหายใจแรงๆออกมาอีกรอบอย่างเอือมระอา แต่ก็ยอมเดินไปเปลี่ยน ชุดในห้องน้ำ�แต่โดยดี หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ ยุนโฮพาชางมินไปหาเจ้าของร้านเพื่อขอให้ ชางมินทำ�งานในร้านแทนพนักงานที่ลาหยุด เมื่อเจ้าของร้านไม่ว่าอะไร ยุนโฮจึงไปรับใบปลิวมาเดินแจกต่อ Mascotsหมี น้ อ ยน่ า รั ก เดิ น แจกใบปลิ ว ไปทั่ ว จนลงมาถึ ง ชั้นล่างที่คนพลุกพล่านเพราะมีงานออกซุ้มจัดแสดง ยุนโฮเลยถือโอกาส แจกใบปลิวที่กลางงานซะเลย แต่เมื่อสายตามองไปเจอคนบางคนก็ถึงกับชะงักกึก ใบหน้าที่ สวมหัวหมีตกตะลึงอ้าปากค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปหลบหลัง เสาข้างซุ้มจัดแสดงหนึ่ง เอียงหน้าออกมามองอย่างกล้าๆกลัวๆ นัยน์ตา สีเปลือกไม้มองผ่านดวงตาของหัวหมี จับจ้องมองซุ้มจัดแสดงของโมเดล การ์ตูนด้านในสุด ร่างบอบบางในชุดสาวน้อยหมวกแดงดูน่ารัก ไม่แพ้หญิงสาวคนอื่น ใบหน้าสวยแจกใบปลิวแถมรอยยิ้มให้ผู้คนนั้น ดูคุ้นตา เหมือนที่จดจำ�ไปปรากฏในห้วงความฝันมาหลายครา คนๆเดียว ที่ทำ�ให้คนบ้าๆบอๆหัวใจเต้นกระหน่ำ�จนหน้าแดง คนๆเดียวที่ทำ�ให้
ชองยุนโฮรู้จักคำ�ว่า ตกหลุมรัก ร่างบอบบางในชุดสาวน้อยหมวกแดงนั่น คิมแจจุง เด็กฝึกหัดที่เขาเคยเห็นที่ห้องซ้อมข้างๆกัน เด็กผู้ชายที่บอบบาง เหมือนเด็กผู้หญิง เครื่องหน้าสวยหวานบนใบหน้าขาวกระจ่าง ดูน่ารัก ยิ่งยามแย้มรอยยิ้ม ดึงหัวใจของยุนโฮให้เต้นกระหน่ำ�ประหนึ่งกลองศึก กว่ าจะรู้ ตัว ดวงตาสี เปลื อ กไม้ ก็ เอาแต่ จับ จ้ อ งใบหน้ าสวยนั่น เสี ยแล้ ว แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่ยุนโฮจะเดินเข้าไปทักทาย เพราะแค่เพียงเห็นหน้า จากระยะไกลเขาก็มักจะตื่นเต้นจนประหม่า วิ่งหนีมาแอบมองจาก มุมห้องมุมเสาแบบนี้เสียทุกที แบบนี้ปีไหนจะได้ทำ�ความรู้จักกันล่ะเนี่ย!? ริมฝีปากเม้มแน่น ฟันขาวขบลงที่ปากล่าง ความตื่นเต้น แล่นวาบไปทั่วร่างกายเหมือนทุกครั้ง หัวใจเต้นกระหน่ำ�ตุบตับกระแทก อกจนรู้สึกได้ ความร้อนแผ่วลามขึ้นบนใบหน้าอย่างที่ไม่ต้องส่องกระจก ก็รู้ว่าคงแดงเป็นมะเขือเทศ ยิ่งมองร่างบางที่ตอนนี้ดูยังไงก็ไม่ต่างจาก หญิงสาวทั่วไป หัวใจเจ้ากรรมยิ่งเต้นระรัวจนไม่กล้าก้าวออกไปจาก หลังเสา กลัว..กลัวจะทำ�ท่าทางป้ำ�ๆเป๋อๆให้เห็น กลัวคนน่ารักจะไม่หันมา สนใจ กลัวจะถูกมองว่าเป็นตัวตลก กลัวจะถูกรังเกียจที่ชอบผู้ชายด้วยกัน กลัว...เสียจนไม่กล้าทำ�อะไร...จนกลายเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้เลย... อยากกล้าที่จะทำ�เรื่องต่างๆเหมือนอย่างที่ชางมินกล้า อยากกล้าเข้าไปทักทาย อยากกล้าเดินเข้าไปแนะนำ�ตัว อยากกล้าที่จะมอบดอกไม้ให้ อยากกล้าสารภาพรัก... “เอ้า! นายมายืนทำ�อะไรตรงนี้” เสียงหญิงสาวเอ่ยทักดังพร้อม
21
22
วาดมือตบลงที่ไหล่ ยุนโฮหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว หญิงสาวในชุด คอสเพลย์ตัวละครตัวนึงในไฟนอลแฟนตาซีส่งยิ้มหวานให้ “ขะ ขอโทษที่ยืนบังครับ” ร่างเพรียวโค้งหัวขอโทษขอโพยเป็น การใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากสาวคอสเพลย์ “เปล่า นายไม่ได้ยืนบังหรอก ฉันแค่สงสัยว่านายมายืนแอบ อะไรตรงนี้ก็เท่านั้นเอง” สาวคอสเพลย์พูดยิ้ม คิ้วบางสวยเลิกขึ้น เชิงถาม “เอ่อ คือ” ยุนโฮอ้ำ�อึ้ง จะให้อธิบายว่าเจอคนที่แอบปิ๊งเลยอาย เผ่นแนบมาแอบที่เสานี่ก็กระไรอยู่ “อายที่ต้องไปแจกนี่กลางงานเหรอ?” สาวคอสเพลย์ดึงใบปลิว ปึกเล็กในมือของยุนโฮมาดู ก่อนจะส่งคืนพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องอาย หรอกน่า ไม่มีใครเขาเห็นว่าเป็นนายอยู่แล้ว ก็ชุดนี้มันคลุมหัวจรดเท้า ไม่มีใครเห็นว่าใครใส่หรอก สู้ๆนะ บาย” มือเล็กตบเบาๆที่บ่าให้กำ�ลังใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่ซุ้มของ ตัวเอง ยุนโฮมองตาม ครุ่นคิดสิ่งที่หญิงสาวบอก ในเมื่อไม่มีใครเห็น ว่าเขาเป็นใคร ทำ�ไมไม่ใช้โอกาสนี้ทำ�ให้สิ่งที่อยากทำ�นะ? นั ย น์ ต าเล็ ก เหลื อ บมองร่ า งบางที่ ต นหลงรั ก ด้ ว ยแววตาที่ เปลี่ยนไป ร่างเพรียวกลืนน้ำ�ลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความลุ้นระทึก ก่อนจะมองหาของบางอย่าง Mascotsหมีน้อยเดินไปที่ซุ้มจัดแสดงตุ๊กตา สีชมพูที่ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีชมพู หญิงสาวที่ยืนประจำ�ซุ้มมองด้วย ความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มหวานกับความน่ารักของMascots “อันนยอง~มีอะไรให้ช่วยไหม?” เจ้าของซุ้มโบกมือให้อย่าง ร่าเริง ยุนโฮโบกมือตอบแล้วกวักมือเรียกให้หญิงสาวเข้ามาใกล้ “ดอกไม้สวยมากเลยนะฮะ ผมขอกุหลาบดอกนึงได้ไหม?” เสียงทุ้มนุ่มหวานหูดังลอดออกมาจากMascotsน่ารัก นอบน้อม อ่อนหวานเสียจนหญิงสาวระบายยิ้มออกมา
“ได้สิ เดี๋ยวพี่แบ่งให้นะ” หญิงสาวลูบที่แก้มหมีน้อยเบาๆ เหมือนเป็นคนจริงๆ ก่อนจะหันไปคว้ากุหลาบสีชมพูดอกสวยดอกหนึ่ง ขึ้นมายื่นให้ ยุนโฮกล่าวขอบคุณเสียงใสอีกครั้งก่อนจะผละมา ประโยชน์ของหนึ่งเอกลักษณ์โดดเด่นของยุนโฮ เสียงทุ้มนุ่ม มีประโยชน์ที่สุดคือ ใช้ร้องแร๊พ ประโยชน์รองคือ ใช้ออดอ้อนจน พวกผู้หญิงใจละลาย ยุนโฮอมยิ้มมองดอกกุหลาบสีชมพูในมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก เรียกขวัญกำ�ลังใจก่อนจะเดินตรงไปหาคนที่ทำ�ให้หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ� ++++++++++++++++++++++++++
23
24 “อุ๊ย! อะไรกันเนี่ย!” เสียงฮือฮาจากเพื่อนร่วมงานสาวเรียก ความสนใจ แจจุงที่กำ�ลังจะเดินไปเอาใบปลิวล็อตใหม่มาแจกต่อ เหลียวหน้ากลับมามองด้วยความสนใจ แล้วก็พบกับต้นเหตุที่กำ�ลัง เดินมาตรงมาหาเขา Mascotsร้านเค้ก.. ร่างบางยืนนิ่ง เลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจปนขบขัน เมื่อ Mascotsหมี เ หลี ย วมองเพื่ อ นร่ ว มงานคนอื่ น ๆด้ ว ยท่ า ที เ หมื อ น ประหม่าก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเขา เสียงฮือฮาจากเพื่อนร่วมงาน เงียบกริบไปในทันทีราวกับรอดูว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง แจจุงมองMascotsที่ยืนนิ่งตรงหน้า ริมฝีปากอิ่มยกเป็น รอยยิ้ม ดวงตากลมโตกระพริบตาปริบๆงุนงงกับการกระทำ�ของ Mascots ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมือกลมยื่นดอกกุหลาบสีชมพูให้ “กรี๊ด!! อิจฉาอ่ะ” เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกระลอก แต่แจจุง ไม่ได้สนใจ สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับกุหลาบที่แย้มกลีบงามในมือ ของMascots ดวงตาที่เบิกกว้างช้อนมองใบหน้ารูปหมีน่ารักด้วย แววตาตกตะลึง
“ให้ผมเหรอ?” เสียงทุ้มถามอย่างไม่แน่ใจ “ผมเป็นผู้ชายนะ” “หา!” อีกครั้งที่เพื่อนร่วมสาวประสานเสียงกัน แต่ละคน อ้าปากค้างอึ้งกับความจริงที่พึ่งรู้ ยัยนี่เป็นผู้ชาย! แถมสวยกว่าพวกเราอีก!!! “. . . .” Mascotsหมีไม่มีทีท่าตกใจ มือกลมยื่นดอกกุหลาบ สีชมพูให้จนสุดแขนเหมือนยืนยันว่ายังไงก็มอบให้ มือเล็กจึงเอื้อม หยิบมาอย่างช้าๆ ตากลมจับจ้องกุหลาบสวยในมือแล้วยิ้มบางๆ เงยหน้ามองMascotsหมีน่ารัก “คุณเป็นใครครับ?” แจจุงยิ้ม ดวงตาสีดำ�น่าหลงใหลฉายแวว อยากรู้ แต่Mascotsหมีส่ายหน้าก้าวถอยออกห่างจากแจจุง ทำ�เอา ใบหน้าหวานถึงกับงุนงง ร่างบางก้าวตามยกมือหมายจะจับหัวหมี ถอดออก Mascotsตัวดีจึงหันหลังวิ่งหนีไปในทันที “เดี๋ยวก่อนสิ!” ขาเรียววิ่งตาม 2-3 ก้าวแล้วยืนมอง Mascots วิ่งไปจนลับตา อะไรของเขา? “นี่ แจจุง นี่มันอะไรกันยะ ตุ๊กตาหมีนั่นใครอ่ะ ทำ�ไมเอา ดอกกุหลาบมาให้แกล่ะ โห!กุหลาบสวยด้วย” ทิฟฟานี่พูดรัวเร็ว แจจุง ก้มลงมองกุหลาบสีชมพูในมือ ยกขึ้นแตะปลายจมูกสูดกลิ่นหอมอ่อน ของกุหลาบพันธุ์ดี “ตอนนี้ฉันไม่รู้หรอก แต่เดี๋ยวตอนเย็นรู้แน่” ++++++++++++++++++++++++++ ห่างออกมาตรงหัวมุมตึก Mascotsรูปหมีน่ารักยืนหายใจหอบ พิงผนัง หัวใจที่เต้นกระหน่ำ�กระแทกตุบตับเหมือนจะหลุดออกมา จากอก สาเหตุไม่ใช่แค่เพราะต้องวิ่งมาเพียงอย่างเดียว แต่เป็น
25
26
ความตื่นเต้นจากสิ่งที่ทำ�ลงไป อุ้งมือใต้ถุงมือหมีกลมๆเย็นเยียบจาก เหงื่อที่ผุดพราย ไม่ใช่แค่ที่มือ แต่ทั้งใบหน้า คอ และเนื้อตัวยุนโฮก็รับรู้ ถึงความชื้นจากเหงื่อที่ผุดซึมออกมา เหงื่อของความประหม่า เขาทำ�ได้แล้ว มอบกุหลาบให้แจจุงได้แล้ว ความร้อนแผ่วที่ใบหน้าไม่จางหาย ทั้งเขินอายจนอยาก ขุดดินหนีไปอยู่เป็นเพื่อนตัวตุ่นให้หายอาย แต่ทำ�ได้แต่นึก ยังไงเขาทำ�สิ่งที่อยากทำ�ลงไปแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็น คนขี้ขลาดจนไม่กล้าทำ� ยุ น โฮยิ้ ม ให้ ตั ว เองก่ อ นจะเดิ น กอดกองใบปลิ ว ไปแจกต่ อ หลังจากอู้มาทำ�เรื่องส่วนตัวอยู่นาน ++++++++++++++++++++++++++ ร้านเค้กชื่อดังในห้าง เด็กหนุ่มทั้งสองช่วยกันขนชุดMascotsที่ใช้มาทั้งวันไปเก็บใน ห้องเก็บของหลังร้าน ต่างฝ่ายต่างแกล้งเดินชนกันบ้าง แกล้งผลัก อีกฝ่ายบ้าง หัวเราะอย่างสนุกสนานตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง สักพักเจ้าของร้านก็เรียกตัวคนน้องไปช่วยงานหน้าร้าน ทิ้งไว้แต่ เด็กหนุ่มร่างสันทัดที่ยกของเข้าไปเก็บอย่างแข็งขัน “นายคือ ชองยุนโฮ ใช่ไหม?” เสียงที่เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ นั้นฟังดูคุ้นเคยอย่างประหลาด ยุนโฮขมวดคิ้วครู่เดียวก่อนจะ เบิกตากว้างตาแทบถลนเมื่อนึกได้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนี้ ใบหน้า กลมหันกลับไปมองคนเรียกด้วยสีหน้าตกใจถึงขีดสุด “สวัสดี ฉันชื่อ คิมแจจุง นายคงเป็นชองยุนโฮใช่ไหม?” ร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดลายขวางสีขาวสลับชมพูอ่อนกับกางเกง ยีนขายาวยืนอยู่ห่างจากยุนโฮไม่ถึงหนึ่งเมตร ใบหน้าสวยยิ้มหวาน
ขับใบหน้าที่ดูน่ารักอยู่แล้วให้ยิ่งอ่อนหวานกว่าเดิม แม้จะมีเพียงผม สีน้ำ�ตาลทองยาวระบ่า ไม่ได้สวมวิกผมลอนยาวเหมือนตอนอยู่ที่ซุ้ม แต่กระนั้นก็ยังดูน่ารัก ดวงตากลมโตเปล่งประกายความดีใจอย่าง ไม่ปกปิด และที่มือคู่เล็กถืออยู่นั้น ดอกกุหลาบสีชมพูที่ยุนโฮมอบให้ “คะ คือว่า ผะ ผม คือแบบว่า ผม...” ยุนโฮเกิดอาการลิ้นพันกัน กำ�เริบกะทันหัน ใบหน้ากลมหันซ้ายหันขวาอย่างลุกลี้ลุกลน ก่อนจะ พยักหน้ารับเบาๆอย่างจนมุม “อือ” ริ ม ฝี ป ากอิ่ ม แย้ ม ยิ้ ม กว้ า งอวดฟั น ขาวที่ เ รี ย งตั ว สวยชั่ ว ครู่ ก่อนจะถูกมือเล็กยกปิดริมฝีปากเหมือนพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ดวงตาสี ดำ � วาววั บ ด้ ว ยความขบขั น มองมาทำ � เอาหั ว ใจที่ เ ต้ น กระหน่ำ�ทวีคูณ ก้อนเนื้อในอกกระแทกดังจนได้ยิน เหงื่อผุดพราย ตามไรผมไหลย้อยลงถึงคอเสื้อเชิ้ตโปโลที่ใส่อยู่ ยุนโฮยิ้มแหยๆ ด้วยความเขินอาย ยิ่งทำ�ให้ร่างบางกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ น่ารักจัง... “ฉันถามพี่สาวที่เป็นเจ้าของร้านว่า คนที่ใส่Mascotsของร้าน ยังอยู่ไหม?” แจจุงอธิบายพลางกลั้นยิ้ม “เขาบอกว่าจัดของอยู่ที่ หลังร้าน ชื่อชองยุนโฮ ฉันก็เลยเข้ามา” ได้ยินอย่างนั้น แก้มยุ้ยที่ขึ้นสีเพราะความตื่นเต้นเป็นทุนเดิม ก็ยิ่งแดงระเรื่อจนเห็นชัด ยุนโฮเบือนหน้าหลบสายตาด้วยความ กระดากอาย ความกังวลวิ่งวุ่นในสมองจนไม่กล้าจะหันไปมอง ร่างบางที่ยืนมองมาด้วยรอยยิ้ม “วั น นี้ น ายไปเดิ น แจกใบปลิ ว ที่ ส วนสาธารณะมาใช่ ไ หม?” คำ � ถามแบบไม่ มี ปี่ มี ข ลุ่ ย ทำ � ให้ ยุ น โฮหั น กลั บ มามองใบหน้ า สวย อย่างเผลอตัว ดวงตาสีเปลือกไม้สบตากับแววตาที่ต้องการคำ�ตอบ ของแจจุงนิ่ง เหมือนถูกตรึงสายตาไม่ให้เบือนหลบ “อืม” ยุนโฮทำ�ได้ดีที่สุดแค่การอ้ำ�อึ้งตอบ จะให้พูดเป็น
27
28
ประโยคโรคติดอ่างคงกำ�เริบอีก แต่เพียงตอบเบาๆนั้นก็มากพอแล้ว ที่ จ ะทำ � ให้ หั ว ใจคนที่ เ ฝ้ า รอคำ � ตอบพองโตขึ้ น มาอย่ า งวาดหวั ง รอยยิ้มกว้างแต้มบนใบหน้าสวยอีกครั้ง นิลกาฬคู่สวยฉายแววดีใจ ราวติดปีกบิน “กุหลาบดอกนี้” นัยน์ตาสีนิลก้มมองกุหลาบในมือ “นาย เป็นคนเอามาให้ฉันใช่ไหม?” ใบหน้ากลมพยักหน้าลงเบาๆ แก้มแดงระเรื่อขึ้นอีกระดับจนดู คล้ายมะเขือเทศเข้าไปทุกที แจจุงหัวเราะคิกกับภาพตรงหน้า ขาเรียวก้าวเข้าหาคนที่ยืนหน้าแดงมือไม้เก้ๆกังๆ “เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า? ไปเดทกันนะ ^ ^” ++++++++++++++++++++++++++
29
30 “พี่!! แต่งตัวเสร็จรึยัง? พี่เขามารอนานแล้วนะ” “เสร็จแล้วๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ตุ๊บ! โครม ตึก&#%&!#@*!!! เสียงโครมครามดังลั่นจนลอดผ่านประตูไม้เนื้อดี ทำ�ให้คนที่ ยืนรออยู่หน้าห้องได้ยินชัด แจจุงมองจ้องประตูอย่างนึกห่วงสถานการณ์ ในห้อง ชั่งใจอยู่ในหัวว่าควรจะตะโกนถามดีไหม แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ ประตูสีเนื้ออ่อนก็ถูกกระชากเปิดอย่างรวดเร็วจนสะดุ้ง “อะ อันนยองครับ ^-^;” ยุนโฮทักทายพร้อมรอยยิ้มเก้อๆ มือไม้ขยับจัดเสื้อผ้าประหม่าจนได้เห็นชัด รู้สึกขัดเขินที่ต้องแต่งตัวแบบ ที่ตัวเองไม่เคยคิดจะใส่ “อันนยองยุนโฮ ตื่นเช้าจัง ฉันอุตส่าห์เตรียมมื้อเช้าจะมาทาน ที่ห้องนายเชียว” แจจุงยกกล่องข้าวสีฟ้าในมือขึ้นอวดพร้อมรอยยิ้มหวาน “ผมตื่นเช้าทุกวันแหละครับ แหะๆ” ยุนโฮยิ้มแหยๆพลางเบือน หน้าหลบด้วยความอายเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากในห้อง ชางมิน ยกมือตะครุบปากกลั้นหัวเราะอยู่บนโซฟา ตลกกับการสร้างภาพของ
ยุนโฮ “ผมว่าเราไปหาที่นั่งทานข้าวเช้าข้างล่างดีกว่านะ” จากอาการ กลั้นหัวเราะจนหน้าดำ�หน้าแดงของชางมิน ยุนโฮติดสินใจรีบชวนแจจุง ไปจากหน้าห้องก่อนที่ชางมินจะทำ�เขาเฟลไปมากกว่านี้ เสียงเล็กหัวเราะลั่นห้องทันทีที่แน่ใจว่ายุนโฮเดินไปไกลแล้ว ชางมินหัวเราะตัวงอตบมือลงที่โซฟาระบายความขำ� วันปกติก็ตื่นเช้าอยู่หรอกเพราะต้องไปโรงเรียน แต่วันเสาร์ แบบนี้เคยตื่นก่อน10โมงซะเมื่อไหร่ ขี้โม้ชะมัด ยิ่งคิดยิ่งขำ�เมื่อนึกถึงความชุลมุนในห้องเมื่อคืน หลังจาก กลับมาถึงหอพัก ยุนโฮก็ลากเขาวิ่งลิ่วไปหาเด็กฝึกหัดคนหนึ่งที่เป็น เพื่อนกัน ขอร้องแกมบังคับให้พาไปหาซื้อเสื้อผ้าดีๆสำ�หรับใส่ไปเดท แถมยั ง ขอให้ ส อนนู่ น สอนนี่ อ ยู่ น านกว่ า จะได้ ห ลั บ ก็ เ กื อ บเที่ ย งคื น ตอนเช้าก็สะดุ้งตื่นเพราะนาฬิกาปลุก ตาลีตาเหลือกอาบน้ำ�แต่งตัว อย่างดีจนหล่อขึ้นมาเป็นกอง แต่ก็ยังไม่วายเดินชนของแถมยังสะดุดพรม เหมือนทุกวันจนได้ “เอาเหอะ ขอให้โชคดีกับการเดทแล้วกันนะพี่ยุนโฮ ^^” ++++++++++++++++++++++++++ ร่ า งสั น ทั ด พาแจจุ ง มานั่ ง ทานข้ า วกล่ อ งที่ ส วนสาธารณะ ใกล้ๆหอ ยุนโฮดูจะขัดเขินประหม่าตลอดเวลาจนแจจุงหลุดหัวเราะ ออกมาหลายครั้ง “ยุนโฮอา นายดูดีแล้วล่ะ ไม่ต้องทำ�ท่ากังวลขนาดนั้นหรอก” แจจุงดึงมือที่เอาแต่จัดเนคไทของยุนโฮออก แล้วปรับให้หลวมเพื่อให้ เหมาะกับเสื้อแจ็คเก็ตสูทสีดำ�ที่สวมทับเสื้อเชิ๊ตลายทางสีเทาสลับขาว ของยุนโฮ ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเอาไปพิจารณาร่วมกับทรงผมที่ถูกเซตซะ
31
32
ตรงเรียบร้อย ถ้าติดกระดุมเสื้อตัวนอกล่ะก็คงดูเหมือนจะมาเรียน มากกว่ามาเดท “อย่ากังวลเลย นายใส่เสื้อผ้าแบบนี้แล้วดูดีออก” “ขะ ขอบคุณนะ” มือใหญ่ยกเกาคอแก้เขิน “วันนี้แจจุงก็..ดูดี มากเลย” “ชมเกินไป^-^” แจจุงส่งยิ้มหวานตอบรับคำ�ชม “ไม่เกินนะ วันนี้แจจุงดูดีมากจริงๆ” ยุนโฮพยักหน้ายืนยัน ด้วยใบหน้าจริงจัง ทำ�เอาแจจุงหัวเราะออกมาอีกรอบ “คงเพราะเสื้อนี่ล่ะมั้ง” มือเล็กยกแตะเสื้อคาร์ดิแกนสีเทาเข้มที่ สวมทับเสื้อยืดสีขาวของตัวเอง “ปกติฉันจะใส่แค่เสื้อยืดพอดีตัวธรรมดาๆ แต่เพราะวันนี้พิเศษกว่าทุกวันก็เลยเอามันมาสวมทับ ดูเป็นไงบ้าง?” “ดูดีมาก...จริงๆ” เสียงทุ้มพูดเบาๆ นัยน์ตาจ้องมองร่างบางอย่าง ลืมตัว เสื้อผ้าที่แจจุงใส่มาวันนี้ค่อนข้างจะต่างจากวันอื่นๆ ถึงจะบอกว่า แค่ ส วมเสื้ อ คาร์ ดิ แ กนทั บ แต่ ดู อ อกว่ า พิ ถี พิ ถั น ในการเลื อ กไม่ น้ อ ย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เข้ากันเป็นอย่างดี เหมาะกับ ร่างบอบบางของแจจุงเหมือนตัดมาให้โดยเฉพาะ ใบหน้าสวยขาวใส ไร้ตำ�หนิใดๆแย้มยิ้มหวานเป็นนิตย์ สะกดสายตาคนมองจนไม่อาจ ละสายตา “ขอบคุณ” ใบหน้าขาวร้อนผะผ่าวกับสายตาลึกซึ้งที่มองมา แจจุงแสร้งก้มลงกินคิมบับหลบสายตา คนลืมตัวถึงได้สติเบือนหน้าหนี ไปอีกทาง ทิ้งให้ความเงียบโรยตัวอยู่รอบข้าง “กินไหม?” บรรยากาศเงียบชวนอึดอัดถูกทำ�ลายลงเมื่อแจจุง คีบคิมบับยื่นชนปากคนขี้อาย ทำ�เอายุนโฮอ้าปากงับแทบไม่ทัน แต่พอ ขยับปากเคี้ยวได้ไม่กี่ครั้งก็เบิกตากว้าง “อื๊อ! อาอ่อย!” ยุนโฮอู้อี้ตอบแก้มตุ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งเสริม คำ�พูด เรียกรอยยิ้มคนป้อนได้เป็นอย่างดี “ฉันทำ�เองแหละ กินอีกสิ” คิมบับอีกชิ้นถูกคีบส่งให้ ยุนโฮ
อ้ า ปากงั บ แล้ ว เคี้ ย วแก้ ม ตุ่ ย อี ก รอบจนหมดภายในเวลาอั น รวดเร็ ว “ว้าว! เก่งจัง ไม่ได้ยอนะ คิมบับนี่อร่อยจริงๆ” “ขอบคุณที่ชม” แจจุงยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ร่างบางคีบ คิ ม บั บ ป้ อ นยุ น โฮสลั บ กั บ ตั ว เองพร้ อ มชวนคุ ย เรื่ อ งต่ า งๆจนคิ ม บั บ ที่ เตรียมมาเต็มกล่องหมดไปอย่างไม่ทันรู้ตัว “ไปกันเถอะ” ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืน ยื่นมือฉุดร่างบางให้ลุกขึ้นตาม แล้วกุมมือแน่น ความเก้อเขินที่เคยมีดูเหมือนหายไปพร้อมกับคิมบับแล้ว “เราจะไปไหนกันเหรอ?” “ไปสวนสนุกกัน! >w<” ++++++++++++++++++++++++++ “อ๊าาาาาาาาา~” เสี ย งกรี ด ร้ อ งดั ง แทรกผ่ า นสายลมแรงที่ พั ด ปะทะใบหน้ า ขณะรถไฟเหาะวิ่ ง ด้ ว ยความรวดเร็ ว สร้ า งความหวาดเสี ย วปนสนุ ก จนต้องกรีดร้องออกมา เสียงหัวเราะดังเมื่อเหลือบมองปฏิกิริยาของ คนที่ นั่ ง ข้ า งๆที่ ห ลั บ ตาปี๋ บี บ มื อ ที่ กุ ม กั น ไว้ แ น่ น ด้ ว ยความกลั ว สุ ด ขี ด “ลืมตาเซ่!!” แจจุงตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงกรีดร้องของ สายลม แม้แทบฟังไม่ได้ศัพท์แต่ยุนโฮก็ส่ายหน้าพรืดไม่สนใจ ตอนนี้ เขากลัวเกินกว่าจะทำ�อะไร “ตะโกนออกมาสิ จะได้หายกลัว” แจจุงยังคงพยายามโน้มน้าว ใจ มือเล็กกระตุกมือใหญ่ที่บีบแน่นเพื่อเรียกร้องความสนใจ เปลือกตา เปิดขึ้นมองเพียงเล็กน้อย ใบหน้าขาวซีดดูหวาดกลัวเหมือนจะเป็นลม หันมองคนแนะนำ�ก่อนจะเปิดปากกรีดร้องลั่น “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก~”
33
34
กว่ารถไฟเหาะจะวิ่งกลับมาที่จุดเดิม ยุนโฮก็เสียน้ำ�ตาไป หลายหยดแต่ลมแรงก็พัดทำ�ลายหลักฐานหมดสิ้น แจจุงอยากจะยกมือ ปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อพบว่า ทรงผมที่ไดร์มาเป็นอย่างดีของยุนโฮ ฟูฟ่องยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แต่ก็ต้องมองข้ามไปเพราะสีหน้าของยุนโฮ ซีดเผือดเหมือนคนป่วย “ยุนโฮ เป็นอะไรรึเปล่า?” แจจุงถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่า อาการชักจะไม่ดี ใบหน้าซีดส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะก้าวออกจากที่นั่ง ทันทีที่เท้าแตะพื้นร่างหนาก็ทำ�ท่าจะทรุดฮวบ ร่างบางจึงโผเข้าประคอง “ห้องน้ำ� อึก” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเมื่ออะไรบางอย่างแล่นมา อยู่ที่คอหอย แจจุงเดาไม่ยากว่ายุนโฮจะเป็นยังไง ร่างเล็กจึงกึ่งประคอง กึ่งลากไปที่ห้องน้ำ�อย่างเร็วที่สุด ทันทีที่เข้าไปยุนโฮก็โก่งคออาเจียนไม่ หยุด ไม่ใช่ว่าไม่เคยมาเล่นเครื่องเล่นผาดโผนหวาดเสียว ปกติมา เที่ยวสวนสนุกก็มักจะเล่นอย่างมากก็แค่ 2-3 อย่าง แต่วันนี้ตั้งแต่ เหยียบเข้ามาใน Magic IslandของLotte World เดินผ่านเครื่องเล่น ชิ้นไหน คนสวยก็ลากเขาไปเล่นมันซะทุกอย่างเกือบ 10 กว่าเครื่อง เป็นเหตุให้กระเพาะปั่นป่วนจนทนไม่ไหวแบบนี้ ซ่า~ ยุนโฮเอื้อมมือรองน้ำ�วักขึ้นมาลูบใบหน้าขาวซีด ยังคงรู้สึก วิงเวียนเหมือนถูกจับเหวี่ยงในลูกบอลยักษ์ อยากจะเป็นลมหมดสติไป เสียให้หลุดพ้นจากอาการมึนหัวจนต้นชนปลายไม่ถูกแบบนี้ มือใหญ่ ตีแก้มตัวเองเบาๆเรียกให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขับใบหน้าให้มีสีสันแต่ก็ไม่ เป็นผล จึงได้แต่ถอนหายใจเดินออกไปรับชะตากรรม ร่างบางที่โดนไล่ออกมายืนรอหน้าห้องน้ำ�จ้ำ�พรวดเข้าไปหา ทันทีที่ร่างหน้าเดินออกมาจากห้องน้ำ� “เป็นยังไงบ้าง?” “ขอโทษนะ ผมคายคิมบับออกมาหมดแล้วล่ะ^^;” ยุนโฮพูด
ติดตลกพลางยิ้มกลบเกลื่อน แต่ไม่ดีพอจะเบนความสนใจ “ไม่เล่นไม่ไหวทำ�ไมไม่บอกล่ะ?” “. . . . .” “กลัวขนาดนี้ ทำ�ไมโกหกว่าเล่นได้ เกิดนายช็อคขึ้นมาจะทำ� ยังไง” แจจุงยืนกอดอกอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นยุนโฮก้มหน้างุด เหมือนเด็กเล็กที่รู้ตัวว่าผิด ก็ทำ�ให้อารมณ์คุกรุ่นเบาบางลง แจจุง ถอนหายใจแรงๆแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ค่อยๆ บรรจงซับใบหน้าที่เปียกน้ำ�ของยุนโฮเรื่อยลงมาถึงลำ�คอ นัยน์ตา สีน้ำ�ตาลมองดูการกระทำ�ของแจจุงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ความอบอุ่น แผ่ซ่านทุกครั้งที่ผ้าเนื้อเรียบสัมผัส ริมฝีปากยิ้มบางออกมาไม่รู้ตัว ยามที่แจจุงจัดเสื้อผ้าให้ด้วยท่าทางจริงจัง “ผมหิวแล้วล่ะ” ดวงตาสีนิลเหลือบมองอย่างงงๆ จู่ๆก็พูดขึ้นมา ซะอย่างนั้น คนตัวสูงยิ้มให้ใบหน้างุนงงแล้วพยักเพยิดไปทางด้านข้าง ร้านขายไก่ทอดชื่อดังตั้งร้านอยู่ไม่ไกล “ไปทานมื้อเที่ยงกันเถอะ” ร่างสูงจูงมือเล็กเดินนำ�เข้ามาในร้าน เสียงทุ้มเอ่ยปากสั่ง อาหารเหมือนคนที่มาใช้บริการบ่อยจนเชี่ยวชาญ ไม่นานนักไก่ทอด พร้อมน้ำ�อัดลมแก้วใหญ่ก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทั้งสองกินกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะยุนโฮที่ดูมีความสุขมากเป็นพิเศษ คงเพราะมื้อก่อนหน้าโดนขย้อนออกมาหมดเกลี้ยงยุนโฮเลยหิว จัดสุดๆ เมื่อจัดการไก่ทอดชุดใหญ่จนหมด ยุนโฮจูงมือพาร่างบางเดิน ย่อยอาหารที่สวนจัดแสดงใกล้ๆ ร่างเล็กยกกล้องถ่ายรูปที่เอาติดมือมา ถ่ายรูปตามที่ต่างๆ บางครั้งก็ดึงยุนโฮให้เข้ามาอยู่ในเฟรม ตอนแรกก็ดู จะอายๆแต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มโพสท่าตลกๆ แจจุงหัวเราะก๊ากกับ ท่าประหลาดของยุนโฮจนคนที่เดินผ่านไปมาหยุดดู แจจุงจึงลากตัวตลก
35
36
หน้าเป็นหนีเข้าไปเล่นเครื่องเล่นในร่มที่ Lotte World Adventure เสียงเล็กหวานหัวเราะเคล้าคลอกับเสียงสดใส รอยยิ้มละไมติดประดับ ใบหน้าอย่างเปี่ยมสุข มือใหญ่เกี่ยวกุมมือเล็กตลอดเวลาทั้งยังตามใจ ร่างเล็กจนถึงตอนเย็น โดยเฉพาะเมื่อคนตัวเล็กอยากเล่นม้าหมุนยักษ์ อันเลื่องชื่อของ Lotte World เขาก็ปล่อยให้เล่นอยู่หลายรอบจน เกือบลืมเวลา “รอบนี้รอบสุดท้ายแล้วนะแจจุง เดี๋ยวพลาดรถเมล์จะยุ่ง” ยุนโฮ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เย็นมากแล้ว ถ้าพลาดรถเมล์เที่ยวนี้คงไม่พ้น ต้องเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ระยะทางจากที่นี่ไปสถานีรถไฟใต้ดินก็อยู่ใกล้ๆ เสียเมื่อไหร่กัน “รับทราบครับคุณพ่อ^^~” ร่างบางตอบรับหยอกเย้า ยุนโฮ ย่นจมูกใส่เรียกเสียงหัวเราะดังลั่น สะท้อนก้องในรถม้าซินเดอเรลล่า “ว้าว!วิวตอนเย็นสวยจังเลย” แจจุงอุทาน “ยุนโฮมาดูตรงนี้สิ” ไม่เรียกเปล่า มือเล็กเอื้อมคว้าแขนยุนโฮดึงมานั่งข้างกายแล้วชี้ให้ดู วิวด้านนอก “ดูสิ สวยไหม?” “แจจุงหลบหน่อยสิ ฉันมองไม่เห็น” ยุนโฮพยายามชะเง้อหา มุมมองจากด้านหลัง แต่ร่างบางบังกระจกเล็กเสียเกือบมิด แขนซ้าย ถูกยกค้ำ�ข้างกระจกพยุงตัวให้ยืนขึ้นเพื่อมองจากด้านบน “หัวบังซะมิด เชียว” “จะมาโทษฉันได้ไง อ๊ะ...” ใบหน้าสวยหันขวับหมายจะโวยใส่ ซักยกถึงกับต้องชะงัก ดวงตากลมเบิกตากว้างเมื่อริมฝีปากหยักอยู่ห่าง จากใบหน้าเพียงไม่กี่เซน เสียงเล็กๆในหัวตะโกนดังให้ผลักคนตรงหน้า ออกห่างๆแต่ลมหายใจอุ่นเป่ารดที่หน้าผากคล้ายจะปัดเป่าเอาความคิด ในหัวปลิวหาย ร่างเล็กจึงได้แต่นิ่งงัน ยุ น โฮที่ เ ริ่ ม รู้ สึ ก ถึ ง ความนิ่ ง ผิ ด ปกติ ล ะสายตาจากวิ ว สวย ตรงหน้า เบือนหน้าลงมองก่อนจะประจักษ์ว่าไม่ควรก้มลงมองเลย
นัยน์ตาสีเปลือกไม้สบตากับเนตรสีนิลวาวสวยเบื้องล่าง ใบหน้าขาวผ่อง อยู่ ห่ า งในระยะไม่ ถึ ง หนึ่ ง ฝ่ า มื อ ชวนให้ หั ว ใจเจ้ า กรรมเต้ น กระหน่ำ � ผิ ว ขาวเนี ย นละเอี ย ดแต้ ม สี ช มพู ร ะเรื่ อ ที่ แ ก้ ม เหมื อ นกลี บ ดอกไม้ ที่ค่อยๆแย้มบาน งดงามตราตรึงสายตาจนไม่อาจเบือนหลบ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวในจิตใจ ดึงดูดห้วงอารมณ์อย่าง รุ น แ ร ง เ ห มื อ น เ ป ล ว เ พ ลิ ง ที่ ถู ก จุ ด บ น ผ้ า ชุ่ ม น้ำ � มั น เชื่องช้า...แต่เข้มข้นล้ำ�ลึก เกินกว่าหัวใจจะต้านทาน ใบหน้าเบื้องบนขยับเข้าใกล้ใบหน้าขาวทีละน้อย ลมหายใจอุ่น เป่าคลอเคลียค่อยๆร้อนขึ้นทุกวินาที นัยเนตรสองคู่สบตาไม่ละจากกัน แม้สักเสี้ยววินาที จมูกโด่งแตะลงที่สันจมูกขาวประสานลมหายใจ เป็นหนึ่ง ร่างบางสั่นระริกลมหายใจถี่กระชั้นเมื่อมือใหญ่แตะผิวแก้ม ไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความตื่นเต้น หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำ�จังหวะ โลดโผน ก่อนที่แจจุงจะเลือกทำ�สิ่งที่จิตใจต้องการ ริมฝีปากอิ่มเลื่อนทาบทับริมฝีปากหยักแผ่วเบา มือเล็กยก ประคองใบหน้ายุนโฮดึงรั้งให้แนบชิด ลมหายใจอุ่นสอดประสานหายใจ เป็นจังหวะเดียว ความอุ่นขยายตัวจากริมฝีปาก แผ่ซ่านไปที่แก้ม ใบหน้า ลำ�คอ แทรกซึมลึกลงไปทั่วทั้งร่างกาย รับรู้ได้ชัดเจนเหมือน เห็นด้วยตา หากแต่ใช้หัวใจสัมผัส... เหมือนเวลาเนิ่นนานนิรันดร์ ริมฝีปากหยักผละออก ทิ้งร่างลง นั่งเคียงข้างร่างบาง มือใหญ่สอดนิ้วเกี่ยวมือเล็กแนบแน่น แจจุง แย้มรอยยิ้มบางเอนร่างพิงไหล่กว้าง หันหน้ามองภาพอาทิตย์อัสดง ผ่านหน้าต่างบานเล็ก ภายในรถม้าคันเล็กอบอวลด้วยไออุ่นแห่งความรัก ++++++++++++++++++++++++++
37
38 ยุนโฮกับแจจุงมาไม่ทันรถเมล์ ด้วยเหตุเพราะยุนโฮเผลอไผล กับวิวสวยในบรรยากาศอบอุ่นจนลืมเตือนร่างบางที่นอนหลับอิงไหล่ กว่าจะวิ่งมาถึง รถเมล์ก็วิ่งออกไปเสียแล้ว ทั้งสองจึงต้องเดินไปสถานี รถไฟใต้ดิน ระหว่างทางที่เดินตัดสวนสาธารณะ เทปความทรงจำ� เมื่อวานก็เล่นซ้ำ�ในหัว “ทำ�ไมถึงชวนฉันมาเดทล่ะ?” ยุนโฮเอ่ยปากถามด้วยความ อยากรู้ แจจุงอมยิ้มก่อนจะตอบ “เพราะฉันประทับใจในตัวนายไง” “เรื่องที่ฉันเอาดอกกุหลาบไปให้น่ะเหรอ?” แก้มขาวขึ้นสีเมื่อ นึกถึงเหตุการณ์ ไม่รู้เขาไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหนถึงได้เดินดุ่มๆ เอาดอกไม้ไปให้แบบนั้น “นั่นก็ใช่ แต่จริงๆแล้วฉันประทับใจนายก่อนหน้านั้นอีก” คำ�พูด ของแจจุงทำ�ให้คิ้วเข้มเลิกสูง ใบหน้ากลมเหรอหราเสียจนดูตลก “ตอนไหนเหรอ?” “ก็ตอนที่นายกระโดดเก็บลูกโป่งให้เด็กไง” คำ�ตอบที่ได้กลับยิ่ง
ทำ�ให้ใบหน้ากลมงุนงงยิ่งขึ้น “ทำ�หน้างงแบบนี้ ลืมแล้วล่ะสิ” แจจุงหัวเราะ “ก็ตอนเที่ยง เมื่อวาน ฉันไปนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ เห็นเด็กยืนร้องไห้เพราะลูกโป่ง มันลอยไปติดอยู่บนต้นไม้ กำ�ลังจะเข้าไปช่วย จู่ๆก็มีตัวMascots ร้านเค้กจากไหนไม่รู้โผล่มาช่วยตัดหน้าไปเฉยเลย” “Mascots?” ยุนโฮทวนคำ� เรื่องราวในสมองปะติดปะต่อ ได้รางๆ “Mascotsอะไร?” “อะไรกัน จำ�ชุดที่ใส่ไม่ได้รึไง?” นัยน์ตากลมเบิกขึ้นเหมือน ไม่อยากจะเชื่อ “ก็ชุดหมีสีน้ำ�ตาลอ่อน Mascotsร้านเค้กที่นายใส่ แจกใบปลิวเมื่อวานไง” “. . . . . . . .” ร่างสูงนิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้างเหมือนช็อคไป ชั่วขณะ แจจุงที่มัวแต่มองสวนสาธารณะไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไป ของคนข้างกาย เสียงหวานยังพูดเรื่องต่างๆอย่างร่าเริง “นี่ถ้ายัยทิฟฟานี่ไม่บังคับให้ฉันไปทำ�งานด้วยกันเมื่อวาน ฉัน ก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นนายทำ�อะไรน่าประทับใจแบบนั้น แล้วก็คงอด ได้ดอกกุหลาบสวยๆจากนายด้วย จะว่าไปเดี๋ยวคงต้องหาซื้อของขวัญ ไปขอบใจยัยทิฟฟานี่ซะหน่อยแล้วล่ะมั้ง” แจจุงยิ้มร่าแล้วหันกลับมา มองยุนโฮ รอยยิ้มกว้างคลายลงในทันที “ยุนโฮ นายเป็นอะไรไป” “. . . . . . . . .” ยุนโฮยังคงยืนนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ “ยุนโฮ! ยุนโฮ!! เป็นอะไรรึเปล่า ชองยุนโฮ!!” ร่างบางเรียก เสียงดังขึ้นอย่างร้อนรน มือเล็กเขย่าแขนหวังเรียกสติร่างหนา ยุนโฮ กระพริบตาปริบๆ หันมองแจจุงเหมือนเพิ่งได้สติ “ยุนโฮเป็นอะไรรึเปล่า? ไม่เป็นไรใช่ไหม?” มือเล็กประคอง ใบหน้ายุนโฮให้มองตรง นัยน์ตาสีนิลมองสำ�รวจอย่างกังวล ริมฝีปาก หยักจึงฝืนยกยิ้มบางให้ “ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่คิดอะไรเพลินได้หน่อย ขอโทษที่ทำ�ให้
39
40
ห่วงนะ” ยุนโฮพูดพลางยิ้มบาง น้ำ�เสียงแฝงความเศร้าลึกอย่างที่ ไม่อาจมองข้าม แจจุงกวาดสายตาสำ�รวจใบหน้าคมอย่างไม่วางใจ ทำ� ให้ยุนโฮต้องหันเหความสนใจด้วยการลูบเส้นผมสีทองของคนตัวเล็ก “อย่ามองเหมือนฉันจะเป็นบ้าเสียสติแบบนั้นได้ไหม? ฉันไม่เป็น อะไรจริงๆ ^^” ใบหน้าคมแย้มยิ้มสดใส ขยี้ผมนุ่มอย่างเอ็นดู แจจุงปัด มือใหญ่ออกแล้วสางผมให้เข้าที่เข้าทาง ปากบางบ่นมุบมิบไม่หยุด ตลอดทางจนไม่ทันสังเกตสีหน้าเศร้าซึมของยุนโฮ ++++++++++++++++++++++++++ หอพักเด็กฝึกหัดค่าย SM Entertainment 3 ทุ่ม 45 นาที ร่ า ง สูง เดิ น ตาม ร่ า ง บอบบาง จน ม าห ยุดยืน ห น้ าห้ อง ของร่างบาง ยุนโฮยกมือแตะผมนุ่มเบาๆเหมือนจะบอกลา แจจุง หันกลับมายิ้มให้คนที่เดทด้วยมาทั้งวัน “วันนี้สนุกมากเลย ฉันมีความสุขมากจริงๆ” แจจุงยิ้มหวาน ดวงตาสีนิลมองสบตาดวงตาสีเปลือกไม้ด้วยความสุขล้น “ราตรีสวัสดิ์” “เดี๋ยวก่อน” มือใหญ่จับแขนเล็กที่ยกลูกบีบประตู ดึงให้หัน มาหา ก่อนจะยกมือขึ้นแตะแก้มขาว นัยน์ตาสีน้ำ�ตาลมองใบหน้าสวย ด้วยแววตาหลากอารมณ์ “มีอะไรเหรอ?” แจจุงเอ่ยถามแผ่วเบา ช้อนดวงตาขึ้นมองใบหน้า ร่างสูง “ขอ...” เสียงทุ้มเงียบไปชั่วครู่ “ขอจูบนายอีกครั้งได้ไหม?” คำ�ร้องขอทำ�ให้ใบหน้าขาวร้อนแผ่ว พวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อ แจจุงหลุบตาลงอย่างเขินอายก่อนจะยกแขนกอดคอร่างหนา ประทับริม ฝีปากแนบริมฝีปากหยักอีกครั้ง ยุนโฮยกแขนโอบรัดร่างบอบบางแน่น
เม้มริมฝีปากกดแนบทุกหยักโค้ง สัมผัสที่ทำ�ให้นัยน์ตากลมเบิกกว้าง จูบลึกซึ้งถ่ายทอดความรู้สึกโศกเศร้า แนบแน่นเหมือนอยากจดจำ� ให้ได้มากที่สุด โหยหาและเศร้าซึมเสมือนจะลาจากไปไกล เหมือนเป็นจูบสุดท้าย... ริมฝีปากหยักผละออก แขนยาวรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดแนบ แน่น ใบหน้าเจ็บปวดซุกซ่อนที่บ่าเล็กชั่วครู่ก่อนจะดันร่างบางออกห่าง ใบหน้าเล็กมีสีหน้าไม่เข้าใจ นิลกาฬคู่สวยมองลึกที่นัยน์ตาสีน้ำ�ตาล เข้มอย่างค้นหา เห็นแต่เพียงความมืดมัวโศกเศร้าอย่างไม่อาจเข้าใจ “ขอบคุณสำ�หรับวันนี้ ฉันจะจดจำ�ไม่มีวันลืม ราตรีสวัสดิ์ครับ” ร่างสูงโค้งลงกล่าวอำ�ลา..เป็นทางการ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป “เดี๋ยวยุนโฮ!!” ร่างสูงชะงักนิ่ง ใบหน้าคมเหลียวกลับมามอง ยังคงดูเศร้าซึม “พรุ่งนี้ยังว่างอยู่ใช่ไหม?” แจจุงถาม เนื้อเสียงมีแววหวาดหวั่น “เก้าโมงเช้าไปทานกาแฟที่ร้านCoffee Kissใกล้ๆนี่ด้วยกันนะ” ยุนโฮยืนนิ่งเหมือนใช้ความคิดชั่วครู่ก่อนจะยิ้มบางๆ ร่างเล็ก บอกตัวเองให้เชื่อว่ารอยยิ้มนั่นเป็นการตอบรับ ริมฝีปากแย้มยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ยุ น โฮยื น นิ่ ง อยู่ ชั่ ว ครู่ ก่ อ นจะก้ า วเดิ น กลั บ ห้ อ งของตั ว เอง สายน้ำ � อุ่ น ทอดผ่ า นแก้ ม เพี ย งเสี้ ย ววิ น าที ก่ อ นจะถู ก มื อ ใหญ่ ป าดทิ้ ง รวดเร็วพอๆกับที่หยดน้ำ�ตาหยดใหม่ร่วงลงที่จุดเดิม ยุนโฮยกมือปาด น้ำ�ตาไปตลอดทางจนเข้าไปในลิฟต์ ร่างสูงเอนหลังพิงพนังเย็น ปลดปล่อยหยาดน้ำ�ตารินไหลอาบใบหน้า สะท้อนความปวดร้าวในหัวใจ เหมือนลูกโป่งทีพ่ องโต ถูกเข็มแหลมแทงจนแตกฉีกขาดเป็นชิน้ ๆ ยุนโฮข่มตาหลับแน่น ภาพเหตุการณ์ในวันนี้ยังคงวิ่งวน อยู่ในหัวเหมือนวิดีโอเทปที่ถูกเล่นใหม่ นับตั้งแต่ร่างเล็กเอ่ยปากชวนเดท มื้อเช้าแสนอร่อย เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มอ่อนหวาน
41
42
มือเล็กที่จัดเสื้อผ้าให้ ริมฝีปากสีแดงที่ทาบทับ ทุกสิ่งที่ทำ�ให้ผู้ชายที่ชื่อ ชองยุนโฮคนนี้มีความสุขเหมือนได้อยู่ ณ สรวงสวรรค์ มันจะยังคงเป็น ความทรงจำ�ที่สวยงามไปตลอดชั่วชีวิต ความทรงจำ�ว่าครั้งหนึ่ง...วันหนึ่ง...หัวใจดวงนี้เคยได้รับความรัก จากเด็กหนุ่มที่ชื่อคิมแจจุง แม้ ว่ า ความจริ ง แล้ ว ...เขาไม่ ส มควรจะได้ รั บ มั น มาก็ ต าม ตึก! ตึกๆ “ครับๆ มาแล้วครับ” เสียงสูงเหมือนเด็กคล้ายดังแว่วมาจาก ที่ไกลๆ ..เสียงคุ้นหู.. “พี่ยุนโฮ เกิดอะไรขึ้น!” เสียงคุ้นเคยนั้นดังขึ้นด้วยน้ำ�เสียง ตื่นตระหนก เสียงที่สมองบันทึกไว้ว่าคุ้นเคย เหมือนได้ยินบ่อยครั้ง เหมือนได้ยิน...อยู่ทุกวัน “พี่ยุนโฮ มองหน้าผมสิพี่ เกิดอะไรขึ้น!” คราวนี้รู้สึกเหมือนมี อะไรบางอย่างเขย่าแขนอย่างแรง ใบหน้าใครบางคนแทรกเข้ามาใน ห้วงความคิด เขารู้จักใบหน้านี้...รู้จักเป็นอย่างดี ชิม...ชางมิน.... “ชางมิน!?” “ก็ใช่สิ พี่เป็นอะไรรึเปล่า?” ใบหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นน้องยังคง ตื่นตระหนกกังวลกับปฏิกิริยาของพี่ชาย ยุนโฮมองร่างสูงนิ่ง สติที่ลอยฟุ้งกระจายค่อยๆถูกดึงกลับมา เขาไม่รู้ว่าเดินมาถึงห้องเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่ายกกำ�ปั้นทุบ ไม่รู้ด้วยซ้ำ�ว่า ใบหน้าที่ว่างเปล่าของเขา...ยังคงเต็มไปด้วยน้ำ�ตา “ไม่..ไม่เป็นไร..” “ไม่เป็นไรได้ยังไง ก็พี่ร้องไห้อยู่เนี่ย!” ชางมินว่าเสียงแข็งแฝง ความกังวล ใบหน้าอาบน้ำ�ตาส่ายหัวเบาๆก่อนจะก้าวย่างเชื่องช้าเข้ามา
ในห้อง ชางมินมองตามอย่างไม่อาจเข้าใจ นัยน์ตาคมหรี่ลงประเมิน อาการผิดปกติของพี่ชาย ตุบ! ร่างหนาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ดวงตา เล็กว่างเปล่าเหม่อมองไม่มีจุดหมาย ริมฝีปากขยับพูดเบาๆ “ช่วยอะไรพี่ซักอย่าง...ได้ไหม?” นัยน์ตาสีชอคโกแลตมอง คนร้องขออย่างประหลาดใจ ไม่บ่อยนักที่พี่ชายคนนี้จะขอความช่วยเหลือ จากเขา โดยเฉพาะด้วยท่าทีแบบนี้ ใบหน้าคมพยักหน้ารับไม่เสียเวลาคิด ยุนโฮช้อนตามองแล้ว บอกเล่าถึงสิ่งที่ต้องการ ในตอนแรกคนเป็นน้องไม่มีทีท่าจะยอมอ่อนข้อ แต่ท้ายที่สุด ชางมินก็ยอมช่วยอย่างเสียไม่ได้ “รู้อะไรไหม? ในบรรดาเรื่องไร้สาระที่พี่เคยทำ�มา เรื่องนี้ มันแย่ที่สุด” ชางมินพูดเรียบๆ ยุนโฮถอนหายใจแผ่วเบาแล้วปิดโคมไฟ ปล่อยให้ความมืดทำ�หน้าที่ตัดบทสนทนา ++++++++++++++++++++++++++
43
44 9 โมงเช้า ร้านCoffee Kiss ร่างเล็กในชุดไหมพรมถักสีเนื้อนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดติดกระจก หน้าร้าน มือเล็กกุมกาแฟมอคค่าถ้วยเล็กอยู่นานจนความร้อนลดลง ใบหน้าหวานมองออกไปนอกกระจก กวาดสายตาหาร่างหนาที่เขา รอคอย ดวงตาสีดำ�ขลับดูหม่นหมองยามเฝ้ามองผู้คนเดินผ่านไปมา ความกังวลเกาะติดห้วงความรู้สึกยากที่จะสลัดออก นับตั้งแต่แยกจาก ยุนโฮเมื่อคืน สัมผัสอ้างว้างเจ็บปวดยังชัดเจนจนแทรกเข้าสู่ห้วง ความฝัน ไม่อาจบอกตัวเองให้ทำ�ใจสบาย ตราบใดก็ตามที่ยังไม่เห็น คนที่เขานัดไว้ ถึงจะเลยเวลานัดมาไม่ถึง 10 นาที บางอย่างในใจของแจจุง กระซิบบอกความผิดปกติ นั่นยิ่งทำ�ให้ความเศร้าหมองฟ้องชัดบนใบหน้า “คิมแจจุงใช่ไหมครับ?” แจจุงหันหน้ามองคนเรียกชื่อตนด้วย ความตกใจ ร่างสูงเพรียวของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะดูคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นผ่านสายตาทำ�ให้คิ้วบางเลิกขึ้นสูง “ผมชื่อ ชิมชางมิน เป็นรูมเมทของพี่ยุนโฮครับ” ร่างสูงแนะนำ�
ตัวเสียงเรียบพลางค้อมหัวลง แจจุงค้อมหัวลงตอบรับก่อนจะเชื้อเชิญ ให้นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม “เอ่อ นายมีธุระอะไรกับพี่เหรอ? แล้วยุนโฮไปไหน?” “พี่ยุนโฮให้ผมมาหาพี่” คำ�ตอบที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำ�ให้แจจุง เลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ “ให้ผมมาอธิบายความจริงกับพี่ เรื่องที่พี่ เข้าใจผิด” “เข้าใจผิดเหรอ? เรื่องอะไรกัน พี่ไม่เห็นเข้าใจเลย” ใบหน้าสวย ส่ายหน้าเบาๆ แววตาเคลือบแคลงใจจ้องหน้าชางมินนิ่ง “เรื่องคนที่พี่ชอบ Mascotsรูปหมีที่กระโดดเก็บลูกโป่งให้เด็ก ในวันนั้น” ดวงหน้าขาวขึ้นสี อับอายกับความประทับใจแบบเด็กๆ ของตัวเอง นัยน์ตาคมสบตากับดวงตากลมโต แน่นิ่งไม่ยอมให้ เสียสมาธิ “คนๆนั้นไม่ใช่พี่ยุนโฮ แต่เป็นผม” “!!!!!!” ร่างเล็กอึ้งไปชั่วครู่ด้วยความตกใจ ก่อนจะเอ่ยท้วง ตะกุกตะกัก “ปะ เป็นไปไม่ได้ พี่เห็นตอนที่ยุนโฮถอดหัวหมีออกและ ชุดนั้นก็มีแค่ชุดเดียว ยุนโฮเขาใส่ชุดนั้นแน่ๆ” “ใช่ พี่ยุนโฮใส่ชุดนั้นจริง แต่ใส่ตอนบ่าย ตอนเช้าพี่ยุนโฮ ใส่ชุดคัพเค้กชอคโกแลต ผมใส่ชุดหมีสีน้ำ�ตาล รับหน้าที่ไปเดินแจกใบปลิว ที่สวนสาธารณะ แจกเสร็จไม่นานผมก็เข้าไปช่วยเก็บลูกโป่งให้ เด็กคนนั้นแล้วกลับมาพักที่ร้านตอนเที่ยงพอดี” “แต่พี่ถามเจ้าของร้านเขาแล้ว เขาบอกว่า...” แจจุงยังพูดไม่ทัน ได้ความ ชางมินก็พูดแทรกขึ้นมา “พี่ยุนโฮใส่ชุดหมีหลังจากเขาไล่ผมไปทำ�งานในร้าน” ชางมิน อธิบาย ใบหน้าคมนิ่งสงบไม่มีความรู้สึก “คนที่พี่ประทับใจจนตามมา ที่ร้านคือผม คนที่พี่ควรจะชวนไปเดทกับพี่เมื่อวานคือผม ไม่ใช่พี่ยุนโฮ” แจจุงนิง่ ค้าง ตกตะลึงกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ดวงตาเบิกกว้างมองใบหน้า คมที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะพยายามรวบรวมสติ เค้นเสียงให้ออกมา
45
46
จากลำ�คอ “พี่..พี่ขอโทษ พี่ไม่น่าจะ....” “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ไม่ใช่ความผิดพี่เลย” ชางมินเลื่อนมือ กุ ม มื อ เล็ ก ที่ สั่ น ระริ ก จนแก้ ว กาแฟในมื อ กระทบจานรองแก้ ว ให้หยุดนิ่ง นัยน์ตาคมเหลือบมองใบหน้าสวยคล้ายจะปลอบโยน “ไม่ต้อง กังวล” ใบหน้าสวยยังคงดูไม่สบายใจ ความรู้สึกมากมายประดังเข้าสู่ ห้วงความรู้สึกจนสับสนไปหมด แต่สมาธิที่แตกซ่านก็ถูกดึงความสนใจ ด้วยแรงบีบเบาๆจากฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุม แจจุงเงยหน้าสบตากับชางมิน ตรงๆอย่างไม่เข้าใจ “ถ้ามันยังไม่ช้าเกินไป ผมอยากขอให้พี่ไปเดทกับผมในวันนี้ และต่อจากนี้ได้ไหม พี่แจจุง?” ++++++++++++++++++++++++++ แม้แสงแดดจะส่องประกายเก่งกล้า แต่ก็ไม่ได้ทำ�ให้ร่างสูง ที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงยอมลุกขึ้นมาทำ�กิจวัตรประจำ�วันแต่อย่างใด ถึงแม้จะตื่นจากการหลับใหลแล้วก็ตาม ยุนโฮนอนขดตัวนิ่งใต้ผ้านวมนุ่ม ใบหน้าคมดูอ่อนเพลียอย่างคนที่ไม่ได้หลับเต็มตา นัยน์ตาสีเปลือกไม้ แสบเคือง ไม่ต้องมองกระจกก็รู้ว่าคงแดงก่ำ� แก้มยังรู้สึกถึงความชื้น ที่หมอนหนุน ผลจากการร้องไห้เกือบตลอดทั้งคืน ทั้งๆที่ร้องไห้หนัก จนความง่วงน่าจะจู่โจมแล้วแท้ๆ แต่พอหลับตาภาพที่ไปเดทกับแจจุง ก็แล่นวาบเข้ามาในความมืดจนน้ำ�ใสๆรินไหลออกมาเรื่อยๆ กว่าจะได้ หลับก็เกือบจะตีสี่ ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นชางมินนอนอยู่ที่เตียงตรงข้ามแล้ว ตอนนี้คงกำ�ลังคุยกับแจจุงอยู่...เดี๋ยวคงออกไปเดทกันแล้ว น้ำ � ตาเจ้ า กรรมเอ่ อ คลอดวงตาเล็ ก อี ก ครั้ ง ก่ อ นจะร่ ว งผ่ า น สันจมูกหยดลงที่หมอนอีก ยุนโฮบิดใบหน้าซบหมอนต่างผ้าเช็ดหน้า
ไม่ไหวแล้ว อยากจะหลับไปซะจริงๆจะได้หนีความจริงพวกนี้ หนีความจริงที่ว่า...คนที่เขารักกำ�ลังจะไปเดทกับคนอื่น กริ๊งงงงงงง~ กริ๊งงงงงงง~ เสียงโทรศัพท์ประจำ�ห้องพักดังขึ้น ยุนโฮจำ�ต้องยันตัวเองลุก จากเตียงนอนเพื่อไปรับสาย ด้วยเกรงว่าอาจจะเป็นสายสำ�คัญของ เจ้าของหอก็เป็นได้ “ยอโบเซโย?” “พี่ยุนโฮ ผมเองนะ” เสียงปลายสายทำ�ให้ดวงตาที่แทบจะปิด เบิกโพล่งเมื่อมันเป็นเสียงของรูมเมทเขาเอง “อืม มีอะไรชางมิน” ยุนโฮรวบรวมสติกรอกเสียงกลับไป หวังให้คิดว่าเสียงแหบพร่าเป็นเพราะเพิ่งตื่น ไม่ใช่เพราะเพิ่งร้องไห้ “เลิกร้องไห้ซะทีเถอะ” ปลายสายบ่นเสียงเหนื่อยหน่าย ชางมิน หลอกยาก ยุนโฮรู้ดี “ผมลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนห้อง พี่ช่วยเอามา ให้ผมที่ร้านได้ไหม?” “ทำ�ไมนายไม่ขึ้นมาเอาเองล่ะ?” เขาไม่อยากเจอแจจุงในสภาพ แบบนี้ ไม่รู้จะปั้นหน้ายังไง ป่านนี้แจจุงคงโกรธเขาที่ทำ�ให้เสียเวลา เมื่อวานไปทั้งวัน “ผมไม่อยากให้พี่แจจุงรออยู่คนเดียว อีกอย่างยังไงพี่ก็ตื่นแล้ว อ า บ น้ำ � แ ต่ ง ตั ว แ ล้ ว เ อ า ก ร ะ เ ป๋ า ตั ง ค์ ม า ใ ห้ ผ ม ที่ ร้ า น ห น่ อ ย ไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นผมต้องให้พี่แจจุงจ่ายค่ากาแฟให้นะ” “โอเคๆ อาบน้ำ�แต่งตัวเสร็จพี่จะเอาลงไปให้ รอหน่อยแล้วกัน” ถึงไม่อยากเอาหน้าบวมๆ ตาคล้ำ�ๆสภาพดูไม่ได้แบบนี้ไปให้แจจุงเห็น แต่เขาจะไม่ยอมให้แจจุงเดือดร้อนจ่ายเงินค่ากาแฟให้เจ้าน้องตัวแสบ เด็ดขาด “อืม ไม่ต้องรีบนะ ผมกับพี่แจจุงจะกินเค้กรอ” ชางมินวางสาย ไปแล้ว ยุนโฮถอนหายใจเฮือกก่อนจะลากสังขารไปพับผ้าห่ม แล้วคว้า ผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ�
47
48 30 นาทีต่อมา “Coffee Kiss ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยต้อนรับเสียงใส เมื่อร่างหนาผลักประตูเดินเข้ามาในร้าน ยุนโฮโค้งคำ�นับทักทาย พนักงานสาวแล้วกวาดสายตามองหาร่างสูงของชางมิน ก่อนจะชะงัก เมื่อมองเห็นใครบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะติดกระจกด้านในสุด ยุนโฮยืนนิ่ง เหมือนถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ ชั่งใจอยู่ไม่นานแล้วทำ�ท่าจะเดินออก จากร้าน แต่นัยน์ตาสีน้ำ�ตาลกลับสบตาเข้ากับนัยน์ตาสีนิลเสียก่อน ยุนโฮ..ร่างสูงอ่านคำ�พูดจากริมฝีปากอิ่ม นัยน์ตาสีเข้มจ้องตา ร่างบางนิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ขายาวหยุดนิ่งอยู่ห่างจาก เก้าอี้ว่างแค่ไม่กี่ก้าว “ยุนโฮ” เสียงแจจุงฟังดูไม่สบายใจจนยุนโฮไม่อาจละเลยได้ มื อ ใหญ่ ย กขึ้ น หมายจะลู บ แก้ ม ปลอบโยนตามสั ญ ชาตญาณแต่ ก็ ยั้งใจไว้ได้ทัน “ชางมินลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนห้อง ผมแค่เอามาให้แล้วก็จะไป” ยุนโฮวางกระเป๋าตังค์หนังสีดำ�ลงบนโต๊ะ ร่างหนาหมุนตัวเหมือนจะ
เดินกลับอย่างที่พูดจริงๆ “นั่งด้วยกันก่อนสิยุนโฮ” มือเล็กฉวยแขนร่างหนาไว้ เนตรนิล ดำ�ขลับวิงวอน ยุนโฮไม่สามารถทำ�เป็นไม่แยแสได้ ร่างหนาขยับตัว นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ชางมินไปแล้ว” “ว่าไงนะ?!!” เสียงทุ้มร้องดังลั่น ตกใจอย่างถึงที่สุด หมายความ ว่ายังไง...ไปแล้วงั้นเหรอ? “ชางมินไปแล้ว นั่งรถเมล์ไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว” แจจุง อธิบาย ยุนโฮอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ ก่อนที่ความอึ้งจะถูกเปลี่ยนเป็น ความโกรธ “เดี๋ยวผมไปโทรตามมันให้” ร่างหนาผุดลุกแต่ถูกแจจุงดึงให้นั่ง ลงตามเดิม “นายผิดนัด” เสียงหวานประท้วงเบา ความเจ็บปวดและน้อยใจ เจืออยู่ในน้ำ�เสียง คนฟังรับรู้ได้อย่างชัดเจน เปลือกตาบางหลุบต่ำ� หลบสายตาอย่างคนที่ทำ�ผิด “ผมไม่ใช่คนที่คุณนัด” ยุนโฮพึมพำ� คำ�พูดสุภาพ...และห่างเหิน แจจุ ง เม้ ม ปากแน่ น น้ อ ยใจกั บ ท่ า ที เ หมื อ นไม่ อ ยากสนทนาด้ ว ยของ อีกฝ่าย “ใช่สิ จะไม่ใช่ได้ยังไงในเมื่อฉันชวนนายเมื่อวานนี้” “คุณนัดกับคนที่คุณรัก ไม่ใช่ผม” ยุนโฮพยายามบังคับเสียงให้ ราบเรียบ คำ�ที่พูดไปทำ�เอาหัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาทันควัน แจจุงมองหน้า ยุนโฮนิ่ง สีหน้าไม่เข้าใจ “ชางมินไม่ได้บอกความจริงกับคุณเหรอ?” จากที่แจจุงต่อว่า ยุนโฮสรุปเอาว่าชางมินคงไม่ได้เล่าความจริงให้แจจุงฟัง แต่ใบหน้าสวย กลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ชางมินบอกแล้ว ทุกประโยค ทุกคำ�พูดที่นายสั่งให้เขาพูด”
49
แจจุงจ้องมองสีหน้าลุแก่โทษของยุนโฮ ความรู้สึกผิดฉาบทับทั่วใบหน้า เหมือนหน้ากากสวมติด “นอกจากสิ่งที่นายบอกให้เขาพูด เขาก็บอก อะไรบางอย่างกับฉันด้วย”
50
“ถ้ามันยังไม่ช้าเกินไป ผมอยากขอให้พี่ไปเดทกับผมในวันนี้ และต่อจากนี้ได้ไหม พี่แจจุง?” “เอ่อ พี่ไม่คิดว่ามันจะ...” ใบหน้าสวยดูกระอักกระอ่วน “สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดเมื่อกี้ คือสิ่งที่พี่ยุนโฮขอร้องให้ผมมาพูด กับพี่” “เอ๋?” แจจุงร้องออกมาอย่างงุนงง ความสับสนในแววตา หายวับไปทดแทนด้วยความประหลาดใจ “ผมไม่ได้อยากมาพูดอะไรพรรค์นี้หรอกพี่แจจุง แต่พี่ยุนโฮเขามี บุญคุณกับผมมาก เขาดูแลผมมาตลอดเวลานับตั้งแต่ผมมาเป็นรูมเมท ของเขา เขาขอร้องให้ผมช่วย ผมถึงต้องมา” นัยน์ตาคมจริงจัง มลายหายไป แววตาสุขุมยากจะเข้าใจถูกสวมทับนัยน์ตาสีชอคโกแลต มือใหญ่ที่กุมทับละออกจากมือเล็ก “. . . . . . .” ร่างเล็กนิ่งเฉย รอฟังเรื่องราวอย่างเงียบๆ “จากนี้ ฟังผมให้ดี สิ่งที่ผมจะบอกต่อจากนี้ คือสิ่งที่ผมตั้งใจ จะมาพูดกับพี่” ชางมินประสานสายตา มองทุกปฏิกิริยาบนแววตาสีนิล “คนที่พี่ประทับใจตลอดมาคือผม แต่พี่เข้าใจผิดว่าคนๆนั้นเป็นพี่ยุนโฮ พี่ถึงเอ่ยชวนพี่ยุนโฮไปเดทเมื่อวานใช่ไหมครับ?” “ใช่...” “เมื่อวานทั้งวัน” เสียงทุ้มเน้นหนักคำ�ว่า ‘ทั้งวัน’ “ผมคิดว่าพี่ต้อง รู้สึกดีกับการได้อยู่กับพี่ยุนโฮ พี่อาจคิดว่าเป็นเพราะเขาคือคนที่พี่ ประทับใจแต่แรก แต่ ณ ตอนนี้เขาไม่ใช่คนๆนั้น พี่ยุนโฮไม่ใช่คนๆนั้น”
“. . . . . . . . .” “ฉะนั้นผมมีคำ�ถามอยากถามพี่ พี่แจจุง” “. . . . . . . . .” “เมื่อวานที่พี่ไปเดทกับพี่ยุนโฮมาทั้งวัน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อวาน พี่มีความสุขกับมันไหมพี่แจจุง? สิ่งที่พี่ได้เห็นจากตัวพี่ยุนโฮ เมื่อวานมันสร้างรอยยิ้มให้พี่ได้ไหม? สร้างความสุขให้พี่ได้ไหม?” “. . . . . . . .” แจจุงเบิกตากว้าง ความคิดเดินตามที่ถูกชี้แนะ นิลกาฬคู่สวยวาบแววอย่างเข้าใจ “ทีนี้ พี่ยังอยากตอบรับคำ�ชวนของผมอยู่อีกไหมพี่แจจุง?” ชางมินทิ้งคำ�ถามไว้พร้อมรอยยิ้มบางก่อนจะลุกขึ้น “ผมมีนัดกับเพื่อนที่ ทงแดมุน คงต้องขึ้นรถเมล์ไป ผมจะโทรให้พี่ยุนโฮลงมาหาพี่ จากนั้น พี่ตัดสินใจเองแล้วกันนะครับ” “เมื่อวาน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น แทบไม่มีช่วงเวลาไหนที่ฉันไม่มี ความสุข” มือเล็กเลื่อนจับมือใหญ่ นิ้วโป้งเกลี่ยที่หลังมือเย็นเยียบ นัยน์ตา สีดำ�ช้อนมองใบหน้าอึ้งๆของยุนโฮ “ทุกครั้งที่มองหน้านาย ทุกครั้ง ที่เห็นนายยิ้ม ฉันก็เผลอยิ้มออกมาทุกที ฉันชอบที่นายยอมอดทน ตามใจฉันทุกอย่าง ยอมเล่นเครื่องเล่นพวกนั้นทั้งๆที่กลัวแทบตาย ยอม วิ่งตามฉันไปทุกที ฉันชอบที่จะกุมมือคู่นี้ของนายเพราะมันทำ�ให้ฉัน รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย และฉันก็รู้สึกเหมือนตัวลอยตอนที่เราจูบกัน!” แจจุงระบายความรู้สึกในใจออกมารัวเร็วแทบไม่หยุดหายใจ เสียงหวานขึน้ ตามอารมณ์ทเี่ พิม่ ขึน้ ใบหน้าขาวจ้องมองเหมือนโกรธเคือง คนที่ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักเข้าใจจิตใจของคนอื่น บึ้งตึงจนคนมองถึงกับผงะ “นั่นเพราะ...นายนึกว่าฉันเป็นชางมิน” ยุนโฮเค้นเสียงเอ่ย คัดค้าน แจจุงอ้าปากค้างส่งเสียงหัวเราะแค่นออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
51
52
แสดงว่าที่พูดออกไปเมื่อกี้ไม่เข้าใจเลยใช่ไหม? “ไม่ใช่!” แจจุงกระแทกเสียง ตบโต๊ะดังลั่นจนคนทั้งร้าน หันมามอง “นายคิดว่าฉันสำ�คัญผิดว่านายเป็นคนๆนั้นฉันเลยมีความสุข งั้นเหรอ? ไม่! ไม่ใช่เลยสักนิด โอเค! ฉันยอมรับว่าเข้าใจผิดที่คิดว่า นายเป็นชางมิน แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกทั้งหมดมันไม่ใช่เพราะฉันเข้าใจผิด!!” “อะ เอ่อ คุณลูกค้าค่ะ มีอะไรผิดปกติรึเปล่าค่ะ ^^;” พนักงานสาว ใจกล้าเอ่ยถามอย่างลังเล เมื่อสถานการณ์ชักจะไม่ค่อยดี ใบหน้าสวย ตวัดสายตามองด้วยใบหน้ามีโมโหราวนางฟ้าพิโรธ ถอดรหัสได้สั้นๆว่า -อย่ามายุ่ง- เป็นเหตุให้สาวน้อยถอยทัพกลับมายืนดูอยู่ห่างๆเหมือน คนอื่นๆในร้าน แจจุงจึงหันกลับมามองหน้าคู่กรณีที่กำ�ลังกลืนน้ำ�ลาย อย่างเกรงๆ “ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนที่อยู่กับนาย ฉันยอมรับว่า การที่ ฉั น เข้ า ใจผิ ด คิ ด ว่ า นายเป็ น คนที่ ทำ � ให้ ฉั น ประทั บ ใจมั น ทำ � ให้ ฉันมีใจให้นายตั้งแต่แรก” แจจุงพูดเสียงเรียบ “แต่สิ่งที่ทำ�ให้ฉันมี ความสุข ไม่ใช่เพราะคิดว่านายเป็นคนที่ฉันประทับใจ แต่เป็นเพราะ สิ่งที่นายทำ�ต่างหาก ท่าทางของนาย คำ�พูดของนาย รอยยิ้มของนาย ทุกอย่างที่เป็นตัวนาย นั่นต่างหากล่ะที่ทำ�ให้ฉันมีความสุข” “. . . . . . .” “ชองยุ น โฮอาจไม่ ใ ช่ M ascotsที่ ก ระโดดเก็ บ ลู ก โป่ ง ให้ เ ด็ ก ไม่ใช่คนที่ทำ�ให้ฉันประทับใจจนเดินตามหาซะทั่วห้าง แต่ชองยุนโฮคือ คนที่เอากุหลาบมาให้ฉันต่อหน้าทุกๆคนในงานการ์ตูนประจำ�ปี นายชม คิมบับที่ฉันทำ�แล้วก็ทานมันจนหมด นายจูงมือพาฉันไปเล่นเครื่องเล่น ที่ฉันอยากเล่น นายทำ�ให้ฉันหัวเราะ ทำ�ให้ฉันมีความสุข ความสุข... ที่นายสร้างมันจากตัวของนายเอง” เสียงราบเรียบเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล จริงใจ ใบหน้าขาวแสดงความอ้อนวอน มือเล็กบีบกระชับมือใหญ่ ถ่ายทอดความรู้สึกในใจ “ฉันยังอธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกของฉันตอนนี้
มันคืออะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ดีแก่ใจ” “. . . . . . . .” “ชองยุนโฮ...ฉันอยากให้นายอยู่ข้างฉัน ต้องการให้นายอยู่ กับฉัน อยู่สร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขให้ฉันนับตั้งแต่นี้ไป....ได้ไหม?” ยุนโฮเบิกตามองแววตาวิงวอนของคนที่เขารัก หัวใจเต้น กระหน่ำ�รุนแรงสูบฉีดเลือดให้วิ่งพล่าน ความร้อนแผ่วทั่วใบหน้าฟ้องชัด ถึงความดีใจแทบกระโดดตัวลอย มือข้างนึงที่ไม่ได้ถูกกุมไว้ยกขึ้นปิด ใบหน้าด้วยความอาย ปากอิ่มยิ้มกว้างแล้วเอ่ยคำ�ตอบรับ “ได้..ได้เสมอ จนกว่านายจะพอใจเลย” เสียงทุ้มพูดกลั้วหัวเราะ ร่างหนาผุดลุกดึงร่างบอบบางเข้ามาสวมกอดแน่น เสียงปรบมือดัง พร้อมการผิวปากแซวจากลูกค้าและพนักงานที่รับหน้าที่เป็นพยานรับรู้ เหตุการณ์น่าประทับใจของสองเด็กหนุ่ม ทั้งสองแย้มยิ้มกว้างโค้งคำ�นับขอบคุณคนในร้าน แล้วสวมกอด กันแน่นอีกครั้งเหมือนทดแทนช่วงเวลาอ้างว้างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มือใหญ่ยกเกลี่ยไรผมสีดำ�ออกจากแก้มขาว ก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับ ปากอิ่มสวยของแจจุง เรียกเสียงตบมือเคล้าเสียงร้องแซวเกรียวกราว พร้อมทั้งเรียกรอยยิ้มกว้างจากร่างสูงที่แอบยืนดูอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม “สมหวังกันซักที เป็นไปตามแผนเลยแฮะ” เสียงทุ้มพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ชองยุนโฮ กับ คิมแจจุง...พวกเขาพบความรักที่แท้จริงแล้ว... ++++++++++++++++++++++++++
53
Epilogue
54
รักแรกพบมีอานุภาพมหาศาล อาจทำ�ให้คนบางคนกล้าที่จะเข้าไป ทำ�ความรู้จักกับคนๆนั้น กล้าที่จะตามหา กล้าที่จะบอกรัก ในชีวิตทั้งชีวิต คุณอาจมีรักแรกพบได้หลายครั้งหลายหน หัวใจอาจ เต้นระรัวได้กับคนหลายๆคน แต่สักกี่คนที่จะเป็นรักที่แท้จริง แบบที่เราต้องการ
คุ ณ จะได้ พ บรั ก ที่ ท รงอานุ ภ าพมหาศาลและได้ พ บกั บ คนๆนั้ น ...ที่เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างคุณ โชคดีนะครับ ชองยุนโฮ
คนที่เราจะรัก คนที่ทำ�ให้หัวใจเติมเต็มจนไม่ต้องการสิ่งใดมา เพิ่มเติม คนที่เหมาะสมกับเราอย่างแท้จริง คนที่ ส ลั ก เสลามาเพื่ อ เป็ น คนรั ก ของเรา...เหมื อ นชิ้ น ส่ ว นจิ๊ ก ซอว์ ชิ้นเดียวที่ทำ�ให้ภาพขาดหายกลายเป็นรูปภาพสมบูรณ์ได้ คุณอาจพบว่าคนๆนั้นเป็นรักแต่แรกพบ แต่รักแรกพบอาจไม่ใช่ คนที่คุณรักอย่างแท้จริงเสมอไป ผมได้เรียนรู้ว่า ความรักบังเกิด ได้ตั้งแต่แรกพบหน้า แต่รักแท้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเรียนรู้และยอมรับ ซึ่งกันและกัน แม้คนๆนั้นอาจไม่ใช่คนที่ทำ�ให้คุณใจเต้นแรงได้ตั้งแต่เห็นหน้าก็ตาม ผมคาดหวังว่า สักวัน....ในอนาคตอันไม่อาจคาดเดาได้ล่วงหน้าได้นี้
55